title
stringlengths 2
223
| body
stringlengths 496
195k
| summary
stringlengths 34
1.83k
| type
stringlengths 4
98
⌀ | tags
stringlengths 2
1.52k
⌀ | url
stringlengths 27
112
|
---|---|---|---|---|---|
แต้ว ณฐพร โดนอีกแล้ว ชาวเน็ตโฟกัสผิดจุด ถามแรงโชว์มือถือหรืออวดอะไร | กลายเป็นดาราที่มีประเด็นดราม่าบ่อยที่สุดในช่วงนี้ สำหรับนางเอกสาว แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์หลังจากที่นักแสดงสาวหากิจกรรมทำแก้เบื่อในช่วงอยู่บ้านเพื่อชาติ ป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19กับการเล่นแอปพลิเคชัน TikTok ที่ปล่อยทั้งคลิปเต้น คลิปลิปซิงก์ ซึ่งมียอดคนดูหลักล้าน จนสาวแต้วกลายเป็นดาวTikTok ไปเรียบร้อยแล้วแต่แม้จะถูกดราม่าถาโถมใส่แบบไม่หยุดยั้ง ด้วยการที่หลายคนมองว่านักแสดงสาวดูเปลี่ยนไป ไม่เรียบร้อยเหมือนในละครที่เคยดู แต่งานนี้สาวแต้วก็มองข้ามดราม่าเดินหน้าทำในสิ่งที่ตัวเองรักและชอบต่อไป แต่ล่าสุด สาวแต้ว ณฐพร ก็เจอดราม่าอีกจนได้เมื่อนางเอกสาวได้โพสต์รูปเซลฟี่ตัวเองลงในอินสตาแกรมส่วนตัวเพื่อขายทั้งชุดออกกำลังกายและเครื่องประดับ แต่กลับเจอชาวเน็ตนเข้าไปคอมเมนต์ไม่น่ารักกับสาวแต้ว โดยไปโฟกัสที่หน้าอกของนางเอกสาว พร้อมกับบอกว่า อยากจะอวดอะไรกันแน่ และยังจับผิดที่รอยแดงบริเวณหน้าอกของนางเอกสาวงานนี้ก็มีแฟนคลับของนางเอกสาว เข้ามาคอมเมนต์ตอบโต้แทนและกลายเป็นเรื่องดราม่าระหว่างชาวเน็ตด้วยกัน ส่วนด้านนางเอกสาวนั้น ไม่ได้เข้ามาคอมเมนต์หรือชี้แจงถึงเรื่องที่หลายคนสงสัยแต่อย่างใด | แต้ว ณฐพร เจอชาวเน็ตจับผิด โฟกัสผิดจุด ถามแรงอยากจะโชว์มือถือหรืออวดอะไร | บันเทิง,ข่าวบันเทิง | แต้ว ณฐพร,ณฐพร เตมีรักษ์,ข่าวดารา,แต้ว ณฐพร ดราม่า,แต้ว ณฐพร เซ็กซี่,อินสตาแกรมดารา | https://www.thairath.co.th/entertain/news/1824813 |
อนุ กมธ.สนช. ห่วงปมธรรมกาย ชงคสช. ผ่าตัดปัญหาเรื้อรัง | เมื่อวันที่ 21 ก.พ. ที่รัฐสภา นายภูมิสรรค์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา อนุกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวว่า เยาวชนในหลายภาคส่วนต่างกังวลและสับสนในวิธีสอนและคำสอนในพุทธศาสนาที่แปลกประหลาด เสมือนการแสดงโชว์และจัดอีเวนต์ เช่น การเผยแพร่ของวัดพระธรรมกาย และผู้ใหญ่ในสังคม นักธุรกิจ นักการเมือง ที่หันเหไปสนับสนุนและให้ความนับถือในคำสอนที่อาจบิดเบือน โชว์อีเวนต์ธุดงค์ ที่ค่อนข้างประหลาด ,นายภูมิสรรค์ กล่าวต่อว่า ตนในฐานะกรรมาธิการที่รับผิดชอบด้านสังคมและเยาวชน อดเป็นห่วงไม่ได้ จึงขอเสนอต่อ กมธ.และทุกองค์กรที่รับผิดชอบในด้านการสังคมและศาสนา ทำความชัดเจนให้ปรากฏคือ 1.ให้มหาเถรสมาคมทำตามพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชฯ ให้ชัดเจน โดยเฉพาะกรณีพระธัมมชโย วัดพระธรรมกาย ว่า ปาราชิกหรือไม่ ถ้าปาราชิก ทำไมมหาเถรสมาคมปล่อยปละละเลยมาถึงปัจจุบัน หรือถ้าไม่เพราะอะไร ชี้แจงสังคมให้ชัดเจนกว่าที่ผ่านมา 2.ให้ส่วนที่เกี่ยวข้องสังคายนาคำสอนในพุทธศาสนาให้ถูกต้อง ตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้า,3.ให้ลงโทษขั้นเด็ดขาดกับพระที่ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ผิด หรือต้องคดีต่างๆ ให้ดำเนินการโดยรวดเร็ว เป็นธรรมตามกฎหมาย 4.ให้มหาเถระชะลอการเสนอแต่งตั้งสมณะ พระที่ต้องหา หรือติดคดีความต่างๆ จนกว่าคดีจะสิ้นสุด 5.ให้มี พ.ร.บ.ควบคุมสมบัติของวัด และที่ดินวัดให้ชัดเจน เพื่อป้องกันการทุจริตมิชอบของพวกอาศัยศาสนาแสวงหาผลประโยชน์ สังคมไทยขอฝากความหวังไว้กับ คสช.และรัฐบาลนี้ว่า จะทำสำเร็จเป็นรูปธรรมปราศจากการแทรกแซงเหมือนกับทุกรัฐบาลที่ผ่านมา จนกลายเป็นปัญหาเรื้อรังมาจนถึงวันนี้. | อนุ กมธ.สนช. ห่วงปัญหาธรรมกาย ทำเยาวชนสับสน ชง 5 ข้อ คสช.กล้าผ่าตัดปัญหาเรื้อรัง ชี้แจงสังคมปม ธัมมชโย ให้ชัดเจนกว่านี้
| null | ธรรมกาย,ธัมชโย,วัดธรรมกาย,คำสอน,พระพุทธศาสนา,เยาวชน,คสช.,มหาเถรสมาคม,แก้ปัญหา,ข่าว,ข่าวการเมือง,ไทยรัฐออนไลน์,ภูมิสรรค์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา,กมธ.,สนช.,ธัมมชโย | https://www.thairath.co.th/content/482728 |
บุญทรง-ภูมิ คุกคืนแรกเจอ จตุพร สหายเก่า-จ่อส่งคลองเปรม | เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 26 ส.ค.60 นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ และนายภูมิ สาระผล อดีตรมช.พาณิชย์ และพวก ซึ่งถูกควบคุมตัวมายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดได้เดินทางมายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เมื่อวานนี้ (25 ส.ค.60) ซึ่งก็ได้เข้าสู่ขั้นตอนปกติ มีการตรวจร่างกายจากแพทย์ และทำประวัติใหม่,เมื่อถามว่าสภาพจิตใจของผู้ต้องหาเป็นอย่างไรนั้น นายกอบเกียรติ กล่าวว่า นักโทษมีอาการเครียดตามปกติ บางรายยังปรับตัวไม่ได้ โดยในวันนี้จะมีการส่งตัวผู้ต้องหาไปยังเรือนจำคลองเปรม ส่วนผู้ต้องขังหญิงก็จะส่งตัวไปยังทัณฑสถานหญิงกลาง,จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ของเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ กล่าวว่า ผู้ต้องหาทุกคนมีสุขภาพปกติดี มีอาการเครียดบ้างเพราะยังคงปรับตัวไม่ได้ แต่ก็ไม่เครียดมาก เนื่องจากมีคนรู้จักคือ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ได้เข้าคุกมาก่อนหน้านี้ ส่วนบรรยากาศช่วงเช้านี้ยังไม่มีญาติของผู้ต้องหาเดินทางมาให้กำลังใจ เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งหมดอยู่ในแดนแรกรับ ซึ่งทางเรือนจำพิเศษฯ ไม่เปิดให้ญาติเข้าเยี่ยมในวันเสาร์ | เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เผย บุญทรง-ภูมิ นอนคุกคืนแรก มียังปรับตัวไม่ได้ เครียดตามปกติ แต่ไม่เครียดมากเนื่องจากเจอ จตุพร ในคุก แพทย์ชี้อาการปกติ จ่อส่งตัวไปเรือนจำคลองเปรม | ข่าว,การเมือง | บุญทรง เตริยาภิรมย์,ภูมิ สาระผล,ทุจริตข้าว,เข้าคุก,จตุพร พรหมพันธุ์ | https://www.thairath.co.th/news/politic/1050524 |
อาทริส ฮุสเซน ปฏิเสธข้อกล่าวหา เตรียมตั้งทนายต่อสู้คดี | นายอาทริส ฮุสเซน ชาวสวีเดน สัญชาติเลบานอน ถูกควบคุมตัวมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ตามคำสั่งศาล เพื่อสอบคำให้ว่าจะปฏิเสธ หรือยอมรับข้อกล่าวหา ผิดพระราชบัญญัติยุทธภัณฑ์ หรือมี สารแอมโมเนียมไนเตรทไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยศาลใช้ล่ามเป็นผู้อ่านและอธิบายคำฟ้องให้นายอาทริสฟัง ซึ่งนายอาทริสให้การปฏิเสธ ศาลจึงนัดพร้อมคู่ความเพื่อตรวจสอบพยานหลักฐานในวันที่ 21 พ.ค. และมีรายงานว่านายอาทริสจะตั้งทนายความเพื่อต่อสู้คดีนี้ด้วยนายอาทริส ถูกตำรวจจับเมื่อวันที่ 16 ม.ค. พร้อมนำตัวค้นบ้านพัก 2 หลัง ที่ถนนพระราม 2 และที่บ้านเช่าย่านมหาชัย จ.สมุทรสาคร โดยภายในบ้านพัก พบปุ๋ยยูเรีย 4380 กิโลกรัม และยังพบสารแอมโมเนียมไนเตรท ละลายน้ำ 10 แกลลอน จึงนำมาตรวจสอบ ก่อนแจ้งข้อหาผิด พ.ร.บ.ยุทธภัณฑ์ขณะที่ความคืบหน้าคดีระเบิดบริเวณซอยสุขุมวิท 71 เมื่อวานนี้ (20 มี.ค.) ตำรวจได้ไปสอบปากคำ นายซาเอ็ด โมราบิ ที่ได้รับบาดเจ็บและรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจหลังอาการดีขึ้น พร้อมให้ล่าม อ่านข้อหาที่ถูกดำเนินคดี 4 ข้อ ซึ่งนายโมราบิ รับว่ารู้จัก 4 คนที่ถูกออกหมายจับจริง และรับว่าเป็นผู้ทำระเบิด แต่ปฏิเสธให้การถึงที่มาของระเบิด และเป้าหมาย ซึ่งข้อมูลดังกล่าวพนักงานสอบสวนจะนำไปเป็นส่วนหนึ่งในการยื่นต่ออัยการและศาลประเทศมาเลเซีย ในการขอตัว นายมะห์ซุด 1 ในผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมที่มาเลเซีย กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย | ผู้ต้องหาชาวเลบานอน ที่ถูกกล่าวหามีสารแอมโมเนียมไนเตรทไว้ในครอบครอง ปฏิเสธข้อกล่าวหา หลังศาลเบิกตัวมาสอบคำให้การ พร้อมเตรียมทนายต่อสู้คดี และศาลนัดพร้อมคู่ความ เพื่อตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 21 พ.ค. | อาชญากรรม | ต่อสู้คดี,ปฏิเสธ,ระเบิด,อาทริส ฮุสเซน,แอมโมเนียไนเตรท | https://news.thaipbs.or.th/content/74118 |
ฆ่า-เผาทั้งเป็นทารกแรกเกิด | สงสัยฝีมือแม่ใจแตก คลอดมาจับย่างเหี้ยม,สุดสลดแม่ใจยักษ์ฆ่าเผาทั้งเป็นลูกน้อยแรกเกิด ชาวบ้านพบศพทารกเพศหญิงยังมีสายรกติดอยู่ถูกไฟเผาไหม้เกรียมครึ่งตัววางอยู่บนกองไม้ใต้ต้นไม้ใหญ่กลางทุ่ง ข้างศพพบขวดน้ำมันเบนซินทิ้งอยู่ คาดฝีมือหญิงสาวใจแตกตั้งท้องไม่มีพ่อ คลอดลูกออกมาจนปัญญาเลี้ยงดูเลยเอามาฆ่าทิ้งกำจัดมารหัวขน อาศัยช่วงกลางดึกอุ้มลูกน้อยไปก่อกองฟืนราดน้ำมันจุดไฟเผาตายทั้งเป็น แต่ฝนตกหนักไฟดับก่อนถูกเผาครึ่งตัวประจานความเหี้ยม ตำรวจเร่งหาเบาะแสตามลากคอชดใช้กรรม,เหตุสลดใจ พบศพทารกแรกเกิดถูกแม่ใจยักษ์ฆ่าเผาทั้งเป็นรายนี้เปิดเผยเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 15 ก.ย. ร.ต.ต.ประสิทธิ์ ชนประเสริฐ พนักงานสอบสวน สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบ ศพเด็กทารกแรกเกิดถูกเผาร่างไหม้เกรียมอยู่บริเวณกลางทุ่งรกร้าง บ้านดอนเสลา หมู่ 6 ต.ท่าผา อ.บ้านโป่ง จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ นำกำลังฝ่ายสืบสวนพร้อมประสานเจ้าหน้าที่มูลนิธิรวมใจการกุศลราชบุรี ไปตรวจสอบ,ที่เกิดเหตุเป็นที่รกร้างห่างจากถนนใหญ่เข้าไปประมาณ 100 เมตร มีชาวบ้านที่ทราบข่าวพากันมามุงดูจำนวนมาก บริเวณใต้ต้นไม้ใหญ่กลางทุ่งพบศพเด็กทารกแรกเกิดเพศหญิงอวัยวะครบสมบูรณ์ ยังมีสายรกติดอยู่ สภาพถูกไฟเผาศีรษะและลำตัวช่วงบนจนไหม้เกรียมนอนอยู่บนกองไม้ ข้างศพมีขวดพลาสติกเปล่าตกอยู่ 1 ขวด มีกลิ่นน้ำมันเบนซินติดอยู่ในขวด ตำรวจเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อตรวจสอบลายนิ้วมือแฝง สอบถามชาวบ้านไม่มีผู้ใดพบเห็นเหตุการณ์,เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่า ผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นแม่ของเด็กที่ตั้งท้องไม่พึงประสงค์ หรือเป็นหญิงสาวใจแตกตั้งท้องไม่มีพ่อ พอคลอดลูกออกมาไม่มีปัญญาเลี้ยงดูจึงนำมาฆ่าทิ้งกำจัดมารหัวขน โดยช่วงกลางดึกที่ผ่านมา แม่ใจยักษ์นำลูกน้อยที่เพิ่งคลอดออกมา เชื่อว่าเด็กยังมีชีวิตอยู่ ใช้ผ้าขนหนูห่อหุ้มร่างมาวางบนกองไม้ที่เตรียมไว้แล้วราดน้ำมันเบนซินจุดไฟเผาฆ่าทั้งเป็นก่อนรีบหลบหนีไป เพราะกลัวจะมีคนผ่านมาเห็น แต่ระหว่างนั้นมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้ศพทารกไหม้ไม่หมด จนกระทั่งรุ่งขึ้นอีกวันมีชาวบ้านผ่านไปพบศพแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ,หลังเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุแล้วตำรวจให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯนำศพทารกน้อยส่ง รพ.บ้านโป่ง เพื่อรอส่งต่อแผนกนิติเวช รพ.ศูนย์ราชบุรี ให้แพทย์ชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ฝ่ายสืบสวนได้กระจายกำลังลงพื้นที่สอบถามผู้นำท้องถิ่นหรือชาวบ้านเพื่อหาเบาะแสว่ามีผู้หญิงในหมู่บ้านตั้งท้องบ้างหรือไม่ คาดว่าแม่ใจยักษ์ที่ก่อเหตุน่าจะเป็นคนที่อยู่ในพื้นที่ละแวกใกล้เคียง จะได้สืบสวนติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป | สุดสลดแม่ใจยักษ์ฆ่าเผาทั้งเป็นลูกน้อยแรกเกิด ชาวบ้านพบศพทารกเพศหญิงยังมีสายรกติดอยู่ถูกไฟเผาไหม้เกรียมครึ่งตัววางอยู่บนกองไม้ใต้ต้นไม้ใหญ่กลางทุ่ง ข้างศพพบขวดน้ำมันเบนซินทิ้งอยู่ คาดฝีมือหญิงสาวใจแตกตั้งท้องไม่มีพ่อ | ข่าว,ทั่วไทย | ข่าวหน้า1,แม่ฆ่าเผาลูก,ฆ่าเผาทั้งเป็น,สภ.บ้านโป่ง,ราชบุรี,ศพเด็กทารกแรกเกิด,รพ.บ้านโป่ง,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/news/local/525553 |
เรียงหน้าชน : เวรกรรมยุติธรรมเสมอ | บอกตรงนี้เลยครับว่า ปัจจุบันผมชักเริ่มรู้สึกเสียใจ และเสียดายกับโอกาสของวงการฟุตบอลไทย,ที่ทำท่าจะก้าวไปด้วยดีอยู่แล้วเชียว,กลับต้องมาเริ่มสะดุดอยู่กับ ความเห็นแก่ตัว และ/หรือ เห็น แก่ชัยชนะ เพียงอย่างเดียว,จนลืมคำว่า กีฬา ไปหมดสิ้น,ฟุตบอลลีกบ้านเรา ช่วงหลังผิดเพี้ยนไปมากมาย ก่ายกอง ใครเป็นตัวต้นเหตุผมไม่จำเป็นต้องพูดถึง,แต่การได้มาซึ่งชัยชนะมันต้องยืนอยู่บนพื้นฐานของการมีสปิริตต่อคำว่า กีฬา หรือ แฟร์ ก็ได้,แต่ต้องไม่ใช่ ขี้โกง เพราะถ้า ขี้โกง ต้องถูก สาปแช่ง แน่นอนครับ,ล่าสุด ผมกลับมานั่งทบทวนคิดแล้วคิดอีกว่า สิงห์เชิ้ตดำ เขาเป็นแพะหรือเปล่าเนี่ย,เพราะไม่ทำตามก็โดนเล่นงาน ทำตามก็โดนสังคมประณามอีก,ส่วนตัวแล้วลึกๆ ผมไม่ค่อยเชื่อหรอกครับว่าเขาจะกล้าตัดสินค้านสายตาแฟนบอลขนาดนั้น,ถ้าไม่มี ใบสั่ง,หรืออาจเป็นเพราะจำเป็นกับใบสั่งหรือเปล่า เลยถือโอกาส ตามน้ำ มันซะเลย,ชนิดยิงปืนนัดเดียวได้ นกสองหัว เอ้ย นกสองตัว,แต่ที่ค่อนข้างทะแม่งๆ เพราะมีการตั้งข้อสังเกตกันว่า,ด้วยเหตุผลกลใด สิงห์เชิ้ตดำ บางคนจึงถูกจัดให้ลงเป่าในคู่สำคัญตลอด,โดยเฉพาะแมตช์ที่ทีมใหญ่ หรือบางคู่ที่มีผลต่อทีมใหญ่ลงแข่ง ได้ทำหน้าที่ถึงกว่า 10 แมตช์,ทำให้ผมเป็นห่วงกับอนาคตของบอลลีกไทยจริงๆครับ,เพราะที่ผ่านมาเริ่มเห็นเค้าลางแห่ง ความหายนะ ปรากฏมาเรื่อยๆ,ทั้งสปอนเซอร์เริ่มถอนตัว ทั้งแฟนบอลเริ่มหายไปอย่างน่าใจหาย,ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ภายภาคหน้าหนีไม่ออก ต้องกระทบถึง ทีมชาติไทย ด้วยแน่นอน,ดังนั้นต้องรีบเปลี่ยนพฤติกรรมกันใหม่ จากที่เคยเอาแค่ตัวเอง และพวกพ้องเป็นหลักเพียงอย่างเดียวเสีย,อย่ารอให้วงการฟุตบอลลีกต้องเดินไปถึงจุดล่มสลายเลยครับ,เพราะหากไปถึงจุดนั้นเมื่อไหร่ ใช้คำว่า หายนะ ยังน้อยไปซะด้วยซ้ำ,ขอฝากทุกปัญหาไปถึงผู้คิดไม่ดี ทำไม่ดีทั้งหลาย ขอได้โปรดท่องเอาไว้ให้ขึ้นใจด้วยครับ,ว่า เวรกรรมยุติธรรมเสมอ เตือนแล้วนะครับ,ท้ายนี้หันมาเขียนถึงเรื่องผลศึกไทยลีกที่เพิ่งจบฤดูกาลลงไปหมาดๆมั่งสบายใจกว่า,ในที่สุด สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ก็สามารถผงาดคว้าแชมป์ไทยลีกมาครองได้สำเร็จ,เป็นประวัติศาสตร์ของสโมสร,จาก เชียงใหม่ ถึง เชียงราย สมศักดิ์ศรีชาวแผ่นดินล้านนาจริงๆครับ,โลกจะจดจำพวกคุณไปอีกตราบนานเท่านาน,ยินดีด้วยครับ กว่างโซ้งมหาภัย,ไว เด่นชัย,OOOOOOOOOO,คู่ควรด้วยประการทั้งปวงครับ สำหรับแชมป์ลีกสูงสุดทีมใหม่ของประเทศเรา,ในนามของ กราวกีฬาไทยรัฐ ขอแสดงความยินดียิ่งกับสาวก กว่างโซ้ง,ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของพวกคุณจะถูกจดจำไปอีกนานเท่านาน,ว่าแต่ข้อเขียนของพี่ไว วันนี้,ทำไม ตรงใจ ผมจังก็ไม่รู้ ,บี บางปะกง | ผมคลุกคลีอยู่กับฟุตบอลมาตั้งแต่ยังเรียนอยู่ชั้นประถม จนมาอยู่ในแวดวงสื่ออีกกว่า 40 ปี | null | เรียงหน้าชน,บี บางประกง,กีฬา,ฟุตบอล,ขี้โกง,สาปแช่ง,สิงห์เชิ้ตดำ | https://www.thairath.co.th/sport/thaifootball/1691413 |
เสี่ยฮุย ระดมมวยซ้ายรุม ไมค์ ก่อนล่าแชมป์โลก | เสี่ยฮุย สุรชาติ พิสิฐวุฒินันท์ โปรโมเตอร์นครหลวง ระดมยอดมวยซ้ายช่วยรุม เจ้าไมค์ สุริยัน นครหลวงโปรโมชั่น รองแชมป์โลกอันดับ 1 เพื่อสร้างความแข็งแกร่งก่อนขึ้นชิงแชมป์โลกรุ่นซุปเปอร์ฟลายเวท สภามวยโลก กับ อัลเซโม โมเรโน รองอันดับ 2 ชาวปานามา วันที่ 1 พ.ค. (ตามเวลาประเทศไทย) ที่เวทีมวยโรเบอร์โต ดูรัน อารีนา ประเทศปานามา ด้านโก โอไดระ นักชกซามูไร ซ้อมเข้มก่อนขึ้นชิงแชมป์โลกกับวันเฮง ไก่ย่างห้าดาวยิม แชมป์โลกรุ่นมินิมัมเวทสภามวยโลก ชาวไทย วันที่ 3 มี.ค.นี้ เจ้าตัวมั่นใจการชิงแชมป์โลกครั้งนี้ไม่มีผิดหวังคว้าเข็มขัดกลับญี่ปุ่นแน่นอน ช่อง 7 สี ถ่ายทอดสดจาก จ.นครราชสีมา เริ่มเวลา 14.00 น.,ความเคลื่อนไหวศึกป้องกันแชมป์โลกรุ่นมินิ–มัมเวทสภามวยโลกของวันเฮง ไก่ย่างห้าดาวยิม เจ้าของเข็มขัดชาวไทย กับโก โอไดระ ผู้ท้าชิงซามูไร ที่จะชกในวันที่ 3 มี.ค. ที่ศาลากลาง จ.นครราชสีมา ช่อง 7 สีถ่ายทอดสด เริ่มเวลา 14.00 น. ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 ก.พ. ที่ค่ายเพชรยินดี อะคาเดมี่ ซอยจรัญฯ 34 โก โอไดระ นักชกซามูไร เดินทางมาซ้อมโชว์กับจูน โอไดระ พี่ชาย จำนวน 2 ยก โดยมี เสี่ยตังค์ ปิยะรัตน์ วชิรรัตนวงศ์ โปรโมเตอร์ พร้อมสื่อมวลชนไทยและญี่ปุ่นมาบันทึกเทปแพร่ภาพทำข่าว หลังการซ้อมโชว์ เสี่ยตังค์ เผย โกเป็นมวยซ้ายรวดเร็ว มีดีกรีแชมป์ญี่ปุ่นซึ่งจะประมาทไม่ได้เลย ส่วนนายเฮง ศักดิ์ชัยสิทธิ์ หัวหน้าคณะวันเฮงเผย วันเฮงต่อยกับใครก็ไม่เคยได้เปรียบส่วนสูงคู่ชกเลย ครั้งนี้ก็เช่นกัน แต่ก็ยังเชื่อมั่นว่า สุภาพ บุญรอด เทรนเนอร์จะเตรียมแก้ทางมวยไว้ให้เป็นอย่างดี,ด้านโก โอไดระ แชมป์ญี่ปุ่นรุ่น 105 ปอนด์ เผยผ่านล่าม ศิริมงคล ลูกศิริพัฒน์ อดีตยอดมวยไทยผู้เคยไปชกอยู่ในญี่ปุ่นเมื่อหลายสิบปีก่อน กล่าวว่า ตนเคยชิงแชมป์โลก 2 สถาบันที่ ว่าง ของ IBF-WBO มาแล้ว แต่แพ้ TKO ยก 7 ให้คัตซึนาริ ทาคายามา ยอมรับครั้งนั้นอ่อนประสบการณ์จึงพ่ายแพ้ แต่ได้รับบทเรียนแก้ไข ทั้งยังมั่นใจว่า การมาชิงแชมป์โลกอีกครั้งถึงในเมืองไทยเที่ยวนี้ จะไม่ผิดหวังกลับไปอย่างแน่นอน,ส่วนความเคลื่อนไหวของ เจ้าไมค์ สุริยัน นครหลวงโปรโมชั่น อดีตแชมป์โลกชาวไทย ที่มีโปรแกรมขึ้นชิงแชมป์โลกกับ อัลเซโม โมเรโน รองอันดับ 2 ชาวปานามา วันที่ 1 พ.ค. (ตามเวลาประเทศไทย) ที่เวทีมวยโรเบอร์โต ดูรัน อารีน่า ประเทศปานามา โดยช่อง 7 สีถ่ายทอดสด เริ่มเวลา 07.00 น. เสี่ยฮุย นายสุรชาติ พิสิฐวุฒินันท์ โปรโมเตอร์ยอดเยี่ยมสภามวยโลก WBC และผู้จัดการ เจ้าหนูอัจฉริยะ สุริยัน นครหลวงโปรโมชั่น เปิดเผยว่า ทาง อัลเซโม โมเรโน เป็นถึงอดีตแชมป์โลกสมาคมมวยโลก WBA รุ่นแบนตัมเวท เป็นมวยจังหวะฝีมือถนัดซ้ายฝีมือจัดจ้าน ซึ่งทางตนได้จัดให้มวยฝีมือถนัดซ้ายมีระดับ เทอดศักด์ิ ก่อเกียรติ–ยิม แชมป์ WBA เอเชียรุ่น 130 ปอนดิ์ ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น อดีตแชมป์โลก WBC รุ่นซุปเปอร์ฟลายเวท และ ฟ้าคำรณ นครหลวงโปรโมชั่น แชมป์โลกเยาวชน WBC รุมลงนวมให้กับ สุริยัน แบบสามรุมหนึ่งเพื่อสร้างความแข็งแกร่งและให้ชินกับมวยถนัดซ้ายอย่าง โมเรโน,ขณะที่ โค้ชป๊อป โชคชัย พิสิฐวุฒินันท์ หัวหน้าทีมสตาฟฟ์เทรนเนอร์ตั้งเป้าลงนวมให้กับ สุริยัน ถึง 299 ยก คาดว่าถึงวันชกจะมีความแข็งแกร่งเกินร้อยเปอร์เซ็นต์และจะเป็นนักมวยไทยคนแรกที่ไปชนะคู่ชกถึงประเทศปานามา ตนมีความมั่นใจมากที่ สุริยัน จะกระชากเข็มขัดแชมป์โลก WBC รุ่นแบนตัมเวทกลับเมืองไทยสร้างความสุขให้กับแฟนมวยชาวไทยแน่นอน | เสี่ยฮุย โปรโมเตอร์นครหลวง ระดมยอดมวยซ้ายช่วยรุม เจ้าไมค์ สุริยัน นครหลวงโปรโมชั่น รองแชมป์โลกอันดับ 1 เพื่อสร้างความแข็งแกร่งก่อนขึ้นชิงแชมป์โลก กับ อัลเซโม โมเรโน รองอันดับ 2 ชาวปานามา วันที่ 1 พ.ค. นี้ | null | สุรชาติ พิสิฐวุฒินันท์,สุริยัน นครหลวงโปรโมชั่น,อัลเซโม โมเรโน,ข่าวกีฬา,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/content/584366 |
นักเตะชุดลุยศึกซีเกมส์อุ่นเครื่องพ่ายเอซี ภูเก็ต 2-1 | ทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ ลงอุ่นเครื่องกับทีม เอซี ภูเก็ต เมื่อวานนี้ (3 พ.ย.) ที่สนามสุระกุล จังหวัดภูเก็ต เกมนี้ทีมภูเก็ต ส่งผู้เล่นตัวจริงเกือบยกทีม เอาชนะทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ไป 2-1 จากผลงานของ ตามีซี หะยียูโซะ นาทีที่ 38 และจุดโทษของ พงษ์ศักดิ์ พานิชเจริญ ใน นาที 58 ส่วนทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ ได้ประตูตีไข่แตกจากจุดโทษของ รณชัย รังสิโย โดยเกมนี้ ทีมชาติไทย มีโอกาสได้ลุ้นประตูหลายครั้งแต่ถูก มัทธีเอียส โจนาธาน ประตูเจ้าถิ่นเซฟไว้ได้หมดหลังจบการแข่งขันนายเกษม จริยวัฒน์วงศ์ ผู้จัดการทีม เผยว่าเกมนี้ได้ลองเทคติกในเรื่องเกมรุก แต่ยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร และเป็นฝ่ายผิดพลาดเองซะส่วนใหญ่ สำหรับนักเตะทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ได้เดินทางกลับมาที่กรุงเทพฯแล้วเมื่อเช้านี้ และจะลงฝึกซ้อมที่วันนี้เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเดินทางไปประเทศอินโดนีเซีย เพื่อเตรียมลงแข่งขันเกมแรกวันที่ 9 พฤศจิกายนนี้ พบกับ มาเลเซีย แชมป์เก่า | ทีมชาติไทยชุดซีเกมส์อุ่นเครื่องก่อนการเดินทางไปแข่งขันซีเกมส์ที่อินโดนีเซีย แพ้ให้กับทีม เอซี ภูเก็ต 2-1 | กีฬา | ซีเกมส์,ฟุตบอล,มาเลเซีย,อินโดนีเซีย,เอซี ภูเก็ต | https://news.thaipbs.or.th/content/43827 |
ศาสตร์สมัยดิจิตอล คบคนให้ดูหน้า | สิ่งที่ใช้ในการประเมินนิสัยและฐานะนั้น เรียงตามลำดับได้แก่,1. การจับมือทักทายกันในโอกาสแรก ผู้ที่จับมืออย่างมั่นคง แสดงว่าเป็นผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงและมีความเชื่อมั่น ในขณะคนที่จับอย่างอ่อนแรง ส่อถึงให้รู้ถึงความอ่อนแอ 2. ความตรงต่อเวลา แสดงให้เห็นว่า เป็นคนมีระเบียบวินัยและเป็นผู้ที่กระตือรือร้น แต่ถ้าหากเป็นคนมาสาย ก็แสดงว่าผู้นั้นเป็นคนชอบผัดผ่อน 3.ลายมือ ผู้เชี่ยวชาญในการดูนิสัยจากลายมือกล่าวว่า ผู้ที่เขียนหนังสือตัวใหญ่ ส่อให้เห็นว่าเป็นคนเปิดเผย ในขณะคนที่เขียนหนังสือตัวเล็ก จะเป็นคนขี้อาย,4. สีโปรด นักจิตวิทยาในการอุตสาหกรรม นายเบอร์นาโด ไทลาโด กล่าวว่า ผู้ที่ชอบสีแดง แสดงเป็นคนที่ขยันขันแข็ง ส่วนคนที่ชอบสีเหลือง ก็เป็นคนหาความสุขได้เก่ง 5. รสนิยมในการฟังเพลง เคยมีการศึกษาพบว่า คนที่ชอบฟังเพลงสนุกสนานและตามธรรมชาติ จะเป็นคนเปิดเผยและมีนิสัยเป็นนักกีฬา 6.การสบตา ดร.แอนเดรียน เฟินแฮน นักจิตวิทยากล่าวว่า ผู้ที่เปิดเผย มักจะชอบสบตาคู่สนทนาบ่อยๆ และนานๆ 7.การเลี้ยงสัตว์เลี้ยง เคยมีการศึกษาพบว่า ผู้ที่เลี้ยงน้องหมา มักจะเป็นบุคคลขยันขันแข็งทั่วไป ในขณะที่ผู้ที่ชอบเลี้ยงแมว จะฉลาดอ่อนไหวกว่า 8.เป็นคนชอบกัดเล็บหรือไม่ เคยมีการวิจัยพบว่า ผู้ที่ชอบกัดเล็บหรือถอนผม หรือคุ้ยแคะผิวหนัง จะเป็นคนชอบความสมบูรณ์แบบ. | ผู้เชี่ยวชาญบอกแนะว่าเมื่อมีโอกาสพูดคุยกับคนแปลกหน้า อาจจะมีหนทางประเมินบุคคลผู้นั้นดูว่าเป็นคนอย่างไร โดยวัดจากกิริยาอาการ และบทสนทนาต่างๆได้ | null | คบคนให้ดูหน้า,ประเมินนิสัย,โลกโศภิน,ศาสตร์สมัยดิิจิตอล,คนแปลกหน้า,ข่าว,ข่าวการศึกษา,ไทยรัฐออนไลน์,ไทยรัฐฉบับพิมพ์ | https://www.thairath.co.th/content/600528 |
วิษณุ เผย ครม.เล็งให้หยุดชดเชยวันสงกรานต์ ก.ย. ชี้ เหมาะสม | วันที่ 4 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะมีการหารือเรื่องวันหยุดชดเชยวันสงกรานต์หรือไม่ว่า น่าจะยัง แต่กำลังดูกันอยู่ในแง่ของจังหวะเวลาที่จะทำให้สะดวกกับการเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งต้องบอกให้คนรู้ล่วงหน้า จะบอกปุบปับเพียงสัปดาห์เดียวไม่ได้ เมื่อมาดูกันแล้วเห็นว่าเดือน ต.ค.มีวันหยุดหลายวัน แต่จะไม่ต่อเนื่อง และยังอีกนาน แต่เดือนก.ย.เป็นเดือนที่ไม่มีวันหยุดราชการเลย ก็อาจจะเหมาะสม ขณะที่เดือน ส.ค.ก็จะกะทันหันไป ซึ่งเบื้องต้นเราคิดกันเช่นนี้นายวิษณุ ยังให้สัมภาษณ์กรณีคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ที่มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ประธานกมธ. มีมติให้แก้ไขและธรรมนูญ ว่า เขายังไม่ส่งอะไรมาให้รัฐบาล และเรื่องนี้ยังไม่เคยหยิบยกมาหารือในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตอนนี้ยังไม่มีอะไรมาจากสภาฯ จึงยังไม่รู้ว่าจะเริ่มลุกขึ้นพูดกันอย่างไร ตอนนี้เพียงได้ยินเพียงแต่ข่าว แต่เขายังลงมติไม่ครบถ้วน และนายพีระพันธุ์ก็ไม่เคยมาหารืออะไรในเรื่องนี้ เมื่อถามว่าหากตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) จะใช้เวลาเป็นปีหรือสามารถเร่งรัดได้ นายวิษณุ กล่าวว่า ยังไม่รู้ว่าจะตั้งรูปแบบไหนอย่างไร ถ้าร่างใหม่ก็เท่ากับการไปแก้วิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ระบุว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญอยากแก้ตรงไหนก็แก้ไป แต่ถ้าแก้หมวด 1 ว่าด้วยหมวดทั่วไป หมวด 2 ว่าด้วยพระมหากษัตริย์ และหมวด 15 ว่าด้วยวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือแก้เกี่ยวกับคุณสมบัติองค์กรอิสระ หากเป็นประเด็นเหล่านี้เรื่องต้องเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา ผ่านวาระ 1-3 หากผ่านวาระ 3 ก็นำขึ้นทูลเกล้าฯ แต่ก่อนจะทูลเกล้าฯ ต้องให้ประชาชนออกเสียงประชามติก่อน ซึ่งระหว่างนั้นอาจจะมีการส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ ซึ่งกำหนดระยะเวลาไว้ 1 เดือน. | นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เผย ครม.เล็งหยุดชดเชยสงกรานต์ช่วง ก.ย. เหตุเหมาะสม ไม่กระชั้นชิดเกินไป และเดือน ต.ค.มีวันหยุดหลายวันแล้ว ขณะยืนยัน ยังไม่ได้รับสัญญาณแก้ รธน.จากสภาฯ | ข่าว,การเมือง | หยุดชดเชยสงกรานต์,วิษณุ เครืองาม,ก.ย.,แก้รธน.,รัฐสภา,รองนายกรัฐมนตรี,วันหยุดชดเชยวันสงกรานต์,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/politic/1903217 |
พี่ชายอาละวาดด่าพ่อแม่ เข้าห้ามกลับท้าต่อย น้องชายไม่ทนคว้าลูกซองซุ่มยิง | เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 11 กันยายน 2560 ร.ต.อ.ชานนท์ ศรีมงคล รอง สว. (สอบสวน) สภ.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา รับแจ้งจาก รพ.มวกเหล็ก ว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บจากถูกอาวุธปืนยิงอาการสาหัส มารักษาตัวที่ รพ.หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ พ.ต.อ.บุญโปรด ประเสริฐศักดิ์ ผกก. สภ.กลางดง ตรวจสอบสวน ที่ รพ.มวกเหล็ก พบแพทย์และพยาบาลกำลังให้การรักษา นายอนุชา เดชเกิด อายุ 33 ปี ผู้บาดเจ็บ พบถูกยิงเข้าบริเวณไหล่ขวา, สะบักขวา, รักแร้ กระสุนฝังใน อาการสาหัสเพราะเสียเลือดมาก พบบาดแผลถูกยิงตั้งแต่กลางดึกแต่มาส่งตัวไปรักษาตอนเช้า นอนอยู่ที่เกิดเหตุนาน 6 ชม. ต้องส่งต่อไปรักษาต่อ ที่ รพ.มหาราช จ.นครราชสีมา,กำลังอีกชุดไปสอบสวนที่หน้าบ้านที่เกิดเหตุ เลขที่ 238 หมู่ที่ 1 คุ้มบ้านใหม่พัฒนา ต.พญาเย็น สอบปากคำ นายภาวัต เดชเกิด อายุ 27 ปี ซึ่งเป็นน้องชายผู้บาดเจ็บ เบื้องต้น อ้างว่า ยอมรับสารภาพว่า เมื่อคืนนี้ช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืน กลับจากทำงานเข้าบ้าน พบ นายอนุชา เดชเกิด อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นพี่ชาย ยืนอยู่หน้าบ้านในสภาพเมากำลังยืนด่า นายประชน และนางหนูนาง เดชเกิด อายุ 60 ปีทั้ง 2 คน พ่อ และแม่ จึงเข้าไปห้ามปราม แต่ถูก พี่ชายด่า พร้อมท้าตีท้าต่อย แต่นายประชน ผู้เป็นพ่อเข้าห้าม,สักพักพี่ชายมาตะโกนด่าอีก พร้อมถือจอบมาเพื่อจะตี ที่ผ่านมาพี่ชายมักกินเหล้าเมา มาทำร้ายพ่อ แม่ และด่าทอเป็นประจำ เมื่อพี่ชายกำลังเดินกลับบ้าน จึงวางแผนไปเอาปืนลูกซองสั้นไม่มีทะเบียนของตัวเอง ที่อยู่ในบ้านไปซุ่มยิงพี่ชาย 1 นัด ซึ่งไม่ทราบว่าถูกตรงไหนและก็ไม่ได้ตามไปดู จนรุ่งเช้าเข้าไปดู พบพี่ชายนอนจมกองเลือดอยู่ไม่รู้สึกตัวจึงรีบบอกพ่อแล้วช่วยกันนำส่งโรงพยาบาล,หลังสอบปากคำแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปตรวจค้นภายในบ้านพัก และพื้นที่โดยรอบ พบอาวุธปืนลูกซองสั้นและกระสุนปืน อยู่ในย่ามลายแดงซุกซ่อนอยู่ในป่าหลังบ้าน เบื้องต้นแจ้งข้อหา พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต | น้องชายสุดทน! พี่ชายขี้เมาชอบด่าพ่อแม่ ห้ามไม่ฟังยังหันมาท้าตีท้าต่อย เก็บความแค้น คว้าปืนลูกซองสั้น ซุ่มยิงพี่ชาย 1 นัด เหตุเกิดที่บ้านพัก นครราชสีมา
| ข่าว,ทั่วไทย | ด่าพ่อแม่,ยิงพี่ชาย,ปืนลูกซอง,น้องยิงพี่,นครราชสีมา,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/1066504 |
ทรัมป์ว่ายังไง ม็อบต้านดุ ทุบกระจกอาคารร้านค้าอื้อ -สตาร์บัคส์ ไม่รอด (ชมคลิป) | ก่อนรวบผู้ก่อความไม่สงบได้กว่า 200 คน,เมื่อ 22 ม.ค.60 สื่อต่างประเทศและสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น เผยแพร่คลิปวีดิโอบันทึกเหตุการณ์ขณะกลุ่มม็อบประท้วงต่อต้านโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันทำพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐฯ เมื่อ 20 มกราคม ที่ผ่านมา ก่อเหตุรุนแรงถึงขั้นทุบกระจกของอาคารร้านค้าหลายแห่ง รวมทั้ง ร้านกาแฟชื่อดัง สตาร์บัคส์ และธนาคาร แบงก์ ออฟ อเมริกา (Bank of America) ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ด้วยอารมณ์เดือดดาลโกรธแค้น โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เป็นผู้นำคนใหม่ของประเทศ,ข่าวแจ้งว่า กลุ่มผู้ประท้วงที่ก่อเหตุรุนแรงครั้งนี้ เป็นกลุ่มคนหนุ่มและวัยรุ่นสวมหมวกไหมพรมปิดบังใบหน้า ได้ก่อเหตุทำลายกระจกอาคารร้านค้า บนถนน เค สตรีท และยังทุบกระจกหน้าต่างรถลีมูซีนคันใหญ่สีดำที่จอดอยู่ทางเหนือของ เค สตรีท จากนั้น ได้พากันไปยังจัตุรัสแฟรงค์ลิน โดยมีกำลังตำรวจปราบจลาจลขี่รถจักรยานยนต์และจักรยานไล่ติดตามจับกุม และพยายามหยุดยั้งกลุ่มคนหนุ่มเลือดร้อนเหล่านี้ จนถึงขั้นฉีดสเปรย์พริกไทย,ซีเอ็นเอ็นแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุความไม่สงบเมื่อวันศุกร์ที่ 20 ม.ค. ได้จำนวน 217 คน และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 6 นาย จากเหตุการณ์ประท้วงที่ทวีเป็นเหตุรุนแรง โดยกลุ่มม็อบที่ไม่พอใจโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากตอนช่วงเช้าของวันเดียวกัน ได้มีม็อบเดินขบวนต้านทรัมป์อย่างสงบ.,ชมคลิป ,ที่นี่,ม็อบประท้วงต่อต้านโดนัลด์ ทรัมป์ | ท้วงเดือดม็อบประท้วงต่อต้านทรัมป์วันสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีใหม่ ก่อเหตุรุนแรงถึงขั้นทุบทำลายกระจกอาคารร้านค้า รวมทั้งร้านสตาร์บัคส์ จนตำรวจต้องใช้ จยย.-จักรยานไล่กวดจับกุม และฉีดสเปรย์สยบม็อบ | null | โดนัลด์ ทรัมป์,Donald Trump,ทรัมป์ สาบานตน,พิธีสาบานตน,ม็อบ ต้านทรัมป์ | https://www.thairath.co.th/content/841469 |
มิ่งสรรพ์ ลาออกพ้นบอร์ดอิตาเลียนไทย ปมล่าสัตว์ทุ่งใหญ่ | วันนี้ (16 มี.ค.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บนสื่อสังคมออนไลน์มีการเผยแพร่หนังสือบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จากัด (มหาชน) แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการ ไปยังกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยในเนื้อหาระบุว่า ด้วย ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2561 ได้มีมติในเรื่องสำคัญโดยมีมติที่ประชุมรับทราบการลาออกของ ศ.ดร.มิ่งสรรพ์ ขาวสอาด กรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบ เนื่องจากกรณีปัญหาทุ่งใหญ่นเรศวร โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2561 เป็นต้นไปทั้งนี้คณะกรรมการบริษัท จะดำเนินการแต่งตั้งบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสม เพื่อมาดำรงตำแหน่งกรรมการแทนตาแหน่งที่ว่างลงต่อไปสำหรับ ศ.ดร.มิ่งสรรพ์ ขาวสอาด เป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่มีผลงานโดดเด่นด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเศรษฐศาสตร์อุตสาหกรรม จบการศึกษาปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์ และปริญญาเอกปรัชญา (เศรษฐศาสตร์) จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย ปัจจุบันเป็นประธานมูลนิธิสถาบันศึกษานโยบายสาธารณะ และยังดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการแผนงานสร้างเสริมนโยบายสาธารณะที่ดี (นสธ.) ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)รวมทั้งดำรงตำแหน่งกรรมการที่ปรึกษาของศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ไทย-จีน สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ มีผลงานวิชาการ และงานวิจัยด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่โดดเด่นจำนวนมากผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อขอสัมภาษณ์ศ.ดร.มิ่งสรรพ์พร้อมผู้ที่เกี่ยวข้อง แต่ยังไม่มีใครให้ข้อมูลเพิ่มเติม | ศ.ดร.มิ่งสรรพ์ ขาวสอาด กรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบ อิตาเลียนไทย ยื่นหนังสือขอลาออกจากตำแหน่ง แจงปมปัญหาล่าสัตว์ทุ่งใหญ่นเรศวรของนายเปรมชัย มีผลวันนี้ | สังคม | เปรมชัย กรรณสูต,ล่าสัตว์ป่า,เสือดำ,ทุ่งใหญ่นเรศวร,อิตาเลียนไทย,ศ.ดร.มิ่งสรรพ์ ขาวสอาด,กรรมการอิสระ,ไทยพีบีเอส,ThaiPBSnews,ข่าวไทยพีบีเอส,ThaiPBS | https://news.thaipbs.or.th/content/271037 |
สายสุนีย์ นักกีฬาวีลแชร์ฟันดาบทีมชาติไทยประสบปัญหาน้ำท่วมบ้าน | สายสุนีย์ จ๊ะนะ นักกีฬาวีลแชร์ฟันดาบทีมชาติไทยยังไม่สามารถกลับบ้านที่ย่านบางบัวทองได้ หลังจากกลับมาจากการแข่งขันวีลแชร์ฟันดาบที่ประเทศอิตาลี ในรายการเก็บคะแนนสะสมเพื่อไปกีฬา พาราลิมปิก เกมส์ เมื่อ 3 วันที่ผ่านมา เนื่องจากมีน้ำท่วมอย่างหนัก ทำให้สายสุนีย์ ต้องมาอาศัยอยู่ที่คอนโดของเพื่อนแถวปากเกร็ด โดยพื้นที่บริเวณนั้นยังเสี่ยงต่อการถูกน้ำท่วมเช่นกันนอกจากนี้ สายสุนีย์ ยังแสดงความเป็นห่วงแฟนหนุ่มที่ติดอยู่ในบ้าน 3 วันยังไม่สามารถออกมาจากบ้านได้ และอาหารแห้งที่เตรียมไว้ก็กำลังจะหมด สำหรับทรัพย์สินเบื้องต้นเสียหายไปบางส่วน รวมไปถึงรถยนต์ที่ยังไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ทัน คาดว่าหลังจากน้ำลดต้องหาเงินมาก้อนใหญ่ซ่อมแซมบ้านนอกจากนี้ สายสุนีย์ และเพื่อนต้องติดตามข่าวสารจากทางสื่อสังคมออนไลท์ที่มีการโพสต์ข้อความเตือนภัย โดยทั้งคู่ระบุว่า การติดตามข่าวสารตลอดเวลา สามารถช่วยให้เตรียมตัวล่วงหน้าได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมหาอาหารตุนเอาไว้สำหรับในปัจจุบัน พื้นที่บริเวณบางบัวทองกำลังประสบภาวะน้ำท่วมอย่างหนัก และทีมข่าวกีฬาไทยพีบีเอส ได้รับแจ้งว่ายังมีนักกีฬาคนพิการที่ติดอยู่ในบ้านย่านบางบัวทองอีก 4 คน และยังไม่สามารถออกมาได้ | สายสุนีย์ จ๊ะนะ นักกีฬาวีลแชร์ฟันดาบทีมชาติไทย ประสบปัญหาน้ำท่วมบ้าน จนไม่สามารถเข้าไปดูทรัพย์สินในบ้านได้ | กีฬา | ทีมชาติไทย,นักกีฬา,น้ำท่วม,ฟันดาบ,วีลแชร์,สายสุนีย์ | https://news.thaipbs.or.th/content/40929 |
แหลกไปข้าง TEPL แบ่งกลุ่ม กลุ่มบี Round 3 เย็นนี้ | วันที่ 23 มี.ค. 61 ความเคลื่อนไหวของศึกแห่งศักดิ์ศรี Thai eSports Pro League หรือ (TEPL) ดำเนินการมาถึงรอบแบ่งกลุ่มแล้ว โดยในช่วงเย็นวันนี้ จะเป็นการแข่งขันในกลุ่มบี นัดที่ 1 โดยโปรแกรมการแข่งขันมีดังนี้,คู่แรก : 18.00: Xavier eSports Vs Alpha Blue DotA2 (BO2),อันดับ 1 ของกลุ่ม B พบกับ การเดิมพันฉายาไร้พ่ายของกลุ่ม B ที่เพิ่งชนะเต็งแชมป์อย่าง Alpha Red มาหมาดๆ เย็นนี้รู้กัน ใครจะเป็นที่สุดของกลุ่มติดตามด่วน ห้ามพลาด ,คู่ที่สอง : 20.00: Winku.นาควาย City Vs Raptor (BO2),ทีมสุดเฟี้ยวที่สุดของกลุ่มที่มีรูปแบบการเล่นที่แปลกกว่าใครเขา ที่เพิ่งจะแบ่งแต้มกับแชมป์กลุ่ม B มานั่นเอง พบกับไดโนเสาร์ที่ต้องซ่าซะหน่อยละ เพราะพ่ายมา 4 เกมติดแล้ว มาดูซิว่าจะมีพลังแฝงอะไรหลังจากเข้ามาสู่การแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มมาได้ครึ่งทางแล้ว แต้มสำคัญที่ต้องไล่จี้อันดับ 1 ของกลุ่ม จะเป็นของใคร ติดตามต่อเนื่องเลย หลังจบคู่แรก เดือดไม่แพ้กันแน่นอน | ศึกแห่งศักดิ์ศรี Thai eSports Pro League (TEPL) รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มบี นัดที่ 3 ในเย็นวันนี้ เริ่มทำการแข่งขันในคู่แรก เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป | กีฬา,E-Sport | อีสปอร์ต,Esport,Thai eSports Pro League,TEPL,Dota2 | https://www.thairath.co.th/sport/esport/1236547 |
ตร.ขยายผลวิสามัญหน้าฐานทัพอากาศ ยึดยาบ้าจากเครือข่ายอีก 30000 เม็ด ที่ชลบุรี | ตำรวจปราบปรามยาเสพติด ยึดยาบ้าจำนวน 33000 เม็ดและยาไอซ์ โดยเป็นของกลางจากการควบคุมตัวนายประทีป มุ่งอาสา นายธงชัย แย้มประโคน และนายเสน่ห์ แย้มประโคน ที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรีตำรวจเปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้ขยายผลมาจากการจับกุมนายปัญญา ศรีคงทน อดีตพระลูกวัดหนองใหญ่ ย่านบางละมุง จ.ชลบุรี พร้อมยาไอซ์ น้ำหนักประมาณ 10 กรัม และให้การซัดทอดว่า รับยาเสพติดมาจากกลุ่มของนายประทีป จึงเข้าตรวจค้นภายในห้องพักย่านพัทยา พบปืนกลขนาด .45 และเครื่องกระสุนจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังพบหลักฐานเอกสารที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายยาเสพติดภาคตะวันออกจำนวนมากตำรวจเปิดเผยว่า ทั้งหมดเป็นเครือข่ายของนายเตียว และนายเนือง ชาวกัมพูชา ที่มีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดมาจากชายแดนภาคเหนือ และมีการนำอาวุธสงครามมาจากชายแดนภาคตะวันออก เพื่อใช้ในการคุ้มกันระหว่างการขนยาเสพติด โดยนายเตียวเป็นผู้สั่งการและวางแผนทุกอย่าง ทั้งเรื่องการเตรียมรถยนต์และอาวุธสงครามการสืบสวนก่อนเกิดเหตุ นายเตียวเป็นผู้ที่โทรศัพท์มาบอกกลุ่มของนายโชคชัย ตั้วมาก และพวกที่เป็นคนลาวและกัมพูชา ที่อยู่ระหว่างการรับยาเสพติดที่ย่านตลาดไท จ.ปทุมธานี เพื่อลำเลียงไปส่งในพื้นที่ จ.ชลบุรี ว่าเครือข่ายที่จ.ชลบุรีถูกตำรวจจับกุม และให้ระมัดระวังตัว ซึ่งต่อมากลุ่มของนายโชคชัยและพวกเกิดปะทะกับตำรวจที่บริเวณหน้าฐานทัพอากาศดอนเมืองเสียก่อน สำหรับนายเตียวและนายเนือง ตำรวจเชื่อว่ายังคงหลบหนีอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออก | ตำรวจขยายผลการจับยาเสพติดเกือบ 200000เม็ด และวิสามัญฆาตกรรมผู้ค้าที่หน้าฐานทัพอากาศเมื่อวานนี้ (7 ส.ค.) ได้ยาบ้าอีก กว่า 30000 เม็ดพร้อมอาวุธสงคราม ที่ จ.ชลบุรี การสืบสวนพบเป็นเครือข่ายชาวกัมพูชา ซึ่งขณะนี้คาดว่ายังกบดานอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออก | อาชญากรรม | ฐานทัพอากาศ,ดอนเมือง,ตลาดไท,ยาบ้า | https://news.thaipbs.or.th/content/103467 |
ส.นักข่าวเมียนมาขอสื่อไทยทำความจริงคดีสังหารนทท.ที่เกาะเต่าให้ปรากฏ | เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.2558 สมาคมนักข่าวเมียนมา (Myanmar Journalists Association) ได้ออกจดหมายเปิดผนึกถึงสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ขอให้ทั้งสองสมาคมร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการแสวงหาความจริงเกี่ยวกับการใช้อำนาจของราชการและระบบกฎหมายไทยในการตัดสินคดีสังหารนักท่องเที่ยวที่เกาะเต่า ซึ่งศาลจังหวัดสมุยได้ตัดสินประหารชีวิตแรงงานชาวเมียนมาสองคนที่ตกเป็นจำเลยในคดีดังกล่าว,ขอให้ (สมาคมนักข่าวทั้งสอง) มาร่วมทำงานด้วยกันเพื่อประโยชน์ของประชาชน เพื่อประเทศชาติอันเป็นที่รักของเรา และเพื่อธำรงความยุติธรรม มาร่วมแสดงให้โลกเห็นว่านักข่าวพม่าและนักข่าวไทยร่วมกันต่อสู้เพื่อความยุติธรรม สิทธิมนุษยชน และคุณค่าตามระบอบประชาธิปไตย สมาคมนักข่าวเมียนมา ระบุในจดหมายเปิดผนึกซึ่งได้อ้างอิงถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างทั้งสองสมาคมที่มีเสมอมา,ด้านสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้มีจดหมายตอบอย่างเป็นทางการ และเผยแพร่เนื้อความในจดหมายตอบดังกล่าว โดยมีใจความสำคัญว่า การส่งเสริมให้สื่อมวลชนทำหน้าที่อย่างมืออาชีพในการแสวงหาความจริงและผดุงความยุติธรรมเป็นส่วนหนึ่งในวัตถุประสงค์หลักของสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ดังนั้นจึงมีความยินดีที่จะทำงานเพื่อทำความจริงให้ปรากฏ,ทั้งนี้ คำตัดสินของศาลในวันที่ 24 ธ.ค.2558 ที่ผ่านมายังไม่ถือเป็นที่สิ้นสุด เพราะจำเลยทั้งสองสามารถยื่นอุทธรณ์คดีได้ นอกจากนี้ สื่อมวลชนไทยยินดีที่จะนำเสนอข้อมูล ข้อเท็จจริงและหลักฐานที่ได้จากการสืบสวนคดีตามความเป็นจริง ซึ่งในระหว่างที่เจ้าหน้าที่สืบสวนคดีนี้ในระยะเวลาที่ผ่านมา สื่อมวลชนของไทยเองก็ได้รายงานข่าวเจาะลึกเกี่ยวกับคดีดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง,เราเชื่อว่าการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดของทั้งสองสมาคมจะยิ่งส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างสมาคมนักข่าวและประชาชนของทั้งสองประเทศ พร้อมๆ กับการส่งเสริมความยุติธรรมอันนับได้ว่าเป็นคุณธรรมหลักประการหนึ่งของมวลมนุษยชาติ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยระบุในจดหมายตอบ. | สมาคมนักข่าวเมียนมา ขอสมาคมนักข่าว นสพ. ไทย ช่วยสนับสนุนการทำความจริงให้ปรากฏในคดีสังหารนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า ขณะที่สมาคมนักข่าวนัก นสพ.ยืนยันสื่อไทยใช้กระบวนการรายงานข่าวเชิงสืบสวนกับคดีนี้มาตั้งแต่ต้นแล้ว | null | คดีเกาะเต่า,เกาะเต่า,สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย,สมาคมนักข่าวพม่า,นำเสนอความจริง,คดีสังหารนักท่องเที่ยว,ข่าวสืบสวนสอบสวน,ข่าวเจาะลึก,สื่อมวลชนไทย,ประหารชีวิตแรงงานชาวพม่า,ข่าวทั่วไทย,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/content/554701 |
น้ำหอมชาแนล N°5 อาจหยุดผลิต เพราะการสร้างทางรถไฟ TGV ผ่านทุ่งดอกไม้ | (ภาพจาก © Chanel),น้ำหอมชาแนล N°5 ที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั่วโลก อาจต้องหยุดผลิต เพราะการก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูง TGV สายใหม่ของฝรั่งเศส ผ่านแถบโปรวองซ์ จะผ่านทุ่งดอกไม้ ที่ปลูกไว้ใช้สำหรับผลิตน้ำหอมรุ่นนี้,เมื่อ 4 ธันวาคม 2559 บุญธง ก่อมงคลกูล ผู้สื่อข่าวไทยรัฐประจำเบลเยียม รายงานว่า นำ้หอมที่มีชื่อเสียงที่สุดของฝรั่งเศสผลิตโดย โกโก้ ชาแนล และแอร์เนสต์ โบซ์ ซึ่งเริ่มการผลิตมาตั้งแต่ปี 1921 กำลังอยู่ระหว่างก้าวย่างที่อาจจะต้องสะดุดหยุดลงเสียแล้ว เพราะมีการก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูง TGV สายใหม่ผ่านแถบโปรวองซ์ ถ้าโครงการดังกล่าวยืนยันตามที่กำหนดว่า จะมีรางรถไฟผ่านทุ่งกว้างที่ชาแนลได้มีการปลูกดอกไม้แปลงใหญ่ขนาด 12 เฮกตาร์ สำหรับใช้ในการผลิตน้ำหอมเป็นการเฉพาะ,สำหรับ น้ำหอมชาแนลหนึ่งขวดขนาด 30 มิลลิลิตร ต้องใช้ดอกมะลิจำนวน 1,000 ดอก และดอกกุหลาบเดือนพฤษภาคม 12 ดอกที่ปลูกในพื้นที่บริเวณนี้ บริษัทชาแนลได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า จะย้ายออกจากเมืองกราซ หากโครงการรถไฟความเร็วสูง TGV เป็นจริง การก่อสร้างรางรถไฟบนสะพานลอยและการวิ่งผ่านของรถไฟความเร็วสูง TGV เป็นประจำผ่านข้ามทุ่งปลูกดอกไม้ อาจเป็นเงื่อนไขบังคับให้ชาแนลต้องยกเลิกการสนับสนุนธุรกิจในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวโดยสิ้นเชิง ชาแนล ออกแถลงการณ์,ทั้งนี้ น้ำหอมยี่ห้อชาแนล หมายเลข 5 (Chanel N°5) ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังทั่วโลกหวั่นเกรงว่ากลิ่นน้ำหอมที่ผลิตใหม่จะมีกลิ่นเปลี่ยนไปหากย้ายแหล่งผลิต ทำให้อาจจะต้องยุติการผลิตโดยเด็ดขาด. | น้ำหอมชาแนล N°5 ที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั่วโลก อาจต้องหยุดผลิต เพราะการก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูง TGV สายใหม่ของฝรั่งเศส ผ่านแถบโปรวองซ์ จะผ่านทุ่งดอกไม้ ที่ปลูกไว้ใช้สำหรับผลิตน้ำหอมรุ่นนี้ | null | น้ำหอมชาแนล N°5,น้ำหอม,ทางรถไฟความเร็วสูง,ตัดผ่านทุ่งดอกไม้,หยุดผลิต | https://www.thairath.co.th/content/801497 |
สัญญาณบ่งบอกว่าผู้ชายของคุณเป็นเกย์ | มีคุณผู้อ่านถามเข้ามาใน facebook fanpage: ,kateinspirer, ว่า จะรู้ได้อย่างไรว่าสามีเป็นเกย์ และถ้ารู้แล้วว่าใช่ จะทำอย่างไรดี เพราะมีลูกด้วยกันแล้ว,ปัญหาที่น่าเห็นใจคุณผู้หญิงที่แจ็กพอตแต่งงานกับคุณผู้ชายที่มีรสนิยมทางเพศชอบไม้ป่าเดียวกัน ความจริงคุณผู้ชายที่เป็นเกย์เขาก็คงไม่อยากจะแต่งงานกับผู้หญิงสักเท่าไหร่หรอกค่ะ แต่ส่วนใหญ่แต่งเพราะสังคมกดดัน พ่อแม่ซึ่งก็มักไม่รู้ว่าลูกชายเป็นเกย์ อยากให้ลูกแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา ลูกชายอยากให้พ่อแม่สบายใจก็ยอมแต่ง และก็คงไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายความรู้สึกฝ่ายหญิงหรอกค่ะ หลายคนคิดว่าเมื่อแต่งไปแล้วตนเองอาจจะสามารถชอบผู้หญิงได้ (แต่ในที่สุดก็ต้องกลับไปหาผู้ชายอยู่ดี) บางคนแต่งเพราะรักคุณผู้หญิงจริงๆ รักแบบผูกพันทางใจ แต่เรื่องรสนิยมบนเตียงมันมิอาจฝืนกันได้ ดังนั้นสาวๆ ทั้งหลายก่อนตกลงปลงใจกับชายใด ลองดูสัญญาณเหล่านี้ดูสักนิด,1. หล่อดูดีเท่มาก แต่งตัวดี มีรสนิยม เนี้ยบหัวจดเท้า สาวๆ เห็นกรี๊ดสลบ (แต่ให้ระวัง เกย์ถึกก็มีนะคะ อาจซกมก แต่งตัวเซอร์ๆ) หนุ่มหล่อเหล่านี้รู้ตัวดีว่าสาวๆ แอบหมายปอง แต่เขาจะไม่แสดงอาการสนใจสาวใดเป็นพิเศษ สาวก็เลยอาจคิดว่าเขาเป็นคนดี ไม่เจ้าชู้ เอาแต่ทำมาหากิน,2. ชอบแฮงก์เอาต์กับเพื่อนผู้ชายที่ดูดีพอๆ กัน แต่ให้สังเกตว่าไม่มีใครหนีบชะนีไปเที่ยวด้วย หากมีชะนีในกลุ่มด้วย ก็จะเป็นชะนีที่ไม่ได้เป็นแฟนของเก้งคนใด และยิ่งเวลาที่เหล้าเข้าปาก จะมีอาการแอบมองผู้ หรือแซว หรือเข้าไปตีสนิท ซึ่งเวลาที่ไม่เมา เขาจะไม่ทำอะไรอย่างนี้,3. เก้งส่วนใหญ่เป็นสุภาพบุรุษสุดๆ จะชอบช่วยเหลือ เอาใจใส่ดูแลทุกๆ คนทั้งหญิงและชาย จนสาวอาจเก็บเอาไปคิดเองว่าเธอเป็นคนพิเศษสำหรับเขา,4. เวลาไปเดินตามห้างหรือชายทะเล หรือตามที่ต่างๆ กับคุณ เขามักจะแอบเหล่หนุ่มกล้ามใหญ่ ซิกซ์แพ็ก มากกว่าสาวนมโต,5. เขาจะไม่ค่อยอยากมีเซ็กซ์กับคุณสักเท่าไหร่ ไม่ว่าคุณจะยั่วเขาขนาดไหน เขาจะให้เหตุผลว่าเพราะเขาให้เกียรติคุณ เขาจะรอจนกว่าจะได้แต่งงานกันก่อน หรือบางคนที่เป็นไบ เขาสามารถมีเซ็กซ์กับคุณผู้หญิงได้ตามปกติ แต่เขาอาจจะหลับตาตลอดเวลา หรือบางทีดูเหมือนเขากำลังจินตนาการหรือคิดถึงใครบางคนที่ไม่ใช่คุณหรือเปล่า หรือบางทีเขาอาจเผลอ หรือบางคนก็อาจขอให้เข้าประตูหลัง ถ้าอย่างนี้ ต้องคุยกันอย่างเปิดอกแล้วล่ะค่ะ,6. เขาจะระมัดระวังความเป็นส่วนตัว เช่น ไม่ชอบให้คุณไปยุ่งวุ่นวายกับโทรศัพท์ กระเป๋าสตางค์ คอมพิวเตอร์ หรือตู้เสื้อผ้าของเขา เพราะกลัวคุณจะพบโลกสีม่วงของเขา,7. เขามักจะแสดงความรังเกียจหรือวิพากษ์วิจารณ์คนรักร่วมเพศอยู่บ่อยๆ (ในกรณีที่เขาพยายามจะปกปิดตัวตนอย่างมาก) หรือบางคนอาจตรงข้ามคือมักแสดงความเห็นใจชาวสีม่วง,8. พฤติกรรมที่มีพิรุธ เช่น เวลาเขาอยู่กับคุณแล้วมีหนุ่มโทรมา แทนที่จะพูดจาโวยวายโผงผางแบบชายแท้ทั่วไปคุยกับเพื่อน เขากลับพูดน้อยๆ เบาๆ รับคำเออออ มีแนวโน้มสูงว่านั่นคือผู้ของเขาโทรมา หรือเวลาที่เขาตกใจแล้วเขาทำเสียงแหลมหรือมีจริตจะก้านแปลกๆ ฯลฯ,หากสาวใดกำลังสงสัยว่าแฟนเป็นเกย์ ก็ให้ลองพูดคุยกับเขาตรงๆ อย่างพร้อมยอมรับฟังและเข้าใจ อย่าได้คาดคั้นให้เขายอมรับเด็ดขาดว่าเป็นหรือไม่ ไม่มีใครชอบการถูกต้อนเข้ามุมหรอกค่ะ อาจลองพูดถึงคนอื่นที่มีความสัมพันธ์แบบรักร่วมเพศ แล้วสังเกตความคิดเห็น ความรู้สึกร่วมต่อคู่ที่ถูกพูดถึง ส่วนคนที่เผลอตัวแต่งงานไปกับเก้งแล้ว ขอให้ตั้งสติ อย่าไปมองว่าเป็นเรื่องผิดหรือเป็นการหักหลังไม่ซื่อสัตย์ ขอให้มองถึงความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน หากมองข้ามเรื่องเพศไปเรื่องหนึ่ง แต่ความสัมพันธ์ด้านอื่นๆ ดีหมด อย่างนี้ก็ยังสามารถอยู่ด้วยกันด้วยความรักและความเข้าใจ โดยไม่ต้องพยายามไปเปลี่ยนแปลงตัวเองหรืออีกฝ่ายหนึ่ง มันไม่ใช่เรื่องใครถูกใครผิด มันแค่เป็นเรื่องของความชอบที่แตกต่างกัน มีหลายคู่สามารถประคองความรักแบบเพื่อนสนิทที่รู้ใจและร่วมสร้างครอบครัวร่วมกันต่อไปได้จนถือไม้เท้ายอดทองค่ะ แต่หากรับไม่ได้ ก็ไม่ต้องรู้สึกผิดที่จะเลิกรากัน,ใครมีปัญหา ลูกเรียนไม่เก่ง ไม่รู้จะทำอะไรในอนาคต ญาติพี่น้องติดกลุ่มลัทธิ ปัญหาครอบครัว ความสัมพันธ์ การทำงาน ติดโซเชียล ติดเกม panic และ phobia มารับคำปรึกษากับครูเคทได้ที่ KruKate Counseling Center ต้องการนัดคิว โทร. 08-1458-1165 หรือเข้าไปฝากคำถามและแชร์ประสบการณ์ในแฟนเพจ ,www.facebook.com/kateinspirer, และ YouTube channels: ,Kate Inspirer, ได้นะคะ | จะรู้ได้อย่างไรว่าสามีเป็นเกย์ และถ้ารู้แล้วว่าใช่ จะทำอย่างไรดี เพราะมีลูกด้วยกันแล้ว ปัญหาที่น่าเห็นใจคุณผู้หญิงที่แจ็กพอตแต่งงานกับคุณผู้ชายที่มีรสนิยมทางเพศชอบไม้ป่าเดียวกัน | คนดังนั่งเขียน,ไลฟ์สไตล์ | สามีภรรยา,สามีเป็นเกย์,แต่งงาน,เกย์,ปัญหาครอบครัว,ครูเคท,คนดังนั่งเขียน | https://www.thairath.co.th/lifestyle/woman/love/1540526 |
จ่อตั้งกรรมการสอบ เจ้าอาวาสปล่อยเงินกู้ | วันนี้ (10 พ.ย.2560) ตัวแทนชาวบ้านบ้านหนองคูบอน ต.คูเมือง อ.เมืองบุรีรัมย์ นำหลักฐานหนังสือสัญญาการกู้ยืมเงินระหว่างนายกมล แคนเสาร์ ชาวบ้าน ต.คูเมือง อ.เมืองบุรีรัมย์ และพระอธิการสมพงษ์ เจ้าอาวาสวัดหนองคูบอน จำนวน 35000 บาท เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อให้ตรวจสอบพฤติกรรมพระอธิการสมพงษ์ตัวแทนชาวบ้าน อ้างว่า เจ้าอาวาสมีพฤติกรรมบริหารจัดการเงินวัดไม่โปร่งใสและมีพฤติกรรมรับจัดไฟแนนซ์รถยนต์ ปล่อยเงินกู้ โดยเก็บอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 บาทต่อเดือน ซึ่งทำมานานกว่า 10 ปีขณะที่นายประสงค์ ทองประ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดบุรีรัมย์ ระบุว่า จะส่งเรื่องให้กับคณะสงฆ์ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ภายในสัปดาห์หน้า เนื่องจากเป็นหน้าที่ของคณะปกครองสงฆ์ ในการพิจารณาว่าการกระทำในลักษณะดังกล่าวผิดพระธรรมวินัยหรือไม่อย่างไรก็ตาม พระอธิการสมพงษ์ เจ้าอาวาสวัดหนองคูบอน ปฏิเสธว่าไม่ได้ปล่อยเงินกู้ตามที่ถูกกล่าวหา แต่ยอมรับว่าเมื่อปี 2549-2550 มีชาวบ้านในหมู่บ้านมาขอยืมเงินจากจริง ด้วยความเมตตาและเห็นใจชาวบ้านที่เดือดร้อน จึงให้ชาวบ้านยืมและไม่ได้เรียกเก็บดอกเบี้ย ส่วนกรณีที่กลุ่มร้องเรียนมองว่าอาจนำเงินวัดมาปล่อยกู้ พระอธิการสมพงษ์ ชี้แจงว่าเป็นเงินเก็บก่อนบวชที่ได้จากการขายที่ดินกว่า 300000 บาท | สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดบุรีรัมย์ เตรียมเสนอคณะสงฆ์ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง กรณีชาวบ้านร้องเรียนเจ้าอาวาสวัดหนองคูบอนปล่อยเงินกู้ คิดดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อเดือน | ภูมิภาค | ThaiPBSnews,ข่าวไทยพีบีเอส,ไทยพีบีเอส,ThaiPBS,พระปล่อยเงินกู้,สำนักงานพระพุทธศาสนา,สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดบุรีรัมย์,วัดหนองคูบอน | https://news.thaipbs.or.th/content/267625 |
ฟอร์มดี ภูริต ตะบึงขึ้นโพเดียม ศึกออดี้ อาร์ 8 เรซ 3 ที่เมืองจีน | ภูริต ภิรมย์ภักดี จากทีมสิงห์ แพลน-บี บาย แอบโซลูท เรซซิ่ง ประเดิมโพเดียมหลังเข้าเส้นชัยอันดับ 2 ตามหลัง ยาสเซอร์ ชาฮิน นักขับชาวออสเตรเลีย เพียงเสี้ยววินาที ในศึกรถยนต์ทางเรียบ ออดี้ อาร์ 8 แอลเอ็มเอส คัพ 2019 ที่สนามจูไห่ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศจีน,วันที่ 3 พ.ค. การแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ ออดี้ อาร์ 8 แอลเอ็มเอส คัพ ที่สนามจูไห่ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศจีน สนามความยาว 4.319 กิโลเมตร เป็นการกลับมาแข่งที่สนามแห่งนี้เป็นครั้งที่ 4 ในรอบ 8 ฤดูกาล โดยรายการนี้เป็นสนามที่ 2 ของฤดูกาล 2019 และเป็นเรซที่ 3 และเรซที่ 4 แข่งระหว่างวันที่ 3-4 พฤษภาคม โดยจะแข่งเป็นเวลา 30 นาที,สำหรับรายการนี้ ภูริต ภิรมย์ภักดี นักขับชาวไทย ในรถหมายเลข 59 ของทีมสิงห์ แพลน-บี บาย แอบโซลูท เรซซิ่ง ซึ่งเมื่อฤดูกาล 2018 คว้ารองแชมป์คะแนนสะสมรวม พลาดแชมป์ประจำปีไปเพียง 5 คะแนน และออกสตาร์ตฤดูกาล 2019 ที่สนามอเดเลด สตรีท เซอร์กิต ประเทศออสเตรเลีย ในช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ด้วยผลงานที่ไม่ดีนัก ก่อนจะกลับมาขึ้นโพเดียมได้อีกครั้งในเรซนี้,ในวันนี้ซึ่งเป็นเรซแรกของสนาม 2 ภูริตออกสตาร์ตในอันดับ 4 ก่อนควบออดี้ อาร์ 8 แอลเอ็มเอส จีที 3 หมายเลข 59 เข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 2 ตามหลัง ยาสเซอร์ ชาฮิน นักขับชาวออสเตรเลีย ของทีมเบนด์ มอเตอร์สปอร์ต พาร์ค เพียง 0.531 วินาทีเท่านั้น อันดับ 3 แดเนียล บิลสกี นักขับชาวออสเตรเลีย ของทีมบีควิก เรซซิ่ง ในรถหมายเลข 27 ,ทั้งนี้ การแข่งขันสนาม 2 เรซที่ 4 ในวันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม ช่วงเช้าจะเป็นการควอลิฟายเวลา 09.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง และจะเริ่มแข่งขันเรซที่ 4 ในเวลา 12.40 น. ตามเวลาท้องถิ่น | ภูริต ภิรมย์ภักดี จากทีมสิงห์ แพลน-บี บาย แอบโซลูท เรซซิ่ง ประเดิมโพเดียมหลังเข้าเส้นชัยอันดับ 2 ตามหลัง ยาสเซอร์ ชาฮิน นักขับชาวออสเตรเลีย เพียงเสี้ยววินาที ในศึกรถยนต์ทางเรียบ | กีฬา,กีฬาอื่นๆ | ภูริต ภิรมย์ภักดี,รถยนต์ทางเรียบ,ออดี้ อาร์ 8 แอลเอ็มเอส คัพ,สนามจูไห่ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต,สิงห์ แพลน-บี บาย แอบโซลูท เรซซิ่ง | https://www.thairath.co.th/sport/others/1559681 |
เปิดวงเสวนามุมมองคนรุ่นใหม่ต่ออาชีพทำนา | เสวนา มุมมองคนรุ่นใหม่ต่ออาชีพทำนา ห้องกิจกรรมฟรีดอม โซน อุบลราชธานี ถกมีเหตุปัจจัยใดบ้าง ที่จะผลักดันให้คนรุ่นใหม่สนใจอาชีพทำนา21 ก.ย. 56 กลุ่มสารไทย จากห้องเรียนพลเมืองรุ่นใหม่ ภายใต้การสนับสนุนจากฟรีดอม โซนอุบลราชธานี เพื่อการส่งเสริมบทบาทคนรุ่นใหม่จังหวัดอุบลราชธานีดำเนินกิจกรรมเพื่อสาธารณะและการส่งเสริมบทบาทคนรุ่นใหม่ด้านประชาธิปไตย จัดงานเสวนา มุมมองคนรุ่นใหม่ต่ออาชีพทำนา ณ ห้องกิจกรรมฟรีดอม โซน อุบลราชธานี เนื่องด้วยปัจจุบันคนรุ่นใหม่มีอาชีพที่หลากหลายเป็นทางเลือก เพื่อการทราบมุมมองการทำนาในรูปแบบคนรุ่นใหม่ว่ามีเหตุปัจจัยใดที่จะผลักดันให้คนรุ่นใหม่สนใจอาชีพทำนา พร้อมทั้งเพื่อสร้างบรรยากาศให้คนรุ่นใหม่มีเวทีในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการประกอบอาชีพวิทยาการที่เข้าร่วมเสวนา ประกอบด้วย คุณวีระ สุดสังข์ นักเขียนที่ใช้ชีวิตอยู่ในชนบท คุณมหรรณพ ต้นวงศ์ษา นักดนตรีผู้ใช้ชีวิตเรียบง่ายกับอาชีพเกษตรผสมผสานในชุมชน คุณธรรมรัช เลือกรัมย์ คนรุ่นใหม่ที่ศึกษาคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี คุณดนุเดช ประจุทรัพย์ คนรุ่นใหม่ที่ศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ดำเนินรายการโดย คุณกมล หอมกลิ่น สื่อสร้างสุขอุบลราชธานีคุณวีระ สุดสังข์ ผู้ร่วมเสวนา ข้าวถือว่าสำคัญ เป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินชีวิต จากประสบการณ์ของการเป็นชาวนานั้นมีความลำบาก ระบบการศึกษาที่มีการเรียนการสอนไม่ตรงกับฤดูการทำนาทำให้คนที่เป็นนักเรียนนักศึกษามีโอกาสในการสัมผัสชีวิตชาวนาน้อยลง ซึ่งบางคนอาจถึงกับลืมชีวิตของความเป็นชาวนา และหลังจากสำเร็จการศึกษาแล้วบางคนต้องห่างจากอาชีพชาวนาไปประกอบอาชีพในเมืองพร้อมกล่าวอีกว่า ข้าวทุกเม็ดล้วนมาจากน้ำ มาจากดิน อย่าดูถูกหรือรังเกียจชีวิตของชาวนา เรื่องของการทำนาไม่ได้หมายความเพียงการไถนาปลูกข้าว ในนาที่มีอย่างอื่นมากมายจิตวิญญาณของชีวิตชาวนาก็เพื่อจะให้ชีวิตดำรงอยู่ได้อย่างมีความสุข เหตุที่ชาวนาจนเกิดจากความอยากรวย ยิ่งอยากรวยก็ต้องค้นหาสิ่งต่างๆ เข้ามา การทำนาสมัยใหม่พึงเทคโนโลยีมากทำให้มองข้ามการมีชีวิตอย่างมีความสุข โดยส่วนตัวก็ไม่ได้ปฏิเสธเทคโนโลยีหรือสารเคมีโดยสิ้นเชิง แต่สำหรับการผลิตนั้น เราจะต้องนึกถึงผู้บริโภคที่ส่งผลกระทบกับผู้ร่วมสังคมของเรา หากเรามุ่งแต่จะได้ผลกำไรโดยที่ฝืนธรรมชาติเราจะไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และบางครั้งชาวนาไม่ตระหนักถึงคุณค่าในสิ่งที่มีอยู่มาใช้ในการผลิต การที่รัฐจะทำให้ราคาเพิ่มขึ้นโดยที่ชาวนยังไม่อยู่ดีกินดีก็ไม่มีประโยชน์คุณมหรรณพ ต้นวงศ์ษา กล่าวว่า การสัมผัสชีวิตจากการทำนาทำสวนมันเป็นความสุข คนรุ่นใหม่ทุกวันนี้เคยชินกับการนั่งห้องแอร์มาก การใช้ชีวิตเรียบง่ายบางครั้งก็ต้องมีอาชีพเสริมเพราะไม่มีเงินเดือนเหมือนข้าราชการ ซึ่งสามารถทำได้โดยง่ายด้วยการปลูกผัก ทำอาหารแปรรูป โดยส่วนตัวที่ไม่ใช่ว่าไม่มีทางเลือกอื่น แต่ด้วยบริบทความเป็นชุมชนทำให้ตนเองเลือกที่จะอยู่กับความเรียบง่าย ในวิถีที่มันขาดความเป็นอยู่แบบเรียบง่ายไปก็ไม่ผิดเพราะสังคมนี้มีความหลากหลาย โดยส่วนตัวเป็นห่วงเรื่องการใช้สารเคมีในการผลิตเพราะมันจะกลายเป็นผลกระทบในระยะยาวคุณดนุเดช ประจุทรัพย์ กล่าวว่า การเข้ารบการศึกษาระดับอุดมศึกษาก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะเป็นชาวนา แต่ตั้งใจประกอบอาชีพข้าราชการ ถ้าเปรียบเทียบระหว่างอาชีพชาวนากับราชการ ชาวนาไม่เคยได้รับสวัสดิการจากรัฐจึงอยากเป็นข้าราชการมากกว่า อย่างไรก็ดีหากมองถึงความคุ้มค่าของชาวนาที่รัฐไปสนใจเพียงเรื่องราคาที่ไม่คิดถึงต้นทุนการผลิตของชาวนา และคนรุ่นเดียวกันส่วนใหญ่มองอาชีพชาวนาเป็นเพียงอาชีพเสริมเท่านั้น อาชีพหลักคือการรับราชการ โดยที่หลังจากได้รับราชการแล้วนั้นก็จะประกอบอาชีพชาวนาเป็นอาชีพเสริมพร้อมกล่าวว่า ราคาที่ชาวนาสามารถขายได้นั้น ได้รับเงินจำนวนมากจากรายได้ที่รัฐบาลช่วยเหลือ การที่ชาวนา ชาวไร่ หรือคนปลูกยางพารานั้นก็ไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องเสียหาย รัฐควรจะให้ความสำคัญในการสนับสนุนเกษตรกรมากกว่าให้ความสำคัญกับอาชีพของทุนใหญ่ ประชากรส่วนใหญ่ล้วนอยู่ในระบบการเกษตรที่ต้องบริโภค แต่หลายคนมองข้ามเรื่องใกล้ตัวเหล่านี้ และคนรุ่นใหม่มองว่าอาชีพชาวนามันไม่คุ้มค่าเขาจึงมองอาชีพชาวนาเป็นอาชีพรองคุณธรรมรัช เลือกรัมย์ กล่าวว่า โดยส่วนตัวอยากกลับไปประกอบอาชีพชาวนาหลังจากสำเร็จการศึกษา เนื่องจากต้นทุนเดิมที่มีพื้นที่นาอยู่แล้ว การผลิตข้าวของท้องถิ่นที่มีต้นทุนเพิ่มขึ้นอยากกลับไปสร้างการผลิตที่ลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตขึ้น การประยุกต์การทำนากับการเลี้ยงสัตว์ควบคู่กันไปจะทำให้สามารถเพิ่มรายได้ขึ้นได้ ชาวนาต้องตั้งโจทย์ให้กับตัวเองว่าจะทำอย่างไรก็ได้ที่จะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นกล่าวอีกว่า เครื่องจักรกลทางการเกษตรเราจะต้องใช้เท่าทีจำเป็นและใช้ได้ หัวใจหลักทางการเกษตรคือน้ำชาวนาต้องบริหารจัดการเรื่องน้ำให้ดี รัฐจะต้องในความสำคัญกับระบบชลประทานที่สามารถกระจายน้ำให้กับชาวนาได้อย่างทั่วถึงปัจจุบันนี้ชาวนาจะต้องพิจารณาเพื่อการใช้ชีวิตที่ต้องพิจารณาว่าการลงทุนทำนาจำนวนมากเพื่อให้ได้กำไรสามารถประสบผลสำเร็จได้เช่นนั้นจริงหรือไม่ และในทางกลับกันถ้าค้นหาวิธีการประยุกต์สิ่งที่มีอยู่ในท้องถิ่นเพื่อสร้างรายได้ที่ยั่งยืนโดยไม่ต้องรอการช่วยเหลือจากภาครัฐจะเป็นไปได้อย่างไร อาชีพชาวนาหากขาดคุณค่าทางศรัทธาความสุขมันจะไม่เกิด แล้วคนรุ่นใหม่ต่ออาชีพทำนาจะให้ชีวิตที่ลงตัวได้อย่างไร คนรุ่นใหม่ต้องค้นหาวิถีชีวิตใหม่นั้นเอง พร้อมทั้งภาครัฐและหน่วยงานที่มีบทบาทเกี่ยวข้องจะต้องสนับสนุนความรู้ให้กับเกษตรกรเพิ่มขึ้นด้วย รวมถึงการช่วยเหลือชาวนาที่ไม่มีที่ดินทำกินให้เขาสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ในกระแสเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป | เสวนา มุมมองคนรุ่นใหม่ต่ออาชีพทำนา ห้องกิจกรรมฟรีดอม โซน อุบลราชธานี ถกมีเหตุปัจจัยใดบ้าง ที่จะผลักดันให้คนรุ่นใหม่สนใจอาชีพทำนา 21 ก.ย. | คุณภาพชีวิต,วัฒนธรรม,การศึกษา,สังคม | กลุ่มสารไทย,ชาวนา,ห้องเรียนพลเมืองรุ่นใหม่,อุบลราชธานี | https://prachatai.com/journal/2013/09/48880 |
บิ๊กบอล เปิดใจถึงอนาคต ลีซอ ในรังชลบุรีโยงถึงซีซั่นหน้า | วันที่ 1 ต.ค. 62 ศศิศ สิงห์โตทอง ผู้จัดการทีม ชลบุรี เอฟซี หวังรั้งตัว ธีรเทพ วิโนทัย แนวรุกจอมเก๋า วัย 34 ปี ให้อยู่ค้าแข้งในถิ่น ชลบุรี สเตเดี้ยม ต่อไป หลังทำผลงานให้กับทีมได้อย่างยอดเยี่ยม และ เบิกสกอร์แรก ในสีเสือ ฉลามชล ได้สำเร็จ ในเกมเปิดบ้าน เอาชนะ พีทีที ระยอง 3-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา,สัญญาฉบับปัจจุบัน ของ ลีซอ ที่ ฉลามชล ยืมตัวมาจาก ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด จะหมดลงหลังจากจบซีซั่นนี้ โดย ผู้จัดการทีม ชลบุรี เอฟซี ได้กล่าวถึงอนาคต ของ ลีซอ ในห้องแถลงข่าว หลังจากจบการแข่งขัน ว่า สโมสร มีความต้องการที่จะรั้งตัวนักเตะ ให้อยู่ช่วยทีมต่อไป ในซีซั่นหน้า แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจ ของตัวนักเตะเองด้วย,ส่วนของอนาคต ของ ลีซอ เราก็ได้มีการพูดคุยกับเขาในเบื้องต้นบ้างแล้ว หากถามเรา แน่นอนก็อยากเก็บเขาเอาไว้ใช้งานต่อในฤดูกาลหน้าอยู่แล้ว,แต่ก็อยู่ที่ตัวเขาเองด้วย เพราะว่าการที่เขาตัดสินใจย้ายมาลงเล่นกับเรา และทำผลงานได้ดี มันทำให้มูลค่าของ นักเตะ นั้นสูงขึ้น ส่งผลให้มีหลายสโมสร ที่สนใจดึงตัวไปร่วมทีม และพร้อมจะยื่นข้อเสนอที่สูงกว่าให้ ซึ่งเราก็จะเคารพการตัดสินใจของเขา,แต่ถ้าเขาพอใจ และมีความสุข อยากที่จะลงเล่นให้กับ ชลบุรี เอฟซี ต่อไป เราก็ยินดีครับ | ศศิศ สิงห์โตทอง ผู้จัดการทีม ชลบุรี เอฟซี ทีมในไทยลีก 1 ออกมาเปิดใจถึงอนาคต ธีรเทพ วิโนทัย หัวหอกจอมเก๋าที่ใกล้จะหมดสัญญายืมตัว เชื่อมโยงถึงซีซั่นหน้า | กีฬา,ฟุตบอลไทย | ชลบุรี เอฟซี,ลีซอ,ธีรเทพ วิโนทัย,ศศิศ สิงห์โตทอง,ไทยลีก,ฟุตบอลไทย | https://www.thairath.co.th/sport/thaifootball/1672601 |
ทุเรียนนกกระจิบเมล็ดลีบ กับที่มาพันธุ์หวานมันราคาดี | ทุเรียนชนิดนี้ผู้ขายกิ่งตอนบอกว่ามีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมอยู่ที่ จ.นนทบุรี แล้วกระจายพันธุ์ปลูกไปยังจังหวัดในแถบภาคตะวันออกของประเทศไทยนานหลายปีแล้ว จนได้รับรางวัลชนะเลิศในงานประกวดทุเรียนเนื้อดีวันเกษตรและของดี จ.ระยอง หลายครั้ง มีข้อแตกต่างจากทุเรียนนกกระจิบเมล็ดใหญ่หลายจุดได้แก่ ทุเรียนนกกระจิบเมล็ดลีบ ใบจะมีขนาดเล็กกว่าใบของทุเรียนนกกระจิบเมล็ดใหญ่อย่างชัดเจน ทุเรียนนกกระจิบเมล็ดลีบ น้ำหนักผลประมาณ 1-2 กิโลกรัมต่อผล ทุเรียนนกกระจิบเมล็ดใหญ่น้ำหนักผล 2-4 กิโลกรัมต่อผลขึ้นไป สุดท้าย ทุเรียนนกกระจิบเมล็ดลีบ ก้นผลบุ๋ม ส่วนก้นผลของทุเรียนนกกระจิบเมล็ดใหญ่จะแหลมเปรียบเทียบกันได้เลย ซึ่ง ทุเรียนนกกระจิบเมล็ดลีบ มีลักษณะประจำพันธุ์คือ เป็นทุเรียนเปลือกบาง พูใหญ่ เนื้อเต็มพู เนื้อเป็นสีเหลืองเข้ม เมล็ดเล็กและลีบตามที่ระบุข้างต้น เนื้อมีรสชาติหวานมันหอม รับประทานอร่อยมาก จึงถูกตั้งชื่อว่า ทุเรียนนกกระจิบเมล็ดลีบ ดังกล่าว,ทุเรียนนกกระจิบเมล็ดลีบ มีชื่อวิทยาศาสตร์และมีลักษณะทางพฤกษศาสตร์เหมือนกับต้นทุเรียนทั่วไปเกือบทุกอย่าง แต่ต้นจะไม่สูงใหญ่เหมือนกับต้นทุเรียนทั่วไปคือ ต้นจะสูงเต็มที่ไม่เกิน 5–7 เมตรเท่านั้น เป็นทุเรียนพันธุ์เบา หมายถึงมีดอกและติดผลได้ง่าย ผลจะแก่เก็บผลได้ก่อนทุเรียนสายพันธุ์อื่นๆ รูปทรงของผลสวย น้ำหนักประมาณ 1-2 กิโลกรัมต่อผล เปลือกผลบาง เนื้อสุกละเอียดเนียนเป็นสีเหลืองเข้ม มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ รับประทานอร่อยมาก ที่สำคัญคือจะมีดอกและติดผลหลังปลูกแค่ 4–5 ปีเท่านั้น เมื่อต้นมีอายุ 10 ปีขึ้นไปจะให้ผลผลิต 100-200 ผลต่อต้นและต่อปี ส่งผลไปขายที่ประเทศจีนได้ 4 ปีแล้วชาวจีนชื่นชอบมาก ขยายพันธุ์ด้วยระบบเสียบยอด มีรากแก้วดีทุกกิ่ง ปลูกแล้วโตเร็วทนต่อโรคแมลงได้ดี,มีต้นพันธุ์แท้ขายแห่งเดียวคือ ติดต่อ คุณประภาส สุภาผล 33/4 หมู่ 7 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โทร. 08–8533–2299 หรือที่งานเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) เกษตรแฟร์ ม.เกษตรฯ บางเขน กทม. วันที่ 21–30 มิ.ย.61 บูธ สวนประภาสไม้ผล โซนเอฟ 26–27 ราคาสอบถามกันเองครับ.,นายเกษตร | ทุเรียนชนิดนี้ผู้ขายกิ่งตอนบอกว่ามีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมอยู่ที่ จ.นนทบุรี แล้วกระจายพันธุ์ปลูกไปยังจังหวัดในแถบภาคตะวันออก | ข่าว,ทั่วไทย | ทุเรียน,ทุเรียนนกกระจิบเมล็ดลีบ,นนทบุรี,เกษตรกรบนแผ่นกระดาษ,นายเกษตร,เกษตร | https://www.thairath.co.th/news/local/east/1313139 |
เมื่อมีจุดหมายที่ตั้งใจ และรู้จักที่จะ Make Your Mark ย่อมไปถึงฝันนั้นได้สำเร็จ 3 นักสร้างสรรค์คนรุ่นใหม่ กับตัวช่วยที่ไปให้ถึงจุดหมาย [Advertorial] | ความสำเร็จนั้นไม่ไกลจนเกินเอื้อม หากเรารู้จักจุดที่ตัวเองยืนอยู่ว่าเป็นที่ใด แล้วตั้งเป้าหมาย พร้อมหาหนทางเดินไปให้ถึง สำหรับคนแต่ละคนนั้นอาจมีทั้งเป้าหมายและวิธีการเพื่อที่จะไปให้ถึงฝัน ด้วยหนทางที่แตกต่างกันออกไป หากเพียงแต่คุณรู้จักที่จะ Make Your Mark ก็ย่อมที่จะเดินไปได้ถึงความสำเร็จนั้นในสักวันได้อย่างแน่นอนดังเช่น 3 นักสร้างสรรค์คนรุ่นใหม่ที่ THE STANDARD ได้มีโอกาสพูดคุยด้วยในครั้งนี้ พวกเขาทั้งสามคนล้วนเป็นทั้งนักสร้างสรรค์และคนทำธุรกิจผู้รู้จักการตั้งเป้าหมาย และหาหนทางเพื่อไปให้ถึงความฝันของตัวเองได้จนสำเร็จ แน่นอนว่าพวกเขามีเคล็ดลับแห่งความสำเร็จมาแชร์ให้พวกเราได้ฟังกันด้วย แต่ละคนจะมีเรื่องราวที่น่าสนใจและแรงบันดาลใจดีๆ อะไรมาแบ่งปันให้เราได้ฟังกันบ้าง ลองมาติดตามเรื่องราวไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่าเพียงไม่ถึง 4 ปีที่เปิดตัว TAKARAWONG ลักชัวรีสตรีทแฟชั่นแบรนด์สัญชาติไทย ก็เป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว ด้วยความโดดเด่นทั้งในแง่ของคอนเซปต์และการออกแบบ จึงได้รับการยอมรับในเวลาอันสั้น ล่าสุดเขากำลังปลุกปั้นแบรนด์สตรีทน้องใหม่ที่กำลังได้รับความสนใจอย่าง TKW ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าเป็น แบรนด์น้องชาย ของ TAKARAWONG นั่นแสดงให้เห็นว่า ธุรกิจที่เขาเริ่มต้นขึ้นเมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้านั้นประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจอยู่พอสมควร จึงได้มีการแตกไลน์ใหม่ออกมากว่าจะมาถึงวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แชมป์-ฐกร วรรณวงษ์ เล่าย้อนอดีตให้เราฟังว่า เริ่มแรกเขาไม่ได้เรียนจบมาทางด้านการออกแบบเสื้อผ้าหรือแฟชั่นโดยตรง หากหลังจากที่เรียนจบทางด้าน Creative Marketing แล้ว ก็ได้มีโอกาสไปเรียนทำขนมและใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียวที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย จนค้นพบและตกผลึกกับตัวเองว่า เขาหลงใหลและอยากอุทิศชีวิตให้กับทำแบรนด์เสื้อผ้า เมื่ออดีต Patisserie Chef คนนี้ตั้งเป้าหมายให้กับตนเอง ดังนั้นเขาจึงได้ตัดสินใจขายกิจการร้าน รวมไปถึงสมบัติส่วนตัวบางชิ้น เพื่อเปลี่ยนมาเป็นเงินทุนสำหรับการสร้างแบรนด์ของตัวเองขึ้นมาแม้จะต้องเริ่มต้นจากศูนย์ เพราะว่าตัวผมเองไม่ได้เรียนแฟชั่นมาก่อน แต่ตอนนั้นก็มีความเชื่อมั่นในตัวเองว่าเราต้องทำได้ ผมเชื่อว่า ถ้าหากเราตั้งใจที่จะลงมือทำอย่างจริงจัง สิ่งนั้นก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จ ผมกลับมาเมืองไทย และเริ่มต้นทำแบรนด์เมื่อปี 2015 และเปิดคอลเล็กชันแรกจริงๆ ตอนปี 2016 ก็ทำ TAKARAWONG อย่างเดียวมาโดยตลอดจนเมื่อมาปีที่แล้วก็เริ่มทำอีกแบรนด์ออกมาชื่อ TKW ซึ่งจะดูเด็กลง และซื้อง่ายขายคล่อง เป็นแบรนด์ที่จับต้องง่ายขึ้น คือในขณะที่ TAKARAWONG นั้นเป็นไฮเอนด์สตรีทลักชัวรี TKW ซึ่งเป็น แบรนด์น้องชาย ก็จะเป็นสตรีทแวร์ที่ใส่ง่ายและราคาจับต้องได้ง่ายขึ้นครับในเรื่องของการดูแลธุรกิจและการสร้างสรรค์ผลงานนั้น สำหรับผมคิดว่า บาลานซ์กันได้ค่อนข้างยากเหมือนกัน เพราะโดยส่วนตัวแล้ว แต่ก่อนผมก็เป็นคนที่ไม่รู้เรื่องและไม่ได้สนใจด้านธุรกิจมาก่อนเลย แม้จะเรียนจบทางด้านมาร์เก็ตติ้งมา แต่ก็ไม่ได้ชอบสักเท่าไรโดยธรรมชาติแล้วผมชอบงานครีเอทีฟมากกว่า แต่ก็อย่างที่เขาว่ากันว่า เมื่อไรที่เราใช้ความคิดสร้างสรรค์มากกว่ามุมของธุรกิจ มันก็อาจจะไม่ประสบความสำเร็จ ผมจึงใช้วิธีแบ่งตัวเองออกเป็น 2 ด้าน คือเมื่อไรที่ผมทำงานสร้างสรรค์ ก็จะลืมเรื่องของธุรกิจไปเลย เพื่อจะได้โฟกัสการทำงานสร้างสรรค์ออกมาได้อย่างเต็มที่ เพราะเมื่อไรที่เราทำงานสร้างสรรค์แล้วปิดกั้นตัวเองด้วยการมัวแต่คิดว่าจะขายได้ไหม ก็เป็นการปิดกั้นตัวเอง ดังนั้นเวลาทำงานก็จะลืมตรงนั้นไปแต่เมื่อทำงานในส่วนครีเอทีฟจบปุ๊บ ผมก็จะหันมาทำในเรื่องของธุรกิจ โดยดูจากสิ่งที่เรามีว่าเราจะขายอย่างไร หรือบางทีก็คิดแคมเปญต่างๆ มาก่อน แล้วค่อยทำงานสร้างสรรค์ แบบนี้ก็มีบ้างเหมือนกันครับ อย่างไรก็ตาม เราต้องลงมือทำ แล้วเมื่อทำไปแล้วก็จะหาจุดที่บาลานซ์ของทั้งสองอย่างได้จนพบเมื่อถามถึงจุดหมายและการตั้งเป้าหมาย คุณแชมป์กล่าวว่า โดยส่วนตัวเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยพอใจกับอะไรง่ายๆคือผมไม่เคยจะตั้งเป้าหมายเอาไว้ไกลๆ เวลาคิดจะทำอะไรมักจะทำให้สำเร็จในเป้าหมายเล็กๆ ก่อน แล้วค่อยเขยิบไปทีละขั้น ส่วนใหญ่จึงมักจะตั้งเป้าหมายระยะสั้นมากกว่า เพื่อไม่กดดันตัวเองมากจนเกินไป เราจะพยายามตั้งเป้าหมายที่เป็นจริง แล้วทำทีละขั้น เขยิบสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งผมว่าการทำแบบนี้สนุกกว่าที่จะตั้งเป้าหมายระยะยาว แล้วกดดันให้ตัวเองไม่มีความสุขถ้าถามว่าตอนนี้ประสบความสำเร็จหรือยัง ก็น่าจะในระดับหนึ่งแล้วครับ แต่ก็อย่างที่บอกว่าเราเองก็ตั้งเป้าหมายขยับขึ้นไปเรื่อยๆ จากแต่เดิมที่ขายในประเทศไทยอย่างเดียวในปีแรกที่เปิดตัว เมื่อได้รับการตอบรับที่ดี ปีถัดมาผมจึงเริ่มทำอีคอมเมิร์ซ ซึ่งแม้เมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว ประเทศไทยจะไม่ได้ใช้จ่ายผ่านตรงนี้นัก แต่เราก็เห็นว่ามันเป็นโอกาสที่จะทำให้สินค้าของเราขายได้ทั่วโลก จึงตัดสินใจทำขึ้นมา ทำให้ตอนนี้ขยับไปขายที่เมืองนอกได้แล้ว มีจำหน่ายที่เกาหลีและนิวยอร์กคือเหมือนกับว่าเราก็ค่อยๆ สนุกกับมัน สนุกในสิ่งที่ทำ ก็เลยไม่ได้รู้สึกว่าประสบความสำเร็จอะไร ทุกวันนี้ก็ทำอะไรใหม่ๆ ออกมาเรื่อยๆ ครับ อย่างในปี 2019 ผมมีเป้าหมายว่าอยากจะให้มีร้านมัลติสโตร์ที่ฝั่งยุโรปซื้อสินค้าของเราไป เพราะว่ามีลูกค้าทางฝั่งอเมริกาแล้ว แต่ยังไม่มีจากทางยุโรป ซึ่งตอนนี้เสื้อผ้าคอลเล็กชันใหม่ Spring/Summer 2020 ก็อยู่ที่โชว์รูมที่ฝรั่งเศสอยู่ ก็กำลังลุ้นอยู่ว่าจะทำได้หรือเปล่า แต่ก็คิดไว้ว่าเราน่าจะต้องทำการตลาดต่างประเทศให้มากกว่าเดิมเมื่อถามถึงตัวช่วยในชีวิตและการทำงานที่ทำให้ไปถึงจุดหมายได้ คุณแชมป์บอกว่า ในฐานะที่เขาเป็นทั้งเจ้าของแบรนด์และครีเอทีฟไดเรกเตอร์ การใช้คอมพิวเตอร์แล็ปท็อปช่วยได้มาก จากแต่เดิมที่เป็นคนโลว์เทคโนโลยีมาโดยตลอด แต่หลังจากที่เปิดใจยอมรับและทดลองสิ่งใหม่ๆ ก็พบว่า ช่วยให้ชีวิตและการทำงานของเขาสะดวกขึ้นอย่างมากเริ่มแรกเลย ผมเป็นคนใช้คอมพิวเตอร์ไม่ค่อยเก่ง เราเป็นคนโลว์เทคฯ มาก ตั้งแต่สมัยเรียนเป็นคนที่ใช้สมุดจด พอมาทำงานดีไซน์ก็ใช้สมุดกับดินสอ โดยไม่ใช้คอมพิวเตอร์เลย ช่วงแรกที่ทำแบรนด์ก็ยังทำแบบนี้อยู่ แต่เมื่อเราต้องทำงานร่วมกับคนอื่น ก็ทำอย่างนั้นอย่างเดียวไม่ค่อยได้แล้ว เมื่อมีผู้ช่วยจึงเริ่มให้เขาเอาดีไซน์ที่ผมทำไว้ไปทำต่อในคอมพิวเตอร์ ก็พบว่าช่วยให้การทำงานของเราสะดวกขึ้นมาก ในที่สุดจึงตัดสินใจว่า เราต้องเรียนรู้การใช้งานคอมพิวเตอร์อย่างจริงจังแล้วยิ่งได้รู้จัก Acer Spin 5 ก็พบว่า มันไม่ต่างอะไรจากสมุดที่ผมเคยใช้เลยครับ เพราะใช้งานง่ายมาก ช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับเราได้อย่างมากมาย ด้วยเพราะมี Acer Active Stylus ที่ช่วยให้จดไอเดียดีไซน์ได้สะดวกขึ้น ซึ่งมันก็เหมือนกับการใช้สมุดที่เราเคยใช้นั่นแหละ คือผมสามารถเขียนหรือวาดอะไรลงไปได้ลื่นพอๆ กันอีกอย่างถึงเวลาวาดงานก็ไม่ต้องใช้เวลาลบร่างดินสอเหมือนกับที่เราวาดในสมุด และเราก็สามารถเซฟเก็บไว้ได้อีกหลายดราฟต์ แล้วนำไปเพิ่มเติมรายละเอียด ทำเพิ่มเป็นหลายๆ แบบ ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกในการทำงานได้เป็นอย่างมากฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ก็ไม่ได้ซับซ้อน ขนาดที่คนโลว์เทคโนโลยีอย่างผมยังใช้งานได้สะดวก แถมยังมีเป็นไฟล์ให้เราเก็บไว้ได้โดยไม่ต้องพกสมุดเยอะๆ นอกจากนี้ฟังก์ชันหน้าจอพับของ Acer Spin 5 ยังสะดวกมาก เพราะสามารถพับตั้งเป็นจอเวลาประชุมพรีเซนต์งานกับทีมงานหรือลูกค้าได้อีกด้วยครับ เลยรู้สึกว่าเทคโนโลยีตรงนี้น่าจะสามารถเข้ามาช่วยตอบโจทย์คนที่ทำงานในลักษณะคล้ายๆ กับผมได้เป็นอย่างดีสร้างแบรนด์สนีกเกอร์ของคนไทยชนิกานต์ กาญจน์ก่อกุล เจ้าของแบรนด์รองเท้า Mustard SneakersMustard Sneakers คือแบรนด์สนีกเกอร์ที่เปิดตัวขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว โดยเริ่มแรกนั้นเป็นเพียงธุรกิจเล็กๆ ที่จำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น หากด้วยดีไซน์ที่สวยแบบมินิมัล และทางแบรนด์ให้ความสำคัญกับวิชวลเอามากๆ จึงได้รับความสนใจ ยิ่งเมื่อลูกค้าได้ลองสวมจริงก็พบว่าใส่สบาย ด้วยคุณภาพและดีไซน์ที่เรียบง่าย ทว่าสวยงาม ยิ่งทำให้หลายคนรู้สึกประหลาดใจเมื่อพบว่า Mustard Sneakers เป็นแบรนด์ของคนไทยซึ่งนั่นก็ทำให้คนไทยอย่างเรารู้สึกภูมิใจมากว่า เราเองก็มีแบรนด์สนีกเกอร์ดีๆ กับเขาเหมือนกัน และนี่เองที่เป็นความฝันของ นิด้า-ชนิกานต์ กาญจน์ก่อกุล เธอเล่าถึงเรื่องราวการก่อร่างสร้างฝันให้เราฟังว่าการทำแบรนด์ Mustard Sneakers เริ่มจากตัวนิด้าเอง ซึ่งเป็นคนชอบใส่รองเท้าสนีกเกอร์อยู่แล้ว เราเป็นผู้หญิงที่มีไลฟ์สไตล์ค่อนข้างลุย ไม่ชอบใส่รองเท้าส้นสูงเหมือนผู้หญิงทั่วไปสักเท่าไร ตอนที่ตั้งใจจะทำแบรนด์นี้ขึ้นมา นอกจากความชอบแล้วก็เป็นเพราะเราเห็นช่องว่างในตลาดของเมืองไทย ซึ่งยังไม่ค่อยมีสนีกเกอร์ดีๆ ที่เป็นแบรนด์ของคนไทยสักเท่าไร ถ้าเป็นแบรนด์ต่างประเทศที่สวยๆ ก็จะมีราคาแพงไปเลย แต่ถ้าราคาย่อมเยาลงมาหน่อย ก็จะใส่ไม่สบายเท้า เราก็เลยอยากจะทำรองเท้าผ้าใบแบรนด์ของไทยที่ทั้งใส่สบาย ดีไซน์สวย และราคาก็จับต้องได้ด้วยในยุคที่การตลาดต้องพึ่งพาโซเชียลมีเดีย Mustard Sneakers เองก็เช่นกัน ที่เมื่อแรกเปิดตัวขึ้นมาก็เน้นขายผ่านทางออนไลน์ก่อนเป็นหลัก แต่เพื่อให้เกิดความแตกต่างโดดเด่นขึ้นมาจากแบรนด์ออนไลน์อื่นๆ ที่มีอยู่เกลื่อนตลาด สิ่งที่นิด้าโฟกัสและให้ความสำคัญอย่างยิ่ง จึงอยู่ที่การทำแบรนดิ้งด้วยวิชวลที่ลงในอินสตาแกรมและเฟซบุ๊ก ซึ่งเมื่อลูกค้าเห็นรูปที่สวยเตะตา ก็ย่อมจะให้ความรู้สึกสนใจเป็นธรรมดานิด้าค่อนข้างจะจริงจังและเรื่องมากกับเรื่องวิชวล จึงลงมือดูแลคุมเองทั้งหมดเลย กว่าจะลงรูป แต่ละโพสต์เราผ่านการคิดและทดลองมาค่อนข้างเยอะ แต่ก็ให้ผลที่คุ้มค่า เพราะมีลูกค้าที่ทดลองซื้อไปใช้แล้วบอกว่า เพราะภาพของเราสวย เมื่อใส่สบายถูกใจจึงเกิดการซื้อซ้ำ3 ปีผ่านไป นับแต่เริ่มต้นเปิดตัวแบรนด์ Mustard Sneakers เติบโตไปอย่างไรบ้าง ในปีแรกเราเริ่มต้นขายทางไลน์ อินสตาแกรม และเฟซบุ๊ก เหมือนกับที่แบรนด์ออนไลน์ทั่วๆ ไปเขาทำกัน พอปีถัดมาก็มีการฝากขายกันในช่องทางต่างๆ จนมาปีนี้ ล่าสุดเราเพิ่งเปิดหน้าร้านช็อปแรกของแบรนด์ที่สยามในโครงการลิโด้ใหม่ ก็พัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ จากการเป็นแค่แบรนด์ที่ขายอยู่แค่ออนไลน์ นอกจากนี้ก็ยังมีการทำเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ซึ่งก่อนหน้าที่จะทำช่องทางจำหน่ายนี้ นิด้าก็ได้ลองคุยกับหลายๆ คน ซึ่งตอนนั้นเขาก็บอกกันว่า คนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยใช้เว็บไซต์กันนะ แน่ใจแล้วเหรอที่จะลงทุนกับตรงนี้แต่เรามองว่า ไม่อยากจะเป็นแค่แบรนด์ที่ขายเฉพาะในประเทศไทย ในอนาคตเราก็อยากจะเป็นแบรนด์ที่ขายต่างประเทศได้ด้วย จึงตัดสินใจทำเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ แม้ตอนนี้เราจะไม่รับสั่งซื้อผ่านช่องทางอื่นแล้ว ลูกค้าสามารถสั่งซื้อผ่านทางเว็บไซต์ได้อย่างเดียว แต่ก็ไม่ได้เจอปัญหาอะไรเยอะอย่างที่คนอื่นเขาพูดกันนะคะ อาจจะเป็นเพราะว่าเราคิดออกมาอย่างดี ลูกค้าส่วนใหญ่เขาก็จะบอกว่าเว็บเราใช้งานง่าย ไม่ได้ติดอะไรดูเหมือนว่า 3 ปีที่ผ่านมา แบรนด์ Mustard Sneakers จะประสบความสำเร็จและเติบโตขึ้นพอสมควร เมื่อถามถึงเป้าหมายของอนาคตในลำดับต่อไป ว่าอยากจะไปให้ถึงไหน นิด้าตอบว่าถ้าเป็นเป้าหมายระยะสั้น เราก็อยากจะให้คนไทยรู้จักแบรนด์ของเรามากขึ้นในกลุ่มที่กว้างขึ้น เวลาเขาอยากจะได้รองเท้าสนีกเกอร์ ก็อยากจะให้นึกถึงแบรนด์ของเรา ส่วนเป้าหมายในอนาคตระยะยาว ก็อยากจะทำการตลาดเพื่อให้สามารถขายในต่างประเทศได้ด้วย ประเทศที่มองไว้ก็จะเป็นใกล้ๆ แถบเอเชียก่อน โดยเฉพาะในญี่ปุ่น แล้วก็อยากจะขยายไปออสเตรเลียและยุโรป ซึ่งเรามองว่าน่าจะเป็นไปได้ เพราะสนีกเกอร์เป็นรองเท้าที่คนใส่ในชีวิตประจำวันกันอยู่แล้วด้วยดีไซน์และคุณภาพของ Mustard Sneakers อีกทั้งความเอาจริงเอาจังที่เห็นในแววตาของนิด้า เราเชื่อว่า เธอน่าจะประสบความสำเร็จขึ้นอีกขั้นตามที่หวังเอาไว้ได้ไม่ยาก ว่าแต่ว่าเจ้าของแบรนด์สนีกเกอร์สาวสวยคนนี้จะมีตัวช่วยอะไรที่ทำให้เธอเดินไปถึงเป้าหมายที่ตั้งใจเอาไว้หรือเปล่าโดยส่วนตัว นิด้าใช้คอมพิวเตอร์ทุกวันอยู่แล้ว และพกพาไปด้วยทุกที่ เพราะเรามีงานที่จะต้องทำตลอดเวลา ปัญหาที่มักจะเจอเลยก็คือ เราเป็นคนของเยอะ เพราะต้องออกกำลังกายเป็นประจำด้วย ก็เลยจะมีทั้งกระเป๋าทำงานและกระเป๋าออกกำลังกาย พอได้มาลองใช้ Acer Swift 5 รุ่นนี้ อย่างแรกสุดที่รู้สึกได้เลยก็คือ แม้ว่าจอจะใหญ่ กว้างถึง 15.6 นิ้ว แต่น้ำหนักเบามากๆ ไม่ถึง 1 กิโลกรัม ซึ่งทำให้สะดวกมากเวลาที่จะพกพาไปไหนต่อไหนอีกอย่างที่ตอบโจทย์ของนิด้ามากคือ หน้าจอกว้าง เวลาที่ทำงานดีไซน์ จึงช่วยให้เห็นรายละเอียดงานได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้เวลาต้องไปประชุมงานด้วยดีไซน์ที่ดูเรียบ สวย ดูดี ก็เหมาะที่จะพกไปพรีเซนต์งาน การเชื่อมต่อ Wi-Fi ก็รวดเร็ว มันช่วยได้เยอะ เพราะนิด้าเป็นคนไม่ชอบทำงานที่ออฟฟิศ เราชอบเปลี่ยนที่ทำงานไปเรื่อยๆ เพื่อให้ได้เห็นโน่นเห็นนี่ที่จะเป็นแรงบันดาลใจ ดังนั้นไม่ว่าจะไปที่ไหน การเชื่อมต่อกับ Wi-Fi ได้อย่างเสถียรจึงสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้เราทำงานได้สะดวกขึ้นความฝันในการเป็น Lifestyle Blogger และก่อร่างธุรกิจพรรษมน พิริยะเมธา เจ้าของเพจ PATSAMON eat well travel with style และเจ้าของธุรกิจ Prestige Limousineหลังจากที่ช่วยดูแลงานธุรกิจของครอบครัวมาเป็นระยะเวลานานถึง 10 ปี แต่บทใหม่แห่งความท้าทายของชีวิตก็มาถึง เมื่อลักชัวรีไลฟ์สไตล์บล็อกเกอร์สาวชื่อดังที่มีผู้ติดตามหลายหมื่นคนคนอย่าง พัด-พรรษมน พิริยะเมธา ตัดสินใจรีเฟรชชีวิตให้ตัวเอง ด้วยการก้าวออกมาเปิดกิจการของตนเองเมื่อก่อนพัดช่วยดูแลงานธุรกิจของครอบครัว นั่นคือการให้บริการรถลีมูซีนหรือบริการรถเช่าพร้อมคนขับ ซึ่งส่วนมากลูกค้าก็จะใช้สำหรับ Airport Transfer รับส่งสนามบิน แต่ว่าจริงๆ แล้วก็มีบริการอื่นๆ ด้วยคือ Airport Welcome Service คือการให้คนเข้าไปต้อนรับและอำนวยความสะดวกในสนามบิน ซึ่งธุรกิจนี้เป็นธุรกิจของครอบครัว ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ก่อตั้งบริษัทนี้มา 20 ปีแล้ว แต่ตัวพัดเองเข้ามาทำงานที่นี่ได้ 10 ปีแล้วค่ะ และเมื่อไม่นานมานี้ พัดเองก็เพิ่งขอแยกออกมาเปิดบริษัทของตัวเอง ซึ่งเป็นธุรกิจในลักษณะเดียวกัน แต่เราก็จะจับลูกค้ากันคนละกลุ่ม โดยใช้ชื่อว่า Prestige Limousine ถือว่าเป็นความท้าทายบทใหม่ของชีวิตพัดเลยก็ว่าได้คุณพัดเล่าว่า จากเมื่อก่อนที่ช่วยดำเนินการธุรกิจของครอบครัว ซึ่งผู้ใหญ่เริ่มทำมาดี ตัวเธอเองแค่มาช่วยพัฒนางานสานต่อ และช่วยดูแลงานแค่บางส่วน แต่เมื่อมาทำบริษัทเอง ก็ต้องดูแลรับผิดชอบงานในทุกส่วน จากเรื่องที่เคยไม่รู้ ก็จะต้องรู้ อย่างเรื่องบัญชีและตัวเลขที่เธอไม่เคยสนใจ ก็ต้องมาให้ความใส่ใจ แต่นั่นก็ถือเป็นความท้าทายและสนุกที่จะได้เรียนรู้และเติบโตจากแต่ก่อนที่ช่วยงานในบริษัทของคุณพ่อคุณแม่ คราวนี้เราต้องรับผิดชอบชีวิตพนักงานของบริษัทที่เราสร้างขึ้นมาเองกับมือ ให้สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้อย่างมั่นคงและดูแลทุกคนในบริษัทได้ นี่ถือว่าเป็นเป้าหมายของพัดในตอนนี้เลยค่ะการเริ่มต้นธุรกิจใหม่นั้นไม่ง่าย แม้จะมีพื้นฐานจากการทำธุรกิจของครอบครัวมาบ้าง แต่ระยะไม่นานที่เปิดบริษัทมา คุณพัดก็พบว่า มีหลายสิ่งที่เธอยังต้องเรียนรู้ แต่เมื่อหญิงสาวคนนี้ตั้งใจจริง ตั้งเป้าหมายเอาไว้แล้ว ก็ต้องทำให้สำเร็จ เช่นเดียวกับบทบาทของการเป็นไลฟ์สไตล์บล็อกเกอร์ ซึ่งเธอเริ่มต้นขึ้นมาเมื่อ 3 ปีที่แล้ว และหากคุณเป็นแฟนที่คอยติดตามเพจของเธอ ก็น่าจะรู้ดีว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นคนจริงเอาจังในการทำบล็อกมาก พิสูจน์ได้จากภาพงามๆ และคอนเทนต์คุณภาพที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งจากผู้ติดตาม แบรนด์สินค้า และการบริการที่คอยให้การสนับสนุนในส่วนของการเป็นบล็อกเกอร์ไลฟ์สไตล์ ก็มาจากการที่พัดเป็นคนชอบท่องเที่ยวอยู่แล้ว เวลาไปเที่ยวเราก็จะชอบวางแผนเป็นอย่างดี ว่าเมื่อไปที่ไหนจะแต่งตัวอย่างไรให้เข้ากับบรรยากาศ เพื่อที่จะได้ถ่ายรูปออกมาสวย และเราก็จริงจังกับเรื่องที่พักและอาหารการกินเอามากๆ ด้วย เวลาไปเที่ยวแล้วลงรูป ก็เลยมักจะมีคนมาถามว่าพักที่ไหน กินที่ไหนดี เลยคิดว่าคงจะดีถ้าเราทำบล็อกขึ้นมา แล้วเขียนเล่าเรื่องราวการเดินทาง เพื่อเวลาที่ใครถามก็จะได้ส่งลิงก์ให้เขา จะได้ไม่ต้องพิมพ์ใหม่ เราเองก็เป็นคนที่ชอบบอกต่อคนอื่นๆ อยู่แล้วก็รู้สึกว่ามีคนที่สนใจในแนวเดียวกับเราอยู่ไม่น้อย ซึ่งตอนนั้นบล็อกเดินทางท่องเที่ยวส่วนใหญ่เขาจะทำกันในสไตล์ท่องเที่ยวให้อยู่ในงบและเน้นคุ้มค่ามากกว่า แต่ไม่ค่อยจะมีแนวที่เราชอบคือสบายๆ ไม่เร่งรีบทานอาหารดีๆ ที่พักสวยๆ เลย จึงคิดว่าเราน่าจะลองทำออกมา ก็เลยเปิดเพจทำบล็อก เพราะเป็นช่องทางที่เราจะได้บอกต่อสื่อสารกับคนอื่นๆ แต่ก็ทำด้วยความตั้งใจอย่างมากพอมาในระยะหลัง พัดก็เริ่มคิดว่าเราน่าจะเพิ่มคอนเทนต์อื่นๆ ที่เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์มากขึ้น เช่น บิวตี้ สปา และแฟชั่น ที่ตอบโจทย์ความต้องการในเรื่องไลฟ์สไตล์ให้มากขึ้นด้วย ทำให้เราสามารถขยายกลุ่มแฟนๆจนช่วงหลังก็มีแบรนด์ที่สนใจให้การสนับสนุนเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งเอาเข้าจริงๆ เพจของพัดถ้าเทียบกับบล็อกเกอร์คนอื่นๆ ก็ถือว่าไม่ได้มีคนตามมากมายขนาดนั้น แต่ค่อนข้างจะเป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม คือเราตั้งใจจะมาทางลักชัวรีไลฟ์สไตล์ก็โพสิชันนิ่งตัวเองให้ชัดเจนว่า เราจะมาแนวนี้เท่านั้น ซึ่งในตลาดบล็อกเกอร์ยังไม่ค่อยมีใครทำ ดังนั้นลูกค้าที่มองหาแนวนี้เขาก็นึกถึงเรา ถ้าถามว่าตอนนี้ประสบความสำเร็จในส่วนนี้หรือยัง ก็ยังไม่ถึงขนาดนั้น แต่ก็ถือว่าเกินความคาดหมายที่เราคาดเอาไว้สำหรับเรื่องการบาลานซ์จัดสรรเวลาในฐานะบล็อกเกอร์และเจ้าของธุรกิจที่ต้องดูแลกิจการนั้น คุณพัดมักจะใช้ช่วงเวลาทำงานในการดูแลธุรกิจ ส่วนตอนเย็นหลังเลิกงานก็เป็นเวลาของการทำบล็อก แน่นอนว่าคนรุ่นใหม่อย่างเธอเองก็มีผู้ช่วยที่มีประสิทธิภาพในการทำงานหลายๆ อย่าง ซึ่งเข้ากับไลฟ์สไตล์ของตัวเองการใช้คอมพิวเตอร์แล็ปท็อปมีส่วนช่วยมากๆ ทั้งเรื่องของการดูแลธุรกิจและการเป็นบล็อกเกอร์ อย่างส่วนที่เป็นธุรกิจรถลีมูซีน พัดก็มักจะต้องพรีเซนต์งาน ดูยอดขาย ซึ่งเวลาในช่วงกลางวัน เราก็จะใช้งานในส่วนนี้ ส่วนตอนเย็นหลังเลิกงานและเวลาว่างก็เป็นเวลาของการทำบล็อก สิ่งที่พัดชอบเกี่ยวกับ Acer Swift 5 ก็อย่างที่รู้ว่าพัดเป็นคนชอบแต่งตัว แล้วก็ชอบอะไรที่ดีไซน์สวย ดังนั้นเวลาจะเลือกซื้อของ ก็อยากจะได้อะไรที่มันสวยและเข้ากับบุคลิกของเรา จึงชอบ Acer Swift 5 มาก เพราะดีไซน์ออกมาได้สวยมากอีกอย่างหนึ่งก็เพราะว่ามันบางและเบามาก น้ำหนักไม่ถึง 1 กิโลกรัม ทำให้พกพาสะดวก และแบตเตอรี่ก็สามารถอยู่ได้นานถึง 10 ชั่วโมง เราเป็นผู้หญิงแล้วถือกระเป๋าถือใบเล็กๆ ก็ไม่อยากจะยัดสายชาร์จอะไรเข้าไปด้วย ก็อยากจะเดินไปสวยๆ ซึ่งตรงนี้พัดมองว่ามันตอบโจทย์ผู้หญิงส่วนใหญ่ได้ดีมากๆ โดยเฉพาะผู้หญิงที่ชอบแต่งตัว ชอบเดินทาง สามารถนำไปใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน เช่น ไปพบลูกค้า หรือเราอยากจะออกจากออฟฟิศไปนั่งทำงานเบาๆ ที่ร้านกาแฟ ก็ไม่ต้องพกสายชาร์จไป เพราะอยู่ได้นานถึง 10 ชั่วโมง อยู่แล้วไม่ต้องกังวลเรื่องแบตฯ จะหมดเลย เป็นอะไรที่ตอบโจทย์ได้ดีมากๆนอกจากนี้ในส่วนของการใช้งานในฐานะบล็อกเกอร์ ซึ่งมักจะใช้โปรแกรมแต่งรูปบ่อย อุปกรณ์ตัวนี้ก็รองรับในการทำงานด้านนี้ของพัด คือการที่เราจะเปิดใช้งานโปรแกรมหลายๆ อย่าง มันก็จะยิ่งดึงให้ทำงานได้ช้า โดยเฉพาะโปรแกรมรูปอย่าง Photoshop หรือ Lightroom แต่ Acer Swift 5 ก็สามารถที่จะรองรับตรงนี้ได้ ทำภาพและอัปบล็อกได้อย่างสะดวกรวดเร็ว แถมยังมีฟังก์ชัน Touch Screen ที่ช่วยให้ใช้งานง่ายขึ้นอีกAcer Swift 5 เป็นแล็ปท็อปที่สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวกทุกที่ ถ้าลูกค้าอยากจะให้จะแก้งานตอนไหน พัดก็ทำได้เลย และการที่สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วโดยไม่สะดุด ก็ทำให้ประหยัดเวลา ซึ่งเวลาของคนเราทุกวันนี้มีค่ามากนะคะ การที่เราไม่ต้องมานั่งเสียอารมณ์กับเรื่องพวกนี้ ว่าทำไมคอมพิวเตอร์ถึงทำงานช้า ก็ยังช่วยทำให้เราอารมณ์ดีและสนุกกับการทำงานได้มากขึ้น แถมยังทำให้เราทำงานได้อย่างราบรื่นไปถึงฝันได้อย่างมั่นใจขึ้นค่ะเมื่อรู้จักตั้งเป้าหมายและวางแผนการเดินทาง เพื่อที่จะไปให้ถึงความสำเร็จ ก็ต้องรู้จักที่จะเลือกอุปกรณ์ที่ช่วย Make Your Mark ให้เราไปถึงจุดหมายที่ตั้งใจได้อย่างราบรื่นและมั่นใจขึ้น ดังเช่นคนรุ่นใหม่นักสร้างสรรค์ของเราทั้ง 3 คนนี้ ซึ่งเลือกใช้แล็ปท็อปคู่ใจของ Acerพิสูจน์อักษร: | 3 นักสร้างสรรค์คนรุ่นใหม่ที่ THE STANDARD ได้มีโอกาสพูดคุยด้วย กับเรื่องราวแห่งแรงบันดาลใจและความสำเร็จ พวกเขามีวิธี Make Your Mark ตั้งเป้าหมายและวางแผนเดินทาง เพื่อไปให้ถึงความฝันและความสำเร็จได้อย่างไรฐกร วรรณวงษ์ ครีเอทีฟไดเรกเตอร์แบรนด์ TAKARAWONG กับเป้าหมายการสร้างแบรนด์แฟชั่น ชนิกานต์ กาญจน์ก่อกุล เจ้าของแบรนด์รองเท้า Mustard Sneakers กับการสร้างแบรนด์สนีกเกอร์ของคนไทยที่ได้รับการยอมรับและกำลังมาแรง พรรษมน พิริยะเมธา เจ้าของเพจ PATSAMON eat well travel with style กับความฝันในการเป็นไลฟ์สไตล์บล็อกเกอร์ และบทบาทใหม่เมื่อเธอกำลังก่อร่างธุรกิจให้บริการรถลีมูซีน | null | null | https://thestandard.co/acer-swift-5/ |
กาฬสินธุ์ฝนตกทำน้ำป่าทะลัก พัดถนนเสียหาย จิตอาสาไปช่วยซ่อมชั่วคราว | เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2562 ผลกระทบจากฝนที่ตกหนักติดต่อกันเข้าสู่วันที่ 4 ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ทำให้เกิดน้ำป่าจากดงระแนงไหลหลาก และกัดเซาะถนนลาดยางเชื่อมระหว่าง 3 ตำบล คือ ต.บัวบาน ต.เขาพระนอน และ ต.นาเชือก ได้รับความเสียหาย ความแรงของน้ำป่าได้ไหลกัดเซาะขอบถนนและผิวถนนจนขาดแหว่งเป็นหลุมเป็นบ่อ ระยะทางยาวกว่า 300 เมตร โดยเฉพาะมีจุดหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กับคอสะพานข้ามคลองส่งน้ำชลประทานลำปาวเข้าหมู่บ้าน ที่ผิวถนนถูกตัดขาดความยาวประมาณ 20 เมตร รถใหญ่ไม่สามารถข้ามผ่านได้ ในขณะที่รถจักรยานยนต์ต้องค่อยๆ ขี่ข้าม และบางคนต้องเข็นข้ามด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากถนนชำรุดเป็นหลุมขนาดใหญ่ ทำให้ผู้สัญจร ชาวบ้าน นักเรียน ที่ใช้เส้นทางดังกล่าวเป็นประจำได้รับความเดือดร้อน,ทั้งนี้นายสุพรรณ ภูบุญเติม นายกเทศมนตรีตำบลบัวบาน นายเกรียงไกร โม้แพง กำนันตำบลบัวบาน พร้อมด้วย นางละมุล ภักดีนอก ผู้ใหญ่บ้านบ้านตูม หมู่ 4 และนายสเตสฉัน ภูนาสูง ผู้ใหญ่บ้านบ้านตูม หมู่ 19 ได้เข้าสำรวจความเสียหายแจ้งปัญหาและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาระยะยาว เนื่องจากเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำซากมานานกว่า 4 ปีแล้ว โดยล่าสุดนายผดุงศักดิ์ อิ่มเอิบ นายอำเภอยางตลาด พร้อมผู้นำชุมชนได้นำจิตอาสาเราทำความดีด้วยหัวใจกว่า 100 คน ร่วมบรรจุกระสอบทรายเพื่อซ่อมแซมผิวถนนให้การจราจรผ่านไปมาได้ ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาในเบื้องต้น,นายสเตสฉัน ภูนาสูง ผู้ใหญ่บ้านบ้านตูม หมู่ 19 กล่าวว่า ปัญหาถนนเข้าสู่หมู่บ้านตูม 2 หมู่บ้าน ที่เชื่อมระหว่าง 3 ตำบล คือ ต.บัวบาน ต.เขาพระนอน และ ต.นาเชือก ที่สามารถเชื่อมต่อไปยัง อ.ห้วยเม็ก และเขื่อนลำปาว ที่ได้รับความเสียหายดังกล่าว เกิดจากน้ำป่าที่ไหลลงมาจากดงระแนง ซึ่งปัญหาเริ่มรุนแรงมาตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งเป็นผลมาจากการบุกรุกพื้นที่ป่า และเข้าไปทำกินของประชาชนในเขต ต.เขาพระนอน ทำให้พื้นที่ป่าดงระแนงซึ่งเดิมมีพื้นที่ประมาณ 1 หมื่นกว่าไร่ทรุดโทรม ไม่มีต้นไม้คอยดูดซับน้ำ เมื่อมีฝนตกลงมาทำให้เกิดกระแสน้ำป่าไหลหลากลงมากัดเซาะถนนได้รับความเสียหายดังกล่าว,ด้านนายผดุงศักดิ์ อิ่มเอิบ นายอำเภอยางตลาด กล่าวว่า ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาติดต่อกันหลายวัน ได้ส่งผลกระทบให้เกิดน้ำป่าจากดงระแนงไหลลงมายังพื้นที่ลาดต่ำ ความแรงของน้ำป่าได้กัดเซาะถนนได้รับความเสียหาย เบื้องต้นได้นำผู้นำชุมชนพร้อมจิตอาสาเราทำความดีด้วยหัวใจ ร่วมกันบรรจุกระสอบทรายเพื่อซ่อมแซมผิวถนนบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่ใช้ถนนสายนี้เป็นเส้นทางสัญจร ขณะที่การแก้ไขปัญหาในระยะยาวนั้น ทราบว่าทางเทศบาลตำบลบัวบานจะได้ใช้งบประมาณจ่ายขาดเงินสะสมจำนวน 3,700,000 ล้านบาท ในการก่อสร้างถนนใหม่ ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการช่วงหมดฤดูฝน และในส่วนของการแก้ไขปัญหาต้นน้ำที่ทำให้เกิดน้ำป่า จะได้ร่วมกับทุกภาคส่วนดำเนินการปลูกต้นไม้ เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าดงระแนงให้กลับมามีความสมบูรณ์ต่อไป,อย่างไรก็ตาม จากอิทธิพลฝนที่ตกลงมาตลอดสัปดาห์ ที่ทำให้มีมวลน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเขื่อนลำปาว ล่าสุด 52 ล้าน ลบ.ม. ทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนเพิ่มขึ้นจากเดิมมาอยู่ที่ 565 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 28.54% จากความจุระดับกักเก็บ 1,980 ล้าน ลบ.ม. คาดว่าถ้ายังมีฝนตกต่อเนื่องจะมีน้ำเติมเข้าอ่างเพิ่มขึ้นอีกเพื่อกักเก็บไว้อุปโภค บริโภคในช่วงหน้าแล้ง. | ฝนที่ตกหนัก 4 วันติดที่กาฬสินธุ์ ทำให้น้ำป่าจากดงระแนงไหลหลาก และกัดเซาะถนนลาดยางเชื่อมระหว่าง ต.บัวบาน ต.เขาพระนอน และ ต.นาเชือก ทำให้ถนนเสียหายและถูกตัดขาด ด้านจิตอาสาช่วยซ่อมถนนชั่วคราว | ข่าว,ทั่วไทย | ฝนตก,กาฬสินธุ์,น้ำป่า,ถนนขาด,อ.ยางตลาด,เขื่อนลำปาว,น้ำท่วม,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/1646433 |
กลุ่มค้าน-หนุนขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทเข้าพบรมว.แรงงาน | วันที่ 1 มกราคม 2556 จะมีการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 300 บาทใน 70 จังหวัดที่เหลือ ซึ่งส่งผลให้มีทั้งกลุ่มที่เห็นด้วยและคัดค้านการขึ้นค่าจ้างดังกล่าว โดยฝ่ายผู้ประกอบการ ไม่เห็นด้วยกับการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ โดยเสนอให้เลื่อนการปรับขึ้นค่าจ้างไปอีก 2 ปี คือให้ปรับขึ้นในปี 2558 เพื่อให้ผู้ประกอบการได้ปรับตัว แม้ว่ากระทรวงแรงงานจะออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอี ซึ่งคาดว่าจะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าจ้าง จำนวน 27 ข้อขณะที่ผ่ายที่สนับสนุนเห็นว่า การปรับขึ้นค่าจ้างจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ใช้แรงงานที่ถูกกดขี่ค่าแรงอย่างไม่เป็นธรรมและไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพ ซึ่งการขึ้นค่าจ้างจะทำให้ผู้ใช้แรงงานมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นโดยนายมนัส โกศล ประธานสภาองค์การลูกจ้างพัฒนาแรงงานแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย ยื่นหนังสือให้กับนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงงาน เพื่อให้ยืนยันนโยบายการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทในต้นปีหน้า (2556)ด้านนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า หลังรัฐบาลประกาศขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300บาท ใน 7 จังหวัดนำร่องในวันที่ 1 เมษายน 2555 ได้ศึกษาผลกระทบกับทุกฝ่ายมาโดยตลอด พร้อมยืนยันจะคงนโยบายเดิมและจะให้ความเป็นกับทุกฝ่ายขณะที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ เตรียมยื่นหนังสือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน โดยขอให้เลื่อนการปรับขึ้นค่าจ้างไปอีก 2 ปี คือ 2558 รวมทั้งเห็นว่ามาตรการช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอี 27 ข้อยังไม่มีรัดกุมเพียงพอ | เหลือเวลาไม่ถึง 2 เดือนการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 300 บาทในอีก 70 จังหวัด ก็จะมีผลบังคับใช้ ซึ่งนโยบายดังกล่าวมีทั้งกลุ่มที่เห็นด้วยกับกลุ่มที่คัดค้าน โดยในวันนี้ทั้ง 2 กลุ่มได้ไปยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน | เศรษฐกิจ | ค่าแรง,เผดิมชัย,เอสเอ็มอี,แรงงาน | https://news.thaipbs.or.th/content/123466 |
ถ้าต้องการ ปฏิรูปประเทศ จริง ต้องไม่ บีบบังคับ | การเสนอ ปฏิรูปประเทศ แบบที่ทำกันอยู่นี้ไม่มี ความชอบธรรม เพราะ1. ไม่มีพิมพ์เขียวที่ชัดเจน มีเพียงข้อเสนอที่ไม่แน่ชัดว่าเป็นเอกภาพหรือไม่ ระหว่าง ปชป.และ พธม.เดิม ที่ว่าให้ รบ.ยิ่งลักษณ์ยุบสภา แล้วถวายคืนพระราชอำนาจ งดการเลือกตั้งสัก 2-3 ปี มีนายกพระราชทานและจัดการให้ประชาชนปฏิรูปประเทศ แต่ก็มีข้อเสนออีก เช่นว่า ล้างระบอบทักษิณ ให้ตระกูลชินวัตรออกไปจากการเมือง หรือนอกประเทศทั้งหมด ต้องปกครองด้วย ระบอบกษัตริย์สมบูรณ์แบบ จึงไม่รู้ว่าจะเอาอย่างไรกันแน่2. ใช้วิธีบีบบังคับให้เสียงข้างมากยอมรับ ด้วยการก่อม็อบยึดสถานที่ราชการ3. กลุ่มที่เสนอเป็น เสียงข้างน้อยกลุ่มเดิม ที่อ้างสถาบันกษัตริย์ต่อสู้ทางการเมือง แพ้การเลือกตั้ง เรียกร้องให้ทหารทำ รปห. และเรียกร้องให้เสียงข้างมากยอมรับนิติรัฐ นิติธรรม และองค์กรที่มาจาก รปห.ทางออกที่ควรจะเป็น ต้องเสนอแนวทางปฏิรูปประเทศเป็น พิมพ์เขียว ให้ประชาชนลงประชามติ อาจจะมีมากกว่า 1 พิมพ์เขียว เช่นกลุ่มเสียงข้างน้อย (พธม. ปชป. และ ฯลฯ) เสนอไปเลยว่าจะถวายคืนพระราชอำนาจ ขอนายกพระราชทาน การเลือกตั้งแบบ 70-30 การปกครองระบบกษัตริย์สมบูรณ์แบบ ฯลฯส่วนอีกฝ่าย (หรือกลุ่มอื่นๆ) เสนอไปเลยว่า ต้องการปฏิรูปประเทศให้ประชาชนมีสิทธิตรวจสอบสถาบันกษัตริย์และนักการเมืองได้ในมาตรฐานเดียวกัน เป็นรัฐสวัสดิการ หรือ ฯลฯแล้วให้ประชาชนทั้งประเทศลงประชามติว่าจะรับพิมพ์เขียวใดไม่ใช่ก่อม็อบบีบบังคับให้เสียงข้างมากยอมรับการปฏิรูปประเทศตามความต้องการและเงื่อนไขของเสียงส่วนน้อยดังที่กำลังทำอยู่ขณะนี้ | การเสนอ ปฏิรูปประเทศ แบบที่ทำกันอยู่นี้ไม่มี ความชอบธรรม เพราะ 1. ไม่มีพิมพ์เขียวที่ชัดเจน มีเพียงข้อเสนอที่ไม่แน่ชัดว่าเป็นเอกภาพหรือไม่ ระหว่าง ปชป.และ พธม.เดิม ที่ว่าให้ รบ.ยิ่งลักษณ์ยุบสภา | การเมือง | นักปรัชญาชายขอบ,ปฏิรูปประเทศไทย,ประชาธิปัตย์,ม็อบนกหวีด,สุเทพ เทือกสุบรรณ | https://prachatai.com/journal/2013/11/49985 |
เธอๆ เธอเงินเดือนเท่าไร เราบอกเรื่องเงินเดือนให้เพื่อนรู้ได้ไหม | Q: เห็นน้องๆ รุ่นใหม่เดี๋ยวนี้คุยเรื่องเงินเดือนกันอย่างเปิดเผย เอาสลิปเงินเดือนมาวางแบเปรียบเทียบกันเลยว่าใครได้มากน้อยเท่าไร รู้สึกแปลกๆ เหมือนกันเพราะเงินเดือนน่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนที่ไม่น่าให้ใครรู้แต่ดูเหมือนน้องๆ รุ่นใหม่จะไม่ได้รู้สึกแบบนั้น เงินเดือนมันยังควรเป็นความลับอยู่ไหมครับ และการเปิดเผยเงินเดือนมันทำให้เกิดผลเสียอย่างไรครับA: ตอนแรกผมก็ไม่นึกว่าเรื่องแบบนี้จะเป็นกันเยอะจนกระทั่งลองถามคนรอบตัว ทั้งคนทำงานและ HR ปรากฏว่าหลายคนบอกตรงกันว่า น้องๆ รุ่นใหม่โดยเฉพาะที่เพิ่งเรียนจบมาเดี๋ยวนี้เปิดเผยเงินเดือนกันในกลุ่มเพื่อน เรื่องการเอาสลิปเงินเดือนมาให้ดูเป็นเรื่องธรรมดามาก สิ่งที่ตามมาก็คือ น้องๆ มีคำถามว่า ทำไมเงินเดือนหนูได้เท่านี้เอง หรือทำไมเงินเดือนหนูได้ไม่เท่าคนอื่น น้องๆ หลายคนก็มาระบายให้ผมฟังเหมือนกันครับโดยส่วนตัวต่อให้คุยกับเพื่อน ผมก็ไม่ชอบคุยเรื่องเงินเท่าไร ผมว่าเรามีอะไรคุยกันได้อีกเยอะ ปรับทุกข์กันเรื่องงานนี่เป็นเรื่องธรรมดามาก แต่มาบอกเงินเดือนกัน ผมว่าผมเขินๆระหว่างถามเพื่อนว่าเงินเดือนเท่าไรกัน ผมอยากถามเขามากกว่าว่าเหนื่อยไหม ทำงานมาเป็นอย่างไรบ้าง มีอะไรอยากเล่าให้ฟังไหมมองในแง่ดี ก็ถือว่าน้องๆ ตื่นตัวที่จะรู้ความเป็นไปในหน้าที่การงานตั้งแต่เริ่มทำงานใหม่ๆ ถือว่าเป็นการหาข้อมูลแบบหนึ่ง อาจจะช่วยในการวางแผนเส้นทางการเติบโตของน้องไปด้วยก็ได้ และน้องๆ ที่เพิ่งทำงานใหม่ก็อาจจะตื่นเต้น มันคือโลกใหม่ของน้อง เขาไปเจออะไรกันมาบ้างในการทำงานก็มาแลกเปลี่ยนกันเป็นธรรมดา นี่ผมมองโลกแบบแง่ดีมากแล้วนะเอาจริงๆ บางทีคนที่โตแล้วเวลามาเจอเพื่อนก็ยังคุยเรื่องงานเลย เรียกว่าบ่นให้ฟังน่าจะถูกกว่า บางทีบทสนทนามันก็ไหลไปถึงเรื่องผลตอบแทน ต่อให้ไม่ถึงกับแบสลิปเงินเดือนแลกกันดู แต่เรื่องความก้าวหน้าในอาชีพก็เป็นประเด็นที่คนคุยกันอยู่เสมอ มันอยู่ในใจของคนวัยทำงานอยู่แล้วล่ะครับ เพราะทุกคนก็อยากเติบโต ทุกคนอยากรู้ว่าเราจะโตไปไหน และลึกๆ แล้วเราก็ไม่อยากน้อยหน้าคนอื่น – อันนี้คือความจริงสำหรับน้องๆ จบใหม่ หรือเพิ่งทำงานไม่กี่ปีแล้วรู้สึกไม่สบายใจเรื่องเงินเดือน พี่อยากบอกว่าช่วงทำงานใหม่ๆ นี่อย่าเพิ่งคิดเรื่องเงินเดือนเป็นหลัก เอาเรื่องประสบการณ์ก่อน ในวันนี้น้องอาจจะรู้สึกว่าเงินเดือนน้อยจังเลย หรือใดๆ ก็ตาม แต่เงินเดือนที่น้องได้นี้จะไม่ได้เป็นตัวเลขนี้ตลอด ถ้าน้องมีฝีมือ วันหนึ่งเงินจะตามมาเอง ตอนนี้คิดอย่างเดียวก่อนเลยว่า ทำอย่างไรให้เราเก่งขึ้น ทำอย่างไรเราจะเก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์มาได้มากที่สุดก่อน และพยายามบริหารชีวิตเท่าที่รายได้เราได้รับมาครับ จะได้เท่าไรก็น่าภูมิใจนะในตอนนี้ ผมคิดว่าสิ่งที่น่าตั้งคำถามว่า ทำไมคนเราถึงต้องมาหาคำตอบเรื่องเงินเดือนจากเพื่อนก็เพราะว่า เราอาจจะไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนจากบริษัท เราอาจจะไม่รู้ว่าเราจะเติบโตไปได้มากน้อยแค่ไหน และสิ่งที่เราได้อยู่นี้เทียบกันในตลาดแล้วเราไม่ได้กำลังถูกบริษัทเอาเปรียบ สิ่งเหล่านี้มันสะท้อนออกมาเลยนะครับว่าบริษัทไม่ได้ทำให้เราไว้วางใจหรือรู้สึกสบายใจได้ในเรื่องเงินเดือน เราเลยต้องออกมาหาคำตอบข้างนอกเอาเองปัญหาก็คือพอมาหาคำตอบจากภายนอก มันก็อาจจะได้คำตอบที่ไม่ถูกต้องหรือเอามาเทียบกันไม่ได้เพราะเป็นคนละบริบทกัน แล้วเราก็จะกลับมาพร้อมกับคำตอบที่ผิดๆเรื่องความก้าวหน้าในอาชีพก็เป็นประเด็นที่คนคุยกันอยู่เสมอ มันอยู่ในใจของคนวัยทำงานอยู่แล้วล่ะครับ เพราะทุกคนก็อยากเติบโต ทุกคนอยากรู้ว่าเราจะโตไปไหน และลึกๆ แล้วเราก็ไม่อยากน้อยหน้าคนอื่น – อันนี้คือความจริงตรงนี้ผมอยากฝากบริษัทหลายๆ ที่ว่า ต้องให้ความสำคัญกับการสื่อสารกับพนักงานแต่ละคนด้วยครับ ถ้าเขาได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ถ้าเขาได้รับค่าตอบแทนที่เป็นธรรมตั้งแต่ต้น ถ้าบริษัทกับพนักงานสื่อสารกันด้วยดีมาตลอด เขาไม่จำเป็นต้องไปหาคำตอบจากคนอื่นเลย เขาควรจะได้คำตอบที่เขาสงสัยในบริษัทจากบริษัทโดยตรง ไม่ใช่ไปควานหาคำตอบจากคนอื่นเงินเดือนแต่ละคนไม่มีวันเท่ากันได้ครับ บริษัทจะประเมินจากหลายปัจจัย แน่นอนว่าความสามารถก็เรื่องหนึ่ง แต่บริษัทยังมองไปถึงต้นทุนที่ติดมากับตัวเรา เช่น เรียนอะไรมา ความสามารถพิเศษเพิ่มเติมที่จะเป็นประโยชน์กับงานที่ทำ ประสบการณ์ ความเป็นไปได้ที่เราจะอยู่กับบริษัทนานแค่ไหน ความต้องการให้เราอยู่ในบริษัทมากน้อยแค่ไหน ฯลฯ มันทำให้เงินเดือนแต่ละคน ต่อให้อยู่บนตำแหน่งงานเดียวกัน ก็อาจจะได้เงินเดือนไม่เท่ากัน เรื่องเงินเดือนนี่เป็นเรื่องเฉพาะบุคคลมากครับ เอาเงินเดือนแต่ละคนมาเทียบกันไม่ได้เพราะบริบทต่างกัน อุตสาหกรรมต่างกัน เงินเดือนก็ไม่เท่ากัน ตำแหน่งเดียวกัน แต่ผลงานต่างกันหรือประสบการณ์ต่างกัน เงินเดือนก็ไม่เท่ากันแล้ว มันไม่มีอะไรเท่ากันเป๊ะๆ หรอกครับมองดูเผินๆ มันดูไม่ยุติธรรมใช่ไหมครับ แต่ลองคิดกลับกัน ถ้าเงินเดือนเท่ากันเป๊ะหมด ต้นทุนและประสบการณ์มากน้อยที่ติดตัวเรามาจะมีค่าอะไร เพราะมีมากหรือมีน้อยก็ได้ผลตอบแทนเท่ากันผมให้หลักไว้แบบนี้ดีกว่าว่า เงินเดือนที่บริษัทมอบให้แต่ละคนอาจจะไม่เท่ากัน แต่บริษัทที่ดีจะรู้ว่าควรจะรักษาพนักงานแบบไหนไว้ นั่นแปลว่าถ้าเงินเดือนตั้งต้นเราอาจจะไม่ได้อู้ฟู่เท่าคนอื่น แต่ถ้าผลงานของเราดี เราก็ควรได้รับการตอบแทนที่คุ้มค่า แน่นอนว่าถ้าเราทำผลงานได้ดี มีความจงรักภักดีต่อองค์กร แต่บริษัทให้ผลตอบแทนที่ไม่ยุติธรรมกับเรา นั่นก็ไม่ใช่บริษัทที่ให้คุณค่ากับเราแล้วล่ะครับการรู้ความจริงบางอย่างนี่ไม่ใช่แค่เป็นการรับรู้ข้อมูลไว้ประดับความรู้เฉยๆ แต่บางครั้งไปไกลถึงการทำให้ตาสว่างเลยก็มีเหมือนกัน และวันที่เขาตาสว่างว่าบริษัทเอาเปรียบเขา อย่าคิดว่าเขาจะกลับมามองบริษัทด้วยความรู้สึกดีอีก เขาเจ็บและจำนะครับทีนี้เราควรคุยกันเรื่องเงินเดือนกับเพื่อนๆ ไหม ผมคิดว่าประเด็นจริงๆ ไม่ได้อยู่ที่ควรรู้หรือไม่ควรรู้ ควรคุยหรือไม่ควรคุย เพราะเรื่องแบบนี้แต่ละคนก็มีจุดประสงค์ต่างกัน แต่ประเด็นน่าจะเป็นเรื่องที่ว่า รู้แล้วยังไงต่อ หรือไม่รู้แล้วจะยังไงต่อรู้ว่าเงินเดือนเรามากกว่าคนอื่นก็คงไม่เจ็บอะไร แต่ถ้ารู้ว่าเงินเดือนเราน้อยกว่าคนอื่นนี่สิ ถ้าอยากรู้ว่าเงินเดือนในอุตสาหกรรมที่เราทำอยู่น่าจะอยู่ในเรนจ์ประมาณเท่าไร พวกเฮดฮันเตอร์น่าจะมีข้อมูลอยู่ เอาไว้หาข้อมูลประกอบได้ หรือจริงๆ ถ้าคุยกับ HR ของบริษัทได้ก็เป็นเรื่องดีครับ แต่คุยในมุมของการเติบโตนะครับ ผมไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรว่าบริษัทจะบอกเราได้ตรงๆ เลยหรือเปล่า แต่เราอาจจะถามได้ว่า ถ้าเราจะได้รับการโปรโมต เราต้องทำอะไรเพิ่มเติมบ้าง มีโอกาสที่เราจะเติบโตได้มากน้อยแค่ไหน และในแง่แพ็กเกจแล้วมันจะโตไปมากกว่านี้เท่าไร เพราะเรามีเป้าหมายที่จะเติบโตที่นี่ ผมคิดว่าถ้าบอกในมุมนี้เราน่าจะคุยกันได้ผมคิดว่าถ้าเราดูกันแค่ตัวเลขในสลิปเงินเดือนอย่างเดียวมันเทียบอะไรกันไม่ได้หรอกครับ ต่างคนต่างบริบท เงินเดือนเราจะมากหรือน้อยบางทีมันอยู่ที่ว่าเราเอาไปเปรียบเทียบกับอะไร สิ่งที่เราควรเปรียบเทียบไม่ควรเป็นคนอื่น แต่น่าจะดูว่าบนเส้นทางที่เราอยู่นี้ เราเติบโตได้มากแค่ไหน แล้วเดี๋ยวเงินจะตามมาเอง จุดเริ่มต้นแต่ละคนอาจจะไม่เท่ากัน ไม่ได้แปลว่าเราได้เปรียบหรือเสียเปรียบ แต่ให้มองว่าจากจุดเริ่มต้นนี้ ถ้าเราตั้งใจทำงาน เรามีผลงานเป็นที่ประจักษ์แล้ว เราจะเติบโตไปได้มากแค่ไหน หรือถ้ารู้เงินเดือนแล้วรู้สึกว่า เออว่ะ เราได้น้อยไปจริงๆ กลับมาตั้งคำถามก่อนครับว่า เราคิดว่าเราทำงานได้คุ้มกับที่เขาให้เงินเดือนเราหรือเปล่า เรามีผลงานอะไรไหม ถ้าดูแล้วอย่างไม่เข้าข้างตัวเองว่าเราน่าจะได้มากกว่านี้ ก็ต้องคุยกับบริษัทครับ ผมคิดว่าถ้าเรามีหลักฐานว่าเรามีผลงานที่ดี อย่างน้อยเราก็ไม่มีอะไรเสียหายที่จะคุย คุยแล้วเป็นอย่างไรอันนี้อีกเรื่อง อย่างน้อยเราได้รู้และมีทางเลือกในชีวิต ไปจนถึงรู้ว่าเราต้องพัฒนาอะไรอีกบ้าง อันนี้ผมว่าสำคัญมากนะครับเรื่องเงินเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลจริงๆ บางคนอาจจะพอใจในสิ่งที่มีอยู่ และบางคนอาจจะไม่พอใจ เป็นไปได้หมด นอกจากเสียงของผมแล้ว ผมมีความเห็นจากพี่บี จากเพจ HR The Next Gen มาให้คำตอบด้วยครับเงินเดือนจะเป็นความลับก็ต่อเมื่อนโยบายบริษัทบอกว่าเป็นความลับครับ เพราะบางตำแหน่งงานเป็นความลับไปก็ไม่มีประโยชน์ เปิดเผยไปเลยอาจจะดีกับธุรกิจมากกว่า ให้พนักงานแข่งขันกันไปเลย แต่ก็ต้องมีเงื่อนไขว่า ตัววัดหรือกติกาในการแข่งขันเพื่อให้ได้มากกว่าก็ต้องชัดเจนด้วยทีนี้ถ้าบริษัทมีกฎที่ชัดเจนว่า การเปิดเผยเงินเดือนเป็นเรื่องผิด การเอาสลิปมาเปิดแบ่งกันดูก็แปลว่าผิด แต่บริษัทจะถือเป็นความผิดก็ต่อเมื่อพนักงานทำให้มันเป็นเรื่อง เกิดการแตกแยก ส่งผลกระทบต่องาน คือถ้าแลกกันดู แซวกัน ปรับทุกข์กัน แล้วแยกย้าย บริษัทก็คงไม่เสียเวลาเอาโทษอะไรแต่ถ้าพอเห็นเงินเดือนคนอื่นแล้วโวยวาย บริษัทอธิบายถึงเหตุผลแล้วก็ยังไม่รับฟัง การกำหนดเงินเดือนในหลายๆ ตำแหน่งมีปัจจัยหลายๆ อย่างและไม่ใช่ทุกปัจจัยที่บริษัทจำเป็นจะต้องอธิบายให้กับพนักงาน เพราะการตั้งเงินเดือนเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญของบริษัท และกลยุทธ์ส่วนใหญ่มักจะเป็นความลับอย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันปัญหา บริษัทเองก็จะต้องตั้งค่าตอบแทนให้อย่างยุติธรรมด้วย ดูทั้ง External คือคู่แข่งในตลาดจ่ายไปถึงไหนแล้ว แล้วก็ดู Internal ด้วย ไม่ให้คนในตำแหน่งใกล้ๆ กัน เงินเดือนห่างกันอย่างไม่มีเหตุผลแค่นี้ก็ควบคุมดราม่าได้ระดับหนึ่งแล้วครับ* ส่งคำถามดราม่าในที่ทำงานที่คุณสงสัยมาได้ที่อีเมล[emailprotected]หรืออินบ็อกซ์ไปที่ FB:ภาพประกอบ: Nisakorn Rittapai | ทำไมคนเราถึงต้องมาหาคำตอบเรื่องเงินเดือนจากเพื่อน ก็เพราะว่าเราอาจจะไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนจากบริษัท เราอาจจะไม่รู้ว่าเราจะเติบโตไปได้มากน้อยแค่ไหน และสิ่งที่เราได้อยู่นี้เทียบกันในตลาดแล้วเราไม่ได้กำลังถูกเอาเปรียบถ้าผลงานของเราดี เราก็ควรได้รับการตอบแทนที่คุ้มค่า แน่นอนว่าถ้าเราทำผลงานได้ดี มีความจงรักภักดีต่อองค์กร แต่บริษัทให้ผลตอบแทนที่ไม่ยุติธรรมกับเรา นั่นก็ไม่ใช่บริษัทที่ให้คุณค่ากับเรา | null | null | https://thestandard.co/discussing-salary-at-work/ |
ทีโอทีโละพนักงาน-ปรับองค์กรลดขาดทุน | ผู้สื่อข่าวรายงานจากบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ว่า จากสถานการณ์ตลาดโทรคมนาคมแข่งขันรุนแรง และทีโอทีมีแนวโน้มขาดทุนปีนี้ราว 10,000 ล้านบาท อีกทั้งสัญญาสัมปทานมือถือระหว่างทีโอทีกับ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จะสิ้นสุดลงวันที่ 30 ก.ย.นี้ ทำให้ทีโอทีเร่งทำแผนลดค่าใช้จ่ายอย่างเข้มข้น ส่วนแผนการหาพันธมิตรทางธุรกิจยังไม่คืบหน้า แต่ล่าสุดได้เสนอแผนปรับปรุงศูนย์บริการทีโอทีใหม่ ซึ่งมีทั้งการลดจำนวนพนักงาน ลดขนาดพื้นที่ ยุติ/ยกเลิกเช่าพื้นที่ เพื่อลดภาระขาดทุนเดือนละราว 14 ล้านบาท หรือปีละกว่า 160 ล้านบาท,ทั้งนี้ ปัจจุบันมีศูนย์บริการทั่วประเทศ 430 แห่ง โดยสายงานขายและบริการลูกค้านครหลวงและภูมิภาค เสนอปรับลดพนักงานประจำศูนย์บริการที่มี 3,000 คน และลดการจ้างพนักงานเอาต์ซอร์ส ขณะเดียวกัน ต้องย้ายพนักงาน 568 คนไปประจำศูนย์ฯที่ต้องการบุคลากร เพราะบางศูนย์มีพนักงานเกินงาน ส่วนการลดขนาดพื้นที่ 37 แห่ง ปิดศูนย์บริการ 12 แห่ง ย้ายที่ตั้งศูนย์บริการ 5 แห่ง และเปิดบริการเคาน์เตอร์คีออส 19 แห่งนั้น หากเป็นศูนย์ฯที่อยู่ในพื้นที่ของทีโอทีที่ยังมีศักยภาพ หรืออยู่ในพื้นที่ห่างไกล อาจเปิดให้บริการเป็นบางวัน ส่วนศูนย์ฯที่จะปิดให้บริการได้แก่ พาราไดซ์ พาร์ค, อยุธยาพาร์ค, ย่อยเดอะมอลล์ นครราชสีมา เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้พัฒนาแอพพลิเคชั่นบนมือถือสำหรับช่างในการติดตั้งตรวจแก้ไขบริการของทีโอที เพื่อปรับปรุงการให้บริการลูกค้า ทั้งการรับแจ้งและแก้ไขเหตุเสียได้ทันที. | ผู้สื่อข่าวรายงานจากบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ว่า จากสถานการณ์ตลาดโทรคมนาคมแข่งขันรุนแรง และทีโอทีมีแนวโน้มขาดทุนปีนี้ราว 10,000 ล้านบาท | null | ทีมข่าวเศรษฐกิจ,ทีโอทีโละพนักงาน,ลดค่าใช้จ่าย,สิ้นสุดสัญญาสัมปทานมือถือ,ลดพนักงาน,พนักงานประจำศูนย์บริการ,พนักงานเอาต์ซอร์ส,ข่าว,ข่าวเศรษฐกิจ,ไทยรัฐฉบับพิมพ์ | https://www.thairath.co.th/content/515728 |
แท่ง โดดแจมพิธีกร The Golden Song ซีซัน2 | เป็นรายการที่เรตติ้งปังเป็นอันดับต้นๆ ของช่วงรายการเย็นวันอาทิตย์ ช่องวัน 31 เลยต่อยอดความสำเร็จส่ง The Golden Song เวทีเพลงเพราะ ซีซัน 2 มาลงจอต่อทันทีดำเนินการค้นหาด้วย 4 สุดยอดคณะกรรมการ คนเดิมอย่าง เม้า-สุดา โจ้-สุธีศักดิ์กบ-สุวนันท์ กัน-นภัทร และมิวสิกไดเรกเตอร์มือทอง หนึ่ง จักรวาล ที่จะมาเรียบเรียงบทเพลงอันล้ำค่าให้ไพเราะตราตรึงใจผู้ชม นอกจากนี้ยังคว้าตัวพระเอกขวัญใจแฟนๆ อย่าง แท่ง-ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง มาร่วมแจมดำเนินรายการคู่กับ พิธีกร เกลือ-กิตติงานนี้ทำเอา แท่ง ปลื้มใจสุดๆเผย ว่า ตื่นเต้นมากๆครับ แม้ผมจะเคยทำงานพิธีกรมาบ้าง แต่ยังไม่เคยทำพิธีกรบนเวทีอลังการโปรดักชันยิ่งใหญ่ขนาดนี้มาก่อน อีกทั้งผมก็เป็นแฟนรายการนี้อยู่แล้ว ชื่นชอบที่ได้ฟังเพลงเพราะๆ และชื่นชมเด็กยุคใหม่ที่ยังสานต่อบทเพลงทองคำเหล่านี้ไว้ ซึ่งผมก็เป็นคนดนตรี ร้องเพลงและโตมากับเพลงยุคนี้ ยิ่งได้มาทำงานที่ได้ฟังเพลงที่ชอบ และกรรมการทุกคนก็คุ้นเคยกัน รวมทั้งได้ร่วมงานกับพิธีกรเก่งๆอย่างเกลือ ผมทำงานนี้อย่างมีความสุขมากๆครับ ติดตามชมได้ทุกวันอาทิตย์ เวลา 18.00 น. ทางช่องวัน 31. | เป็นรายการที่เรตติ้งปังเป็นอันดับต้นๆของช่วงรายการเย็นวันอาทิตย์ ช่องวัน 31 เลยต่อยอดความสำเร็จส่ง The Golden Song เวทีเพลงเพราะ ซีซัน 2 มาลงจอต่อทันที | บันเทิง,ข่าวบันเทิง | The Golden Song เวทีเพลงเพราะ,The Golden Song เวทีเพลงเพราะ2,แท่ง ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง,ช่องวัน 31,The Golden Song,ดารา | https://www.thairath.co.th/entertain/news/1745798 |
นทท.แห่ชม ฝูงผึ้งหลวง แห่ทำรังบนต้นไม้ใหญ่ ในอุทยานดอยหลวง |
เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 61 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปดู ฝูงผึ้งหลวง พากันบินมาทำรัง กว่า 30 รัง ด้วยการยึดเกาะต้นไม้ใหญ่ ต้นสมพงษ์ หรือ ต้นงุ้น ทางภาคเหนือเรียกต้นผึ้ง ขนาดลำต้นโต 2 คนโอบ สูง 20 เมตร จำนวน 3 ต้น ยืนต้นอยู่ทางขึ้นน้ำตกจำปาทอง เขตอุทยานแห่งชาติดอยหลวงที่ 6 (จำปาทอง) อ.เมือง จ.พะเยา โดยฝูงผึ้งหลวงมายึดทำรังกว่า 2 เดือน ทำให้ต้นไม้ดูแปลกตา เป็นที่สนใจของผู้คนและนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมน้ำตกจำปาทอง ต่างพากันดูและถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก เพราะเป็นภาพที่หาดูได้ยาก และทางเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติ ได้พากันดูแลอนุรักษ์ไว้ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวผสมผสานกับน้ำตกจำปาทองต่อไป
,นายประพันธ์ เขียวสีมา อายุ 55 ปี พนักงานพิทักษ์ป่า หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ดอยหลวงที่ 6 (จำปาทอง) กล่าวว่า ในเขตอุทยานดอยหลวงน้ำตกจำปาทอง ได้มีฝูงผึ้งบินมาทำรังเมื่อ 2 เดือนก่อนที่ต้นต้นผึ้ง ต้นโตขนาด 2 คน โอบสูง 20 เมตร จำนวน 3 ต้น มาทำรังกว่า 30 รัง เกาะเต็มตามกิ่งก้านสาขาของต้นผึ้ง บริเวณปากทางเข้าน้ำตกจำปาทอง เขตอุทยานแห่งชาติดอยหลวง ทำให้รังผึ้งเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวและผู้คนทั่วไปที่มาเที่ยวชมน้ำตกจำปาทอง ทางเจ้าหน้าที่อุทยานจึงได้ร่วมกันดูแลต้นผึ้งและรังผึ้งไว้ให้ เพื่อให้นักท่องเที่ยว หรือประชาชนที่เข้ามาดูชมควบคู่กับน้ำตกจำปาทอง. | แปลก ! นทท.แห่ดู รังผึ้งหลวง ฝูงใหญ่มาเกาะเพื่อทำรังบนต้นไม้ใหญ่ ในเขตอุทยานดอยหลวง กว่า 30 รัง จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ผู้คนมักจะมาชม และบันทึกภาพหายาก | ข่าว,ทั่วไทย | ผึ้งหลวง,ผึ้งหลวง30รัง,ฝูงผึ้งหลวง,รังผึ้งหลวง,อุทยานดอยหลวง,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/north/1249676 |
เสนอยุบรวมบอร์ด กพอ.พ่วงไว้กับ กกอ. | เมื่อวันที่ 26 เม.ย. โดยจะเร่งยกร่างให้เสร็จภายในเดือน พ.ค.นี้ และจัดประชาพิจารณ์ครั้งใหญ่เพื่อรับฟังความเห็นทุกภาคส่วน 30 พ.ค.นี้ และ 31 พ.ค.จะแก้ไขและนำเสนอ รมว.ศึกษาธิการ ส่วนเรื่องที่ยังไม่ตกผลึกคือ คณะกรรมการการอุดมศึกษา หรือ กกอ.ทั้งหน้าที่ที่มาและองค์ประกอบ ทั้งนี้ โครงสร้างปัจจุบันมีคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา หรือ กพอ. มี รมว.ศึกษาธิการเป็นประธาน และ กกอ.มีผู้ทรงคุณวุฒิเป็นประธาน แต่โครงสร้างใหม่ยุบรวมเหลือเพียงชุดเดียวคือ กกอ. มีผู้ทรงคุณวุฒิเป็นประธาน ส่วน กพอ. ภายใน 14 ปีจะไม่มีข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัยอีกก็ต้องยุบไป ต่อไปจะมีแต่พนักงานมหาวิทยาลัยที่ดูแลโดยมหาวิทยาลัย ซึ่งหากมีปัญหาได้ให้อำนาจ รมว.การอุดมศึกษาเข้าไปแก้ปัญหา รวมทั้งเรื่องธรรมาภิบาล,ด้าน นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว. ศึกษาธิการ กล่าวภายหลังการประชุม กพอ.ว่า ที่ประชุม กพอ.ได้รับทราบความคืบหน้าของการร่าง พ.ร.บ.การอุดมศึกษา พ.ศแล้ว และทราบว่ามีข้อเสนอให้ยุบรวม กพอ.กับ กกอ. ดังนั้นในการประชุม กพอ.ครั้งหน้า วันที่ 31 พ.ค. ที่ประชุมจะเชิญกรรมการร่าง พ.ร.บ.การอุดมศึกษา มานำเสนอร่าง พ.ร.บ.การอุดมศึกษา เพื่อให้ กพอ.ร่วมเสนอความคิดเห็น ในเบื้องต้นกรรมการ กพอ.ได้เสนอความเห็นว่า ภาระงานของ กพอ.ยังมีเท่าเดิม เพราะทุกมหาวิทยาลัยก็จะใช้เกณฑ์ที่ออกโดย กพอ.รวมไปถึงการเสนอโปรดเกล้าฯ ตำแหน่งทางวิชาการ ระดับ ศ. อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจำนวนข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาจะน้อยลงเรื่อยๆ แต่ กพอ.ก็ยังเป็นหลักของชาติ จะยุบไม่ได้ ซึ่งส่วนตัวคิดว่าขอฟังกรรมการร่าง พ.ร.บ.การอุดมศึกษาก่อน. | ที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ศ.นพ.อุดม คชินทร อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะประธานคณะทำงานเตรียมการจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา เปิดเผยว่า ขณะนี้การยกร่าง พ.ร.บ.การอุดมศึกษา พ.ศมีความคืบหน้ากว่าร้อยละ 80 | ข่าว | อุดม คชินทร,ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์,พ.ร.บ.การอุดมศึกษา,กพอ.,การศึกษา | https://www.thairath.co.th/news/924116 |
กรมศุลฯรื้อเกณฑ์คุมนักช็อปของนอก เล็งขยับมูลค่าสินค้านำเข้าติดตัว | ใช้ถือติดตัวเข้ามาภายในประเทศไม่เกิน 20,000 บาท ซึ่งจะศึกษาให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีงบประมาณปี 60 เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและราคาสินค้าในตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลงไป การศึกษาของกรมศุลกากร ต้องมองถึงภาพรวมของเศรษฐกิจไทยปัจจุบัน เพราะตลอด 20-30 ปีที่ผ่านมา กรมศุลกากรไม่เคยปรับมูลค่าของสินค้าที่นำเข้าติดตัวมาจากต่างประเทศเลย ขณะที่สินค้าที่ส่งทางไปรษณีย์จากต่างประเทศก็กำหนดว่า ราคาต้องไม่เกิน 1,500 บาท หากเกินกว่า 1,500 บาท ต้องเปิดตรวจสินค้า,นายกุลิศกล่าวว่า ที่ผ่านมากฎหมายของกรมศุลกากรใช้การควบคุมสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ มีหลักการมาจากการป้องกันประเทศเป็นหลักเช่น ปัญหายาเสพติด การนำเข้าสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์รวมถึงอาวุธสงคราม และอื่นๆ เช่นสินค้าเกษตรและวัตถุอันตราย เป็นต้น ดังนั้น กฎกติกาที่ตั้งอย่างเข้มงวดในอดีตจึงมีผลถึงปัจจุบันด้วย ซึ่งผลการศึกษาดังกล่าวต้องพิจารณาถึงผู้ประกอบการภายในประเทศด้วย หากปรับราคาขึ้นไปสูงมากๆ ก็จะทำให้ผู้ประกอบการภายในประเทศได้รับผลกระทบไปด้วยเช่น ผู้ผลิตกระเป๋า เครื่องหนังและคอสเมติกส์,นอกจากนี้ ในไตรมาสแรกปี 60 กรมศุลกากรจะออกร่างเงื่อนไขประกวดราคาเครื่องเอกซเรย์มูลค่าราว 600 ล้านบาท โดยจะนำไปติดตั้งที่สนามบินแห่งชาติ 3 แห่ง คือ สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมืองและภูเก็ต เพื่อนำเครื่องเอกซเรย์ตรวจสอบกระเป๋าผู้โดยสารทั้งขาเข้าและขาออก ซึ่งถือเป็นมาตรการที่เข้มงวดของกรมศุลกากร เพื่อควบคุมสินค้าที่ผิดกฎหมายลักลอกนำเข้าประเทศ การติดตั้งเครื่องเอกซเรย์กระเป๋าเดินทางของนักท่องเที่ยว ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบการช็อปสินค้าของนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปต่างประเทศ แต่ต้องการตรวจสอบสินค้าที่ผิดกฎหมายหรือสินค้าต้องห้ามนำเข้าประเทศ เช่น ยาเสพติด ซากพืชซากสัตว์ที่ผิดอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ หรือไซเตส สารเคมีและวัตถุที่มีอันตราย เป็นต้น,นายกุลิศกล่าวว่า ปัจจุบันการลักลอบขนยาเสพติดจากไทยไปต่างประเทศ และยาเสพติดจากต่างประเทศเข้าไทยมีหลายรูปแบบมาก ทำให้ การตรวจสอบหรือการใช้สายข่าวเพื่อจับกุมผู้กระทำผิดทำได้ยากลำบากมากขึ้น ดังนั้น การมีเครื่องเอกซเรย์จะทำให้งานของกรมศุลกากรง่ายขึ้น เพราะเจ้าหน้าที่สามารถมองเห็นสิ่งของที่อยู่ในกระเป๋าได้ชัดเจน. | นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรไปศึกษาความเป็นไปได้ในการเพิ่มมูลค่าของราคาสินค้าที่ติดตัวมาจากต่างประเทศ จากปัจจุบันกฎหมายกำหนดให้บุคคลที่เดินทางเข้าประเทศสามารถซื้อของ | null | กรมศุลกากร,สินค้านำเข้าติดตัว,สินค้านำเข้า,ช็อปของนอก,เครื่องเอกซเรย์กระเป๋าเดินทาง | https://www.thairath.co.th/content/846694 |
สรรเสริญ ยัน ผังล้มเจ้า ไม่ใช่ความเชื่อ ศอฉ. - แต่ข้อมูลมาจากหน่วยความมั่นคงและ ดีเอสไอ กำลังดำเนินการ | แต่สังคมต้องใช้ดุลยพินิจเองว่าคนในผังเกี่ยวข้องสัมพันธ์อย่างไร เว็บไซต์แนวหน้า รายงานวานนี้ (26 พ.ค.) ว่า พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่นายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกมาแถลงถึงกรณีที่ศาลมีคำสั่งถอนฟ้องตนเองในข้อหาหมิ่นประมาท ที่ไปพูดถึงนายสุธาชัย อยู่ในขบวนการล้มเจ้า ซึ่งเกิดจากการที่ตนเองไปขอให้ถอนฟ้องและเป็นฝ่ายขอยอมความนั้น ไม่เป็นความจริง และขอยืนยันว่าการออกมาชี้แจงครั้งนี้เป็นการพูดในฐานะส่วนตัวเพราะถูกพาดพิง จาก อ.สุธาชัย โดยไม่อยากอธิบายความให้มากนัก เพราะช่วงนี้ใกล้เลือกตั้งอาจถูกบางฝ่ายนำประเด็นไปเกี่ยวข้องกับการเมือง ส่วนที่ว่า เนื้อหาที่ได้แถลงข่าวที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) นั้นเป็นแค่เพียงความเชื่อ ไม่มีข้อมูลหลักฐานนั้น พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ก็ไม่เป็นความจริง ซึ่งการไกล่เกลี่ย ตนได้อธิบายชี้แจงต่อหน้าศาล ต่อหน้า อ.สุธาชัย ทนายความของ อ.สุธาชัย ทนายความของตน และนายทหารพระธรรมนูญว่า สิ่งที่นำมาเปิดเผยคือข้อมูลที่หน่วยงานด้านความมั่นคง ซึ่งตั้งขึ้นมาตั้งแต่สมัยนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี โดยออกเป็นคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี มีหลักฐาน พยาน ยืนยัน จึงได้มีการนำหลักฐาน เอกสารไปแถลงต่อสื่อมวลชน ขณะนี้เรื่องอยู่ในกระบวนการยุติธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กำลังดำเนินการอยู่ จะบอกว่าเป็นความเชื่อของ ศอฉ.เฉยๆ ไม่มีพยานหลักฐาน คงไม่ใช่ ส่วนที่ว่ามีการสื่อสารว่า อ.สุธาชัย อยู่ในขบวนการนั้น พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ตนไม่ได้สื่อสาร ไม่ได้เอ่ยชื่อ และ รายชื่อที่อยู่ในผังก็ไม่มีคำเขียนอื่นใดว่า อาจารย์ได้ร่วมอยู่ในคณะของขบวนการ เมื่อไม่มีคำแถลงออกมาเป็นวาจา เมื่อไม่มีคำแถลงอยู่ในเอกสาร สังคมก็ต้องพิจารณาว่า บุคคลที่เกี่ยวข้องในผังมีการเกี่ยวข้องในลักษณะใดเป็นญาติพี่น้อง เป็นคนที่เคยรู้จัก เป็นคนที่ทำธุรกิจร่วมกันอย่างไร ซึ่งรายละเอียดมีอยู่ในผัง แล้วสังคมจะใช้ดุลยพินิจเองว่า ใครมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์อย่างไร การสื่อสารต่างกัน เรื่องนี้มีข้อกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง สิ่งที่อาจารย์สุธาชัย มาแถลงว่าโฆษก ศอฉ. พยายามที่จะติดต่อเพื่อขอให้ถอนฟ้อง ไม่เป็นความจริง เพราะการจะถอนฟ้อง การไกล่เกลี่ยของศาล ต้องเป็นความยินยอมของทั้งสองฝ่าย ผมไม่อยากวิเคราะห์ว่าที่เขาแถลงเช่นนี้เพราะอะไร แต่ช่วงนี้อยู่ในช่วงการเลือกตั้ง ถ้าอธิบายความมากไปกว่านี้ ก็จะถูกหยิบยกเอาไปตีความว่าเข้าข้างพรรคโน่นพรรคนี้ ผมกับอาจารย์ ไม่เคยติดต่อกันโดยตรง แต่ผ่านทางทนายความ และ ทหารพระธรรมนูญมาแจ้งว่า ทางศาลท่านนัดไกล่เกลี่ย ทาง อ.สุธาชัย ก็เห็นพ้องให้ไกล่เกลี่ย ก็ไปพูดหน้าบัลลังก์ศาล ไม่ได้ยืนคุยกันสองคนโดยไม่มีมนุษย์ที่ไหนฟัง พ.อ.สรรเสริญ ระบุ | \สรรเสริญ แก้วกำเนิด\ ยันไม่เคยขอให้ \สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ\ ถอนฟ้อง แจงไม่ได้เอ่ยชื่อไม่ได้แถลงทั้งเอกสารและวาจาว่าสุธาชัยอยู่ในขบวนการล้มเจ้า | การเมือง | กระบวนการยุติธรรม,กองทัพบก,ผังล้มเจ้า,สรรเสริญ แก้วกำเนิด,สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ | https://prachatai.com/journal/2011/05/35142 |
แฉ สผ. เล่นกลผ่านอีไอเอเขื่อนท่าแซะ | ศูนย์ข่าวภาคใต้-21 ต.ค.47 ต่อมา สำนักนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อมได้ทำหนังสือเวียนไปยัง คณะกรรมการผู้ชำนาญการด้านแหล่งน้ำ เชิงขอร้องขอให้เห็นชอบรายงานการศึกษาอีไอเอ โดยไม่ต้องประชุมพิจารณาอีไอเอฉบับนี้ร่วมกัน นายหาญณรงค์ กล่าวว่า วิธีการดังกล่าวในทางกฎหมายถือว่าผ่าน แต่ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง ที่ควรจะต้องผ่านการถกเถียงถึงวิธีการและกระบวนการศึกษา และพิจารณาเนื้อหาอีไอเอฉบับนี้ว่า เป็นอย่างไร การส่งหนังสือเวียนดังกล่าว เพียงแค่ให้ทุกคนรับรู้เท่านั้น เมื่อการลงนามเห็นชอบ ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง จึงทำให้เกิดปัญหาขึ้น เพราะข้อเท็จจริงมีอยู่ว่า ข้อมูลบางด้านของอีไอเอโครงการเขื่อนท่าแซะ ยังไม่สมบูรณ์ กรมชลประทานยังคงปกปิดอยู่ เช่น พื้นที่น้ำท่วม ซึ่งอีไอเอระบุว่าแค่ 100 ไร่ ขณะที่พื้นที่น้ำท่วมจริง 2 400 ไร่ รวมทั้งการศึกษาแนวแผ่นดินไหว เป็นต้น สำหรับทางออกกรณีนี้ ตนเห็นว่า ต้องส่งเรื่องให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณาใหม่เท่านั้น | ศูนย์ข่าวภาคใต้-21 ต.ค.47 นายหาญณรงค์ เยาวเลิศ กรรมการผู้ชำนาญการด้านเหมืองแร่ สำนักนโยบายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เปิดเผยว่า โครงการก่อสร้างเขื่อนท่าแซะ ของกรมชลประทาน | สิ่งแวดล้อม | null | https://prachatai.com/journal/2004/10/891 |
ชาวบ้านเชียงดาว จ.เชียงใหม่ ตื่น พบไม้ตะเคียนคล้ายเรือโบราณ | ,จากกระแสชาวบ้านแตกตื่น มีการกระจายข่าวว่าพบไม้ตะเคียนลักษณะส่วนที่โผล่ออกมาคล้ายเรือโบราณ อยู่ริมตลิ่งล้ำน้ำแมะ บ.จอมคีรี ม. 3 ต.แม่นะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่,วันที่ 21 เม.ย.ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบ พบเจ้าหน้าที่เทศบาลแม่นะ และชาวบ้านจากหลายพื้นที่เดินทางไปที่บริเวณทุ่งนา ติดริมตลิ่ง ที่มีระดับสูงกว่าลำเหมืองประมาณ 5 เมตร พบลำต้นของไม้ที่โผล่ส่วนหัวออกมาจากพื้นดิน คล้ายกับหัวเรือและมีลำต้นกลวงโค้งเหมือนท้องเรือ,จากการตรวจสอบพบว่า ไม้ดังกล่าวเป็นไม้ตะเคียน ซึ่งถูกฝังลึกจากผิวดินประมาณ 2 เมตร โดยยังไม่สามารถระบุได้ว่า เป็นซากเรือโบราณ หรือลำต้นตะเคียนที่ล้มในอดีต ชาวบ้านต่างจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ถกเถียงกันยกใหญ่ บ้างก็บอกว่าต้องเป็นเรือโบราณอย่างแน่นอน แต่บ้างก็บอกว่า น่าจะเป็นลำต้นตะเคียนที่อาจจะขึ้นในพื้นนี้เมื่อสมัยหลายร้อยปี ก่อนที่จะล้มแล้วถูกฝังอยู่ใต้ดิน,จากการตรวจสอบชั้นดิน พบก้อนหินลักษณะกลมซึ่งสันนิษฐานได้ว่า เมื่อสมัยโบราณหลายร้อยปี พื้นที่ในบริเวณนี้อาจเคยเป็นแม่น้ำมาก่อน จึงพบหินลักษณะนี้ใต้ชั้นดิน,ด้านชาวบ้านที่ไปดูบอกว่า น่าจะมีการขุดไม้ตะเคียนดังกล่าวขึ้นมาพิสูจน์ว่า เป็นเรือ หรือ ลำต้นตะเคียนโบราณจริงๆ หรือไม่ หากเป็นจริงก็จะมีการบวงสรวงอัญเชิญไปไว้ที่วัดในหมู่บ้าน เพื่อให้ชาวบ้านได้ไปกราบไหว้ประกอบกิจกรรมตามความเชื่อของแต่ละคน แต่ในขณะที่การจะดำเนินการขุดพิสูจน์ตามความต้องการของชาวบ้านได้หรือไม่นั้น ต้องอยู่ที่เจ้าของที่นาผืนดังกล่าวว่า จะอนุญาตให้ขุดหรือไม่ เพราะเป็นที่ส่วนบุคคลมีเอกสารสิทธิ์ ไม่ใช่ที่สาธารณะแต่อย่างใด,นายรุ่งโรจน ดวงดี นายกเทศบาลตำบลแม่นะ และนายรังสิต พูลศรี หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชม.9 (เชียงดาว) พร้อมชาวบ้านจำนวนมาก มาตรวจสอบไม้ลักษณะคล้ายเรือโบราณฝั่งอยู่ในดินติดกับลำน้ำแม่แมะ ลึกประมาณเกือบ 3 เมตร ทางป่าไม้ยืนยันเป็นไม้ตะเคียนแน่นอน แต่จะมีความยาวเท่าไหร่ยังไม่ทราบ เพราะจุดที่ขุดอยู่ริมน้ำ ชาวบ้านขุดดูประมาณ 3 เมตร ที่เห็น แต่จะขุดต่อไม่ได้เพราะทางเจ้าของที่ยังไม่ยินยอม ต้องขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบมาทำการตกลงกันก่อนเพราะเป็นพื้นที่นา,ด้าน นายสวัสดิ์ แข็งแรง สมาชิกสภาเทศบาลตำบลแม่นะ ให้ความเห็นว่า ชาวบ้านจะช่วยกันลงขันเพื่อให้เรือลำนี้ออกจากใต้ดินแล้วนำไปไว้ที่ที่เหมาะสม ผู้เฒ่าผู้แก่อยากรู้ว่าตะเคียนนี้จะยาวสักเท่าใด แล้วจะเป็นเรือหรือทางเดินของตาน้ำที่ทะลักออกมาเมื่อ 40 ปีที่ผ่านมา เคยมีน้ำท่วมไหลลงจากดอยมาตามสายน้ำแม่แมะ บ้านเรือนหลายหลังถูกกระแสน้ำพัดพังเสียหายจมลงใต้น้ำคงมีพัดพาเอาอะไรต่ออะไรมากับน้ำท่วม จึงอยากให้ช่วยกันนำรถแบ็กโฮ หรือชาวบ้านออกแรงกันขุด จะได้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่มาของไม้ตะเคียนที่เหมือนเรือโบราณนี้,อย่างไรก็ตาม เมื่อยังไม่ทราบว่าเป็นท่อนไม้หรือเรือโบราณ และเจ้าของพื้นที่ยังไม่ให้ขุดเพราะเกรงที่นาจะเสียหายได้ คงต้องมีการตกลงกันก่อน. | ชาวบ้านเชียงดาว จ. เชียงใหม่ แตกตื่น พบไม้ตะเคียนคล้ายเรือโบราณฝังลึกใต้ดิน จนท.เตรียมหารือเจ้าของที่นา ขออนุญาตให้ขุดพิสูจน์ได้ เพราะเจ้าของนาไม่ยินยอมกลัวนาเสียหาย | ข่าว,ทั่วไทย | ไม้ตะเคียน,เรือโบราณ,ชาวบ้านเชียงดาว,เชียงใหม่,เทศบาลแม่นะ | https://www.thairath.co.th/news/local/north/919757 |
ตรวจสอบพฤติกรรมหัวหน้าสำนักสงฆ์ จ.เลย | ญาติโยมยังคงเดินทางมาทำบุญที่สำนักสงฆ์แห่งหนึ่งใน ต.โพนสูง อ.ด่านซ้าย จ.เลย ตามปกติ แม้เมื่อ 2 วันก่อนผู้ปกครองสามเณร 4 รูป ได้เข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีหัวหน้าสำนักสงฆ์ในข้อหาพยายามล่วงละเมิดทางเพศ และทำร้ายร่างกายสามเณร และต่อมาหัวหน้าสำนักสงฆ์ได้ลาสิกขาเพื่อต่อสู้คดีความไทยพีบีเอสลงพื้นที่สอบถามข้อมูลจากพระลูกวัดและญาติโยมที่มาบุญส่วนใหญ่ต่างยืนยันว่า อดีตหัวหน้าสำนักสงฆ์ไม่เคยมีพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศ และทำร้ายร่างกายสามเณรตามที่ถูกกล่าวหา ซึ่งสำนักสงฆ์แห่งนี้จะเปิดโอกาสให้เยาวชนที่หลงผิดโดยเฉพาะผู้ที่เกี่ยวกับยาเสพติดเข้ามาปฏิบัติธรรมและบำบัดจิตใจด้วยพระพุทธศาสนา ซึ่งปัจจุบันมีเยาวชนเข้ามาบวช 16 รูปก็ไม่เคยมีปัญหาแต่อย่างใด พระพิชญวัฒน์ พระภายในสำนักสงฆ์ กล่าวขณะที่ผู้เสียหายอ้างว่า ได้ทำกิจกรรมร่วมกับสำนักสงฆ์ในช่วงที่ผ่านมา และหัวหน้าสำนักสงฆ์ได้ทักว่า มีวิญญาณที่เป็นผู้หญิงติดตามตัวตลอด พร้อมออกอุบายให้บวชเพื่อแก้เคล็ด ตนเองและเพื่อนจึงได้บวชพร้อมกัน แต่ผ่านมาประมาณวันที่ 8 หัวหน้าสำนักสงฆ์จึงวางแผนให้ไปหาในเวลากลางคืน โดยอ้างว่า จะทำพิธีเอาน้ำอสุจิไปไว้ในร่างกายเจ้าอาวาสแทน แต่เพื่อนสามเณรที่บวชพร้อมกันมาช่วยเหลือได้ทันเวลา ก่อนโทรแจ้งให้ผู้ปกครองมารับออกจากสำนักสงฆ์ | กรณีหัวหน้าสำนักสงฆ์แห่งหนึ่ง ใน จ.เลย ถูกผู้ปกครองสามเณร 4 รูปแจ้งความดำเนินคดีข้อหาพยายามล่วงละเมิดทางเพศ และ ทำร้ายร่างกายนั้นด้านญาติโยมและพระลูกวัดให้ข้อมูลอีกด้าน โดยเชื่อว่าอดีตหัวหน้าสำนักสงฆ์ไม่มีพฤติกรรมตามที่ถูกกล่าวหา | ภูมิภาค | ล่วงละเมิด,สามเณร,เณร,ด่านซ้าย,จ.เลย,ThaiPBSnews,ข่าวไทยพีบีเอส,ไทยพีบีเอส,ThaiPBS | https://news.thaipbs.or.th/content/274824 |
ปลดล็อกเกณฑ์บ้านประชารัฐ หวังประชาชนพาเหรดจับจอง | โดยจะเสนอให้ ครม.ยกเลิกเงื่อนไขที่กำหนดว่า ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการนี้ ต้องเป็นการซื้อบ้านหลังแรกเท่านั้น แต่ยังคงเงื่อนไขเดิมคือ ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการต้องมีรายได้ไม่เกิน 20,000 บาทต่อเดือน หาก ครม.เห็นชอบ จะทำให้ประชาชนที่จองบ้านประชารัฐ ธนารักษ์เฟสแรก 600 ยูนิต ที่จังหวัดเพชรบุรี ได้รับประโยชน์ด้วย ซึ่งปัจจุบันมียอดจองโครงการมากถึง 1,000-2,000 ราย แต่เมื่อตรวจสอบสิทธิ์บ้านหลังแรกแล้ว มีผู้ผ่านคุณสมบัติประมาณ 100 ราย,โครงการบ้านประชารัฐ ธนารักษ์ อนุมัติสินเชื่อไปเพียง 100 ราย ส่วนที่เหลือ ได้ขอให้ธนาคารออมสิน และธนาคารอาคารสงเคราะห์ ชะลอการพิจารณา เพื่อรอมติ ครม. หากปลดล็อกไม่ต้องเป็นบ้านหลังแรกได้แล้ว ธนาคารทั้ง 2 แห่งจะเริ่มพิจารณาสินเชื่ออีกครั้ง และที่สำคัญ กรมอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมโครงการบ้านประชารัฐ ธนารักษ์เฟส 2 อีก 3 แห่งคือ บนถนนพระราม 3 กรุงเทพฯ ปทุมธานี และเชียงใหม่ คาดว่า จะเสนอเข้า ครม.หลังจากแก้ไขหลักเกณฑ์บ้านหลังแรกแล้ว สาเหตุที่ สศค. แก้ไขหลักเกณฑ์บ้านหลังแรก เพราะประชาชนส่วนใหญ่มีบ้านของตนเองอยู่แล้ว แต่ไม่ถูกสุขลักษณะ เช่น เป็นเจ้าบ้านบนที่เช่า หรือบ้านอยู่ในชุมชนแออัดเป็นต้น จึงต้องการมีบ้านหลังใหม่. | นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่าขณะนี้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กำลังเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาปรับหลักเกณฑ์โครงการบ้านประชารัฐ ธนารักษ์ | ข่าว | จักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล,โครงการบ้านประชารัฐ,ธนารักษ์,ซื้อบ้านหลังแรก,ออมสิน | https://www.thairath.co.th/news/910702 |
หัวหน้าขนส่ง จ.ตาก เตรียมประสานตำรวจดำเนินคดีคนขับที่ทำนักเรียนตกรถตู้ | วันนี้ (30 พ.ค.2559) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาพเหตุการณ์ซึ่งถูกเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ของผู้ที่ใช้ชื่อว่า วัลลภ ขณะรถตู้รับส่งนักเรียนเลี้ยวเพื่อกลับรถในใน อ.แม่สอด จ.ตาก แต่ได้มีนักเรียนตกลงมา และพยายามวิ่งตามรถ จนผู้ที่ผ่านไปมาลงไปช่วยเหลือ ก่อนที่คนขับรถตู้ จะกลับมารับ และนำเด็กส่งโรงเรียนนายอภินพ บำรุงการ หัวหน้าขนส่ง จ.ตาก เปิดเผยว่า นักเรียนหญิงที่ประสบเหตุ สัญชาติเมียนมา อยู่ชั้นอนุบาล โรงเรียนบ้านแม่ตาว ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด ซึ่งได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เบื้องต้น เตรียมสั่งปรับและห้ามวิ่งรับผู้โดยสารโดยเด็ดขาด พร้อมประสานตำรวจติดตามรถตู้คันเกิดเหตุ เพื่อดำเนินคดีข้อหาขับรถยนต์ประมาท และให้บริการรถยนต์โดยสารที่ไม่ได้รับอนุญาต และจากการตรวจสอบรถรับ-ส่ง นักเรียนที่ให้บริการภายในโรงเรียน พบว่ามีหลายคันที่ผิดกฎหมายสำหรับเหตุการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นที่ จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา เมื่อนักเรียนอายุ 5 ขวบ ตกลงมาจากรถ บริเวณสี่แยกหมอพีระ ถนนพหลโยธินสายเก่า อ.เมือง ทำให้สำนักงานขนส่ง จ.เชียงราย เปรียบเทียบปรับเจ้าของรถและกำหนดให้รถตู้รับส่งนักเรียนต้องมีอุปกรณ์ให้ความปลอดภัยแก่ผู้โดยสาร | หัวหน้าขนส่ง จ.ตาก เตรียมสั่งปรับและห้ามคนขับรถตู้ที่ทำนักเรียนโรงเรียนบ้านแม่ตาว อ.แม่สอด ตกจากรถ วิ่งรับผู้โดยสารโดยเด็ดขาด พร้อมประสานตำรวจให้ดำเนินคดีข้อหาขับรถยนต์ประมาท และให้บริการรถยนต์โดยสารที่ไม่ได้รับอนุญาต | อาชญากรรม | ThaiPBSnews,ไทยพีบีเอส,เด็กนักเรียน,รถตู้,รถตู้นักเรียน,เชียงราย,โรงเรียนบ้านแม่ตาว,แม่สอด,ตาก | https://news.thaipbs.or.th/content/252723 |
ได้แล้ว วรรณกรรม รางวัลพานแว่นฟ้า ครั้งที่ 12 | ประกาศแล้ว ผลการตัดสินงานวรรณกรรมยอดเยี่ยมและดีเด่น รางวัลพานแว่นฟ้า ครั้งที่ 12 คัดเลือกจากผลงานทั้งสิ้นจำนวน 724 ชิ้น3 ก.ย.56 เพจเฟซบุ๊ค ประกาศผลการตัดสินงานวรรณกรรมยอดเยี่ยมและดีเด่น รางวัลพานแว่นฟ้า ครั้งที่ 12 โดยคัดเลือกจากผลงานทั้งสิ้นจำนวน 724 ชิ้น ผลงานเรื่องการยืนยันอีกครั้งหนึ่งของสาวแม่ฮ้างแห่งหมู่บ้านตาเอกทะไม โดย ลูเธอร์-เทอรัว แอนนาแบปติสต์ส ผลงานเรื่อง ถนนสู่ทุ่งหญ้า โดย รุ่งฤทธิ์ เพ็ชรรัตน์ ผลงานเรื่องเบี้ย โดย อรุณรุ่ง สัตย์สวี ผลงานเรื่องความตายของนกฟีนิกซ์ โดย รางชางฯ ได้แก่เกมประชาธิปไตย โดย วรณัฐ นามสมมติอาณาจักรใต้ดิน โดย จักษณ์ จันทรบันทึกของอรชุน โดย วิกรานต์ ปอแก้วผู้แปลกวิถี โดย กร ศิริวัฒโณรอยแผลจากเมืองพิกล โดย สมุด ทีทรรศน์ผู้บุกรุก โดย จารุพัฒน์ เพชราเวชอิสรภาพไม่มีหมายเลข โดย วิชชา ลุนาชัยภาพลวงในโลกละครสัตว์ โดย ปองวุฒิ รุจิระชาครบังชุกบอกว่า โทรทัศน์พัง โดย เหลี่ยม พระสมุทรฯตุลย์จันทร์ 2519 โดย จันทร์เคียว ได้แก่ในมือกำหมัดหยัดชู ในเสียงกู่ก้องตะโกนโดย อังคาร จันทาทิพย์ความยุติธรรมทางจิตวิญญาณ โดย ถนอม ไชยวงษ์แก้วเพียงเล่นอย่างเด็กเล่น โดย สองขาตัวอักษรเจ้าอยู่ในทุกที่ โดย ประสานต์ พรหมทองพิราบ โดย ภาคิน นิมมานนรวงศ์พื้นที่สันติภาพ โดย นายเงาอาณานิคมของความเศร้า โดย วิสุทธิ์ ขาวเนียมเงา โดย ณัฐกานต์ ลิ่มสถาพรสรรพนาม โดย ชัชชล อัจนากิตติส่วนเสี้ยวของความเศร้า โดย สุขุมพจน์ คำสุขุมทั้งนี้รางวัลพานแว่นฟ้า จัดขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ.2545 เนื่องในวาระครบรอบ 70 ปีรัฐสภาไทย โดยสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทยและรัฐสภาไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนได้ใช้เสรีภาพในการแสดงออกทางการเมือง และเป็นสืบสานวรรณกรรมการเมือง รวมถึงเป็นการปลุกจิตสำนึกประชาธิปไตย การประกวดรางวัลพานแว่นฟ้ามีการจัดต่อเนื่องกันมาทุกปีต่อมาจนถึงปัจจุบัน | ประกาศแล้ว ผลการตัดสินงานวรรณกรรมยอดเยี่ยมและดีเด่น รางวัลพานแว่นฟ้า ครั้งที่ 12 คัดเลือกจากผลงานทั้งสิ้นจำนวน 724 ชิ้น 3 ก.ย.56 เพจเฟซบุ๊ค รางวัลพานแว่นฟ้าแห่งรัฐสภาไทย | วัฒนธรรม | การเมือง,รัฐสภา,รางวัลพานแว่นฟ้า,วรรณกรรม | https://prachatai.com/journal/2013/09/48540 |
จับแล้วเสมียนทนาย แย่งปืนยิง พล.ต.ต.ธารินทร์ ศาลออกมาตรการรปภ. | ,พล.ต.ต.ธารินทร์ถูกยิงเข้าช่องท้อง 2 นัด ตร.ตามจับเสมียนทนาย คนแย่งปืนมายิงได้ในโรงแรม ให้การปฏิเสธ เผยปฐมบทมาจากการขายที่ดินให้กิตติวุฑโฒแล้ว ต่อมาทั้งคนขาย และคนซื้อตาย ,คดียิงในศาลฯ ตาย3 บาดเจ็บ2,วันที่ 13 พ.ย กรณี พล.ต.ต.,ธารินทร์ จันทราทิพย์, อดีตรองจเรตำรวจ วัย 67 ปี จำเลย ก่อเหตุชักปืนยิงคู่กรณีฝ่ายโจทก์ทำให้ นาย,บัญชา ปรมีศณาภรณ์, ทนายความและเป็นอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ นาย,วิจัย สุขรมย์, ทนายความ เสียชีวิต ส่วน นาง,สุภาพร ปรมีศณาภรณ์, ภรรยาของนายบัญชา และทนายความอีกคนบาดเจ็บ ก่อนที่ นาย,ธนากร ธีรวโรดม, เสมียนทนาย จะเอาปืนตำรวจศาล มายิง พล.ต.ต.ธารินทร์ จนเสียชีวิตไปด้วย สรุปเสียชีวิตรวม 3 ศพ บาดเจ็บ 2 ราย เหตุเกิดหน้าบัลลังก์ ภายในห้องพิจารณาคดี 2 ศาลจังหวัดจันทบุรี เมื่อเช้าวันที่ 12 พ.ย. ที่ผ่านมา ปมเหตุมาจากการฟ้องร้องเรื่องที่ดิน มานานร่วม 10 ปี,จับธนากรเสมียนทนาย คนยิงพล.ต.ต.ธารินทร์,ความคืบหน้า วันที่13พ.ย. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึง เหตุการณ์ที่ศาล จ.จันทบุรี ว่าได้รับรายงานจาก ภ.จว.จันทบุรี ว่าภายหลังจากการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ตรวจยึดอาวุธปืน, ปลอกกระสุนปืนและลูกกระสุน, สอบปากคำพยาน รวมไปถึงกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ ร.ต.อ.หญิง ปัญญาพร ศรีชาย รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองจันทบุรี ได้ขออนุมัติหมายจับ ศาลจังหวัดจันทบุรี เข้าจับกุม นายธนากร ธีรวโรดม ผู้ใช้ปืนของ ร.ต.อ.ขจร บรรจง รอง สวป.สภ.เมืองจันทบุรี ปฏิบัติหน้าที่ตำรวจศาล ยิงใส่ พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ในความผิดฐาน ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ,ไม่ได้หนี ยังนอนอยู่โรงแรม,ต่อมา เวลา 09. 00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรภาค 2 ได้พบรถยนต์คันที่นายธนากร โดยสารออกจากศาลฯ อยู่บริเวณ โรงแรมเกษมศานติ์ ในตัวเมืองจันทบุรี จึงได้เฝ้าดู จนกระทั่ง นายธนากร ออกจากห้องพัก จึงได้แสดงหมายจับ เข้าทำการจับกุม ควบคุมตัวมาสอบสวนปากคำที่ สภ.เมืองจันทบุรี โดยมีทีมทนายความ เดินทางมาร่วมฟังการสอบสวน โดยทางทนายความของ นายธนากร ไม่อนุญาตให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าไปภายในห้องสอบสวน ซึ่งนายธนากร ได้ขอให้การในชั้นศาล จนกระทั่งบ่าย ตำรวจได้นำตัวนายธนากร คลุมหน้าเดินลัดเลาะออกจากอาคารขึ้นด้านข้างโรงพักไปอย่างรวดเร็ว, ,จากนั้น เวลา 12.00น.ที่ห้องประชุมอาคารประชาธิปกศักดิเดช รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี นายเกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผอ.โรงพยาบาล พร้อมด้วยแพทย์นิติเวช และคณะแพทย์ผู้ดูแลรักษา ผู้บาดเจ็บ 2 ราย คือ นางสุภาพร ปรมีศณาภรณ์ อายุ 59 ปี ภรรยาทนายความบัญชา ฝ่ายโจทย์ และนายวิชัย อุดมธนภัทร อายุ 51 ปี ทนายความ ที่ถูก พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ ใช้อาวุธปืนพกสั้น ปืนกล็อก 22 ขนาด .40 กระหน่ำยิงจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เปิดแถลงอาการของผู้บาดเจ็บทั้ง 2 ราย,ทั้งนี้ อาการ นางสุภาพร ที่ถูกนำตัวส่งเข้ามารักษา มีอาการบาดเจ็บสำคัญ คือ ถูกยิงบริเวณท้อง และขาซ้าย 15 นาที ก่อนมาถึงโรงพยาบาล หลังเข้ารับการผ่าตัด ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี มีอาการตอบสนอง หายใจสัมพันธ์กับเครื่องดี แผลผ่าตัดหน้าท้อง ที่บริเวณขาหนีบข้างซ้าย และที่ฝ่าเท้าข้างซ้าย มีอาการดีขึ้น ปัจจุบันผู้ป่วย รู้สึกตัวดี ระบบการหายใจปกติ แผลผ่าตัดหน้าท้อง และแผลขาซ้ายที่ทำผ่าตัดแห้งดี ไม่บวมแดง,ส่วนอาการบาดเจ็บของ นายวิชัย อุดมธนภัทร อาการสำคัญ เข้ามารับการรักษา จากสาเหตุถูกยิงบริเวณนิ้วก้อยมือขวา อาการปัจจุบัน รู้สึกตัวดี แผลเย็บที่นิ้วก้อย แห้งดี ไม่มีเลือดซึม ไม่บวมแดง มีแผลถลอกบริเวณสีข้างด้านขวา โดยวันนี้แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านไปแล้ว,ขณะที่ แพทย์นิติเวช เปิดเผยถึงรายละเอียด บาดแผลเบื้องต้น ที่ตรวจพบจากการฉายเอ็กซเรย์ บนร่างของผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย คือ นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความ นายวิจัย สุขรมย์ ทนายความ และ พล.ต.ต.,ธารินทร์ จันทราทิพย์, ผู้ก่อเหตุ ก่อนถูกนำไปผ่าชันสูตรอย่างละเอียดที่ รพ.ตำรวจ โดยบนศพของ พล.ต.ต.ธารินทร์ พบบาดฉกรรจ์ บริเวณช่องท้องด้านซ้ายและด้านขวา จำนวน 2 นัด มีขนาดใกล้เคียงกัน และรอยกระสุนปืนถากบริเวณศีรษะ แขนซ้าย รอยถูกกระสุนปืนเข้า 2 แผล ออก 2 แผล ที่บริเวณเข่าด้านขา ซึ่งมีขนาดใกล้เคียงกัน และจากการเอ็กซเรย์ ไม่พบมีกระสุนตกค้าง คาดว่า มีการนำออกในขณะที่ผ่าตัดรักษา,เผย ทนายบัญชาถูกยิงเข้าลำคอด้านซ้าย,ส่วนศพของ นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความ จากการตรวจด้วยการเอ็กซเรย์ พบมีกระสุนปืนค้างที่บริเวณกราม บริเวณปาก กระดูกกรามแตกหลายแห่ง ที่คาดว่าจะเกิดจากรอยกระสุนปืนที่ทะลุจากลำคอด้านซ้าย และพบบาดแผลจากกระสุนปืน ที่บริเวณขาหนีบด้านซ้าย และที่บริเวณขาขวา จากการฉายภาพรังสี พบมีกระสุนปืนตกค้างที่บริเวณขาหนีบ,ศพของ นาย,วิจัย สุขรมย์, ทนายความฝ่ายโจทก์อีกคน จากการเอ็กซเรย์ พบมีบาดแผลจากกระสุนปืนที่บริเวณขมับซ้าย และจากการฉายรังสี พบมีกระสุนตกค้างในกะโหลกศีรษะ ที่คาดว่าน่าจะโดนในส่วนของสมอง พบมีบาดแผลกระสุนอยู่ที่บริเวณอก และจากการฉายรังสี ยังพบมีกระสุนปืนค้างอยู่ที่ช่องอก 1 นัด ที่ช่องท้องอีก 1 นัด ที่ข้อศอกขวาอีก 1 นัด และที่บริเวณสีข้าง มีรอยกระสุนปืน อีก 1 นัด ซึ่งกระสุนที่ถูกผ่าตัดออกมา จากผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต ได้ส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวนใช้เป็นหลักฐาน ในการนำไปเปรียบเทียบกับผลผ่าพิสูจน์หัวกระสุนจากทั้ง3ศพ ว่าแต่ละศพ ถูกยิงด้วยปืนกระบอกใด และขนาดใด,เผยที่มาเหตุพิพาท ขายที่ดินให้กิตติวุฑโฒ,ด้าน นายจรูญ วรรณกสิณานนท์ ทนายความที่ปรึกษาของ พล.ต.ต.ธารินทร์ กล่าวว่า จุดเริ่มต้นเป็นคดีความที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลานานถึง 8 ปี เป็นคดีของตระกูลโกศลานันท์ ที่ จ.จันทบุรี ที่ได้ขายที่ดินให้กับพระกิตติวุฑโฒ ภิกขุ ในนามของ มูลนิธิอธิธรรมมหาธาตุวิทยาลัย จำนวนเงิน 12 ล้านบาท เมื่อปี 2515 โดยพระกิตติวุฑโฒ ได้ขอซื้อผ่อนชำระ โดยการเรี่ยไรบุญจากประชาชน ตามหนังสือช่อฟ้าของวัดมหาธาตุ,กิตติวุฑโฒมรณภาพ น้องชายอ้าง เป็นคนซื้อ,เจ้าของที่ดิน คือ ตาของนางเขมจิรา บัญฑูรนิพิท อดีตภรรยา พล.ต.ต.ธารินทร์ ซึ่งคุณตาได้เสียชีวิต ไปเมื่อปี 2538 จากนั้น ระหว่างการผ่อนจ่ายซื้อที่ดินอยู่นั้น พระ,กิตติวุฑโฒ, ได้มรณภาพ ต่อมาเมื่อปี 2550 นายบุญช่วย น้องชายของพระกิตติวุฑโฒ ออกมาอ้างตัวว่า เป็นคนซื้อที่ดินทั้งหมด ตั้งแต่ปี 2515 ในราคา 14 ล้านบาท และอ้างว่า ได้ชำระค่าที่ดินแล้ว แต่นายบุญช่วย ไม่มีสัญญาซื้อขาย ไม่มีหลักฐานการชำระเงิน ไม่มี นส.3 ตัวจริง นอกจากนี้ ในคดีมีการแถลงจำนวนทายาทในคดีแรก มีเพียง 3 คน จากความจริงมี 6 คน ซึ่งแม่ของนางเขมจิรา เป็น ทายาท 1 ใน 6 ทำให้ทางแม่ของนางเขมจิรา ได้ขอให้ พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ อดีตตำรวจซึ่งเป็นอดีตสามีของนางเขมจิรา เข้ามาช่วยพิสูจน์ความจริง และจากการตรวจสอบพบว่า การซื้อขายที่ดินดังกล่าวมีการซื้อขายอย่างไม่ถูกต้อง จึงได้เกิดการฟ้องร้องกัน เป็นเวลา 8 ปี จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ขึ้น โดยส่วนตัวคิดว่า น่าจะเกิดความเครียด และกดดัน ทำให้ก่อเหตุขึ้นนายจรูญ กล่าว,เร่งสอบปม พล.ต.ต.ธารินทร์ ลอบนำปืนเข้าศาล,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 14.00 น. วันที่ 13 พ.ย.พ.ต.อ.ณพล นามนารถ รอง ผบก.จว.จันทบุรี ได้แถลงกับผู้สื่อข่าวว่า จากการสอบปากคำนายธนากร ให้การปฎิเสธในทุกข้อหา และขอให้การในชั้นศาล แต่ยอมรับว่าเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ส่วนในเรื่องของนายธนากร จะเป็นคนแย่งปืนไปยิงเองหรือตำรวจศาลเป็นผู้ยื่นปืนให้ รวมไปถึง เรื่องการที่ พล.ต.ต.ธารินทร์ ลักลอบนำอาวุธปืนของตนเองเข้าไปในศาลนั้น ตอนนี้อยู่ระหว่างให้คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้อยู่,อดีตผญบ.ยันที่ดิน3.8พันไร่ เป็นของบ.จิตตภาวัน ,ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง วัดคลองน้ำเป็น ตำบลพลวง อำเภอเขาคิชฌกูฏ พื้นที่ที่นายบุญช่วย ได้บริจาคที่ดินให้วัดไปแล้ว ได้พบกับ นาย,สมโภชน์ คละวรรณดี, อายุ 60 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 7 ตำบลพลวง ให้ข้อมูลว่า ตนเองเคยเป็นอดีตผู้ใหญ่บ้านที่ดูแลในพื้นที่ ที่ดิน 3,800 ไร่ เท่าที่รู้เป็นของ บริษัท จิตภาวัน ซึ่งมีนาย,บุญช่วย เจริญสถาพร, น้องชายของอดีตพระกิตติวุฑโฒ เป็นผู้จัดการบริษัทมาตั้งนานแล้ว ส่วนใหญ่พื้นที่ทั้งหมด จะทำเป็นสวนยางพารา ไร่ผลไม้ และช่วงหลังๆ มีการล้มไร่ยางพารา เปลี่ยนมาปลูกทุเรียนแทน,นายสมโภชน์ ยังบอกอีกด้วยว่า เพิ่งจะมีรู้ช่วงๆหลังๆมานี้ ที่มีการฟ้องร้องเรื่องที่ดิน ซึ่งตนเองก็ไม่รู้เรื่องมาก แต่ปกติแล้ว นายบุญช่วยนั้น เป็นคนที่ชาวบ้านในพื้นที่รักใคร่ดี มีน้ำใจ เนื่องจากเวลามีงานบุญ หรือให้ช่วยเหลือ บริจาคทำอะไร นายบุญช่วยก็จะเป็นคนยื่นมือเข้ามาช่วยตลอด ส่วนตัว มองว่า เหตุการณ์ที่ขึ้นในศาล อีกฝ่ายน่าจะไม่พอใจที่ฝั่งของนายบุญช่วย ชนะคดี และมีความอดทนไม่เพียงพอ ยับยั้งอารมณ์ไม่ได้ ซึ่งเป็นถึงตำรวจระดับพลตำรวจ ไม่ควรมาก่อเหตุแบบนี้,บุญช่วย ยืนยัน เรื่องจบที่ศาลฎีกาผมชนะคดี,ผู้สื่อข่าว พยายามติดต่อนาย,บุญช่วย เจริญสถาพร, ผู้ดูแลที่ดิน 3,800 ไร่ เพื่อสอบถามเรื่องความขัดแย้งที่เกิดขึ้นผ่านผู้ใหญ่บ้าน แต่ทางนายบุญช่วย และนายต้อม ลูกชาย ได้ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลใดๆกับทีมข่าว โดยบอกผ่านทางผู้ใหญ่บ้าน เพียงว่า เรื่องความขัดแย้งที่ดินทั้งหมดนั้น จบลงที่ 3 ศาล เรื่องจบลงที่ศาลฎีกาแล้ว และอีกฝ่ายได้แพ้คดีไปแล้ว ที่ดินทั้งหมดนั้นเป็นของตน โดยตอนนี้ขอเวลาจัดการเรื่องเหตุการณ์ในครั้งนี้ก่อน และขอคิดดูก่อนว่าจะชี้แจงกับนักข่าวหรือไม่ เพราะคิดว่าเรื่องจบไปแล้ว,รับศพ ทนายวิจัย สุขรมย์ กลับบ้านอดุรฯ ,วันเดียวกัน ที่.อุดรธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ่อแม่นาย,วิจัย สุขรมย์, อายุ 51 ปี ทนายความ อยู่บ้านเลขที่ 117 หมู่ 3 บ้านเมืองพรึก ต.แชแล อ.กุมภวาปี หนึ่งในผู้เสียชีสิต ได้เดินทางไปรับศพที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ เพื่อนำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิด โดยญาติเตรียมจัดพิธีสวดพระอภิธรรมศพตามประเพณีอีสาน และฌาปนกิจศพที่ วัดป่ามัชฌิมวงษ์รัตนาราม บ้านเหล่า ซึ่งญาติต่างวิพากษ์วิจารณ์ ถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้น ทำให้นายวิจัยต้องเสียชีวิต,ลุงเรียกร้อง ปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัย ,นายพัฒนกุล พึ่งตระกูล ลุงของนายวิจัย เปิดเผยว่า รู้สึกเสียใจมากที่มาเกิดเหตุในสถานที่ราชการ ที่เป็นบัลลังก์ศาล แต่มาเกิดเหตุสามารถเข้าไปยิงหน้าบัลลังก์ศาลยุติธรรม ที่ทุกคนร้องรู้ว่าเป็นที่ที่สำคัญ ต้องเคารพกฏของศาล และมีความปลอดภัย ซึ่งตนเสียใจอย่างมากที่มาเกิดเหตุกะทันหันแบบนี้ ในที่ที่ไม่น่าจะเกิด และญาติพี่น้องทุกคนต่างก็เสียใจ และตกใจที่ไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้,เชื่อว่า ระบบรักษาความปลอดภัยของศาล ยังไม่ดีเท่าไหร่ ควรที่จะพัฒนาให้ดีขึ้น เพื่อให้ความคุ้มครองกับผู้ที่ต้องเข้าไปในศาลให้ดีที่สุด และมาเกิดเหตุร้ายแรงกับญาติของเรา ผมอยากเรียกร้องให้ศาล มีมาตรฐานในการเข้มงวด การรักษาความปลอดภัย ให้ดีขึ้นกว่านี้ เพื่อที่ให้คนที่ต้องไปศาลเกิดความสบายใจ อย่างนี้ถือว่ายังล้าหลัง ในการดูแลรักษาความปลอดภัย, ,นายพัฒนกุล กล่าวอีกว่า ตอนทราบข่าวว่าหลานถูกยิง พ่อแม่ทนายวิจัยก็ตกใจ ถึงกับเป็นลม เพราะมันเกิดขึ้นแบบกะทันหันพี่น้องก็ทำใจไม่ได้ เพราะมันไม่น่าจะเกิดเหตุแบบนี้ขึ้น ระบบรักษาความปลอดภัยของศาลในประเทศไทย ควรจะดีกว่านี้ ขอฝากถึงการดูแลรักษาความปลอดภัยของศาลไทย ให้มีมาตรฐานที่ดีมั่นคง ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก โดยขอให้เกิดกับหลานเป็นรายสุดท้าย อย่าไปเกิดเหตุแบบนี้กับลูกหลานของใครอีก เพราะตั้งแต่เกิดมาก็ยังไม่เคยเห็นเหตุการณ์ที่มีการยิงกันในศาล และก็ไม่เชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นจริง,บ่ายวันเดียวกัน นาย,สราวุธ เบญจกุล, เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ได้ลงนามประกาศ เรื่องกำหนดมาตรการเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย,มีรายงานว่าการลงนามดังกล่าวเพื่อป้องกันเหตุร้ายคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนผู้มีอรรถคดีในศาลยุติธรรม และเพื่อเป็นหลักประกันความปลอดภัยให้แก่ข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ตลอดจนบุคคลต่างๆที่มาศาล อันจะทำให้ศาลยุติธรรมสามารถดำเนินกระบวนพิจารณาพิพากษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ,โดยอาศัยอำนาจตามความในระเบียบคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมว่าด้วยการรักษาความปลอดภัย พ.ศ.2550 หรือ ก.บ.ศ. ข้อ 6 และข้อ 24 โดยให้กำหนดมาตรการเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยโดยให้ถือปฏิบัติตามแผนควบคุมภาวะฉุกเฉิน หรือEmergency Plan ตามประกาศสำนักงานศาลยุติธรรมเรื่องการใช้แผนควบคุมภาวะฉุกเฉิน วันที่ 28 ก.พ. พ.ศ.2562,กำหนดข้อปฏิบัติรปภ.ศาลเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน,ในเวลาไล่เลี่ยกัน นายสราวุธ ได้ลงนามในหนังสือเวียนเรื่องกำหนดมาตรการเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ถึงหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดสำนักงานศาลยุติธรรมทั่วประเทศ,โดยมีเนื้อหาสำคัญ ดังนี้,ตามที่ได้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ศาลจังหวัดพัทยา ศาลจังหวัดจันทบุรีและในศาลต่างๆทั่วประเทศบ่อยครั้ง ซึ่งทำให้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นในการรักษาความปลอดภัยของหน่วยงานในสังกัดสำนักงานศาลยุติธรรมนั้น เพื่อเป็นการป้องกันและเตรียมความพร้อมในการแก้ไขสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น รวมถึงกำหนดบทบาทหน้าที่บุคลากรในสังกัดสำนักงานศาลยุติธรรมให้ทราบถึงขั้นตอนการปฏิบัติ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินต่างๆเพื่อป้องกันและขจัดเหตุร้าย ในเบื้องต้นจึงขอให้แต่ละศาลถือปฏิบัติตามในการเตรียมความพร้อมและซักซ้อมเพื่อความเข้าใจอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในการรักษาความปลอดภัยให้แก่บุคลากรรวมถึงประชาชนที่มาติดต่อราชการ,ทั้งนี้ ให้ ผอ.สำนักอำนวยการประจำศาลหรือผอ.สำนักงานประจำศาลเน้นย้ำโดยกำชับให้บุคลากรในสังกัดของท่าน ถือปฏิบัติตามประกาศสำนักงานศาลยุติธรรม เรื่องกำหนดมาตรการเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เพื่อโปรดทราบและแจ้งให้ผู้เกี่ยวข้องทราบและถือปฏิบัติโดยเคร่งครัดต่อไป | สรุปคดียิงในศาลจันทบุรี เสียชีวิต3ศพ พบ พล.ต.ต.ธารินทร์ถูกยิงเข้าช่องท้อง 2 นัด ตร.ตามจับเสมียนทนาย คนแย่งปืนมายิงได้ในโรงแรม ให้การปฏิเสธ เผยปฐมบทมาจากการขายที่ดินให้กิตติวุฑโฒ | ข่าว,ทั่วไทย | ยิงในศาล,ยิง3ศพ,ยิง3ศพในศาล,ยิงทนายความ,ศาลจังหวัดจันทบุรี,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/east/1703730 |
ธนาธร ติงประชาธิปัตย์ ชูแก้รัฐธรรมนูญต่อรองร่วม พปชร. | วันนี้ (28 พ.ค.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่กล่าวหลังร่วมประชุมกับแกนนำ 6 พรรคการเมือง โดยระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์และพรรคการเมืองอื่นๆ ควรทบทวนบทบาทและคำสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน เพื่อเดินหน้าในเจตนารมณ์ที่ประกาศไว้ พร้อมกับชี้ว่า หากต้องการแก้รัฐธรรมนูญ 2560 พรรคประชาธิปัตย์ควรเดินหน้าไปกับฝ่าย 7 พรรคหัวหน้าพรรคอนาคต ย้ำว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังคาดหวังว่า จะไปคุยกับพรรคพลังประชารัฐให้แก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งมันไม่มีทางเกิดขึ้นได้ เพราะพรรคพลังประชารัฐตั้งขึ้นมาเพื่อการสืบทอดอำนาจของระบอบ คสช. และหากต้องการแก้รัฐธรรมนูญจริงๆ คงจะเห็นและเลือกข้างได้ชัดเจนนายธนาธร ยังระบุอีกว่า หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ยังกล่าวถึงผลคะแนนเลือกตั้งซ่อม เขต 8 จังหวัดเชียงใหม่ ที่พรรคอนาคตใหม่ได้รับชัยชนะว่า เป็นภาพสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนส่งเสียงปฏิเสธการสืบทอดอำนาจขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทยย้ำว่า ยังคงเชื่อมั่นในเอกภาพของ 7 พรรคการเมือง ในการเสนอชื่อและลงมติเลือกผู้ที่เหมาะสมชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ปฏิเสธที่จะระบุว่าจะเสนอชื่อใคร เพราะยังมีเวลาในการหารือและตัดสินใจ | นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ชี้พรรคประชาธิปัตย์และพรรคการเมืองอื่นๆ ควรทบทวนบทบาทและคำสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน ย้ำหากต้องการแก้รัฐธรรมนูญควรเดินหน้าร่วมฝ่าย 7 พรรค | การเมือง | ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ,อนาคตใหม่,7 พรรคร่วม,เพื่อไทย,นายกรัฐมนตรี,ประชาธิปัตย์,แก้รัฐธรรมนูญ,ThaiPBSnews | https://news.thaipbs.or.th/content/280397 |
เขื่อนอุบลรัตน์แล้งหนัก เสี่ยงไม่มีน้ำกิน-น้ำใช้ เตือนงดปลูกข้าวนาปรัง | นายศิวาโรจน์ มุ่งหมายผล รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เผยว่า ขอนแก่นประสบภัย 16 อำเภอ 105 ตำบล 1,005 หมู่บ้าน ความเสียหายพื้นที่การเกษตรนาข้าว 478,373 ไร่ จังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติฉุกเฉินจำนวน 16 อำเภอ มีการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งนอกเขตชลประทาน ปลูกข้าวนาปรัง 8,490 ไร่ พืชไร่ 4,219 ไร่และพืชผัก 4,256 ไร่ ส่วนเขื่อนอุบลรัตน์ปัจจุบันมีน้ำอยู่ 707 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) หรือคิดเป็นร้อยละ 29 ของความจุอ่าง โดยมีปริมาณน้ำใช้การได้จริงเพียง 125 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 6 ของปริมาณน้ำที่ใช้งานได้จริง คาดว่าการใช้น้ำอุปโภคบริโภคน่าจะเพียงพอถึงเดือนมีนาคม 2559 เท่านั้น ถือว่ามีปริมาณต่ำสุดในรอบ 10 ปี จึงได้ขอความร่วมมือเกษตรกร งดปลูกข้าวนาปรังเพราะจะเสี่ยงต่อความเสียหายจากภัยแล้ง,โดยได้ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมเป็นคณะทำงานวางแผนและควบคุมส่งเสริมการปลูกพืชฤดูแล้งระดับจังหวัด เพื่อส่งเสริมการปลูกพืชฤดูแล้งเป็นไปตามนโยบายการแก้ไขปัญหาภัยแล้งของจังหวัด สำนักงานชลประทานที่ 6 ขอนแก่น รายงานว่ามีภาวะฝนน้อยมาก ทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนอุบลรัตน์มีน้ำน้อยให้เกษตรกร งดปลูกข้าวนาปรังเพราะจะเสี่ยงต่อความเสียหายจากภัยแล้ง จึงให้สำนักงานเกษตรจังหวัด แนะนำเกษตรกรปลูกพืชชนิดอื่นที่มีลู่ทางการตลาดดี ทดแทนข้าวนาปรังและต้องเป็นพืชที่ใช้น้ำน้อยในช่วงฤดูแล้งเท่านั้น เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วลิสง และพืชใช้น้ำน้อยอื่นๆ นอกจากนี้ทางจังหวัดยังได้สนับสนุนโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาล เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค เป็นแหล่งน้ำสะอาดใช้ในการผลิตน้ำประปาให้แก่หมู่บ้านได้อย่างทั่วถึง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการกรองและบำบัดน้ำของระบบประปาด้วย และยังจัดหน่วยซ่อมระบบประปา ซ่อมแซมเครื่องสูบน้ำ และหอถังที่ชำรุดพร้อมทั้งเป่าล้างบ่อน้ำบาดาลให้สามารถใช้งานได้อย่างสมบูรณ์,ขณะเดียวกันยังสนับสนุนโครงการเจาะน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรในพื้นที่ประสบภัยแล้ง โดยเจาะน้ำบาดาลและก่อสร้างบ่อพร้อมระบบกระจายน้ำไปแปลงเกษตร ซึ่งเกษตรกรสามารถสูบน้ำจ่ายไปยังแปลงเกษตรจากเครื่องสูบน้ำที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลนำไปติดตั้งให้ ครอบคลุมพื้นที่ทำการเกษตรถึง 50 ไร่ เป็นการส่งเสริมให้ประชาชนมีรายได้จุนเจือครอบครัวจากการเพาะปลูกตลอดทั้งปี และทำแผนที่แหล่งน้ำทั้งจังหวัด แยกเป็นรายพื้นที่แหล่งน้ำสาธารณะ หรือ การใช้น้ำไร่นา ตัวเอง และส่งเสริมปลูกปอเทือง และเลี้ยงสัตว์ที่มี่รายได้ดีแทน ในขณะที่ประมงจังหวัดขอนแก่นได้ออกหนังสือเตือนชาวประมงในจังหวัดห้ามเลี้ยงปลาในกระชังเด็ดขาด เพราะจากการตรวจสอบปริมาณน้ำเก็บกักภายในเขื่อนอุบลรัตน์ขณะนี้มีอยู่ที่ประมาณ 27% ของความจุอ่างเท่านั้น ถือเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก เป็นสัญญาณเตือนว่าปีนี้มีน้ำที่น้อยมากจะทำให้ประสบปัญหาภัยแล้งอย่างแน่นอน ได้แจ้งให้เกษตรกรงดเลี้ยงปลาในกระชัง เพื่อลดการเกิดน้ำเสีย ซึ่งจะทำให้ปลาในกระชังตายได้,ส่วนชลประทานหนองหวาย แจ้งว่า อ่างเก็บน้ำหนองหวายจะไม่มีน้ำผลิตน้ำประปาแล้ว จึงต้องมีมาตรการห้ามเลี้ยงปลาในกระชังในลำน้ำพองอย่างเด็ดขาด เพราะน้ำที่เหลืออยู่ขณะนี้คาดว่าใช้ได้ถึงปลายมีนาคม 2559 เท่านั้น หากไม่มีฝนตกลงมา จะไม่มีน้ำผลิตเป็นน้ำประปาสำหรับอุปโภค บริโภค อย่างแน่นอน ส่วนปริมาณน้ำที่เหลืออยู่จะต้องเก็บไว้ผลิตน้ำประปา เพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนในพื้นที่ขอนแก่นเพื่อการอุปโภคบริโภคเท่านั้น,และจากการลงพื้นที่สังเกตการณ์ การเลี้ยงปลาในกระชังของชาวบ้านในลำน้ำพอง พื้นที่ อ.เมืองขอนแก่น พบว่าบางกระชังมีปลาเพียงเล็กน้อย บางกระชังก็เป็นกระชังเปล่าแช่อยู่ในน้ำ ที่ขุ่นข้น แต่ไม่พบเจ้าของ ส่วนคลองชลประทานที่อยู่ระหว่างพื้นที่ตำบลบ้านขามและตำบลบัวใหญ่ ไม่มีน้ำ คลองแห้งจนฝุ่นคลุ้ง | เขื่อนอุบลรัตน์น้ำน้อย เสี่ยงไม่มีน้ำผลิตประปา ผวจ.ขอนแก่น เผยประสบภัย 16 อำเภอ 105 ตำบล 1,005 หมู่บ้าน การเกษตรนาข้าวเสียหาย 478,373 ไร่ ห้ามชาวบ้านเลี้ยงปลาในกระชัง เพื่อลดการเกิดน้ำเน่าเสีย วอนชาวบ้านปลูกพืชใช้น้ำน้อยแทน | null | ภัยแล้ง,เขื่อนอุบลรัตน์,ศิวาโรจน์ มุ่งหมายผล,น้ำประปา,พืชใช้น้ำน้อย,ขอนแก่น,ชลประทานหนองหวาย แ,ข่าว,ข่าวทั่วไทย,ภาคอีสาน,ไทยรัฐออนไลน์,ขาดแคลนน้ำ,น้ำอุปโภคบริโภค | https://www.thairath.co.th/content/567025 |
อุทยานฯ ภูลังกา ยังไม่เปิดเที่ยวถ้ำนาคา-น้ำตกตาดวิมานทิพย์ | วันนี้ (28 พ.ค.2563) นายพันธ์ยศ กีรติพงศ์ศักดา หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูลังกา เปิดเผยถึงกรณีมีการแชร์ภาพถ้ำนาคา และน้ำตกตาดวิมานทิพย์ ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูลังกา อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ ว่า จากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นทางอุทยานแห่งชาติภูลังกา กังวลว่าจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางเพื่อเข้าไปชมน้ำตกและถ้ำดังกล่าว ซึ่งในช่วงนี้ทางอุทยานแห่งชาติฯ ปิดการท่องเที่ยวตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด COVID-19ภาพ : กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชหัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูลังกา กล่าวเพิ่มเติมว่า บริเวณที่พบหินตามภาพอยู่ในจุดที่ยากต่อการเข้าถึงและเสี่ยงต่อการเกิดอันตราย ซึ่งต้องมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลอำนวยความสะดวก เบื้องต้นทางอุทยานแห่งชาติภูลังกา ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวทุกจุดในเขตอุทยานแห่งชาติ จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 จะคลี่คลาย และมีการประกาศเปิดการท่องเที่ยวสำหรับภาพที่ถูกแชร์ดังกล่าวได้ถ่ายไว้ก่อนมีการประกาศปิดอุทยานฯ โดยน้ำตกตาดทิพย์เป็นน้ำตกที่มีความสวยงาม การเข้าถึงค่อนข้างลำบาก เนื่องจากน้ำตกอยู่บริเวณหน้าผาสูงจากพื้นราบประมาณ 2 กิโลเมตร มีน้ำไหลเฉพาะช่วงฤดูฝน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ซึ่งต้องคำนึงถึงธรรมชาติโดยรอบเพื่อคงไว้ซึ่งธรรมชาติที่สวยงามภาพ : กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชส่วนถ้ำนาคา (เดิมชื่อถ้ำพญานาค) อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูลังกาเช่นเดียวกัน ลักษณะภายในถ้ำเป็นหินทราย ผนังถ้ำมีลักษณะเป็นเกล็ดงู หรือเกล็ดปลา รูปทรงคล้ายงูขนาดใหญ่นอนขดตัว ตัวถ้ำอยู่ห่างจากน้ำตกตาดวิมานทิพย์ 3-4 กิโลเมตร การเข้าถึงค่อนข้างลำบาก เนื่องจากปากถ้้ำอยู่บริเวณหน้าผาสูงจากพื้นราบประมาณ 2 กิโลเมตรทั้งนี้ หากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช มีประกาศเปิดการท่องเที่ยวแล้ว ทางอุทยานแห่งชาติภูลังกาจะจัดได้ระเบียบการเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ต่อไปภาพ : กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช | อุทยานแห่งชาติภูลังกา จ.บึงกาฬ แจงข้อเท็จจริงกรณีโซเชียลแชร์ภาพถ้ำนาคาและน้ำตกตาดวิมานทิพย์ ขณะนี้ยังไม่เปิดท่องเที่ยวเนื่องจากการแพร่ระบาด COVID-19 อีกทั้งเป็นจุดที่เสี่ยงอันตราย เข้าถึงยากลำบาก และอยู่บริเวณหน้าผาสูง 2 กิโลเมตร | สิ่งแวดล้อม | อุทยานแห่งชาติภูลังกา,ถ้ำนาคา,ถ้ำพญานาค,น้ำตกตาดทิพย์ | https://news.thaipbs.or.th/content/293031 |
ฝนตกห่าเดียว ทำน้ำทะลัก ซัดสะพานเพิ่งสร้างได้ 2 เดือนเสียหาย | ที่ จ.แพร่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ตั้งแต่วานนี้ (12 ก.ค.) ทำให้เกิดกระแสน้ำจากเขา ไหลลงสู่ห้วยสลก ต.แม่เกิ๋ง และลำห้วยแม่ป้าก ต.แม่ป้าก และตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. วันนี้ (13 ก.ค.) กระแสน้ำได้ไหลกัดเซาะตลิ่ง เป็นเหตุให้ถนนได้รับความเสียหายหลายจุด,โดยถนนน้ำลอด (ท่อเหลี่ยม) ข้ามลำห้วยสลก ม.4 ต.แม่เกิ๋ง ถูกน้ำกัดเซาะเสียหาย 3 จุด ยานพาหนะทุกชนิดไม่สามารถผ่านได้, ถนนลูกรัง ม.8 ต.แม่เกิ๋ง จำนวน 3 สาย เสียหาย ยานพาหนะทุกชนิดไม่สามารถผ่านได้, สะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก ม.6 ต.แม่ป้าก และ ฝายชะลอน้ำกล่องหิน ม.4 ต.แม่ป้าก ,ในเบื้องต้น อ.วังชิ้น ได้สั่งการให้ อบต.ทั้งสองแห่ง เข้าไปแก้ไข ซ่อมแซมเส้นทางคมนาคม ให้สามารถใช้การได้โดยเร่งด่วน,ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 น. ชาวบ้านแม่ป้ากหมู่ที่ 6 ได้พาสื่อมวลชนไปดูความเสียหาย หลังจากที่น้ำป่าได้ไหลทะลักลงมาพัดเอาสะพานคอนกรีต ซึ่งเป็นสะพานคนเดินข้ามจากหมู่บ้านไปยังพื้นที่การเกษตร โดยชาวบ้านเผยว่า สะพานแห่งนี้ สร้างจากงบ อบต. ได้เพียงสองเดือน โดยเมื่อคืนนี้ ฝนตกลงมาห่าเดียว น้ำป่าก็ทะลักและพัดเอาสะพานหัก เสาหัก คอนกรีตพังยุบ คอสะพานแตกเป็นเสี่ยงๆ ,ด้าน นายวัฒนา พุฒิชาติ ผวจ.แพร่ ได้สั่งการลงไปทุกอำเภอ ให้นายอำเภอทุกแห่งเฝ้าระวัง ประกาศเตือนชาวบ้าน ซึ่งตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 18 ก.ค.นี้ อาจจะมีฝนตกหนักในพื้นที่ที่เคยถูกน้ำท่วม เช่น อ.วังชิ้น, อ.สอง, อ.เมือง และ อ.เด่นชัย เป็นต้น โดยให้เร่งให้การช่วยเหลือประชาชนทันที หากเกิดเหตุขึ้น. | ฝนตกหนักที่แพร่ ทำน้ำหลากลงจากเขา ทะลักท่วมถนนหลายจุด ชาวบ้านโอดซัดสะพานเพิ่งสร้างได้ 2 เดือนเสียหาย ขณะจังหวัดเตือนฝนหนักถึง 18 ก.ค.นี้ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือชาวบ้านเดือดร้อน หากได้รับร้องขอ | ข่าว,ทั่วไทย | ฝนตก,น้ำหลาก,น้ำท่วม,แพร่,สะพานพัง,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/north/1003762 |
ไม่ใช่แค่ไทย ประเทศอื่นก็มียุทธศาสตร์ชาติ ส่องยุทธศาสตร์ชาติเด่น 5 ประเทศ | ช่วงนี้เราอาจได้ยินคนพูดถึงยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศกันเยอะ หลังจากที่รัฐบาล คสช. พยายามผลักดันยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีเพื่อไปสู่เป้าหมายการเป็นประเทศที่พัฒนาในหลากหลายมิติ จริงๆ แล้วรัฐบาลในหลายประเทศทั่วโลกก็มีการกำหนดแผนยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาประเทศในมิติต่างๆ อย่างจริงจัง ซึ่งด้านหนึ่งก็สะท้อนวิสัยทัศน์ของผู้นำและรัฐบาลของประเทศนั้นๆ ว่าให้ความสำคัญกับนโยบายด้านไหนในระยะยาว สำหรับยุคอุตสาหกรรม 4.0 หรือเศรษฐกิจดิจิทัลที่เทคโนโลยีสารสนเทศถูกนำมาผนวกกับอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างแยกจากกันไม่ได้ เหล่าผู้เล่นต้องอาศัย Big Data ในการช่วยวิเคราะห์ตลาดเพื่อกำหนดกลยุทธ์อย่างแม่นยำ ดังนั้นยุทธศาสตร์ของหลายประเทศจึงมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งระบบ Cloud Computing Internet of Things (IoT) หุ่นยนต์ และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพราะใครกุมเทคโนโลยีเหล่านี้ย่อมหมายถึงโอกาสในการพิชิตคู่แข่งในตลาดและผงาดเป็นผู้นำโลกอย่างแท้จริงนอกจากนโยบายด้านดิจิทัลแล้ว เทรนด์โลกหลังจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาแหล่งพลังงานหมุนเวียน เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมTHE STANDARD จะพาไปดูยุทธศาสตร์ที่เด่นๆ ของบางประเทศที่กำลังจับเทรนด์เหล่านี้กันจีนกับยุทธศาสตร์ผู้นำ AI ภายใน 12 ปีถึงแม้จีนจะออกตัวช้ากว่าประเทศในซีกโลกตะวันตก รวมถึงคู่แข่งในภูมิภาคอย่างญี่ปุ่นในการปฏิวัติอุตสาหกรรมช่วง 2 ยุคแรก แต่ในยุคโลกาภิวัตน์ที่ไร้พรมแดนและขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ จีนสามารถช่วงชิงความเป็นผู้นำด้านดิจิทัลจากยุทธศาสตร์ที่โดดเด่น ทั้งในระบบอีคอมเมิร์ซที่ผูกติดกับเศรษฐกิจดิจิทัลและ AIในเอกสารฉบับหนึ่งซึ่งออกโดยสภาคณะมนตรีแห่งรัฐของจีนเมื่อปีที่แล้วระบุไว้ชัดเจนว่า จีนต้องการก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นหลักในด้าน AI ของโลก ภายในปี 2030 โดยระหว่างนี้รัฐบาลจะทุ่มเม็ดเงินลงทุนในด้านการค้นคว้าวิจัยเพื่อสร้างนวัตกรรม AI อย่างต่อเนื่องข้อได้เปรียบที่ทำให้หนทางการเป็นผู้นำ AI ของจีนราบรื่นกว่าชาติตะวันตกก็คือการที่ผู้เกี่ยวข้องสามารถนำนโยบายจากรัฐไปปฏิบัติได้อย่างไม่มีสะดุด เนื่องจากรัฐบาลมีเสถียรภาพ ขณะที่ประเทศฝั่งเสรีนิยมอาจเผชิญอุปสรรคในการผลักดันนโยบายต่างๆ ตามกระบวนการของประชาธิปไตยที่ผ่านมาจีนแสดงให้เห็นว่าไม่ได้พูดแค่ลมปาก แต่ลงมือทำจริง หนึ่งในตัวอย่างคือการผลักดันอภิมหาโครงการเส้นทางสายไหมใหม่ หรือ Belt and Road ในดำริของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง จนเวลานี้เป็นรูปเป็นร่างไปมากและมีหลายประเทศที่ตั้งอยู่ตามรายทางตบเท้าเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งเพราะกลัวตกรถไฟขบวนสำคัญกับโอกาสเข้าถึงตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่ในจีนยุทธศาสตร์ AI ก็เช่นกัน สีจิ้นผิงหมายมั่นปั้นมือว่าจะผลักดันเป็นวาระแห่งชาติไม่ต่างจากโครงการ Belt and Road โดยภาครัฐเตรียมจัดสรรงบประมาณจำนวน 3.2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อสนับสนุนบรรดาผู้ประกอบการในการคิดค้นนวัตกรรม ด้วยเป้าหมายที่จะปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจจากที่เคยมุ่งเน้นอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อส่งออกไปสู่ระบบเศรษฐกิจที่เน้นภาคบริการบนพื้นฐานของเทคโนโลยีและนวัตกรรมไม่ใช่แค่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ทุกกระทรวงในจีนต่างขานรับนโยบายของรัฐบาลกันถ้วนหน้า รวมถึงกระทรวงศึกษาธิการด้วย ซึ่งนำไปสู่การเตรียมพร้อมบรรจุหลักสูตรต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ไปจนถึงการผลักดันโครงการส่งเสริมนวัตกรรม และศูนย์บ่มเพาะธุรกิจสตาร์ทอัพปัจจุบันจีนได้ผลิตบุคลากรด้านวิศวกรรมจำนวนมากที่พร้อมเข้าสู่สนาม AI ไม่เพียงแต่ระบบอัลกอริทึมในด้านการเงิน ธนาคาร รถยนต์อัตโนมัติ เวชภัณฑ์ หรือเทคโนโลยีจดจำใบหน้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงนวัตกรรม AI ด้านการเรียนรู้เชิงลึกอีกด้วย ดังนั้นความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้าก็คือการผลิตวิศวกรสาขา AI ที่สามารถสร้างอัลกอริทึมที่ประมวลวิเคราะห์ได้เร็วขึ้นและเชื่อมต่อกับระบบตรรกศาสตร์ทางธุรกิจได้ดีขึ้นแต่จีนมีความได้เปรียบหลายประเทศอยู่หลายช่วงตัวในด้านนี้ เพราะในขณะที่หลายประเทศกำลังอยู่ในขั้นค้นคว้าวิจัยหรือร่างนโยบายอยู่นั้น จีนได้ไปฉิวถึงขั้นนำนโยบายต่างๆ ไปปฏิบัติดังนั้นเป้าหมายการเป็นฮับนวัตกรรม AI ภายในปี 2030 จึงไม่น่าไกลเกินเอื้อมสำหรับจีน โปรตุเกสกับยุทธศาสตร์พลังงานทางเลือกถ้าพูดถึงพลังงานทดแทนหรือพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) เราอาจนึกถึงจีนเป็นประเทศแรกๆ เพราะเป็นประเทศที่ลงทุนในด้านนี้มากเป็นลำดับต้นๆ ของโลกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่คุณรู้หรือไม่ว่าโปรตุเกสก็เป็นอีกชาติที่ส่งเสริมโครงการพัฒนาพลังงานทางเลือกเช่นกัน แถมยังกำหนดเป็นแผนยุทธศาสตร์แห่งชาติอย่างจริงจังและต่อเนื่องด้วยเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โปรตุเกสสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนได้เกินความต้องการของประเทศเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 40 ปี คิดเป็น 103.6% ของการบริโภคไฟฟ้าทั่วประเทศ นั่นหมายความว่าในอนาคตอันใกล้นี้โปรตุเกสจะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าใช้โดยไม่ต้องพึ่งพาพลังงานจากฟอสซิลอีกต่อไป หากพวกเขาต้องการบอกลาแหล่งพลังงานที่ก่อมลพิษเหล่านั้นสมาคมพลังงานหมุนเวียนแห่งโปรตุเกสและองค์กรรักษ์โลกอย่าง ZERO ระบุว่า ความสำเร็จดังกล่าวนับเป็นแบบอย่างที่ดีให้ชาวโลกได้เห็นว่าพลังงานทดแทนจะเป็นทางเลือกแห่งอนาคต ขณะที่โปรตุเกสต้องการให้แหล่งพลังงานสะอาดเหล่านี้มีความปลอดภัยและพึ่งพาได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ที่สำคัญสามารถตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริงเมื่อ 4 ปีก่อนโปรตุเกสเคยสร้างสถิติผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนสูงถึง 99.2% ของความต้องการ ซึ่งตอกย้ำว่าพวกเขามีแต่เดินหน้า และไม่ต้องการไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้ พร้อมกับตั้งเป้าว่า ภายในปี 2040 พวกเขาจะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเพื่อรองรับการบริโภคไฟฟ้าของประชาชนทั่วประเทศตลอดทั้งปีและตอบโจทย์ทั้งในแง่ต้นทุนและประสิทธิผลด้วย หลังจากที่กำหนดเป้าหมายไว้ในแผนยุทธศาสตร์พลังงานแห่งชาติ (ENE 2020) ว่าจะขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในสัดส่วน 60% ของพลังงานทั้งหมดภายในปี 2020ไปดูกันว่ามีปัจจัยอะไรที่ทำให้โปรตุเกสประสบความสำเร็จในการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทางเลือกคำตอบคือแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์และสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสมทั้งแสงแดดและแรงลม ซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อโครงการพลังงานทางเลือกของโปรตุเกส โดยเฉพาะการผลิตกระแสไฟฟ้าจากเขื่อนพลังน้ำและกังหันลม โดยที่ผ่านมาสัดส่วนการบริโภคไฟฟ้าที่ผลิตจากเขื่อนในโปรตุเกสอยู่ที่ประมาณ 55% ต่อเดือน ขณะที่กังหันลมอยู่ที่ระดับ 42% ซึ่งนับว่าสูงมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆแต่จุดเปลี่ยนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนดีมานด์ในพลังงานหมุนเวียนของโปรตุเกสก็คือ การเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านพลังงานในสมัยรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีโจเซ โซเครติส ตั้งแต่ปี 2005 จนนำไปสู่การเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนถึง 3 เท่าตัวจากระดับ 1220 เมกะวัตต์ในปี 2004 ถึง 4307 เมกะวัตต์ในปี 2009 ซึ่งขณะนั้นมีสัดส่วนคิดเป็น 36% ของปริมาณการบริโภคไฟฟ้าทั้งประเทศนอกจากนี้รัฐบาลยังส่งเสริมนโยบายการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff หรือ FiT เพื่อกระตุ้นให้ภาคเอกชนหันมาลงทุนในพลังงานหมุนเวียนซึ่งมีต้นทุนสูงเพื่อแลกกับสิทธิประโยชน์ที่มากกว่าพลังงานจากเชื้อเพลิง ซึ่งก็นับว่าได้ผล และเป็นยุทธศาสตร์ที่น่าสนใจไม่น้อยเอสโตเนีย ผู้นำดิจิทัลในยุโรปเมื่อปีที่แล้ว นิตยสาร Forbes ยกเอสโตเนียเป็นประเทศผู้นำด้านดิจิทัลในยุโรป หลายคนอาจไม่คาดคิดว่าประเทศเล็กๆ ที่อยู่ริมทะเลบอลติกและถูกรายล้อมด้วยชาติแถบสแกนดิเนเวียสามารถก้าวไปถึงจุดนี้ได้อย่างไร อันที่จริงแล้วเอสโตเนียมีการกำหนดยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนมาแต่แรก ด้วยเป้าหมายที่จะเป็นซิลิคอนแวลลีย์แห่งยุโรปหรือศูนย์กลางด้านดิจิทัลในภูมิภาค เริ่มจากการวางรากฐานการศึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีทีให้กับประชาชนทั่วประเทศเอสโตเนีย ซึ่งมีประชากรเพียง 1.3 ล้านคนยังเป็นผู้นำด้านบริการสาธารณะด้วยระบบออนไลน์ในยุโรป จากการจัดอันดับด้วยดัชนี Digital Economy and Society Index (DESI) ของสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศต่างๆ ในยุโรป นอกจากนี้เอสโตเนียยังติดทำเนียบผู้นำชาติยุโรปในดัชนีความมั่นคงทางไซเบอร์ระดับโลกของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU)อาจเป็นเรื่องน่าประหลาดใจไม่น้อยสำหรับประเทศที่แยกตัวออกมาจากสหภาพโซเวียตอย่างเอสโตเนียที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำโลกด้านนวัตกรรมทางดิจิทัล แต่หากเรามองย้อนกลับไปจะเห็นว่า นอกจากนโยบายด้านการศึกษาแล้ว รัฐบาลเอสโตเนียยังมีวิสัยทัศน์กว้างไกลในการกำหนดยุทธศาสตร์สำหรับยุคอุตสาหกรรม 4.0 ไปจนถึงการเตรียมความพร้อมสู่ยุค เอสโตเนีย 5.0 ตั้งแต่การผลักดันนโยบายพลเมืองอิเล็กทรอนิกส์ (e-Citizenship) จนประสบความสำเร็จ ซึ่งอำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถทำธุรกรรม หรือติดต่อราชการผ่านทางระบบดิจิทัล ไปจนถึงการพัฒนาแพลตฟอร์มรองรับต่างๆ ที่เปิดทางให้พลเมืองสามารถออกเสียงเลือกตั้งในระบบออนไลน์ รวมถึงลงประชามติ เรียกได้ว่าเข้าสู่ยุครัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government) เต็มรูปแบบเลยทีเดียวและเทคโนโลยีบล็อกเชนนี่แหละที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของเงินตราดิจิทัลชั้นนำอย่างบิตคอยน์ด้วย ขณะที่รัฐบาลเอสโตเนียยังมีแผนออกเงินตราเสมือนแห่งชาติ (National Virtual Currency) เพื่อใช้ในการทำธุรกรรมและชำระหนี้ตามกฎหมาย แต่โครงการดังกล่าวถูกชะลอออกไป เนื่องจากถูกคัดค้านโดย มาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) รัฐบาลเอสโตเนียยังส่งเสริมผู้ประกอบการต่างชาติให้เข้ามาใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มดิจิทัลที่รัฐบาลสร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ธุรกิจต่างๆ โดยที่บริษัทเหล่านี้สามารถดำเนินงานผ่านระบบออนไลน์ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของโลกที่ผ่านมามีรัฐบาล 40 ประเทศที่ยึดโมเดลของเอสโตเนียในการพัฒนาระบบดิจิทัล อย่างไรก็ดี เอสโตเนียระบุว่า นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะเอสโตเนียกำลังสร้างโมเดลประเทศดิจิทัลใหม่สำหรับพลเมืองโลกทุกคน และต้องการให้ทุกคนมีส่วนร่วมกับแพลตฟอร์ม e-Residency ที่มีความเป็นหนึ่งเดียว ชอบด้วยกฎหมาย และโปร่งใส โดยไม่คำนึงถึงสัญชาติหรือที่ตั้งประเทศภายใต้แพลตฟอร์มดังกล่าว ผู้ประกอบการทุกคนจะสามารถเข้าถึงบริการอิเล็กทรอนิกส์ (e-Services) ของเอสโตเนีย ซึ่งมอบเสรีภาพในการจัดตั้งและดำเนินงานบริษัท EU จากทุกที่ทั่วโลกสหราชอาณาจักรกับอนาคตสีเขียวหลายประเทศกำลังตระหนักถึงความสำคัญในการแก้ปัญหาโลกร้อนและมลพิษในสิ่งแวดล้อม สหราชอาณาจักรก็เป็นหนึ่งในนั้นและได้คลอดแผนยุทธศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อมระยะ 25 ปีเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เราไปดูกันว่านโยบายด้านเด่นๆ มีอะไรบ้างรัฐบาลอังกฤษตั้งเป้าจะกำจัดขยะประเภทที่สามารถลดได้ให้หมดไปภายในปี 2050 และขยะพลาสติกประเภทที่ลดได้ภายในปี 2042 นอกจากนี้ยังเตรียมนำระบบภาษีมาช่วยควบคุมการบริโภคพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง รวมถึงพิจารณามาตรการแบนของใช้หรือวัสดุบางอย่างที่ทำจากพลาสติกเพื่อลดปริมาณขยะในทะเล ตลอดจนส่งเสริมให้ใช้วัสดุทดแทนที่สามารถรีไซเคิลกลับมาใช้ใหม่ได้นอกจากนี้ภาครัฐจะช่วยผู้ค้าปลีกและผู้ให้บริการขนส่งมวลชนติดตั้งจุดบริการน้ำดื่มฟรีตามเมืองใหญ่ๆ ในอังกฤษ เพื่อลดปริมาณขวดพลาสติก ขณะเดียวกันยังส่งเสริมให้อุตสาหกรรมผลิตน้ำดื่มสร้างเครือข่ายจุดเติมน้ำทั่วประเทศด้วยสำหรับแผนลดปริมาณคาร์บอนนั้น รัฐบาลอังกฤษได้เริ่มยุทธศาสตร์ทำให้ถนนปลอดจากคาร์บอนตั้งแต่ปี 2018 โดยส่งเสริมให้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า รถขับเคลื่อนเองอัตโนมัติ และการใช้ข้อมูลการคมนาคมที่ดีขึ้นขณะเดียวกันสหราชอาณาจักรยังมุ่งลดมลพิษทางอากาศจากแหล่งอื่นๆ ที่ไม่ใช่ท้องถนนอีกด้วย เช่น การใช้ปุ๋ยเคมีในภาคการเกษตร และการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังสนับสนุนให้ภาคครัวเรือนลดการใช้เชื้อเพลิงแข็งอย่างถ่านหินในการเพิ่มความอบอุ่นในช่วงหน้าหนาวด้วยอีกหนึ่งยุทธศาสตร์ที่น่าสนใจก็คือการสร้างเครือข่ายฟื้นฟูธรรมชาติ โดยการขยายพื้นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าเพิ่มเติม 500000 เฮกตาร์ในเขตป่าสงวน พร้อมระบบโครงสร้างพื้นฐานในเขตเมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยรัฐบาลเชื่อว่าการเพิ่มพื้นที่ป่าไม้จะช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอน เพิ่มคุณภาพน้ำและป้องกันอุทกภัยได้เป็นอย่างดีสหราชอาณาจักรยังตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำโลกในด้านการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด โดยส่งเสริมให้ภาคส่วนต่างๆ ใช้วัสดุเหลือใช้ และจูงใจให้เกิดนวัตกรรมการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆญี่ปุ่น มหาอำนาจด้านหุ่นยนต์เมื่อพูดถึงญี่ปุ่น แน่นอนว่าสิ่งแรกๆ ที่เรานึกถึงคือหุ่นยนต์ ในอดีตญี่ปุ่นนำวิทยาการด้านหุ่นยนต์มาใช้ในสายพานการผลิตของอุตสาหกรรมอย่างแพร่หลายตั้งแต่ทศวรรษ 1980 โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ สำหรับญี่ปุ่นแล้ว หุ่นยนต์มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมต่างๆ ที่เป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจญี่ปุ่น ดังนั้นการกำหนดยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนานวัตกรรมหุ่นยนต์อย่างต่อเนื่องจึงมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาวะเงินฝืดแต่เทรนด์หลังจากนี้หุ่นยนต์จะมีบทบาทมากกว่าการอยู่บนสายพานตามโรงงาน เพราะเทคโนโลยี AI จะถูกนำมาผนวกกับหุ่นยนต์เพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันของมนุษย์มากขึ้น ดังจะเห็นได้จากการเปิดตัวหุ่นยนต์คนรับใช้ หรือหุ่นยนต์สัตว์เลี้ยงที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการแบบจำเพาะเจาะจงยิ่งขึ้นด้วยฟังก์ชันต่างๆ และเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่ซับซ้อนหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ญี่ปุ่นต้องเร่งพัฒนาวิทยาการหุ่นยนต์อย่างต่อเนื่องก็เพราะญี่ปุ่นประสบปัญหาในด้านอัตราการเกิดต่ำและเข้าสู่ภาวะสังคมผู้สูงอายุเหมือนกับหลายๆ ประเทศ ซึ่งทำให้แรงงานในวัยทำงานมีสัดส่วนลดลงจนน่าวิตก ดังนั้นการพัฒนาหุ่นยนต์เพื่อทดแทนแรงงานคนจึงเป็นสิ่งจำเป็นนอกจากนี้เจ้าแห่งเทคโนโลยีอย่างญี่ปุ่นยังต้องการพัฒนาหุ่นยนต์เพื่อช่วยในงานกู้ภัยและการปกป้องชีวิตพลเรือน เนื่องจากญี่ปุ่นตั้งอยู่ในแนววงแหวนแห่งไฟ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติทั้งจากแผ่นดินไหวและสึนามิแต่ถึงแม้ญี่ปุ่นจะเป็นประเทศมหาอำนาจด้านหุ่นยนต์มาตลอด แต่พวกเขาก็กำลังเผชิญกับคู่แข่งและผู้เล่นรายใหม่ที่ยกระดับตัวเองขึ้นมาอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะจีนและสหรัฐฯในช่วงไม่กีปีที่ผ่านมา ประเทศพัฒนาแล้วทั้งในยุโรปและอเมริกา รวมถึงประเทศตลาดเกิดใหม่ขนาดใหญ่อย่างจีนต่างก็ให้ความสำคัญกับการนำวิทยาการหุ่นยนต์มาช่วยขับเคลื่อนการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ โดยในปี 2011 รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ผลักดันโครงการนำร่องด้านหุ่นยนต์แห่งชาติ และมอบเงินทุนสนับสนุนงานวิจัยหุ่นยนต์ในสาขา AI และเทคโนโลยีจดจำภาพและเสียงจำนวนหลายสิบล้านเหรียญต่อปีขณะที่จีนมีการลงทุนในด้านวิจัยและพัฒนา AI และหุ่นยนต์ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นทุกปี ดังนั้นจึงน่าจับตาดูว่าญี่ปุ่นซึ่งมีข้อจำกัดในด้านตลาดแรงงานและเงินทุนสนับสนุนจะคงความเป็นผู้นำในด้านนี้ได้อีกนานแค่ไหน ถึงแม้ว่ายุทธศาสตร์ของพวกเขาจะมีความชัดเจนก็ตามอ้างอิง:สำหรับกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2580) ซึ่งผลักดันโดยรัฐบาล คสช. นั้น ให้ความสำคัญใน 6 ด้าน ได้แก่โดยเมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้รับร่างยุทธศาสตร์ดังกล่าวแล้ว และจากนี้จะตั้งคณะกรรมาธิการ 38 คน เพื่อศึกษาร่างยุทธศาสตร์ภายใน 22 วัน และต้องส่งรายงานให้ สนช. พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนวันที่ 7 กรกฎาคมนี้ | จีนต้องการเป็นผู้นำด้าน AI ของโลกภายในปี 2030 ด้วยยุทธศาสตร์ส่งเสริมการคิดค้นนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง ขณะที่จีนมีความได้เปรียบเหนือคู่แข่งรายอื่นๆ ในด้านตลาด เงินทุน ขนาดเศรษฐกิจ และรัฐบาลที่มีเสถียรภาพญี่ปุ่นยังให้ความสำคัญกับยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาหุ่นยนต์ ด้วยเป้าหมายคงความเป็นประเทศมหาอำนาจในด้านนี้ ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดจากสหรัฐฯ และผู้เล่นรายใหม่ที่น่าจับตาอย่างจีนเอสโตเนีย ประเทศเล็กๆ ในยุโรปคิดใหญ่ หวังเป็นซิลิคอนแวลลีย์แห่งภูมิภาค หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการสร้างแพลตฟอร์มเชื่อมต่อพลเมืองกับระบบดิจิทัลครบวงจร | null | null | https://thestandard.co/5-national-strategys/ |
เจาะลึกเลือกตั้งกาตาลุญญา 7 ผู้สมัครกับอนาคตของชาวคาตาลัน | หลังจากที่นายมาเรียโน ราฮอย (Mariano Rajoy) นายกรัฐมนตรีสเปนได้ประกาศใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 155 ต่อแคว้นกาตาลุญญา โดยประกาศให้ผลการลงประชามติเพื่อประกาศเอกราชจากสเปน รวมถึงการประกาศเอกราชเเต่เพียงฝ่ายเดียวเมื่อวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา กลายเป็นโมฆะและมิชอบด้วยกฎหมาย พร้อมทั้งสั่งยุบสภากาตาลุญญา ปลดคณะรัฐบาลท้องถิ่นทั้งหมดและประกาศให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่นในวันที่ 21 ธันวาคมที่จะถึงนี้ทำให้บรรยากาศการเมืองในกาตาลุญญาร้อนระอุขึ้นมาอีกครั้ง น่าจับตาว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะนำพาอนาคตของชาวคาตาลันเดินไปในทิศทางไหน7 ผู้สมัครจาก 7 พรรคการเมือง ผู้กุมอนาคตของชาวคาตาลันดูเหมือนว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นของแคว้นกาตาลุญญาในครั้งนี้ยังคงเป็นเกมการเมืองของ 2 กลุ่มหลักอย่างกลุ่มผู้สนับสนุนให้กาตาลุญญาแยกตัวเป็นเอกราช (Pro Independence) และกลุ่มสนับสนุนให้กาตาลุญญายังคงเป็นส่วนหนึ่งของสเปนต่อไป (Pro Unity) ที่ขับเคี่ยวกันแทบจะวินาทีสุดท้าย ก่อนที่การเลือกตั้งจะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้าผู้สมัครคนแรกคือ นายโอริออล ยุงเคอรัส (Oriol Junqueras) จากพรรค Pro Independence อย่าง Republican Left of Catalonia (ERC) ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1931 ก่อนที่การเลือกตั้งเมื่อปี 2015 ที่ผ่านมาจะร่วมมือกับพรรคที่มีอุดมการณ์คล้ายกัน ลงเลือกตั้งภายใต้พรรค Junts pel Sí กวาดที่นั่งในสภาไปกว่า 62 ที่นั่งและได้ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีของแคว้นกาตาลุญญาในที่สุด ซึ่งภายหลังถูกดำเนินคดีในข้อหาก่อการกบฏ ใช้งบประมาณของรัฐในทางที่มิชอบ และปลุกระดมให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยภายในประเทศ หลังมีคำสั่งยุบสภาตามมาตรา 155 โดยเขาหาเสียงและวางกลยุทธ์ในการเลือกตั้งครั้งนี้ภายในห้องขังเอสเตรเมราที่กรุงมาดริดคนต่อมาคือ นายการ์เลส ปิกเดมองต์ (Carles Puigdemont) อดีตประธานาธิบดีแคว้นกาตาลุญญาที่ถูกปลดออกจากตำแหน่ง และต้องลี้ภัยทางการเมืองไปยังกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม พร้อมอดีตรัฐมนตรีทั้ง 4 คน เพื่อเดินหน้าต่อสู้เพื่อเจตจำนงของชาวคาตาลันต่อไป นายการ์เลสเป็นผู้สมัครจากพรรค Junts per Catalunya (JuntsXCat) ที่ก่อตั้งขึ้นด้วยตัวเขาเองเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยเป็นการรวมตัวกันของพรรค Catalan European Democratic Party (PDeCAT) และบรรดานักการเมืองอิสระที่สนับสนุนการแยกตัวเป็นรัฐเอกราชจากสเปน หากเขาได้รับเลือกให้เป็นผู้นำแคว้นอีกหนึ่งสมัย มีความเป็นไปได้ว่า รัฐบาลภายใต้การนำของเขาจะเร่งเดินหน้านำพากาตาลุญญาประกาศเอกราชจากสเปนอีกครั้งอย่างแน่นอนอดีตพรรคร่วมในรัฐบาลชุดก่อนอย่างพรรค Popular Unity Candidacy (CUP) ได้ส่งนายการ์เลส เรียรา (Carles Riera) ผู้นำพรรคคนใหม่ลงชิงชัยเก้าอี้ผู้นำแคว้นในครั้งนี้ โดยเขามีจุดยืนในการสนับสนุนให้กาตาลุญญาประกาศตัวเป็นเอกราชและถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป ซึ่งเขาเน้นย้ำว่าจะไม่มีการเจรจาเกิดขึ้นกับพรรคการเมืองใดหรือใครก็ตามที่พยายามจะเจรจาต่อรองกับรัฐบาลกลางที่กรุงมาดริด เพื่อให้เขาและพรรค CUP ปรับเปลี่ยนจุดยืนทางการเมืองในขณะที่ทางด้านฝ่ายสนับสนุนให้กาตาลุญญายังคงเป็นส่วนหนึ่งของสเปนต่อไปก็ได้รับความสนใจและเสียงตอบรับไม่น้อยจากชาวคาตาลัน โดยเฉพาะนางอิเนส อาร์รีมาดัส (Inés Arrimadas) ผู้สมัครจากพรรค Ciudadanos ที่ถูกมองว่าเป็นผู้สมัครที่น่าจับตามองที่สุดคนหนึ่งในการเลือกตั้งหนนี้ ซึ่งพรรคของเธอมีจุดยืนต่อต้านกลุ่มชาตินิยมชาวคาตาลันมาโดยตลอดนายมิเกล อิเซต้า (Miquel Iceta) คือผู้สมัครลงชิงตำแหน่งเก้าอี้ผู้นำแคว้นกาตาลุญญาอีกคนหนึ่งจากพรรค Socialists Party of Catalonia (PSC) ที่สนับสนุนความเป็นเอกภาพภายในสเปน โดยโพลหลายสำนักยกให้เขาเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจรองจากนางอิเนส แม้จะถูกโจมตีเรื่องรสนิยมทางเพศและอาจส่งผลกระทบต่อจุดยืนกับพรรคร่วมหัวอนุรักษนิยมที่ต่อต้านกฎหมายแต่งงานของเพศเดียวกันก็ตามทางด้านพรรค Popular Party of Catalonia (PPC) ที่ส่งนายฆาเบียร์ การ์เซีย อัลบิออล (Xavier García Albiol) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากนายราฮอยและรัฐบาลกลางที่กรุงมาดริดให้ลงชิงชัยในการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้ เพื่อหวังสร้างความเป็นเอกภาพขึ้นอีกครั้งภายในประเทศ แต่ดูเหมือนว่านายฆาเบียร์จะไม่ได้รับเสียงตอบรับเท่าที่ควร ท้ายที่สุดแม้ว่าฝ่าย Pro Independence จะสูญเสียเสียงข้างมากในรัฐสภากาตาลุญญา และจบลงด้วยชัยชนะของกลุ่ม Pro Unity แต่นั่นก็ยังสะท้อนถึงความพ่ายแพ้และสูญเสียคะแนนนิยมของพรรคอนุรักษนิยมของเขาที่มีให้แก่พรรค Ciudadanos ในฐานะผู้นำกลุ่มฝ่ายสนับสนุนเอกภาพภายในสเปนและผู้สมัครคนสุดท้ายอย่างนายฆาเบียร์ โดเมเนช (Xavier Domènech) จากพรรค Catalunya en Comú-Podem ที่ถูกมองว่าเป็นกุญแจสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก หากพรรคที่ได้ที่นั่งสูงที่สุดในสภาไม่ได้รับที่นั่งเกินกึ่งหนึ่งหรือ 68 ที่นั่ง จาก 135 ที่นั่ง เนื่องจากจุดยืนของพรรคการเมืองนี้ไม่แน่ชัดและพร้อมปรับเปลี่ยนตลอดเวลา โดยพรรคมีมติสนับสนุนการเลือกลงประชามติของชาวคาตาลันเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา แต่กลับไม่สนับสนุนให้กาตาลุญญาประกาศแยกตัวเป็นเอกราชจากสเปน ซึ่งทำให้นายฆาเบียร์น่าจับตามองไม่น้อยภาพรวมของผลโพลก่อนการเลือกตั้งจากผลการสำรวจรอบที่สองของ The National ที่สำรวจกลุ่มตัวอย่างกว่า 1000 คนเกี่ยวกับการเลือกตั้งท้องถิ่นของแคว้นกาตาลุญญาพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ต่างเทใจให้แก่นางอิเนส ผู้สมัครจากพรรค Ciudadanos ถึง 24.06% (32-33 ที่นั่ง) ในขณะที่พรรค Pro Independence อย่างพรรค ERC ของนายโอรีออลตามมาเป็นอันดับที่ 2 ด้วย 20.73% (30-31 ที่นั่ง) ตามติดมาด้วยพรรค JuntsXCat ของอดีตผู้นำอย่างนายการ์เลสที่กวาดความนิยมไป 18.99% (27-29 ที่นั่ง) ซึ่งจะทำให้ภาพรวมของรัฐบาลท้องถิ่นชุดใหม่เป็นรัฐบาลผสมที่มาจากความร่วมมือของหลากหลายพรรคการเมือง และคาดว่าจะมีชาวคาตาลันออกมาใช้สิทธิราว 83.1%ในขณะที่ผลสำรวจของ El Periòdico ล่าสุดในช่วงวันที่ 15-17 ธันวาคมที่ผ่านมา พบว่าโพลมีการเปลี่ยนแปลงไปจากผลสำรวจครั้งก่อนหน้าที่พรรค ERC ของนายโอรีออล อดีตรองประธานาธิบดีที่ต้องโทษจำคุกอยู่ภายในขณะนี้มีคะแนนความนิยมมาเป็นอันดับ 1 ก่อนที่จะถูกนางอิเนส ผู้สมัครจากพรรค Ciudadanos ขับเคี่ยวและแซงขึ้นมาอยู่บนสุดของหัวตาราง ซึ่งได้รับผลโหวตถึง 22.5% (29-30 ที่นั่ง) ตามมาด้วยนายโอรีออล จากพรรค ERC และนายการ์เลส จากพรรค JuntsXCat ตามลำดับ โดยนายการ์เลสยังคงเป็นผู้สมัครที่ประชาชนอยากให้ดำรงตำแหน่งผู้นำแคว้นอีก 1 สมัย ดร.เชาวฤทธิ์ เชาว์แสงรัตน์ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ ปรัชญาและวรรณคดีอังกฤษ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมลาตินอเมริกา แสดงความเห็นสอดคล้องกับผลโพลข้างต้น โดยคาดการณ์ว่า นางอิเนส อาร์รีมาดัส ผู้สมัครจากพรรค Ciudadanos จะสามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ เนื่องจากเป็นผลพวงมาจากการเข้าควบคุมสถานการณ์ความขัดแย้งของรัฐบาลกลางสเปนที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ รวมถึงหากวิเคราะห์ผลได้ผลเสียจากการแยกตัวเป็นเอกราช พรรคของนางอิเนสดูจะเป็นตัวเลือกที่น่าจะมีความเป็นไปได้มากที่สุดถ้าหากคุณเป็นพวก Pro Independence และตัดเรื่องชาตินิยมออกไป วิเคราะห์ผลได้ผลเสียจากการเดินหน้าประกาศแยกตัว คุณจะพบว่า มันมีผลเสียมากกว่า คุณจะไม่มีที่ยืนในสหภาพยุโรป ผู้สมัครจากพรรคที่ Pro Independence ก็ยังไม่ได้ให้ข้อสรุปแนวทางหรือแพลตฟอร์มว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร ผมจึงมองว่า นางอิเนสจากฝ่าย Pro Unity จะได้รับชัยชนะ เพราะผมมองถึงความเป็นพลเมืองโลก (Citizens of the World) เป็นหลักส่วนกระแสชาตินิยมในกาตาลุญญาก็ยังจะคงเดินหน้าต่อไป รัฐบาลกลางที่กรุงมาดริดอาจอาศัยช่วงเวลานี้เจรจาต่อรองเรื่องอำนาจในการปกครองตนเองกับรัฐบาลเเคว้นกาตาลุญญา โดยเฉพาะสิทธิในการบริหารจัดการและจัดเก็บภาษี รวมถึงค่าใช้จ่ายและงบประมาณต่างๆ ซึ่งยังสงวนหน้าที่ด้านการต่างประเทศ กลาโหมและการพิมพ์ธนบัตรให้ยังเป็นหน้าที่ของรัฐบาลกลางต่อไปในขณะที่ณภัทร พุ่มศิริ เจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุล สถานเอกอัครราชทูตบราซิลประจำประเทศไทยและอดีตนักเรียนเเลกเปลี่ยน ผู้เคยอาศัยอยู่ในแคว้นกาตาลุญญา แสดงความเห็นต่อการเลือกตั้งครั้งนี้ว่า เป็นเกมการเมืองที่น่าจับตามอง เนื่องจากผู้สมัครในแต่ละฝ่ายต่างมีผลโพลสำรวจที่ค่อนข้างสูสีกันมาก ซึ่งทั้งกลุ่มสนับสนุนและต่อต้านการประกาศเอกราชต่างมีผู้สมัครเป็นของตนเอง โดยณภัทรได้ตั้ง ข้อสังเกตบางประการ ถึงการเลือกตั้งผู้นำแคว้นกาตาลุญญาว่า การประกาศใช้อำนาจตามมาตรา 155 จะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของโพลแต่ละสำนักมากน้อยแค่ไหน และหากนายโอรีออล จากพรรค ERC ได้รับคะแนนโหวตสูงสุดและมีอำนาจในการจัดตั้งรัฐบาล เขาจะได้รับการปล่อยตัวจากการคุมขังให้ออกมาเดินหน้าบริหารประเทศหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามยังมีความเป็นไปได้สูงมากที่นางอิเนส จากพรรค Ciudadanos จะได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของแคว้นกาตาลุญญา เนื่องจากฐานเสียงของกลุ่ม Pro Unity จำนวนไม่น้อยเบื่อหน่ายกับบรรดาพรรคการเมืองเดิมๆ และพรรคของอิเนสก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยต้องมาจับตาดูกันว่า ผลการเลือกตั้งท้องถิ่นของเเคว้นกาตาลุญญาที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 21 ธันวาคมนี้จะเป็นไปในทิศทางไหน อนาคตของชาวคาตาลัน ที่ผูกโยงอยู่กับเสถียรภาพและความมั่นคงของสเปน รวมถึงภูมิภาคยุโรปจะเป็นอย่างไร โปรดติดตามบทความที่เกี่ยวข้อง: วิกฤตการเมืองสเปน-กาตาลุญญา เดินทางมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร https://thestandard.co/spanish-catalan-political-crisis/ Photo: AFPอ้างอิง: | ผลโพลหลายสำนัก รวมถึงนักวิชาการไทยชี้ ผู้สมัครจากฝ่าย Pro Unity ที่สนับสนุนให้กาตาลุญญายังคงเป็นส่วนหนึ่งของสเปนต่อไป มีโอกาสคว้าชัยในการเลือกตั้งครั้งนี้สูงมาก แต่อย่างไรก็ตามผู้สมัครจากฝ่าย Pro Independence อย่างนายการ์เลส ปิกเดมองต์ และ นายโอริออล ยุงเคอรัส เองก็ยังได้รับความนิยมจากชาวคาตาลันไม่น้อยน่าจับตาว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะนำพาอนาคตของชาวคาตาลันเดินไปในทิศทางไหน | null | null | https://thestandard.co/7-contenders-in-the-catalan-election/ |
ชี้รัฐเมินชาวบ้าน ให้ ศอ.บต.จัดเวทีหนุนนิคมฯ ทำชุมชนแตกแยก | วันนี้ (10 ก.ค.2563) ที่สถานีรถไฟหาดใหญ่ จ.สงขลา มีประชาชนในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ และ อ.จะนะ จ.สงขลา มารอต้อนรับน.ส.ไครียะห์ ระหมันยะ ที่เดินทางด้วยรถไฟกลับมาจากกรุงเทพมหานคร หลังจากเดินทางไปยื่นหนังสือให้กับรัฐบาลและอีกหลายหน่วยงาน เรียกร้องให้ยกเลิกมติ ครม. นิคมอุตสาหกรรมจะนะ และเรียกร้องให้ยกเลิกเวทีรับฟังความคิดเห็นโครงการดังกล่าว ที่จัดขึ้นโดย ศูนย์บริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ในวันที่ 11 ก.ค. ที่โรงเรียนจะนะวิทยา โดยเครือข่ายได้มอบดอกไม้ และสวมกอดให้กำลังใจน.ส.ไครียะห์ด้วยน.ส.ไครียะห์ ระหมันยะ กล่าวกับประชาชนที่มาต้อนรับว่า ขอบคุณมากสำหรับดอกไม้ และกำลังใจที่มอบให้ พร้อมทั้งเล่าสรุปสถานการณ์ที่เดินทางไปยื่นหนังสือ ถึงรัฐบาลและหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเน้นที่รัฐบาลว่า ไม่ให้ความสนใจเรื่องความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนคนจะนะ ที่จะได้รับผลกระทบจากนิคมอุตสาหกรรมจะนะ ในส่วนขององค์การสหประชาชาติได้พูดคุย และทางองค์การสหประชาชาติบอกว่า จะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เช่น ทำรายงานถึงรัฐบาลไทยหลังจากนั้นตัวแทนเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น อ่านแถลงการณ์ขอเชิญชวนให้พี่น้องชาวจ.สงขลา และประชาชนทั่วไปออกมาปกป้องชุมชนและทะเลจะนะ ระบุว่ารัฐบาลลัดขั้นตอนอนุมัติงบฯ ก่อนเปิดประชาพิจารณ์ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จะจัดให้มีเวทีรับฟังความคิดเห็นในโครงการจะนะเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต ในวันที่ 11 ก.ค.2563 ที่จะถึงนี้ ที่โรงเรียนจะนะวิทยา เพื่อเดินหน้าโครงการโดยไม่สนใจฟังเสียงประชาชนที่จะได้รับผลกระทบจากนิคมอุตสาหกรรม 16700 ไร่ ในพื้นที่ 3 ตำบล ของ อ.จะนะ ทั้งที่พวกเราได้แสดงเหตุผลมาอย่างต่อเนื่องว่า โครงการนี้มีความไม่ชอบธรรมในหลายประการ เช่น1.การเริ่มต้นโครงการนี้ได้ใช้อำนาจของรัฐบาล และของ ศอ.บต. ดำเนินการอย่างรวบรัดขั้นตอน โดยการอนุมัติโครงการ พร้อมอนุมัติงบประมาณเบื้องต้นกว่า 18000 ล้านบาท แล้วมาจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นภายหลัง อันถือเป็นวิธีปฏิบัติที่ไม่สวยงาม และไม่สามารถยอมรับได้ แต่กลับอ้างถึงกระบวนการมีส่วนร่วม ที่ตนเองสร้างขึ้น(พิธีกรรม) ดังที่กำลังทำอยู่ในขณะนี้ เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับโครงการตั้งนิคมฯ ใหญ่ แต่เปิดรับฟังคนเพียง 3 ตำบลซึ่งโครงการคือ นิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ระดับประเทศ แต่ไม่สนใจรับฟังความคิดเห็นประชาชนชาว จ.สงขลา ทั้งหมด แต่จำกัดไว้เฉพาะพื้นที่ 3 ตำบลเท่านั้น และคนที่ไม่เห็นด้วยในพื้นที่นี้จะถูกปิดกั้นด้วยเช่นกัน2.เห็นได้ชัดว่า โครงการนี้คือการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุน โดยการใช้ ศอ.บต. ซึ่งกุมอำนาจการบริหารราชการ และความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นกลไกขับเคลื่อน และได้ใช้วิธีการพิเศษ ที่ไม่สนใจขั้นตอนตามกฎหมายปกติ เพื่อจะให้โครงการนี้เกิดขึ้นให้ได้ และยังอ้างถึงความเจริญด้านเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งที่ผลประโยชน์หลักจะตกอยู่กับทุนเฉพาะกลุ่มและนายหน้าซื้อขายที่ดินเท่านั้น3.โครงการนี้จะสร้างความเสียหายกับทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างมหาศาลในอนาคต และเชื่อว่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนสภาพของชายหาดอย่างรุนแรง อันรวมถึงสภาพอากาศจากมลพิษโรงงานจำนวนมาก และน้ำเสียที่จะปล่อยลงสู่ทะเล ที่จะทำลายระบบนิเวศโดยรวมของทะเล จ.สงขลา อันเป็นแหล่งสัตว์น้ำทะเลที่สำคัญของพวกเรา และจะนำมาซึ่งความยากลำบากในการดำรงชีวิตปกติของประชาชนในชุมชนทั้ง 3 ตำบล ของอ.จะนะ อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงชี้ ศอ.บต.จับมือกลุ่มทุน สร้างความแตกแยกพวกเราไม่อยู่ในความขัดแย้งใดๆ ที่ ศอ.บต. กำลังสร้างขึ้นในครั้งนี้ โดยการจับมือกับกลุ่มทุนเหล่านั้น แล้วแบ่งแยกเราเป็นสองฝ่าย ทั้งที่ ศอ.บต. คือองค์กรที่ต้องทำหน้าที่จัดการความขัดแย้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้หมดไป ซึ่งทุกคนรับทราบดี แต่ครั้งนี้เห็นได้ถึงความผิดปกติขององค์กรนี้อย่างชัดเจน เสมือนเป็นผู้สร้างความขัดแย้งเสียเองหลายวันมานี้ ไครียะห์ ลูกสาวแห่งทะเลจะนะ ได้พยายามเรียกร้องให้รัฐบาล บาลทบทวนโครงการนี้ และยกเลิกเวทีในวันที่ 11 ก.ค. ออกไปก่อน แล้วมาสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมแท้จริง เพื่อพัฒนาพื้นที่อ.จะนะ บนฐานศักยภาพ แต่กลับไม่ได้รับความสนใจเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่นประกาศว่า เราไม่เห็นด้วยกับโครงการ จะนะเมืองอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต และจะคัดค้านโครงการนี้ให้ถึงที่สุด โอกาสนี้เราขอเชิญชวนพี่น้องชาวหาดใหญ่ ชาวจังหวัดสงขลา และพี่น้องประชาชนทั่วไป ร่วมแสดงออกต่อเรื่องนี้ ในวันที่ 11 ก.ค. พร้อมกับพวกเราทุกคน | ชาวบ้านรับลูกสาวจะนะกลับบ้าน หลังเข้ากรุงฯ ยื่นหนังสือเรียกร้องยกเลิกนิคมฯ จะนะ ที่รัฐบาลทำข้ามขั้นตอน อนุมัติงบก่อนเปิดเวทีประชาพิจารณ์ ให้ ศอ.บต.ดำเนินการ แต่กลับจับมือกลุ่มทุน สร้างความแตกแยกให้ชุมชน | สังคม | จะนะเมืองอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต,นิคมฯ จะนะ,จ.สงขลา,ค้านนิคมฯ จะนะ | https://news.thaipbs.or.th/content/294457 |
คู่กรณีหายจ้อย หนุ่มขี่จยย.อ้างโดนเฉี่ยวล้ม ถูกเตะซ้ำกลางถนน | เมื่อวันที่ 29 มี.ค. 59 เฟซบุ๊กแฟนเพจ YouLike (คลิปเด็ด) เผยคลิปวิดีโอจากกล้องติดหน้ารถยนต์ ขณะจักรยานยนต์ 2 คันเฉี่ยวกันล้มบริเวณถนนติวานนท์ ช่วงสี่แยกแคราย ซึ่งจากภาพที่ปรากฎเผยให้เห็นว่าคู่กรณีที่ซ้อนมาได้ลงมือทำร้ายผู้ขับขี่จักรยานยนต์ โดยผู้โพสต์ระบุว่า ชนน้องเค้า ยังไปเตะน้องเค้าอีก ,(ชมคลิป),นายเอ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี หนุ่มผู้ขับขี่จักรยานยนต์ที่ถูกทำร้ายในคลิปวิดีโอดังกล่าว เปิดเผยกับทีมข่าวสายตรวจโซเชียล ไทยรัฐออนไลน์ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ 16 มี.ค. ที่ผ่านมา ขณะขี่จักรยานยนต์กลับบ้าน ช่วงก่อนถึงสี่แยกแครายได้มีจักรยานยนต์คู่กรณีชนท้ายล้ม ซึ่งจังหวะที่กำลังลุกขึ้นนั้น ได้ถูกชายที่ซ้อนท้ายมากับจักรยานยนต์คู่กรณีเตะทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ และถามว่า ทำไมขับรถไม่ดู แล้วจะรับผิดชอบยังไง ก่อนเรียกร้องค่าเสียหาย แต่ตนไม่มีเงิน จึงขอเบอร์ติดต่อไว้เพื่อจะทำการติดต่อกลับภายหลัง แต่เมื่อติดต่อกลับปลายสายอ้างว่าไม่รู้เรื่องดังกล่าว เบื้องต้นหลังเกิดเหตุได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อเอาผิดคู่กรณีฐานทำร้ายร่างกาย,ทางด้าน ร.ต.ท.หญิงอาทิตยา ภิบาล รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนททบุรี เจ้าของคดีเปิดเผยว่า เบื้องต้นจากการเรียกสอบปากคำผู้เสียหายยังไม่ชัดเจนว่าเฉี่ยวชนกันอย่างไร ขณะนี้อยู่ระหว่างหาเบาะแสจากกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียง สำหรับเบอร์โทรศัพท์ที่คู่กรณีให้กับผู้เสียหายไว้ จากการตรวจสอบเจ้าของเบอร์ได้รับการยืนยันว่าไม่ใช่คู่กรณี และไม่ทราบถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด คาดเป็นการสุ่มเบอร์มั่ว. | หนุ่มขี่ จยย.อ้างโดนเฉี่ยวล้ม ซ้ำยังถูกคู่กรณีเตะไม่ยั้งกลางถนน หลังเกิดเหตุขอเบอร์ติดต่อไว้ สุดท้ายหายจ้อย ปลายสายบอกไม่มีส่วนรู้เห็น คาดให้เบอร์มั่ว ตำรวจเร่งหาเบาะแส | null | อุบัติเหตุ,จักรยานยนต์,ถนนติวานนท์,แยกแคราย,นนทบุรี,สายตรวจโซเชียล,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/content/598082 |
ลูกสาวร้อง สตช. ช่วยติดตามหาแม่ หายไปนาน 6 ปี | วันนี้(16 มิ.ย.2563 ) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มูลนิธิกระจกเงา ได้พา น.ส.วรรณกา อาสนา อายุ 28 ปี เข้ายื่นหนังสือกับ พล.ต.ต.ไตรงค์ ผิวพรรณ ผู้บังคับการกองทะเบียนประวัติ อาชญากร (ผบก ทว.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการบริหารจัดการคนหายและศพนิรนาม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ พ.ต.อ.วาที อัศวุตมางกุร รองโฆษกโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อให้ช่วยติดตามมารดา นางแพรพรรณ อาสนา อายุ 54 ปี ป่วยเป็นโรคจิตเภท ต้องทานยาเป็นประจำ ได้หายตัวไปอย่างปริศนาระหว่างเดินทางไปเยี่ยมญาติที่ จ.หนองคาย เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2557 วันที่หายตัวไป ได้นัดหมายบุตรสาว เพื่อเดินทางไปรับกลับบ้านที่ กทม. แต่แม่ได้หายตัวไปนางสาววรรณกา อาสนา เล่าให้ทีมข่าวว่า เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2557 ตลอดทั้งวันไม่สามารถติดต่อมารดาได้ จึงกังวลใจกลัวมารดาจะได้รับอันตราย กระทั่งเดินทางมาถึงบ้านญาติที่ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ของเช้าวันที่ 9 สิงหาคม 2557 จึงรู้จากญาติว่า แม่หายตัวไป โดยได้เบาะแสุสุดท้ายว่า ในช่วงเช้าของวันที่ 8 สิงหาคม 2557 แม่ได้เรียกรถสามล้อรับจ้าง ให้ไปส่งที่บ้านญาติใน อ.เมือง จ.หนองคาย แต่คนขับรถสามล้ออ้างว่า ได้ไปส่งแม่ที่สถานีขนส่ง อ.เมือง จ.หนองคาย ทำให้ตนเองและพ่อสงสัยว่ามารดาจะไปทำอะไรที่นั่น ที่ผ่านมาครอบครัวพยายามตามหาแม่ มาตลอด 6 ปี เฝ้าติดตามข่าวการพบศพนิรนามในพื้นที่ ว่าเป็นมาแม่หรือไม่ และเคยขอเปรียบเทียบดีเอ็นเอกับศพที่ลอยมาในแม่น้ำโขง ซึ่งผลดีเอ็นเอไม่ตรงกัน วันนี้มายื่นหนังสือ อยากให้ตำรวจ ลงพื้นที่สอบสวน ข้อเท็จจริงและหาเบาะแสในวันเกิดเหตุ ว่าแม่หายไปไหน และครอบครัวจะไม่หมดความหวังในการตามหาแม่ด้าน พล.ต.ต.ไตรงค์ กล่าวว่า หลังรับหนังสือแล้ว จากนี้ก็จะประสานงานไปกับพื้นที่ จ.หนองคาย ขอตรวจสอบสำนวน ว่ามีการดำเนินการไปถึงไหนแล้ว โดยเริ่มต้นทำการตรวจสอบจุดเริ่มต้นตั้งแต่ที่หายไปและไปขึ้นรถสามล้อ ที่เป็นจุดสุดท้าย ส่วนเรื่องการตรวจสอบโทรศัพท์ ที่พบว่ามีคนใช้โทรศัพท์ของผู้ที่สูญหาย ต้องทำการตรวจสอบ แม้เวลาผ่านไปนาน แต่ตำรวจก็จะดำเนินการคลี่คลายปมคนหายให้ดีที่สุดขณะที่ พ.ต.อ.วาที อัศวุตมางกุร รองโฆษกโรงพยาบาลตำรวจ เผยว่าทางสถาบันนิติเวชวิทยาโรงพยาบาลตำรวจ ได้เก็บตัวอย่าง DNA ของ น.ส.วรรณกาไว้แล้วโดยจะนำไปเปรียบเทียบกับข้อมูลศพนิรนาม ในฐานข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้านนายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้ากล่าวว่าคนหายหลายรายที่ผ่านมา มีโอกาสเป็นศพนิรนาม เพราะข้อมูลคนหายและข้อมูลคนตายไม่ได้ถูกนำมาตรวจเปรียบเทียบกัน จึงพบว่า มีคนหายหลายรายที่ญาติตามหา แต่เข้าไม่ถึงข้อมูลศพนิรนาม เช่นคดีพริตตี้ออย ที่เสียชีวิตกลายเป็นศพนิรนามนานกว่า 6 ปี ถึงจะรู้ว่าเป็นใคร แต่ข้อมูลเหล่านี้ไม่มีการเชื่อมโยงกัน และประชาชนเข้าไม่ถึงฐานข้อมูล เพราะข้อมูลศพนิรนามกระจัดกระจายอยู่ตามแผนกนิติเวช โรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ ไม่มีการรวมฐานข้อมูลเดียวกัน การแก้ปัญหาศพนิรนามต้องบูรณาการณ์ทำงานร่วมกันหลายหน่วยงาน | มูลนิธิกระจกเงา พาหญิงสาววัย 28 ปี ร้องทุกข์ศูนย์คนหายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ช่วยตามหาแม่ป่วยจิตเภท หายปริศนานานกว่า 6 ปี | อาชญากรรม | ข่าวไทยพีบีเอส,ศูนย์คนหายไทยพีบีเอส | https://news.thaipbs.or.th/content/293682 |
ตร.แม่สอดจับแรงงานชาวพม่ากว่า 500 คน | ตำรวจภูธรแม่สอด จังหวัดตาก ควบคุมแรงงานพม่าทั้งชาย และหญิงกว่า 500 คน ไปสอบสวนก่อนส่งกลับประเทศ หลังจากสามารถจับได้ในโรงงานแห่งหนึ่งถนนศรีพานิช เทศบาลนครแม่สอด แต่ไม่มีใครแสดงตัวเป็นเจ้าของ ด้านตำรวจ เปิดเผยว่า สถานประกอบการแห่งนี้สร้างเพื่ออำพรางเจ้าหน้าที่ เพราะว่าไม่มีอุปกรณ์เครื่องจักรสำหรับผลิตสินค้า แต่ใช้เป็นแหล่งซุกซ่อนแรงงานพม่าที่เดินทางมาจากพม่า เพื่อหวังไปขึ้นทะเบียนแรงงานด้าว และเตรียมตัวเดินทางไปกรุงเทพมหานคร ขณะนี้อยู่ระหว่างขยายผลติดตามผู้ที่อยู่เบื้องหลังมาดำเนินคดีขณะที่ทหารเรือกองทัพภาคที่ 4 ที่จับแรงงานชาวพม่าทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก 44 คน ขณะนั่งเรือหางยาวลักลอบเข้าประเทศบริเวณน่านน้ำไทยในพื้นที่เกาะช้าง อำภอเมือง จังหวัดระนอง โดยนายเต้ยคนขับเรือสัญชาติพม่าให้การว่า ขนชาวพม่าทั้งหมดจากเกาะสอง ประเทศพม่า เพื่อไปส่งในพื้นที่อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา จากนั้นจะมีนายหน้าชาวไทยมารับอีกทอดหนึ่งเพื่อเดินทางไปทำงานที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งจะได้ค่าจ้างในการลักลอบนำแรงงงานพม่าเข้าประเทศไทยเที่ยวละ 5000 บาท | ตำรวจแม่สอด จังหวัดตาก จับแรงงานชาวพม่ากว่า 500 คน ขณะหลบซ่อนในโรงงานก่อนจะลักลอบเข้าไปกรุงเทพมหานคร | ภูมิภาค | ตาก,ตำรวจ,ต่างด้าว,พม่า,แม่สอด,แรงงาน | https://news.thaipbs.or.th/content/23493 |
พบชุดดำน้ำ สกรีนเรือฟีนิกซ์ ลอยไกลถึงกระบี่ เร่งขยายเขตค้นหาผู้สูญหาย | ด้านหน่วยซีลและนักดำน้ำจีนร่วมค้นหาร่างผู้สูญหายใต้เรือ ก้นทะเล,ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.กระบี่ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 ก.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ จ.กระบี่ ได้รับการประสานจากตำรวจน้ำภูเก็ต ให้ช่วยตรวจสอบบริเวณทิศตะวันตกของเกาะพีพี พิกัดระหว่างเกาะปิดะ และอ่าวมาหยา เกาะพีพี เนื่องจากช่วงค่ำที่ผ่านมา ชุดบินค้นหานักท่องเที่ยวเหตุเรือล่มในพื้นที่ภูเก็ต บินมาพบวัตถุต้องสงสัยสีส้ม ลอยอยู่ในทะเล คาดว่าจะมาจากเรือที่ล่มในพื้นที่ จ.ภูเก็ต,ต่อมาทาง พ.ต.ท.อนุรักษ์ ปริญญาสถิรกุล สารวัตรตำรวจน้ำ จ.กระบี่ ได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี หน่วย พ.พ.7 ซึ่งตั้งฐานอยู่บนเกาะพีพี ให้ช่วยออกตรวจสอบ,จากนั้น เจ้าหน้าที่นำเรือตรวจการณ์ของอุทยานฯ ออกตรวจสอบห่างจากแนวฝั่งเกาะพีพี ประมาณ 3 ไมล์ทะเล ปรากฏว่าพบทุ่นมีธงสีส้ม ซึ่งเป็นทุ่นสำหรับผูกเรือ ที่พบเห็นตามปกติ ห่างไปเล็กน้อย พบชุดสำหรับดำน้ำลอยอยู่ มีไม้แขวนเสื้อติดมาด้วย,ตรวจสอบบนชุดพบมีการสกรีนชื่อฟีนิกซ์ บริเวณหน้าอกเสื้อด้านซ้าย ซึ่งเป็นชื่อของเรือลำเกิดเหตุ จึงคาดว่าเป็นชุดดำน้ำที่แขวนอยู่บนเรือ และน่าจะลอยมาตามกระแสน้ำจนมาโผล่ที่จุดดังกล่าว,ด้าน พ.ต.ท.อนุรักษ์ เผยว่า จากการประสานงานกันของทางตำรวจน้ำในพื้นที่ จ.ภูเก็ต และกระบี่ ทราบว่าทางศูนย์ค้นหาที่ จ.ภูเก็ต จะขยายพื้นที่การค้นหาเพิ่มขึ้น โดยจะขยายมาทางน่านน้ำในพื้นที่ จ.กระบี่ เนื่องจากทิศทางกระแสน้ำจะไหลมาทางกระบี่ในช่วงเวลานี้ ซึ่งตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่นำเรือลาดตระเวนออกตรวจตรา โดยทำงานประสานกับเฮลิคอปเตอร์ตรวจการณ์ที่กำลังบินค้นหาในบริเวณนี้ด้วย,ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในส่วนการเตรียมค้นหาของ จ.กระบี่ แบ่งกำลังเรือตรวจลาดตระเวน ประกอบด้วยเรือหลวงล่องลม เรือหลวงเจ้าพระยา ลาดตระเวนในพื้นที่เกาะพีพีต่อเนื่องถึงอ่าวนาง และเรือของกรมเจ้าท่าในพื้นที่ บริเวณเกาะยาวต่อเนื่องถึงหมู่เกาะห้อง ซึ่งเป็นพิกัดที่ทิศทางลมและกระแสน้ำจะพัดมาบริเวณดังกล่าว,ขณะเดียวกันวันนี้ จ.กระบี่ ได้มีหนังสือเชิญหน่วยงานต่างๆ ประชุมเปิดศูนย์ช่วยเหลือกรณีเรือล่มที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งคาดว่าจะมีร่างของนักท่องเที่ยวถูกพัดมาในเขต จ.กระบี่ โดยจะประชุมวันที่ 9 ก.ค. ที่ศาลากลาง จ.กระบี่ เพื่อระดมเจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องออกค้นหา,ขณะที่ เมื่อเวลา 13.50 น. นักประดาน้ำชุดปฏิบัติการพิเศษ (หน่วยซีล) ทัพเรือไทย และนักประดาน้ำจากประเทศจีน ร่วมลงดำค้นหาผู้สูญหายบริเวณเรือฟีนิกซ์จม,ทั้งนี้ ตามแผนดำเนินการ คือ จะทำการกู้ร่างผู้เสียชีวิต 1 ศพ ที่เจ้าหน้าที่ได้พบก่อนหน้านี้ แต่ไม่สามารถนำขึ้นมาได้ เนื่องจากถูกตัวเรือทับไว้ จึงต้องใช้เรือเป่าทรายโดยรอบลำเรือออกก่อน และดึงให้ลำเรือฟีนิกซ์ตั้งขึ้น ก่อนทำการนำร่างออกมา ซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลาดำเนินการหลายชั่วโมง,ขณะเดียวกันใช้เรือลาดตระเวนค้นหาในจุดอื่นๆ เพิ่มเติม โดยมีทัพนักข่าวทั้งชาวไทยและต่างชาติร่วมสังเกตการณ์เป็นจำนวนมาก. | เจ้าหน้าที่พบชุดนักดำน้ำ สกรีนหน้าอกเรือฟีนิกซ์ ลอยมาไกลถึงกระบี่ เร่งขยายอาณาเขตค้นหาผู้สูญหายอีก 15 ราย | ข่าว,ทั่วไทย | เรือล่ม,ภูเก็ต,ชุดดำน้ำ,เรือฟีนิกซ์,กระบี่,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/south/1330110 |
ถกกรอบให้ทุนพัฒนาดิจิทัล 6 เรื่อง เน้นประโยชน์ประชาชน | วันนี้ (10 ส.ค.2563) เวลา 10.00 น. ที่ สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุมเพื่อพิจารณาค่าใช้จ่ายและโครงการในการบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ครั้งที่ 5 /2563พล.อ.ประวิตร ในฐานะประธานกรรมการบริหารกองทุนฯ กล่าวว่า การประชุมในวันนี้ เป็นการพิจารณาเพื่อปรับแผนการใช้จ่ายเงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ให้เป็นไปตามที่ได้มีการอนุมัติทุนอุดหนุนเพิ่มเติม และวางแผนการดำเนินงานของกองทุนในปีงบประมาณถัดไป ให้เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง เกิดความชัดเจน และสอดคล้องตามวัตถุประสงค์ของกองทุนทั้งด้านการเงิน การบริหารกองทุน การติดตามประเมินผล รวมถึงการกำหนดทิศทางของกองทุน ให้สามารถพัฒนาได้ทันต่อสถานการณ์ และเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.กระทรวงการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมกล่าวว่า ที่ประชุมได้อนุมัติเปลี่ยนแปลงรายละเอียดในสัญญา ของโครงการที่มีคำขอวงเงินเกินกว่า 10 ล้านบาท ตามมาตรา 26 (1) จำนวน 2 โครงการ พร้อมทั้ง ได้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย ข้อบังคับ และระเบียบ ของกองทุนฯ จำนวน 9 คนและได้เห็นชอบการดำเนินการเกี่ยวกับการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ได้แก่ 1) เห็นชอบคู่มือการขอรับการจัดสรรเงินฯ เพื่อกองทุนฯ จะได้เผยแพร่คู่มือการจัดสรรเงินฯ ต่อไป 2) เห็นชอบ (ร่าง) ตัวชี้วัดสำหรับจัดทำบันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2564 โดยมอบหมายเลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นผู้แทน กรรมการทุนหมุนเวียน ในการประชุมหารืออีกทั้ง ที่ประชุมได้เห็นชอบการปรับปรุงประมาณการรายจ่ายกองทุนฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 (เพิ่มเติม) เป็นเงิน 1815503520.77 บาท และยังได้ให้ความเห็นชอบแผนการดำเนินงานประจำปีและแผนปฏิบัติการระยะยาวของกองทุน ประกอบด้วย 1) เห็นชอบรายการค่าใช้จ่ายและโครงการบริหารในการบริหารกองทุน ตามมาตรา 26 (5) และประมาณรายจ่ายกองทุนพัฒนาฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.25642) เห็นชอบร่าง กรอบนโยบายกองทุนฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ซึ่งประกอบด้วย 6 เรื่อง ได้แก่ 1.Digital Manpower การศึกษากับคนรุ่นใหม่ในยุคดิจิทัล 2.Digital Health นวัตกรรมดิจิทัลทางด้านสาธารณสุข 3.Digital Agriculture เกษตรเชิงรุกด้วยนวัตกรรมดิจิทัล 4.Digital Technology เทคโนโลยีดิจิทัลในโลกอนาคต 5.Digital Government & Infrastructure รัฐบาลดิจิทัล 6.Digital Agenda โครงการตามนโยบายเร่งด่วนและ 3) เห็นชอบ (ร่าง) แผนปฏิบัติการระยะยาว (พ.ศ. 2564-2566) และแผนปฏิบัติการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ส่วนในการพิจารณาให้เงินโครงการที่ขอเงินรับการสนับสนุนจากกองทุน จะพิจารณาความเป็นไปได้ของโครงการ ให้สอดคล้องตามวัตถุประสงค์ต้องเกิดประโยชน์ภาพรวมของประเทศชาติและประชาชน | ประวิตร ถก คกก.กองทุนดีอี วางแผนการบริหารและกำหนดกรอบการขอทุนกองทุนดีอี ปี 64 ย้ำเพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก | การเมือง | กระทรวงดิจิทัลฯ,กองทันพัฒนาดิจิทัล | https://news.thaipbs.or.th/content/295338 |
ไทยใหญ่-ว้า เจรจาหยุดยิง พร้อมร่วมมือพัฒนา เกษตร-เศรษฐกิจ-การค้า | ทหารกองทัพกู้ชาติไทยใหญ่ หรือ SSA. และประชาชนเชื้อสายไทยใหญ่ที่อาศัยตามแนวชายแดนไทย-พม่า ร่วมร้องเพลงชาติไทใหญ่ ดัวกึกก้องทั่วดอยไตยแลง ที่ตั้งกองบัญชาการสูงสุดกองทัพรัฐฉาน ตรงข้ามจังหวัดแม่ฮ่องสอน เนื่องในวันขึ้นปีใหญ่ของกลุ่มชาติพันธ์ไทยใหญ่ปีที่ 2017 เมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมาในงานตัวแทนสภากอบกู้รัฐฉาน หรือ RCSS. ได้อ่านแถลงการณ์ความคืบหน้าการทำสัญญาหยุดยิงระหว่างกองทัพรัฐฉานกับรัฐบาลพม่า เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ให้กับประชาชนและกำลังพล ว่าระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมาได้มีการเจรจาทางการเมืองอย่างสันติและมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในอนาคต แต่ยังพบว่ายังมีกลุ่มทหารบางกลุ่มไม่ยึดถือสัญญาที่กองทัพรัฐฉาน และรัฐบาลตกลงร่วมกันคือการหยุดยิง คงยั่วยุและเริมการปะทะตามพื้นที่ต่างๆในรัฐฉานอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งสภากอบกู้รัฐฉานมีความเป็นห่วงว่าจะเป็นสาเหตุให้การเจรจาทางการเมืองยุติประธานสภากอบกู้รัฐฉานบอกว่า ปีที่ 2 ของการเสริมสร้างความร่มเย็นในรัฐฉาน จะเร่งสร้างความร่วมมือกับกลุ่มชาติพันธ์ในสหภาพพม่า เพื่อดำเนินตามแนวทางการเมืองกับรัฐบาลพม่าตามระบอบประชาธิปไตย และเร่งปราปรามยาเสพติดให้หมดไปจากพื้นที่รัฐฉานเป็นที่น่าสังเกตว่าในงานวันขึ้นปีใหม่ นอกเหนือจากกลุ่มกองทัพรัฐฉานเหนือ หรือ SSA/N แล้ว กองทัพสหรัฐว้า หรือ UWSA. ซึ่งมีปัญหาขัดแย้งกับกองทัพกู้ชาติไทยใหญ่ เรื่องพื้นที่และนโยบายปราบปรามยาเสพติดของกองทัพกู้ชาติไทยใหญ่ ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อ 3 เดือนที่ผ่าน ได้ส่งเจ้าหยาง ก่วย จง รอง ผบ.ทหารว้าภาคใต้ ตรงข้างแนวชายแดนไทย-พม่า จังหวัดเชียงราย ถึงจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมการแสดงมาร่วมงานเจ้าหลาวเมืองตัวแทนกองทัพสหรัฐว้า บอกว่า ต่อจากนี้กลุ่มชาติพันธุ์ไทยใหญ่และว้า จะไม่มีการใช้กำลังทหารต่อกัน และในอนาคตจะมีความร่วมมือด้านการเกษตร สาธารณสุขและการค้า รวมทั้งการแลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรมเพื่อไม่ให้สูญหายล่าสุดกองทัพกู้ชาติไทยใหญ่ ได้เร่งอบรมและฝึกทหาร เพื่อปราบปรามและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเลิกปลูกฝิน หันไปปลูกพืชเศรษกิจ ซึ่งโครงการนี้ได้รับการสนับสนุนเมล็ดพันธุ์พืชและ เทคโนโลยี การเกษตร จากสำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งองค์การสหประชาชาติ หรือ UNODC และกองทัพรัฐฉาน จัดหาตลาดจำหน่ายผลผลิต โดยกำหนดพื้นที่จังหวัดเมืองปั่น เป็นพื้นที่นำร่องของโครงการ ก่อนที่จะดำเนินการทั่วรัฐฉาน สำหรับโครงการปราบปรามยาเสพติดในรัฐฉานเป็น 1 ในโครงการเสริมสร้างความร่วมเย็นของรัฐบาลพม่า ที่ตกลงร่วมกับสภากอบกู้รัฐฉาน | การปราบปรามยาเสพติดในรัฐฉาน เป็น 1 โครงการเสริมสร้างความร่มเย็นของรัฐบาลพม่า ที่ตกลงร่วมกับสภากอบกู้รัฐฉาน ล่าสุดกองทัพสหรัฐว้า ที่เคยขัดแย้งกับกองทัพกู้ชาติไทยใหญ่ เรื่องพื้นที่และนโยบายปราบปรามยาเสพติด ส่งตัวแทนร่วมงานวันขึ้นปีใหม่ของกลุ่มชาติพันธุ์ไทยใหญ่ ยืนยันจะไม่ใช้กำลังทหารต่อกัน และ เตรียมพัฒนาความร่วมมือด้านต่างๆ ขณะที่ประธานสภากอบกู้รัฐฉานกังวลว่า กลุ่มทหารบางกลุ่มที่ยังมีการละเมิดสัญญาหยุดยิง อาจเป็นสาเหตุให้การเจรจาทางการเมืองยุติลง | ต่างประเทศ | การค้า,พร้อม,พัฒนา,รัฐบาลพม่า,ร่วมมือ,ว้า,หยุดยิง,เกษตร,เจรจา,เศรษฐกิจ,ไทยใหญ่ | https://news.thaipbs.or.th/content/133179 |
ใครจะมากู้วิกฤติราชัน? | สุดท้ายก็ไม่รอด ราชันชุดขาว เรอัล มาดริด ทำการปลดฮูเลน โลเปเตกี ออกจากตำแหน่ง กุนซือไปเป็นที่เรียบร้อยตามคาดแล้ว สังเวยผลงาน สุดห่วยในฤดูกาลนี้ โดยเฉพาะนัดล่าสุดที่บุกไปแพ้บาร์เซโลนาแบบหมดสภาพ ถึง 1–5 ในศึกเอล กลาซิโก เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา,กุนซือชาวบาสก์ วัย 52 ปี ถูกเลือกให้เข้ามาคุมบังเหียนทีม ราชันชุดขาว ต่อจาก,ซีเนอดีน ซีดาน ทั้งที่เขากำลังทำภารกิจคุมทีมชาติสเปนสู้ศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซียอยู่ ทำให้โลเปเตกีโดนตะเพิดพ้นจากกุนซือทีมชาติสเปนก่อนเริ่มฟุตบอลโลกเพียงไม่กี่วัน,แต่ผลงานการคุมทีมเรอัล มาดริด ของเขานั้น กลับย่ำแย่น่าผิดหวังมากๆ หลังพาทีม ราชันชุดขาว แพ้ในเกมลาลีกาในฤดูกาลนี้ไปแล้วถึง 5 นัด จาก 7 เกมหลัง โดยนัดล่าสุดบุกไปแพ้ต่อบาร์เซโลนาแบบหมดท่า 1-5 ในเกมเอล กลาซิโก เมื่อวันอาทิตย์,ส่งผลให้เรอัล มาดริด หล่นไปอยู่อันดับ 9 ของตาราง เก็บได้แค่ 14 คะแนน จากการเล่นไป 10 นัด ที่มีคะแนนเต็มทั้งสิ้น 30 แต้ม ถือเป็นการ ออกสตาร์ตที่แย่ที่สุดของมาดริด นับตั้งแต่ฤดูกาล 2001-02 เลยทีเดียว,ด้วยผลงานอันย่ำแย่เกินทน ทำให้บอร์ดบริหารเรอัล มาดริด ตัดสินใจเด้งโลเปเตกีพ้นจากตำแหน่งกุนซือเรียบร้อยแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา พร้อมทั้งตั้งให้ซานติอาโก โซลารี โค้ชทีมสำรอง ขึ้นมาเป็นกุนซือขัดตาทัพ จนกว่าจะหากุนซือคนใหม่ตัวจริงมาคุมทีมได้,จะว่าไปการที่เรอัล มาดริด ต้องพบกับช่วง เวลาวิกฤติในฤดูกาลนี้ จะไปโทษโลเปเตกีคนเดียว ก็ไม่ถูกนัก เพราะฟลอเรนติโน เปเรซ ประธานสโมสร ก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบกับผลงานอันย่ำแย่ของทีมด้วยเช่นกัน,เปเรซทำผิดพลาดอย่างมหันต์ที่ขายคริสเตียโน โรนัลโด กองหน้าซุปเปอร์สตาร์ทีมชาติโปรตุเกส ให้กับยูเวนตุส เพื่อแลกกับเงินก้อนโตเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา,แต่เขากลับซื้อติโบต์ กูร์กตัวส์ นายทวารทีมชาติเบลเยียมจากเชลซี มาร่วมทีมแค่คนเดียว ซึ่งถือเป็นการเกาไม่ถูกที่คัน,ก่อนหน้านี้ อันโตนิโอ คอนเต อดีต ผจก.ทีม เชลซี ถูกยกให้เป็นตัวเก็งเต็งหนึ่ง ที่จะมาเป็นกุนซือเรอัล มาดริดคนใหม่ แต่ไปๆมาๆ มีข่าวว่า นักเตะมาดริดต่างออกมาค้านหัวชนฝาไม่เอาคอนเต,นอกจากนี้ ยังมีข่าวว่า แท้ที่จริงแล้ว เป้าหมาย ต่อไปของคอนเตนั้น คือการไปคุมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หากมีการปลดโจเซ มูรินโญ เกิดขึ้น,ถึงตอนนี้ เมาริซิโอ โปเชตติโน กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ของสเปอร์ส กลายเป็นตัวเต็งที่จะมาเป็นกุนซือเรอัล มาดริดคนใหม่ โดยบ่อนรับพนันชื่อดัง สกายเบต ยกให้ พอช เป็นเต็ง 1 ที่ราคา 11/8 (แทง 8 จ่าย 11 ไม่รวมทุน),เดอะ ซัน สื่อดังเมืองผู้ดี ประโคมข่าวว่า เรอัล มาดริด พร้อมทุ่มค่าเหนื่อยถึง 17 ล้านปอนด์ต่อปี เพื่อล่อใจให้โปเชตติโน ย้ายมากุมบังเหียน ราชันชุดขาว รวมเบ็ดเสร็จแล้ว โปเชตติโนจะรับทรัพย์ถึง 85 ล้านปอนด์ ตลอดสัญญา 5 ปี ในการคุมทีมมาดริด,ต้องยอมรับว่า เมาริซิโอ โปเชตติโน เหมาะสม อย่างยิ่งที่จะมาคุมทีมเรอัล มาดริด เพราะผลงาน ของทีม ไก่เดือยทอง สเปอร์ส ในช่วงที่ผ่านมานั้น การันตีฝีมือการคุมทีมของกุนซือชาวอาร์เจนไตน์รายนี้ได้เป็นอย่างดี,พอช สามารถสถาปนา ไก่เดือยทอง สเปอร์ส ให้กลายเป็นทีมที่เล่นเกมรุกได้อย่างเร้าใจที่สุดทีมหนึ่งในเวทีพรีเมียร์ลีก รวมทั้งยังเจียระไนนักเตะอย่างแฮร์รี เคน, เดเล อัลลี และคีแรน ทริปเปียร์ ให้กลายเป็นเพชรเม็ดงามประดับวงการด้วย,ดังนั้น โปเชตติโนจะเป็นคนที่ใช่ ที่จะมาช่วยกู้ ราชันชุดขาว ให้พ้นจากวิกฤติได้อย่างแน่นอน.,หมวดแซม | สุดท้ายก็ไม่รอด! ราชันชุดขาว เรอัล มาดริด ทำการปลดฮูเลน โลเปเตกี ออกจากตำแหน่ง กุนซือไปเป็นที่เรียบร้อยตามคาดแล้ว สังเวยผลงาน สุดห่วยในฤดูกาลนี้ | null | เมาริซิโอ โปเชตติโน,ราชันชุดขาว,ซีเนอดีน ซีดาน,ตะลุยฟุตบอลโลก,หมวดแซม | https://www.thairath.co.th/sport/eurofootball/1408195 |
ขยายผลค้นบ้านผัวเมียเครือข่ายยาหาดใหญ่ อายัดไอซ์-เงินสินบนอีก 5 แสน | เมื่อวันที่ 18 ม.ค.59 พ.ต.อ.สมพงษ์ สุวรรณวงศ์ ผกก.6 บก.ป. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ปปส.สงขลา เข้าตรวจค้นบ้านนายอาทิตย์ ทิพย์วาศรี อายุ 32 ปี และ น.ส.หวาน (นามสมมติ) อายุ 17 ปี สองสามีภรรยา เครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่ในภาคใต้ เลขที่ 6 ซอย 8 ชุมชนคลองเตย ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พบยาไอซ์ จำนวน 1 ถุง น้ำหนัก 710 กรัม ซุกซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้าในห้องนอน จึงอายัดไว้เป็นของกลาง หลังทั้งสองถูกจับกุมได้ เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ขณะลำเลียงยาบ้า 156,000 เม็ด และยาไอซ์ 6 กิโลกรัม มากับรถไฟขบวนรถด่วนพิเศษที่ 37 กรุงเทพฯ-สุไหงโก-ลก ตู้นอนชั้น 1 คันที่ 10 ขณะเข้าพื้นที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช,โดยขณะถูกจับกุมได้มีการเสนอสินบน 500,000 บาท ให้กับเจ้าหน้าที่ เพื่อแลกกับการปล่อยตัวทั้ง 2 คน เจ้าหน้าจึงได้หลอกให้โอนเงินสินบนผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาปุณกัณฑ์ อ.หาดใหญ่ และมีการโอนเงินเข้ามาจริงเจ้าหน้าที่ จึงได้ทำการตรวจอายัดเงินดังกล่าวเอาไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นได้เข้าตรวจค้นบ้านพักของ นายอาทิตย์ และ น.ส.หวาน ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ และขยายผลเข้าตรวจค้นบ้านพักของทั้งสองคน อีกสองหลัง ประกอบด้วยบ้านเลขที่ 105/2 ม.2 ต.คลองหอยโข่ง อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา ซึ่งเป็นที่อยู่ตามทะเบียนบ้านของนายอาทิตย์ และ บ้านอีกหลังใน ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา บ้านของ น.ส.หวาน แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย,จากการสอบสวนเพื่อนบ้านใกล้เคียงกับนายอาทิตย์ ให้การว่า เดิมทีทั้งสองคนประกอบอาชีพขายส้มตำไก่ย่างและอาหารตามสั่ง อยู่ที่ อ.หาดใหญ่ มาระยะหลังได้หายออกไปจากบ้านไปนานกว่า 2 เดือน และกลับมาอีกครั้งพบว่าทั้งสองคนได้ซื้อที่ดินพร้อมปลูกบ้านหลังใหม่เป็นตึก 2 ชั้น 1 หลังอยู่ภายในซอยดังกล่าว กระทั่งมารู้อีกที ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมในคดียาเสพติดพร้อมของกลางลอตใหญ่ดังกล่าว. | กองปราบ-ปปส. ขยายผลตรวจค้นบ้านสองผัวเมีย เครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่ใน จ.สงขลา และ จ.ยะลา พบยาไอซ์ 710 กรัม ซุกซ่อนอยู่ในห้องนอน อายัดพร้อมเงินสินบน แลกปล่อยตัวอีก 5 แสนบาท ไว้เป็นหลักฐาน | null | 2สามีค้ายา,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,อาทิตย์ ทิพย์วาศรี,ข่าวทั่วไทย,ยาบ้า,ยาเสพติด,ยาไอซ์,เครือข่าย,รายใหญ่,สงขลา,ยะลา,สินบน,ติดสินบน,แลกปล่อยตัว,ค้ายารายใหญ่สงขลา,สมพงษ์ สุวรรณวงศ์,ผกก.6 บก.ป.,ปปส.สงขลา,รถไฟด่วนกรุงเทพฯ-สุไหงโก-ลก,เสนอสินบน5แสน | https://www.thairath.co.th/content/564638 |
HYUNDAI H1 LIMITED II MPV เมื่อความหรูคู่ความอึด | นอกจากความหรูหราและการขับใช้งานที่มีความอเนกประสงค์สะดวกสบายแล้ว Hyundai H1 รถตู้เอ็มพีวีจากเกาหลียังเป็นรถที่มีความทนทานแข็งแกร่งไม่พังง่ายๆ ปากต่อปากของลูกค้าหลังการขับใช้งานทำให้ยอดขายของ Hyundai H1 ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเปิดตัวในประเทศไทยเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน นับเป็นรถอเนกประสงค์ของครอบครัวที่มีพื้นที่โดยสารกว้างขวางเหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ ลูกค้าบางรายขับใช้งานรถ H1 รุ่นแรกเกือบๆ 300,000 กิโลเมตร แต่เครื่องยนต์ เกียร์ ช่วงล่าง ก็ยังไม่มีปัญหาจุกจิกกวนใจ แค่ซ่อมบำรุงดูแลตามระยะทางที่กำหนดก็สามารถขับใช้งานได้อีกนาน นับเป็นรถเอ็มพีวีที่มีความคุ้มค่าคุ้มราคาเมื่อเปรียบเทียบกับรถคู่แข่งในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความทรหดอดทนไม่พังง่ายๆ การบริการหลังการขายและราคาของชิ้นส่วนอะไหล่ที่ลูกค้ารับได้ไม่แพงจนกระเป๋าแหก,Hyundai Motor Thailand ฉลองครบรอบ 10 ปี ในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยด้วยการแนะนำรถเอ็มพีวีอเนกประสงค์รุ่นใหม่ H-1 LIMITED II เป็นรถยนต์รุ่นพิเศษที่ตกแต่งด้วยอุปกรณ์และออฟชั่นเพิ่มเติมจากรุ่นยอดนิยมอย่าง H1 Elite โดยเพิ่มหรูของอุปกรณ์ต่างๆให้สามารถตอบโจทย์ลูกค้าซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ครอบครัวขนาดใหญ่และผู้บริหารที่ต้องการเดินทางด้วยความสะดวกสบาย H1 Limited II เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ที่ตกแต่งทั้งภายในและภายนอกให้มีความหรูหรามีระดับพร้อมประโยชน์ใช้สอย,H-1 Limited II ผลิตไม่มากในรูปแบบ Limited Edition โดยขายในจำนวนจำกัดเพียงแค่ 200 คันแบบหมดแล้วหมดเลย H1 Limited II เปิดตัวด้วยราคา 1,649,000 บาท โดยเปิดรับจองเป็นครั้งแรกในงาน BIG Motor Sale 2017 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19 – 27 สิงหาคม 2560 ณ ศูนย์แสดงสินค้าไบเทค บางนา,Hyundai H1 Limited II ดีไซน์ภายนอก,H-1 Limited II ได้รับการออกแบบและปรับปรุงให้มีเอกลักษณ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น เน้นความหรูสไตล์ MPV แตกต่างจาก H1 รุ่นอื่นๆ ดีไซน์ภายนอก ใช้ตัวถังสีขาวพิเศษ Creamy White ซึ่งเป็นสีใหม่ที่ยังไม่มีจำหน่ายใน Hyundai H1 Series มาพร้อมอุปกรณ์ตกแต่งที่ถูกออกแบบให้มีความสวยงามลงตัว,กระจังหน้าแบบใหม่โครเมียมรมดำ คิ้วไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED Daytime Running Lights แบบโครเมียมดำ คิ้วป้ายทะเบียนด้านหลังแบบโครเมียมรมดำ เพิ่มล้ออัลลอย สีพิเศษไฮเปอร์ แบล็ค ขนาด 17 นิ้ว ด้านหลังติดตั้งโลโก้ Limited II พร้อมสัญลักษณ์ฉลองครบรอบ 10 ปีของ Hyundai นอกจากนี้ H-1 Limited II ยังติดตั้งหลังคากระจกไฟฟ้าหรือมูนรูฟ สามารถเปิด – ปิดด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมม่านบังแดดสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าและตอนหลังให้สามารถเปิดหลังคากระจกได้ทั้งสองส่วน เป็นครั้งแรกที่ Hyundai นำออฟชั่นนี้มาติดตั้งในประเภทรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดใหญ่,Hyundai H1 Limited II ภายในห้องโดยสาร,ภายในของ H1 รุ่นพิเศษ Limited II ตกแต่งด้วยลายไม้สีน้ำตาลเข้ม เบาะนั่งโดยสารสีเทาแบบ Perforated Leather ออกแบบให้สามารถระบายความร้อนเมื่อจอดตากแดด รูปแบบของตัวเบาะมีการปรับปรุงให้นั่งสบายขึ้น ชุดอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงใน H1 รุ่นพิเศษ ติดตั้งเครื่องเสียง Pioneer หน้าจอขนาด 7 นิ้ว รองรับ DVD พร้อมระบบ Apple Car Play หน้าจอขนาด 10.1 นิ้ว ติดตั้งหลังพนักพิงศีรษะของเบาะคู่หน้าสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง สามารถแยกการควบคุมเป็นแบบ Dual Zone คนขับกับผู้โดยสารด้านหน้าสามารถฟังวิทยุหรือเพลงจาก USB ในขณะเดียวกันผู้โดยสารตอนหลังก็สามารถชมหนังจาก DVD และรับฟังเสียงจากหูฟังได้อีกด้วย ,เครื่องยนต์,H-1 Limited II ใช้เครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียงขนาด 2.5 ลิตร 4 กระบอกสูบ 4 วาล์วต่อสูบ ระบบจ่ายเชื้อเพลิงคอมมอนเรลไดเร็คท์อินเจ็คชัน CRDI ระบบอัดอากาศใช้เทอร์โบแปรผัน VGT พร้อมชุดลดอุณหภูมิไอดีอินเตอร์คูลเลอร์ เครื่องยนต์ดีเซลจอมอึดให้กำลังสูงสุด 175 แรงม้า แรงบิดสูงสุดมากถึง 441 นิวตัน-เมตร สำหรับระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติแบบ 5 สปีด ให้การตอบสนองดีและมีระบบ Sequential Shift ให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ดั่งใจ ช่วงล่างปรับใหม่ให้มีความนุ่มนวลนั่งโดยสารทางไกลได้อย่างสะดวกสบาย,Hyundai H1 Limited II ยังติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอย่างครบครัน เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ กล้องมองหลังที่ช่วยให้การถอยจอดสะดวกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ไฟสำหรับส่องสว่างภายในห้องโดยสารด้านหลัง ปรับได้ 6 สี ,นอกจาก Hyundai H-1 Limited II ที่นำมาจัดแสดงในงาน BIG Motor Sale 2017 แล้ว Hyundai Motor ยังนำรถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่รุ่นอื่นๆ มาจัดแสดงพร้อมข้อเสนอพิเศษในงานนี้ด้วย ได้แก่ Hyundai deluxe / H1 Elite / H1 Touring / H1 Grand Starex VIP / H1 Premium ทุกรุ่นเป็นรถอเนกประสงค์ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ และเป็นรถยนต์ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ผู้ที่สนใจสามารถเยี่ยมชมและทดลองขับ พร้อมรับข้อเสนอพิเศษได้ที่บูธรถยนต์ Hyundai ในงาน BIG Motor Sale 2017 ณ ศูนย์แสดงสินค้าไบเทค บางนา ระหว่างวันที่ 19 – 27 สิงหาคม 2560 และที่โชว์รูมรถยนต์ฮุนไดทั่วประเทศ รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ,www.hyundai.co.th, หรือ ,www.facebook.com/HyundaiThailand,ข้อเสนอพิเศษในงาน BIG Motor Sale 2017,Hyundai H1 Grand Starex VIP / H1 Premium สามารถเลือกรับ, เงื่อนไขที่ 1 – ดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% ผ่อนนานสูงสุด 48 เดือน (ชำระค่างวดต้นงวดเท่านั้น สำหรับเงินดาวน์ 30% ขึ้นไป),เงื่อนไขที่ 2 - ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี ,เงื่อนไขพิเศษนี้มีผลตั้งแต่วันนี้ จนถึง 31 ตุลาคม 2560 Hyundai H1 ทุกรุ่น,ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี.,อาคม รวมสุวรรณ,E-Mail ,[email protected],Facebook ,https://www.facebook.com/chang.arcom,https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/ | Hyundai แนะนำรถเอ็มพีวีอเนกประสงค์รุ่น H1 Limited II เพิ่มความหรูเติมออฟชั่นจัดเต็มสีพิเศษ เปิดราคา 1,649,000 บาท | ข่าว,ยานยนต์ | อาคม รวมสุวรรณ,Hyundai H1 Limited II,ฮุนได้เอชวันลิมิเตททู,Hyundai | https://www.thairath.co.th/news/auto/news/1039840 |
ฉลองปลดล็อก ว่าที่ผู้สมัครส.ส. ขยับลูกคอ ประเดิมหาเสียง | เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเตรียมพร้อมการเลือกตั้ง เริ่มเข้มข้น ขึ้นทันทีหลัง คสช.มีคำสั่งปลดล็อกทางการเมือง ให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคต่างๆ เริ่มลงพื้นที่จัดกิจกรรมทางการเมือง เตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง ที่จะมาถึง ถือเป็นบรรยากาศการเมืองเต็มรูปแบบ หลังการปฏิวัติ รัฐประหาร มานานกว่า 5 ปี,ที่เลือกตั้ง ที่ 4 นครพนม ซึ่งถือเป็นพื้นที่สำคัญที่จะมีการแข่งขันดุเดือด เนื่องจาก นายชูกัน กุลวงษา อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้ย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ทำให้เพื่อไทย ต้องส่งว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.คนใหม่ มารักษาฐานที่มั่น และคะแนนนิยมจากชาวบ้านไว้ โดยได้เปิดตัว นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย แบบบัญชีรายชื่อ และยังเป็น ส.ส.ดาวสภา ของพรรค เตรียมพร้อมลงสมัคร สู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้,ทั้งนี้ หลังประกาศปลดล็อก นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต 4 นครพนม ไม่รีรอ ประเดิมวันแรก ถือฤกษ์ดี ลงพื้นที่ พบปะ ปราศรัยกับชาวบ้าน ในพื้นที่ อ.ปลาปาก รวมถึง 4 จุด เพื่อชิงความได้เปรียบ เนื่องจากเป็นการลงสมัคร ส.ส.พื้นที่ ครั้งแรก โดยได้ชูนโยบายแก้ไขปัญหาความยากจน กับชาวบ้าน และเชิญชวนให้ประชาชน ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง เพื่อได้มาซึ่งระบอบประชาธิปไตย ที่สมบูรณ์ หลังรอโอกาสนี้ มานานหลายปี ที่สำคัญยังได้สร้างสีสัน ร้องเพลงคืนความสุขให้กับชาวบ้าน คือเพลง โปรดพิจารณา ของนักร้องชื่อดัง ดำรง วงศ์ทอง เป็นการอ้อน และฝากความเมตตาขอคะแนนกับชาวบ้าน เพื่อทำงานรับใช้พี่น้องประชาชน,นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า วันนี้เป็นวันที่ชาวบ้านรอคอยมานาน เชื่อว่าเป็นวันที่ชาวบ้านมีความสุขมากที่สุด หลังอึดอัดมานานหลายปี และจะเป็นการประกาศจุดยืน ของนักการเมือง รวมถึงประชาชน เพื่อได้ระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ยอมรับช่วงที่ผ่านมา ประชาชนอยู่แบบอึดอัด หนำซ้ำยังมีปัญหาปากท้อง เศรษฐกิจตกต่ำ ซึ่งเชื่อว่าประชาชนรู้ และประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน ,ด้าน นายอลังการ มาวิเศษ อายุ 42 ปี ตัวแทนชาวบ้าน ต.นามะเขือ อ.ปลาปาก จ.นครพนม เปิดเผยว่า วันนี้รู้สึกดีใจ โล่งใจที่ได้เห็นบรรยากาศทางการเมืองกลับมา หลังถูกบีบบังคับมานานหลายปี และเชื่อประชาชน ดีใจ ที่ปลดล็อกการเมือง แจะได้แสดงออกถึงสิทธิเสรีภาพ ในระบอบประชาธิปไตย,จากนี้ไป ที่ต้องการที่สุดคืออยากได้ ส.ส.มาจากการเลือกตั้ง และประเทศมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ | สีสันการเมือง ประเดิมปลดล็อก ว่าที่ ผู้สมัครส.ส. ได้ฤกษ์ขยับแข้งขยับขา ออกเดินหาเสียงกันแล้ว หลังถูกดองเค็มมากว่า 5 ปี เขต 4 นครพนม สุดคึกคัก หลังเจ้าถิ่นหนีเพื่อไทยไปลงในนามพลังประชารัฐ | เลือกตั้ง | การเมือง,เลือกตั้ง,เลือกตั้ง62,หาเสียงเลือกตั้ง,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/1443976 |
ช็อก เผยนาทีหนุ่มสาวเปรู จูบกันดูดดื่มที่สะพาน ร่วงตก ตายทั้งคู่ (คลิป) | เมื่อ 7 ส.ค.62 เว็บไซต์,เดลี่เมล, รายงานและเผยแพร่คลิปจากกล้องวงจรปิด บันทึกเหตุการณ์สลดของสองชายหญิงชาวเปรู น.ส.เมย์เบธ เอสปินนอซ และนายเฮคเตอร์ วิดอล ที่ต้องมาจบชีวิตอย่างคาดไม่ถึง ขณะทั้งคู่กำลังจูบกันอย่างดูดดื่มที่ราวสะพานเบธเลเฮม ในเมืองกุสโก แต่แล้วหญิงชายคู่นี้กลับร่วงตกจากสะพานสูง 50 ฟุต (ราว 15.24 เมตร) ลงไปทั้งคู่ จนทำให้เสียชีวิตอย่างน่าสะเทือนใจ,คลิป : ,ที่นี่,จากคลิปวิดีโอกล้องวงจรปิด เผยให้เห็นนาทีที่เมย์เบธและเฮคเตอร์ เอนตัวจูบกันพิงราวสะพาน จากนั้นฝ่ายหญิงได้เขยิบตัวขึ้นไปนั่งอยู่บนราวสะพาน และใช้ขาทั้งสองเกี่ยวรัดฝ่ายชายไว้ ขณะทั้งสองจูบกันอยู่ แต่แล้วในชั่วไม่กี่อึดใจ ฝ่ายหญิงเกิดเสียหลักหงายหลังลงไปและได้เหนี่ยวร่างผู้ชายตกลงจากสะพานลงไปด้วย,สื่อท้องถิ่นในเปรู เผยว่า เมย์เบธ อายุ 34 ปี และเฮคเตอร์ อายุ 36 ปี มาพบจุดจบ กอดจูบกันจนตกสะพาน หลังออกจากไนต์คลับแห่งหนึ่งช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. ของวันเสาร์ที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยฝ่ายหญิงเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ ส่วนฝ่ายชายได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงที่ศีรษะ และต่อมาได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาล โดยตามรายงานของ Panamerica แจ้งว่า ชายหญิงเคราะห์ร้ายที่ต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดนี้ เป็นนักปีนเขา และได้ย้ายมาอยู่ที่เมืองกุสโกเพื่อทำงานเป็นไกด์ทัวร์. | วงจรปิดเผยนาทีสองหนุ่มสาวชาวเปรู กอดจูบกันอย่างดูดดื่มที่สะพานเมืองกุสโก กลางดึก จนพลัดร่วงตกสะพานสูงทั้งคู่ ฝ่ายหญิงตายคาที่ ส่วนผู้ชายบาดเจ็บสาหัสที่ศีรษะ ก่อนเสียชีวิตต่อมาที่โรงพยาบาล | ข่าว,ต่างประเทศ | หนุ่มสาวเปรูจูบกันตกสะพาน,จูบกันตกสะพานตาย,เปรู | https://www.thairath.co.th/news/foreign/1632346 |
สนามพระ 24/12/60 | --ก็ทำให้เห็นว่าหากชาติใดมีศาสนายึดเหนี่ยว ก็จะนำไปสู่การทำดี,ส่วน ธรรมะสนามพระ วันนี้ อัญเชิญมาจาก สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช ว่า ไม่มีอะไรที่เราสะสมแล้วไม่เป็นภาระ ยกเว้นความดี ,อย่างพระเครื่อง ซึ่งก็เป็นของสะสมอย่างหนึ่ง ก็เป็นภาระ แต่ต่างกับของสะสมอื่น ตรงที่เป็นภาระที่ทำให้เรามีความสุข และยังเป็นสิ่งเตือนใจให้ระลึกถึงความดี และถ้าสะสมแต่พระเครื่องชั้นนำ อย่าง พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์เกศบัวตูม ฐานสูง กรุวัดใหม่อมตรส องค์นี้ ก็มีแต่คนอยากมีปัญญา สร้างภาระ,บางขุนพรหมพิมพ์นี้ เป็นพิมพ์เดียวกับวัดระฆังฯ เข้าใจกันว่า สมเด็จโตฯ มอบให้ผู้จัดสร้างมาใช้เป็น ต้นแบบ แต่มีรายละเอียด ความแตกต่างจาก พิมพ์ฐานเตี้ย พระบาทแยกของบางขุนพรหม ที่สังเกตเห็นชัดก็ตรง องค์พระจะผึ่งผายได้สัดส่วนสง่างามกว่า ฐานชั้นขาสิงห์จะแคบสูง พระบาทมีเส้นซ้อนนูน แต่ไม่แยกยื่น เส้นซุ้มหนาใหญ่ อย่างองค์นี้ คราบกรุ ผิว พิมพ์ ทรง ศิลป์ มวลสาร ธรรมชาติความเก่า ทุกจุดคะแนนเต็ม,ยกเว้นที่ฟอร์มทรง โดนตัดแต้มหน่อย เพราะตรง มุมล่างด้านขวา มีรอยชำรุด เนื้อหลุดหายไปนิ้ด ดูจากภาพไม่แน่ใจว่าเป็นแผลเก่าจากในกรุ หรือแผลใหม่ที่เกิดหลังขึ้นจากกรุ ถ้าไม่เสียแต้ม น่าจะเทียบองค์แชมป์ที่จำวัดอยู่เมืองเหนือได้,เห็นชื่อเจ้าของ เสี่ยศุภชัย สายัณห์ จำได้ว่ามีพระยอดนิยมชั้นยอด สวยเยี่ยมเนี้ยบ เพราะเป็นเจ้าสัวพัทยา เป็นนักนิยมพระรุ่นใหญ่ตัวยงที่สะสมมานาน จนดูเองได้ไม่ต้องพึ่งเซียน โดยเฉพาะ พระสมเด็จบางขุนพรหม เกือบครบทุกพิมพ์ ที่สำคัญทุกองค์สวยเจ๋งระดับแชมป์ ,ตามมาด้วย รูปเหมือนจำลองปั๊ม พิมพ์ C เนื้ออัลปาก้า หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ อ.พยุหะคีรี นครสวรรค์ รูปจำลองพระเกจิอาจารย์ ที่ได้รับความนิยมสูงอันดับ ๒ รองจาก รูปเหมือนหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน,จัดสร้างด้วยวิธีปั๊มด้วยเครื่องจักร เป็นเนื้อโลหะ ๒ ชนิด คือ อัลปาก้า กับ ทองเหลือง ซึ่งเป็นเนื้อโลหะเนื้อแข็ง,การปั๊มต้องใช้แรงกดกระแทกสูง ทำให้แม่พิมพ์มีความสึกกร่อนลบเลือน เส้นศิลป์ตื้นขึ้น ต้องมีการตกแต่งพิมพ์เป็นระยะ องค์พระที่ได้ จึงมีความแตกต่างในเส้นสายรายละเอียด ซึ่งนักนิยมพระแยกเล่นเป็นพิมพ์ A, B, C, D ราคาไล่เรียงลดหลั่น อย่างองค์นี้ของ เสี่ยอนุศักดิ์ กิตติสิริสวัสดิ์ เป็นพระพิมพ์ C สภาพแชมป์,องค์ที่สาม คือ พระพิมพ์ไก่หางพวง หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อ.เสนา อยุธยา พิมพ์ยอดนิยมอันดับ ๑ ซึ่งเคยทำสถิติเป็นพระพิมพ์เนื้อดินเผาพระเกจิ ที่มีราคา ทะลุหลักล้าน เป็นรายแรก,ปัจจุบันแม้กระแสจะทรงตัวไม่หวือหวา แต่ไม่ถดถอย องค์งามๆ ผงอุดเดิมๆ อยู่ครบสมบูรณ์ ดูง่ายๆ อย่างองค์นี้ของ เสี่ยมโนมัย ศุภวิรัชบัญชา ราคาก็ยังทรงตัว ไม่เพิ่มแต่ก็ไม่ลด ขอบอก ,อีกสำนักคือ เหรียญหล่อก้นแมงดา รุ่นแรก พ.ศ.๒๔๖๐ หลวงพ่อวัดไร่ขิง นครปฐม เหรียญพระพุทธยอดนิยมของนครปฐม ที่ พระอาจารย์ใช้ เจ้าอาวาสรูปที่ ๕ จัดสร้างด้วยวิธีเทหล่อแบบโบราณด้วยเนื้อโลหะผสม,ด้านหน้าเป็นองค์พระปฏิมาประทับนั่งเหนือบัว ๓ กลีบ ด้านหลังเป็นอักขระภาษาบาลี คำว่า พุทโธ รูปเหรียญทรงกลีบบัวย่อลายเว้าโค้งปลายแหลม ดูคล้ายตัวแมงดา จึงเป็นที่มาของชื่อ เหรียญก้นแมงดา,พิธีพุทธาภิเษก มีแต่อมตะพระเกจิ อาจารย์เกียรติคุณสูงสุดของเมืองนครปฐม อาทิ หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว หลวงปู่นาค วัดห้วยจรเข้ หลวงพ่อห้อย วัดหอมเกร็ด เป็นต้น,อานุภาพความศักดิ์สิทธิ์มีรอบด้าน เด่นสุดด้านป้องกันสัตว์พิษ เขี้ยวงา ที่ชาวสวน สามพราน รุ่นปู่ รุ่นย่า เล่าว่า เหยียบงูเห่ายังไม่กัด เอามีดฟันรังผึ้งยังไม่ต่อย,ปัจจุบันเป็นเหรียญยอดนิยม สภาพสวยเดิมๆอย่างนี้ของ เสี่ยอ๊อด ดอนหวาย ราคาหลายแสนมานานแล้ว,อีกรายการ คือ เหรียญทรงผนวช วชิรูปจิตฺโต สิยา ๖ พ.ย.๒๑ เนื้อทองคำ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพย วรางกูร จัดสร้างโดย มหาวชิราลงกรณราชวิทยาลัย เป็นเหรียญที่ระลึก ครั้งทรงผนวชเมื่อ ๖ พ.ย.๒๑ ณ วัดพระแก้ว โดยมี สมเด็จพระสังฆราช อริยวงศาคตญาณ (วาสน์ วาสโน) เป็นพระอุปัชฌาย์ สมเด็จพระญาณสังวร เป็นพระราชกรรมวาจาจารย์,จำนวนสร้าง เหรียญเนื้อทองคำ ๙๙ เหรียญ ทุกเหรียญตอกตัวเลขไทยตามลำดับ กำกับไว้ด้านหลัง เหนือสมณญานามและสัญลักษณ์พระนามย่อ เหรียญในภาพนี้เป็นเหรียญลำดับที่ ๒๒ ที่ หมอยก สุพรรณ หวงมาก,ตามมาด้วย พระพุทธรูป ปางนาคปรก พุทธศิลป์บายน ลพบุรี พุทธศตวรรษ ๑๘ เนื้อสำริด ,พระศิลปะลพบุรี ได้รับอิทธิพลจากพุทธศิลป์สมัยบายนของเขมร ถือเป็นศิลป์ชั้นสูง มีความงามลึกซึ้ง ท่วงท่าอากัปกิริยาองค์พระแสดง ออกถึงตบะ เดชะ พระบารมี ของปางพระ นาคปรก ปางประจำวันเสาร์ ที่นิยมสร้างบูชากันมากเวลาพระเสาร์เสวยอายุตามตำรับวิชาเทพนพเคราะห์,องค์นี้สมบูรณ์งดงามด้วยพุทธศิลป์ชั้นสูง แล้วยังมีสนิมเขียวหยก ยืนยันอายุถึงยุคสมัยที่ เสี่ยพรรค คูวิบูลย์ศิลป์ บอกหายากมาก,องค์สุดท้ายคือ พระปิดตา หลังยันต์ ๕ ฝังพลอย พิมพ์ใหญ่ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ระยอง พระปิดตาอีกรุ่นที่มีชื่อเสียงแพร่หลายได้รับความนิยมสูง สร้างด้วยเนื้อผงอิทธิเจ ตรีนิสิงเห ปถมัง และผงพรายกุมาร,ทุกองค์มีเม็ดพลอยที่หลวงปู่ทิมปลุกเสกฝังไว้ในเนื้อทั่วองค์ อย่างที่เห็นได้ชัดเจนในองค์นี้ของ เสี่ยจิระเดช สุคนธมาน (โต เจริญพร) จำนวนสร้าง ๙,๐๐๐ องค์,และ พระใหม่ ส่งท้ายปี อาทิตย์นี้ ขอแนะนำ เหรียญนาคปรก เหรียญปรกใบมะขาม รุ่นแรก ที่จัดสร้างในวาระทำบุญอายุ ๕๖ ปี ท่านเจ้าคุณพระภาวนาวิสุทธิโสภณ (มหาสุรศักดิ์ อติสฺกโข),ท่านตระหนักถึง การเคลื่อนย้ายตำแหน่ง เทพนพเคราะห์ ที่ปีนี้ พระเสาร์ย้ายราศีเข้าเสวยอายุในปีชวด ตั้งแต่วันที่ ๒ ธ.ค.๖๐ เป็นต้นไป เป็นเวลานานถึง ๓ ปีครึ่ง เพราะพระเสาร์เป็นเทพฝ่ายบาปเคราะห์ ที่มีโทษรุนแรงสูงสุด ยิ่งกว่าพระราหู ดังคำกล่าวว่า ดูทุกข์ดูโทษให้ดูเสาร์ ดูมัวเมา ลุ่มหลงให้ดูราหู,ตามตำราว่า พระเสาร์ต้องคำสาปพระอุมา ให้พิการที่ขาซ้าย ทำให้เคลื่อนไหวเชื่องช้า กว่าจะโคจรผ่านรอบจักรราศี เทพเคราะห์องค์อื่นใช้เวลา ๑ ปีถึงปีครึ่ง แต่พระเสาร์ต้องใช้เวลาถึง ๓ ปีครึ่ง เมื่อเคลื่อนเข้าทับราศีใด จะให้โทษเจ้าของราศีนานเท่าเวลานั้น,ท่านจึงดำริทำพิธีพุทธาภิเษก สร้าง เหรียญและพระนาคปรกใบมะขาม ขึ้นในฤกษ์ที่พระเสาร์ย้ายราศีเสวยอายุ เป็นเคล็ดวิชาให้การต้อนรับ เพื่อให้สานุศิษย์ได้มีของดีของขลังไว้คุ้มครองป้องกันโทษเคราะห์จากพระเสาร์ เพราะพระเสาร์มีความเคารพยำเกรงใน พระพุทธรูปปางนาคปรก พระปางประจำวัน เพียงหนึ่งเดียวท่านจึงกำหนดแบบเป็น พระปางนาคปรก ๗ เศียร พุทธศิลป์เชียงแสนสิงห์ ๑ ล้อมด้วยพระคาถาหัวใจพระธรรม กับพระคาถาพระพุทธชนะมาร ด้านหลังเป็นยันต์มงกุฎพระพุทธเจ้า ตำรับวัดประดู่ฯ และประกอบพิธีพุทธาภิเษก เรียบร้อย,วัดจึงเปิดให้บูชาจำนวนที่เหลืออีกไม่มาก ที่ ๐-๓๔๗๗-๒๒๙๙, ๐๙-๙๐๙๐-๙๐๖๐, ๐๙-๙๕๕๙-๐๙๕๙ และไลน์ Phramh555,และแล้วก็ลาสนามพระวิภาวดีภาคปกติ เพราะอาทิตย์สุดท้าย 31 ธ.ค. จะเป็นฉบับพิเศษส่งท้ายปี วันนี้ฮากับเรื่องของ เสี่ยจตุรงค์ หนุ่มใหญ่ขายประกันชีวิต อายุ ๔๗ ซึ่งชอบพระเครื่องของขลังมาแต่เป็นวัยรุ่น พยายามดูพระด้วยตัวเอง แต่ทุนน้อย ไม่มีเงินเช่าพระจริงมาศึกษา จึงอาศัยดูจุดตำหนิจากหนังสือพระเครื่อง และวัดตาด้วยการซื้อพระตามแผงริมฟุตปาท จนมั่นใจว่าตัวเองเก่งเจ๋ง,จนสองเดือนก่อน ลูกชายสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ต้องจ่ายค่าหอ ค่าเรียน ค่าใช้จ่ายจิปาถะ จนเงินเก็บเกลี้ยงบัญชี วันไปส่งลูก จึงถอด พระวัดพลับ คล้องคอให้คุ้มครองป้องกันภัย แต่ถ้าขัดสนจำเป็นต้องใช้เงิน ก็อนุญาตให้ขาย น่าจะได้ ๔-๕ หมื่น,สั่งเสียแล้วก็กลับบ้านราชบุรี แต่อีกอาทิตย์เดียว ลูกชายก็กลับบ้าน เอาพระมาคืน บอกเอาไปขายแต่ไม่มีใครซื้อเลย บอกว่าเก๊ เสี่ยจตุรงค์ ก็ทำหน้าเครียด เมียเห็นก็บอกว่าไม่ต้องเครียด เดี๋ยวไปยืมเงินญาติ แต่ เสี่ยจตุรงค์ ถอนใจ บอกไม่ได้เครียดแทนลูก แต่เครียดที่ตัวเองโง่ เล่นพระแบบเข้าข้างตัวเอง จึงรู้แบบผิดๆถูกๆ เลยซื้อพระเก๊ห้อยคอมาหลายสิบปี และยังมีอีกเพียบ เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.,สีกาอ่าง | สนามพระวิภาวดี วันนี้ ตรงกับ คริสต์มาส อีฟ 24 ธ.ค. ที่ชาวคาทอลิกจะมีพิธีนมัสการในโบสถ์ตอนเที่ยงคืน เรียกว่า White Christmas ซึ่งถือเป็น คืนศักดิ์สิทธิ์--เทียบกับชาวพุทธเราก็ประมาณ วันพระใหญ่ | null | พระเครื่อง,พระพิมพ์,สนามพระวิภาวดี,สีกาอ่าง,สนามพระ | https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/1160547 |
สุรพศ ทวีศักดิ์: ศาสนากับความรุนแรงในชายแดนใต้ | ข้อมูลเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2562 จากฐานข้อมูลเหตุการณ์ชายแดนใต้ ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ เปิดเผยสถิติการเกิดเหตุไม่สงบรอบ 15 ปี ตั้งแต่ปี 2547-2561 พบว่าเกิดเหตุ 20163 ครั้ง ทำให้ผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต 6921 คน และบาดเจ็บ 13511 คน ผู้ที่เสียชีวิตและบาดเจ็บจากความรุนแรงมีทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนทั่วไป มีทั้งชาวมุสสลิมและชาวพุทธ (ส่วนมากเป็นชาวมุสลิม) มีทั้งโต๊ะอีหม่ามและพระสงฆ์ ข้อมูลภาพรวมของพระสงฆ์จากสำนักข่าวอิศรา (22 พฤษภาคม 2555) ระบุว่า ชายแดนใต้มีพระ 4322 รูป วัด-ที่พักสงฆ์ 825 แห่ง ตามผังข้างล่างจากวิกฤตชายแดนใต้ปี 2547-2562 มีพระสงฆ์ถูกทำร้ายถึงมรณภาพ จำนวน 21 รูป บาดเจ็บ 27 รูป ล่าสุดคือ เหตุการณ์เมื่อวันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา คนร้ายกราดยิงพระในวัดรัตนานุภาพ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส มรณภาพ 2 รูป บาดเจ็บ 2 รูป ที่ผ่านมา การดำเนินการของภาครัฐนอกเหนือจากจัดกำลังทหารรักษาความปลอดภัยขณะที่พระออกบิณฑบาตแล้ว ยังมีมาตรการอื่นๆ อีก เช่น มีการจัดโครงการ พระสงฆ์นำชัยคุ้มภัยใต้ โดยจัดพระสงฆ์อาสาสมัครไปปฏิบัติศาสนกิจในสามจังหวัดชายแดนใต้ เป็นโครงการต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา เริ่มต้นโครงการมีพระเข้าร่วมกว่า 80 รูป และมีการรายงานผลการปฏิบัติงานให้มหาเถรสมาคมทราบเป็นระยะนอกจากนี้ยังมีพระสงฆ์ในพื้นที่และต่างพื้นที่ร่วมกับตัวแทนกลุ่มชาวพุทธฆราวาส ผู้นำศาสนาอิสลาม และภาครัฐร่วมกันทำงานด้านสันติวิธีอีกด้วย รวมทั้งพระครูประโชติรัตนานุรักษ์ เจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดีที่ถูกยิงมรณภาพตามที่เป็นข่าวในขณะนี้ก็อยู่ในกลุ่มพระสงฆ์ที่ทำงานด้านสันติวิธีด้วยล่าสุด พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ได้ให้สัมภาษณ์สื่อว่า จากคำให้สัมภาษณ์นี้แสดงว่าเคยมีทหารบวชพระกระจายอยู่ตามวัดต่างๆ อยู่ก่อนแล้ว ซึ่งน่าจะเป็นส่วนสนับสนุนโครงการ พระสงฆ์นำชัยคุ้มภัยใต้ ดังกล่าวข้างต้น สอดคล้องกับงานวิจัยชื่อ Buddhist Fury: Religion and Violence in Southern Thailand (2011) ของ Michael Jerryson ที่ระบุว่ามีการจัดโครงการพระสงฆ์อาสาสมัครไปปฏิบัติศาสนกิจในภาคใต้ และมี พระทหาร (military monk) อยู่จริง ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นเพียง ข่าวลือ แต่เมื่อเห็นด้วยตาเขาถึงเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงดังเขาเขียนตอนหนึ่งว่าJerryson ต้องการอธิบายแก่ผู้อ่านชาวอเมริกันที่รับเอาพุทธศาสนาในแบบที่ตอบคำถามเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของปัจเจกบุคคลที่อาจสงสัยว่า ตัวคำสอนหรือ ปรัชญา ของพุทธศาสนาเป็นเรื่องเกี่ยวกับ สันติภาพและการไม่ใช้ความรุนแรง จะเป็นไปได้อย่างไรที่ชาวพุทธจะใช้ความรุนแรงในการต่อต้านมุสลิม โดยเขาได้ชี้ให้เห็นว่า ตัวปรัชญาเกี่ยวกับความสงบทางจิตใจ ดูเหมือนจะ ไม่รู้ (ignore) หรือไม่สนใจ ไม่เกี่ยวกับการปกป้องพุทธศาสนาของชาวพุทธที่ถือว่า ชาติกับศาสนาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เขายกตัวอย่างพระสงฆ์แกนนำกลุ่มชาวพุทธศรีลังกาและพม่าที่ออกมารณรงค์ให้รัฐใช้ความรุนแรงปราบปรามฝ่ายที่พวกเขาโจมตีว่าเป็นศัตรูของชาติและพุทธศาสนา ในไทยก็เคยมีพระบางรูปพูดปลุกเร้าว่า ฆ่าพระ 1 เผามัสยิด 1 และมีกลุ่มชาวพุทธบางกลุ่มพยายามกระพือข่าวว่า มุสลิมมีแผนจะยึดประเทศไทยซึ่งจะทำให้พุทธศาสนาอยู่ไม่ได้ เป็นต้นอันที่จริงปัญหาที่ Jerryson พูดถึง มันคือความจริงของ ทุกศาสนา ที่เมื่อถูกนำเข้ามาเกี่ยวข้อง ผูกติดกับอำนาจรัฐ การเมือง และความขัดแย้ง เพื่อที่จะปกป้องศาสนา ชาติ และชาติพันธุ์ของคนส่วนใหญ่ที่นับถือศาสนานั้นๆ บรรดาศาสนิกก็ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามคำสอนเรื่องความรัก ความเมตตา การให้อภัย ความรุนแรงกลายเป็นความจำเป็นเสมอ ดังที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์การล่าแม่มดในนามการปกป้องศาสนาที่บริสุทธิ์ สงครามระหว่างศาสนา ระหว่างนิกายศาสนา หรือระหว่างรัฐศาสนาต่างๆ ในอดีต รวมถึงสถานการณ์ความรุนแรงในนามศาสนาที่เกิดขึ้นในประเทศต่างๆ ในยุคปัจจุบัน แน่นอนว่า ปัญหาชายแดนใต้ ไม่ใช่ปัญหาความขัดแย้งทางศาสนาโดยตรง แต่เป็นปัญหาการเมืองระหว่างรัฐกับฝ่ายต่อต้านอำนาจรัฐ แต่บังเอิญว่าศาสนาเป็นองคาพยพส่วนหนึ่งของรัฐ ดังนั้นจะบอกว่าศาสนาไม่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งเลยก็คงไม่ใช่เสียทีเดียว เพราะโครงการ พระสงฆ์นำชัยคุ้มภัยใต้ หรือกลุ่มชาวพุทธและมุสลิมที่ร่วมกันทำงานด้านสันติวิธีก็เป็นการนำศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องในบางมิติทั้งนั้น แม้จะด้วย เจตนาดี ก็ตาม ส่วนฝ่ายต่อต้านอำนาจรัฐก็น่าจะมีการใช้ศาสนาในแบบของพวกเขาเองเช่นกันปัญหาแรก คือความระแวงระหว่างชาวพุทธกับชาวมุสลิม เป็นเรื่องที่องค์กรบริหารระดับสูงของคณะสงฆ์และมุสลิมต้องสื่อสารกับประชาชนให้ชัดเจนว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความขัดแย้งทางศาสนา อย่าให้กลุ่มใดๆ ฉวยโอกาสขยายความขัดแย้งระหว่างศาสนาให้มากขึ้นกว่าที่เป็นมาแต่ปัญหาที่พระสงฆ์กลายเป็นเป้าเพราะถูกฝ่ายตรงข้ามมองว่าเป็นตัวแทนอำนาจรัฐ เป็นปัญหาที่ซับซ้อนและแก้ยากมาก เป็นเรื่องของภาครัฐที่ต้องสร้างความชัดเจนว่า ปัญหาภาคใต้แกนหลักอยู่ที่ปัญหาทางการเมืองที่ต้อง แก้ด้วยการเมืองนำการทหาร ไม่ใช่แก้ด้วย การทหารนำการเมืองส่วนการทหารนำการเมือง ไม่ว่าจะเรื่องแก้ปัญหาภาคใต้ และการแก้ปัญหาขัดแย้งทางการเมืองระดับชาติ มักนำไปสู่การสร้างเงื่อนไขต่างๆ ที่ทำให้ปัญหาซับซ้อนมากขึ้นและแก้ยากมากขึ้น เพราะการแก้ปัญหาด้วย การทหารนำการเมือง นิยมใช้ยุทธศาสตร์การทำสงครามด้วยกองกำลังและการปฏิบัติการจิตวิทยาที่มุ่งควบคุมและกำจัดฝ่ายตรงข้ามมากกว่าแต่การแก้ปัญหาด้วย การเมืองนำการทหาร เป็นการแก้ปัญหาที่มุ่งสร้างพื้นที่เจรจาต่อรองเพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน โดยจะใช้กำลังเฉพาะเพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชนเป็นด้านหลักอีกอย่าง การนำเสนอภาพของพระสงฆ์ในจังหวัดชายแดนใต้ทำนองเป็นผู้เสียสละเพื่อปกป้องศาสนาและประเทศชาติ อาจไม่ส่งผลดีใดๆ ต่อความปลอดภัยของท่านเหล่านั้นแท้จริงแล้วเราควรมองว่า พระสงฆ์ก็คือประชาชนในพื้นที่ซึ่งไม่ใช่จะถูกกำหนดให้เป็นตัวแทนหรือกลไกของอำนาจรัฐ แต่ทุกคนในพื้นที่คือ พลเมือง ที่รัฐต้องให้ความคุ้มครองสวัสดิภาพและสิทธิมนุษยชนอย่างเท่าเทียมกันตามแนวทางการเมืองนำการทหาร ดูhttps://www.tnnthailand.com/content/12107https://www.tnnthailand.com/content/12107ดู https://www.isranews.org/content-page/67-south-slide/6806--4322-825-qq.htmlดู https://www.isranews.org/south-news/stat-history/73068-blood-73068.htmlดู https://www.voicetv.co.th/read/388992ดู https://www.matichon.co.th/education/news_1330076 ดู https://aeon.co/essays/buddhism-can-be-as-violent-as-any-other-religion?fbclid=IwAR3nLbuDbwxateTrpKczXSIyiix6qEBUOjE5SRO_qtX0mF6I-a0DZfGxS9Mhttps://aeon.co/essays/buddhism-can-be-as-violent-as-any-other-religion?fbclid=IwAR3nLbuDbwxateTrpKczXSIyiix6qEBUOjE5SRO_qtX0mF6I-a0DZfGxS9M | ที่มาภาพ https://mgronline.com/south/detail/9620000006491ข้อมูลเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2562 จากฐานข้อมูลเหตุการณ์ชายแดนใต้ ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ เปิดเผยสถิติการเกิดเหตุไม่สงบรอบ 15 ปี ตั้งแต่ปี | การเมือง,วัฒนธรรม | สุรพศ ทวีศักดิ์,จังหวัดชายแดนใต้,การสังหารพระสงฆ์ | https://prachatai.com/journal/2019/01/80687 |
กล้าพูด ไม่ไปถือว่าผิด แซ่บแรงกับ ครัวคุณต๋อยยกทัพ | กันกับงาน ครัวคุณต๋อยยกทัพ จัดเต็มจัดหนักๆ กับร้านดังเมนูแซ่บไส้แตก มากินกันตั้งแต่ 5 - 15 ธันวาคม 2562 ที่แกรนด์ฮอลล์ ชั้น G เดอะมอลล์บางแค ,เน้นๆ คุณภาพ เรื่องการจัดงานอาหารสุดแซ่บจาก ครัวคุณต๋อย EXPO ที่จัดอย่างต่อเนื่องมาถึง 4 ครั้ง คนแห่งรวมงานเยอะจริง ต่างเฝ้ารอถึงการรวมตัวร้านอาหารคาวหวาน อาหารว่างชื่อดังเพียบ เป็นศูนย์รวมความอร่อยแบบ วันสต็อปเซอร์วิส One Stop Service อร่อยครบจบในพื้นที่เดียว,ต๋อย ไตรภพ ลิมปพัทธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทบอร์นโปรเจคจำกัด และประธานกรรมการ บริษัทบอร์น แอนด์แอสโซซิเอทด์จำกัด ผู้ผลิตและดำเนินรายการทีวี ครัวคุณต๋อย ผู้จัดงาน ครัวคุณต๋อย EXPO จะต่อยอดความสำเร็จ ด้วยการเพิ่มสูตรใหม่ของการจัดงาน,ด้วยการแตกไลน์รูปแบบการจัดงาน ให้มีขนาดงานเล็กลง แต่เพิ่มสีสันและลูกเล่นในการจัดงาน เตรียมจัดงาน ครัวคุณต๋อยยกทัพ ตามห้างสรรพสินค้าดังๆ จะจัดขึ้นครั้งแรกระหว่าง 5 – 15 ธันวาคม 2562 แกรนด์ฮอลล์ ชั้นจี เดอะมอลล์บางแค โดยเน้นคุณภาพร้านอาหาร ที่มาร่วมออกงานเหมือนเดิม ชูจุดเด่นของดีจับต้องได้ ให้ผู้ร่วมงานได้แซ่บแรงกับรูปรสกลิ่นเสียง รูปแบบการตกแต่งในรูปแบบครัวคุณต๋อย ยังมีการจัดบูธจำหน่าย วัตถุดิบอาหาร ภายใต้แนวคิด ครัวคุณต๋อย Selected ให้ผู้มาร่วมงานได้เลือกซื้ออีก,เสี่ยต๋อย บอกว่า การจัดงานครัวคุณต๋อยยกทัพ ยังคงเอกลักษณ์ของการจัดงาน ครัวคุณต๋อย EXPO รวบรวมเฉพาะร้านอาหาร ที่เคยออกรายการครัวคุณต๋อย มาออกร้านเท่านั้น คัดมา 52 บูธ น้อยกว่าจำนวนบูธในงาน ครัวคุณต๋อย EXPO ที่รวบรวมร้านอาหารมากกว่า 200 บูธ ในงานยังมีพิธีกรดัง 4 ท่านคือ ต๋อย ไตรภพ ลิมปพัทธ์, ณวัฒน์ อิสรไกรศีล, เอ๊าะ กีรติ เทพธัญญ์, โก๊ะตี๋ อารามบอย พร้อมด้วยโปรโมชั่นจัดเต็มมากๆ จากร้านอาหารเยอะแยะแบบพิเศษสุดพลัง,ปี 2563 ยังมีแผนที่จะจัดงาน ครัวคุณต๋อยยกทัพ ตามห้างสรรพสินค้าในย่านต่างๆ ในกรุงเทพฯ และพัทยา อย่างต่อเนื่องถึง 9 ครั้ง หลังจากการจัดงาน ครัวคุณต๋อย EXPO ครั้งที่ 5 ในช่วงกุมภาพันธ์ 2563,การจัดงานครัวคุณต๋อยยกทัพ เพื่อกระจายการจัดงาน ไปยังพื้นที่ต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภค และผู้ชื่นชอบการกินให้มากขึ้น ในรูปแบบงานที่เล็กลง แต่เพิ่มสีสันใหม่ๆ ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการร้านค้า ที่มีความพร้อมในการร่วมออกบูธ ได้มีโอกาสเพิ่มช่องทางการตลาด ในการสร้างยอดขายเพิ่มรายได้ให้สูงขึ้น เพราะบางร้านค้าอาจมีข้อจำกัดบางประการในการทำตลาด เช่น สถานที่ไม่เอื้ออำนวย ต่อการรองรับลูกค้าจำนวนมาก,ครัวคุณต๋อยยกทัพ ยังมีความพิเศษ คือบูธที่จัดสร้างในงานจะถูกออกแบบ ให้มีไลฟ์สไตล์วาไรตี้มากขึ้น ไฮไลต์สำคัญที่ต้องบอกว่า ไม่ไปถือว่าผิด ให้ความสำคัญเรื่องของ วัตถุดิบอาหาร (food ingredient) เป็นองค์ประกอบสำคัญของอาหารไทย,อยู่คู่กับวิถีการดำรงชีพของคนไทยมายาวนาน จนได้รับการยกย่องในเรื่องภูมิปัญญาอันลึกซึ้ง ในการเลือกใช้พืชผักและสมุนไพรชนิดต่างๆ มาปรุงแต่งกลิ่น และรสชาติอาหารให้น่ากิน ทำให้อาหารไทย เป็นหนึ่งในอาหารที่คนทั่วโลกยกย่อง,ในงาน ครัวคุณต๋อยยกทัพ จึงจะมีการจัดบูธขายวัตถุดิบอาหาร ภายใต้แนวคิด ครัวคุณต๋อย Selected เพื่อให้ผู้มาร่วมงานได้เลือกซื้อวัตถุดิบคุณภาพ กลับไปประกอบอาหารเอง ตามสูตรเด็ดเฉพาะของแต่ละบุคคล,ต๋อย ไตรภพ บอกเลยว่า มีแฟนๆ รายการเรียกร้องเข้ามามาก อยากให้เราไปจัดงานในหลายที่ โดยเฉพาะต่างจังหวัด เราจะพยายามไปพบแฟนๆ ให้ทั่วถึงทุกหนทุกแห่ง โดยรับปากและจะพยายามทำให้ได้ จึงอยากเชิญชวนทุกท่านให้มาเห็นความตั้งใจ ในการจัดงานครัวคุณต๋อยยกทัพ รับรองมางานนี้ไม่ผิดหวัง มางานนี้งานเดียวเหมือนได้ไปร้านอาหารจากทั่วประเทศ โดยเฉพาะเรื่องรสชาติรับรองว่าอร่อยแน่นอน,ร้านอาหาร คาว หวาน และอาหารว่างชื่อดัง ที่จะมาร่วมออกบูธภายในงาน ครัวคุณต๋อยยกทัพ เช่น ร้านฟงอวิ๋น หมูกรอบเป็ดย่างเตาถ่าน, ร้านปิ่นมณี ปลาส้มไร้ก้าง, ร้านครัวรสหนึ่ง ขึ้นชื่อกุ้งแช่น้ำปลา ยำไข่แมงดา, ร้าน Simply V Dine & Wine Restaurant กับเมนูไก่เป็ด และซี่โครงหมูรมควัน,ร้านหอยจ๊อปูทองเยาวราช, ร้านขาหมูกรอบบายเชฟเดย์, ร้านฟู่จิน ซาลาเปา, ร้านมะม่วงเบาพี่เล็กหาดใหญ่, ร้านขนมไทยคุณยายผ่องศรี, ร้านบ้านปลาทูมหาชัย, ร้านเค้กหนองพงนก กับเมนูขนมปังไส้กุ้ง ขนมปังสังขยานมสดไส้ทะลัก ฯลฯ,เตรียมท้องให้พร้อมรอไปงาน ,ครัวคุณต๋อยยกทัพ 5–15 ธันวาคม 2562 ตั้งแต่ 10.30 - 21.30 น. แกรนด์ฮอลล์ ชั้นจี เดอะมอลล์บางแค ติดตามต่อที่ FACEBOOK : ครัวคุณต๋อย หรือ ไลน์ไอดี ID Line @kktshop | รอ รอ รออีกหน่อย ได้อิ่มอร่อยจนท้องแตกแน่นอน เพราะงานนี้คัดๆ แต่ของแซ่บๆ มาให้กิน | บันเทิง,ข่าวบันเทิง | ครัวคุณต๋อยยกทัพ,ครัวคุณต๋อยเอ็กซ์โปexpo,ต๋อย ไตรภพ ลิมปพัทธ์,งานอาหารที่เดอะมอลล์,กอสซิป | https://www.thairath.co.th/entertain/news/1714751 |
ร้องพ่อเมืองสอบ 8 ตร.ตีนโหด ซ้อมการ์ดผับดังภูเก็ต ปางตาย | ขณะที่ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต มีคำสั่งให้ รอง ผกก.สส.สภ.กะทู้ หนึ่งใน 8 ตำรวจย้ายไปช่วยราชการ,จากกรณีเมื่อช่วงค่ำ วันที่ 10 มิ.ย. 58 บริเวณหน้าฮอลลีวูดผับแอนด์ดิสโก้เธค ซ.บางลา (วอล์คกิ้งสตรีท) ถ.ราษฎร์อุทิศ 200 ปี ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ย่านสถานบันเทิงนับพันแห่ง ที่โด่งดังไปทั่วโลก ได้มีพนักงานเสิร์ฟ-แคชเชียร์ชายหญิง และการ์ดรักษาความปลอดภัยของผับดังกล่าวกว่า 100 คน รวมตัวออกมาชูแผ่นป้ายประณาม-เรียกร้องขอความเป็นธรรมผ่านถึง ผวจ.ภูเก็ต และ คสช.ให้กับ นายกมลชัย สิงเกิด อายุ 29 ปี ภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่ 66 หมู่ 2 ต.บ้านโพธิ์ อ.เมืองตรัง จ.ตรัง การ์ดรักษาความปลอดภัยของผับดังกล่าว หลังถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ 7-8 คน รุมทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บฟันหัก 2 ซีก ศีรษะถูกตีด้วยขวดเหล้าแตก เย็บ 6 เข็ม เหตุเกิดเมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 10 มิ.ย. ที่ผ่านมา,ต่อมา พ.ต.ท.อกนิษฐ์ ด่านพิทักษ์ศาสน์ รอง.ผกก.ป.สภ.กะทู้ พ.ต.ท.พงศ์พิชาญ ชยานนท์พิริย สวป.สภ.กะทู้ และ พ.ต.ท.สุทธิชัย เทียนโพธิ์ สว.สส.สภ.กะทู้ ได้เข้าเจรจาพูดคุยกับตัวแทนพนักงาน ภายในฮอลลีวูดผับแอนด์ดิสโก้เธค เพื่อหาข้อยุติ โดยใช้เวลาในการพูดคุยกว่า 2 ชม. เบื้องต้น พ.ต.ท.อกนิษฐ์ รับข้อเสนอจากผู้ชุมนุม นำเสนอต่อ ผกก.สภ.กะทู้ และ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต 1. กรณีเหตุการณ์ดังกล่าว มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้ที่ลงมือทำร้าย นายกมลชัย จะมีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงทั้งทางวินัย ส่วนอาญาจะเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และ 2. กรณีผู้เสียหาย หรือพยานเกรงว่าจะเกิดอันตรายขึ้น สภ.กะทู้จะมีการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูแลความปลอดภัยสร้างความพึงพอใจ ให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมก่อนแยกย้ายกันไปทำงานตามปกติ,ทั้งนี้ สืบเนื่องเมื่อวันเกิดเหตุ นายกมลชัย กำลังทำงานตามหน้าที่ของการ์ดดูแลความปลอดภัยของผับดังกล่าว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ใกล้ผับปิดให้บริการ ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวนหนึ่งเดินเข้ามาที่หน้าผับ ซึ่งแต่ละคนอยู่ในอาการมึนเมา จากนั้น นายกมลชัย ได้ขอตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมาย และอาวุธปืน ทำให้หนึ่งในชายฉกรรจ์ไม่พอใจ พร้อมกับกระชากคอเสื้อนายกมลชัย พร้อมกับชกเข้าไปที่ใบหน้าจนล้มคว่ำลงไปนอนกองกับพื้น พร้อมกับแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ มึงไม่รู้จักกูหรือไงวะ และสั่งให้ก้มกราบ เพื่อเป็นการแสดงการขอโทษ ขณะที่นายกมลชัยก้มกราบ ได้มีชายฉกรรจ์อีกหนึ่งคนเตะนายกมลชัยขณะที่กำลังกราบ เข้าที่ลำตัวกับบริเวณปากจนฟันหัก และใช้ขวดเหล้าตีซ้ำเข้าที่บริเวณศีรษะจนหัวแตกเลือดอาบ ขวดแตกกระจาย จากนั้นได้มีการ์ด และพนักงานของผับเข้ามาห้าม และนำนายกมลชัยส่งรักษาตัวที่ รพ.ป่าตอง โดยมาทราบภายหลังในกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวมี พ.ต.ท.สรพงษ์ ชูแก้ว รอง.ผกก.สส.สภ.กะทู้ร่วมอยู่ในกลุ่มดังกล่าวด้วย เบื้องต้น พล.ต.ต.พชร บุญญสิทธิ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต มีคำสั่งให้ไปช่วยราชการ ที่ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตเป็นระยะเวลา 1 เดือน จนกว่าจะมีการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงแล้วเสร็จ เพื่อความยุติธรรมทั้ง 2 ฝ่าย,ล่าสุดเมื่อเวลา 12.40 น. วันที่ 12 มิ.ย. 58 ที่ สภ.กะทู้ จ.ภูเก็ต นายกมลชัย สิงเกิด อายุ 29 ปี การ์ดฮอลลีวูดผับแอนด์ดิสโก้เธค ซ.บางลา ถ.ราษฎร์อุทิศ 200 ปี ต.ป่าตอง อ.กะทู้ ที่ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์รุมทำร้ายร่างกายจนฟันหัก 2 ซี่ ศีรษะถูกตีด้วยขวดเหล้าแตก เย็บ 6 เข็ม และเพื่อนพนักงานที่เห็นเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุนับสิบคน ได้เข้าพบ พ.ต.ท.อนุกูล หนูเกตุ พนักงานสอบสวนชำนาญการเพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง ที่รุมทำร้ายตนเองท่ามกลางทัพนักข่าวที่รอเป็นจำนวนมาก โดยนายกมลชัยอยู่ในสภาพอิดโรย ที่บริเวณศีรษะด้านขวามีบาดแผลที่แพทย์เย็บ และปิดผ้าก๊อซสีขาวไว้ บริเวณริมฝีปากด้านซ้ายมีแผลฉีกขาด ฟันหน้าบนหักหายไปจำนวน 2 ซี่ ซึ่งมีเพื่อนๆ พนักงานคอยดูแลความปลอดภัย ตลอดที่นายกมลชัยลงจากรถ หลังจากมีเพื่อนไปรับตัวนายกมลชัยมาจากบ้านเกิดที่ จ.ตรังเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. ที่ผ่านมา เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มชายฉกรรจ์ที่รุมทำร้ายดังกล่าว,นายกมลชัย เล่าเหตุการณ์ที่ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์รุมทำร้ายในวันเกิดเหตุให้ฟังว่า ขณะที่ทำงานเป็นการ์ดดูแลความเรียบร้อยอยู่ที่หน้าผับ ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวนหนึ่งได้เดินเข้ามา จากนั้นได้ขอตรวจค้นอาวุธ ทำให้หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ไม่พอใจและชกต่อยตน แต่ตนเองไม่ได้ต่อสู้ ทราบภายหลังว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นเพื่อนๆ ได้มาห้าม ตนเองจึงเดินไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งคิดว่าเรื่องจบไปแล้ว จากนั้นได้มีเพื่อนพนักงานเดินมาตามให้ออกไปพบกับกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าว จนกระทั่งถูกรุมซ้อมทั้งเตะ ต่อยและกระทืบ โดยถูกบังคับให้กราบขอโทษ ซึ่งตนเองก็ยอมที่จะขอโทษ แต่ก็ยังถูกเตะเข้าที่ปากจนฟันหัก และถูกขวดเหล้าตีเข้าที่ศีรษะจนแตกเลือดอาบอีก โดยมีชายฉกรรจ์อีก 2 คนจับมือไพล่หลัง เพื่อให้หนึ่งในชายฉกรรจ์ชกต่อยตามใจชอบ จนผู้บริหารและเพื่อนๆ พนักงานมาขอร้องให้หยุด และนำตนส่ง รพ.ป่าตอง เพื่อเย็บบาดแผล และด้วยความกลัวจะถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวติดตามมาทำร้ายอีก จึงหนีไปอยู่บ้านเพื่อนที่ อ.ทับปุด จ.พังงา และไปอยู่กับเพื่อนที่ จ.กระบี่ในเวลาต่อมา จนมีเพื่อนไปรับตัวกลับมายัง จ.ภูเก็ต, นายกมลชัย กล่าว,พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ อุ้ยคำ ผกก.สภ.กะทู้ จ.ภูเก็ต กล่าวสั้นๆ ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นใครจะผิด ใครจะถูกกระทำ ก็ต้องว่ากันไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนการสืบสวน และสอบสวนทางวินัยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ถูกกล่าวหา ว่าเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องนั้น เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต เป็นผู้สั่งการ และแต่งตั้งขึ้นมา โดยมี พ.ต.อ.สมาน ชัยณรงค์ รอง.ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต เป็นประธานการสอบสวน โดยจะใช้เวลา 30 วัน,ขณะที่ พ.ต.อ.สมาน ชัยณรงค์ รอง.ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกับข้าราชการตำรวจ ที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว หลังจากที่ พล.ต.ต.พชร บุญญสิทธิ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต มีคำสั่งให้มีการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการทางวินัยของข้าราชการตำรวจกล่าวว่า ได้รับคำสั่งจาก ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ให้เป็นประธานคณะกรรมการสืบสวนและสอบสวนข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว เนื่องจากมีข้าราชการตำรวจถูกกล่าวหา ว่าเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง กับการทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย จึงต้องมีการสอบสวนที่มาที่ไปของเรื่องที่เกิดขึ้น โดยจะมีเวลาทำการสอบสวน 30 วันแรก จากนั้นถ้ายังสอบสวนไม่แล้วเสร็จสามารถต่อเวลาในการสอบสวนได้อีก ซึ่งจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนการดำเนินคดีทางอาญานั้น เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนกับผู้เสียหาย ซึ่งจะต้องว่ากันไปตามพยาน และหลักฐานต่างๆ. | หนุ่มตรังการ์ดผับดังหาดป่าตอง เหยื่อตำรวจตีนโหด เข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับ 8 ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์จนถึงที่สุดแล้ว หลังถูกอวดศักดาซ้อมปางตาย ล่าสุดมีเพื่อนๆ ช่วยร้องความเป็นธรรมถึงพ่อเมือง และ คสช. | ข่าว,ทั่วไทย | ซ้อมการ์ดผับดังหาดป่าตอง,8ตร.ซ้อมการ์ดผับภูเก็ต,กมลชัย สิงเกิด,ชัยวัฒน์ อุ้ยคำ,สมาน ชัยณรงค์,รองผบก.ภ.จ.ภูเก็ต,สรพงษ์ ชูแก้ว,ข่าว,การ์ดฮอลลีวูดผับ ป่าตอง,กระทืบการ์ดฮอลลีวูดผับ ป่าตอง,ข่าวสังคมทั่วไทย,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/news/local/504701 |
ไทย เปลี่ยนใช้ฉีดสารพิษแทนยิงเป้าประหารชีวิต ตั้งแต่ปี 2546 | ประเทศไทยมีการนำโทษประหารชีวิตมาใช้ในกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ปี พ.ศ. 1895 โดยได้มีการออกพระราชกฤษฎีกาคดีอาญาและการลงทัณฑ์ หรือ พระอัยการอาญาหลวง ต่อมามีการขยายคดีที่ต้องโทษประหารชีวิตให้มีความครอบคลุมมากยิ่งขึ้น และระบุวิธีการประหารชีวิตให้มีความชัดเจนมากขึ้น โดยในปี พ.ศ. 2451 ได้มีการระบุไว้ในประมวลกฎหมายอาญาว่า การฆ่าตัดศีรษะเป็นวิธีการของการประหารชีวิตหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 พระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรัฐมนตรีขณะนั้นได้เสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้ยุติโทษประหารชีวิต แต่ได้มีการลงความเห็นว่า ยังไม่ถึงเวลายกเลิกโทษประหารชีวิต แต่ควรเปลี่ยนรูปแบบการประหารชีวิตเป็นวิธีการที่มีความทรมานน้อยกว่าเดิม ซึ่งในปีเดียวกันนี้ จึงได้มีการแก้ไขกฎหมาย โดยเปลี่ยนวิธีการประหารชีวิตจากตัดศีรษะมาเป็นการยิงเป้าถึงแม้วิธีการประหารชีวิตจะมีความทรมานน้อยลง หากแต่โทษประหารชีวิตของไทยกลับทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น เนื่องจากในปี พ.ศ. 2499 ได้มีการประกาศใช้ประมวลกฎหมายอาญาฉบับใหม่ ซึ่งระบุโทษประหารชีวิตในหลายกรณี เช่น ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ ความผิดเกี่ยวกับการปกครองและกระบวนการยุติธรรม ความปลอดภัยของสาธารณชน การคุกคามทางเพศ ชีวิตและความปลอดภัยทางร่างกาย เสรีภาพและทรัพย์สินส่วนบุคคล การขู่เข็ญเรียกค่าไถ่ การขู่กรรโชกและการปล้นทรัพย์สิน นอกจากนั้น ยังมีพระราชบัญญัติยาเสพติด พ.ศ. 2522 ซึ่งโทษสูงสุดคือการประหารชีวิตเช่นกันปัจจุบัน พระราชบัญญัติยาเสพติดได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม เป็น พระราชบัญญัติยาเสพติด พ.ศ. 2544 โดยโทษประหารชีวิตยังคงอยู่ ซึ่งนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 เป็นต้นมาโทษประหารชีวิตส่วนใหญ่มาจากคดียาเสพติด และรัฐสภาไทยขณะนั้นได้ผ่านกฎหมายห้ามโทษประหารชีวิตและโทษจำคุกตลอดชีวิตสำหรับผู้เยาว์ นอกจากนี้ ยังได้มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการประหารชีวิตจากการยิงเป้าเป็นฉีดยาหรือสารพิษเข้าเส้นแทนด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เตรียมเสนอแก้ไขกฎหมายประหารชีวิตผู้ค้ายาเสพติดภายใน 30 วันหลังศาลตัดสิน เนื่องจากที่ผ่านมา ผู้ต้องหาในคดียาเสพติดที่รับโทษประหารชีวิต ส่วนใหญ่จะยังไม่ได้รับโทษประหารทันที ทำให้บางครั้งสามารถออกมากระทำความผิดซ้ำได้อีก | ประเทศไทยมีการนำโทษประหารชีวิต มาใช้ในกระบวนการยุติธรรมเช่นกัน และมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายโทษประหารชีวิตมาโดยตลอด ซึ่งเพิ่งมาเปลี่ยนวิธีการประหารชีวิตจากการยิงเป้าเป็นฉีดยาหรือสารพิษเข้าเส้นแทนเมื่อปี 2546 ซึ่งโทษประหารชีวิตส่วนใหญ่ของไทยมาจากคดียาเสพติด | สังคม | คดียาเสพติด,ฉีดยา,ประหารชีวิต,ประเทศไทย,ยิงเป้า,สารพิษ | https://news.thaipbs.or.th/content/94252 |
ปราจีนฯยังอ่วมพื้นที่ อ.บ้านสร้าง น้ำล้นตลิ่งสูง 50 เซนติเมตร | ฝนตกหนักเกือบตลอดทั้งวันในจังหวัดปราจีนบุรีส่งผลให้ระดับน้ำในอำเภอนาดีสูงขึ้นกว่า 40 เซนติเมตร เช่นเดียวกับอำเภอกบินทร์บุรี และ ศรีมหาโพธิ ที่มีน้ำท่วมขังอยู่แล้วทำให้มีระดับสูงขึ้นอีกเช่นกัน ส่วนอำเภอเมืองปราจีนบุรี บ้าน วัด และ โรงเรียน ถูกน้ำท่วมสูงเช่นกัน โดยเฉพาะวัดแก้วพิจิตรวัดเก่าแก่ที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมขังขณะที่อำเภอบ้านสร้างซึ่งเป็นพื้นที่ปลายแม่น้ำปราจีนบุรี ที่จะรองรับน้ำที่ไหลมาจากพื้นที่อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอศรีมหาโพธิ์และอำเภอเมือง รวมทั้งปริมาณน้ำจากแม่น้ำนครนายก พบว่า ปริมาณน้ำแม่น้ำสูงล้นตลิ่งกว่า 50 เซนติเมตร ทำให้วัดบ้านสร้างและวัดบางกระเบา ซึ่งเป็นพระอารามหลวง รวมทั้งถนนในหมู่บ้านถูกน้ำท่วมน.ส.จิตราพรหมชุติมา ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี เปิดเผยว่า หากไม่มีฝนตกลงมาอีกและปริมาณการไหลของน้ำแม่น้ำปราจีนบุรี และแม่น้ำบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ยังคล่องตัว คาดว่า สถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 2 วันส่วนที่จังหวัดอุทัยธานีฝนตกหนักเมื่อช่วงเที่ยงทำให้ถนนหลายสายจมอยู่ใต้น้ำ โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอเมืองหลายชุมชนถูกน้ำท่วมขัง เนื่องจากระบายน้ำไม่ทันเพราะท่อระบายน้ำบางส่วนยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างเช่นเดียวกับจังหวัดพังงาที่เกิดน้ำท่วมขัง และน้ำป่าไหลหลากสะพานถูกน้ำกัดเซาะได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะ 2 หมู่บ้านของ ตำบลทุ่งคาโงก อำเภอเมือง ชาวบ้าน กว่า 50 ครอบครัว ได้รับความเดือดร้อนขณะที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยรายงานสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย ดินโคลนถล่ม รายงานว่า ขณะนี้ยังมีพื้นที่ประสบอุทกภัยใน 9 จังหวัด คือ จังหวัดปราจีนบุรี สระแก้ว สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี และ นครปฐมประชาชนได้รับความเดือดร้อนกว่า 150000 คน | ฝนตกหนักตลอดทั้งวันวานนี้ ( 27 ก.ย.) ทำให้สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดปราจีนบุรีที่เริ่มคลี่คลายกลับมีน้ำท่วมขังสูงขึ้นอีก โดยเฉพาะที่อำเภอบ้านสร้างซึ่งเป็นพื้นที่ปลายแม่น้ำปราจีนบุรี พบว่า ปริมาณน้ำในแม่น้ำสูงล้นตลิ่งกว่า 50 เซนติเมตร | ภูมิภาค | กบินทร์บุรี,น้ำท่วมล ล้นตลิ่ง,บ้านสร้าง,ปราจีนฯ,ฝนตกหนัก,ศรีมหาโพธิ | https://news.thaipbs.or.th/content/114714 |
ทดลองใช้ฟรีสายสีม่วงธ.ค.นี้ | บีเอ็มซีแอลเผยรถไฟฟ้า3ขบวนแรกส่งถึงไทยก.ย.พร้อมทดสอบ,พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานบอร์ดการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ระยะทาง 23 กม. จะสามารถเปิดให้บริการประชาชนอย่างไม่เป็นทางการได้ตั้งแต่ช่วงเดือน ธ.ค. 2558 นี้ โดยไม่เก็บค่าโดยสาร เนื่องจากยังเป็นช่วงทดสอบ โดยบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BMCL แจ้งว่า รถไฟฟ้า 3 ขบวนแรก (จำนวน 9 ตู้) ที่ผลิตจาก ประเทศญี่ปุ่น จะเสร็จและส่งลงเรือมาถึงท่าเรือแหลมฉบัง ภายในเดือน ก.ย. 2558 จากนั้นจะนำรถ 3 ขบวนแรกมาเข้าระบบทดสอบ ส่วนรถไฟฟ้าที่เหลือจะทยอยส่งมอบตามแผน ซึ่งตามสัญญาระหว่าง รฟม.กับ BMCL นั้น กำหนดให้เปิดเดินรถอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 ส.ค. 2559, ,ทั้งนี้ หลังจากส่งมอบรถไฟฟ้าครบ และทำการทดสอบ (Test Run) ระบบจนครบตามขั้นตอน และมีความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยตามมาตรฐานแล้ว จะมีการเปิดเดินรถอย่างไม่เป็นทางการก่อน ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงเดือน ธ.ค. 2558 โดยจะยังไม่มีการเก็บค่าโดยสาร เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่กับประชาชน โดยอาจจะยังไม่สามารถเดินรถได้ครบทุกขบวน ซึ่ง รฟม.จะหารือร่วมกับ BMCL ในเรื่องการเดินรถเต็มรูปแบบ เพื่อเริ่มจัดเก็บค่าโดยสาร ซึ่งจะอยู่ในช่วงต้นปี 2559 โดยรถไฟฟ้าสายสีม่วงเป็นรถไฟฟ้าที่อยู่ในความรับผิดชอบของ รฟม.ที่เปิดให้บริการเป็นโครงการที่ 2 ในรอบ 10 ปี หลังจากเปิดเดินรถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล,สำหรับรถไฟฟ้าสายสีม่วง รฟม.ได้ทำสัญญากับ BMCL เป็นผู้จัดหาระบบและเดินรถไฟฟ้า วงเงิน 82,625 ล้านบาท อายุสัมปทาน 30 ปี โดย BMCL ได้ทำสัญญากับกลุ่มกิจการร่วมค้า มารุเบนิ-โตชิบา จากญี่ปุ่น ให้เป็นผู้จัดหาขบวนรถไฟฟ้า ระบบจ่ายไฟฟ้า ระบบอาณัติสัญญาณ ระบบควบคุมและระบบติดต่อสื่อสาร โดยสั่งผลิตรถไฟฟ้าจากบริษัท เจแปน ทรานสปอร์ต เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (J-TREC) จำนวน 21 ขบวน รวม 63 ตู้ (1 ขบวน : 3 ตู้) มีความจุ ประมาณ 320 คนต่อตู้ สามารถรองรับผู้โดยสารได้ไม่น้อยกว่า 50,000 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง. | พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานบอร์ดการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ระยะทาง 23 กม. จะสามารถเปิดให้บริการประชาชนอย่างไม่เป็นทางการได้ตั้งแต่ช่วงเดือน ธ.ค. 2558นี้ | ข่าว,ทั่วไทย | รถไฟฟ้า,รถไฟฟ้าสายสีม่วง,รฟม.,ยอดยุทธ บุญญาธิการ,ทดลองวิ่ง,ทดสอบระบบ,BMCL,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวทั่วไทย | https://www.thairath.co.th/news/local/498638 |
เปิดโผ 18 หุ้นเด่นยอดเยี่ยมแห่งปี | ที่ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับ วารสาร การเงินธนาคาร จัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 14 แล้ว ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีคนในแวดวงตลาดทุนไปร่วมงานกันมากมาย,ขณะที่ผมนั่งเขียนคอลัมน์วันนี้ ดัชนีหุ้นไทยยังยืนอยู่เหนือ 1,700 จุด ท่ามกลางเงินสดที่ล้นโลก พร้อมที่จะไหลไปลงทุนในตลาดที่ให้ผลตอบแทนงามและมั่นคง ตลาดหุ้นไทยก็ถือเป็นหนึ่งในตลาดหุ้นที่มั่นคงแข็งแรงให้ผลตอบแทนดีในภูมิภาคนี้,ไหนๆก็ไปร่วมงานมอบรางวัล บริษัทจดทะเบียนยอดเยี่ยมแห่งปี SET Awards 2017 มาแล้ว ผมก็ขอนำรายชื่อ 18 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และตลาดเอ็มเอไอ ที่ผ่านการคัดกรองอย่างเข้มข้นโดยบริษัทจัดอันดับของไทย ทริส คอร์ปอเรชั่น จากบริษัทจดทะเบียน 532 บริษัท เข้ารอบสุดท้ายเพียง 15 บริษัท และตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ 147 บริษัท เข้ารอบสุดท้ายเพียง 3 บริษัท,เป็นการกลั่นกรองที่เข้มข้นขนาดไหนลองนึกดู,ผมในฐานะคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิคนหนึ่ง เห็นข้อมูลการกลั่นกรองทุกขั้นตอนแล้ว ต้องยอมรับว่า บริษัทจดทะเบียนที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายทั้ง 18 บริษัท เป็นบริษัทที่มีคุณภาพคับแก้วจริงๆ ไม่ว่าจะได้รับรางวัลยอดเยี่ยมหรือไม่ก็ตาม,ไปดูโผหุ้นเด่น 18 บริษัทจดทะเบียนใน SET และ mai ที่มีผล การดำเนินงานยอดเยี่ยมในแต่ละกลุ่มกันเลยครับ มีบริษัทไหนเข้าสู่รอบสุดท้ายกันบ้าง แต่ละกลุ่มจะมีบริษัทผ่านเข้ารอบสุดท้ายเพียง 3 บริษัทเท่านั้น คะแนนเฉือนกันแบบเฉียดฉิวชนิดเส้นยาแดงผ่าสิบหกกันเลยทีเดียว ไม่ใช่แค่เส้นยาแดงผ่าแปด,กลุ่มที่ 1 บริษัทที่มีมูลค่ากว่า 100,000 ล้านบาทขึ้นไป 3 บริษัทที่เข้ารอบสุดท้ายคือ บมจ.อินทัช โฮลดิ้ง บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ บมจ.ปูนซิเมนต์ และ ปูซิเมนต์ไทย คว้ารางวัลยอดเยี่ยมไปครอง,กลุ่มที่ 2 บริษัทที่มีมูลค่าระหว่าง 30,000–100,000 ล้านบาท 3 บริษัทที่เข้ารอบสุดท้ายคือ บมจ.บิวตี้ คอมมูนิตี้ บมจ.ธนาคารเกียรตินาคิน บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี และ ธนาคารเกียรตินาคิน คว้ารางวัลยอดเยี่ยมไปครอง,กลุ่มที่ 3 บริษัทที่มีมูลค่าระหว่าง 10,000–30,000 ล้านบาท 3 บริษัทที่เข้ารอบสุดท้ายคือ บมจ.จีเอฟพีที บมจ.มาลีกรุ๊ป บมจ.แม็คกรุ๊ป และ มาลีกรุ๊ป คว้ารางวัลยอดเยี่ยมไปครอง,กลุ่มที่ 4 บริษัทที่มีมูลค่าระหว่าง 3,000–10,000 ล้านบาท 3 บริษัทที่เข้ารอบสุดท้ายคือ บมจ.สหมิตรถังแก๊ส บมจ.ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น บมจ.ค้าเหล็กไทย และ สหมิตรถังแก๊ส คว้ารางวัลยอดเยี่ยมไปครอง,กลุ่มที่ 5 บริษัทที่มีมูลค่าไม่เกิน 3,000 ล้านบาท 3 บริษัทที่เข้ารอบสุดท้ายคือ บมจ.พาโตเคมีอุตสาหกรรม บมจ.ทานตะวันอุตสาหกรรม บมจ.หลักทรัพย์ ซีมิโก้ และ ทานตะวันอุตสาหกรรม คว้ารางวัลยอดเยี่ยมไปครอง,ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) 3 บริษัทที่เข้ารอบสุดท้ายคือ บมจ.แฮลเชี่ยน เทคโนโลยี บมจ.โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส บมจ.เชอร์วู้ เคมิคอล และ โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส คว้ารางวัลยอดเยี่ยมไปครอง,ทั้งหมดนี้คือ 18 หุ้นยอดเยี่ยมจาก 679 บริษัทจดทะเบียนที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายในรางวัล SET Awards 2017 เมื่อคืนวันอังคาร,ที่ผ่านมา ไม่มีหุ้นตัวไหนที่ยอดเยี่ยมกว่าหุ้น 18 ตัวนี้อีกแล้ว ช่วงนี้กำลังมีงาน มหกรรมการเงิน Money Expo Year–End ครั้งที่ 1,ที่ ศูนย์นิทรรศการไบเทค บางนา ใครอยากลงทุนใน หุ้น ทอง กองทุน ไปเลือกลงทุนกันได้ งานมีถึงวันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคม มี,สัมมนาความรู้เรื่องหุ้นและมินิคอนเสิร์ตทุกวัน.,ลม เปลี่ยนทิศ | ย่างเข้าเดือนธันวาคม เดือนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แล้ว เผลออีกแป๊บเดียวก็ถึงวันชื่นคืนสุข ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เมื่อค่ำวันอังคาร ผมไปร่วมงาน พิธีมอบรางวัลบริษัทจดทะเบียนยอดเยี่ยม SET Awards 2017 | null | บริษัทจดทะเบียนยอดเยี่ยม,SET Awards 2017,ตลาดหลักทรัพย์,ลม เปลี่ยนทิศ,หมายเหตุประเทศไทย | https://www.thairath.co.th/newspaper/columns/1140112 |
นายกฯปั่น รอบทําเนียบ ฟิตซ้อม ไบค์ฟอร์มัม | ส่วนวันที่ 2 ส.ค. นายกฯจะนำทีมคณะกรรมการจัดงานปั่นเพื่อแม่ซ้อมใหญ่ประเมินความพร้อมในเส้นทางจริง,พล.อ.ประยุทธ์ ฟิตซ้อมปั่นจักรยาน เพื่อความพร้อมเมื่อถึงวันจริง ทั้งนี้ เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 28 ก.ค. ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำคณะรัฐมนตรีซ้อมปั่นจักรยานก่อนเข้าร่วมกิจกรรม ปั่นเพื่อแม่ (Bike for Mom) ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 16 ส.ค. ตาม พระราชปณิธานของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ที่ทรงจักรยานร่วมกับพสกนิกรทุกหมู่เหล่า แสดงความกตัญญูกตเวที แด่องค์สมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา ภายในทำเนียบรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์และรัฐมนตรีพากันสวมเสื้อสีเหลือง มีอุปกรณ์ป้องกันสำหรับปั่นจักรยาน อาทิ หมวก แว่นตา และถุงมือ ครบถ้วน,ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้นำขบวนรัฐมนตรี เริ่มปั่นจากถนนด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ผ่านตึกบัญชาการ 1 ผ่านหน้าตึกนารีสโมสร ร้านค้าโครงการหลวงดอยคำ ผ่านถนนหน้าตึกสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เชื่อมหน้าตึกสันติไมตรี อ้อมไปยังสนามหญ้าหน้าตึกสันติไมตรี เลาะริมรั้วและปั่นกลับมาที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า รวม 5 รอบ ระยะทาง 3 กิโลเมตร โดยนายกฯใช้ความเร็ว 20 กิโลเมตร/ ชั่วโมง ระหว่างที่ปั่นนายกฯมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เสร็จแล้วนายกฯและรัฐมนตรีทั้งหมดได้ร่วมกันถ่ายภาพหน้าตึกไทยคู่ฟ้าเป็นที่ระลึก โดยนายกฯขอให้รัฐมนตรีชูกำปั้นขึ้น พร้อมให้ตะโกนว่า เย้ ทั้งนี้ ช่วงหนึ่งของการปั่นจักรยานนายกฯได้ปั่นจักรยานพุ่งโฉบเข้ามาหากลุ่มผู้สื่อข่าวและบรรดาช่างภาพแบบที่ยืนอยู่ริมทางเป็นการหยอกล้อ ทำให้ผู้สื่อข่าวตกใจคิดว่ารถของนายกรัฐมนตรีเสียหลัก,ภายหลังปั่นจักรยาน พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ถือเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จากกิจกรรม Bike for Mom ปั่นเพื่อแม่ รัฐบาลขอใช้โอกาสนี้นำพระราชปณิธาน ของสมเด็จพระบรม โอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ไปสู่ประชาชนคนไทยทั้งประเทศว่า พระองค์มีความเป็นห่วงความปลอดภัยของประชาชนในการขี่จักรยาน รวมถึงพระองค์ท่านได้รับสั่งให้เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยผู้ใช้รถจักรยาน อย่ากังวลว่าจะไหวหรือไม่ไหว ปั่นได้ เท่าไหร่ก็เท่านั้น ขอให้ปั่นตามรูปขบวนที่กำหนดไว้เพื่อความปลอดภัย ทรงหวังวันข้างหน้าคนไทยจะปั่นจักรยานออกกำลังกายกันมากขึ้น พร้อมรับสั่งว่าการปั่นจักรยานในวันที่จัดกิจกรรมจะขับขี่ไม่เกิน 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อย่างไรก็ตาม วันที่ 2 ส.ค. จะมีการซ้อมใหญ่,ผู้สื่อข่าวถามว่า การซ้อมปั่นจักรยานวันนี้รู้สึกอย่างไร นายกฯกล่าวว่า ถือเป็นการทดสอบตัวเอง ก็เป็นไปได้ด้วยดี ไม่มีปัญหา แต่ระยะทางจริงค่อนข้างไกล วัดระยะความเร็วพบว่า 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็ถือว่าดี หลังจากนี้ทุกคนต้องกลับไปฟิตซ้อมเพิ่มเติม ในส่วนของตัวเอง ยอมรับว่าวันนี้ เหนื่อย หายใจแรงนิดหน่อย แต่ก็ดีพอเหนื่อยแล้วเหงื่อออก เมื่อไปเข้าประชุม ครม.หัวจะได้โล่ง และจะพยายามปั่นให้ไกลกว่านี้ แต่ไม่อยากให้ฝืนกันมากนัก ทุกคนต้องรู้ตัวเองปั่นได้แค่ไหนก็แค่นั้น ถ้าใครไม่ไหวก็คือไม่ไหว และขอให้ทุกคนไปตรวจเช็กสุขภาพและความพร้อมของร่างกายให้ดี,วันเดียวกัน คณะกรรมการจัดงานกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติ Bike for Mom ปั่นเพื่อแม่ เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการจัดงานฯ จะซ้อมใหญ่เพื่อประเมินความพร้อมเตรียมการรับเสด็จ พิธีการ สถานที่ ณ ลานพระราชวังดุสิต กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ในวันที่ 2 ส.ค. ตั้งแต่เวลา 08.00-12.00 น. โดยนายกรัฐมนตรีจะนำขบวนซักซ้อมปั่นจักรยานจากลานพระราชวังดุสิต ถึงกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ รวมระยะทางการปั่นซักซ้อม 7 กม. จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะจะสำรวจพื้นที่กิจกรรมเตรียมการรับเสด็จฯทุกพื้นที่ในเส้นทางปั่นจักรยานครั้งประวัติศาสตร์ด้วย,นอกจากนี้ คณะกรรมการจัดงานกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติ Bike for Mom ปั่นเพื่อแม่ ยังเปิดเผยว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎ ราชกุมาร ทรงมีความห่วงใยต่อพสกนิกรผู้เข้าร่วมกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติฯ Bike for Mom ปั่นเพื่อแม่ จึงทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานชุดช่างจักรยาน หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภ รักษาพระองค์ฯ ให้แก่พสกนิกรที่เข้าร่วมกิจกรรมฯ โดยพระราชทานการตรวจสภาพจักรยานโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ที่ ร้านจักรยาน สุขสำราญ Healthy Person Bike Shop ตั้งอยู่ที่ 904 ถ.ราชวิถี เขตดุสิต กทม. ระหว่างวันที่ 28 ก.ค.-12 ส.ค. เวลา 09.00-18.00 น. ไม่เว้นวันหยุดราชการ และที่บริเวณข้างวัดเบญจมบพิตร กับลานอเนกประสงค์ กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ในวันที่ 16 ส.ค. ตั้งแต่เวลา 06.00 น. จนจบกิจกรรม โดยทุกท่านที่ลงทะเบียนร่วมกิจกรรม Bike for Mom แล้ว สามารถนำรหัสการลงทะเบียน พร้อมบัตรประจำตัวประชาชน มารับบริการได้ตามเวลาดังกล่าวติดต่อขอเข้ารับบริการพระราชทานได้ที่ โทร. 0-2243-4128,ในส่วนการเลื่อนออกสลากกินแบ่งรัฐบาลนั้น นางอภิญญา ปุณญฤทธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายเงินฝาก ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า การออกรางวัลสลาก ธ.ก.ส.งวดประจำวันที่ 16 ส.ค.2558 นั้น ธ.ก.ส.ได้เลื่อนการออกรางวัลเร็วขึ้นจากเดิมที่ออกรางวัลในเวลา 09.00-11.00 น. เป็นเวลา 08.00-10.30 น. ด้านนายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารออมสินยังคงมีการถ่ายทอดสดการออกรางวัลสลากออมสินตามปกติ คือเวลา 13.00-14.00 น. ได้ประสานกับโมเดิร์นไนน์ทีวีแล้ว เพราะเวลาดังกล่าวไม่ซ้อนกับการถ่ายทอดสดกิจกรรม ปั่นเพื่อแม่ ชาวไทยยังชมการเฉลิมฉลองและเทิดพระเกียรติฯ ดังกล่าวได้ | นายกฯ นำคณะรัฐมนตรีซ้อมปั่นจักรยานรอบทำเนียบฯ ก่อนประชุม ครม.เตรียมความพร้อมวันจริง ยอมรับเหนื่อยจนหายใจแรง เหงื่อออกดี ย้ำให้นักปั่นทุกคนไปเช็กสภาพร่างกายให้ดี หากไม่ไหวอย่าฝืน | null | ประยุทธ์,ประยุทธ์ จันทร์โอชา,นายกฯ,ปั่นจักรยาน,Bike for Mom,16ส.ค.,ครม.,คสช.,คณะรัฐมนตรี,สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ,สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร,ทำเนียบรัฐบาล,ตึกไทยคู่ฟ้า,ข่าว,ทีมข่าวหน้า1,ไทยรัฐฉบับพิมพ์ | https://www.thairath.co.th/content/514828 |
โคตรดราม่า เดือดสองแดง ผี เกือบตายเจ๊า เซลตา 1-1 ลิ่วชิงยูโรปาหืด | การแข่งขันฟุตบอลยูโรปาลีก 2016/17 รอบรองชนะเลิศ เลกสอง ประจำวันที่ 11 พ.ค. เป็นการพบกันในคู่ระหว่าง ผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมเต็ง 1 จากอังกฤษ เปิดสนามโอลด์แทรฟเฟิร์ดพบกับ เซลตา บีโก ทีมแกร่งจากสเปน โดยนัดแรกผีแดงบุกไปเอาชนะมาได้ก่อน 1-0,เกมนี้ ผีแดง เน้นเต็มที่ นำทัพโดย พอล ป็อกบา คอยปั้นเกม ส่วนเกมรุกวันนี้ เฮนริกห์ มคิตาร์ยาน, เจสซี ลินการ์ด และ มาร์คัส แรชฟอร์ด เป็นสามผสาน ขณะที่ทีมเยือนวาง ยาโก อัสปาส กับ จอห์น กุยเด็ตติ ยืนหน้าคู่ล่าตาข่าย,เปิดฉากเกมขึ้นมาเป็นทีมเยือนบุกได้อย่างดุดัน และเกือบได้ประตูออกนำเร็วนาทีที่ 4 ยาโก อัสปาส ลากตัดในก่อนซัดเต็มเหนี่ยว แต่ โรเมโอ ปัดออกหลังหวุดหวิด,หลังผ่านไป 10 นาที ผีแดงเริ่มตั้งเกมได้และบุกใส่ เซลตา บ้าง ก่อนจะมาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 นาทีที่ 17 มาร์คัส แรชฟอร์ด โชว์ลูกเปิดอย่างแม่นยำ เฟลไลนี โขกจากเสาสอง อัลบาเรซ ปัดได้แล้วแต่ลูกแรงพุ่งไปชนเสาเข้าไปเลย,อีกสามนาทีต่อมา ผีแดง เกือบได้ประตูเพิ่ม เจสซี ลินการ์ด ตักบอลข้ามกองหลังอย่างแม่นยำ แต่ เฮนริกห์ มคิตาร์ยาน ยิงข้ามคานออกไปไม่ได้ลุ้นเลย,เซลตา ไม่มีอะไรจะเสียเดินหน้าบุกใส่เจ้าถิ่น และช่วงท้ายครึ่งแรกมีโอกาสสองครั้งสองครา ปิโอเน ซิสโต ได้ยิงบอลหลุดกรอบ จากนั้น ซิสโต เปิดให้กับ ดาเนียล วาสส์ โฉบมาโขกบอลก็ยังไม่เข้ากรอบ ก่อนที่ครึ่งแรกจะจบลง ผีแดง ยังออกนำทีมเยือนอยู่ 1-0 สกอร์รวมสองนัดนำ 2-0,เข้าสู่ครึ่งหลัง เซลตา เปิดเกมรุกเข้าใส่แต่ก็ยังเจาะแนวรับของผีแดงไม่ได้ และนาทีที่ 64 เป็น ผีแดง เกือบได้ประตูหนีห่าง 2-0 มาร์คัส แรชฟอร์ด โชว์พริ้วก่อนหลุดเดี่ยวไปยิงติดเซฟ อัลบาเรซ อย่างน่าเสียดาย,นาทีที่ 69 เป็นโอกาสของผีแดงอีกครั้ง มารูยาน เฟลไลนี กดเรียดด้วยซ้าย แต่อัลบาเรซ ก็ยังเซฟช่วยชีวิตเซลตาอีกรอบ,กระทั่งนาทีที่ 86 เซลตา ก็ตามตีเสมอ 1-1 จากจังหวะต่อเนื่องของลูกเตะมุม ฟากุนโด ร็องกายา โขกเช็ดเสียบเสาสองเข้าไปเลย สกอร์รวมผีแดงยังนำ 2-1 แต่หากเซลตายิงอีกลูกพวกเขาเข้ารอบทันที,แต่ทว่าอีกสองนาทีต่อมาเกมต้องหยุดชะงักหลังเกิดเหตุชุลมุนกลางสนาม เอริก ไบญี ไปออกหมัดใส่ จอห์น กุยเด็ตติ ก่อนที่ ร็องกายา ที่เพิ่งโขกประตูตีเสมอจะมาเอาคืนไบญี ผู้ตัดสินควักใบแดงไล่ทั้งคู่ออกจากสนาม ทำให้ทั้งสองทีมเหลือ 10 คนเท่ากัน,ทดเจ็บ 6 นาทีผีแดงกดดันสุดขีด เซลตาบุกหนักและเกือบทำแฟนบอลเจ้าบ้านช็อก โอกาสทองวิสุดท้าย ปาโบล เฮร์นานเดซ โขกต่อให้ กุสตาโว คาบรัล แตะต่อให้ เคลาดิโอ บราวัล หลุดไปจ่ายให้ จอห์น กุยเด็ตติ ได้ยิงโล่งๆ แต่ยิงไม่ดี ถ้าเข้าผีแดงจะตกรอบทันที แต่สุดท้ายผีแดงเอาตัวรอดไม่ได้ จบเกมการแข่งขันเสมอกับเซลตา บีโก 1-1 รวมผลสองนัดผีแดงเอาชนะสุดหืดจับ 2-1 ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศไปพบกับ อาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม จากเนเธอร์แลนด์ต่อไปหลังเอาชนะ โอลิมปิก ลียง ไปด้วยสกอร์รวม 5-4 | ผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลุ้นจนถึงวินาทีสุดท้าย หลังโดน เซลตา บีโก โขกตีเสมอในช่วงท้ายเกม 1-1 แต่ยังยันสกอร์ไว้ได้สกอร์รวมสองนัด ผีแดง เอาชนะ 2-1 ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศไปพบกับ อาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม แบบหืดจับ | กีฬา,ฟุตบอลยุโรป | ยูโรปา,แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด,ผีแดง,เซลตา บีโก,ผลบอล | https://www.thairath.co.th/sport/eurofootball/938655 |
เตรียมเดินคัดค้านสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา 8-10 เม.ย. | วันนี้ (2 เม.ย.) ชาวบ้านพื้นที่บ้านคลองประดู่ หมู่ที่ 4 ต.ปากบาง อ.เทพา จ.สงขลา ยังคงติดป้ายธงสัญลักษณ์ ผืนผ้าสีเขียว คัดค้านโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินและท่าเทียบเรือสำหรับโรงไฟฟ้าถ่านหิน หลังการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้เลือกพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ตั้งโครงการ และเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนไปแล้ว 3 ครั้ง ขณะนี้อยู่ระหว่างรอมติคณะรัฐมนตรีนายดิเรก เหมนคร แกนนำเครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน ยืนยันว่าจะจัดกิจกรรมคัดค้านโครงการอย่างต่อเนื่องโดยในวันที่ 8 - 10 เม.ย.นี้ จะเดินรณรงค์หยุดถ่านหินต่อลมหายใจคนชายแดนใต้ จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ไปยังบ้านคลองประดู่ ต.ปากบาง อ.เทพา เพื่อร่วมแสดงออกไม่ต้องการโรงไฟฟ้าถ่านหินขณะที่นายสมพร ช่วยอารีย์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ระบุว่า กฟผ.เลือกพื้นที่ตั้งโครงการก่อสร้างไม่เหมาะสม เนื่องจากบ้านคลองประดู่ มีบ้านเรือนประชาชน 240 ครัวเรือน ประมาณ 1000 คน หากมีการก่อสร้างจะส่งกระทบกับชุมชน และสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ | เครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน เตรียมจัดกิจกรรมเดินรณรงค์ ต่อลมหายคนชายแดนใต้ จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาเขต ปัตตานี ถึงบ้านคลองประดู่ ใน อ.เทพา จ.สงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่ตั้งโครงการ ในวันที่ 8 - 10 เม.ย.นี้ | สิ่งแวดล้อม | เครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานี,โรงไฟฟ้าถ่านหิน,มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาเขต ปัตตานี,คลองประดู่,เทพา,สงขลา,ThaiPBSnews,ข่าวไทยพีบีเอส | https://news.thaipbs.or.th/content/251438 |
สงกรานต์ ประเดิม 33 ศพ | ส่วนขอนแก่นจัดเวทีเล่นคลื่นมนุษย์ นักท่องเที่ยวจีนแห่เที่ยวสงกรานต์เชียงใหม่ ส่วนนักท่องเที่ยวมาเลย์แห่เที่ยวใต้คึกคัก ทหารคุมเข้มความปลอดภัยตรวจตามจุดที่ผู้คนเดินทางหนาแน่น รวมถึงการบริการของรถตู้ทุกประเภท เฉลิมเกียรติ ตรวจฝากบ้านปลอดภัย บขส.คาดวันที่ 12 เม.ย. ประชาชนเดินทางออกจากกรุงเทพฯไปฉลองเทศกาลสงกรานต์มากที่สุดถึง 180,000 คน รมว.คมนาคม ตรวจการจราจรขาออกในถนนหลายสาย ทั้งถนนมิตรภาพ, พหลโยธิน ที่ประชาชนใช้สัญจรในเทศกาลสงกรานต์ สงกรานต์สีลมเล่นได้แค่ 2 ทุ่ม,บรรยากาศเทศกาลสงกรานต์ปีนี้สุดคึกคัก ผู้คนทั่วประเทศหลั่งไหลเดินทางกันจำนวนมากเนื่องจากมีวันหยุดยาว 5 วัน ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศประชาชนเดินทางกลับบ้านในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เมื่อวันที่ 12 เม.ย. ว่า ที่ถนนมิตรภาพในเขต จ.นครราชสีมา มีปริมาณรถเพิ่มขึ้นเรื่อยๆทำให้การจราจรติดขัดเป็นระยะทางยาว โดยเฉพาะช่วงทางขึ้นเขาพื้นที่ ต.กลางดง และทางเลี่ยงเมือง อ.ปากช่อง รวมทั้งทางต่างระดับสีคิ้ว ตำรวจทางหลวงประสานกับตำรวจภูธร จ.นครราชสีมา เปิดช่องทาง พิเศษบนถนนมิตรภาพ 2 ช่วง ตั้งแต่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ไปจนถึงหน้าฟาร์มโชคชัย อ.ปากช่อง และเปิดช่องทางพิเศษเขต ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง ไปจนถึง ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว ระบายปริมาณรถที่ติดขัดสะสม,ที่ จ.ขอนแก่น บริเวณถนนศรีจันทร์ในตัวเมืองที่ใช้เป็นสถานที่จัดประเพณีสุดยอดสงกรานต์อีสาน เทศกาลดอกคูนเสียงแคนและถนนข้าวเหนียว จังหวัดและภาคเอกชนได้ตั้งเวทีขนาดใหญ่ 12 เวที โดยเวทีกลางอยู่ข้างศาลหลักเมือง เป็นจุดเริ่มต้นของการเล่น Human Wave หรือคลื่นมนุษย์ไร้แอลกอฮอล์ ที่เคยสร้างสถิติคลื่นมนุษย์ที่ใช้คนมากที่สุดในโลก ตอนบ่ายมีขบวนอัญเชิญพระพุทธพระลับ จากวัดธาตุพระอารามหลวง พระคู่บ้านคู่เมือง จ.ขอนแก่น มาประดิษฐานไว้ที่เกาะวิถีอีสานลานฮักแพง บริเวณศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ติดกับถนนข้าวเหนียว มีนักท่องเที่ยวร่วมกันสรงน้ำพระมากมาย รวมถึงขบวนแห่สงกรานต์ 5 ขบวนจาก 26 อำเภอ ขณะที่ตำรวจได้ตั้งกองอำนวยการบนถนนข้าวเหนียว พร้อมทั้งติดตั้งกล้องวงจรปิดทั่วบริเวณเพื่อรักษาความปลอดภัย,ที่สถานีขนส่งเฉลิมพระเกียรติแห่งที่ 2 ต. อุบล อ.เมืองอุบลราชธานี ประชาชนกว่า 2,000 คนเดินทางด้วยรถทัวร์จากกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เข้ามาถึงสถานีขนส่ง จ.อุบลราชธานี ในช่วงเช้าอย่างต่อเนื่อง ขณะที่แรงงานจาก สปป. ลาวกว่า 200 คน ยืนรอรถตู้โดยสารสายอุบล-ช่องเม็กนานร่วมชั่วโมงเพื่อเดินทางกลับไปบ้านในช่วงเทศกาลสงกรานต์,ส่วนที่ จ.นครสวรรค์ การจราจรสายเหนือช่วงเทศกาลสงกรานต์ บนถนนพหลโยธินหมายเลข 1 ตั้งแต่แยกหน้าค่ายจิระประวัตินครสวรรค์ เชิงสะพานเดชาติวงศ์ ไปจนถึงสามแยกอุทยานสวรรค์พบว่ามีปริมาณรถมาก รถเคลื่อนตัวได้ช้า และติดขัดสะสมในช่วงเวลาสั้นๆ ถนนทางหลวงหมายเลข 117 นครสวรรค์-พิษณุโลก ตั้งแต่บริเวณสามแยกอุทยานสวรรค์ไปจนถึงทางแยกนวมินทร์ รถมีปริมาณมาก และเคลื่อนตัวได้ช้าแต่ไม่ถึงกับติดขัด ขณะที่ตำรวจจราจรได้เปิดช่องทางพิเศษอีก 1 ช่อง พร้อมกับหันมาควบคุมสัญญาณไฟจราจรด้วยมือแทนแบบอัตโนมัติ และทำการปิดจุดกลับรถในหลายๆจุด เพื่อเร่งระบายรถให้เดินทางขึ้นเหนือได้สะดวกยิ่งขึ้น เพื่อรองรับกับการจราจรที่ยังเดินทางมาจาก กทม.อีกเป็นจำนวนมาก,จ.เชียงใหม่ บรรดาพ่อค้าแม่ค้านำอุปกรณ์เล่นน้ำสงกรานต์ปืนฉีดน้ำ ขันตักน้ำ ซองโทรศัพท์กันน้ำมาตั้งโต๊ะวางขายริมฟุตปาทรอบคูเมืองเชียงใหม่กันอย่างคึกคักตั้งแต่เช้า ช่วงบ่ายนายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ได้ให้เจ้าหน้าที่นำทุ่นมาวางไว้ในคูเมือง พร้อมกับประกาศเตือนให้ระมัดระวัง บางจุดเป็นเขตน้ำลึก ลงไปเล่น น้ำไม่ได้ พร้อมจัดเตรียมเจ้าหน้าที่กู้ภัยทางน้ำประจำตามจุดต่างๆรอบคูเมือง,ส่วนบรรยากาศการเดินทาง ที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ สายการบินโลว์คอสต์แอร์ถูกจองเต็มทุกเที่ยวบิน ทำให้แท็กซี่ที่ให้บริการรับส่งผู้โดยสารที่สนามบินไม่เพียงพอต่อการใช้บริการ น.อ.วิสูธ จันทนา ผอ.ท่าอากาศยานเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ช่วงสงกรานต์มีผู้โดยสารใช้บริการ วันละ 5-6 หมื่นคน มีทั้งสายการบินที่บินตรงมาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากประเทศจีนวันละหลายสิบเที่ยวบิน,จ.สงขลา ช่วงเช้าวันที่ 12 เม.ย. นายพิชิต อัคราทิตย์ รมช.คมนาคม พร้อมคณะเดินทางด้วยรถไฟขบวนรถด่วนพิเศษที่ 37 กรุงเทพฯ-สุไหงโก-ลก มาลงที่สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ นายพิชิตกล่าวว่า ได้กำชับเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ทั้งการตรวจจับความเร็ว การบริหารจัดการเดินรถด้วยระบบ GPS และกรณีเมาแล้วขับ เพื่อลดอุบัติเหตุและลดการสูญเสียให้มากที่สุด โดยเฉพาะรถโดยสารก่อนออกจากสถานีทั้ง 212 แห่งทั่วประเทศจะต้องตรวจความพร้อมของรถและคนขับ ต้องไม่มีสารเสพติด รวมถึงจุดตรวจทั้ง 189 จุด ต้องคุมเข้มการเดินทางควบคู่กับการบริการประชาชน,รมช.คมนาคมกล่าวอีกว่า ช่วงเวลาที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษคือตั้งแต่ 4 โมงเย็นถึง 2 ทุ่ม เพราะจะเกิดอุบัติเหตุสูงสุด และ 80 เปอร์เซ็นต์เป็นรถ จยย. หากประชาชนมีปัญหาระหว่างการเดินทางโทร.แจ้งได้ที่ สายด่วน 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง ขณะที่หน้าด่านสะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา มีนักท่องเที่ยวมาเลเซียนั่งรถโดยสารประจำทางระหว่างประเทศจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ปลายทาง อ.หาดใหญ่ และเดินทางโดยรถยนต์ส่วน บุคคลอีกเป็นจำนวนมากผ่านด่านสะเดา เพื่อรอ ประทับตราหนังสือเดินทาง ทำให้บรรยากาศหน้าด่านสะเดาคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยว,จ.ภูเก็ต วันที่ 12 เม.ย. นักท่องเที่ยวและชาวภูเก็ตเริ่มเล่นสาดน้ำเป็นวันแรก โดยเฉพาะบริเวณหาดป่าตองซอยบางลา ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ทำให้บรรยากาศท่องเที่ยวเริ่มคึกคัก บริเวณถนนทวีวงศ์ เลียบชายหาดมีการตั้งขายปืนฉีดน้ำ แว่นตากันน้ำ ซองใส่อุปกรณ์มือถือ สร้างรายได้แก่พ่อค้าแม่ค้าจำนวนมาก พ.ต.ท.เสกสรรค์ คมสาคร รอง ผกก.สภ.ป่าตอง กล่าวว่า ได้วางจุดตรวจสกัด 3 จุด ที่บริเวณแยกป่าตองฮิลล์-รอยต่อกะทู้ กะรน จุดบริการนักท่องเที่ยวแยกกะหลิม และหัวซอยท้ายซอยบางลามีเจ้าหน้าที่อยู่ตลอดเวลา มีสายตรวจเดินเท้า 2 ผลัด ทั้งกลางวัน กลางคืน จัดชุดเคลื่อนที่เร็วหากมีเหตุไม่สงบ,จ.กระบี่ ที่ป้อมยามบ้านหนองกก ต.ไสไทย อ.เมืองกระบี่ ตำรวจ สภ.เมืองกระบี่ ขนส่งจังหวัดกระบี่ เจ้าหน้าที่ อปพร.และ อบต.ไสไทย ร่วมกันตั้งด่านตรวจสกัดบริเวณถนนเพชรเกษมเส้นทางกระบี่-พังงา-ภูเก็ต และเส้นทางไป จ.ตรัง-สตูล โดยตั้งจุดตรวจวัดความเร็วตั้งแต่วันที่ 11-17 เม.ย. จับกุมผู้ฝ่าฝืนกฎหมายได้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะความเร็วเกินกำหนด ไม่สวมหมวกนิรภัย ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย,จ.สระแก้ว ตอนสายวันเดียวกัน พล.ต.ต.นิติพงษ์ เนียมน้อย รอง ผบช.สตม. ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่ของ จนท.ตม.จ.สระแก้ว ที่ด่าน ตม.อรัญประเทศ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก จ.สระแก้ว มี พ.ต.อ.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผกก.ตม.จ.สระแก้ว นายอิน วันนา รองกงสุลใหญ่กัมพูชาประจำประเทศ ไทย พ.ต.อ.เสกสรร วัฒนพงษ์ ผกก.สภ.คลองลึก ร.อ.อภินันท์ สงครามชัย ผบ.ร้อย ทพ. ร่วมให้การต้อนรับ พล.ต.ต.นิติพงษ์ได้ทักทายแรงงานชาวกัมพูชานับพันคน ที่จะเดินทางกลับไปเล่นสงกรานต์ที่บ้านเกิดฝั่งกัมพูชา เน้นย้ำเจ้าหน้าที่ประจำด่าน ตม.อรัญ-ประเทศ ดูแลอำนวยความสะดวกและบริการให้กับแรงงานเพื่อนบ้าน 3 สัญชาติ คือกัมพูชา ลาว และเมียนมา ได้กลับบ้านร่วมฉลองเทศกาลสงกรานต์ที่บ้านเกิดโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ,จ.ชลบุรี ที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร ต.หนองไม้แดง อ.เมืองชลบุรี นายโกสินทร์ วีระนันทนาพันธ์ หน.ฝ่ายทะเบียน ขนส่งจังหวัดชลบุรี นำกำลังตรวจสอบรถตู้โดยสารสาธารณะ ตรวจสอบพนักงานขับรถ วัดปริมาณแอลกอฮอล์ ตรวจสอบสภาพความพร้อมของตัวรถ ทดสอบการใช้งานเข็มขัดนิรภัยสำหรับผู้โดยสาร เพื่อความปลอดภัยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ นายโกสินทร์กล่าวว่า ได้เข้มงวดกวดขันรถโดยสารสาธารณะทุกประเภท โดยเฉพาะรถตู้โดยสารต้องมีที่นั่งไม่เกิน 13 ที่นั่ง เข็มขัดนิรภัยต้องพร้อมใช้งาน และมีระบบ GPS ติดตาม การขับขี่ต้องไม่เกินกฎหมายกำหนด 90 กม./ชม. โดยมีนักศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษามาช่วยดูความพร้อมของเครื่อง ยนต์รถด้วย,สำหรับบรรยากาศการเดินทางที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2 เมื่อวันที่ 12 เม.ย. มีประชาชนมาใช้บริการจนถึงเวลา 15.00 น. จำนวน 93,926 คน บขส.ได้จัดรถเสริมไปจำนวน 982 เที่ยว ส่วนใหญ่จะเป็นผู้โดยสารที่เดินทางในเส้นทางสายสั้น เช่น โคราช คลองลาน เป็นต้น โดยผู้โดยสารกลุ่มนี้ต้องการเดินทางกลับระยะสั้น เพื่อให้ทันเล่นสงกรานต์ในวันที่ 13 เม.ย. เพราะมีรถหมุนเวียนตลอดทั้งคืนและเส้นโคราชนั้น สามารถเป็นจุดเชื่อมเพื่อเดินทางต่อไปยังภาคอีสาน โดยรถหมวด 3 ได้อีกทางหนึ่งด้วย พล.ต.อ.อำนาจ อันอาตม์งาม กรรมการบริษัทและรักษาการแทนกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เผยว่า ในวันที่ 12 เม.ย. คาดว่าผู้โดยสารเดินทางออกจากกรุงเทพมหานครไม่ต่ำกว่า 160,000 คน,ส่วนที่สถานีขนส่งคิวรถตู้ (สายใต้เก่า) ถนนบรมราชชนนี แขวงอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กทม. พ.อ.ปิยพงษ์ กลิ่นพันธ์ รอง ผบ.พล.9 นำเจ้าหน้าที่ตรวจเยี่ยมการให้บริการโดยสารรถตู้สาธารณะ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตั้งแต่เริ่มต้นในการตรวจสภาพรถยนต์ พนักงานขับรถ พร้อมทั้งติดตามระบบจีพีเอส เพื่อกำหนดความเร็ว แล้วไปตรวจดูความพร้อมการให้บริการรถตู้ รถทัวร์ ตรวจวัดแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่ และเน้นให้ผู้โดยสารรัดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งที่เดินทางเพื่อความปลอดภัย,เวลา 11.30 น. พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พล.ต.ต.ชัยพร พานิชอัตรา รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบก.น.2 พล.ต.ต.สุนทร เฉลิมเกียรติ ผบก.ประจำ บช.ปส. พ.ต.อ.สามารถ พรหมชาติ ผกก.สน.ประชาชื่น พร้อมคณะตรวจชุมชนประชาชื่น ตามโครงการ ประชารัฐร่วมใจ ดูแลความปลอดภัยบ้านประชาชนช่วงเทศกาลสำคัญ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประชาสัมพันธ์การใช้งานแอพพลิเคชั่น โปลิศ ไอเลิร์ต ยู (Police i lert u) เพื่อให้ประชาชนแจ้งเหตุ บริเวณตลาดประชานิเวศน์ และตรวจอาคารไอแอม เลขที่ 21/8-9 ถนนเทศบาลรังสรรค์เหนือ ซอย 2 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. เป็นบริษัทของไก่-วรายุฑ มิลินทจินดา ผู้จัดละครชื่อดัง มีนายรณเดช มิลินทจินดา อายุ 58 ปี น้องชายต้อนรับกล่าวว่า รู้สึกอุ่นใจเนื่องจากฝากบริษัทไว้กับ สน.ประชาชื่น เพราะบริษัทจะปิดช่วงสงกรานต์เดินทางไป จ.เชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 13-17 เม.ย. กลับมาในวันที่ 18 เม.ย.,พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติเผยว่า ในพื้นที่ สน.ประชาชื่น มีบ้านที่เข้าร่วมโครงการรวม 19 หลัง จะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนใช้แอพพลิเคชั่น โปลิศ ไอเลิร์ต ยู เพื่อแจ้งเหตุได้ทันทีและข้อมูลจะถูกส่งไปยังสถานีตำรวจในพื้นที่อย่างรวดเร็ว ไม่ใช่แค่เจ้าบ้าน เพื่อนบ้านยังช่วยแจ้งหากพบเห็นความผิดปกติ ช่วงเวลาที่ผ่านมายังมีการระดมกวาดล้างอาชญากรรมต่างๆ จับกุมยาบ้ากว่า 5 ล้านเม็ด ยึดอาวุธปืนกว่า 1 พันกระบอก และจับคดีค้างเก่า 2 หมื่นกว่าคดี เจ้าหน้าที่จะทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้อาชญากรรมลดลงมากที่สุด,ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พล.ท.ธเนศ กาลพฤกษ์ หน.ฝ่ายกิจการพลเรือน ส่วนงานการรักษาความสงบเรียบร้อย คสช. แถลงว่า ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 11 เม.ย. วันแรกของการรณรงค์ ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร เกิดอุบัติเหตุ 409 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 33 ราย บาดเจ็บ 420 คน สาเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาแล้วขับ รองลงมาขับรถเร็ว ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดได้แก่ จยย. จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด เชียงใหม่ 18 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ อุบลราชธานี และนครราชสีมา 4 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ เชียงราย 17 คน ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายจราจรที่มีอยู่เดิมและกฎหมายพิเศษตามคำสั่ง คสช.อย่างเคร่งครัด,นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) กล่าวว่า ได้กำชับให้ดำเนินมาตรการ 1 ท้องถิ่น 1 ถนนปลอดภัย และ 1 อำเภอ 1 ลานกิจกรรม เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ กำหนดกติกาชุมชน ประชาคมหมู่บ้าน สำหรับเป็นข้อตกลงร่วมกันในการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย รวมถึงจัดโซนนิ่งพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ ทั้งนี้ ขอฝากผู้ใช้รถใช้ถนนให้ยึดการปฏิบัติตามหลัก 4 ห้าม 2 ต้อง 4 ห้าม ได้แก่ ห้ามขับรถเร็ว ห้ามเมาแล้วขับ ห้ามโทร.แล้วขับ ง่วงห้ามขับ 2 ต้อง ได้แก่ ต้องสวมหมวกกันน็อก และต้องคาดเข็มขัดนิรภัย,ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. เป็นประธานจัดกิจกรรมเนื่องในวันสงกรานต์ประจำปี 2560 และนำกำลังพลสรงน้ำพระพุทธสิงห์ชัยมงคล พระพุทธรูปประจำกองทัพบกและพระพุทธรูปประจำหน่วย 16 หน่วย ภายในกองบัญชาการกองทัพบก รวมทั้งเปิดให้กำลังพลและชุมชนที่อยู่รอบกองบัญชาการกองทัพบกเข้ารดน้ำรับพร ขอฝากเรื่องการขับขี่ยานพาหนะ ทั้งเรื่องดื่มสุรา ขับรถเร็ว ความประมาท อยากให้มีจิตสำนึก ที่จะส่งผลกระทบต่อส่วนรวมและบุคคลรอบข้างที่เดินทางไปด้วยกัน อยากให้เตือนสติให้ข้อคิดเพื่อให้การเดินทางกลับไปฉลองสงกรานต์มีความสุขกันทั้งครอบครัว และขออวยพรให้ทุกคนมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง,ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวให้พรเนื่องในโอกาสเทศกาลสงกรานต์ หลังเป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ในงานสืบสานวัฒนธรรมประเพณีสงกรานต์ ประจำปี 60 ว่า รัฐบาลไม่มีอะไร นอกจากความห่วงใยและความหวังดี ทุกคนมีครอบครัวอันเป็นที่รัก ซึ่งต้องป้องกันและลดความสูญเสีย เบื้องต้นรอง ผบ.ตร.ได้รายงานตัวเลขอุบัติเหตุในช่วงสงกรานต์ปีนี้ว่าในวันแรกเสียชีวิตเพียง 30 คน ลดลงจากปีที่แล้ว ซึ่งมี 50 คน ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำสถิติการเกิดอุบัติเหตุว่าเกิดขึ้นจากสาเหตุใดบ้าง สงกรานต์ปีนี้ต้องการให้ทุกคนช่วยกันลดอุบัติเหตุ ต้องมีจิตสำนึก การจำหน่ายสุราในพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ จะทำให้เกิดความวุ่นวาย วันนี้ประเพณีสงกรานต์ผิดเพี้ยนไปมาก แต่ต้องไม่เกินขอบเขต สงกรานต์ปีนี้ขอให้ทุกคนปลอดภัย เวลาขับรถก็ขอให้นึกถึงคนอื่นและเมื่อเที่ยวสงกรานต์ถ้าจะคิดถึงหน้านายกฯก็ขอให้คาดเข็มขัดนิรภัย ไม่นั่งท้ายกระบะ ไม่เมาสุรา จากนั้นก็เตือนตัวเอง,วันเดียวกัน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่ตรวจสภาพการจราจรขาออก ช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยรับฟังรายงานสภาพการจราจรจาก พล.ต.ต.สมชาย เกาสำราญ ผบก.ตำรวจทางหลวง ก่อนโดยสารเฮลิคอปเตอร์ของกองบินตำรวจ สำรวจสภาพการจราจรในเส้นทางบางนา-บางปะอินผ่านแยกลำลูกกา เข้าวงแหวนกาญจนาภิเษก มุ่งหน้าถนนพหลโยธิน เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข1 ผ่านแยกหินกอง สามแยกสระบุรี เข้าสู่ถนนมิตรภาพ/ แก่งคอย/โรงปูน/มวกเหล็กและทับกวาง/สิ้นสุดที่ จ.สระบุรี โดยการจราจรเมื่อเวลา 15.45 น. เส้นบางนา-บางปะอิน ยังใช้การได้ดี มีชะลอตัวเล็กน้อยบริเวณหน้าด่านเก็บค่าผ่านทาง ขณะที่เส้นต่างระดับบางปะอิน เริ่มมีท้ายแถวสะสม การจราจรชะลอตัวเล็กน้อย ส่วนการจราจรบริเวณถนนพหลโยธิน (หนองแค-หินกอง) มีรถหนาแน่นแต่ยังสามารถใช้การได้ดี เช่นเดียวกับสภาพการจราจรถนนมิตรภาพการจราจรยังคล่องตัว,เวลา 17.00 น. ที่สถานีรถไฟฟ้า BTS อโศก พล.ต.สนิธชนก สังขจันทร์ ผบ.มทบ.11 มาตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของสายตรวจสารวัตรทหาร กองพันทหารสารวัตรที่ 11 ในการอำนวยความสะดวก ดูแลความสงบเรียบร้อยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 13-17 เม.ย. พล.ต.สนิธชนกกล่าวว่า ประชาชนเริ่มเดินทางแล้วจึงเข้มงวดมากขึ้น เน้นในจุดที่มีประชาชนหนาแน่นและเป็นแหล่งคมนาคม อย่างรถ ไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) ที่เชื่อมต่อไปสถานที่ต่างๆรวมถึง รถไฟฟ้า (BTS) ที่มีประชาชนหนาแน่น จุดอนุสาวรีย์-ชัยสมรภูมิ สยามเซ็นเตอร์ และท่ารถ เช่น หมอชิต ขอฝากว่าเจ้าหน้าที่ภาครัฐทุกคนเสียสละช่วงสงกรานต์ เพื่อมาดูแลความปลอดภัยประชาชน หากพบเห็นสิ่งผิดปกติ หรือบุคคลที่มีพิรุธ หรือการวางสิ่งของลักษณะหีบห่อ โดยไม่มีเจ้าของ รีบแจ้งเจ้าหน้าที่,ขณะที่ พล.ต.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) เป็นประธานประชุม ที่โรงแรมดุสิตธานี ถึงแผนรักษาความปลอดภัยสถานที่จัดงานสงกรานต์ ถ.สีลม เขตบางรัก ระหว่างวันที่ 13-15 เม.ย. โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม พล.ต.เฉลิมพลกล่าวหลังประชุมว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้หารือกันทั้งในส่วนของการดูแลพี่น้องประชาชน จะเน้นย้ำเรื่องการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ต้องงดจำหน่ายในบริเวณพื้นที่จัดงานเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล เนื่องจากการจัดงานนั้นยังติดอยู่ในห้วงการไว้อาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช ขณะที่นายวัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ในส่วนของกรุงเทพมหานคร ขอเน้นย้ำตามที่ พล.ต.เฉลิมพลพูดไว้ว่าเทศกาลสงกรานต์ปีนี้เป็นปีพิเศษที่ต้องสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จึงของดจัดกิจกรรมที่รื่นเริงและงดการเปิดเพลงรื่นเริงตลอดพื้นที่ที่จัดงานและกรุงเทพมหานครได้กำหนดเวลาที่ให้ประชาชนเข้ามาเล่นน้ำที่สีลมในเวลา 12.00-20.00 น.,ช่วงค่ำวันที่ 12 เม.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ส่งสารเนื่องในวันสงกรานต์ปี 60 ผ่านโทรทัศน์ รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยว่า เนื่องในโอกาสประเพณีสงกรานต์และเทศกาลงานบุญปีใหม่ไทย ขอส่งความระลึกถึงและความปรารถนาดีมายังพี่น้องประชาชนชาวไทย เป็นช่วงเวลาที่สมาชิกในครอบครัวได้กลับมาใช้เวลาอยู่ร่วมกันอย่างพร้อมหน้า ร่วมกันทำกิจกรรมอันดีงามตามวิถีของประเพณีไทย ร่วมรดน้ำขอพรพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต เล่นสาดน้ำกันอย่างสนุก สนาน ปลอดภัย ให้อภัยกัน งดสิ่งมึนเมา เพื่อลดอุบัติเหตุ ร่วมประกอบกิจกรรมที่เป็นประโยชน์แก่สังคม ดำรงรักษาประเพณีไทยอันงดงามและมีคุณค่ายิ่งนี้ให้คงอยู่คู่ชาติไทย เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีในด้านการท่องเที่ยว และสู่การเป็นสังคมไทยมีความมั่นคงและความมีสามัคคีตลอดไป,นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม เปิดเผยว่า กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชน หัวข้อ เทศกาลสงกรานต์ จากกลุ่มตัวอย่าง 1,972 คน สรุปผลดังนี้ ร้อยละ 77.82 ตั้งใจทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัวช่วงเทศกาลสงกรานต์ อาทิ เข้าวัด ทำบุญ รวมญาติสังสรรค์ ไปเที่ยว รับประทานอาหารร่วมกัน ร้อยละ 67.86 ต้องการเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนา ส่วนบุคคลที่มีชื่อเสียงที่ประชาชนต้องการรดน้ำ หรือเล่นน้ำหรือสาดน้ำสงกรานต์มากที่สุด คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ร้อยละ 51.17 ระบุว่าต้องการให้ทุกคนเล่นน้ำสงกรานต์อย่างสุภาพ ไม่ใช้น้ำที่เย็นจัดหรือน้ำปนน้ำแข็งเล่นสาดกัน ส่วนมาตรการส่งเสริมความปลอดภัยที่สำคัญในช่วงเทศกาลสงกรานต์ร้อยละ 71.45 มีข้อแนะเสนอให้งดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่สาธารณะ และพื้นที่ควบคุมการเล่นน้ำ รวมถึงสถานที่เล่นน้ำที่มีชื่อเสียงมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากและร้อยละ 62.12 เสนอให้ผู้ใช้รถใช้ถนนช่วยกันรักษาวินัยจราจร ขับขี่ปลอดภัยมีน้ำใจให้แก่กัน รวมทั้งใช้ถนนหนทางโดยไม่ขับขี่รถขณะมึนเมาและไม่ขับเร็วอีกด้วย,ที่เรือนจำพิเศษมีนบุรี นายสมภพ สังคุตแก้ว ผบ.เรือนจำพิเศษมีนบุรี จัดงานสงกรานต์ให้แก่ผู้ต้องขังในเรือนจำที่แดนผู้ต้องขังชาย โดยนิมนต์พระภิกษุสงฆ์ 9 รูป จากวัดลำผักชีมาเจริญพระพุทธมนต์ เทศนาธรรมให้ผู้ต้องขังได้ฟัง จากนั้นเจ้าหน้าที่เรือนจำและตัวแทนผู้ต้องขังร่วมสรงน้ำพระพุทธรูป พระภิกษุสงฆ์ รดน้ำขอพรนายสมพร ผบ.เรือนจำ ก่อนที่จะมีพิธีทำบุญตักบาตร โดยพระสงฆ์เดินรับบิณฑบาตจากผู้ต้องขังตามแดนต่างๆ มีผู้ต้องขังชายนับพันคนนั่งรอใส่บาตรตลอดเส้นทางด้วย ความดีใจ จนกระทั่งถึงแดนขังหญิง มีผู้ต้องขังหญิงนำข้าวสารอาหารแห้งมารอใส่บาตรกว่า 500 คน เวลา 10.30 น.แดนขังหญิงได้จัดงานสืบสานประเพณีสงกรานต์ ให้ผู้ต้องขังหญิงแต่งชุดไทยร่วมขบวนแห่สงกรานต์อย่างครึกครื้น และมีพิธีสรงน้ำพระและรดน้ำขอพร ผบ.เรือนจำ รวมทั้งมีการแสดงดนตรีให้ผู้ต้องขังได้สนุกสนาน และยังเปิดโอกาสให้ญาติและบุตรอายุไม่เกิน 15 ปี เข้าเยี่ยมผู้ต้องขังหญิงอย่างใกล้ชิดด้วย,ส่วนงานสงกรานต์ของเทศบาลนครปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ที่จัดขึ้นเพื่อให้ประชาชนได้ร่วมกิจกรรมทางศาสนาและร่วมกันสืบสานอนุรักษ์ประเพณีไทย เนื่องในวันสงกรานต์ กำหนดจัดที่สำนักงานเทศบาลนครปากเกร็ดในวันที่ 13 เม.ย. โดยปีนี้เน้นจัดแบบประหยัด เรียบง่าย งดงานรื่นเริงทุกประเภท มีนายวิชัย บรรดาศักดิ์ นายกเทศมนตรีนครปากเกร็ด เป็นประธานเปิดงานในเวลา 13.00 น. ในงานมีการสรงน้ำพระพุทธรูป สรงน้ำพระสงฆ์ แสดงดนตรีไทย และศิลปวัฒนธรรมไทย รดน้ำผู้สูงอายุ ถวายปัจจัยพร้อมผ้าอาบน้ำฝน,วันเดียวกัน นายเร็กซ์ ดับเบิลยู. ทิลเลอร์สัน รมว.การต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ส่งสารอวยพรเนื่องในวันสงกรานต์ มีข้อความว่า ในนามของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ขอส่งความปรารถนาดีอันอบอุ่นถึงประชาชนของราชอาณาจักรไทย เนื่องในวาระเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์ เรามุ่งมั่นในมิตรภาพอันยืนนานกับประเทศไทย ความเป็นหุ้นส่วนที่มีมานานเกือบ 200 ปี ในปีนี้การเฉลิมฉลองสงกรานต์ของไทยมีขึ้นท่ามกลางความโศกเศร้าต่อเนื่องต่อการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล อดุลยเดช รัชกาลของพระองค์ทำให้มิตรภาพของทั้งสองประเทศแข็งแกร่ง และพระปรีชาสามารถของพระองค์จะถูกจดจำไปอีกหลายชั่วอายุคน เพื่อให้พระวิสัยทัศน์ของพระองค์คงอยู่ต่อไป เรามุ่งมั่นที่จะเป็นหุ้นส่วนในเรื่องสำคัญ ที่จะเพิ่มพูนความมั่นคงของประเทศของเราและภูมิภาค สหรัฐฯตั้งตารอคอยที่จะมีความร่วมมืออันทรงคุณค่าของเราต่อไปในปีใหม่ เราขออวยพรให้ชาวไทยทั้งหลายมีสุขภาพแข็งแรงและรุ่งเรืองในวันปีใหม่,ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารหมอชิต เวลา 21.00น. ได้เกิดเหตุโกลาหลขึ้น เมื่อมีผู้โดยสารที่จะเดินทางมาใช้บริการรถ บขส. และรถร่วม บขส.ตกค้างอยู่ที่สถานีกว่า 10,000 คน โดยในช่วงค่ำของวันดังกล่าว ซึ่งเป็นวันทำงานสุดท้ายของสัปดาห์ มีประชาชนเดินทางมายังสถานีขนส่งหมอชิต 2 จนแน่นขนัดนับหมื่นๆคน แต่กลับไม่มีรถวิ่งเข้ามารับผู้โดยสาร ซึ่งรถที่ไม่วิ่งมารับผู้โดยสาร คือรถโดยสารไม่ประจำทางหรือรถมาตรฐาน 30 (รถเสริม) สาเหตุเนื่องจากรถมาตรฐาน 30 ส่วนใหญ่และรถตู้โดยสารร่วม บขส.ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร เข้มงวดในการตรวจจับ ปรับ กรณีผู้โดยสารไม่คาดเข็มขัดนิรภัยระหว่างเดินทาง ทำให้คนขับรถ เจ้าของ รถมาตรฐาน 30 และรถตู้โดยสารร่วม บขส. ที่วิ่งให้บริการ เกิดการต่อต้าน เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหา บขส.ได้พยายามประสานรถมาตรฐาน 30 เข้าเสริมเพิ่มเติมเพื่อรองรับประชาชนไม่ให้ตกค้าง กระทั่งเวลา 21.45 น. นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เดินทางไปยังสถานีขนส่งผู้โดยสารหมอชิต หาแนวทางแก้ไขด่วน โดยได้ประสานรถมาตรฐาน 30 เข้ามาเสริมอย่างเร่งด่วนเพื่อระบายผู้ที่ต้องการเดินทางให้หมด | เผยคนไทยอยากสาดน้ำสงกรานต์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มากที่สุด ขณะที่ นายกรัฐมนตรีส่งสารอวยพรปีใหม่ชาวไทย พร้อมกล่าวถ้าจะคิดถึงนายกฯ ให้คาดเข็มขัดนิรภัยและไม่นั่งท้ายกระบะ ปฏิบัติตามกฎจราจร นครสวรรค์รถยังติดไม่เลิก | ข่าว | สงกรานต์,เทศกาลสงกรานต์,จราจร,อุบัติเหตุ,ข่าวหน้า1 | https://www.thairath.co.th/news/912576 |
แกรมมี่ แจ้งความกลับ มิวสิคบั๊กส์ กล่าวหาละเมิดลิขสิทธิ์ | สัญญาบันทึกข้อตกลงเพิ่มเติมระหว่าง จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ กับ มิวสิคบั๊กส์ คือหนึ่งในหลักฐานที่ทางฝ่ายกฎหมายของบริษัท จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ ได้ยื่นกับเจ้าหน้าที่ เพื่อแจ้งความกลับข้อหาหมิ่นประมาทกับ บริษัท เพาเวอร์ เทรชเชอร์ จำกัด (มิวสิคบั๊กส์) อดีตต้นสังกัดเก่าของวงลาบานูนหลังจากถูกฟ้องศาลทรัพย์สินทางปัญญา ข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์เป็นเงินสูงถึง 50 ล้านบาท โดยอดีตต้นสังกัดอย่างมิวสิคบั๊กส์ เพราะพบว่ามีการนำเพลงที่เป็นสิทธิ์ของต้นสังกัดเก่า ไปใช้ในการแสดงสดโดยไม่ได้รับอนุญาตกว่า 250 ครั้ง โดยอ้างว่าแม้จะ มิวสิคบั๊กส์ เคยมอบอำนาจให้ จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ ทำหน้าที่จัดเก็บรายได้กับสถานประกอบการ แต่ไม่ได้หมายรวมถึงการแสดงสดทางฝ่ายกฎหมายของ จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ ได้ใช้หลักฐานใหม่ เป็นบันทึกข้อตกลงที่ทำเพิ่มเติมในเดือน ก.ค.2557 ที่ทำกับอดีตผู้บริหารค่ายมิวสิคบั๊กส์ ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ ที่มีตกลงให้สิทธิ์การจัดเก็บรายได้ทุกประเภทรวมถึง ดนตรีกรรมที่หมายถึงการไปใช้ในการแสดงสดถึงต่อไปอีก 3 ปี จนถึงปี 2560 ทำให้ข้อกล่าวหาของมิวสิคบั๊กส์ อาจไม่ตรงกับความเป็นจริงลาบานูน แจ้งเกิดในปี 2541 กลับเพลง ยาม ภายใต้สังกัดมิวสิคบั๊กส์ โดยคำชักชวน ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ และมีผลงานออกมาถึง 7 อัลบั้ม ก่อนจะหยุดพักวงไปนานถึง 4 ปี และเปลี่ยนสังกัดไปอยู่ภายใต้ จีนี่ ร็อคคอร์ด ในเครือของจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ โดยงานเพลงล่าสุดอย่าง เชือกวิเศษ ถือว่าประสบความสำเร็จสูงสุดในปี 2558 โดยทำยอดวิวสูงเกือบ 200 ล้านครั้ง | จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ แจ้งความกลับ มิวสิคบั๊กส์ ฐานหมิ่นประมาท หลังฟ้องเรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท จากกรณีวงลาบานูน วงร็อคยอดนิยมที่เคยอยู่ในสังกัดละเมิดลิขสิทธิ์นำผลงานไปแสดงสดโดยไม่ได้ขออนุญาต | ศิลปะ-บันเทิง | แกรมมี่,มิวสิคบั๊กส์,ละเมิดลิขสิทธิ์,ลาบานูน,การแสดงสด | https://news.thaipbs.or.th/content/250142 |
5 ผลไม้ ยิ่งทานแล้วชีวิตจะดี๊ดี ตามฉบับสาวแดนภารตะ | หนนี้ขอชะแว้บไปทางฝั่งแดนภารตะอย่างอินเดียบ้างว่าสาวๆ ที่นั่นทานผลไม้อะไรกันนะ ผิวถึงดูชุ่มชื่น เรียบเนียนสวย ดูเฮลตี้สุดๆ แถมความสวยคมยังสะดุดตาอีก บอกเลยว่าสวยจากภายในแบบนี้ ไม่ต้องรองพื้นหนา หน้าก็สวยเนียนได้,กล้วย
,โชคดีจริงๆ ที่บ้านเรามีให้ซื้อเพียบ ดีตรงที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก แมกนีเซียม โพแทสเซียม (ที่ช่วยลดอาการปวดประจำเดือนด้วย) ที่สำคัญยังมีวิตามินเอ บี และอี ที่ขึ้นชื่อเรื่องการชะลอวัย พร้อมบำรุงผิวด้วยนะ,เลมอน
,เปรี้ยวอย่างนี้อัดแน่นด้วยวิตามินซีอยู่แล้วล่ะ สาวๆ ที่นั่นมักฝานใส่น้ำอุ่น ตามด้วยน้ำผึ้งดื่มกันทุกเช้า ผลลัพธ์คือการดีทอกซ์ผิว ช่วยเรื่องขับถ่าย เลยทำให้ผิวเปล่งประกายอย่างที่เห็น,ส้ม
,รู้หรือเปล่าว่าทานบ่อยๆ เราจะได้เสริมคอลลาเจนจากส้มกันด้วย กินแล้วดีต่อความยืดหยุ่นผิว หรือจะเอาเปลือกส้มไปตากแห้งแล้วเอามาป่นเพื่อสครับผิวก็ไม่มีใครห้าม,มะละกอ,มีสารต้านอนุมูลอิสระอย่างล้นเหลือในมะละกอแต่ละคำ ใครเอามาบดขัดผิวก็ยิ่งแจ่มเพราะมีเอนไซม์ที่ดีอย่างมากต่อการขจัดเซลล์ที่ตายแล้วออกไป ผิววิ้งค์แน่นอน,มะม่วง,ที่นั่นคือราชาแห่งผลไม้เลยล่ะ และยังมากด้วยวิตามินเอ ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ชะลอริ้วรอยแห่งวัย และฟื้นฟูเซลล์ได้เยี่ยมยอด ทำให้ผิวเด้งดึ๋งเลยทีเดียว,ที่มา – Lisa
,www.lisaguru.com, ,www.facebook.com/lisaguru | มาดูกันว่าสาวอินเดียเค้ากินอะไรกันนะผิวถึงได้ดูนุ่มลื่น เด้งดึ๋ง สุขภาพดี๊ดี แต่ที่แน่ๆ ของพวกนั้นหาได้ง่ายๆ ตามท้องตลาดบ้านเรานี่แหละ | ไลฟ์สไตล์,ผู้หญิง | ผลไม้,อินเดีย,Lisa,กล้วย,เลมอน | https://www.thairath.co.th/lifestyle/woman/862661 |
พลเมืองดี มอบเงินสดเกือบ 2 แสน ที่เก็บได้ คืนเจ้าของแล้ว | จากเหตุการณ์ เมื่อเวลา 22.00 น.วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ สภ.พระอินทร์ราชา อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร.ต.ท.ภูวไนย ภักดีสมัย รอง สว.สอบสวน.สภ.พระอินทร์ราชา ได้รับแจ้งมีพลเมืองดี เก็บเงินสดได้จำนวนมาก บริเวณตลาดโรงเกลือนวนคร ตำบลเชียงรากน้อย อำเภอบางปะอิน พระนครศรีอยุธยา โดยมีนางอัจฉรา ขอสูงเนิน อายุ 47 ปี เป็นชาวจังหวัดนครราชสีมา เดินทางมาทั้งครอบครัว เพื่อมาแจ้งความตามหาเจ้าของเงิน จำนวน 156,000 บาท ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น,ล่าสุด เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ สภ.พระอินทร์ราชา อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.พระอินทร์ราชา ได้ทำการเรียกตัว นางอัจฉรา ขอสูงเนิน อายุ 47 ปี เป็นชาวจังหวัดนครราชสีมา และบุตรสาว น.ส.เฉลิมรัตน์ ขอสูงเนิน อายุ 21 ปี นักศึกษา คณะวิทยาการจัดการ สาขาการบัญชี ปี 3 มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา พลเมืองดีที่เก็บซองบรรจุเงินสด จำนวน 156,000 บาท ได้ มาพร้อมครอบครัว เพื่อร่วมมอบเงินทั้งหมดคืนให้กับนางสาว ชลิตา ยอดพยุทธิ์ อายุ 38 ปี อาชีพแม่ค้าขายหมูหยอง และสินค้านำเข้าจากจีน โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น,ด้านนางสาว ชลิตา ยอดพยุทธิ์ กล่าวว่าเมื่อคืนวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ตนได้ไปถอนเงินจากธนาคาร ออมสิน สาขา ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต เพื่อจะนำไปจ่ายค่าเช่าที่ ในห้างสรรพสินค้า ที่ กทม. แต่หลังจากถอนเงินเสร็จก็รีบมุ่งหน้าไป จ.สระบุรี เพื่อจะนำหมูหยองไปส่งให้กับลูกค้าก่อน แต่ระหว่างทาง ตนได้แวะซื้อกับข้าวที่ตลาดโรงเกลือนวนคร ซึ่งวันนั้นเป็นวันเสาร์ ด้วยความที่ตนเองรีบ จึงจอดรถบริเวณข้างตลาดตรงจุดที่มีคนมาพบเงิน ตนรีบซื้อของและรีบออกจากตลาดใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที แล้วก็ขับรถออกไป จ.สระบุรี ต่อ พอส่งหมูหยองให้ลูกค้าเสร็จ ตนได้แวะปั๊มน้ำมันแถวหินกอง จ.สระบุรี เพื่อแวะหาอะไรกิน พอล้วงไปในกระเป๋าสตางค์ ปรากฎว่า ซองเงินที่เบิกมาหาไม่เจอ ตนจึงได้รีบไปแจ้งความที่ สภ.หินกอง ไว้เผื่อมีคนเก็บได้,จนเช้าอีกวัน ตนก็เริ่มต้นไปแจ้งความที่ จังหวัดปทุมธานี อีกครั้ง พอดีเพื่อนร่วมงานได้บอกว่า มีข่าวออกอยู่ว่า มีคนเจอเงินสดที่ตลาดโรงเกลือนวนคร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตนจึงได้ติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อที่จะมาแสดงตัวว่า ตนเป็นเจ้าของพร้อมหลักฐาน เอกสารที่เบิกเงินดังกล่าวมามอบให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อตรวจสอบอีกครั้ง และติดต่อขอรับเงินที่หายไป จนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียด จนมั่นใจแล้วว่า ตนเป็นเจ้าของจริงและจะมีการส่งมอบเงินคืนในวันนี้ | สุดปลาบปลื้ม! พลเมืองดี ส่งมอบเงินสดเกือบ 2 แสนบาท คืนเจ้าของ เป็นเจ๊ร้านขายหมูหยอง และสินค้านำเข้าจากจีนแล้ว เจ้าของเงิน เผย แวะกับข้าวที่ตลาดโรงเกลือนวนคร แล้วรีบออกรถ คาดทำหล่น | ข่าว,ทั่วไทย | พลเมืองดี,มอบเงินสดเกือบ 2 แสน,คืนเจ้าของ,สภ.พระอินทร์ราชา,ตลาดโรงเกลือนวนคร,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/central/1215418 |
เด็กพิเศษ วัย 14 ปี พลาดตกสระน้ำลึก 3 เมตร งมช่วยไม่ทันดับสลด | เมื่อกลางดึก วันที่ 5 ก.ค. 60 ร.ต.อ.เกื้อประยุร หลักบุญ รอง สว. (สอบสวน) สภ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ได้รับแจ้งจาก รพ.ศรีสะเกษ ว่า มีคนจมน้ำเข้ามารักษาตัวเสียชีวิต จึงเดินทางไปชันสูตรศพร่วมกับแพทย์เวร พบผู้เสียชีวิตเป็นชาย ทราบชื่อต่อมาคือ ด.ช.ธนวัฒน์ สังข์แก้ว อายุ 14 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 หมู่ 1 ต.ศรีสำราญ อ.วังหิน จ.ศรีสะเกษ สภาพศพไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยการถูกทำร้าย แพทย์สันนิษฐานว่าเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ,นายจำเนียร สังข์แก้ว อายุ 42 ปี พ่อของผู้ตายให้การกับตำรวจว่า ลูกชายเป็นเด็กพิเศษ สติไม่สมประกอบ ก่อนเกิดเหตุ ลูกชายกับเด็กในหมู่บ้านออกไปดูรถไถนาที่กลางทุ่งนานอกหมู่บ้าน ขณะที่เดินผ่านสระน้ำในนาขนาด 10X10 เมตร ลึก 3 เมตร ลูกชายเดินพลาดไปเหยียบดินริมสระดินทรุด ลูกเลยตกลงในน้ำ เด็กที่ไปด้วยจึงเรียกชาวบ้านที่ไถนาอยู่ ให้มาช่วย เมื่องมขึ้นจากน้ำได้ก็กินเวลาไปนานร่วม 10 นาที นำส่ง รพ.ศรีสะเกษกระทั่งเสียชีวิต หลังตรวจสภาพศพแล้วไม่มีญาติคนใดติดใจสงสัยในการเสียชีวิต จึงมอบศพให้นำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป | เด็กพิเศษ วัย 14 ปี เดินไปดูรถไถนา พลัดตกลงสระ จมน้ำ ญาติช่วยงมขึ้นมาส่งโรงพยาบาลศรีสะเกษ หมอช่วยไม่ทันเสียชีวิต | ข่าว,ทั่วไทย | เด็กพิเศษ,พลาดตกสระ,จมน้ำดับ,ศรีสะเกษ,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/996769 |
โมราตา ซัดชัย ม้าลาย บุกเชือด งูใหญ่ 2-1 | การแข่งขันฟุตบอล กัลโช เซเรีย อา อิตาลี ประจำวันเสาร์ที่ 16 พ.ค. เกมไฮไลต์อยู่ที่สนาม ซาน ซิโร งูใหญ่ อินเตอร์ มิลาน ทีมอันดับ 8 ของตาราง เปิดรังรับการมาเยือนของ ม้าลาย ยูเวนตุส ทีมแชมป์ฤดูกาลนี้,เปิดฉากครึ่งแรกมาเพียง 9 นาที อินเตอร์ ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ โบรโซวิช ยิงไกลจากนอกเขตโทษ บอลพุ่งแฉลบ เมาโร อิคาร์ดี เข้าประตูไป โดยลูกนี้ให้เครดิตการทำประตูกับอิคาร์ดี,จากนั้น น.42 ยูเวนตุส ได้จุดโทษจากจังหวะที่ อเลสซานโดร มาตรี โดน เนมันยา วิดิช ทำฟาวล์ในเขตโทษ และเป็น เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ รับหน้าที่สังหารไม่พลาดพา ยูเวนตุส ตีเสมอ 1-1 แล้วก็จบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้,กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง ถึง น.83 อินเตอร์ ได้ประตูขึ้นนำ 2-1 จากจังหวะที่ อัลบาโร โมราตา ซัดด้วยขวาเต็มข้อจากหน้าเขตโทษ บอลพุ่งไปที่เสาแรก ซาเมียร์ ฮันดาโนวิช นายด่านอินเตอร์โชว์ความรั่วรับกระฉอกบอลเข้าไปตุงตาข่าย,จบเกม ยูเวนตุส ที่ได้แชมป์ไปนานแล้ว บุกมาเอาชนะ อินเตอร์ มิลาน 2-1 เก็บเพิ่มเป็น 83 คะแนน ส่วน อินเตอร์ มิลาน มี 52 คะแนนเท่าเดิม รั้งอันดับ 8 ยังพอมีลุ้นทำอันดับไปลุยศึกยูโรปาลีก,ผลคู่อื่น,ซามพ์โดเรีย แพ้ ลาซิโอ 0-1 | อัลบาโร โมราตา ฟอร์มยังร้อนแรงไม่เลิก หลังซัดประตูชัยช่วยให้ ม้าลาย ยูเวนตุส บุกไปชนะ อินเตอร์ มิลาน 2-1 ในศึกกัลโช เซเรีย อา อิตาลี | null | กัลโช เซเรีย อา อิตาลี,ยูเวนตุส,อินเตอร์ มิลาน,ผลบอล,ข่าวกีฬา,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/content/499277 |
2555 องค์กรด้านสิทธิเดินหน้า ล่าชื่อเสนอกฎหมายต้านทรมาน | นางสาวพูนสุข พูนสุขเจริญ เจ้าหน้าที่มูลนิธิผสานวัฒนธรรมและสมาชิกเครือข่ายนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน เปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้ว่า ในปี 2555 มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ร่วมกับเครือข่ายนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) จะร่วมกันล่ารายชื่อประชาชนจากทั่วประเทศให้ได้ 10000 รายชื่อ เพื่อเสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)ป้องกันและต่อต้านการทรมาน พ.ศต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้มีการออกกฎหมายฉบับนี้นางสาวพูนสุข เปิดเผยต่อไปว่า การล่ารายชื่อดังกล่าว จะมีขึ้นพร้อมกับการรณรงค์ต่อต้านการซ้อมทรมานในทั้ง 4 ภาคของประเทศไทย โดยในเดือนมกราคม 2555 จะเริ่มรงณรงค์และล่ารายที่ภาคเหนือ เดือนภุมภาพันธ์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเดือนมีนาคมในภาคกลาง ส่วนในภาคใต้ยังไม่ได้กำหนดนางสาวพูนสุข เปิดเผยด้วยว่า ที่ผ่านมามีการซ้อมทรมานเป็นระยะในประเทศไทย โดยมีการเก็บข้อมูลสถิติที่ชัดเจน โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีการเก็บข้อมูลชัดเจนมากที่สุด แต่ที่ผ่านมายังไม่เคยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดโดยการซ้อมทรมานได้รับโทษแต่อย่างใด หรือมีการลงเพียงอย่างมากก็แค่ถูกสั่งย้ายไปอยู่ที่อื่นนางสาวพูนสุข กล่าวว่า ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงเป็นพื้นที่เป้าหมายหลักในการรนณรงค์และล่ารายชื่อ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีการซ้อมทรมานมากที่สุดเราไม่คาดหวังว่าร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ จะเป็นร่างที่สมบูรณ์ได้ แต่สิ่งที่คาดหวังจากกฎหมายฉบับนี้ คือต้องการให้กลไกในการดูแลแก้ไขเรื่องการซ้อมทรมานโดยเฉพาะ เช่น มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแล จึงไม่ใช่เพียงแค่การเพิ่มมาตราในกฎหมายที่มีอยู่แล้ว เช่น ประมวลกฎหมายอาญาเท่านั้น นางสาวพูนสุข กล่าวก่อนหน้า ระหว่างวันที่ 10-11 ธันวาคม 2554 เครือข่ายนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนร่วมกับมูลนิธิผสานวัฒนธรรม เมื่อจัดโครงการอมรบเชิญปฏิบัติการเพื่อเสริมสร้างศักยภาพนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน เรื่อง ปัญหาและความสำคัญของการมีกฎหมายป้องกันการทรมานในประเทศไทย ที่ห้องไทรงาม โรงแรมหาดแก้วรีสอร์ท อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลานางสาวหทัยกาญจน์ กำเนิดเพชร อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยทักษิณ กล่าวว่า การรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนยอมรับร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ สิ่งแรกคือ ต้องปรับทัศนคติของเจ้าหน้าที่รัฐและผู้ที่เกี่ยวข้องว่า การซ้อมทรมานเพื่อจะให้ได้ข้อมูลนั้น เป็นเรื่องผิดกฎหมายและเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของบุคคล และต้องให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไปว่า ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน ถึงแม้จะเป็นนักโทษก็ตาม และการซ้อมทรมานนั้นเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายนางสาวหทัยกาญจน์ กล่าวว่า คาดหวังหากพ.ร.บ.ฉบับนี้ ได้ประกาศใช้จริงๆ คิดว่าปัญหาการซ้อมทรมานน่าจะลดลงในระดับหนึ่ง ที่สำคัญเจ้าหน้าที่รัฐอาจจะตระหนักในเรื่องนี้มากขึ้นนายอิสมาแอล เต๊ะ อดีตนักศึกษาจากจังหวัดยะลา ผู้ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากเจ้าหน้าที่รัฐที่ซ้อมทรมานตน กล่าวในเสวนาว่าด้วย บทบาทของบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมต่อการป้องกันการทรมานว่า แรงจูงใจที่ตนสู้คดีเพราะพอมีความรู้ในการเรียกร้องความยุติธรรมอยู่บ้าง แต่ประชาชนทั่วไปไม่มีรู้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายและกลัวที่จะฟ้องรัฐ จึงต้องการให้คดีของตนเป็นคดีตัวอย่างสำหรับคนที่ถูกซ้อมทรมานเรื่องเงินค่าเสียหาย ผมไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก แต่เรื่องที่สำคัญคือความยุติธรรม นายอิสมาแอล กล่าวนายอนุกูล อาแวปูเตะ ประธานศูนย์ทนายความมุสลิมประจำจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า การซ้อมทรมานเป็นกระบวนการยุติธรรมนอกระบบ ไม่ว่ากฎหมายใดๆ ก็ไม่อาจอนุญาตให้กระทำได้ คนที่ทำอาจมีเจตนาเพื่อแสวงหาข้อมูล แต่ก็ทำให้เกิดความรู้สึกที่ต่อต้านเจ้าหน้าที่รัฐ จนกระทั่งผู้ถูกซ้อมทรมานยอมกลายเป็นฝ่ายตรงข้ามกับรัฐนายแพทย์อนันต์ชัย ไทยประทาน จากเครือข่ายกลุ่มการเมืองภาคพลเมือง กล่าวว่า แนวทางการแก้ไขปัญหาการซ้อมทรมาน คือ ต้องยกเลิกกฎหมายพิเศษต่างๆ เพราะตราบใดที่กฎหมายพิเศษยังใช้อยู่ ก็จะมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนนายแพทย์อนันต์ชัย กล่าวด้วยว่า รัฐควรตั้งกองทุนประกันตัวผู้ต้องหา เพราะผู้ต้องหาส่วนใหญ่ มีฐานะยากจน ส่วนการเลือกตำรวจมาทำงานในพื้นที่ ต้องเป็นคนในพื้นที่ เพราะมีความเข้าใจในพื้นที่ สำหรับตำรวจมุสลิม ต้องกำหนดเงื่อนไขว่า ต้องจบการศึกษาศาสนา ส่วนอัยการและศาลต้องลงพื้นที่พบกับภาคประชาชนด้วยในเอกสารโครงการอบรมเชิญปฏิบัติการเพื่อเสริมสร้างศักยภาพนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ระบุว่า สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติได้รับรองอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดไร้มนุษยชน หรือยำยีศักดิศรี เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2527 และอนุสัญญามีผลใช้บังคับ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2530 มีการบังคับใช้ในประเทศไทยเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2550 ซึ่งอนุสัญญาฉบับนี้มีขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ ในการระงับและยับยั้งการทรมาน เป็นผลให้ประเทศไทยต้องปฏิบัติตามพันธกรณีของอนุสัญญานี้ และนำมาตรการในทางกฎหมาย ตลอดจนสามารถนำเครื่องมือต่างๆ ที่กำหนดไว้ในอนุสัญญาฯ มาใช้ในการแก้ไขปัญหาการทรมานที่เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพเอกสารโครงการยังระบุอีกว่า ปัญหาการซ้อมทรมานจะยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหากยังไม่มีการตรากฎหมายเฉพาะขึ้นมาเพื่อป้องกันและแก้ไข เพราะประมวลกฎหมายอาญาและประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามีข้อจำกัดทั้งในแง่เนื้อหาและกระบวนการขั้นตอนในการสืบสวนสอบสวน มาตรการคุ้มครองและป้องกันการทรมาน ตลอดจนการเยียวยาผู้เสียหายและการลงโทษเจ้าหน้าที่ผู้กระทำความผิด ปัจจุบันจึงไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดที่ครอบคลุมเพียงพอจะแก้ไขปัญหาการทรมานทั้งระบบ เพื่อคุ้มครองป้องกันประชาชนจากการถูกทรมานได้เครือข่ายนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) และมูลนิธิผสานวัฒนธรรมตระหนักถึงความสำคัญของการมีกฎหมายเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการทรมาน จึงได้ร่วมกันร่างพระราชบัญญัติป้องกันการทรมานขึ้นเพื่อนำเสนอต่อภาคประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เอกสารโครงการระบุ | นางสาวพูนสุข พูนสุขเจริญ นางสาวพูนสุข พูนสุขเจริญ เจ้าหน้าที่มูลนิธิผสานวัฒนธรรมและสมาชิกเครือข่ายนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน เปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้ว่า ในปี 2555 มูลนิธิผสานวัฒนธรรม | สิทธิมนุษยชน | ความมั่นคง,ชายแดนใต้,ซ้อมทรมาน,สิทธิมนุษยชน | https://prachatai.com/journal/2012/01/38661 |
คาสเซต ไนท์ ปาร์ตี้ พาย้อนวันวานสร้างสุขให้คนรักเทปเพลง | เพียงได้กลับมาฟังเพลงเก่า ความทรงจำของคนรักเทปอย่าง พรรษชล นิวาทวงษ์ เหมือนได้กลับสู่ช่วงวัยที่ยังเป็นเด็กอีกครั้ง ซึ่งเสียงเพลงที่ประหนึ่งขึ้นไทม์ แมชชีน ย้อนสู่วันวาน มาจาก อนันต์ บุนนาค ในขณะที่ยังเป็นนักร้องหนุ่มขายผลงานได้ล้านตลับยังมีผลงานที่หาฟังไม่ง่ายนักทั้ง Desire ของอัลบั้ม โก-อินเตอร์ปี 2536 ของ มณีนุช เสมรสุต หรือ Because I Love You อัลบั้มเพลงภาษาอังกฤษ 1 ใน 2 ชุดของ สาวสาวสาว วงเกิร์ลกรุ๊ปรุ่นบุกเบิกของไทย ทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งในงานรวมตัวคนรักเทปครั้งแรก Cassette Night Party ที่เจ้าของนำเทปคาสเซตทรงคุณค่ามาแบ่งปันกันฟัง ซึ่งมีผู้นำผลงานเพลงที่สะสมไว้มาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์เพลงไปด้วยกันนับพันตลับเรื่องราวเบื้องหลังของเทปคาสเซ็ตแต่ละชุด และการค้นพบศิลปินจากการเลือกซื้อเทปเพลงในอดีต เป็นแรงบันดาลใจที่อยู่เบื้องหลังผลงานศิลปินศิลปาธรอย่าง นิกร แซ่ตั้ง ซึ่งยังคงเก็บเทปเพลงสุดรักไว้นับ 1000 ตลับ นอกจากนี้ ในยุค 90s เทปเพลงคือของสะสมคอเพลงตัวจริงเพราะราคาไม่สูง และสามารถพกไปฟังกับเครื่องเล่นวอล์คแมนได้สะดวก อีกทั้งยังมีบทบาทส่งเสริมธุรกิจเพลงให้เติบโตถึงขีดสุด แต่ค่านิยมของเทปเพลงคาสเซตที่ลดลงในปัจจุบัน ทำให้เครื่องเล่นเทปที่ใช้การได้แทบไม่มี การฟังเพลงผ่านเทปคาสเซตอีกครั้ง จึงกลายเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ปัจจุบัน เทปคาสเซตกลายเป็นสื่อบันทึกเสียงที่กำลังจะสาบสูญ แต่บางประเทศอย่างสหรัฐฯ ยังคงผลิตผลงานเพลงออกเป็นเทปคาสเซต แม้ว่าจุดประสงค์ต้องการให้เป็นของสะสมมากกว่าใช้ฟังในชีวิตประจำวัน แต่ได้พูดคุยกับคนคอเดียวกัน สัมผัสกับงานเพลงที่ตัวเองชื่นชอบ และได้ฟังเสียงกลไกอนาล็อคที่ทำงานส่งเสียงเพลงโปรด โดยมีเทปเพลงเป็นสื่อกลาง ก็ทำให้คนกลุ่มหนึ่งมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองรักมากแล้ว | ในยุคที่คนสามารถดาวน์โหลดและฟังเพลงได้จากอินเทอร์เน็ต และแทบไม่เหลือบริษัทผลิตเครื่องเล่นเทปอีกต่อไป หากสำหรับคนบางกลุ่มคุณค่าของสื่อบันทึกเสียงอย่างเทปคาสเซต คือความทรงจำของวงการเพลงและชีวิตวัยรุ่น ทำให้เทปเพลงเก่ายังมีคุณค่า ติดตามจากรายงาน | ไลฟ์สไตล์ | ปาร์ตี้เทปเพลงคาสเซตครั้งที่ 1,Cassette Night Party,เทปเพลงคาสเซต,อนาล็อก,ดิจิตอล,เทปคาสเซต,สื่อบันทึกเสียงที่กำลังสาบสูญ,คอเพลงยุค90,ไทยบันเทิง,ThaiPBSNews,ThaiPBS,ไทยพีบีเอส | https://news.thaipbs.or.th/content/6911 |
อั๊ยย่ะ เปิดตัวแรงน.ส.เชียงใหม่โชว์ชุดว่ายน้ำสุดซี๊ด | เมื่อเวลา19.00น.วันที่ 13 ธ.ค.ที่ลานกิจกรรมด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่ นายสุริยะ ประสาทบัณฑิต ผวจ.เชียงใหม่ และนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายก อบจ.เชียงใหม่ ร่วมแถลงข่าวงานฤดูหนาวและงานโอทอปของดีเมืองเชียงใหม่ และประกวดนางสาวเชียงใหม่ ที่จะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค.2557จนถึงวันที่ 4 ม.ค. 2558 ที่สนามด้านหลังศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่,ทั้งนี้ ในการแถลงข่าว มีการนำ40สาวงามผู้เข้าประกวดนางสาวเชียงใหม่ ประจำปี 2558 เพื่อเฟ้นหาสาวสวยเอื้องงาม ประกายแห่งล้านนา มาโชว์ตัวด้วย ที่สร้างความฮือฮาคือชุดว่ายน้ำที่มีการนำลายปักของชนเผ่ามาเสริมแต่ง แต่บริเวณหน้าอกผ่าลึกจนเห็นเต้านมชัดเจน ซึ่งชุดว่ายน้ำเป็น 1 ใน ชุดที่มีการประกวด นอกจากชุดไทยล้านนา ชุดกีฬา ชุดราตรี,อย่างไรก็ตาม จากเสียงวิพากษ์วิจารณ์ และติติงเกี่ยวกับชุดว่ายน้ำที่หน้าอกผ่าลึกมาก เรื่องนี้ นายอดิสร สุดดี ผู้จัดการประกวดนางสาวเชียงใหม่ ได้ชี้แจงว่า ชุดที่เห็นในวันนี้ จะให้สาวงามสวมเฉพาะถ่ายทำวีทีอาร์เท่านั้น คงไม่ใส่เดินบนเวทีเหมือนเช่นทุกปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งปีนี้ จะมีการตรวจประวัติสาวงามทุกคนอย่างละเอียด เพื่่อไม่ให้เป็นที่ครหานินทาเหมือนที่เคยเกิดขึ้นอีก,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากแถลงข่าวแล้ว ทางผู้จัดได้นำ 40 สาวงามโชว์ตัวในชุดแฟชั่นหลายรูปแบบ แต่ละคนมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงาม ซึ่งเกินกว่า95เปอร์เซ็น เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยในภาคเหนือ และในตอนบ่ายวันที่ 14 ธ.ค.นี้ ผู้เข้าประกวดนางสาวเชียงใหม่ทั้ง40คนจะไปถ่ายทำวิทีอาร์ชุดว่ายน้ำ ที่บริเวณสระว่ายโรงแรมระติล้านนาแอนด์สปารีสอร์ท,ส่วนการเดินรอบแรกบนเวทีการประกวดนางสาวเชียงใหม่ ภายในงานฤดูหนาวและงานโอทอปของดีเมืองเชียงใหม่ เริ่มวันที่28 ธ.ค.57 รอบสองในวันที่ 29 ธ.ค. และรอบตัดสินนางสาวเชียงใหม่ประจำปี2558 จะมีในคืนวันที่2ม.ค.58 | สุดฮือฮา ผู้ว่าฯแถลงข่าวงานงานฤดูหนาว โอทอป และประกวดนางสาวเชียงใหม่ กองประกวดเปิดตัว40สาวงาม ให้สวมชุดว่ายน้ำเดินโชว์โฉม ตะลึงผ่าลึกจนเกือบทะลัก ผจก.บอกอย่าได้ตกใจ เพราะให้ใส่แค่ถ่ายวีทีอาร์เท่านั้น | ข่าว,ทั่วไทย | นางสาวเชียงใหม่,ประกวดนางสาวเชียงใหม่,นางสาวเชียงใหม่2558,ชุดว่ายน้ำ,แถลงข่าว,ข่าวภูมิภาค,เชียงใหม่ | https://www.thairath.co.th/news/local/468946 |
ทบทวนรีไฟแนนซ์-ชี้ล้างหนี้ไม่จริง | ซึ่งทายาทจะได้รับในอนาคต เมื่อสมาชิกเสียชีวิตมาค้ำประกัน การอนุมัติวงเงินสินเชื่อใหม่เพิ่มเติมให้แก่ผู้กู้ที่เป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาหรือรีไฟแนนซ์หนี้ว่า ได้มีการรายงานผลการดำเนินการต่อที่ประชุม,ผู้บริหารองค์กรหลัก ที่มี พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธานว่า จะต้องหารือใน รายละเอียดร่วมกับธนาคารออมสินอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะลงนามบันทึกข้อตกลง โดยเบื้องต้นคุณสมบัติของผู้กู้ในระยะแรก ต้องเป็นผู้ที่มีวินัยทาง,การเงินดี ไม่เคยติดค้างชำระเงินกู้ อายุไม่ต่ำกว่า 50 ปี ซึ่งผู้มีคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการประมาณ 280,000 คน เฉลี่ยยอดหนี้ประมาณรายละ 1 ล้านบาท,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ดาว์พงษ์ได้สั่งการในที่ประชุมองค์กรหลัก ศธ. ให้ สกสค.ไปทบทวนโครงการดังกล่าว เนื่องจากเมื่อมีการพิจารณารายละเอียดในสัญญา พบว่าอาจไม่สามารถช่วยลดปัญหาหนี้สินครูได้จริง และไม่เกิดประโยชน์กับครู โดยเฉพาะในสัญญาที่ธนาคารออมสินระบุว่าให้ทำประกันชีวิต เพื่อประกันวงเงินกู้ดังกล่าวอีก จำนวน 13,000 บาทต่อคน ซึ่งไม่เหมาะสม เนื่องจากในการกู้ที่ผ่านมาครูก็ได้ทำประกันเงินกู้ไว้ครั้งหนึ่งแล้วในวงเงิน 160,000 บาทต่อคน จึงไม่เป็น ธรรมหากจะต้องทำประกันเพิ่มอีก ซึ่งเป็นการเสียเงินซ้ำซ้อน และหากเป็นไปได้อยากให้ธนาคารออมสินลดดอกเบี้ยเพื่อลดภาระหนี้สินครู โดยไม่ต้องให้ครูกู้เงินมารีไฟแนนซ์หนี้ตัวเองอีกรอบ. | รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินมาตรการลดภาระหนี้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตามข้อเสนอของธนาคารออมสิน ที่ใช้เงิน การฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) | null | กำจร ตติยกวี,ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ,ข้าราชการครู,ชำระเงินกู้,ค้ำประกัน,ข่าว,ไทยรัฐฉบับพิมพ์ | https://www.thairath.co.th/content/651914 |
เดมพ์ซี แบนยาว 6 นัด เหตุฉีกสมุดเปาเกมบอลถ้วย (มีคลิป) | สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันที่ 26 มิ.ย.ว่า คลินท์ เดมพ์ซีย์ กองหน้าจอมเก๋าชาวอเมริกัน ถูกลงโทษห้ามลงเล่นเป็นจำนวน 6 เกม จากกรณีฉีกสมุดบันทึกของผู้ตัดสินในเกมฟุตบอลถ้วยรายการ ยูเอส โอเพ่น คัพ เนื่องจากไม่พอใจที่เพื่อนร่วมทีมโดนใบเหลือง จึงทำให้ระเบิดอารมณ์ออกมา,ดาวเตะวัย 32 ปี ซึ่งเคยค้าแข้งอยู่กับ ทอตแนม ฮอตสเปอร์ และ ฟูแลม ในพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ ปัจจุบันเป็นนักเตะในสังกัดของทีม ซีแอตเติล ซาวน์เดอร์ส เอฟซี ทีมดังแห่งศึกเมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ ถูกใบแดงไล่ออกในเกมฟุตบอลถ้วยยูเอส โอเพ่น ที่แพ้ต่อ ปอร์ตแลนด์ ทิมเบอร์ส 1-3,โดยจังหวะดังกล่าว กองหน้าวัย 32 ไม่พอใจที่เพื่อนร่วมทีมถูกกรรมการแจกใบเหลือง จึงหยิบสมุดบันทึกในกระเป๋าของกรรมการขว้างทิ้ง และยังไม่สาแก่ใจ เมื่อเจ้าตัวเดินไปหยิบสมุดเล่มนั้นมาฉีกทิ้งต่อหน้าผู้ตัดสินอีกครั้ง ทำให้ถูกใบแดงไล่ออกในที่สุด,หลังเหตุการณ์ดังกล่าว สมาคมฟุตบอลสหรัฐฯได้ประกาศโทษแบนอย่างเป็นทางการ ด้วยการลงโทษ คลินท์ เดมพ์ซี จำนวน 6 เกม และห้ามลงเล่นฟุตบอลรายการยูเอส โอเพ่น คัพ อีก 2 ปี (2016-2017) หรืออาจมากกว่านั้นหากทำผิดซ้ำเพิ่มอีกในอนาคต,อย่างไรก็ตาม บทลงโทษดังกล่าวไม่รวมถึงในนามทีมชาติ ซึ่งเจ้าตัวมีชื่อเป็นหนึ่งในทีมชาติสหรัฐฯ ชุดสู้ศึกฟุตบอลคอนคาเคฟ โกลด์ คัพ ในเดือนกรกฎาคมนี้ โดย แคนาดา และสหรัฐฯ รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพร่วมกัน.,ชมคลิป | คลินท์ เดมพ์ซี หัวหอกจอมเก๋าชาวสหรัฐฯ ถูกลงโทษห้ามลงแข่งจำนวน 6 เกม หลังบันดาลโทสะ ฉีกสมุกบันทึกของผู้ตัดสินในเกมฟุตบอลยูเอส โอเพ่น คัพ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
| null | คลินท์ เดมพ์ซี,ยูเอส โอเพ่น คัพ,โดนแบน,ซีแอตเติล ซาวน์เดอร์ส เอฟซี,เมเจอร์ลีก ซอคเกอร์,ปอร์ตแลนด์ ทิมเบอร์ส,ทีมชาติสหรัฐอเมริกา,คอนคาเคฟ โกลด์ คัพ,ข่าว,ข่าวกีฬา,คลิปกีฬา,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/content/507702 |
โยธาแจ้ง สน.ห้วยขวางเอาผิด ลิตเติ้ลดั๊ก ใช้อาคาร นาตารี เปิดอาบอบนวด | เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 27 มิ.ย. ที่ สน.ห้วยขวาง นายบัญชา สืบกระพัน หัวหน้าฝ่ายโยธา สำนักงานเขตดินแดง เข้าพบ ร.ต.อ.สุจิน พรประภาพรชัย รอง สารวัตร (สอบสวน) สน.ห้วยขวาง เพื่อแจ้งความเอาผิดกับ บริษัท พีเอสเอส เอ็นเตอร์เทนเมนต์ กรณีเช่าอาคารเปิดสถานบริการลิตเติ้ลดั๊ก เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นอาคารนาตารี เอ็นเตอร์เทนเมนต์ อาบอบนวด เดิม ถนนรัชดาภิเษก แขวงและเขตดินแดง กทม. ซึ่งถือว่าเป็นการฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ที่ 22/2558 ห้ามไม่ให้ใช้สถานที่ใดที่ต้องคดีค้ามนุษย์เปิดทำการในเวลา 5 ปี โดยมี พ.ต.อ.รัชพล ชนะศรีขจร รอง ผบก.น.1 พ.ต.อ.ภูริส จินตรานนท์ ผกก.สน.ห้วยขวาง ร่วมสอบสวน ก่อนลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณสถานบริการดังกล่าวร่วมกับเจ้าหน้าที่ บก.ปทส. เจ้าหน้าที่ศูนย์พิทักษ์น้ำบาดาล กรมทรัพยากรน้ำบาดาล และเจ้าหน้าที่โยธา สำนักงานเขตห้วยขวาง,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จุดเกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 5 ชั้น ปลูกติดกันทั้งหมด 9 คูหา บริเวณด้านหน้ามีการก่อสร้างปรับปรุงหน้าร้านโดยมีการเปลี่ยนป้ายหน้าร้านเป็นลิตเติ้ลดั๊ก เอ็นเตอร์เทนเมนต์ โดยที่หน้าประตูมีกุญแจล็อกอย่างแน่นหนา มีป้ายข้อความระบุเอมมานูเอล ติดอยู่เหนือประตู ทั้งนี้จุดที่มีการปรับปรุงนั้นก่อนหน้าเคยเป็นสถานบริการอาบ อบ นวด นาตารี ซึ่งเมื่อปี 2559 ได้ถูกสั่งปิดตามคำสั่ง คสช.ที่ 22/2558 ห้ามไม่ให้ใช้สถานที่ใดที่ต้องคดีค้ามนุษย์เปิดทำการในเวลา 5 ปี จำนวน 6 คูหา,นายบัญชา กล่าวว่า วันนี้ตนได้นำแปลนอาคาร และเอกสารระงับการเข้าใช้อาคารดังกล่าว ซึ่งศาลปกครองมีคำสั่งไว้ตั้งแต่ปี 2559 เป็นหลักฐานประกอบการแจ้งความเอาผิดต่อบริษัท พีเอสเอส เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ซึ่งเป็นผู้เช่าสถานที่ประกอบการ ในความผิดฐาน ใช้อาคารผิดประเภท ดัดแปลงต่อเติมอาคารพักอาศัยเป็นอาคารพาณิชย์ ตาม พ.ร.บ.อาคาร และฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน หลังพบว่าบริษัทดังกล่าวกลับมาต่อเติมอาคารอีกครั้ง โดยไม่ได้ยื่นผังการต่อเติมตัวอาคารต่อสำนักงานเขต ซึ่งจากการเข้าร่วมตรวจสอบพบว่า มีการดัดแปลงอาคาร หลังคาด้านหน้าออกมากว้าง 15 เมตร และหลังคาด้านหลังมีการต่อเติมยาวไปจนถึงคลองสาธารณะ ซี่งตามกฎหมายด้านหน้าจะต้องมีพื้นที่จากริมทางเท้าที่ติดถนนไม่น้อยกว่า 15 เมตร และด้านหลังที่ติดคลองจะต้องห่างออกมาจากคลองประมาณ 3 เมตร อีกทั้งภายในอาคารที่แบ่งเป็นห้องๆ นั้นซึ่งผิดไปจากแบบที่เคยขออนุญาต เมื่อปี 2538,ด้าน พ.ต.อ.ภูริส กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า การก่อสร้างต่อเติมอาคารดังกล่าวเป็นการละเมิดและฝ่าฝืนคำสั่งศาลปกครอง เนื่องจากไม่ได้ขอใบอนุญาตก่อสร้าง ซึ่งขาดการต่ออายุมานานกว่า 3 ปี ตั้งแต่ปี 2559 ส่วนเรื่องของอาบอบนวดนาตารี ก็ยังจะต้องตรวจสอบเส้นทางการเงินว่ามีผู้ใดเกี่ยวข้องอีกบ้าง แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้เนื่องจากเกรงจะกระทบกับรูปคดี,ขณะที่ พ.ต.อ.รัชพล กล่าวว่า หลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง จะรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินคดีในความผิดตามพ.ร.บ.อาคาร ก่อนเสนอเรื่องมายังกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อรายงานตามข้อเท็จจริงที่ตรวจสอบพบ ทั้งนี้ก่อนหน้ามีการพบว่าสถานบริการดังกล่าวได้ยื่นขออนุญาตกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล ขอย้ายชื่อสถานประกอบการมา โดยขณะขออนุญาตขณะนั้นยังไม่ได้มีการเปิดให้บริการและยังไม่ได้มีการต่อเติมอาคาร ก่อนจะมาพบว่าได้มีการต่อเติมอาคาร จึงแจ้งสำนักงานเขตรับทราบเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ปรากฏว่ามีการกระทำที่เป็นการฝ่าฝืนจริง ทางสำนักงานเขตจึงเข้าร้องทุกข์ว่าเป็นการต่อเติมที่ผิดกฎหมาย,รอง ผบก.น.1 กล่าวด้วยว่า ขอย้ำว่าทุกฝ่ายให้ความสำคัญกับคดีความที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ และการฟอกเงิน ซึ่งต่อจากนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) จะพิจารณาเรื่องเข้ายึดทรัพย์สินหรือยึดอาคารต่อไป,ส่วน นายประโยชน์ ด่านก่อโพธิ์ ผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์น้ำบาดาล กรมทรัพยากรน้ำบาดาล เปิดเผยว่า ทางศูนย์พิทักษ์น้ำบาดาลได้มาร่วมตรวจสอบว่า ยังมีการลักลอบใช้น้ำบาดาลหรือไม่ ซึ่งเบื้องต้นสามารถตรวจสอบได้เฉพาะภายนอก เนื่องจากตัวอาคารถูกสั่งปิดไปแล้วและไม่ให้มีการใช้งาน จึงไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบภายในได้ ซึ่งที่ผ่านมาสถานบริการดังกล่าวยังไม่เคยตรวจสอบในครั้งที่มีการตรวจสอบสถานบริการทั่วกรุงเทพมหานคร กว่า 80 แห่ง เมื่อช่วงต้นปี 2561 เนื่องจากขณะนั้นสถานบริการนาตารี ได้ถูกสั่งปิดไปก่อน. | ฝ่ายโยธา เขตดินแดง เข้าแจ้งความ สน.ห้วยขวาง เอาผิดผู้ประกอบการ กรณีเช่าอาคารเปิดสถานบริการลิตเติ้ลดั๊ก ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่อาบอบนวดนาตารี ถนนรัชดาภิเษก ที่ถูกคำสั่ง คสช.สั่งปิดไป | ข่าว,ทั่วไทย | อาบอบนวด,นาตารี,ลิตเติ้ลดั๊ก เอนเตอร์เทนเม้น,สน.ห้วยขวาง,เขตดินแดง,ปิดสถานบริการ,ดัดแปลงอาคาร,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1601533 |
โค้งสุดท้าย 7 ส.ค.นี้แจ้งขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าว | วันนี้ (6 ส.ค.2560)นายวรานนท์ ปีติวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน กล่าวถึงขั้นตอนการดำเนินการหลังจากปิดศูนย์รับแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวในวันที่ 7ส.ค.นี้โดยมอบหมายให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ข้าราชการเตรียมความพร้อมสัมภาษณ์นายจ้าง-ลูกจ้าง และออกหนังสือรับรองเพื่อไปตรวจสัญชาติให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน กระทรวงแรงงาน จึงขอให้นายจ้างทุกท่านพาลูกจ้างคนต่างด้าวไปสัมภาษณ์ตามวัน เวลา และสถานที่ที่แจ้งไว้และในกรณีที่นายจ้างเป็นบริษัทหรือสถานประกอบการซึ่งมีลูกจ้าง 10 คนขึ้นไปนั้น เพื่อให้เกิดความสะดวกรวดเร็ว ขอให้เตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องซึ่งสามารถใช้ประกอบในการสัมภาษณ์ได้ไปด้วย เช่น ทะเบียนลูกจ้าง ทะเบียนการจ่ายค่าจ้าง สัญญาจ้าง แบบรายงานสภาพการจ้างส่วนกรณีเป็นผู้รับใช้ในบ้าน หากไม่มีเอกสารหลักฐานก็จะใช้การสัมภาษณ์ ซึ่งหากเป็นนาย จ้าง-ลูกจ้างจริงจะสามารถตอบคำถามได้ โดยกรมการจัดหางานได้จัดทำคู่มือการสัมภาษณ์ให้กับเจ้าหน้าที่ไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะใช้ดุลพินิจในการพิจารณาน้อยที่สุด สำหรับกรณีที่มีข้อกังวลว่าลูกจ้างคนต่างด้าวพูดภาษาไทยไม่คล่อง ขณะนี้ ทุกจังหวัดมีล่ามภาษากัมพูชา และเมียนมา ที่สามารถสื่อสารกับลูกจ้างคนต่างด้าวได้ คาดว่าจะสามารถสัมภาษณ์ได้ประมาณ 300-500 คิวต่อวันนายวรานนท์ บอกว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ออกเอกสารรับรองให้ไปตรวจสัญชาติแล้ว ขอให้พาคนต่างด้าวไปตรวจสัญชาติทันที ซึ่งของประเทศเมียนมา มีศูนย์ตรวจสัญชาติในไทยอยู่แล้ว คือ ที่สมุทรสาคร สมุทรปราการ เชียงราย ตาก และระนอง และจะเปิดเพิ่มอีก 3 แห่ง คือ เชียงใหม่ นครสวรรค์ และสงขลา โดยแรงงานสามารถจองคิวการตรวจสัญชาติได้ก่อน โดยจ่ายเงินค่าธรรมเนียมการตรวจสัญชาติ ที่เคาน์เตอร์เซอวิส จำนวน 310 บาท เมื่อได้กำหนดวัน เวลา แล้วก็สามารถดำเนินการตรวจสัญชาติได้ที่ศูนย์ตรวจสัญชาติ ในรูปแบบ One Stop Service (OSS)เช่นเดียวกับทางการกัมพูชา จะเปิดศูนย์ตรวจสัญชาติใน 3 จังหวัด คือ ระยอง สงขลา และกรุงเทพฯ อยู่ในรูปแบบ OSS เช่นกัน ส่วนของ สปป.ลาว ขณะนี้ยังไม่มีศูนย์ตรวจสัญชาติในไทย แต่แรงงานจะต้องไปที่สถานทูต กงสุลลาวประจำประเทศไทย เพื่อขอเอกสารเดินทางกลับประเทศ เพื่อไปตรวจสัญชาติแล้วกลับเข้ามาทำงานตามระบบ MOU จึงขอให้นายจ้างรีบแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวโดยด่วน หากพ้นกำหนดวันที่ 7 ส.ค.นี้ จะปิดศูนย์ฯทันที และจะไม่มีการขยายเวลาการเปิด | กระทรวงแรงงาน เตือนนายจ้าง รีบมาแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว โค้งสุดท้าย7 ส.ค.นี้ ไม่ขยายเวลาอีกต่อไป ย้ำนายจ้างที่มีลูกจ้าง 10 คนขึ้นไป เตรียมหลักฐาน เช่น สัญญาจ้าง การจ่ายเงินเดือน ด้านแรงงานระดมทีมเตรียมสัมภาษณ์พิสูจน์สัญชาติ ล่ามภาษา | สังคม | ThaiPBSnews,ข่าวไทยพีบีเอส,ไทยพีบีเอส,แรงงานต่างด้าว,กัมพูชา,ลาว,เมียนมา,กระทรวงแรงงาน,พิสูจน์สัญชาติ | https://news.thaipbs.or.th/content/264987 |
กรมอุตุฯ เตือนภาคใต้ทะเลคลื่นสูง 2-4 เมตร อีสานและเหนือฝนชุก 13-14 ส.ค. | วันนี้ (11 ส.ค. 2561) เวลา 04.00 น. กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศฉบับที่ 3 เรื่อง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน โดยระบุว่า พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน หรือทางตะวันออกของเกาะไหหลำ ประเทศจีน กำลังเคลื่อนตัวทางทิศเหนือค่อนตะวันออกเล็กน้อยอย่างช้าๆ โดยมีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ในช่วงวันที่ 13-14 สิงหาคม 2561 โดยจะส่งผลกระทบทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนระวังผลกระทบจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม ที่ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง รวมถึงดินโคลนถล่มไว้ด้วยสำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ยังคงมีกำลังแรงต่อเนื่อง ทำให้คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยบริเวณทะเลอันดามัน มีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร และอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือระวังอันตรายจากคลื่นลมแรง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งไว้ด้วย และประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก ระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่งไว้ด้วยอนึ่ง ในช่วงวันที่ 12-16 สิงหาคม 2561 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร และอ่าวไทยตอนบนคลื่นสูง 2-3 เมตร | กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือนประชาชนภาคอีสานและเหนือ ระวังผลกระทบจากฝนตกหนักช่วงวันที่ 13-14 ส.ค.จากพายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ ขณะที่ภาคใต้ มรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงต่อเนื่อง ส่งผลให้ทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีคลื่นสูง | ภัยพิบัติ | กรมอุตุฯ,กรมอุตุนิยมวิทยา,ประกาศเตือน,ฝนตกหนัก,คลื่นลมแรง,พายุดีเปรสชัน,ทะเลจีนใต้,เวียดนาม,ขึ้นฝั่ง,ข่าวไทยพีบีเอส,ไทยพีบีเอส,ThaiPBSnews,ThaiPBS | https://news.thaipbs.or.th/content/273910 |
พท.ไม่ได้คาดหวังปรับครม.ชี้นายกฯคนเดิมจี้เปิดพื้นที่ปชช.แสดงความเห็น | เมื่อวันที่ 18 พ.ย.2560 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี การปรับครม.ว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้คาดหวังหรือยึดติดกับตัวบุคคลที่จะเปลี่ยนแปลง เพราะรัฐบาลอาจเพียงแค่แก้ปัญหาภายในของรัฐบาลเอง ไม่เชื่อมั่นว่าปรับครม. จะช่วยให้ผลงานของรัฐบาลดีขึ้น จะเป็นเพียงสมบัติผลัดกันชม หรือเล่นเก้าอี้ดนตรีกันเท่านั้นหรือไม่ เพราะหากมีผลเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น คงเห็นผลตั้งแต่การปรับครม.ครั้งก่อนหน้านี้ ตราบใดที่กัปตันเรือ คือ นายกรัฐมนตรี ยังเป็นคนเดิม นโยบายยังเหมือนเดิม ประชาชนคงไม่คาดหวังอะไร นอกเหนือจากปัญหาด้านเศรษฐกิจที่รัฐบาลนี้แก้ไขไม่ได้แล้ว,ด้านสิทธิเสรีภาพของประชาชนยังน่าเป็นห่วงตั้งแต่วันแรกที่ คสช.เข้ามา ใครที่แสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทหารจะเรียกไปปรับทัศนคติ แม้แต่แกนนำยางพารา ที่เพียงแค่ต้องการจะไปยื่นหนังสือเรียกร้องให้แก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำก็ถูกหิ้วตัวเข้าค่ายทหารในเวลากลางคืน แม้รัฐบาลจะชี้แจงอย่างไรก็ขว้างงูไม่พ้นคอ เพราะถ้ารัฐบาลบริสุทธิ์ใจทำไมถึงไม่รอคุยตอนเช้า หรือทำไมไม่เชิญตัวไปที่ศาลากลางจังหวัด อยากให้มองคนไทยเป็นคนไทย มองคนเห็นต่างอย่างเป็นมิตร ทั้งนี้ฟรีดอมเฮาส์ องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนสากล ประเมินไทยมีอันดับสิทธิเสรีภาพในเรื่องการแสดงความคิดเห็นต่ำ กว่าประเทศเมียนมาหากรัฐบาลจะภาคภูมิใจก็เป็นสิทธิ์ แต่พรรคเพื่อไทยเห็นว่ายังไม่น่าพึงพอใจ ,
นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า ดังนั้นพรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการ ดังนี้ 1.เปิดพื้นที่สิทธิเสรีภาพการแสดงออกทางความคิดให้กับประชาชนอย่างกว้างขวาง 2.เปิดพื้นที่สิทธิเสรีภาพการวิพากษ์วิจารณ์ให้กับสื่อมวลชนได้แสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา และ 3.ควรยุติการเรียกคนเข้าค่ายทหารแม้จะเรียกว่าปรับทัศนคติ แต่แท้จริงแล้วเป็นการข่มขู่คุกคามประชาชนหรือไม่. | เพื่อไทยเย้ยปรับ ครม.ใหม่ ก็แค่สมบัติผลัดกันชม เพราะนายกรัฐมนตรียังคนเดิม นโยบายเดิม จี้ เปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้แสดงออกวิพากษ์วิจารณ์ | ข่าว,การเมือง | พรรคเพื่อไทย,ปรับ ครม.,เสรีภาพของประชาชน,แสดงความคิดเห็น,อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/politic/1130232 |
โพลชี้คน 63.3% มองปรับ ครม. เอานักการเมืองเข้ามาหาผลประโยชน์เงินกู้-ถอนทุนคืนใช้เลือกตั้ง | มองว่ารัฐบาลจะปรับเอาคนดีเข้ามาทำงานแก้ความเดือดร้อนและปกป้องเงินกู้ผลประโยชน์ประชาชน6 มิ.ย. 2563 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ปรับคณะรัฐมนตรี เพื่อใคร กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินการเก็บข้อมูลแบบผสมผสาน (Mixed Method) ทั้งการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ การลงพื้นที่และการเก็บข้อมูลในโลกโซเชียลทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1871 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 1 - 5 มิ.ย. 2563 ที่ผ่านมาเมื่อถามถึงผลประเมินคนดีในคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบัน พบว่า ร้อยละ 48.5 ระบุมีคนดีอยู่บ้าง ในขณะที่ร้อยละ 37.3 ระบุไม่มีเลย แต่ร้อยละ 14.2 ระบุมีคนดีอยู่มากที่น่าเป็นห่วงคือ ความเห็นต่อรัฐบาลในข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีปรับเพื่อใคร พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 63.3 มองว่ารัฐบาลจะปรับคณะรัฐมนตรีเอานักการเมืองเข้ามาหาผลประโยชน์เงินกู้และถอนทุนคืนใช้เลือกตั้งต่อไป ในขณะที่ร้อยละ 34.1 มองว่า รัฐบาลจะปรับเอาคนดีเข้ามาทำงานแก้ความเดือดร้อนและปกป้องเงินกู้ผลประโยชน์ประชาชนอย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 85.1 ระบุข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีจะก่อให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยในหมู่ประชาชนต่อความไม่ชอบธรรมของรัฐบาล แสวงหาผลประโยชน์จากเงินกู้ เข้ากระเป๋านักการเมือง ในขณะที่ร้อยละ 14.9 ระบุ ไม่ใช่ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 66.8 ระบุ นายกรัฐมนตรีลอยตัวเหนือปัญหาทำตัวเป็นพระเอกตลอดกาล ในขณะที่ ร้อยละ 33.2 ระบุ นายกรัฐมนตรี ตื่นตัวแก้ปัญหา น้ำผึ้งหยดเดียว ปกป้องรักษาคนดีนอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบแนวโน้มจุดยืนการเมืองของประชาชนตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 จนถึง ล่าสุด หลังกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐลาออก เมื่อเสร็จสิ้นการอภิปราย พ.ร.ก.กู้เงิน ผ่านสภาผู้แทนราษฎร โดยฐานสนับสนุนรัฐบาลลดฮวบดิ่งลงอีก จากร้อยละ 39.1 ในช่วงอภิปราย พ.ร.ก.กู้เงิน เหลือเพียงร้อยละ 20.4 ในช่วงหลังการอภิปราย พ.ร.ก.กู้เงินผ่านสภาผู้แทนฯ และ กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐลาออกผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า น้ำผึ้งหยดเดียว กำลังจะทำให้บ้านเมืองระส่ำระสาย สถานการณ์บ้านเมืองที่กำลังแย่อยู่แล้วยิ่งจะวิกฤตตกต่ำลงไปอีกทั้ง ๆ ที่ผู้หลักผู้ใหญ่ก็เคยมีประสบการณ์ความเลวร้ายของบ้านเมืองมากมายแต่กลับลอยตัวเหนือปัญหาแบบนี้จะสั่งสอนอบรมลูกหลานเด็กและเยาวชนให้รักชาติบ้านเมืองได้อย่างไร ผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองหายไปไหนกันหมดปล่อยให้สถานการณ์เละเทะแบบนี้ต่อไป อารมณ์คับแค้นใจและความเคลือบแคลงสงสัยของประชาชนต่อความชอบธรรมของรัฐบาลจะกลายเป็นชนวนที่ติดเพลิงแห่งความขัดแย้งรุนแรงบานปลายได้ง่าย นายกรัฐมนตรีควรรีบแสดงความเป็นผู้นำทำให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง ไม่ต้องรอดูกระแสจนนาทีสุดท้าย (the last minute) เดี๋ยวจะสายเกินไป | ซูเปอร์โพลสำรวจ 1871 ตัวอย่าง 63.3% มองว่ารัฐบาลจะปรับคณะรัฐมนตรีเอานักการเมืองเข้ามาหาผลประโยชน์เงินกู้และถอนทุนคืนใช้เลือกตั้งต่อไป 34.1% | การเมือง,เศรษฐกิจ,สังคม,คุณภาพชีวิต | การปรับคณะรัฐมนตรี,โพล,ซูเปอร์โพล | https://prachatai.com/journal/2020/06/87997 |
ห้ามชี้นำถามต่อ เข้มคำตอบลุงตู่-ปชป.ฝันเป็นรัฐบาล | ปลัด มท. จี้ผู้ว่าฯห้ามชี้นำ-ขยายความ 4 คำถามนายกฯ วัฒนา ไล่ขย่มย้ำภาพ กปปส.คือเนื้อเดียวกับ คสช. แต่ยินดีที่ผละจากอ้อมอกเผด็จการคืนสู่วิถีประชาธิปไตย จิรายุ เริ่มรำคาญลิเกหลงโรง เอกนัฏ ชงหวานขอบคุณ ลุงตู่-เทือก-มาร์ค บุคคลสำคัญของชาติ วรงค์ ปลื้มต้อนรับคืนสู่เหย้า ตีปากพวกพูดไม่คิดทำพรรคเสียแต้ม มัลลิกา ฟุ้งแหลก ปชป. ดีดนิ้วรอเป็นรัฐบาลแน่ วัน ผวาหอบมาลัยขอขมา ประยุทธ์-คสช.,หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ประกาศงดให้สัมภาษณ์สื่อ 2-3 สัปดาห์ ล่าสุดก็ยังคงเป็นการสื่อสารทางเดียวของนายกฯที่พูดผ่านเวทีปาฐกถาต่างๆ ขณะที่ความเคลื่อนไหวของกลุ่ม กปปส. ที่หวนกลับคืนสู่เหย้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังคงเป็นที่จับตามองของฝ่ายการเมืองเช่นกัน,เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 31 พ.ค. ที่ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวปาฐกถาพิเศษ หลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติกับการสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจและสังคม ระหว่างเปิดสัมมนาวิชาการเพื่อเผยแพร่และขับเคลื่อนหลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชน ว่า เรื่องสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการ คือ เรื่องธุรกิจและสิทธิมนุษยชน ต้องขับเคลื่อนให้เห็นเป็นรูปธรรมมากที่สุด รัฐบาลมีโรดแม็ปแก้ทุกปัญหา จึงฝากต่างประเทศให้เข้าใจว่าวันนี้เรากำลังทำอะไร อยู่ในสถานการณ์อะไร และฝากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ช่วยซึ่งกันและกัน เพราะสิทธิมนุษยชนไม่ใช่เพียงเรื่องความถูกต้องหรือศีลธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสนำประเทศสู่ความมั่งคั่งควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจ สิทธิมนุษยชนหมายถึงการมีเกียรติยศศักดิ์ศรี การยอมรับให้โอกาสที่เท่าเทียมกัน และได้รับการปฏิบัติที่เป็นธรรม ขออย่ากังวลตนและรัฐบาลที่เข้ามาบริหารในช่วงสภาวการณ์ไม่ปกติ มุ่งมั่นยึด 3 เสาหลัก คือด้านการคุ้มครอง การเคารพ และการเยียวยา,พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมารัฐบาลออกกฎหมาย ระเบียบ และมาตรการมากมายเพื่อไม่ให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่น กฎหมายคุ้มครองแรงงาน กฎหมายเรื่องค้ามนุษย์ ถือเป็นผลงานรัฐบาลในช่วง 3 ปี ขอให้มองการแก้ปัญหาทั้งระบบอย่ามองเพียงว่ารายได้ดีขึ้น ต้องฟังเสียงส่วนใหญ่และเคารพเสียงส่วนน้อย ถือเป็นหลักการประชาธิปไตย การทำงานของรัฐบาลวันนี้ไม่ได้เป็นแค่ระดับทวิภาคี ต้องมองพหุภาคีด้วย นอกจากความร่วมมือด้านการค้า การลงทุนแล้ว ต้องแสวงหาความร่วมมือด้านสิทธิมนุษยชน ต้องเจริญเติบโตจากภายในระเบิดจากข้างใน วันนี้ขออย่าเอาหลายอย่างมาพันกัน ส่วนที่ดีมีอยู่ส่วนที่ไม่ดีก็ต้องแก้ไข แต่อย่าเอาส่วนที่ไม่ดีมาตีกับสิ่งที่เรากำลังทำ วันนี้อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านและปฏิรูปประเทศ หากเอาแต่ความขัดแย้งขึ้นมาพูดก็ไม่สามารถแก้ไขได้ ถ้าขัดแย้งทั้งหมดก็ไปไม่ได้ ทุกคนต้องช่วยกันและช่วยรัฐบาล รัฐบาลได้กำหนดและคิดไว้แล้วว่าจะทำอะไรอย่างไร ต้องมองปัญหาให้ขาด กำหนดช่วงระยะเวลาเดินหน้าโรดแม็ป มีเข็มทิศนำทาง,พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า รัฐบาลให้ความคุ้มครองบุคคลที่เป็นเหยื่อ รวมถึงปัญหาการค้ามนุษย์ และให้ความสนใจการประเมินจากต่างประเทศด้วย ยืนยันว่ารับฟังทุกส่วนและสิ่งที่ทำมาทั้งหมดก็เป็นผลงาน 3 ปีของรัฐบาล แม้จะทำไม่ถึง 100 เปอร์เซ็นต์แต่ก็ดีขึ้นกว่าเดิม เราไม่สามารถพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ หรือพลิกฝ่ามือได้ในระยะเวลาอันสั้น เพราะปัญหามีความซับซ้อน ตั้งแต่เป็นนายกฯ มา 3 ปี ดูแผนทุกอัน แต่ไม่เห็นมีการเขียนระบุว่าใครเป็นคนทำอะไร ไม่เหมือนแผนของทหารที่กำหนดชัดเจน ดังนั้น เราต้องดูเป้าหมายของประเทศว่าจะเดินไปไหน เพื่อไปสู่เป้าหมายเดียวกันไม่ใช่ติดไปทั้งหมดแล้วบอกว่าปฏิรูปไม่ได้ แล้วใครรับผิดชอบ ก็ ประยุทธ์ คนเดียวอีก ตนเป็นจำเลยทุกเรื่องอยู่แล้ว การเปลี่ยนแปลงทุกเรื่องย่อมมีคนขัดแย้ง แต่ทำอย่างไรจะให้ไปด้วยกันได้ วันนี้ทุกอย่างปนเปไปหมด แต่ขออย่ากังวลขอยืนยันว่าจะทำทุกอย่างให้ดี,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการเปิดงาน พล.อ.ประยุทธ์ได้ร่วมพิธีลงนามปฏิญญาความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนหลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ,ต่อมาเวลา 15.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิเศษ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็นเวลาประมาณ 20 นาที จากนั้นนายวิษณุให้สัมภาษณ์ว่า เป็นการหารือเรื่องกฎหมายในการพัฒนาโครงการเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งจะออกเป็นร่าง พ.ร.บ.เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เพราะช่วงเช้าที่ผ่านมา นายมีชัยประชุมกรรมการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว พบปัญหาจากกระทรวงต่างๆ 6-7 ประเด็น จึงเข้าหารือกับนายกฯ เมื่อถามว่าจะเปิดรับฟังความเห็นเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวนานแค่ไหน นายวิษณุตอบว่า เปิดรับฟังความเห็นมาเป็นเดือนแล้ว น่าจะพอสมควร หลายคนวิจารณ์แบบไม่เข้าใจ แต่บางกระทรวงมีข้อทักท้วงในบทบาทของแต่ละกระทรวง บางท่านยังติดใจจึงให้นายกฯชี้ขาด นายกฯกำชับให้ทำอย่างรวดเร็ว เพราะจะไปเสียเวลาอยู่ในขั้นตอนสภาอีกนาน ส่วนกรอบเวลาในขั้นตอน ครม. น่าจะเรียบร้อยภายในเดือน มิ.ย.นี้,กระทั่งเวลา 16.00 น.ที่ห้องโถงตึกสันติไมตรี พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ พร้อมด้วย พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พล.อ.สกล ชื่นตระกูล ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เดินลงจากห้องทำงานในชุดกีฬา เข้าไปทักทายข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลที่กำลังเต้นแอโรบิกออกกำลังกายประจำสัปดาห์อยู่ โดยร่วมยืดเส้นยืดสายในช่วงท้ายก่อนกล่าวขอโทษผ่านไมโครโฟนที่ลงมาช้า เพราะนั่งทำงานอยู่ แต่จะชดเชยด้วยการแจกเสื้อยืดออกกำลังกายคนละ 1 ตัว เป็นการชดเชยความผิด โดยแจกไปทั้งหมดประมาณ 200 ตัว จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินตรวจเยี่ยมความคืบหน้าการก่อสร้างอาคารเรือนรับรองหลังใหม่ หลังตึกไทยคู่ฟ้า การก่อสร้างอาคารตึกบัญชาการ 1 และ 2 ที่อยู่ระหว่างปรับปรุง และก่อนจะเดินกลับขึ้นห้องทำงาน พล.อ.ประยุทธ์ได้หันมาโบกมือกับผู้สื่อข่าวเมื่อถูกทักว่า จะไม่ทักทายกันบ้างหรือ นายกฯจึงยกนิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากแสดงสัญลักษณ์ไม่พูด บอกว่า เจ็บฟัน,นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีรัฐบาลถูกฝ่ายการเมืองโจมตีช่วงนี้ว่า ไม่รู้สึกว่ามีอะไร เป็นเช่นนี้ตลอด รู้ว่ามีข่าวแต่ไม่ได้ว่าอะไร เมื่อถามว่า จะกระทบกับการทำงานของรัฐบาลและ พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ไม่ ทำงานกันปกติ ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายกฯ ก็ไม่พูดถึงอะไร,ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงมหาดไทยว่า หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ตั้งคำถาม 4 ข้อไปยังประชาชน เรื่องการเลือกตั้ง และให้ตอบกลับมาผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนั้น ล่าสุดกระทรวงมหาดไทยมอบหมายรองปลัดกระทรวงมหาดไทย 4 คน โทรศัพท์ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เพื่อชี้แจงวิธีการรับฟังคำตอบประชาชน คือ 1.ต้องยืนยันตัวตนของผู้ตอบคำถามได้ โดยทำตามระเบียบสารบัญของศูนย์ดำรงธรรม จดเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก หากมีประชาชนไปยื่นคำตอบให้ศูนย์ดำรงธรรมต้องรีบบันทึกรับรอง ห้ามปฏิเสธ 2.เจ้าหน้าที่ไม่ต้องตีความคำถาม หรืออธิบายศัพท์ 3.ไม่ต้องถามเพิ่ม ใครตอบอย่างไรให้จดมาอย่างนั้น ไม่ให้ชี้นำ,นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทย โดยศูนย์ดำรงธรรม มีหน้าที่แค่รวบรวมความคิดเห็นแล้วส่งต่อให้ฝ่ายนโยบายเท่านั้น ไม่มีหน้าที่วิเคราะห์ ส่วนการเรียกผู้ว่าฯทุกจังหวัดมารับฟังการชี้แจงในวันที่ 2 มิ.ย. ไม่ได้เรียกมาทำความเข้าใจเรื่องนี้เป็นหลัก แต่เรียกมาเพื่อเน้นย้ำเรื่องการทำงาน เพราะอีก 3 เดือนจะสิ้นปีงบประมาณแล้ว พอดีมีเรื่องนี้เข้ามาจึงใช้โอกาสนี้พูดไปด้วยเลย จะอธิบายให้ผู้ว่าฯ และนายอำเภอฟังว่าไม่ใช่การทำโพล แต่เป็นการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และย้ำว่าเราไม่มีหน้าที่วิพากษ์วิจารณ์ หรือไปชี้แจงเกี่ยวกับคำถาม 4 ข้อ มีหน้าที่เพียงรวบรวมความคิดเห็นเท่านั้น,ขณะที่นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ และแกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า คืนสู่เหย้า ขอแสดงความยินดีกับพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้แกนนำ กปปส. ทั้ง 8 คนที่เป็นกำลังสำคัญของพรรคกลับมาร่วมงานอีกครั้ง หลังจากแยกย้ายกันออกไปปฏิบัติภารกิจสำคัญสนับสนุนให้เกิดการยึดอำนาจจนสำเร็จ การกลับมาของแกนนำ กปปส.ทั้ง 8 คน ถือเป็นสัญญาณดีทางการเมือง เพราะ กปปส.ถือเป็นเนื้อเดียวกับเผด็จการทหาร คสช. ดังที่อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์และเลขาธิการ กปปส. ระบุไว้ชัดเจนว่า ช่วงการชุมนุมเพื่อชัตดาวน์กรุงเทพฯ ได้ร่วมมือและติดต่อทางไลน์กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. จนกระทั่งนำกำลังออกมายึดอำนาจ,นายวัฒนาระบุอีกว่า การที่แกนนำ กปปส.กลับมาสู่พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งอันเป็นวิถีทางในระบอบประชาธิปไตย เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่าการยึดอำนาจไม่ใช่แนวทางการแก้ไขปัญหาประเทศ ตรงกันข้ามกลับทำให้ประเทศเสียหาย ประชาชนได้รับทุกข์ยากเพราะพิษเศรษฐกิจถ้วนหน้า ยังไม่นับรวมการละเมิดหลักนิติธรรม และละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดังนั้นการที่แกนนำ กปปส. ที่เคยสนับสนุนการยึดอำนาจ กลับสู่แนวทางที่ถูกต้องคือการสนับสนุนให้เกิดประชาธิปไตยที่สมบูรณ์บนหลักนิติธรรม เคารพในสิทธิเสรีภาพประชาชน และไม่สนับสนุนให้มีการยึดอำนาจอีกต่อไป ย่อมเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่จะมาช่วยกันทวงคืนอำนาจให้ประชาชน ขจัดเผด็จการและแนวทางที่เผด็จการวางไว้ให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทย เพราะประชาธิปไตยที่สมบูรณ์เท่านั้น จึงจะแก้ไขปัญหานำมาซึ่งความปรองดองของคนในชาติได้,นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์เคยไล่ส่งกลุ่ม กปปส. แต่วันนี้ กปปส.จะกลับเข้าพรรค สังคมต้องไม่ลืมว่าคนเหล่านี้ที่กวักมือเรียก คสช.ทุกวัน ให้ย้อนกลับไปดูเมื่อปี 2556-2557 จะเห็นว่าใครทำอะไรกันไว้บ้าง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไปเป่านกหวีดและพูดอะไรไว้บ้าง เอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้คนอย่างไร สนับสนุนเผด็จการอย่างไรประชาชนไม่ลืม ทำไมเพิ่งมาคิดได้ว่าจะต่อต้านระบอบเผด็จการ ขอให้ลองถามพรรคพวกในพรรคว่าทิศทางของพรรคจะเป็นอย่างไรแน่ จะอิงแอบแนบชิดประชาธิปไตยตามเจตนารมณ์พรรค หรือจะฝักใฝ่เผด็จการ เอาให้ชัด ชาวบ้านเค้าเริ่มรำคาญพวกลิเกหลงโรงแล้ว,ด้านนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน และแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า น่าเป็นห่วงกับภาวะค่าเงินบาทที่แข็งค่ามาก อาจกระทบต่อการ ส่งออกที่เพิ่งฟื้นตัว อยากให้รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เร่งดูแล โดยอยากให้แบงก์ชาติโดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) พิจารณาลดอัตราดอกเบี้ย ขอให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาหนี้เสียที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้การว่างงานเพิ่มทะลุเกินร้อยละ 1.2 สูงสุดในรอบเกือบ 7 ปี การที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เตรียมเดินทางไปญี่ปุ่นเพื่อชักชวนนักลงทุน อยากให้นายสมคิดทำความเข้าใจปัญหาของนักลงทุนญี่ปุ่นให้ชัดเจน ไม่อยากให้ไปแล้วล้มเหลวเหมือนครั้งที่แล้ว โดยเฉพาะปัญหาที่ไม่สามารถเจรจาการค้ากับประเทศต่างๆได้ นักลงทุนต่างประเทศไม่มาลงทุนจนเป็นปัญหามา 3 ปีแล้ว หากรัฐบาลยังพยายามหลอกตัวเอง เศรษฐกิจไทยจะเสื่อมลงเรื่อยๆ เหมือนทฤษฎีกบต้ม,วันเดียวกัน นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีตโฆษก กปปส. โพสต์เฟซบุ๊กว่า ต้องขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯลุงตู่ ที่ตั้งใจทำงาน อดทนต่อแรงเสียดทาน อุปสรรคทั้งภายในและภายนอก เพื่อรักษาความสงบ ปูทางสู่การปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ ต้องขอบคุณนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิ มปท. แกนนำ กปปส. ที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่เป็นหลักประคับประคองบ้านเมือง จนได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ฝังรากการปฏิรูปไว้เป็นหลักประกัน ยึดมั่นสานต่อเจตนารมณ์ของมวลมหาประชาชน และต้องขอบคุณนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ยืนยันยึดมั่นอุดมการณ์ปฏิรูปประเทศไทย ต่อสู้กับระบอบทักษิณ การปฏิรูปจะเกิดได้จริงจะพึ่งแค่กติกาใหม่อย่างเดียวคงไม่ได้ ต้องอาศัยพลังและความสามัคคีของพวกเราทุกคน ช่วยกันส่งกำลังใจให้ลุงตู่ปฏิรูปตำรวจให้สำเร็จ กวาดล้างทุจริตคอร์รัปชัน ช่วยลุงกำนันปฏิรูปการศึกษายกระดับอาชีวะ ช่วยท่านอภิสิทธิ์ปฏิรูปพรรคให้เป็นพรรคของประชาชน ให้เป็นพรรคต้นแบบการเมืองยุคใหม่ในอนาคต,นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า มีโอกาสอยู่ร่วมพบปะกับพี่ๆน้องๆ กปปส. ที่เข้าหารือกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และผู้บริหารพรรค กปปส.คือสมาชิกพรรคที่เป็นอดีต ส.ส. ไปทำภารกิจเพื่อประเทศชาติเมื่อเสร็จภารกิจก็กลับบ้านพูดคุยให้เข้าใจกัน ได้รับการยืนยันจาก กปปส.ว่ากระแสการกลับเข้ามายึดพรรค หรือเปลี่ยนผู้บริหารพรรค ไม่เป็นความจริง เป็นการสร้างข่าวขึ้นมา และคณะผู้บริหารพรรคต้องมาจากที่ประชุมใหญ่ ไม่ใช่ใครอยากมายึดก็ยึดได้ มีการปรับความเข้าใจว่าทั้ง กปปส.และพรรค เราต้องต่อสู้กับระบอบทักษิณ หรือระบอบทุนสามานย์ และประชาธิปไตยจอมปลอม มีเป้าหมายปฏิรูปประเทศ,นพ.วรงค์กล่าวต่อว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าสมาชิกพรรคต้องสนับสนุนหัวหน้าพรรคเป็นนายกฯ แต่ถ้าไม่สามารถรวบรวมเสียงได้พอ ก็เป็นเรื่องของอนาคตและมติพรรค ส่วนท่านอื่นที่จะเสนอคนอื่นเป็นนายกฯ ก็ไม่แปลก เพราะแต่ละฝ่ายย่อมมีความคิดต่างได้ อยู่ที่ประชาชนตัดสิน พรรคเราต้องเป็นเอกภาพในการเสนอหัวหน้าพรรค ส่วนผู้แสดงความเห็นต้องตระหนักว่าเนื้อหาที่เสนอออกไปต้องทำให้พรรคได้รับคะแนนนิยม ไม่ทำให้พรรคแตกแยก การแสดงความเห็นต่างในแต่ละครั้งต้องตั้งหลักว่าพูดแล้วพรรคต้องได้ ส่วนกลุ่มที่เห็นต่างจากพรรคถ้าประเมินแล้วเขามีความหวังดีต่อประเทศ ก็ไม่ควรออกไปทะเลาะกับเขาโดยไม่จำเป็น พี่น้องกปปส.รับปากว่าจะเข้ามาพูดคุยที่พรรคให้บ่อยขึ้น เพื่อให้พรรคมีเอกภาพในการขับเคลื่อน และปรับความคิดที่ต่างกัน,นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า ตามโรดแม็ปจะมีการเลือกตั้งแน่นอนกลางปี 2561 แม้อาจมีทหารบางคนคิดนอกลู่นอกแนว แต่ผู้มีอำนาจคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กับ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. และมั่นใจว่าพรรคประชาธิปัตย์จะได้เป็นรัฐบาลสมัยหน้าแน่นอน เพราะเป็นที่ไว้วางใจที่สุด ส่วนใครจะเป็นนายกฯจะขั้นตอนที่หนึ่ง หรือขั้นตอนที่สอง เป็นเรื่องหลังเลือกตั้ง เมื่อถึงเวลานั้นนายพลหรือบุคคลที่ได้รับความไว้วางใจ ทุกฝ่ายปฏิเสธไม่ได้อาจจะใช่ หรือไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ก็ได้ ดังนั้นปีครึ่งที่เหลืออย่าบั่นทอนกัน ควรปล่อยให้รัฐบาลจัดการในเรื่องที่เราจัดการไม่ได้ไปก่อน เช่น กลุ่มนายทุนท่อน้ำเลี้ยงที่สนับสนุนกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในรูปแบบต่างๆ,ที่รัฐสภา นายทวี สุรฤทธิกุล กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวว่า คาดว่าจะได้ข้อยุติในวันที่ 1 มิ.ย. ประเด็นสำคัญที่มีปัญหา อาทิ ทุนประเดิมจัดตั้งพรรคการเมือง กมธ.เห็นตรงกันว่าการจัดตั้งพรรคการเมือง ควรมีทุนประเดิมจัดตั้งพรรค เพราะเป็นความรับผิดชอบในการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญปี 60 ที่เน้นเรื่องการลงเลือกตั้ง มากกว่าการตั้งพรรคขึ้นมา เพื่อรับเงินสนับสนุนพรรคการเมืองจาก กกต. กมธ.มีแนวคิด 3 แนวทาง คือ 1.ไม่จำกัดจำนวนทุนประเดิมก่อตั้งพรรค จะมีทุนประเดิมเท่าใดก็ได้ หรือจะมาจากการบริจาคเงินให้พรรคก็ได้ แต่จะเน้นการให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด ซึ่ง กมธ.ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ 2.ให้มีทุนประเดิมจัดตั้งพรรค 100,000 บาท 3.ให้มีทุนประเดิม 1 ล้านบาท ตามที่ กรธ.เสนอมา,นายทวีกล่าวว่า ส่วนประเด็นการเก็บค่าสมาชิกพรรครายปี กมธ.มีความเห็น 2 แนวทาง คือ 1.ให้เก็บไม่เกิน 100 บาท ซึ่ง กมธ.เสียงข้างมากเห็นด้วยกับแนวทางนี้ เพราะไม่มากเกินไป 2.ให้เก็บค่าสมาชิกพรรค 100 บาทต่อปี ตามแนวทางที่ กรธ.เสนอมา ทั้งนี้ กมธ.จะนำประเด็นเหล่านี้มาหาข้อยุติในวันที่ 1 มิ.ย. คงไม่ถึงขั้นต้องใช้วิธีโหวตตัดสินชี้ขาด แต่จะใช้วิธีพูดคุยทำความเข้าใจ ให้ได้ข้อยุติในแนวทางเดียวกัน ส่วนใครที่ยังติดใจสงสัย จะให้สงวนคำแปรญัตติไปพูดกันในการประชุม สนช.วาระ 2 และ 3 ต่อไป,ขณะที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงเสียงวิจารณ์รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่ตอบโจทย์ นายกฯจึงต้องตั้งคำถาม 4 ข้อ ว่า กติกาปราบโกง กรธ.เขียนไว้หมดแล้ว เหมือนกับกีฬาที่มีกติกากำหนดไว้ แต่ยังมีผู้เล่นทำฟาวล์ เหมือนคดีอาญาที่กำหนดโทษว่าหากฆ่าคนก็ต้องติดคุก แต่ยังมีคนทำผิดอยู่ จึงไม่ได้หมายความว่ามีกติกาแล้วทุกอย่างจะเรียบร้อย ต้องพัฒนาคนให้ตระหนักคิด ช่วยกันระมัดระวังไม่ให้เกิดปัญหาอีก เช่น การใช้สิทธิต้องคำนึงผลรอบด้าน ถ้าร่างรัฐธรรมนูญแล้วจบ ป่านนี้บ้านเมืองสงบไปนานแล้ว สังคมจะเปลี่ยนแปลงได้ไม่ใช่แค่ที่ตัวหนังสืออย่างเดียว 4 คำถามของนายกฯจึงเป็นการกระตุกให้คนช่วยกันคิด ยิ่งทุกวันนี้ประชาชนตื่นตัวกันมากขึ้น หากร่วมกันตระหนักมากขึ้น การปฏิรูปก็จะเกิดผล,ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน ว่าสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) อาจส่งมาให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แต่ร่างยังไม่ถึงตน จากการพูดคุยกับนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมว.ยุติธรรม ระบุว่า ใช้ร่างเดิมไปวิเคราะห์ ตนก็ทำการบ้านส่วนหนึ่ง แต่ต้องรอฉบับที่ สปท.จะส่งมา ไม่เช่นนั้นจะเริ่มต้นยาก ขอดูร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวทั้งหมด ตั้งแต่ฉบับแรกและฉบับที่มีการปรับปรุง หากได้รับร่างแล้วจะเชิญตัวแทนภาควิชาชีพสื่อมวลชนมารับฟังความคิดเห็นตามที่เคยพูดไว้ก่อนหน้านี้,ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ที่ศูนย์บริการประชาชน นายวัน อยู่บำรุง บุตรชาย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกรัฐมนตรี นำพวงมาลัยมาขอขมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ผ่านนายสมพาศ นิลพันธ์ รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี หลังโพสต์เฟซบุ๊กต่อว่าการทำงานของนายกฯและคสช. นายวันกล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 พ.ค. ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กด้วยอารมณ์ร้อน ต่อว่า คสช.ด้วยถ้อยคำค่อนข้างหยาบคาย เมื่อเวลาผ่านไป 2-3 ชั่วโมงจึงคิดได้ว่าไม่เหมาะสม นอนคิดทั้งคืนจึงประสานผ่านผู้กำกับ สน.แสมดำ ให้ช่วยประสานคสช. เพื่อกล่าวคำขอโทษ เมื่อกล้าทำก็กล้ารับ รู้ว่าทำผิดก็อยากมากราบขอโทษ เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้เข้าพบแม่ทัพภาคที่ 1 ได้พูดคุยอะไรหรือไม่ นายวันตอบว่า ไม่ขอพูด,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวันยังได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า สำนึกผิดจึงกราบขอโทษคณะผู้บริหารของรัฐบาลและ คสช. หวังว่าท่านคงให้อภัยในความผิดพลาดครั้งนี้ กราบขอบพระคุณล่วงหน้า,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เดินทางไปเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยผู้สูงวัย เทศบาลตำบลตระการพืชผล อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี พร้อมร่วมกิจกรรมรำสาวเข็นฝ้าย เป็นการรำต้อนรับของผู้สูงอายุ โดยผู้สูงอายุได้จัดพิธีบายศรีสู่ขวัญให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์เพื่อความเป็นสิริมงคล และอวยพรให้หมดทุกข์ หมดโศก ประสบแต่ความเจริญรุ่งเรืองแคล้วคลาดปลอดภัยจากศัตรูหมู่มารทั้งปวง ช่วงเช้าก่อนเดินทางมายังมหาวิทยาลัยผู้สูงวัย น.ส.ยิ่งลักษณ์และคณะ ได้แวะซื้อของพร้อมให้กำลังใจกับพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่มาจับจ่ายใช้สอยที่ตลาดสดเทศบาล 3 ประชาชนต่างตื่นเต้นเข้ามาสวมกอด และขอถ่ายรูปกันจำนวนมาก พร้อมสอบถามเมื่อไหร่ประเทศถึงจะมีการเลือกตั้ง โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้แต่เพียงยิ้มเท่านั้น,ที่ศาลแขวงดุสิต ถนนบรมราชชนนี ศาลอ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 3 (ดุสิต) เป็นโจทก์ฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) กับพวกแกนนำและแนวร่วม เป็นจำเลยที่ 1-10 ในความผิดฐานร่วมกันฝ่าฝืนประกาศและข้อกำหนดห้ามบุคคลหรือกลุ่มบุคคลเข้า-ออกพื้นที่ที่กำหนด กรณีเมื่อวันที่ 8 ก.พ.2554 กลุ่ม พธม.ตั้งเวทีชุมนุมที่เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ เป็นการฝ่าฝืนประกาศที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศให้เป็นพื้นที่มีเหตุการณ์กระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ศาลเห็นว่าการประกาศพื้นที่ห้ามตาม พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ได้ประกาศลงราชกิจจานุเบกษา วันที่ 2 มี.ค.2554 หลังจากที่พวกจำเลยชุมนุม จึงไม่อาจบังคับโทษทางกฎหมายได้ พิพากษายกฟ้อง,อีกเรื่อง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงความคืบหน้าแต่งตั้งคณะอนุกรรมการนโยบายเป้าหมายกำลังคนบุคลากรด้านสาธารณสุข เพื่อดูแลปัญหาขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์โดยเฉพาะ ว่า ได้ลงนามแต่งตั้งไปแล้วเมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา ถือเป็นอนุกรรมการในคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) มีหน้าที่พิจารณาตำแหน่งบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อส่งให้ คปร.พิจารณาต่อ เมื่อถามว่ามีแนวโน้มตั้งอนุกรรมการในลักษณะนี้ในกระทรวงอื่นหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า มีแววอยู่ เช่น กระทรวงศึกษาธิการ แต่ลักษณะแตกต่างกัน เพราะกระทรวงศึกษาฯไม่ได้ขาดแคลน แต่มีปัญหาการโอนย้ายบุคลากรในกระทรวง | บิ๊กตู่ เล่นบทสื่อสารทางเดียว ดอกพิกุลยังไม่ร่วงอ้าง เจ็บฟัน ขึ้นเวทีปาฐกถาพิทักษ์สิทธิมนุษยชน ชูเป็นผลงานชิ้น เอก 3 ปีรัฐบาล บ่นอุบตกเป็นจำเลยทุกเรื่อง วิษณุ ไม่สนเสียงนกเสียงกา | เลือกตั้ง | ข่าวหน้า1,ข่าวการเมือง,ประยุทธ์ จันทร์โอชา,4 คำถามนายกฯ,เลือกตั้ง | https://www.thairath.co.th/news/politic/958948 |
ตรวจสอบสิทธิ์ เงินเยียวยาเกษตรกร ล่าสุด ยื่นอุทธรณ์แล้วเกือบ 5 หมื่นราย | เช็กสิทธิ์ www.เยียวยาเกษตรกร.comพบมีเกษตรกรยื่นเรื่อง อุทธรณ์เงินเยียวยาเกษตรกร ตั้งแต่วันที่ 19-31 พ.ค.63ทั้งสิ้น 48621 รายจากกรณีโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19รายละ 5000 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือน พ.ค.-ก.ค. 63 รวมวงเงินของโครงการ 150000 ล้านบาท โดยเริ่มทยอยโอนเงินผ่าน ธ.ก.ส.ทุกสาขากว่า 1200 สาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. 63 ที่ผ่านมา วันละประมาณ 1 ล้านรายนายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า จากการติดตามผ่านหน่วยงานในพื้นที่ทั้ง 8 หน่วยงาน ของ สศก. พบว่า ตั้งแต่วันที่ 19-31 พ.ค.63 ทั้ง 8 หน่วยงานรับเรื่องอุทธรณ์เยียวยา รวมทั้งสิ้น 48621 ราย จำนวน 49054 เรื่อง แบ่งเป็นผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 31 พ.ค.63 พบว่า ขณะนี้หน่วยงานในระดับพื้นที่ได้แก้ไขปัญหาแล้ว 6823 เรื่อง อยู่ระหว่างการพิจารณาของหน่วยงานต้นสังกัด 40598 เรื่อง และเสนอให้คณะกรรมการพิจารณาการอุทธรณ์ฯ 1633 เรื่อง. | เช็กสิทธิ์ www.เยียวยาเกษตรกร.com พบมีเกษตรกรยื่นเรื่อง อุทธรณ์เงินเยียวยาเกษตรกร ตั้งแต่วันที่ 19-31 พ.ค.63 ทั้งสิ้น 48621 ราย | ข่าว,เศรษฐกิจ | เยียวยาเกษตรกร,www.เยียวยาเกษตรกร.com เช็คสิทธิ์,www.เยียวยาเกษตรกร.com,เยียวยาเกษตรกรตรวจสอบสิทธิ์,ลงทะเบียนเยียวยาเกษตรกร,เงินเยียวยาเกษตรกร,ตรวจสอบสิทธิ์เกษตรกรรับเงินเยียวยา,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/business/1861003 |
เปิด Timeline เทียบคดี ธนาธร กับ ดอน ขณะที่ปิยบุตรหวังศาลเปิดไต่สวนพยานก่อน | ปิยบุตร แถลงความคืบหน้าคดีหุ้น วี-ลัคหวังศาลเปิดไต่สวนพยานก่อนตามแบบคดี ดอน ย้ำไม่ควรทำลายระบบโอนหุ้นทั้งประเทศเพื่อจับหนูตัวเดียว8 ก.ค. 2562 ทีมสื่อพรรคอนาคตใหม่ รายงานว่า วันนี้ ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ แถลงข่าวถึงความคืบหน้าคดีหุ้นวี-ลัคมีเดีย ของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โดยในประเด็นแรก ได้พูดถึงกรณีที่มีเพจบางเพจและสำนักข่าวบางสำนัก แพร่ข่าวลือไปทั่วว่าธนาธรที่มีกำหนดการจะเดินทางไปต่างประเทศในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมนี้ แล้วจะไม่กลับมาประเทศไทย โดยเรื่องนี้ขอชี้แจงว่า ธนาธรออกเดินทางไปต่างประเทศตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อใช้เวลาพักผ่อนกับครอบครัว ก่อนที่จะเดินทางไปทำภารกิจต่อที่เมืองบรัสเซล เบอร์ลิน ลอนดอน และประเทศสหรัฐอเมริกาต่อ โดยโปรแกรมทั้งหมดจะเป็นการพบปะกับนักการเมือง เจ้าหน้าที่สหภาพยุโรป เจ้าหน้าที่องค์กรสหประชาชาติ องค์กรสิทธิมนุษยชน สื่อมวลชนต่างประเทศ และร่วมเสวนาวิชาการที่ London School of Economics เพื่อแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองไทยหลังการเลือกตั้ง การสืบทอดอำนาจของ คสช. และการละเมิดสิทธิมนุษยชนกรณีการทำร้ายนักกิจกรรม ซึ่งองค์กรระหว่างประเทศให้ความสนใจในประเด็นเหล่านี้ รวมทั้งคดีความของธนาธรและพรรคอนาคตใหม่ด้วย นอกจากนี้ ธนาธรก็จะใช้โอกาสนี้ ศึกษาแนวทางการพัฒนาด้านต่างๆ ของประเทศเหล่านั้นกลับมาพัฒนาเป็นนโยบายด้วยยืนยันว่านายธนาธรจะเดินทางกลับมาประเทศไทยอย่างแน่นอน ด้วยสถานะที่ยังคงเป็น ส.ส.อยู่ เพียงแต่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว โดยในช่วงครึ่งเดือนหลัง นายธนาธรยังมีภารกิจจะต้องเดินทางไปหลายจังหวัดภาคอีสาน ข่าวลือต่างๆที่เต้าข่าวกันขึ้นมา ก็ควรจะยุติได้แล้ว พรรคอนาคตใหม่ยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่าคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่มีความจำเป็นใดๆจะต้องหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ คุณธนาธรยังมีภารกิจใหญ่ของประเทศไทยรออยู่ นั่นก็คือการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปสู่อนาคตแบบใหม่ ให้ประเทศไทยดีขึ้น และจะกลับมาพิสูจน์ให้ได้ว่าวันหนึ่ง คุณธนาธรจะเป็นนายกจากมติมหาชนของประเทศไทย ปิยบุตร กล่าวปิยบุตร กล่าวว่า ส่วนในเรื่องความคืบหน้าของคดี หลังจากที่ทีมกฎหมายได้ขอขยายระยะเวลาการยื่นเอกสารชี้แจงไปที่ศาลรัฐธรรมนูญออกไป 30 วัน และต่ออีก 15 วัน มาจบในวันที่ 8 ก.ค.ซึ่งก็คือวันนี้ โดยเมื่อช่วงบ่ายทางทีมกฎหมายของพรรคได้เดินทางไปยื่นเอกสารเรียบร้อยแล้ว โดยประกอบไปด้วยเอกสารคำชี้แจงประมาณ 70 หน้ากระดาษ รวมทั้งเอกสารประกอบคำชี้แจง 50 รายการ อีกประมาณ 200 หน้า และคำร้องขอให้ศาลนัดไต่สวนพยานและพิจารณาโดยเปิดเผย และขอให้ยกเลิกคำสั่งให้ธนาธรยุติปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว ในการนี้ เมื่อเทียบเคียงกับกรณีที่มีความใกล้เคียงกัน คือกรณีของดอน ปรมัตถ์วินัย เริ่มตั้งแต่มีคำร้องไปจนถึงวันที่ กกต.ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ใช้เวลาทั้งสิ้น 417 วัน แต่ต่คดีของธนาธรนับตั้งแต่มีคนมาร้องที่ กกต.จนส่งเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ ใช้เวลาทั้งสิ้นเพียง 53 วัน โดยดอนได้ยื่นเอกสารชี้แจงวันสุดท้าย 7 ส.ค.2561 หลังจากนั้น 23 วัน ศาลจึงได้กำหนดวันนัดไต่สวนพยาน และมีการไต่สวนพยานในวันที่ 25 ก.ย. และอ่านคำวินิจฉัยคดีในวันที่ 31 ต.ค. 2561 ซึ่งถ้าเอาปฏิทินเช่นนี้มาเทียบเคียงกับกรณีของธนาธร หากศาลอนุญาตให้ไต่สวนพยานได้ ก็จะมีการออกวันที่นัดไต่สวนพยานในประมาณสิ้นเดือนกรกฎาคม และจะมีการนัดไต่สวนในประมาณสิ้นเดือนสิงหาคม และจะมีคำวินิจฉัยออกมาในประมาณสิ้นเดือนกันยายนดังนั้นถ้าหากใช้มาตรฐานเทียบเคียงแบบเดียวกับนายดอน เป็นไปไม่ได้เลยที่คดีของนายธนาธรจะจบภายในวันสองวันหรือเร็วๆนี้ คดีของนายธนาธนจะต้องได้ไต่สวนพยานหลักฐาน และอ่านคำวินิจฉัยในช่วงปลายเดือนกันยายน สำหรับ ในเอกสารที่ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญไปนั้น นายธนาธรและทีมกฎหมายได้ต่อสู้คดีนี้ในทุกประเด็น ไม่ว่าจะเป็นการไม่มีอำนาจในการพิจารณาของ กกต. กระบวนการพิจารณาที่ไม่ถูกต้องทางรูปแบบและขั้นตอนอันเป็นสาระสำคัญ โดยเฉพาะการไม่เคารพหลักการฟังความทุกฝ่าย และไม่มีการเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาได้เข้าชี้แจงอย่างเพียงพอ ต้องขอบคุณสื่อมวลชนที่ไปสืบค้นมาได้ ว่ามีคำร้อง ส.ส.อยู่ที่ กกต.หลายร้อยราย แต่มีเพียงคดีของนายธนาธรเท่านั้น ที่ได้มีการส่งเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ ยังมีการต่อสู้ในประเด็นสำคัญ ว่านายธนาธรไม่มีหุ้นในบริษัทวี-ลัคมีเดีย อีกแล้ว ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2562 มีเอกสารการโอนชัดเจน และในข้อกฎหมาย คือประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1129 ก็ยืนยันว่าผลการโอนให้ดูเมื่อมีการโอนเกิดขึ้นในใบรับโอน เพราะฉะนั้นทุกอย่างจบสิ้นเรียบร้อยแล้วในวันที่ 8 มกราคม ดังนั้นนายธนาธรจึงไม่มีการถือหุ้นในวันสมัครรับเลือกตั้ง โดยใช้ทั้งข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และแนวทางคำพิพากษาของศาล ทั้งศาลฎีกา ศาลปกครองสูงสุด และศาลรัฐธรรมนูญเอง ที่เคยนำ ป.พ.พ.มาตรา 1129 มาใช้ทั้งหมด ปิยบุตร กล่าวปิยบุตร กล่าวอีกว่า แต่หากจะมีการตีความว่าธนาธรไม่ได้โอนหุ้นก่อนวันรับสมัครจริงๆ ก็มีหลักฐานที่จะยืนยันอีกว่าบริษัทวี-ลัคมีเดียไม่ได้ทำสื่อมาตั้งแต่ปลายปี 2561 แล้ว ตามสัญญาที่ทำกับสายการบินนกแอร์ รับจ้างการผลิตนิตรสารจิ๊บจิ๊บ นกแอร์เป็นผู้คุมเนื้อหาในนิตยสารทั้งหมด โดยบริษัทวี-ลัคมีเดียเป็นผู้รับจ้างพิมพ์อย่างเดียว ผลิตเนื้อหาตามที่นกแอร์สั่งมา ไม่ได้เป็นผู้ทำเนื้อหาเอง และเมื่อปลายปี 2561 ได้มีกระบวนการยกเลิกการจ้างพนักงานทั้งหมดเพื่อเตรียมปิดบริษัท โดยตามสัญญาที่ทำกับนกแอร์ก็ระบุไว้ว่านิตยสารฉบับสุดท้ายจะผลิตออกมาในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2561 และยังมีหลักฐานสุดท้าย ก็คือการแจ้งไปที่สำนักงานประกันสังคมเพื่อแจ้งการเลิกกิจการในช่วงปลายเดือนมกราคม 2562 เพราะฉะนั้น กระบวนการเลิกกิจการจึงเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปลายปี 2561 แล้ว และสิ่งที่บริษัทวี-ลัคมีเดียทำ ก็เป็นแค่การรับจ้างพิมพ์ ไม่ได้เป็นผู้ผลิตเนื้อหาเอง และไม่มีเนื้อหาการเมืองอะไรทั้งนั้น ดังนั้น หากจะตีความตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ว่าเพื่อป้องกันไม่ให้นักการเมืองครอบงำสื่อ ก็ยิ่งใช้กับกรณีของธนาธรไม่ได้ต่อกรณีคำถามที่ว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการอ่านคำวินิจฉัยทันทีโดยไม่มีการไต่สวนพยานนั้น ปิยบุตรกล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีทั้งกรณีที่วินิจฉัยคดีโดยทันที โดยไม่เปิดให้มีการไต่สวนพยานก่อน และมีกรณีที่เปิดโอกาสให้มีการไต่สวนพยานบุคคลก่อนวินิจฉัยคดี ซึ่งหากนำมาเทียบเคียงกับกรณีของดอนที่มีความใกล้เคียงกันที่สุด ตนมีความเชื่อมั่นว่าศาลรัฐธรรมนูญจะดำเนินการตามแนวทางเดียวกัน คือให้มีการไต่สวนก่อน ถามว่าคดีนี้ ธนาธรมีความกังวลหรือไม่ ตอบว่า ธนาธรมีความมั่นใจในการต่อสู้คดีและไม่มีความกังวลใจใดๆ แต่ถ้ามีการวินิจฉัยออกมาในทิศทางว่าธนาธรขัดคุณสมบัติจริง ตนก็เชื่อว่าจากการที่ได้รู้จักธนาธรมา ธนาธรเป็นมนุษย์แห่งการทลายข้อจำกัด ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่เป็นข้อจำกัดสำหรับธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ การไม่ได้เป็น ส.ส.จะไม่เป็นอุปสรรคใดๆเลยในการเดินหน้าภารกิจของธนาธรเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศปิยบุตรยังกล่าวอีกว่า ตนและทีมกฎหมายของพรรคมีความมั่นใจมากในการต่อสู้คดี เพราะทั้งข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และแนวทางคำพิพากษาของคดีมีความชัดเจนมาก ว่าต้องยึดมาตรา 1129 ของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ตนยังคิดอยู่ว่าเมื่อจบคดีแล้วตนจะพิมพ์หนังสือออกมาสักเล่มหนึ่งเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาวิชานิติศาสตร์และเพื่อให้เห็นมาตรฐานของการดำเนินคดี ดังนั้น ตนจึงมีความมั่นใจมาก ดังนั้น ขอเรียนว่า ถ้าหากจะยอมกันถึงขนาดว่าจะไม่เอามาตรา 1129 มาใช้เฉพาะกรณีนี้กรณีเดียว นั่นหมายถึงคุณต้องการจับหนูตัวเดียว แล้วยอมทำลายระบบการโอนหุ้นในทางธุรกิจของประเทศนี้ไปหมดเลย เพราะฉะนั้น เรามั่นใจจริงๆ ถ้า ดูจากคดีเก่าๆที่ผ่านมา ดูจากแนวทางคำพิพากษา ดูข้อกฎหมาย ดูข้อเท็จจริงครบถ้วนทั้งหมด แต่อย่างที่ได้เรียนย้ำอยู่เสมอว่าความมั่นใจของเรา เราสู้เต็มที่ แต่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรก็ไม่เป็นไร ว่ากันอีกที | ปิยบุตร แถลงความคืบหน้าคดีหุ้น วี-ลัค หวังศาลเปิดไต่สวนพยานก่อนตามแบบคดี ดอน ย้ำไม่ควรทำลายระบบโอนหุ้นทั้งประเทศเพื่อจับหนูตัวเดียว8 ก.ค. | การเมือง | ปิยบุตร แสงกนกกุล,คดีหุ้นวี-ลัคมีเดีย,ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ,พรรคอนาคตใหม่,ดอน ปรมัตถ์วินัย | https://prachatai.com/journal/2019/07/83337 |
หน้าห้างบิ๊กซีนครปฐม ไฟสะพานลอยดับ วอนรีบแก้ไขชาวบ้านขอร้อง | น้ำเปลี่ยนสี ชาวบ้านใคร่นุ่น หมู่ 15ต.มะค่า อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม สังเกตเห็น แม่น้ำชีที่อยู่บริเวณหมู่บ้านมีสีเขียวเข้ม กลิ่นเหม็นคาว มากว่า 2 สัปดาห์แล้ว ที่สำคัญเป็น แหล่งผลิตน้ำประปาหมู่บ้าน อีกด้วย อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ สนง.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด ตรวจสอบด่วน.,ฝุ่นเยอะ ชาวบ้านหมู่ 7 และหมู่ 18ต.วังชะพลู อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร ใช้ถนนสาย บ้านหนองปอกระเจา-หนองม่วง ในการสัญจรไปมาเป็นประจำ ร้องว่า ขณะนี้ถนนสายดังกล่าวเป็นหลุมเป็นบ่อ แถมยังมีฝุ่นฟุ้งกระจาย ไปทั่ว เพราะขาดการดูแลมานานหลายปี หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลให้ที.,ไฟสะพานลอยดับ บริเวณถนนเพชรเกษม หน้าห้างบิ๊กซี สาขานครปฐม อ.เมือง จ.นครปฐม ไฟทางบนสะพานลอยสว่างแค่ 4 ดวงเท่านั้น อีก 8 ดวงดับ ทำให้มืดมาก ทั้งผู้หญิงและเด็กไม่กล้าใช้สะพานลอยเกรงว่าจะเกิดอันตราย เป็นอย่างนี้มานานแล้ว ขอให้เทศบาลนครเมืองนครปฐมรีบแก้ไขหน่อยชาวบ้านขอร้อง.,น่าสงสัย ที่หมู่ 5 ถนนพรหมราษฎร์รังสรรค์ แขวง-เขตบางบอน กทม. ชาวบ้านสงสัยในพฤติกรรม บ้านหลังหนึ่ง ในซอยส่วนบุคคล ไม่รู้ว่ามีอะไรดี กลางคืนประมาณ 4 ทุ่ม จะมีรถ จยย.วิ่งเข้า-ออก เสียงดังเกือบทั้งคืน จนไม่ต้องหลับต้องนอนเคยแจ้ง สน.แสมดำ ก็แล้ว ขอให้ หน่วยทหารช่วยมาดูหน่อยเถอะว่ามีอะไรดี??.,นางอรอาภา โล่ห์วีระ ผอ.กองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมโยธาธิการและผังเมือง ชี้แจงกรณีชาวบ้านโนนศรีสวัสดิ์3 อ.เมือง จ.มหาสารคาม เดือดร้อนจากการสร้าง ถนนผังเมือง ขุดท่อระบายน้ำแต่ไม่เปิดทางระบายน้ำ ทำให้น้ำขังและเน่าเสียนั้น กรมได้ประสานไปยัง สนง.โยธาธิการและผังเมืองมหาสารคามให้ผู้รับเหมาแก้ไขแล้ว.,[email protected], ,โทร.0-2127-1000 กด 2,แฟกซ์ 0-2272-1333,จันทร์-เสาร์ 09.00-17.00 น. เว้นวันอาทิตย์ | ไฟสะพานลอยดับ บริเวณถนนเพชรเกษม หน้าห้างบิ๊กซี สาขานครปฐม อ.เมือง จ.นครปฐม ไฟทางบนสะพานลอยสว่างแค่ 4 ดวงเท่านั้น อีก 8 ดวงดับ ทำให้มืดมาก ทั้งผู้หญิงและเด็กไม่กล้าใช้สะพานลอย | ข่าว,ทั่วไทย | ห้องร้องทุกข์ | https://www.thairath.co.th/news/local/1539346 |
เก๋งแหกโค้งข้ามเลนประสานงารถบัสโดยสารบุรีรัมย์ รถแหลกยับดับคาที่ 2ศพ | ภาพจากกู้ภัยสว่างจรรยาธรรมบุรีรัมย์,อุบัติเหตุรถเก๋งซิ่งมุ่งหน้าเข้าเมืองบุรีรัมย์ เข้าโค้งเสียหลักพุ่งข้ามเลนประสานงารถโดยสารสายนครราชสีมา – บุรีรัมย์ เสียชีวิตคาที่ 2 ศพ ต้องใช้เครื่องตัดถ่างนำศพออกมา ส่วนคนขับรถบัสและผู้ช่วยบาดเจ็บ 2 ราย ผู้โดยสารปลอดภัย,เมื่อวันที่ 12 มี.ค.60 พ.ต.ต.วุฒิพงษ์ ปานาลาด สารวัตรสอบสวน สภ.ทะเมนชัย อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งอุบัติเหตุรถเก๋งชนกับรถโดยสาร บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 20 บ.หนองบัวโคก ต.หนองบัวโคก อ.ลำปลายมาศ จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นทางโค้ง พบรถเก๋งยี่ห้อ โตโยต้า อัลติส สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน กง-8197 บุรีรัมย์ สภาพกลายเป็นเศษเหล็ก ซุกอยู่ใต้ท้องรถบัสโดยสาร สายราชสีมา – บุรีรัมย์ ส่วนหัวทิ่มลงไปข้างทาง มีผู้เสียชีวิตติดอยู่ภายในรถเก๋ง เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างจรรยาธรรม กำลังใช้เครื่องตัดถ่างนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาจากซากรถ,ทราบชื่อต่อมาคือ นายพีรดนย์ บุญมาก อายุ 43 ปี คนขับรถเก๋งเสียชีวิตคาพวงมาลัย ด้านข้างคนขับพบร่างนางพัฒนา รัตนนท์ อายุ 43 ปี อยู่ ม.6 ต.ไทรงาม อ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา ข้าราชการครูโรงเรียนแห่งหนึ่ง ถูกอัดก๊อปปี้ติดคาซากรถ นอกจากนั้นยังมีผู้บาดเจ็บอีก 2 ราย ทราบชื่อนายณัฐพงศ์ โพธิ์ดาศรี อายุ 35 ปี คนขับรถทัวร์ศีรษะแตก และนายสุขสันต์ แหไธสง อายุ 52 ปี ผู้ช่วยคนขับ มีบาดเจ็บบริเวณลำคอ นำส่งโรงพยาบาลลำปลายมาศ ส่วนผู้โดยสารที่นั่งมาในรถกว่า 10 คน ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ซึ่งเจ้าของรถบัสคันดังกล่าว ได้ประสานนำรถคันอื่นจัดส่งส่งผู้โดยสารไปยังจุดหมายปลายทางต่อไป,จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่า รถเก๋งคันดังกล่าววิ่งมาด้วยความเร็ว จาก อ.ลำปลายมาศ มุ่งหน้าจะเข้าตัวเมืองบุรีรัมย์ แต่พอมาถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นทางโค้ง รถได้เกิดเสียหลักหลุดโค้ง และรถเกิดเสียหลักหมุนข้ามเลนไปชนประสานงากับรถบัสโดยสารที่วิ่งสวนทางมาอย่างจัง จนรถบัสเสียหลักตกข้างทางในสภาพที่มีซากรถเก๋งติดคาหน้ารถไปด้วย ท่ามกลางความตกใจของผู้โดยสารที่นั่งมาในรถต่างกรีดร้องด้วยความตกใจอุบัติเหตุดังกล่าวได้สร้างความตกใจให้กับผู้โดยสารที่นั่งมาในรถต่างส่งเสียงกรีดร้องด้วยตื่นตกใจ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ก่อนที่จะสอบสวนผู้บาดเจ็บ และผู้โดยสารที่นั่งมาในรถ รวมถึงผู้เห็นเหตุการณ์เพื่อหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง. | อุบัติเหตุรถเก๋งซิ่งมุ่งหน้าเข้าเมืองบุรีรัมย์ เข้าโค้งเสียหลักพุ่งข้ามเลนประสานงารถโดยสารสายนครราชสีมา – บุรีรัมย์ เสียชีวิตคาที่ 2 ศพ ต้องใช้เครื่องตัดถ่างนำศพออกมา ส่วนคนขับรถบัสและผู้ช่วยบาดเจ็บ 2 ราย ผู้โดยสารปลอดภัย | ข่าว | รถเก๋งชนรถโดยสาร,สภ.ทะเมนชัย,ชนประสานงา,อ.ลำปลายมาศ,บุรีรัมย์ | https://www.thairath.co.th/news/882461 |
2 สามีภรรยาขี่จักรยานยนต์แทรกกลาง เสียหลักล้มรถบรรทุกทับดับ | เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563 เวลาประมาณ 19.00 น. ร.ต.อ.กิตติภณ พลเดช รอง สว.(สอบสวน) สภ. บางแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ ได้รับแจ้งอุบัติเหตุรถบรรทุก 6 ล้อ เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ที่ถนนบางนา-ตราด ขาเข้ามุ่งหน้าบางนา หลักกิโลเมตรที่ 9 ช่องคู่ขนาน ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งพร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุที่เกิดเหตุอยู่ช่องเลนกลาง พบผู้เสียชีวิต 2 ราย ชาย 1 ราย หญิง 1 ราย สภาพถูกล้อรถบรรทุกทับบริเวณศีรษะ กะโหลกแตก เสียชีวิตคาที่ ทราบชื่อต่อมาคือ นายสมชาย อรุณประภาพรรณ อายุ 58 ปี และนางรัชนี อรุณประภาพรรณ อายุ 55 ปี ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า มีโอ สีดำ หมายเลขทะเบียน รนล 680 กรุงเทพมหานครและกับข้าวกระจายเกลื่อนพื้นถนน ในสภาพรถด้านหน้าเสียหายเล็กน้อย ห่างไปประมาณ 100 เมตร พบรถบรรทุก 6 ล้อ ตู้ทึบ ยี่ห้อฮีโน่ หมายเลขทะเบียน 75–3015 กรุงเทพมหานครมีนายจักรพงษ์ ชนยุทธ อายุ 34 ปี โชเฟอร์รถบรรทุกยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจากการสอบถาม นายจักรพงษ์ ชนยุทธ โชเฟอร์รถบรรทุก เล่าว่า ตนเองขับรถออกจากโรงงานเพื่อไปส่งสินค้าที่บางบัวทอง ก่อนถึงที่จุดเกิดเหตุเป็นทางเบี่ยงออกทางคู่ขนานเพื่อเข้าทางด่วนกาญจนาภิเษก ตนเองขับมาในเลนกลางโดยมีรถบัสอยู่ในเลนขวาสุด โดยตนเองไม่เห็นรถจักรยานยนต์ขี่แทรกมารถระหว่างรถตนเองและรถบัส โดยตนเองรู้สึกแค่เหมือนเหยียบกับอะไรบางอย่างที่ล้อหลังด้านขวา ตนเองจึงจอดรถลงมาดู ก็พบว่าตนเองขับรถทับคนขี่รถจักรยานยนต์ทั้ง 2 ราย เสียชีวิตคาที่เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสอบสวนโชเฟอร์รถบรรทุกพร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่อยู่ในจุดเกิดเหตุ เพื่อหาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนร่างผู้เสียชีวิตเจ้าหน้าที่มอบให้มูลนิธินำส่งสภาบันนิติเวชเพื่อรอญาตินำไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป. | เกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์วิ่งแทรกกลางระหว่างรถบัสกับรถบรรทุก ก่อนเสียหลักล้มทำให้สามีภรรยาที่ขี่กับซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์คันนี้ ถูกรถบรรทุกทับเสียชีวิต | ข่าว,ทั่วไทย | รถบรรทุกทับ,จักรยานยนต์ล้ม,อุบัติเหตุ,สมุทรปราการ,กล้องวงจรปิด,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/central/1762003 |
ตามต่อ ทนายเล็งบุกกองทัพ ใช้พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารขอภาพกล้องวงจรปิดยิง ชัยภูมิ | ยื่นหนังสือถึง ผบ.ทบ. วันที่ 18 มิ.ย.นี้ขอข้อมูลภาพจากกล้องวงจรปิด เหตุการณ์ทหารยิงชัยภูมิที่ด่าน15 มิ.ย.2561 รายงานข่าวแจ้งว่า ทนายความและองค์กรเครือข่ายติดตามความคืบหน้าคดีวิสามัญฆาตกรรมนายชัยภูมิ ป่าแสนัดหมายเตรียมยื่นหนังสือต่อผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เพื่อขอข้อมูลภาพเคลื่อนไหวจากกล้องวงจรปิดเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ทหารยิงนายชัยภูมิ ป่าแส ที่กองบัญชาการกองทัพบก ในวันที่ 18 มิถุนายน 2561 เวลา 10.30 น.นายชัยภูมิ ป่าแส นักกิจกรรมเยาวชนชาติพันธุ์ลาหู่ ถูกทหารสังกัดกองร้อยทหารม้าที่ 2 บก. ควบคุมที่ 1 หน่วยเฉพาะกิจกรรมทหารม้าที่ 5 ที่ตั้งจุดตรวจค้นยาเสพติดบริเวณด่านตรวจบ้านรินหลวง ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2560 โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่านายชัยภูมิมียาเสพติดในครอบครองและต่อสู้ขัดขวางโดยจะใช้อาวุธระเบิดขว้างใส่เจ้าหน้าที่ทหาร จึงทำให้เจ้าหน้าที่ทหารจำเป็นต้องใช้อาวุธปืนยิงสังหารนายชัยภูมิ จนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายในทางคดีพนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่ได้ยื่นคำร้องขอไต่สวนชันสูตรพลิกศพ (ไต่สวนการตาย) ต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่เพื่อให้ศาลทำการไต่สวนและทำคำสั่งแสดงว่าผู้ตายคือใคร ตายที่ไหน เมื่อใด รวมถึงเหตุและพฤติการณ์ที่ตาย เนื่องจากการตายของนายชัยภูมิเป็นการตายอันเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ทหารซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ จึงต้องมีการชันสูตรพลิกศพและไต่สวนการชันสูตรพลิกศพ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 148 และ150 ศาลจังหวัดเชียงใหม่ได้รับเป็นคดีหมายเลขดำที่ ช.19/2560 โดยมีญาติของนายชัยภูมิเข้าร่วมเป็นผู้ร้องซักถามต่อมาวันที่ 6 มิถุนายน 2561 ศาลจังหวัดเชียงใหม่ได้อ่านคำสั่งไต่สวนการชันสูตรพลิกศพ โดยระบุว่า ผู้ตายคือ นายชัยภูมิ ป่าแส เสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2560 ถูกยิงจากอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ทหาร และเสียชีวิตบริเวณด่านรินหลวง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนพฤติการณ์แห่งการตายที่เจ้าหน้าที่ทหารอ้างว่านายชัยภูมิจะใช้อาวุธมีดและระเบิดทำร้ายเจ้าหน้าหน้าที่ อันเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ทหารจำเป็นต้องใช้อาวุธปืนยิงเพื่อป้องกันตัวหรือไม่นั้น ศาลไม่ได้วินิจฉัยในประเด็นนี้เครือข่ายที่ติดตามคดีนายชัยภูมิ ระบุว่า แม้ศาลจะมีคำสั่งไต่สวนการชันสูตรพลิกศพออกมาแล้ว แต่ความจริงเกี่ยวกับการตายของนายชัยภูมิยังคงมีความคลุมเครือ และสร้างความเคลือบแคลงใจให้แก่ฝ่ายญาติผู้ตายอย่างยิ่ง และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีประเด็นที่ถูกพูดถึงและเรียกร้องมาตลอดจากญาติผู้ตายและสาธารณชนคือ ขอให้มีการเปิดเผยภาพจากกล้องวงจงปิดในวันเกิดเหตุ รวมถึงขอให้มีการนำภาพจากกล้องวงจรปิดดังกล่าวมาใช้พิสูจน์ความจริงในชั้นไต่สวนการชันสูตรพลิกศพของศาลด้วย แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่ได้มีการเปิดเผยภาพวงจรปิดดังกล่าวแต่อย่างใดเครือข่ายผู้ติดตามคดี ระบุว่า ดังนั้นเพื่อประโยชน์ในการแสวงหาความจริงและความยุติธรรม รวมถึงการเยียวยาจากช่องทางของกระบวนการยุติธรรมและช่องทางอื่น ทางญาติผู้ตาย ทนายความและองค์กรที่ติดตามคดีจึงประสงค์ที่จะใช้สิทธิตาม เข้ายื่นหนังสือต่อผู้บัญชาการกองทัพบก ในฐานะหน่วยงานต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันเกิดเหตุ เพื่อขอข้อมูลภาพเคลื่อนไหวจากกล้องวงจรปิดทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว | หลังศาลมีคำสั่งไต่สวนการตายและไม่มีเรียกพยานหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิด ทนายและผู้ติดตามคดีชัยภูมิ ป่าแส เยาวชนนักกิจกรรชาวลาหู่ยังคงตามหาหลักฐานสำคัญนี้ เตรียมใช้พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร 2540 | สิทธิมนุษยชน | กล้องวงจรปิด,ชัยภูมิ ป่าแส,พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ.2540 | https://prachatai.com/journal/2018/06/77433 |
วิจัยการกินอาหารบนปะการังของปลาสวยงามในทะเล | เมื่อเร็วๆนี้นักชีววิทยาทางทะเลจากมหาวิทยาลัยเจมส์ คุก ในประเทศออสเตรเลียเผยว่า มีปลาอยู่ 6,000 ชนิดที่อาศัยอยู่บนแนวปะการัง แต่มีปลาเพียง 128 ชนิดเท่านั้นที่กินอาหารจากปะการัง และปลาสีสวยงามที่มีสีเหลืองและสีม่วงพันธุ์ tubelip wrasse ที่อาศัยอยู่ในแถบมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกตอนกลาง มีวิธีกินอาหารที่น่าสนใจ เพราะปลาชนิดนี้กินอาหารด้วยการใช้ปากจูบหินปะการัง ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตทางทะเลเนื้อบางๆปกคลุมด้วยเมือกที่เต็มไปด้วยพิษ มีเซลล์เข็มกระจายอยู่ทั่วโครงสร้างที่แหลมคมมาก,แต่ปลา tubelip wrasse ก็มีริมฝีปากเต็มไปด้วยเมือก เหมาะสำหรับการกินอาหารที่เป็นอันตรายอย่างปะการังเหล่านี้ นักวิจัยจึงทำการทดลองติดตามดูพฤติกรรมของปลาชนิดดังกล่าวโดยใช้กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนสแกนตรวจสอบโครงสร้างของริมฝีปากของปลาเพื่อเรียนรู้สิ่งที่ปลาทำระหว่างการกินอาหาร ริมฝีปากหนาของปลายาวประมาณ 18 เซนติเมตร พบว่ามีเนื้อเยื่อบางๆเรียงแน่น คล้ายกับด้านล่างของเห็ด และปกคลุมด้วยน้ำเมือกที่หลั่งจากเซลล์,บางตัว นอกจากนี้ นักวิจัยยังพบว่าปลาจะเข้าใกล้ปะการังอย่างช้าๆและตรวจสอบพื้นผิวก่อนที่จะใช้ปากดูดเนื้อและเมือกจากปะการังอย่างรวดเร็ว เมือกจะช่วยปกป้องริมฝีปากจากเซลล์ที่ติดแน่นกับพื้นผิวปะการัง และเพิ่มแรงดูด,ทั้งนี้ การศึกษานี้เป็นการสำรวจศักยภาพของริมฝีปากในการกินอาหารบนแนวปะการังของปลาสีสันสวยงามในทะเล ซึ่งมีประโยชน์กับ ระบบนิเวศและการฟื้นฟูปะการัง. | เมื่อเร็วๆนี้นักชีววิทยาทางทะเลจากมหาวิทยาลัยเจมส์ คุก ในประเทศออสเตรเลียเผยว่า มีปลาอยู่ 6,000 ชนิดที่อาศัยอยู่บนแนวปะการัง แต่มีปลาเพียง 128 ชนิดเท่านั้นที่กินอาหารจากปะการัง | ข่าว,ต่างประเทศ | ทันโลก,ปะการัง,ปลา tubelip wrasse,ระบบนิเวศ,การฟื้นฟูปะการัง,การศึกษา | https://www.thairath.co.th/news/foreign/969175 |
สั่งขุดคลองใหม่แก้น้ำท่วมนครศรีฯ ดันมวลน้ำลงทะเลไม่ให้ทะลักเข้าเมือง | เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 60 นายปริญญา สัคคะนายก ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 15 จ.นครศรีธรรมราช เผยว่า เหตุการณ์มหาอุทกภัยน้ำท่วม จ.นครศรีธรรมราช ครั้งนี้ เกิดจากมวลน้ำจำนวนมหาศาลกว่า 1,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ที่ทะลักเข้าท่วมพื้นที่ โดยเฉพาะภาวะน้ำท่วมในช่วงแรกๆ หลังจากฝนลดและการเร่งระบายน้ำทำให้ระดับน้ำที่ท่วมลดลงเรื่อยๆ จนถึงวันนี้คาดว่าปริมาณน้ำที่ยังท่วมอยู่ในพื้นที่ต่างๆ มีประมาณ 600 กว่าล้านลูกบาศก์เมตร เนื่องจากการเร่งระบายน้ำทุกทาง ขณะนี้สามารถระบายน้ำไหลลงทะเลอ่าวไทยได้วันละประมาณ 100 ล้านลูกบาศก์เมตร สถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้น คาดว่าจะใช้เวลาราว 10 กว่าวัน จะระบายน้ำที่ท่วมได้เกือบหมด ซึ่งนอกจากการระบายน้ำแล้ว กรมชลประทานต้องคำนวณและประเมินสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องด้วย โดยจำเป็นต้องกักเก็บน้ำส่วนหนึ่งไว้ เพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งที่อาจเกิดขึ้นในระยะต่อจากนี้,ในพื้นที่ตัวเมืองนครศรีธรรมราช และตัวเมืองอื่นๆ ที่เป็นหัวเมืองใหญ่หรืออำเภอใหญ่ น้ำได้ลดลงมาก แต่ยังคงท่วมอยู่ในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง ซึ่งเป็นที่ต่ำ อาทิ อ.เชียรใหญ่ อ.หัวไทร อ.ปากพนัง อ.ชะอวด อ.เฉลิมพระเกียรติ และอีกบางอำเภอที่อยู่ใกล้เคียงกัน สิ่งสำคัญที่ทำให้น้ำท่วมเกิดจากสิ่งกีดขวางทางน้ำทั้งสิ่งกีดขวางเก่าและสิ่งกีดขวางใหม่ที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก กีดขวางทางน้ำที่จะไหลลงทะเล ประกอบกับศักยภาพของคลองท่าดี และคลองหยวด คลองสายสำคัญที่เป็นเส้นทางระบายน้ำ ศักยภาพของคลองได้ลดลง เนื่องจากปัญหาขยะทางน้ำและปัญหาอื่นๆ ที่เกิดขึ้นตามสภาพสังคมเมืองที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งกรมชลประทาน เตรียมแผนงานในการแก้ปัญหาระยะยาวเอาไว้ อาทิ การสร้างอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ราบสูง แต่ติดขัดเรื่องที่ดิน สถานที่ที่จะสร้าง คือไม่สามารถหาที่ดินสร้างอ่างเก็บน้ำได้ อีกแผนงานคือการสร้างพื้นที่แก้มลิงในที่ราบหรือที่ลุ่มไว้รองรับน้ำ แต่ก็ติดขัดปัญหาเดียวกัน จึงต้องมีการผลักดันโครงการ สร้างถนนชลประทานอ้อมเมืองควบคู่ไปกับคลองชลประทานขนาดใหญ่แบบเดียวกับ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อให้ปริมาณน้ำที่มีเป็นจำนวนมากในฤดูฝนของภาคใต้ ไหลไปตามคลองของถนนอ้อมเมือง เป็นการดันน้ำให้อ้อมตัวเมืองหรือชุมชนเมือง ซึ่งประสบความสำเร็จมาแล้วที่ อ.หาดใหญ่ และจะทำควบคู่ไปกับการสร้างและขุดลอกคลองใหม่ขนาดใหญ่อ้อมเมืองเช่นเดียวกันอีกจำนวน 3 สาย คาดว่าจะนำน้ำจากคลองท่าดี และคลองหยวด คลองป่าต้นน้ำที่มีต้นน้ำมาจากเทือกเขาหลวงนครศรีธรรมราช ลงสู่ทะเลอ่าวไทยได้ 800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะทำให้น้ำจำนวนมหาศาลไม่ทะลักเข้าท่วมเมือง,โครงการนี้รัฐบาลอนุมัติงบประมาณปี 2561 เพื่อให้กรมชลประทานดำเนินการ อยู่ในขั้นตอนการออกแบบ การวางแผน และการทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบจากการเวนคืนที่ดินเพื่อสร้างคลองใหม่ หรือตัดถนนใหม่ แต่ยืนยันว่าจะได้รับเงินชดเชยหรือค่าเวนคืนที่เป็นธรรม จึงขอให้พี่น้องประชาชนได้เข้าใจและให้ความร่วมมือ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของคนส่วนใหญ่ ล่าสุด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลงพื้นที่และพบเห็นภาวะความเดือดร้อน จึงได้สั่งการให้กรมชลประทานดำเนินการโครงการแก้ปัญหาน้ำท่วมเมืองนครศรีธรรมราช ในปีงบประมาณ 2560 แทนที่จะต้องรองบประมาณปี 2561,นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณสะพานข้ามคลองระบายน้ำฉุกเฉิน ต.ขนาบนาก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช มีกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านใน อ.ปากพนัง พร้อมเรือประมงพื้นบ้านจำนวนกว่า 100 ลำ รวมตัวจอดเรือเรียงแถวเป็นแนวเดียวกันเช่นเดียวกับเครื่องผลักดันน้ำของกองทัพ พร้อมติดเครื่องยนต์เรือประมงเพื่อช่วยผลักดันน้ำออกทะเลอีกทางหนึ่ง ถือเป็นความร่วมมือร่วมใจกันระหว่างชาวบ้านกับหน่วยงานภาครัฐที่ร่วมด้วยช่วยกันเพื่อผู้ประสบอุทกภัย,ทางด้าน นายกิติพงษ์ รองเดช จ่าจังหวัดนครศรีธรรมราช รายงานถึงพื้นที่ได้รับผลกระทบ ณ ปัจจุบัน รวม 23 อำเภอ 163 ตำบล 1,489 หมู่บ้าน 104 ชุมชน ราษฎรได้รับผลกระทบ จำนวน 795,304 คน 247,985 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 9 ราย ชาย 8 ราย และหญิง 1 ราย ขณะนี้มีหน่วยงานสนับสนุนการปฏิบัติงานในพื้นที่ ประกอบด้วย อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กองทัพเรือ กองร้อย ตชด.424 สิชล กองทัพภาคที่ 4 ตำรวจภูธร องค์กรการกุศล รวมถึงมูลนิธิต่างๆ.,เกาะติดสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ ,คลิกที่นี่ | กรมชลประทาน เตรียมขุดคลองใหม่ขนาดใหญ่อ้อมเมืองนครศรีฯ หวังผลักดันน้ำลงทะเลไม่ให้ทะลักเข้าตัวเมือง ขอเข้าใจหากโดนเวนคืนที่ เพราะทำเพื่อส่วนรวม ด้านชาวประมงปากพนัง นำเรือ 100 ลำช่วยผลักดันน้ำ สรุปล่าสุดกระทบ 23 อำเภอ ตาย 9 ราย | null | น้ำท่วม,น้ำท่วมภาคใต้,น้ำท่วมนครศรีธรรมราช,นครศรีธรรมราช,ขุดคลอง | https://www.thairath.co.th/content/834361 |
คณะกรรมการติดตามคดีน้ำมันของกลางหายลงพื้นที่หาหลักฐานและสอบสวน ตร.ที่ดูแลของกลาง | คณะทำงานแก้ปัญหาภัยแทรกซ้อนกองอำนวยการความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า บินสำรวจดูเส้นทางค้าน้ำมันเถื่อนของขบวนการค้าน้ำมัน ที่พรมแดนไทย-มาเลเซีย ด่านวังประจัน อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล โดยระบุว่า เส้นทางดังกล่าว เป็นจุดที่ขบวนการค้าน้ำมัน ลักลอบขนน้ำมันจากประเทศมาเลเซียเข้ามาในประเทศ ผ่านทางด่านศุลกากรวังประจัน เนื่องจากไม่มีเส้นทางอื่น เพราะลักษณะของพื้นทีเป็นหุบเขา แต่ทำไมกลับไม่ถูกจับกุมกลุ่มผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ตามพรมแดนประกอบด้วย กลุ่มนักการเมืองท้องถิ่น กลุ่มผู้ใหญ่บ้าน แต่ละกลุ่มจะมีเครือข่ายขนน้ำมันจากประเทศมาเลเซียด้วยรถยนต์ 10-12 ราย ส่วนจุดพักน้ำมันจะทำเป็นโกดักจัดเก็บใน ตำบลวังประจัน มีอยู่ไม่ต่ำกว่า 20 โกดัง ที่ผ่านมาคณะทำงานปัญหาภัยแทรกซ้อนเชิญหน่วยงานในพื้นที่มาร่วมจับ กลับพบข่าวรั่วรู้ถึงขบวนการค้าน้ำมันทุกครั้ง จึงไม่เคยจับกุมได้ส่วนคดีน้ำมันเถื่อนของกลางสูญหาย วันนี้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ได้ลงพื้นที่ตำบลวังประจัน พบผู้นำท้องถิ่น และาวบ้านในพื้นที่ เพื่อหาหลักฐานประกอบสำนวน และสอบสวนตำรวจตั้งแต่ระดับรองผู้กำกับ ระดับพนักงานสอบสวน และดาบตำรวจ รวม 3 นาย ที่บกพร่องต่อหน้าที่ทำให้ของกลางสูญหาย ขณะที่ พล.ต.ท.พิสิฎฐ์ พิสุทธิศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ได้เร่งรัดให้กรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง สรุปสำนวนคดีนี้ให้เสร็จภายใน 30 วัน หากมีหลักฐานตำรวจทั้ง 3 นาย มีความผิดทำให้น้ำมันเถื่อนของกลางสูญหายจะลงโทษทั้งวินัย และ อาญาด้านตำรวจอำเภอควนโดน จังหวัดสตูล ได้เคลื่อนย้ายถังน้ำมันเปล่ากว่า 40 ถัง ซึ่งเป็นของกลางในคดีน้ำมันเถื่อนสูญหาย ออกจากลานจอดรถสถานีตำรวจ โดยนำไปเก็บไว้อีกจุดหนึ่งของสถานีตำรวจ | คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงคดีน้ำมันเถื่อนซึ่งเป็นของกลางสูญหาย ได้ลงพื้นที่ จังหวัดสตูล หาหลักฐานประกอบสำนวนและสอบสวนตำรวจที่ดูแลของกลาง | อาชญากรรม | ของกลาง,ตำรวจ,น้ำมัน,มาเลเซีย,สตูล,ไทย | https://news.thaipbs.or.th/content/116452 |
อั้ม ปัดเป็นป๋าดัน เตรียมลงจอประกบนางเอกใหม่ | เว้นห่างจากละครมาได้สักพัก สำหรับแฟนๆ ที่คิดถึงหนุ่ม อั้ม อธิชาติ ชุมนานนท์ ในบทแบบตบจูบๆ แบดๆ หน่อย ในปีหน้าเตรียมตัวรอได้เลย เพราะเจ้าตัวกำลังจะมีละครเรื่องใหม่ แรงตะวัน ของพี่ไก่ วรายุฑ งานนี้ประกบคู่นางเอกใหม่ซะด้วย น้องชิปปี้ ศิรินทร์ ไม่รู้ว่าเรื่องนี้หนุ่มอั้มจะเป็นป๋าดันให้รึเปล่าน้า,เห็นว่าฟิตติ้งละครเรื่อง แรงตะวัน แล้ว? ก็สนุกสนานดีครับ เพราะว่าได้เจอน้องๆ กลุ่มใหม่ เค้าจะมีไฟของเค้าในตัว ยังไม่ได้เปิดกล้องเลยครับ แค่ฟิตติ้งเฉยๆ น่าจะเริ่มถ่ายทำประมาณช่วงเดือนมกราคมครับ เห็นว่าประกบกับนางเอกใหม่ด้วย? น้องชิปปี้ครับ เป็นไงบ้างกับการร่วมงานกับน้องเค้าครั้งแรก? จริงๆ ก็ได้แค่เจอกับน้องๆเค้าตอนฟิตติ้งครั้งแรกเองครับ แต่ว่าก็ได้เคยเข้าคลาสการแสดงเวิร์กช็อปกับครูเงาะด้วยกัน เป็นป๋าดันเลยไหม? (หัวเราะ)จริงๆ ไม่ได้ป๋าดันหรอก น้องๆ เค้ามีความสามารถกันทุกคนอยู่แล้วนะครับ เราซะอีกที่ได้ร่วมงานกับน้องๆ เค้า เราก็ได้เจออะไรใหม่ๆ ครับ มีบทตบจูบไหม? อารมณ์ประมาณนั้นก็คงไม่ได้ตบจูบหรอก อารมณ์รุนแรงอ่ะเอาง่ายๆ ครับ จริงๆ ผมเป็นคนเซนซิทีฟมากนะครับ พูดเล่นครับ(ยิ้ม) ก็อารมณ์ประมาณนั้นแหละ มีเข้าใจผิดกันระหว่างพระเอกนางเอก แล้วตัวพระเอกก็มีปมทำให้ไปลงที่นางเอกประมาณนี้ครับ,กับนางเอกใหม่เราจะมีสอนเค้าไหม? ก็ไม่มีหรอกครับ น้องเค้าจะมีการเตรียมตัวทำการบ้านมาดีอยู่แล้ว เพราะทางพี่ไก่-วรายุฑ เค้าก็มีให้ไปเรียนเวิร์กช็อปมาด้วยกัน ในกลุ่มของนักแสดงเด็กๆ เค้าค่อนข้างจะเข้ากันได้ดีครับ ฉากเลิฟซีนมีมากน้อยขนาดไหน? ไม่น่าจะมีเยอะ ไม่มีเลยก็ว่าได้ เพราะจริงๆ มันเป็นเรื่องของแบบความแค้นกันซะมากกว่าประมาณนั้นครับ เรียกว่าเป็นครั้งแรกกับการประกบคู่กับนักแสดงเด็กไหม? จริงๆ ก็ไม่นะครับ เราเจอเด็กๆ มาตลอดเลย ก็ไม่เด็กนะ ไม่ใหม่มาก ส่วนใหญ่ก็จะเจอประมาณนี้ครับ เราจะได้ดูเรื่องนี้เมื่อไหร่? เริ่มถ่ายมกรา เป็นไปได้น่าจะช่วงกลางปีครับน่าจะได้ชมกัน,แพลนปีใหม่จะไปเคาต์ดาวน์กันที่ไหน? ที่วัดน่ะครับ ทานข้าววัดประหยัดดีครับ เราจะไปสวดมนต์ขอเรื่องลูกด้วยไหม? ไม่ๆ วันที่ 30 เราจะไปอุดรฯ กันอยู่แล้ว ไปวัดที่เรานับถือ แต่ส่วน 31 อาจจะไปวัดที่ราชบุรี หรือถ้าไม่ไปก็อาจจะอยู่บ้าน พักยาวเลย? ใช่ครับ แต่ช่วงนี้ก็ทำงานอย่างอื่นไป มีคุยงานสำหรับที่จะเริ่มปีหน้า พอเปิดปีใหม่มาเราก็พร้อมที่จะทำงานทันทีครับ หลังปีใหม่เรามีแพลนที่จะไปเที่ยวต่างประเทศไหม? มีครับ มีที่อยากไปอยู่แต่เดี๋ยวต้องดูว่าเวลาได้มั้ย เล็งไว้ว่าจะไปที่ไหน? ก็อาจจะไปทั้งเอเชียและยุโรป แต่คงต้องดูเวลา ถ้าเวลาน้อยอาจจะไปใกล้ๆ แค่ญี่ปุ่น,ไปเยี่ยมแอฟ-ทักษอร มา? ครับ ไปเยี่ยมมา ว่าจะขอน้องแอฟลอดท้องแล้วเผื่อพี่นัทจะท้องบ้าง แต่พี่แอฟก็ไม่ไหว ขอเป็นลูบท้องแล้วกัน มีขอเคล็ดลับไหม? ก็ไม่ได้ขอครับ คุณนัทกับคุณแอฟอาจจะมีคุยกันแบบผู้หญิงๆ ผมก็ไม่รู้นะ แต่เคล็ดลับไม่ได้มีอะไรมากมาย ก็บอกว่าอย่าไปเครียดๆ อย่าไปคาดหวังเพราะตอนน้องแอฟก็ตั้งใจมาเยอะ และช่วงที่เค้าติดลูกก็ไปเที่ยวไปพักผ่อน ไม่ได้คาดหวังอะไร แอฟใกล้จะคลอดแล้วพี่อั้มกับพี่นัทมีเตรียมให้ของขวัญอะไร? นี่แหละครับ ยังคิดอยู่ว่าจะเตรียมอะไรดี แต่เราจะไปเยี่ยมแน่นอน เพราะคุยกันไว้แล้วว่าน่าจะช่วงปีใหม่พอดี ซึ่งเราก็อยู่กรุงเทพฯ พอดีครับ. | อั้ม อธิชาติ เผยฟิตติ้งละครเรื่องใหม่ แรงตะวัน ประกบนางเอกใหม่ ปัดเป็นป๋าดัน เปิดกล้องเดือนมกราคม แพลนปีใหม่ไปทำบุญที่อุดร แต่หลังปีใหม่มีแพลนควงนัท มีเรีย ไปเที่ยวต่างประเทศ | null | อั้ม,อั้ม อธิชาติ,อธิชาติ ชุมนานนท์,ละคร,แรงตะวัน,นางเอกใหม่,ป๋าดัน,ชิปปี้ ศิรินทร์,นัท มีเรีย,อั้ม นัท,ท้อง,แอฟ ทักษอร,ไก่ วรายุฑ | https://www.thairath.co.th/content/471751 |
วาดะห์ ชู วันนอร์ คีย์แมนประชาชาติ แฉโดน คสช.โชว์พลังดูดกดดัน | เมื่อวันที่ 29 เม.ย.61 นายซูการ์โน มะทา หนึ่งในแกนนำผู้ขอจดจัดตั้งพรรคประชาชาติ ของกลุ่มวาดะห์ กล่าวถึงกระแสดูดเข้าร่วมกับพรรค คสช.ว่า กลุ่มวาดะห์ถูกกดดันก่อนใครเพื่อนเสียอีก มีการนำจุดตรวจจุดสกัดมาตั้งหน้าบ้าน นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา และนายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ซึ่งตอนนี้ก็ยังมีอยู่ แต่จากการทำแบบสำรวจความคิดเห็นในทุกๆ ด้าน ประชาชนในพื้นที่เห็นว่า กลุ่มวาดะห์ควรรวมตัวกัน เพื่อตั้งพรรคตามที่รัฐธรรมนูญเปิดโอกาสไว้ เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาทั้งความมั่นคงและเศรษฐกิจอย่างเบ็ดเสร็จ อีกทั้งกลุ่มวาดะห์และคนภาคใต้ ต่างก็สนับสนุนประชาธิปไตย ไม่เอาเผด็จการ เชื่อมั่นระบอบรัฐสภาในการแก้ปัญหา,นายซูการ์โน กล่าวต่อว่า ส่วนการประชุมครั้งแรกของพรรคประชาชาติ ยังต้องรอ คสช.อนุมัติ โดยกลุ่มวาดะห์ทุกคนจะมาอยู่กับพรรคประชาชาติ เช่นเดียวกับ นายวันมูหะมัดนอร์ ที่จะเป็นคีย์แมนของพรรคเรา นอกจากนี้ก็จะมีการสนับสนุนคนรุ่นใหม่ที่เป็นนักการเมืองท้องถิ่นด้วย ส่วนยุทธศาสตร์การส่งผู้สมัคร ส.ส.นั้น เนื่องจากข้อจำกัดที่เป็นพรรคเล็ก คงจะส่งไม่ครบ 350 เขต แต่ก็จะพยายามส่งให้ได้มากที่สุด ไม่ใช่แค่เฉพาะพื้นที่ภาคใต้ หรือพื้นที่ที่ชาวมุสลิมอาศัยอยู่ เพราะประชาชาติหมายถึงมวลมนุษยชาติ รวมถึงคนทุกศาสนา ใครที่มีแนวคิดหรือประสบปัญหาเดียวกันสามารถมารวมกันได้หมด. | ซูการ์โน แฉ วาดะห์ โดนก่อนเพื่อน พลังดูด คสช. เผยตั้งด่านสกัดกันตั้งแต่หน้าบ้าน ตอนนี้ยังมีอยู่ ย้ำหนุน ปชต. ไม่เอาเผด็จการ เชื่อมั่นระบอบรัฐสภาแก้ปัญหา | ข่าว,การเมือง | ซูการ์โน มะทา,กลุ่มวาดะห์,พรรคประชาชาติ,ดูด ส.ส.,คสช.,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/politic/1268469 |
สื่อปูด ซีดาน อ้อนบอร์ดของบก้อนโต สร้างทัพกาลาคติกอสยุคใหม่ | สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันที่ 19 พ.ค.ว่า ซีเนดีน ซีดาน นายใหญ่ของทีมเรอัล มาดริด หวังบอร์ดบริหารทุ่มงบสูงเป็นประวัติศาสตร์สโมสร เพื่อเป็นทุนในการทำทีมช่วงซัมเมอร์นี้,ทีมราชัดชุดขาวทำผลงานในซีซั่นนี้ได้อย่างน่าผิดหวัง ทั้งในลาลีกาและยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ทำให้สองกุนซือดังทั้ง ฆูเลน โลเปเตกี และ ซานติอาโก โซลารี ต้องถูกเด้ง พร้อมทั้งการเข้ามากอบกู้วิกฤติอีกครั้งของ ซีเนดีน ซีดาน,ซึ่งล่าสุด อาส สื่อดังของสเปนเผยว่า กุนซือใหญ่ชาวฝรั่งเศสหวังได้งบประมาณก้อนโตตามที่ ฟลอเรนติโน เปเรซ สัญญาเอาไว้ โดยคาดว่าอาจจะสูงถึง 265 ล้านปอนด์เลยทีเดียว,นอกจากนี้แหล่งข่าวระบุว่า นอกจาก เอแดร์ มิลิเตา กับ โรดริโก โกเอส ที่สามารถปิดดีลไปก่อนหน้านี้แล้ว ยังมีแข้งดังหลายรายที่อยู่ในลิสต์การเสริมทัพช่วงซัมเมอร์นี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น เอเดน อาซาร์ด, พอล ป็อกบา, คริสเตียน อีริคเซน, เนย์มาร์ รวมไปจนถึง คีเลียน เอ็มบัปเป | นายใหญ่ชาวฝรั่งเศสหวังบอร์ดชุดขาว อนุมัติงบก้อนโตเพื่อเสริมทัพนักเตะในช่วงซัมเมอร์นี้ เพื่อสร้างทัพขุนพลกาลาคติกอสยุคใหม่สำหรับการทวงคืนความสำเร็จ | กีฬา,ฟุตบอลยุโรป | เรอัล มาดริด,ซีเนดีน ซีดาน,ลาลีกา | https://www.thairath.co.th/sport/eurofootball/otherleague/1571163 |
Subsets and Splits
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.