title
stringlengths
2
223
body
stringlengths
496
195k
summary
stringlengths
34
1.83k
type
stringlengths
4
98
tags
stringlengths
2
1.52k
url
stringlengths
27
112
ระทึก รถไฟแอมแทร็กชนประสานงา ดับทันที 2 ศพ เจ็บร่วม 70 คน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ก.พ. เกิดอุบัติเหตุรถไฟโดยสารของแอมเทร็ก พร้อมผู้โดยสาร 139 คนกับเจ้าหน้าที่อีก 8 คน ชนประสานงากับรถไฟขนสินค้าขบวนหนึ่ง ใกล้มืองโคลัมเบีย เมืองเอกของรัฐเซาท์ แคโรไลนา ส่งผลให้หัวรถจักรรวมทั้งตู้โดยสารหลายตู้ตกราง มีผู้เสียชีวิตทันที 2 ราย และมีผู้บาดเจ็บอีกกว่า 70 คน,ข่าวรายงานด้วยว่า เจ้าหน้าที่สำนักงานนายอำเภอท้องถิ่นเป็นผู้ยืนยันจำนวนผู้เสียชีวิตดังกล่าว และระบุว่า อุบัติเหตุเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 2:35น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ที่เมืองเคย์ซี นอกเมืองโคลัมเบีย หลังเกิดเหตุ หน่วยกู้ภัยและเจ้าหน้าที่สภากาชาดทำงานร่วมกัน และอพยพผู้โดยสารออกจากซากรถไฟได้ครบทุกคนแล้ว,ด้านโฆษกของสำนักงานจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินรัฐเซาท์แคโรไลนาบอกกับผู้สื่อข่าวว่า มีผู้บาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลกว่า 70 คน ด้วยอาการบาดเจ็บตั้งแต่รอยขีดข่วนไปจนถึงกระดูกหัก,ทั้งนี้ ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าในรถไฟขนสินค้าซึ่งเป็นของบริษัท ซีเอสเอ็กซ์ ผู้ให้บริการรถไฟในภาคตะวันออกของสหรัฐฯ มีผู้โดยสารจำนวนเท่าใด ขณะที่มีน้ำมันรั่วออกจากรถไฟสินค้าด้วยราว 5,000 แกลลอน แต่จ้าหน้าที่สำนักงานฉุกเฉินฯ ยืนยันว่า ไม่มีอันตรายต่อสาธารณะ,อนึ่ง นี่เป็นอุบัติเหตุทางที่เกี่ยวข้องกับรถไฟครั้งที่ 3 ที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ ในรอบ 3 เดือน โดยเมื่อ 4 วันก่อนเพิ่งเกิดเหตุขบวนรถไฟซึ่งสมาชิกสภานิติบัญญัติสหรัฐฯ โดยสาร ชนรถบรรทุกที่เมืองโครเซต รัฐเวอร์จิเนีย จนทำให้คนขับเสียชีวิต ก่อนหน้านั้นในเดือนธ.ค.2560 ที่เมืองซีแอตเติล รถไฟโดยสารตกสะพานขณะเข้าโค้ง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย
รถไฟโดยสารในสหรัฐฯ ชนประสานงากับรถไฟขนสินค้าจนตกราง ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย และบาดเจ็บกว่า 70 คน น้ำมันรั่วหลายพันแกลลอนด้วย
ข่าว,ต่างประเทศ
รถไฟชนกัน,ชนประสานงา,สหรัฐ,แอมแทร็ก,รถไฟขนสินค้า
https://www.thairath.co.th/news/foreign/1195357
โดนหรือไม่? แกะกล่อง ซัมซุง กาแลคซี่ S9 รีวิวชัดครบทุกมุม
แกะกล่องไอทีรอบนี้ IT by Choice วันนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ Samsung Galaxy S9 มือถือตัวท็อปรุ่นล่าสุดจากซัมซุง กับคุณสมบัติกันน้ำที่มาพร้อมเทคโนโลยีหลากหลาย…,เรียกว่ากระแสแรงตั้งแต่เปิดตัว สำหรับ กาแลคซี่ S9 ที่เพิ่งเผยโฉมให้พวกเราเห็นกันในงาน Mobile World Congress 2018 (MWC 2018) มหกรรมมือถือใหญ่ระดับโลกประจำปี 2018 ที่ปีนี้จัดขึ้น ณ เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน,IT by Choice, จึงจะขอพาทุกท่านไปยลโฉม Galaxy S9 แบบทุกซอกทุกมุมเผื่อว่าใครยังไม่ได้ชมดีไซน์สวยๆ ของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้อย่างใกล้ชิด หรืออยู่ระหว่างการตัดสินใจ จะได้รีบพุ่งตัวไปจับจองกันได้ทัน,ดีไซน์โค้งมน ไร้ขอบ แบบซัมซุงสไตล์,Galaxy S9 รุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอแบบ Super AMOLED ขนาด 5.8 นิ้ว ที่ให้สีสว่างชัด สดใสเป็นธรรมชาติ เช่นเดียวกับหน้าจอของกาแลคซี่ เอส8 พร้อมกับดิสเพลย์แบบไร้กรอบ (Infinity Display) ให้เห็นทั้งจอชัดเต็มตา ทั้งยังฝังปุ่มโฮมสามารถรับแรงกดได้หลายระดับใต้แผงกระจก Corning Gorilla Glass 5 แถมด้วยความคมชัดแบบ Quad HD+,ประสิทธิภาพแรง ,ด้วยชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core 64-bit Exynos 9810 ประกอบกับ หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB และหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 64GB พร้อมรองรับการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD สูงสุดที่ขนาด 400GB บนระบบปฏิบัติการ Android 8.0 Oreo ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหล ส่วนเรื่องแบตเตอรี่มาพร้อมความจุ 3000 mAh (ซึ่งถือเป็นความจุยอดฮิต) อีกทั้งยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วและชาร์จแบบไร้สายด้วย,กล้องแจ่ม เอาใจคนชอบแชะ,กล้องหลักโดดเด่นที่มีรูรับแสงคู่ (Dual Aperture F1.5 – F2.4) ที่จะปรับใช้รูรับแสงที่เหมาะสมกับสภาพแสง ทั้งในที่แสงมากและในที่แสงน้อยโดยอัตโนมัติเช่นเดียวกับสายตามนุษย์ บนความละเอียดกล้องที่ 12 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล,นอกจากนั้นยังมี เซนเซอร์ ซูเปอร์ สปีด ดูอัล พิกเซล (Super Speed Dual Pixel) ใช้ระบบประมวลผลประสิทธิภาพทรงพลังพิเศษ สามารถผนวกรวมภาพได้สูงสุด 12 เฟรมในการกดชัตเตอร์เพียงครั้งเดียว ภาพที่ได้จึงมีคุณภาพและความคมชัดสูงสุด ,ปลอดภัยทุกการใช้งาน,ผู้ใช้สามารถวางใจได้ เพราะใช้เทคโนโลยี ซัมซุง น็อกซ์ 3.1 (Knox 3.1) ผนวกกับระบบยืนยันตัวบุคคลผ่านเทคโนโลยีแบบไบโอแมทริกซ์ 3 รูปแบบ ได้แก่ 1. สแกนม่านตา (Iris Scan) 2. สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scan) และ 3. ระบบจดจำใบหน้า (Face Recognition) –ผู้ใช้งานจึงสามารถเลือกวิธีที่ดีที่สุดเพื่อป้องกันความปลอดภัยของอุปกรณ์และการใช้งานตัวเครื่อง สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ยังรองรับการสแกนอัจฉริยะ (Intelligent Scan) การยืนยันตัวตนรูปแบบใหม่ที่ผสมผสานความรัดกุมของเทคโนโลยีการสแกนม่านตาเข้ากับการจดจำใบหน้า,มีอะไรใหม่ที่น่าสนใจ,1. ไฮเทคขึ้นกับ เออาร์ อีโมจิ (AR Emoji),ให้ผู้ใช้สามารถสร้างอีโมจิบ่งบอกอารมณ์ที่มีรูปลักษณ์ เสียง และท่าทางเหมือนกับตัวเจ้าของสมาร์ทโฟน เพื่อสร้างตัวละครแบบสามมิติ (คล้ายกับ Avatar ส่วนตัวที่เราสามารถปรับเลือกทรงผม-เสื้อผ้าได้) นอกจากนั้นยังสามารถสร้างสติกเกอร์ ภาพเคลื่อนไหว ในไฟล์ฟอร์แม็ท AGIF มาตรฐาน จำนวน 18 ภาพ ซึ่งสามารถแชร์ให้เพื่อนๆทางแพลตฟอร์มแชตทั้งหลายได้,2.  ซูเปอร์ สโลว์-โม (Super Slow-mo),การถ่ายวิดีโอที่จับภาพเคลื่อนไหวแบบสโลว์สุดๆ ถึง 960 เฟรมต่อวินาที และหลังจากบันทึกวิดีโอแบบซูเปอร์ สโลว์-โม ผู้ใช้จะสามารถเลือกดนตรีแบ็กกราวนด์ได้ถึง 35 เพลง หรือจะเลือกใช้เสียงจากเพลย์ลิสต์สุดโปรดก็ได้,3. ไฮโซกว่าด้วยลำโพงสเตอริโอระดับพรีเมียม,ลำโพงคู่แบบสเตอริโอที่ปรับแต่งเสียงโดย AKG รองรับระบบ Dolby Atmos ดังนั้นไม่ว่าการเล่นเกมหรือดูภาพยนตร์ก็จะคมชัด และมีคุณภาพมากขึ้น,4. แปลภาษาทันทีด้วย Live Translation,ไปเที่ยวต่างประเทศอย่างไร้กังวล เพราะคุณสามารถใช้ฟีเจอร์ Live Translation ที่มากับตัวเครื่องในการช่วยแปลภาษา โดยไม่ต้องโหลดแอปฯ เสริม,5. ฉลาดกว่าเดิม,บิ๊กซ์บี้ (Bixby) ที่มากับเครื่องมีเทคโนโลยี AR ที่มีซอฟต์แวร์การเรียนรู้การใช้งานของผู้ใช้ อีกทั้งยังช่วยให้คุณเห็นสถานที่รอบๆ หรือคำนวนแคลอรี่อาหารที่คุณรับประทาน เพียงแค่เปิดกล้องหรือรูปภาพ แล้วใช้ Bixby Vision,สรุปต้องรู้,- ด้านการใช้งาน ถือว่าตอบสนองได้ไวมาก ไม่ว่าจะเป็นการเข้าแอปฯ เปลี่ยนแอปฯ รวมถึงการปลดล็อกเครื่องก็ไว,- ดีไซน์อาจไม่เปลี่ยนจากรุ่นก่อนหน้ามากนัก นี่จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ไม่ว้าว แต่ก็ยังสวยทั้งไม่ว่าจะด้านหน้าหรือด้านหลัง แต่ก็จะเห็นรอยนิ้วมือค่อนข้างชัดเจน เนื่องจากวัสดุหลังนั้นเป็นแบบมันวาว,- ราคาเปิดตัวก็ถือว่าแรงไม่ใช่เล่น แต่ปัจจุบันโอเปอเรเตอร์ทั้ง 3 ค่าย พยายามทำโปรโมชั่นลดราคาพิเศษ ซึ่งต้องจับตามองกันดีๆ เพราะถ้าซื้อพร้อมโปรโมชั่นหรือเลือกแพ็กเกจที่คุณใช้งานอยู่แล้วก็จะช่วยประหยัดไปได้พอสมควร,- เรื่องการถ่ายภาพ ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมตามแบบฉบับของซัมซุงอยู่แล้ว ,ซัมซุง กาแลคซี่ เอส 9, มีให้เลือก, 3 สี, ได้แก่ สีดำ Midnight Black, สีฟ้า Coral Blue และเฉดสีใหม่ล่าสุด สีม่วง Lilac Purple โดยรุ่น กาแลคซี่ เอส 9 มาในความจุขนาด 64GB วางจำหน่ายที่ราคา,เครื่องละ 27,900 บาท,ไปชมภาพส่วนหนึ่งจากสมาร์ทโฟนรุ่นนี้กัน
เชื่อว่าหลายคนคงกำลังชั่งใจว่าจะซื้อ Galaxy S9 สมาร์ทโฟนตัวใหม่นี้ดีหรือไม่ เรารีวิวครบทุกคุณสมบัติที่คุณอยากรู้มาให้แล้ว ตามอ่านด้านล่างนี้ได้เลย
ข่าว,ไอที
แกะกล่องไอที,IT by Choice,มือถือ,รีวิว Galaxy S9,Samsung Galaxy S9
https://www.thairath.co.th/news/tech/1222023
50 ร้านค้าปลีกร่วมมาตรการ ช็อปช่วยชาติ
หลังจากที่รัฐบาลออกมาตรการช็อปช่วยชาติ ระหว่างวันที่ 11 พ.ย. - 3 ธ.ค.นี้ ให้ประชาชนใช้สิทธิไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ตามจำนวนที่ใช้จ่ายจริง แต่สูงสุดไม่เกิน 15000 บาท โดยต้องเป็นการซื้อสินค้าและบริการในประเทศเท่านั้น ยกเว้นสินค้าและบริการบางประเภท เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เรือ น้ำมัน และก๊าซเติมยานพาหนะ ส่วนบริการไม่รวมค่าที่พักโรงแรมและค่าบริการนำเที่ยวผู้ประกอบการร้านค้าปลีกหลายแห่งเริ่มจัดกิจกรรมทางการตลาด อย่างเช่น มหกรรมลดราคาปลายปี และจุดอำนวยความสะดวกลูกค้าในการออกใบกำกับภาษีเพิ่มมากขึ้นกลุ่มซีพีเอ็น มองว่า นโยบายช็อปช่วยชาติจะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายช่วงปลายปี และยอดขายของร้านค้าภายในศูนย์ฯ ได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้เกิดบรรยากาศการจับจ่ายที่คึกคัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งปีนี้มีการขยายระยะเวลาเพิ่มเป็น 23 วัน มั่นใจว่าจะมีการใช้บริการเพิ่มขึ้น ประมาณร้อยละ 30 จัดแคมเปญและกิจกรรมการตลาดขณะที่ ห้างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ คาดว่าปีนี้ยอดขายน่าจะเพิ่มระหว่างการทำแคมเปญประมาณร้อยละ 30 เนื่องจากรัฐบาลออกแคมเปญเร็วขึ้น จัดสินค้าที่ตรงความต้องการของลูกค้า และเตรียมเพิ่มเครื่องออกบิลและแยกจุดบริการ นอกจากนี้ พร้อมทำโปรโมชั่นให้คะแนนพิเศษแก่ลูกค้าสมาชิกที่มาช็อป รับคะแนนตามเงื่อนไขที่กำหนดบริษัทเทสโก้ โลตัส กล่าวว่า จัดการลดราคาปลายปี ขานรับมาตรการช็อปช่วยชาติ และกิจกรรมตามเงื่อนไขที่กำหนดของแคมเปญ ลูกค้าสามารถขอใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบได้เช่นกันเมื่อซื้อสินค้าออนไลน์นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวว่า มาตรการช็อปช่วยชาติเป็นผลดีทั้งต่อร้านอาหารภัตตาคารอย่างมาก ทั้งการผลักดันให้ผู้ประกอบการร้านอาหารไปจดทะเบียนเข้าสู่ระบบภาษีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น จากความต้องการใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบของลูกค้านายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินว่ามาตรการช็อปช่วยชาติจะทำให้มีเงินสะพัด 15000 - 20000 ล้านบาท เมื่อรวมกับการใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอีกราว 5000 ล้านบาท คาดว่าโดยรวมจะมีเงินสะพัดกว่า 25000 ล้านบาทขณะที่ นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า มาตรการช็อปช่วยชาติน่าจะเป็นผลดี ช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่เติบโตแบบกระจุกตัว เพราะจะช่วยกระจายกำลังซื้อไปสู่เศรษฐกิจรากฐานได้มากขึ้น
ผู้ประกอบการห้างค้าปลีก ขานรับมาตรการช็อปช่วยชาติ พร้อมจัดมหกรรมลดราคาสินค้า เพื่อกระตุ้นบรรยากาศการซื้อขายในช่วงปลายปี
เศรษฐกิจ
ช็อปช่วยชาติ,ลดหย่อนภาษี,ร้านค้าปลีก,ThaiPBSnews,ข่าวไทยพีบีเอส,ไทยพีบีเอส
https://news.thaipbs.or.th/content/267694
มีชัยโต้เบอร์ส.ส.มั่ว หวังสกัด เสาโทรเลข-คนรถ
แจงป้องกันการซื้อเสียง พท.จวกทําพรรคอ่อนแอ จี้นายกฯให้สอบข้าวเสื่อม,มีชัย ออกโรงแจงแยกเบอร์ผู้สมัคร ส.ส.รายเขต มุ่งขจัดซื้อเสียง ส่งเสาโทรเลข-คนขับรถลง ส.ส. พร้อมกระตุ้นประชาชนขวนขวายทำความรู้จักผู้สมัคร เชื่อ กกต.ช่วยทำความเข้าใจได้ พท.ตามสับทำยุ่งยาก ส่อขัด รธน. จวกมีอคติจ้องทำพรรคการเมืองอ่อนแอ อภิสิทธิ์ ชงเลิกเบอร์ ใช้ชื่อผู้สมัคร-โลโก้พรรค แบบประเทศพัฒนาแล้ว สมชัย เหน็บแค่นึกภาพก็อลเวงแล้ว ชี้โอกาสผิดพลาด-คนไม่ยอมรับผลสูง สดศรี แฉเกมเตะตัดขาพรรคใหญ่ ทำคนสับสนคะแนนหกเรี่ยราด พธม.แทงหนังสือจี้ ป.ป.ช.อุทธรณ์คดีสลายชุมนุม โต้ บิ๊กตู่ อย่าวิตกจริต พธม.เคลื่อนไหว ด้าน ยิ่งลักษณ์ ควงลูกชายกราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านเกิด คนแห่ให้กำลังใจ พท.จี้นายกฯสอบเวียนเทียนข้าวเสื่อม พร้อมแฉขนไปขายแอฟริกา,ทันทีที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเริ่มพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งเป็นฉบับสำคัญเกี่ยวกับการเลือกตั้ง โดยระบุจะให้ผู้สมัคร ส.ส.แต่ละเขตมีเบอร์เลือกตั้งไม่เหมือนกัน ต่างจากเดิมที่เป็นเบอร์เดียวกันทั้งประเทศ ก็มีเสียงคัดค้านกระหึ่มจากฟากฝั่งพรรคการเมือง ระบุเป็นการสร้างความสับสน ทั้งยังไม่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาซื้อเสียง,เมื่อวันที่ 7 ส.ค. เวลา 13.45 น. ที่รัฐสภา นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงเสียงวิจารณ์ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. เรื่องการแยกเบอร์ผู้สมัคร ส.ส.รายเขตว่า มีทั้งผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ใครมีความเห็นต่าง มีเหตุผล กรธ.พร้อมรับฟัง ความมุ่งหมายของ กรธ.คือต้องการให้การเลือกตั้งแต่ละเขตต้องดูคน สอดคล้องกับการกำหนดคุณสมบัติ ส.ส.ให้เข้มข้น เพื่อป้องกันการซื้อเสียงที่หว่านกันทั้งประเทศ ไม่ให้เกิดคำพูดว่าเอาเสาโทรเลข เอาคนขับรถลงก็ได้อีกต่อไป ประชาชนจะได้เรียนรู้ทำความรู้จักผู้สมัครในเขตของตน ส.ส.ก็จะได้ไม่ต้องเป็นบริวารให้พรรคการเมือง ทำตามคำสั่งอย่างเดียว เสียงที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้มีแต่พูดถึงเรื่องความเคยชิน แต่การปฏิรูปใช้ความเคยชินไม่ได้ หากกลับไปใช้เบอร์เดียวทุกอย่างก็จะเหมือนเดิม เลือกกันโดยไม่รู้ว่าเลือกใคร ตอนนี้เนื้อหายังไม่นิ่ง ก็อาจทำให้สับสนกันบ้าง แต่เชื่อว่าเมื่อนิ่งแล้ว กกต.จะช่วยทำความเข้าใจกับประชาชนได้,จะไปดูถูกประชาชนไม่ได้ การเลือกตั้งคนในเขต เขาสามารถเห็นป้ายผู้สมัคร จำหน้า จำชื่อผู้สมัครในพื้นที่ได้ทั้งเช้าค่ำ หน้าคูหาวันเลือกตั้งก็มี ผู้คนเปลี่ยนไปเยอะแล้ว ไม่ใช่ 30-40 ปีที่แล้วที่อ่านหนังสือกันไม่ออก การเลือกตั้งต้องรู้ว่าไปเลือกใคร ต้องขวนขวายที่จะดูว่า ใครเป็นผู้สมัครในเขตของตน นายมีชัยกล่าว,นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณี กรธ.จะยกเลิกการใช้เบอร์เดียวกันทั้งประเทศ อ้างว่าระบบเลือกตั้งใหม่มีบัตรใบเดียว ไม่มีบัตรพรรคเหมือนก่อนนั้น ต้องอย่าลืมว่าแม้จะมีบัตรลงคะแนนแบบเขตเพียงใบเดียว แต่ก็นำคะแนนดังกล่าวไปคิดคะแนนบัญชีรายชื่อหรือคะแนนพรรคด้วย ที่น่าวิตกคือผู้สมัครในจังหวัดที่มีหลายเขต ผู้สมัครแต่ละเขตอาจได้หมายเลขไม่ตรงกัน แทนที่จะเป็นเบอร์เดียวกันเหมือนเดิม จึงคิดว่าจะสร้างความสับสนยุ่งยากแก่ประชาชน,ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งมากกว่า เพราะจะต้องจำทั้งหน้า ทั้งเบอร์ผู้สมัคร ระบบใหม่ที่เสนอจึงสร้างความสับสนวุ่นวาย อธิบายยาก ที่น่าคิดคือจะขัดต่อเจตนารมณ์ตามรัฐธรรมนูญที่ให้มี ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อหรือไม่,นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่มีสมาชิกพรรคการเมืองบางพรรคให้ความเห็นว่า การที่ กรธ.จะยกเลิกการใช้เบอร์เดียวกันทั้งประเทศ จะแก้ปัญหาการส่งเสาไฟฟ้าลงสมัครนั้น ไม่เชื่อว่าจะมีพรรคการเมืองใดโง่ที่จะทำเช่นนั้น แต่พรรคการเมืองต้องเฟ้นหาตัวแทนของตัวเองอย่างสุดกำลังความสามารถ เพื่อให้ได้ประเภท ดี เด่น ดัง และยังมีระบบไพรมารีโหวตเข้ามาช่วยคัดกรองอีก ส่วนข้ออ้างเพื่อป้องกันการซื้อเสียง ก็ไม่น่าจะถูกต้อง เพราะถ้าคนจ้องจะซื้อเสียง เบอร์อะไรก็ซื้อเสียงได้ กรธ.ต้องมั่นใจในรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง อย่ามีความเชื่อตั้งต้นว่าพรรคการเมือง ผู้สมัคร นักการเมืองทุกคนต้องโกง คนที่ไม่โกง ไม่ทุจริต ในระบบเลือกตั้งก็มีจำนวนมาก ดังนั้น จึงไม่ควรออกกติกาที่สร้างความยุ่งยาก สับสน จนระบบรวน และตนยังไม่เห็นข้อดีของการยกเลิกใช้เบอร์เดียวกันทั้งประเทศ เว้นแต่ กรธ. มีวัตถุประสงค์อื่นที่ยังไม่ได้บอกประชาชนหรือไม่ ตนไม่อยากให้ กรธ.ถูกมองว่าพยายามสร้างความอ่อนแอให้กับระบบพรรคการเมือง,นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ อดีต ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาระบบการเลือกตั้งกำหนดให้ใช้หมายเลขผู้สมัครแต่ละเขตเป็นเบอร์เดียวกับพรรคที่สังกัด เพื่อลดความสับสนของประชาชนในการหาเสียง และแก้ปัญหาบัตรเสีย เพราะประชาชนจะเลือกใครเขาให้น้ำหนักที่นโยบายของพรรคการเมือง เรื่องเบอร์ผู้สมัครอาจดูเป็นเรื่องเล็ก แต่ความจริงคือเรื่องใหญ่มาก และยิ่งกำหนดให้กาบัตรใบเดียวแล้วนำคะแนนเขตไปคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ยิ่งสะท้อนความพยายามเข้ามาจัดระเบียบ การเลือกตั้งที่ไม่ตอบโจทย์ เพราะถึงอย่างไร ประชาชนก็พิจารณาจากตัวผู้สมัครและพรรคอยู่แล้ว การพยายามทำให้วิธีการเลือกตั้งซับซ้อน เหมือนมีอคติอะไรบางอย่างต่อนักการเมือง อยากให้ทำไปตามธรรมชาติที่ควรจะเป็น ควรจะอำนวยความสะดวกให้ราบรื่น มากกว่าการสร้างภาระของทุกฝ่าย การ ทำแบบนี้ประชาชนมีแต่จะงงมากขึ้น ถ้าจะบอกว่าต้องการแก้การซื้อเสียง มันไม่ได้แก้ที่การกำหนดหมายเลข ถ้าคนมันจะโกงมันก็มีวิธีอีกเยอะ,นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และอดีตนายกฯ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการต้องถาม ทางสถานีโทรทัศน์ฟ้าวันใหม่ กรณีคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กำหนดหมายเลขประจำตัวผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคการเมืองพรรคเดียวกันแต่ละเขตต่างกันว่า ไม่ถึงกับเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย เขากำหนดกฎออกมาก็ต้องปฏิบัติ แต่ตนอยากเห็นผู้สมัครแบบไม่มีเบอร์ เพราะการมีเบอร์ทำให้ซื้อเสียงง่ายขึ้น เนื่องจากต้องไปซื้อเสียงกับผู้ที่ไม่สนใจการเมืองนัก ถ้าบอกเพียงเบอร์ก็จะทำให้เขาจำง่าย แต่แบบไม่มีเบอร์ต้องระบุชื่อ นามสกุล และพรรคการเมือง คนขายเสียงก็ต้องตั้งใจจำเหมือนกัน ถ้าสังเกตประเทศที่พัฒนาแล้วจะไม่ค่อยใช้เบอร์ สำหรับการใช้เบอร์เดียวกันจะกลายเป็นการให้น้ำหนักกับพรรค เพราะทุกเขตเบอร์เดียวกันหมด และคนอาจไม่สนใจตัวผู้สมัคร แต่ถ้ากำหนดให้หมายเลขผู้สมัครคนละเบอร์ จะเป็นการให้ความสำคัญกับตัวผู้สมัคร ไม่ให้น้ำหนักพรรค แต่ก็ไม่ตรงตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญเช่นกัน ดังนั้น วิธีเดียวที่จะให้ตรงตามเจตนารมณ์ คือ ทำแบบต่างประเทศ โดยพิมพ์ชื่อและโลโก้ หรือชื่อพรรคการเมืองในบัตรเลือกตั้ง ส่วนคนที่อ่านหนังสือไม่ค่อยถนัดและต้องยึดตัวเลข จะเป็นปัญหากับวิธีที่เสนอหรือไม่ คิดว่าการพิมพ์โลโก้พรรคลงในบัตรเลือกตั้งจะช่วยลดปัญหาได้,นายวิรัช ร่มเย็น กรรมการบริหารพรรคและอดีต ส.ส.ระนอง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การออกแบบของ กรธ.อาจทำให้ประชาชนสับสน โดยเฉพาะจังหวัดที่มีหลายเขตเลือกตั้ง เช่น กทม.ที่มี 30 เขตเลือกตั้ง กรธ.ควรยุติความสับสนในการวางกติกาต่อสังคม โดยอาจกำหนดให้หัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรคเป็นตัวแทนของผู้สมัคร ส.ส.เขตทั้งประเทศ ให้เป็นผู้จับหมายเลข หากได้หมายเลขใด ก็ให้ผู้สมัคร ส.ส.ระบบเขตของพรรค การเมืองนั้นๆ ใช้หมายเลขนั้นเป็นเบอร์ประจำตัว ทั้งประเทศ แต่อย่าระบุว่า เป็นเบอร์ประจำพรรค เพราะกติกาใหม่ที่ กรธ.กำหนดนั้น พรรคการเมืองทุกพรรคไม่มีหมายเลขประจำพรรค,นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรคชาติพัตนา กล่าวว่า ระบบดังกล่าวอาจจะทำให้ประชาชนสับสนในการกาหมายเลข ขณะเดียวกันพรรคการเมืองจะยากลำบากในการลงพื้นที่หาเสียง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความต้องการและวัตถุประสงค์ต่อระบบการเลือกตั้ง ว่าอยากให้มีความสำคัญต่อตัวบุคคล หรือให้ความสำคัญต่อพรรคการเมือง อยากให้ระบบพรรคเข้มแข็ง หรือบุคคลเข้มแข็ง แต่ระบบการเลือกตั้งที่ดีควรเป็นระบบที่ง่ายต่อประชาชน เป็นกลไกที่ดีที่จะช่วยส่งเสริมให้ประชาชนอยากออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง และเป็นกลไกให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันที่สะท้อนเจตนารมณ์ที่ดีต่อประเทศ ซึ่งถ้าเป็นเบอร์เดียวกันน่าจะดีกว่า ประชาชนจะไม่สับสน,นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารกลาง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า วันรพี น่าจะเป็นวันที่เห็นการพัฒนาของกฎหมายในทางที่ดี แต่กลับเจอข่าวที่สะท้อนถึงความล้าหลังในกระบวนการคิดออกกฎหมายลูก ล่าสุดคือ แนวคิดของ กรธ.ที่ให้ผู้สมัครแต่ละพรรคการเมืองไปจับสลากหมายเลขของแต่ละเขตเอง แค่คิดก็สับสนแล้ว กรุงเทพมหานคร มี 30 เขต โคราช มี 14 เขต ประชาชนที่นั่งรถข้ามเขตปกครองกันไปมา คงเห็นหมายเลขและหน้าผู้สมัครของแต่ละพรรคสับสนวุ่นวายกันไปหมด กกต.ในแต่ละจังหวัดต้องเพิ่มภาระในทางธุรการที่ให้ผู้สมัครมาเจอกันเพื่อจับสลาก หากถูกปิดล้อมสักที่ จนเลยเวลารับสมัคร ก็จะเป็นเหตุให้เลือกตั้งเป็นโมฆะอีก การรวมคะแนนทั้งประเทศของพรรค คงเขียนโปรแกรมอย่างสนุกสนาน เพราะต้องเอาคะแนนเบอร์โน้นของเขตนี้ มารวมคะแนน เบอร์นี้ของเขตโน้น การกำกับตรวจสอบเพื่อดูถึงความ ถูกต้องเป็นไปได้ยาก โอกาสผิดพลาด โอกาสถูกฟ้องร้อง โอกาสที่ประชาชนจะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งก็สูงขึ้น บอกอยากให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง แต่กลัวคนเลือกเบอร์ของพรรคการเมือง เช่นเดียวกับบอกว่า ต้องการคนที่มีคุณสมบัติสูงมาเป็นองค์กรอิสระ แต่องค์กรหนึ่งเซ็ตซีโร่ อีกองค์กรหนึ่งให้อยู่ต่อไปจนครบวาระ เพื่อนที่เป็นแพทย์คนหนึ่งบอกผมว่า เป็นอาการไบโพลาร์ทางการเมืองครับ,นางสดศรี สัตยธรรม อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า วิธีนี้จะทำให้พรรคการเมืองกลายเป็นเบี้ยหัวแตก หากประชาชนจะเลือกพรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคเพื่อไทย ก็จะจำไม่ได้ว่า ส.ส.เขตคือเบอร์อะไร เพราะแต่ละเขตเบอร์ไม่เหมือนกัน ต่อไปพรรค การเมืองไม่สามารถจับกลุ่มกันได้ พรรคใดพรรคหนึ่งจะไม่สามารถครองเสียงข้างมากในสภาได้ เป็นเจตนารมณ์ของ กรธ.ถือเป็นวิธีที่แยบยล จะทำให้เกิดความวุ่นวายไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้เพียงพรรคเดียว ถือว่าตรงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญปี 60 คะแนน ส.ส.ที่ได้มานั้นจะมาจากการสับสนเข้าใจผิด ประเทศเราไม่เคยใช้เช่นนี้มาก่อน เชื่อว่าประเด็นนี้พรรคการเมืองส่วนใหญ่คงไม่เห็นด้วย และอาจจะแก้เกมด้วยการให้หัวคะแนนแต่ละพรรคแจ้งเบอร์แจ้งชื่อกับประชาชนจดไว้ใส่ในมือ เพื่อเข้าไปกาในคูหา และก็จะทำให้เกิดความวุ่นวาย เชื่อว่า กกต.คงจะไม่ยอม ต่อไปก่อนเข้าคูหาคงต้องตรวจดูมือกันแทบทุกคน,นางสดศรียังกล่าวถึงกรณีที่ กรธ.พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ โดยยืนยันหลักการเดิมให้คงองค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดปัจจุบัน และให้คณะ กรรมการสรรหาเป็นผู้พิจารณาถึงคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญว่า ในเมื่อ กรธ.มีหลักการที่จะเซ็ตซีโร่ กกต.แล้ว ก็ต้องยึดหลักการเช่นนี้เหมือนกันทุกองค์กร อย่าทำให้ถูกมองว่าเลือกปฏิบัติ ยังหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไม กกต.ถึงถูกเซ็ตซีโร่ และยกเว้นผู้ตรวจการแผ่นดิน ศาลรัฐธรรมนูญไว้ หากเซ็ตซีโร่ กกต. ก็ต้องเซ็ตซีโร่ทุกองค์กรเช่นกันไม่ควรมีข้อยกเว้น กฎหมายใดที่เขียนขึ้นมาโดยไม่มีความเท่าเทียมกฎหมายนั้นจะอยู่ได้ไม่นาน เรื่องนี้เป็นปัญหา ศาลรัฐธรรมนูญควรลาออกทั้งหมด ไม่ต้องติดยึดกับตำแหน่ง เพื่อทำให้เกิดบรรทัดฐานเดียวกัน,ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงกรณี กรธ.เห็นชอบหลักการให้เลือกตั้ง ส.ว.ทางอ้อมจาก 20 กลุ่มสาขา ว่า หลักเกณฑ์การเลือกไขว้ ส.ว.มีระบุอยู่แล้วในรัฐธรรมนูญ 2560 พูดกันมาตั้งแต่ก่อนทำประชามติ ไม่ใช่สิ่งใหม่ที่เพิ่งคิดในตอนนี้ ในบทเฉพาะกาลไม่ได้กำหนดว่าให้เลือกทันทีทั้ง 250 คน แต่ให้แบ่งเป็นสองประเภทสำหรับ 5 ปีแรก คือ ให้กรรมการ 9 คนไปสรรหามาจำนวนหนึ่งเพื่อเสนอให้ คสช.คัดเลือกเหลือ 200 คน โดยไม่นับรวม ผบ.เหล่าทัพที่มาโดยตำแหน่ง 6 คน ส่วนอีก 50 คน กรธ.ตัดสินใจจะให้เลือกไขว้ เมื่อได้บุคคลมาจำนวนหนึ่งจึงให้เสนอ คสช.เลือกเหลือ 50 คน ดังนั้นยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่พูดกันมาก่อนทำประชามติรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน,วันเดียวกัน เมื่อเวลา 11.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายวีระ สมความคิด อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผ่านนายธรรมนูญ เรืองดิษฐ์ รองเลขาธิการ ป.ป.ช. ให้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ภายหลังมีคำพิพากษายกฟ้องคดีที่ ป.ป.ช.เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ ที่หน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ต.ค.51 โดยมิชอบ โดยนายวีระกล่าวว่า มั่นใจว่ามีพยานหลักฐานและเหตุผลที่มีน้ำหนักเพียงพอให้ ป.ป.ช.ยื่นอุทธรณ์ หลักฐานที่เตรียมมา ป.ป.ช.แทบไม่ต้องไปหาอะไรเพิ่มเติม ประกอบด้วยคำพิพากษาศาลปกครองกลาง รายงานการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเจ้าหน้าที่ใช้แก๊สน้ำตาสลายกลุ่มผู้ชุมนุมของคณะกรรมาธิการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริต และการเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา หลังจากนี้หากกลุ่มพันธมิตรฯได้คำพิพากษากลางและคำพิพากษาส่วนตัวแล้ว จะนำไปศึกษาและยื่นให้ ป.ป.ช.ทันที อย่างไรก็ตามหากในที่สุด ป.ป.ช.ไม่ยื่นอุทธรณ์ กลุ่มพันธมิตรฯจะเดินหน้าต่อในทุกช่องทางตามที่กฎหมายมี เพื่อทำให้เรื่องนี้เกิดความถูกต้องเป็นธรรม,ผู้สื่อข่าวถามว่า เชื่อมั่นในความเป็นกลางของ ป.ป.ช.ชุดนี้หรือไม่ นายวีระตอบว่า ให้สังคมพิจารณาเอง สังคมรู้ดีว่าเป็นกลางหรือไม่ การกระทำมันฟ้องอยู่ในตัว ส่วนกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. แสดงความกังวลการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายนั้น ยืนยันว่า กลุ่มพันธมิตรฯไม่ได้มาชุมนุมหรือชักชวนใครมา แต่มาอย่างสงบ ถ้าการที่ประชาชนใช้สิทธิเพราะรักชาติเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แล้วการที่ คสช.เคยฉีกรัฐธรรมนูญผิดหรือไม่ แต่ไม่มีโทษ เพราะได้รับการนิรโทษกรรม แต่กลุ่มพันธมิตรฯไม่ได้รับนิรโทษกรรม จึงต้องสู้ตามกระบวนการยุติธรรม ขอให้ คสช.กังวลเรื่องตัวเองดีกว่า อย่ามาวิตกแทนประชาชน,นายธรรมนูญ เรืองดิษฐ์ รองเลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ป.ป.ช.กำลังประสานขอคำพิพากษากลางและคำพิพากษาส่วนตัวขององค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาฯมาประกอบการพิจารณาการขอยื่นอุทธรณ์อยู่ ป.ป.ช.ต้องพิจารณาทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย แต่พร้อมรับฟังข้อเสนอของกลุ่มพันธมิตรฯมาพิจารณา,ด้านนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณายื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯว่า ขณะนี้สำนักคดี สำนักงาน ป.ป.ช. ประสานเป็นการภายใน เพื่อขอคำพิพากษาส่วนกลางและคำวินิจฉัยส่วนตัวในคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯหน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ต.ค.51 จากศาลฎีกาฯแล้ว เพราะ ป.ป.ช.มีระยะเวลาเพียง 30 วันเท่านั้น เพื่อให้สำนักคดีและทนายความที่ ป.ป.ช.จ้างให้เป็นทนายความในคดีนี้นำคำพิพากษาไปวิเคราะห์ แล้วส่งกลับมาให้ที่ประชุม ป.ป.ช.พิจารณาว่าจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างรอ แต่ยืนยันว่าจะพิจารณาเสร็จทันภายในระยะเวลา 30 วันแน่นอน,ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย พร้อมทนายความเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท.ภายหลังโพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัวเรื่อง นักเลงกุ๊ย อันธพาล โดยนายวัฒนากล่าวว่า ได้ยินข่าวพนักงานสอบสวน บก.ปอท.จะไปขอให้ศาลออกหมายจับตน เนื่องจากมีคนไปแจ้งความว่าข้อความที่ตนโพสต์มีลักษณะยุยง ทำให้เกิดความปั่นป่วน อันเป็นความผิดข้อหานำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ มาตรา 14 ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จึงมาเพื่อสอบถามและมอบตัว และลงบันทึกประจำวัน หากมีการดำเนินคดีกับตนขอให้ทำตามขั้นตอนกฎหมาย คือโทร.แจ้งหรือส่งหมายเรียกไปที่บ้าน เพราะมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง อย่าใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบออกหมายจับกันเลย,ผมได้ถ่ายเอกสารพร้อมแนบสำเนาที่อยู่เบอร์โทรศัพท์ฝากไปถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. พล.ต.ต.ศุภเศรษฐ์ โชคชัย ผบก.ปอท. และ พ.ต.อ.โอราฬ สุขเกษม ผกก.3 บก.ปอท. หากพบว่ามีการออกหมายจับก่อน จะดำเนินคดีกับตำรวจที่ออกหมายจับ ขณะนี้มองได้ว่า คสช.ใช้กฎหมายกลั่นแกล้งโดยเริ่มจากตนเอง ต่อมาก็นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน โดยใช้ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ในการปิดปากแสดงความคิดเห็น ทำให้เห็นว่า,คสช.กลัวไปทุกเรื่องเปรียบเหมือนมะเร็งระยะสุดท้าย หรือใกล้หมดอำนาจที่ต้องใช้กฎหมายกลั่นแกล้ง นายวัฒนากล่าว,ด้านความเคลื่อนไหว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังแถลงปิดคดีโครงการรับจำนำข้าวต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และศาลฎีกาฯ นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 25 ส.ค.นั้น เมื่อวันที่ 7 ส.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์พร้อมด้วยบุตรชาย นายศุภเสกข์ อมรฉัตร ได้เดินทางกลับบ้านเกิดที่ จ.เชียงใหม่ เพื่อสักการะพระบรมธาตุดอยสุเทพ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง พร้อมสักการะครูบาศรีวิชัย เพื่อขอพรและเพื่อความเป็นสิริมงคล น.ส.ยิ่งลักษณ์พร้อม,บุตรชายยังได้เดินทางไปยังวัดโรงธรรมสามัคคี อ.สันกำแพง เพื่อไหว้อัฐิบรรพบุรุษ ก่อนเดินทางกลับ กทม.ได้แวะซื้อของฝากที่ตลาดวโรรส โดยบรรดาพ่อค้าแม่ค้า ประชาชน และนักท่องเที่ยว ที่เดินซื้อของในตลาด ต่างเดินเข้ามาขอจับมือ สวมกอด พร้อมให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขอให้โชคดี,วันเดียวกัน ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร อดีต รมช.เกษตรฯ ในฐานะประธานคณะทำงานตรวจสอบการระบายข้าวของภาครัฐ พรรค เพื่อไทย พร้อมด้วยนายสุรสาล ผาสุข อดีต ส.ส.สิงห์บุรี พรรคเพื่อไทย และนายสุชาติ ลายน้ำเงิน อดีต ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงข่าวกรณีการระบายข้าวของรัฐที่ไม่ใช่คนบริโภค พร้อมเปิดคลิปการขนย้ายข้าวที่ประมูลได้จากบริษัทแห่งหนึ่งใน อ.เมืองกำแพงเพชร ไปยังบริษัทแห่งหนึ่งใน อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร โดยนายยุทธพงศ์กล่าวว่า ขอตั้งข้อสังเกตว่าข้าวดังกล่าวส่อว่าจะถูกนำไปเวียนขายในตลาดสำหรับการบริโภคของคนหรือไม่ เพื่อความชัดเจนขอให้กระทรวงพาณิชย์นำภาพจากกล้องวงจรปิดออกมาเปิดเผยว่า ข้าวที่ประมูลได้ไปดำเนินการถูกต้องตามวัตถุประสงค์หรือไม่ ขณะเดียวกันขอถามไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.ว่าเมื่อเห็นความไม่โปร่งใสแล้วจะจัดการเรื่องดังกล่าวอย่างไร และขอเรียกร้องไปยังบริษัทแห่งหนึ่งใน อ.เมืองกำแพงเพชร ให้เปิดโรงงานเพื่อแสดงข้าวที่สามารถประมูลได้ ให้สื่อมวลชนเข้าไปตรวจสอบว่าไม่ได้นำไปดำเนินการอย่างอื่น และยังอยู่ครบถ้วน,นายสุรสาลกล่าวว่า จากหลักฐานดังกล่าวจะพบว่าการดำเนินการดังกล่าวอาจเข้าข่ายผิดเงื่อนไขสัญญาที่บริษัทได้ทำกับภาครัฐ โดยเฉพาะสัญญาที่ระบุว่าผู้ซื้อจะต้องนำข้าวสารตามสัญญาเข้าสู่ระบบอุตสาหกรรม โดยจัดทำแปรรูปหรือทำเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่เท่านั้น และจะต้องไม่นำข้าวสารดังกล่าวเข้าสู่ระบบการตลาดและการค้าปกติเพื่อการบริโภคทุกรูปแบบ ที่สำคัญผู้ซื้อต้องยินยอมให้ผู้ขายทําการติดกล้องวงจรปิด เพื่อให้ผู้ขายสามารถบันทึกภาพความเคลื่อนไหวของการขนย้ายการเก็บสินค้าและการนำเข้าสู่กระบวนการผลิตภายในโรงงานอุตสาหกรรมได้อย่างชัดเจน ดังนั้น ผู้ซื้อจะไม่สามารถนำข้าวสารไปขายต่อให้โรงสีหรือท่าข้าวอื่นๆ หรือโรงงานอื่นๆในเครือได้ เพราะไม่ใช่คู่สัญญากับผู้ขายคือรัฐบาล,นายสุชาติกล่าวว่า จากข้อมูลที่ได้รับพบการนำข้าวที่ประมูลในราคาอาหารสัตว์ไปปรับปรุงคุณภาพเข้าสู่ตลาดข้าวจริง จึงต้องเรียกร้องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ โดยเฉพาะสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และนายกฯ นอกจากนี้ยังพบด้วยว่าข้าวที่ผ่านการประมูลบางส่วนถูกนำออกไปจำหน่ายในตลาดแถบแอฟริกา สร้างความเสียหายให้กับประเทศเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกัน ทราบว่าที่ อ.หนองม่วง จ.ลพบุรี มีความไม่ชอบมาพากลขนย้ายข้าวในเวลากลางคืน จึงนำข้อมูลดังกล่าวไปร้องเรียนต่อ สตง. แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า,ด้านความเคลื่อนไหว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) วันเดียวกัน เมื่อเวลา 10.00 น. ที่อาคารศูนย์การเรียนรู้การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต.มหาพรหมณ์ อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการประชารัฐร่วมใจปลูกต้นไม้ให้แผ่นดิน เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบรอบ 65 พรรษา และร่วมกันสืบสานพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยและ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าร่วม โดยเป็นการเริ่มต้นเพื่อปลูกให้ครบ 10 ล้านต้นทั่วประเทศ คาดเพิ่มพื้นที่สีเขียวได้ 5 หมื่นไร่ โดยมีข้าราชการ ประชาชนเข้าร่วม 2,000 คน ทั้งนี้ เมื่อนายกฯเดินทางถึงได้เยี่ยมที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้า ทักทายข้าราชการและประชาชนที่มาต้อนรับ พร้อมยกมือทำสัญลักษณ์ไอเลิฟยู จากนั้นนายกฯได้มอบกล้าไม้ให้กับผู้ว่าฯ 6 จังหวัดและผู้แทนท้องถิ่น ทั้งนี้ นายกฯและคณะ ได้ร่วมกันปลูกต้นไม้เพื่อเป็นการเริ่มต้นโครงการ โดยนายกฯได้ปลูกต้นยางนา,จากนั้นนายกฯกล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า เราต้องการปลูกป่าเพิ่มขึ้น นำพื้นที่บุกรุกมาดำเนินการ พร้อมดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ส่วนราชการต้องหาวิธีการจัดการ ไม่ใช่แค่รัฐบาลหรือ คสช.สั่งเพียงอย่างเดียว เราได้ยินคำว่าปลูกป่าในใจคนเสมอมา แต่ไม่รู้ว่าพวกตัดไม้ทำลายป่ามีคำนี้ในใจหรือไม่ คนที่ติดคุกคือคนรับจ้างตัดไม้เท่านั้น คสช.ต้องหยุดยั้งการบุกรุกการทำลายทรัพยากรธรรมชาติของนายทุน ต้องยึดคืนพื้นที่จากผู้มีอิทธิพลเพื่อนำมาให้คนจนใช้ปลูกป่าและทำมาหากิน สำคัญเราต้องปลูกป่าในใจให้รู้สึกหวงแหน ไม่ใช่ปลูกทิ้ง ขอให้กระทรวงทรัพย์ฯไปตรวจดูด้วยว่า ที่ผ่านมาของบอ้างแผนปลูกป่าตลอด 20 ปีวันนี้ควรมีป่าเต็มไปหมด ได้ติดตามดูหรือเปล่า ไม่ใช่ปลูกแล้วตาย แล้วมาของบฯใหม่ การทำงานต้องมีความรับผิดชอบ,พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้รัฐบาลต้องเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างนวัตกรรมงานวิจัยใหม่ๆ ถ้าไม่พัฒนาก็จะถอยหลังลงเรื่อยๆ เราก็จะล่มสลาย ต้องปรับปรุงการบริหารราชการแผ่นดิน กฎหมาย กำจัดการทุจริต และต้องมียุทธศาสตร์ชาติ เขียนไว้เพื่อเป็นโจทย์ ถ้าคิดว่าไม่ดีรัฐบาลหน้าสามารถแก้ได้ แต่ต้องดีกว่าเดิม ฝากผู้นำท้องถิ่นเอายุทธศาสตร์ชาติไปขับเคลื่อนด้วย ตนอยากเห็นประเทศเป็นปึกแผ่น ใครจะอยู่หรือไม่อยู่ ประเทศไทยต้องอยู่ ยุทธศาสตร์ชาติต้องอยู่ จากนั้นนายกฯได้ถามข้าราชการและประชาชนที่มาว่า ในที่นี้มีใครไม่ชอบ คสช.หรือไม่ เมื่อไหร่มันจะไปเสียที ขอให้บอกมา โดยมีเสียงตอบจากผู้ร่วมงานกลับมาว่า ขอให้นายกฯอยู่ต่อ นายกฯถึงกับยิ้มพร้อมกล่าวว่า ไอ้นี่หาเรื่องอีกแล้ว ผมรู้ว่าให้กำลังใจ แต่บางทีคนที่ไม่ชอบผมเขาก็มาว่าผม ก็เป็นเรื่องของประชาธิปไตย,พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวด้วยว่า วันนี้โรงพยาบาลจะทำอย่างไรไม่ให้เขาเจ๊งนั่นคือปัญหาที่เราเจอ ประชาชนอาจจะเจอปัญหาการรักษาพยาบาลไม่ดี แต่ตนเจอปัญหาโรงพยาบาลจะเจ๊ง เพราะเจ้าหน้าที่ทำงานกันไม่ไหว อยากให้ประชาชนออกกำลังกายกันให้มากขึ้น จะได้ปวดหัวกันน้อยลง การรักษาพยาบาลก็จะลดลง จะได้มีเงินไปดูแลส่วนอื่น ผมไม่เคยลดอะไรเลย มีแต่หาเงินเพิ่ม อย่าไปเชื่อไอ้ใครที่บอกว่าจะลดโน่นลดนี่ ล้มบัตรทอง 30 บาท พามาหาหน่อย ต้องพูดคุยปรับทัศนคติกันนิดหน่อย นิสัยแบบนี้ไม่ยอมเลิก เล่นไม่เลิก ผมจะทำให้เต็มที่ อยู่ถึงเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ผมว่ามันเป็นลิขิตที่ผมมายืนตรงนี้ แต่จะเกิดอะไรขึ้น ประเทศจะล่มสลายหรือไม่ อยู่ที่มือคนไทยด้วย,พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ต่างชาติยังค้าขายกับเราเหมือนเดิม เพียงแต่ไม่ให้ตนเดินทางไปเยือนเพียงคนเดียว เพราะเป็นหัวหน้า คสช. แต่รองนายกฯและรัฐมนตรีเดินทางไปได้หมด คิดถึงจิตใจตนบ้าง แต่ก็ไม่ได้เดือดร้อน ก็อยู่กับคนไทยนั่งบริหารประเทศแล้วให้คนอื่นทำ ส่วนที่มาเยือนที่ทำเนียบรัฐบาลก็เยอะ ชื่นชมบ้านเมืองสงบ เห็นแผนยุทธศาสตร์ก็เข้ามากัน คสช.เข้ามาทำ 100 กว่าเรื่อง โดยเฉพาะสาธารณูปโภค ที่ไม่ได้เอื้อประโยชน์ใคร ทำตามสัญญาเดิม แต่ทำลำพังคงไม่ได้ เนื่องจากงบฯลงทุนมีไม่มาก จึงต้องหาวิธี,ที่รัฐสภา นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ โฆษกกรรมาธิการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) กล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาข้อเสนอของคณะอนุกรรมการด้านการบังคับใช้กฎหมายและระบบการสอบสวนคดีอาญา ซึ่งมี พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. เป็นประธาน ได้มีการเสนองานสืบสวนสอบสวนไปขึ้นตรงกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่ประชุมเห็นว่าควรมีอิสระจากผู้บังคับบัญชาในการสั่งฟ้องไม่ฟ้องกับอัยการหรือศาล โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านกำหนดเวลาการสอบสวนที่ชัดเจนเพื่อไม่ให้คดีหมดอายุความ ทั้งนี้ต้องการให้ฝ่ายสอบสวนมีอิสระโดยไม่มีคนมาสั่งจากผิดเป็นถูก เพราะหากนำงานสอบสวนไปขึ้นกับอัยการหรือกระบวนการยุติธรรมก็จะมีปัญหา โดยในวันที่ 16 ส.ค.นี้ จะนำข้อสรุปเสนอที่ประชุมใหญ่เพื่อให้ได้ข้อยุติ,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุม ครม. วันที่ 8 ส.ค. กระทรวงมหาดไทยจะเสนอรายชื่อโยกย้ายข้าราชการประเภทบริหารระดับสูงจำนวน 4 ตำแหน่งประกอบด้วย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม ผวจ.ยโสธร เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสุวิทย์ คำดี ผวจ.กาฬสินธุ์ เป็น ผวจ.ฉะเชิงเทรา นายเกียรติศักดิ์ จันทรา วิศวกรใหญ่ กรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย
มีชัย ออกโรงแจงแยกเบอร์ผู้สมัคร ส.ส.รายเขต มุ่งขจัดซื้อเสียง ส่งเสาโทรเลข-คนขับรถลง ส.ส. พร้อมกระตุ้นประชาชนขวนขวายทำความรู้จักผู้สมัคร เชื่อ กกต.ช่วยทำความเข้าใจได้
ข่าว,การเมือง
มีชัย ฤชุพันธุ์,แยกเบอร์ ส.ส.,ส.ส.รายเขต,ผู้สมัคร ส.ส.,การเลือกตั้ง
https://www.thairath.co.th/news/politic/1030860
กรณ์ ชี้ นโยบายทวงคืนผืนป่า คสช. สุดท้าย เป็นแค่ลม
เมื่อวันที่ 26 เม.ย.2559 นายกรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.คลัง และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว Korn Chatikavanij ถึงปัญหาการตัดไม้และทำลายทรัพยากรธรรมชาติว่า คนไทยกำลังตื่นตัวมากขึ้นกับการสูญเสียพื้นที่ป่าของเรา ฝนไม่ตก อากาศร้อน การสูญเสียป่า มีส่วนแน่นอน เหตุผลที่มีการบุกรุกป่ามีหลากหลาย แต่วันนี้ผมจะเล่าเรื่องจริงให้ฟังว่า ปัญหานี้มันมีแง่มุมที่บัดซบแค่ไหน ผมมีที่ไร่เล็กๆ อยู่ที่ตำบลชะอม จังหวัดสระบุรี ผมใช้ไร่นี้ทดลองปลูกข้าว-ผัก-ผลไม้ แนวอินทรีย์ หลังไร่นี้มีภูเขาเล็กๆ อยู่ลูกหนึ่ง บนเขานี้เคยอุดมสมบูรณ์ด้วยต้นไม้ใหญ่ และพันธุ์พืชชนิดต่างๆ ชาวบ้านแถวนั้นสามารถขึ้นไปแสวงหาหน่อไม้ และลูกไม้เพื่อการบริโภคได้ บนแผนที่โฉนดของกรมที่ดินนั้น พื้นที่นี้จะมีการระบุไว้ชัดว่าเป็น ภูเขา ออกเอกสารสิทธิใดๆ ไม่ได้แน่นอน,แต่เมื่อต้นปี 2556 มีครอบครัวหนึ่ง (ซึ่งมีบ้านและที่ดินอยู่ติดกับบ้านผมเอง) ได้นำรถไถและเครื่องจักรขึ้นไปตัดต้นไม้ ถางป่า และล้อมเขาด้วยรั้วและประตู เพื่อยึดเป็นของตน จากนั้นได้ปลูกบ้าน และ (ที่น่าแปลกใจยิ่ง) ทาง สภ.แก่งคอย ได้ลงเสาไฟฟ้า และเดินสายไฟเข้าไปถึงบ้านหลังนี้อย่างหน้าตาเฉย ชาวบ้านแถวนั้นไม่มีใครกล้าทำอะไร ก็มาร้องเรียนกับผม สิ่งแรกคือ ผมได้ขอความช่วยเหลือจากนักการเมืองในจังหวัดนั้น (ไม่ใช่ ปชป.) สักพักเขามาพูดกับผมอย่างตรงไปตรงมาว่า เขาขอไม่ยุ่ง ผมเลยบอกเขาว่า ไม่เป็นไร ผมเป็นคนนอกพื้นที่ ผมจัดการเอง ผมก็ทำเรื่องร้องเรียนไปทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นท้องถิ่น กรมป่าไม้ ตำรวจ หรือ กรมที่ดิน แต่คนที่ดูแลบ้านและไร่ผมเดือดร้อนมาก เพราะโดนขู่ถึงชีวิตอยู่ทุกวัน แต่เขาก็ไม่กลัว นั่นคือ ปี 2556 ซึ่งผมก็ได้รับการยืนยันจากราชการ รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบว่า กรณีนี้เป็นการบุกรุกจริง ต้องดำเนินคดี แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนมีการปฏิวัติ ผมก็เห็นว่าท่านประยุทธ์ ส่งสัญญาณจริงจัง(มาก) กับเรื่องการปราบการบุกรุกป่า ถึงกับมีประกาศ คสช.ว่าด้วยเรื่องนี้โดยเฉพาะ คือ ประกาศที่ 64 และ 66 ไปหาอ่านเอาเองได้ครับ เอาว่าขึงขังมาก ผมก็เลยส่งเรื่องถึงท่านรัฐมนตรีที่รับผิดชอบ และบอกท่านว่า ถ้าท่านจัดการเรื่องนี้ได้ ผมขออาสาเข้าไปช่วยฟื้นฟูป่าเอง ท่านก็กรุณาส่งคนลงไปสืบสวนอย่างละเอียด และส่งจดหมายลงนามด้วยตัวท่านเอง คู่กับท่านอธิบดีกรมป่าไม้ ในจดหมายก็ยืนยันว่า พื้นที่ร้องเรียนเป็นป่าสงวนที่บุกรุกครอบครองไม่ได้ และเรื่องนี้ต้องดำเนินการทางกฎหมายต่อไป แล้วท่านก็ส่งเรื่องไปที่ สภ.แก่งคอย (ที่ผมเคยไปแจ้งความไว้แต่แรก และ สภ.นี้ก็ได้ยืนยันแต่แรกว่า มีการบุกรุกจริง) จากนั้นเรื่องก็เงียบไป,พอหลังสงกรานต์ ผมก็เลยสอบถามไปที่ สภ.แก่งคอยว่า เรื่องไปถึงไหนแล้ว คำตอบที่ได้รับคือ เมื่อเดือนที่แล้วทาง สภ.เพิ่งได้ส่งสำนวนสั่งฟ้องไปถึงอัยการเพื่อให้อัยการดำเนินการต่อไป นั่นคือ 2 ปี 6 เดือน พอดี ในการร่างสำนวน จากนี้ผมไม่แน่ใจว่า อัยการจะใช้เวลาอีกนานเท่าใด (คงจะเป็นปี) และผมไม่แน่ใจว่าสำนวนที่ตำรวจเขียนไปนั้นรัดกุมแค่ไหน (พูดก็พูดเถอะ ตำรวจส่งสำนวนไปถึงอัยการแล้วจริงหรือไม่ ผมยังไม่แน่ใจเลย เพราะยังไม่เห็นกับตา) จากนั้นถ้าอัยการสั่งฟ้อง กระบวนการศาลจะใช้เวลาอีกนานเท่าไร และเมื่อมีคำพิพากษากระบวนการบังคับคดีจะต้องใช้เวลาอีกกี่ปี ระหว่างนี้ผู้บุกรุกก็ยังอาศัยช่องโหว่กฎหมายยึดพื้นที่บนเขานี้อยู่ ที่เลวร้ายที่สุด ผู้บุกรุกได้อ้างชื่อแม่ของตน ในการยึดครองพื้นที่นี้ คุณแม่เป็นคนชรา อยู่ดีๆ ถูกกล่าวหาทางอาญา โดยที่ลูกสาวที่เป็นผู้ได้ประโยชน์ไม่ต้องรับผลการกระทำเลย อย่างเลวก็อยู่ฟรีบนที่สาธารณะไป 5 ปี 10 ปี ถ้าแพ้คดีก็ย้ายออก,จากเรื่องเล็กๆ เรื่องนี้ทำให้ผมเห็นว่า ทำไมการบุกรุกทำลายป่าจึงได้เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง เพราะผลตอบแทนมันโคตรคุ้มเมื่อเทียบกับความเสี่ยง และที่ทำได้ก็เพราะมีเจ้าหน้าที่ระดับท้องถิ่นเป็นใจ กรณีนี้ถือว่าโชคเขาไม่ดีนะครับ ที่ผู้บุกรุกมีผมเป็นผู้รับคำร้อง และพอดีผมเป็นผู้ที่เห็นการกระทำผิดอย่างซึ่งหน้า แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังได้รับความร่วมมือจากกระบวนการที่หละหลวม (หรืออาจจะเลวร้ายกว่าแค่ หละหลวม) ของทางราชการ และทุกวันนี้ก็ยังได้ประโยชน์จากการละเมิดกฎหมายอย่างอุกอาจ ผมขอถามว่า การไฟฟ้า ลงเสาไฟและเดินไฟเข้าไปได้อย่างไรในที่ที่ราชการเอง ได้มีคำสั่งแจ้งการบุกรุกอย่างเป็นทางการ ถ้าการไฟฟ้าอ้างว่า ท้องถิ่นได้มีการยืนยันกรรมสิทธิ์ที่ดินของผู้บุกรุก ก็ต้องถามว่า ท้องถิ่นยืนยันสิทธิด้วยเอกสารอะไร และเมื่อวันนี้การไฟฟ้ารู้แล้วว่ามีการบุกรุก และเสาไฟฟ้าของตนได้ปักอยู่บนพื้นที่ป่า การไฟฟ้าจะไม่ดำเนินการใดๆ เลยหรือ ผมขอถามต่อไปด้วยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจอธิบายอย่างไร ว่า ทำไมจึงต้องใช้เวลาถึงสองปีครึ่งในการร่างสำนวน (นี่ขนาดตนเองได้ยืนยันมาแล้ว เมื่อสองปีก่อนว่ากรณีนี้เป็นการบุกรุกจริง) ผมจึงอยากจะแจ้งให้ คสช.ทราบด้วยครับ ว่า นี่ขนาดเรื่องเล็กๆ ที่มีผู้เกี่ยวข้องน้อยมาก บนข้อมูลหลักฐานที่ชัดเจนขนาดนี้ คำสั่งและนโยบายของท่านยังไร้ความหมาย ถ้าท่านไม่ใช้อำนาจและโอกาสในการสร้างความเปลี่ยนแปลง พื้นที่ป่า และพื้นที่สาธารณะของบ้านเมืองเรา จะหมดสิ้น และจะกลายเป็นว่า ใครที่ไม่ฉวยโอกาสไขว่คว้าสมบัติสาธารณะไว้เป็นของตน คือ คนโง่ โลกสวย ที่ยังหลงคิดว่า กฎหมายบ้านเมืองมีความหมาย.
กรณ์ โพสต์เฟซฯ ชี้ คำสั่งนโยบายทวงคืนผืนป่าของ คสช.กลายเป็นแค่ลม เมื่อตำรวจ-การไฟฟ้า-ท้องถิ่น ละเลยไม่ทำตามกฎหมาย เอื้อนายทุนฮุบป่าสงวนฯ สมบัติชาติเป็นของตัวเอง
null
กรณ์,นโยบายทวงคืนผืนป่า,คสช.,แค่ลม,นายทุนฮุบป่าสงวนฯ,สมบัติชาติ,กรณ์ จาติกวณิช,อดีต รมว.คลัง,รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์,ชะอม,สระบุรี,ที่ดิน,การไฟฟ้า,ท้องถิ่น,ตำรวจ,สภ.แก่งคอย,ประกาศคสช.,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวการเมือง
https://www.thairath.co.th/content/611385
เลขาฯ สภา แจงเก้าอี้หมุน เป็นฝีมือ ส.ส. รับเคยมีคนตาย เผยแม่บ้านเจอดี
เมื่อเวลา 11.00 น. ที่รัฐสภา นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการพรรคสำนักงานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสฮือฮาเก้าอี้หมุนเองในห้องประชุมสภาฯ ว่า หลังจากปรากฏเป็นข่าว ตนได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พบว่าสาเหตุที่เก้าอี้หมุนในห้องประชุมนั้น เข้าใจว่า ส.ส.ที่นั่งอยู่ด้านหลังของ นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่กำลังอภิปรายอยู่เป็นผู้หมุนเก้าอี้ โดยสาเหตุที่หมุนทราบมาว่าเก้าอี้ตัวดังกล่าวไม่ได้หันหน้าไปทางประธาน จึงได้เอามือเอื้อมหมุนให้ตรงหน้าประธาน ส่วนที่มีการพูดว่ามีการเอาผ้ายันต์ไปแปะในห้องประชุมสภาฯ นั้น ตนได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบ ปรากฏว่าไม่พบผ้ายันต์ใดๆ เพราะห้องประชุมสภาฯเป็นเขตหวงห้าม หากจะนำไปติดต้องขออนุญาตก่อน และตนได้สอบถามนักข่าวถึงต้นตอของข่าวดังกล่าว ทราบว่าเป็นการสอบถามของนักข่าวกับแม่บ้านว่า มาอยู่ที่นี่เห็นอะไรบ้าง โดยแม่บ้านบอกว่าเขาเห็นนายสรศักดิ์ กล่าวต่อว่า ตนขอเรียนตรงๆ ว่า สิ่งเหล่านี้เราไม่เคยลบหลู่ เพราะเป็นพื้นที่ที่เคยอยู่มาหลายๆ ชุมชนมาก่อน เช่น ชุมชนทอผ้า ที่กว่าจะทำการย้ายออกจากพื้นที่ก่อสร้างได้ ต้องใช้เวลานาน ตรงนั้นก็มีประวัติพอสมควร พอตอนต้นปี 62 ตนมานั่งทำงานที่ชั้น 4 อาคารจันทรา มีคนเคยเห็น โดยเป็นแม่บ้านเห็นแล้วมาบอกต่อกัน แต่ก็ได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้แล้ว และเมื่อตนจะย้ายมาอยู่ฝั่งอาคารสุริยัน ก็ได้ทำบุญไหว้ต้นโพธิ์ต้นไทรเป็นประจำ เพื่อบอกกล่าวว่าจะมาอยู่ และเมื่อมาอยู่ที่อาคารสุริยันก็ได้ทำบุญแล้ว 2 ครั้ง เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ อีกทั้งยังมีการจัดห้องพระและห้องทุกศาสนาอีกด้วยเมื่อก่อนนี้ชุมชนทอผ้า ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนแออัด แต่เมื่อชุมชนย้ายออกไป คนงานเข้ามารื้อถอนชุมชน ก็สงสัยว่าไม่มีคนอาศัยแล้ว แต่ตี 4 ตี 5 ทำไมยังมีคุณยายมาเดินไปมาอีก ผมจึงให้ตั้งพิธีบอกกล่าวเสีย นายสรศักดิ์ กล่าวเมื่อถามว่า การดำเนินการก่อสร้างสภาฯ แห่งนี้ ทราบว่าเคยเกิดอุบัติเหตุมีคนเสียชีวิตด้วย นายสรศักดิ์ กล่าวยอมรับว่า เป็นธรรมดาของการก่อสร้าง แต่ตนและผู้รับเหมาเคยคุยกันว่าเรื่องพวกนี้อย่ามองข้าม ไม่ลบหลู่ เพราะอย่างไรตนให้ความนับถือ แต่ก็ยอมรับว่ามีคนตายเกิดขึ้นเพราะการทำงานก็ต้องมีพลาดบ้าง เหมือนที่เคยตกเป็นข่าวมาแล้วว่า คนงานก่อสร้างฝั่งจันทราเคยตกนั่งร้าน เพราะไม่ได้ใส่เชือกรัดเอวรัดขา เพื่อความปลอดภัย ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าปกติจะใส่ตลอดนายสรศักดิ์ กล่าวต่อว่า ตนมีแผนว่าเมื่อก่อสร้างอาคารรัฐสภาแล้วเสร็จ จะจัดให้มีการทำบุญครั้งใหญ่ พร้อมทั้งทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ มาทรงเปิดรัฐสภาอย่างเป็นทางการ ซึ่งอยู่ระหว่างการประสานกับทางสำนักราชเลขาฯ นอกจากนี้แต่ละสำนักของรัฐสภาก็สามารถทำบุญได้ แต่ขณะนี้เกือบ 20 สำนักก็ยังอยู่ด้วยกันราบรื่นดีเมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าข่าวที่ออกมานั้น จะทำให้คนแตกตื่นว่าสภาฯ มีสิ่งลี้ลับหรือไม่ นายสรศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่ถึงกับลี้ลับ เพราะทุกครั้งที่มีข่าวเราสั่งตรวจสอบตลอด ขนาดเรื่องหนูตัวเดียวที่ปรากฏที่สภาฯอู่ทองใน ก็ทำให้ตนวุ่นวาย ดังนั้นสภาใหม่ตนจึงได้กำชับว่าทั้งหนู แมลงสาบ อย่าให้มีเข้ามามากนัก เพราะตึกยังใหม่ แต่ปราฏว่ายังมีติดเข้ามาจากกล่องขนเอกสาร นอกจากนี้ ตนจะจัดให้มีการซักซ้อมหนีไฟ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานของ พ.ร.บ.อาคารอีกด้วย
สรศักดิ์ ยันตรวจเเล้ว ไม่มีติดผ้ายันต์ในห้องประชุมสภาฯ แต่ไม่ลบหลู่ เผยเรื่องเล่า ยายชุมชนทอผ้า รับมีคนงานก่อสร้างฝั่งจันทรา ตกนั่งร้านตายจริง เตรียมทำบุญใหญ่หลังก่อสร้างเสร็จ
ข่าว,การเมือง
สรศักดิ์ เพียรเวช,เลขาฯสภา,รัฐสภา,เก้าอี้หมุน,ผี,เรื่องลี้ลับ,เก้าอี้สภาหมุน,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/politic/1881136
การจัดการความหลากหลายและความเท่าเทียมในมหาวิทยาลัยของรัฐ
มหาวิทยาลัยของรัฐอันถือเป็นองค์กรทางการศึกษาระดับอุดมศึกษาเป็นแหล่งรวมบุคลากรทางการศึกษาและนักศึกษาที่ประกอบด้วยที่มาหลากหลายและแตกต่างกัน ซึ่ง ของบุคลากรทางการศึกษาและนักศึกษาในด้านอายุ ความพิการทางกาย การแปลงเพศ การแต่งงานและการใช้ชีวิตคู่ การตั้งครรภ์และการคลอดบุตร สีผิว ศาสนาและความเชื่อ เพศ และรสนิยมทางเพศ ย่อมเป็นสาเหตุหนึ่งที่อาจก่อให้เกิด ในหลากหลายกรณีที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น การเลือกปฏิบัติจากผู้บังคับบัญชาต่อผู้ใต้บังคับบัญชาในมหาวิทยาลัย การเลือกปฏิบัติระหว่างเพื่อนร่วมงานในมหาวิทยาลัย การเลือกปฏิบัติของอาจารย์มหาวิทยาลัยต่อนักศึกษา และการเลือกปฏิบัติของนักศึกษารุ่นพี่ที่มีอายุมากกว่าหรือศึกษาในชั้นปีที่สูงกว่าต่อรุ่นน้องที่มีอายุน้อยกว่าหรือศึกษาในชั้นปีที่ต่ำกว่า เป็นต้นอนึ่ง การเลือกปฏิบัติจากบุคคลต่างๆ ในสังคมมหาวิทยาลัยย่อมอาจนำไปสู่การความ เพราะแม้ว่าสภาพร่างกาย ความรู้สึกนึกคิด อารมณ์ สภาพจิตใจ สถานภาพทางเศรษฐกิจและปัจจัยอื่นๆ ในแต่ละตัวบุคคลหรือปัจเจกชนย่อมไม่มีทางเหมือนกันได้ทุกประการได้ในสภาพความเป็นจริง หากแต่การสร้างบรรทัดฐานทางสังคมที่ดีผ่านกลไกต่างๆ ของหน่วยงานในมหาวิทยาลัยของรัฐ ย่อมสามารถส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคคลต่างๆ ในได้รับโอกาสที่ดีในสังคมได้มหาวิทยาลัยของรัฐอันถือเป็นสถาบันการศึกษาระดับสูงที่นอกจากจะมีหน้าที่จัดทำบริการสาธารณะด้านการให้การศึกษาแก่นักศึกษาระดับต่างๆ ที่จะกลายมาเป็นแรงงานที่สำคัญของชาติในอนาคตแล้ว มหาวิทยาลัยของรัฐจึงควรมีหน้าที่กำหนดแนวทางในการจัดระเบียบให้ผู้คนที่มาจากหลากหลายความเป็นมาและผู้คนที่มีความแตกต่างกันสามารถอยู่รวมกันได้อย่างปกติสุข โดยการจัดระเบียบดังกล่าวต้องอยู่บนพื้นฐานแห่งการเปิดโอกาสให้บุคคลทุกคนที่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยได้รับโอกาสอย่างเท่าเทียมจากการทำงาน การเข้ารับบริการทางการศึกษาและการอยู่ร่วมสังคมมหาวิทยาลัยการส่งเสริมในสังคมมหาวิทยาลัยของรัฐ ที่สามารถทำให้บุคคลที่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยสามารถทำงาน เรียนหนังสือ และประกอบกิจกรรมต่างๆ ในมหาวิทยาลัย โดยมีหลักประกันว่าจะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมจากมหาวิทยาลัยของรัฐที่อาจเป็นหน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงานในกำกับของรัฐ ดังนั้น การสร้างหลักเกณฑ์และการกำหนดวิธีการในการจัดการความหลากหลายและความเท่าเทียมในมหาวิทยาลัยของรัฐอย่างเป็นรูปธรรม จึงกลายมาเป็นสิ่งจำเป็นในสังคมมหาวิทยาลัย ในหลายประเทศที่ดำเนินบริการสาธารณะด้านการศึกษาระดับอุดมศึกษาจึงได้พัฒนาแนวทางและวิธีการใน ขึ้น เพื่อจัดการผู้คนที่เกี่ยวข้องกับสังคมอุดมศึกษาในมหาวิทยาลัยของรัฐอันประกอบด้วยผู้คนที่มีอายุ ความพิการทางกาย การแปลงเพศ การแต่งงานและการใช้ชีวิตคู่ การตั้งครรภ์และการคลอดบุตร สีผิว ศาสนาและความเชื่อ เพศ และรสนิยมทางเพศที่แตกต่างกันออกไป โดยการจัดการดังกล่าวต้องคำนึงถึงองคาพยพหรือบริบทต่าง ที่อาจส่งผลกระทบต่อความหลากหลายและความแตกต่างของผู้คนที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาในมหาวิทยาลัยของรัฐได้ เช่น นโยบายทางสังคมของรัฐที่เกี่ยวข้องกับกิจการอุดมศึกษา วัฒนธรรมองค์การนักศึกษา การบริหารงานบุคคลในมหาวิทยาลัย การโยกย้ายถิ่นฐานจากชนบทสู่เมืองเพื่อการศึกษาและเพศวิถีในสังคมมหาวิทยาลัยของรัฐ เป็นต้นการจัดการความหลากหลายและความเท่าเทียมในมหาวิทยาลัยของรัฐอาจจำแนกออกเป็นสองประการด้วยกัน ได้แก่ ประการแรก หรือแนวทางสนับสนุนให้บุคลากรประเภทต่างๆ และนักศึกษา รวมไปถึงผู้เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยของรัฐได้รับการปฏิบัติหรือได้รับการเข้าถึงบริการด้านต่างๆ ทั้งในเรื่องของการทำงาน โอกาสในเรื่องของงานกับการศึกษา การรับบริการด้านการศึกษาหรือบริการอื่นๆที่เกี่ยวข้องกิจการของมหาวิทยาลัยและการรับบริการด้านสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ของทางมหาวิทยาลัย แนวทางในการสร้างโอกาสอาจเป็นแนวทางในรูปแบบต่างๆ อันสามารถลดหรือขจัดอุปสรรคต่างๆ (barriers) ที่กระทบต่อความเป็นธรรมหรือความเท่าเทียมในมหาวิทยาลัยของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นจากการปฏิบัติต่อผู้ที่มีความแตกต่างกันด้านอายุ ความพิการทางกาย การแปลงเพศ การแต่งงานและการใช้ชีวิตคู่ การตั้งครรภ์และการคลอดบุตร สีผิว ศาสนาและความเชื่อ เพศ และรสนิยมทางเพศในแบบมาตรฐานที่แตกต่างกันหรือจากขั้นตอน กระบวนการ ระเบียบ ข้อบังคับและกฎหมายที่ก่อให้เกิดการเลือกปฏิบัติหรือกีดกันอันไม่เป็นธรรมประการที่สอง หรือแนวทางการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อต่อต้านการเลือกปฏิบัติ รวมไปถึงการบูรณาการความหลากหลายของบุคลากรและนักศึกษาให้เกิดประโยชน์ต่อการดำเนินกิจกรรมของมหาวิทยาลัย การประกอบธุรกิจของมหาวิทยาลัย และการบริการสาธารณะด้านการศึกษาของมหาวิทยาลัย เช่น นโยบายการเปิดหลักสูตรนานาชาติที่ไม่เพียงดึงดูดนักศึกษานานาชาติให้เข้ามาศึกษาในมหาวิทยาลัยเท่านั้น หากแต่ยังสามารถทำให้นักศึกษาที่เป็นคนท้องถิ่นสามารถเรียนรู้วัฒนธรรมจากนักศึกษานานาชาติ ผู้มีภูมิหลัง ภาษา วัฒนธรรมและความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วย เป็นต้นการจัดการความหลากหลายและความเท่าเทียมในมหาวิทยาลัยของรัฐโดยทั่วไปนั้น อาจกระทำได้โดยผ่านกลไกของการบริหารงานมหาวิทยาลัยและกลไกการตรวสอบความเท่าเทียมในมหาวิทยาลัยในหลายรูปแบบด้วยกัน รูปแบบแรก ได้แก่ คณะกรรมการส่งเสริมความหลากหลายและความเท่าเทียม (Equality and Diversity Committee) ที่มหาวิทยาลัยได้ใช้อำนาจตามกฎหมายจัดตั้งคณะกรรมการหรือหน่วยงานภายใน ให้ดำเนินกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการความหลากหลายและการส่งเสริมการสร้างโอกาสที่เท่าเทียมโดยปราศจากการกีดกันหรือการเลือกปฏิบัติในมหาวิทยาลัย โดยมหาวิทยาลัยอาจกำหนดกลไกของมหาวิทยาลัย (universitys mechanism) เป็นการเฉพาะเพื่อให้กำหนดหน้าที่หรือมอบอำนาจแก่คณะกรรมการชุดนี้ในการกำกับ ดูแล วินิจฉัยหรือปรึกษาหารือร่วมกัน ในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกันการส่งเสริมความเท่าเทียม นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยอาจตั้งหน่วยงานสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมเป็นการเฉพาะเรื่องหรือเฉพาะภารกิจ เช่น การตั้งหน่วยงานสำหรับส่งเสริมความเป็นนานาชาติของมหาวิทยาลัย การตั้งหน่วยงานสำหรับให้คำแนะนำหรือสนับสนุนนักศึกษาที่มีกายพิการหรือทุพพลภาพ เป็นต้นรูปแบบที่สอง ได้แก่ กระบวนการประเมินนโยบาย โครงการและระเบียบต่างๆ ภายใต้หลักการสำคัญที่ว่านโยบาย โครงการและระเบียบเหล่านั้นจะไม่ก่อให้เกิดหรือนำไปสู่การเลือกปฏิบัติจากการนำนโยบายไปปฏิบัติ การดำเนินโครงการและการบังคับใช้ระเบียบข้อบังคับ รวมไปถึงกระบวนการประเมินอื่นๆ ที่นำไปสู่การขจัดการเลือกปฏิบัติที่ทำให้ผู้กำหนดนโยบายหรือประชาคมมหาวิทยาลัยสามารถทราบถึงเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติอื่นๆ เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจเชิงนโยบายหรือการออกระเบียบข้อบังคับภายในเพื่อแก้ปัญหาและอุปสรรคอันอาจเกิดจากการเลือกปฏิบัติภายในมหาวิทยาลัยของรัฐรูปแบบที่สาม กล่าวคือ มหาวิทยาลัยต้องมีหน้าที่เปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับการกีดกันหรือการเลือกปฏิบัติอันอยู่ในความครอบครองหรือควบคุมดูแลของตน ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดําเนินงานของมหาวิทยาลัยหรือข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเอกชนที่มีความเกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจกรรมมหาวิทยาลัย รวมไปถึงข้อมูลเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมของนักศึกษา นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยของรัฐยังควรมีหน้าที่ในการจัดทำรายงานเกี่ยวกับความหลากหลายในมหาวิทยาลัย (equality and diversity report) เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ ภายในมหาวิทยาลัยและสังคมทั่วไปได้ทราบถึงการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยในการจัดการความหลากหลายและการต่อต้านการเลือกปฏิบัติในกรณีต่างๆรูปแบบที่สี่ หรือการที่มหาวิทยาลัยดำเนินกิจกรรมต่างๆ ที่ไม่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติแห่งกฎหมายพื้นฐานของรัฐและกฎหมายอื่นๆ ที่กำหนดแนวทางในการควบคุมไม่ให้เกิดการเลือกปฏิบัติในสังคมหรือส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างบุคคลที่มีลักษณะเฉพาะตนที่แตกต่างกัน เช่น การดำเนินกิจกรรมต่างๆของมหาวิทยาลัยและกิจกรรมของนักศึกษาต้องไม่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 อันเป็นกฎหมายพื้นฐานแห่งรัฐที่ส่งเสริมสิทธิเบื้องต้นของประชาชน เป็นต้นการจัดการความหลากหลายและความเท่าเทียมรูปแบบต่างๆ ในมหาวิทยาลัยของรัฐไม่เพียงส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างบุคลากรประเภทต่างๆ หรือระหว่างนักศึกษาด้วยกัน ที่เกี่ยวข้องกับกิจการมหาวิทยาลัยอีกด้วย ตัวอย่างเช่น การจัดการความหลายหลายและความเท่าเทียมในมหาวิทยาลัยของรัฐย่อมทำให้สามารถทราบทิศทางในการจัดการการศึกษาในหลักสูตรนานาชาติหรือทิศทางในการรับนักศึกษานานาชาติเพื่อก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ที่ไม่เพียงแต่จะต้องคำนึงถึงการรองรับบริการด้านการศึกษาต่อนักศึกษานานาชาติเท่านั้น หากแต่จะต้องคำนึงถึงความหลากหลายของนักศึกษาอาเซียนจากประเทศต่างๆในภูมิภาค ที่จะก้าวเข้ามาสู่รั่วมหาวิทยาลัยของรัฐอีกด้วยการจัดการความหลากหลายและความเท่าเทียมในมหาวิทยาลัยของรัฐก็ยังทำให้สามารถสนับสนุนกระบวนการอื่นๆหรือการประเมินอื่นๆในมหาวิทยาลัยของรัฐ ให้เกิดความยุติธรรม (fair) มากขึ้น เช่น ในการต่อสัญญาจ้างพนักงานมหาวิทยาลัย สายวิชาการ นอกจากมหาวิทยาลัยจะพิจารณาเงื่อนไขการต่อสัญญาจ้างในระยะต่างๆ แล้ว มหาวิทยาลัยยังต้องพิจารณาภาพรวมของกลไกการประเมินหรือพิจารณาเงื่อนไขในการต่อสัญญาจ้างว่ามีการกีดกันหรือเลือกปฏิบัติภายในองค์กรด้วยหรือไม่ รวมไปถึงการปรับตําแหน่ง และเลื่อนขั้นเงินเดือนประจําปี ตลอดจนสวัสดิการและสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่ต้องกระทำโดยปราศจากการเลือกปฏิบัตินอกจากนี้ การจัดการความหลากหลายและความเท่าเทียมในมหาวิทยาลัยของรัฐยังอาจสามารถชี้ช่องหรือชี้จุดบกพร่องว่ามหาวิทยาลัยของรัฐหรือมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐนั้น มีปัญหาเกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำหรือความไม่เทียมเทียมในการปฏิบัติต่อบุคลากรประเภทต่างๆ ในมหาวิทยาลัยอีกด้วย เช่น พนักงานมหาวิทยาลัยหมวดเงินอุดหนุน ซึ่งจ้างจากเงินงบประมาณแผ่นดิน และพนักงานมหาวิทยาลัยหมวดเงินทุนคณะ ซึ่งจ้างจากเงินรายได้ อาจได้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์เกื้อกูลจากการประกอบอาชีพที่ไม่เท่าเทียมกันหรือมีความเหลื่อมล้ำกันจากที่ได้กล่าวมาในข้างต้น การจัดการความหลากหลายและความเท่าเทียมรูปแบบต่างๆ ในมหาวิทยาลัยของรัฐจึงถือเป็นการส่งเสริมธรรมาภิบาลในสถาบันการศึกษา ที่ทำให้ผู้บริหารมหาวิทยาลัย บุคลากรมหาวิทยาลัยและนักศึกษา รวมไปถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับการดำเนินกิจกรรมของมหาวิทยาลัยได้ทราบทิศทางในการส่งเสริมความเท่าเทียมและทิศทางในการต่อต้านการเลือกปฏิบัติระหว่างบุคคลที่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยในอนาคต นอกจากนี้ การพัฒนากลไกที่ส่งเสริมความเท่าเทียมย่อมเป็นการสร้างสังคมมหาวิทยาลัยให้มีสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมกับการปฏิบัติงาน การเรียนและการใช้บริการต่างๆ โดยปราศจากการเลือกปฏิบัติอันเป็นสิ่งที่ไม่พึ่งประสงค์สังคมอุดมศึกษาของรัฐ
มหาวิทยาลัยของรัฐอันถือเป็นองค์กรทางการศึกษาระดับอุดมศึกษาเป็นแหล่งรวมบุคลากรทางการศึกษาและนักศึกษาที่ประกอบด้วยที่มาหลากหลายและแตกต่างกัน ซึ่งความหลายหลาย (diversity)
คุณภาพชีวิต,การศึกษา,สังคม
ปีดิเทพ อยู่ยืนยง,มหาวิทยาลัย
https://prachatai.com/journal/2013/07/47685
เชฟเกาหลีฟ้องมิชลิน โทษฐานเอาร้านไปใส่ในสมุดแดงโดยไม่ยินยอม
ดาวมิชลินและการได้ถูกเอ่ยชื่อถึงในสมุดปกแดงที่หลายคนมองว่าเป็น คัมภีร์ อาจเป็นความฝันของใครหลายคน แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่สำหรับ ออยุนกวอน (Eo Yun Gwon) เชฟชาวเกาหลีแห่งกรุงโซลออยุนกวอน เพิ่งจะยื่นฟ้องมิชลินไป โทษฐานนำชื่อร้านอาหารอิตาเลียน Ristorante Eo ของเขาไประบุในมิชลิน ไกด์ กรุงโซล ที่ประกาศและตีพิมพ์ไปไม่นาน โดยหนังสือพิมพ์ The Korea Herald ตีพิมพ์เหตุผลจากปากของเชฟแดนกิมจิว่า การกล่าวอ้างถึงร้านของผมในหนังสือถือเป็นการดูถูกชื่อเสียงและร้านอาหารของผม เขากล่าวกับสื่อ เพราะถึงแม้การได้ถูกบรรจุชื่ออยู่ในร้านจะช่วยโปรโมตร้าน แต่ผมไม่ต้องการความช่วยเหลือจากบริษัทนั่นขณะที่มิชลินออกแถลงการณ์ว่า พวกเขาเลือกที่จะเอ่ยถึงชื่อร้าน Ristorante Eo โดยมองว่าเป็นสิทธิ์ในฐานะหนังสือแนะนำ แต่เชฟกลับไม่ยินดีเช่นนั้น มิชลิน ไกด์อาจฟังดูสวยหรูดูดี แต่มันไม่ถูกต้อง เพราะผู้ตรวจสอบมาดูเปรียบเทียบแค่ 170 ร้านในกรุงโซลเท่านั้น ซึ่งน้อยเกินกว่าที่จะมาตัดสินอะไรได้บางคนคิดว่าเชฟออยุนกวอนเคืองมิชลินเป็นการส่วนตัว เนื่องจากร้านอาหารของเขาเคยได้ 1 ดาวมิชลินในปี 2017 และ 2018 แต่ถูกลดดาวจนเหลือไปอยู่ในหมวด Plate ในปี 2019 และ 2020 ล่าสุด แต่เชฟเผยว่า เขาติดต่อบริษัทให้เอาชื่อร้านของเขาออกมาตั้งแต่ได้ดาวในปี 2017 แล้ว โดยมีหลักฐานบนโซเชียลมีเดียทั้งนี้ทั้งนั้น เชฟแดนโสมคนนี้หาใช่คนครัวคนแรกที่ไม่ประสงค์ปรากฏอยู่ในสมุดเล่มแดง เพราะในปี 2017 เชฟชาวฝรั่งเศส เซบาสเตียง บราส์ (Sebastien Bras) จากร้าน Le Suquet ก็เคยขอร้องให้มิชลินเอาดาว 3 ดวงที่ให้กับร้านของเขาคืนไปเช่นกัน ด้วยเหตุผลว่าเขาก็แค่อยากทำอาหาร โดยไม่ต้องมานั่งพะวงว่าจะดีพอกับผู้ตรวจสอบที่แฝงตัวมาไหม เช่นเดียวกับ มาร์ก วีย์ราต์ (Marc Veyrat) เชฟเมืองน้ำหอมอีกคนที่ยื่นฟ้องมิชลิน ด้วยเหตุผลว่ามิชลินแกล้งเขาทำให้ร้านเสีย 1 ดาวอ่านเรื่อง คู่มือนักกินกับรีวิวร้านอาหารที่มีตั้งมากมาย แล้วเราจะเชื่อใครดี ได้ที่นี่ภาพ: Shutterstock Michelin Guide Seoulพิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
ออยุนกวอน เชฟชาวเกาหลียื่นฟ้องมิชลิน โทษฐานนำชื่อร้านอาหารอิตาเลียน Ristorante Eo ของเขาไประบุในมิชลิน ไกด์ กรุงโซล
null
null
https://thestandard.co/ristorante-eo/
บุรีรัมย์ล็อกดาวน์ จังหวัดแรก ประกาศปิดเมืองสู้โควิด-19 เจ็บแต่จบ
ที่มีคนรวมกันเกิน 50 คนวันที่ 16 มี.ค.63 ที่ศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน ด้านสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ นายธัชกร หัตถาธยากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับคณะกรรมการโรคติดต่อ จังหวัด ประกอบด้วยสาธารณสุขจังหวัด ปศุสัตว์จังหวัด ฝ่ายกฎหมาย ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมเร่งด่วน เพื่อหามาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19การประชุมเป็นไปอย่างเคร่งเครียด เพราะมีประเด็นที่ขัดแย้งกันของคณะกรรมการ ระหว่างการใช้มาตรา 22 พระราชบัญญัติโรคติดต่อ คือการเฝ้าระวัง และการใช้มาตรา 35 คือการบังคับใช้กฎหมายในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคตามพระราชบัญญัติโรคติดต่ออย่างเฉียบขาด หลังประชุมใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง จึงมีการลงมติ โดยทุกคนเห็นต้องกันว่าควรจะใช้มาตรการแบบเฉียบขาด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้มีประสิทธิภาพ ถึงแม้ยังไม่พบผู้ติดเชื้อในจังหวัดบุรีรัมย์ก็ตามนายธัชกร หัตถาธยากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยภาพรวมของโลกและของประเทศไทย ถือว่ารุนแรงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อสะสมแล้ว 144 ราย เสียชีวิต 1 ราย เฝ้าระวังอีกเป็นจำนวนมากส่วนจังหวัดบุรีรัมย์มีผู้เข้าเกณฑ์การสอบสวนโรค (PUI) สะสมแล้ว 46 ราย เฝ้าระวังครบ 14 วันแล้ว 15 ราย ยังเหลือที่ต้องเฝ้าระวังพิเศษอีก 31 ราย ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ นอกจากนี้ยังกลุ่มผู้ติดตามเฝ้าระวังอยู่ที่บ้านสะสมรวม 567 ราย เฝ้าระวังครบ 14 วัน จำนวน 194 ราย ยังติดตามเฝ้าระวังที่ยังไม่ครบ 14 วัน อีก 373 รายสถานการณ์ที่ปรากฏ จังหวัดบุรีรัมย์ ไม่นิ่งนอนใจเพื่อให้คนบุรีรัมย์ และผู้ที่จะเข้ามาท่องเที่ยวเกิดความเชื่อมั่นจึงมีมาตรการดังต่อไปนี้1. ปิดเมืองด้วยมาตรการสาธารณสุข มีการคัดกรองไข้ผู้ที่เข้ามาในจังหวัดบุรีรัมย์ ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นชาวต่างชาติ ผู้ที่กลับมาจากต่างประเทศ ต่างจังหวัด ทั้งการคัดกรองที่สนามบิน สถานีรถไฟ โรงแรมที่พัก และหมู่บ้าน กิจกรรมนายกฯ กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน อสม. ด้วยการเคาะประตูบ้านนอกจากนี้ ยังมีระบบการลงทะเบียนติดตามเฝ้าระวังไข้ตลอด 14 วัน เริ่มตั้งแต่การเข้ามาในจังหวัดบุรีรัมย์ โดยการเชื่อมโยงระบบเฝ้าระวังสาธารณสุขต่อไป2. หยุดกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโรค สั่งให้ยกเลิกหรือเลื่อนกิจกรรมการชุมนุมคนจำนวนมาก ตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป เช่น การจัดประชุมสัมนา กิจกรรมบันเทิง สันทนาการ การจัดงานประเพณี การเรียนภาคฤดูร้อน การเรียนพิเศษ การกวดวิชา การบวชเณรภาคฤดูร้อน รวมถึงตลาดนัดคลองถม และตลาดเซราะกราว3. การเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์ ให้มีการจัดหอผู้ป่วย ยืนยันการวินิจฉัย โดยมีห้องแยก ห้องความดันลบ ในทุกโรงพยาบาลในจังหวัดบุรีรัมย์ โดยหากการระบาดเข้าสู่ระยะที่ 3 จะต้องมีความพร้อมได้แก่ ห้องแยก นอกจากนี้ด้านการสอบสวนป้องกันควบคุมโรค ได้มีทีมหน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อ (CDCU) ระดับอำเภอครบทั้ง 23 อำเภอ ซึ่งจะสามารถให้ความมั่นใจกับประชาชนผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวด้วยว่า มาตรการครั้งนี้ถือเป็นจังหวัดแรกที่ใช้ยาแรง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ซึ่งทีมงานได้ตัดสินใจแล้วว่า ยอมเจ็บเพื่อจบ ไม่ให้โรคโควิด-19 มาระบาดในจังหวัดบุรีรัมย์.
ผู้ว่าฯบุรีรัมย์ ใช้ยาแรงสุด สั่งปิดเมืองป้องกันโควิด-19 ระบุยอมเจ็บเพื่อจบ ถึงแม้ไม่พบคนติดเชื้อ ใช้มาตรการสาธารณสุข คัดกรองคนเข้าจังหวัด สั่งปิดสถานบริการทุกแห่ง ห้ามจัดงานบุญ งานสังสรรค์
ข่าว,ทั่วไทย
โควิด-19,ไวรัสโคโรนา,ไวรัสโคโรน่า,ไวรัสอู่ฮั่น,ปิดเมือง ไวรัสโคโรน่า,ปิดเมืองสู้โควิด-19,บุรีรัมย์ปิดเมือง,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/1796241
ตร.เตรียมขอหมายศาลค้นบ้านพัก พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ อีกรอบ
การคลี่คลายคดีนายสามารถ นุ่มจุ้ย และนางสาวอรษา เกิดทรัพย์ สามีภรรยา ที่หายตัวไปเมื่อ 3 ปีก่อน ซึ่งตำรวจภูธรภาค 7 ได้เบาะแส และพบโครงกระดูกมนุษย์ บรรจุในถุงปุ๋ยฝังไว้ใต้ดิน และอาวุธปืนกว่า 40 กระบอก ในไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อายุรแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ที่ จ.เพชรบุรี ล่าสุดดีเอสไอ ได้ตั้งคณะทำงานสืบสวนแสวงหาข้อเท็จจริงเพื่อพิจารณาว่า คดีนี้เข้าหลักเกณฑ์เป็นคดีพิเศษหรือไม่ โดยวันนี้(21 ก.ย.)ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านร้างที่พบรถยนต์ของกลางที่ 2 สามีภรรยาขับก่อนหายตัวไปที่ จ.นนทบุรี รวมถึงลงพื้นที่ จ.เพชรบุรี ร่วมกันผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7ขณะเดียวกัน ได้ขอหมายศาลเข้าตรวจค้นบริเวณบ้านพักของพันตำรวจเอกนายแพทย์สุพัฒน์อีกครั้ง เพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่ม หลังพบโครงกระดูกต้องสงสัยและอยู่ระหว่างตรวจดีเอ็นเอ ซึ่งคาดว่าจะทราบผลภายใน 3 วัน และวันนี้(21 ก.ย.)ยังได้ตัวพยานปากสำคัญที่มีความเชื่อมโยงกับคดีอีก 1 คน อยู่ระหว่างนำตัวมาสอบสวนส่วน พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ได้ขอเลื่อนเข้าพบเจ้าหน้าที่ โดยอ้างว่า อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานการครอบครองอาวุธปืน ซึ่งตำรวจเตรียมออกหมายเรียกตัวให้ปากคำในสัปดาห์หน้า
คดี 2 สามีภรรยาหายตัวไปเมื่อสามปีก่อน และได้พบโครงกระดูกต้องสงสัย บริเวณบ้านพัก พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ที่ จ.เพชรบุรี ล่าสุด ตำรวจเตรียมขอหมายศาล เพื่อตรวจค้นบ้านพักหลังดังกล่าวอีกครั้ง
อาชญากรรม
ค้นบ้านพัก,พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์,หมายศาล,หายตัว,เพชรบุรี
https://news.thaipbs.or.th/content/113310
มาริโอ้ โอดพื้นบ้านพังหลังปลูกต้นปรงหนัก 200 กก. รับตอนซื้อไม่คิด
เป็นอีกหนึ่งหนุ่มที่รักต้นไม้สำหรับพระเอกหนุ่มฮอต มาริโอ้ เมาเร่อ ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์ว่าช่วงโควิดระบาดหนักก็ซื้อต้นไม้มาปลูกที่บ้าน และในคลิปรายการยูทูบ Oh Lunla มีตอนหนึ่งที่มาริโอ้ซื้อต้นปรง ซึ่งหนักถึง 200 กก. มาปลูกตรงสวนริมระเบียง แต่ขนย้ายลำบากมาก ต้องใช้แรงหนุ่มๆ 6-7 คนมาช่วยกันยกเลยทีเดียว ทำเอาหลายคนอดห่วงไม่ได้ว่าบ้านจะทรุดรึเปล่า ล่าสุด มาริโอ้ มาร่วมงาน Central International Watch Fair 2020 ณ ดิ อีเวนต์ฮอลล์ ชั้น 3 ห้างเซ็นทรัลชิดลม นักข่าวเลยถามถึงเรื่องดังกล่าวถามถึงเรื่องปลูกต้นไม้ที่บ้าน?ต้นไม้ที่บ้านตอนนี้ อันไหนไม่ไหวก็เริ่มตายแล้วครับต้นไหนเราเลี้ยงไม่ดี เลี้ยงผิด ก็มีบ้างครับไหนเคยบอกว่ามือขึ้นไง?มือขึ้นครับ แต่แล้วแต่ต้น แล้วแต่พันธุ์ตอนนี่ที่บ้านมีเยอะแค่ไหน?ก็พอสมควร (เห็นมีเข็นต้นปรง อยู่ได้ไหม?) อยู่ได้ครับ แต่จะเปลืองเนื้อที่นิดหนึ่ง ถามว่ายังอยู่ดีมั้ยต้นปรง ยังอยู่ดีครับ พลูด่างก็ยังอยู่หลายคนเป็นห่วงเรื่องต้นปรงเพราะมันดูใหญ่ เลยกลัวว่าจะทำให้บ้านทรุด?บ้านไม่ทรุด แต่ตอนนี้พื้นบ้านพังหมดเลยครับเพราะว่ามันหนักมากเราก็ไม่ได้คิดก่อนเอาเข้าไป ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเลย คิดว่ามันสวยก็เลยซื้อ ก็ฝากด้วยนะครับ ใครคิดจะซื้อต้นไม้ต้องศึกษาก่อน อย่าเอะอะซื้อเหมือนโอ้ครับ ไม่ดี พื้นบ้านตอนนี้ไม่ทรุดครับ ก็ยังพอไหวอยู่คุ้มไหมได้ต้นปรงมาแต่ต้องซ่อมพื้นบ้าน?ไม่คุ้มครับ แต่ก็อยู่แบบมีรอยกันไปก่อน ไม่เป็นไร ตอนนี้ยังไม่ได้ซ่อมไม่คิดว่าจะย้ายมันไปที่อื่นใช่ไหม?ไม่ไหวแล้วครับ กำลังคนก็ไม่ไหวเพราะมันหนักมากครับคิดว่าจะเอาอะไรมาปลูกในบ้านอีกไหม?ตอนนี้เน้นพลูด่างครับ ราคาตอนนี้ขึ้นมา 5 บาทครับ (ยิ้ม)เป็นอีกคนที่สนใจเรื่องการปลูกต้นไม้?ช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมาว่างด้วย เลยอยากทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน บวกกับเราแต่งบ้านอยู่ด้วย ก็ซื้อหนักเหมือนกันมีปรึกษาญาญ่า (อุรัสยา เสปอร์บันด์) มั้ย?มีคุยกันบ้างเหมือนกัน แต่ญาญ่าจะจริงจังมาก เขาซื้อเยอะเหมือนกันแต่ของผมอีกแนวนึง ญ่าเขาจะไม่ปลูกปรงเปริงอะไรแบบผม เขาเป็นสายมอน ผมเป็นสายปรง สายพลู เดินผ่านเห็นแล้วสวย ชอบก็เอาเลย ผมชอบอะไรที่มันเหมือนปาล์มๆดาราหลายคนเจอปัญหากลับมาทำงานแล้วต้นไม้ตาย ไม่มีคนดูแล?ผมฝากพี่ชายเลี้ยง ก็ไปเป็นภาระคนอื่น ก็เลยยังโอเค รอดชีวิตค่อนข้างเยอะ พี่ไม่บ่น มีแต่มือขึ้น พี่ผมรดยังไงก็มีแต่ขึ้นอย่างเดียว ดีใจครับตอนนี้แต่งบ้านอยู่?แต่งเสร็จแล้วครับ หมดค่าแต่งบ้านไปเยอะเหมือนกันครับ มีบานปลายบ้างกว่าจะเสร็จก็นาน ก็ต้องทุ่มครับเพราะเราทำบ้านสักครั้งในชีวิตก็อยากจะทำให้มันดี บ้านหลังนี้ผมก็ออกแบบด้วยแล้วก็มีสถาปนิกช่วยด้วย แต่เป็นความคิดของเรา เราชอบอะไรก็ใส่ลงไปเป็นเรือนหอเลยไหม?ไม่จ้ะ อยู่กับแม่กับพี่เรือนหอตัวเองสร้างใหม่เหรอ?ยังไม่สร้างครับตอนนี้ ถ้ามีครอบครัวก็ไม่เป็นไรครับ อยู่ได้ ทำห้องไว้แล้ว แต่ก็ไม่ได้ทำไว้อะไรขนาดนั้นจันจิมาเยี่ยมบ้านเราหรือยัง?มีมาบ้างครับ ความรักตอนนี้ก็แฮปปี้ดีครับ ไม่หวือหวากลัวอาถรรพ์เลข 7 ไหม เพราะกำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 7?ไม่กลัวครับ ผมไม่ได้คิดมาก ผมไม่ได้เชื่อ อยู่ที่คนสองคนเขาบอกเป็นแฟนโอ้ต้องอดทน?อาจจะครับมีคิดวางอนาคตด้วยกันบ้างไหม?ตอนนี้ยังไม่มีครับ ต่างคนก็ต่างทำงาน มีเวลาว่างก็มาเจอกัน แฮปปี้ครับ.
มาริโอ้ เมาเร่อ โอดพื้นบ้านพังหลังขนต้นปรงหนัก 200 กก. มาปลูกตรงสวนริมระเบียง ไม่คุ้มได้ต้นไม้สวยแต่ต้องซ่อมพื้นบ้าน เผยรักจันจิ จันจิรา ยังแฮปปี้ดี ไม่หวือหวา ไม่หวั่นอาถรรพ์เลข 7
บันเทิง,ข่าวบันเทิง
มาริโอ้ เมาเร่อ,มาริโอ้ เมาเร่อ ต้นไม้,ดาราปลูกต้นไม้,จันจิ จันจิรา,มาริโอ้ จันจิ,มาริโอ้ จันจิ แฟน,ดารา
https://www.thairath.co.th/entertain/news/1913984
ข้อควรปฏิบัติในพิธีพระราชทานเพลิงศพหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ
วันนี้ (21 ม.ค.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์มหาวิทยาลัยขอนแก่น เผยแพร่ รวมทั้งสรีรสังขารครูใหญ่พระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) ระหว่างวันที่ 21-29 ม.ค.2562 ณ ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนภิเษก สำหรับผู้มาร่วมงาน เพื่อความปลอดภัยและป้องกันโรคระบาด โรคติดต่อที่เกิดจากอาหารและน้ำ และการแพร่เชื้อโรคติดต่อในระบบทางเดินหายใจ รวมไปถึงการแต่งกายที่เหมาะสม การเดินทาง การวางดอกไม้จันทน์ การปฏิบัติที่ถูกสุขลักษณะของโรงทาน การรักษาความปลอดภัย และการปฐมพยาบาลสำหรับผู้เข้าร่วมงาน1. ผู้มีอาการไอ เป็นหวัด มีน้ำมูก ให้สวมหน้ากากอนามัยในการเข้าร่วมงาน2. ล้างมือด้วยเจลล้างมือที่จัดเตรียมไว้ให้3. ผู้มีโรคประจำตัว ผู้สูงอายุ หรือผู้เสี่ยงต่อการรับเชื้อง่าย ให้เตรียมยาประจำตัวให้พร้อม ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารถูกสุขลักษณะ ปรุงสุกใหม่ ฯลฯ4. ผู้เข้าร่วมงานช่วงเย็น ให้เตรียมโลชั่นทากันยุง หรือสวมเสื้อผ้าให้มิดชิดป้องกันยุงกัด5. ผู้ที่มีอาการต่อไปนี้ให้งดเข้าร่วมงาน มีไช้สูง ร่วมกับอาการไอ เจ็บคอ ฯลฯ มีไข้ออกผื่นแดง สงสัยป่วยโรคหัด และผู้มีตุ่มสุกใสภาพ : Khon Kaen University การแต่งกายการแต่งกาย ระหว่างวันที่ 20-28 ม.ค.2562 ประชาชนทั่วไป และข้าราชการ สวมชุดสุภาพไว้ทุกข์ สีขาว หรือสีดำการแต่งกาย ในวันที่ 29 ม.ค.2562 ณ ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก ประชาชนทั่วไปสวมชุดสุภาพไว้ทุกข์ สีขาว หรือสีดำ ข้าราชการสวมชุดปกติขาวไว้ทุกข์การวางดอกไม้จันทน์ขอความร่วมมืองดถ่ายภาพขณะวางดอกไม้จันทน์ในศูนย์ประชุม เพื่อให้พี่น้องประชาชนที่มาวางดอกไม้จันทน์ไม่รอคิวนานขอความร่วมมือให้เดินทางมาเป็นหมู่คณะหรือบริการโดยสารสาธารณะ เพื่อลดความแออัดการจราจรหลีกเลี่ยงการมาร่วมงานในช่วงเช้าวันที่ 27 ม.ค. เนื่องจากมีการจัดงานขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ 2019 ในบริเวณใกล้เคียงกับพื้นที่ศูนย์ประชุมฯผู้ที่จะร่วมงานในวันที่ 29 ม.ค. ณ พุทธมณฑลอีสาน ควรนำร่ม และที่รองนั่งมาด้วย เนื่องจากที่นั่งที่เตรียมไว้อาจไม่เพียงพอภาพ : Khon Kaen University สถานที่วางดอกไม้จันทน์ ระหว่างวันที่ 22-28 ม.ค.2562 เวลา 08.00-22.00 น. ณ ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น และระหว่างวันที่ 22-28 ม.ค.2562 เวลา 08.00-18.00 น.ณ ฌาปนสถานชั่วคราววัดหนองแวง พระอารามหลวง หลังพุทธมณฑลอีสาน จังหวัดขอนแก่นสำหรับผู้จัดเตรียมอาหารโรงทานเพื่อเป็นการป้องกันโรคระบาด โรคติดต่อที่เกิดจากอาหารและน้ำ ได้แก่ โรคอุจจาระร่วง อาหารเป็นพิษ อหิวาตกโรค โปรดระมัดระวังในข้อควรปฏิบัติ ดังนี้กรณีซื้ออาหารทำโรงทาน1. ให้เลือกร้านที่สะอาด ได้รับป้ายการรับรองมาตรฐานสุขาภิบาลอาหาร ผู้ปรุง ผู้จัดเตรียมมีสุขวิทยาที่ดี ผ่านการอบรมอบรมและปฏิบัติตามมาตรฐานสุขาภิบาลอาหาร2 งดการใช้โฟมบรรจุอาหาร ควรใช้ภาชนะที่เป็นชานอ้อย หรือวัสดุที่ทำจากธรรมชาติกรณีทำอาหารด้วยตนเองผู้ปรุงอาหาร ผู้เสิร์ฟ และผู้แจกอาหาร จะต้องมีสุขภาพที่ดี เตรียมอาหารให้มีสุขลักษณะ อาหารสด ผัก ผลไม้ต้องล้างให้สะอาด ภาชนะสะอาดมีอุปกรณ์ปกปิดไม่ให้แมลงวันตอมวางอาหารสูงจากพื้นอย่างน้อย 60 ซม.ทั้งนี้ ผู้จัดทำโรงทาน และผู้ร่วมงาน โปรดช่วยกันรักษาความสะอาดสถานที่โรงทาน และ ในทุกวันจะมีเจ้าหน้าที่เดินสำรวจ ตรวจเยี่ยมโรงทาน พร้อมให้คำแนะนำการปฏิบัติตามมาตรฐานสุขาภิบาลอาหารข้อมูลเพิ่มเติมหรือสอบถามรายละเอียดด้านสุขาภิบาลอาหาร โปรดติดต่อ กองอ้านวยการ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ โทร. 081-7085891 (สายด่วน)
มหาวิทยาลัยขอนแก่น แนะข้อควรปฏิบัติสำหรับผู้ร่วมงาน พิธีพระราชทานเพลิงศพครูใหญ่เป็นกรณีพิเศษ ประจำปี 2561 รวมทั้งสรีรสังขารครูใหญ่พระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) ระหว่างวันที่ 21-29 ม.ค.นี้
สังคม
หลวงพ่อคูณ,พิธีพระราชทานเพลิงศพครูใหญ่,มหาวิทยาลัยขอนแก่น,ThaiPBSnews,ข่าวไทยพีบีเอส,ไทยพีบีเอส,ThaiPBS
https://news.thaipbs.or.th/content/277158
ใครฮอตสุด? เช็กเรตติ้งแฟนเพจ 10 พรรคการเมือง อันดับ 1 เกือบ 7 แสน
เลือกตั้ง ปี 62 ที่จะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ 24 มี.ค.นี้ ทุกพรรคออกหาเสียงกันอย่างคึกคัก และ,ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นยุค 4.0 การมีเฟซบุ๊กจึงเป็นอีกกระบอกเสียงที่พรรคการเมืองมี เพื่อใช้เป็นอีกช่องทางสื่อสาร บอกกล่าวแนวนโยบายการทำงาน รวมถึงบอกเล่าข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และเข้าถึงพี่น้องประชาชนได้ง่าย และรวดเร็วขึ้น, เพราะแม้แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ยังเปลี่ยนไป ลุกขึ้นมาเปิดเพจและประกาศเล่นเฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการ เมื่อต้นเดือน ต.ค. 61 โดยใช้ชื่อว่า ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสารกับประชาชน ,ในช่วงโค้งสุดท้ายศึกเลือกตั้ง เฟซบุ๊ก สื่อโซเชียลของพรรคไหนมาแรง ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รวบรวมไว้ตามลำดับสูงสุด, จากข้อมูล ณ วันที่ 22 มี.ค. 62 เวลา 12.00 น ดังนี้,อันดับ 1 พรรคประชาธิปัตย์ กดถูกใจ 694,590 คน และกดติดตามเพจ 682,835 คน,หัวหน้าพรรค อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ใช้ชื่อเพจ Democrat Party, Thailand พรรคประชาธิปัตย์ ,โดยระบุอุดมการณ์พรรค อย่างชัดเจน 10 ข้อ ดังนี้,1. พรรคจะดำเนินการเมืองโดยวิถีอันบริสุทธิ์,2. พรรคจะดำเนินการเมืองด้วยความซื่อสัตย์สุจริตต่อประชาชน,3. พรรคจะดำเนินการเมืองโดยอาศัยหลักกฎหมาย และเหตุผลเพื่อความศักดิ์สิทธิ์แห่งรัฐธรรมนูญ และเพื่อเป็นเยี่ยงอย่างแก่อนุชนรุ่นหลังให้มีความนับถือ และนิยมในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ,4. พรรคจะไม่สนับสนุนระบบและวิธีแห่งเผด็จการ ไม่ว่าจะเป็นระบบและวิธีการของรัฐบาลใดๆ,5. พรรคจะกระจายอำนาจการดำเนินการในท้องถิ่นให้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ เนื่องจากความใกล้ชิดขององค์กรในท้องถิ่นมีมากกว่าส่วนกลาง,6. พรรคมีจุดประสงค์ที่จะให้คนไทยมี ที่ทำกิน-ที่อยู่และอาชีพ และจะเคารพกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินส่วนบุคคล แต่มิได้ละเลยที่จะคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม,7. พรรคเชื่อว่า การแทรกแซงของรัฐเป็นสิ่งที่จำเป็น ในกิจการที่เห็นว่าการแทรกแซงจะเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม เช่น กิจการสาธารณูปโภค,8. พรรคจะส่งเสริมและรักษาไว้ซึ่ง การศึกษา, ศาสนา, สาธารณสุขและสาธารณูปการ, ศิลป, วรรณกรรม, จารีต ประเพณี, ธรรมเนียมอันดีของชาติ และความปลอดภัยของประชาชน,9. พรรคเชื่อว่า การป้องกันประเทศนั้น ต้องอาศัยการก่อให้เกิดความร่วมมือพร้อมเพรียง ของประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศ และจะต้องให้มีการบำรุง กำลังหลัก คือ กองทัพให้ทันสมัยทั้งคุณภาพ และปริมาณเท่าที่จะเหมาะสมแก่แผนการทางยุทธศาสตร์ และนโยบายทางการเมือง,10. พรรคจะส่งเสริมสัมพันธภาพระหว่างประเทศ,อันดับ 2 พรรคเพื่อไทย กดถูกใจ 352,920 คน กดติดตามเพจ 357,258 คน,หัวหน้าพรรค พลตำรวจโท วิโรจน์ เปาอินทร์  ชื่อเพจ พรรคเพื่อไทย ,โดยในเพจ ระบุนโยบายพรรคเพื่อไทยอย่างละเอียดไว้ ดังนี้ พรรคเพื่อไทยมีความเชื่อมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยก่อตั้งขึ้นท่ามกลางวิกฤตการณ์ทางการเมืองและความขัดแย้งทางสังคมทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประชาชนตกอยู่ในภาวะที่ระส่ำระสายไร้สิ่งยึดเหนี่ยว สถาบันพรรคการเมืองถูกทำให้อ่อนแอไม่สามารถเป็นที่พึ่งพิงได้ จึงจำเป็นต้องสถาปนาพรรคเพื่อไทยขึ้น โดยรวมเอาคนไทยจากทุกภาคส่วนมาระดมสติปัญญา เพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วนของประเทศ,กำหนดนโยบายทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อฟื้นฟูให้ประเทศชาติกลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว และพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เพื่อความมั่งคั่งยั่งยืน โดยอาศัยศักยภาพและภูมิปัญญาของคนไทยทั้งชาติ เพื่อความอยู่ดีมีสุข สิทธิเสรีภาพและความเท่าเทียมกัน ภายใต้กฎเกณฑ์และกติกาเดียวกัน รวมทั้งภราดรภาพแห่งปวงชนชาวไทยทุกคน เพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พรรคเพื่อไทยทำเพื่อปัจจุบันที่มั่นคง และอนาคตที่มั่งคั่งของชาติไทย เพื่อไทย เพื่อปวงชนชาวไทยทุกคน,อันดับ 3 พรรคอนาคตใหม่ กดถูกใจ 351,727 คน และ กดติดตาม 379,928 คน,หัวหน้าพรรค ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ,ชื่อเพจ พรรคอนาคตใหม่ - Future Forward Party โดยในเพจบอกเล่าความเป็นมาของพรรค และนโยบายไว้ว่า พรรคอนาคตใหม่ คือพรรคการเมืองที่เกิดจากการริเริ่มของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรองประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทไทยซัมมิท และ ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตนักวิชาการด้านนิติศาสตร์และอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับกลุ่มบุคคลที่ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร ซึ่งถือเป็นวิถีทางที่ไม่เป็นประชาธิปไตย,อนาคตใหม่มุ่งมั่นทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ โดยชูคำขวัญ ,อนาคตใหม่ เพื่อประเทศไทยที่มีอนาคต, และเสนอแนวนโยบาย 3 ป. คือ 1. ปลดล็อก กฎหมาย นโยบาย ระเบียบต่างๆ ที่ขัดขวางการพัฒนาประเทศและเอื้อต่อทุนผูกขาด 2. ปรับโครงสร้าง การจัดสรรงบประมาณและทรัพยากร มุ่งเน้นการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น และ 3. เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงทรัพยากรต่างๆ และใช้ศักยภาพดังกล่าวพาตัวเองไปสู่อนาคตใหม่ที่ดีขึ้น,อันดับ 4 พรรคเสรีรวมไทย กดถูกใจ 113,647 คน และ กดติดตามเพจ 122,094 คน,หัวหน้าพรรค พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส,ชื่อเพจ พรรคเสรีรวมไทย โดยเมื่อเข้าเพจ หน้าปกไม่มีภาพแจ้งนโยบาย ไม่ใส่รายละเอียดนโยบายพรรคในพื้นที่ข้อมูลเกี่ยวกับเพจ ในเพจมีการโพสต์แจ้งข่าวสาร ทั้งวันเวลาลงพื้นที่พบพี่น้องแต่ละพื้นที่ใน กทม. การแชร์เพจของแต่ละสื่อที่ได้ไปดีเบต,อันดับ 5 พรรคพลังประชารัฐ กดถูกใจ 88,208 คน และ กดติดตาม 92,690 คน,หัวหน้าพรรค ดร.อุตตม สาวนายน,ชื่อเพจ พรรคพลังประชารัฐ โดยหน้าปกของเพจเป็นภาพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมข้อความสั้นๆ ,เลือกความสงบ จบที่ลุงตู่, และมีการให้ไอดีไลน์เพื่อแอดเป็นเพื่อนรับฟังข่าวสาร และมี 3 ข้อตกลงร่วมกันในนโยบายการแสดงความคิดเพจพรรคพลังประชารัฐ,อันดับ 6 พรรครวมพลังประชาชาติไทย กดถูกใจ 35,730 คน และ กดติดตามเพจ 37,951 คน,หัวหน้าพรรค หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล,ชื่อเพจ พรรครวมพลังประชาชาติไทย - ACT Party โดยในเพจ มีนโยบายเห็นเด่นชัดบนหน้าปก และมีรายละเอียดระบุถึง ความมุ่งมั่นของประชาชนการต่อสู้ของประชาชนในแต่ละยุคทำให้เกิดการพัฒนายกระดับความคิดทางการเมืองในหมู่ประชาชนอย่างกว้างขวางประชาชนต้องการประชาธิปไตยที่ชอบธรรมปฏิรูปเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข,และเจตนารมณ์ในการปฏิรูปประเทศ คือ ปฏิรูปการเมือง ปฏิรูประบบการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน ปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินและการกระจายอำนาจ ปฏิรูปกระบวนการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมและตำรวจ,ส่วนอุดมการณ์ ดังนี้ 1. จงรักภักดี เทิดทูน ปกป้อง สถาบันพระมหากษัตริย์ 2. การเมืองการปกครองต้องเป็นธรรมาธิปไตย,3. การเมืองเพื่อชาติและเพื่อประชาชน 4. ปฏิรูปเปลี่ยนแปลงประเทศตามเจตนารมณ์ของประชาชน 5. รักชาติ ภูมิใจในความเป็นไทย ธำรงไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมจารีตประเพณีอันดีงามของไทย 6. เศรษฐกิจพอเพียงและศาสตร์พระราชาเพื่อแก้ไขปัญหาประชาชน 7. สิ่งแวดล้อม เพื่อชีวิตที่ดีและยั่งยืนของคนไทย,อันดับ 7 พรรคชาติพัฒนา กดถูกใจ 20,536 คน กดติดตามเพจ 21,060 คน,หัวหน้าพรรค เทวัญ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรค สุวัจน์ ลิปตพัลลภ,ชื่อเพจ พรรคชาติพัฒนา โดยหน้าปกเพจ ระบุนโยบายสั้นๆ ประเทศไทย 9 หน้า 9 ไกล No Problem การเมืองนิ่ง เศรษฐกิจชาติพัฒนา ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับเพจระบุไว้ว่า ,พรรคชาติพัฒนา เคียงข้างประชาชน สร้างสรรค์ประเทศไทย,อันดับ 8 พรรคชาติไทยพัฒนา กดถูกใจ 20,434 คน กดติดตามเพจ 20,953 คน,หัวหน้าพรรค กัญจนา ศิลปอาชา ชื่อเพจ พรรคชาติไทยพัฒนา Chartthaipattana Party โดยหน้าปกเพจมีเพียงข้อความ ,ก้าวข้าม ความขัดแย้ง ร่วมแรงปฏิรูปประเทศไทย, ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับเพจระบุสั้นๆ ,การเมืองไม่ขัดแย้ง สร้างแรงกระตุ้นเศรษฐกิจ มีคุณภาพชีวิตที่ดี,อันดับ 9 พรรคเศรษฐกิจใหม่ กดถูกใจ 11,289 คน กดติดตามเพจ 11,608 คน,หัวหน้าพรรค มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ชื่อเพจ พรรคเศรษฐกิจใหม่ โดยหน้าปกเพจทำเป็นภาพเคลื่อนไหว ให้เห็นนโยบายต่างๆ ของพรรคอย่างละเอียด อีกทั้งมีรายละเอียดประวัติความเป็นมาของพรรคอย่างชัดเจน,อันดับ 10 พรรคภูมิใจไทย กดถูกใจ 6,260 คน กดติดตามเพจ 6,397 คน      ,หัวหน้าพรรค อนุทิน ชาญวีรกูล ชื่อเพจ พรรคภูมิใจไทย โดยหน้าปกเพจเป็นเพียงรูป อนุทิน หัวหน้าพรรคที่เป็นภาพจริง และภาพการ์ตูน โดยไม่มีข้อความนโยบายของพรรค เมื่อคลิกเข้าไปดูข้อมูลเกี่ยวกับเพจ ระบุสั้นๆ ไว้ ประชานิยม สังคมเป็นสุข,จากทั้ง 10 พรรค ที่ทีมข่าวฯ รวบรวมไว้นี้ แต่ละเพจให้รายละเอียดพรรคของตัวเองทั้งอย่างละเอียด และพอสังเขป สุดท้ายแล้ว ยอด Like หรือ Follow จะส่งผลให้พรรคนั้นเป็นอันดับหนึ่งในการเลือกตั้งปี 62 หรือไม่ ผู้กำหนดชี้ชะตาคือประชาชน ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนในวันที่ 24 มี.ค. 62 ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. อยากให้อนาคตประเทศไทยเป็นอย่างไร อย่าลืมศึกษา ไตร่ตรองนโยบายแต่ละพรรคอย่างละเอียด,ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน,สืบเสาะข่าว รับเรื่องราวร้องทุกข์ สามารถส่งเรื่องราว หรือประเด็นปัญหาของท่านมาได้ที่,[email protected] , หรือช่องทาง Facebook : ,ทีมข่าวเฉพาะกิจ
โค้งสุดท้ายศึกเลือกตั้ง 62 เฟซบุ๊ก สื่อโซเชียลพรรคไหนมาแรง ยอด Like และ Follow สูงสุด จะส่งผลให้พรรคเป็นอันดับ 1 หรือไม่ รอลุ้น 24 มี.ค.นี้ ผู้กำหนดชี้ชะตาคือประชาชนที่มีสิทธิ์ลงคะแนน
เลือกตั้ง
เลือกตั้ง62,ศึกเลือกตั้ง 62,24 มี.ค. 2562,เลือกตั้ง,ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์
https://www.thairath.co.th/news/1526163
ศปม.ตั้งด่านสกัด COVID-19 ทั่วประเทศ 357 จุด
วันนี้ (26 มี.ค.2563) หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม มีคำสั่งจัดตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 2548 และประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค.2563 นั้นกองบัญชาการกองทัพไทยได้จัดตั้งจุดควบคุมและอำนวยความสะดวก ซึ่งเป็นมาตรการในการปฏิบัติต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19ทั้งนี้ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ได้ตรวจเยี่ยมจุดควบคุมและอำนวยความสะดวก บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ถ.แจ้งวัฒนะ ฝั่งขาเข้า พร้อมนำหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์มาบริการให้กับประชาชนด้วยสำหรับการจัดตั้งจุดควบคุมและอำนวยความสะดวก เพื่อจัดระเบียบการเดินทาง การจราจร ดูแลและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการเดินทางข้ามจังหวัด เพื่อลดอัตราการแพร่ระบาดเชื้อไปยังพื้นที่ต่างๆ โดยจะตรวจคัดกรองบุคคลที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และจำกัดให้อยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสมตลอดจนมีมาตรการในการสังเกตอาการผู้เดินทาง และพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ รวมทั้งยังเป็นการป้องกันการแทรกแซงจากภัยคุกคามหรืออาชญากรรมรูปแบบอื่นๆ ที่อาจแฝงตัวเข้ามาในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉินทั้งนี้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ COVID-19 ซึ่งมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น จึงขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือในการบังคับใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 2548โดยศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง จะดำเนินมาตรการเท่าที่มีความจำเป็นเท่านั้นเพื่อให้กระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันของพี่น้องประชาชนให้น้อยที่สุด และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายจะปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มความสามารถเพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชนชาวไทย และร่วมก้าวข้ามผ่านวิกฤตในครั้งนี้ไปด้วยกัน
ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง หรือ ศปม. ตั้งจุดควบคุมและอำนวยความสะดวก หลังการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เบื้องต้นตั้งจุดตรวจสอบรอบกทม. 7 จุด และต่างจังหวัด 350 จุด
การเมือง
COVID-19,ศปม.,พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
https://news.thaipbs.or.th/content/290245
ปู่ไพวงษ์ แจกอั่งเปาถุงใหญ่ น้องปีใหม่ ต้อนรับฉลองวันตรุษจีน
ยิ้มแก้มปริเต็มๆ จ้าสำหรับ น้องปีใหม่ ลูกสาวสุดรักของนางเอกสาว แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ และไฮโซหนุ่ม สงกรานต์ เตชะณรงค์ เพราะเมื่อช่วงวันตรุษจีนที่ผ่านมา คุณปู่ไพวงษ์ เตชะณรงค์ แจกอั่งเปาถุงใหญ่ให้กับ น้องปีใหม่ ทำเอาแฟนคลับต่างเอ็นดูและชื่นชมเป็นอย่างมากสำหรับบรรยากาศดูอบอุ่นกันเป็นอย่างมาก น้องปีใหม่ ใส่ชุดสีแดงสุดน่ารัก มาฉลองตรุษจีนกับคุณพ่อสงกรานต์และครอบครัวเตชะณรงค์ งานนี้นอกจากคุณปู่ไพวงษ์แจกอั่งเปาถุงใหญ่ให้กับน้องปีใหม่ และโพสต์รูปหลานสาวตัวน้อยลงในไอจีพร้อมแคปชั่นว่า ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้ ปีใหม่โคโม่มารับแต๊ะเอีย แล้ว ด้านคุณพ่อสงกรานต์ก็โพสต์ภาพหมู่ครอบครัวเตชะณรงค์ที่มี น้องปีใหม่ ร่วมเฟรมด้วย และเขียนแคปชั่น Happy Chinese New Year from แซ่เต็งหลังจากนั้นแฟนคลับต่างก็มาคอมเมนต์ชื่นชมความน่ารักน่าเอ็นดูของน้องปีใหม่ และมีหลายคนที่บอกว่า น้องปีใหม่ ยิ่งโตยิ่งสวยจริงๆ.
ยิ้มแก้มปริเต็มๆ จ้าสำหรับ น้องปีใหม่ หลังช่วงวันตรุษจีนที่ผ่านมา คุณปู่ไพวงษ์ เตชะณรงค์ แจกอั่งเปาถุงใหญ่ให้กับน้องปีใหม่ ทำเอาแฟนคลับต่างเอ็นดูและชื่นชมเป็นอย่างมาก
บันเทิง,ข่าวบันเทิง
น้องปีใหม่,ปู่ไพวงษ์ น้องปีใหม่,ไพวงษ์ เตชะณรงค์,สงกรานต์ เตชะณรงค์,วันตรุษจีน 2563,อั่งเปา,อินสตาแกรมดารา
https://www.thairath.co.th/entertain/news/1757381
รวบทหาร ขนอาวุธสงคราม มุ่งชายแดนเขมร กระบะตกข้างทาง
อาวุธข้ามชาติ ด้านคดีพบระเบิดในกล่องพัสดุพื้นที่ สน.บางเขน ทหาร-ตำรวจ สนธิกำลังเร่งติดตาม หวั่นคนร้ายนำไปก่อเหตุเป็นภัยต่อความมั่นคง พบบัญชีส่งพัสดุถึงผู้รับ 22 จุดทั่วประเทศ โฆษก ทบ. ระบุยังไม่พบความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดก่อนหน้า ด้านตำรวจนครบาลประชุมหน่วยงานเกี่ยวข้องปรับแผนเฝ้าระวังตามแนวรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน ป้องกันเหตุร้าย ตามคำสั่ง ผบ.ตร.,ทหารขับรถกระบะตกข้างทางพบอาวุธสงครามเพียบ เปิดเผยเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 3 มิ.ย. ทหารพรานนาวิกโยธินที่ 3 เขาล้าน จ.ตราด นำกำลังอำนวยความสะดวกการจราจรที่ถนนตราด - คลองใหญ่ บ้านคลองสน หมู่ 6 ต.แหลมกลัด อ.เมืองตราด เป็นจุดที่มีก่อสร้างถนนมีฝนตกหนักทำให้น้ำท่วมขัง ขณะนั้นพบรถกระบะอีซูซุดีแมคซ์ แบบ 4 ประตู ทะเบียนตรากงจักร 1510 เสียหลักลงข้างทาง สภาพล้อหน้าแตก ตัวถังพังเสียหาย ทหารและชาวบ้านเข้าไปช่วยเหลือนำคนขับออกมาจากตัวรถทราบชื่อ พ.อ.อ.ภคิน เดชพงษ์ สังกัดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการด้านการข่าว กอ.รมน.กรุงเทพมหานคร ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย,ต่อมาทหารพรานตรวจสอบภายในรถที่เบาะด้านหลังคนขับดัดแปลงเป็นที่เก็บอาวุปืนสงครามจำนวนมากประกอบด้วยปืนกล 7.62 มม.จำนวน 4 กระบอก ลำกล้องปืนกล 7.62 มม. จำนวน 1 อัน แม็กบรรจุกระสุนปืนกล 7.62 มม. จำนวน 4 อัน ปืนเอเค 47 จำนวน 29 กระบอก แยกเป็นชนิดพับฐาน 10 กระบอก และชนิดด้ามยาว 19 กระบอก แม็กบรรจุกระสุนเอเค 47 ขนาดบรรจุ 30 นัดจำนวน 36 อัน กระสุนเอเค 47 จำนวน 4,147 นัด แม็กบรรจุกระสุน 5.56 มม. จำนวน 2 อัน ระเบิดสังหาร 1 ลูก กระสุน 9 มม. จำนวน 10 นัด กระสุนเอ็ม 79 จำนวน 53 ลูก และวิทยุสื่อสารติดรถยนต์พร้อมรีโมต 1 ชุด,ขณะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบของกลางอยู่นั้นมีรถแลนด์โรเวอร์ สีขาว ป้ายทะเบียนกัมพูชา 2 AD 5629 วิ่งมาจอดดูเหตุการณ์ คนขับเป็นชายชาวกัมพูชาลงจากรถเข้าไปคุยกับ พ.อ.อ.ภคิน ทหารดูพฤติกรรมผิดสังเกตจึงควบคุมตัวไว้ ขณะเดียวกันได้รับรายงานว่ารถคันดังกล่าววิ่งแหกด่านแดนบ้านหาดเล็ก ต.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด ตรวจสอบภายในรถไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย ต่อมาทหารรายงานเหตุไปยัง น.อ.สมรภูมิ จันโท ผบ.หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด ก่อนคุมตัว พ.อ.อ.ภคินและชายชาวกัมพูชาพร้อมของกลางไปสอบสวนภายในค่ายทหาร,ต่อมาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบตัวถังรถกระบะระบุชื่อผู้ครอบครองคือนายศิริศักดิ์ นามศิริ ทะเบียน กพ 7625 ขอนแก่น ส่วนทะเบียนตรากงจักร 1510 ตรวจสอบแล้วเป็นทะเบียนปลอม เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบสวนขยายผล สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้ทางฝ่ายทหารยังไม่แจ้งรายละเอียด อ้างเรื่องความมั่นคงและรอให้ ผบ.กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราดเดินทางมาทำการสอบปากคำเพื่อหาความเชื่อมโยง ที่ผ่านมามีการค้าอาวุธสงครามของฝ่ายกัมพูชาผ่านเข้ามาในพื้นที่ จ.ตราด หลายครั้ง ถูกจับกุมไปแล้วบางส่วน ขณะนี้ทหารอยู่ระหว่างการตรวจสอบเชิงลึกว่าเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ความไม่สงบใน กทม.หรือไม่,ด้าน พล.อ.ต.พงษ์ศักดิ์ เสมาชัย โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า พ.อ.อ.ภคิน เดชพงษ์ เป็นข้าราชการสังกัดกองทัพอากาศ ขณะนี้รายงานให้ พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง ผบ.ทอ.รับทราบแล้ว เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือ เมื่อได้รับการประสานเข้ามาต้องทำตามกฎหมายทุกประการ และหากผู้กระทำผิดเป็นข้าราชการต้องรับโทษเป็น 2 เท่า คือ ต้องดำเนินคดีทั้งวินัยและอาญา ส่วนในเรื่องที่ทำไม พ.อ.อ.ภคินถึงมาค้าอาวุธนั้น อยู่ในขั้นตอนการสอบสวน เพราะเท่าที่ตรวจสอบประวัติการทำงานก็เป็นคนทำงานและรับผิดชอบงานดี ไม่ทราบว่าเบื้องหลังจะมีอะไรหรือไม่ ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง,ส่วนความคืบหน้ากรณีตำรวจ สน.บางเขน รับแจ้งพบระเบิดสังหารแบบเอ็ม 67 เอ็ม 26 และเครื่องกระสุนบรรจุอยู่ในกล่องพัสดุ ที่ศูนย์ส่งสินค้าเคอรี่เอ็กซ์เพรส สาขาบางเขน พบเป็นการกระทำของทหารนอกแถวลักยุทธภัณฑ์ออกมาจำหน่าย ตำรวจ-ทหารและหน่วยงานด้านความมั่นคงอยู่ระหว่างสืบสวนขยายผล รวมทั้งวางมาตรการรักษาความปลอดภัยตามสถานที่สำคัญอย่างเร่งด่วน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนขยายผลเพิ่มเพื่อดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานและอำนวยความสะดวกแก่ตำรวจในการสืบสวนขยายผล รวมทั้งให้หน่วยงานต่างๆ ระมัดระวัง ตรวจสอบเก็บรักษาและควบคุมบัญชีกระสุน วัตถุระเบิด ให้เป็นตามมาตรฐานราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด หากพบมีกำลังพลของกองทัพบกไปเกี่ยวข้องการกระทำความผิด ต้องถูกดำเนินการทั้งวินัยและอาญาขั้นเด็ดขาด ส่วนจะมีความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิด 3 จุดที่เกิดขึ้นก่อนหน้าหรือไม่นั้น เบื้องต้นยังไม่พบ,มีรายงานว่าหลังทหารตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบริษัทจุดพบระเบิด พบภาพขณะ ส.อ.ธนากรณ์ บุญกาญจน์ อายุ 28 ปี ทหารสังกัด ช.พัน. 1 รอ. ในชุดเครื่องแบบทหารขณะส่งพัสดุ ทหารจึงเดินทางไปคุมตัว ส.อ.ธนากรณ์มาสอบสวนในฐานะผู้ต้องหาลักยุทธภัณฑ์ ประกอบด้วย ระเบิดสังหารแบบเอ็ม 67 เอ็ม 26 และเครื่องกระสุนปืนออกจากคลังอาวุธมาจำหน่ายส่งทางพัสดุ เบื้องต้นเจ้าตัวรับสารภาพก่อเหตุมานานแล้ว มักไปส่งพัสดุด้วยตนเอง ใช้ชื่อนายอิสระพงศ์ พรหมบุตร ตรวจสอบบัญชีการส่งของบริษัทเคอรี่เอ็กซ์เพรส สาขาบางเขน พบการส่งพัสดุไปถึงผู้รับครบถ้วนตามขั้นตอนรวม 22 ครั้ง มีจุดหมายปลายทางหลายจังหวัด อาทิ จ.สุราษฎร์ธานี จ.สมุทรสาคร จ.สมุทรปราการ จ.ขอนแก่น จ.พิษณุโลก จ.ลพบุรี จ.จันทบุรี จ.พระนครศรีอยุธยา ทั้งนี้ทหาร-ตำรวจอยู่ระหว่างเร่งติดตามยุทธภัณฑ์ทั้งหมดที่ถูกลักออกจากคลังแสงไปจำหน่าย เพราะเกรงว่าจะถูกนำไปก่อเหตุร้ายแรงเป็นภัยต่อความมั่นคง รวมทั้งเตรียมขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการ คาดว่ามีมากกว่า 1 คน,ขณะที่การติดตามยุทธภัณฑ์ที่ถูกลักออกจากคลังแสงไปจำหน่ายนั้น ที่ จ.สุราษฎร์ธานี บ่ายวันเดียวกัน พ.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รอง ผบ.พล.ร.5 พ.ต.อ.วิชอบ เกิดเกลี้ยง รอง ผบก.ภ.จ.สุราษฎร์ธานี ร่วมกันสอบปากคำนายนเรนทร์ฤทธิ์ ทองสีทอง อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 185/5 หมู่ 6 ต.ทุ่งเตาใหม่ อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี ที่ถูกจับกุมพร้อมของกลางปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก ปืนขนาด .22 ชนิดสั้นและยาว อย่างละ 1 กระบอก เครื่องกระสุน พืชใบกระท่อม และยาแก้ไอจำนวนหนึ่ง พ.อ.เกรียงไกร เปิดเผยว่า จากการสอบสวนนายนเรนทร์ฤทธิ์สารภาพสั่งซื้ออาวุธของกลางจากกลุ่มขายอาวุธทางออนไลน์ในราคากระบอกละ 60,000 บาท จัดส่งผ่านบริษัทเคอรี่เอ็กซ์เพรส ก่อนนำไปขายต่อให้กับเพื่อนและคนเฝ้าสวนในราคากระบอกละ 65,000 บาท ทำมาแล้วกว่า 1 ปี คุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี ดำเนินการ,อีกราย ที่สถานีสารวัตรทหาร มทบ.23 ค่ายศรีพัชรินทร์ จ.ขอนแก่น เวลา 17.00 น. ทหารคุมตัวนายเกษมสุข หรือกัส นามศรี อายุ 25 ปี จากบ้านเลขที่ 79/1 หมู่ 2 ต.โนนพะยอม อ.ชนบท จ.ขอนแก่น ตามอำนาจ ม.44 และคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 มาสอบสวนขยายผล หลังพบเอกสารการส่งระเบิดเอ็ม 67 จำนวน 4 ลูก ไปยังนายเกษมสุข เบื้องต้นเจ้าตัวให้การว่า เคยสั่งซื้อระเบิดผ่านทางเฟซบุ๊กหลายครั้งแต่มักถูกโกง กระทั่งครั้งนี้สั่งซื้อระเบิดเอ็ม 67 จำนวน 2 ลูก และระเบิดเอ็ม 26 จำนวน 2 ลูก ราคาลูกละ 3,500 บาท โอนเงินไปแล้วอยู่ระหว่างขั้นตอนการรอรับของแต่มาถูกจับเสียก่อน ที่ซื้อระเบิดนั้นไม่ได้เอาไปทำร้ายใคร เพราะไม่ได้โกรธเคืองกับใคร ไม่ได้อยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ซื้อเพราะชอบ อยากได้ อยากเห็น อยากสัมผัสของจริง ประกอบกับเป็นคนชอบอาวุธมาตั้งแต่เด็ก,ด้านการวางมาตรการป้องกันอารักขาสถานที่สำคัญ ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต. ภาณุรัตน์ หลักบุญ รอง ผบช.น. ประชุมตำรวจ บก.น.1-9 บช.ส. ทหาร ทภ. 1 ตัวแทนการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (BTS) และตัวแทนจากรถไฟฟ้ามหานคร (MRT) พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามคำสั่ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เพื่อปรับมาตรการเฝ้าระวังตามแนวรถไฟฟ้ารถไฟใต้ดิน ป้องกันเหตุร้าย สร้างความมั่นใจให้กับประชาชน หลังเกิดระเบิดและพบวัตถุต้องสงสัยในพื้นที่ กทม.หลายครั้ง ก่อนนำกำลังตำรวจ ทหาร และสุนัขตำรวจ ไปตรวจสอบระบบรักษาความปลอดภัยและการคัดกรองผู้โดยสารที่สถานีรถไฟฟ้าพญาไท
พันจ่าอากาศเอก สังกัดหน่วยข่าว กอ.รมน.กรุงเทพฯ ซิ่งกระบะตกถนนตราด-คลองใหญ่ อ.เมืองตราด ทหารพรานเข้าไปช่วยพบซุกอาวุธสงครามเพียบระหว่างนั้นมีรถทะเบียนเขมรแหกด่านเข้ามาดู พฤติกรรมผิดสังเกต เลยคุมตัวไปสอบเชิงลึก คาดเอี่ยวแก๊งค้า
ข่าว
อาวุธปืนสงคราม,ตราด,ภคิน เดชพงษ์,จ่าขนปืน,รถขนปืน
https://www.thairath.co.th/news/961927
เจ๊ติ๋ม โต้ล้มละลาย ทีวีดิจิตอลแค่พัง ทีวีพูลฟุบหนักแต่ไม่เจ๊ง
ติ๋ม พันธุ์ทิพา หรือ ติ๋ม ทีวีพูล แถลงข่าวพร้อมทนายความยันไม่ล้มละลายแน่นอน หนังสือในเครืออีก 3 เล่มยังไม่ปิด ฟุ้งธุรกิจโซเชียลกำลังเดินหน้าไปได้ดี ส่วนทีวีพูลฟรีก๊อบปี้ เป็นการเสนอข่าวสั้นๆ ว่าในทีวีพูลเล่มวางขายจะมีข่าวอะไรบ้าง ส่วนกรณีกับ กสทช. ยืนยันตนเองไม่ผิด กสทช.เป็นฝ่ายผิด ที่ยังไม่มีความพร้อมกับการทำทีวีดิจิตอลตามที่โปรโมตเอาไว้ก่อนหน้านี้ และได้ยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวไปเมื่อวันที่ 15 ก.พ. กับศาลปกครองเรื่องระงับให้แบงก์จ่ายเงินให้ กสทช. จะจ่ายเงินก็ต่อเมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุดก่อนถึงจะจ่าย,หลังจากที่มีกระแสข่าวออกมาอย่างหนาหูว่า เจ้าแม่แห่งวงการบันเทิงอย่าง ติ๋ม พันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย หรือที่หลายคนรู้จักกันในนามว่า ติ๋ม ทีวีพูล กลายเป็นเสือสิ้นลายกำลังจะล้มละลาย เพราะทีวีดิจิตอล ซึ่งหลังจากที่ปล่อยให้กระแสข่าวดังกล่าวออกมานานพอสมควร ล่าสุด ติ๋ม ทีวีพูล ก็ตัดสินใจแถลงข่าวชี้แจงถึงเรื่องข่าวลือดังกล่าวที่ออฟฟิศทีวีพูล ซอยลาดพร้าว 101 ว่า,เหตุผลที่ต้องแถลงข่าววันนี้นะคะ เพราะว่าเมื่อวันเสาร์ที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา เราได้รับจดหมายจากทาง กสทช. ว่าให้นำเงิน 1,748,808,000 บาท เอาไปจ่ายกับ กสทช.ภายใน 30 วัน มิฉะนั้นจะดำเนินการตามอะไรของเค้า เราเลยได้ทำเรื่องขอคุ้มครองที่ศาลปกครองกลางไปเมื่อวันจันทร์ แต่เรื่องก็ยังไม่ได้ออกมาว่าจะนัดไต่สวนกันวันไหน รู้สึกว่าเอกสารยังไม่มา กำลังตามเรื่อง แต่จะนัดไต่สวนกันในเร็วๆ นี้ ก็คงจะได้เห็นเราเจอกับ กสทช.อีกครั้งที่ศาลนะคะ เรื่องราวที่เราจำเป็นจะต้องแถลงข่าว เนื่องจากว่าได้ประชุม AE คนขายคนโฆษณาของบริษัทเรา ซึ่งเรามีธุรกิจอยู่ 2 อย่าง คือทำนิตยสารอยู่ 3 เล่ม ทีวีพูล สไปซี่ สตาร์นิวส์ ซึ่งมีข่าวลือมาว่าจะปิดแต่มันไม่เป็นความจริง และธุรกิจทำรายการทีวีอยู่ช่อง 5 ชื่อรายการ ทีวีพูลไลฟ์ และมีช่อง 44 เป็นดาวเทียม เราไม่ได้ทำดิจิตอล แต่เราก็ยกผังดิจิตอลมาทำที่ดาวเทียม ทำร่วมกับมูฟวี่ ฮิต และธุรกิจที่กำลังเติบโตมากคือโซเชียล และเว็บไซต์ ก็อยู่ในอันดับต้นๆ และภายในปีนี้เราจะขึ้นอีก 2 เว็บและ 2 เฟซบุ๊ก,และธุรกิจอีกอย่างคือ เดอะบลูม ที่เขาใหญ่ มีห้อง 200 ห้อง รับธุรกิจสัมมนา มีแพลนจะดึงนักท่องเที่ยวจากเพื่อนบ้าน เพราะเปิด AEC เลยประชุมเซลส์ของทุกฝ่าย เลยได้รู้ว่าลูกค้าตกใจกับข่าวที่บอกเราจะล้มละลาย เค้าเลยไม่กล้าที่จะจองคิวลงทัวร์ กระแสล้มละลายมันแรงมาก มันทำลายธุรกิจของเรา ขนาดเซลส์เก่าๆ ของเราที่ดีลกับลูกค้ามานานยังเจอปัญหาเรื่องกระแสล้มละลายเลย และเรื่องนี้ยังกระทบไปถึงครอบครัวของเราด้วย รู้สึกว่ามันเริ่มซีเรียสมากแล้วสำหรับครอบครัว คือที่ไม่ออกมาพูดตั้งแต่ก่อนหน้านี้ คือมั่นใจมากว่าเราไม่ผิด กสทช.เป็นฝ่ายผิด คนดีทำไมต้องถูกลงโทษ เราเป็นคนเคร่งครัดกับศาสนามาก เพราะอย่างนี้เลยต้องนัดเจอกัน บอกให้ทุกคนรู้ว่าเราจะเดินไปในทิศทางไหน คดีกับ กสทช. เรื่องราวจะดำเนินไปถึงจุดไหน ซึ่งต้องให้ทนายพูด,สุชาติ ชมกุล ทนายความ ได้เปิดเผยถึงรายละเอียดของเรื่องการฟ้องร้อง กสทช. กลับ และการขอคำสั่งศาลระงับการยึดแบงก์การันตีกับศาลปกครองกลาง ว่า,เรื่องที่ฟ้องคดีกับ กสทช. ทางพี่น้องสื่อมวลชนก็คงจะตามข่าวกันมาตลอด เพราะว่าเป็นผลกระทบต่อวิชาชีพของพวกเรา การที่ ไทยทีวีออกมาฟ้อง กสทช.เนื่องจากว่าเราไม่ได้รับความเป็นธรรม คือ กสทช. ไม่ได้ทำตามแผนแม่บท เราได้ฟ้อง กสทช.ไป คดีอยู่ในระหว่างการดำเนินคดีของศาล ซึ่งมีคนถามมาเยอะว่าการที่เราไปออกอากาศอีก 3 เดือน เป็นการต่อสัญญาหรือไม่ตรงนั้น ขอยืนยันวันนั้นที่มีการพูดคุยกันเรายืนยันว่าเราต้องการยกเลิกเท่านั้น เราไม่ทำแล้ว เพราะว่ากสทช. ไม่ได้ปฏิบัติตามคำมั่น ก็มีการพูดคุยทาง กสทช. ก็ได้บอกมาว่าขอเวลาอีก 3 เดือน มาร่วมมือกัน ส่วนที่ กสทช. จะให้เราจ่ายเงินงวดที่ 2 ก็ไม่มีเลยนะครับ ในรายงานกระบวนพิจารณาไม่ได้พูดถึงเลย เพราะวันนั้นมีแค่การไกล่เกลี่ยและพูดกันว่าเรื่องเงินไม่ต้องพูด เพราะวันนี้ไทยทีวีเป็นฝ่ายฟ้อง กสทช.พันกว่าล้าน ยังไม่รู้ผลว่าไทยทีวีต้องจ่ายเงินให้ กสทช. หรือว่า กสทช. จะต้องเป็นผู้จ่ายเงินให้ไทยทีวี อันนี้ไม่ต้องพูดเลยว่าใครจะเป็นคนจ่ายให้ใคร,ก่อนที่จะเข้าเจรจาวันนั้น ได้มีหนังสือจาก กสทช. ที่จะยึดแบงก์การันตีเราประมาณ 1,600 กว่าล้านเศษ เราไปยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวในวันนั้นด้วย ปรากฏว่าวันนั้น คณะกรรมการ กสทช. มา 2 ท่าน มาระงับ โดยแถลงศาลว่า กสทช. ยังไม่เคยมีมติที่จะยึดแบงก์การันตี มีปรากฏในงานกระบวนพิจารณา อันนี้ทางผู้พิพากษาก็ถามว่า ในเมื่อไม่มีมติหนังสือออกมาได้อย่างไร แล้วที่มายื่นคำร้องจะทำอย่างไร ก็คุยกัน ปรากฏว่า กสทช. ตอบว่าการทำงานล้อหลังแซงล้อหน้า ไปตีความหมายกันเอาเอง ไม่ขออธิบาย วันนั้นวันที่ 15 ก.พ. เราก็ยื่นคำร้องขอถอนคุ้มครองชั่วคราว เพราะเราเชื่อว่า เราไม่ได้เป็นฝ่ายผิด ณ วันนี้เราเป็นฝ่ายฟ้องคดี เป็นฝ่ายผู้เสียหาย เราเชื่อว่าศาลจะเมตตาเราในการคุ้มครองชั่วคราวให้เราไม่ต้องจ่ายเงินให้ กสทช. จนกว่าคดี หรือจะมีคำพิพากษาของศาลจนถึงที่สุดให้เราจ่าย ในเมื่อไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด เราก็ยังไม่ต้องจ่าย มีข่าวออกมาว่าจะต้องจ่ายแบงก์การันตี มีหนังสือออกมา 1,700 กว่าล้านเศษ อันนั้นเป็นแค่การทำตามระเบียบของ กสทช. ถ้า กสทช. ไม่ทำ เป็นการละเว้น ละเลย อันนั้นเราไม่ก้าวล่วง,ส่วนเรื่องของการจะยึดแบงก์การันตีตามหลักจริงๆ กสทช. จะต้องไปฟ้องศาล เพราะมันมีเรื่องพิพาทกันอยู่ในศาล ยังไม่ทราบว่าใครจะต้องจ่ายใคร และยังไม่รู้ว่าใครเป็นฝ่ายผิดสัญญา มีความเสียหายแค่ไหน มีความเสียหายอย่างไร ใครจะต้องเป็นผู้จ่าย แล้วต้องจ่ายแค่ไหนอย่างไร วันนี้เรายังไม่รู้ ควรให้ศาลมีคำพิพากษาให้ถึงที่สุดก่อนว่าใครจ่าย ถึงวันนั้นเรามีจ่าย ไม่ต้องกลัว เงิน 1,600 กว่าล้าน แบงก์การันตีเรา 1,600 กว่าล้าน หลักทรัพย์เรามีมูลค่ามากกว่า แต่ความเสียหายมันเกินจะเยียวยา ผลกระทบตรงนี้จะมากกว่า กับพนักงานธุรกิจต่างๆ ของทีวีพูล หรือ ไทยทีวี อีกหลายพันล้าน อีก 7-8 ปีกว่าจะเสร็จคดี อาจจะสูงขึ้นถึงหมื่นล้าน ตรงนี้ใครจะรับผิดชอบ ลูกน้องเรา พนักงานเรากว่า 4-5 ร้อยคน ครอบครัวเค้าอีก วันนี้ใครจะรับผิดชอบ จะต้องใช้กฎหมายและคำพิพากษาของศาลจะดีกว่าครับ ศาลจะนัดฟังคำร้องวันที่ 23 ก.พ. นี้ เวลา 13.00 น. ยื่นคำร้องขอคุ้มครองกรณีแรกเราไม่ได้เป็นฝ่ายผิด เราเป็นฝ่ายผู้เสียหาย เราเป็นฝ่ายฟ้องร้องคดี 2 ให้ศาลคุ้มครองเรื่องที่แบงก์จะจ่ายเงินให้ กสทช.เราจะต้องรอคำพิพากษาถึงที่สุดด้วย วันนี้ยังไม่มีใครตอบได้ว่าใครจะเป็นคนจ่ายเงินให้ใครกันแน่ ทุกฝ่ายต้องรอคำพิพากษาให้ถึงที่สุดก่อน กสทช.จะยึดช้ายึดเร็วก็ได้เงินอยู่แล้ว แต่ถ้ายึดตอนนี้จะส่งผลกระทบ,หลังจากนั้น ติ๋ม ทีวีพูล ก็ได้เปิดเผยความรู้สึกถึงเรื่องนี้ต่อว่า มานั่งคิดเล่นๆ แปลกใจมากว่าเราไม่ได้เป็นคนผิด แล้วทาง กสทช. เป็นที่ประจักษ์ทั้งประเทศว่าเค้าผิดอะไร เค้าผิดแน่นอน เพราะลูกค้าของพี่ก็บอกว่าเค้าผิด ถ้าอำนาจรัฐมันสามารถข่มเหงประชาชนได้อย่างนี้ สังคมมันก็คงจะยุ่งเหยิง เลยเขียนปิดท้ายไว้ด้วยว่า เอกชนผิดรัฐให้เอกชนรับผิดชอบ แต่พอรัฐผิดรัฐยังให้เอกชนรับผิดชอบ มันคือความยุติธรรมในสังคมไทยหรือเปล่า เพราะฉะนั้นเรามั่นใจว่าไม่ผิด มันเป็นที่ประจักษ์ ถามใครๆ ก็ได้ว่างานนี้ กสทช. ผิดหรือเปล่า รับรองได้ว่าทุกคนต้องตอบว่า กสทช. ผิด ตั้งแต่เรื่องกล่อง ทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้แจก 2.9 ล้าน ผ่านมาจะ 2 ปีแล้วก็ยังไม่แจก แผนประชาสัมพันธ์ที่จะต้องทำก็จะไม่เป็นรูปธรรมเลย ยังไม่ได้เห็นเลยว่าประชาสัมพันธ์ไม่เหมือนที่เมืองนอก เค้าเต็มที่มา บิลบอร์ด 2 ข้างถนน วิทยุ โทรทัศน์ ไปตรงไหนก็เจอ เป็นเรื่องตื่นเต้นของเค้า แต่ของเราเงียบมาก ทีวีดิจิตอลมีความสำคัญต่อประเทศมาก เพราะมันเป็นสื่อสาธารณะ คนจนคนรวยมีสิทธิ์เท่ากันที่จะได้รับเสพ ทุกประเทศมีสื่อทีวีดิจิตอล ไม่มีประเทศไทยไม่มี คลื่นความถี่เป็นของมีค่า ถ้าทำเป็นดิจิตอลเป็นช่องได้เยอะ คลื่นเหลือก็ไปทำอย่างอื่นได้อีกเยอะ เป็นทรัพย์สินอย่างหนึ่งของชาติ จะมาใช้ระบบอนาล็อกเดิมๆ มี 4-5 ช่อง มันก็ไม่ใช่ โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว ,เราได้ฟ้อง กสทช. และศาลคงจะเมตตาและเข้าใจ เพราะเราขึ้นศาลมา 2 ครั้งแล้ว เราก็เช็กกระแสสังคมตลอด ถามเรื่องนี้ทุกคนก็บ่นก็ว่ากันหมด ที่มาวันนี้ก็เป็นดิจิตอลก็เยอะใช่มั้ย ก็ทราบกันว่าเป็นอย่างไร พวกเราเหนื่อยกันแค่ไหน กสทช. ทำร้ายเราอย่างไรบ้าง ทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนไปอย่างนี้ พวกที่เป็นเจ้าของในวันที่เราประมูลได้ คุยกันสนุกสนาน ดีใจที่ได้ เพราะไม่มีใครคิดไม่คาดฝันว่าจะเป็นอย่างนี้ เงินที่สะสมมาตลอดชีวิต ทุ่มเทให้กับงานนี้ทั้งหมด เพราะคิดว่ามันเป็นชิ้นโบแดง ไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น และเชื่อว่า ถ้ากสทช. ทำทุกอย่างตามที่ได้ให้คำมั่น โฆษณา ออกรายการต่างๆ ถ้าเค้าทำตามไม่มีใครเจ็บตัว ทุกคนอยู่ได้ แต่ตอนนี้ถามว่ามีใครไม่เจ็บตัวบ้าง เจ็บตัวกันทุกคน เพียงแต่ว่าใครจะทนมากหรือทนน้อย เราก็ยังเตือนคนอื่นให้มีสติมั้ย ไม่ใช่เจ็บก็ยังทน ถ้าไม่เยียวยาแต่ดันทุรังจะทำต่อ แต่ไม่เป็นไร แม้จะออกจากกลุ่มดิจิตอลแล้วก็ยังฝันอยากจะให้ดิจิตอลเกิดอย่างแข็งแรง เค้าต้องเยียวยา ต้องแก้ไขปัญหา ไม่ใช่โยนปัญหาไปให้ผู้อื่น กสทช. เป็นผู้สร้างปัญหาเอง เป็นคนทำผิดเอง ต้องแก้ปัญหาเอง ว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้เค้าอยู่ได้ เรายืนยันเลยว่าเค้าเป็นคนผิด พวกเราไม่ใช่ไม่เก่งนะคะ 17 บริษัท 24 ช่อง เราอยู่กันจนเชี่ยวชาญ,ในชีวิตยังไม่เคยทำอะไรล้มเหลว เป็นโปรเจกต์แรกในชีวิตที่ทำแล้วมันล้มเหลว มันน่าเชื่อมั้ยว่าคนเก่งๆ 24 ช่อง เลือดสาดกันหมดเลย มีใครบ้างไม่เจ็บตัวในวันนี้ วันนี้ขอเป็นหน่วยออกมา ถ้าไม่ออกมาสู้วันนี้ กสทช.ก็จะเดินช้ากว่านี้เยอะ เชื่อว่าอาจจะยังไม่คิดอะไรด้วยซ้ำ ยังไม่รู้ว่าตัวเองจะทำอะไร พอเริ่มมีการฟ้องส่งไป 12 ข้อว่าต้องแก้อะไรบ้าง เริ่มต้นแต่ไม่สำเร็จ การประชาสัมพันธ์ไม่เห็นรูปธรรม กล่องก็ยังมีปัญหา คุณภาพกล่องก็ยังไม่ได้มากมายปัญหา,ข่าวลือที่จะปิดทีวีพูลไม่จริง?,ไม่ปิดแน่นอนค่ะ เพราะนี่คือบ่อเงินบ่อทองของลูก เราไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับ ทีวีพูล สตาร์นิวส์ และสไปซี่แล้ว ให้ลูกมาๆ ดูแล ธุรกิจหนังสือ 3 เล่มยังดีอยู่ แต่มันไม่ดีเท่ากับของเดิม,ทีวีพูลมีทำเป็นฟรีก๊อบปี้เพราะอะไร?, คือฟรีก๊อบปี้เป็นความคิดของเรา ยอดขายหายไป 30 เปอร์เซ็นต์ เราแคร์กับลูกค้าที่ซื้อโฆษณาของเรามาก กลัวเค้าลงโฆษณาแล้วจะไม่ได้ผล ถ้าจะลดราคาโฆษณาเงินก็จะหายไป ก็เลยเอาโฆษณาทั้งเล่ม มาร่วมแล้วเขียนข่าวปูสไตล์โซเชียลสั้นๆ ว่าเล่มจริงจะมีข่าวอะไรบ้าง โดยมีหน้าข่าวแค่ 4 หน้าแล้วให้คนไปยืนแจก.
ติ๋ม พันธุ์ทิพา หรือ ติ๋ม ทีวีพูล แถลงข่าวพร้อมทนายความยันไม่ล้มละลายแน่นอน หนังสือในเครืออีก 3 เล่มยังไม่ปิด ส่วนกรณีกับ กสทช. ยืนยันตนเองไม่ผิด กสทช.เป็นฝ่ายผิด ที่ยังไม่มีความพร้อมกับการทำทีวีดิจิตอลตามที่โปรโมตเอาไว้
null
ติ๋ม พันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย,ติ๋ม ทีวีพูล,ติ๋ม ล้มละลาย,ติ๋ม ปิดทีวีพูล,ติ๋ม ทีวีพูล โดนฟ้องล้มละลาย,ติ๋ม ทีวีพูล ฟ้อง กสทช.,ติ๋ม ทีวีพูล โดน กสทช. ฟ้อง,ติ๋ม ทีวีพูล ล้มละลาย,ติ๋ม ทีวีพูล ทีวีดิจิตัล,ทีวีดิจิตัล,ข่าว,บันเทิง,ไทยรัฐออนไลน์,ติ๋ม แถลงข่าว,ติ๋ม ทีวีพูล แถลงข่าว
https://www.thairath.co.th/content/579343
เกษตรกรเลี้ยงโคนมนครสวรรค์ เริ่มตุนฟางข้าวเลี้ยงวัว รับมือภัยแล้งยาวนาน
เมื่อช่วงเช้าวันที่ 9 ม.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่จังหวัดนครสวรรค์ เกษตรกรผู้เลี้ยงวัวนมในพื้นที่ หมู่ 2 ตำบลพุนกยูง อำเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ ต้องกักตุนฟางอัดก้อนไว้เป็นจำนวนมาก เพื่อเตรียมไว้เลี้ยงวัวนม หลังสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ ส่อเค้ารุนแรงและมีแนวโน้มยาวนานต่อไปอีกหลายเดือน ขณะที่ นางสาวสุรีรัตน์ ศิริสัมพันธ์ เกษตรกรผู้เลี้ยงวัวนมในพื้นที่บอกว่า ในขณะนี้เกษตรกรที่เคยทำนาในหลายพื้นที่ได้หยุดการทำนา เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ทำให้แหล่งอาหารที่เคยหาได้ตามธรรมชาติแทบไม่พอ จึงต้องแก้ปัญหาโดยการ หาซื้อฟางอัดก้อนจากพื้นที่อำเภอรอบนอก มากักตุนไว้ใช้ในระยะ 3-4 เดือน เพื่อเตรียมไว้เลี้ยงวัวนมที่มีมากกว่า 50 ตัว ทำให้ต้องแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้นไปอีก ซึ่งจะเห็นได้ว่าผู้เลี้ยงวัวนมในพื้นที่ต่างก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน และคาดว่าภัยแล้งปีนี้จะยาวนานกว่าทุกปีที่ผ่านมา.
เกษตรกรที่เลี้ยงวัวนมในพื้นที่ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ ต้องเริ่มกักตุนฟางข้าวไว้เป็นอาหารแก่วัว 3-4 เดือน เพื่อรับภัยแล้งที่ยาวนาน จนอาจทำให้อาหารสัตว์ขาดแคลน อีกทั้งชาวนาในพื้นที่ก็หยุดปลูกข้าว
ข่าว,ทั่วไทย
ภัยแล้ง,เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม,อ.ตากฟ้า,อาหารสัตว์,ฟาร์มโคนม,ฟางข้าง,นครสวรรค์,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/central/1743476
ทหารมทบ.35 นำถุงพระราชทานมอบให้ 2ตายาย ป่วย-ยากไร้ อุตรดิตถ์
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 19 ก.ย.59 พล.ต.ทวีศักดิ์ วินิจสร ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 35 ได้มอบหมายให้ ร.ท.อดิเรก ใจอารีย์ หัวหน้าชุด ชป.มวลชน อำเภอเมือง อุตรดิตถ์ นำถุงพระราชทาน น้ำดื่มข้าวสาร และผ้าห่ม ไปมอบให้กับนายวิเชียร พานทอง อายุ 78 ปีและนางสมจิตร แจ้งสว่าง อายุ 72 ปี 2 ตายายเป็นผู้ยากไร้ ซึ่งปัจจุบันอาศัยทะเบียนบ้านเข้าอยู่ที่ 2/37 ถนนเจริญบัณฑิต ต.ท่าอิฐ อ.เมือง ซึ่งปัจจุบัน สร้างห้องเพิงไม้มุงสังกะสีบริเวณถนน พาดวารี ริมคลองชลประทาน ต.ท่าอิฐ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ หลังจากได้ย้ายจากที่ชุมชนเจริญพาดวารี เนื่องจากจะมีการรื้อชุมชนดังกล่าวโดยทางเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์กำลังหาพื้นที่จัดให้เป็นที่อยู่ใหม่ที่ดีกว่าเดิมนายวิเชียรและภรรยาจึงได้ออกมาขออาศัยอยู่ที่บริเวณเพิงไม้สังกะสีริมคลองชลประทานไปก่อน,นอกจากนี้นางสมจิตรภรรยาของตนได้ล้มป่วย ลุกเดินไปไหนไม่ได้ ต้องคอยพยุงตลอดเวลาเป็นเวลา 2 เดือนแล้ว ไปหาหมอก็ได้แค่รับยามารับประทานก็ยังไม่ดีขึ้นสาเหตุมาจากได้ลื่นล้มและล้มป่วยในเวลาต่อมา,นายวิเชียร กล่าวว่า เดิมตนเป็นพระเอกลิเกเก่า สมัยยังหนุ่มๆ ได้มาเล่นลิเกที่อุตรดิตถ์และได้มาพบรักกับภรรยาจึงได้อยู่กินกันมา นอกจากนี้ยังมีลูกชายอยู่ 1 คนซึ่งไปทำงานอยู่ที่กรุงเทพมหานครเป็นเวลากว่า 9 ปี ลูกชายไม่ได้กลับมาหาเลยทุกวันนี้ได้รับเพียงแต่เบี้ยผู้สูงอายุ คนละ 700 บาท/เดือน รวม 1,400 บาท ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งต้องอาศัยเร่ร่อนไปทั่วเมื่อถูกไล่ที่ก็จะหาที่อยู่ใหม่ทะเบียนบ้านก็ต้องขอเป็นผู้อาศัยอยู่จากคนอื่นเพื่อจะได้ทำบัตรประชาชน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอุตรดิตถ์ได้เข้ามาให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นเป็นเงิน 2,000 บาท และได้ประสานกับเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์เพื่อจัดหาหมอเพื่อตรวจเช็กอาการของคนป่วยเพื่อทำการรักษาต่อไป.
ทหารของ ปชช.!! มทบ.35 นำถุงพระราชทานมอบให้ 2 ตายาย ป่วย-ยากไร้ ไม่สามารถลุกเดินได้ต้องนอนตลอดเวลา ต้องอาศัยอยู่เพิงไม้มุงสังกะสี ริมคลองชลประทานในเมืองอุตรดิตถ์ ส่วนลูกชายทำงานในกรุงเทพฯ ไม่กลับบ้านมาพบเป็นเวลา 9 ปีแล้ว
ข่าว,ทั่วไทย
มอบถุงพระราชทาน,2ตายายผู้ยากไร้,วิเชียร พานทอง,สมจิตร แจ้งสว่าง,ป่วยยากไร้,พระเอกลิเกเก่า,อุตรดิตถ์,ทวีศักดิ์ วินิจสร,ผบ.มทบ.35
https://www.thairath.co.th/news/local/727404
การทดลองเรือนจำสแตนฟอร์ด Stanford Prison Experiment
มันทำให้ผมมีมุมมองที่เปลี่ยนไปเกี่ยวกับตัวเองโดยสิ้นเชิง และผมมีความเชื่อว่าคนเราทุกคนควรที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับผลของการทดลองนี้ โดยเฉพาะในบุคคลที่กำลังจะมีส่วนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมเช่นการรับน้องในมหาวิทยาลัย เป็นการทดลองทางจิตวิทยาที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด นำโดยศาสตราจารย์ทางด้านจิตวิทยา Philip Zimbardo ในปีค.ศ. 1971 เพื่อที่จะพยายามทำความเข้าใจพฤติกรรมของผู้คุมขังเรือนจำทั่วโลกในการทดลอง ได้ทำการคัดเลือกผู้เข้าร่วมทดลองเพศชายทั้งหมด 24 คนจากผู้สมัคร 75 คน และแต่ละคนจะได้รับการจับฉลากเพื่อที่จะสวมบทบาทเป็นผู้คุม และนักโทษ ภายในเรือนจำใต้ดินที่จำลองขึ้นในชั้นใต้ดินตึกภาควิชาจิตวิทยาในมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ผู้เข้าร่วมทดลองทุกคนไม่ได้รับคำสั่งใดๆ อีกนอกจากให้ สวมบทบาท ตามที่ได้รับเอาไว้ตามแต่สมควร ตลอดช่วงระยะเวลา 14 วันในการทดลองถึงแม้ว่าผู้เข้าร่วมทดลองทุกคนมาด้วยความสมัครใจ และทุกคนก็ทราบดีว่านี่เป็นเพียงการทดลองเพื่อสวมบทบาท พวกเขาสามารถที่จะขอถอนตัวออกจากการทดลองได้ทุกเมื่อ แต่บทบาทและสภาพแวดล้อมที่พวกเขาได้รับกลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของความจริงไปภายในไม่ช้า หลังจากได้เริ่มการทดลองไปเพียง 36 ชั่วโมง ผู้เข้าร่วมการทดลองคนแรกก็ได้แสดงอาการหวาดผวา และเสียสติขึ้นมาผู้คุมขังได้เริ่มทำการทรมานนักโทษของพวกเขาทุกวิถีทาง ตั้งแต่สั่งให้เช็คยอดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ลงโทษนักโทษทุกครั้งที่มีการเช็คยอดผิด สั่งให้นักโทษอุจจาระและปัสสาวะลงในถังที่จัดไว้ให้เท่านั้น ยึดเตียงนอนออกไปจากห้องขัง บังคับให้เปลือยกาย เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานผู้คุมกว่าหนึ่งในสามแสดงแนวโน้มของอาการซาดิสม์และความรุนแรงขึ้นมา และผู้คุมเกือบทุกคนแสดงความไม่พอใจเมื่อการทดลองต้องถูกยุติลงกระทันหันหลังจากผ่านไปได้เพียง 6 วันในขณะเดียวกัน นักโทษทุกคนต่างก็ยอมสยบให้กับอำนาจที่กำลังกดขี่พวกเขาอย่างสมบูรณ์ นักโทษทุกคนยอมรับชะตากรรมและการทารุณ รวมถึงปัจเจกบุคคลและสิทธิเสรีภาพอันเป็นสิทธิพื้นฐานของพวกเขาที่ถูกริดรอนออกไปโดยไม่มีการโต้แย้ง นักโทษบางคนถึงกับยอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้รับการอภัยโทษจากผู้คุมขัง ถึงแม้ว่าเขารับทราบว่าเขาสามารถเลือกที่จะยุติการทดลองได้ทุกเมื่อเพราะเหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้น? ผู้คุมเหล่านี้เป็นมนุษย์ที่ชั่วช้าเช่นนั้นหรือ? นักโทษเหล่านี้เป็นบุคคลที่ชอบถูกกดขี่เช่นนั้นหรือ?ไม่เลย ผู้ร่วมทดลองทั้งหมดเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำชื่อดังของโลก พวกเขาได้ผ่านการทดสอบทางจิตวิทยาเพื่อยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหาทางจิต หรือแนวโน้มไปสู่ความรุนแรง พวกเขาเป็นเพียงบุคคลธรรมดาเช่นพวกเราทุกคน และที่สำคัญ ไม่ได้มีความแตกต่างอย่างใดระหว่างผู้คุมและนักโทษ สิ่งเดียวที่แตกต่างกันระหว่างบุคคลทั้งสองกลุ่ม ก็คือ บทบาทที่ได้รับจากการจับฉลากโดยสุ่ม เครื่องแบบ และ ไม้กระบอง เป็นตัวแทนของอำนาจที่ได้ถูกมอบเอาไว้ผ่านทางบทบาทที่ถูกสมมติขึ้นบทบาทเหล่านี้ได้เปลี่ยนคนธรรมดาสองคน ให้กลายเป็นบุคคลที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงการทดลองนี้บอกอีกว่า นักโทษยอมเลือกที่จะทนอยู่กับชะตากรรม การกดขี่ เพียงเพราะมันเป็น บทบาท ที่พวกเขาได้รับ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะสามารถทิ้งบทบาทเหล่านี้ไปเมื่อไหร่ก็ได้ส่วนตัวแล้ว ผมไม่ได้คิดว่าการฝึกทหารที่เรียกว่าการซ่อมหรือประเพณีการรับน้องจะต้องเป็นสิ่งที่ชั่วร้าย หรือไม่ดีแต่อย่างใด และผมก็คิดว่าการคงรูปแบบข้างต้นไว้เพื่อการคงอยู่ของสถาบันหรือวัฒนธรรมไม่ได้เป็นเรื่องที่แย่เสมอไป ดัดแปลงจาก เมื่อ 4 กันยายน 2557
ทุกที่ผมได้ยินเรื่องเกี่ยวกับการฝึกทหาร การซ่อม หรือการรับน้องที่เลยเถิด จะทำให้ผมนึกถึงการทดลองทางจิตวิทยาอันนี้ขึ้นมาทุกครั้ง ครั้งแรกที่ผมได้ยินเรื่องการทดลองนี้
การเมือง,คุณภาพชีวิต,สิทธิมนุษยชน,วิทยาศาสตร์,สังคม
Philip Zimbardo,Stanford Prison Experiment,การเสียชีวิตในค่ายทหาร,จิตวิทยา,มติพล ตั้งมติธรรม,เรือนจำสแตนฟอร์ด
https://prachatai.com/journal/2017/11/74302
จนท.บุรีรัมย์ สนธิกำลังรวบ 4 ผู้ต้องหาแก๊งยารายใหญ่ เงินหมุนเวียน10 ล.
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 9 ก.พ. 2560 นายอนุสรณ์ แก้วกังวาล ผวจ.บุรีรัมย์ พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธ์ ด่านสุวรรณ์ รอง ผกก.บุรีรัมย์ นายเพชร สุพพัตกุล นายอำเภอนางรอง นายสาวิตร เจียมจิระพร นายอำเภอปะคำ พ.อ.เสน่ห์ ไกรจันทร์ รอง เสธ. มทบ.26 พร้อมชุดพิทักษ์บุรีรัมย์ ร่วมด้วยทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง โชว์ผลงานจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติด จ.บุรีรัมย์,สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2560 เจ้าหน้าที่วางแผนสืบสวนจับกุม นายศิริวัฒน์ หรือเก่ง จงพึ่งกลาง อายุ 24 ปี บ้านเลขที่ 34 ม.4 ต.เสิงสาง อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา และนายศรายุทธ หรือจักร กระแสโท อายุ 25 ปี บ้านเลขที่ 66/1 ม.4 ต.เสิงสาง อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา ได้ที่บริเวณถนนสายบ้านเทพ-ดงใหญ่ ต.โคกมะม่วง อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ พร้อมยาบ้าจำนวนหนึ่ง จากนั้นให้การซัดทอดว่ารับยาบ้ามาจาก นายพิรุณ หรือต้อง พุฒซ้อน อายุ 33 ปี เจ้าหน้าที่จึงวางแผนเข้าจับกุมได้ยังบ้านเลขที่ 76 ม.4 ต.ถนนหัก อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์,ต่อมา มีนายเบื้อก ติดต่อขอติดสินบนเจ้าพนักงานชุดจับกุม ขอให้ปล่อยตัว นายพิรุณ หรือต้อง พุฒซ้อน อายุ 33 ปี โดยจะจ่ายเงินให้ 160,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหานายเบื้อกติดสินบนเจ้าหน้าที่ นำตัวค้นบ้าน อายัดของกลาง รถยนต์เก๋ง 2 คัน กระบะ 1 คัน รถจักรยานยนต์ 6 คัน ยาบ้า 7,859 เม็ด สารไอซ์ 4.58 กก. อาวุธปืนสั้น 1 กระบอก พร้อมกระสุน บัญชีรายชื่อลูกค้ายาเสพติด 2 เล่ม และสมุดเงินฝากธนาคาร มีเงินหมุนเวียน กว่า 10 ล้านบาท
ฝ่ายปกครอง ร่วมกับทหาร-ตำรวจ จ.บุรีรัมย์ โชว์ผลงานจับกุมแก๊งค้ายารายใหญ่ ขยายผลรวบผู้ต้องหา 4 ราย พยายามติดสินบนจนท. อายัดรถยนต์ 3 คัน จยย.6 คัน ยาบ้า 7,859 เม็ด บัญชีรายชื่อลูกค้า สมุดแบงก์เงินหมุนเวียนกว่า 10 ล.
null
แก๊งค้ายาเสพติดรายใหญ่,ผู้ต้องหา,แก๊งค้ายา,นางรอง,บุรีรัมย์
https://www.thairath.co.th/content/855224
มีเฮ ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 2-15 บาทสิ้นเดือนม.ค.นี้
วานนี้ (4 ม.ค.2561) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวา คณะกรรมการพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำจากสามฝ่าย หรือ ไตรภาคี จะหารือเพื่อมีมติปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ภายในไม่เกินวันที่ 15 ม.ค.นี้โดยค่าแรงปรับใหม่มีผลทันทีสิ้นเดือนนี้ตามข้อสั่งการของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้ปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็นของขวัญปีใหม่แก่ผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศโดยอัตราค่าแรงขั้นต่ำจะปรับขึ้นเท่าใดนั้น ที่ประชุมไตรภาคี จะพิจารณาจากหลายปัจจัยมาประกอบ เช่น ความเป็นอยู่ของแรงงาน ค่าครองชีพ และผู้ประกอบการ ยังมีกำไร และมีศักยภาพในการลงทุนแข่งขัน รวมถึงค่าแรงของประเทศเพื่อนบ้านด้านนายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ไม่ได้มีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำมาแล้ว 3 ปี ซึ่งในปีที่ผ่านมาได้ปรับขึ้น 310 บาท เพียง 30 จังหวัดซึ่งอัตราที่บอร์ดค่าจ้างไตรภาคี เคยพิจารณาปรับขึ้นระหว่าง 2-15 บาท ซี่งครั้งนี้อาจขึ้นมากกว่า 15 บาท
ข่าวดีผู้ใช้แรงงานที่จะได้รับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในเงินเดือนงวดสิ้นเดือนมกราคมนี้ เฉลี่ย 2-15 บาท โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานจะเรียกประชุมบอร์ดไตรภาคี ภายในวันที่ 15 ม.ค.นี้ เพื่อให้ทันงวดการจ่ายเงินเดือนสิ้่นเดือนนี้
สังคม
กระทรวงแรงงาน,ค่าแรงขั้นต่ำ,แรงงาน,เงินเดือน,ข่าวไทยพีบีเอส,ThaiPBSnews,ไทยพีบีเอส,พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว
https://news.thaipbs.or.th/content/269094
โค้ชดาท ขอโทษแฟนบอล หวังช้างศึกยู-16 แกร่งขึ้นในอนาคต
วันที่ 27 ก.ย.61 ความเคลื่อนไหวหลังจบเกมนัดชี้ชะตา กลุ่มเอ ฟุตบอลยู-16 ชิงแชมป์เอเชีย 2018 ซึ่งขุนพล ช้างศึก ทีมชาติไทย พ่ายให้กับ ทาจิกิสถานไป 1-2 ตกรอบแรกไปอย่างน่าเสียดาย,ซึ่งหลังจบเกม โค้ชดาท ธงชัย รุ่งเรืองเลิศ ได้กล่าวขอโทษแฟนบอลที่ไม่สามารถทำตามเป้าหมายได้ พร้อมหวังว่าลูกทีมจะสามารถพัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้นไปอีกในอนาคต,ขอโทษแฟนบอลชาวไทย ขอโทษแฟนบอลทุกคน ผมและน้องๆ ทำเต็มที่แล้ว เราพยายามจะกลับมาให้ได้ ต่อจากนี้ไปเราจะมองไปที่การทำให้ทีมแข็งแกร่งขึ้น และพยายามรักษาทีมชุดนี้ไว้ ผมเชื่อว่านักเตะชุดนี้หลายคนในอนาคตจะก้าวไปเป็นกำลังหลักในทีมชาติชุดต่อๆ ไป,สภาพอากาศไม่น่าจะมีผล มันเป็นแค่จังหวะและสมาธิ เราพลาดง่ายๆ เราต้องเคี่ยวมากกว่านี้ และต้องรักษาสมดุลของเกม สมาธิเราพลาดแค่นิดเดียว เราก็พลาดไปทั้งหมด ทำให้เกมในวันนี้ไม่มีแต้ม ผมเสียดาย แต่ผมเห็นน้องๆ เล่นแล้วไม่เสียใจ เพราะทุกคนทุ่มเทให้กับประเทศชาติ เขายอมเสียสละจริงๆ และเล่นจากใจ,ต้องขอโทษแทนน้องๆ ด้วย ผมและทีมงานทำเต็มที่เพื่อแฟนบอลชาวไทยเสมอ ต่อจากนี้เราต้องมองถึงข้างหน้า เราจะทิ้งความเสียใจและการร้องไห้ไว้ที่นี่ เราต้องก้าวข้ามตรงนี้ให้ได้ และแข็งแกร่งขึ้น ตัวผมก็ต้องทำงานหนัก เพื่อทำให้ทีมชาติไทยเราไปฟุตบอลโลกให้ได้ เฮดโค้ชช้างศึกยู-16 กล่าวปิดท้าย.
นายใหญ่ของทัพช้างศึกยู-16 ออกมาขอโทษแฟนบอลชาวไทย ที่ไม่สามารถพาทีมก้าวขึ้นไปหยิบตั๋วชิงแชมป์โลกได้ ตามที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ก่อนหน้านี้
กีฬา,ไทยรัฐเชียร์ไทยแลนด์
ช้างศึก,ทีมชาติไทยยู-16,โค้ชดาท,ธงชัย รุ่งเรืองเลิศ,ฟุตบอลยู-16 ชิงแชมป์เอเชีย 2018
https://www.thairath.co.th/sport/trcheerthai/1385120
Salt Publishing สำนักพิมพ์ใหม่ที่ตั้งใจกรุยทางความคิดด้วยปรัชญาและวิทยาศาสตร์
ปัญหาสิ่งแวดล้อม ภาวะโลกร้อน โรคระบาด การมาถึงของเอไอแย่งงานมนุษย์ โลกถึงกาลอวสาน การย้ายไปอยู่ดาวดวงอื่น ฯลฯ อาจเป็นจินตนาการถึงโลกอนาคตที่ได้จากการดูหนัง ฟังข่าว อ่านนิยายดิสโทเปีย หลายคนเริ่มรู้สึกว่าเป็นเรื่องใกล้ตัว และตั้งคำถามว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นจริงเมื่อไร จะส่งผลกระทบต่อชีวิตของเราอย่างไรSalt Publishing คือสำนักพิมพ์ใหม่ที่ผลิตหนังสือฟิกชันและนอนฟิกชันที่มีส่วนผสมของปรัชญาและวิทยาศาสตร์ ซึ่งตัวแทนจากคณะบรรณาธิการและผู้ก่อตั้งสำนักพิมพ์อย่าง หนุ่ม-โตมร ศุขปรีชา ยุ้ย-สฤณี อาชวานันทกุล และแชมป์-ทีปกร วุฒิพิทยามงคล ต่างกล่าวว่าทั้งสองศาสตร์นี้ ครั้งหนึ่งในอดีตเคยเป็นศาสตร์เดียวกันหากมองย้อนกลับไปอดีตกาลถึงยุคที่มนุษย์เริ่มหัดตั้งคำถามต่อสิ่งต่างๆ และพยายามหาคำตอบ ไม่ว่าคำตอบที่ได้จะกลายเป็นความเชื่อ เป็นศาสนา หรือเป็นข้อที่รอการพิสูจน์ ก่อนจะมีคำว่า วิทยาศาสตร์ กระบวนการนี้เรียกว่า ปรัชญา นี่เป็นที่มาของชื่อสำนักพิมพ์ คำว่า Salt หรือเกลือ มันเป็นผลผลิตของการทำปฏิกิริยาระหว่างกรดกับเบส เช่น เกลือที่เรากินเป็นโซเดียมกับคลอไรด์ อีกอันก็จะเป็นกรดคลอริกกับโซเดียม ซึ่งมีเกลือหลายแบบมาก มันทำให้เห็นว่า Salt คือผลผลิตที่เกิดจากการรวมของสิ่งที่มันไม่เหมือนกัน แล้วมันอาจจะได้อะไรใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ โตมรกล่าวถึงเบื้องหลังของการคิดชื่อและการเลือกทำหนังสือจากทั้งสองศาสตร์นี้ และนี่คือบทสัมภาษณ์ขนาดยาวที่ THE STANDARD ได้คุยกับนักคิดนักเขียนชื่อดังของไทย ตั้งแต่ต้นทางจนถึงความสำคัญที่เราจำเป็นต้องเรียนรู้ทั้งปรัชญาและวิทยาศาสตร์ และสองศาสตร์นี้จะเป็น เครื่องมือ ที่ช่วยให้มนุษย์ตั้งรับกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในโลกได้หรือไม่อย่างไร Salt เปิดตัวมาว่าจะพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับปรัชญาและวิทยาศาสตร์ โดยบอกว่าสองศาสตร์นี้คือฐานสำคัญของความรู้มนุษย์ และในอดีตยังเคยเป็นศาสตร์เดียวกันมาก่อน ช่วยขยายความถึงแนวคิดนี้ของสำนักพิมพ์ให้ฟังได้ไหมสฤณี: ต้นตอของวิทยาศาสตร์และปรัชญามันมาจากการตั้งคำถามเดียวกัน คือการตั้งคำถามเกี่ยวกับตัวเราและเรื่องโลก เช่น เราเกิดมาทำไม มีใครมากำหนดว่าชีวิตเราจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้หรือเปล่า เรามีอิสรภาพแค่ไหน หรือตั้งคำถามกับโลก เช่น โลกเกิดมายังไง จักรวาลมีที่มาที่ไปไหม ใครเป็นคนสร้าง หรือพระเจ้าสร้างมัน คำถามพวกนี้มีมาตั้งแต่ยุคก่อนที่มนุษย์จะพัฒนาเครื่องมือหรือวิธีคิดที่เรียกว่าวิทยาศาสตร์ เพราะฉะนั้นในแง่นี้ปรัชญามาก่อน มันถือกำเนิดมาพร้อมมนุษย์ พอมนุษย์มีการพัฒนาภาษาก็พัฒนาวิธีการแลกเปลี่ยนกันได้ชัดขึ้น ถ้าอ่าน Isaac Newton ก็จะพบบรรยากาศของสมัยที่สองศาสตร์นี้กำลังจะแยกจากกัน เพราะว่านิวตันเองก็เรียกตัวเองว่านักปรัชญา สมัยนั้นคนอย่างนิวตันที่ศึกษาธรรมชาติเขาใช้คำว่า Natural Philosopher แล้วหนังสือที่ว่าเป็นวารสารวิทยาศาสตร์ฉบับแรกๆ ของโลกที่ตีพิมพ์โดย Royal Society สมาคมทางวิชาการ ก็เป็นวารสารที่ไม่ได้ใช้คำว่าวิทยาศาสตร์ แต่ใช้คำว่า Philosophical Transaction ธุรกรรมทางปรัชญา นี่เป็นตัวอย่างว่าแม้แต่ช่วงนั้นเองก็ยังไม่มีคำว่าวิทยาศาสตร์มาใช้จำแนกขนาดนั้น โตมร: สมมติว่าพันปีที่แล้วเราลืมตาตื่นมาในตอนเช้า เห็นแผ่นดินกว้างไกล คนหนึ่งอาจจะคิดว่าโลกมันต้องแบน บางคนคิดว่าโลกกลม บางคนคิดว่าโลกเป็นศูนย์กลาง ดวงอาทิตย์หมุนรอบเรา บางคนคิดว่าดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางแล้วโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ ปรัชญาเป็นแบบนั้นครับ ปรัชญาคือเวลาเราเห็นอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด เราลองตั้งคำถามแล้วหาคำตอบ ทีนี้สมมติว่าคำตอบบางอันมันอาจจะกลายเป็นศาสนาก็ได้ เคยมีนักปรัชญากรีกบางคนสอนเรื่องโลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล แล้วก็ไปคำนวณว่าพระอาทิตย์ขึ้นตอนไหน กี่โมง แล้วคำนวณถูกด้วยว่าในอีกร้อยปีข้างหน้าพระอาทิตย์จะขึ้นกี่โมงๆ บ้าง ปรัชญามันให้คำตอบเต็มไปหมด แต่มันยังไม่มีสิ่งที่เรียกว่าการทดลองหรือการพิสูจน์เกิดขึ้น การทดลอง หรือการพิสูจน์ ซึ่งเป็นหัวใจของวิทยาศาสตร์ เริ่มเกิดในแถวๆ ยุคของนิวตันนี่แหละ นิวตันเกิดในปีที่กาลิเลโอตาย ซึ่งสิ่งที่กาลิเลโอค้นพบคือเขาไปนั่งฝนกล้องโทรทรรศน์แล้วเอาไปส่องดาว จนกระทั่งเห็นว่ามันมีดวงจันทร์ของดาวพฤหัสบดีที่วันนี้เห็นอยู่ตรงนี้ อีกวันเห็นอยู่ตรงนั้น อีกวันไปอยู่ตรงโน้น จากนั้นหายไปหลายวันแล้วก็มาโผล่อีกที ซึ่งก็ทำให้อนุมานได้ว่ามันเกิดการหมุน มีการโคจรรอบดาวพฤหัสบดี จึงเอามาคำนวณหาข้อพิสูจน์ว่ามันมีการโคจรของดาวเคราะห์ เลยเป็นจุดเริ่มต้นของการพิสูจน์ การทดลองที่มันเป็นหลักเป็นฐาน เกิดคำว่าประจักษ์นิยมขึ้นมา มันประจักษ์ไง ไม่ได้คิดไปเองหลังจากนั้นมันก็เกิดศาสตร์ที่เรียกว่า New Science ขึ้น คือไม่ใช่แค่รักในความรู้เฉยๆ แต่วิทยาศาสตร์มันคือการพิสูจน์ได้ มันเลยเป็นเส้นทางที่แยกออกจากกัน แต่ไม่ได้แปลว่าปรัชญาไม่มีประโยชน์เลย เพราะมันยังมีคำถามอีกเยอะแยะ และคำตอบอีกหลายอันที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ สองศาสตร์ค่อยๆ แยกจากกันมากขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะเวลาและการพัฒนาด้านเทคโนโลยี วิวัฒนาการมาเรื่อยก่อนยุคนิวตันด้วยซ้ำสฤณี: ถ้าพูดรวมๆ คือมันมีการพัฒนาองค์ความรู้สะสมมาเรื่อยๆ คร่าวๆ ก็ตั้งแต่ยุคเรอเนสซองส์ ประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 14-15 ซึ่งเป็นยุคที่มาก่อนยุครู้แจ้ง มันคือการปูทางไปสู่ยุคแห่งเหตุผลอย่างที่พี่หนุ่มพูด นิวตันเกิดในปีที่กาลิเลโอตาย ซึ่งตอนนั้นเครื่องมือต่างๆ เรื่องเทคนิค วิธีการชั่งตวงวัด เริ่มมีการพัฒนาดีขึ้นแล้ว เช่น กล้องโทรทรรศน์ที่ในสมัยของกาลิเลโอยังขยายได้นิดเดียว ก็มีการพัฒนาทำเลนส์ที่มีความเที่ยงตรงมากขึ้น ทำให้การสังเกตแม่นยำขึ้น มันก็ใช้ผลของการสังเกต เรียบเรียง และประมวลออกมาเป็นทฤษฎีที่มีหลักฐานมารองรับ ทีปกร: ผมคิดว่าการคิดแยกระหว่างปรัชญาและวิทยาศาสตร์เป็นวิธีที่มีปัญหาในตัวเองเหมือนกัน เพราะเวลาเราเรียนรู้อะไรก็ควรเรียนรู้ในองค์รวม อย่างมีนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งชื่อ ริชาร์ด ไฟน์แมน โดนเพื่อนซึ่งเป็นกวีบอกว่าคุณไม่สามารถเห็นดอกไม้ได้สวยเท่าฉันหรอก แต่ริชาร์ดบอกว่าฉันเห็นว่ามันสวยได้เหมือนกันในฐานะที่มันทำปฏิกิริยาต่อกัน มันเป็นความสวยงามอีกแบบหนึ่งที่แตกต่างจากความสวยงามในแบบบทกวี ดังนั้นเวลาที่เราบอกว่าปรัชญาและวิทยาศาสตร์เป็นศาสตร์ที่แยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง มันนำมาซึ่งปัญหาต่างๆ มากมาย เช่น นักเทคโนโลยีในปัจจุบันมักถูกกล่าวหาว่าเป็น Solutionist คือนักหาทางออกอย่างเดียว ซึ่งดูเหมือนมันจะดี แต่มันเป็นการหาคำตอบในห้องปิด หาคำตอบในห้องที่ไม่ได้มีตัวแปรภายนอก นักเทคโนโลยีจะคิดว่าปัญหาคือแบบนี้ มีตัวแปร x y z ต้องหาคำตอบออกมาให้ x y z สมดุลที่สุด โดยที่ไม่ได้มองว่าเมื่อทางออกที่หาออกมานำไปปฏิบัติในโลกกว้างแล้วมันจะส่งผลอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งเรื่องพวกนี้มันเกิดขึ้นมาจากรากฐานที่ว่าเขาไม่ได้มองภาพองค์รวมทั้งหมด เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ มันก็สัมพันธ์กับวิทยาศาสตร์และปรัชญามากขึ้น เช่น เราบอกว่าในยุคปัจจุบันเรามีหุ่นยนต์ที่ทำงานแทนมนุษย์ได้แล้ว แต่ชีวิตที่ไม่ต้องทำงานเป็นชีวิตที่ดีไหม หรือว่าในอนาคตที่ไม่ต้องทำงานแล้วมีวิธีการจัดสรรทรัพยากรให้กับบุคคลต่างๆ ยังไงให้สมดุล หรือทำให้ทุกคนมีความสุขที่สุด ซึ่งความสุขคืออะไร ก็ต้องกลับไปที่ปรัชญาอีกนั่นแหละ สฤณี: หนังสือที่ Salt เลือกก็จะพยายามสื่อสารความหลากหลายแบบนี้ นักวิทยาศาสตร์บางคนใช้แว่นอันเดียวจนลืมไปว่ามันยังมีแว่นอื่นๆ อีก เราก็จะเลือกหนังสือของคนเขียนที่เขาไม่ได้เห็นแค่แว่นเดียว หรือจะเอาแว่นของวิทยาศาสตร์ไปมองปรากฏการณ์ทางสังคม อย่างหนังสือ Isaac Newton มันก็เป็นชีวประวัติของนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่ง แต่ถ้าอ่านดูก็จะพบว่ามันมีการถ่ายทอดด้านมืดของนิวตัน ความไม่เป็นวิทยาศาสตร์หลายๆ อย่างของนิวตัน ซึ่งถ่ายทอดด้วยวิธีในเชิงวรรณกรรม ก็คิดว่ามันเป็นหนังสือที่ให้อรรถรสในทางวรรณกรรมด้วย คณะบรรณาธิการที่มารวมตัวกันต่างก็มองเห็นความเชื่อมโยงที่สำคัญนี้ไปในทางเดียวกันสฤณี: ใช่ค่ะ คือเราทุกคนไม่ได้สนใจในเชิงแคบ เช่น ไม่ได้สนใจวิทยาศาสตร์แค่ว่าตอนนี้มีการวิจัยอะไรใหม่ๆ แต่เราสนใจเรื่องผลกระทบ อย่างพี่อ้อย (ดร.สรณรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์ – บรรณาธิการร่วม) ก็จะสนใจเรื่องการพัฒนาเมือง สิ่งแวดล้อม กับการพัฒนาสังคมมนุษย์ เราจะแก้ปัญหาส่ิงแวดล้อมในปัจจุบันได้ยังไง แอลสิทธิ์ (แอลสิทธิ์ เวอร์การา) สนใจเรื่องไซไฟมาก ส่วนคุณสุธรรม ธรรมรงค์วิทย์ บทบาทหลักในตอนนี้ก็เป็นบรรณาธิการบริหาร Science Illustrated ซึ่งก็เป็นแมกกาซีนวิทยาศาสตร์หัวนอกที่มีแฟนติดตามเยอะที่สุดแล้วในเมืองไทย ทีปกร: เวลาเราพูดถึงหนังสือวิทยาศาสตร์ เรามักจะนึกถึงหนังสือประเภทหนึ่งไปเลย เช่น ตำราเรียนฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ที่เป็นตำราแข็งๆ สอนใช้โปรแกรม เขียนโปรแกรม ซึ่งจริงๆ จักรวาลมันกว้างใหญ่กว่านั้นมากแล้ว หนังสือที่เราเลือกมาจะไม่ได้สุดขั้วเหมือนเคมี 101 แต่จะเป็นเคมีที่อ่อนมาทางมนุษย์มากขึ้น เป็นเทคโนโลยีที่เป็นวิทยาศาสตร์ปรัชญามากขึ้น มันจะอยู่เป็นส่วนผสมของ 3 อย่างนี้ กว่าจะได้แนวทางชัดเจนจนมาถึงวันที่ลงตัวเปิดสำนักพิมพ์ ผ่านกระบวนการอะไรกันมาบ้าง ทีปกร: จริงๆ มันมี 2 ภาค ภาคแรกมันเกิดขึ้นมาจากพอดแคสต์ของผมกับพี่หนุ่มชื่อ Omnivore ตอนนั้นเราอยากรวบรวมสิ่งที่เราพูดให้อยู่ในรูปแบบตัวหนังสือเพื่อที่จะได้อ่านซ้ำได้ ก็เลยคิดว่าทำสำนักพิมพ์ดีกว่า สฤณี: ภาคที่สองก็คือมีเพื่อนคือแอลสิทธิ์ มีแบ็กกราวด์ทำงานแบงก์เหมือนกัน ชอบอ่านหนังสือหลายๆ เรื่องคล้ายกัน และมีจุดร่วมอันหนึ่งคือเรารู้สึกว่ายังไม่ค่อยเห็นคนไทยทำนิยายไซไฟ พอเริ่มศึกษา เราพบว่ามันมียุคทองของนิยายไซไฟไทยเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว มันมีความหลากหลายสูงมาก แต่มันค่อยๆ หายไปจนกลายเป็นภาพจำของคนว่า ทุกวันนี้ถ้าพูดถึงนิยายไซไฟก็จะนึกถึงเรื่องหุ่นยนต์ นึกถึงนักเขียน เช่น อาร์เธอร์ ซี. คลาร์ก ไอแซก อาซิมอฟ หรือหนังสือไซไฟที่เราเห็นกันตามท้องตลาดที่ยึดโยงกับหนังฮิตหรือเรื่องที่กำลังจะเอามาทำหนัง จริงๆ โลกของไซไฟมันใหญ่มาก ยกตัวอย่าง 1984 นิยายดิสโทเปียที่เล่าถึงอนาคตที่โลกย่อยยับไปแล้ว แล้วมนุษย์จะต้องดูแลตัวเองยังไง หรืออีกแขนงหนึ่งชื่อว่า Alternate History คือการจินตนาการว่าถ้าอดีตมันไม่ใช่อย่างที่เราคิดจะเกิดอะไรขึ้น เช่น ถ้านาซีชนะสงคราม โลกทุกวันนี้จะเป็นอย่างไร หรือจะเป็นยังไงถ้าศาสนาหายไป คนจะยังมีศาสนาอยู่ไหม รวมถึงงานไซไฟที่เป็นเชิงวรรณกรรมเลย คือมีการเขียนแล้วลำดับเหตุการณ์ ถ่ายทอดพัฒนาการตัวละคร บางเรื่องก็ innovative มาก เช่น A Clockwork Orange ที่คิดภาษาใหม่ขึ้นมาเลยเพื่อการสื่อสาร เรารู้สึกว่าโลกของไซไฟมันสนุกมากด้วยความหลากหลายนี้ ก็อยากทำมาตลอด แต่ก็ยากที่จะนำเสนอไซไฟในรูปแบบที่คนไม่ชิน แม้เราจะเชื่อว่าหนังสือดีมากก็ตาม ถ้าทำเองก็สุ่มเสี่ยงที่จะขาดทุน แต่พอสองคนนี้จะทำสำนักพิมพ์ ซึ่งก็เป็นเรื่องวิทยาศาสตร์อยู่แล้ว เราก็มาร่วมกับเขาดีกว่า จะได้มีคนมาร่วมแบ่งความขาดทุน (หัวเราะ)โตมร: ลบกับลบแล้วมันจะเป็นบวก (หัวเราะ)ปกหนังสือ Why Grow Up? Isaac Newton และ Rise of the Robots สื่อถึงเรื่องปรัชญาและวิทยาศาสตร์ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต Photo: SALT Publishingคณะบรรณาธิการมีเกณฑ์ในการมองว่าวรรณกรรมที่ดีต้องเป็นอย่างไรโตมร: ผมนึกถึงความสะเทือนใจก่อน ไม่ได้แปลว่าสะเทือนใจแบบฟูมฟายอย่างเดียว แต่เป็นความสะเทือนใจที่เวลาอ่านแล้วเรารู้สึกสั่นสะเทือน เหมือนที่ ฟรานซ์ คาฟคา บอกว่าหนังสือที่ดีมันต้องอ่านแล้วเหมือนถูกฟาดด้วยไม้หน้าสาม แต่เรามักจะจำกัดความคำพูดของคาฟคาเฉพาะกับงานที่เป็นฟิกชันว่าอ่านแล้วรู้สึกโศกเศร้าหรือโรแมนติก แต่ผมว่าการถูกฟาดด้วยไม้หน้าสามที่เป็นนอนฟิกชันมันน่าสนใจด้วยเหมือนกัน เพราะมันคือการฟาดด้วยสิ่งที่คนเขียนไปค้นคว้ามาด้วยฐานของข้อมูล ข้อเท็จจริง แล้วกรองมันออกมาเป็นความจริงในมุมมองของคนเขียนนั้นๆ แล้วเอามาฟาดเรา สำหรับผม หนังสือที่ดี สิ่งนี้ต้องมาก่อนล่ะ คุณอาจจะสะกดผิดก็ได้ หรือใช้คำเยิ่นเย้อ แบ่งบทไม่ดี อะไรก็แล้วแต่ แต่มันชกเราได้ มันประสบความสำเร็จ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะต้องชกเราตั้งแต่เปิดมาหน้าแรก มีหนังสือหลายเล่มที่อ่านไปแล้วเบื่อหน่ายมาก แล้วความเบื่อนั้นมันเป็นฐานของการสร้างตอนจบที่มันระเบิดออกมา ถ้ามันไม่ทำให้เบื่อ ตอนจบมันจะไม่ยิ่งใหญ่อะไรขนาดนั้น สฤณี: ยุ้ยอาจจะต่างจากพี่หนุ่มเล็กน้อย คือไม่ได้คิดว่าหนังสือมันดีหรือไม่ดี คิดแค่ว่าหนังสือที่ตัวเองชอบหรือไม่ชอบ เราก็จะคิดเข้าข้างตัวเองว่าหนังสือที่เราชอบนี่แหละดี (หัวเราะ) ทีปกร: หนังสือดีสำหรับผมคืออ่านจบแล้วมีส่วนที่เอาไปใช้ประโยชน์ได้ พอมาย้อนคิดดูแล้ว หนังสือเล่มไหนที่มันยังทิ้งประโยคหรือทิ้งเครื่องมือในการคิดไว้ให้เรา แล้วเราสามารถใช้กรอบแบบนั้นไปคิดกับเรื่องอื่นๆ ได้ในอนาคต อันนั้นแหละคือหนังสือที่มันจะอยู่กับเรา เป็นหนังสือที่เรารู้สึกว่าไม่เสียเวลาที่อ่าน นอกจากเทคโนโลยีหรือเอไอ หนังสือไซไฟในปัจจุบันยังพูดถึงเรื่องอะไรอีกบ้างทีปกร: โห สนุกมากเลยช่วงนี้ สฤณี: ใช่ จักรวาลของไซไฟสนุกมากเลยค่ะ หลายเรื่องที่เราเคยคิดว่ามันไม่มีทางเกิดขึ้นได้จริง หรือเห็นแต่ในนิยาย เช่น เมื่อก่อนเราคิดว่าหุ่นยนต์กระป๋องจะมีหน้าตาเป็นหุ่นเหล็ก ไม่มีทางมีหน้าตาเป็นมนุษย์ได้ แต่ตอนนี้มันก็มีเทคโนโลยีที่ทำให้เหมือนมนุษย์แล้ว หรือบางทีมันไม่ต้องมาเป็นตัวๆ เป็นเอไอก็ได้ มีการแข่งขัน เช่น ให้คนไปโค้ดโปรแกรมแล้วมาดูว่าจะหลอกมนุษย์ได้ไหมว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ ซึ่งมันก็เริ่มน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ หรือมีการทดลองให้เอไอวาดรูป มันก็วาดได้แล้ว ทั้งที่เมื่อก่อนเราบอกว่าหุ่นยนต์ไม่มีความคิดสร้างสรรค์ แต่วันนี้สิ่งที่มันทำคืออะไรล่ะ ถ้าไม่เรียกว่า creativity ทีปกร: มันก็จะกลับมาที่ปรัชญานี่แหละว่าอะไรคือความคิดสร้างสรรค์ อะไรคือความเป็นมนุษย์ อะไรคือศิลปะสฤณี: ทำให้เรากลับมาสู่รากฐานของคำถามพวกนี้มากขึ้น อะไรที่เราเคยคิดว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน เป็นจินตนาการแบบสนุกๆ มันอาจจะไม่ใช่แล้วนะ แต่มันใกล้ตัวมากขึ้น ส่วนตัวคิดว่านิยายไซไฟมีบทบาทมากที่ทำให้คนจินตนาการถึงอนาคต ไซไฟมันเป็นพรมแดนที่ไร้ข้อจำกัดของจินตนาการของผู้เขียน มีนิยายไซไฟหลายเล่มที่ไม่ได้พูดถึงวิทยาศาสตร์หรือเทคโนโลยีแบบเข้มๆ เพราะมันมีการมองภาพหรือฉายภาพที่เป็นการตั้งคำถามมากขึ้น หรืออีกแขนงหนึ่งของไซไฟจะมีคำเรียกว่านิยายไซไฟเชิงปรัชญา ซึ่งไม่ได้เน้นเรื่องอุปกรณ์อะไรเลย แต่เป็นการตั้งคำถามถึงความเป็นมนุษย์ผ่านการจินตนาการให้ไปอยู่ในสถานการณ์แปลกๆ มีหลายเล่มที่จุดประกายความคิดให้นึกถึงอนาคตที่ใกล้ตัวเรามากขึ้น เช่น นิยายที่ฉายภาพโลกที่มันเละเทะไปแล้ว ไม่มีสิ่งมีชีวิตเหลืออยู่แบบใน Blade Runner หรือนิยายที่จินตนาการว่าน้ำแข็งขั้วโลกละลายจากภาวะโลกร้อนแล้วเกิดน้ำท่วมใหญ่ในอีก 30 ปีข้างหน้านี้ แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น หรือโลกที่มีเชื้อโรคเหมือนในหนัง 28 Days ซึ่งทุกวันนี้เชื้อโรคมันพัฒนาเร็วมาก และมี mutation ใหม่ๆ เต็มไปหมด ก็จะมีนิยายทริลเลอร์เริ่มเข้ามาสัมพันธ์กับชีวิตเรา ทีปกร: รู้สึกว่าไซไฟทุกวันนี้มันเป็นแพลตฟอร์มของการคิด อย่างที่บอกว่าไซไฟมันคือการตั้งคำถามว่า จะเป็นยังไง ถ้า…? ถ้าทุกคนมีคะแนนอยู่บนหัว แล้วคะแนนมากขึ้นน้อยลงตามพฤติกรรมของเรา ซึ่งมันมีจริงในประเทศจีน เราก็จะพอเห็นได้แล้วว่า ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นมันจะเป็นยังไง แล้วจะทำยังไงก่อนที่เราจะไปถึงจุดนั้น ซึ่งไซไฟมันก็ให้เครื่องมือในการคิดกับเราดูเหมือนว่าวัฒนธรรมการอ่านในบ้านเราไม่ค่อยเน้นมาทางวิทยาศาสตร์ พวกคุณมองว่ามันสะท้อนอะไรในสังคมบ้างหรือไม่ โตมร: มันกำลังเพิ่มขึ้น ผมเชื่อว่าตอนนี้คนรุ่นใหม่กำลังสนใจวิธีคิดหรือความรู้ใหม่ๆ ที่เป็นวิทยาศาสตร์ ก่อนหน้านี้คุณยุ้ยเคยทำหนังสือเรื่อง เศรษฐศาสตร์พฤติกรรม ซึ่งเป็นความรู้และเป็นวิทยาศาสตร์ มันขายดีมาก แต่คนรุ่นเก่าหน่อย เช่น คนในวงการการเมือง หรือในวงการโฆษณาอาจจะคุ้นชินกับนิตยสารกลอสซีแบบสมัยก่อน เขาอาจจะยังไม่คิดว่าคนรุ่นใหม่กระหายสิ่งที่เป็นความรู้แบบนี้ ถ้าสื่อสิ่งพิมพ์มันเริ่มตาย ซึ่งมันจริงในแง่ของนิตยสาร แต่หนังสือเล่ม ผมคิดว่า หนึ่ง มันไม่ตาย สอง ความตายจะมาถึงหนังสือเล่มที่เป็นฟองสบู่ คือหนังสือที่มีเนื้อหาที่เราหาอ่านได้จากในออนไลน์สฤณี: จริงๆ มันมีหลายปัจจัยที่ซัพพอร์ตว่าทำไมคนรุ่นใหม่ในสังคมไทยมีความสนใจมากขึ้น เรื่องแรกคือกระบวนวิธีคิดแบบวิทยาศาสตร์ถูกนำไปใช้ในศาสตร์อื่นๆ ที่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์มากขึ้น เช่น เศรษฐศาสตร์พฤติกรรม คือเศรษฐศาสตร์ที่ไม่ได้คิดด้วยเครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์ หรือการสร้างแบบจำลองตามปกติ แต่ไปเอาผลการทดลองจาก Neuroscience หรือจากนักประสาทวิทยามาใช้ เช่น เวลาเห็นเงินตกอยู่ที่พื้น ตัวเรามีการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีในสมองยังไง คือหาคำตอบที่เป็นวิทยาศาสตร์มากในการสกัดออกมาเป็นทฤษฎีอีกเรื่องหนึ่งคือความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์ข้อมูลจากการที่เรามีอินเทอร์เน็ตและการขยายตัวของเครือข่าย คืออยู่ดีๆ ก็มีข้อมูลเต็มไปหมด เราก็ต้องคิดแล้วว่าจะเอาข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์หรือประมวลผลยังไง เราก็เลยจะเห็นการใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์มากขึ้นในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะในสาขาที่เมื่อก่อนเราอาจคิดว่ามันไม่เป็นวิทยาศาสตร์ อีกปัจจัยใหญ่ก็คือสังคมไทยผ่านช่วงเวลาของความขัดแย้งมาสักระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าโลกออนไลน์เป็นเวทีสำคัญที่ให้วิธีมองได้หลายมุม ในแง่หนึ่งมันก็ดีมากเลย มีตั้งหลายเรื่องที่เราหาอ่านจากที่ไหนไม่ได้ ก็มาดูในออนไลน์นี่แหละ แต่อีกมุมหนึ่งมันก็มีข่าวปลอม ข่าวลือ ข่าวลวงเต็มไปหมด เพราะฉะนั้นตัวเราจะแยกแยะได้ยังไงว่าอะไรจริงไม่จริง เราจะมีวิธีคิดแบบไหน นี่ก็เป็นภาวะที่ทำให้หลายๆ คนมองเห็นถึงความสำคัญของการใช้เหตุผล การคิดวิเคราะห์ การประเมินข้อมูลอะไรต่างๆ ซึ่งเป็นฐานหนึ่งของวิทยาศาสตร์ มีอาจารย์สอนวิชาปรัชญาท่านหนึ่งเขียนจดหมายท้วงคณบดีที่ต้องการจะยุบสาขาปรัชญาในมหาวิทยาลัย ดูเหมือนจะยังมีคนไทยบางส่วนที่อาจมองว่าสาขานี้ไม่สำคัญสำหรับผู้เรียนในปัจจุบันทีปกร: จริงๆ เป็นทั่วโลกนะ โดยเฉพาะในประเทศที่กำลังพัฒนามักจะไปมองคำตอบที่ค่อนข้างสำเร็จรูป เราจะมองว่าคนที่เรียนสาขาวิทยาศาสตร์ บริหารธุรกิจ เป็นสาขาที่เรียนไปแล้วทำอาชีพเลี้ยงตัวเองได้ทันที แต่ไม่มองถึงอนาคต เช่น เมื่อหุ่นยนต์มาทำงานแทนที่ตำแหน่งงานไปแล้ว ตำแหน่งพวกนี้ยังจำเป็นอยู่ไหม ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าในแวดวงนักคิดในอเมริกามองว่าจริงๆ แล้วคนเราควรจะหันกลับมาที่วิชาที่สอนทักษะทางมนุษย์ทั้งหลาย เพราะเป็นทักษะที่อย่างน้อยเอไอก็ทดแทนได้ช้ากว่า คือในอนาคตอันใกล้ พวกอาชีพอย่าง ทนาย นักบัญชี หรือมาร์เก็ตติ้ง ก็จะถูกทดแทนอย่างรวดเร็วด้วยโปรแกรมอัตโนมัติหรือโรบอต แต่อาชีพที่จะถูกทดแทนได้ช้ากว่า เช่น ผู้ดูแลผู้สูงอายุ มันต้องอาศัยทักษะบางอย่าง รวมไปถึงความแม่นยำ สติปัญญาทางอารมณ์ ซึ่งหุ่นยนต์อาจต้องใช้เวลาอีกสักระยะในการพัฒนาทักษะทางมนุษย์เหล่านั้น กระทั่งในบริษัทโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างๆ ตอนนี้ตำแหน่งที่เป็นที่ต้องการมากคือตำแหน่งที่มีทักษะทางมนุษย์ทั้งหลาย เช่น นักจริยธรรม เพื่อมาดูว่าจริงๆ แล้วนโยบายที่จะมารันโซเชียลเน็ตเวิร์กเป็นยังไง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอย่างที่เฟซบุ๊กเพิ่งเผชิญมา มันก็เป็นสาขาที่มันไม่เป็นวิทยาศาสตร์เพียวๆ อย่างที่หลักสูตรของเราพยายามจะดันให้มันเป็นสฤณี: ความเห็นส่วนตัวคิดว่าการศึกษาที่ถามว่าเราเรียนกันไปทำไม ในเมื่อเราเรียนผ่านกูเกิลกับวิกิพีเดียก็ได้ แต่กูเกิลหรือวิกิพีเดียมันไม่เชิงเป็นความรู้ มันคือข้อมูล แต่ความรู้มันเกิดจากการซึมซับแล้วเรามาคิดประมวลผล มันจึงจะออกมาเป็นความรู้ อันนี้จึงเป็นความท้าทายเหมือนกันว่า บางคนอาจจะคิดว่าการมีโลกอินเทอร์เน็ตแล้วคิดว่าคนจะฉลาดขึ้น แก้ปัญหาเป็น แต่บางทีมันไม่ได้อัตโนมัติอย่างนั้น มันต้องมีกระบวนการเรียนรู้ซึ่งต้องผ่านการคิดที่เป็นเหตุเป็นผล ผ่านการใช้ทักษะอย่างเป็นระบบ ซึ่งวิชาปรัชญาคือรากฐาน แต่อาจจะไม่ใช้คำว่าปรัชญาก็ได้ เพราะในหลายโรงเรียนก็เลือกไม่ใช้ชื่อนี้ เพราะกลัวเด็กหนีหมด ไปใช้คำว่า Critical Thinking ทีปกร: พ่อแม่จะแฮปปี้นิดหนึ่งเวลาลูกไปเรียน Critical Thinking สฤณี: ใช่ เพราะฉะนั้นปัญหาเรื่องนี้ก็อาจจะให้ภาคปรัชญาลองเปลี่ยนชื่อ (หัวเราะ) แต่ในสังคมไทยมันก็มีปัญหาอย่างที่แชมป์พูดว่าคนที่เน้นนโยบายอาจจะมองเรื่องเศรษฐกิจเป็นหลัก ยังคิดเป็นกล่องเดียวอยู่ว่าเราต้องพัฒนาเศรษฐกิจ ต้องทำให้เด็กมีทักษะในการประกอบอาชีพ เพราะในความเป็นจริงมันก็มีปัญหานี้อยู่จริง เด็กจำนวนมากจบไปแล้วหางานทำไม่ได้ เข้าสู่ตลาดแรงงานแล้วไม่เวิร์ก แต่การแก้ปัญหาไม่ใช่แก้ด้วยการสร้างปัญหาใหม่ แทนที่คุณจะแก้ปัญหาให้ตรงจุด คุณก็ตีความไปว่าไอ้วิชาเหล่านี้มันไม่ได้มีผลผลิตเลยโตมร: สัญญาณของความด้อยพัฒนาก็คือความอยากพัฒนา และเลือกพัฒนาแต่สิ่งที่คิดว่าจะทำประโยชน์ให้ แล้วหลายอย่างที่เราละเลยก็คือข้อมูลพื้นฐาน เช่น สมมติในอังกฤษเขาจะมีข้อมูลไปนั่งนับจักรยาน ซึ่งเราอาจจะรู้สึกว่าไปนั่งนับจักรยานทำไม ไปนั่งนับปลาในแม่น้ำทำไม ไปทำข้อมูลที่ดูเหมือนว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรเลยไปทำไม แต่สิ่งเหล่านี้มันเป็นข้อมูลพื้นฐานที่ในอนาคตอีก 5 ปี 10 ปี 100 ปี 200 ปีข้างหน้า มันจะกลายเป็นฐานที่ทำให้คนรุ่นหลังหรือคนรุ่นต่อไปคิดอะไรได้มากขึ้น หรือว่าเกิดเรื่องใหม่ๆ ขึ้นมาและกลับมาย้อนดูได้ หน่วยงานราชการไทยจริงๆ เก็บข้อมูลเยอะนะครับ แต่เก็บในรูปแบบ เช่น PDF ซึ่งเอามาวิเคราะห์อะไรไม่ได้เลย ข้อมูล PDF เป็นล้านๆ หน้า ต้องมานั่งคีย์ใหม่เหรอ คือเราบกพร่องในหลายระดับตั้งแต่วิธีคิดกับข้อมูลพื้นฐาน เราไม่สนใจมัน แล้วเราด้อยพัฒนา เราเลยสนใจพัฒนาแต่เรื่องเทคนิค อยากจะสร้างเด็กที่เป็นเทคนิเชียนเพื่อเอามาทำงานในโรงงาน หรือว่าสร้างอะไรก็แล้วแต่ที่ประดิษฐ์คิดค้นสิ่งที่มันจะไปขายแล้วทำเงินได้ แต่ว่าไม่ได้สนใจความรู้ที่อยู่ใต้สิ่งที่คนเขาขายกันว่ามันคืออะไร เพราะฉะนั้นมันก็… สังคมต้องการความรู้พื้นฐาน (หัวเราะ)มองว่าอยากให้หนังสือของ Salt เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยในการตั้งคำถามทีปกร: ตั้งคำถามในเรื่องความสามารถในการตั้งคำถาม ผมว่าทุกวันนี้เรามีความสามารถในการตั้งคำถามหรือเปล่า มีความเป็นไปได้เหมือนกันที่เราจะอ่านโดยที่ไม่ตั้งคำถามเลยสฤณี: เราอาศัยความสนุกเป็นเครื่องมือ ถามว่าหนังสือของ Salt ตัวหัวข้อหรือประเด็นคนอาจจะรู้สึกไม่ชอบ มันก็ต่างจิตต่างใจ ดังนั้นเกณฑ์ในการเลือกหนังสือของเรา หรืออย่างน้อยคนบางกลุ่มต้องอ่านแล้วรู้สึกสนุก อ่านจนจบ ไม่ใช่อ่านสองบทแล้วที่เหลือก็เหมือนเดิม เราต้องไม่มีหนังสืออย่างนั้น ทีปกร: โดยเฉพาะการเป็นสำนักพิมพ์ขนาดเล็กไปจนถึงกลาง หนังสือเราเป็นฟิลเลอร์ไม่ได้ ทำไปงั้นๆ ไม่รู้จะขายดีไหม ไม่ได้ เราออกแค่ครั้งละ 3-4 เล่ม เพราะฉะนั้นทุกเล่มต้องคิดมาแล้วอย่างดี
Salt Publishing คือสำนักพิมพ์ใหม่ที่ผลิตหนังสือแนวปรัชญาและวิทยาศาสตร์ทั้งฟิกชันและนอนฟิกชัน โดยมีคณะบรรณาธิการและผู้ก่อตั้งสำนักพิมพ์คือ โตมร ศุขปรีชา สฤณี อาชวานันทกุล ทีปกร วุฒิพิทยามงคล สุธรรม ธรรมรงค์วิทย์ ดร.สรณรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์ และแอลสิทธิ์ เวอร์การาคณะบรรณาธิการมองว่าวิทยาศาสตร์และปรัชญาเคยเป็นศาสตร์เดียวกันและมีความสำคัญในการสร้างองค์ความรู้ของมนุษย์ โดยจะเลือกหนังสือที่เป็นวิทยาศาสตร์ ปรัชญา เทคโนโลยี และมีคุณค่าทางวรรณกรรม มีเป้าหมายสูงสุดคือหนังสือเป็นเครื่องมือที่ทำให้ผู้อ่านรู้จักการตั้งคำถาม
null
null
https://thestandard.co/salt-publishing/
โฆษกสภาทนายฯ ขอรัฐหนุนงบฯ โครงการทนายอาสาประจำสถานีตำรวจ ในแนวปฏิรูปยุติธรรมฯ
ปชช.ให้ความเห็นปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมสมบัติ วงศ์กำแหง โฆษกสภาทนายความ (ที่มาภาพ )16 ต.ค.2561สมบัติ วงศ์กำแหง โฆษกสภาทนายความ กล่าวถึงแนวทางการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม และแนวทางการแก้ไขปัญหาอุปสรรคการดำเนินการระหว่างองค์กร โดยเฉพาะแผนระยะเร่งด่วน ซึ่งมีอยู่ 4 เเนวทาง ประกอบด้วย 1. การรับแจ้งความร้องทุกข์ต่างท้องที่ 2. การห้ามนำตัวผู้ต้องหามาแถลงข่าว 3. โครงการทนายอาสาประจำสถานีตำรวจ และ 4. การปล่อยตัวชั่วคราวในวันหยุดราชการ ว่า ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสภาทนายความคือมาตรการเร่งด่วนข้อที่สามนั้น ทางสภาทนายความมีความพร้อมด้านบุคคลากรที่เป็นทนายความอยู่ทั่วประเทศแต่คงต้องดูรายละเอียดว่า รัฐจะให้ใครเป็นผู้รับผิดชอบในมาตรการนี้ ทั้งการจัดสรรงบประมาณ และอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ในโครงการทั้งหมดต้องมีประสิทธิภาพและเพียงพอต่อการดำเนินการ ซึ่งที่ปฏิบัติอยู่เดิมเป็นการรับเงินงบประมาณงานช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายจากงบประมาณแผ่นดิน ผ่านทางกระทรวงยุติธรรม เพียงปีละ 50 ล้านบาท แต่ต้องช่วยเหลือประชาชนทั้งประเทศ คิดเป็นต่อหัวประชากรทั้งประเทศ ได้ไม่ถึง 1 บาทต่อคน สภาทนายความเองต้องจัดสรรงบประมาณ ของสภาทนายไปสมทบ ทั้งที่ สภาทนายความยังมีภาระหนี้สินค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการสภาทนายความอยู่กว่า 300 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาค่าตอบแทนทนายความอาสา จะได้วันละ 1000 บาท ขณะนี้สภาทนายความยังมียอดค้างจ่ายทนายความอาสาอีกหลายสิบล้านบาท จะเห็นได้ว่าในต่างประเทศ รัฐให้การสนับสนุนสภาวิชาชีพ โดยมีงบประมาณสนับสนุน ทั้งการก่อสร้างที่ทำการด้วย แต่ในประเทศไทย กลับไม่มีงบประมาณสนับสนุน สภาทนายความต้องไปกู้เงินจากธนาคารมาดำเนินการก่อสร้างเอง เมื่อรัฐมีนโยบายให้ประชาชนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ก็จะคิดถึงสภาทนายความ กำหนดมาตรการให้สภาทนายความรับผิดชอบโฆษกสภาทนายความ ระบุอีกว่า งานช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย สภาทนายความสามารถช่วยเหลือประชาชนโดยไม่มีข้อจำกัดและมีบุคลากรที่มีคุณสมบัติครบถ้วน พร้อมดูแลประชาชนทุกคนได้ทันที และพร้อมตอบสนองนโยบายของรัฐบาล ในทุกนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนแต่อยากเรียกร้องให้ รัฐบาล ช่วยดูแลสภาทนายความ ให้ปลอดภาระหนี้สิน และมีงบประมาณที่เพียงพอ ต่อการดำเนินการต่างๆ ด้วย ซึ่งนอกจากการช่วยเหลือประชาชนทางด้านการให้คำปรึกษา การจัดทนายความช่วยว่าต่างแก้ต่างทางคดี สภาทนายความยังมีโครงการเผยแพร่ความรู้ทางกฏหมายให้แก่ประชาชนทั่วประเทศด้วย แต่ในระยะหลังนี้ ยังไม่สามารถดำเนินการได้อย่างทั่วถึง เพราะมีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณขณะที่ เมื่อวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมาสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ซึ่งมี สราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม และชาญณรงค์ ปราณีจิตต์ ประธานแผนกคดีค้ามนุษย์ในศาลอุทธรณ์ ร่วมเป็นกรรมการด้วยนั้น ได้เปิดให้ประชาชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งแสดงความคิดเห็นเพื่อใช้พิจารณาเป็นแนวทางการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรมตามที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้โดยจะสอบถามความเห็นของประชาชนในหลากหลายด้านตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 258 ง (1)(2)(3) กำหนดไว้ คือ 1.ให้กำหนดระยะเวลาดำเนินงานในทุกขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมที่ชัดเจนเพื่อให้ประชาชนได้รับความยุติธรรมโดยไม่ล่าช้า และมีกลไก ช่วยเหลือประชาชนผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ให้เข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้ รวมทั้งการสร้างกลไกเพื่อให้มีการบังคับการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและความไม่เป็นธรรมในสังคม2.ปรับปรุงระบบการสอบสวนคดีอาญาให้มีการตรวจสอบและถ่วงดุลระหว่างพนักงานสอบสวนกับพนักงานอัยการอย่างเหมาะสม กำหนดระยะเวลาในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายให้ชัดเจนเพื่อมิให้คดีขาดอายุความ และสร้างความเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการในการสอบสวนคดีอาญา รวมทั้งกำหนดให้การสอบสวนต้องใช้ประโยชน์จากนิติวิทยาศาสตร์ และจัดให้มีบริการทางด้านนิติวิทยาศาสตร์มากกว่าหนึ่งหน่วยงานที่มีอิสระจากกันเพื่อให้ประชาชนได้รับบริการในการพิสูจน์ข้อเท็จจริงอย่างมีทางเลือก และ 3.เสริมสร้างและพัฒนาวัฒนธรรมองค์กรขององค์กรต่างๆที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรม ให้มุ่งอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนโดยสะดวกและรวดเร็วสุริยัณห์ กล่าวว่า จึงขอเชิญชวนประชาชนทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมฏิรูปประเทศ โดยเฉพาะด้านกระบวนการยุติธรรม ซึ่งจะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนโดยตรง ให้ได้รับการพัฒนา ปรับปรุงและปฏิรูปในแนวทางที่เหมาะสมถูกต้องสอดคล้องกับความเป็นจริงของสังคมสมตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน โดยสามารถเข้าไปแสดงความคิดเห็นได้ ในเว็บไซต์ของสำนักงานศาลยุติธรรมทาง http://reform.coj.go.th/ที่มา : และ
หลังมีแผนระยะเร่งด่วน 4 แนวทางการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม โฆษกสภาทนายความ ขอรัฐสนับสนุนงบประมาณที่เพียงพอ ต่อการดำเนินการ โครงการทนายอาสาประจำสถานีตำรวจ ขณะที่โฆษกศาล ชวน
การเมือง
สมบัติ วงศ์กำแหง,โครงการทนายอาสาประจำสถานีตำรวจ,สภาทนายความ,คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม,กระบวนการยุติธรรม
https://prachatai.com/journal/2018/10/79179
เตือน ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก วันนี้มาแน่ทั่วไทย
ลักษณะอากาศทั่วไป พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย สำหรับบริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง ,ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออก ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทยมีกำลังปานกลาง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง อนึ่ง บริเวณความกดอากาศสูงจากทะเลจีนใต้ตอนบน ได้แผ่เข้ามาปกคลุมภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงตอนบน ทำให้มีลมตะวันออกพัด นำความชื้นจากทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคเหนือ และภาคกลางตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นในระยะนี้,พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.,ภาคเหนือ, มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดน่าน แพร่ ลำปาง อุตรดิตถ์ ,พิษณุโลก พิจิตร กำแพงเพชร และตาก อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม นครราชสีมา ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ สุรินทร์ และศรีสะเกษ อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.,ภาคกลาง, มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี สระบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี และสมุทรสงคราม อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.,ภาคตะวันออก, มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร,ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก), มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร,ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก), มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ,บริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ และตรัง อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตรบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร,กรุงเทพมหานครและปริมณฑล, มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
มีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนัก
ข่าว,ทั่วไทย
อากาศ,พยาการณ์อากาศ,อากาศวันนี้,สภาพอากาศวันนี้,กรมอุตุ,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1085959
กรมชลประทานเตือนชาวนา 6 จังหวัดลุ่มเจ้าพระยา ชะลอทำนาปี
วันนี้ (11 มิ.ย.2558) ชาวนา ต.โคกช้าง และต.ทุ่งคลี อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี และชาวนา ต.พักทัน อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี ชุมนุมบริเวณคลองส่งน้ำ โครงการบรมธาตุ เรียกร้องให้ชลประทาน ปล่อยน้ำภาคการเกษตร หลังครบกำหนดที่รับปากว่าจะปล่อยน้ำช่วยเหลือชาวนา เบื้องต้น นายฏรงค์กร สมตน ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 12 ระบุว่า ไม่สามารถปล่อยน้ำได้และขอให้ส่งตัวแทน ไปพูดคุยหาข้อสรุปร่วมกัน ส่วนชลประทาน จ.อ่างทองและสำนักชลประทานที่ 12 ขึ้นป้ายเตือนและส่งหนังสือแจ้งชาวนาในภาคกลาง ให้ชะลอการทำนาเนื่องจากระดับน้ำในเขื่อนหลัก มีน้ำต้นทุนน้อยอยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่ชาวนาหลายคน ยืนยันจะเสี่ยงทำนาโดยกล่าวว่า ไม่ได้ทำนาตลอดปีที่ผ่านมาทำให้ไม่มีรายได้ยังชีพ เช่นเดียวกับชาวนาใน ต.หนองผักนาก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี ที่เร่งสูบน้ำจากคลองชลประทานเข้านา เพื่อเตรียมปลูกข้าว แม้กรมชลประทาน จะประกาศให้ชาวนาลุ่มเจ้าพระยาภาคกลาง 6 จังหวัด คือ จ.ชัยนาท จ.สุพรรณบุรี จ.สิงห์บุรี จ.อ่างทอง จ.พระนครศรีอยุธยา จ.ปทุมธานี ชะลอปลูกข้าวเนื่องจากน้ำไม่เพียงพอขณะที่ชาวนาใน ต.บางสมบูรณ์ อ.องครักษ์ จ.นครนายก เปลี่ยนมาเลี้ยงปลาและกุ้ง หลังปริมาณน้ำในเขื่อนขุนด่านปราการชล เหลือเพียงร้อยละ 8 ของความจุอ่าง ใช้สำหรับรักษาระบบนิเวศเท่านั้น ประกอบกับประสบปัญหาน้ำเค็มจากแม่น้ำบางประกงรุกเข้าพื้นที่ ด้านเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก ลดการส่งน้ำจากเดิมวันละ 3500000 ลูกบาศก์เมตร เหลือวันละ 1700000 ลูกบาศก์เมตร เนื่องจากน้ำแล้งและหากฝนยังไม่ตกคาดว่า จะมีน้ำใช้ได้อีกเพียง 1 เดือนเท่านั้น ส่วนชาวนาใน จ.พิจิตร นำเสาไฟฟ้า ไปวางขวางคลองชลประทานบริเวณบ้านไผ่ สีรุณ ต.ท่าหลวง อ.เมืองพิจิตร เพื่อกั้นน้ำที่จะไหลเข้าสู่บึงสีไฟ ให้ไหลไปยังลำคลองชลประทานเก่าเพื่อให้มีน้ำทำนาส่วนแม่น้ำอิงที่ไหลผ่าน ต.ท่าจำปี อ.เมืองพะเยา แห้งขอด เกษตรจังหวัดเตือนชะลอปลูกข้าวนาปี เพราะน้ำไม่เพียงพอสำหรับทำการเกษตร แต่คาดว่าจะมีฝนตกในพื้นที่ ช่วยคลายวิกฤติภัยแล้งช่วงปลายเดือน มิ.ย.นี้ ส่วนชาวเรือนแพ ในลำคลองบางเคียน อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ เดือดร้อนจากระดับน้ำที่แห้งขอด มานานกว่า 4 เดือน บางส่วนเกยตื้นจนเสียหายขณะที่ชาวบ้านยังขาดน้ำอุปโภค ส่วนน้ำในอ่างเก็บขนาดใหญ่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น อ่างเก็บน้ำลำตะคอง จ.นครราชสีมา เหลือใช้ได้เพียง 62000000 ลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 19 ของความจุอ่างงดส่งน้ำเพื่อการเกษตรเช่นกัน และเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ยังระบายน้ำวันละ 4000000 ลูกบาศก์เมตร เพื่อให้ชาวนาในเขตชลประทานเพาะปลูกข้าวนาปี เนื่องจากปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำยังเพียงพอ
กรมชลประทานเตือนชาวนา 6 จังหวัดลุ่มเจ้าพระยา จ.ชัยนาท จ.สุพรรณบุรี จ.สิงห์บุรี จ.อ่างทอง จ.พระนครศรีอยุธยา จ.ปทุมธานี ชะลอปลูกข้าว เนื่องจากปริมาณน้ำไม่เพียงพอ ขณะที่ชาวนาใน จ.สุพรรณบุรีและจ.สิงห์บุรีชุมนุมเรียกร้องให้ชลประทาน ปล่อยน้ำภาคการเกษตร หลังครบกำหนดที่รับปากว่าจะปล่อยน้ำช่วยเหลือชาวนา
ภูมิภาค
กรมชลประทาน,ชาวนา,ทำนาปี,น้ำแล้ง,ปลูกข้าวนาปี,ลุ่มเจ้าพระยา,อยุธยา
https://news.thaipbs.or.th/content/2614
สอท. ณ กรุงโตเกียว ยืนยัน งาน เทศกาลไทย จัดเก็บขยะเรียบร้อยดี
สถานทูต ณ กรุงโตเกียว ยืนยันจ้างบริษัทจัดการขยะในงาน เทศกาลไทย ทุกครั้ง เพื่อจัดเก็บขยะและทำความสะอาดบริเวณจัดงาน ปีนี้บริษัทรีบจัดเก็บขยะทันทีที่งานเลิก และทำความสะอาดพื้นที่เสร็จสิ้น ในคืนเดียวกัน ได้รับคำชมจากเจ้าหน้าที่สำนักงานดูแลสวนสาธารณะว่า ทำความสะอาดเรียบร้อยดีทุกปี,เมื่อวันที่ 19 พ.ค. นางสาวรณิดา ฉ่ำเฉลิม ที่ปรึกษา สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุน ผู้รับผิดชอบประสานงานการจัดงาน เทศกาลไทย ณ กรุงโตเกียว ครั้งที่ 18 ระหว่างวันที่ 13-15 พ.ค.ที่ผ่านมา ชี้แจงถึงกรณีที่มีชาวญี่ปุ่น โพสต์ภาพคนทิ้งขยะเลอะเทอะตามจุดต่างๆ และในห้องน้ำว่า ทางสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ว่าจ้างบริษัท TSP Taiyo เป็นผู้รับเหมาจัดงานเทศกาลไทย มาทั้งหมด 15 ครั้งจาก 18 ครั้ง ที่ผ่านมา ดำเนินการเกี่ยวกับการกำจัดขยะ ซึ่งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย อย่างดีมาตลอด,ส่วนการจัดการขยะในงานปีนี้ มีการตั้งจุดเก็บขยะในงาน 22 จุด มีเจ้าหน้าที่ประจำจุดละ 1-2 คน ในแต่ละจุดมีถังขยะสำหรับขยะเผาได้ ขยะเผาไม่ได้ ขยะสด ขวด กระป๋อง และมีเจ้าหน้าที่นำขยะจากแต่ละจุด ไปยังที่เก็บขยะ 8 ทีมๆ ละ 3 คน รวม 24 คน นอกจากนี้ มีเจ้าหน้าที่เดินเก็บขยะ 3 ทีมๆ ละ 2 คน เดินเก็บขยะทั่วบริเวณงาน หลังจากงานเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายของบริษัท TSP Taiyo จะเก็บขยะส่วนที่เหลืออยู่ในบริเวณงานทั้งหมด มีการทำความสะอาดท่อระบายน้ำ ที่อาจมีเศษอาหาร หรือคราบน้ำมันหลงเหลือ รวมถึงมีการขัดล้างบริเวณจุดทิ้งขยะต่างๆ ทุกปีที่ผ่านมาจะได้รับคำชมเป็นอย่างดีจากสำนักงานดูแลควบคุมสวนสาธารณะโยโยงิ ซึ่งจะมาตรวจความสะอาด หลังจากบริษัทฯ ทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เป็นการรับมอบพื้นที่,ปีนี้มีคนเข้าร่วมงานกว่า 3 แสนคน วันสุดท้ายมีคนมาร่วมงานกว่า 2 แสนคน ขยะย่อมมีมาก แต่ขอยืนยันว่ามีการจัดจุดทิ้งขยะไว้เพียงพอเช่นกันเหมือนทุกปีที่ผ่านมา โดยจ้างบริษัทมาดูแลจัดเก็บเป็นระบบ และมีพนักงานเดินเก็บด้วย เจ้าหน้าที่ที่เป็นกรรมการจัดงาน เดินไปจุดไหนพบขยะตกหล่นก็ช่วยกันเก็บเช่นกัน ทำกันอย่างนี้ทุกปี และเมื่องานเลิก บริษัทฯก็เข้าดำเนินการจัดเก็บขยะทั้งหมดในบริเวณงานทันที ที่ผ่านมาไม่เคยมีการต่อว่าจากทางเจ้าหน้า ที่ สำนักงานดูแลควบคุมสวนสาธารณะโยโยงิ มีแต่คำชมว่าจัดการเรียบร้อยดี น.ส.รณิดากล่าว,ด้าน นางพนอจัน วีชยา เทรายามา บล็อกเกอร์ และเจ้าของเฟซบุ๊ก ป้าพนอจัน ที่มีแฟนเพจทั้งในไทย และญี่ปุ่น เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ได้ไปร่วมงานทั้ง 2 วัน มีคนมาร่วมงานมาก นั่งมองอยู่ เห็นพนักงานเก็บขยะ เดินเก็บกันจนเหนื่อย ชาวญี่ปุ่นกินเสร็จจะเก็บจานและเศษอาหาร รวมทั้งภาชนะใส่อาหารไปทิ้งเป็นที่ เป็นทาง ตามจุดที่มีภาชนะรองรับขยะ พวกที่ทิ้งจะเป็นชาวต่างชาติ ส่วนแม่บ้านชาวไทย จะมีจิตวิญญานของการเป็นแม่บ้านญี่ปุ่น ส่วนมากจะฝังรากกันแล้วเรื่องขยะ แม่บ้านไทยส่วนมากเกือบ 80% จะเก็บขยะกลับไปทิ้งที่บ้าน ในกรณีที่หาจุดที่ทิ้งขยะไม่ได้ ย่ิงนักเรียนไทย จะเป็นกลุ่มรักษาระเบียบเรื่องความสะอาดเคร่งครัด จะมาเหมารวมว่า เป็นงานคนไทยแล้วคนไทยทิ้งขยะไม่ได้ คนต่างชาติแย่ๆก็มีมาก เวลาเมา ย่ิงไปทิ้งในห้องน้ำ ก็คงไม่มีใครเห็น เลยกล้าทำ,ผู้สื่อข่าวรายงาน จากการตรวจสอบเฟซบุ๊กชาวญี่ปุ่น ที่มีการโพสต์ภาพคนทิ้งขยะ ในงานเทศกาลไทย ณ กรุงโตเกียว ครั้งนี้ พบว่าเฟซบุ๊กดังกล่าว มีการเผยแพร่ภาพที่เป็นการดิสเครดิตประเทศไทย และชาวไทยหลายครั้ง ดังนั้นชาวไทยในญี่ปุ่นจึงไม่ให้ความสนใจ เนื่องจากมองเห็นเจตนาของการโพสต์ภาพและข้อความในเฟซบุ๊คนี้.
สถานทูต ณ กรุงโตเกียว ยันจ้างบริษัทจัดการขยะในงาน เทศกาลไทย ทุกครั้ง พร้อมทำความสะอาดบริเวณจัดงาน ปีนี้บริษัทรีบจัดเก็บขยะทันทีที่งานเลิก และทำความสะอาดพื้นที่เสร็จในคืนเดียวกัน ได้รับคำชมจาก จนท.สำนักงานดูแลสวนสาธารณะ
ข่าว,สังคม
เทศกาลไทย ณ กรุงโตเกียว,ทิ้งขยะ,เก็บขยะ,ป้าพนอจัน
https://www.thairath.co.th/news/society/946677
ซื้อเวลาแก้ปัญหาแจงทรัพย์สิน
(ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 ธ.ค.นี้ ได้สร้างความปั่นป่วนสะเทือนไปทั่ว โดยเฉพาะในแวดวงสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ ทำให้กรรมการสภามหาวิทยาลัยหลายแห่งในสัดส่วนผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชนตั้งท่าจะลาออกยกแผง,มหาวิทยาลัยทั้งหลายให้เหตุผลว่า กรรมการสภามหาวิทยาลัยไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารมหาวิทยาลัย ไม่ได้มีผลประโยชน์ ไม่สามารถให้คุณให้โทษใครได้ ที่สำคัญกรรมการสายผู้ทรงคุณวุฒิที่มาจากภาคเอกชนส่วนใหญ่ มาทำงานด้วยใจ ไม่ได้รับเงินเดือน มีแค่เบี้ยประชุมซึ่งไม่มากมายเท่าไหร่นัก ทางมหาวิทยาลัยเป็นฝ่ายเชิญให้มาเป็นกรรมการเอง เพราะต้องการนำความรู้ ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ มาช่วยเสริมวิสัยทัศน์และพัฒนาการสอนของมหาวิทยาลัยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น,แต่พอกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเหล่านี้ถูกบังคับให้ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สิน จึงรู้สึกไม่สะดวกใจ เสียสละมาช่วยงานแท้ๆแต่กลับต้องเปิดกรุสมบัติให้คนอื่นมาล่วงรู้สถานะการเงินของตัวเอง ทั้งยังเกิดความยุ่งยากในการทำบัญชีทรัพย์สิน กลัวว่าพลาดพลั้งไปอาจมีปัญหาตามมา,ใครไม่เคยยื่นบัญชีทรัพย์สินคงไม่รู้ว่ามัน ยุ่งยาก และ ละเอียดลออขนาดไหน เอกสารใส่แฟ้มหนาเตอะหลายแฟ้ม บางคนทรัพย์สมบัติเยอะถึงขนาดต้องจัดแฟ้มใส่ลังขนไปให้ ป.ป.ช.ก็มี หนำซ้ำกฎหมายใหม่บังคับให้ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินของ ภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส เมียน้อยเมียเก็บจึงเข้าข่ายต้องยื่นด้วย,ที่หนักหนาสาหัสคือหากยื่นทรัพย์สินตกหล่นไปสัก 2-3 รายการ แล้วบังเอิญ ป.ป.ช.ตีความว่ามีเจตนาปกปิดหรือแสดงทรัพย์สินอันเป็นเท็จ จะต้องถูกดำเนินคดีอาญา มีโทษถึงติดคุก,ประกาศฉบับนี้มีผลถึง สมเด็จพระสังฆราช ด้วย เพราะพระองค์ทรงดำรงตำแหน่ง นายกสภามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ขณะเดียวกัน พระเถระชั้นผู้ใหญ่ อีกหลายรูปก็เป็น กรรมการสภามหาวิทยาลัยสงฆ์ จึงต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. รวมถึงกรรมการกองทุนต่างๆ และบอร์ดอีกหลายแห่ง,จริงอยู่กรณีนี้ ป.ป.ช.ต้องการยกระดับมาตรฐานการตรวจสอบทุจริตให้สูงขึ้น จึงใช้มาตรการเข้มงวดมากขึ้น แต่ผลลัพธ์ออกมากลับเกิดผลลบกระทบในวงกว้าง แทนที่จะได้รับดอกไม้ชื่นชม ก็กลายเป็นโดนปาก้อนหินใส่,เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า ป.ป.ช.อ่อนหัดมากในการออกกฎระเบียบมาบังคับใช้ ทั้งตีความกฎหมายแบบเหวี่ยงแห และสะเพร่า รู้เท่าไม่ถึงการณ์,การแก้ปัญหาตอนนี้ดูเหมือนจะทำได้แค่ซื้อเวลา,วันศุกร์ที่แล้ว คุณนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการ ป.ป.ช. เข้าไปที่ทำเนียบรัฐบาลขอคำปรึกษา คุณวิษณุ เครืองาม รองนายกฯด้านกฎหมาย คุยกันเป็นชั่วโมง จากนั้นให้สัมภาษณ์นักข่าวว่า แนวทางการแก้ปัญหาเบื้องต้น อาจขยายเวลาการบังคับใช้ประกาศฉบับดังกล่าวจากวันที่ 2 ธ.ค.ออกไปก่อน ส่วนจะเป็นระยะเวลาเท่าไหร่นั้นยังไม่ทราบ ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการ ป.ป.ช.จะใช้เวลาศึกษาหาทางออกเท่าไหร่ และยังไม่มีความชัดเจนว่าจะแก้ไขหรือไม่แก้ไขประกาศ,ป.ป.ช.เป็นองค์กรอิสระ แต่พิลึกดีพอมีปัญหาดันวิ่งแจ้นไปหารองนายกฯ ทั้งๆที่ ป.ป.ช.มีอำนาจในการออกประกาศได้โดยตรง รวมทั้งแก้ไขปรับปรุงประกาศได้เองโดยไม่จำเป็นต้องพึ่ง ม.44,ตอนนี้ยังไม่รู้ว่า ป.ป.ช.จะแก้ปมนี้อย่างไร หวังว่าคงไม่ทำให้วุ่นหนักขึ้นเหมือนลิงแก้แหก็แล้วกัน.,ลมกรด
ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรื่องกำหนดตำแหน่งของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 102
null
ป.ป.ช.,ยื่นบัญชีทรัพย์สิน,สถาบันอุดมศึกษา,หมายเหตุประเทศไทย,ลมกรด
https://www.thairath.co.th/newspaper/columns/1418058
นึกว่าพลเมืองดี ที่ไหนได้ หลอกพา 2 พี่น้องไปข่มขืน
เมื่อวันที่ 19 ก.ค.58 นายสันติ พรจันทึก อายุ 35 ปี และนายสันติ หรือ อ๊อด กูกขุนทด อายุ 28 ปี ชาวบ้าน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา เข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.อนันต์ หูแก้ว พงส.ผทค.สภ.ด่านขุนทด โดยมีแม่ผู้ต้องหาเป็นผู้พามามอบตัว หลังจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เนื่องจากได้หลอกลวงเด็กหญิงอายุไม่เกิน 18 ปี และเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปข่มขืนกระทำชำเราเมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา,ทั้งนี้ ทั้งสองซึ่งเป็นเพื่อนกัน ให้การรับสารภาพว่า ขณะขับรถกระบะ กลับบ้านเมื่อประมาณ 02.00 น. วันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา เมื่อมาถึงปากทางเข้าบ้านหนองพังโพด หมู่ 6 ต.ตะเคียน อ.ด่านขุนทด พบรถ จักรยานยนต์ของ น.ส.แดง (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ที่มากับน้องสาวอายุ 12 ปี จอดเสียอยู่ข้างทาง จึงแสดงตัวเป็นพลเมืองดีจะพาไปส่งบ้าน,ปรากฏว่าระหว่างทาง แทนที่จะไปส่งจนถึงบ้าน กลับแวะข้างทางห่างไปประมาณ 500 เมตร แล้วฉุดสองพี่น้องลงไปข่มขืนทีละคน จนสำเร็จความใคร่ จากนั้นทิ้งทั้งสองไว้กลางป่าละเมาะ แล้วขับรถหนีออกมา แต่ตกร่องถนนเสียก่อน ทำให้เด็กสาวจำทะเบียนรถได้และโทรศัพท์แจ้งตำรวจตามไปกดดันจนต้องออกมามอบตัวดังกล่าว,ต่อมา ทางพนักงานสอบสวน พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ด่านขุนทด ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ และแจ้งข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา โดยใช้กำลังประทุษร้ายผู้อื่นซึ่งอายุไม่เกิน 18 ปี นำไปเพื่อการอนาจาร กักขังหน่วงเหนี่ยว ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
เมื่อพลเมืองดีกลายเป็นชายโฉด เด็กหญิงสองพี่น้องผจญชะตากรรม รถ จยย.เสีย มีชาย 2คนขับรถกระบะมาจอดอาสาช่วยพาไปส่งบ้าน แต่กลับเลี้ยวลงข้างทางข่มขืนยับทิ้งไว้ให้กลับเอง แต่กรรมตามทันรถตกถนน เหยื่อโทรแจ้งตร. ตามกดดันจนต้องมามอบตัว
ข่าว,ทั่วไทย
ข่มขืน,ข่มขืนสองพี่น้อง,มอบตัวข่มขืน,ข่มขืนเด็ก,พลเมืองดี,สันติ พรจันทึก,ด่านขุนทด,นครราชสีมา,อาชญากรรม,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวสังคม,ข่าวภูมิภาค
https://www.thairath.co.th/news/local/512758
นายกตุ้ย เดือดจัด โต๊ะ เก้าอี้ ริมหาดบางแสน เจอมือดีพังเละ
นายณรงค์ชัย คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองแสนสุข ได้โพสต์ภาพ โต๊ะ เก้าอี้ม้าหิน ถูกทำลาย แตกหักเสียหาย ผ่านเฟซบุ๊ก Narongchai Tui Kunplome พร้อมข้อความระบุว่า นี่ไงครับฝีมือพวกที่บอกว่า มีการศึกษา ทำที่นั่งให้นั่งพักผ่อน ทานอาหารติดทะเล สงสัยเมาได้ที่ก็ละเลงก็ทำซะพังแบบนี้กำลังจะติดกล้องวงจรปิดเร็วๆ นี้แท้ๆ เกิดเรื่องก่อนจนได้ เวรกรรม แบบนี้ไปที่ไหนไม่มีใครต้อนรับ ไปทำลายของที่บ้านตัวเองเถอะครับ#หนักแผ่นดิน ซึ่งก็มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมากจากนั้นผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่บริเวณริมทะเลหาดบางแสนพบว่า ทางเทศบาลได้นำโต๊ะเก้าอี้มาประกอบตั้งเหมือนเดิม แต่ก็ยังมีบางส่วนที่เสียหายสอบถามนักท่องเที่ยวที่มานั่งที่โต๊ะ เผยว่า เห็นภาพแล้วหดหู่ใจมาก เพราะโต๊ะเก้าอี้ทางเทศบาลตั้งไว้ให้เพื่อส่วนรวม ใครมานั่งก็ได้ แต่มาทำลายแบบนี้คนอื่นจะมานั่งได้อย่างไร ถ้าไม่อยากนั่งเก้าอี้ ก็ไปนั่งที่อื่น อย่าทำลายนางพัชมณ แซ่ก๊วย อายุ 44 ปี แม่ค้าริมชายหาดบางแสน เผยว่า ตอนเช้ามาถึงบริเวณดังกล่าว เห็นขวดเหล้าขาวแตกอยู่ มีเศษปูน จึงช่วยกันเก็บ แต่ก็มีบางคนไปพูดว่า แม่ค้าสร้างภาพเองหรือเปล่า เพราะมีคนอื่นขายดีกว่า ขอยืนยันว่า แม่ค้าบางแสนไม่ทำแบบนี้แน่นอน เพราะทุกคนสามัคคีกันดี แต่มีคนเห็นกลุ่มวัยรุ่นมานั่งกินกัน บางทีอาจทะเลาะกันจนข้าวของแตกหักเสียหายก็ได้.
นายกเทศบาลเมืองแสนสุข เดือดจัด โพสต์เฟซบุ๊ก คนมือบอนทำลายโต๊ะ เก้าอี้ นั่งเล่นริมชายหาดบางแสน บอกกำลังจะติดวงจรปิด แต่มาเกิดเรื่องก่อน
ข่าว,สังคม
บางแสน,เก้าอี้ม้าหิน,นายกตุ้ย,ณรงค์ชัย คุณปลื้ม,เฟซบุ๊ก,หนักแผ่นดิน,ข่าวโซเชียล,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/society/1746560
ฟิลิปปินส์บังคับใช้ พ.ร.บ.คอมฯ ต่อ หลังศาลฎีกาให้โทษหมิ่นประมาทออนไลน์ชอบด้วย รธน.
หลังระงับใช้ร่วม 2 ปี ล่าสุด พ.ร.บ.ป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์ของฟิลิปปินส์ มีผลบังคับใช้ต่อแล้ว หลังศาลฎีการะบุให้บทบัญญัติส่วนใหญ่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ20 ก.พ. 2557 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (18 ก.พ.) ศาลฎีกาของฟิลิปปินส์ ตัดสินว่า บทบัญญัติส่วนใหญ่ของ พ.ร.บ.ป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์ของฟิลิปปินส์ชอบด้วยรัฐธรรมนูญพ.ร.บ.ป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์คอมพิวเตอร์ มีผลบังคับใช้เมื่อเดือนกันยายน 2555 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการเผยแพร่ภาพโป๊เด็ก การขโมยอัตลักษณ์ สแปม ไซเบอร์เซ็กส์และการหมิ่นประมาทออนไลน์ ต่อมา ศาลฎีกาได้ออกคำสั่งระงับการใช้กฎหมายดังกล่าวชั่วคราวเป็นเวลา 120 วัน หลังจากมีการยื่นคำร้อง 15 ฉบับ ถึงความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมายดังกล่าวบทบัญญัติที่ศาลฎีกาฟิลิปปินส์ตัดสินว่าชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ได้แก่-ความผิดหมิ่นประมาทออนไลน์ โดยศาลระบุเพิ่มเติมว่าจะมีโทษเฉพาะผู้โพสต์เนื้อหาต้นฉบับเท่านั้น ไม่รวมถึงผู้ที่ได้รับเนื้อหาดังกล่าว หรือผู้ที่กดถูกใจ กดแชร์ หรือแสดงความเห็นต่อเนื้อหานั้นสำหรับโทษจำคุกอยู่ที่ 6 - 12 ปี ขณะที่กฎหมายอาญา โทษอยู่ที่ 6 เดือน-6 ปีบทบัญญัติที่ศาลฎีกาฟิลิปปินส์ตัดสินว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ได้แก่-มาตราที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารในเชิงพาณิชย์ที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งระบุว่า การส่งต่อการสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์เชิงพาณิชย์ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งพยายามที่จะโฆษณา ขาย หรือเสนอขายสินค้าและบริการจะทำไม่ได้ เว้นแต่เงื่อนไขบางอย่างเช่น - ได้รับความยินยอมจากผู้รับก่อน-มาตราที่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่เก็บข้อมูลการจราจรทางคอมพิวเตอร์ได้ทันที-มาตราที่อนุญาตให้กระทรวงยุติธรรมปิดกั้นการเข้าถึงเนื้อหาดิจิทัลซึ่งเข้าข่ายเป็นหลักฐานในการกระทำความผิดตามกฎหมายฉบับนี้-การลงโทษผู้ที่ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนการกระทำความผิดฐานโป๊เด็ก การสื่อสารในเชิงพาณิชย์ที่ไม่พึงประสงค์ (สแปม) และการหมิ่นประมาทออนไลน์จีโรนีโม แอล. ไซ หัวหน้าสำนักงานอาชญากรรมไซเบอร์ กระทรวงยุติธรรม ระบุว่า กฎหมายดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ โดยตัดบทบัญญัติที่ศาลฎีกาตัดสินว่าขัดรัฐธรรมนูญ ขณะเดียวกัน ตนเองจะเสนอร่างฉบับปรับปรุงที่ดีกว่าเดิมต่อสภาด้วยโรนัลด์ อกุสโต หัวหน้าแผนกอาชญากรรมไซเบอร์ สำนักงานสอบสวนแห่งชาติ แสดงความยินดีกับคำตัดสินนี้ โดยเชื่อว่ากฎหมายดังกล่าวจะช่วยในการดำเนินงานของพวกเขาและจะสามารถส่งเสริมการป้องกันทางกฎหมายของรัฐต่ออาชญากรรมคอมพิวเตอร์ขณะนาโต เรเยส นักกิจกรรมจากกลุ่มบายันซึ่งมีแนวคิดเอียงซ้าย ยินดีกับคำตัดสินที่ยกเลิกเรื่องการเอาเนื้อหาลงและการเก็บข้อมูลจราจรโดยไม่ต้องมีหมาย แต่ก็แสดงความกังวลถึงประเด็นการหมิ่นประมาทออนไลน์ โดยมองว่าเป็นการก้าวถอยหลังก้าวใหญ่ของเสรีภาพในการแสดงออกด้านสหภาพสื่อมวลชนแห่งชาติของฟิลิปปินส์ ออกแถลงการณ์แสดงความไม่เห็นด้วยกับคำตัดสิน โดยระบุว่านี่เป็นการก้าวไปข้างหน้าครึ่งนิ้ว แต่ถอยหลังกลับไปเป็นศตวรรษ พร้อมบอกว่าการขยายกฎหมายหมิ่นประมาทลงไปในไซเบอร์สเปซของศาลฎีกา จะทำให้เสรีภาพซึ่งเคยไม่มีขอบเขต เข้าไปอยู่ในพื้นที่ของความกลัว ทั้งนี้ ระบุด้วยว่าหวังเพียงว่า ศาลฎีกาจะไม่มืดบอดอีกหากมีการอุทธรณ์คำตัดสินนี้
หลังระงับใช้ร่วม 2 ปี ล่าสุด พ.ร.บ.ป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์ของฟิลิปปินส์ มีผลบังคับใช้ต่อแล้ว หลังศาลฎีการะบุให้บทบัญญัติส่วนใหญ่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ 20 ก.พ.
ต่างประเทศ,ไอซีที
พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์,พ.ร.บ.ป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์,ฟิลิปปินส์,หมิ่นประมาท,อาเซียน,เสรีภาพในการแสดงออก,เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
https://prachatai.com/journal/2014/02/51871
ส่องจราจรไทย 2020 มอเตอร์เวย์บูมโลจิสติกส์ เชื่อมท้องถิ่นเชื่อมเศรษฐกิจ
ซึ่งแต่ละโครงการกว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ก็จะต้องใช้เวลาอีกนานหลายปีอย่างไรก็ตาม ในปี 2563 ที่มาถึง เราพบว่ามีโครงการคมนาคมขนส่งใหม่ๆทั้งในภูมิภาคและกรุงเทพฯมีกำหนดแล้วเสร็จและมีกำหนดเปิดใช้ในปีนี้หลายโครงการฝ่ายข่าว กทม.และจราจร จะพาไปติดตามกัน-----------------------------มอเตอร์เวย์สาย 7 ทะลุระยองขณะที่ใครๆหลายคนตื่นเต้นกับมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ที่กำลังใกล้จะแล้วเสร็จ หรือสนใจกับมอเตอร์เวย์สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ที่เริ่มจ่ายค่าเวนคืนไปหลายพันล้านนั้น หลายคนอาจจะไม่ทราบว่า ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 หรือมอเตอร์เวย์กรุงเทพฯ-ชลบุรีเดิม ที่ปัจจุบันวิ่งได้ถึงพัทยา กรมทางหลวงได้ขยายมอเตอร์เวย์สายนี้ผ่านพื้นที่ไป 2 อำเภอ 2 จังหวัด จาก อ.บางละมุง ชลบุรี ไปสิ้นสุดที่เทศบาลเมืองมาบตาพุด จ.ระยอง บริเวณ กม.34+400 เป็นระยะทาง 32 กม. มีด่านเก็บค่าผ่านทาง 3 ด่าน คือ ด่านห้วยใหญ่ ด่านเขาชีโอน และด่านอู่ตะเภา โดยใช้งบจากกองทุนเงินค่าธรรมเนียมผ่านทางของมอเตอร์เวย์ รวม 20200 ล้านบาท เป็นค่าก่อสร้าง 14200 ล้านบาท ค่าเวนคืน 6000 ล้านบาท ล่าสุดงานก่อสร้างคืบ 98% งานติดตั้งด่านและระบบเก็บค่าผ่านทาง คืบ 50% ตั้งเป้า ในเดือนเมษายน 63 จะเปิดใช้ด่านอู่ตะเภา จากเส้นทางหลักเลี้ยวซ้ายไปนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด หรือเลี้ยวขวาไปสนามบินอู่ตะเภา จากนั้นเดือนกรกฎาคม 63 จะเปิดใช้ตลอดสายมอเตอร์เวย์โคราชรออีกปีส่วนโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 หรือถนนมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ระยะทาง 196 กม. ปัจจุบันภาพรวมงานโยธาคืบหน้า 80% คาดว่าจะแล้วเสร็จกลางปี 2563 สำหรับแนวสายทางยกระดับช่วงเลียบลำตะคอง ระยะทางประมาณ 17 กม.แล้วเสร็จเกือบ 100% แต่ในส่วนของการบริหารจัดเก็บค่าผ่านทางและบำรุงรักษา ขณะนี้กรมทางหลวงอยู่ระหว่างดำเนินการหาเอกชนร่วมลงทุน ในรูปแบบ PPP Gross Cost ภายในกรอบวงเงินปัจจุบันประมาณ 33258 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาได้ต้นปี 2563 ทั้งนี้ตามแผนงานกรมทางหลวงในปี 2564 จะเปิดให้บริการบางช่วงได้อุโมงค์อุดรฯ เปิดทางการขยับออกไปที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โครงการก่อสร้างทางแยกต่างระดับจุดตัดทางหลวงหมายเลข 2 กับถนนวงแหวนรอบนอกเมืองอุดรธานี (ด้านเหนือ) ลักษณะโครงการก่อสร้างสะพานยกระดับ จำนวน 1 แห่ง อุโมงค์ทางลอด จำนวน 1 แห่ง สะพานคนเดินข้าม 4 แห่ง รวมงานทาง ระยะทางรวม 3.8 กม. งบก่อสร้างประมาณ 1050 ล้านบาท ปัจจุบันแล้วเสร็จเกือบ 100% เหลือเพียงงานตกแต่ง แต่เมื่อเร็วๆนี้ กรมทางหลวงได้เปิดให้ทดลองใช้อุโมงค์ที่ตกแต่งผนังด้วยลวดลายงดงาม กลับถูกกลุ่มคนคึกคะนองทำให้พื้นและผนังสกปรกชำรุด ต้องปิดตกแต่งอุโมงค์ใหม่ โดยมีกำหนดเปิดใช้พร้อมงานก่อสร้างส่วนอื่นภายในต้นปี 63 นี้ต่างระดับบางปะอินเสร็จต่อไป โครงการปรับปรุงทางแยกต่างระดับบางปะอินบางส่วน พระนครศรีอยุธยา เป็นการก่อสร้างสะพานยกระดับ ขนาด 2 ช่องจราจร ความยาวประมาณ 800 เมตร เพื่อรับรถที่มาจากถนนวงแหวนรอบนอกด้านตะวันออก ช่วงบางนา-บางปะอิน หรือถนนมอเตอร์เวย์สาย 9 ไปลงทางหลวงหมายเลข 32 หรือ ถนนสายเอเชีย มุ่งหน้าสู่ภาคเหนือโดยตรง เพื่อแก้ปัญหารถติดโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญ นอกจากนี้ยังขยายผิวจราจรทางคู่ขนานถนนพหลโยธิน ฝั่งขาเข้า ช่องซ้ายสุดตั้งแต่หน้าโรงงานเบียร์คาร์ลสเบิร์กเพิ่มอีก 1 ช่องทาง เพื่อรองรับรถที่มาจากสระบุรี ถนนมอเตอร์เวย์สาย 9 มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ ได้สะดวกขึ้น โครงการนี้กำหนดแล้วเสร็จ ก.ค.2563ถนนชมวิว 4 อุทยานด้านกรมทางหลวงชนบท มีโครงการที่น่าสนใจที่สุด คือ ถนนสาย นม.3052 แยกทางหลวงหมายเลข 304-บ้านท่ามะปรางค์ (ตอนที่ 2) พร้อมทางจักรยาน โครงการนี้นอกจากเพื่อการคมนาคมแล้ว ยังเพื่อการท่องเที่ยว มีจุดเริ่มต้นจากถนนธนะรัชต์ในเขตพื้นที่อำเภอปากช่อง จ.นครราชสีมา สิ้นสุดโครงการที่บ้านสุขสมบูรณ์ อำเภอวังน้ำเขียว นครราชสีมา ระยะทางรวม 69.62 กม. เส้นทางขนานไปกับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อุทยานแห่งชาติเขาแผงม้า อุทยานแห่งชาติคลองปลากั้ง อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง และอุทยานแห่งชาติทับลาน เป็นถนนชมทิวทัศน์ (Sceic-Route) ที่มีทัศนียภาพตลอดสายทางเป็นความงดงามของทิวเขา อีกทั้งยังใช้เป็นโครงข่ายเชื่อมระหว่างถนนมิตรภาพที่อำเภอปากช่องไปยังถนนทางหลวงหมายเลข 304 อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา กำหนดแล้วเสร็จเดือน มี.ค.2563รถไฟฟ้าเพิ่ม 2 สายใน กทม.ในส่วนรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯนั้น ในปี 2563 จะมีรถไฟฟ้าสายใหม่ เปิดให้บริการคือ รถไฟฟ้าสายสีทอง เป็นรถไฟฟ้าขนาดเล็กชนิดล้อยาง แบบ APM (Automatic People Mover) มี 3 สถานี เริ่มจากสถานีกรุงธนบุรี ของรถไฟฟ้าบีทีเอส ไปสถานีเจริญนคร สิ้นสุดที่สถานีคลองสาน ระยะทาง 1.8 กม. โดยกรุงเทพมหานครใช้งบประมาณลงทุนประมาณ 2000 ล้านบาท ที่ได้จากการซื้อพื้นที่โฆษณาในสถานีเป็นเวลา 30 ปีจากเอกชน ว่าจ้างบริษัทอิตาเลียนไทยฯ ก่อสร้าง และว่าจ้าง บมจ.บีทีเอสซี จัดหาและจัดการเดินรถ เก็บค่าโดยสาร 15 บาทตลอดสาย กำหนดเปิดให้บริการในเดือน ส.ค.2563 ขณะที่รถไฟฟ้าบีทีเอส หรือ รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายสายเหนือ ที่ปัจจุบันสิ้นสุดที่สถานี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กทม. จะขยายเปิดให้บริการจากสถานีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ไปถึงสถานีคูคตในปลายปี 63สัมปทานใหม่-กฎจราจรใหม่ในปี 2563 จะมีการเปลี่ยนแปลงสัญญาสัมปทานโครงการคมนาคมขนส่ง 2 โครงการ โครงการแรก คือ สัญญาสัมปทานทางด่วนขั้นที่ 2 แจ้งวัฒนะ-อโศก-บางโคล่ เนื่องจากสัญญาจะครบอายุสัมปทาน 30 ปี ในวันที่ 29 ก.พ.2563 ระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทย กทพ. กับ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ BEM หรือ บมจ.ทางด่วนกรุงเทพ BECL เดิม โดยรัฐบาลกำหนดให้ กทพ.เจรจากับ BEM เพื่อแลกเปลี่ยนกับการยุติคดีพิพาทและการจ่ายค่าชดเชยมูลค่าหลายหมื่นล้าน โดยข้อสรุปเบื้องต้นคือ ให้ต่อสัมปทานกับ BEM ส่วนกำหนดอายุเวลานั้น อาจเป็น 15 ปี ขณะที่ สัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าบีทีเอสนั้น กรุงเทพมหานคร อยู่ระหว่างแก้ไขสัญญากับ บมจ. บีทีเอสซี เพื่อให้รถไฟฟ้าสายสีเขียวมีค่าโดยสารสูงสุดไม่เกิน 65 บาทนอกจากนี้ ในราวเดือนเมษายน ปี 2563 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมการขนส่งทางบก จะเริ่มบังคับใช้กฎหมายตัดคะแนนใบขับขี่ โดยกฎหมายนี้กำหนดให้ผู้ขับขี่ทุกคนมีคะแนนคนละ 12 คะแนน หากทำผิดกฎจราจร จะเสียค่าปรับและถูกตัดคะแนนตามความผิดแต่ละข้อหา 1-4 คะแนน หากถูกตัดครบ 12 คะแนน จะถูกพักใช้ใบขับขี่ และต้องเข้ารับการอบรม หากขับขี่โดยไม่มีใบอนุญาตจะถูกดำเนินคดี โทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับ 1 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.ฝ่ายข่าว กทม.-จราจร
ปี 2562 ที่ผ่านไป เมกะโปรเจกต์ใหม่ๆ หรือโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ใหม่ๆ ถูกเริ่มดำเนินการหลายโครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการคมนาคมขนส่ง เช่น มอเตอร์เวย์สายใหม่ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
ข่าว,ทั่วไทย
เมกะโปรเจกต์,โครงการคมนาคมขนส่ง,มอเตอร์เวย์,โลจิสติกส์,ทางด่วน,ทางต่างระดับ,กรมทางหลวงชนบท,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/1737728
แนะ ปรับสมดุล เศรษฐกิจปี 2563 ใหม่
ดันประเทศไทยพ้นกับดักการพัฒนาได้จริงและทบทวนมาตรการที่ออกมาว่า หากพิจารณาตามศักยภาพเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน ถือว่าอัตราการเติบโตยังอยู่ในระดับต่ำ แม้ธนาคารแห่งประเทศไทยจะประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2563 จะขยายตัวดีขึ้นเป็น 2.8% (จาก 2.5% ในปี 2562) ก็ตามมาลงรายละเอียดกันว่าอะไรบ้างเป็นอุปสรรคที่ทำให้เศรษฐกิจไทยไม่สามารถขยายตัวได้เหมือนในอดีต ทั้งๆที่รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ และหลายรัฐบาลที่ผ่านมาพยายามวางนโยบายเศรษฐกิจให้ขยายตัวไปถึงจุดที่จะทำให้ไทยหลุดพ้นจากกับดักของประเทศรายได้ปานกลางไปสู่รายได้สูง แต่ดูเหมือนความพยายามนี้จะยังไม่เห็นผลสำเร็จในอนาคตอันใกล้ มิหนำซ้ำเมื่อย้อนเวลากลับไปดูอัตราเติบโตในช่วงปี 2551-2560 ยิ่งน่าตกใจที่พบว่าเศรษฐกิจไทยขยายตัวเฉลี่ยเพียง 3.4% ถือเป็นอัตราเฉลี่ยต่ำสุด เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มประเทศในอาเซียน (เว้นบรูไน)ตรงนี้จึงถือว่าเป็น สัญญาณเตือนสำคัญ ที่รัฐบาลไม่อาจละเลยและต้องเร่งแก้ไขจากประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทยช่วง 30 ปี (2528-2533) ปรากฏว่า เศรษฐกิจไทยเคยเติบโตสูงสุดเฉลี่ยถึง 9.89% เกิดจากความสามารถของรัฐบาลในเวลานั้น กำหนดนโยบายเศรษฐกิจที่สอดรับกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลก โดยมีการเปิดประเทศมากขึ้นทำ ให้เกิดโครงการขนาดใหญ่อย่าง โครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งตะวันออก (Eastern Seaboard) เกิดท่าเรือน้ำลึก มีการนำก๊าซธรรมชาติขึ้นมาใช้จากอ่าวไทย ขณะเดียวกันประเทศคู่แข่งในภูมิภาคเดียวกันอย่างเวียดนาม กัมพูชา พม่า และลาวเวลานั้นยังมีปัญหาภายใน อีกทั้งระบบการเมืองที่ยังไม่พร้อม การลงทุนจากต่างชาติจึงเบนเข็มมาที่ไทยเต็มๆเศรษฐกิจไทยควรขยายตัวมากกว่าเป้าความเป็นมาและจะเป็นไปของเศรษฐกิจไทยวันนี้ แม้จะมีหลายปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2562 รวมทั้งก่อนหน้านี้ที่ยังไม่ถูกแก้ไขจนมองไม่เห็นแนวโน้มจะได้เห็นเศรษฐกิจโตแบบก้าวกระโดดเหมือนช่วงปี 2528-2533 ซึ่งวันเวลาและสถานการณ์ต่างๆได้เปลี่ยนไปมาก อีกทั้งขนาดเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันก็ใหญ่กว่าช่วงเวลานั้นมาก แต่ทุกภาคส่วนในสังคมก็มีความคาดหวังกันว่าเศรษฐกิจปี 2563 ควรขยายตัวมากกว่าที่คาดการณ์กันไว้สำหรับประเทศไทยในปี 2563 รัฐบาลและเอกชนต้องมองสถานการณ์ข้างหน้าให้ออกและคาดการณ์ได้ระดับหนึ่งว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเศรษฐกิจโลก และกับปัญหาภายในไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ไทยกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลเต็มรูปแบบ พร้อมกันกับสภาวะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากเทคโนโลยี (Technolo gical Disruption) ที่วิ่งเข้ามาปะทะอย่างรวดเร็วกับเศรษฐกิจไทยในทุกด้าน ซึ่งจะส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจทั้งภาคการเงิน การคลัง ภาคการค้า การลงทุน และบริการ ตลอดจนภาคการเกษตรต้องเตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงนี้5 ปีแล้ว ควรปรับเป้าหมายได้แล้วดร.ปานปรีย์กล่าวด้วยว่า นี่เป็นช่วงเวลาเหมาะสมที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะผู้นำ และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจที่ควรทบทวนนโยบาย และคิดใหม่ (Re–think policy) อีกครั้งว่า แนวนโยบายเศรษฐกิจที่ดำเนินมากว่า 5 ปี สมควรปรับเป้าหมาย และจัดลำดับความสำคัญใหม่ให้เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันหรือไม่ เพื่อให้เศรษฐกิจไทยสามารถก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้ดีกว่าที่ผ่านมาในปี 2563 ผมมองว่ารัฐบาลต้องเป็นหลักและเป็นผู้นำทางให้ภาคเอกชนเดินตาม โดยเฉพาะ 3 เรื่องสำคัญที่หวังให้รัฐบาลเร่งดำเนินการคือ1.เร่งรัดนโยบายเศรษฐกิจที่ประกาศแล้ว ให้เกิดผลทางปฏิบัติโดยเร็วนโยบายสำคัญอย่าง Thailand 4.0 โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาค ตะวันออก (EEC) ข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศ ทั้งพหุภาคีและทวิภาคี การยกระดับศักยภาพแรงงาน และการปรับปรุงประสิทธิภาพภาคการเกษตรอย่างกรณีข้าวไทยที่มีผลผลิตต่ำ FAO ในปี 2559 พบว่าไทยมีผลผลิตข้าวต่อไร่เฉลี่ยต่ำสุดที่ 456 กิโลกรัมต่อไร่ เมื่อเปรียบเทียบกับเวียดนามเฉลี่ย 891 และอินโดนีเซีย 837 กิโลกรัมต่อไร่ ตามลำดับ โดยเฉพาะงบประมาณแผ่นดิน 2563 ที่รอผ่านกระบวนการในรัฐสภาซึ่งมีความล่าช้าก็ควรเร่งรัด ให้เสร็จโดยเร็วด้วย 2.ปรับเป้าหมายบางส่วนในนโยบายเศรษฐกิจมหภาค มุ่งเน้นให้เกิดความสมดุลโดยนำรายได้ประชาชาติกระจายลงสู่ผู้มีรายได้ปานกลางและรายได้น้อยมากขึ้น โดยเฉพาะเพิ่มรายได้ให้มนุษย์เงินเดือน แรงงาน และเกษตรกรให้มากขึ้นเสริมประสิทธิภาพการค้าระหว่างประเทศที่ผ่านมารัฐบาลเน้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ จนทำให้เกิดข้อกล่าวหาว่าช่วยคนรวย ผู้รับประโยชน์จากนโยบายคือกลุ่มนายทุนทั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์ แต่โดยหลักแล้ว โครงสร้างพื้นฐานก็จำเป็นต้องทำเพราะจะส่งผลให้เศรษฐกิจมั่นคงขึ้นในระยะยาว ประเด็นจึงอยู่ที่ว่ารัฐบาลจะทำอย่างไรให้เกิดความสมดุลทางเศรษฐกิจให้มากขึ้น และกระจายรายได้ไปสู่ระดับล่างให้ดีขึ้น ถ้าฐานล่างแข็งแรงกว่าที่เป็นอยู่จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ดีขึ้น ที่สำคัญ หนี้ครัวเรือน และ ความเหลื่อมล้ำทางรายได้ จะลดลงด้วย จึงเห็นว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลอาจต้องปรับลำดับความสำคัญของนโยบาย โครงการและมาตรการทางเศรษฐกิจอย่างจริงจัง เพื่อให้ฐานล่างมีรายได้สูงขึ้นด้วย3. เสริมประสิทธิภาพการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะตั้งแต่เกิดสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ที่ยังไม่มีทีท่าจะจบลงง่ายๆทำให้เส้นทางการค้าที่เคยทำกันมาบิดเบี้ยว เปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือน เดิม เกิดความไม่แน่นอนสูงแก่ระบบการค้าระหว่างประเทศ ที่มีส่วนทำให้การส่งออกของไทยหดตัวลงรุนแรง ในเรื่องการค้าระหว่างประเทศนี้ รัฐบาลควรกำหนดยุทธศาสตร์ร่วมกับเอกชนที่มีความยืดหยุ่นปรับตัวได้เร็วตามสถานการณ์ใหม่ตลอดเวลา พร้อมกับเปิดแนวรุกด้านการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ทั้งแบบพหุภาคีและทวิภาคี เพื่อสนับสนุนให้การส่งออกที่เป็นรายได้หลักของประเทศได้ขยายตัวเพิ่มขึ้น สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนไทยและต่างชาติด้วยวันนี้การบริหารงานภาคเศรษฐกิจของรัฐบาลมีความยากสลับซับซ้อนกว่าในอดีตมาก ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับโลก และการปรับเข็มทิศเศรษฐกิจประเทศเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนผ่านอย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น จะเป็นปัจจัยเสริมให้เศรษฐกิจของไทยขยายตัวต่อไปได้ด้วยดี สร้างรายได้และเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกับชาวไทยทุกคน ขณะที่เรายังไม่หลุดจากกับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลางไปสู่รายได้ที่สูงขึ้น เราก็ต้องหลีกเลี่ยง และมั่นใจว่านโยบายเศรษฐกิจจะไม่ไปสร้างกับดักความไม่สมดุลในการพัฒนา สกัดกั้น และเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศ และรายได้ประชาชนด้วย หากรัฐบาลเร่งดำเนินการให้เกิดผลในทางปฏิบัติ 3 เรื่องสำคัญที่ว่านี้ เส้นทางแห่งความหวังของ เศรษฐกิจไทยในปี 2563 และปีต่อๆไปย่อมมีโอกาสไปสู่ความสำเร็จได้ไม่ยาก.
ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตผู้แทนการค้าไทย เขียนบทความเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จำเป็นต้องคิดใหม่
ข่าว,เศรษฐกิจ
เศรษฐกิจไทย,เศรษฐกิจโลก,ปรับสมดุล,ประยุทธ์ จันทร์โอชา,ประสิทธิภาพการค้าระหว่างประเทศ,นโยบายเศรษฐกิจ,ข่าววันนี้
https://www.thairath.co.th/news/business/market-business/1742485
สีส้มต้องปลอดภัยไม่ล่าช้า รฟม.กำชับรับเหมาและที่ปรึกษา
ย้ำผิดรุนแรงอาจเลิกสัญญา,นายวิทยา พันธุ์มงคล ผู้ช่วยผู้ว่าการ (รฟม.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้เชิญบริษัทที่ปรึกษาควบคุมโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ตะวันออก ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี จำนวน 3 สัญญา และบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม 6 สัญญา มาประชุมมอบนโยบายการทำงาน และซักซ้อมแนวทางการทำงานร่วมกัน โดย รฟม.ให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก ผู้รับเหมาทุกสัญญาต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด หากฝ่าฝืน หรือเกิดเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชน จะต้องถูกลงโทษตามขั้นตอน หากรุนแรงมากอาจจะยกเลิกสัญญาทันที โดยไม่มีการละเว้นแต่อย่างใด นอกจากนี้การทำงานต้องไม่ล่าช้า หากมีปัญหาอุปสรรคต้องรีบแจ้งให้ทราบทันที และการใช้พื้นที่ทั้งในส่วนของ กทม.และกรมทางหลวง จะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ซึ่งขณะนี้ กทม.ได้อนุญาตให้เข้าพื้นที่เพื่อเจาะสำรวจแล้ว ส่วนพื้นที่ก่อสร้างจริง อยู่ระหว่างประสานงาน ตามแผนจะเริ่มงานได้ภายในเดือน ก.ค.นี้,ทั้งนี้ บริษัทที่ปรึกษารถไฟฟ้าสายสีส้ม 3 สัญญา ได้แก่ 1.กลุ่มบริษัท MHPM เป็นที่ปรึกษากำกับการดำเนินงานโครงการ (PIC) ในวงเงิน 458 ล้านบาท 2.บริษัท โชติจินดา คอนซัลแตนท์ เป็นที่ปรึกษาบริหารโครงการและควบคุมการก่อสร้างงานโยธา 1 (PMCSC1) สัญญางานโยธาที่ 1, 4, 5 วงเงิน 977 ล้านบาท 3.บริษัท เอ็ม เอ เอ คอนซัลแตนท์ เป็นที่ปรึกษาบริหารโครงการและควบคุมการก่อสร้างงานโยธา 2 (PMCSC2) สัญญาที่ 2, 3, 6 วงเงิน 1,182 ล้านบาท ส่วนผู้รับเหมา 6 สัญญา ได้แก่ สัญญา 1, 2, 5 บริษัท ช.การช่าง จำกัด สัญญาที่ 3 บริษัท อิตาเลียนไทยดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด สัญญาที่ 4, 6 บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด.
นายวิทยา พันธุ์มงคล ผู้ช่วยผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้เชิญบริษัทที่ปรึกษาควบคุมโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ตะวันออก ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี จำนวน 3 สัญญา
ข่าว,ทั่วไทย
วิทยา พันธุ์มงคล,รถไฟฟ้าสายสีส้ม,รฟม.,รถไฟฟ้า,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/991583
ลือ สิงห์ ตั้ง รามอส ขัดตาทัพหากปลดน้ามู
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี สโมสรในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตกเป็นข่าวว่ามีแผนแต่งตั้ง ฆวนเด รามอส อดีตกุนซือ ทอตแนม ฮอตสเปอร์ เป็นผู้จัดการทีมชั่วคราว ในกรณีที่มีการปลด โชเช มูรินโญ ยอดโค้ชอหังการออกจากตำแหน่ง,มูรินโญ กำลังต่อสู้อย่างหนักเพื่อรักษาเก้าอี้ของตัวเอง หลังจากที่เพิ่งพา เชลซี แชมป์เก่าแพ้ในลีกเป็นนัดที่ 9 จากเกม 16 นัดในฤดูกาลนี้ โดยล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา พ่ายให้กับ จิ้งจอกสยาม เลสเตอร์ ซิตี้ 1-2 ส่งผลให้ร่วงไปอยู่ในอันดับที่ 16 ของตาราง มีอยู่เพียง 15 คะแนน,หลังจบเกมนัดดังกล่าวได้มีรายงานออกมาว่า โรมัน อบราโมวิช มหาเศรษฐีเจ้าของสโมสรได้มีการเปิดประชุมฉุกเฉินกับทางบอร์ดบริหารเพื่อหารือเกี่ยวกับอนาคตของเทรนเนอร์รายนี้ ซึ่งถ้าหากมีการปลดเชื่อว่าทางสโมสรจะต้องจ่ายเงินชดเชยให้กับ มูรินโญ มากกว่า 40 ล้านปอนด์ (ราว 2,200 ล้านบาท),อย่างไรก็ตามในรายงานของ เดอะ ไทม์ส ได้ระบุว่าหากเทรนเนอร์ แฮปปี้วัน ถูกปลดจริง ทาง เสี่ยหมีได้พิจารณาที่จะให้ รามอส เข้ามารับหน้าที่กุนซือชั่วคราวจนกว่า บรรดาตัวเต็งที่จะเข้ามาเป็นผู้จัดการทีมถาวรอย่าง คาร์โล อันเชล็อตติ,เป๊ป กวาร์ดิโอลา และ อันโตนิโอ คอนตา จะพร้อมเจรจารับงานในช่วงซัมเมอร์.
สื่อดังเผย สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี เล็งตั้ง ฆวนเด รามอส นั่งแท่นผู้จัดการทีมชั่วคราว หาก โชเช มูรินโญ ยอดโค้ชอหังการถูกปลดเซ่นผลงานตกต่ำ…
null
พรีเมียร์ลีก,อังกฤษ,สิงโตน้ำเงินคราม,เชลซี,โชเช มูรินโญ,ฆวนเด รามอส,ข่าวกีฬา,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์
https://www.thairath.co.th/content/550134
อยุธยา หนุ่มกลัวคนมาทำร้าย วิ่งหนีจมหายไปในแม่น้ำป่าสัก
วันนี้เวลา 17.00 น. ศูนย์วิทยุสมาคมอยุธยารวมใจ (หน่วยกู้ภัย) ได้รับแจ้งจากประชาชนชื่อ นายสำเริง ใบบัว อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49/9 ม.ที่ 7 ต.หันตรา อ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งนั่งดูกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวจากแม่น้ำป่าสัก ที่ศาลาด้านหลังท่าน้ำวัดป่าโค ต.หันตรา อ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเพื่อนบ้านมาร่วมนั่งอยู่ด้วย ระหว่างนั้นเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดว่าจะมีชายวัยกลางคนวิ่งมาอย่างแรง ทางพวกตนถามว่า จะไปไหน ชายคนนั้นตอบว่า ผมกำลังหนีคนที่จะทำร้ายจึงวิ่งหนีมาแต่จนมุม เลยกระโดดลงแม่น้ำป่าสัก เพราะไม่ทางไปแล้ว ซึ่งนายสำเริงเห็นชายคนนี้วิ่งลงสู่แม่น้ำป่าสักแล้ว พวกตนตะโกนว่าให้กลับมา แต่ชายคนดังกล่าวได้ออกไปไกลถึงกลางแม่น้ำ กว้างประมาณ 500 เมตร และกระแสน้ำไหลแรง จนชายคนดังกล่าวจมหายลงต่อหน้าต่อตา พวกตนไม่กล้าลงไปช่วย จึงโทรศัพท์แจ้งไปยังหน่วยกู้ภัยอยุธยารวมใจ ศูนย์ได้กระจายข่าวแจ้งลูกข่ายที่อยู่ใกล้ที่สุดให้รุดไปที่เกิดเหตุ ปรากฏว่าระดับน้ำไม่นิ่ง ทางหน่วยได้ขอกำลังชุดประดาน้ำของกู้ภัยมาช่วยค้นหา ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. แต่ยังไม่พบร่องรอยชายคนดังกล่าว ตามที่ทางศูนย์กู้ภัยได้แจ้งไป จึงต้องยุติการค้นหาเป็นการชั่วคราว. 
หนุ่มวัยกลางคน กลัวสุดขีด วิ่งหนีลงแม่น้ำป่าสัก จ.พระนครศรีอยุธยา บอก มีคนตามมาจะทำร้าย เรียกไม่ฟัง จมหายต่อหน้าต่อตาชาวบ้าน หน่วยกู้ภัยนักประดาน้ำงมยังไม่พบ สาเหตุกระแสน้ำไหลแรง
ข่าว,ทั่วไทย
จมน้ำหาย,หนุ่มวัยกลางคน,กลัวคนมาทำร้าย,แม่น้ำป่าสัก,พระนครศรีอยุธยา,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/central/1072835
ซิโก้พอใจได้จอร์แดน -ยูเออี- มอนเตเนโกรร่วมศึกคิงส์คัพ
วันนี้ (18 เม.ย.2559) พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก เลขาธิการ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เปิดเผยหลังการประชุมเตรียมแข่งคิงส์คัพในวันที่ 3-5 มิ.ย. และแผนการเตรียมทีมลงเตะฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก 12 ทีมสุดท้าย กับโค้ชเฮง วิทยา เลาหกุล และซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง โดยสมาคมกีฬาฟุตบอลได้เชิญ จอร์แดน ยูเออี มอนเตเนโกร มาลงเตะคิงส์คัพ ทั้ง 3 ทีมเป็นทีมที่มีอันดับโลกเหนือกว่าไทยทั้งหมด ส่วนโค้ชเฮง วิทยา จะทำงานร่วมกับซิโก้ ช่วยวิเคราะห์เกม จุดอ่อน-จุดแข็งของคู่แข่งด้าน เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวผู้ฝึกสอนนักฟุตบอลทีมชาติไทย กล่าวว่า เป็นโอกาสดีที่ได้ลองทีมกับยูเออีที่ แม้จะอยู่สายเดียวกับไทยแต่ได้ทดสอบเกมก่อนจะได้ศึกษาฟอร์มการเล่นของทีมร่วมสายไปในตัว รวมถึงการได้อุ่นเครื่องจอร์แดนกับมอนเตเนโกร เป็นสิ่งที่ได้ประโยชน์กับทีมชาติไทยทั้งหมด การเตรียมทีมช่วงท้ายฤดูกาล สมาคมกีฬาฟุตบอลได้คุยกับสโมสร โดยหลังจากการลงเล่นให้ต้นสังกัดขอให้นักเตะมาดูวิดีโอเพื่อศึกษาเกมการเล่นของคู่แข่งโดยไม่มีการฝึกซ้อม ซึ่งสโมสรพร้อมให้กับสนับสนุนนัดแรกของทีมไทยในวันที่ 1 ก.ย. จะต้องบุกไปเยือนซาอุดิอาระเบีย สมาคมฟุตบอลกาตาร์เชิญให้ไปอุ่นเครื่องกับทีมชาติกาตาร์ในวันที่ 24 ส.ค. ก่อนเก็บตัวฝึกซ้อมที่กาตาร์และเดินทางเข้าซาอุดิอาระเบียทันที
สมาคมกีฬาฟุตบอลเชิญ 3 ชาติที่มีอันดับโลกเหนือกว่ามาแข่งขันคิงส์คัพเพื่อเป็นการอุ่นเครื่องของทีมชาติไทยก่อนลงเตะฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก 12 ทีมสุดท้ายโซนเอเชีย ก่อนไปแข่งนัดแรกทีมไทย
กีฬา
บอลไทย,ซิโก้,เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง,คิงส์คัพ,ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก,กาตาร์,ยูเออี,มอนเตเนโกร,ไทยพีบีเอส,ThaiPBSnews,ข่าวไทยพีบีเอส,ฟุตบอลทีมชาติไทย2559,จอร์แดน
https://news.thaipbs.or.th/content/251760
ไอ มิยาซาโตะ ขึ้นเป็นผู้นำเดี่ยว ในศึกกอล์ฟแอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2012
สนามสยามคันทรีคลับ พัทยา จังหวัดชลบุรี จันทิมา กัลยานมิตรา หรือ หนูมา เป็น โปรไทยที่ทำผลงานดีที่สุดหลังจากทำไป 5 เบอร์ดี้ เสีย 2 โบกี้ มีคะแนน 3 อันเดอร์ อยู่ที่ 7 ร่วม โปรแหวน พรอนงค์ เพรชล้ำ มี 1 อันเดอร์ อยู่ที่ 18 ร่วม นนทยา ศรีสว่าง มี อีเว่นพาร์ อยู่ที่ 26 ร่วม ขณะที่ โมริยา และ เอริยา จุฑานุกาล มี 1 โอเวอร์ เท่ากันอยู่ที่ 36 ร่วม และ พิณรัชย์ หลุ่มบุญเรือง มี 7 โอเวอร์ อยู่ที่ 69 ร่วม หลังการแข่งขัน โปรแหวน บอกว่า ยังมีปัญหาเรื่องการพัตต์ที่ยังทำได้ไม่ดี ส่วนการได้ พี่ชายมาเป็นแคทดี้ให้ถือว่าประสานงานกันได้ดีส่วนผู้นำหลังจากจบรอบแรกเป็นของ ไอ มิยาซาโตะ นักกอล์ฟจากญี่ปุ่น มีคะแนน 5 อันเดอร์ ส่วนที่ 2 มีคะแนน เท่ากัน 5 คนที่ 4 อันเดอร์ ได้แก่ แอนนา นอร์ทควิส คริสตี้ เคอร์ เอมี่ แยงปัก เสรีและ นา ยอน ชอย จากเกาหลีใต้ไอ มิยาซาโตะ บอกว่า ก่อนเริ่มการแข่งขันเขาตั้งใจเป็นพิเศษเพราะรู้สึกว่าทำผลงานได้ดีมากๆ ในการเล่นที่สนามแห่งนี้ ซึ่งผลที่ออกมาก็ดีตามที่ได้ตั้งเป้าไว้ ส่วนผลงานของโปรชื่อดังคนอื่น ๆ พอลล่า ครีมเมอร์ โปรมือ 3 ของโลกจากสหรัฐ มี อีเว่นพาร์ โดย ครีมเมอร์ สามารถทำ โฮลอินวัน ได้ในหลุมที่ 12 พาร์ 3 ส่วน เจิ้ง หย่า หนี โปรไตหวัน มี 1 โอเวอร์ อยู่ที่ 36 ร่วม และ มิเชล วี โปรอเมริกัน เชื้อสายเกาหลี มี 3 โอเวอร์อยู่ที่ 33 ร่วมส่วนการแข่งขันกอล์ฟยูโรเปี้ยนทัวร์รายการอวานธาสมาสเตอร์ ที่กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดียว ปรากฎว่า จบวันแรกผู้นำตกเป็นของอเลฮานโดร คายิซาเรส โปรสเปน และปีเตอร์ ไวท์ฟอร์ด โปรสกอตแลนด์ที่ทำคะแนนรวมเข้ามาที่ 6 อันเดอร์ นำหน้าเฟเดริฏก้ โคลอมโบ โปรอิตาบีที่รั้งอันดับ 3 อยู่สโตรกเดียวเท่านั้นส่วนธงชัย ใจดี โปรไทยทำผลงานได้ดีตีเข้ามา 4 อันเดอร์รั้งอันดับ 4 ร่วม ถาวร วิรัตน์จันทร์ 1 อันเดอร์ รั้งอันดับ 41 ร่วม และปริวัตร จุณหสวิสดิกุล 5 โอเวอร์รั้งอันดับ 120 ร่วม
การแข่งขันกอล์ฟแอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2012 วันแรก ผู้นำเป็นของ ไอ มิยาซาโตะ อดีตแชมป์เมื่อ 2 ปีที่แล้วส่วน จันทิมา กัลยานมิตรา เป็นโปรไทยที่มีผลงานดีที่สุด
กีฬา
LPGA,กอล์ฟ,แอลพีจีเอ ไทยแลนด์,ไอ มิยาซาโตะ
https://news.thaipbs.or.th/content/66729
วันแรกเกิดอุบัติเหตุ 464 ครั้ง 30% เมาแล้วขับ
วันนี้ (28 ธ.ค.2562) ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.) สรุปสถิติอุบัติเหตุทางถนน เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา เกิดอุบัติเหตุ 464 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 43 คน มีผู้บาดเจ็บ 466 คน โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 30.39 และขับรถเร็ว ร้อยละ 24.78ขณะที่ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 80.08 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01 - 20.00 น. ร้อยละ 30.39 ส่วนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป ร้อยละ 29.27เจ้าหน้าที่ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2026 จุด มีการเรียกตรวจยานพาหนะ 731933 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดีรวม 158453 คน ในความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 42912 คน ไม่มีใบขับขี่ 39584 คน โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ จ.สุราษฎร์ธานี 20 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ จ.เชียงราย 4 คน และ จ.ประจวบคีรีขันธ์ 4 คน ส่วนจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ จ.สุราษฎร์ธานี 22 คนนายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะเลขานุการ ศปถ. เปิดเผยว่า ศปถ.ได้บูรณาการจังหวัดและหน่วยงานภาคีเครือข่ายสร้างความปลอดภัยทางถนน ในลักษณะยึดพื้นที่เป็นตัวตั้ง (Area Approach) โดยจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกบนเส้นทางสายต่างๆ เน้นถนนสายรองที่เป็นทางเลี่ยง ทางลัด รวมถึงเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างจังหวัด กวดขันการใช้ความเร็วและการใช้อุปกรณ์นิรภัยจึงฝากเตือนประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนยึดหลัก 3 ร. รักตัวเอง รักครอบครัว และรักผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น เป็นปฏิญญาร่วมกันในการสร้างความปลอดภัยทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ ทั้งนี้หากประชาชนที่ประสบเหตุหรือพบเห็นอุบัติเหตุ สามารถแจ้งได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 หรือสายด่วน 1669 เพื่อประสานให้การช่วยเหลือขณะที่กระทรวงสาธารณสุข ประสานให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เตรียมพร้อมช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุ จัดเตรียมบุคลากรทางการแพทย์ อาสาสมัครกู้ชีพกู้ภัย รวมถึงยานพาหนะให้พร้อมเข้าถึงจุดเกิดเหตุทันที
วันแรกในช่วง 7 วันอันตรายเทศกาลปีใหม่ 2563 ศปถ.เผยสถิติเกิดอุบัติเหตุ 464 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 43 คน สาเหตุมาจากดื่มแล้วขับ และขับรถเร็ว
สังคม
7 วันอันตราย,เมาแล้วขับ,ขับรถเร็ว,ศปถ.,เทศกาลปีใหม่ 2563
https://news.thaipbs.or.th/content/287469
ศาลตัดสินจำคุก 1 เดือน ปรับ 3.5 หมื่น เกษตรกรขาย ควายบุญรอด
นายรพีภัค ธราธรพิทักษ์ ผู้รวบรวมเงินไถ่ชีวิตเจ้าควายบุญรอด พร้อมด้วย น.ส.ณัฐธยาน์ พลหาญ ทองลงยา ประธานกรรมการมูลนิธิอนุรักษ์โคกระบือและให้ชีวิตใหม่แก่สัตว์ถูกทอดทิ้ง เดินทางไปที่ศูนย์การเรียนรู้เศษฐกิจและพลังงานทดแทน ต.ทุ่งสมอ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ เพื่อติดตามหาเจ้าบุญรอด ซึ่งเป็นควายที่ประชาชนนำเงินไปไถ่ชีวิต แต่ถูกนายวรพล แก้วแดง ซึ่งเป็นเกษตรกรที่รับเลี้ยง แต่กลับนำไปแลกกับควายตัวอื่นนายรพีภัค ธราธรพิทักษ์ ผู้รวบรวมเงินไถ่ชีวิตควายบุญรอด บอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นคาดว่าน่าจะมีเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นด้วยเพราะการมารับเจ้าบุญรอด มีรถเดินทางมาจาก จ.ชัยภูมิ เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 11 ก.ค.2560 ไม่ไช่รถที่นายวรพล อ้างว่าผ่านมาแถวบ้าน ขณะนี้จึงพยายามติดตามด้วยการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ และพยายามติดตามหาเจ้าบุญรอด ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ และได้ตั้งรางวัลจำนวน 100000 บาท สำหรับผู้ที่นำเจ้าบุญรอด กลับคืนมาส่วนด้านคดี หลังตำรวจส่งฟ้องศาลจังหวัดหล่มสัก โดยศาลได้มีคำสั่งพิพากษาให้จำคุกนายวรพล แก้วแดง เป็นเวลา 1 เดือน โดยไม่รอลงอาญาและโทษปรับ 35000 บาท แต่นายวรพล ได้ใช้หลักทรัพย์ประกันตัวเพื่อขอต่อสู้ในชั้นศาลอุทธรณ์
ศาลจังหวัดหล่มสัก พิพากษาจำคุกคนที่นำเจ้าควายบุญรอด ไปขายเป็นเวลา 1 เดือนและปรับเงิน 35000 บาท แต่ได้รับการประกันตัวออกไป ส่วนผู้เกี่ยวข้องยังคงพยายามหาเจ้าบุญรอด ต่อเนื่อง
ภูมิภาค
ศาล,หล่มสัก,ควาย,ควายบุญรอด,ThaiPBSnews,ข่าวไทยพีบีเอส,ไทยพีบีเอส,ThaiPBS
https://news.thaipbs.or.th/content/264617
เดชรัต สุขกำเนิด: เมื่อ กม.เก็บค่าน้ำ-เมล็ดพันธุ์ ลดทางเลือกของเกษตรกร
ประชาไท ชวนมองกฎหมายเก็บค่าน้ำและเมล็ดพันธุ์ผ่านแว่นของเศรษฐศาสตร์ เมื่อนโยบายที่ดีคือการเพิ่มทางเลือกเกษตรกร แล้วเรื่องนี้เพิ่มหรือตัดทางเลือกจากกรณีเก็บค่าน้ำสำหรับการทำเกษตรไล่มาจนถึงการแก้ไข พ.ร.บ.เมล็ดพันธุ์ ที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะทำให้เกิดการผูกขาดเมล็ดพันธุ์โดยบริษัทเอกชน เนื่องจากมีเนื้อหา เช่น ห้ามเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ปลูกต่อหรือการขยายอายุสิทธิบัตรเมล็ดพันธุ์ เป็นต้น 18 ต.ค. 60 20 ต.ค. 60ทั้งสองกรณีร้อนถูกหยิบขึ้นมาถกเถียงปะปนไปกับอารมณ์ความเชื่ออยู่ในที เกี่ยวกับเกษตรกรและชาวนากับความเป็นกระดูกสันหลังของชาติประชาไท ชวนถอยออกมาหนึ่งก้าว มองกลับเข้าไปด้วยแว่นของเศรษฐศาสตร์ เพราะทั้งเรื่องน้ำและเมล็ดพันธุ์ก็มีมิติเรื่องประสิทธิภาพแฝงอยู่ ไม่ว่าจะในแง่การใช้ทรัพยากรหรือการแข่งขันของบริษัทเอกชนที่จะพัฒนาเมล็ดพันธุ์ให้มีผลผลิตเพิ่มมากขึ้นจากแรงจูงใจด้านสิทธิบัตรที่เพิ่มขึ้นคำถามจึงอยู่ที่ว่า ทั้งสองประเด็นตอบโจทย์ด้านประสิทธิภาพหรือไม่ หรือเป็นการตั้งโจทย์ที่ผิดตั้งแต่ต้น เดชรัต สุขกำเนิด ภาควิชาเศรษฐศาสตร์การเกษตร คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ชวนหาคำตอบเดชรัตไม่ได้เริ่มต้นจากการระบุว่า นโยบายทั้งสองดีหรือไม่ดี มันออกจะเป็นคำตอบที่ไม่ค่อยรัดกุม เพราะเครื่องมือทางนโยบายหรือเศรษฐศาสตร์ อย่างในกรณีการเก็บค่าน้ำ ไม่ใช่สิ่งที่ถูก-ผิดโดยตัวมันเอง เดชรัตชวนให้ถอยกลับไปพิจารณา ทางเลือกถ้าเราพูดแบบกว้างที่สุดคือทำอย่างไรให้เกษตรกรมีทางเลือก ทำอย่างให้เกษตรกรเลือกทางเลือกที่น่าจะดี โดยที่เรามีฐานความคิดว่ามีเรื่องบางเรื่องที่ดีต่อพี่น้องเกษตรกร แต่พี่น้องเกษตรกรไม่เลือกเพราะอะไร ถ้าอย่างนั้นเราทำแบบนี้ดีหรือไม่ เขาจะได้เลือกสิ่งที่เขาควรเลือกมากขึ้น ไม่ได้บังคับ แต่อย่างน้อยที่สุดก็จูงใจให้เขาเลือกสิ่งที่ควรจะเป็นหรือก้าวข้ามอุปสรรคที่ทำให้เขาไม่สามารถเลือกสิ่งที่ควรจะเป็น คือเขาอาจจะรู้ว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่เขาควรเลือก แต่มันมีอุปสรรค ติดกับดัก เราก็ไปแก้กับดักตรงนั้นถ้าคิดภายใต้กรอบนี้ก็ต้องถือว่า วิธีการที่รัฐบาลทำเรื่องการเก็บภาษีน้ำ ไม่ใช่ตัวภาษีน้ำ แต่วิธีที่รัฐบาลพูดหรือเสนอออกมา มันเป็นวิธีการที่ตรงข้ามกับกรอบที่ผมมีโดยสิ้นเชิง กรอบที่ผมมีเริ่มต้นจากทางเลือกก่อน ตัวผมเองก็ไม่ได้ปฏิเสธการเก็บภาษีน้ำ แต่โจทย์ของมันคือคุณจะให้เขาเลือกอะไร แล้วคุณก็ไปเก็บภาษีน้ำเพื่อให้เขาเลือกสิ่งนั้นสรุปได้ว่า ต้องเริ่มต้นจากโจทย์ว่า รัฐบาลต้องการให้เกษตรกรทำอะไร แล้วมาตรการต่างๆ ที่จะออกมาจะช่วยให้เกษตรกรทำสิ่งเหล่านั้นได้ดีเพิ่มขึ้นและก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ อย่างไรโจทย์ข้อนี้อยู่ในความคิดของรัฐหรือไม่ เดชรัตคิดว่า ไม่ หรือหากมีอยู่ก็ไม่ได้ถูกนำเสนอออกมาเลย แต่กลับสื่อสารออกมาในแง่การใช้น้ำที่สิ้นเปลืองหรือความเป็นธรรมในการใช้น้ำสำหรับทุกฝ่าย เขายกตัวอย่างรูปธรรมว่า สมมติเกษตรกรที่อยู่นอกเขตชลประทานมีความจำเป็นต้องมีบ่อเก็บน้ำ ปัญหาคือเกษตรกรไม่มีเงิน คำถามคือถ้าเก็บภาษีน้ำแล้วเกษตรกรจะมีเงินเพิ่มขึ้นหรือไม่ อาจจะมีเพิ่มขึ้น ถ้ากฎหมายกำหนดให้มีการตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุน แต่ถ้าเงินจากภาษีน้ำที่รัฐบาลกำหนดไหลเข้ากระเป๋าใหญ่ของรัฐบาล อุปสรรคที่เกษตรกรเผชิญก็จะไม่ได้รับแก้ไขเหมือนเดิมการตั้งโจทย์เรื่องภาษีน้ำ ส่วนตัวผม คิดว่าเป็นวิธีการตั้งโจทย์ที่ไม่ดีเลย คือเป็นการตั้งโจทย์ที่ผิดพลาด ย้ำครับว่าไม่ใช่การเก็บภาษีน้ำไม่ดีเลย แต่วิธีการตั้งโจทย์ของรัฐบาลเป็นการตั้งโจทย์แบบเหมาโหลและไม่มีทางเลือกในกรณีเมล็ดพันธุ์ก็เช่นเดียวกัน เกษตรกรจะมีทางเลือกเพิ่มขึ้นหรือเปล่า คุณอาจพูดว่าจะเป็นแรงจูงใจให้บริษัทพัฒนาเมล็ดพันธุ์ที่ดีขึ้น แล้วทางเลือกของเกษตรกรคืออะไร ทางเลือกคือการซื้อ ใช่หรือเปล่า อย่างกรณีข้าวโพด เราตอบได้หรือเปล่าว่าเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีความเข้มแข็งมากขึ้น จากการที่มีเลือกจากบริษัทเอกชนที่พัฒนาเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดมาเนิ่นนานก่อนหน้านี้เราใช้พันธุ์ที่รัฐพัฒนา เป็นพันธุ์ที่เกษตรกรเก็บไว้ได้ แต่เอกชนมาทำเป็นพันธุ์ลูกผสมแข่งกัน เราอธิบายว่าอย่างไรที่ว่าเกษตรกรมีชีวิตที่ดีขึ้น หรือไม่ใช่ แต่เท่าที่ผมเห็น ผมไม่ได้รู้สึกว่าเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดมีความมั่นคงในชีวิตเพิ่มขึ้น เราควรจะสรุปบทเรียนข้าวโพดให้ตรงไปตรงมาว่ามันโอเคหรือไม่ ถ้าโอเค เราจะได้นำผลสรุปนี้มาขยายต่อ เพื่อให้เกษตรกรมีความเป็นอยู่ดีขึ้น แต่มันไม่มีผลการศึกษาที่จะยืนยันเดชรัตให้ข้อมูลว่า ต้นทุนการปลูกข้าวมีความแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ไม่สามารถใช้ตัวเลขเดียวได้ อย่างไรก็ตาม หากกล่าวโดยทั่วไป ปัจจุบัน ต้นทุนการปลูกข้าวตกประมาณ 4000 บาทต่อไร่ สมมติไร่หนึ่งใช้น้ำ 1600 ลูกบาศก์เมตร ชาวนาต้องเสียค่าน้ำประมาณ 800 บาท ถ้ามีรายได้จากการขายข้าว 6000 บาทต่อไร่เมื่อบวกค่าน้ำเข้าไป กำไรที่เคยได้จะลดลงประมาณร้อยละ 40 หมายความว่ากำไร 2000 บาทต่อไร่จะลดเหลือ 1200 บาทต่อไร่หลังจากหักค่าน้ำขณะที่ต้นทุนเมล็ดพันธุ์บอกไม่ได้ว่า พืชแต่ละชนิดมีต้นทุนเท่าใด แต่เดชรัตยกตัวอย่างข้าวโพดว่า อยู่ที่ประมาณร้อยละ 20 ของต้นทุนทั้งหมดถ้ากฎหมายสองฉบับนี้ผ่าน ต้นทุนของเกษตรกรจะขึ้นเพิ่มขึ้นแน่นอน แต่ผมไม่ได้เอาเกณฑ์นี้เป็นตัวตั้งในการพูดว่าเรื่องไหนดีหรือไม่ดี ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นคุ้มกับประสิทธิภาพหรือทางเลือกที่เพิ่มขึ้น ผมก็โอเค โดยเฉพาะเรื่องน้ำ ต้องพูด เพราะตัวเลขที่รัฐบาลให้มาเป็นตัวเลขที่อาจจะไม่ค่อยละเอียดอ่อนเท่าไหร่ ชาวนามีกำไร 2000 จะเก็บไป 800 เป็นการพูดที่ไม่คำนึงถึงความอ่อนไหวของคนฟัง ไม่ใช่ตัวหลักการ แต่วิธีคิดและวิธีการนำเสนอมันไม่ละเอียดอ่อนในเชิงของผู้ได้รับผลกระทบส่วนกรณีเมล็ดพันธุ์ เราคาดเดาเป็นตัวเลขไม่ได้ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือการผูกมัดเรื่องเมล็ดพันธุ์ อาจเลยไปถึงการผูกมัดเรื่องการใช้ปุ๋ยและการใช้ยากำจัดศัตรูพืช ซึ่งตอนนี้เมล็ดพันธุ์หลายตัวก็เป็นลักษณะนี้แล้ว ฉะนั้น แนวคิดความคิดนี้ในเรื่องเมล็ดพันธุ์ยังไม่มีการตรวจสอบส่วนหลังจากนี้ เราสนทนากันด้วยมิติด้านประสิทธิภาพและแนวโน้มภาคเกษตรในอนาคตโดยเชื่อมโยงกับนโยบายทั้งสองเมื่อถามถึงในแง่ประสิทธิภาพ การออกกฎหมายลักษณะนี้จะไม่ช่วยสร้างปัจจัยให้เกษตรกรต้องปรับตัวเพื่อแข่งขันหรือ? เดชรัตตอบว่าผมคิดว่าสิ่งที่รัฐบาลคิด ไม่ได้เอาโจทย์เรื่องประสิทธิภาพเป็นตัวตั้ง อาศัยแค่ความเชื่อ ไม่มีการพิสูจน์ ไม่มีการบอกว่าเมื่อเกษตรกรจ่ายค่าน้ำ แล้วจะไปลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ เพราะมันมี 3 ทางเลือก หนึ่งคือปรับตัวเพื่อให้แข่งขันได้ สอง ยิ่งไม่มีเงินเข้าไปอีกแล้วก็ออกไปจากระบบ ซึ่งบางคนไม่แคร์ แต่ผมแคร์ ออกก็ได้ แต่ต้องออกอย่างมีทางเลือก สาม-เขาก็ยังไม่ออกหรอก แต่ก็ทนอยู่ ทนจ่ายค่าน้ำต่อไป เรื่องนี้ไม่มีการพิสูจน์ว่าทำแล้วประสิทธิภาพจะดีขึ้น ผมจะเชื่อก็ต่อเมื่อมีการพิสูจน์ สมมติว่ารัฐบาลจะทำจริงๆ แล้วไม่แคร์การพิสูจน์ ก็ยังมีการพิสูจน์หลังจากออกนโยบายมาแล้ว ว่าเก็บค่าน้ำแล้ว ประสิทธิภาพการใช้น้ำจะดีขึ้นอย่างไร อะไรคือเกณฑ์ที่รัฐบาลจะใช้ในการวัด ส่วนในกรณีเมล็ดพันธุ์ควรจะตอบได้แล้ว เพราะผ่านมา 20 ปีแล้ว สุดท้ายเราก็มานั่งเถียงกันจากความเชื่อส่วนในกรณีของเมล็ดพันธุ์ เดชรัตยกตัวอย่างข้าวโพดกรณีข้าวโพดเรามีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่เพิ่มขึ้น แต่รายได้ที่เกษตรกรที่ได้รับเพิ่มขึ้นหรือไม่ ทำไมไม่เปรียบเทียบกับมันสำปะหลังที่สามารถเก็บท่อนมันไว้ปลูกต่อได้ เกษตรกรจึงมีทางเลือกที่จะเก็บไว้ปลูกต่อหรือจะซื้อก็ได้ แล้วผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ของมันสำปะหลังที่เพิ่มขึ้นกระจายตัวดีกว่าข้าวโพดที่เกษตรกรต้องไปซื้อทุกรอบหรือไม่ ซึ่งสามารถวิจัยได้เลย เพราะทั้งสองอย่างเราทำมา 20 ปีแล้ว ซึ่งเราอาจพบว่า ข้าวโพดอาจได้ประโยชน์ต่อเกษตรกรน้อยกว่าการทำแบบมันสำปะหลังก็ได้ แล้วถ้ามีกฎหมายนี้ออกมา ต่อไปเกษตรกรจะไม่สามารถเก็บท่อนมันไว้ปลูกต่อได้เดชรัตย้ำว่า ไม่มีคำว่าประสิทธิภาพอยู่ในความพยายามจะออกกฎหมาย มีแต่ความเชื่อที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ เขากล่าวย้ำโดยกลับไป ณ จุดเริ่มต้นของการสนทนาว่า รัฐบาลควรพิจารณาว่าอะไรคือเครื่องมือไปสู่ประสิทธิภาพ เหตุใดเครื่องมือนั้นไม่ถูกใช้ แล้วจึงหานโยบายทางเศรษฐศาสตร์ที่เหมาะสมเพื่อให้เครื่องมือดังกล่าวถูกใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพผมจะคิดแบบ Micro to Macro ผมต้องมองการตัดสินใจของคนแต่ละคนให้เห็นก่อน เพื่อให้เห็นว่ากรอบใหญ่ที่เราจะทำภายใต้ พ.ร.บ.น้ำ คืออะไร แต่รัฐบาลใช้แมคโครตัดสินใจ เก็บเงินแล้วทุกคนก็ต้องปรับตัว จริงๆ แล้วไมโครทำยังไง เขาอธิบายไม่ได้ สำหรับผมไม่เห็นตัวเลขไหนที่จะอธิบายเรื่องนี้ได้ที่เป็นการพิสูจน์ นอกจากคุยกันในเรื่องความเชื่อ ผมจึงค่อนข้างซีเรียสว่า ประสิทธิภาพที่เราพูดถึงไม่ใช่สิ่งที่คนที่พยายามทำสองเรื่องนี้อธิบายอย่างแท้จริงนอกจากนี้ เดชรัตชี้ให้เห็นว่า บางทีคำว่าประสิทธิภาพอาจไม่จำเป็นต้องหมายถึงปริมาณผมไม่ค่อยแน่ใจว่าประสิทธิภาพคือคำตอบของภาคเกษตร สมมติเรายกตัวอย่างประสิทธิภาพการผลิตข้าวขึ้นมาได้ ผมว่าราคาข้าวเราคงตกอีกเยอะ เพราะฉะนั้นประสิทธิภาพจึงอาจไม่ได้แปลว่าผลิตมากขึ้นภายใต้ทรัพยากรที่มี แต่ถ้าบอกว่าจะทำให้คุณภาพดีขึ้น มันก็อาจจะเป็นไปได้ว่าจะช่วยให้เกษตรกรดีขึ้นแต่เมล็ดพันธุ์ที่พัฒนา ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ตอบโจทย์มากนักในเรื่องคุณภาพ ส่วนใหญ่จะตอบโจทย์ในเชิงปริมาณมากกว่า ผมคิดว่าเมล็ดพันธุ์ที่เรามีอยู่ โดยเฉพาะข้าวจะเห็นชัด มันจะตอบโจทย์เราในเรื่องคุณภาพมากกว่า แต่เราอาจมองว่าไม่ใช่ตัวหลัก ยังมองว่าให้ผลผลิตต่อไร่น้อยนิดเดียว ตอนนี้ซัพพลายข้าวเราเกิน มันอาจเป็นโจทย์ในเชิงประสิทธิภาพได้ ถ้าเราสามารถตอบได้ว่าเรามีแผนอย่างไรที่จะทำให้การปลูกข้าวน้อยลง เรื่องมันเกี่ยวโยงกันหมด จะพูดแยกส่วนเฉพาะประสิทธิภาพไม่ได้เรื่องเมล็ดพันธุ์ ถ้าถามว่าผมยอมรับเรื่องสิทธิบัตรหรือเปล่า ยอมรับการที่เกษตรกรต้องซื้อหรือไม่ ผมยอมรับได้ แต่ยอมรับบนฐานที่ผู้เล่นบางคนเข้ามาแทรกแซงในตลาด เช่น รัฐบาลหรือมหาวิทยาลัย หรือใครที่เข้ามาแทรกแซงอยู่เสมอ หมายความว่ามีผลิตภัณฑ์เข้ามาสู้กับภาคเอกชน เพื่อเป็นทางเลือก ไม่ได้หมายความว่าต้องสู้ให้เอกชนล้มหายตายจาก แต่สู้เพื่อไม่ให้มีแต่เอกชนเท่านั้นที่ผูกขาดมีการพูดถึงกันอย่างต่อเนื่องว่า แนวโน้มในอนาคตการทำเกษตรกรรมจะปรับเปลี่ยนจากรายย่อยไปสู่การทำเกษตรกรรมบนพื้นที่ขนาดใหญ่ซึ่งจะให้ผลตอบแทนและมีประสิทธิภาพมากกว่า จำนวนเกษตรกรจะลดลง ไหลเข้าสู่ภาคการผลิตอื่น แล้วเกษตรกรที่ยังอยู่ก็จะมีรายได้ดีขึ้น คุณภาพชีวิตดีขึ้น เนื่องจากตัวหารในภาคการเกษตรลดลง นี่คือแนวคิดกระแสหลักที่ดำรงอยู่เรามองได้หรือไม่ว่า การเก็บค่าน้ำและการแก้กฎหมายเมล็ดพันธุ์ก็เพื่อตอบรับกับแนวโน้มดังกล่าวในอนาคต เดชรัตอธิบายว่าเราต้องพูดก่อนว่ามันจะเกิดขึ้นหรือไม่ เกษตรจะเป็นรายใหญ่มั้ย ก็ต้องตอบว่าจะเกิดขึ้นเมื่อเกษตรกรรายใหญ่มีเทคโนโลยีเพียงพอที่จะควบคุมความเสี่ยง มันเกิดขึ้นแล้วในกรณีของไก่ หมู แต่จะไม่เกิดขึ้นในกรณีที่เขาไม่สามารถควบคุมความเสี่ยงได้อย่างในกรณีของข้าว ของพืชไร่ เขาก็จะปล่อยให้เกษตรกรรายย่อยทำต่อไป โดยข้อเท็จจริงจะมีเฉพาะบางธุรกิจเท่านั้นที่จะเป็นรายใหญ่จริงๆ มันจะไล่ไปตามความสามารถที่จะเอาเงินไปลงทุนและควบคุมไม่ให้ตนเองไม่มีความเสี่ยงหรือมีความเสี่ยงน้อยลงมากๆสำหรับผม ผมคิดว่าแนวโน้มนี้ไม่จริง ยกตัวอย่างข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ผมไม่เชื่อว่าจริง ในระยะ 20 ปีนี้ผมไม่เชื่อว่ารายใหญ่จะเข้ามา บวกด้วยปัจจัยอีกข้อคือที่ดินของเรามีราคาแพง ถึงเป็นรายใหญ่ก็ไม่สามารถซื้อที่ดินเป็นหมื่นไร่แสนไร่ได้ง่ายๆประเด็นที่ว่าจำนวนเกษตรกรน้อยลง ส่วนแบ่งจะมากขึ้น ผมไม่ติดใจ แต่ผมไม่แน่ใจว่าจะเกิดขึ้นในยุคนี้ ถ้ามันเกิดขึ้นเมื่อ 40 ปีที่แล้ว ซึ่งมันก็เกิดขึ้น เกษตรกรก็ลดลง แต่ก่อนมี 60-70 เปอร์เซ็นต์ ตอนนี้ก็เหลือ 30-40 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ยังไม่เห็นมีอะไรดีขึ้น คนที่เชื่อก็ยังเชื่อว่าต้องลงอีก แต่ผมไม่เชื่อว่าจะลง ไม่ใช่ว่าภาคเกษตรดี แต่ภาคอื่นไม่รับ ตัวเลขการจ้างงานของภาคอุตสาหกรรมก็ไม่เพิ่มขึ้น เพราะมันมาสู่อุตสาหกรรมในรูปแบบใหม่แล้ว ไม่ใช่แบบเดิม ตัวเลขของภาคบริการก็รับเพิ่มขึ้นบ้างภายใต้ความเสี่ยงที่ไม่น้อย อย่างเวลาพูดถึงภาคการท่องเที่ยว มันก็มีความสวิง ปัจจุบันจ้างงานอยู่ประมาณ 7 เปอร์เซ็นต์ของการจ้างงานทั้งหมด แล้วจะรับเกษตรกรที่ลดลงได้หรือไม่ผมจะดีใจมากถ้ามีใครยืนยันว่า มีใครสามารถรับคนในภาคเกษตรได้ ไม่ได้ดีใจที่ออกจากภาคเกษตร แต่ดีใจที่มีทางเลือกประเด็นที่เดชรัตกังวลคือเขาไม่แน่ใจว่าเกษตรกรจะมีทางเลือกดังว่า แต่อาจจะย้อนกลับกัน คือคนบางส่วนต้องออกจากภาคอุตสาหกรรมและบริการมาสู่ภาคเกษตร ส่วนหนึ่งเพราะมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามา เช่น ปัญญาประดิษฐ์ เขาย้ำว่าไม่ได้ค้าน ถ้าเกษตรกรเหลือน้อยลง เพียงแต่ไม่แน่ใจว่าจะเกิดขึ้นจริงตามหลักเศรษฐศาสตร์ การที่เกษตรกรเหลือน้อยลงและย้ายไปอยู่ภาคอื่น การย้ายไปอยู่ภาคอื่นให้ดีขึ้นได้ เขาไม่ควรจะย้ายโดยไม่มีทางเลือก เขาต้องมีทางเลือก แต่ไปทางนั้นเพราะมันดีกว่า การต่อรองของเขาจะดีกว่า ผมจึงเห็นว่า ใครก็ตามที่สนับสนุนให้เกษตรย้ายไปภาคอุตสาหกรรม ผมไม่ได้ค้าน แต่เขาควรไปในลักษณะที่มีทางเลือกเสมอ การบีบให้ไปโดยไม่มีทางเลือกคือการทำให้เขาหมดอำนาจต่อรองในเซ็คเตอร์ใหม่ที่เขากำลังจะไปเดชรัตมีทัศนะว่า กฎหมายทั้งสองฉบับ ไม่ว่าจะเรื่องน้ำหรือเมล็ดพันธุ์ สุดท้ายแล้วจะเป็นการตัดตัวเลือกของเกษตรกรลงการคิดนโยบายหรือออกกฎหมายต้องวางอยู่หลักการที่จะเพิ่มทางเลือกให้แก่เกษตรกร ไม่ใช่ตัดทางเลือก
ประชาไท ชวนมองกฎหมายเก็บค่าน้ำและเมล็ดพันธุ์ผ่านแว่นของเศรษฐศาสตร์ เมื่อนโยบายที่ดีคือการเพิ่มทางเลือกเกษตรกร แล้วเรื่องนี้เพิ่มหรือตัดทางเลือก จากกรณีเก็บค่าน้ำสำหรับการทำเกษตรไล่มาจนถึงการแก้ไข
เศรษฐกิจ
กฎหมายเมล็ดพันธุ์,เกษตรกร,เก็บค่าน้ำ,เดชรัต สุขกำเนิด
https://prachatai.com/journal/2017/10/73784
เนวิน ยืนยันสามารถส่งทีมแข่ง AFC ในนามบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดได้
นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์พีอีเอเปิดแถลงข่าวร่วมกับผู้บริหารการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยบุรีรัมย์ได้ซื้อหุ้นอีก 30 เปอร์เซ็นต์จากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ด้วยจำนวนเงิน 23 ล้านบาท ทั้งยังจะประชาสัมพันธ์องค์กรของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคให้คิดเป็นจำนวนอีก 15 ล้านบาท รวมถึงสิทธิ์ขาดในการเล่นของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเดิม ทุกรายการของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ สิทธิ์ในการลงเล่นฟุตบอล AFC แชมเปี้ยนส์ลีก การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้โอนสิทธิ์ขาดให้กับบุรีรัมย์ ซึ่งจะมีการเปลี่ยนชื่อเป็นบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดในฤดูกาลหน้าการใช้ขื่อบุรีรัมย์ยูไนเต็ดจะใช้ลงแข่ง AFC แชมเปี้ยนส์ลีกด้วยซึ่งนายเนวิน ชิดชอบ ยืนยันว่าสามารถส่งแข่งขันได้เป็นแค่เพียงการเปลี่ยนชื่อเท่านั้น โดยผู้บริหารทีมบุรีรัมย์ยูไนเต็ดได้เดินทางไปประชุมกับ AFC และหารือกับทีมกฎหมายถึงเรื่องการเปลี่ยนชื่อ และการตกลงถึงสิทธิ์การเล่น AFC แชมเปี้ยนส์ลีกที่ประเทศมาเลเซียนายเนวิน ชิดชอบ ยืนยันจะขอทำทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดเท่านั้น ทำให้สิทธิ์ในการเล่นสปอนเซอร์ไทยพรีเมียร์ลีกของบุรีรัมย์ เอฟซี ที่เพิ่งได้เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในฐานะแชมป์ดิวิชั่น 1 ได้มีการโอนสิทธิ์ให้กับ สงขลา ทีมอันดับ 4 ของดิวิชั่น 1 ที่เพิ่งตกรอบรองชนะเลิศฟุตบอลไทยคมเอฟเอคัพ หลังจากแพ้เมืองทองหนองจอกยูไนเต็ดในการดวลจุดโทษสำหรับการโอนสิทธิ์ให้กับสงขลามีสัญญาใจเพียงข้อเดียวคือ สงขลาต้องทำทีมให้ดี และไม่เป็นทีมที่ต้องหนีการตกชั้น ส่วนสิทธิ์ของสงขลาในการเล่นดิวิชั่น 1 ที่ว่างลง ทางสโมสรจะมีการพิจารณาอีกครั้งว่าจะให้กับทีมใด
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้โอนสิทธิ์ขาดให้กับบุรีรัมย์ พร้อมกับจะใช้ชื่อสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ดในการลงเล่นทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ซึ่งนายเนวิน ชิดชอบ ยืนยันว่าจะสามารถส่งแข่งเล่น AFC โดยใช้ชื่อบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดลงเล่นได้
กีฬา
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด,สงขลา,เนวิน
https://news.thaipbs.or.th/content/58387
นายก อบต.ปูด เอสอีเอ โครงการเหมืองโปแตช ไม่เป็นกลาง
วันนี้ (12 พ.ค.54) เวลา 10.00 – 12.00 น. ณ อาคารอเนกประสงค์ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ห้วยสามพาด นายประจักษ์ อุดชาชน นายก อบต.ห้วยสามพาด ได้เปิดเวทีชี้แจงข้อมูล จากการที่ตนได้เข้าร่วมประชุมระดมความคิดเห็นต่อร่างขอบเขตการศึกษา และประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment: SEA) โครงการพัฒนาเหมืองแร่โปแตช ร่วมกับหน่วยงานราชการ นักวิชาการ ผู้นำชุมชน และบริษัทผู้ขอสัมปทาน ฯลฯ ที่กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กระทรวงอุตสาหกรรม ให้ชาวบ้านในพื้นที่ ต.ห้วยสามพาด และตำบลใกล้เคียงในพื้นที่โครงการเหมืองแร่โปแตช จ.อุดรธานี ได้เข้าร่วมรับฟัง และแลกเปลี่ยนซักถาม ถึงความคืบหน้าของการจัดทำเอสอีเอ โครงการเหมืองแร่โปแตช โดยมีผู้เข้าร่วมประมาณ 100 คน ทั้งนี้ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ ในการจัดทำ เอสอีเอ โครงการเหมืองแร่โปแตช โดยนายสมเกียรติ ภู่ธงชัยฤทธิ์ อธิบดี กพร. เป็นประธาน ภายใต้กรอบระยะเวลา 1 ปี คือ เริ่มตั้งแต่เดือนกันยายน 2553 – ตุลาคม 2554 ด้วยงบประมาณดำเนินงานจำนวน 10 ล้านบาท โดยนายประจักษ์ กล่าวกับชาวบ้านที่มาร่วมรับฟังว่า กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ได้จัดการประชุมเพื่อดำเนินการเอสอีเอ โครงการเหมืองแร่โปแตช มาแล้วหลายครั้ง และตนก็มีโอกาสได้เข้าร่วมใน 2 ครั้งล่าสุด คือเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ และ 27 เมษายน ที่ผ่านมา จึงคิดว่าในฐานะเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ซึ่งได้ไปรับฟังข้อมูล และได้เป็นปากเป็นเสียงพูดแทนชาวบ้าน จึงอยากนำข้อมูลที่ได้มาบอกต่อกับพี่น้องให้รับทราบ พร้อมกับมีเอกสารมาแจก เพื่อให้พี่น้องได้ไปศึกษา ผมยอมรับว่ามีข้อมูลน้อยมาก ที่จะไปพูดแทนพี่น้อง แต่ก็ได้พยายามศึกษาค้นคว้า จากที่ต่างๆ และก็เสียดายว่าไม่มีตัวแทนของกลุ่มอนุรักษ์ฯ (กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี) เข้าร่วม เพื่อไปให้ข้อมูลอีกด้าน ทัดทานข้อมูลในเวที ที่มีนักวิชาการ และกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ นำเสนอ ซึ่งในครั้งต่อไปผมก็อยากจะชวนให้ไปร่วมด้วย หรือใครมีข้อเสนออะไรจะฝากกับผมก็ยินดี นายก อบต.ห้วยสามพาด ยังกล่าวอีกว่า สังเกตได้ว่ากรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ไม่มีความเป็นกลาง เพราะโดยบทบาทแล้วกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เป็นหน่วยงานที่เอื้ออำนวยความสะดวกให้กับบริษัท หรือผู้ประกอบการ ซึ่งผมเคยทำงานบริษัทเอกชน มาก่อน ผมรู้ดี ว่ามันเป็นอย่างไร แต่ทั้งนี้ก็เห็นว่าเวทีดังกล่าวเป็นโอกาสอันดีที่หลายฝ่ายได้มาพูดคุยระดมความคิดเห็นร่วมกัน เพื่อจะได้เป็นแนวทางปฏิบัติ และทั้งหมดก็มีการบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ไม่มีใครสามารถบิดเบือนได้ นายประจักษ์กล่าว ด้านนางมณี บุญรอด รองประธานกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี กล่าวว่า กลุ่มอนุรักษ์ฯ ไม่ร่วมทำเอสอีเอ โครงการเหมืองแร่โปแตช ของ กพร.อย่างแน่นอน เพราะไม่มีความเป็นกลาง ซึ่งที่ผ่านมาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า กพร. เป็นผู้มีหน้าที่อนุญาตประทานบัตรให้กับบริษัทโปแตช ลงทำการปักหมุดรังวัดในพื้นที่ จนเหตุการณ์ปะทะ ขับไล่ และสร้างความแตกแยกให้กับชุมชน กลุ่มอนุรักษ์ฯ ได้เสนอมาตลอดว่าโครงการเหมืองแร่โปแตชต้องทำ เอสอีเอ ก่อน โดยให้ตั้งคณะทำงานที่มีความเป็นอิสระ และเป็นกลางที่ทุกฝ่ายยอมรับ โดยมีทั้งส่วนราชการ นักวิชาการ บริษัท และชาวบ้าน มาศึกษาร่วมกัน เมื่อได้ข้อสรุปอย่างไรก็ค่อยมาว่ากัน ส่วนเหมืองโปแตชอุดรฯ ก็ต้องยุติกระบวนการประทานบัตรไว้ก่อน แต่ กพร.ไม่ยอมรับฟัง จะเดินหน้าอย่างเดียวชาวบ้านจึงไม่ยอมรับ นางมณีกล่าว
นายก อบต.ห้วยสามพาด เผยผลร่วมประชุมระดมความคิดเห็นต่อร่างขอบเขตการศึกษา และเอสอีเอโครงการเหมืองแร่โปแตช ไม่มีตัวแทนไปให้ข้อมูลอีกด้านกับของ กรพ. ด้านกลุ่มอนุรักษ์แจงไม่ร่วมเวที เหตุไม่มีความเป็นกลาง
การเมือง,สิทธิมนุษยชน,สิ่งแวดล้อม,สังคม
กพร.,กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี,การประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์,ศูนย์สื่อชุมชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม,เอสอีเอ,โครงการเหมืองแร่โปแตช
https://prachatai.com/journal/2011/05/34519
พ.อนุรักษฯฝรั่งเศสชู ฟิลยง ชิงผู้นำ-โอลองด์ยังเงียบ
ผลการเลือกตั้งภายในรอบสองรอบชี้ขาดเพื่อสรรหาผู้สมัครของพรรคอนุรักษนิยม พรรครีพับลิกัน เพื่อไปชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสที่จะมีการเลือกตั้งกัน 2 รอบในเดือน เม.ย.และ พ.ค.ปีหน้า เมื่อ 27 พ.ย. นายฟรองซัวส์ ฟิลยง วัย 62 ปี อดีตนายกรัฐมนตรีในยุคประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี มีชัยเหนือนายอะแลง จุปเป วัย 71 ปี อดีตนายกฯในสมัยประธานาธิบดีฌากส์ ชีรัค หลังการนับคะแนนเกือบเสร็จสมบูรณ์ โดยนับผ่านไปแล้ว 9,713 คูหาเลือกตั้งจากทั้งหมด 10,229 คูหา ฟิลยงได้ 66.6% ส่วนนายจุปเปซึ่งได้คะแนน 33.4% ได้กล่าวยอมรับความพ่ายแพ้และพร้อมสนับสนุนฟิลยงเพื่อก้าวสู่เก้าอี้ประธานาธิบดีต่อไป,นายฟิลยงซึ่งเป็นผู้สมัครม้ามืดฟันฝ่าเอาชนะคู่แข่งที่มีทั้งหมด 7 คนรวมทั้งอดีตประธานาธิบดีซาร์โกซี ได้กล่าวต่อกลุ่มผู้สนับสนุนว่าจะทำงานเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง สัญญาจะเป็นผู้สมัครของทุกคนที่มีความภาคภูมิใจในการเป็นคนฝรั่งเศสและจะสร้างสังคมที่ยุติธรรมมากขึ้น และว่าฝรั่งเศสต้องการทั้งความจริงและการลงมือกระทำ,ส่วนคู่แข่งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสของนายฟิลยง นอกจากนางมารีน เลอ เพน ผู้สมัครหัวเอียงขวาผู้ต่อต้านระบบและสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งหวังจะขี่กระแสต่อต้านระบบโลกาภิวัตน์และได้ชัยชนะเหมือนกรณีนายโดนัลด์ ทรัมป์ที่ชนะเลือกตั้งได้เป็นว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐฯแล้ว ยังต้องจับตามองไปที่พรรคสังคมนิยมด้วยว่าประธานาธิบดีฟรองซัวส์ โอลองด์ที่คะแนนนิยมกำลังตกต่ำจะลงสมัครชิงชัยการเลือกตั้งขั้นต้นของพรรคสังคมนิยมที่จะมีขึ้นในเดือน ม.ค.ปีหน้าหรือไม่และคาดว่านายโอลองด์จะประกาศท่าทีชัดเจนในไม่กี่วันข้างหน้า,หากนายโอลองด์ ประกาศลงสมัครชิงผู้แทนพรรคสังคมนิยมจริง เขาจะมีคู่แข่งรออยู่แล้ว 2 คน นั่นคือนายมานูเอล วาลส์ นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสและนายเอ็มมานูเอล มาครง อดีตเด็กในคาถาของโอลองด์และอดีต รมว.เศรษฐกิจ วัย 38 ปี ซึ่งต่างแสดงท่าทีชัดเจนแล้วว่าจะร่วมชิงชัย โดยในส่วนของนายมาครง จะสมัครชิงประธานาธิบดี ในนามผู้สมัครอิสระด้านโฆษกรัฐบาลปฏิเสธข่าวมีการแข่งขันภายในของนายโอลองด์กับนายวาลส์ ระบุนายวาลส์จะลงแข่งในศึกเลือกตั้งภายในได้ก็ต่อเมื่อพ้นจากตำแหน่งแล้วเท่านั้น,นายฟิลยงเป็นคาทอลิกสายเคร่งที่ถือจารีตนิยม ต่อต้านการทำแท้งและการแต่งงานของกลุ่มคนรักเพศเดียวกัน (เกย์) ช่วงหาเสียงเขาชูนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจรวมทั้งยกเลิกชั่วโมงทำงาน 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เพิ่มเกณฑ์อายุเกษียณงานและเลิกภาษีทรัพย์สิน อีกทั้งยังต้องการกระชับสัมพันธ์กับรัสเซียและเรียกร้องอียูยกเลิกคว่ำบาตรต่อรัสเซียสืบเนื่องจากวิกฤตการณ์ยูเครนในปี 2557.
พรรครีพับลิกันของฝรั่งเศส เลือกนาย ฟรองซัวส์ ฟิลยง เป็นตัวแทนชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศส ส่วนประธานาธิบดี ฟรองซัวส์ โอลองด์ จากพรรคสังคมนิยม ยังไม่แสดงท่าทีชัดเจนว่าจะลงเลือกตั้งหรือไม่
null
ฟรองซัวส์ ฟิลยง,ฟรองซัวส์ โอลองด์,เลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส,พรรครีพับลิกัน,พรรคสังคมนิยม
https://www.thairath.co.th/content/796381
โรงจำนำรัฐ ขยายเวลาตั๋วรับจำนำ 90 วัน ไม่คิดดอกเบี้ย บรรเทาวิกฤติโควิด
วันที่ 23 มีนาคม 2563 นายปรเมธี วิมลศิริ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ป็นประธานแถลงข่าวโครงการ สธค. โรงรับจำนำของรัฐ สู้ภัยโควิด-19 เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้มีรายได้น้อยในภาวะวิกฤติจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 โดยคิดดอกเบี้ยจำนำในอัตราต่ำ และขยายเวลาตั๋วจำนำโดยไม่คิดดอกเบี้ยนายปรเมธี กล่าวว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และส่งผลกระทบในวงกว้างอย่างต่อเนื่องต่อภาคธุรกิจและภาคประชาชนเป็นอย่างมาก และจากข้อมูลของสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ระบุว่า จีดีพีของไทยจะขยายตัวลดลงทำให้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนขยายตัวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยสถานธนานุเคราะห์ ในฐานะโรงรับจำนำของรัฐ ได้ตระหนักถึงผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากปัญหาดังกล่าวที่มีต่อกลุ่มเป้าหมายที่เป็นประชาชนผู้มีรายได้น้อย และผู้ประสบปัญหาทางการเงินเฉพาะหน้า จึงได้จัดทำโครงการ สธค. โรงรับจำนำของรัฐ สู้ภัยโควิด-19 เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาภาระด้านการเงินให้กับประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ เพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตผ่านพ้นภาวะวิกฤติดังกล่าวไปได้ ด้วยมาตรการสู้ภัยโควิด-19 โดยมอบสิทธิ์พิเศษ 3 ฟรี ให้แก่ผู้ใช้บริการของ สธค. ประกอบด้วยฟรีที่ 1 ขยายเวลาตั๋วรับจำนำเพิ่มอีก 90 วัน ให้กับผู้มาใช้บริการวงเงินไม่เกิน 10000 บาท ที่มีตั๋วรับจำนำตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2563 โดยจะขยายเวลาตั๋วรับจำนำจากเดิม 4 เดือน 30 วัน เป็น 4 เดือน 120 วัน โดยไม่คิดดอกเบี้ยในช่วงที่ขยายเวลา ทั้งนี้ ต้องมาลงทะเบียนที่สถานธนานุเคราะห์ทุกแห่ง ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2563 และจำกัด 1 คน ต่อ 1 สิทธิ์ฟรีที่ 2 รับของที่ระลึกครบรอบ 65 ปี สธค. เพื่อแสดงความขอบคุณและตอบแทนสำหรับผู้มาใช้บริการในวันพุธที่ 29 เมษายน 2563 ที่สถานธนานุเคราะห์ทุกแห่งและ ฟรีที่ 3 กิจกรรมอบรมให้ความรู้แก่ประชาชน เรื่องทองคำและการบริหารเงิน ในเดือนพฤษภาคม 2563 ทั้งนี้ ติดตามรายละเอียดได้ที่ www.pawn.co.thนอกจากนี้ นายปรเมธี ยังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า สำนักงานธนานุเคราะห์ ในฐานะโรงรับจำนำของรัฐ เป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัดกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) กระทรวง พม. เป็นทางเลือกหนึ่งที่ทำให้ประชาชนได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนอัตราดอกเบี้ยต่ำ ด้วยบริการที่ทันสมัย สะดวก และรวดเร็ว เทียบเท่าสถาบันการเงินเอกชนโดยมีหน่วยงานสาขาที่ให้บริการในชื่อ สถานธนานุเคราะห์ หรือ สธค. ทั้งสิ้น 39 สาขาทั่วประเทศ ทั้งในเขตกรุงเทพมหานคร 29 สาขา และเขตปริมณฑล 4 สาขา ได้แก่ นนทบุรี (2 แห่ง) ปทุมธานี และสมุทรปราการ รวมทั้งส่วนภูมิภาคอีก 6 แห่ง ได้แก่ จังหวัดระยอง (2 แห่ง) ลำพูน สุราษฎร์ธานี อุดรธานี และพิษณุโลก.
พม. เตรียมมาตรการสู้ภัยไวรัสโควิด-19 ขยายเวลาตั๋วรับจำนำ โดยไม่คิดดอกเบี้ย และรับจำนำด้วยดอกเบี้ยต่ำ ที่สถานธนานุเคราะห์ทุกแห่งทั่วประเทศ
ข่าว,การเมือง
โควิด-19,ไวรัสโคโรนา,ไวรัสโคโรน่า,COVID-19,โรงรับจำนำ,สถานธนานุเคราะห์,โรงรับจำนำของรัฐ
https://www.thairath.co.th/news/politic/1802053
ผู้ว่าฯนราธิวาส เผยป่วยโควิด-19 รวม 8 ราย กลับบ้านแล้ว 2 เสียชีวิต 1
เมื่อวันนี้ 27 มี.ค.63 ที่ศูนย์ EOC ห้องพระบารมี สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วยนายบุญช่วย หอมยามเย็น ปลัดจังหวัดนราธิวาส นายแพทย์วิเศษ สิรินทรโสภณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส และนายแพทย์อินทร์ จันแดง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก ร่วมแถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 (COVID-19) จังหวัดนราธิวาส ครั้งที่ 3นายเอกรัฐ กล่าวว่า ในส่วนจังหวัดนราธิวาส พบผู้ป่วยยืนยัน 8 ราย เสียชีวิต 1 ราย กลับบ้านแล้ว 2 ราย และกำลังรักษาตัวในโรงพยาบาล 5 ราย ซึ่งเป็นผู้ป่วยรวมถึงผู้สัมผัสผู้ป่วยที่ไปร่วมพิธีทางศาสนาที่ประเทศมาเลเซีย 7 ราย เป็นผู้ป่วยที่ไปร่วมพิธีทางศาสนาที่ประเทศอินโดนีเซีย 1 ราย และเป็นผู้ป่วยที่จำหน่ายออกจากโรงพยาบาลหาดใหญ่ 1 ราย อาศัยในพื้นที่ ต.มาโมง อ.สุคิริน จำนวน 2 ราย ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโกลก จำนวน 3 ราย ต.แว้ง อ.แว้ง จำนวน 1 ราย ต.รือเสาะออก อ.รือเสาะ จำนวน 1 ราย และต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง จำนวน 1 ราย โดยผู้ป่วยทั้ง 8 ราย ได้รับการดูแลตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข ขณะนี้ไม่มีอาการ กลับบ้านแล้วจำนวน 2 ราย มีอาการเล็กน้อยและอาการดีขึ้น 5 ราย และมีอาการรุนแรงและเสียชีวิต 1 รายพร้อมเน้นย้ำในมาตรการการดำเนินการที่จังหวัดนราธิวาสกำหนด มีการประชาสัมพันธ์เชิงรุก สื่อสารให้พี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่เสี่ยง ได้รับทราบและเข้าใจในมาตรการต่างๆ ซึ่งมีการกำหนดเส้นทางเข้า-ออก การจดบันทึกการเข้า-ออก เพื่อให้ทราบว่ามาจากพื้นที่เสี่ยงหรือไม่ รวมถึงการทำความสะอาดพื้นที่พักอาศัย การสวมหน้ากากอนามัย การล้างมือด้วยสบู่แอลกอฮอล์ เจลหรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค รวมถึงการเว้นระยะห่างกันระหว่างบุคคล ไม่น้อยกว่า 1 เมตรการตรวจตราสอดส่องในเขตพื้นที่เสี่ยงฯ ให้มีการดำเนินการตามมาตรการในการป้องกันการแพร่ของโรคติดเชื้อ และการตักเตือนให้แก้ไข หรือดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการฯ หากยังไม่ให้ความร่วมมือ หรือฝ่าฝืนมาตรการฯ จะให้มีการตรวจสอบตัวบุคคลผู้กระทำการฝ่าฝืน บันทึกเหตุการณ์ทั้งนี้ จังหวัดประกาศแจ้งกำหนดพื้นที่เสี่ยงเพื่อควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส(COVID-19) โดยห้ามผู้ใดเข้าไปหรือออกจากพื้นที่ ดังนี้ตำบลรือเสาะออก อำเภอรือเสาะ ตำบลแว้ง อำเภอแว้ง ตำบลมาโมง อำเภอสุคิริน ตำบลปาเสมัส อำเภอสุไหงโก-ลก และตำบลบูกิต อำเภอเจาะไอร้องจังหวัดนราธิวาส กำหนด 14 วัน ระหว่างวันที่ 26 มี.ค.-8 เม.ย. 63 หากผู้ใดมีความจำเป็นจะต้องเข้าหรืออกจากพื้นที่เสี่ยงเพื่อควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 ให้แจ้งต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่ ที่ได้รับมอบหมายจากนายอำเภอท้องที่ โดยใช้เส้นทางที่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่กำหนดทั้งนี้ขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสร่วมรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม ด้วยการอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ เพื่อร่วมฝ่าวิกฤติของแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส(COVID-19) ไปด้วยกันขณะที่ จังหวัดนราธิวาสมีการเปิดโรงพยาบาลสนาม (Cohort Hospital) รองรับการคัดกรองผู้ปวยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 (COVID-19) และการเตรียมรับมือเมื่อพบผู้ป่วยจำนวนมาก ณ โรงพยาบาลกัลยานิวัฒนาการุณย์ ซึ่งสามารถรองรับผู้ป่วยอาการไม่รุนแรง ได้จำนวน 34 เตียง ห้องแยก 2 เตียง ผู้ปวยระดับรุนแรง จะส่งต่อเข้ารับการรักษา ณ โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ห้องแยก 14 เตียง และถ้ามีจำนวนมากสามารถเปิดโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก รองรับเพิ่มเติมได้อีกทั้งนี้ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (EOC) COVID-19 จังหวัดนราธิวาส เปิดบริการเปิดสายด่วน 1881 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อตอบข้อสงสัย และการสื่อสารกับประชาชนให้หลายช่องทางมากขึ้น.
ผู้ว่าฯนราธิวาสแถลงผู้ป่วยโควิด-19 ยอดสะสม 8 ราย หายดีกลับบ้าน 2 ราย ยืนยันมีเสียชีวิต 1 ราย โดยมีคำสั่งห้ามเข้าออก 4 ตำบลพื้นที่เสี่ยงใน 4 อำเภอ วอนประชาชนอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ
ข่าว,ทั่วไทย
โควิด-19,ไวรัสโคโรนา,ไวรัสโคโรน่า,นราธิวาส,ผู้ป่วยโควิด-19,ตายจากโควิด-19,ปิดกั้นพื้นที่,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/south/1806061
พิจิตรส่งเรื่องคณะทำงานชุดใหญ่ร่วมแก้ไขปัญหาผลกระทบด้านสุขภาพ-สิ่งแวดล้อม
วันนี้ (11 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสรายงานว่า การแถลงผลตรวจเลือดของทีมนักวิชาการมหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะทำงาน 5 ฝ่าย ที่ คสช.แต่งตั้ง พบว่าการตรวจผู้ใหญ่ 1004 คน มีสารโลหะหนักตกค้างในร่างกายถึง 675 คน โดยเป็นประเภทแมงกานิส สารหนู และไซยาไนด์ เกินค่ามาตรฐาน ส่วนผลการตรวจเลือดเด็กและเยาวชนอายุไม่เกิน 15 ปี 297 คน มีสารโลหะหนักเกินมาตรฐานถึง 220 คน ซึ่งคณะทำงาน เห็นว่า ควรเร่งหาวิธีรักษาชาวบ้าน และเด็ก จำนวนนี้ขณะที่ นางฉัตรพร ราษฎร์สดุดี ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ระบุว่า จะส่งมอบรายชื่อผู้ที่มีสารโลหะหนักให้สาธารณสุขจังหวัดดำเนินการและจะนำเสนอที่ประชุมคณะทำงานร่วมแก้ไขปัญหาผลกระทบด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ส่งต่อเรื่องให้คณะทำงานชุดใหญ่ ที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งพิจารณาแก้ไข เนื่องจากทางจังหวัดมีงบประมาณไม่เพียงพอมหาวิทยาลัยรังสิต ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างเลือด ระหว่างเดือน ส.ค.-พ.ย.2558 โดยใช้ห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลรามาธิบดีและกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข และคณะทำงานที่ คสช.แต่งตั้งขณะที่อีกด้านหนึ่งผู้จัดการฝ่ายประสานกิจการภายนอก บริษัท อัครา รีซอสเซส ระบุผ่านเอกสารประชาสัมพันธ์ของบริษัท โดยตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับผลการตรวจเลือด ว่า ไม่มีความเป็นวิทยาศาสตร์ตามหลักสากลทั้งการไม่ระบุพื้นที่ขอบเขตในการศึกษาและขนาดกลุ่มประชาชนตัวอย่าง ไม่ได้คัดกรองตามวิธีการระบาดวิทยา ใช้เกณฑ์การสรุปผลที่ไม่ถูกต้องตามหลักสากลซึ่งสิ่งที่นำเสนอแตกต่างจากข้อมูลของหน่วยงานรัฐอื่นๆอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลการศึกษาของของกระทรวงสาธารณสุข หรือกรมควบคุมมลพิษ ที่ระบุว่าพืชผักและน้ำในพื้นที่ปลอดภัย
จ.พิจิตร เตรียมเสนอให้คณะทำงานที่ คสช.แต่งตั้งช่วยแก้ปัญหา หลังคณะทำงานของมหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยผลการตรวจเลือดประชาชน ที่อาศัยรอบเหมืองทอง มีสารโลหะหนักในร่างกาย ขณะที่บริษัทอัครารีซอสเซส ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับผลตรวจเลือด
สังคม
พิจิตร,คสช.,เหมืองทอง,มหาวิทยาลัยรังสิต,อัครา,โลหะหนัก,ThaiPBSnews,ไทยพีบีเอส
https://news.thaipbs.or.th/content/250850
#NoCPTPP ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ข้ามคืน
แฮชแท็ก #NoCPTPP กลับมาติดเทรนด์อีกครั้งแบบข้ามคืน หลังสภาผู้ส่งสินค้าฯ หนุนไทยเข้าร่วมเจรจา CPTPP เพื่อสร้างแรงกระตุ้นให้กับระบบเศรษฐกิจ3 มิ.ย. 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ในทวิเตอร์ประเทศไทยแฮชแท็ก#NoCPTPP กลับมาติดเทรนด์อีกครั้ง โดยมีกว่า 600K ทวีต โดยกระแสนี้ติดมาข้ามคืน รายงานไว้วานนี้แล้วว่าแฮชแท็กนี้ ติดอันดับ 1 ใน 10 เทรนด์ทวิตเตอร์ในประเทศไทย หลังมีข่าวว่า กัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) มีข้อเสนอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย รักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนไม่ให้แข็งค่ากว่า 34 บาทต่อเหรียญสหรัฐ เพื่อไม่ให้กระทบส่งออก เร่งใช้งบประมาณภาครัฐเพื่อลงทุนสร้างความยั่งยืนให้กับระบบเศรษฐกิจ สนับสนุนให้ประเทศไทยเข้าร่วมเจรจา CPTPP เพื่อสร้างแรงกระตุ้นให้กับระบบเศรษฐกิจสำหรับ CPTPP หรือการเข้าร่วมความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Comprehensive and Progressive Agreement for Tran-Pacific Partnership) โดยมีกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน หรือ FTA Watch ออกมาเสนอข้อมูลผลกระทบอย่างต่อเนื่อง และแฮชแท็ก#NoCPTPP การติดเทรนด์ทวิตเตอร์ในครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ช่วงปลายเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ก็ติดเทรนด์ในทวิตเตอร์เพื่อต่อต้านกรณีที่คณะรัฐมนตรีเตรียมลงมติเข้าร่วม CPTPP ตามข้อเสนอของ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ที่เสนอเรื่อง หนังสือแสดงเจตจำนงเข้าร่วม โดยข้อกังวลหลักๆ ของผู้ต่อต้านการเข้าร่วม CPTPP เนื่องจากเกรงว่าจะส่งผลกระทบ เช่นการผูกขาดเมล็ดพันธุ์ ทำลายความมั่นคงทางอาหาร ความมั่นคงทางยา ส่งผลกระทบต่อธุรกิจขนาดกลาง/ขนาดเล็กของไทย รวมทั้ง การจำกัดพื้นที่สาธารณะของรัฐในการคุ้มครองประชาชน อีกทั้งไม่มีการประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมหลังวิกฤติโควิด-19 ด้วยทั้งนี้FTA Watch กับกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ออกเอกสารเพื่อโต้แย้งกันมาก่อนหน้านี้แล้ว ในโอกาสนี้จึงขอนำเอกสาร เข้าใจ CPTPP อย่างถูกต้อง ไขคำตอบทุกข้อกังวล ของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กับเปิดสมุดปกดำ9 ประเด็น ของFTA Watch มาเผยแพร่อีกครั้ง ดังนี้เอฟทีเอ ว็อทช์ 10 พ.ค.63พวกเราคือกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (เอฟทีเอ ว็อทช์) ซึ่งเป็นเครือข่ายภาคประชาสังคม ทั้งนักวิชาการ องค์กรพัฒนาเอกชน และองค์กรประชาชน ที่ได้ติดตามการเจรจาการค้าระหว่างประเทศต่างๆ มาอย่างต่อเนื่องยาวนานมากกว่าหนึ่งทศวรรษ ในแง่มุมที่จะส่งผลกระทบต่อประชาชน สิ่งแวดล้อม ทรัพยากร และระบบสุขภาพ และอาจก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในสังคมพวกเราได้ติดตามความพยายามของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) และกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ที่ได้เสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบให้ไทยยื่นหนังสือแสดงเจตจำนงเข้าร่วมเป็นภาคีความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิค (CPTPP) เพื่อเข้าร่วมการประชุมความตกลงฯ เดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้พวกเราฯ พบว่า วาระดังกล่าวตั้งอยู่บนสมมุติฐานที่ไม่ถูกต้อง ละทิ้งข้อมูลผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนและสังคมอย่างกว้างขวาง จนต้องนำไปสู่การเผยแพร่ข้อมูลเหล่านี้ต่อสาธารณชนหลังจากที่สหรัฐฯถอนตัวออกไปจากความตกลงเมื่อปี 2558 ภาคีความตกลงฯ ปัจจุบันเหลือ 11 ประเทศ ซึ่งประเทศไทยมีเอฟทีเอแล้วกับสมาชิก CPTPP 9 ประเทศ เหลือเพียงแคนาดาและเม็กซิโกที่ถือได้ว่า เป็นตลาดใหม่ ผลประโยชน์ที่ไทยจะได้จึงค่อนข้างต่ำ คาดว่าจะทำให้จีดีพีเพิ่มขึ้น 0.12% หรือ 13323 ล้านบาทเท่านั้น ส่วนด้านแรงจูงใจในการลงทุน หรือเม็ดเงินการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่มักถูกหยิบยกขึ้นมากล่าวอ้างถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการเข้าร่วมใน CPTPP นั้นรศ.ดร.อาชนัน เกาะไพบูลย์ นักวิจัยด้านความสามารถทางการแข่งขันจาก คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชี้ว่า ที่ผ่านมา การค้าการลงทุนไทยไม่ได้ขยายตัวจากการไทยมีเอฟทีเอกับประเทศต่างๆ มากนัก ส่วนกรณีที่มักเปรียบเทียบกับเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันเป็น 1 ใน 7 สมาชิก CPTPP ที่ลงสัตยาบันแล้ว (ยังเหลืออีก 4 ได้แก่ ชิลี เปรู บรูไน มาเลเซีย ที่ยังไม่ลงสัตยาบัน – ซึ่งน่าสนใจว่า เหตุใดประเทศเหล่านี้ไม่ให้สัตยาบัน และไม่มีแนวโน้มจะให้สัตยาบัน) ว่า มีเอฟทีเอและเป็นข้อต่อให้เกิดการขยายตัวด้านการค้าการลงทุน สำหรับประเด็นนี้ ขอย้ำว่าเวียดนามมีปัจจัยอื่นๆ ที่ดึงดูดการลงทุน ไม่ใช่เพียงการทำเอฟทีเอจำนวนมาก หรือเป็นสมาชิก CPTPP เท่านั้น แต่เวียดนามมีเรื่องนโยบายรัฐที่เปิดรับการลงทุน การมีแรงงานเพียงพอ และความมั่นคงทางการเมือง เป็นต้นการที่กระทรวงพาณิชย์มาขอมติคณะรัฐมนตรีเพื่อขอความเห็นชอบการขอเจรจาเข้าร่วมความตกลง CPTPP เมื่อวันที่ 28 เม.ย.นั้น (ก่อนที่จะมีการถอนวาระไป) ไม่ใช่การไปเจรจาความตกลง เพราะความตกลงฯได้สรุปและมีผลบังคับใช้ไปแล้วจากเอกสารประกอบวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี กระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ทำหน้าที่เจรจาต่อรอง กำหนดเงื่อนไข ความยืดหยุ่น ข้อยกเว้น และระยะเวลาปรับตัว ในการเป็นสมาชิกความตกลงฯ เท่านั้น ซึ่งประเด็นนี้ แม้ในเอกสารดังกล่าวจะระบุว่า หากผลการเจรจาไม่เป็นที่พอใจ หรือไม่เกิดประโยชน์ ไทยยังสามารถพิจารณาไม่เข้าร่วมได้ โดยผลของการเจรจาต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 178 แต่ในการขอมติคณะรัฐมนตรี กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ นอกจากไม่ได้มีการกำหนดประเด็นอ่อนไหวที่ต้องไปขอระยะเวลาผ่อนผันให้ได้แล้ว ยังระบุ ให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบสั่งการมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมการปรับตัวรองรับการเข้าร่วมความตกลง CPTPP รวมถึงการปรับนโยบายและแก้ไขกฎหมายระเบียบที่เกี่ยวข้อง และเตรียมมาตรการหรือกลไกช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้าวิกฤติโควิด-19 ที่ทั้งโลกและไทยกำลังเผชิญอยู่ ได้ให้บทเรียนที่สำคัญกับทุกสังคมว่า ความมั่นคงทางอาหาร ความมั่นคงทางยา และระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เป็นหัวใจสำคัญของการจะฝ่าวิกฤตินี้ไปได้ แต่พบว่า ความพยายามผลักดันให้ประเทศไทยเข้าร่วมความตกลง CPTPP มิได้มีการประเมินภาวะการณ์ของโลกด้านต่างๆไม่ว่าจะเป็นทิศทางการลงทุน ห่วงโซ่อุปทานที่จะเปลี่ยนแปลงไปภายหลังวิกฤติโควิด-19 รวมทั้งไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการปฏิบัติตามเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)ผศ.ชล บุนนาค หัวหน้าโครงการ SDG Move ระบุว่า CPTPP นั้นสะท้อนแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาที่ขาดความสมดุล คือ มองเพียงมิติเศรษฐกิจในระดับมหภาคเท่านั้น ขาดการมองผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับมิติสังคมและสิ่งแวดล้อม (ตามหลักการพัฒนาที่ยั่งยืน - Sustainable Development) ขาดการมองผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับคนกลุ่มที่ยากจนและเปราะบางอย่างเกษตรกร และคนยากจน (ตามหลักการพัฒนาที่ครอบคลุม - Inclusive Development) โดย ความตกลง CPTPP จะกระทบกับดัชชีการพัฒนาที่ยั่งยืนถึง 7 ดัชชีหลักแม้ว่า ทางกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ จะออกเอกสาร เข้าใจ CPTPP อย่างถูกต้อง ไขคำตอบทุกข้อกังวล เพื่อให้สาธารณชนลดแรงต่อต้าน แต่ทางทีมวิชาการของเอฟทีเอ ว็อทช์ก็ยิ่งพบว่า หน่วยราชการที่รับผิดชอบยังมีเข้าใจเรื่องนี้ไม่เพียงพอ จึงได้ทำคำชี้แจงทั้ง 9 ประเด็นรวมทั้งประเด็นที่กรมเจรจาฯไม่ได้ให้ความสำคัญในการชี้แจงด้วย ดังนี้สิทธิในการเก็บรักษาพันธุ์พืชใดๆไปปลูกต่อเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของเกษตรกรในการสร้างความหลากหลายทางชีวภาพและความมั่นคงทางอาหาร โดยใน UPOV1978 เรียกสิ่งนี้ว่า สิทธิพิเศษของเกษตรกร หรือ Farmers privilegeแต่การยอมรับ UPOV1991 จะทำให้การเก็บรักษาพันธุ์พืชใหม่ที่ซื้อมาไปปลูกต่อในฤดูปลูกต่อไปกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย (ซึ่งรัฐอาจยกเว้นได้ในบางกรณี) แต่นั่นเท่ากับสิทธิของเกษตรกรถูกริดลอนไปกรมเจรจาฯพยายามเบี่ยงเบนประเด็น โดยอ้างว่าการเก็บรักษาพันธุ์พืชพื้นเมืองไปปลูกต่อยังทำได้ต่อไป ซึ่งเรื่องนี้ปกติธรรมดา ไม่ใช่ประเด็นที่ UPOV และบริษัทเมล็ดพันธุ์จะเข้ามาแทรกแซงใดๆได้อยู่แล้วภายใต้ UPOV1978 และ พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช 2542 นั้น บริษัทเมล็ดพันธุ์จะได้สิทธิผูกขาดในการผลิต นำเข้า ส่งออก และขาย ส่วนขยายพันธุ์ ของพันธุ์พืชใหม่ได้อยู่แล้ว แต่ภายใต้ UPPOV1991 ได้ขยายสิทธิผูกขาดออกไปยังผลิตผลและผลิตภัณฑ์ด้วยทั้งนี้หากบริษัทเมล็ดพันธุ์กล่าวหาว่าเกษตรกรละเมิด ( เช่น เก็บรักษาพันธุ์พืชใหม่ไปปลูกต่อ หรือคัดเลือกพันธุ์พืชที่กลายพันธุ์ในแปลงปลูกแต่ยังคงมีลักษณะสำคัญของพันธุ์พืชใหม่ของบริษัทอยู่) เกษตรกรจะถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ทั้งผลผลิต (harvested material)และผลิตภัณฑ์ (products) ด้วยกรมเจรจาฯและกรมวิชาการเกษตร เบี่ยงเบนประเด็นโดยอ้างว่า หากเกษตรกรซื้อเมล็ดพันธุ์พืชใหม่ไปปลูก เกษตรกรย่อมมีสิทธิในการขายผลผลิตและผลิตภัณฑ์ได้สิ่งนี้เป็นเรื่องปกติทั่วไปอยู่แล้วไม่ใช่ยกมาเป็นข้ออ้างในการบิดเบือนจะมีใครซื้อเมล็ดพันธุ์ไปปลูกต่อ หากซื้อไปแล้วขายผลผลิตไม่ได้?การเปิดโอกาสให้ทุกคนทุกกลุ่มมายื่นขอรับการคุ้มครองไม่ใช่หลักประกันเรื่องลดการผูกขาด การผูกขาดขึ้นอยู่ที่ว่าสาระสำคัญของกฎหมายนั้นเปิดโอกาสให้เกษตรกรรายย่อย หรือนักปรับปรุงพันธุ์รายย่อย ได้ประโยชน์หรือไม่ หรือกฎหมายนั้นได้เพิ่มอำนาจการผูกขาดให้แก่บริษัทเมล็ดพันธุ์ยักษ์ใหญ่ แต่ลดทอนสิทธิเกษตรกรและนักปรับปรุงพันธุ์รายย่อยหรือไม่การศึกษาของ Dwijen Rangnekar ที่ประมวลการศึกษาหลายชิ้นเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธินักปรับปรุงพันธุ์ในอังกฤษและสหรัฐ พบว่าระบบกฎหมายแบบ UPOV นำไปสู่การผูกขาดพันธุ์พืชมากขึ้น เช่น การขอรับการคุ้มครอง 68-89% อยู่ในกลุ่มบริษัทเพียง 5% เท่านั้น ผู้ยื่นคำขอ 75-82% ไม่ได้รับการคุ้มครองแม้แต่ชิ้นเดียวระหว่างปี 1965-1995 Rangnekar สรุปว่าการคุ้มครองสิทธินักปรับปรุงเป็นประโยชน์กับบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่เท่านั้น มิใช่นักปรับปรุงพันธุ์รายย่อยการศึกษาของ Srinivasan ยืนยันการศึกษาดังกล่าว โดยจากการวิเคราะห์ข้อมูลของสมาชิก UPOV30 ประเทศ ในพืชหลักสำคัญ 6 ชนิด พบว่านอกจากไม่ส่งเสริมบริษัทเมล็ดพันธุ์ราย่อยแล้วระบบกฎหมายนี้ยังเพิ่มการรวมศูนย์ของอุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์ในระดับสูง นับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1990 เป็นต้นมารศ.สุรวิช วรรณไกรโรจน์ นักวิชาการด้านการปรับปรุงพันธุ์และกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืชหลายสมัย อธิบายเพิ่มเติมว่า เงื่อนไขของ UPOV ออกแบบให้บริษัทเมล็ดพันธุ์ขนาดใหญ่ได้ประโยชน์และกีดกันนักปรับปรุงพันธุ์พืชใหม่รายย่อย มิให้เข้าถึงอนุพันธ์ (EDVs)ของสายพันธุ์พืชใหม่ เพราะหากนำสายพันธุ์ดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่พันธุ์ หรือสายพันธุ์ย่อย หรือสายพันธุ์ที่มีลักษณะสำคัญของพันธุ์พืชใหม่ นักปรับปรุงพันธุ์รายย่อยจะต้องชำระค่าอนุญาตใช้สิทธิ ก่อนที่จะนำพันธุ์ใหม่ออกจำหน่ายเชิงธุรกิจได้ข้ออ้างว่าจะทำให้เกิดสายพันธุ์ที่หลากหลายกว่าก็ไม่เป็นความจริง เพราะ Srinivasan และนักวิจัยหลายคนพบว่าการขึ้นทะเบียนเกิดขึ้นในพืชบางกลุ่ม ไม่ใช่พืชสำคัญ อีกทั้งยังทำให้การผสมพันธุ์โดยวิธีทั่วไปลดลง ข้ออ้างที่บอกว่า UPOV จะทำให้มีการนำเข้าสายพันธุ์เพิ่มมากขึ้นก็ไม่จริง Derek Eaton ศึกษาข้อมูลครอบคลุม 19 ปี (1989-2007) พบว่าปริมาณการส่งออกสายพันธุ์พืชจากประเทศผู้ส่งออกพันธุ์พืชรายใหญ่ 11 ประเทศไปยังประเทศต่างๆที่เป็นภาคี UPOVทั้ง 1978 และ 1991 ปรากฎว่าไม่ได้ทำให้มีการส่งออกพันธุ์พืชเพิ่มขึ้นแต่ประการใดร่างกฎหมายคุ้มครองพันธุ์พืชฉบับใหม่ของกระทรวงเกษตรฯ ซึ่ง เตรียมการเพื่อรองรับการเข้าเป็นภาคี UPOV1991 (เผยแพร่เพื่อขอรับความคิดเห็นเมื่อปี 2560) ได้ตัดทอนกลไกการแบ่งปันผลประโยชน์โดยตัดข้อความให้บริษัทเมล็ดพันธุ์ต้องแสดงที่มาของพันธุ์พืชที่ใช้ในการปรับปรุงพันธุ์ออกไปการไม่แสดงที่มาว่าพันธุ์พืชใหม่ใช้สายพันธุ์พืชพื้นบ้านหรือพันธุ์พืชป่าในการปรับปรุงพันธุ์ออกไป เป็นการทำลายหลักการต้องแจ้งล่วงหน้า (prior informed consent) ของกลไกการเข้าถึงและแบ่งปันผลประโยชน์จากทรัพยากรชีวภาพภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ (CBD) เจตนาดังกล่าวคือการสนับสนุนโจรสลัดชีวภาพทางอ้อมนั่นเองหากติดตามพัฒนาการในเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น จะทราบว่า UPOV แสดงทัศนะในด้านลบต่อหลักการอธิปไตยของประเทศเหนือทรัพยากรชีวภาพ เพราะเกรงว่ากลไกการเข้าถึงและแบ่งปันผลประโยชน์จากทรัพยากรชีวภาพของ CBD จะส่งผลกระทบต่อการปรับปรุงพันธุ์ของบริษัทเมล็ดพันธุ์กล่าวโดยสรุป เนื้อหาในอนุสัญญา UPOV1991 มุ่งขยายสิทธิผูกขาดให้แก่บริษัทเมล็ดพันธุ์ และลดทอนสิทธิของเกษตรกร ในการอนุรักษ์ พัฒนา และใช้ประโยชน์จากพันธุ์พืช ขัดแย้งกับเจตนารมณ์ในอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพเราเห็นตรงกับกรมเจรจาฯในประเด็นนี้ว่า UPOV1991 จะทำให้เกษตรกรต้องซื้อเมล็ดพันธุ์พืชใหม่แพงขึ้น (จากรายงานการศึกษาที่สนับสนุนโดยสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติระบุว่า เกษตรกรต้องจ่ายค่าเมล็ดพันธุ์แพงขึ้นเฉลี่ย 3-5 เท่า)แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือ เราเห็นว่า ในระยะยาว นโยบายที่ให้อำนาจผูกขาดแก่บริษัทเมล็ดมากเช่นนี้ เช่น ลดทอนกลไกการแบ่งปันผลประโยชน์ในการเข้ามาใช้ประโยชน์จากพืชพื้นเมือง การห้ามเกษตรกรเก็บเมล็ดพันธุ์ไปปลูกต่อ การสร้างแรงจูงให้บริษัทเมล็ดพันธุ์ผูกขาดพันธุ์พืชยาวนานขึ้น การขยายการคุ้มครองไปยังผลิตผลและผลิตภัณฑ์ และขยายการคุ้มครองไปยังสายพันธุ์ย่อย/สายพันธุ์ที่กลายพันธุ์/สายพันธุ์พ่อแม่ของพันธุ์ลูกผสม จะทำให้บริษัทเมล็ดพันธุ์เข้ามาผูกขาดสายพันธุ์พืชส่วนใหญ่ (พันธุ์พื้นบ้านและพันธุ์พืชที่หน่วยงานของรัฐพัฒนาขึ้น)ในที่สุดด้วยตัวอย่างเช่น ในสาขาการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพด ซึ่งครั้งหนึ่งมากกว่า 90% เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ผลิตโดยหน่วยงานของรัฐ แต่เมื่อรัฐสนับสนุนบริษัทเอกชนในการเข้าถึงสายพันธุ์ และส่งเสริมการผลิตพันธุ์ลูกผสมที่เกษตรกรไม่สามารถเก็บสายพันธุ์พืชไปปลูกต่อได้ ปัจจุบันเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเกือบทั้งหมดอยู่ในมือของบริษัทข้ามชาติหรือบริษัทที่ได้ไลเซ่นส์จากบริษัทข้ามชาติความตกลง CPTPP ภายใต้มาตรา Article 2.27: Trade of Products of Modern Biotechnology นั้น มีเจตนาลดอุปสรรคในการค้าผลิตภัณฑ์จีเอ็มโอโดยตรง โดยแม้ไม่ทำให้ประเทศไทยต้องแก้กฎหมายภายในและระเบียบที่เกี่ยวข้อง แต่ในกรณีที่มีจีเอ็มโอปนเปื้อน (Low Level Presence ) ความตกลงนี้ระบุให้ผู้ส่งออกดำเนินการต่างๆตามระเบียบและกฎหมายภายในของประเทศผู้ส่งออก และให้เป็นไปตามการประเมินความเสี่ยงและความปลอดภัยด้านอาหารของ CODEX ซึ่งเป็นการลดทอนอำนาจของประเทศไทยในการจัดการปัญหาการปนเปื้อนทางพันธุกรรมและสินค้าจีเอ็มโอที่ได้รับการรับรองในอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพพิธีสารว่าด้วยความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosafety Protocol) ภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพนั้น ประเทศผู้ส่งออกมีหน้าที่ต้องแจ้งแก่ประเทศผู้นำเข้า (prior informed consent) หากเป็นสินค้าจีเอ็มโอ และผู้นำเข้าสามารถปฏิเสธการรับผลิตภัณฑ์นั้นได้ตามมาตรการป้องกันเอาไว้ก่อน (precaution principle) หรือการคำนึงมิติด้านเศรษฐกิจสังคม (socio-economic consideration) ทั้งนี้โดยไม่ต้องยึดแนวทางการประเมินความเสี่ยงที่ต้องใช้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์อย่างเพียงพอแต่เพียงอย่างเดียว เพราะผลกระทบต่อความปลอดภัยทางชีวภาพและสุขภาพนั้นต้องใช้เวลายาวนานจึงจะเห็นผลในรายงานของกระทรวงสาธารณสุขยังกังวลด้วยว่า ในมาตราดังกล่าวของ CPTPP ยังได้เพิ่มขั้นตอนและกระบวนงานในการขออนุญาต เช่น การแจ้งข้อมูล หรือส่งรายงานประจำปี รวมถึงต้องมอบหมายให้มีผู้ดำเนินการตอบคำถามต่างๆ ต้องเพิ่มทรัพยากรทั้งบุคคลากรและงบประมาณ ในการจัดเตรียมมาตรการรองรับ เช่น ห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ เครื่องมือและวิธีการตรวจวิเคราะห์ที่รวดเร็วแม่นยำ การจัดให้มีระบบการทวนสอบกลับที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการจัดทำกระบวนการประเมินความเสี่ยงต่อผลิตภัณฑ์ประเภทสินค้าเทคโนโลยีชีวภาพสมัยใหม่เมื่อปี 2549 และปี 2551 ประเทศไทยเคยใช้มาตรการบังคับใช้สิทธิ (Compulsory Licensing- CL) การทำ CL ของประเทศไทยครั้งนั้นเป็นการใช้เพื่อสาธารณะแบบไม่แสวงหากำไร (Public Non-Commercial Use) จริงอยู่ในการชี้แจงของกรมเจรจาฯ จะอ้างว่า การทำ CL ยังสามารถทำได้และสนับสนุนให้ทำ แต่หากอ่านความตกลงการค้าการลงทุนประเภทนี้ ต้องตระหนักว่า จำเป็นต้องอ่านหลายบทควบคู่กันไป โดยเฉพาะบทที่มีสาระว่าด้วยการตีความและศักดิ์ของความตกลง เช่น กรณีของ CL หากประเทศไทยเข้าร่วม CPTPP จะมีความสุ่มเสี่ยงที่จะถูกฟ้องโดยรัฐภาคี หรือนักลงทุนต่างชาติซึ่งเดิมไม่สามารถทำได้ภายใต้ความตกลงทริปส์ในองค์การการค้าโลกความเห็นของ ผศ.ดร.สมชาย รัตนชื่อสกุล คณบดีคณะนิติศาสตร์ปรีดีพนมยงค์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต ระบุดังนี้หากพิจารณาเนื้อหาของข้อบทของ CPTPP จะพบว่ามีหลายแห่งที่เขียนชัดว่า ข้อผูกพันใน CPTPP นี้ไม่มีผลกระทบต่อพันธกรณีของภาคีที่มีอยู่แล้วตามกฎหมายอื่นและ CPTPP สามารถอยู่ร่วมไปพร้อมกันกับข้อตกลงอื่นที่ภาคีเป็นสมาชิกอยู่หมวด A ข้อกำหนดเบื้องต้น (Initial Provisions)ข้อ 1.2 ความสัมพันธ์กับข้อตกลงอื่น (Relation to Other Agreements)Article 1.2: Relation to Other Agreements1. Recognising the Parties intention for this Agreement to coexist with their existing international agreements each Party affirms:(a) in relation to existing international agreements to which all Parties are party including the WTO Agreement its existing rights and obligations with respect to the other Parties; and(b) in relation to existing international agreements to which that Party and at least one other Party are party its existing rights and obligations with respect to that other Parties as the case may be.จะเห็นว่า เป็นหลักการที่สวยหรู คือ ให้ยอมรับกันนะว่า สิทธิและหน้าที่ต่าง ๆ ตามข้อตกลงระหว่างประเทศที่มีอยู่ก่อนแล้วแต่ปัญหาอาจเกิดขึ้น 2 ทาง คือทางแรก ของเดิมไม่เคยมีกำหนด ไม่เคยบังคับเรื่องนี้ไว้ หรือเคยมีบังคับไว้ แต่ไม่ชัด ไม่มีประสิทธิภาพมากพอทางสอง ของเดิมกำหนดไว้หนักไป ขอแก้ให้เบาลง แล้วหากข้อตกลงเดิมที่มีอยู่ขัดกับที่เขียนใหม่ใน CPTPP จะทำเช่นไร ถูกกำหนดไว้ดังนี้Article 1.2 (2) If a Party considers that a provision of this Agreement is inconsistent with a provision of another agreement to which it and at least one other Party are party on request the relevant Parties to the other agreement shall consult with a view to reaching a mutually satisfactory solution. This paragraph is without prejudice to a Partys rights and obligations under Chapter 28 (Dispute Settlement).คือ ถ้าหากภาคีฝ่ายหนึ่งเห็นว่า เจ้าข้อตกลงระหว่างประเทศที่ภาคีนั้นเป็นภาคีอยู่ด้วย ขัดแย้งกับที่เขียนอยู่ใน CPTPP ภาคีฝ่ายนั้นมีสิทธิที่จะขอเจรจาเพื่อหาความเห็นที่เป็นข้อยุติร่วมกัน ที่เป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่ายได้นั่นหมายรวมถึงการฟ้องร้องด้วยในประโยคสุดท้ายของข้อ 1.2(2) … This paragraph is without prejudice to a Partys rights and obligations under Chapter 28 (Dispute Settlement).แสดงว่า ถ้าตกลงกันไม่ได้ ต้องไปหาทางระงับข้อพิพาทตามที่กำหนดในข้อ 28 (Dispute Settlement)ในส่วนของบทที่ว่าด้วยทรัพย์สินทางปัญญา ข้อ 18.6:1(c) ที่เขียนรับรองว่า ถ้าการใช้ TRIPS ขัดแย้งกับ CPTPP ภาคีเอาเรื่องเข้าหารือเพื่อหาทางออกร่วมกันได้ ใกล้เคียงกับที่ระบุข้างต้น แต่ข้อ 18.6.1(c) นี่สุ่มเสียง คือ ไม่บอกว่าถ้าหารือไม่ได้จะต้องไปใช้เรื่องระงับข้อพิพาท ขณะที่ในบทที่ว่าด้วยการลงทุน ข้อ 9.8.5 นั้น จะเห็นมีดที่ซ่อนในประโยคสุดท้าย ที่บอกว่าข้อ 9.8 จะไม่ใช้กับ CL นะ ถ้าการทำ CL นั้นสอดคล้องกับ CPTPP ข้อ 18 และทริปส์ประเด็นคือ ถ้าภาคีอื่นเห็นว่าที่เรา CL ไม่สอดคล้องกับข้อ 18 หรือ TRIP ดังนั้นเขาจะมีฐานทางกฎหมายที่สามารถอ้างว่า ข้อ 9.8 เอามาใช้กับเราได้ ซึ่งการระงับข้อพิพาท แม้ในข้อ 28.3.1 (c) นั้นไม่ระบุเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาไว้เป็นประเด็น แต่สามารถข้อ 28.3.1 (a) ในการดำเนินการได้ซึ่งนี่จะส่งผลกระทบให้ข้าราชการและนักการเมืองซึ่งทำหน้าที่กำหนดนโยบายไม่กล้าตัดสินใจทำ CLทางด้านเอกสารของกระทรวงสาธารณสุข ได้เคยแสดงความกังวล ข้อความใน ANNEX 9-B ที่ระบุว่า except in rare circumstance จึงจะสามารถใช้กลไกยืดหยุ่นของความตกลงทริปส์ได้ จะยิ่งทำให้เกิดความสุ่มเสี่ยงต่อการถูกฟ้องดังนั้น การที่เอกสารของกรมเจรจาฯ และคำอธิบายของกรมทรัพย์สินทางปัญญา บอกว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆต่อสิทธิของไทยเรื่องการใช้ CL เลย จึงดูไม่เป็นวิชาการ และไม่รอบคอบเพียงพอในการประเมินความเสี่ยงที่ประเทศไทยต้องแบกรับกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศกล่าวอยู่เสมอว่า ไม่มีสิ่งที่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาอยู่แล้วในความตกลง CPTPP หลังจากที่สหรัฐฯ ได้ถอนตัวจากการเจรจา เนื่องจากข้อบท 20 ข้อที่เป็นสิ่งที่สหรัฐฯ ต้องการและมีเรื่องเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญารวมอยู่ด้วย ถูกแขวนไว้ไม่นำมาเจรจาต่อ โดยเฉพาะข้อบทที่เกี่ยวกับการขยายอายุสิทธิบัตรเนื่องจากความล่าช้าในการอนุมัตการขึ้นทะเบียนยาและการให้สิทธิบัตรยา (Patent Term Extention/Restoration) และมาตรการผูกขาดข้อมูลทางยา (Data Exclusivity) ที่จะทำให้ยาชื่อสามัญขึ้นทะเบียนยาได้ยากลำบากและล่าช้า แม้ไม่มีสิทธิบัตรแต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีข้อบทอื่นๆ ที่เกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาที่สร้างผลกระทบต่อการเข้าถึงยาอยู่อีกประเด็นที่ 1: การเชื่อมโยงระบบการขึ้นทะเบียนยากับระบบสิทธิบัตรเข้าด้วยกัน (Patent Linkage) ในมาตรา 18.53 ในความตกลง CPTPP1.1 ระบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน - ในกฎหมายไทยปัจจุบัน สองระบบนี้ (การขึ้นทะเบียนตำรับยาและการรับจดสิทธิบัตร) เป็นสิ่งที่แยกขาดจากกัน และรับผิดชอบดูแลโดยคนละกระทรวง1.1.1) การขึ้นทะเบียนตำรับยา เป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักคณะกรรมการอาหารและยา (อ.ย.) กระทรวงสาธารณสุข เพื่อตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัยของยาก่อนที่จะอนุญาตให้มีการจำหน่ายในประเทศ และเป็นมาตรการที่บังคับให้บริษัทยาที่ต้องการขายยาในไทยจะต้องทำ ละเว้นไม่กระทำไม่ได้ในการขึ้นทะเบียนตำรับยาใหม่ หรือยาต้นแบบ (ยาที่วิจัยพัฒนาเข้าตลาดเป็นตัวแรก) อ.ย. ต้องตรวจสอบข้อมูลในรายละเอียดตั้งแต่ผลการทดลองวิจัยในสัตว์และคนจนมั่นใจว่ามีคุณภาพและปลอดภัย (ข้อมูลทดลองทางคลินิค (Clinical Trial)) ซึ่งจะมีการตรวจสอบติดตามผลหลังจากการอนุมัติให้จำหน่ายไปแล้วอีกระยะหนึ่งในการขึ้นทะเบียนตำรับยาชื่อสามัญใหม่ (ยาที่วิจัยพัฒนาหลังจากยาตัวแรกได้ออกวางตลาดไปแล้ว) อ.ย. ต้องตรวจสอบข้อมูลการทดลองวิจัยโดยเปรียบเทียบว่า ยาชื่อสามัญใหม่ที่มาขอขึ้นทะเบียนให้ผลการรักษาที่เท่าเทียมกับยาต้นแบบ โดยมีความเท่าเทียมกัน ทั้งทางเภสัชกรรม (Pharmaceutical equivalence) และมีชีวสมมูล (Bioequivalence) หรือมีชีวประสิทธิผลที่เท่ากัน (Comparable bioavailability) ทั้งนี้ ผู้ขอขึ้นทะเบียนยาชื่อสามัญใหม่ไม่จำเป็นต้องทำการทดลองวิจัยทางคลินิคเริ่มต้นตั้งแต่ในสัตว์และคนใหม่ เพราะเป็นที่ทราบดีแล้วว่า ยาชนิดเดียวกันที่เป็นยาต้นแบบมีคุณภาพและความปลอดภัยอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องทดลองวิจัยตั้งแต่เริ่มต้นใหม่อีก ซึ่งเป็นการเสียเวลาและทรัพยากรโดยไม่จำเป็น และอาจละเมิดจริยธรรมในการทดลองที่จะต้องนำชีวิตอาสาสมัครมาเสี่ยงในการทดลองวิจัยซ้ำ1.1.2) การรับจดสิทธิบัตร เป็นอำนาจหน้าที่ของกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ที่จะพิจารณาให้หรือไม่ให้ความคุ้มครองการผูกขาดตลาดให้กับผู้ยื่นคำขอรับสิทธิบัตร ตามกฎเกณฑ์ด้านสิทธิบัตร เป็นสิทธิในเรื่องการผูกขาดในสิ่งประดิษฐ์ แต่ไม่ได้เป็นการบังคับ ขึ้นอยู่กับความสมัครใจที่จะยื่นขอจดสิทธิบัตรหรือไม่ก็ได้ในระบบปัจจุบัน อ.ย. จึงไม่จำเป็นต้องตรวจสอบเรื่องสิทธิบัตร แต่ดูแลรับผิดชอบเฉพาะการตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัยของยา ซึ่งเป็นการคุ้มครองสิทธิของประชาชนและเป็นสิทธิมนุษยชนในเรื่องสุขภาพ ส่วนข้อพิพาทว่าละเมิดสิทธิบัตรหรือไม่ เป็นสิทธิของผู้ทรงสิทธิบัตรที่จะดำเนินการ ภายใต้การดูแลรับผิดชอบของกรมทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งเป็นการคุ้มครองสิทธิของผู้ทรงสิทธิในเรื่องการค้า1.2 ข้อน่าห่วงกังวล1.2.1) การผูกขาดข้อมูลความปลอดภัยและประสิทธิผลอย่างที่กล่าวมาข้างต้นว่า ยาชื่อสามัญสามารถขึ้นทะเบียนยากับ อ.ย. ได้ โดยที่ผู้ขอทะเบียนยาต้องแสดงข้อมูลเปรียบเทียบความเท่าเทียมของประสิทธิผลการรักษาที่เทียบเท่ายาต้นแบบ ซึ่งก็คือข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยและประสิทธิผล (safety and efficacy)ในวรรคแรกของมาตรา 18.53.1 ของความตกลง CPTPP ระบุไว้ว่า ในการขึ้นทะเบียนยาเพื่อขออนุญาตจำหน่าย ถ้าประเทศสมาชิกยอมให้บุคคลอื่น ที่ไม่ใช่บุคคลที่ยื่นข้อมูลความปลอดภัยและประสิทธิผลไว้เป็นคนแรก อาศัยข้อมูลหรือหลักฐานเกี่ยวกับความปลอดภัยและประสิทธิผลของยาที่ขึ้นทะเบียนไว้ก่อนแล้ว ทั้งที่ยื่นขอในประเทศและต่างประเทศ ประเทศสมาชิกจะต้องดำเนินการข้อน่ากังวลเกี่ยวกับวรรคแรกของมาตรานี้ คือ การตีความจำกัดการใช้อาศัยข้อมูลเปรียบเทียบความปลอดภัยและประสิทธิผล (safety and efficacy) ของยาชื่อสามัญใหม่กับยาต้นแบบในการขึ้นทะเบียนตำรับยา ทั้ง ๆ ที่ระบบการขึ้นทะเบียนตำรับยาของไทยมิได้หมายความเช่นนั้น ดังได้อธิบายข้างต้น เมื่อมาตรานี้ตีความเช่นนี้จึงเกิดมาตรการเอาไปโยงกับสิทธิผูกขาดตลาดของระบบสิทธิบัตร ในถ้าบริษัทยาอื่นต้องการใช้ข้อมูลเปรียบเทียบดังกล่าวเพื่อขึ้นทะเบียนยา บริษัทยานั้นต้องได้รับการยินยอมหรือจ่ายค่าชดเชยให้กับบริษัทยาแรกที่ขึ้นทะเบียนก่อนและจดสิทธิบัตรไว้ (ซึ่งจะกล่าวต่อไปในมาตรา 18.53.1 (a) (b) และ (c) และหรือ มาตรา 18.53.2) ถ้าไม่เช่นนั้น บริษัทยาอื่นต้องไม่อาศัยข้อมูลเปรียบเทียบกับยาต้นแบบ และทำการทดลองทางคลินิกใหม่ทั้งหมด เพื่อให้ได้ข้อมูลมายื่นขอขึ้นทะเบียน ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการผูกขาดข้อมูลทางยา (Data Exclusivity) ที่ต่างยอมรับว่าเป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงยาและได้ถูกแขวนไว้ไม่เจรจาต่อใน CPTPPนอกจากนี้ ข้อมูลและหลักฐานเกี่ยวกับความปลอดภัยและประสิทธิผลของยา ยังกินความกว้างขวาง และรวมถึงข้อมูลที่ยื่นในประเทศและต่างประเทศอีกด้วยในปัจจุบัน อ.ย. อนุญาตให้บริษัทยาชื่อสามัญใช้ข้อมูลเปรียบเทียบความปลอดภัยและประสิทธิผล เพื่อขอขึ้นทะเบียนยาได้ และไม่ต้องได้รับการยินยอมจากบริษัทยาต้นแบบที่จดสิทธิบัตรก่อน1.2.2) การเชื่อมโยงระบบการขึ้นทะเบียนตำรับยากับระบบสิทธิบัตรเข้าด้วยกัน (Patent Linkage) ในมาตรา 18.53.1 หรือ 18.53.2ในความตกลง CPTPP นำสองเรี่องที่ไม่ควรเกี่ยวข้องกันมาผูกโยงเข้าด้วยกัน คือการขึ้นทะเบียนยากับการขอรับสิทธิบัตร ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงยา โดยที่เจ้าหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อ.ย.) จำเป็นต้องตรวจสอบว่ายาชื่อสามัญที่นำมาขอขึ้นทะเบียนยามีสิทธิบัตรด้วยหรือไม่ นอกจากต้องตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัยของยาที่มาขอขึ้นทะเบียน ซึ่งจะทำให้การอนุมัติทะเบียนตำรับยาชื่อสามัญล่าช้าออกไป และเป็นการผูกขาดตลาดยาทางอ้อมของยาสิทธิบัตร โดยที่ยาชื่อสามัญนั้นอาจไม่ได้ละเมิดสิทธิบัตรก็ได้กรมเจราจาการค้าระหว่างประเทศได้ให้ข้อมูลว่า มีข้อยืดหยุ่นในเรื่องนี้ โดยที่ประเทศสมาชิกในความตกลง CPTPP จะเลือกปฏิบัติได้ 2 ทางเลือก ตามมาตรา 18.53.1 และ หรือ 18.53.2 คือ ทางเลือกที่ 1: ตามมาตรา 18.53.1 ให้ขึ้นทะเบียนตำรับยาสามัญได้ แม้ยาต้นแบบจะยังไม่หมดอายุการคุ้มครองสิทธิบัตร เพียงแต่ต้องแจ้งให้เจ้าของสิทธิบัตรทราบ และมีการเยียวยาที่เหมาะสมหากมีการการละเมิด หรือ ทางเลือกที่ 2: ไม่อนุญาตให้ขึ้นทะเบียนตำรับยาสามัญ เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากเจ้าของสิทธิบัตรกรมเจรจาฯ พยายามบอกว่าทั้งสองทางเลือกมีข้อยืดหยุ่นว่า ถ้าผู้ทรงสิทธิฯ ยินยอม ยาชื่อสามัญก็สามารถใช้ข้อมูลทดลองเปรียบเทียบความปลอดภัยและประสิทธิผล เพื่อขอขึ้นทะเบียนยาได้ ทั้งๆ ที่ในปัจจุบัน ระบบการขึ้นทะเบียนตำรับยาของไทยไม่ได้เป็นเช่นนั้น และไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนั้น บริษัทยาต้นแบบสามารถใช้กระบวนการทางกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาดำเนินการกับบริษัทยาอื่นได้อยู่แล้ว เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดการละเมิดสิทธิบัตรอย่างไรก็ดี กรมเจรจาฯ ไม่ได้กล่าวถึงผลกระทบที่จะเกิดจากมาตรา 18.53.1 (a) (b) และ (c) ถ้าไทยเลือกทางเลือกแรก ซึ่งกรมเจรจาฯ เคยกล่าวว่า ในเบื้องต้น ไทยอาจพิจารณาทางเลือกที่ (1) เพราะมีความยืดหยุ่นมากกว่านอกจากที่ อ.ย. ต้องแจ้งให้บริษัทยาต้นแบบที่จดสิทธิบัตรไว้ทราบว่า มีบริษัทยาอื่นขอขึ้นทะเบียนยาในยาชนิดเดียวกัน ก่อนที่ อ.ย. จะอนุมัติการขึ้นทะเบียนยา ประเทศสมาชิกต้องให้ระยะเวลาและโอกาสที่เพียงพอให้กับผู้ทรงสิทธิบัตรไปดำเนินการกับบริษัทยาอื่นที่มายื่นขึ้นทะเบียนยาซ้ำกับยาต้นแบบและที่อาจมีการละเมิด จนกว่าได้รับการเยียวยาก่อน โดยที่ต้องจัดให้มีกลไก ไม่ว่าจะเป็นทางศาลหรือทางปกครอง มาดูแลให้มีการเยียวยาอย่างรวดเร็ว (expeditious remedies) จากการละเมิดสิทธิบัตรทั้งในเรื่องผลิตภัณฑ์ยาและวิธีการใช้ (กฎหมายสิทธิบัตรไทยในปัจจุบันไม่คุ้มครองการจดสิทธิบัตรในเรื่องวิธีการใช้)คำถามคือ สิ่งเหล่านี้ควรเป็นหน้าที่รับผิดชอบดูแลของ อ.ย. หรือไม่ ทื่จะต้องชะลอการอนุมัติขึ้นทะเบียนตำรับยาชื่อสามัญใหม่ และติดตามตรวจสอบจนกว่าคู่กรณีจะเจรจาและดำเนินการจนเสร็จสิ้น และมันในเมื่อระบบศาลทรัพย์สินทางปัญญาทำหน้าที่นี้อยู่แล้วเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของ อ.ย. หรือของหน่วยงานใด ในการกำกับดูแลให้มีการเยียวยาอย่างรวดเร็ว ซึ่งการเยียวยาอาจหมายถึงการจ่ายค่าชดเชย ค่าชดเชยที่ว่าจะมากน้อยเพียงไรและอยู่บนการคำนวณจากอะไรด้วยภาระความรับผิดชอบเช่นนี้ อ.ย. จะกล้าที่จะอนุมัติการขึ้นทะเบียนยาให้กับยาชื่อสามัญใหม่ ที่เป็นยาชนิดเดียวกับยาต้นแบบที่จดสิทธิบัตรไว้หรือไม่ หรือต้องรอจนกว่าข้อพิพาทการละเมิดสิทธิบัตรจะสิ้นสุดลง ซึ่งในปัจจุบันพบว่าคดีละเมิดสิทธิบัตรใช้เวลานานหลายปีกว่าจะสิ้นสุด และในหลายกรณี ศาลมีคำตัดสินว่าบริษัทยาชื่อสามัญไม่ได้ละเมิดสิทธิบัตรของบริษัทยาต้นแบบ แต่ด้วยมาตรการแบบนี้ จะทำให้ยาชื่อสามัญจะไม่สามารถได้รับทะเบียนยาและวางตลาดเป็นทางเลือกให้กับผู้ป่วยได้ แม้ว่าในที่สุดแล้ว ยาชื่อสามัญจะไม่ได้ละเมิดสิทธิบัตรก็ตามนอกจากนี้ งานศึกษาผลกระทบต่อการเข้าถึงยาจากมาตรการทริปส์ผนวก: กรณีศึกษาความตกลงเขตการค้าเสรีไทย-สหรัฐฯ (Impact on access to medicines from trips-plus: A case study of THAI-US FTA) ระบุว่า หากประเทศไทยยอมรับมาตรการ Patent Linkage แล้วส่งผลให้ยาชื่อสามัญเข้าสู่ตลาดล่าช้าจากปกติ เป็นเวลา 5 ปี จะส่งผลให้ในปี พ.ศ. 2570 ประเทศจะมีค่าใช้จ่ายด้านยาเพิ่มขึ้น 201875.67 ล้านบาทคำถามที่สำคัญยิ่งกว่า คือ ประชาชนจะได้ประโยชน์อะไรจากมาตรการเช่นนี้ มาตรการเช่นนี้มุ่งแต่จะปกป้องผลประโยชน์ทางการค้าของบริษัทยาต้นแบบ มากกว่าประโยชน์ในการเข้าถึงยาของประชาชน และเป็นการลิดรอนสิทธิของประชาชนในการเข้าถึงยาชื่อสามัญที่มีราคาถูกกว่าผลที่จะเกิดขึ้น1) ขจัดหรือชะลอการแข่งขันของยาชื่อสามัญเมื่อยาชื่อสามัญไม่สามารถเข้ามาแข่งขันในตลาดได้ ยาต้นแบบก็จะผูกขาดตลาดได้นานขึ้นเกินกว่า 20 ปี แม้ว่าสิทธิบัตรจะหมดอายุไปแล้วก็ตาม เพราะยาชื่อสามัญต้องได้รับการขึ้นทะเบียนยากับ อ.ย. ก่อนถึงจะวางจำหน่ายได้ แต่ด้วยข้อจำกัดที่กล่าวมา ยาชื่อสามัญอาจไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนยาหรือต้องใช้เวลานานกว่าจะขึ้นทะเบียนยาได้โดยปกติ บริษัทยาอื่นจะเริ่มยื่นขอขึ้นทะเบียนยากับ อ.ย. หนึ่งหรือสองปีล่วงหน้าก่อนที่สิทธิบัตรของยาต้นแบบจะหมดอายุ ในกรณีเช่นนี้ จะกระทำไม่ได้และต้องเสียเวลารอก่อน ยิ่งไปกว่านั้น ยาตัวหนึ่งไม่ได้มีสิทธิบัตรเพียงฉบับเดียว แต่ละฉบับมีอายุนาน 20 ปีและจะทอดระยะเวลาการผูกขาดได้นานกว่านั้นเมื่อกระบวนการยุ่งยากเช่นนี้แล้ว บริษัทยาอื่นอาจเลิกสนใจที่จะวางจำหน่ายยาของตัวเองเพื่อแข่งขันในไทย สิ่งนี้เท่ากับทำให้อุตสาหกรรมยาชื่อสามัญภายในประเทศถูกทำให้แคระแกร็นและตายไปในที่สุด หรือไม่มีบริษัทยาชื่อสามัญจากประเทศอื่นสนใจมาขายยาในประเทศไทย2) สร้างภาระเพิ่มขึ้นให้กับหน่วยงานของรัฐ และเป็นการใช้ทรัพยากรของประเทศ (กำลังข้าราชการ เงินเดือน ฯลฯ) ไปใช้เพื่อไปปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทเอกชน โดยเฉพาะในเรื่องยาด้วยแล้ว บริษัทยาที่มาจดสิทธิบัตรในไทยมักเป็นบริษัทยาข้ามชาติ แทนที่จะให้ความสำคัญปกป้องประโยชน์ของสาธารณะในเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยของยาเท่านั้น3) จะทำให้มาตรการใช้สิทธิโดยรัฐ หรือ CL ไม่สามารถดำเนินการได้ผลจริง ถ้าประเทศประกาศใช้ CL เพราะยาที่ประกาศ CL ก็ต้องผ่านการตรวจสอบรับรองคุณภาพและความปลอดภัยนำยาชื่อสามัญนั้นมาขึ้นทะเบียนตำรับยาด้วยเช่นกัน ซึ่งในวิกฤต COVID-19 แสดงให้เห็นแล้ว หลายประเทศมีความจำเป็นที่จะต้องนำมาตรการ CL มาใช้เพื่อขจัดอุปสรรคด้านสิทธิบัตร แต่ยังจะติดข้อจำกัดในเรื่องการขึ้นทะเบียนตำรับยาอีก ถ้าไทยเข้าร่วม CPTPPประเด็นที่ 2: การบังคับใช้การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเข้มงวด ทั้งในเรื่องมาตรการชายแดน (Border Measure) และการเอาผิดกับบุคคลอื่น ในมาตรา 18.76 และ 18.77 ในความตกลง CPTPPมาตรการชายแดนและการเอาผิดกับบุคคลอื่นใน CPTPP แม้ว่าจะจำกัดเฉพาะเครื่องหมายการค้าและลิขสิทธิ์ ไม่ครอบคลุมสิทธิบัตร แต่ก็มีประเด็นน่าเป็นห่วงที่อาจมีผลกระทบต่อการเข้าถึงยาได้ คือ2.1) มาตรการชายแดนมาตรการชายแดน (border measure) คือ การให้อำนาจแก่เจ้าหน้าที่ศุลกากรให้สามารถจับยึดสินค้าที่กำลังจะส่งออก นำเข้า หรือแม้แต่อยู่ในระหว่างการขนส่ง (หยุดเปลี่ยนถ่ายสินค้าระหว่างทาง) ได้ เพียงต้องสงสัยว่าละเมิดเครื่องหมายการค้าและลิขสิทธิ์ โดยที่เจ้าของเครื่องหมายการค้าหรือลิขสิทธิ์ไม่ต้องยื่นเรื่องร้องเรียนอย่างเป็นทางการกับเจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งนี้ มาตรการชายแดนในลักษณะนี้ขัดกับความตกลงด้านทรัพย์สินทางปัญญาขององค์การกาค้าโลก (TRIPs Agreement) ที่อนุญาตให้ยึดจับเฉพาะสินค้านำเข้าเท่านั้น ไม่รวมถึงสินค้าที่จะส่งออกและอยู่ในระหว่างการขนส่งแต่กระทรวงพาณิชย์มักจะชี้แจงว่านั่นเป็นไปตามกฎหมายของไทยแล้ว นั่นก็เพราะไทยถูกกดดันโดยสหรัฐฯ ให้แก้กฎหมายในส่วนนั้นล่วงหน้ามากก่อนหน้านี้ ตอนที่ประเทศไทยถูกจัดให้อยู่ในบัญชีดำประเทศที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทสัญชาติอเมริกัน (Special 301 Report)ในอดีต เหตุการณ์จับยึดยาที่อยู่ในระหว่างการขนส่งในลักษณะเช่นนี้ ได้เคยเกิดแล้วในช่วงปี ค.ศ. 2008 - 2009 ยาชื่อสามัญที่ส่งออกจากอินเดียจำนวน 17 เที่ยวการขนส่ง ถูกจับยึดระหว่างการขนส่งขณะเปลี่ยนถ่ายสินค้าที่เนเธอร์แลนด์และเยอรมนี เพียงต้องสงสัยว่าเป็นยาที่ปลอมแปลงเครื่องหมายการค้าและ/หรือละเมิดสิทธิบัตรในประเทศกลางทาง ยาที่ถูกยึดจับไว้ได้แก่ ยารักษาโรคหลอดเลือดตีบตัน ยาต้านไวรัสเอชไอวี ยารักษาจิตเวช ยารักษาโรคสมองเสื่อม ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง และยาปฏิชีวนะ (ทั้งที่เป็นยาสำเร็จรูปและสารเคมีวัตถุดิบผลิตยา) ด้วยมาตรการนี้ ยาทั้งหมดไม่สามารถส่งไปถึงผู้ป่วยนับแสนคนในเปรู โคลัมเบีย เอกวาดอร์ แม็กซิโก โปรตุเกส สเปน บราซิล และไนจีเรียในวิกฤตโควิด-19 มาตรการเช่นนี้ยิ่งเป็นอุปสรรคในการเข้าถึงยาของประชาชนในประเทศอื่นหรือในประเทศไทย ถ้ายาที่ไทยส่งออกถูกยึดจับตอนจะส่งออกหรือขณะเปลี่ยนถ่ายสินค้า หรือไทยนำเข้ายามาแต่ถูกยึดจึบตั้งแต่ต้นทางหรือกลางทาง แม้ว่าจะไม่ได้ละเมิดทรัพย์สินทางในประเทศต้นทางหรือกลางทางนอกจากนี้ ยังขัดกับการส่งเสริมนวัตกรรมภายในประเทศ และลดทอนความสนใจของอุตสาหกรรมยาภายในประเทศ ที่จะวิจัยและพัฒนาและผลิตยาเพื่อการส่งออก2.2) การเอาผิดกับบุคคลอื่นในความตกลง CPTPP ผู้ทรงสิทธิ (เจ้าของเครื่องหมายการค้าและลิขสิทธิ์) จะสามารถเอาผิดกับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ผลิตหรือผู้จำหน่ายทั้งในทางแพ่งและอาญาได้ด้วย ในกรณีที่ละเมิดเครื่องหมายการค้าและลิขสิทธิ์ ทั้งในกรณีที่ให้มีการซื้อขายหรือการใช้รักษาด้วย บุคคลอื่นในที่นี้อาจรวมถึงบริษัทผู้นำเข้าฉลากและบรรจุภัณฑ์ยา และเจ้าของสถานที่ที่ปล่อยให้มีสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้าและลิขสิทธิ์จำหน่ายหรือใช้ ซึ่งอาจรวมถึงโรงพยาบาลด้วยนอกจากนี้ ข้อผูกมัดใน CPTPP ยังอาจเป็นการจำกัดอำนาจของศาลในการตัดสินกรณีพิพาทเรื่องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา โดยกำหนดให้มีโทษทางแพ่งและอาญาที่หนักพอที่จะทำให้เข็ดหลาบไม่กระทำการละเมิดอีก แต่ในกรณีที่เป็นการละเมิดโดยไม่ตั้งใจและเป็นยาจำเป็นสำหรับผู้ป่วย ศาลจะอาจไม่สามารถใช้ดุลยพินิจ ที่จะผ่อนผันให้นำยานั้นมาใช้ในระบบสาธารณสุขได้ โดยให้ผู้ละเมิดจ่ายค่าเสียหายในอัตราที่สมเหตุสมผลได้ นอกจากสั่งให้ทำลายทิ้งและเอาผิดโทษทางแพ่งและอาญาอย่างร้ายแรงเท่านั้น2.3) เครื่องหมายการค้าในความตกลง CPTPP เครื่องหมายการค้าไม่ได้หมายความเพียงเครื่องหมายการค้าที่ปลอมแปลง แต่ยังรวมไปถึงเครื่องหมายการค้าที่คล้ายคลึงและไม่ได้ตั้งใจที่จะละเมิด และสิ่งที่มองไม่เห็น เช่น กลิ่นและเสียง (ตาม มาตรา 18.18) ด้วย ไทยได้แก้ไขกฎหมายเครื่องหมายการค้าให้รวมเสียงเป็นเครื่องหมายการค้าแล้วเรื่องเครื่องหมายการค้าที่จงใจปลอมแปลงและเครื่องหมายการค้าที่คล้ายคลึงกัน เป็นข้อน่ากังวลที่จะกระทบต่อการเข้าถึงยาชื่อสามัญได้ ในธุรกิจยา ชื่อยี่ห้อยาอาจคล้ายคลึงกันได้โดยไม่ได้ตั้งใจ และโดยส่วนมากจะตั้งชื่อให้พ้องกับชื่อตัวยาสำคัญในยานั้น ดังนั้น เครื่องหมายการค้าที่คล้ายคลึงอาจถูกใช้เป็นสาเหตุในการเอาผิดว่าละเมิดได้2.4) ลิขสิทธิ์ในเรื่องลิขสิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าถึงยา ฉลากยา (label) ที่ระบุรายละเอียดของยาและวิธีการใช้ยาที่มากับบรรจุภัณฑ์อาจถือว่าเป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทลิขสิทธิ์ และอาจถูกใช้เป็นสาเหตุในการเอาผิดว่าละเมิดได้ผลที่จะเกิดขึ้นทำให้ผู้ป่วยในประเทศปลายทางเข้าไม่ถึงยาชื่อสามัญ หรือเข้าถึงแต่ไม่ทันเวลา แม้ว่ายาชื่อสามัญนั้นจะไม่ได้ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาใดๆ ในประเทศต้นทางและปลายทางก็ตาม และระบบหลักประกันสุขภาพอาจไม่มีงบประมาณมากพอที่จะซื้อยาต้นแบบราคาแพงแบบนั้นให้กับประชาชนได้สร้างความหวาดกลัวให้กับอุตสาหกรรมยาชื่อสามัญ ไม่กล้าเสี่ยงลงทุนผลิตและจำหน่ายยาชื่อสามัญที่จะมาแข่งขันกับยาต้นแบบ เพราะไม่คุ้มที่จะถูกจับยึดได้ตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทาง ถูกเอาผิดทั้งทางแพ่งและอาญาอย่างรุนแรง ซึ่งรวมไปถึงบุคคลอื่นใน supply chain และโรงพยาบาล ซึ่งมีเหตุให้ฟ้องร้องเอาผิดและบุคคลที่จะเอาได้อย่างกว้างขวางทำลายความมั่นคงทางยาของประเทศ และย้อนแย้งกับนโยบายการส่งเสริมนวัตกรรมภายในประเทศ และลดทอนความสนใจของอุตสาหกรรมยาภายในประเทศ ที่จะวิจัยและพัฒนาและผลิตยาเพื่อการส่งออกจำกัดอำนาจศาลในการใช้ดุลยพินิจที่จะผ่อนผันให้นำยาชื่อสามัญที่จำเป็นมารักษาชีวิตผู้ป่วย โดยให้จ่ายค่าเสียหายพอสมควร ถ้าเกิดกรณีพิพาทละเมิดเครื่องหมายการค้าและ/หรือลิขสิทธิ์ นอกจากสั่งให้ทำลายทิ้งและให้มีการลงโทษทางแพ่งและอาญาที่ร้ายแรงข้อสรุปดังนั้นแล้ว กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศไม่น่าที่จะกล่าวได้ว่า ไม่มีข้อน่าเป็นห่วงในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญากับการเข้าถึงยาได้ เพราะข้อบทว่าด้วย Patent Linkage และการบังคับใช้กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาที่ได้กล่าวมา จะทำให้เกิดการผูกขาดที่ยาวนานขึ้น บั่นทอนการแข่งขันของยาชื่อสามัญ ทำให้ยามีราคาแพง และทำให้มาตรการ CL ใช้ไม่ได้ผล ซึ่งจะกระทบต่อระบบสาธารณสุขและระบบหลักประกันสุขภาพของประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ทั้งนี้ กรมฯ ควรนำข้อกังวลเกี่ยวกับผลกระทบ ที่จะมีต่อระบบสาธารณสุขที่หน่วยงานด้านสาธารณสุข อุตสาหกรรมยาภายในประเทศ และภาคประชาสังคมอย่าง ได้เคยสะท้อนไปในระหว่างการรับฟังความคิดเห็นในหลายวาระและโอกาส มาพิจารณาอย่างนำพาและจริงจังนอกจากนี้ ควรมีทัศนะที่กว้างไกลไปกว่ามุมมองทางการค้า ในเป้าหมายพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals SDGs) โดยเฉพาะเป้าหมายที่ 3 และรายงานการเข้าถึงยาของสหประชาชาติ (UN High Level Panel on Access to Medicines) ต่างระบุไว้ชัดถึงข้อกังวลและข้อแนะนำ ให้ประเทศต่างๆ อย่าเจรจาและยอมรับข้อผูกมัดด้านทรัพย์สินทาปัญญาที่เกินไปว่าความตกลงทริปส์ขององค์การการค้าโลก ที่จะส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงยาของประชาชน และให้เคารพปฏิญญาโดฮาฯ ที่เน้นย้ำว่า ผลประโยชน์ของประชาชนในเรื่องสุขภาพต้องสำคัญและมาก่อนผลประโยชน์ทางการค้าในภาวะวิกฤต COVID-19 กรมฯ ยิ่งต้องควรตระหนักและมองสังคมโลก ที่หลายประเทศได้ตาสว่างมองเห็นว่า ระบอบทรัพย์สินทางปัญญาที่เป็นอยู่เป็นอุปสรรคและภัยคุกคามประชาชน ทำให้เข้าไม่ถึงยารักษาชีวิต และพยายามใช้มาตรการยืดหยุ่นต่างๆ รวมถึงแก้ไขกฎหมายขจัดอุปสรรคด้านทรัพย์สินทางปัญญาต่างๆ ให้สามารถจัดหายาและเวชภัณฑ์ให้กับประชาชนได้อย่างทันท่วงที ข้อเรียกร้องในระดับสากลให้แก้ไขระบอบทรัพย์สินทางปัญญาที่มุ่งกอบโกยกำลังดังขึ้นเรื่อยๆ และประเทศไทยไม่ควรเข้าร่วมในความตกลงอย่าง CPTPP ที่จะก่อให้ผลกระทบร้ายต่อประชาชน ไม่เฉพาะในเรื่องการเข้าถึงยาเท่านั้นเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ไม่ใช่มีเพียงแต่รัฐวิสาหกิจ อย่าง องค์การเภสัชกรรม ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในระบบสาธารณสุขไทยจะได้รับผลกระทบ เพราะใน CPTPP นอกจากจะให้เปิดตลาดการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐให้กับผู้ประกอบการจากประเทศภาคี ยังระบุว่า ห้ามให้แต้มต่อหรือสิทธิพิเศษในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐแก่ผู้ประกอบการไทยเหนือกว่าสมาชิก CPTPPสิ่งที่การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐทำไม่ได้ อาทิ ห้ามกำหนดให้ใช้บัญชีนวัตกรรมไทยที่ทำขึ้นเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการไทยให้เน้นการผลิตคิดค้นสินค้าบริการที่มีนวัตกรรม ห้ามกำหนดให้ใช้สินค้าไทย และห้ามกำหนดว่าต้องมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีประเด็นนี้ขัดกับทิศทาง Local Economy ของรองนายกฯสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่จะใช้เป็นทิศทางหลักในการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากวิกฤติโควิด-19 การที่สภาอุตสาหกรรม โดยคณะอนุกรรมการฟื้นฟูหลังโควิด-19 ที่มีนายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธาน สอท. เป็นประธานอนุฯ หวังว่าจะเสนอให้ระบบจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐที่กรมบัญชีกลางดูแลมุ่งเน้นการใช้สินค้าไทยเป็นอันดับแรกนั้น ไม่สามารถทำได้ถ้าไทยเข้าร่วม CPTPP แล้วแม้ทางกรมเจรจาฯ จะอ้างว่า จะไปเจรจาขอผ่อนผัน ทั้งวงเงิน และรายอุตสาหกรรม แต่การที่ไทยไม่ได้เป็นสมาชิกก่อตั้งอย่างมาเลเซีย และยังมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่กว่าเวียดนาม การเจรจาขอผ่อนผันจึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจประสบความสำเร็จง่ายๆถ้าขอผ่อนผันไม่ได้ นี่จะเป็นเงื่อนไขให้ไม่เข้าร่วมหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากการขอมติคณะรัฐมนตรีที่ได้กล่าวในข้อ 3 ไปแล้ว กระทรวงพาณิชย์ต้องการให้หน่วยงานต่างๆเตรียมปรับตัวแก้ไขกฎหมายเลย ซึ่งที่ผ่านมา กรมบัญชีกลางที่ดูเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่เป็นน้ำมันขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักของประเทศก็แจ้งจุดยืนต่อคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศแล้วว่า ไม่ควรรับข้อบทการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ให้รับเพียงการแลกเปลี่ยนข้อมูลเท่านั้น แต่ประเด็นนี้มักจะถูกอ้างว่าจะไปเจรจาผ่อนผันกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ อ้างว่า การที่ไทยต้องเปิดให้สินค้า Remanufactured goods ซึ่งรวมถึงเครื่องมือแพทย์มือสอง และสินค้าขยะเข้ามาในไทยได้นั้น ไม่เป็นความจริง เนื่องจาก ความตกลง CPTPP ระบุนิยามของสินค้า Remanufactured goods ว่าต้องมีอายุการใช้งานและคุณภาพใช้งานเช่นเดียวกับสินค้าใหม่ และต้องได้รับการรับรองจากโรงงานว่าสามารถใช้ได้เช่นเดียวกันกับสินค้าใหม่ ดังนั้น สินค้า Remanufactured goods จึงไม่ใช่สินค้ามือสอง และเป็นคนละประเด็นกับการนำเข้าขยะมาในประเทศอย่างไรก็ตาม หากพิจารณาตาม พ.ร.บ.เครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2551 (หมวด 6 การควบคุมเครื่องมือแพทย์) สินค้า Remanufactured goods เป็นสินค้าที่ประเทศไทยไม่อนุญาตให้นำเข้า แต่การเข้าร่วม CPTPP จะบังคับให้ไทยต้องแก้ไขกฎหมายและเปิดรับในที่สุดข้อพิจารณาที่ไม่ควรเปิดให้มีการนำเข้า Remanufactured goodsความเข้าใจของนิยามของ Remanufactured goods/refurbished goods หมายถึงคุณภาพสินค้าที่แตกต่าง เพราะมีขอบเขตกว้างขวางและส่งผลต่อคุณภาพของเครื่องมือแพทย์ เช่น เครื่องมือแพทย์ ที่มีการปรับแต่งใหม่จากบริษัทผู้ผลิตเดิม หรือ จากผู้ผลิตอื่น (Third party) พบว่ามีคุณภาพแตกต่างและอาจเกิดผลกระทบต่อความปลอดภัยของผู้ป่วยได้แม้ว่าราคาจะถูกกว่า แต่พบความแตกต่างของคุณภาพและความคงทนของเครื่องมือแพทย์ใหม่และเครื่องมือแพทย์ปรับแต่งในการใช้เพื่อให้บริการผู้ป่วย ดังกรณี กล้องส่องทางเดินปัสสาวะ (Ureteroscope) อุปกรณ์ที่เป็นของใหม่ จะใช้ได้ 44 ครั้ง อุปกรณ์ปรับแต่งที่เป็นผู้ผลิตดั้งเดิม ใช้ได้ 11.1 ครั้ง และกรณีอุปกรณ์ปรับแต่งที่เป็นของบริษัทอื่นจะใช้ได้ 6.9 ครั้งก่อนที่จะเสียและต้องซ่อมแซม ดังนั้นย่อมส่งผลต่อภาระค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมโอกาสและโอกาสการเกิดขยะอิเล็คทรอนิกส์มากขึ้นอย่างรวดเร็วในประเทศ และที่สำคัญอย่างยิ่งคือ หากเครื่องมือแพทย์ที่ไม่มีมาตรฐานเพียงพอ อาจส่งผลต่อคุณภาพการตรวจวินิจฉัย ความปลอดภัยต่อผู้ป่วยการนำเข้าเครื่องมือแพทย์ปรับแต่ง ที่มีราคาถูกกว่าสินค้าใหม่ ย่อมทำให้รายได้จากภาษีลดลงเมื่อนำเข้าเครื่องมือแพทย์ปรับแต่ง ความแน่นอนของมาตรฐานเครื่องมือแพทย์ปรับแต่งเหล่านี้จะมีความแตกต่างไปจากสินค้าใหม่ และยังแตกต่างไปตามผู้ผลิต ดังกล่าวมาแล้ว การควบคุมมาตรฐานจะตกเป็นภาระของหน่วยงานรัฐ (บุคลากร งบประมาณ) ในการควบคุมให้เป็นไปตามกฎหมาย รวมทั้งภาระในการติดตามปัญหาผลกระทบจากการใช้ผลิตภัณฑ์ปรับแต่งเหล่านี้อีกด้วย ซึ่งจากรายงานผลการประเมินผลกระทบ และสิ่งที่ต้องดําเนินการ หากไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิก CPTPP โดย กระทรวงสาธารณสุข พบว่าต้องใช้งบประมาณถึงปีละ 150 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายในการกำจัดขยะอิเลคโทรนิคส์เหล่านี้อีกด้วยก่อปัญหาการจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ในอนาคต เนื่องจากเครื่องมือแพทย์ปรับแต่งจะมีราคาถูกกว่าเครื่องมือแพทย์ใหม่ ร้อยละ 20-30% หากต้องจัดซื้อในระบบราชการโดยมีการแข่งขันด้านราคา เนื่องจากคุณสมบัติ (specification) จะเหมือนกัน การแข่งขันด้านราคาทำให้การจัดซื้อ จะได้สินค้าปรับแต่งมาแทน แต่โอกาสที่อุปกรณ์ดังกล่าวจะเสียหายหรือคงทนต่ำกว่า จึงเป็นการสูญเสียงบประมาณของประเทศ นอกจากนี้การจัดซื้อผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศ เครื่องมือแพทย์ที่เป็นนวัตกรรมไทย อาจทำไม่ได้เนื่องจากการสู้ราคาไม่ได้หากการยอมรับ CP TPP กับกลุ่มประเทศสมาชิกเหล่านี้ ย่อมเท่ากับต้องยอมรับเงื่อนไขให้มีการนำเข้ากับประเทศอื่นๆตามมาอีกด้วย และเมื่อเปิดรับไปแล้ว จะถอยหลังกลับไม่ได้ เพราะสุ่มเสียงต่อการพิพาทฐานผิดความตกลงฯประเทศไทยต้องถูกบังคับให้เปลี่ยนระบบการอนุญาตเครื่องสำอางไปเป็นระบบการจดแจ้งโดยสมัครใจหรือบังคับ และไม่ให้ระบุเลขที่จดแจ้งบนฉลาก ตามข้อตกลง CPTPP ในมาตรา 8.14 และ ภาคผนวก 8-D แม้จะทําให้มีผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางขึ้นทะเบียนได้เร็วขึ้น แต่จะทำให้มีผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัยมากขึ้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่กำกับดูแลและผู้บริโภคขาดเครื่องมือตรวจสอบความถูกต้องของผลิตภัณฑ์ในท้องตลาดว่า ผ่านการจดแจ้งจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) หรือไม่ ทำให้ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค เพิ่มขนาดปัญหาการโฆษณาผิดกฎหมาย การขายตรงออนไลน์ โซเชียลมีเดีย และแชร์ลูกโซ่ที่แก้ไขปัญหาได้ช้าและยาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจในท้ายที่สุด ไม่เพียงเท่านั้น ความตกลงในลักษณะนี้จะไม่เปิดโอกาสให้หน่วยงานรัฐทบทวนนโยบายหรือกฎหมายที่ผ่อนคลายกฎเกณฑ์ แม้ว่าจะพบว่าเกิดปัญหาจากการผ่อนคลายกฎเกษณฑ์ต่างๆเหล่านั้นไปแล้วก็ตาม ซึ่งมีความสุ่มเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายผ่านกลไกอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศข้อพิจารณาที่ไม่ควรใช้ระบบการจดแจ้งกับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางมีหลักฐานเชิงประจักษ์ (Evidence Base) พบว่า มากกว่าร้อยละ 90 ของการขอจดแจ้งผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางออนไลน์ เป็นการจดแจ้งเป็นเท็จ เช่น ไม่มีสถานที่ผลิตจริง สถานที่ผลิตไม่ตรงกับความเป็นจริง ทำให้มีผลิตภัณฑ์ที่ใส่สารอันตรายหรือสารต้องห้ามเข้าสู่ตลาดได้ง่ายและมากขึ้น ส่งผลต่อผู้บริโภคและระบบการคุ้มครองผู้บริโภคหน่วยงานกำกับดูแล เช่น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ไม่สามารถออกประกาศหรือแนวปฏิบัติ ในการบังคับให้มีการดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับการจดแจ้งผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางได้ ไม่สามารถพิจารณาผลิตภัณฑ์ก่อนออกสู่ตลาดได้ รวมทั้งหากยกเลิกระบบทะเบียนผลิตภัณฑ์ จะทำให้ไม่สามารถตรวจสอบข้อมูล ความถูกต้องของผลิตภัณฑ์ในท้องตลาด และผู้บริโภคขาดเครื่องมือในการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ในท้องตลาดว่าผ่านการจดแจ้งจากอย. หรือไม่ เครื่องหมายอย.ไม่มีความหมาย ส่งผลให้ผู้บริโภคดูฉลากน้อยลงการกํากับดูแลผลิตภัณฑ์ในท้องตลาดเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค (Post Marketing Surveillance) ไม่เป็นจริง เพราะผลิตภัณฑ์นับแสนรายการ ถึงแม้จะเพิ่มกำลังคนก็คงไม่เพียงพอ ตรวจสอบได้ยาก กว่าจะจบขั้นตอนการดำเนินการที่มากมาย ล่าช้า ได้สร้างความเสียหายเกินกว่าเยียวยาให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องและสังคมโดยรวมการฟ้องคดีผู้บริโภค สินค้าไม่ปลอดภัย หรือคดีแบบกลุ่ม ทำได้ยาก มีภาระค่าใช้จ่ายกับผู้บริโภคสูงเมื่อเทียบกับมูลค่าความเสียหายของสินค้าข้อตกลง CPTPP มีมาตรการด้านฉลาก โดยกำหนดข้อจำกัดการควบคุมการโฆษณาบนฉลาก และจำกัดพื้นที่เรื่องคำเตือนสุขภาพ ทำให้มาตรการเดิมที่มุ่งคุ้มครองเรื่องการโฆษณาบนฉลากและข้อความคำเตือนด้านสุขภาพตามประกาศฉลากที่ประชาชนได้รับความคุ้มครองไว้แต่เดิม จะใช้ไม่ได้การออกอนุบัญญัติข้อความ และรูปภาพคำเตือนบนฉลากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในอนาคต จะไม่สามารถบังคับใช้กับฉลากหลักได้ อาทิ การห้ามกำหนดเกี่ยวกับฉลากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินกว่าที่ความตกลง CPTPP กำหนด โดยเฉพาะถ้อยคำคุณลักษณะ (เช่น fine noble special reserve superior vintage) ซึ่งจะกระทบกับนโยบายลดนักดื่มหน้าใหม่CPTPP ให้ใช้มาตรฐาน Codex CAC/GL 38-2001 เป็นมาตรฐานกำหนดฉลากอาหาร แต่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดไม่ใช่อาหารธรรมดาทั่วไป (no ordinary food ตามองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือ FAO) จึงจำเป็นต้องมีข้อกำหนดการแสดงฉลากและคำเตือนให้มากกว่าฉลากอาหารทั่วไป แต่ทำไม่ได้จากข้อบท ความสอดคล้องของข้อบังคับ (regulatory coherence) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การออกกฎหมายและระเบียบต่างๆ เป็นไปอย่างสมเหตุสมผลและสอดคล้องกัน แม้อาจพอมีประโยชน์ และเป็นโอกาสที่จะทำให้เกิดการพัฒนากฎระเบียบที่สมเหตุสมผล แต่เป็นที่สังเกตว่า รายละเอียดนี้ เน้นความสอดคล้องของกฎหมายโดยมองจากวัตถุประสงค์ทางการค้าและส่งเสริมเศรษฐกิจ แต่ยังขาดข้อคำนึงถึงด้านสังคม และอาจส่งผลกระทบทางลบได้การออกกฎ ระเบียบต่างๆ ของภาครัฐอาจถูกแทรกแซงจากองค์กรธุรกิจ โดยเฉพาะกฎหมายด้านสุขภาพสาธารณสุข กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค เช่น บริษัทบุหรี่สามารถแทรกแซงการเสนอแก้ไขปรับปรุงกฎหมายควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบของกระทรวงสาธารณสุขได้ ซึ่งขัดกับหลักที่พึงระวังเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนสำหรับกรณีนโยบายสาธารณะสูด้วยไม่มีความชัดเจน ลำดับศักดิ์ของ ความตกลง CPTPP กับ กรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก หรือ FCTC ที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคี ว่า ความตกลงระหว่างประเทศฉบับใดจะมีข้อบังคับเหนือกว่า เพราะในเนื้อหาของ CPTPP มีหลายกรณีที่อาจขัดต่อ FCTC ไม่ว่าจะเป็นข้อบทที่ 8 ที่ว่าด้วยความตกลงอุปสรรคเทคนิคทางการค้า ที่เปิดช่องให้การออกกฎระเบียบใดๆ ภาครัฐต้องให้ผู้มีส่วนได้เสียหรือผู้ได้รับผลกระทบจากเรื่องนั้นเข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดทำกฎเกณฑ์ กฎหมายหรือนโยบายต่างๆ ซึ่งกรณีถ้า ฝ่ายสุขภาพ ต้องการออกมาตรการควบคุมยาสูบใดๆ ก็อาจจะต้องให้บริษัทบุหรี่เข้าไปมีส่วนร่วมในการให้ข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะ ซึ่งขัดต่อ FCTC มาตรา 5.3 ชัดเจน ในเรื่องการปกป้องนโยบายควบคุมยาสูบจากการแทรกแซงของอุตสาหกรรมยาสูบที่สำคัญข้อบทที่ว่าด้วยความตกลงอุปสรรคเทคนิคทางการค้า เคยถูกใช้เป็นเครื่องมือในการฟ้องคดีการค้าระหว่างประเทศที่องค์การการค้าโลก ตอนที่ประเทศออสเตรเลียออกมาตรการซองบุหรี่แบบเรียบด้วย ประเด็นเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาก็น่าเป็นห่วง เพราะไม่มีข้อยกเว้นกรณีสำหรับการใช้เพื่อโรคไม่ติดต่อ ซึ่งข้อยกเว้น ดังกล่าวนี้ ก็เคยถูกใช้ตีความเพื่อการควบคุมยาสูบด้วย เพราะ ยาสูบเป็นปัจจัยเสี่ยงหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคไม่ติดต่อCPTPP บังคับให้การคุ้มครองการลงทุนแก่นักลงทุนต่างชาติ ตั้งแต่ชั้นก่อนการประกอบกิจการ การลงทุนใน Portfolio และการลงทุนที่ไม่ได้รับการอนุมัติการคุ้มครองเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งค้านกับกรอบการเจรจาการลงทุนที่กระทรวงการต่างประเทศเคยได้รับอนุมัติจากรัฐสภาการคุ้มครองการลงทุนดังกล่าว นำมาซึ่งสิทธิของนักลงทุนต่างชาติในการฟ้องรัฐด้วยกลไกระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐและเอกชน (Investor-State Dispute Settlement – ISDS) ผ่านอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ ที่ผ่านมา สังคมไทยคุ้นเคยกับการฟ้องลักษณะนี้ที่ทำให้ประเทศไทยต้องเสียค่าโง่ ซึ่งแต่นั่นเกิดจากลักษณะการลงทุนโดยตรง (FDI) แม้แต่คดีวอเตอร์บาวน์ ผู้ถือหุ้นดอนเมืองโทลล์เวย์ การสู้คดีของฝ่ายไทยก็เน้นย้ำที่คดีวอเตอร์บาวน์ไม่ได้รับการอนุมัติการคุ้มครองเป็นลายลักษณ์อักษรเมื่อเร็วๆนี้ Dr.Patricia Ronald อาจารย์มหาวิทยาลัยซิดนีย์ ออสเตรเลีย เขียนบทความระบุว่า บรรษัทข้ามชาติกำลังเตรียมใช้กฎเกี่ยวกับการระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐและนักลงทุนเอกชน ที่อยู่ภายใต้ข้อตกลงทางการค้าต่างๆ เช่นข้อตกลง CPTPP เพื่อเรียกร้องค่าชดเชยหลายล้านเหรียญสหรัฐจากรัฐบาลที่ตัดสินใจใช้มาตรการแทรกแซงหรือข้อจำกัดทางการค้าบางอย่างเพื่อรับมือกับวิกฤตการระบาดใหญ่ (Pandemic) ของโรคโควิด-19Aceris Law LLC บริษักฎหมายซึ่งเชี่ยวชาญกลไกอนุญาโตตุลาการนอกประเทศ บอกกับลูกค้าว่าแม้อนาคตจะยังไม่ชัดเจน แต่เป็นไปได้สูงว่ามาตรการที่รัฐบาลต่างๆใช้ในการรับมือกับการระบาดใหญ่ของโรค Covid-19 จะทำให้เกิดการละเมิดความคุ้มครองการลงทุนภายใต้ ข้อตกลงการค้าทวิภาคี และอาจนำไปสู่การฟ้องร้องโดยบริษัทเอกชนเพิ่มขึ้นอีกในอนาคตอีกด้านหนึ่ง บริษัทกฎหมายสัญชาติออสเตรเลีย Alston & Bird ก็กำลังโฆษณางานอีเว้นท์ที่ใช้ชื่อว่า ระลอกใหม่ของกลไกอนุญาโตตุลาการในยุคโควิต — มองไปข้างหน้านักวิชาการสายนิติศาสตร์ซึ่งคอยจับตากลไก ISDS กล่าวว่า รัฐบาลต่างๆอาจต้องเตรียมเผชิญกับเคสที่ใช้กลไก ISDS จำนวนมากเมื่อการระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกสิ้นสุดลงนักลงทุนต่างชาติอาจอ้างว่ารัฐบาลละเมิดมาตราใน ISDS ที่เกี่ยวกับ การเวนคืนทางตรง (Direct expropriation) ผ่านการยึดทรัพย์สินเอกชนที่เกี่ยวกับสุขภาพและด้านอื่นๆเพื่อประโยชน์ของสาธารณะกฎระเบียบที่เกี่ยวกับการบังคับห้ามออกจากบ้าน (lockdown) ซึ่งกระทบการทำกำไรของเอกชน อาจถูกตีความว่าเป็น การเวนคืนทางอ้อม (Indirect expropriation) การระบาดใหญ่ทั่วโลกของโรคโควิด-19 ยังทำให้เกิดคำถามหลายแง่มุมต่อข้อตกลงการค้าเสรีจำนวนมากที่ออสเตรเลียทำกับประเทศอื่นๆน่าเสียใจที่เรื่องที่จะมีผลกระทบรุนแรงต่อการจำกัดพื้นที่นโยบายของรัฐในการดูแลประชาชนเช่นนี้ กลับไม่มีอยู่ในการศึกษาของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ หรือไม่ได้แจ้งต่อคณะรัฐมนตรีให้ชัดเจนถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น หากเข้าร่วมเป็นภาคี CPTPP อ้างอิงOfficial Text - CPTPPส่วนที่ suspended ไว้เมื่อ ออกไปจากความตกลงฯเข้าใจ CPTPP อย่างถูกต้อง ไขคำตอบทุกข้อกังวล โดย กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ มอง CPTPP ผ่านเลนส์ SDGs: การพัฒนาที่ไม่สมดุล โดย ผู้ช่วยศาสตรจารย์ ชล บุนนาค หัวหน้าโครงการ SDG Moveสำหรับเอกสาร เข้าใจ CPTPP อย่างถูกต้อง ไขคำตอบทุกข้อกังวล ของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ นั้น จาก ระบุไว้ดังนี้- การห้ามเก็บเมล็ดพันธุ์ไปปลูกต่อนั้น ไม่เป็นความจริง เกษตรกรสามารถเก็บเมล็ดพันธุ์พืชในกลุ่มพันธุ์พื้นเมือง พันธุ์ดั้งเดิม พันธุ์ป่าของพืชทุกชนิดรวมถึงสมุนไพร และพันธุ์การค้าที่ไม่ได้รับการคุ้มครองไปปลูกต่อได้เหมือนเดิม- สำหรับพันธุ์พืชใหม่ที่ได้รับการจดทะเบียนคุ้มครอง ก็มีข้อยกเว้นที่อนุญาตให้เกษตรกรสามารถเก็บเมล็ดพันธุ์ของพันธุ์พืชใหม่ไว้ใช้เพาะปลูกต่อในพื้นที่ของตนได้ และยังสามารถนำพันธุ์พืชใหม่ที่ได้รับการคุ้มครองไปพัฒนาต่อยอดโดยไม่ต้องขออนุญาตจากเจ้าของพันธุ์ (ตาม UPOV 1991 Article 15)- เมื่อซื้อเมล็ดพันธุ์หรือได้พันธุ์คุ้มครองมาอย่างถูกต้อง เกษตรกรมีสิทธิเพาะปลูกและจำหน่ายผลผลิตและผลิตภัณฑ์ที่เกิดได้โดยไม่ผิดกฎหมายและไม่ต้องขออนุญาตจากเจ้าของพันธุ์- การผูกขาดเมล็ดพันธุ์ให้แก่บริษัทเอกชนนั้น ไม่เป็นความจริง เนื่องจาก UPOV 1991 ให้การคุ้มครองสิทธิแก่ผู้พัฒนาปรับปรุงพันธุ์พืชใหม่ทั้งหมด โดยไม่จำกัดว่าต้องเป็นเฉพาะบริษัทเอกชนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงนักวิจัยภาครัฐ นักปรับปรุงพันธุ์พืชอิสระ นักศึกษา เกษตรกร หรือบุคคลทั่วไป ก็สามารถยื่นจดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่ได้- ทำให้นักปรับปรุงพันธุ์ทั้งหลายมีความมั่นใจเพิ่มการลงทุนด้านการวิจัยพัฒนาพันธุ์พืชมากขึ้น ทำให้มีพันธุ์พืชใหม่ๆ ชนิดพืชที่หลากหลายออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เกิดการแข่งขันด้วยเรื่องความดีเด่นของพันธุ์และคุณภาพเมล็ดพันธุ์ ซึ่งจะช่วยลดการผูกขาดด้านการค้าเมล็ดพันธุ์ไม่ให้จำกัดอยู่เฉพาะรายใหญ่เพียงไม่กี่บริษัท- UPOV 1991 ไม่มีข้อใดที่ห้ามหรือลดทอนกลไกการเข้าถึงและแบ่งปันผลประโยชน์ (Access and Benefit-Sharing: ABS) และไทยก็เป็นสมาชิกของอนุสัญญาความหลากหลายทางชีวภาพ (Convention on Biological Diversity: CBD) ซึ่งไทยก็มีกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องการเข้าถึงและแบ่งปันผลประโยชน์ ทั้งนี้ หลายประเทศก็เป็นสมาชิกทั้งอนุสัญญา UPOV1991 และอนุสัญญา CBD เช่น ญี่ปุ่น แคนาดา และประเทศในยุโรป- ราคาเมล็ดพันธุ์พืชในประเทศจะแพงขึ้น เป็นความจริงเพียงครึ่งเดียว เนื่องจาก ราคาเมล็ดพันธุ์ที่อาจจะเพิ่มขึ้น ก็อาจจะจำกัดเฉพาะในกลุ่มพันธุ์พืชใหม่ที่จดทะเบียนคุ้มครองเท่านั้น ไม่มีผลกระทบต่อพันธุ์พืชพื้นเมือง พันธุ์พืชป่า หรือพันธุ์การค้าที่ไม่ได้รับการคุ้มครอง โดยราคาเมล็ดพันธุ์ในตลาดจะถูกกำหนดด้วยความดีเด่นหรือคุณค่าของพันธุ์และคุณภาพเมล็ดพันธุ์ และการได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป ซึ่งหากเกษตรกรเห็นว่าแพงไป ขายผลผลิตแล้วไม่คุ้มกับเงินที่ลงทุน เกษตรกรก็สามารถเลือกที่จะไม่ซื้อ แล้วไปซื้อพันธุ์อื่นที่ถูกกว่าได้ นอกจากนี้ เกษตรกรยังสามารถเลือกใช้พันธุ์ของหน่วยงานรัฐได้เช่นกัน- ทั้งนี้ การมีพันธุ์พืชใหม่ที่หลากหลายออกสู่ตลาดมากขึ้นอย่างต่อเนื่องถือเป็นข้อดี ให้เกษตรกรได้มีทางเลือกมากขึ้น เลือกซื้อพันธุ์ที่มีลักษณะตามความต้องการของตลาด ขายผลผลิตได้ราคา- การต้องเปิดให้สินค้า GMO เข้าในประเทศนั้น ไม่เป็นความจริง เนื่องจาก ความตกลง CPTPP ไม่ได้กำหนดให้สมาชิกต้องปรับกฎหมายภายในประเทศในเรื่องสินค้าเทคโนโลยีชีวภาพสมัยใหม่ (Modern Biotechnology) แต่อย่างใด และปัจจุบันไทยยังไม่อนุญาตให้ปลูกหรือทำการค้าพืช GMOs ได้อย่างเสรี โดยพืช GMOs เป็นสิ่งต้องห้ามตาม พ.ร.บ. กักพืช พ.ศ. 2507 และที่แก้ไขเพิ่มเติม- การอ้างว่าเข้าร่วมความตกลง CPTPP จำกัดการใช้มาตรการบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยา (CL) หรือมีผลให้ใช้ CL ได้ยากขึ้นนั้น ไม่เป็นความจริง เนื่องจากความตกลง CPTPP ข้อ 18.41 กำหนดไว้ชัดว่าไม่มีข้อบทใดจำกัดสิทธิของสมาชิกในการใช้มาตรการ CL ตามความตกลงทริปส์ขององค์การการค้าโลก (WTO) อีกทั้ง ข้อ 18.6 ยังยืนยันสิทธิของประเทศสมาชิกในการใช้มาตรการเพื่อปกป้องการสาธารณสุขและการเข้าถึงยาของประชาชน- การที่ความตกลง CPTPP กล่าวถึงสิทธิของสมาชิกในการประเมินสถานการณ์ฉุกเฉินของประเทศ โดยมิได้กล่าวคำว่า การใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะที่ไม่ใช่เพื่อการค้า (Public Non-Commercial Use) จะแปลเอาเองว่า สมาชิก CPTPP ไม่มีสิทธิใช้มาตรการ CL เพื่อประโยชน์สาธารณะที่ไม่ใช่เพื่อการค้า นั้น ไม่ถูกต้อง แท้จริงแล้วข้อความในส่วนที่มีการกล่าวอ้างนี้เพียงแนวทางการพิจารณาสถานการณ์ฉุกเฉินของประเทศ ซึ่งเป็นถ้อยคำที่นำมาจากปฏิญญาโดฮาว่าด้วยความตกลงทริปส์และการสาธารณสุข (Doha Declaration on TRIPS and Public Health ย่อหน้าที่ 4 และ 5(c))- การกล่าวอ้างว่าแม้สมาชิก CPTPP จะสามารถใช้มาตรการ CL ได้ แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะถูกฟ้องร้อง โดยนักลงทุน ตามข้อบทการลงทุน (Investment) นั้น ไม่เป็นความจริง ข้อบทการลงทุน ข้อ 9.8 เรื่องการเวนคืน (Expropriation) ย่อหน้าที่ 5 กำหนดไว้ชัดเจนว่าไม่ให้นำเรื่องนักลงทุนฟ้องรัฐมาใช้กับกรณีการใช้มาตรการ CL ที่สอดคล้องกับข้อบททรัพย์สินทางปัญญาและความตกลงทริปส์- นอกจากนี้ ข้อบทเรื่องการระงับข้อพิพาท (Dispute Settlement) ในข้อ 28.3.1.(c) เกี่ยวกับ non-violation complaint ก็ยังไม่ได้รวมถึงประเด็นเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา- จากการศึกษาข้อบท CPTPP ในทุกประเด็นอย่างละเอียดแล้ว ยืนยันได้ว่า หากไทยเข้าเป็นสมาชิก CPTPP ไทยจะยังมีสิทธิบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยา (CL) ตามกรอบความตกลงทริปส์ของ WTO ดังเช่นที่ไทยมีอยู่ในปัจจุบันทุกประการ และจะไม่ทำให้ไทยถูกกล่าวหาว่าละเมิดความตกลง CPTPP และไม่เป็นเหตุให้ประเทศไทยถูกฟ้องร้องแต่อย่างใด- การเข้าร่วม CPTPP จะทำให้การเข้าถึงยาสามัญช้าลงนั้น ไม่เป็นความจริง เนื่องจากข้อบทเรื่องการเชื่อมโยงระบบสิทธิบัตรและระบบการขึ้นทะเบียนยา (Patent Linkage) เป็นข้อบทที่มีความยืดหยุ่น ที่ให้สมาชิกมีทางเลือกเชิงนโยบายสำหรับจัดตั้งระบบดังกล่าวในลักษณะที่จะเป็นประโยชน์กับแต่ละประเทศได้- ความตกลง CPTPP ให้สมาชิกสามารถเลือกรูปแบบที่มีความยืดหยุ่นได้ โดยระบุไว้ 2 ทางเลือก คือ(1)ให้ขึ้นทะเบียนตำรับยาสามัญได้แม้ยาต้นแบบจะยังไม่หมดอายุการคุ้มครองสิทธิบัตร เพียงแต่ต้องแจ้งให้เจ้าของสิทธิบัตรทราบ และมีการเยียวยาที่เหมาะสมหากมีการการละเมิด หรือ(2)ไม่อนุญาตให้ขึ้นทะเบียนตำรับยาสามัญเว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากเจ้าของสิทธิบัตร- ในเบื้องต้น ไทยอาจพิจารณาทางเลือกที่ (1) เพราะมีความยืดหยุ่นมากกว่าโดยยังคงทำให้ไทยสามารถขึ้นทะเบียนตำรับยาสามัญได้แม้ยาต้นแบบยังไม่หมดอายุการคุ้มครองสิทธิบัตร ซึ่งจะไม่ทำให้ยาสามัญเข้าสู่ตลาดได้ช้าลงซึ่งสอดคล้องกับแนวปฏิบัติของประเทศสมาชิก CPTPP บางประเทศ เช่น นิวซีแลนด์ที่ใช้เพียงการนำรายชื่อผู้ยื่นคำขอขึ้นทะเบียนตำรับยาขึ้นเผยแพร่บน website เท่านั้น ซึ่งไม่เป็นการสร้างภาระให้กับหน่วยงานภาครัฐ- ความตกลง CPTPP ยังให้สมาชิกสามารถกำหนดมูลค่าขั้นต่ำของการเข้ามาแข่งขันในโครงการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐได้ ถ้ามูลค่าโครงการต่ำกว่าที่กำหนดไว้ ก็ไม่ต้องเปิดให้เข้ามาแข่งขัน และยังมีระยะเวลาการปรับตัว- ตัวอย่างเช่น มาเลเซีย ขอระยะเวลาปรับตัวนานถึง 20 ปี เวียดนาม ขอระยะเวลาปรับตัวนานถึง 25 ปี โดยมาเลเซีย และเวียดนาม กำหนดมูลค่าขั้นต่ำการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการในช่วงแรกที่ 65-86 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างที่ 2700 – 2800 ล้านบาท โดยมีเวลาปรับตัว 7-25 ปี ในการทยอยลดมูลค่าขั้นต่ำในการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการเหลือ 5.6 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างเหลือ 367-605 ล้านบาท- ไทยต้องเปิดให้สินค้า Remanufactured goods ซึ่งรวมถึงเครื่องมือแพทย์มือสอง และสินค้าขยะเข้ามาในไทยได้นั้น ไม่เป็นความจริง เนื่องจาก ความตกลง CPTPP ระบุนิยามของสินค้า Remanufactured goods ว่าต้องมีอายุการใช้งานและคุณภาพใช้งานเช่นเดียวกับสินค้าใหม่ และต้องได้รับการรับรองจากโรงงานว่าสามารถใช้ได้เช่นเดียวกันกับสินค้าใหม่ ดังนั้น สินค้า Remanufactured goods จึงไม่ใช่สินค้ามือสอง และเป็นคนละประเด็นกับการนำเข้าขยะมาในประเทศ ทั้งนี้ หากเป็นสินค้าเครื่องมือแพทย์มือสอง ไทยยังคงห้ามนำเข้าได้ตาม พรบ.เครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2551 (หมวด 6 การควบคุมเครื่องมือแพทย์)- แม้ความตกลง CPTPP จะห้ามการระบุเลขที่จดแจ้งบนฉลากเครื่องสำอาง แต่ไทยก็อาจพิจารณาใช้เครื่องมืออื่นทดแทนการระบุเลขที่จดแจ้งบนฉลาก เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงสามารถตรวจสอบความถูกต้องและสืบค้นผลิตภัณฑ์ได้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศกระทรวงพาณิชย์27 เมษายน 2563
แฮชแท็ก #NoCPTPP กลับมาติดเทรนด์อีกครั้งแบบข้ามคืน หลังสภาผู้ส่งสินค้าฯ หนุนไทยเข้าร่วมเจรจา CPTPP เพื่อสร้างแรงกระตุ้นให้กับระบบเศรษฐกิจ3 มิ.ย.
การเมือง,เศรษฐกิจ
#NoCPTPP,ทวิตเตอร์,CPTPP,การค้าเสรี,กระทรวงพาณิชย์
https://prachatai.com/journal/2020/06/87949
มาริโอ้ วอน ญาญ่า เลิกโพสต์ภาพต้นไม้ ตอนนี้หันมาปลูกพลูด่างแล้ว (คลิป)
แค่เปิดตัวภาพฟิตติ้งละคร คือเธอ ทางช่อง 3 ของผู้จัดสาว แอน ทองประสม ที่นำแสดงโดย มาริโอ้ เมาเร่อ และ ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์ ก็ทำเอาหลายคนฮือฮาแล้ว เพราะแต่ละชอตดูสวีตหวานมาก และถือเป็นคู่พระนางที่หลายคนรอคอยเจอ มาริโอ้ มาร่วมงาน The Secret Diamond Garden ณ ดิ อีเวนต์ ฮอลล์ ชั้น 3 เซ็นทรัลชิดลม เลยถามถึงเรื่องนี้ รวมทั้งถามถึงกิจกรรมปลูกต้นไม้ที่บ้านของหนุ่มโอ้ในช่วงโควิด-19 ที่งานนี้เจ้าตัวถึงกับขอร้องให้ญาญ่าเลิกโพสต์รูปกับต้นไม้เพราะทำให้ราคาต้นไม้พุ่งสูงด้วยพูดถึงภาพฟิตติ้งละคร คือเธอ?ช่วงนี้ก็อยู่ในช่วงทำการบ้าน และเดี๋ยวก็คงมีซ้อมบทกันครับ ประกบกับญาญ่าครั้งแรกก็ตื่นเต้นครับ โอ้เองก็เจอญาญ่ามานาน แต่ไม่เคยร่วมงานสักที นี่ก็เป็นครั้งแรกครับ ก็ดีใจที่มีโอกาสได้ร่วมงานกันแค่ภาพฟิตติ้งออกมาก็ฮือฮา?ก็ดีใจครับ เราก็ตื่นเต้นกับผลงานชิ้นนี้ ก็อยากทำให้เต็มที่ครับต้องต่อผมด้วยมั้ย?ใช่ครับ ถามว่ามีปัญหามั้ยไม่ครับ แฮปปี้ครับคาแรกเตอร์เป็นยังไง?คือในเรื่องนี้ผมต้องยาวครับ อาจจะมีช่วงที่ผมยาวบ้าง ต้องมัดผมครับ เรื่องราวจริงๆ เป็นรักโรแมนติก ยังไงก็ฝากติดตามด้วยแล้วกัน ยังบอกอะไรไม่ได้มากครับ ผู้จัดคือพี่แอน ผู้กำกับคือพี่อุ๋ย นนทรีย์ นิมิบุตร ครับร่วมงานกับพี่แอน มีการพูดคุยยังไงบ้าง กดดันอะไรมั้ย?จริงๆ ก็กดดันอยู่แล้วครับ แต่เราก็มีการเจอกับญ่าด้วย ทำความรู้จักกัน เหมือนเวิร์คเกี่ยวกับบทด้วยครับ ตอนนี้ยังตอบอะไรไม่ได้มากครับ ต่างคนต่างรอที่จะได้เจอ มาเวิร์คช็อปกันมีรีเควสท์จากผู้จัดมั้ย เพราะในละครของพี่แอนส่วนมากจะต้องถอดเสื้อ อย่างเราต้องโชว์มั้ย?โชว์ครับ (ยิ้ม) ถามว่ารู้อยู่แล้วใช่มั้ย ผมขอเพิ่มครับ (ยิ้ม) ล้อเล่นครับ ก็ต้องดูว่าในบทมีรึเปล่าครับ ถามว่าฟิตเพิ่มยังไง ผมก็พยายามนอนเยอะๆ ดื่มน้ำเยอะๆ ร่างกายพักผ่อนเต็มที่ แล้วก็ต้องออกกำลังกายด้วย กินอาหารครบ 5 หมู่ ถามว่าพี่แอนสั่งอะไรเป็นพิเศษมั้ย พี่แอนก็บอกว่าทำให้ดีครับ ทำให้เต็มที่ ถามว่าต้องเพิ่มมั้ย ก็มีบ้างครับผม ต้องไปทำการบ้าน ของผมก็ต้องเพิ่มเพราะว่าผอมครับ ก็กินอาหารที่มีประโยชน์ครับหลายคนก็ตั้งตารอให้เล่นคู่กับญาญ่า?ผมก็ตื่นเต้นครับ ยอมรับว่าตื่นเต้นครับ ก็ดีใจได้ร่วมงานกับน้องจะเปิดกล้องเมื่อไหร่?เดือนนี้ครับ ฝากติดตามละครเรื่องคือเธอด้วยครับ ตอนนี้เพิ่งฟิตติ้งไปแล้วคงอีกนาน ยังไงแฟนๆ ก็อย่าลืมติดตามด้วยครับ ช่วงนี้ถ้าใครคิดถึงโอ้ก็ไปที่โรงหนังได้ครับ มีเรื่องพี่มากพระโขนง กับสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก กลับฉายอีกรอบครับ แต่ถ้าคิดถึงจริงๆ ก็ต้องเปิดดูยูทูบโอ้ลั้นลา และก็มีรายการเดอะบราเธอร์ครับถามถึงรายการ The Brothers?เป็นรายการที่สนุกมากๆ ช่วงนี้กำลังเข้มข้น น้องๆ กำลังพัฒนาสกิลเก่งมาก ผมเห็นน้องๆ แล้วรู้สึกว่ามีความสามารถ รอปั้นได้เลย ก็อยากให้ทุกคนอย่าลืมติดตามรายการด้วยครับเขาบอกว่าค่าตัวของแต่ละคน ทั้งโอ้ ติ๊ก อนันดา นิชคุณ สูงมาก?เหรอฮะ ไม่นะ ก็พอประมาณครับ ก็โอเคแหละครับเห็นว่าต้องถ่ายไปออนแอร์ไป?ใช่ครับ เพราะว่ามีช่วงที่ติดโควิด เริ่มทยอยออกมาฉายแล้วนะครับ ก็ยังถ่ายทำกันอยู่ครับ ส่วนพี่คุณมาไม่ได้ครับเพราะว่าเรื่องการกักตัว ทุกคนก็รอ อยากให้มาเร็วๆ ครับ แต่ก็สอนผ่านวิดีโอคอลเพราะเขาอยู่ที่เกาหลีเพราะเรื่องโควิดช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง?ก็สบายดีครับ ช่วงโควิด-19 ก็พักผ่อนครับ ตอนนี้ผมรอถ่ายละครอย่างเดียวมีทำกิจกรรมอะไรเป็นพิเศษมั้ย?ช่วงโควิดผมตำส้มตำแต่กินไม่ได้ ก็เลยหยุดไว้ก่อน ตอนนี้ผมเปลี่ยนมาปลูกต้นไม้ครับ เหมือนมือผมจะดี เข้ากับต้นไม้แบบนี้ต้องปรึกษาญาญ่ามั้ย?ไม่เอาครับ เพราะคุยกับคนนั้นของแพงหมดเลย ผมกระทบครับเพราะว่าเพิ่งมาชอบตอนหลังญาญ่าโพสต์ ซื้อไม่ได้ตอนนี้ แพงหมดเลย (ยิ้ม) ผมบอกญ่าว่าไม่ต้องโพสต์นะ พี่ซื้อไม่ไหวแล้ว เขาก็บอกว่าไม่เกี่ยวพี่โอ้ ผมบอกเกี่ยว เดือดร้อนกระทบหมดเลยแล้วต้นที่เราจะปลูกคือต้นอะไร?ตอนแรกอยากจะได้ต้นที่ญาญ่าเขาโพสต์ แต่ตอนหลังผมก็เลยเปลี่ยน ตอนนี้เล่นพลูด่างครับ คือตอนนี้เขาฮิตใบด่างๆ ใช่มั้ยครับ พลูด่างก็ถูก พอถามเขาบอกแค่ 15 บาทก็เอาเลยครับ (ยิ้ม)แต่อาจจะไม่สมกับที่เป็นมาริโอ้หรือเปล่า?ก็ได้ครับเพราะเป็นต้นไม้เหมือนกัน ตอนนี้ผมก็พยายามบิวต์ให้พลูด่างราคาขึ้นอยู่ แต่ก็ยังไม่ขึ้นเลย เรื่องถ่ายรูปคู่กับพลูด่างแล้วมีต้นไม้ชนิดอื่นที่อยากปลูกไหม?มีครับ มีหลายต้นอยู่ ปลูกจริงๆ ครับ ไปดูในโอ้ลั้นลาได้ครับเป็นตัวแทนหมู่บ้านเจรจากับญาญ่าแล้ว?ใช่ครับ ก็วอนขอร้องและส่งข้อความนี้ไปให้ญ่าว่าอย่าโพสต์เลยครับ แพงครับ (ยิ้ม).
มาริโอ้ เมาเร่อ ตื่นเต้นประกบญาญ่า อุรัสยา ในละครใหม่ คือเธอ ทางช่อง 3 เผยช่วงโควิด-19 ที่่ผ่านมาชอบปลูกต้นไม้ที่บ้าน วอนญาญ่าเลิกโพสต์รูปคู่ต้นไม้เพราะแพง ตอนนี้หันมาปลูกพลูด่างแล้ว
บันเทิง,ข่าวบันเทิง
มาริโอ้ เมาเร่อ,มาริโอ้ เมาเร่อ ละคร,คือเธอ,ญาญ่า อุรัสยา,ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์,ข่าวบันเทิง,ดารา
https://www.thairath.co.th/entertain/news/1880665
กฟผ.แจงเหตุสร้าง โรงไฟฟ้าจะนะ 2 ยันทดแทนขนอมที่ปลดระวาง
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฝผ.) นำคณะสื่อมวลชนจังหวัดสงขลากว่า 100 คน เยี่ยมชมโรงไฟฟ้าจะนะ อ.จะนะ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2552 พร้อมกับชี้จุดที่จะก่อสร้างโรงไฟฟ้าจะนะโรงที่ 2 ซึ่งเป็นพื้นที่ต่อเนื่องจากโรงไฟฟ้าโรงแรกก่อนการเยี่ยมชม นายเจริญ ศรีสุรักษ์ หัวหน้าแผนกประชาสัมพันธ์และชุมชนสัมพันธ์โรงไฟฟ้าจะนะ พร้อมด้วยนายอดุลย์ เป็งถา หัวหน้าหน่วยเครื่องกล โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจะนะ และนายดำรง ไสยะ หัวหน้ากองเดินเครื่องโรงไฟฟ้าจะนะ ได้นำเจ้าหน้าที่มาอธิบายถึงความจำเป็นของการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจะนะโรงที่ 2 นายประสิทธิ์ เทพสุวรรณ วิศวกรก่อสร้าง ระดับ 9 โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจะนะ บรรยายว่า โรงไฟฟ้าจะนะโรงที่ 2 มีกำลังการผลิต 800 เมกกะวัตต์ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ปลายปี 2554 และเริ่มจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ในเดือนกรกฎาคม 2557 โดยเหตุที่ต้องสร้างโรงไฟฟ้าจะนะโรงที่ 2 เนื่องจากตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย PDP2007 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 2 ระบุว่า ในปี 2554 จะมีการปลดระวางโรงไฟฟ้าพลังความร้อนขนอม จ.นครศรีธรรมราช เครื่องที่ 1 กำลังการผลิต 69.9 เมกกะวัตต์ ซึ่งเป็นของเอกชน และในปี 2559 จะปลดระวางโรงไฟฟ้าพลังความร้อนและพลังความร้อนร่วมขนอมทั้งหมด กำลังการผลิต รวม 718.2 เมกกะวัตต์ ทำให้ภาคใต้ขาดไฟฟ้าจากการปลดระวางดังกล่าวรวม 748 เมกกะวัตต์ จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ต้องสร้างโรงไฟฟ้าจะนะโรงที่ 2 นายประสิทธิ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในปี 2556 โรงไฟฟ้าจะนะโรงแรก จำเป็นต้องหยุดเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเพื่อการบำรุงรักษา เป็นเวลาเกือบ 2 เดือน แต่มีแผนสำรองคือส่งไฟฟ้ามาจากภาคกลาง และต้องเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าโรงไฟฟ้ากระบี่ รวมทั้งการซื้อไฟจากมาเลเซีย เพื่อให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 2552 เมกกะวัตต์นายประสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันภาคใต้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งทั้งหมด 2485.58 เมกกะวัตต์ หมายถึงรวมทั้งโรงไฟฟ้าที่ผลิตไฟฟ้าและไว้เดินเครื่องสำรองยามฉุกเฉิน ไม่ได้เดินเครื่องทุกวัน คือ โรงไฟฟ้ากระบี่ซึ่งใช้นำมันเตาเป็นเชื้อเพลิง โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยมีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้า 53.85 % ของเอกชนขนาดใหญ่ 32.91% เอกชนขนาดเล็ก 12.07 % และซื้อจากมาเลเซีย 1.17%นายประสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับการใช้ไฟฟ้าในภาคใต้ ในปี 2552 ที่ช่วงเวลาที่ใช้ไฟฟ้าสูงสุด เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2552 จำนวน 1989.30 เมกกะวัตต์ โดยในการคำนวณความต้องการใช้ไฟฟ้าในภาคใต้ เพิ่มขึ้นปีละ 5% โดยหากกำลังผลิตไฟฟ้ายังอยู่ที่ 2485.58 เมกกะวัตต์ จะทำให้ไม่พอกับความต้องการใช้ไฟฟ้าในปี 2556 ที่คำนวณไว้ว่าจะมีความต้องการใช้ไฟฟ้า 2567 เมกกะวัตต์ จึงจำเป็นต้องสร้างโรงไฟฟ้าใหม่เพิ่มขึ้น โดยในแผน PDP2007 ระบุว่า ต้องสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ในภาคใต้ในปี 2559 ขนาด 800 เมกกะวัตต์ และปี 2564 อีกโรงขนาด 800 เมกกะวัตต์ 2 โรง รวมเป็น 1600 เมกกะวัตต์นายประสิทธิ์ กล่าวอีกว่า โดยโรงไฟฟ้าที่พึ่งพาได้มากที่สุด คือโรงไฟฟ้าจะนะซึ่งใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง ส่วนเขื่อนผลิตไฟฟ้า พึ่งพาได้ไม่มาก เพราะเดินเครื่องได้ไม่เต็มร้อยตามสถานการณ์น้ำ ขณะที่พลังลมและแสงอาทิตย์พึ่งพาได้น้อย เพราะช่วยเวลาต้องการไฟฟ้าสูงไม่สอดคล้องกับช่วงเวลาที่มีแดดหรือมีลมแรง เช่น มีลมน้อยในช่วงเวลาค่ำที่มีการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในแต่ละวันนายประสิทธิ์ กล่าวว่า หลักการสร้างโรงไฟฟ้าคือไฟฟ้าใช้ที่ไหนก็ให้สร้างที่นั่น เนื่องจากการส่งไฟฟ้าไปตามสายส่งยิ่งไกลก็จะยิ่งสูญเสียไฟฟ้าในระบบมากขึ้น เฉลี่ย 2% นายเทวรุจน์ อินทสมภักษร หัวหน้าหมวดบริหารสัญญา โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจะนะ กล่าวว่า โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจะนะ โรงที่ 2 ขณะนี้อยู่ระหว่างการทำรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ดำเนินการโดยบริษัท ทีม คอนซัลแตนท์ จำกัด โดยต้องจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ 5 ตำบลรอบโรงไฟฟ้าจะนะด้วย ซึ่งผลการรับฟังความคิดเห็นส่วนใหญ่เห็นด้วย ยกเว้นที่บ้านคลองเปียะ ต.คลองเปียะ อ.จะนะ ที่ส่วนใหญ่ยังไม่เห็นด้วยนายเทวรุจน์ กล่าวต่อว่า กรณีที่ชาวบ้านคลองเปียะมีความคิดเห็นเช่นนั้น ตนคิดว่าเนื่องจากบ้านคลองเปียะ ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของโรงไฟฟ้า ทำให้มองเห็นไอน้ำที่ออกจากปล่องในช่วงเช้าตัดกับท้องฟ้า จึงทำให้คิดว่าเป็นควันพิษ ทั้งที่ไม่ใช่ ด้วยเหตุนี้ทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยจะลงไปจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นเองในพื้นที่ 2 – 3 หมู่บ้านใน ต.คลองเปียะอีกครั้งนายเทวรุจน์ กล่าวอีกว่า การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมดังกล่าว ครอบคลุมถึงเรื่องสุขภาพและชุมชนด้วย โดยจะใช้เวลา 6 เดือน จากนั้นจะส่งให้สำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เพื่อให้พิจารณาอีก 6 เดือน จึงคาดว่าจะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจะนะโรงที่ 2 ได้ปลายปี 2553นายเทวรุจน์ กล่าวด้วยว่า โรงไฟฟ้าจะนะโรงที่ 2 จะก่อสร้างพร้อมกับหอหล่อเย็นหลังใหม่ ขณะที่บ่อพักน้ำที่ผ่านการหล่อเย็นแล้ว จะพักน้ำเร็วขึ้น จาก 4 วันก่อนปล่อยลงคลองนาทับ เหลือ 2 วัน เนื่องจากใช้บ่อพักน้ำบ่อเดียวกันกับโรงไฟฟ้าจะนะโรงแรก แต่การพักน้ำเพียงวันเดียวก็เพียงพอแล้ว จึงไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำและสัตว์น้ำในคลองนาทับแต่อย่างใด
โรงไฟฟ้าจะนะ2 – สถานที่ที่จะก่อสร้างโรงไฟฟ้าจะนะโรงที่ 2 ขนาดกำลังการผลิต 800 เมกกะวัตต์ ต่อเนื่องจากที่ตั้งโรงไฟฟ้าจะนะโรงแรกในพื้นที่ตำบลคลองเปียะ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา
คุณภาพชีวิต,สิ่งแวดล้อม,สังคม
PDP2007,ภาคใต้,โรงไฟฟ้าจะนะ
https://prachatai.com/journal/2009/11/26820
ไม่สวยไม่ใส โห่ไล่หยาบคาย เปิดใจ กลม อรวี คัฟเวอร์ผู้สาวขาเลาะ ชีวิตถูกเหยียดน่าสงสาร (คลิป)
สำหรับบทเพลง ,ผู้สาวขาเลาะ, โดยลำไย ไหทองคำ ได้กลายเป็นเพลงฮิตติดลมบนไปทั่วบ้านทั่วเมือง จนมีผู้นำมาร้องคัฟเวอร์แชร์บนโลกออนไลน์มากมาย กระทั่ง ,กลม อรวี, หรือ ,กลม The Voice 1, และเพื่อนสนิท นำคำร้องที่เป็นภาษาอีสานมาแปลเป็นภาษากลาง เพื่อถ่ายทอดให้ชาวโซเชียลได้ฟังถึงความหมายที่แท้จริง จนเกิดการแชร์กระหึ่ม ยอดวิวทะลุ 2 ล้านภายในข้ามคืน, ,ล่าสุด ,ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์, มีโอกาสได้พูดคุยกับ ,อรวี พินิจสารภิรมย์, หรือ ,กลม The Voice 1, กลมยอมบอกเล่าถึงเรื่องราวชีวิตบนเส้นทางนักร้องอาชีพของเธอที่ไม่เคยมีใครได้รู้ ,เพราะ,ชีวิตของสาวห้าวอย่างเธอไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เธอถูกเหยียดหยาม ขับไล่ โห่ไล่จากแฟนเพลงหลายครั้งหลายครา เป็นเพราะอะไร มีที่มาที่ไปอย่างไร ต้องติดตาม,กลม อรวี กล่าวอย่างเปิดอกกับผู้สื่อข่าวว่า ด้วยความที่ตนเป็นสาวห้าว ไม่ได้แต่งเนื้อแต่งตัวแบบสาวสวยทั่วๆ ไป ตนไม่ได้ไว้ผมยาว ไม่ได้ใส่กระโปรงสั้น ไม่ได้ตัวเล็กน่ารักเต้นดุ๊กดิ๊ก ลูกค้าผู้ชายบางคนของร้านต่างๆ ที่ตนไปร้องเพลงจะค่อนข้างมีอคติกับตน ซึ่งพวกเขาจะแสดงออกทางสีหน้าหรือท่าทางอยู่หลายต่อหลายครั้ง,บางครั้ง เราต้องไปสมัครเป็นนักร้องตามร้านต่างๆ พอเจ้าของร้านเขาเห็นเรา เขาก็ไม่เอา,นกรณีร้องเพลงตามงาน บางงาน เจ้าของงานเขาจะรีเควสต์มาเลยว่า อยากได้ธีมผู้หญิง ผมยาว ใส่เดรส แต่พอเราไม่ใช่ทางของเขา เขาก็จะไม่ค่อยอยากจะจ้าง ทั้งๆ ที่เขายังไม่ได้เห็นความสามารถที่แท้จริงของเราเลยด้วยซ้ำ, กลม อรวี ตัดพ้อ, ,ในความไม่สวยงามของโลกนี้ กลม อรวี ยังเลือกมองบวก,กลม The Voice 1 บอกเล่าจากเบื้องลึกของความรู้สึกต่อไปอีกว่า หลายครั้งที่ตนเจอสถานการณ์เช่นนี้ ตนก็มานั่งคิดทบทวนดูว่า ตนทำผิดอะไรหรือ? ตนไปทำอะไรให้พวกเขาหรือ? พวกเขาถึงต้องแสดงท่าทีกับตนเช่นนี้?,แต่ก็ไม่เป็นไร นั่นเป็นอคติของเขาที่เราต้องลบล้างให้ได้ เพราะฉะนั้น เราต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ร้องเพลงให้มีความสุขและดีที่สุด, กลม อรวี ทิ้งท้าย.
กลมยอมบอกเล่าถึงเรื่องราวชีวิตบนเส้นทางนักร้องอาชีพของเธอที่ไม่เคยมีใครได้รู้ เพราะชีวิตของสาวห้าวอย่างเธอไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เธอถูกเหยียดหยาม ขับไล่ โห่ไล่จากแฟนเพลงหลายครั้งหลายครา เป็นเพราะอะไร มีที่มาที่ไปอย่างไร?
ข่าว
กลม อรวี,กลม The Voice 1,โคฟเวอร์ผู้สาวขาเลาะ,ผู้สาวขาเลาะ,ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์
https://www.thairath.co.th/news/965833
อธิบดีกรมอุทยานฯ ลงพื้นที่ไปภูกระดึง ตามสถานการณ์ ให้กำลังใจทีมดับไฟป่า
เมื่อวันที่ 19 ก.พ.63 นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เดินทางลงพื้นที่ จ.เลย เพื่อติดตามสถานการณ์ไฟป่าที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จ.เลย โดยมี นายอดิศร เหมทานนท์ หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าภูกระดึง และนายสมบัติ พิมพ์ประสิทธิ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ให้การต้อนรับและรายงานสถานการณ์นายธัญญา เนติธรรมกุล ได้ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง พร้อมตรวจสอบพื้นที่ที่เกิดไฟป่า โดยมีพื้นที่เสียหายจากไฟป่าในครั้งนี้ประมาณ 3400 ไร่ จากนั้นนายธัญญา ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่จัดการเชื้อเพลิง และดับเปลวไฟขนาดเล็กที่ลุกไหม้บริเวณขอนไม้ เพื่อป้องกันไม่ให้กระแสลมพัด และเกิดเปลวไฟขึ้นอีก พร้อมทั้งได้ให้คำแนะนำและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่แก่เจ้าหน้าที่ทุกคน ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขัน ซึ่งทราบว่าเหน็ดเหนื่อยและต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมง และขอให้คำนึงถึงสวัสดิภาพและความปลอดภัยในการปฏิบัติงานด้วย.
อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ลงพื้นที่ จ.เลย เพื่อติดตามสถานการณ์ไฟป่า ที่เผาไหม้พื้นที่ อช.ภูกระดึง ไปกว่า 3400 ไร่ โดยไปให้กำลังใจทีม จนท.ดับไฟป่า เน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยขณะปฏิบัติงาน
ข่าว,ทั่วไทย
ไฟไหม้ภูกระดึง,ไฟป่าภูกระดึง,อุทยานแห่งชาติภูกระดึง,อธิบดีกรมอุทยานฯ,ธัญญา เนติธรรมกุล,เลย,ดับไฟป่า,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/1775350
สุวิทย์ เผยดึง ป.ย.ป.-ปฏิรูป นั่งทีมยุทธศาสตร์ฯ ยันคัดคนคุณภาพ
วันที่ 22 ส.ค.60 นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) กล่าวถึงความคืบหน้าการแต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ตามพ.ร.บ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติว่า ปลายเดือนส.ค.นี้ต้องได้รายชื่อแล้ว,โดยกรรมการ 17 คนที่ต้องแต่งตั้งเพิ่มเติม จากที่เป็นกรรมการยุทธศาสตร์โดยตำแหน่ง ส่วนหนึ่งจะหยิบรายชื่อมาจากคณะกรรมการปฏิรูปประเทศบางส่วน เพราะการปฏิรูปต้องเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติ และส่งรายชื่อให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา โดยมี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ยังคงเป็นผู้รวบรวมรายชื่อเหมือนเดิม ซึ่งจะมีความหลากหลาย,นายสุวิทย์ กล่าวต่อว่า สำหรับตนในฐานะเลขานุการ ป.ย.ป.ช่วยรวบรวมในระดับหนึ่ง โดยมาจากคณะกรรมการ ป.ย.ป.หลายคน รวมถึงคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน ป.ย.ป.และสัปดาห์นี้จะมีการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี ที่มี พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อรวบรวมเรื่องของยุทธศาสตร์ชาติทั้งหมดมาคุยกันเพื่อส่งมอบงานในส่วนที่รัฐบาลได้ดำเนินการ,เมื่อถามว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์คณะกรรมการปฏิรูประเทศทั้ง 11 ด้าน ไม่มีความหลากหลาย เป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่และไม่มีตัวแทนพรรคการเมือง นายสุวิทย์ กล่าวว่า ยังสามารถแต่งตั้งเพิ่มเติมได้อีก เป็นการแต่งตั้งตามเดดไลน์ไปก่อน ยังมีคนมีคุณภาพอีกเยอะ และอย่าลืมว่า นายกรัฐมนตรีต้องการให้การปฏิรูปขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว นำไปสู่การปฏิบัติให้ได้ รวมถึงการปฏิรูปอาจจะมีการขยายไปด้านอื่นๆได้อีก อย่างเรื่องของการปฏิรูปอาจจะมีเศรษฐกิจมหภาค เศรษฐกิจไมโคร แต่ตอนนี้ถือเป็นการเติมเชื้อก่อน เราไม่เริ่มจากศูนย์ โดยจะมาจากอดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูประเทศ (สปท.)และอดีตสมาชิกปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) อยู่แล้วไม่ใช่เริ่มโดยมาจาก ก. หรือ ข.ใหม่หมด และสามารถเติมเต็มได้อยู่อีกเรื่อยๆ อย่าลืมว่ายังสามารถขยายเรื่องการปฏิรูปได้อีกเรื่อยๆ อยู่ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) 
สุวิทย์ เผยดึงคน ป.ย.ป.-ปฏิรูป นั่งทีมยุทธศาสตร์ชาติ ส่งรายชื่อให้นายกฯ เคาะก่อนคลอดสิ้นเดือนส.ค.60 ยัน กก.ปฏิรูปมีคนมีคุณภาพเยอะ
ข่าว,การเมือง
กรรมการยุทธศาสตร์ชาติ,ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี,คณะกรรมการฏิรูป,ปฏิรูปประเทศ,สุวิทย์ เมษินทรีย์,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/politic/1045970
แห้วหมด เสือเหลือง ยันไม่ปล่อย เอ็มคิตาร์ยาน ซัมเมอร์นี้
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันที่ 15 มิ.ย. ว่า ฮันส์-โยอาคิม วัตซ์เก ซีอีโอของ เสือเหลือง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ยืนยันว่า เฮนริกห์ เอ็มคิตาร์ยาน มิดฟิลด์ตัวเก่งของทีมจะไม่ได้รับอนุญาติย้ายทีมในช่วงตลาดซื้อขายฤดูร้อนนี้,ก่อนหน้านี้ ดาวเตะวัย 27 แจ้งต่อสโมสรว่าตัวเขามีความประสงค์ที่จะย้ายทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ ท่ามกลางความสนใจของบรรดายักษ์ใหญ่พรีเมียร์ลีกไม่ว่าจะเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด,อาร์เซนอล และ เชลซี ที่ต้องการลายเซ็นกองกลางดีกรีทีมชาติอาร์เมเนียไปร่วมทีม,โดย เอ็มคิตาร์ยาน จะหมดสัญญากับเสือเหลืองในซัมเมอร์นี้แต่ทว่าทาง ฮันส์-โยอาคิม วัตส์เก ซีอีโอของเสือเหลืองก็ยืนยันว่าแข้งรายนี้จะอยู่กับทีมต่อไปในฤดูกาลหน้า,เรากำลังเจรจาสัญญาฉบับใหม่กับเฮนริกห์ เอ็มคิตาร์ยานมาสี่เดือนแล้ว ตอนนี้เรารู้ว่าเขาจะไม่ต่อสัญญาออกไป แต่ก็ไม่มีสัญญาอะไรที่เขาสามารถแยกทางกับเราก่อนเวลาอันควร,เราได้หารืออย่างตึงเครียดเกี่ยวกับคำถามเรื่องการย้ายทีมก่อนกำหนดกับทุกภาคส่วนของสโมสร และได้ข้อสรุปว่าเอ็มคิตาร์ยานจะอยู่กับดอร์ทมุนด์ในฤดูกาลหน้า,ทั้งนี้ เสือเหลือง เพิ่งปล่อยตัวสองแข้งตัวหลักอย่าง มัตส์ ฮุมเมิลส์ ให้กับ บาเยิร์น มิวนิก และ อิลคาย กุนโดกาน ไปให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในช่วงตลาดซัมเมอร์นี้
ยักษ์ผู้ดีแห้วกันถ้วนหน้าหลัง ซีอีโอ เสือเหลือง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ยืนยันว่าจะไม่ปล่อยตัว เฮนริกห์ เอ็มคิตาร์ยาน เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่งออกจากทีมในช่วงซัมเมอร์นี้
null
บุนเดสลีกา,เสือเหลือง,โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์,เฮนริกห์ เอ็มคิตาร์ยาน,ข่าวกีฬา,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์
https://www.thairath.co.th/content/639719
ซื้อ โคมยี่เป็ง ตามมาตรฐาน มผช.
รวมทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล ตั้งแต่เดือน ต.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้คำแนะนำในการผลิตโคมยี่เป็งให้ได้คุณภาพตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) ที่ สมอ.กำหนด เพราะมีข้อกำหนดที่ผู้ผลิตสามารถใช้เป็นแนวทางในการผลิตให้เกิดความปลอดภัยได้เมื่อประชาชนนำไปลอยขึ้นท้องฟ้า และหลังจากเทศกาลลอยกระทง ก็จะขอให้ออกไปให้คำแนะนำอย่างต่อเนื่อง เพราะบางพื้นที่มีการลอยโคมยี่เป็งในหลายๆเทศกาล,ทั้งนี้ เนื่องจากโคมยี่เป็งหรือโคมลอยที่ผลิตกันโดยทั่วไปใช้ลวดโลหะขนาดใหญ่ที่เป็นสื่อนำไฟฟ้า มีการใช้เชื้อเพลิงในปริมาณมากเกินความจำเป็น เพื่อให้โคมลอยขึ้นสูงเป็นเวลานาน เมื่อโคมลอยตกลงมาหากไปติดค้างสายไฟฟ้าแรงสูง ทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร รวมทั้งเมื่อโคมตกลงสู่บ้านเรือนที่อยู่อาศัย ก่อให้เกิดไฟไหม้ขึ้น ทำให้ทุกๆปีมักเกิดเพลิงไหม้ในเทศกาลลอยกระทง ขณะเดียวกัน การลอยขึ้นสูงเกินไปจะเป็นอันตรายต่อเครื่องบิน,นางอรรชกากล่าวว่า มาตรฐานโคมลอย หรือโคมยี่เป็งที่ สมอ.กำหนด คือ ต้องใช้วัสดุที่ผลิตและเชื้อเพลิงที่ใช้มาจากธรรมชาติ มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 90 เซนติเมตร (ซม.) ความสูงไม่เกิน 140 ซม. ใช้กระดาษว่าวชนิดบาง หากต้องใช้ลวดโลหะ สำหรับผูกติดเชื้อเพลิงให้ใช้ลวดอ่อน ที่มีความยาวไม่เกิน 30 ซม.ต่อเส้น เชื้อเพลิงต้องไหม้สลายหมดสิ้น ขณะลอยอยู่ในอากาศภายในไม่เกิน 8 นาที และต้องพิมพ์คำเตือนในฉลากด้วยข้อความว่า ห้ามพ่วงหรือผูกติดพลุ ดอกไม้ไฟ หรือสิ่งอื่นใดไปกับโคมขณะปล่อย จึงจะทำให้ปลอดภัยจากเหตุเพลิงไหม้.
นางอรรชกา สีบุญเรือง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ลงพื้นที่พบปะกับผู้ผลิตโคมยี่เป็งในทุกจังหวัด ที่มีประเพณีลอยโคมยี่เป็งในเทศกาลลอยกระทง
null
โคมลอย,โคมยี่เป็ง,วันลอยกระทง,มาตรฐานการผลิตโคมยี่เป็ง,การผลิตโคมยี่เป็ง,อรรชกา สีบุญเรือง
https://www.thairath.co.th/content/461113
คลัสเตอร์สมุนไพรแห่งชาติ
ด้วยการปลูกทำกันแบบตามมีตามเกิด ส่วนใหญ่ไม่ได้คุณภาพตามมาตรฐานที่ตลาดต้องการ วัตถุดิบสมุนไพรเลยขายไม่ค่อยได้ราคา,แม้จะมีการรวมตัวกันเป็นคลัสเตอร์ให้เห็นในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงกันตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ เพื่อการทำงานอย่างสอดประสานขึ้น แต่ก็เป็นเพียงการประสานระหว่างกลุ่มเล็กๆ ทำให้ยังแก้ปัญหาหลายอย่างไม่ตกโดยเฉพาะแหล่งผลิต เพราะสมุนไพรบางตัวจะปลูกให้ได้สาระสำคัญสูง ปลูกได้เฉพาะบางพื้นที่เท่านั้น,ปี 2560 จึงเกิดการรวมตัวกันระหว่างคลัสเตอร์สมุนไพร จ.ขอนแก่น นครราชสีมา นครพนม สระบุรี พิษณุโลก ลำปาง น่าน จันทบุรี และนครศรีธรรมราช เป็นคลัสเตอร์สมุนไพรแห่งชาติ,หลังจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ได้มอบหมายให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีเป็นตัวประสานเพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายสอดประสาน สร้างความเข้มแข็งให้กลุ่มสมุนไพรไทยทั้งองคาพยพ,ตั้งเป้าเพิ่มศักยภาพ ส่งเสริมให้เกิดความเข้มแข็ง พัฒนาการผลิต การบริหารจัดการทุกขั้นตอน นำนวัตกรรม เทคโนโลยีมาช่วยลดต้นทุน เพิ่มศักยภาพการผลิต พัฒนาสู่มาตรฐานเดียวกัน รวมไปถึงการเพิ่มมูลค่าโดยการออกแบบผลิตภัณฑ์ ยกระดับสู่การส่งออก,ปรียาวรรณ มีนุ่น เครือข่ายสมุนไพร คลัสเตอร์นักกษัตรนครไพร นครศรีธรรมราช ขยายความเพิ่มเติม การรวมเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ระดับชาติ ทำให้ได้เรียนรู้เพิ่มเติมถึงนวัตกรรม งานวิจัย องค์ความรู้จากทุกภาคส่วน อันจะนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรของแต่ละกลุ่มเพื่อเพิ่มมูลค่า ขยายช่องทางตลาด ถือเป็นการช่วยเหลือทั้งเกษตรกรต้นน้ำ ผู้ผลิตกลางน้ำ และผู้ขายปลายน้ำ,นอกจากเป็นอีกช่องทางในการแลกเปลี่ยนความรู้ ยังทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนวัตถุดิบ รวมถึงสินค้าระหว่างกัน ก่อให้เกิดการเกื้อหนุน,ซึ่งกันและกัน สร้างความสัมพันธ์อันดี ความสามัคคีก่อเกิดในหมู่คณะ.,สะ-เล-เต
กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพรบ้านเรามีด้วยกันหลายกลุ่มต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างผลิต ขาดการบูรณาการร่วมกัน สินค้าที่ผลิตออกมาเลยมักซ้ำๆกัน ได้คุณภาพบ้าง ไม่ได้บ้าง
null
คลัสเตอร์,สมุนไพร,คลัสเตอร์สมุนไพร,สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม,ปรียาวรรณ มีนุ่น,หน้ามองฟ้า เท้าหยั่งดิน,สะ-เล-เต,เกษตร
https://www.thairath.co.th/news/local/1530778
ทัพภาคประชาชนปาตานีเยือนอาเจะห์ เรียนรู้ประสบการณ์แก้ปัญหาความขัดแย้ง
เรียนรู้ประสบการณ์ในพื้นที่ความขัดแย้ง อาเจ๊ะห์ –มินดาเนา-ปาตานี ภายใต้โครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างประชาชนกับประชาชน พร้อมกลับมาสร้างพลังขับเคลื่อนสันติภาพชายแดนใต้เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2556 กลุ่มนักประชาสังคมและประชาชนปาตานีกว่า 23 คน ได้เดินทางถึงเมืองบันดา อาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อเรียนรู้การขับเคลื่อนสันติภาพของภาคประชาสังคมและภาคประชาชนอาเจ๊ะ หลังจากผ่านประสบการณ์ในการแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นยาวนานกว่า 30 ปี ระหว่างอาเจะห์กับรัฐบาลอินโดนีเซีย การเดินทางครั้งนี้นำโดยมูลนิธิศักยภาพชุมชน หรือ People Empowerment Foundationคณะทั้งหมดเป็นนักประชาสังคมและประชาชนจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย ผู้นำชุมชน ภาคประชาสังคมพุทธ ภาคประชาสังคมมลายู ตัวแทนนักศึกษา และคณะทำงานของมูลนิธิศักยภาพชุมชนนางชลิดา ทาเจริญศักดิ์ ผู้จัดโครงการ เปิดเผยว่า กิจกรรมภายใต้โครงการนี้มีหลายกิจกรรม ส่วนสำคัญคือการนำตัวแทนประชาชนจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้งภาคประชาชนและภาครัฐที่ทำงานในพื้นที่เดินทางไปเรียนรู้ประสบการณ์จริงในพื้นที่ขัดแย้งจากนักเคลื่อนไหวและผู้มีส่วนขับเคลื่อนสันติภาพตัวจริง ทั้งที่ทำงานในชุมชนในพื้นที่และผู้มีส่วนในการเจรจาเพื่อสันติภาพประสบการณ์ตรงเหล่านี้ จะมีส่วนอย่างมากที่จะทำให้ผู้เข้าร่วม มีความคิดริเริ่มหรือต่อยอดงานตัวเองเพื่อเชื่อมต่อกับกระบวนการสันติภาพในพื้นที่อย่างไร ซึ่งความคาดหวังต่อผู้เข้าร่วมเดินทางในครั้งนี้คือ เพื่อกลับมาขับเคลื่อนเพื่อสร้างสันติภาพหรือที่เรียกว่า Peace maker ภาคประชาชนประชาชนควรมีบทบาทสำคัญในการสร้างสันติภาพ เนื่องจากเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากความขัดแย้ง แต่ต้องมีการสร้างองค์ความรู้ให้ภาคประชาชนได้เข้าใจว่ากระบวนการสันติภาพเป็นอย่างไร ซึ่งการพาไปพบประสบการณ์ของพื้นที่ความขัดแย้งอื่นอย่างอาเจ๊ะห์และมินดาเนา จะทำให้พวกเขาสามารถมองเห็นว่า สันติภาพในพื้นที่ของเขาน่าจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร นางชลิดา กล่าวนายธนวัฒน์ โชติมณี กำนันตำบลธารโต อำเภอเบตง จังหวัดยะลา หนึ่งในผู้เข้าร่วมครั้งนี้ กล่าวว่า เป็นการเดินทางที่สนใจ ซึ่งตนเป็นนำชุมชนมาเกือบสิบปี ต้องมีหน้าที่หลักในการจัดการความขัดแย้งระหว่างลูกบ้านตลอด ซึ่งต้องสร้างความเข้าใจระหว่างกันเป็นสำคัญ และคิดว่าในการเดินทางสู่อาเจ๊ะห์ในครั้งนี้ จะมีประสบการณ์การจัดการความขัดแย้งใหม่ๆเพื่อใช้ในพื้นที่ได้ปกติผมต้องเป็นผู้ไกล่เกลี่ยความขัดแย้งให้พื้นที่อยู่แล้ว ผมสนใจว่าอาเจ๊ะห์ ที่ขัดแย้งมานานจะมีวิธีการจัดการปัญหาอย่างไรผมเชื่อว่าความขัดแย้งในบ้านเรามีเรื่องผลประโยชน์เป็นหลัก ถ้าปัญหาอื่นๆไม่ถูกจัดการให้เรียบร้อยก่อน อาจจะเกิดปัญหาอื่นๆตามมา ซึ่งอาจจะถูกลากไปเป็นปัญหาความมั่นคงไปเสียหมด กำนันธารโต กล่าวสำหรับกิจกรรมวันแรกตามกำหนดการของการเดินทางครั้งนี้คือ การพบนักศึกษาที่เคลื่อนไหวเรื่องสันติภาพอาเจ๊ะห์ ที่ขับเคลื่อนทั้งทางด้านการเมืองและการช่วยเหลือทางมนุษยธรรม จากนั้นจะลงพื้นที่ที่ประสบภัยพิบัติคลื่นสึนามิเมื่อปี 2547 ซึ่งคลื่นยักษ์ดังกล่าวมีส่วนเร่งให้กระบวนการสันติภาพเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วขึ้นในเวลาต่อมา
เรียนรู้ประสบการณ์ในพื้นที่ความขัดแย้ง อาเจ๊ะห์ –มินดาเนา-ปาตานี ภายใต้โครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างประชาชนกับประชาชน พร้อมกลับมาสร้างพลังขับเคลื่อนสันติภาพชายแดนใต้ เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2556
การเมือง,การศึกษา
ข่าว,ชายแดนใต้,ศึกษาดูงาน,สันติภาพ,อาเจ๊ะ
https://prachatai.com/journal/2013/01/44986
ผงะศพทารก-ชิ้นส่วน ซุกเมรุ กองพะเนิน16ถุงดํา
ขยายผลจากคดีดังอุดรธานี มีรพ.มาจ้างสัปเหร่อเผาทิ้ง ยโสธรลอบตัดหัวอีก5ศพ,ระดมลุยค้นสุสานกลางเมืองล่าตัวเมียสัปเหร่อแอบขายศพทารกให้อดีตสมภาร ผงะเจอถุงดำบรรจุชิ้นส่วนมนุษย์กับซากทารกรวม 16 ถุงใต้เมรุ ส่วนเมียสัปเหร่อเผ่นหายไป สอบสวนผัวสัปเหร่ออ้างรับจ้างเผาเศษชิ้นส่วนมนุษย์กับศพทารกจากโรงพยาบาลต่างๆ แต่ไม่ทราบเรื่องเมียขายศพทารกต้องเชิญตัวสอบขยายผล ส่วนที่ยโสธร ศพถูกฝังสุสานชาวคริสต์ถูกตัดหัวหายไป 5 ศพ เชื่อเป็นแก๊งคุณไสยรายเดียวกับที่อุดรธานี,กรณีตำรวจภาค 5 ร่วมกับทหารบุกตรวจสอบวัดห้วยดินจี่ หมู่ 5 ต.สันติสุข อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ หลังรับแจ้งจากชาวบ้านว่าพระเฉลิมหรือนายเฉลิม ด้วงทอง อายุ 31 ปี อดีตเจ้าอาวาสของวัดซึ่งถูกจับสึกไปเมื่อปีที่แล้วข้อหาเสพเมถุนได้สร้างวัตถุมงคลโดยนำซากศพเด็กมาผสมมวลสารแล้วขายให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่นิยมวัตถุมงคลดังกล่าว ส่วนซากศพเด็กที่เหลือนำไปฝังไว้ใต้ฐานพระพรหมและศาลฤาษีรวม 4 ศพ และหนึ่งในนั้นคือ ด.ญ.วันเพ็ญ กระทั่งวันที่ 3 เม.ย. นายเฉลิม อดีตเจ้าอาวาสได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมรับสารภาพว่าศพเด็กซื้อมาจากสัปเหร่อคนหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่ชื่อ ป้าบุญ ไม่ทราบชื่อจริงนามสกุลจริง เจ้าหน้าที่จึงขุดใต้ฐานพระพรหมและศาลฤาษีเพื่อพิสูจน์และพบเพียงศพเด็ก 1 ศพอยู่ในโลงแก้ว สภาพแห้งติดกระดูกและนำส่งแผนกนิติเวช รพ.มหาราชนครเชียงใหม่เพื่อชันสูตรนั้น,ต่อมาเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 23 เม.ย. พล.ต.ต.ปชา รัตนพันธ์ รอง ผบช.ภ. 5 พร้อมหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ภาค 5 เจ้าหน้าที่เทศบาลนครเชียงใหม่และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิรวมใจเชียงใหม่เดินทางไปที่สุสานหายยา ต.หายยา อ.เมืองเชียงใหม่ หลังทราบว่า ป้าบุญ อาศัยอยู่ที่สุสานดังกล่าวและตรวจสอบหาซากเด็กภายในสุสาน แต่ไม่พบ ป้าบุญ พบเพียงนายสุทัศน์ เนรมิตร อายุ 58 ปีหรือสัปเหร่อนวย เป็นสัปเหร่อประจำสุสานหายยา สอบถามนายสุทัศน์เปิดเผยว่าป้าบุญหรือนางสมบูรณ์ เนรมิตร อายุ 70 ปี เป็นภรรยาของตนไม่ได้เป็นสัปเหร่อตามที่เป็นข่าวแต่ตอนนี้หลบหนีเจ้าหนี้เงินกู้ไปอยู่ที่อื่น ส่วนเรื่องป้าบุญขายศพเด็กให้พระเฉลิมนั้นตนไม่ทราบเพราะทำหน้าที่เพียงเผาศพเท่านั้น,จากนั้น พล.ต.ต.ปชา สั่งให้ชุดปฏิบัติการพิเศษร่วมกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยแยกย้ายตรวจสอบบริเวณสุสานปรากฏว่าบริเวณใต้เมรุเผาศพพบถุงดำรวม 16 ถุง ผูกปากถุงอย่างแน่นหนาซุกเต็มใต้เมรุ เปิดตรวจสอบแต่ละถุงมีกลิ่นเหม็นโชยตลบ ภายในมีทั้งก้อนเลือด อวัยวะมนุษย์ เช่น ตับ ม้าม ไส้และบางถุงมีซากทารกด้วย คาดว่าเกิดจากการทำแท้ง สอบสวนนายสุทัศน์อ้างว่า เศษชิ้นเนื้อและซากทารกมีคนขนมาจากโรงพยาบาลต่างๆ ในภาคเหนือเพื่อมาจ้างให้เผาทำลายทิ้ง โดยให้ค่าจ้างครั้งละ 1,000 บาท ซึ่งอยู่ระหว่างรอเผา,ขณะเดียวกันนางนิชาภา จินายะ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเทศบาลนครเชียงใหม่ ในฐานะหัวหน้าผู้ดูแลสุสานช้างคลานและสุสานหายยาซึ่งมาที่สุสานด้วยกล่าวว่า เศษอวัยวะที่พบในครั้งนี้นายสุทัศน์แอบลักลอบนำมาเผากันเองเนื่องจากเทศบาลห้ามรับทำลายเศษชิ้นเนื้อมนุษย์ที่เกิดจากโรงพยาบาลต่างๆ อย่างเด็ดขาด ก่อนหน้านี้เคยรับเผาให้กับโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่เพียงแห่งเดียวแต่งดรับไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เนื่องจากเศษชิ้นเนื้อจะมีทั้งน้ำแข็ง สารแช่ศพ สารพวกนี้เวลาเผาในเมรุจะทำให้เมรุพังเสียหายง่ายจึงงดรับอย่างเด็ดขาด เรื่องนี้ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนนายสุทัศน์ต่อไป,พล.ต.ต.ปชา รัตนพันธ์ รอง ผบช.ภ. 5 เปิดเผยว่า การซื้อขายศพทารกน่าจะทำกันเป็นขบวนการทั้งที่เทศบาลสั่งงดเผาเศษชิ้นเนื้อจากโรงพยาบาลอย่างเด็ดขาดแต่จากการตรวจสอบยังพบเศษชิ้นเนื้อมนุษย์กับศพทารกและก้อนเลือดกว่า 10 ถุงคงมีการซื้อขายเป็นธุรกิจจนไปถึงมือพระที่ทำมนต์ดำ พระพวกนี้จะเล่นไสยศาสตร์แล้วนำไปทำเป็นเครื่องรางของขลังขายให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีน สิงคโปร์และมาเลเซีย ส่วนนายสุทัศน์หรือสัปเหร่อนวยจะต้องเชิญตัวไปสอบปากคำเพื่อขยายผลต่อไป ส่วนป้าบุญหรือนางสมบูรณ์ เนรมิตร ภรรยาที่หลบหนีคงหาตัวไม่ยากคาดจะได้ตัวเร็วๆ นี้,ต่อมาบ่ายวันเดียวกันที่วัดช้างค้ำหรือวัดเวียงกุมกาม อ.สารภี จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจภาค 5 นำซากศพ ด.ญ.วันเพ็ญจากแผนกนิติเวช รพ.มหาราชนครเชียงใหม่มาทำพิธีฌาปนกิจโดยนิมนต์พระ 4 รูป โดยมีประชาชนที่ทราบข่าวมาร่วมพิธี บางคนถึงกับร้องไห้สงสารเด็กและบางคนก็มองหาเลขเด็ดของศพเพื่อตีเป็นเลขหวย สำหรับพิธีฌาปนกิจแบบง่ายๆ มีแผ่นสังกะสีรองศพนำท่อนไม้มาวางเรียงกันเป็นเมรุและจุดไฟเผาเพื่อส่งวิญญาณของหนูน้อยไปสู่สุคติ,นอกจากแก๊งคุณไสยลักลอบนำซากทารกไปมวลสารวัตถุมงคลที่ภาคเหนือแล้ว ภาคอีสานที่ จ.อุดรธานี แอบตัดหัวศพที่ฝังในป่าช้าไปทำพิธีขอหวย ล่าสุดที่ จ.ยโสธร ศพถูกฝังในป่าช้าชาวคริสต์ถูกตัดหัวหายไปถึง 5 ศพ โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา นางกัลยา บุตรพิมพ์ อายุ 47 ปี ชาวบ้านบ้านหนองแสง หมู่ 11 ต.โพธิ์ไทร อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร พร้อมพวกรวม 5 คน เข้าแจ้ง พ.ต.ต.ชัยวิชิต มาตย์เหลือง พงส. พ.ต.ท.เทอดไทย เข็มทอง พงส.สภ.ป่าติ้วว่า ตนพร้อมญาติได้ไปทำพิธีไหว้ศพบรรพบุรุษและญาติที่เสียชีวิตในสุสานท้ายหมู่บ้านหนองแสง ซึ่งเป็นสุสานเก็บศพของผู้นับถือศาสนาคริสต์ ปรากฏว่าหลุมฝังศพของญาติถูกขุดเป็นรูโบ๋ขนาดใหญ่ ตรวจสอบพบว่าทั้ง 5 ศพถูกตัดหัวหายไป,สำหรับศพที่ถูกตัดหัวหายไปประกอบด้วย 1.นายฮึน นนทะลุ ตายมาแล้ว 12 ปี 2.นายเพชร นนทะลุ ตายมาแล้ว 11 ปี 3.นางลา แก้วหล่อ ตายมาแล้ว 7 ปี 4.นางทอง พรมลี ตายมาแล้ว 7 ปี และ 5.นายสี ชาติทอง ตายมาแล้ว 11 เดือน กระทั่งภายหลังมีการจับกุมแก๊งตัดหัวศพที่ จ.อุดรธานี พ.ต.อ.ดุสิต ทองวิเศษ ผกก.สภ.ป่าติ้ว จึงรายงานให้ บก.ภ.จ.ยโสธร ทราบ พร้อมประสานไปยัง บก.ภ.จ.อุดรธานี เพื่อขอข้อมูล เบื้องต้นคาดว่าคนร้ายน่าจะเป็นแก๊งเดียวกัน,ต่อมาบ่ายวันเดียวกัน พ.ต.อ.ชลาวุฒิ ไพรวรรณ์ รอง ผบก.ภ.จ.ยโสธร พ.ต.อ.วีระพงษ์ พงษ์พุ่ม รอง ผบก.ภ.จ.ยโสธรและคณะรุดไปตรวจหาหลักฐานในสุสานอีกครั้ง ตั้งอยู่กลางป่า ท้ายหมู่บ้านพบที่ฝังศพที่ถูกคนร้ายตัดหัวไปญาตินำปูนซีเมนต์มาโบกทับไว้อย่างแน่นหนาทุกหลุม ในสุสานแห่งนี้ ฝังศพเรียงกันไว้เป็นแนวยาวอย่างเป็นระเบียบพร้อมติดป้ายชื่อผู้ตาย ด้วยป้ายเสาคอนกรีต มีศพฝังไว้ทั้งหมดประมาณ 80-100 ศพ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ร่วมกันสืบหาตัวคนร้ายกลุ่มนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบสวนผัวสัปเหร่ออ้างรับจ้างเผาเศษชิ้นส่วนมนุษย์กับศพทารกจากโรงพยาบาลต่างๆ แต่ไม่ทราบเรื่องเมียขายศพทารกต้องเชิญตัวสอบขยายผล ส่วนที่ยโสธร ศพถูกฝังสุสานชาวคริสต์ถูกตัดหัวหายไป 5 ศพ เชื่อเป็นแก๊งคุณไสยรายเดียวกับที่อุดรธานี
ข่าว,ทั่วไทย
ข่าวหน้า1,เชียงใหม่,ศพทารก,วัดห้วยดินจี่,เฉลิม ด้วงทอง,ศพเด็ก,ผสมมวลสาร,ขายนักท่องเที่ยวจีน,ซากศพเด็ก,สอบสวนขยายผล,อุดรธานี,ศพถูกตัดหัว
https://www.thairath.co.th/news/local/494838
คาบสมุทรเกาหลีทวีความตึงเครียด 2 ชาติคู่ปรปักษ์ยิงตอบโต้บริเวณพรมแดน
ประธานาธิบดีปาร์ค กึน เฮ ผู้นำเกาหลีใต้ เรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หลังเกาหลีเหนือกระทำการคุกคามยิงจรวดมาที่พรมแดนทางตะวันตกของเกาหลีใต้เมื่อวานนี้ (20 ส.ค.2558) โดยมีเป้าหมายที่จะทำลายลำโพงที่เกาหลีใต้ใช้กระจายเสียงต่อต้านรัฐบาลเปียงยาง ซึ่งทางเกาหลีเหนือมองว่าเป็นเครื่องมือในการโฆษณาชวนเชื่อ ทำให้กองทัพเกาหลีใต้ต้องตอบโต้ด้วยการระดมยิงกระสุนปืนใหญ่ประมาณ 10 ลูกเข้าไปที่พรมแดนของเกาหลีเหนือแม้ว่าการยิงตอบโต้กันในครั้งนี้ไม่มีความสูญเสีย แต่ก็ทำให้สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีทวีความตึงเครียดเข้าขั้นวิกฤตและสร้างความวิตกกังวลให้กับนานาชาติ ขณะที่เกาหลีใต้ต้องสั่งอพยพประชาชนออกจากพรมแดนทางตะวันตกเพื่อความปลอดภัยล่าสุด เกาหลีเหนือประกาศเตือนให้เกาหลีใต้รื้อถอนเครื่องกระจายเสียงออกพรมแดนภายใน 48 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นจะใช้มาตรการทางทหารเข้าจัดการ แต่กระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้เพิกเฉยต่อคำขู่ดังกล่าวและประกาศกร้าวว่าจะดำเนินการกระจายเสียงต่อไปวิกฤตความตึงเครียดครั้งใหม่ระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ที่ร้อนระอุ หลังจากทหารหน่วยลาดตระเวนพรมแดนของเกาหลีใต้ 2 นายได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการเหยียบกับระเบิดเมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2558 ขณะที่ในสัปดาห์นี้กองทัพเกาหลีใต้ได้เปิดการซ้อมรบร่วมกับสหรัฐฯ ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับเกาหลีเหนือที่มองว่าเป็นการคุกคามทั้งนี้แม้ว่าสงครามเกาหลีจะยุติไปแล้วจากข้อตกลงสงบศึกเมื่อปี พ.ศ.2496 แต่เกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ยังคงเป็นชาติคู่ปรปักษ์และยิงตอบโต้กันตามแนวพรมแดนหลายครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
เกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ยิงกระสุนปืนใหญ่ตอบโต้กันอย่างหนักบริเวณพรมแดนทางตะวันตก ทำให้สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีทวีความตึงเครียดขึ้นอีกครั้งและสร้างความวิตกกังวลให้กับนานาชาติ
ต่างประเทศ
คาบสมุทรเกาหลี,คู่ปรปักษ์,พรมแดน,ยิงกระสุนปืนใหญ่,ยิงตอบโต้,สงครามเกาหลี,เกาหลีเหนือ,เกาหลีใต้
https://news.thaipbs.or.th/content/4561
4 คำถามการบ้านคนไทย ระเบิด วงจรอุบาทว์ : ด่านเลือกตั้งสกัดเชื้อชั่ว
โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครต้องเจอกับภาวะน้ำขังรอการระบาย ท่วมถนนหลักหลายสาย การจราจรเป็นอัมพาต ฉากเดิมๆที่คุ้นตา ปัญหาเก่าๆที่ซ้ำซากแก้ไม่ตก,ฟ้าฝนทำบรรยากาศอึมครึมตลอดทั้งสัปดาห์,ล้อไปกับสถานการณ์ทางการเมืองที่ขมุกขมัว กับปรากฏการณ์นัวเนียระหว่างรัฐบาลทหาร คสช.กับนักการเมืองอาชีพที่เปิดยุทธการชิงเหลี่ยมมวลชน,แย่งกระแสความชอบธรรม,ตามจังหวะที่ นายกฯลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.เปิดยุทธศาสตร์กระตุกอารมณ์สังคมอย่างแรง ด้วยการโยน 4 คำถามถึงประชาชน,1.ท่านคิดว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไป จะได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาลหรือไม่,2.หากไม่ได้จะทำอย่างไร,3.การเลือกตั้งเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของประชาธิปไตย แต่การเลือกตั้งอย่างเดียวที่ไม่คำนึงถึงอนาคตของประเทศและเรื่องอื่นๆ เช่น ประเทศชาติจะมียุทธศาสตร์และการปฏิรูปหรือไม่นั้น ถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง,และ 4.ท่านคิดว่ากลุ่มนักการเมืองที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในทุกกรณี ควรจะมีโอกาสเข้ามาสู่การเลือกตั้งอีกหรือไม่ หากเข้ามาได้อีกเกิดปัญหาอีก แล้วจะให้ใครแก้ไข และแก้ไขด้วยวิธีอะไร,โดย พล.อ.ประยุทธ์ขอให้ประชาชนทั่วไปส่งคำตอบและความคิดเห็นมาทางศูนย์ดำรงธรรมในทุกจังหวัด แล้วให้กระทรวงมหาดไทยรวบรวมส่งไปที่นายกรัฐมนตรี,เจอมุกนี้เล่นเอางงไปตามๆกัน,จับทางไม่ถูก นายกฯลุงตู่ จะมาไม้ไหน,กับอารมณ์ของผู้นำเผด็จการทหารกล้าเปิดกว้างรับฟังความเห็นโดยตรงจากประชาชน,แต่เบื้องต้นเลย มองตามเหลี่ยมการเมืองก็ถือเป็นยุทธการ แก้ลำ,ตามจังหวะที่รัฐบาลทหาร คสช.โดนนักการเมืองทุกป้อมค่าย ทั้งประชาธิปัตย์ เพื่อไทย ชาติไทยพัฒนา ดาหน้ากันออกมาวิพากษ์วิจารณ์ผลงานครบรอบ 3 ปี,ไม่มีอะไรจับต้องได้เป็นชิ้นเป็นอัน,ปฏิรูปไม่คืบหน้า ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ ชาวบ้าน เดือดร้อนภาวะปากท้อง,โดยรูปการณ์กระแสสังคมคล้อยตามเสียงนักการเมือง ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องเลื่อนการแถลงผลงานครบรอบ 3 ปีรัฐบาล คสช.ออกไปเป็นเดือนกันยายนแทน,ตามเหลี่ยมกระแสถือว่า รัฐบาล คสช.เพลี่ยงพล้ำ,ซึ่งจาก 4 คำถามของ พล.อ.ประยุทธ์โยนทุ่นออกมา มันก็ชัดเจนว่า จงใจตั้งโจทย์ตอกย้ำพฤติกรรมนักการเมืองคือตัวปัญหา ต้นตอของวิกฤติอำนาจประเทศไทย,ทำให้บ้านเมืองติดหล่มไม่พัฒนาไปไหน,กระตุ้นเตือนความจำชาวบ้าน จะเอานักการเมืองตัวปัญหาแบบเดิมๆต่อไปหรือ,แต่นั่นก็ตรงกันข้ามกับนักการเมืองทุกป้อมค่ายที่ประสานเสียงโวยวาย โห่ฮาดักทางมุกของ พล.อ.ประยุทธ์ แค่ปล่อย 4 คำถาม โยนหินถามทางนำร่อง,เพราะต้องการยื้อเลือกตั้ง ต่อท่อลากยาวอำนาจ,ซึ่งก็ค่อนข้างตรงกับนักวิชาการ นักวิเคราะห์การเมืองที่มองไปในมุมใกล้เคียงกัน,เพราะอ่านตามจังหวะที่ผู้นำ คสช.ขยับโยนมุก ถามตรง ประชาชนออกมา ในช่วงสถานการณ์คาบเกี่ยวกับการเก็บรวบรวมข้อมูลดิบในกระบวนการปรองดอง เข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายในการจัดทำสัญญาประชาคม เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งตามโรดแม็ป,ตามแนวโน้มแบบที่ บิ๊กแดง พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะประธานการประชุมกลุ่มย่อยรับฟังความคิดเห็นในระดับพื้นที่ จังหวัดในเขตภาคกลางและภาคตะวันออก พูดชัดเป็นเชิงว่า ถ้าทุกคนยังติดนโยบายพรรค ยึดติดระบบการเมืองที่นำไปสู่ความไม่ราบรื่นของการบริหารราชการแผ่นดิน,มันก็จะไม่ได้ข้อยุติสักที,โดยรูปการณ์ที่ประเมินได้ กระแสเลือกตั้งยังไม่เป็นไปอย่างที่ทหาร คสช.ตั้งใจไว้,หัวขบวนอย่าง นายกฯลุงตู่ เลยต้องกระตุกเตือนความจำ ย้ำปมปัญหาของนักการเมืองกันอีกรอบ,เรื่องของเรื่อง ตามเหลี่ยมชิงกระแสนั่นก็ว่ากันไป,แต่ในมุมเชิงเหตุเชิงผล ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า 4,คำถามของ พล.อ.ประยุทธ์ มันก็คือปรากฏการณ์จริง,สะท้อนเกมอำนาจประเทศไทยที่สลับฉากกันระหว่างนักการเมืองกับทหาร,ปมเหตุการเมืองวิกฤติมาตลอดนับตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ.2475 กว่า 85 ปีที่วนเวียนอยู่ใน วงจรอุบาทว์ เลือกตั้ง ปฏิวัติ ร่างรัฐธรรมนูญ ฉีกรัฐธรรมนูญ,ถึงตรงนี้ก็ 20 ฉบับไปแล้ว เมืองไทยใช้รัฐธรรมนูญเปลืองที่สุดในโลก,มันจึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลและตรงสถานการณ์ กับการที่ผู้นำรัฐบาลอำนาจพิเศษอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ ยิงคำถามตรงถึงประชาชนเจ้าของประเทศ,เพื่อให้มีส่วนร่วมกับการออกความคิดเห็นว่าด้วยทิศทางการเมืองไทย,ในห้วงหัวเลี้ยวหัวต่อการปฏิรูปใหญ่เปลี่ยนผ่านประเทศ,ประกอบกับท่าทีรัฐบาล คสช.เองก็มีการยกระดับให้เป็น วาระแห่งชาติ,ตามฉาก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้จัดประชุมมอบนโยบายผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศในการดำเนินงานเกี่ยวกับคำถาม 4 ข้อของรัฐบาล,โดยย้ำแนวทางในการใช้ช่องทางที่แน่นอน คือการให้ข้อมูลจากประชาชนที่เดินทางเข้ามาศูนย์ดำรงธรรมโดยตรง และจะกระจายการใช้ศูนย์ดำรงธรรมให้มากที่สุด ทั้งศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด อำเภอ และตำบล เพื่อที่ประชาชนจะได้สะดวกในการเดินทาง,ยึดหลักการปฏิบัติในการตอบคำถาม,1.ต้องยืนยันตัวตนของผู้ตอบคำถามได้ โดยการรับรองต้องทำตามระเบียบสารบัญของศูนย์ดำรงธรรม คือจดเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก และหากมีประชาชนไปยื่นคำตอบให้ศูนย์ดำรงธรรมรีบบันทึก และรับรองให้ด่วน ห้ามปฏิเสธ,2.เจ้าหน้าที่ไม่ต้องตีความคำถามหรืออธิบายศัพท์ในคำถาม,3.ไม่ต้องถามเพิ่ม ใครตอบอย่างไรให้จดมาอย่างนั้น ไม่ชี้นำ ไม่ตีความ,ป้องกันความผิดเพี้ยนของข้อมูล,เรื่องของเรื่อง เบื้องต้นถือเป็นการแสดงความตั้งใจจริงของรัฐบาลในกระบวนการประมวลคำตอบที่ได้,ให้เป็นเสียงสะท้อนจากประชาชนอย่างแท้จริง,เพราะตามรูปการณ์ที่หนีไม่พ้นโดนตั้งแง่ ทั้งกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองท้องถิ่น ล้วนเป็นเครื่องมือของรัฐบาล,สถานการณ์ง่ายต่อการจัดแต่งข้อมูลให้เข้าทางผู้ถืออำนาจ,ตามฟอร์มของข้าราชการ ผู้ใต้บังคับบัญชาที่เน้นชงข้อมูลเฉพาะด้านดีเอาใจนาย,อย่างไรก็ตาม เมื่อรัฐบาลได้แสดงให้เห็นถึงกระบวนการได้มาซึ่งความคิดเห็นที่แท้จริงของประชาชนแล้ว แนวโน้มอีกด้านหนึ่งก็ควรเป็นหน้าที่ของประชาชนคนไทยจะต้องช่วยกันสะท้อนความคิดเห็น,ในเชิงที่เป็นเหตุเป็นผลส่งถึงนายกรัฐมนตรี,ถือเป็นแบบฝึกหัดประชาธิปไตยยากขึ้นอีกขั้น ที่คนไทยจะได้ลงมือทำในทางปฏิบัติ,และทั้งหมดทั้งปวงเลย คำตอบจาก 4 คำถามที่ได้จะเป็นข้อมูลสำคัญในการนำไปพิจารณาแนวทางการเข้าสู่อำนาจทางการเมืองในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต,เป็น ด่านเลือกตั้ง สกัดเชื้อชั่ว,ปิดทางพวกขี้ฉ้อ เปิดทางนักการเมืองน้ำดีเข้ามาบริหารประเทศด้วยธรรมาภิบาล,และนั่นก็เท่ากับปิดทางทหารไม่มีข้ออ้างมาทำปฏิวัติรัฐประหาร,เป็นการ ระเบิด วงจรอุบาทว์,ฉุดประเทศออกจากวิกฤติการเมืองซ้ำซาก.,ทีมการเมือง
ฝนต้นฤดูมาเร็วและหนาแน่น หลายพื้นที่ของประเทศไทยตกอยู่ในภาวะน้ำเจิ่งนอง
เลือกตั้ง
วิเคราะห์การเมือง,ทีมการเมือง,ประยุทธ์ จันทร์โอชา,เลือกตั้ง,คำถาม
https://www.thairath.co.th/newspaper/columns/961243
ปรบมือ 3 นร.ชาย พบถุงใส่เงิน ส่งให้ตร.ตามหาเจ้าของ บอกคนทำหายคงร้อนใจ
เมื่อวันที่ 13 ม.ค.60 ด.ช.สรวิศ ชวลิตนิธิกุล ด.ช.พิพัฒน์ กุลกูฎา และ ด.ช.กฤษฎิ์ มีโชคโมหา อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ป.6/4 โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด พากันถือถุงผ้าขนาดกว้าง 3 นิ้ว สูง 4 นิ้ว สายรูปากถุงเป็นริบบิ้นสีแดงเลือดหมู เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.เริงศักดิ์ สุวรรณศรี รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองร้อยเอ็ด,ทั้งนี้หลังจากเลิกเรียน ทั้ง 3 คน พากันเดินไปที่ศาลาริมถนน ที่อยู่ตรงข้ามโรงเรียนร้อยเอ็ดวิทยาลัย เพื่อรอผู้ปกครองมารับกลับบ้าน ระหว่างนั้นก็พบถุงผ้าขนาดเล็กสีน้ำเงินดังกล่าวตกอยู่ที่ถนน จึงหยิบขึ้นมาเปิดดู ปรากฏว่า มีเงินจำนวนหนึ่งอยู่ภายใน ทั้ง 3 จึงปรึกษากันว่าจะนำไปให้ตำรวจตามหาเจ้าของให้,อย่างไรก็ตามเงินในถุงไม่ใช่ของพวกตน ถ้าหากว่าตนทำหล่นหายก็คงจะร้อนใจและเสียใจเช่นกัน ดังนั้นเด็กทั้ง 3 คนจึงพากันนำเอาถุงเงินไปให้ตำรวจ เพื่อประกาศตามหาเจ้าของที่แท้จริง โดยมีเงื่อนไขว่า ถ้าเป็นเจ้าของเงินจริง ต้องบอกจำนวนเงินให้ถูกต้อง ตำรวจจึงลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน หากภายในเวลา 6 เดือน ไม่มีผู้ใดนำหลักฐานมาแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของ เงินจำนวนดังกล่าวจะตกเป็นของนักเรียนทั้ง 3 คน โดยถูกต้องตามกฎหมาย.
เรื่องดีรับวันเด็กแห่งชาติ! พบนักเรียนชาย 3 คน ของ ร.ร.อนุบาลร้อยเอ็ด เก็บถุงใส่เงิน ส่งให้ ตร.เพื่อตามหาเจ้าของ บอกคนที่ทำหล่นหายคงร้อนใจและเสียใจ และเงินในนั้นไม่ใช่ของพวกตน
null
เก็บเงินคืนเจ้าของ,เก็บกระเป๋าคืนเจ้าของ,โรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด,ร้อยเอ็ด,เริงศักดิ์ สุวรรณศรี
https://www.thairath.co.th/content/835266
ชาวบ้านฮือฮาแสงประหลาด รูปคล้ายหลวงพ่อทวด บนเศียรพระประธานวัดวังหลวง
เมื่อเช้าวันที่ 13 กันยายน 2562 ที่วัดวังหลวง ตำบลวังหลวงหมู่ที่ 1 ตำบลวังหลวง อำเภอหนองม่วงไข่ จ.แพร่ ได้มีคณะศรัทธา และชาวบ้านจำนวนมากเดินทางไปทำบุญที่วัด เนื่องจากวันนี้เป็นวันพระและยังเป็นวันที่ชาวบ้านตำบลวังหลวง ได้จัดประเพณีทานสลากภัตด้วย จึงมีประชาชนจำนวนมาก,นายณัฐกานต์ จันทะนู กำนัน ตำบลวังหลวง กล่าวว่า เช้าวันนี้เวลา 07.00 น. ได้มีพิธีทำบุญตักบาตรที่วัดวังหลวง ในขณะที่ชาวบ้านได้ทำพิธีทางศาสนา ขึ้นในพระอุโบสถของวัดก็เกิดปาฏิหาริย์ มีแสงออกมาเป็นรูปพระคล้ายกับหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด อยู่บนเกศของพระพุทธวิชัยประทานพรสันติสุข ที่เป็นพระประธานในอุโบสถ ทำให้ชาวบ้านที่ไปร่วมบุญในวันสิบสองเป็งปีนี้มีความปีติยินดีเป็นอย่างยิ่งนั้น ตนได้รีบเอาโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปไว้ได้ 2 ภาพ จากนั้นแสงดังกล่าวก็เลือนหายไป ทำเอาคณะศรัทธาต่างฮือฮาและแปลกใจในการแสดงปาฏิหาริย์นี้อย่างมาก,กำนันตำบลวังหลวง เผยอีกว่า ประวัติพระพุทธวิชัยประทานพรสันติสุข เป็นพระพุทธรูปดินเหนียวองค์เดียวในโลกอายุ 148 ปี ย้ายมาจากวัดห่างบ้านวังหลวง ปั้นโดย พระกาวิชัยเจ้าอาวาสรูปแรก ชาวบ้านจึงขนานนามว่าพระพุทธวิชัย เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่ ต.วังหลวง,อย่างไรก็ดี กำนันวังหลวง ยังเผยอีกว่า หลังจากที่เสร็จพิธีแล้ว ชาวบ้านต่างก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันมากจากเหตุการณ์ปาฏิหาริย์นี้ และมีชาวบ้านส่วนใหญ่ก็ยังพากันฮือฮาพากันเก็งเป็นเลขหวย และหลายคนมาขอดูภาพถ่าย แต่ส่วนใหญ่ต่างก็เล่ากันว่าวันนี้เป็นวันพระใหญ่ 12 เป็ง วันที่ 13 เดือน 9.
เกิดภาพแปลกๆ เป็นแสงพวยพุ่งบนเศียรพระพุทธวิชัยประทานพรสันติสุข พระประธานในวิหารวัดวังหลวง เมืองแพร่ ชาวบ้านฮือฮาปาฏิหาริย์ พากันเก็งเป็นเลขหวย เพราะเกิดในวันพระใหญ่ 12 เป็ง วันที่ 13 เดือน 9
ข่าว,ทั่วไทย
เลขเด็ด,แสงประหลาด,หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด,วัดวังหลวง,แพร่,พระพุทธวิชัยประทานพรสันติสุข,หวย
https://www.thairath.co.th/news/local/north/1659876
บุกจับหลอกขายยาเสียสาว สารภาพเป็นคลอรีนล้างตู้ปลา
หลังเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเฟซบุ๊กที่ลักลอบขายยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศผิดกฎหมายและควบคุมตัว น.ส.กัญยามล เสทียนรัมย์ ชาวอำเภอลำทะเมนชัย จ.นครราชสีมา พร้อมของกลางเป็นยาไวอากร้า ยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศหลายยี่ห้อและเม็ดเกล็ดใสที่อ้างว่าเป็นยาเสียสาว มูลค่ารวมกว่า 50000 บาท เบื้องต้นได้ตั้งข้อกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน ขายยาแผนปัจจุบันโดยไมได้รับอนุญาต ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 10000 บาท และ ขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 5000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับพ.ต.อ.ชนันนัทธ์ สารถวัลย์แพศย์ ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ทำการสืบสวนหาแหล่งที่จำหน่ายยาเสียสาวผ่านเว็บไซต์ จนสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ โดยผู้ก่อเหตุรับสารภาพว่า ลักลอบจำหน่ายยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศโดยผิดกฎหมายจริง ส่วนเม็ดเกล็ดใสที่โฆษณาขายโดยอ้างว่าเป็นยาเสียสาว แท้จริงแล้วเป็นเพียงคลอรีนสำหรับใช้ล้างตู้ปลาเท่านั้นทั้งนี้ จึงฝากเตือนให้ประชาชนอย่าได้หลงเชื่อซื้อยาผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ เนื่องจากอาจได้รับอันตรายจากการใช้ยาอย่างไม่เหมาะสมและอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ โดยหากพบเห็นการกระทำความผิดให้แจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน ปคบ. 1135
กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค เข้าจับกุมแหล่งผลิตและลักลอบขายผลิตภัณฑ์ยาที่อ้างว่าช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ จากการตรวจสอบพบว่ายาที่อ้างว่าเป็นยาเสียสาว แท้จริงแล้วเป็นเพียงคลอรีนที่ใช้ล้างตู้ปลา
อาชญากรรม
ยาเสียสาว,ไวอากร้า,เฟซบุ๊ก,นครราชสีมา,ปคบ.,คลอรีน,ไทยพีบีเอส,ข่าวไทยพีบีเอส,ThaiPBSnews,ThaiPBS
https://news.thaipbs.or.th/content/276139
ยูเอ็นประชุมพิจารณารับรอง ปาเลสไตน์ เป็นสมาชิกใหม่
ประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาส ของปาเลสไตน์เดินทางถึงมหานครนิวยอร์กของสหรัฐฯ เพื่อเตรียมร่วมประชุมประจำปีสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ โดยระหว่างออกเดินทางมาจากเมืองรามัลเลาะห์ของเขตเวสต์แบงค์ ซึ่งเหมือนเมืองหลวงของปาเลสไตน์ นายอับบาสประกาศว่า จะขอสมัครให้ปาเลสไตน์เป็นสมาชิกสหประชาชาติ ทั้งนี้นายอับบาส ยังระบุด้วยว่า ชาวอิสราเอลเข้ามาอาศัยอยู่ในดินแดนพิพาทอย่างผิดกฏหมายตามหลักกฏหมายระหว่างประเทศการมีสถานภาพความเป็นรัฐเท่านั้นที่จะสามารถเป็นสมาชิกสหประชาชาติได้ ซึ่งเงื่อนไขความเป็นรัฐนั้น แต่เดิมประกอบด้วย ดินแดน ประชากร และการรับรองจากรัฐอื่น แต่ในปัจจุบันยอมรับกันว่า ถ้ามีดินแดน ประชากร และอำนาจรัฐถือว่าครบเงื่อนไข สำหรับกรณีปาเลสไตน์องค์ประกอบในเรื่องดินแดนและอำนาจรัฐยังคลุมเครือ ทั้งสหรัฐและอิสราเอลคัดค้านแนวคิดของประธานาธิบดีอับบาสนอกจากนี้ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาคณะผู้ไกล่เกลี่ยปัญหาตะวันออกกลาง ซึ่งประกอบด้วยสหรัฐ สหภาพยุโรป รัสเซีย และ สหประชาชาติ พยายามอย่างหนักเพื่อให้นายอับบาส เลิกล้มแผนนี้แล้วแทนที่ด้วยการเปิดเจรจากับอิสราเอลอีกครั้ง โดยเมื่อวานนี้นายกรัฐมนตรีเบนจามินเนทันยาฮูของอิสราเอลได้เรียกร้องให้นายอับบาส มาร่วมเจรจากันโดยตรง ซึ่งนายอับบาส ยังไม่ตอบรับขณะนี้ปาเลสไตน์ มีสถานภาพเป็น ผู้สังเกตุการณ์ในสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ซึ่งหมายความว่า สามารถพูดแสดงความคิดเห็น แต่ไม่มีอำนาจลงมติ แต่ถ้าเสียงส่วนใหญ่ของที่ประชุมสมัชชาเห็นด้วยว่า ปาเลสไตน์ควรได้ฐานะสมาชิก ปาเลสไตน์อาจถูกยกสถานะเป็น ผู้สังเกตการณ์ถาวร ซึ่งเป็นสถานะเดียวกันสำนักวาติกันในปัจจุบัน ซึ่งหมายความว่า ปาเลสไตน์จะสามารถเป็นคู่กรณีฟ้องร้องทางกฏหมายต่ออิสราเอลได้อย่างไรก็ตามสหรัฐประกาศชัดเจนแล้วว่า แม้สมัชชาใหญ่จะให้การรับรองตามคำขอของปาเลสไตน์ แต่เมื่อมาถึงคณะมนตรีความมั่นคงสหรัฐฯ จะใช้อำนาจยับยั้ง หรือ วีโต้ ทั้งนี้กลุ่มฮามาสที่ปกครองเขตฉนวนกาซ่าของปาเลสไตน์ ได้คัดค้านแนวคิดนี้ของประธานาธิบดีอับบาส โดยระบุว่าจะเป็นการรับรองและอ่อนข้อให้กับอิสราเอล
การประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติประจำปีกำลังจะเริ่มขึ้น ซึ่งครั้งนี้มีความสำคัญอยู่ที่การขอสมัครเป็นสมาชิกสหประชาชาติของปาเลสไตน์
ต่างประเทศ
UN,ปาเลสไตน์,มาห์มูด อับบาส,ยูเอ็น,สหประชาชาติ
https://news.thaipbs.or.th/content/34528
พ่อจ๋ามีคนบอกว่า พ่อไม่อยู่แล้ว โซเชียลหลั่งน้ำตา แชร์กลอนอาลัย ปอ ทฤษฎี
หลังการจากไปของพระเอกหนุ่ม ปอ ทฤษฎี บรรยากาศในโลกโซเชียลก็เต็มไปด้วยข้อความไว้อาลัยจากแฟนเพจต่างๆ และผู้ใช้งานทั้งเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม รวมถึงมีการติดแฮชแท็ก เพื่อโพสต์ข้อความอาลัยและแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของนักแสดงหนุ่ม,นอกจากนี้ผู้ใช้งานเฟซบุ๊กหลายรายยังได้เขียนข้อความเป็นบทกลอนถึง ปอ ทฤษฎี ทั้งนี้ สายตรวจโซเชียล ไทยรัฐออนไลน์ ขอรวบรวมบทกลอนที่มาจากข้อความแสดงความคิดเห็นในแฟนเพจไทยรัฐ ให้ทุกคนได้ร่วมแสดงความอาลัยถึง ปอ ทฤษฎี ไว้ในที่นี้,1. บทกลอน หลับตา โดย พึงเนตร อติแพทย์,พ่อจ๋า,มีคนบอกว่า พ่อไม่อยู่แล้ว,เขาร้องไห้น้ำตาไหลเป็นแนว,เขากอดหนูแล้วก็มีน้ำตา,หนูเห็นพ่อแค่หลับ,หนูเอื้อมมือไปจับพ่อตรงหน้า,พ่อยังนอนยิ้มทั้งหลับตา,เมื่อวานพ่อยังบอกว่าจะเล่านิทานให้ฟัง,แต่แม่บอกว่า,พ่อจะไม่ตื่นขึ้นมาเหมือนทุกครั้ง,พ่อจะไปรอเราก่อนที่ปลายทาง,จงเดินตามทุกก้าวย่างของพ่อไป,พ่อจ๋า,พ่อหลับตาเพราะเจ็บมากใช่ไหม,ไม่ต้องลืมตานะพ่อ, ไม่เป็นไร,แม่เคยบอกจะเป็นดวงตาแทนพ่อให้ เมื่อถึงเวลา,แม่บอกหนูอย่างนั้น,บอกว่าพ่อจะกอดหนูทุกวันจากบนฟ้า,ถ้าคิดถึงพ่อ ขอหนูจงหลับตา,หนูจะรู้ได้เองว่า พ่อไม่เคยห่างไกล,พ่อจ๋า,พ่อไปรอหนูอยู่ที่เส้นขอบฟ้าแล้วใช่ไหม,ถ้าหากหนูอยากตามพ่อไป,แม่บอกให้หนูตั้งใจ ทำความดี,ลูกรัก,พ่อแค่นอนพักในโลกนี้,พักวางความเจ็บปวดนับร้อยพันที่มี,เพื่อที่เราจะได้พบกันอีกทีในไม่ช้า,หลับตาเถิดนะจ๊ะพ่อ,หนูกับแม่จะเดินทางต่อให้ถึงปลายฟ้า,ตรงที่โค้งรุ้งงามทอแสงมา,แม่บอก, เราจะได้พบหน้ากันอีกครั้ง,#RIPปอทฤษฎี ด้วยอาลัย,2. บทกลอน โดย โน้ตโลโซ โน้ต โลโซ ปากน้ำสมุทรปราการ,ไม่อยากให้ มีแถลงการณ์ ฉบับนี้,แถลงที่ ต้องเป็น ฉบับสุดท้าย,ขอให้นาย หมดทุกข์ หลับสบาย,กรรมของนาย หมดเท่านี้ ทฤษฎี,รวมเวลา เจ็ดสิบเอ็ดวัน ที่รักษา,นายฟันผ่า ตลอดมา สู้เต็มที่,อยากจะลุก มากอดลูก ทุกนาที,ทำได้เพียง เท่านี้ แค่เฝ้ามอง,จากนี้ไป ไม่มีอีก แล้วปอทิด,แต่มีจิต วิญญาณ ที่เฝ้าหา,มะลิน้อย เติบโต คู่มารดา,รีบกลับมา เข้มแข็ง นะแม่โบว์,#RIPPor สู้เต็มที่แล้วนะ,3. บทกลอน โดย อัษฎา เพ็ชรทอง,อันดารามาจากรากศัพท์เก่า,ก็คือดาวพราวพร่างกลางเวหา,แสงระยับวับวามดูงามตา,เด่นเหนือหล้าน่าชมสมฤดี,จะสาทกยกย่องรับรองถึง,ดาวดวงหนึ่งซึ่งชัดรัศมี,แสงเริ่มรอนอ่อนแรงแล้งเต็มที,มาริบหรี่มีทางแต่จางลง,ปอหนอปอหล่อเก่งเปล่งราศี,เหล่านารีมีใจเฝ้าใหลหลง,จบชีวิตทฤษฎีสหวงษ์,โลกก็คงทรงจำเป็นตำนาน,4. บทกลอน โดย Sathit Chotsiri,ก่อนอำลา น้ำตาหล่น คนรักกัน,เมื่อวันวาน ผันและผ่าน เลยพ้นไป,ด้วยแววตา แฝงความเศร้า ต้องหงาใจ,ขาดเพื่อนไป จะอย่างไร ยังคิดถึงกัน จะคิดถึงกัน,เมื่อลมหนาว พัดพาผ่าน สะท้านใจ,จากกันไป เพื่อวันใหม่ คงไม่นาน,ดั่งตะวันลับขอบฟ้า เพื่อสนธยา หลับเถิดตะวัน ,สว่างแล้วไม่แคล้วเจอกัน เมื่อฝันเป็นจริง,สิ่งที่หวัง ยังรออยู่ ให้รู้กัน,ผ่านไปนั้น ฝันไปว่าเป็นว่า เป็นบทเรียน,เมื่อตะวัน ไร้แรงจ้า เปลี่ยนทิวากลับสู่ราตรี,ค่ำคืนนี้ ขอให้หลับและฝันดี,หลับเถิดตะวันRIP ครับ
บรรยากาศในโลกโซเชียลก็เต็มไปด้วยข้อความไว้อาลัย ปอ ทฤษฎี โดยผู้ใช้งานเฟซบุ๊กหลายรายได้เขียนบทกลอนแสดงความเสียใจต่อการจากไปของพระเอกหนุ่ม
null
ปอ เสียชีวิต,ปอ ทฤษฎี เสียชีวิต,ปอ ตาย,ปอ ทฤษฎี ตาย,ปอ ทฤษฎี สหวงษ์,ตัดขา ปอ ทฤษฎี,ปอ ทฤษฎี ป่วยหนัก,ตัดขา ปอ,ตัดเท้าปอ,ปอ ทฤษฎี ป่วย,อาการปอ ทฤษฎี,ปอ ทฤษฎี ป่วยโคม่า,ปอ ทฤษฎี ไข้เลือดออก,ปอ ทฤษฎี โคม่า,ปอ อาการดีขึ้น,ปอ ลืมตา,ปอ ไม่ตัดขา,ภรรยาปอ ทฤษฎี,แฟนปอ ทฤษฎี,โบ แวนด้า แฟนปอ ทฤษฎี,โบว์ แวนด้า แฟนปอ ทฤษฎี,โบ แวนด้า ภรรยาปอ ทฤษฎี,โบว์ แวนด้า ภรรยา,โบ แวนดา,โบว์ แวนดา,โบ แวนด้า,โบว์ แวนด้า,ปอ ทฤษฎี,ลูก ปอ ทฤษฎี,ลูกสาว ปอ ทฤษฎี,น้องมะลิ ลูกปอ ทฤษฎี,น้องมะลิ ลูกสาว ปอ ทฤษฎี,แถลงอาการ ปอ ทฤษฎี,ประกาศอาการปอ ทฤษฎี,ปอ ทฤษฎี บริจาคเลือด,บริจาคเลือดให้ปอ ทฤษฎี,ปอ ทฤษฎี ร.พ.รามา,ปอ ทฤษฎี เลือดกรุ๊ปเอ,บริจาคเลือดให้ ปอ ทฤษฎี ที่ไหน,ปอ เป็นไข้เลือดออก,ไข้เลือดออก,ภาวะไตวาย,ปอ ไตวาย,ไตวายเฉียบพลัน,ปอ ทฤษฎีขอบริจาคเลือด,บริจาคเลือดกรุ๊ป เอ,เลือดกรุ๊ป เอ,ลือ ปอ ทฤษฎี เสียชีวิต,ข่าว,ข่าวบันเทิง,ไทยรัฐออนไลน์,สายตรวจโซเชียล
https://www.thairath.co.th/content/564508
พล.อ.ธนะศักดิ์ไปมาเลเซียร่วมประชุมแก้ปัญหาโรฮิงญา 3 ประเทศ พรุ่งนี้
หลังรายงานว่า นายอานิฟาห์ อามาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนปัจจุบัน นัดหมายไทยและอินโดนีเซีย หารือเพื่อแก้ปัญหาการอพยพของชาวโรฮิงญา ในน่านน้ำทั้ง 3 ประเทศ ก่อนที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดีย เพื่อแก้ปัญหาลักลอบเข้าเมืองในวันที่ 29 พ.ค.นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะเดินทางไปยังประเทศมาเลเซียในวันพรุ่งนี้(20 พ.ค.) เพื่อหารือในเรื่องดังกล่าว ซึ่งไทยเห็นว่า จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระดับภูมิภาค โดยเน้นหลักมนุษยธรรมและความรับผิดชอบร่วมกันระหว่างประเทศส่วนการประชุมในวันที่ 29 พ.ค. ที่จะถึงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า น่าจะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการดำเนินการของทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ในส่วนของไทยมีประเด็นที่ต้องพิจารณา 3 เรื่อง คือ เรื่องของมนุษยธรรมที่ต้องให้ความช่วยเหลือ เรื่องกฎหมาย ที่ต้องพิจารณาว่า จะดำเนินคดีอย่างไรเพื่อให้สามารถส่งกลับและไม่เป็นภาระกับไทย และเรื่องของประเทศต้นทาง ซึ่งเชื่อว่า ประเทศอาเซียนน่าจะเข้าใจกันดีส่วนความคืบหน้าในการติดตามจับกุมผู้ต้องหาในคดีค้ามนุษย์ นายปัจจุปัน อังโชติพันธุ์ หรือ โกโต้ง อดีตนายก อบจ.สตูล ผู้ต้องหาตามหมายจับได้เข้ามอบตัวแล้วและหลังจากนี้จะควบคุมตัวไปที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เพื่อดำเนินสอบสวนและจะคัดค้านการประกันตัว เบื้องต้น นายปัจจุปัน ยืนยันว่า ที่ผ่านมาไม่ได้มีการต่อรองขอประกันตัวและไม่ได้หลบหนีและขอให้การทุกอย่างในชั้นศาลเท่านั้น นอกจากนายปัจจุบันที่เข้ามอบตัว ล่าสุดศาลได้อนุมัติหมายจับ พ.ต.ท.ชาญ อู่ทอง สารวัตรแผนกธุรการ สถานีตำรวจภูธรเคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี และ ร.ต.ท.นราธร สัมพันธ์ รองสารวัตรสืบสวน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง รวมทั้ง น.ส.ทัศนีย์ อังโชติพันธุ์ ภรรยานายปัจจุบัน โดยตำรวจ 2 นายอยู่ในการควบคุมแล้ว ขณะที่ น.ส.ทัศนีย์ หลบหนีอยู่ในพื้นที่ ทำให้ภาพรวมของคดีจนถึงขณะนี้มีการออกหมายจับผู้ต้องหาเครือข่ายค้ามนุษย์แล้ว 65 คน
15 ประเทศ รวมถึงเมียนมา ตอบรับประชุมโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดีย เพื่อแก้ปัญหาคนลักลอบเข้าเมืองในวันที่ 29 พ.ค.นี้ โดยนายกรัฐมนตรีมั่นใจว่า การประชุมครั้งนี้น่าจะมีแนวทางในการแก้ปัญหาร่วมกัน ส่วนการหารือล่วงหน้าระหว่างไทย มาเลเซียและอินโดนีเซียจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (20 พ.ค.2558)
การเมือง
ประชุมโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดีย,มาเลเซีย,ลักลอบเข้าเมือง,อินโดนีเซีย,เมียนมา,โรฮิงญา
https://news.thaipbs.or.th/content/2034
คมนาคม กำหนดมาตรการ 7-7-7 ตั้งเป้า ปีใหม่ ไร้อุบัติเหตุ-เจ็บ-ตาย ใน 61 สายทาง
วันนี้ (6 ธ.ค.2560) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมได้เตรียมแผนอำนวยความสะดวกและปลอดภัยรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 โดยร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รณรงค์สร้างจิตสำนึก ขับช้า เปิดไฟหน้า คาดเข็มขัด เพื่อสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนให้อยู่ในใจของคนไทยทุกคน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2560 พร้อมกำหนดมาตรการเข้มข้น 7 - 7 - 7 ได้แก่ ช่วงก่อนเทศกาลปีใหม่ 7 วัน ช่วงเทศกาลปีใหม่ 7 วัน และช่วงหลังเทศกาลปีใหม่ 7 วันโดยได้เพิ่มความเข้มข้นยกกำลังสอง ภายใต้แนวคิด 61 สดใส ปลอดภัยกำลังสอง 61 สายทาง ตั้งเป้าจะต้องไม่มีอุบัติเหตุ ผู้บาดเจ็บ และผู้เสียชีวิต บนทางหลวง 41 สายทาง บนทางหลวงชนบท 20 สายทาง ประกอบด้วย พื้นที่นำร่องภายใต้ความร่วมมือระหว่างกระทรวงคมนาคม กับกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน คมนาคมและการท่องเที่ยว ประเทศญี่ปุ่น จำนวน 12 สายทางสายทางที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 จำนวน 13 สายทาง สายทางที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดในรอบ 1 - 3 ปี จำนวน 19 สายทาง และเส้นทางสู่แหล่งท่องเที่ยวที่ประชาชนนิยมเที่ยวปีใหม่ จำนวน 17 สายทางนอกจากนี้ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ จัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกปลอดภัยประชาชนในช่วง 7 วัน ก่อนเทศกาลปีใหม่ - 7 วัน หลังเทศกาลปีใหม่ ตลอด 24 ชั่วโมง ให้กรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท เร่งคืนผิวจราจรบนทางหลวงสายหลักและสายรอง ติดตั้งป้ายเตือน ไฟแสงสว่างและไฟกระพริบเตือนในเขตพื้นที่ก่อสร้าง ให้แล้วเสร็จอย่างน้อย 7 วัน ก่อนถึงช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561จากสถิติช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 พบว่า มีจำนวนอุบัติเหตุบนโครงข่ายถนนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงคมนาคม จำนวน 1746 ครั้ง เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ประมาณ 17.34 % ผู้เสียชีวิต 304 คน เพิ่มขึ้น 29.36% และมีผู้เสียชีวิต 1805 คน เพิ่มขึ้น 4.40%ทั้งนี้ ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 ช่วงวันที่ 28 ธ.ค.2560- 3 ม.ค.2561 คาดว่าจะมีปริมาณจราจรเข้า- ออกบนทางหลวงสายหลัก และมอเตอร์เวย์รวมประมาณกว่า 8 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีใหม่ 2560 ประมาณ 1.4% ส่วนประมาณการผู้โดยสารจะมี 16.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 3.52% ซึ่งทุกหน่วยงานได้จัดเตรียมการเดินรถเที่ยวปกติและเที่ยวเสริมไว้รองรับ ทั้ง รถไฟ รถ บขส. รถไฟฟ้า เครื่องบิน สามารถรองรับการเดินทางได้กว่า 2.37 ล้านคนต่อวัน
กระทรวงคมนาคมออกมาตรการ 7-7-7 รับมือเทศกาลปีใหม่ เพื่อหวังลดอุบัติเหตุและการสูญเสีย ระหว่างการเดินทาง
สังคม
อุบัติเหตุ,ปีใหม่กระทรวงคมนาคม,7-7-7,มาตรการเข้มข้น,มาตรการปีใหม่,ลดอุบัติเหตุ,รณรงค์,ทางหลวงชนบท,ทางหลวง,อำนวยความสะดวก,ผู้บาดเจ็บ,เสียชีวิต,ตาย,ThaiPBSnews,ไทยพีบีเอส,ข่าวไทยพีบีเอส,ThaiPBS
https://news.thaipbs.or.th/content/268293
จับแก๊งยาข้ามชาติ ซุกพันเม็ดยัดสปอร์ตไรเดอร์ รับซื้อจากนายทุนชาวลาว
วันที่ 27 พ.ค.60 ที่สถานีเรือหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) อ.ธาตุพนม จ.นครพนม นาวาเอก ณัฐเกียรติ์ มนขุนทด ผบ.นรข.เขตนครพนม พร้อมด้วย นาวาโท บรรพต มุ่งหามณี หัวหน้าสถานีเรือ นรข.ธาตุพนม ร่วมกับปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด นรข.นครพนม แถลงการณ์จับกุมนายสีขาน บุญเทียม อายุ 62 ปี ชาวบ้าน ย่าน ถ.นครพนม – ท่าอุเทน ต.อาจสามารถ อ.เมืองนครพนม ขบวนการค้ายาบ้าข้ามชาติรายสำคัญ พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 1,003 เม็ด และรถยนต์ของกลางใช้กระทำผิด โตโยต้า สปอร์ตไรเดอร์ สีเทา ทะเบียน กข 68 นครพนม,การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ระดมกำลังกวาดล้างป้องกันปราบปรามการแพร่ระบาดของยาเสพติด จนกระทั่งสืบทราบว่า ผู้ต้องหา มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เป็นเอเย่นต์ค้ายาบ้ารายสำคัญที่ติดตามมานาน เนื่องจากเป็นบุคคลที่ติดต่อนำยาบ้าลักลอบมาจากประเทศเพื่อนบ้าน สปป.ลาว นำมาส่งขายให้ลูกค้าในพื้นที่ จึงได้วางแผนจู่โจมเข้าตรวจค้นจับกุม ขณะผู้ต้องหาขับรถยนต์ ไปรับยาบ้าที่ลักลอบนำเข้าจาก สปป.ลาว บริเวณถนนบ้านดงติ้ว ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.นครพนม ตรวจค้นพบของกลางยาบ้าซุกซ่อนในรถ จำนวน 1,003 เม็ด จึงควบคุมตัวมาสอบสวน เบื้องต้นสารภาพว่า ได้ติดต่อซื้อยาบ้ามาจากนายทุนชาวลาว เพื่อนำไปส่งขายให้ลูกค้า ราคาต้นทุนเม็ดละประมาณ 100-150 บาท เพื่อนำมาขายต่อประมาณเม็ดละ 250 – 300 บาท ทำไปเพราะมีปัญหาการเงิน เศรษฐกิจตกต่ำ จึงหันมาค้ายาบ้า เพราะหาเงินง่าย,นอกจากนี้ยังได้นำกำลังเข้าตรวจค้นจับกุม นายจักริน โภคาเพ็ชร อายุ 22 ปี ชาวบ้าน ต.หนองช้าง อ.สามชัย จ.กาฬสินธุ์ หลังตรวจค้นบ้านพักหลังหนึ่งในพื้นที่ หมู่ 5 ต.ปลาปาก อ.ปลาปาก จ.นครพนม พบของกลางยาบ้าซุกซ่อนในหลังคาบ้าน จำนวน 565 เม็ด จึงควบคุมตัวมาสอบสวน เบื้องต้น ผู้ต้องหาสารภาพว่า ได้ซื้อยาบ้ามาจาก นายทุน เม็ดละ 200 บาท เพื่อนำมาขายให้กับกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น เนื่องจากตนเองติดยาเสพติด เสพยาบ้า จึงต้องการขายเพื่อหารายได้ และได้เงินซื้อยาบ้ามาเสพด้วย โดยทางเจ้าหน้าที่จะได้เร่งสอบสวนขยายผล ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เพื่อติดตามจับกุมเพื่อนร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป พร้อมเพิ่มมาตรการเข้มในการปราบปรามจับกุมในพื้นที่อำเภอชายแดน ที่มีการแพร่ระบาด เน้นตรวจสอบจับกุมผู้เสพ ขยายผลสู่ผู้ค้า เป็นการตัดวงจร.
นรข.นครพนมจู่โจมจับหนุ่มใหญ่วัย 62 ผู้ต้องหาแก๊งค้ายาบ้าข้ามชาติรายสำคัญ ซุกยาบ้ากว่า 1 พันเม็ดในรถสปอร์ตไรเดอร์ สารภาพติดต่อรับซื้อยาบ้ามาจากนายทุนชาวลาว ก่อนนำไปขายต่อเอากำไร ส่วนที่ทำไปเพราะเศรษฐกิจตกต่ำ
ข่าว,อาชญากรรม
จับยาบ้า,ยาเสพติด,นรข.นครพนม,แก๊งค้ายาบ้าข้ามชาติ,ซุกยาบ้า
https://www.thairath.co.th/news/crime/954132
ทุกฝ่ายหนุนช็อปช่วยชาติ ฝากคลังส่งเสริมคนไทยเที่ยวในประเทศ
ด้านสรรพากรเตรียมหารือคลังถึงแผนรายละเอียด,พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ท.ท.ช.) ว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังไปศึกษามาตรการช็อปช่วยชาติเพื่อนำมาใช้ภายในปลายปีนี้ จึงได้ฝากให้กระทรวงการคลังได้ศึกษาถึงมาตรการลดหย่อนภาษีเพื่อส่งเสริมถึงการท่องเที่ยวรวมไปด้วย ถ้าหากทำได้ก็ดี จะเป็นแรงจูงใจให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น ในขณะเดียวกันทางด้านการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กำลังทำอยู่คือการให้คนที่เดินทางไปท่องเที่ยวเมืองรองหลายๆครั้ง นำใบเสร็จมาใช้จับสลากชิงโชคได้ และคงเน้นในช่วงที่เป็นฤดูฝน,สำหรับผลการประชุม ท.ท.ช.ได้พิจารณามาตรฐานบริการอาหารริมทางการท่องเที่ยว หรือมาตรฐานของสตรีตฟู้ด ที่เสนอมาโดยกรมการท่องเที่ยว เพื่อยกระดับสตรีตฟู้ดของไทยให้มีคุณภาพ สะอาดและปลอดภัยเพื่อเป็นที่ยอมรับของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งจะเห็นว่าในปัจจุบันจะติดสตรีตฟู้ดในย่านเยาวราชเป็นที่ยอมรับอย่างมากของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เป็นฝรั่ง ซึ่งจากที่เคยลงตรวจพื้นที่ก็แนะนำไม่ให้ล้างจานบริเวณที่ขายอาหาร และ ได้ให้เจ้าหน้าที่ใช้แรงดันน้ำผลักดันภายในท่อน้ำเพื่อไม่ให้มีกลิ่นสะสมแล้ว อย่างไรก็ตาม ให้แนวทางกรมการท่องเที่ยวไปว่ามาตรฐานที่ออกมา จะไม่เข้มงวดมากนัก และใช้วิธีชักจูงแทน,นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การ-ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ระยะ 10 เดือนแรกของปี 2560 (ข้อมูลถึงวันที่ 29 ต.ค.2560) มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 28.64 ล้านคน ขยายตัว 6.56% สร้างรายได้ 1.45 ล้านล้านบาท ขยายตัว 9.02% โดยเฉพาะในเดือน ต.ค. จำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัวถึง 20.17% สร้างรายได้ 129,800 ล้านบาท ขยายตัวถึง 21.77% และคาดการณ์ไว้ว่าเมื่อสิ้นปี 2560 จะสามารถสร้างรายได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้,ด้านนายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรม สรรพากร กล่าวว่า ในเร็วๆนี้จะหารือกับนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี ที่มอบหมายให้กระทรวงการคลังดำเนินมาตรการช็อปช่วยชาติ เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน หลังจากที่ได้ดำเนินมาตรการนี้มาแล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเมื่อปี 2558 มาตรการมีระยะเวลา 7 วันก่อนสิ้นปี 2558 โดยในปีนั้น กรมสรรพากรสูญเสียรายได้ประมาณ 10,000 ล้านบาท และปี 2559 มีระยะเวลาดำเนินการ 15 วัน กรมสรรพากรสูญเสียรายได้ประมาณ 75,000 ล้านบาท แต่ในปี 2559 รัฐบาลมีมาตรการเพิ่มค่าลดหย่อนอื่นๆเพิ่มเติม เช่น การลดหย่อนภาษีจากการท่องเที่ยว 15,000 บาท จำนวน 2 ครั้ง และยังมีการลดหย่อนการซื้อสินค้าโอทอปอีกด้วย สำหรับในปีนี้ ยังไม่มีข้อสรุปเรื่องระยะเวลา และรวมวงเงินในการเพิ่มค่าลดหย่อน 15,000 บาท,นายสุวิชญ โรจนวานิช ผู้อำนวยการสำนัก-งานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า สศค.เห็นด้วยกับมาตรการช็อปช่วยชาติของนายกรัฐมนตรี เพราะถือเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงส่งท้ายปีก่อนต้อนรับปีใหม่ เหมือนกับโครงการลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยเพื่อขอรับสวัสดิการแห่งรัฐ โดยในแต่ละวันมีเงินจากรัฐบาลเข้าช่วยบรรเทาค่าครองชีพให้แก่ประชาชนประมาณ 100 ล้านบาท ทั้งรถเมล์ (ขสมก.) รถไฟ และจำนวนเงินที่ซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้าประชารัฐ.
ธนะศักดิ์ ฝากคลังพิจารณา มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยการลดหย่อนภาษีไปพร้อมกับการพิจารณามาตรการช็อปช่วยชาติ ชี้ถ้าหากทำได้จะช่วยส่งเสริมให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น
ข่าว,เศรษฐกิจ
ภาษี,ช็อปช่วยชาติ,ท่องเที่ยว,ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร,E-commerce ภาษี aec
https://www.thairath.co.th/news/business/1114387
ฝ่ายค้านขอเวลาอภิปรายญัตติแก้ รธน.12 ชั่วโมง
วันนี้ ( 10 ธ.ค.2562) นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะทำงานประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือวิปฝ่ายค้าน ระบุถึงประประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันพรุ่งนี้ คาดว่าน่าจะเข้าวาระญัตติการตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในช่วงราว 18 นาฬิกา หลังพิจารณากระทู้และวาระแจ้งเพื่อทราบแล้วเสร็จสอดคล้องกับนาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ระบุว่า ญัตตินี้เป็นประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ที่จะศึกษากระบวนการและวิธี การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ประสบความสำเร็จในอนาคต หลังบังคับใช้ว่าเกิดข้อบกพร่องผิดพลาดอย่างไร รวมถึงการเป็นรัฐธรรมนูญที่ถูกถามว่าเป็นฉบับสืบทอดอำนาจ ซึ่งจะมีการหารือกับ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อเสนอขอเวลาอภิปรายจากประธานสภาฯรวมเบ็ดเสร็จ 12 ชั่วโมงประธานวิปฝ่ายค้านยังกล่าวถึงกรณีปัญหาการบุกรุกที่ดินสปก. ของนางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ว่าเรื่องนี้ฝ่ายค้านได้จับตาดูอยู่อย่างใกล้ชิด โดยขอดูท่าทีของรัฐบาลที่กำลังจัดการเรื่องนี้ก่อน หากว่าจะจบอย่างไรนั้นก็คิดว่า เรื่องนี้ชวนที่ต้องนำมาเป็นประเด็นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อไปอย่างยิ่ง ซึ่งที่ผ่านก็ได้เห็นการทำงานหลายอย่างที่เป็นข้อสังเกต ดังนั้นฝากไปยังรัฐบาล อย่าคิดว่าฝ่ายค้านเพิกเฉย ยืนยันว่าไม่ได้ละทิ้ง ขอเรียกว่าฝ่ายค้านหายใจรดต้นคอรัฐบาลอยู่ เบื้องต้นมองว่ายังเป็นความผิดที่ตัว ส.ส. อยู่ แต่ว่าหากผ่านไปช่วงหนึ่งก็จะลามมาเป็นความผิดของรัฐมนตรีและรัฐบาล หากว่าถึงตอนนั้นก็เป็นเรื่องที่ฝ่ายค้านต้องมีบทบาทเข้ามานายสุทินมองว่า หากสุดท้ายแล้ว นางสาวปารีณา ไม่โดนดำเนินคดีอาญา ก็อาจจะเป็นเรื่องที่กระทบต่อความรู้สึกจิตใจของชาวบ้านและสังคม ซึ่งรัฐมนตรีหลายคนก็ยังตอบไม่ชัดว่าทำไม คืนที่ดินเเล้วเรื่องก็จะต้องจบ ต่อมาเรื่องข้อกฏหมายก็ต้องดูให้ชัด แต่รัฐบาลก็จะต้องคำนึงถึงความรู้สึกของสังคมและบรรทัดฐานที่จะเกิดขึ้น เพราะหากเป็นแบบนี้ใครก็สามารถเข้าไปรุกได้ พอถูกจับก็แค่คืนเรื่องก็จบใช่หรือไม่นอกจากนี้นายสุทินยังกล่าวถึงกรณีที่มีคนไปร้อง กกต. ให้ตรวจสอบคุณสมบัติของนายธนิก มาสีพิทักษ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต7 จ.ขอนแก่น ว่าเรื่องนี้ไม่มีความน่าเป็นห่วงเพราะก่อนที่พรรค จะตัดสินใจส่งนายธนิก ได้ตรวจสอบคุณสมบัติและส่งเอกสารการลาออกจากผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อให้ กกต. รับทราบแล้วทั้งนี้มองว่าการประชุมของ กกต.พรุ่งนี้ คงเป็นการประชุมตามวาระเมื่อมีคนไปร้องก็ต้องรับเรื่องและมาตรวจสอบ และหากจะมีการตรวจสอบอีกครั้งก็ขอให้ตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาและโปร่งใส
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันพรุ่งนี้คาดว่าญัตติการตั้ง กมธ.แก้ รธน.จะเข้าสู่วาระ ราว 18 นาฬิกา โดยฝ่ายค้านจะขอเวลาอภิปราย 12 ชั่วโมง อาจใช้เวลาการประชุม 2 สัปดาห์
การเมือง
ฝ่ายค้าน,แก้ไขรัฐธรรมนูญ,ปารีณา,อภิปรายไม่ไว้วางใจ
https://news.thaipbs.or.th/content/286922
กล้วย เชิญยิ้ม รับเคยมีอะไรกับคนอื่น เมียให้อภัยยึดหลักครอบครัวสำคัญ (คลิป)
หากพูดถึง กล้วย เชิญยิ้ม หลายคนคงจะคุ้นหน้า คุ้นตากันเป็นอย่างดี แต่น้อยคนนักที่จะทราบเรื่องส่วนตัว เพราะ น้ากล้วย ไม่ค่อยได้เปิดเผยที่ไหน ล่าสุด น้ากล้วย ได้พาครอบครัวมาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง ONE31 ,เห็นว่าเคยทำงานโรงงานด้วยกันทั้งคู่?,กล้วย ตอนนั้นหลังจากที่แต่งงานแล้ว เรามีลูกขึ้นมาเล่นลิเกอย่างเดียวมันไม่พอกิน ก็อาศัยเข้ามาทำงานในเมืองกรุง พอมาแรกๆ ก็ไม่รู้ทำอะไรก็เลยไปทำโรงงาน,อีฟ ตอนพี่ทำ ทำโรงงานรองเท้าส่งเมืองนอก ฝ่ายพี่กล้วยก็ทำฝ่ายปั๊มหมวกลูกเสือ,เรียกได้ว่าเริ่มต้นครอบครัวด้วยความลำบาก?,อีฟ ก็ลำบากประมาณนึง แต่ว่าเราค่อยๆ เก็บเงิน พี่กล้วยเขาชอบการแสดงลิเก มันเป็นจังหวะที่น้องชายเขายกคณะเข้ามาในกรุงเทพฯ พี่กล้วยก็เลยกลับไปเล่นลิเก,น้ากล้วยเป็นคนกลัวเมียมั้ย?,กล้วย ถ้าเราทำผิดเราก็กลัวนะ แต่ถ้าไม่ผิดก็ไม่กลัว,เวลาเล่นตลก มีคนมาจีบเยอะมั้ย?,กล้วย ก็ต้องยอมรับว่าตอนนั้นเป็นดาวรุ่ง เราก็ลืมตัวไปบ้างชั่วครั้ง ชั่วคราว แต่ไม่จริงจังอะไร,อีฟ ถ้าถามว่าพี่รับมือยังไง พี่กล้วยเขาไม่ได้ไปเสาะหา เขาเป็นของเขาแบบนี้ แต่ถ้าผู้หญิงเข้ามาให้ท่า อันนี้ก็ช่วยไม่ได้ แต่เขาก็มาเล่าให้ฟัง,กล้วย ก็บอกตรงๆ แต่ไม่ถึงขั้นละเอียดมาก ก็บอกว่าไปกับคนนั้น คนนี้มา มีอะไรกันมั้ยก็มีแหละ ผู้หญิงผู้ชายอะมีมั่ง ไม่มีมั่งก็ว่ากันไป,อีฟ แรกๆ เราก็มีงอนบ้าง แต่พี่กล้วยแกเป็นคนแบบถ้าบอกอะไรแล้ว อย่าโกรธนะ เราก็แบบโอเคไม่โกรธ ก็มีผู้หญิงมั่ง ไปเมาบ้าง เพื่อนขับรถไปพัทยาแล้วเขานอนอยู่ในรถไม่รู้เรื่องบ้าง,หนักสุดที่ทะเลาะกันถึงขั้นเลิกมีมั้ย?,อีฟ ไม่มีนะ แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาไปกับตลกชื่อศรีบาน อันนั้นก็ติดผู้หญิง อันนี้ก็เมาไปกับเขาด้วย พอเช้าก็กลับมาวางมาดเข้าบ้าน เตะหมาเพื่อข่มเรา เราก็เตะหมากลับ เดี๋ยวพอ 3 วันเดี๋ยวเขาก็มาเล่าเอง คือพี่ตัดสินใจแต่งงานกับเขาแล้ว การให้อภัยเป็นหลักสำคัญในชีวิตครอบครัว อีกอย่างเราเปิดใจกันก่อนใช้ชีวิตครอบครัว แต่ตอนนี้ไม่มีเหตุการณ์อะไรแบบนี้แล้ว,สมัยก่อนติดเหล้าหนักมั้ย?,กล้วย โอ้วถ้าอยู่คาเฟ่หนักมาก กินแบบสำมะเลเทเมา มีทั้งเขาให้เราบ้าง เราไปขอเขาบ้าง เหมือนตลกรับประทาน แต่ตอนนี้น้ากล้วยเลิกดื่มมา 20 กว่าปีแล้ว ไม่หันไปจับมันเลย แต่พอไปอยู่หมู่บ้านใหม่มีน้องๆ ชวนกินอยู่เรื่อยๆ แต่ลิมิตผมกินไม่เกิน 3 แก้ว,น้องแอม ลูกสาวคนโต เกิดอุบัติเหตุเฉียดตาย?,แอม ตอนนั้นไปกับเพื่อน พอรถคว่ำเพื่อนเสียทันที 2 คน ส่วนแอมไม่แน่ใจว่าโดนอะไรบาด แต่ที่หน้าแข้งเละถึงกระดูกเลย ตอนนั้นโชคดีที่มีพลเมืองดีมาอุ้มออกจากรถ,คนเป็นแม่ เป็นพ่อ พอได้ยินข่าวรู้สึกยังไงบ้าง?,อีฟ ตอนนั้นพี่กับพี่กล้วยไปเที่ยวกับเพื่อน แล้วมีโทรศัพท์เข้ามา แอมเป็นคนโทรมาเอง พี่กล้วยเข่าอ่อนเลย,แล้วต้องเปลี่ยนชื่อทั้งครอบครัวเลยเหรอ?,กล้วย มีซินแสที่รู้จักกัน เขาดูดวงแล้วเขาบอกว่าต้องเปลี่ยนชื่อ ถ้าไม่อย่างนั้นลูกสาวจะมีอันเป็นไปถึงชีวิต มันก็เลยเปลี่ยนเพื่อความสบายใจของครอบครัว พอเปลี่ยนมันก็ดีขึ้นครับ.
ตลกชื่อดัง กล้วย เชิญยิ้ม ยอมรับต่อหน้าภรรยาตรงๆ เคยมีอะไรกับหญิงอื่น ด้านภรรยาใจดี เลือกที่จะให้อภัย เพราะตัดสินใจที่จะเลือกคนนี้แล้ว การอภัยเป็นหลักสำคัญของชีวิต
บันเทิง,ข่าวบันเทิง
กล้วย เชิญยิ้ม,นักแสดงตลก,ดาราตลก,ตลก,ดารา
https://www.thairath.co.th/entertain/news/1489378
ยื่นศาลปกครองระงับสร้างเขื่อนรอบนิคมอุตสาหกรรม
นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ผู้รับมอบอำนาจให้ยื่นฟ้องศาลปกครอง เพื่อให้มีการระงับการสร้างเขื่อนกั้นน้ำรอบนิคมอุตสาหกรรม ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า จะยื่นฟ้อง 5หน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการดำเนินการ หรือเกี่ยวข้องกับโครงการสร้างเขื่อนรอบนิคมอุตสาหกรรม คือ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ หรือ กยน. การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ กนอ. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง และ ธนาคารออมสิน โดยจะอาศัยกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 57 มาตรา 58 มาตรา 66 และมาตรา 67 เนื่องจากเป็นโครงการของรัฐ แต่ละเลยที่จะเปิดให้ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วม นอกจากนี้ยังเป็นโครงการ ที่เข้าข่ายโครงการรุนแรงที่กระทบต่อชุมชน จะต้องจัดทำรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรือ อีไอเอ เพื่อให้คณะกรรมการอิสระเพื่อสิ่งแวดล้อมพิจารณาด้วย แต่ไม่ได้ดำเนินการขณะที่ชาวบ้านในเขตใกล้เคียงกับนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ เปิดเผยว่า รูปแบบการสร้างเขื่อนคอนกรีตทั้งหมด ที่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 5-5.5 เมตร และบางแห่งสูงถึง 6-7 เมตร อาจเป็นอุปสรรคสำคัญในการระบายน้ำ จนทำให้ชาวบ้าน และชาวนาในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต้องตกอยู่ในสถานการณ์อุทกภัยนานกว่าทุกปีที่ผ่านมาสำหรับแผนการก่อสร้างพนังกั้นน้ำ หรือเขื่อนกั้นน้ำ ของ 7 นิคมอุตสาหกรรม อย่างน้อย 7 แห่ง ในเขตพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และ นนทบุรี เริ่มเดินหน้าก่อสร้าง โดยอุตสาหกรรมสหรัตนนคร เขตอุตสาหกรรมโรจนะ นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน เขตอุตสาหกรรมนวนคร และเขตอุตสาหกรรมบางกะดีด้าน นายสุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ขณะนี้ได้ทำความเข้าใจกับทาง กนอ.แล้วว่า นิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ทำกำแพงป้องกันน้ำท่วมสูงขึ้น จะต้องเสนอรายงานการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดในอีไอเอ เพื่อประเมินส่วนที่เปลี่ยนแปลง หรือมาตรการที่เพิ่มขึ้นมาว่าจะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยเสนอให้กับคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณาโครงการ หรือ คชก. ให้ความเห็นชอบก่อนดำเนินการ เพราะบางพื้นที่จาก เดิมคันดินสูงเพียง 2 เมตรเพิ่มเป็น 4 เมตร หรือกำแพงเพิ่มเป็น 4-5 เมตร ก็ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงรายละเอียด และหน่วยงานอนุมัติอนุญาตต้องกำกับดูแลเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีนิคมฯใด ส่งรายละเอียดการขอแก้ไขรายละเอียดอีไอมาให้พิจารณาขณะที่ นายวีรพงษ์ ไชยเพิ่ม รองผู้ว่าการ กนอ. กล่างถึงการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมกำแพงกั้นน้ำของ 7 นิคมฯ ว่า อยู่ระหว่างการดำเนินการของแต่ละนิคมฯเพื่อรวบรวมเสนอให้พิจารณา แต่อีไอเอก็เป็นเพียงการจัดทำรายงานเพิ่มเติมในส่วนที่ขยายเท่านั้น เนื่องจากแต่ละนิคมฯได้จัดทำอีไอเอเดิมอยู่แล้ว และได้ผ่านการพิจารณาไปแล้วขณะที่นายวิทยา เลืองลือยศ ผู้จัดการทั่วไปอาวุโสสวนอุตสาหกรรมโรจนะ กล่าวว่า การก่อสร้างเขื่อนคอนกรีตกั้นน้ำ เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนต่างชาติไม่ให้ย้ายฐานการผลิตไปที่อื่น และจะช่วยป้องกันน้ำท่วม ทำให้พนักงานและผู้ที่เกี่ยวข้องกับโรงงานกว่า 300000 คน ให้มีงานทำต่อไปด้านรองศาสตราจารย์เสรี ศุภราทิตย์ กรรมการ กยน. วิเคราะห์ว่า น้ำที่เคยท่วมในสวนอุตสาหกรรมทุกแห่ง ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา คิดเป็นร้อยละ 3 จากน้ำที่ท่วมทั้งจังหวัด การสร้างเขื่อน จึงไม่น่าจะมีผลกระทบ แต่การสร้างความเข้าใจเรื่องการบริหารจัดการน้ำ รวมทั้งการสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างโรงงาน ชุมชน และจังหวัด เป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลควรดำเนินการอย่างเร่งด่วน
สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน รับมอบอำนาจฟ้องคดีรอบที่ 3 เพื่อเรียกร้องค่าชดเชย ให้ประชาชนที่ถูกน้ำท่วมเมื่อปี 2554 ที่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เบื้องต้นมีชาวบ้านลงชื่อเพื่อยื่นเรื่องให้ฟ้องร้อง รวมทั้งหมดแล้วกว่า 1000 ราย
ภูมิภาค
นิคมอุตสาหกรรม,น้ำท่วม,ระงับ,ศาลปกครอง,สร้างเขื่อน
https://news.thaipbs.or.th/content/70587
สระแก้วจับ14คนไทยลอบเข้าเมือง ส่งศาลประกันคนละ4หมื่น อิดออดจะไม่กักตัว
เมื่อเวลา 13.00 น. ของวันที่ 29 ก.ค.63 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในจังหวัดสระแก้ว เตรียมส่งตัวพนักงานบ่อนกาสิโนออนไลน์ ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 และหน่วยเฉพาะกิจตาพระยา จับกุมได้หลังดักซุ่มอยู่บริเวณชายแดน เขตหมู่บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง ห่างจากถนนสายความมั่นคง หรือ ถนนศรีเพ็ญไม่เกิน 400 เมตร รวมทั้งหมด 14 คน เข้าสู่กระบวนการกักกันโรคเป็นเวลา 14 วัน หลังพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรโคกสูง ส่งตัวฟ้องศาลจังหวัดสระแก้วเมื่อช่วงสายวันนี้ โดยศาลมีคำสั่งประกันตัว คนละ 4 หมื่นบาท ขณะที่หน่วยงานด้านความมั่นคง ยืนยันถึงกระบวนการจับกุมคนไทยทั้ง 14 คน มีเจตนาลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมายแน่นอนจากกรณีดังกล่าว พลตำรวจตรี ปราศรัย จิตตสนธิ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.สรวัชร์ ศรีบุตตะ ผกก.สภ.โคกสูง ประสานกับ พ.ต.อ.ฐาปนนท์ หน่องพงษ์ ผกก.ตชด.12 เจ้าหน้าที่ชุดควบคุมตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 และหน่วยเฉพาะกิจตาพระยา ในจังหวัดสระแก้ว พาทีมผู้สื่อข่าวเดินเท้าเข้าไปในจุดที่พบตัวกลุ่มคนไทยรวมทั้งหมด 14 คน เพื่อหามาตรการป้องกันไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือว่าชาวกัมพูชาเดินทางเข้ามาในไทยผิดกฎหมายเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง ระบุว่า จุดนี้เป็นป่าละเมาะอยู่ในเขตบ้านหนองหญ้าแก้ว ห่างจากถนนศรีเพ็ญเพียงไม่กี่ร้อยเมตร โดยกลุ่มคนไทยทั้ง 14 คน ไม่ใช่คนในพื้นที่ และการที่จะเดินเท้าเข้ามาถึงยังจุดนี้ได้ จะต้องมีคนนำพาที่ชำนาญเส้นทางอย่างแน่นอน เพราะรอบพื้นที่ป่าแห่งนี้ ยังคงเป็นจุดอันตรายที่มีทุ่นระเบิดวางไว้อยู่เป็นจำนวนมาก หรือแม้แต่ชาวบ้านในพื้นที่เอง ถึงแม้จะเข้าไปทำไร่ทำนา หรือเข้าไปเลี้ยงวัวเลี้ยงควายเป็นประจำทุกวัน ยังเคยพลาดเหยียบกับระเบิดเสียชีวิตและพิการมาแล้วหลายคนมีรายงานว่า กลุ่มคนไทยทั้ง 14 คนนี้ ขณะกำลังเดินเท้าข้ามแดนเข้ามาในฝั่งไทย ได้ถูกเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า มีคนไทยกำลังลักลอบข้ามแดนเดินผ่านพื้นที่บ้านตำบลหนึ่ง อำเภอโอโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา ก่อนที่จะวางกำลังดักซุ่มตามช่องทางธรรมชาติในฝั่งไทย จนกระทั่งพบตัวคนไทยทั้ง 14 คน นั่งพักดื่มน้ำอยู่กลางป่าละเมาะในเขตหมู่บ้านหนองหญ้าแก้ว เมื่อเจ้าหน้าที่แสดงตัว คนไทยทั้งหมดแจ้งว่า ได้ข้ามไปเล่นการพนันในฝั่งกัมพูชานานหลายเดือน และต้องการจะกลับภูมิลำเนา ก่อนที่จะส่งตัวพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรโคกสูงดำเนินคดีขณะที่กระบวนการดำเนินคดีคนไทยทั้ง 14 คน พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรโคกสูง ได้แจ้งข้อกล่าวหา ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย มีโทษปรับคนละ 2 พันบาท โดยได้ส่งตัวคนไทยทั้ง 14 คน ไปส่งฟ้องศาลจังหวัดสระแก้ว แต่กลับพบว่า คนไทยทั้ง 14 คนให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยให้เหตุผลว่า ไม่ได้หลบหนีเข้าเมือง และยังคงอยู่ในเขตราชอาณาจักรไทย จึงทำให้ผู้ต้องหาทั้งหมด ต้องยื่นประกันตัวในวงเงินคนละ 4 หมื่นบาทหลังจากหน่วยงานด้านความมั่นคง รายงานผลการจับกุมไปยังผู้บังคับบัญชาระดับสูงตามลำดับชั้น ปรากฏว่า มีความพยายามจากคนดังรายหนึ่ง รวมถึงทีมกฎหมาย ขอไกล่เกลี่ยด้วยข้อเสนอต่างๆ เพื่อแลกกับการให้ปล่อยตัวคนไทยทั้ง 14 คน และไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการกักกันโรค 14 วันเพราะมีรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ผู้บริหารระดับสูงในจังหวัดสระแก้ว ได้เรียกประชุมด่วน เพื่อหารือในกรณีนี้ โดยแหล่งข่าวยืนยันว่า หลังจากคนไทยทั้ง 14 คน ได้ยื่นประกันตัวในชั้นศาลแล้ว จะต้องเข้าสู่กระบวนการกักกันโรคเป็นเวลา 14 วัน ที่โรงแรมสเตชั่นวัน ในอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้วล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. ที่ผ่านมา นายวรพันธุ์ สุวัณณุสส์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ได้สั่งการให้ นายณัฐชัย นำพูลสุขสันต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เดินทางไปเจรจากับกลุ่มคนไทยทั้ง 14 คนนี้ที่ศาลจังหวัดสระแก้ว เนื่องจากคนไทยทั้ง 14 คน จะไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการกักกันโรค 14 วันดังกล่าว.
จนท.สระแก้วจับคนไทย 14 คน จากเขมรลอบเข้าไทยแบบผิดกฎหมาย ส่งฟ้องศาลประกันตัวคนละ 4 หมื่น และให้กักตัวอีก 14 วัน เผยคนกลุ่มนี้ต้องมีคนนำทางมาเพราะรอดจากทุ่นระเบิด แถมพยายามวิ่งเต้นไม่ยอมกักตัว
ข่าว,ทั่วไทย
จับคนไทย,ลักลอบเข้าเมือง,ชายแดนไทย-กัมพูชา,สระแก้ว,ไม่ยอมกักตัว,เล่นพนัน,ลักลอบข้ามแดน,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/east/1899588
ชีวิตก่อน-หลังฆ่าตัวตาย เจาะมุมคิดหลักวิทย์ VS หลักพุทธ
ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์นั้น มีมูลเหตุ อาการ และวิธียับยั้งผู้ที่คิดจะอย่างไร ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ พูดคุยกับ ,พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต, พร้อมฟังมุมมองทางศาสนาจาก ,พระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว, สิทธิส่วนบุคคล หรือผิดหลักศาสนาอย่างไร ต้องติดตาม,Part 1 : หลักวิทยาศาสตร์,เหตุแห่งความคิด มีที่มาจากสิ่งใดได้บ้าง?,พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงปัจจัยที่ก่อให้เกิดการ มีหลายปัจจัย 2 ประการร่วมกัน คือ ,1. มีปัญหาบางอย่างที่สะสมอยู่ภายใน, ทำให้คิดและตัดสินใจออกมาในรูปแบบเฉพาะของตัวเอง ,2. ได้รับแรงกดดันจากสภาวะต่างๆ รอบตัว,อย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่ปัญหาความเครียดที่พบมาก คือ ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ความสัมพันธ์กับคนใกล้ตัว เช่น ครอบครัว คนรัก เพื่อน รวมถึงปัญหาด้านสุขภาพ เนื่องจากความเจ็บป่วยจะทำให้เกิดความตึงเครียดเรื้อรัง เป็นต้น,ซึมเศร้า อกหักเสี่ยงจบชีวิตตัวเอง,รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต ให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้าว่า คนกลุ่มนี้มีความเสี่ยงสูงที่จะคิด เนื่องจากโรคซึมเศร้า เป็นโรคที่มีความเศร้าสูง ขาดความรื่นเริงในชีวิตอย่างที่เคยเป็น จึงส่งผลให้มีความเปลี่ยนแปลงต่างๆ เกิดขึ้นกับชีวิตในทางที่ไม่ดี เช่น วิธีคิดและทัศนคติในแง่ลบ มองเห็นคุณค่าในตัวเองน้อยลง มองสิ่งแวดล้อมไปในทางแย่ และเมื่อช่วงเวลาผ่านไปสักระยะ จะยิ่งรู้สึกว่า ตัวเองไม่มีความหมาย จึงตัดสินใจจบชีวิตโดยการทำร้ายตัวเอง โดยไปสู่ความคิด ดังนั้น หากผู้ป่วยโรคซึมเศร้าไม่ได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด มีโอกาสสูงที่จะมีความคิด,ยาเสพติด แอลกอฮอล์ยาแรงกระตุ้นคิดสั้น?,จากสถิติการที่ผ่านมา พบว่า การใช้ยาเสพติดและแอลกอฮอล์ มีผลต่อการตัดสินใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากฤทธิ์ของยา จะเป็นตัวกล่อมให้กระทำการบางอย่างได้ง่ายขึ้น อีกทั้งมีสติในการหยุดความคิด ความชั่งใจ ความยับยั้งตัวเองได้ยากขึ้น,อาร์ตตัวแม่ ศิลปินตัวพ่อ เสี่ยงที่สุด จริงหรือ?, รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต สะท้อนความนึกคิดกลุ่มอาชีพศิลปิน,ส่วนใหญ่ปัญหาที่พบในกลุ่มอาชีพศิลปินนั้น เป็นปัญหาเหมือนคนทั่วไป แต่ต้องทำความเข้าใจว่า กลุ่มศิลปินเป็นอาชีพที่มีความเสี่ยง มีขึ้นมีลง มีการเปลี่ยนแปลงกับชีวิตได้ง่าย ไม่มีความแน่นอน และมีโอกาสตกงานตลอดเวลา,อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีดาราศิลปินที่มีชื่อเสียงเข้ามารับการรักษาจำนวนไม่น้อย แต่ พญ.พรรณพิมล ไม่ขอระบุชื่อผู้ป่วย,เช็กตัวเอง คุณเครียดเข้าขั้นได้หรือไม่?,พญ.พรรณพิมล วิปุลากร แนะคนที่มีความเสี่ยงในการคิด จะมีข้อสังเกต ดังนี้ ,1. ถ้าเรารู้สึกว่าตัวเองมีความคิดตกร่อง, หรือไม่สามารถถอนความคิด หรือทัศนคติในแง่ลบ ออกจากความรู้สึกภายในของตัวเองได้ นั่นหมายถึง สัญญาณว่าคุณกำลังต้องการความช่วยเหลือ ให้เริ่มจากการเข้าหาหรือพูดคุยกับคนใกล้ชิดก่อน เช่น คนรัก คนรอบตัว เพื่อนสนิท เพื่อให้ผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นไปให้ได้ ,2. ผู้ป่วยทางด้านจิตเวช, เช่น โรคซึมเศร้า ควรได้รับการรักษาที่โรงพยาบาล เนื่องจากคนที่มีความคิดจะจะสร้างโอกาส หรือพร้อมที่จะทำร้ายตัวเองอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้น คนประเภทนี้ จะต้องได้รับการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด และควรจะได้รับการรักษาจนกว่าจะพ้นภาวะเสี่ยงเหล่านั้น,ชั่ววูบเหตุเหล่านี้จับสัญญาณ เข้ายับยั้งทัน,พญ.พรรณพิมล กล่าวถึงคำว่า ,อารมณ์ชั่ววูบ, ไว้ว่า ก่อนจะเป็นความคิดเพียง ,ชั่ววูบ, โดยส่วนใหญ่บุคลนั้นๆ จะมีความคิดเกี่ยวกับการมาก่อน เมื่อความคิดนี้รุนแรงขึ้นจนถึงจุดที่ท้อแท้กับชีวิตมากถึงมากที่สุด จึงรู้สึกว่าอยากลงมือที่จะกระทำบางสิ่งบางอย่างให้ถึงแก่ความตาย,ดังนั้น คนรอบข้างจะสามารถสังเกตได้จากสัญญาณต่างๆ เช่น การบอกลา ไม่ว่าจะโดยวิธีการใดก็ตาม หรือสัญญาณบ่งบอกว่า เขาเปลี่ยนไป รวมถึงการเริ่มเตรียมการบางสิ่งบางอย่าง เตรียมอุปกรณ์ หรือการเขียนจดหมาย เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ก่อนการลงมือ จะมีการคิดวนซ้ำๆ และลังเลว่า จะตัดสินใจลงมือดีหรือไม่ แต่แล้วเมื่อถึงจุดๆ หนึ่งที่รู้สึกว่ามีแนวโน้มที่จะดำดิ่งลงไปมากๆ กระทั่งไม่สามารถต่อต้านความรู้สึกภายในได้แล้ว บุคคลนั้นๆ จะมีการลงมือทันทีทันใด,
รู้ให้ไว ดูแลให้ทัน ทางสกัดคนคิดสั้น,รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงแนวทางการป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุว่า ,1. จะต้องรู้ว่า กลุ่มคนที่มีความเสี่ยงเกี่ยวกับความคิดเป็นใคร, เช่น เมื่อรู้ว่าคนที่เป็นโรคซึมเศร้ามีความเสี่ยง จึงสามารถดูแลรักษาได้และลดความเสี่ยงได้ต่อไป ,2. เมื่อมีสัญญาณการเกิดวิกฤติกับคนรอบข้าง, เช่น เขากำลังท้อแท้กับชีวิต มีภาวะความเครียดและความวิตกอย่างรุนแรง จนถึงจุดที่คาดว่าจะทำร้ายตัวเอง ดังนั้น สิ่งที่คนรอบข้างพึงกระทำ คือ ควรพูดคุยให้กำลังใจ เพื่อเป็นการช่วยดึงเขาออกมาจากห้วงความคิดในโลกของเขาเอง ,3. เมื่อรู้ว่าคนรอบข้างอยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยง จะต้องป้องกันไม่ให้เขาใช้สุราและยาเสพติด, เนื่องจากเป็นสิ่งกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมการ 4. ,การสร้างความเข้มแข็งภายในใจ, เนื่องจากมนุษย์ทุกคนเกิดมาก็ต้องพบเจอกับปัญหาต่างๆ เมื่อโตขึ้นทุกคนจะต้องมีวิธีการต่อสู้กับปัญหาที่ต่างกัน ฉะนั้น จะต้องสร้างภูมิคุ้มกันจุดนี้ให้ได้ และในที่สุดจะสามารถผ่านปัญหาเหล่านั้นไปได้,พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต ทิ้งท้าย

,Part 2 : หลักศาสนา
พุทธ,ความเช่ือตามหลักศาสนาเป็นเช่นไร?,พระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว แสดงหลักธรรมทางศาสนาพุทธเรื่องการให้ทีมข่าวฟังว่า การเกิดเป็นมนุษย์นั้นแสนลำบากยากเข็ญ กว่าจะวิ่งแข่งกันมาถึงรังไข่ของผู้เป็นแม่ได้มิใช่เรื่องง่าย เนื่องจากจะมีเพียงผู้โชคดีเพียงตัวเดียวเท่านั้น นอกจากนั้น ตัวอื่นๆ จะต้องตายหมด,ตัวเล็กๆ เป็นล้านๆ ตัววิ่งแข่งกันเพื่อมาเกิด มีตัวหนึ่งเข้มแข็งแซงพวกเขาเหล่านี้มาได้ แต่ดันเกิดมาแล้วอ่อนแอ ใจเสาะ เปราะบาง ตอนโต ดังนั้น คนเหล่านี้ขาดหลักธรรมอยู่ข้อหนึ่ง คือ ตั้งใจจะอยู่ทำนุบำรุงบิดามารดาให้มีความสุข ไม่ต้องให้บิดามารดามาร้องไห้เป็นทุกข์ ฉะนั้น การจึงเป็นบาปชนิดหนึ่งที่โบราณเขาเรียกกันว่า คนเกิดกี่ชาติๆ ก็เป็นปัญญาอ่อน เนื่องจากสติปัญญาที่มีไม่เข้มแข็งพอ ที่จะห้ามปรามไม่ให้ตัวเอง, พระพยอม กัลยาโณ แสดงธรรม,อย่างไรก็ตาม เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ระบุอีกว่า คนโบราณมีความเชื่อที่ว่า คนคิดสั้นนั้น ชาติหน้าจะเกิดเป็นคนสติสตังไม่ค่อยดี ขาดความรู้สึกตัว ความฉลาดจะไม่ติดเป็นนิสัยไปทุกภพทุกชาติ แต่จะติดนิสัยน้อยอกน้อยใจแทน โบราณจึงบอกว่าเมื่อไปเกิดแล้วจะปัญญาอ่อนบ้าง เป็นสุนัขบ้าง คนเหล่านี้มักจะไม่ค่อยได้มีโอกาสเกิดในที่ดีๆ เพราะตายก็ตายไม่ดี ตอนตายคิดไม่ดี ไม่ได้คิดถึงบุญกุศล พ่อแม่อาจจะคิดน้อยใจ นิมิตไม่ดีก็พาไปเกิดที่ไม่ดี และดั้งเดิมตามบาลีได้ชี้ชัดไว้ว่า จิตเต สังกิลิฏเฐ ทุคติปาฏิกังขา เมื่อจิตเศร้าหมอง ไม่ผ่องใส ทุคติเป็นที่ไป,ผลกรรมของการสำเร็จ คือ?,พระพยอม กล่าวถึงผลกรรมของการว่า หากได้เกิดเป็นคน ก็จะเป็นคนปัญญาอ่อน ถ้าไม่ได้เกิดเป็นคนก็ต้องเป็นอสุรกาย เดรัจฉาน สัตว์นรก เมื่อมนุษย์ทำตัวเป็นต้นเหตุแห่งความทุกข์ให้กับคนอื่นๆ มนุษย์ผู้นั้นจะเป็นเกิดในที่ที่เป็นสุขได้อย่างไร,เมื่อทีมข่าวถามว่า , เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ให้คำตอบในทันทีทันใดว่า ,ไม่ใช่ คนที่ไม่ได้ตายด้วยอายุไขอันควร คนที่เกิดมาแล้วทำให้พ่อแม่ที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมา ต้องมาพลัดพรากจากกัน โดยที่ตั้งเนื้อตั้งตัวรับไม่ทัน เขาเรียกว่า ชะตากรรมร่วมกันต้องมาเกิดร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน,คนที่ท้อแท้ สิ้นหวัง กำลังคิด โปรดฟังทางนี้สักนิด,เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว แนะวิธีคิดแก่ผู้ที่กำลังจะคิดว่า ,1. เราเป็นมนุษย์ มนุษย์เกิดยาก ทำไมเราต้องมาตายง่ายๆ, ,2. ต้องคิดว่าถ้าอยู่เราอาจจะได้ดูอะไรดีๆ ในโลกนี้, สลับกับความทุกข์ที่เราเห็นมาก็ได้ เช่น วันนี้สุข พรุ่งนี้ทุกข์ เพราะโลกใบนี้มันมีทั้งสองอย่าง มีได้มีเสีย มีบวกมีลบ มีสมหวังมีผิดหวัง มีแพ้มีชนะ หรือเลิกคนนี้ไปอาจจะได้แฟนใหม่ที่ดีกว่าคนนี้ก็ได้ เสียดายไม่ทันอยู่เจออีกคน เพราะว่าคิดว่าคนๆ นี้ดีที่สุด เพราะโลกใบนี้มีหลายมุม จะพินิจพิเคราะห์เพียงจุดๆ เดียวไม่ได้ และ, 3. เขาบอกว่า เวลาจะคิดอย่าไปกระโดดตึกตาย, เพราะเมื่อร่างตกลงจากที่สูง ร่างหรืออวัยวะต่างๆ จะได้รับความเสียหาย จนไม่สามารถนำร่างไปเป็นอาจารย์ใหญ่ หรือครูผู้ให้ความรู้ได้,คนเราต้องระวังอยู่ 2 เรื่อง คือ ,1. อย่าเป็นต้นเหตุให้ใครเป็นทุกข์, ซึ่งการทำให้พ่อแม่เกิดทุกข์ ,2. อย่าโง่เอาทุกข์มาถมตนเสียเปล่าๆ, ถ้าพยายามแล้ว ทำให้ร่างกายพิกลพิการ ก็นำมาสู่ความทุกข์ให้เกิดแก่ตนเองและคนรอบข้างได้อีก หากระวัง 2 เรื่องนี้ได้ การจะเกิดขึ้นได้ยาก,พระพยอม แนะแนวทางเอาชนะความทุกข์ว่า , พระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ทิ้งท้ายด้วยคำถามชวนคิด.

ฆ่าตัวตายตามหลักการทางวิทยาศาสตร์นั้น มีมูลเหตุ อาการ และวิธียับยั้งผู้ที่คิดจะฆ่าตัวตายอย่างไร พร้อมฟังมุมมองทางศาสนาจาก พระพยอม ฆ่าตัวตายสิทธิส่วนบุคคลที่พึงกระทำได้ หรือผิดหลักศาสนาอย่างไร ต้องติดตาม!
ข่าว,ทั่วไทย
ฆ่าตัวตาย,โรคซึมเศร้า,ประสบการณ์ ฆ่าตัวตาย,ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์,รอดชีวิต,คิดฆ่าตัวตาย,กระโดดตึกตาย,กินยาตาย,ฆ่าตัวตายแล้วไม่ตาย,ไบโพลาร์,เพียรชนันท์ ลีอุดมวงษ์,ข่าว ฆ่า ตัว ตาย วัน นี้,ไทยรัฐออนไลน์,ไทยรัฐ,ข่าว,ข่าวฆ่าตัวตาย,ข่าวความเครียด,พระพยอม,แพทย์สุขภาพจิต,พรรณพิมล วิปุลากร,พระพยอม กัลยาโณ,การฆ่าตัวตาย,บาปฆ่าตัวตาย,ฆ่าตัวตายบาปขนาดไหน,ฆ่าตัวตาย500ชาติ,ข่าวสังคม,สกู๊ปเฉพาะกิจ
https://www.thairath.co.th/news/local/516591
แก๊งนางฟ้าเฮ เจนสุดา สละโสด วิวาห์เรียบง่าย พอล สิริสันต์ ลุยมีลูกเลย
ได้ฤกษ์ดีสละโสดกันไปแล้ว สำหรับ เจน เจนสุดา ปานโต และแฟนหนุ่มไฮโซมาดเซอร์ พอล สิริสันต์ โดยในช่วงเช้าได้มีพิธีมงคลสมรสกันอย่างเรียบง่าย ชื่นมื่น มีเพื่อนแก๊งนางฟ้าของเจ้าสาวมากันพร้อมเพรียง จากนั้นในช่วงบ่าย บ่าว-สาวป้ายแดงได้เปิดใจกับสื่อมวลชน ที่โรงแรมปาร์คนายเลิศ ทั้งนี้ เจน พอล จะมีงานพิธีคริสต์ที่ชลบุรี,ถามถึงบรรยากาศงานแต่งงานเมื่อช่วงเช้าเป็นไงบ้าง?,เจน : สำหรับงานเมื่อเช้ามีพิธีสงฆ์ช่วง 8 โมงเช้า หลังจากนั้นก็จะเป็นตักบาตร ปล่อยนก รดน้ำสังข์ ทานอาหารกลางวัน เป็นพิธีเรียบง่าย เพื่อนทั้งแก๊งเป็นเพื่อนเจ้าสาวหมด และมีเพื่อนเจนที่ทำงานด้วยกันตั้งแต่สมัยเรียนก็เป็นเพื่อนเจ้าสาวด้วย บินมาจากเมืองนอกด้วยค่ะ,พอล : มาถึงวันนี้รู้สึกว่าใช่ครับ พอลรู้สึกว่านี่แหละคือสิ่งที่ต้องการ ไม่ตื่นเต้นครับ อยากให้ถึงวันนี้เร็วๆ อยากจะทำพิธีตรงนี้,เจน : พอมันมาถึงจริงๆ เวลามันผ่านไปเร็วมากเลยค่ะ เหมือนที่มีคนบอกไว้ค่ะ เราก็ยังไม่เข้าใจว่าเวลาผ่านไปเร็วยังไงค่ะ ก็เป็นแบบที่เขาพูดจริงๆ,รู้สึกยังไงที่มาถึงวันนี้ วันวิวาห์ของเรา?,เจน : จริงๆ เจนเคยบอกเสมอว่าชีวิตเจน คือไม่ได้หมายความว่าเจนต้องการจุดสูงสุดในชีวิตคือต้องการแต่งงาน แต่เจนคิดว่าการที่เราต้องเจอคนที่เรารู้ว่าเราฝากฝังชีวิตเราไว้ได้ จะแต่งงานหรือไม่แต่งงานมันเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล แต่สำหรับเจนคือวันนี้เป็นวันที่เราแน่ใจแล้วว่าคนนี้คือใช่ แล้วเราจะฝากชีวิตไว้กับเขา เหมือนเป็นวันที่ทำให้เรามีชีวิตใหม่กับอีกคนค่ะ,อะไรที่ทำให้เขาชนะใจเราได้?,เจน : เขาเป็นคนดี มีน้ำใจ ใจดี ให้เกียรติเจนและครอบครัว ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เจนก็เห็นอะไรหลายอย่างจากการที่ปฏิบัติต่อครอบครัวของเราและเขาด้วย ก็รู้สึกว่าคนนี้คือคนที่ใช่ ความรู้สึกต่างๆ ก็ลงตัวหมดค่ะ,พอล : คือเจนเป็นคนที่มีความฝัน สร้างฝันตัวเอง ไม่ว่าจะลำบากยังไง เจนเป็นคนที่มีความมุ่งมั่น ซึ่งเป็นภาพที่คนอื่นอาจไม่ค่อยเห็น แต่ผมเห็นและรู้สึกทึ่ง ในทุกวันสิ่งที่เจนทำ เจนได้ให้แรงบันดาลใจสำหรับผม ผมเชื่อว่าชีวิตของคนเรา ชีวิตคู่ แรงบันดาลใจเป็นสิ่งสำคัญ ทำให้ขับเคลื่อนวันของเราได้ทุกวัน เจนเป็นคนที่รักครอบครัวมาก เจนรักคุณแม่ ผมว่ามากกว่าชีวิตเจน เป็นความรักที่สูงส่ง ทำให้ผมเห็นว่าผู้หญิงคนนี้เป็นแม่ของลูกเราได้,แบบนี้ตั้งใจมีลูกเลยไหม?,พอล : เราไม่ใช่เด็กๆ กันแล้วครับ เราก็มีอายุพอสมควร จะไม่รออะไร วันนี้เราแต่งงานเพื่ออยู่ด้วยกัน แต่งงานเพื่อสร้างครอบครัวครับ,เจน : ถามว่าพร้อมไหมก็โอเคค่ะ (หัวเราะ) พร้อมค่ะ,อยากมีลูกสาวหรือลูกชาย?,เจน : ยังไงก็ได้ แล้วแต่ค่ะ ก็พร้อมค่ะ (หัวเราะ) เพื่อนเจนที่มีลูกแล้ว ทุกคนจะบอกว่ามันเหนื่อยมากเลยนะ แต่มันเป็นความสุขที่อธิบายไม่ถูก มันเป็นความสุขที่เติมเต็มชีวิต ต่อชีวิตให้กับเรา เขาก็ยุเจนตลอดเลยว่า มีเลยๆ ค่ะ เจนก็เลยคุยกับคุณพอลไว้แล้วว่าถ้ามาก็มา ไม่มาก็แล้วแต่จังหวะ ส่วนเรื่องที่ แอน อลิชา ท้องแล้วก็ดีใจด้วยค่ะ เพราะเขารอมานาน เขาพร้อมมานานมาก พยายามทุกวิถีทางแล้ว วันนี้มาถึงก็เป็นวันแห่งความสุขค่ะ เดี๋ยวตามไปไม่ช้านี้ค่ะ (หัวเราะ),ถามถึงสินสอดทองหมั้น?,พอล : เมื่อเช้าเป็นงานแต่งงานไทย รดน้ำสังข์ เรื่องสินสอดผมอยากจะขอเก็บไว้เป็นเรื่องส่วนตัว เพราะว่าความรักไม่ใช่ตัวเลข ผมไม่อยากจะให้ประเด็นหรือสื่อเป็นเรื่องตัวเลข ความรักเป็นเรื่องคนสองคนที่มุ่งมั่นทำวันของเราสองคนให้ดีที่สุดในวันนี้ และอนาคตครับ ซึ่งเราหมั้นกันไปแล้วภายในครอบครัวก่อนหน้านี้แบบเงียบๆ ครับ เพราะเราอยากให้เป็นเรื่องของเราสองคนครับ,ถามถึงแหวนแต่งงานมีไหม?,พอล : มีครับ,เจน : ถามว่ากี่กะรัตไม่แน่ใจเหมือนกัน มีแลกแหวนกัน แล้วไม่เคยถามว่ากี่กะรัต ไม่เป็นไร กี่กะรัตก็ได้ (หัวเราะ) ก็แลกแหวนตอนที่ขอตั้งแต่แรกค่ะ,เรือนหอล่ะ?,เจน : กำลังทำอยู่ แถวสุขุมวิทค่ะ น่าจะอีกนานเหมือนกันค่ะ,ตอนรดน้ำสังข์ ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายให้พรยังไงบ้าง?,เจน : โห พิธีรดน้ำสังข์ไม่มีใครเตือนเจนเลยว่า มันจะเป็นพิธีที่ค่อนข้างมีความตื้นตันเยอะมาก ผู้ใหญ่ที่เราเคารพนับถือมาจับมือให้พร ให้คำพูดที่เตือนสติว่าการใช้ชีวิตมันต้องมีปัจจัยอะไรบ้าง แล้วเรารู้สึกว่าดีใจมาก ตื้นตัน ร้องไห้ตลอดเลย (หัวเราะ),พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายฝากฝังอะไรบ้าง?,พอล : คุณแม่มีเจนคนเดียว เลี้ยงเจนมาด้วยตัวคนเดียวมาตลอด เพราะฉะนั้นเจนเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับคุณแม่ คุณแม่รักผม ผมรู้ครับ วันนี้คุณแม่พูดมาตลอดว่าดูแลเจนให้ดีที่สุดนะ คุณแม่รู้ว่าผมเป็นคนดี ผมรักเจน จะดูแลเจนต่อไปครับ,เจน : คือผู้ใหญ่ฝ่ายพี่พอลจะน่ารักมากๆ นะคะ เมื่อเช้าเจนมีเตรียมพวงมาลัยไหว้ขอบคุณแม่เจน และทางบ้านพี่พอล ก็ขอตัวเองเป็นลูกสาวในบ้านเขาด้วยอีกคนนึง (หัวเราะ) ทางบ้านเขาก็น่ารักมาก จริงๆ ตั้งแต่แรกแล้วก็ต้อนรับเจนเป็นอย่างดี อบอุ่นมาก,เพื่อนๆ มีรดน้ำสังข์อวยพรยังไงบ้าง?,เจน : จริงๆ เพื่อนไม่ได้รด เพราะเพื่อนเป็นรุ่นเดียวกัน เขาให้ผู้ใหญ่รดน่ะเนอะ เพื่อนเลยไม่ได้รดน้ำสังข์ แต่จากสิ่งที่เพื่อนทำไม่ต้องพูดอะไรมาก บางคนโทรมาตอนกลางคืนบอกว่าวันนี้เป็นแบบนี้นะ บางคนมานอนเป็นเพื่อน บินมาจากเมืองนอก เห็นน้ำตาหยดปุ๊บ ทิชชูมาปั๊บ ไม่ต้องให้เรียกเลยด้วยซ้ำไป เมื่อคืนนี้เย็บชุดเจ้าสาวที่ทำเองถึงตี 3 ก็อยู่ด้วยกัน ช่างเย็บผ้าที่แบรนด์ก็อยู่ด้วยกัน ทุกคนเต็มที่มาก ไม่ต้องพูดอะไรเลย แค่นี้เจนก็รู้แล้วว่าทุกคนดีใจ,แพลนฮันนีมูนล่ะ?,เจน : ฮันนีมูนอาจจะต้องรอสักนิดนึง เพราะเรามีแพลนว่าถ้ามีน้องมาก็มีมาเลย เลยอยากจะไปขับรถหลายประเทศในยุโรปค่ะ แต่ช่วงนี้อากาศหนาว ก็เลยจะรอช่วงซัมเมอร์ประมาณเดือน มิ.ย. ช่วงนี้อาจจะไปเที่ยวสั้นๆ ก่อนแถวๆ นี้ค่ะ ในหรือต่างประเทศก็ได้ พักผ่อนค่ะ,พอล : งานแต่งงานครั้งนี้เราสองคนคงจะลงมือทำด้วยน้ำมือตัวเองเยอะมาก ไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องฮันนีมูน อยากจะให้งานมันออกมาเป็นเราสองคนจริงๆ ทั้งงานวันนี้และงานวันที่เป็นพิธีโบสถ์คาทอลิกด้วย,แล้วงานวันที่ 9 ม.ค. เป็นแบบไหน?,เจน : สำหรับธีมไม่มีอะไรเป็นพิเศษ แต่ว่าทางบ้านพี่พอลและเจน อยากให้มีอีกอันนึงตามหลักศาสนาคาทอลิกของพี่พอล อยากให้เป็นอะไรที่ส่วนตัวเงียบๆ,พอล : จริงๆ เป็นงานสำหรับครอบครัวผมซึ่งเป็นคาทอลิก ก็เลยจะจัดงานคาทอลิกเล็กๆ ในโบสถ์ ตามด้วยการกินข้าวกับเพื่อนสนิทและญาติทุกคน ก็จัดที่ จ.ชลบุรี ครับ จะเป็นงานเล็กๆ ธรรมชาติ ส่วนงานวันนี้ที่เราสองคนเลือกที่นี่เพราะธรรมชาติ ต้นไม้ เราสองคนชอบตึกเก่า ของเก่า ถึงเลือกที่นี่ครับ,เจน : ก็จัดงานฉลองรวบในต่างจังหวัดค่ะ ถามว่าริมทะเลไหม ไม่ใช่ริมทะเลค่ะ แต่จะมีริมทะเลด้วยเพราะว่าบ้านพี่พอลมีบ้านอยู่ชายทะเลด้วยค่ะ,ถามถึงการจดทะเบียนสมรส?,พอล : เรามีฤกษ์จดทะเบียนคืออาทิตย์หน้าครับ,เจน : ก็คงไม่ได้เปลี่ยนนามสกุล ใช้นามสกุลเดิมและเพิ่มนามสกุล เป็น เจนสุดา ปานโต สิริสันต์ ค่ะ,ยังทำงานในวงการบันเทิงเหมือนเดิมไหม?,เจน : อุ๊ย ยังทำเหมือนเดิมแน่นอนเลย เพราะว่าเป็นสิ่งที่เจนโตมา มันอยู่ในตัวเจนไปแล้ว ก็คงไม่ได้ห่างหายกันไป ยังไงมันก็ต้องมีต่อมอยากจะทำแน่นอนค่ะ,พอล : เจนเขามีความสุขมากๆ เขาเหนื่อยมาก แต่ผมรู้ว่าเวลาเดินเข้าฉาก ได้บทแสดง ความสุขพลังของเขาจะมา ก็ไม่ได้บอกว่าจะต้องลดอะไร ก็แล้วแต่เขา แต่สิ่งที่เจนโฟกัสมากๆ คือแบรนด์เสื้อผ้าเขา เราสองคนก็พยายามทำให้มันดีต่อไปครับ,แล้วงานเซ็กซี่ล่ะ?,เจน : ยังอยากดูอีกเหรอ (หัวเราะ) คือจริงๆ แนวเจนไม่ได้มาแบบเซ็กซี่อย่างนั้นอยู่แล้วค่ะ ถ้าคอนเซปต์ดี สวย ศิลปะ เจนมั่นใจกับหุ่นตัวเอง อยู่ในจุดที่เราพร้อมค่ะ ถ้ามันพอเหมาะพอควร เจนก็ไม่ได้รู้สึกว่าต้องโนเลย ก็แล้วแต่ เดี๋ยวดูกันค่ะ,พอล : ผมว่างานเซ็กซี่ถ้าเพื่อเซ็กซี่ เราสองคนก็ไม่ทำอยู่แล้ว ถ้าเรียกว่างานเซ็กซี่คงไม่ ผมว่าดูที่งานที่มีคุณภาพ,มีอะไรอยากบอกกันไหม?,เจน : (หัวเราะ) จริงๆ แล้วเจนพูดไปหมดแล้วแหละ เขารู้ว่าเจนรู้สึกยังไง สิ่งที่เจนอยากบอกก็คือ เจนจะดูแลความรักของเราให้ดีที่สุด เหมือนที่พี่พอลจะทำเช่นเดียวกันค่ะ,พอล : เราสองคนรู้ว่าชีวิตการแต่งงานไม่ได้ง่าย อยากบอกว่าจะรักเจนในวันนี้ ซึ่งเรามีความสุขมาก จะรักเจนในวันที่เราลำบาก มีความทุกข์ มีปัญหา คำว่ารักจะเป็นคำสุดท้ายที่เราได้คิดถึงมัน แต่เราก็จะจำวันนี้ จะรักกัน จะสร้างครอบครัวที่ดีด้วยกันครับ.
เจนสุดา-พอล เข้าพิธีมงคลสมรสสุดชื่นมื่นเช้านี้ ตามแบบพิธีไทย อุบตอบเรื่องสินสอดบอกเป็นเพียงตัวเลข แพลนฮันนีมูนยุโรป เรื่องทายาทรอจังหวะดีๆ อาจมีเลยก็ได้ เพราะตอนนี้อายุก็ไม่ใช่น้อยๆแล้ว ส่วนงานในวงการบันเทิงยังทำต่อเหมือนเดิม
null
เจน เจนสุดา,เจนสุดา ปานโต,เจน พอล,พอล สิริสันต์,สามีเจนสุดา,เจนสุดาแต่งงาน,งานแต่งเจนสุดา,แก๊งนางฟ้า,แก๊งนางฟ้าแต่งงาน,งานแต่งงานดารา,ดาราแต่งงาน,เจนแต่งงาน,ข่าว,ข่าวบันเทิง,ไทยรัฐออนไลน์
https://www.thairath.co.th/content/558952
เก็บตัวเตะตัดเชือก ซิโก้ ปรับทัพช้างศึกอัดแข้งหม่อง
ซิโก้ ปรับทัพ ช้างศึก ทีมชาติไทย เกือบยกชุด ลงปะทะแข้งกับ นักเตะหม่อง เมียนมาร์ นัดสุดท้าย รอบแรก ศึกลูกหนังซูซูกิ คัพ 29 พ.ย. ตามเวลาไทย 19.00 น. แย้มเปลี่ยนระบบมาเล่น 4-2-3-1 พร้อมใช้บริการ เจ้าป็อป กีรติ เขียวสมบัติ อีกครั้ง แม้จะโดนวิพากษ์วิจารณ์ฟอร์มอย่างหนัก ช่อง 7 ถ่ายทอดสดให้ชม ขณะเดียวกันฝ่ายจัดฯ แจ้งว่า อาจต้องเลื่อนเวลาแข่งของเกมนี้ออกไป หากมีสัญญาณแจ้งฟ้าผ่าเตือน และมีโอกาสต้องยกเลิกไปเตะกันในวันถัดไป หากเวลาเกิน 21.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น,28 พ.ย. นที คงสุข ผู้สื่อข่าวกราวกีฬาไทยรัฐ รายงานจากประเทศสิงคโปร์ ถึงความเคลื่อนไหวของทีม ช้างศึก ทีมชาติไทย หลังจากที่พวกเขาโชว์ฟอร์มเรียกศรัทธาแฟนบอลด้วยการคว้าชัยชนะ 2 นัดรวด เหนือ เจ้าภาพ สิงคโปร์ 2-1 และพิชิต เสือเหลือง มาเลเซีย 3-2 ซิว 6 คะแนนเต็ม ในศึกลูกหนังเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ และมีโปรแกรมที่จะลงฟาดแข้งนัดสุดท้ายของรอบแรกพบกับ นักเตะหม่อง เมียนมาร์ วันที่ 29 พ.ย. ที่สนามจาลัน เบซาร์ ตามเวลาประเทศไทย 19.00 น. ซึ่งช่อง 7 สีถ่ายทอดสดให้ชมเช่นเดิม,ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทีมชาติไทยเดินทางไปฝึกซ้อมกันที่สนามจาลัน เบซาร์ โดย ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือทีมไทย จัดตัว 11 ผู้เล่นที่เตรียมจะใช้ลงสนามพบกับเมียนมาร์ลงฝึกซ้อมการขึ้นเกม โดยปรับระบบมาเล่น 4-2-3-1 ใช้เวลาการฝึกซ้อมประมาณ 1 ชั่วโมง ส่วนช่วงเย็นไม่มีการฝึกซ้อมและปล่อยให้นักเตะพักผ่อนอยู่ในภายในโรงแรมเอ็ม โฮเต็ล ซึ่งเป็นที่พัก,ซิโก้ เปิดเผยว่า เกมกับเมียนมาร์ ทีมไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงผู้เล่นจากใน 2 นัดแรกหลายตำแหน่ง เพื่อให้นักเตะที่เหลือได้มีโอกาสลงสนาม และพิสูจน์ตัวเอง เกมนี้เราไม่ได้เล่นกับเกาหลีหรือญี่ปุ่น การเจอกับเมียนมาร์ซึ่งเป็นทีมในอาเซียนด้วยกัน ถือเป็นเกมแห่งศักดิ์ศรี จึงไม่ใช่เกมที่ง่ายแน่นอน อย่างไรก็ตาม เกมนี้ตนก็เน้นนักเตะที่ลงสนามว่าเราต้องการ 3 แต้ม แม้ทีมจะเข้ารอบไปแล้วแต่ทุกคนยังต้องทำงานหนักต่อไป เพื่อแฟนบอลทุกคน,เราอาจจะปรับเปลี่ยนมาเล่นกันในระบบ 4-2-3-1 ให้โอกาส ชนินทร์ แซ่เอียะ ลงทำหน้าที่เป็นผู้รักษาประตู คู่เซ็นเตอร์แบ็ก สุทธินันท์ พุกหอม จะจับคู่กับ ประวีณวัช บุญยงค์ แบ็กขวา อาทิตย์ ดาวสว่าง กลับมาเล่นอีกครั้ง คู่มิดฟิลด์ อดุล หละโสะ ที่รับบทกัปตันทีมจะเล่นตัวรับกับ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ส่วนแนวรุกให้ สมปอง สอเหลบ และ ชัยณรงค์ ทาทอง หรือ ศราวุฒิ มาสุข ทำหน้าที่ ขณะที่กองหน้าตัวเป้า กีรติ เขียวสมบัติ ยังได้รับโอกาสต่อไป ซิโก้ กล่าว,นอกจาก นี้ ซิโก้ ยังได้กล่าวถึงแผนการเตรียมทีมในการลงเตะในรอบรองชนะเลิศด้วยว่า หลังจากที่ทีมเดินทางกลับถึงประเทศไทยแล้ว จะให้นักเตะเข้าแคมป์ฝึกซ้อมต่อทันที โดยไม่มีการหยุดพัก เนื่องจากต้องเตรียมความพร้อมในการลงเตะรอบรองชนะเลิศ อย่างไรก็ตาม อาจจะปล่อยนักเตะให้พัก 1-2 วัน หากผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ สำหรับเรื่องสถานที่เก็บตัวก่อนลงเตะรอบรองชนะเลิศนั้น ถึงตอนนี้ยังไม่ลงตัว โดยอาจจะไปเก็บตัวกันที่กิเลน วัลเลย์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เราไปเก็บตัวก่อนลงเตะรอบแรก แต่ถ้าหากที่กิเลน วัลเลย์ ไม่ว่าง ก็อาจจะไปเก็บตัวกันในจังหวัดทางภาคเหนือแทน ซึ่งอาจจะเป็นที่เชียงใหม่ เนื่องจากที่นั่นมีอากาศเย็น เพื่อให้นักเตะคุ้นเคยกับสภาพอากาศ เพราะมีโอกาสสูงที่เราจะไปเยือนทีมที่มีอากาศหนาวเย็น,เราเก็บตัวกันมาตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย. หากนับรวมไปจนถึงในรอบชิงชนะเลิศ จะเป็นการเข้าแคมป์ฝึกซ้อมร่วมกันยาวนานถึง 47 วัน ตนเชื่อว่านักเตะทุกคนเข้าใจดี เพราะเรามาทำภารกิจเพื่อชาติ พวกเรามีเป้าหมายร่วมกันคือการทวงแชมป์รายการให้กลับคืนสู่ประเทศไทยให้ได้ หลังจากห่างเหินมายาวนานถึง 12 ปี,สำหรับผู้เล่น 11 คนแรกที่คาดว่าจะลงสนามในระบบ 4-2-3-1 ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู ชนินทร์ แซ่เอียะ คู่เซ็นเตอร์ สุทธินันท์ พุกหอม กับ ประวีณวัช บุญยงค์ แบ็กขวา อาทิตย์ ดาวสว่าง แบ็กซ้าย ชยพัทธ์ กิจพงษ์ศรีธาดา กองกลางตัวรับ อดุล หละโสะ กับ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ กองกลางรุก ประกิต ดีพร้อม สมปอง สอเหลบ ชัยณรงค์ ทาทอง กองหน้าตัวเป้า กีรติ เขียวสมบัติ,ด้าน บิ๊กเษม เกษม จริยวัฒน์วงศ์ ผู้จัดการทีมชาติไทย กล่าวว่า ตามกติกาของการแข่งขันรายการนี้ จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรายชื่อของนักเตะได้อีก ดังนั้นในรอบรองและรอบชิงชนะเลิศเราจะไม่สามารถเปลี่ยนรายชื่อผู้เล่นได้แล้ว คงต้องใช้ทั้ง 22 คนที่ร่วมทีมกันมาตั้งแต่ในรอบแรกนี้ลงสนามไปจนจบทัวร์นาเมนต์ ซึ่งตนก็ไม่เป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ และมีความมั่นใจว่านักเตะที่มีอยู่จะเพียงพอต่อการใช้งาน รวมถึงจะทำผลงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ แน่นอน,ขณะที่ ราดอจโก อับราโมวิช กุนซือซาวเซิร์บที่เคยพา สิงคโปร์ คว้าแชมป์รายการนี้ 3 สมัยที่ตอนนี้ไปรับงานคุมทีมเมียนมาร์ กล่าวว่า ทีมไทยแข็งแกร่งมีดาวรุ่งหลายคน อีกทั้งกำลังได้ใจหลังพลิกสถานการณ์จากการถูกนำกลับมาชนะได้ 2 นัดรวด อย่างไรก็ตามทีมของตัวเองต้องเต็มที่อยู่แล้ว เพราะต้องการชัยชนะถึงมีลุ้นเข้ารอบ และเชื่อว่าเกมนี้จะมีแฟนบอลเข้ามาเชียร์กันเยอะเหมือนเดิม ทั้งนี้ ตนมองว่าทีมชาติไทยหรือเวียดนามทีมใดทีมหนึ่งจะเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศรายการนี้,อนึ่ง สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งอาเซียน หรือ เอเอฟเอฟ ได้แจ้งว่าหากเกมระหว่างทีมชาติไทยกับเมียนมาร์ในวันที่ 29 พ.ย. เกิดฝนตกและมีสัญญาณเตือนประจุไฟฟ้าป้องกันเหตุฟ้าผ่า ที่สนามจาลัน เบซาร์แจ้งทำงาน เกมจะเลื่อนจากเวลา 20.00 น. ไปเตะเวลา 21.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเร็วกว่าเวลาของประเทศไทย 1 ชั่วโมง แต่ถ้ายังแข่งขันไม่ได้จะเลื่อนไปเตะในวันที่ 30 พ.ย. เวลา 19.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นของสิงคโปร์แทน
ซิโก้ ปรับทัพ ช้างศึก ทีมชาติไทย เกือบยกชุด ลงปะทะแข้งกับ นักเตะหม่อง เมียนมาร์ นัดสุดท้าย รอบแรก ศึกลูกหนังซูซูกิ คัพ 29 พ.ย. ตามเวลาไทย 19.00 น. แย้มเปลี่ยนระบบมาเล่น 4-2-3-1 พร้อมใช้บริการ เจ้าป็อป กีรติ
null
ซิโก้,เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง,ช้างศึก,ทีมชาติไทย,เมียนมาร์,ซูซูกิ คัพ,ฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ,ข่าวกีฬา
https://www.thairath.co.th/content/466155
Dip น้ำพริกหนุ่ม
จากมหาวิทยาลัยนอตทิงแฮม (University of Nottingham) ประเทศอังกฤษ และประสบการณ์ในฐานะซูเชฟ (Sous Chef) ในร้านอาหาร Blue Hill at Stone Barns ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยหัวใจรักการสร้างสรรค์เมนูอาหาร ที่เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเทและฝึกฝนเพื่อก้าวไปในเส้นทางสายอาชีพเชฟที่ใฝ่ฝัน เช่นเดียวกับการเล่นกีฬาที่เธอชื่นชอบ จนก้าวสู่แชมเปียนรายการ ท็อป เชฟ ไทยแลนด์ และยังเป็นเจ้าของธุรกิจอาหาร Catering ที่มีไอเดียเก๋ไก๋อย่าง Pop Up Project อีกด้วย,คุณตาม เล่าว่า จุดเริ่มต้นของแรงบันดาลใจมาจากความชอบบรรยากาศการทำงานในครัวแบบเชฟมืออาชีพตั้งแต่ตอนที่เคยไปฝึกงาน จนกระทั่งได้ไปเรียนต่อที่ farm to table ที่นิวยอร์ก เป็นคอร์ส 6 เดือน ทำให้รู้สึกหลงรักการทำอาหารอย่างจริงจัง และก็มีโอกาสทำงานในครัวที่ร้านอาหาร Blue Hill at Stone Barns ซึ่งเป็นร้านที่ตั้งอยู่ในฟาร์ม ใช้วัตถุดิบต่างๆ จากในฟาร์มส่งตรงถึงครัว ไม่ว่าจะเป็น ผัก หมู ไก่ ทุกอย่างเป็นออแกนิกทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้นก่อนเข้าทำงานในครัว เชฟที่นี่จะออกไปในสวน ปลูกผักพรวนดิน และเก็บวัตถุดิบเข้ามาปรุงอาหารในครัว เลยยิ่งทำให้รู้สึกชอบมาก โดยส่วนตัวคุณตามมีเคล็ดลับในการทำอาหาร อันดับแรกคือ ต้องมีความละเอียดและใส่ใจในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบ รวมไปถึงขั้นตอนการทำอาหาร เนื่อง จากอาหารอร่อยนั้นหาได้ทั่วไป แต่อาหารอร่อยที่พอคน รับประทานเข้าไปแล้วรู้สึกว้าว หรือมีรีแอ็กชั่นอะไรสักอย่างที่รับรู้ได้ถึงการใส่ใจในการปรุง ซึ่งก็ต้องมาจากวัตถุดิบที่ดี คือสด สะอาด ปลอดภัย ไร้สารพิษ ที่นอกจากจะนำมาสร้างสรรค์เป็นเมนูแสนอร่อยแล้วยังมีคุณค่าทางโภชนาการด้วย,สำหรับ Dip (ดิป) จะเป็นเครื่องจิ้มอย่างหนึ่งของฝรั่ง ซึ่งมีหลากหลายชนิด ส่วนใหญ่จะรับประทานคู่กับผักสด อาทิ ซาลารี่แครอท เป็นต้น และคุณตามได้ดัดแปลง น้ำพริกหนุ่ม ซึ่งเป็นเครื่องจิ้มที่ขึ้นชื่อของคนทางภาคเหนือของไทยมาเป็น Dip น้ำพริกหนุ่ม บ้าง นับเป็นเมนูที่มีคุณค่าทางโภชนาการหลากหลาย โดยการนำผักพื้นบ้านและสมุนไพรไทยที่คัดสรรอย่างดี ได้แก่ พริกหนุ่ม หอมแดง กระเทียม มะเขือยาว มาทำน้ำพริก เพิ่มรสสัมผัสละมุนซ่อนเปรี้ยวด้วยซาวครีม ซึ่งเข้ากับน้ำพริกไทยชนิดนี้ได้อย่างดี เคล็ดลับการทำน้ำพริกหนุ่มให้อร่อย เริ่มตั้งแต่การเลือกพริกหนุ่มและมะเขือยาวที่มีความสดและผิวเต่งตึง บวกกับเทคนิคการย่างพริกหนุ่มที่ค่อนข้างใช้เวลาในการย่าง เพื่อให้ทุกอย่างหอมและขึ้นสี ถ้าย่างบนเตาควรมีฝาครอบให้มีไอน้ำระอุ เพื่อให้สุกทั่วกัน เนื่องจากหากข้างในไม่สุก รสชาติที่ได้จะค่อนข้างขมฝาด และในส่วนของขนมปัง เชฟตามเลือกใช้ขนมปังไรซ์เบอร์รี่หั่นเป็นแท่ง นำมาย่างกับน้ำมันกระเทียม จะช่วยส่งกลิ่นหอมเย้ายวนชวนรับประทานเป็นอย่างดียิ่ง,ส่วนผสม Dip น้ำพริกหนุ่ม : พริกหนุ่ม (เผา) 100 กรัม /หอมแดง (เผา) 20 กรัม/มะเขือยาว (เผา) 60 กรัม/กระเทียม (เผา) 10 กรัม/ครีมชีส 20 กรัม/ ผักชีเด็ดใบ 10 กรัม/สะระแหน่ เด็ดใบ 10 กรัม/หอมดอง 5 กรัม/เกลือ 1 หยิบมือ/น้ำมันกระเทียม 15 กรัม/แคปหมู 30 กรัม/ขนมปัง ปิ้ง หั่นเป็นแท่งๆ (ทานคู่)วิธีทำ 1) ย่างพริกหนุ่ม มะเขือยาว หอมแดง และกระเทียม ให้สุก จากนั้นลอกเปลือกออก 2) ปั่นพริกหนุ่ม มะเขือยาว หอมแดง และกระเทียม ที่ย่างแล้วรวมกัน ปรุงรสด้วยเกลือประมาณหนึ่งหยิบมือ พร้อมใส่ครีมชีสปั่นเข้าด้วยกันให้ละเอียด ชิมรส ตามชอบ 3) ย่างขนมปังกับน้ำมันกระเทียมพอผิวกรอบ 4) ตักน้ำพริกหนุ่ม Dip ใส่ถ้วย โรยด้วยผักชี เสิร์ฟคู่กับแคปหมู ขนมปังปิ้ง และผักสดตามใจชอบ.
เมนูขึ้นสำรับวันนี้ ส่งตรงจากท็อป เชฟ คนแรกของเมืองไทย คุณตาม-ชุดารี เทพาคำ ลูกสาวคนกลางของคุณโรจน์ฤทธิ์ และ ม.ร.ว.อรอนงค์ เทพาคำ ที่มีดีกรีด้านโภชนาการและวิทยาศาสตร์การอาหาร
ไลฟ์สไตล์,อาหาร
น้ำพริกหนุ่ม,อาหาร,ทำอาหาร,อาหารเพื่อสุขภาพ,อรอนงค์ เทพาคำ
https://www.thairath.co.th/lifestyle/food/recipefood/1113859
แบงก์ตัดวงจรเงินดิจิทัล บล็อกบัญชีเว็บไซต์บริการซื้อ-ขาย
นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งได้รับหนังสือจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ขอความร่วมมือสถาบันการเงินทุกแห่ง ไม่ให้ทำธุรกรรมการเงินที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอเรนซี (Cryptocurrency) หรือสกุลเงินดิจิทัล โดยธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งพร้อมให้ความร่วมมือกับ ธปท.ดังนี้ 1. ไม่สนับสนุนการเข้าไปลงทุน หรือซื้อขายคริปโตเคอเรนซี 2.ไม่ให้บริการรับแลก-เปลี่ยนคริปโตเคอเรนซีผ่านช่องทางให้บริการของสถาบันการเงิน 3.ไม่สร้างแพลตฟอร์มเพื่อเป็นสื่อกลางให้ลูกค้าทำธุรกรรมเกี่ยวกับคริปโตเคอเรนซีระหว่างกัน 4.ห้ามใช้บัตรเครดิตซื้อคริปโตเคอเรนซี 5.ไม่ให้คำแนะนำกับลูกค้าเกี่ยวกับการลงทุนคริปโตเคอเรนซี,ธนาคารพาณิชย์พร้อมร่วมมือกับ ธปท.เต็มที่และขอเตือนผู้ที่สนใจ อย่าไปหลงเชื่อกับการลงทุนที่ไม่จริง ไม่มีกฎหมายรองรับ เพราะมีความเสี่ยงที่จะเสียหาย ต้องพึงระวังว่าอะไรที่มันดีเกินไป ไม่เป็นไปตามกลไกตลาด ไม่มีความสมดุล ก็ให้คิดไว้ก่อนว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง เป็นหลุมเป็นบ่อที่ขุดไว้ล่อ เพราะฉะนั้น นับตั้งแต่วันนี้หากมีการเปิดบัญชีหรือใช้บัตรเครดิตเพื่อรอซื้อสกุลเงินดังกล่าว ธนาคารจะไม่ทำรายการประเภทนี้ให้,โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ธนาคารพาณิชย์กำลังไล่บล็อกบัญชีแบงก์ของเว็บไซต์และผู้ให้บริการซื้อ-ขายเงินดิจิทัล พร้อมทั้งตรวจสอบบัญชีเงินฝากบุคคลหรือนิติบุคคล หากพบมีการรับโอนเงิน เพื่อไปซื้อขายเงินสกุลดิจิทัล ธนาคารพาณิชย์จะบล็อกบัญชีเงินฝากดังกล่าวทันที,นายฐากร ปิยะพันธ์ ประธานชมรมธุรกิจบัตรเครดิต กล่าวว่า ผู้ประกอบการธุรกิจบัตรเครดิต พร้อมให้ความร่วมมือกับ ธปท. ไม่ให้มีการซื้อขายคริปโตเคอเรนซีผ่านบัตรเครดิต ซึ่งปัจจุบันวีซ่า, อินเตอร์เนชั่นแนล, มาสเตอร์การ์ด ได้แจ้งให้ผู้ประกอบการธุรกิจบัตรเครดิตทราบอยู่แล้วว่า กลุ่มร้านค้าที่ให้บริการคริปโตเคอเรนซี มีรหัสร้านค้าใดบ้าง ดังนั้น เมื่อ ธปท.ประกาศชัดเจน ผู้ให้บริการบัตรเครดิตก็พร้อมบล็อกร้านค้าดังกล่าวทันที,ช่วงที่ผ่านมายังมีการนำบัตรเครดิตไปลงทุนเงินตราต่างประเทศ ทองคำ และเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ผู้ประกอบการธุรกิจบัตรเครดิตได้มีการติดตามอยู่ตลอด หากพบว่ามีวงเงินเข้าไปลงทุนสูงๆก็จะสั่งบล็อกทันที,ด้านนางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการธปท. กล่าวว่า การดูแลจะเน้นการดำเนินการของสถาบันการเงินเป็นหลัก เช่นเดียวกับกรณีของผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซี ซึ่งหากเปิด บัญชีรับซื้อหรือโอนขายคริปโตเคอเรนซีกับสถาบันการเงิน จะต้องถูกตรวจสอบตามหลักเกณฑ์การรับข้อมูลตัวตนของลูกค้า (Know Your Customer หรือ KYC) อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการฟอกเงิน หรือการนำบัญชีไปใช้ในทางที่ไม่ถูกกฎหมาย,กระนั้น หนังสือเวียนยังไม่ได้กำหนดแนวนโยบายเรื่องบริษัทลูกของธนาคารพาณิชย์ ที่อาจจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับคริปโตเคอเรนซี รวมทั้งยังไม่มีแนวนโยบายเกี่ยวกับการเสนอขายเหรียญ เพื่อการระดมทุนและลงทุนในโครงการ หรือผลิตภัณฑ์ใหม่รองรับ หรือ ICO (Initial Coin Offering) รอการพิจารณาจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) และคณะทำงานร่วม 4 หน่วยงาน ซึ่งกระทรวงการคลังเป็นเจ้าภาพ,ด้านนายอาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวชี้แจงว่า ไทยพาณิชย์ได้เข้าไปถือหุ้นในบริษัท Ripple ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นด้านการชำระเงินผ่าน Blockchain และเจ้าของเงินสกุล XRP แต่ไม่ได้เข้าไปลงทุนตรงในเงินสกุลดิจิทัลแต่อย่างใด.
แบงก์-บัตรเครดิตแถวตรง! รับลูก ธปท. ตัดวงจรซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล บล็อกบัญชีเว็บไซต์ ผู้ให้บริการรับซื้อขายแลกเปลี่ยน-บัตรเครดิต เตือนนักลงทุนระวังหลุมบ่อขุดล่อ
ข่าว,เศรษฐกิจ
เงินดิจิทัล,ธนาคารแห่งประเทศไทย,นักลงทุน,สถาบันการเงิน,ฟอกเงิน,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/business/finance-banking/1203950
ตำรวจบุกจับ อู่ชำแหละรถ แก๊งลักกระบะพระเป็นหัวโจก
ก่อนแยกชิ้นนำไปขาย สืบสวนทางลับพบหัวหน้าแก๊งเป็นพระลูกวัดวัดนาคปรก เร่งหาหลักฐานจับกุม,บุกทลายโกดังชำแหละรถเปิดเผยเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 27 พ.ย. พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบช.น. พล.ต.ต.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบก.น.8 พ.ต.อ.อารยะพันธุ์ พุกบัวขาว รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผกก.สส.บก.น.2 เดินทางไปที่โกดังไม่มีชื่อ ติดกับบ้านเลขที่ 37/4 ซอยจอมทอง 13 แยก 8 (ซอย เลิศพัฒนาใต้) แขวงและเขตจอมทอง กทม. ก่อนแถลงผลการจับกุมตัวนายณัฐพงษ์ หรือหน่อง โพธิสะอาด อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 หมู่ 2 ต.หัวไผ่ อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 212/2558 ลงวันที่ 25 พ.ย.58 พร้อมของกลาง ชิ้นส่วนกันชนด้านหน้ารถกระบะอีซูซุ สีแดง 1 ชิ้น กระบะท้ายรถอีซูซุ สีแดง 1 ชิ้น ชิ้นส่วนกันโครงสเตนเลส 1 ชิ้น ฝาท้ายรถกระบะอีซูซุ 1 ชิ้น โทรศัพท์ยี่ห้อ เอสเคซี สีดำ 1 เครื่อง แผ่นเพลทพร้อมตัวตอกเลขตัวถัง และแผ่นป้ายทะเบียนรถกระบะจำนวนมาก รถยนต์ กระบะยี่ห้อ อีซูซุ ทะเบียน บฉ 7008 สมุทรปราการ 1 คัน,พล.ต.ท.ศานิตย์เผยว่า เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ที่ ผ่านมา นายชิน ร้อยผึ้ง อายุ 71 ปี อดีตพนักงานบริษัท เบียร์ยี่ห้อหนึ่ง ถูกคนร้ายบุกเข้าไปขโมยรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดราก้อนอาย สีแดง ไปจากบ้านพักย่านปากเกร็ด จ.นนทบุรี ต่อมาตำรวจ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จับกุมนายสมชาย เขียวขจี และ น.ส.ชุฎา สหะรัตน์ ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์และรับของโจร จากแนวทางการสืบสวนพบว่าเป็นขบวนการใหญ่และมีหลายสาย ก่อเหตุโจรกรรมรถยนต์ในพื้นที่กรุงเทพฯ และนนทบุรีมาแล้วหลายครั้ง หลังจากได้รถแล้วจะนำมาขายให้กับนายณัฐพงษ์ ที่เปิดอู่ซ่อมรถบังหน้า ส่วนด้านในเป็นที่ชำแหละแยกชิ้นส่วน ก่อนนำไปขายให้กับร้านอะไหล่รถมือสอง ส่วนท่อนหัวรถจะนำไปขายที่เชียงกง ย่านถนนบรรทัดทอง กระทั่งเมื่อวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา ตำรวจชุดจับกุมนำกำลังเข้าตรวจค้นอู่ซ่อมรถดังกล่าว ซึ่งเป็นโกดังชั้นเดียว เนื้อที่ประมาณ 200 ตร.ว. มีรั้วรอบขอบชิด ไม่สามารถมองเห็นจากภายนอกได้ และยังติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ด้วย เมื่อตรวจสอบภายใน มีบ้านไม้ยกสูง 1 หลัง โดยรอบดัดแปลงเป็นอู่ซ่อมรถ มีซากรถยนต์กระบะอีซูซุหลายคัน และชิ้นส่วนอะไหล่รถกระจายแขวนไว้ตามกำแพง ผนังบ้านจนเต็มพื้นที่ และพบนายณัฐพงษ์ แสดงตัวเป็นเจ้าของ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปสอบสวนที่ สส.บก.น.2,ด้าน พ.ต.อ.ธีระชัยกล่าวว่า สอบสวนผู้ต้องหาให้การอ้างว่า เช่าที่ดินแห่งนี้ปลูกบ้าน แล้วดัดแปลงเป็นอู่ซ่อมรถบังหน้า ตั้งแต่เดือน ต.ค.56 และรับซื้อรถที่ถูกขโมยมาราคาคันละ 20,000-40,000 บาท โดยมีการขายรถกันที่วัดนาคปรก ย่านภาษีเจริญ รถส่วนใหญ่ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นมังกรทอง เพราะสามารถใช้ไขควงงัดเบ้ากุญแจประตูรถได้ง่าย ทำมาแล้วประมาณ 200 คัน เมื่อได้รถมาแล้วจะนำมาแยกชิ้นส่วนที่โกดัง ก่อนนำอะไหล่ไปขายที่เชียงกง และบางส่วนจะนำมาประกอบรถที่ลูกค้าทั่วไปนำมาซ่อมในอู่ด้วย นอกจากนี้ ขบวนการดังกล่าวยังมีกรรมวิธีแปลงรถที่ถูกขโมยมาทำให้เป็นรถที่ถูกกฎหมาย ด้วยการรับซื้อซากรถที่ประสบอุบัติเหตุ ชำแหละตัดเอาเลขทะเบียนจากโครงแชสซีรถมาสวมแทน อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของนายณัฐพงษ์ รวมทั้งต้องนำซากรถและชิ้นส่วนเหล่านี้มาทำการสืบสวนขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการอีกครั้ง เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แก๊งนี้ใช้ชื่อว่า แก๊งมังกรทอง มีพระมหาอำนวย พระลูกวัดวัดนาคปรก เป็นหัวหน้าแก๊ง โดยแอบอ้างพร้อมทำนามบัตรปลอมว่าเป็นรองเจ้าอาวาสวัดนาคปรก ทั้งนี้ พระมหาอำนวยจะเข้ามาดูการชำแหละรถวันเว้นวัน และถ้าต้องขับหัวรถไปส่งที่เชียงกง พระมหาอำนวยจะนั่งหน้ารถไปด้วยทุกครั้ง พร้อมเอาข้าวสารใส่ถังและกิ่งกฐินเสียบปักไว้ เมื่อโดนด่านตำรวจค้นก็จะบอกว่าจะเอาต้นกฐิน ต้นผ้าป่าไปทอดวัดโน้นวัดนี้ ซึ่งรอดมาได้ทุกครั้ง ขณะนี้พระมหาอำนวยป่วยพักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.สมเด็จเจ้าพระยา ย่านฝั่งธน ระหว่างนี้เจ้าหน้าที่เร่งรวบรวมพยานหลักฐานก่อนขออำนาจศาลออกมาจับหัวหน้าแก๊งในคราบผ้าเหลืองมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป,นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 26 พ.ย. เวลาประมาณ 11.00 น. พ.ต.อ.ประยูร ศาลาทอง ผกก.กก.2 บก.สส.บช.น. พ.ต.ต.ธนะเมศฐ์ วิจิตรจริยา สว.กก.สส.2 สส.บช.น. นำกำลังเจ้าหน้าที่ กก.สส.2 พร้อมหมายค้นศาลจังหวัดมีนบุรี ที่ ค.440/2558 ลงวันที่ 26 พ.ย.58 เข้าตรวจค้นอู่ซ่อมรถยนต์ เลขที่ 9 ถนนสามวา ซอย 1 แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กทม. จับกุมนายเอกมล สันติธาดา อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 767 ซอยหมู่บ้านเสนาวิลล่า แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม.พร้อมของกลาง อุปกรณ์ที่ใช้ปลอมแปลง ตอกเลขทะเบียนรถ และชิ้นส่วนตัวถังรถต่างๆกว่า 120 ชิ้น เบื้องต้นแจ้งข้อหาปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมนำตัวพร้อมด้วยของกลางนำส่ง พงส.สน.มีนบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
รรท.ผบช.น.นำทีมชุดสืบสวนและชุดจับกุมบุกทลายโกดังชำแหละรถกระบะ เปิดอู่ซ่อมรถบังหน้า ผู้ต้องหาอ้างว่ารับซื้อเฉพาะกระบะอีซูซุ รุ่นมังกรทอง เพราะงัดเบ้ากุญแจประตูรถง่าย ซื้อจากแก๊งขโมยรถคันละ 2-4 หมื่นบาท
null
แก๊งมังกรทอง,พระมหาอำนวย,วัดนาคปรก,เครือข่ายชำแหละรถยนต์,โจรกรรม,ซากรถยนต์,อุปกรณ์การแยกชิ้นส่วนรถยนต์,รับซื้อรถยนต์ ที่ถูกขโมย,อู่ซ่อมรถย่านจอมทอง,ณัฐพงษ์ โพธิสะอาด,ศานิตย์ มหถาวร,รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล,จอมทอง,แก๊งขโมยรถ,อู่ชำแหละรถ,ข่าว,ทีมข่าวหน้า1,ไทยรัฐฉบับพิมพ์
https://www.thairath.co.th/content/542494
ชาวบ้านปทุมฯ สุดทน พบด.ช.วัย 6 ขวบ ถูกแม่เลี้ยงใช้สายไฟ-ไม้กวาดไล่ตี
เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 59 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้าน ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ว่า พบเด็กชายเอ (นามสมมติ) อายุ 6 ขวบ นั่งขายผลไม้อยู่ที่รถซาเล้งสภาพเก่า บริเวณตลาดนัดหัวถนนคลองสาม ซึ่งเด็กชายคนดังกล่าวถูกพ่อแม่ตี สภาพตามร่างกายพบร่องรอยเขียวช้ำเป็นริ้วทั่วลำตัว ที่ใบหูมีรอยเขียวช้ำ รวมถึงที่ศีรษะระบมเขียวช้ำเช่นกัน นอกจากนี้ยังพบบาดแผลที่ต้นขาขวาเป็นแผลเหวอะ ซึ่งชาวบ้านสุดทนเนื่องจากเห็นว่าพฤติกรรมการตีของพ่อแม่ของเด็กกระทำเกินไป จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ศูนย์ประชาบดีให้เข้าตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือ,จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบว่าเด็กคนดังกล่าวนั่งขายของอยู่ที่ตลาด โดยพบว่าที่ตามลำตัวมีร่องรอยเขียวช้ำไปทั่วร่างกาย ส่วนบาดแผลที่ต้นขาขวา เจ้าหน้าที่ได้พาไปทำแผลที่โรงพยาบาลคลองหลวง พร้อมทั้งเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้ เพื่อนำเด็กไปอยู่ในความดูแลของบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดปทุมธานี และศูนย์ประชาบดี กรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์,นางสาวภัทรภร อุปริรัตน์ หัวหน้าศูนย์ประชาบดี ปทุมธานี กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับการประสานจากชาวบ้านในพื้นที่คลองสาม ทราบว่าพบเด็กชายวัย 6 ขวบ ถูกทำร้าย จึงได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบและทราบว่าเด็กถูกพ่อและแม่เลี้ยงตีจริง พร้อมทั้งได้พูดคุยกับผู้เป็นพ่อและแม่เลี้ยง เบื้องต้นทั้งพ่อและแม่เลี้ยงรับสารภาพว่าตีเด็กจริงด้วยความโมโหเนื่องจากอ้างว่าเด็กมีอาการสมาธิสั้น จะดื้อกว่าเด็กปกติ และเกิดความซุกซน จึงได้ลงมือกระทำรุนแรงไป,ทั้งนี้ พ่อแม่ของเด็กชายเอได้แยกทางกันนานแล้ว ก่อนหน้านี้เด็กอยู่กับตาและยายที่ จ.นครพนม ทางด้านพ่อของเด็กก็มีครอบครัวใหม่ และมีลูกด้วยกันกับภรรยาใหม่ 1 คน กระทั่งเมื่อปลายปี 2558 ได้เดินทางกลับไปที่บ้าน จ.นครพนม และไปพบว่าเด็กอยู่ลำพังกับตายายซึ่งมีฐานะยากจน จึงไม่สามารถเลี้ยงดูได้ เลยนำลูกมาอยู่ด้วยที่ จ.ปทุมธานี ส่วนแม่ของเด็กก็ไปมีครอบครัวใหม่ เมื่อเด็กซุกซนจึงเกิดความโมโหและตีบ้างเป็นบางครั้ง,นางสาวภัทรภร กล่าวต่ออีกว่า ชาวบ้านพบว่าเด็กได้รับบาดเจ็บตามร่างกายที่มีการกระทำรุนแรงเกินไป จึงได้แจ้งศูนย์ฯ เพื่อให้ความช่วยเหลือก่อน เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ศูนย์ประชาบดีได้พาไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และนำตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลคลองหลวง และจะได้ประสานพ่อและแม่เลี้ยงมาพูดคุยเพื่อสอบถามข้อมูลความเป็นอยู่ที่ชัดเจนอย่างละเอียด,นอกจากนี้ยังได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบทางด้านความเป็นอยู่ของครอบครัวนี้ เนื่องจากพ่อและแม่เลี้ยงแจ้งว่าพักอาศัยอยู่ที่บ้านเช่าภายในซอยคลองหลวง 1 จากนั้นจะได้ประสานเจ้าหน้าที่ทาง จ.นครพนม เพื่อประสานตาและยาย เพื่อขอตรวจสอบเอกสารใบแจ้งเกิดของเด็ก เนื่องจากพบว่าทางพ่อและแม่เลี้ยงไม่มีเอกสารใดใดของเด็กเลย และเด็กก็ไม่ได้เรียนหนังสือ อย่างไรก็ตามต้องรอผลตรวจจากแพทย์เพื่อดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง จากนั้นจะได้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ชาวบ้านคลองสาม ปทุมธานี สุดทนพบเด็กชายเป็นเด็กพิเศษวัย 6 ขวบ นั่งขายผลไม้อยู่บนซาเล้งที่ตลาดนัด ถูกพ่อและแม่เลี้ยงใช้สายไฟ-ไม้กวาดไล่ตีตามตัวมีแต่บาดแผล แจ้งเจ้าหน้าที่รัฐให้ตรวจสอบ
null
เด็กพิเศษ,ดช.โดนแม่เลี้ยงตี,แม่เลี้ยงตี,เด็กโดนทำร้าย,คลองสาม,ปทุมธานี,ข่าว,ข่าวทั่วไทย,ไทยรัฐ,ไทยรัฐออนไลน์
https://www.thairath.co.th/content/657736
สาวๆ ห้ามพลาด เปิดประสบการณ์วิ่งมิติใหม่ NIKE WOMENS PARK
วันที่ 4 พ.ย.61 ไนกี้ ผู้นำนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์กีฬาระดับโลกเชื่อว่า กีฬา สามารถส่งต่อแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงไทยได้ปลดปล่อยความแข็งแกร่ง อิสรภาพ และความเป็นนักกีฬาที่แฝงเร้นอยู่ภายใน เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ล่าสุดไนกี้เนรมิต NIKE WOMENS PARK สวนสาธารณะที่กลายเป็นสนามฝึกซ้อมให้ผู้หญิงได้สัมผัสกับมิติใหม่ของการซ้อมวิ่งท่ามกลางค่ำคืนภายใต้บรรยากาศแสง สี เสียง ที่แปลกใหม่ 
ให้วิ่งได้สนุกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น มุ่งสู่การทลายขีดจำกัดครั้งใหม่ของตนเอง และแสดงให้โลกเห็นถึงพลังของ
ผู้หญิงไทยในมหกรรมงานวิ่งครั้งยิ่งใหญ่ กรุงเทพมาราธอน ที่จะถึงนี้,สำหรับ NIKE WOMENS PARK ณ สวนรถไฟแห่งนี้ เราตั้งใจสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อช่วยให้ผู้หญิงที่รักการออกกำลังกาย รวมถึงผู้หญิงกว่า 2,215 คน จากทีม NikeWomen Runs Bangkok ทุกคนได้มีสถานที่สำหรับซ้อมวิ่งในช่วงเวลากลางคืน เพื่อจำลองสถานการณ์ให้ใกล้เคียงกับวันจริงของการวิ่งกรุงเทพมาราธอนมากที่สุด โดยไนกี้ได้ขนแสง สี เสียง ประดับทั่วทั้งสวนรถไฟเพื่อสร้างความสนุกและความมั่นใจแบบไร้กังวลเมื่อซ้อมวิ่งตอนกลางคืน และช่วยผลักดันให้สาวๆ ทุกคนสามารถก้าวข้ามผ่านขีดจำกัดของตัวเองทั้งด้านร่างกายและจิตใจเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับช่วงโค้งสุดท้าย โดย NIKE WOMENS PARK แห่งนี้พร้อมเปิดให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา ตั้งแต่เวลา 19.30–23.00 น. ทุกวัน จนกระทั่งถึงวันที่ 16 พฤศจิกายนนี้เท่านั้น คุณพรรณี ศานติวิวัฒน์กุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัทไนกี้ (ประเทศไทย) กล่าว,จุดแตกต่างจากที่อื่นนั่นก็คือที่นี่มีโปรแกรมการวิ่งแบบพิเศษจากไนกี้ (NRC, NTC) ซึ่งคุณไม่สามารถหาได้จากที่อื่นถ้าไม่ใช่ที่นี่ ช่วงเวลาวิ่ง 1 ทุ่มจนถึง 5 ทุ่ม โดยปกติแล้วพาร์คที่อื่นๆ จะปิดราวๆ 2-3 ทุ่ม ซึ่งบางคนถ้าเป็นวันธรรมดากว่าจะเลิกงานฝ่ารถติดมาก็ไม่ทัน ที่สำคัญเรายังมีหน่วยรักษาความปลอดภัย และอีกส่วนที่พิเศษเราสร้างเลาจ์ขึ้นมาในเรื่องของเส้นทางการซ้อมวิ่ง สีชมพูจะมีระยะ 2.5 กิโลเมตร ส่วนสีเหลืองก็จะราวๆ 1.4-1.5 กิโลเมตร คุณก็สามารถเลือกได้ ซึ่งในระหว่างทางก็จะมีเซนเซอร์ที่เป็นไฟและเสียงเชียร์ที่จะคอยให้กำลังใจไปตลอดเส้นทาง มันจึงดูสนุกแปลกใหม่,ก็ขอฝากไปถึงคนที่กำลังคิดที่จะถึงวิ่ง คนที่เพิ่งเริ่มวิ่ง อยากให้มาดูมาลองกันก่อนว่าสนุกแค่ไหน คุณอาจจะเปลี่ยนทัศนคติไปเลยเมื่อมาวิ่งกับพวกเราที่มีทีมงานน่ารักมากมายคอยให้คำแนะนำ ทั้งยังได้มิตรภาพ ได้สุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ก็ขอฝากเชิญชวนมา ณ ที่นี้อีกครั้ง.,สำหรับเส้นทางในการซ้อมวิ่ง ณ NIKE WOMENS PARK แห่งนี้ ไนกี้ให้เหล่านักวิ่งผู้หญิงสามารถเลือกเส้นทางวิ่งตามเส้นแสงสีต่างๆ ประกอบด้วย เส้นแสงสีชมพูคือระยะทาง 2.5 กม. และเส้นแสงสีเหลืองที่มีระยะทาง 1.4 กม. โดยนักวิ่งสามารถผสมและสร้างสรรค์เส้นทางของตัวเองเพื่อกำหนดระยะทางวิ่งของตัวเองได้อย่างสนุกและง่ายดาย อาทิ หากต้องการ
พิชิตมินิมาราธอน นักวิ่งสามารถผสมเส้นทางวิ่งด้วยการวิ่งบนเส้นแสงสีชมพู 3 ครั้ง ตัดสลับกับทางวิ่งเส้นแสงสีเหลืองอีก 
2 ครั้ง ซึ่งมีระยะทางรวม 10.3 กม. นอกเหนือจากแสง สี เสียงแล้ว นักวิ่งยังสามารถเข้าร่วมเทรน Nike+ Training Club (NTC) เพื่อเสริมสุขภาพแบบครบวงจรที่ผสมผสานทั้งความแข็งแรง ความอดทน และความคล่องตัวไว้ด้วยกัน นำโดยโค้ช NTC ณ จุด NTC Arena ภายใน NIKE WOMENS PARK แห่งนี้อีกด้วย เพื่อช่วยให้เหล่านักวิ่งผู้หญิงสามารถพิชิตเป้าหมายของตนเอง,นับถอยหลังกับอีกสองสัปดาห์สู่งานวิ่งครั้งยิ่งใหญ่ กรุงเทพมาราธอน ขอเชิญผู้หญิงทุกท่านที่คลั่งไคล้การวิ่ง รวมถึงนักวิ่งสาวจากทีม NikeWomen Runs Bangkok มาสัมผัสปรากฏการณ์แห่งการวิ่งสุดพิเศษสำหรับสาวๆ โดยเฉพาะกับสนามซ้อม
วิ่ง NIKE WOMENS PARK และร่วมฝึกซ้อมในรูปแบบต่างๆ ที่เป็นประโยชน์จาก NRC และ NTC จากไนกี้ได้แล้ววันนี้
ไนกี้ ชวนเปิดประสบการณ์ไปกับ NIKE WOMENS PARK มิติใหม่ของการซ้อมวิ่งในบรรยากาศกลางคืนสุดเก๋ 
ให้ผู้หญิงวิ่งสนุกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เตรียมความพร้อมสู่เส้นทาง กรุงเทพมาราธอน
กีฬา,กีฬาอื่นๆ
NIKE WOMEN’S PARK,วิ่ง,วิ่งมาราธอน,กรุงเทพมาราธอน
https://www.thairath.co.th/sport/others/1411698
สมเจตน์ เชื่อ ส.ส.ตั้งเเง่ แก้ที่มา-อำนาจ ส.ว.สำเร็จยาก
วันที่ 17 พ.ย. ,พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.), กล่าวถึงกรณีพรรคอนาคตใหม่ เสนอร่างแก้ไข พ.ร.บ.รับราชการทหาร โดยมีหลักการเพื่อยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ว่า การยกเลิกเกณฑ์ทหาร มีปัจจัยต้องพิจารณาแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่จะตามมา อาทิ เช่น 1. ถ้าเปิดรับสมัครแล้ว ได้ไม่ครบตามจำนวนทหารที่ต้องการ มีวิธีการจะทำอย่างไร 2. เมื่อผู้สมัครรับราชการครบกำหนดปลดประจำการแล้ว เปิดโอกาสให้สมัครต่อ สมมติว่า มีผู้สมัครรับราชการเป็นทหารต่อ จำนวน 5,000 คน ต่อปี เมื่อรวม 10 ปี จะเท่ากับมีทหารสมัครในส่วนนี้ 50,000 คน จำนวนกำลังพลที่เพิ่มมากขึ้นมาดังกล่าว ประเทศชาติรับภาระงบประมาณที่เพิ่มเติมนี้ไหวไหม 3. เมื่อรับราชการจนอายุครบ 46 ปีแล้วต้องพ้นจากราชการ จะดูแลสวัสดิการกำลังพลส่วนนี้อย่างไร เพราะอายุขนาดนี้แล้ว เขาจะไปทำอาชีพอะไรต่อ จะให้เขาไปเป็นมาเฟียหรือ และ 4. ทหารเกณฑ์ เป็นกำลังหลักของกำลังสำรอง หากเกิดภาวะสงครามขึ้นจะระดมพลมาปฏิบัติการรบทันทีได้อย่างไร แต่หากจะคิดมาเกณฑ์ทหารเมื่อเกิดภาวะสงครามเท่านั้น ตนว่าก็คงไม่ทันต่อภาวะสงครามแน่นอน,พล.อ.สมเจตน์ กล่าวถึงกรณีแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า มองว่า รัฐธรรมนูญ 2560 นั้น เป็นรัฐธรรมนูญที่แก้ไขยาก ส่วนกรณีพิจารณาหาบุคคลมาเป็นประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ สภาผู้แทนราษฎรนั้น ขอไม่ออกความเห็น และที่ปรากฏว่า มีชื่อตนจะไปร่วมเป็น กมธ.ในสัดส่วนของ ส.ว.นั้น ตนจะไม่เข้าร่วมเป็น กมธ.ด้วย เพราะต้องปล่อยให้ ส.ส.เขาทำไป แต่เชื่อว่า สำเร็จยาก เว้นมีเหตุผลที่ดีว่า จะแก้มาตราไหน โดยต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน และเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างไร ถ้าแก้เพื่อประโยชน์ทางการเมืองของฝ่ายการเมืองเท่านั้น คงจะไม่สำเร็จ,เมื่อถามว่า เเม้ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนตั้ง กมธ.ศึกษาเเนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่หลายพรรคมองว่า จะแก้ไขมาตราที่เกี่ยวกับที่มา หน้าที่และอำนาจของ ส.ว.เป็นอันดับต้นๆ พล.อ.สมเจตน์ ตอบว่า อย่าลืมว่า การจะผ่านความเห็นชอบในการขอแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น จะต้องเสนอในที่ประชุมร่วมของรัฐสภา และต้องได้เสียง สนับสนุนของ ส.ว.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 คือ 84 เสียง เมื่อไปตั้งเป้าหมายจะแก้ไขเกี่ยวกับหน้าที่ และอำนาจของ ส.ว.แล้ว จะมีเสียง ส.ว.ที่ไหนมาสนับสนุน
พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สมาชิกวุฒิสภา ติง 4 ข้อ อนาคตใหม่ ชงยกเลิกเกณฑ์ทหาร เตือน ส.ส.ตั้งเเง่ แก้ที่มา-อำนาจ ส.ว.สำเร็จยาก
ข่าว,การเมือง
สมเจตน์ บุญถนอม,แก้รธน.,ส.ว.,แก้ที่มา-อำนาจส.ว.,อนาคตใหม่,ชงยกเลิกเกณฑ์ทหาร,สำเร็จยาก,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/politic/1706210
ประโยคสุดท้าย ที่ไม่มีใครรู้ของ เหม ภูมิภาฑิต บอกสัญญาณเสี่ยง
วันนี้(26 ก.ย.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีนายภูมิภาฑิต นิตยารส หรือเหม ดาราชื่อดังเสียชีวิตในวัย 31 ปีที่คอนโดมิเนียมย่านลาดปลาเค้า ซึ่งเบื้องต้นสาเหตุหนึ่งมาจากการป่วยโรคซึมเศร้าโดยเมื่อวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา นักแสดงหนุ่มเคยโพสต์คลิปทางเฟซบุ๊ก Phoomphadit Nittayaros เป็นข้อคิดเตือนใจให้กับหลายให้พูดดีๆ ต่อกันไว้ หันมาใส่ใจดูแลกัน โดยระบุว่านอกจากนี้ในคลิป ของเหม ยังระบุว่า เราไม่รู้ว่าประโยคไหนที่เราจะได้พูดกันเป็นคำสุดท้าย มันอาจจะเป็นประโยคก่อนเข้านอน แล้วเขาก็ไม่ตื่นอีกเลย หรือประโยคที่เขาออกจากบ้านไป พอเขาปิดประตูรถก็อาจและไม่มีโอกาสได้ขับกลับมาอีกเลย หรืออาจจะเป็นประโยคก่อนวางสายและสายนั้นก็โทรไม่ติดการเสียชีวิตของดาราหนุ่มคนนี้ สร้างความเสียใจในวงการบันเทิง มีทั้งกลุ่มดารานักแสดง และหลากหลายวงการที่ออกมาแสดงความคิดเห็น โดยเฉพาะการรู้จักสังเกตคำพูดหรืออาการของคนที่อยู่ใกล้ชิดโดยกำหนดสวดพระอภิธรรมของนายภูมิภาฑิต จัดขึ้นที่วัดลาดปลาเค้า ศาลา 12 ตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย.นี้ โดยเวลา 16.00 น.รดน้ำศพ และสวดพระอภิธรรมศพ เวลา 19.00 น. ระหว่างวันที่ 26-28 ก.ย.นี้ และวันที่ 29 ก.ย. ฌาปนกิจศพสำหรับภูมิภาฑิต เป็นนักแสดงในสังกัดของกันตนา เคยร่วมประกวดโครงการสู่ฝันปั้นดาวเมื่อปี พ.ศ. 2550 และชนะเลิศโครงการ Star Search by Kantana Training Center เมื่อปี 2554 มีผลงานละคร เช่น นางฟ้ากับมาเฟีย ปิ่นอนงค์ ทายาทอสูร รักร้าย เงินปากผีขณะที่กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข รายงานว่าการฆ่าตัวตายมาจากหลายสาเหตุ ประมาณร้อยละ 50 ที่พบว่ามาจากโรคซึมเศร้า คาดว่าคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป เป็นโรคซึมเศร้า 1.5 ล้านคน ได้มอบให้กรมสุขภาพจิต จัดทำโครงการค้นหาผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้าในกลุ่มเสี่ยงเพื่อเพิ่มการเข้าถึงและลดความรุนแรงที่อาจนำไปสู่การฆ่าตัวตาย โดยล่าสุดมีผู้ป่วยโรคซึมเศร้าเข้าถึงบริการร้อยละ 55.40ทั้งนี้ ในปี 2559 ประเทศไทยมีอัตราผู้ฆ่าตัวตายสำเร็จอยู่ที่ 6.35 ต่อประชากรแสนคน ประมาณการณ์ว่ามีแนวโน้มลดลง ได้ใช้กลยุทธ์การป้องกันการทำร้ายตัวเองซ้ำ เพิ่มการเข้าถึงบริการ จะช่วยลดการฆ่าตัวตายลงได้เฉลี่ย 300–400 คนต่อปี ทั้งนี้ให้หาวิธีการผ่อนคลายความเครียด เช่น ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ พูดคุยกับคนใกล้ชิด หรือโทรปรึกษาสายด่วนกรมสุขภาพจิต 1323 หรือ แอปพลิเคชันสบายใจ Sabaijaiอ่าน
โซเชียลร่วมอาลัยกับนักแสดงหนุ่มชื่อดัง เหม ภูมิภาฑิต นิตยารส ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าที่เสียชีวิตเมื่อวานนี้(25 ก.ย.) หลังพบมีการให้กำลังใจและสื่อคำพูดให้ข้อคิด เราไม่รู้เคยรู้ล่วงหน้าว่าประโยคไหนคือประโยคสุดท้าย ชี้คนไทยเสี่ยงป่วยซึมเศร้า 1.5 ล้านคน
ศิลปะ-บันเทิง
เหม,ภูมิภาฑิต นิตยารส,โรคซึมเศร้า,กรมสุขภาพจิต
https://news.thaipbs.or.th/content/284572
ด่านอรัญฯ พบนักพนันหัวหมอรับจ้างหิ้วเหล้า-บุหรี่ ส่งนายทุนฝั่งไทย
วันที่ 16 ก.ย.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณจุดตรวจร่วม อ.05 ด่านพรมแดนคลองลึก จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เจ้าหน้าที่ได้เน้นการตรวจค้นบุคคลและนักท่องเที่ยวที่เดินทางข้ามด่านพรมแดนอรัญประเทศ จากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา เข้ามาในประเทศไทย เพื่อป้องกันและสกัดกั้นการลักลอบซุกซ่อนบุหรี่และสุราต่างประเทศ หนีภาษีจากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา เข้ามาในประเทศไทยอย่างเข้มงวด หลังรัฐบาลไทยประกาศขึ้นราคาบุหรี่และสุราในประเทศวันนี้เป็นวันแรก อีกทั้งเกรงว่าจะมีการลักลอบนำบุหรี่และสุราต่างประเทศ เข้ามาเกินจากกฎหมายกำหนด,พร้อมทั้งมีการติดป้ายที่ระบุว่า ห้ามนำบุหรี่เกินกว่า 1 คอตตอน หรือ 200 มวน สุราเกินกว่าภาชนะ หรือไม่เกิน 1 ลิตร เข้ามาในราชอาณาจักรไทย ฝ่าฝืนกฎหมายมีโทษปรับและอาจถูกจำคุก โดยเขียนเป็น 3 ภาษา คือภาษาไทย กัมพูชา และอังกฤษ มาติดประกาศไว้ที่บริเวณจุดตรวจ อ.05 ด่านพรมแดนคลองลึก อ.อรัญประเทศ,จากการตรวจค้นอย่างเข้มงวด สามารถตรวจยึดบุหรี่ต่างประเทศที่นำเข้ามาเกินจากกฎหมายกำหนดได้หลายร้อยซอง นอกจากนี้ยังได้ตรวจยึดไพ่ ซึ่งนักท่องเที่ยวนำติดตัวเข้ามาในประเทศไทยได้อีกกว่า 10 สำรับ,พ.ต.อ.เบญจพล รอดสวาสดิ์ ผกก.ตม.จว.สระแก้ว เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้สืบทราบว่าร้านค้าจำหน่ายบุหรี่และสุราต่างประเทศในฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ต่างรวมหัวกันขึ้นราคาบุหรี่และสุราต่างประเทศ อีกเกือบ 20 เปอร์เซ็นต์ จึงทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยยังคงชะลอการซื้อบุหรี่และสุราติดมือเข้ามา แต่ที่น่าจับตาก็คือบรรดานักพนันชาวไทย จะรับจ้างเดินถือบุหรี่และสุราต่างประเทศ จากบ่อนกาสิโนฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา เพื่อลักลอบเข้ามาส่งนายทุนในประเทศไทย โดยนักพนันชาวไทยเหล่านี้จะถือบุหรี่และสุราต่างประเทศ จากฝั่งกัมพูชาเข้ามาในประเทศไทย บุหรี่คนละ 1 คอตตอนและสุราคนละ 1 ขวด ซึ่งไม่เกินจากที่กฎหมายอนุโลม ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ ต้องประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการสืบสวนและติดตามเพื่อดำเนินการกับนายทุนกลุ่มนี้ต่อไป
ปรับขึ้นภาษีวันแรก ด่านอรัญฯ คุมเข้มสกัดคนแห่ซื้อเหล้า-บุหรี่เถื่อนฝั่งกัมพูชาเข้าไทย และนำเข้าเกินที่กฎหมายกำหนด พบนักพนันรับจ้างขนเหล้า-บุหรี่ คนละ 1 คอตตอน เหล้า 1 ขวด ส่งให้นายทุน
ข่าว,ทั่วไทย
ขึ้นราคาบุหรี่,ขึ้นราคาเหล้าบุหรี่,บุหรี่เถื่อน,ด่านอรัญประเทศ,บุหรี่ต่างประเทศ,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/central/1071779
ออสเตรเลียยืนยันกระชับความสัมพันธ์อินโดนีเซีย
นายโทนี แอ็บบอต นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย เปิดเผยว่า เขาได้ตอบจดหมายของประธานาธิบดีซูซิโล บัมบัง ยูโดโยโน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เกี่ยวกับกรณีที่มีรายงานว่าหน่วยข่าวกรองของออสเตรเลียดักฟังโทรศัพท์ของประธานาธิบดีอินโดนีเซียพร้อมภริยา และรัฐมนตรีอีกหลายคนเมื่อปี 2552 แต่นายแอ็บบอต ไม่ได้ระบุว่ารายละเอียดในจดหมายนั้นเป็นเช่นไรนายโทนี แอ็บบอต ไม่ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในช่วงที่อาจมีการดักฟังเกิดขึ้น และยังคงปฏิเสธที่จะกล่าวคำขอโทษในกรณีนี้ แต่ยืนยันว่าเขายังคงต้องการกระชับความสัมพันธ์ร่วมกับอินโดนีเซียเมื่อวานนี้ ชาวอินโดนีเซียได้ประท้วงกรณีดังกล่าว โดยมีการขว้างปาไข่ และมะเขือเทศใส่บริเวณหน้าสถานทูตออสเตรเลียในกรุงจาการ์ตา นอกจากนั้น อินโดนีเซียได้เรียกทูตประจำออสเตรเลียกลับประเทศ พร้อมระงับความร่วมมือในการป้องกันการค้ามนุษย์ และถอนเครื่องบินเอฟ-16 ออกจากออสเตรเลีย ก่อนกำหนดการร่วมซ้อมรบเพียง 3 วัน
นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียเปิดเผยว่าเขาได้ตอบจดหมายเพื่ออธิบายเรื่องการดักฟังโทรศัพท์ของผู้นำอินโดนีเซียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และยังคงต้องการกระชับความสัมพันธ์กับอินโดนีเซีย
ต่างประเทศ
ความสัมพันธ์,ออสเตรเลีย,อินโดนีเซีย
https://news.thaipbs.or.th/content/208533
ใบตองแห้ง: ข่าวดีจากอียู?
ไม่ผิดคาดแม้แต่น้อย นายกฯ ยักคิ้ว ปลาบปลื้มหน้าบาน สหภาพยุโรปประกาศฟื้นความสัมพันธ์ รัฐบาลได้ทีคุยอวดว่าต่างชาติเห็นความมุ่งมั่นตั้งใจ มีแต่ไอ้พวกคนไทยส่วนน้อยนี่แหละ ที่เอาแต่วิพากษ์วิจารณ์ ทำให้เกิดความขัดแย้งกดดันรัฐบาล แถมบิดเบือนเรื่องต่างๆเดี๋ยวนะครับ ไม่ทราบอ่านคำแถลงอียูครบหรือเปล่า คำแถลง 14 ข้อ แม้ภาพรวมเป็นด้านดี แต่ก็พ่วงคำว่าเสรีภาพ ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน เป็นเงื่อนไขเต็มไปหมด นี่ไม่ใช่หรือ เรื่องที่คนไทยวิพากษ์วิจารณ์ใช่เลย ถ้ามองท่าทีอียู ในภาพรวมก็เป็นบวก มองได้ว่าในภาวะเศรษฐกิจการเมืองโลกปัจจุบัน อียูอยากฟื้นความสัมพันธ์กับไทยเร็วที่สุด โดยเฉพาะประเทศใหญ่ๆ ที่มีผลประโยชน์การค้า แต่ด้วยความเป็นสหภาพยุโรป ที่ต้องแสดงจุดยืนร่วมกันทุกประเทศ อียูจึงไม่สามารถเหลวไหลอย่างทรัมป์ ที่จู่ๆ ก็เชิญผู้นำจากการรัฐประหารเข้าทำเนียบขาว…คณะรัฐมนตรีฯ ตัดสินใจที่จะกลับเข้าสู่การติดต่อทางการเมืองในทุกระดับกับประเทศไทยเพื่ออำนวยความสะดวกการเจรจาในประเด็นที่มีความสำคัญร่วมกัน อันรวมถึงด้านสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน และแผนการดำเนินงานสู่ประชาธิปไตยมองมุมหนึ่ง อาจเป็นแค่ เล่นท่ายาก อยากเจรจาการค้าเต็มแก่ เพียงต้องรักษามาด แต่มองจากพื้นฐานสิทธิเสรีภาพในยุโรป หากไม่ยึดหลักเสียเลยสหภาพก็จะถูกประชาชนของตนด่า อียูจึงตีกรอบในข้อ 11 ว่าการลงนาม PCA การเจรจา FTA จะเกิดในรัฐบาลเลือกตั้งเท่านั้น ทั้งยังติ่งข้อ 12 ว่าให้ความสำคัญเรื่องสิทธิเสรีภาพอยู่นะแน่ละครับ สมมติหลังเลือกตั้ง มี ส.ว.แต่งตั้ง ยกมือเลือกนายกฯ คนนอก อียูก็คงไม่อินังขังขอบ แม้อาจวิจารณ์บ้าง แต่ขอแค่มี เลือกตั้ง ก็สามารถเจรจาค้าขายได้เต็มเหนี่ยวรัฐบาลก็รู้แก่ใจ ว่านี่คือข่าวดีที่มาพร้อมแรงกดดัน ทำให้ทุกคนตั้งตารอ แต่พวกท่านพร้อมไปสู่เลือกตั้งจริงหรือเปล่า ประกาศใช้ พ.ร.บ.พรรคการเมืองมาจะครบ 3 เดือนยังไม่ปลดล็อกพรรคการเมือง แค่พบอาวุธกลางทุ่งก็ยกมาเป็นข้ออ้างการไปสู่เลือกตั้ง ไปเป็นรัฐบาลที่ไม่มี ม.44 แม้วางกลไกจำกัดสิทธิเสรีภาพไว้เพียงไร ก็ต้องมีฝ่ายค้าน ต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์ ต้องรับมือการเคลื่อนไหวต่างๆ ที่จะผุดเป็นดอกเห็ด โดยไม่สามารถเอาใครไปปรับทัศนคติในค่ายทหาร นี่ไม่ต้องให้อียูวิจารณ์ก็รู้แก่ใจ
ไม่ผิดคาดแม้แต่น้อย นายกฯ ยักคิ้ว ปลาบปลื้มหน้าบาน สหภาพยุโรปประกาศฟื้นความสัมพันธ์ รัฐบาลได้ทีคุยอวดว่าต่างชาติเห็นความมุ่งมั่นตั้งใจ มีแต่ไอ้พวกคนไทยส่วนน้อยนี่แหละ ที่เอาแต่วิพากษ์วิจารณ์
การเมือง,ต่างประเทศ
eu,สหภาพยุโรป,ใบตองแห้ง
https://prachatai.com/journal/2017/12/74557
เชียร์เจ้าลมกรด ตะกร้อตัวเต็ง ซิวทองซีเกมส์
เฉพาะกรีฑา ได้ลุ้นเจ้าลมกรด 100 ม. ทั้งชายและหญิง ทีวีพูลถ่ายทอดสด ทาง สทท.11 เริ่ม 13.00 น.,มหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 28 ที่ประเทศสิงคโปร์ วันนี้ (9 มิ.ย.) มีชิงทั้งหมด 46 เหรียญทอง จากกีฬาทางน้ำ 8 เหรียญทอง (กระโดดน้ำ 2 เหรียญทอง ว่ายน้ำ 6 เหรียญทอง) กรีฑา 8 เหรียญทอง คิวสปอร์ต 2 เหรียญทอง โบว์ลิ่ง 2 เหรียญทอง เรือแคนู 9 เหรียญทอง ขี่ม้า 1 เหรียญทอง ยิมนาสติก 5 เหรียญทอง เปตอง 1 เหรียญทอง เรือใบ 6 เหรียญทอง ตะกร้อ 1 เหรียญทอง ยิงปืน 1 เหรียญทอง และเทนนิส 2 เหรียญทอง โดยโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทีวีพูล) ถ่ายทอดสด ทาง สทท.11 เริ่มตั้งแต่เวลา 13.00 น.เป็นต้นไป,สำหรับไฮไลต์ของทัพนักกีฬาไทยในวันนี้ มีลุ้นคว้าอย่างน้อย 10 เหรียญทอง เริ่มจากกรีฑา 3 เหรียญทอง ขว้างค้อนหญิง ปานวาศ กิมสร้าง มิ่งกมล คุ้มผล เริ่มเวลา 10.00 น. ไทย วิ่ง 100 ม.หญิง จิระพงศ์ มีนาพระ รัตนพล โสวัน เริ่มรอบชิงชนะเลิศ เวลา 17.15 น. วิ่ง 100 ม.หญิง ทัศพร วรรณกิจ ขวัญฤทัย ปากดี เริ่มรอบชิงชนะเลิศ เวลา 17.35 น.,แฝดเล็ก พล.ต.ต.ศุภวณัฎฐ์ อาริยะมงคล หัวหน้าโค้ชทีมกรีฑาไทย เปิดเผยว่า การชิงชัยเจ้าลมกรดวิ่ง 100 ม.ชายและหญิง นักกรีฑาไทยมีลุ้นป้องกันเหรียญทองประเภทชาย โดยไทยส่ง มิ้ว จิระพงศ์ มีนาพระ เจ้าของแชมป์เก่าเมื่อ 2 ปีก่อน ที่พม่า ด้วยสถิติ 10.48 วินาที ลงป้องกันแชมป์เพียงรายเดียว โดยตัดสินใจถอนรัตนพล โสวัน ออก เนื่องจากมีอาการตึงกล้ามเนื้อและต้องการเก็บไว้วิ่งไม้แรกในการป้องกันแชมป์วิ่ง 4×100 ม.ชาย ซึ่งสถิติของจิระพงศ์ในการฝึกซ้อมมาดีมาก มีโอกาสป้องกันเจ้าลมกรดชายได้ค่อนข้างสูง โดยมีนักวิ่งอินโดนีเซีย และ เจ้าภาพ สิงคโปร์ ที่ทำสถิติอยู่ที่ 10.45 วิ. เป็นคู่แข่งสำคัญ,ส่วนวิ่ง 100 ม.หญิง ไทยส่ง 2 คน คือ ก้อย ทัศพร วรรณกิจ กับ เบล ขวัญฤทัย ปากดี ซึ่งรายการนี้เมื่อ 2 ปีก่อน นักวิ่งสาวไทยได้ 1 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง ปล่อยให้ วู ธิ ออง จากเวียดนาม ครองเจ้าลมกรด แต่ครั้งนี้ ทั้งวู ธิ ออง และณีรนุช กล่อมดี ที่ได้เหรียญเงินครั้งก่อน เลิกเล่นไปแล้ว ทำให้ทัศพรมีโอกาสสูงจะขยับจากเหรียญทองแดงหนก่อนมาครองเจ้าลมกรดฝ่ายหญิง ขณะที่ขวัญฤทัยก็มีโอกาสเช่นกัน,เทนนิส ทีมชายและหญิงของไทย หากผ่าน เข้ารอบรองชนะเลิศ และเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ มีโอกาสสูงที่จะเก็บทั้ง 2 เหรียญทองได้ เริ่มเวลา 09.00 น. ขณะที่ว่ายน้ำ ไทยมีลุ้น 1 เหรียญทอง จาก 2 รายการ ผีเสื้อ 200 ม.หญิง สุธาสินี แป้น-แก้ว กับภัทรวดี กิตติยะ และฟรีสไตล์ 200 ม.หญิง อุ้ม ณัชฐานันตร์ จันทร์กระจ่าง กับ เบญจพร ศรีพนมธร รอบคัดเลือก เริ่มรอบคัดเลือก เวลา 08.00 น. และรอบชิงชนะเลิศ เริ่ม 18.00 น. ส่วนคิวสปอร์ต มีโอกาส 1 เหรียญทอง จากสนุ้กเกอร์ชายคู่ นุก สากล กฤษณัส เลิศสัตยาพร กับ เชค นครนายก รัชโยธิน โยธารักษ์ ถ้าผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ เริ่มเวลา 18.00 น.,นอกจากนี้ ยังมีลุ้น 1 เหรียญทอง จากโบว์ลิ่ง ชายเดี่ยว และหญิงเดี่ยว รายการใดรายการหนึ่ง ซึ่งชายเดี่ยวนำทีมโดย โจ้ ญาณพล ลาภ-อาภารัตน์ และมีเจ้าภาพสิงคโปร์เป็นคู่แข่งสำคัญ ส่วนขี่ม้าก็มีโอกาสหยิบ 1 เหรียญทอง จาก น้องซี รวิสรา เวชากร ที่จะบังคับม้าแจ๊ส รอยัล 2 ลงแข่งขันประเภทศิลปะบังคับม้า และตะกร้อ ไทยไม่น่าพลาด 1 เหรียญทองในประเภททีมชุดชาย
ทัพไทยลุ้นคว้าอย่างน้อย 10 เหรียญทอง ในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 28 ที่สิงคโปร์ วันนี้ (9 มิ.ย.) โดยมีโอกาสจากกรีฑา 3 เหรียญทอง เทนนิส 2 เหรียญทอง ว่ายน้ำ คิวสปอร์ต โบว์ลิ่ง ขี่ม้า และตะกร้อ กีฬาละ 1 เหรียญทอง
null
ซีเกมส์ 2015,ซีเกมส์ ครั้งที่ 28,ทัพนักกีฬาไทย,ข่าวกีฬา,ไทยรัฐออนไลน์
https://www.thairath.co.th/content/503874
ลิเวอร์พูล เฟิร์มปล่อยแข้งราย 3 โหมจ่อได้สตาร์ดังแชมป์โลกเดือนนี้
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันที่ 6 ม.ค. ว่า หงส์แดง ลิเวอร์พูล ยืนยันปล่อยตัว คามิล กราบารา นายทวารดาวรุ่งไปเล่นให้กับทีม อาร์ฮุส ทีมจากลีกเดนมาร์ก ด้วยสัญญายืมตัวจนจบฤดูกาลนี้,ส่งผลให้นายทวารที่กำลังจะอายุ 20 ปีในวันอังคารนี้กลายเป็นนักเตะของหงส์แดงรายที่สามที่ถูกปล่อยออกจากทีมต่อจาก นาธาเนียล ไคลน์ และ โดมินิก โซลันกี ที่ย้ายไปเล่นให้กับบอร์นมัธก่อนหน้านี้,ส่วนอีกข่าว Alkass Channel แหล่งข่าวจากกาตาร์ ระบุว่า หงส์แดง มีความกระตือรือร้นที่จะปิดดีล นาบิล เฟกีร์ เป้าหมายระยะยาวของพวกเขาจากโอลิมปิก ลียง หลังจากเคยผิดหวังมาเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา,ตามข่าวเผยว่า หงส์แดง ให้ความสนใจกองกลางดีกรีแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 กับฝรั่งเศสตั้งแต่ซัมเมอร์ที่ผ่านมาแล้ว แต่สุดท้ายต้องล้มดีลเนื่องจากหวั่นว่าจะได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าอีกครั้ง,อย่างไรก็ตามล่าสุดหงส์แดงก็กลับมาไล่ล่าความสนใจแข้งรายนี้อีกรอบ และทาง ฌอน มิเชล อูลาส ประธานของลียงก็เต็มใจที่ปล่อยแข้งรายนี้ในเดือนมกราคม เนื่องจากตัวนักเตะไม่อยากต่อสัญญาฉบับใหม่ออกไป,ทั้งนี้คาดกันว่า เชลซี ที่ให้ความสนใจแข้งรายนี้เช่นเดียวกันก็ได้ถอนสมอล่าตัว เฟกีร์ แล้วทำให้ หงส์แดง เป็นเต็งจ๋าที่จะได้ตัวมาร่วมทีม
หงส์แดง ลิเวอร์พูล คอนเฟิร์มปล่อยนักเตะรายที่สามออกจากทีมในเดือนมกราคมนี้ แต่มีข่าวจ่อได้กองกลางดีกรีแชมป์โลกมาร่วมทีม
กีฬา,ฟุตบอลยุโรป
พรีเมียร์ลีก,ลิเวอร์พูล,คามิล กราบารา
https://www.thairath.co.th/sport/eurofootball/premiereleague/1463314
มหาธีร์ลั่น โค่นนายกมูห์ยิดดิน ยัสซิน
เมื่อ 20 พ.ค. ดร.มหาธีร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ให้คำมั่นว่าจะใช้ทุกวิถีทางในการขับนายมูห์ยิดดิน ยัสซิน ให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมกล่าวโทษว่ายัสซินกำลังคืนอำนาจให้กับพรรคการเมืองที่แปดเปื้อนข้อหาคอร์รัปชันที่ไม่ได้รับการยอมรับจากคะแนนเสียงเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์เมื่อ 2 ปีก่อน โดยไปตั้งรัฐบาลผสมกับพรรคอัมโนของอดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ทั้งที่จุดประสงค์ของเราคือ ต้องการให้ประชาชนเลือกรัฐบาลที่ถูกต้อง ทั้งนี้ เมื่อต้นสัปดาห์มานี้ รัฐบาลพยายามเลี่ยงการยื่นมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีในสภา โดยย้ำว่า สภาต้องปฏิบัติหน้าที่ในการต่อสู้การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ซึ่งมีผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มอีก 31 ราย เป็น 7009 ราย เสียชีวิต 114 ราย และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบก่อนอย่างไรก็ตาม ดร.มหาธีร์มองว่า ยัสซินกำลังจะเจอปัญหาครั้งใหญ่หลวง เพราะไม่ว่าจะมีโอกาสพิสูจน์ได้ว่ายัสซินดำรงตำแหน่งไม่ถูกต้องตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ เราก็จะทำ อีกทั้งพรรคฝ่ายค้านก็จะโหวตไม่เห็นด้วยร่างกฎหมายของฝ่ายรัฐบาลที่นำเข้าสภา หากไม่ให้ลงมติไม่ไว้วางใจ ถ้าทุกอย่างในสภาถูกปัดตกหมด ยัสซินจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร.
ดร.มหาธีร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ให้คำมั่นว่าจะใช้ทุกวิถีทางในการขับนายมูห์ยิดดิน ยัสซิน ให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมกล่าวโทษว่ายัสซินกำลังคืนอำนาจให้กับพรรคการเมือง
ข่าว,ต่างประเทศ
มหาธีร์ โมฮัมหมัด,มาเลเซีย,นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย,มูห์ยิดดิน ยัสซิน,การเมืองมาเลเซีย,นาจิบ ราซัค,ข่าววันนี้
https://www.thairath.co.th/news/foreign/1850393
พนัส ทัศนียานนท์ : การก่อการร้าย–สิทธิก่อการปฏิวัติ???
เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองและทำให้ประเทศไทยเป็นนิติรัฐอย่างแท้จริงจากท่าทีที่แสดงความแน่วแน่ว่าจะต้องจัดการกับปัญหาม็อบเสื้อแดงให้ลุล่วงไปให้จงได้ แสดงว่านายกฯ อภิสิทธิ์ได้ตัดสินใจอยู่ก่อนแล้วที่จะเลือกใช้ความรุนแรงเป็นวิธีการแก้ปัญหาโดยมองว่าเป็นทางเลือกเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่เหลืออยู่เพื่อธำรงความเป็นนิติรัฐของรัฐไทยภายใต้การปกครองของรัฐบาลนี้ โดยไม่คำนึงถึงว่าอาจจะต้องมีการเสียเลือดเสียเนื้อหรือแม้แต่ชีวิตของคนไทยด้วยกันเพิ่มขึ้นอีกไม่ว่าจะมากมายแค่ไหนก็ตาม ทั้งๆ ที่การเจรจากันต่อไปยังพอมีช่องทางให้ตกลงกันได้และทางเลือกอย่างอื่นที่ไม่ทำให้ต้องบาดเจ็บล้มตายเพิ่มขึ้นอีกก็มีอยู่ คือการโรดแมปเพื่อการปรองดองของเขา จึงน่าจะเป็นเพียงกลอุบายที่จะนำไปสู่การใช้แผนรุกฆาตตามที่ทำนายไว้เมื่อวันจันทร์ที่แล้ว (10 พ.ค.) เท่านั้นเอง (ดู ?? ในคอลัมน์ เส้นแบ่งความคิด)จนถึงวันนี้ (16 พ.ค. 53) ยังไม่มีใครบอกได้ว่า ปฏิบัติการครั้งนี้จะจบลงเมื่อใด อย่างไร แต่ความสูญเสียที่เกิดขึ้นก็ดูจะไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าปฏิบัติการทำนองเดียวกันนี้ในการขอพื้นที่คืนบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและสะพานผ่านฟ้าเมื่อวันที่ 10 เมษายน เพราะจำนวนผู้ตายในขณะนี้ได้เพิ่มขึ้นเป็น 24 และบาดเจ็บ 198 แล้ว จากการชี้แจงของ ศอฉ. ต่อสาธารณชนผ่านทางสถานีโทรทัศน์ในตอนค่ำของวันที่ 15 พฤษภาคม ก่อนการออกอากาศแถลงการณ์โดยนายกฯอภิสิทธิ์ ได้มีการยืนยันว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นการก่อการร้ายของบุคคลกลุ่มหนึ่งที่แฝงตัวอยู่ในหมู่ผู้ชุมนุม ส่วนจะเป็นกลุ่มเดียวกันกับกลุ่มคนชุดดำที่ลงมือปฏิบัติการเด็ดหัวผู้บัญชาการรบที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยหรือไม่ ไม่มีการยืนยันจาก ศอฉ. แต่ก็มีการยอมรับโดยผู้บัญชาการกองพลที่ 1 ว่าการดำเนินการกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่แฝงตัวอยู่ในฝูงชนคนเสื้อแดง ไม่สามารถกระทำได้ เพราะเกรงว่าจะพลาดไปโดนผู้ชุมนุมที่ไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย ส่วนสาเหตุที่ทำไมจึงมีผู้เสียชีวิตถึง 24 คนและบาดเจ็บเกือบ 200 คนเข้าไปแล้ว ก็มีคำชี้แจงว่า น่าจะเกิดจากการที่ผู้ชุมนุมยิงกันเอง หรือมิฉะนั้นก็ถูกผู้ก่อการร้ายหรือชาวบ้านในชุมชนยิงเอา ไม่ใช่เป็นการยิงจากฝ่ายทหารความรุนแรงที่เกิดขึ้นอีกในครั้งนี้จึงสืบเนื่องมาจากการใช้อาวุธสงครามร้ายแรงเข้ามายิงเข่นฆ่ากัน ซึ่งเป็นการกระทำของผู้ก่อการร้ายกลุ่มหนึ่งที่ยังไม่ทราบว่าเป็นใครและอยู่ฝ่ายใด แต่ก็พอจะอนุมานได้จากคำชี้แจงของ ศอฉ. ว่า น่าจะเป็นฝ่ายม็อบเสื้อแดงนั่นเองตามทฤษฎีการสมรู้ร่วมคิดกัน เพราะแฝงตัวอยู่ด้วยกัน ดังนั้น โดยจุดยืนของนายกฯอภิสิทธิ์ ศอฉ. และ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) บรรดาแกนนำเสื้อแดงรวม 9 คน จึงเข้าข่ายตกเป็นผู้ต้องหาฐานก่อการร้าย ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135/1-4 ตามข้อกล่าวหาของ DSI ด้วยอย่างไรก็ตาม ความผิดฐานก่อการร้ายดังกล่าวมีข้อยกเว้นในมาตรา 135/1 นั่นเองว่า การกระทำในการเดินขบวน ชุมนุม ประท้วง โต้แย้ง หรือเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้รัฐช่วยเหลือ หรือให้ได้รับความเป็นธรรมอันเป็นการใช้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ไม่เป็นการกระทำความผิดฐานก่อการร้ายจากข้อเท็จจริงซึ่งเป็นที่ปรากฎและฝ่ายรัฐบาลก็ยอมรับ ก็คือ การชุมนุมของกลุ่ม นปช. คนเสื้อแดงตั้งแต่เริ่มต้น เป็นการชุมนุมเรียกร้องให้นายกฯอภิสิทธิ์ยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งกันใหม่ ซึ่งเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญและชอบด้วยครรลองของระบอบประชาธิปไตย ดังนั้น กรณีจึงเป็นปัญหาน่าคิดว่า การใช้สิทธิชุมนุมโดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญเช่นนี้ได้กลายเป็นการก่อการร้ายไปตั้งแต่เมื่อใด เพราะหากจะอ้างว่าได้เริ่มกลายเป็นการก่อการร้ายตั้งแต่เกิดเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เมษายน ก็มีปัญหาว่าการสลายการชุมนุมครั้งนั้นเป็นการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุหรือเกินกว่ากรณีจำเป็นหรือไม่ เพราะทำให้มีผู้ชุมนุมถูกยิงเสียชีวิตไปถึง 21 คนและบาดเจ็บกว่า 800 คนซึ่งหากการพิสูจน์ด้วยพยานหลักฐานทั้งปวงสามารถแสดงได้ว่า การขอพื้นที่คืน เมื่อ 10 เมษายน ก็ดี การกระชับพื้นที่ ในครั้งนี้ก็ดี เป็นการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุหรือเกินกว่ากรณีจำเป็น ย่อมเป็นการแน่นอนว่า การกระทำดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย (พ.ร.ก. สถานการณ์ฉุกเฉิน มาตรา 17) ตามหลักนิติรัฐเพราะต้องไม่ลืมว่า ดังเช่น อดอร์ฟ ฮิตเลอร์ยิ่งไปกว่านั้น หากจะยกวาทกรรมในเชิงทฤษฎีกฎหมายธรรมชาติมาว่ากล่าวกันต่อ ก็อาจกล่าวได้ว่า
ในที่สุดก็ชัดเจนจากถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะว่า ปฏิบัติการกระชับพื้นที่สี่แยกราชประสงค์เพื่อสลายม็อบเสื้อแดงก็จะต้องดำเนินการกันต่อไปจนกว่าภารกิจจะเสร็จสิ้น
การเมือง
การชุมนุมเดือนมีนาคม - พฤษภาคม 2553,การปะทะ,การสลายการชุมนุม,โรดแมป
https://prachatai.com/journal/2010/05/29582
ลอตเตอรี ราคาถูก คนขายโอดคนซื้อลด ผลกระทบ COVID-19
วันนี้ (16 พ.ค.2563)ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจ ตลาดบ้านห้วย จ.อุดรธานี ปกติกเป็นจุดที่ค้าขายลอตเตอรีคึกคัก แต่ตอนนี้เงียบเหงามาก โดย นางนวพร พรรณจินากูล แม้ค้าลอตเตอรีกล่าวว่า ค้าขายอยู่ที่นี่มานานกว่า 10 ปี ลงทุนงวดละไม่ต่ำกว่า 100000 บาทงวดนี้ หวังอย่างเดียวคือขอให้ขายหมดเพื่อจะนำเงินมาใช้จ่ายเท่านั้นนางนวพร เผยว่าช่วงนี้ขายลอตเตอรีได้วันละไม่ถึง 10 ใบเพราะลูกค้าบางส่วนคิดว่ายังเลื่อนการออกสลากฯ และบางคนไม่กล้าซื้อเพราะกลัวเป็นสลากฯปลอม เพราะสีซีด-สีไม่สด (เก็บมาตั้งแต่งวดวันที่ 1 เม.ย.) แม่ค้าคนนี้ยอมรับว่าได้รับเงินเยียวยา 5000 บาท จากรัฐบาล แต่พอใช้จ่ายเฉพาะค่าน้ำ-ค่าไฟและค่ากินใช้นิดหน่อยเท่านั้นจ.น่าน บรรยากาศการซื้อขายลอตเตอรีไม่คักคัก ผู้ค้า ระบุว่า มีคนเดินดูลอตเตอรีเยอะขึ้นก็จริง แต่ส่วนใหญ่ไม่ซื้อเพราะไม่มีเลขที่ตัวเองเก็งไว้ ส่วนใหญ่ผู้ค้าต้องขายลอตเตอรีราคาถูกลง อยู่ที่ 74-75 บาท ไม่อย่างนั้นจะขายไม่ได้ และแม้จะลดราคาลงมาต่ำกว่า 80 บาทแต่ก็เชื่อว่าจะขายไม่หมดนางวิไล พลูน้อย แม่ค้าลอตเตอรี กล่าวว่า รอบนี้เหมาลอตเตอรีมา 300 ใบรวมแผงละ 22000 บาท แม้จะมีลูกค้าเข้ามาเรื่อยๆ แต่น่าจะขายไม่หมด เพราะลูกค้าน้อยกว่าเดิมและต้องขายราคาถูก ไม่อย่างนั้นจะขายไม่ได้ ซึ่งน่าจะเป็นเพราะเศรษฐกิจจึงทำให้คนซื้อน้อยลงคนเริ่มหาซื้อลอตเตอรีหลัง COVID-19 เริ่มคลี่คลายขณะที่ผู้ค้าลสากฯ บริเวณถนน-นเรศวร ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นจุดขายลอตเตอรีจุดใหญ่ในจังหวัด บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงาพ่อค้าแม่ค้า หลายคน บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า แม้จะเริ่มมีลูกค้าเพิ่มขึ้นแต่ก็ยังถือว่าน้อยกว่าช่วงที่ COVID-19 ระบาดเช่นเดียวกับ จ.กำแพงเพชร บรรยากาศซื้อขายสลากฯ ไม่ค่อยคึกคัก อย่างจุดหนึ่งที่ผู้สื่อข่าวไปสำรวจคือบริเวณหน้าธนาคารกรุงไทย ซึ่งผู้ค้า เล่าว่า ปกติจุดนี้จะคึกคักมาก แต่การขายสลากฯ งวดนี้ กลับไม่คึกคักอย่างที่คิด แม้จะงดมาเดือนครึ่ง จึงคาดว่าจะขายสลากฯ ไม่หมดขณะที่ จ.สงขลา บริเวณถนนธรรมนูญวิถี ถนนนิพัทธิ์อุทิศ 1-2 ปกติย่านนี้จะคึกคัก แต่ช่วงนี้กลับไม่ค่อยมีคนมาซื้อลอตเตอรี ผู้ค้าลอตเตอรี บอกว่า สาเหตุที่เงียบเหงา เพราะคนไม่มีเงิน-ไม่มีงาน และต้องอยู่กับบ้านต้อง รอลุ้นวันนี้วันสุดท้ายว่าจะมีคนซื้อหรือไม่พญาเต่างอย คนสักการะแน่น แผงลอตเตอรีคึกคักส่วนจุดคึกคักสถานที่ท่องเที่ยว รูปปั้นพญาเต่างอย ที่สวนสาธารณะริมลำน้ำพุง ต.เต่างอยอ.เต่างอย จ.สกลนคร หลังจากที่มีการปลดล็อกให้ประชาชนเข้ามาเที่ยวและสักการะได้ก็มีประชาชนเข้ามาสักการะเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะช่วง 4 วันที่ผ่านมาทำให้แผงค้าลอตเตอรีคึกคักเป็นพิเศษแม่ค้า เล่าว่า ตอนนี้ยังคึกคักไม่ถึงที่สุด เพราะบางคนยังไม่รู้ว่าเปิดให้สักการะแล้วและคนที่มาซื้อลอตเตอรี่ก็ไม่ได้เก็งเลขเด็ด เพราะมีการหยุดออกรางวัลไปหลายงวดส่วนลอตเตอรี่ที่นำมาขาย ก็เป็นลอตเตอรี่งวดวันที่ 1 เม.ย. (หวยไม่สด) ซึ่งนำมาขายไปก่อนนางทองย้อย อินกองหนึ่งในผู้มาสักการะพญาเต่างอย ซึ่งเดินทางมาจาก จ.นครพนม บอกว่าตั้งใจมาสักการะขอให้ทำมาค้าขายดี และก็ยอมรับว่ามาขอเลขเด็ดด้วยเผื่อจะโชคดี
วันนี้สลากกินแบ่งรัฐบาลออกรางวัลเป็นครั้งแรก หลังหยุดตั้งแต่เดือน เม.ย. ขณะที่ COVID-19 ระบาดและผู้คนต้องเก็บเงินไว้ใช้จ่าย ราคาสลากถูกลง 60-90 บาท ขณะที่บรรยากาศแต่ละจุดต่างกัน บางจุดคึกคัก-บางจุดเงียบเหงา
เศรษฐกิจ
COVID-19,โควิด-19,COVID19,ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่2019,โควิด19,ลอตเตอรี,สลากกินแบ่งรัฐบาล
https://news.thaipbs.or.th/content/292524
ชีวิตไม่แน่นอน ชมคลิปสลดใจ สองแข้งแซมบ้า ยิ้มแย้มก่อนเครื่องบินตก
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันที่ 29 พ.ย. ว่า มีการเปิดเผยคลิปวิดีโอหยอกล้อกันของ อลัน รัสเชล ปราการหลังของ ชาเปโคเอนเซ ทีมจากลีกสูงสุดบราซิล กับเพื่อนร่วมทีม ก่อนจะเกิดเหตุโศกนาฏกรรมเครื่องบินตกที่โคลอมเบีย,เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเมื่อช่วงคืนวานนี้โดยเครื่องบินลาเมีย แอร์ไลน์ส ของประเทศโบลิเวีย ที่ขนทีมชาเปโคเอนเซ สู้ศึกโกปา ซูดาเมริคานา แต่ทว่ากลับเกิดอุบัติเหตุชนเทือกเขาที่ประเทศโคลอมเบียทำให้มีผู้เสียชีวิต 75 คน โดยทีมชาเปโคเอนเซเสียชีวิตเกือบทั้งทีมโดยมีผู้รอดชีวิตเพียง 2 คนเท่านั้น,ล่าสุดมีการเปิดเผยคลิปวิดีโอหนึ่งในผู้รอดชีวิตชื่อ อลัน รัสเชล ขณะที่กำลังหยอกล้อกับเพื่อนร่วมทีมเตรียมพร้อมเดินทางซึ่งไม่รู้ว่าอนาคตจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ โดยเพื่อนร่วมทีมของเขาเสียชีวิตทันที ส่วนเขามีอาการโคม่า ส่วนคลิปวิดีโอนี้ได้สร้างความสลดใจต่อแฟนบอลเป็นอย่างมาก,>>> ,คลิกชมคลิป สองแข้งแซมบ้าหยอกล้อกันก่อนเครื่องบินตก, <<<,ข่าวที่เกี่ยวข้อง ,- ,ลุ้นระทึก ทีมบอลบราซิลประสบเหตุเครื่องบินตกในโคลอมเบีย,- ,ชาเปโคเอนเซ ดับเกือบยกทีม ตร.โคลอมเบีย ยัน เหตุบินตกตาย 76 รอด 5,- ,พบแข้งแซมบ้ารอดตาย 3 ราย เหตุบินตกที่โคลอมเบีย, 
ชีวิตคนเราไม่แน่นอนจริงๆหลังมีคลิปสองแข้งแซมบ้าโพสต์คลิปวิดีโอหยอกล้อกัน โดยไม่รู้ว่าอนาคตจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเครื่องบินตกจนเสียชีวิตกันระนาว
null
เครื่องบินตก,ชาเปโคเอนเซ,ข่าวกีฬา,อลัน รุสเซล,ข่าว
https://www.thairath.co.th/content/797296
จูเลีย กิลลาร์ด ก้าวลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย
นายเควิน รัดด์ อายุ 55 ปี สาบานตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของออสเตรเลียอีกครั้ง ซึ่งนางเคว็นทิน ไบรซ์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ราชินีอังกฤษทำหน้าที่รับการถวายสัตย์ปฏิญาณการเปลี่ยนผู้นำประเทศออสเตรเลียครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังเมื่อวานนี้ เมื่อพรรคแรงงานมีมติ 57 เสียงเลือกให้นายรัดด์กลับขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค ส่วนนางกิลลาร์ดกลับพ่ายแพ้ไป โดยได้เพียง 45 เสียงรัฐธรรมนูญแห่งการเมืองระบบสภาของออสเตรเลียกำหนดว่า ผู้เป็นหัวหน้าพรรครัฐบาลย่อมเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งการพ้นเก้าอี้กระทันหันของนางกิลลาร์ด มีสาเหตุจากผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนหรือโพลชาวออสเตรเลียโพลทุกสำนักชี้ตรงกันว่า ถ้านางกิลลาร์ดเป็นผู้นำทัพสู้ศึกเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 14 กันยายนนี้ พรรคแรงงานที่เป็นรัฐบาลมีแต่จะพ่ายแพ้ ซึ่งตรงกันข้ามกับโพลที่มีต่อนายรัดด์ ทั้งนี้นางกิลลาร์ดเคยโค่นนายรัดด์ด้วยมติพรรคแรงงานในลักษณะเดียวกันนี้ ซึ่งขณะนั้นเธอเป็นผู้ช่วยหัวหน้าพรรค และนายรัดด์เป็นนายกรัฐมนตรีได้ 3 ปี กับอีก 3 วัน
พรรคแรงงาน ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของออสเตรเลีย มีมติปลดนางจูเลีย กิลลาร์ด พ้นจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค ส่งผลให้นายเควิน รัดด์ อดีตนายกกัฐมนตรีออสเตรเลียกลับเข้าตำแหน่งอีกครั้ง
ต่างประเทศ
จูเลีย กิลลาร์ด,นายกรัฐมนตรี,นโยบาย,พรรคแรงงาน,มติ,ออสเตรเลีย,เควิน รัดด์,เลือกตั้งทั่วไป
https://news.thaipbs.or.th/content/180173
สายสัมพันธ์เกาหลีเหนือ-กัมพูชาแน่นแฟ้น สร้างพิพิธภัณฑ์ 360 องศา ในเสียมเรียบ
อังกอร์ พาโนรามา มิวเซียม หรือ พิพิธภัณฑ์พาโนรามาอังกอร์ พิพิธภัณฑ์ภาพวาดแห่งใหม่ที่เกาหลีเหนือลงทุนก่อสร้างขึ้นในจังหวัดเสียมเรียบ แหล่งแสดงภาพวาด 360 องศา เกี่ยวกับสงครามในช่วงศตวรรษที่ 11 จนถึงศตวรรษที่ 13 อันเป็นสมัยที่จักรวรรดิขแมร์ หรือ เขมร เรืองอำนาจ รวมทั้งแสดงภาพวาดการก่อสร้างนครวัด ในจังหวัดเสียมเรียบภาพวาดที่มีขนาดใหญ่เท่ากับสนามเทนนิสถึง 8 สนามนี้ เป็นฝีมือของจิตรกรชาวเกาหลีเหนือ จำนวน 63 คน จากสถาบันมันซูแด อาร์ต สตูดิโอ ของรัฐบาลเกาหลีเหนือโดยใช้เวลาวาดนานมากกว่า 1 ปี รัฐบาลเกาหลีเหนือก่อสร้างพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ด้วยงบประมาณสูงถึง 24 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ ประมาณ 836 ล้านบาทสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์พิเศษระหว่างผู้นำเกาหลีเหนือและกษัตริย์กัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์ระหว่างนายคิม อิล ซุง ผู้ก่อตั้งเกาหลีเหนือ กับ เจ้านโรดม สีหนุ อดีตกษัตริกัมพูชา ในยุคเขมรแดงสำหรับการสร้าง พิพิธภัณฑ์ อังกอร์ พาโนรามา มิวเซียม ยังแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการใช้การทูตเชิงวัฒนธรรม เพื่อนำเสนอภาพลักษณ์ที่ดีของเกาหลีเหนือต่อสายตาชาวโลก ส่วนรายได้ที่ได้จากการเข้าชมและขายสินค้าให้กับนักท่องเที่ยวในช่วง 10 ปีแรก จะตกเป็นของเกาหลีเหนือทั้งหมดหลังจากนั้นอีก 10 ปี จะมีการแบ่งรายได้ส่วนหนึ่งให้กับรัฐบาลกัมพูชา และเมื่อเข้าสู่ปีที่ 21 เป็นต้นไป พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของกัมพูชาโดยสมบูรณ์นอกเหนือจากัมพูชางานศิลปะของเกาหลีเหนือยังได้ถูกจัดแสดงเอาไว้ในหลายประเทศ เช่น แองโกลา บอตสวานา นามิเบีย และเซเนกัล
กัมพูชาเปิดพิพิธภัณฑ์ภาพวาดแห่งใหม่ที่เกาหลีเหนือลงทุนก่อสร้างขึ้นในจังหวัดเสียมเรียบ ตอกย้ำความสัมพันธ์พิเศษที่ยังคงแน่นแฟ้น ระหว่างตระกูลคิมและกษัตริย์กัมพูชา
ต่างประเทศ
ไทยพีบีเอส,กัมพูชา,พิพิธภัณฑ์,เกาหลีเหนือ
https://news.thaipbs.or.th/content/251057
นายกฯ พอใจเน็ตประชารัฐคืบ ตั้งเป้า 24700 หมู่บ้านในปี 60
วันที่ 11 ก.พ. พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. พอใจความคืบหน้าโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ หลังจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้เปิดการใช้งานนำร่อง เน็ตประชารัฐ ที่เป็นโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านสื่อสัญญาณเคเบิลใยแก้วนำแสงอย่างเป็นทางการ ณ เทศบาลตำบลจุน อ.จุน จ.พะเยา เมื่อต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา รัฐบาลจะดำเนินโครงการเน็ตประชารัฐในพื้นที่ที่ไม่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์ และยังไม่มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยี ขณะนี้ กระทรวงดิจิทัลฯ ติดตั้งโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงจำนวน 99 หมู่บ้านแรก ใน 13 จังหวัด ทั่วทุกภาค พร้อมทั้งจัดจุดบริการอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูง อีกหมู่บ้านละ 1 จุด โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อให้ชุมชนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน,พล.ท.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า วันที่ 10 ก.พ. กระทรวงดิจิทัลฯ ได้เปิดให้บริษัทเอกชนยื่นซองประกวดราคาอุปกรณ์เน็ตประชารัฐ และให้ลงนามในข้อตกลงคุณธรรมตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชันทุกรูปแบบ จากนั้นจะลงนามสัญญาดำเนินการและทยอยติดตั้งโครงข่ายตั้งแต่เดือน พ.ค. 60 จนครบ 24,700 หมู่บ้านตามเป้าหมายในเดือน ธ.ค. 60 นายกฯ ย้ำว่า โครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ เป็นนโยบายหลักของรัฐบาล ที่ต้องการนำเทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมเพื่อก้าวไปสู่ยุค 4.0 เพิ่มขีดความสามารถของประเทศในเวทีโลก
โฆษกรัฐบาล เผย นายกฯ พอใจเน็ตประชารัฐคืบหน้า ตั้งเป้าครบ 24,700 หมู่บ้านในเดือน ธ.ค.ปี 2560 เพื่อนำเทคโนโลยีสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมก้าวไปสู่ยุค 4.0
null
อินเทอร์เน็ตประชารัฐ,อินเทอร์เน็ตหมู่บ้าน,นายกฯ,สรรเสริญ แก้วกำเนิด,โฆษกรัฐบาล
https://www.thairath.co.th/content/856653
สุดสลด เด็กมะกัน 9 ขวบฆ่าตัวตาย ถูกเพื่อนแกล้งหลังเปิดตัวว่าเป็นเกย์
เมื่อ 28 ส.ค. นางเลอา เพียร์ซ มารดาของเด็กชาย จาเมล ไมเลส วัย 9 ขวบ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว เคดีวีอาร์ ว่า ลูกชายของเธอถูกล้อเลียนจากกลุ่มพื่อนๆ ที่โรงเรียนประถม โจ ชูเมคเกอร์ ในเมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด หลังจากเขาบอกกับเพื่อนร่วมชั้นว่าเขาเป็นเกย์,นางเพียร์ซ เผยว่า จาเมลบอกกับเธอเรื่องที่เขาเป็นเกย์ในช่วงวันหยุดฤดูร้อน เขาดูหวาดกลัวมากตอนที่เขาบอกฉัน เขาพูดว่า แม่ ผมเป็นเกย์ ส่วนฉันก็คิดว่าเขากำลังพูดล้อเล่น ฉันจึงหันกลับไปมองเพราะตอนนั้นฉันขับรถอยู่ และเห็นเขานั่งห่อตัวอย่างหวาดกลัว ฉันก็เลยตอบไปว่า แม่ก็ยังรักลูกนะ จาเมลบอกด้วยว่าเขาจะบอกเรื่องนี้กับเพื่อนหลังโรงเรียนเปิดเทอมแล้ว เพราะเขารู้สึกภูมิใจในตัวเอง,อย่างไรก็ตาม ในวันพฤหัสบดีที่ 23 ส.ค. หลังเปิดเทอมเพียง 4 วัน จาเมลฆ่าตัวตายภายในบ้านของเขา และตำรวจกำลังสืบสวนเรื่องนี้ในฐานะคดีฆ่าตัวตาย,มันใช้เวลาแค่ 4 วันเท่านั้น ฉันคงได้แต่จินตนาการว่าพวกนั้นพูดอะไรกับเขา นางเพียร์ซ กล่าว ลูกชายของฉันบอกกับลูกสาวคนโตของฉันว่า เด็กๆ ที่โรงเรียนบอกให้เขาไปฆ่าตัวตาย ฉันแค่เสียใจที่เขาไม่มาบอกฉัน
เด็กชายวัยเพียง 9 ขวบในสหรัฐฯ ฆ่าตัวตาย หลังจากเขาตัดสินใจบอกกับเพื่อนว่าเป็นเกย์ แต่เรื่องนี้ทำให้เขาถูกรังแกที่โรงเรียนอย่างหนัก
ข่าว,ต่างประเทศ
เกย์,เด็กฆ่าตัวตาย,สหรัฐ,เพื่อนแกล้ง,โรงเรียนประถม
https://www.thairath.co.th/news/foreign/1364137
ติดดื่มชูกำลัง กลับพังสุขภาพ
ในขณะที่เครื่องดื่มได้อวดตัวเองว่า ช่วยให้เราสามารถทนทาน ฝืนทนต่อไปได้ แต่มันก็มีข้อเสีย ทำให้เราเสียสุขภาพในภายหลัง ดังนั้นจึงควรจำเป็นที่จะรู้ผลร้ายที่มีแก่ร่างกายของเราบ้าง,เครื่องดื่มเหล่านี้เป็นที่รู้กันดีว่า มีเจ้าคาเฟอีนเป็นส่วนใหญ่ โดยที่เราก็ไม่รู้ว่า เราหลงกินคาเฟอีนเข้าไปมากเพียงไร เมื่อใดที่ร่างกายชักคุ้นกับมันมากๆ มันจะทำให้ร่างกายเราเกิดเสพติด จำเป็นต้องอาศัยมันตลอดไป เราอาจจะต้องดื่มเครื่องดื่มแบบนั้น เพื่อที่จะคอยชูกำลังเอาไว้ทั้งวัน เมื่อใดที่เกิดเช่นนี้ ก็แสดงว่าได้มีพลังงานที่พยายามที่จะฝืนเราให้ตาค้างทนอยู่ได้ทั้งคืน ไม่ต้องหลับไม่ต้องนอน ในที่สุดก็จะต้องดื่มเครื่องดื่มเติมมันเข้าไปอีก ซึ่งจะทำให้เกิดวัฏจักรร้าย จะนำไปสู่การนอนไม่หลับในที่สุด,ยังมีการศึกษาแสดงว่า การดื่มเครื่องดื่ม จะทำให้ฮอร์โมนเซโรโทนินงวดลง ฮอร์โมนนี้เป็นฮอร์โมนที่ทำให้ร่างกายรู้สึกมีอารมณ์ชื่นมื่น และจะไม่ค่อยเกิดรู้สึกซึมเศร้าและอารมณ์เสีย โทษของมันจะทำให้เรารู้สึกฝืนร่างกาย และอวัยวะต่างๆเอาไว้ เมื่อเรารู้สึกเหน็ดเหนื่อย แสดงว่าร่างกายต้องการพักผ่อน แต่เมื่ออัดเครื่องดื่มนี้เข้าไป เราก็เท่ากับส่งสัญญาณไปตามอวัยวะต่างๆ ให้สนองตอบ และฝืนทำงานต่อไป ทั้งที่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง นับเป็นการรีดนาทาเร้นสังขารให้สะบักสะบอมลงอีก.
พวกวัยรุ่นมักจะชอบดื่มเครื่องดื่มที่โฆษณาโอ้อวดว่าเป็นเครื่องชูกำลัง เพราะหลงเชื่อว่า มันจะช่วยทำให้อดนอนอยู่ดึก ดูหนังสือหรือสนุกสนานอยู่ในวงปาร์ตี้
null
ชื่นชีวิต,เครื่องดื่ม,ชูกำลัง,อดนอน,คาเฟอีน,พังสุขภาพ,เสพติด,ข่าว,ไทยรัฐฉบับพิมพ์
https://www.thairath.co.th/content/540012
เทวินทร์ เรศานนท์ บาชโทลด์ ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์และมุ่งมั่นทำงาน
จึงนำความรู้เข้ามาต่อยอดธุรกิจของครอบครัวด้วยใจรัก,เทวินทร์ หนุ่มลูกครึ่งไฟแรงคนนี้ เพิ่งเรียนจบจากสถาบัน Berufsbildende Schule Technik Idar-Oberstein ประเทศเยอรมนี เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เล่าให้ฟังด้วยภาษาไทยที่ชัดเจนว่า สมัยเด็กค่อนข้างเป็นเด็กซนตามประสาเด็กผู้ชาย คุณพ่อคุณแม่เลยส่งไปเรียนโรงเรียนประจำที่เชียงใหม่ และย้ายมาเรียนโรงเรียนนานาชาติที่ ISB (International School Bangkok) ตั้งแต่เกิดก็เห็นคุณพ่อ-คุณแม่ทำงานปลุกปั้นบริษัท บาชโทลด์ จำกัด ซึ่งนำเข้า กาโดซ์ จิวเวลรี่ (CADEAUX JEWELRY) และสุดยอดนาฬิกาอย่างโฆรุ่ม (Corum), เซ็นจูรี่ (Century), เลห์มานน์ (Lehmann), ฟาแบร์เฌ (Faberge) พอที่โรงเรียน ISB มีวิชาที่เกี่ยวกับการทำจิวเวลรี่ เลยลงเรียน และปรากฏว่าค้นพบตัวเองว่าสนใจด้านนี้จริงๆ ซึมซับแบบไม่รู้ตัว จากนั้นตอนมัธยมศึกษาปีที่ 5 เพื่อนคุณพ่อที่รู้จักกันมา 30 กว่าปี ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งแบรนด์กาโดซ์ จิวเวลรี่ เป็นบริษัทผลิตจิวเวลรี่ชั้นนำของประเทศเยอรมนี ชวนไปฝึกงานเกี่ยวกับการทำทอง การทำเครื่องประดับ การไปฝึกงานครั้งนี้ถึงแม้เป็นระยะเวลาสั้นๆ เพียง 1 เดือน แต่เป็นจุดเริ่มต้นให้ผมมั่นใจว่ารักในงานนี้ และอยากจะเรียนรู้ให้มากขึ้น,โดยส่วนตัวผมชอบศิลปะอยู่แล้ว พอเรียนจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 ได้ไปเรียนต่อด้านดีไซน์และการทำจิวเวลรี่ที่เยอรมนีใช้เวลา 3 ปีครึ่ง ได้เรียนรู้แก่นแท้ของแบรนด์กาโดซ์ ทั้งรูปแบบการดีไซน์ กระบวนการทำจิวเวลรี่ที่ใส่ใจทุกขั้นตอน และยังได้เรียนรู้การอยู่ด้วยตัวเอง รู้จักแก้ปัญหา ตอนนี้ก็กลับมาช่วยที่บ้านตั้งแต่เดือน มี.ค.ที่ผ่านมา อยู่ในขั้นตอนการเรียนรู้งาน และสร้างความสัมพันธ์ ความสนิทสนม ความไว้ใจกับพี่ๆ พนักงาน เพราะพี่ๆ ทำงานกับบริษัทนี้มานาน บางคน อยู่ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท รู้จักบริษัทดี และรูปแบบการบริหารงานแบบครอบครัว ดังนั้น พนักงาน จึงเป็นหัวใจหลักของการทำงาน หากมีทีมที่ดี ทำงานด้วยความสบายใจ ความสามัคคี ผลงานที่ออกมาก็จะดีตามไปด้วย ผมเข้าใจว่า การทำงานในบริษัทของตัวเอง เราไม่สามารถกำหนดเวลาที่แน่นอนว่าเข้างานเช้าแล้วเย็นจบ เพราะตั้งแต่ผมเกิดมา ผมเห็นคุณพ่อคุณแม่ทำงานตลอดทั้งวันทั้งคืน กว่าจะสร้างให้ธุรกิจเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ ตรงนี้สอนผมว่า เราเป็นเจ้าของธุรกิจ ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ไม่มีวันจบ เราทำงานล่วงเวลาโดยไม่มีค่าโอที เป็นหน้าที่ที่เราต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่แค่ทำเพื่อธุรกิจอย่างเดียว แต่เรามีลูกน้องที่ต้องดูแล,แม้จะเพิ่งเริ่มต้นชีวิตวัยทำงานอย่างเต็มตัว แต่ผู้บริหารหนุ่มคนนี้บอกว่า อายุเป็นเพียงตัวเลขเท่านั้น การเข้ามาบริหารงานต่อเป็นสิ่งที่ท้าทายความสามารถมากกว่า และรู้สึกตื่นเต้นในการทำงาน คิดกลยุทธ์ และวิธีการทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ สามารถไปถึงเป้าหมายที่เราตั้งไว้ โดยตอนนี้เป้า หมายหลักอยู่ที่การเปิดร้านกาโดซ์ จิวเวลรี่ สาขาใหม่ ที่ชั้น 1 ศูนย์การค้าเกษรพลาซ่า เป็นร้านที่ใหญ่ ที่สุดของกาโดซ์ จิวเวลรี่ ตกแต่งด้วยงานปั้น งานแกะสลักหิน นำเข้าจากประเทศเยอรมนีและสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นผลงานที่มีชิ้นเดียวในประเทศไทย นอกจากนี้อยากทำร้านนี้ให้ประสบความสำเร็จ วางแผนที่จะขยายกลุ่มลูกค้าของกาโดซ์ จิวเวลรี่ จากเดิมที่ครองใจผู้หญิง มุ่งขยายฐานเจาะกลุ่มผู้ชายด้วยวิสัยทัศน์ผู้บริหารหนุ่มวัย 23 ปี ที่มุ่งมั่นในการทำงาน.
เข้ามารับช่วงธุรกิจของครอบครัวอย่างเต็มตัว เทวินทร์ เรศานนท์ บาชโทลด์ ทายาทคนเล็กของ มร.ฟิลิป เอ.บาชโทลด์ และ ดร.สร้อยเพชร เรศานนท์ หลังจากที่สั่งสมประสบการณ์การทำงาน ทั้งของครอบครัวและบริษัทจิวเวลรี่ชั้นนำมาเต็มตัว
ไลฟ์สไตล์,ผู้หญิง
เทวินทร์ เรศานนท์ บาชโทลด์,สร้อยเพชร เรศานนท์,จิวเวลรี่,กาโดซ์ จิวเวลรี่,เจเนอเรชั่นNEXT
https://www.thairath.co.th/lifestyle/woman/508516
โค้งสุดท้ายเลือกตั้งสหรัฐเกิดเพลิงไหม้โบสถ์คนดำ พร้อมพ่นสเปรย์ เลือกทรัมป์
(Hate crime) ในช่วงใกล้เลือกตั้งโดยที่ในปีที่แล้วก็เคยมีเหตุการณ์เผาและกราดยิงโบสถ์คนดำ3 พ.ย. 2559 ทางการสหรัฐฯ เปิดเผยว่าโบสถ์ของคนดำในเมืองกรีนวิลล์ รัฐมิสซิสซิปปี ประเทศสหรัฐฯ ถูกไฟไหม้และถูกพ่นสเปรย์บนกำแพงเป็นคำว่า เลือกทรัมป์ ท่ามกลางความร้อนแรงของศึกเลือกตั้งระหว่างตัวแทนพรรครีพับลิกัน โดนัลด์ ทรัมป์ กับตัวแทนพรรคเดโมแครต ฮิลลารี คลินตันรูเบน บราวน์ หัวหน้าหน่วยดับเพลิงของเมืองกรีนวิลล์เปิดเผยว่าหน่วยดับเพลิงเห็นเปลวเพลิงและกลุ่มควันลอยขึ้นจากโบสถ์โฮปเวลล์ เอ็ม.พี. ช่วงหลังสามทุ่มของวันอังคารที่ผ่านมา (1 พ.ย.) เขายังบอกอีกว่าโบสถ์ที่ถูกไฟไหม้ได้รับความเสียหายอย่างหนักอย่างในส่วนของห้องครัวและสำนักงานของบาทหลวงอย่างไรก็ตามหน่วยงานสืบสวนยังไม่ลงความเห็นว่าเป็นเหตุที่มาจากการวางเพลิงหรือไม่สำนักงานสอบสวนกลางหรือ เอฟบีไอ ประจำเมืองแจ็กสันแถลงว่าพวกเขากำลังทำการสืบสวนร่วมกับตำรวจทั้งในท้องถิ่นและในระดับส่วนกลางเพื่อค้นหาว่าเหตุที่เกิดขึ้นนี้เป็นอาชญากรรมต่อสิทธิพลเมืองด้วยหรือไม่ อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายงานว่ามีผู้ใดได้รับบาดเจ็บเออร์ริค ซิมมอนส์ นายกเทศมนตรีของเมืองกรีนวิลล์บอกว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็น การกระทำที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและขี้ขลาด และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกำลังพิจารณาว่าเป็นอาชญากรรมจากความเกลียดชังหรือไม่เนื่องจากข้อความเชิงการเมืองที่ทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุอาจจะเป็นการจงใจข่มขู่ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งและยับยั้งกลุ่มผู้นับถือศาสนาบาทหลวงแคโรลิน ฮัดสัน กล่าวในที่ประชุมแถลงข่าวว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้พวกเขาเจ็บปวดใจและโบถส์ที่ถูกไฟไหม้นี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 111 ปีแล้วอัลจาซีราระบุว่าเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (2 พ.ย.) มีการระดมทุนกันผ่านเว็บไซต์เพื่อบูรณะซ่อมแซมโบสถ์แห่งนี้ โดยผ่านไป 6 ชั่วโมงก็สามารถระดุมทุนได้มากกว่า 41000 ดอลลาร์แล้ว ทั้งนี้ ผู้ระดมทุนกล่าวว่า ความรู้สึกเป็นปรปักษ์ในช่วงฤดูเลือกตั้งนี้ผสมกับประวัติศาสตร์เรื่องเชื้อชาติที่มีการเผาโบสถ์คนดำในฐานะสัญลักษณ์ทางการเมืองทำให้เรื่องนี้ต้องไม่ถูกมองข้ามในปีที่แล้วก็เคยมีเหตุการณ์เพลิงไหม้โบสถ์ที่มักจะเกิดขึ้นเฉพาะกับโบสถ์ของคนดำในรัฐทางใต้ในช่วงที่เกิดเหตุคนขาวชื่อดิแลนน์ รูฟ ยิงผู้คนในโบสถ์เมืองชาร์ลสตัน รัฐเซาธ์แคโรไลนา เมื่อเดือน มิ.ย. 2558 ซึ่งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 9 ราย
เกิดเหตุไฟไหม้โบสถ์คนดำอายุกว่า 111 ปี ในรัฐมิสซิสซิปปี สหรัฐฯ และมีการพ่นสเปรย์ว่า เลือกทรัมป์ แม้จะยังไม่ระบุชัดว่าเป็นการวางเพลิงหรือไม่ก็มีการตั้งข้อสงสัยว่าอาจจะเป็นอาชญากรรมจากความเกลียดชัง
ต่างประเทศ,สิทธิมนุษยชน
Hate Crime,การเลือกตั้งสหรัฐอเมริกา 2016,คนดำ,มิสซิสซิปปี,สหรัฐอเมริกา,อาชญากรรมจากความเกลียดชัง,โดนัลด์ ทรัมป์,โบสถ์โฮปเวลล์ เอ็ม.พี.
https://prachatai.com/journal/2016/11/68663