title
stringlengths 2
223
| body
stringlengths 496
195k
| summary
stringlengths 34
1.83k
| type
stringlengths 4
98
⌀ | tags
stringlengths 2
1.52k
⌀ | url
stringlengths 27
112
|
---|---|---|---|---|---|
ตลิ่งริมแม่น้ำ เจ้าพระยา-น่าน พังต่อเนื่อง บ้านจมน้ำหลายหลัง | ชาวบ้านหมู่ที่ 7 และ 8 ในอำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ยังคงเร่งรื้อบ้านไปอยู่ในที่ปลอดภัย หลังสถานการตลิ่งทรุดยังคงเกิดขึ้น และกินพื้นที่ลึกเข้ามาอย่างต่อเนื่อง บ้านบางหลังแม้จะยังไม่ถึงกับเสียหาย แต่ก็เริ่มทรุดไปพร้อมกับตลิ่ง ชาวบ้านกล่าวว่า รู้สึกหวาดกลัวจึงต้องเร่งรื้อบ้าน เบื้องต้นคาดว่ามีประมาณ 10 หลังที่จะต้องรื้อออกเช่นกัน ขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปช่วยเหลือเช่นเดียวกับชาวบ้านหมู่ที่ 1 ตำบลจำปาหล่อ อำเภอเมืออ่างทองกว่า 10 ราย ที่เร่งตรวจสอบสภาพตลิ่งริมแม่น้ำเจ้าพระยาหลังทรุดตัวอีกกว่า 100 เมตร โดยจุดที่ทรุดเพิ่มอยู่ใกล้กับจุดเดิม ชาวบ้าน กล่าวว่าหากตลิ่งยังทรุดต่อเนื่อง อาจทำให้บ้านที่อยู่ใกล้ตลิ่งอีก 3-4 หลังต้องย้ายบ้านไปอยู่ที่อื่น เช่นบ้านของนางวันทนา การสมชิต อายุ 58 ปี ที่กล่าวว่าเดิมมีที่ดินอยู่บริเวณนี้กว่า 6 ไร่ แต่ปัจจุบันเกือบไม่เหลือที่ดินแล้ว ต้องนำครอบครัวย้ายไปอาศัยอยู่ที่คอกสุกรฝั่งตรงข้ามแทน เนื่องจากดินที่ทรุดตัวทำให้ตัวบ้านทรุดตามไปด้วยส่วนที่จังหวัดพิจิตรชาวบ้านช่วยกันรื้อไม้ ที่เป็นชิ้นส่วนของห้องครัว และห้องนอน ของนายพิทักษ์ ทับทิม ชาวเทศบาลตำบลท่าฬอ อำเภอเมืองพิจิตร หลังบ้านพังลงสู่แม่น้ำน่าน เนื่องจากระดับน้ำที่สูงในช่วงอุทกภัย ได้ลดระดับลงอย่างรวดเร็ว จนทำให้ดินริมตลิ่งที่เป็นดินร่วนปนทรายพังทลาย แม้ก่อนหน้านี้จะพยายามนำท่อนเหล็กมาค้ำยัน แต่ไม่สามารถหยุดยั้งการพังทลายได้ นอกจากนี้ยังเกิดรอยแยกของแผ่นดินขยายวงกว้างมากขึ้น จนทำให้ชาวบ้านกว่า 60 ครอบครัว ในตลาด 100 ปี ที่อยู่ใกล้เคียง หวั่นเกรงว่าบ้านจะได้รับความเสียหายเพิ่มเติมปัญหาตลิ่งพังหลังแม่น้ำน่านลดระดับลงอย่างรวดเร็ว ยังคงเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ และ ยังขยายวงกว้างเพิ่มขึ้น ตั้งแต่เขตเทศบาลเมืองตะพานหิน เทศบาลเมืองพิจิตร และ ล่าสุดที่ เทศบาลตำบลท่าฬ่อ ทำให้บ้านพังเสียหายไปแล้ว 4 หลัง และ อีกกว่า 10 หลังต้องรื้อถอนออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย | ปัญหาตลิ่งริมแม่น้ำทรุดตัวหลังน้ำลดยังคงเกิดอย่างต่อเนื่องในหลายจังหวัด โดยเฉพาะในจังหวัดพิจิตร อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา ที่บ้านบางหลังพังเสียหายจมไปในน้ำ | ภูมิภาค | ดินทรุด,ตลิ่งพัง,แม่น้ำน่าน,แม่น้ำเจ้าพระยา | https://news.thaipbs.or.th/content/52562 |
มาดูกับมาดาม: Yesterday วันวานยังหวานอยู่ | น่าจะเป็นหนังฟีลกู้ดที่ไม่น่าพลาดอีกเรื่องของปีนี้,เข้าโรงไปแบบไม่มีความคาดหวังและไม่อินกับ , เท่าไหร่ (ฮ่าๆ) แต่ออกมาจากโรงด้วยรอยยิ้ม (รอบนี้ไม่มีน้ำตานะ) พร้อมกับความรู้สึกที่ว่าเพลงของ , โดยเฉพาะเพลง ,Yesterday, นี่ก็เพราะดีเหมือนกัน,นานๆ จะมีหนังรักฟีลกู้ดมาให้เราดูแล้วเคลิ้มกระนั้นก็น่าจะเป็นครั้งแรกที่เราไม่ได้เคลิ้มเพราะรูปโฉมของพระเอกนางเอก แต่เคลิ้มเพราะบทที่ทำให้หนังดูเพลินอย่างน่าอัศจรรย์ใจ,บทน่าจะเป็นจุดแข็งแรงสุดของเรื่อง ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจนักเพราะเรื่องนี้ได้ ,ริชาร์ด เคอร์ติส, ผู้เขียนบท ,Love Actually และ Notting Hill, มาทำให้เรื่องรักๆในหนังพล็อตแฟนตาซีมีความเรียลได้อย่างน่าทึ่ง ไหนจะมุกจิกกัดเหล่าซุปตาร์ในวงการบันเทิงและวงการเพลงที่ทำให้เราอดขำตามไม่ได้ ส่วนตัวคิดว่าแนบเนียนมาก เราไม่รู้สึกถึงความพยายามจะประดิษฐ์ประดอยเรื่องเหมือนกับที่หนังแนวนี้มักทำ,หนังเริ่มต้นด้วยชีวิตบัดซบของ , นักดนตรีมือสมัครเล่นที่พยายามไขว่คว้าโอกาสเพื่อความฝันคือการเป็นนักร้องอาชีพที่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียง แต่เส้นทางสู่ดวงดาวของเขากลับไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ มีแค่แฟนตัวยงอย่าง , ,ที่พ่วงด้วยตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวของเขาเท่านั้นที่ทั้งผลักทั้งดันให้เขาสู้ต่อ,ชีวิตตะกายดาวของ ,แจ็ค (ฮิเมช พาเทล), คงเหมือนกับคนอื่นหากไม่มีปาฏิหาริย์ทำให้ , กลายเป็นแค่ความทรงจำ และเขากลายเป็นคนดังชั่วข้ามคืน,เรื่องทั้งหมดหลายคนคงเห็นจากหนังตัวอย่างมาแล้ว เรื่องราวหลังจากนั้นเอาจริงๆ ก็เดาได้ไม่ยาก แต่ความน่าประทับใจของหนังคือมันเป็นความรู้อยู่แล้วที่น่าติดตาม แน่นอนว่าเราต้องยกความดีให้บท แต่ก็อยากมอบมงให้นักแสดงนำอย่าง , ด้วยที่ทำให้คาแรกเตอร์ , มีเสน่ห์และน่าเอาใจช่วยอย่างที่หาไม่ได้ง่ายๆ ในหนังแนวเดียวกันเรื่องอื่น,แจ็ค มาลิก, เป็นตัวละครที่เราน่าจะพบเห็นได้ทั่วไปใครสักคนที่วิ่งตามความฝันเพื่อจะประสบความสำเร็จและได้เป็น , ในโลกที่ยุ่งเหยิง (และอยู่ยากมากขึ้นทุกวัน) ใบนี้ เส้นทางของเขาหลายคนน่าจะมีส่วนร่วมได้ไม่ยาก แต่จะมีใครสักกี่คนจะมีโอกาสได้เจอ , แบบเขา?,เอาเป็นว่าหนัง ,#ดูสนุก,ทีเดียวค่ะ เป็นหนังฟีลกู้ดอีกเรื่องที่ , ของปีนี้ คอหนังแนวนี้คงไม่ต้องเชิญชวนอะไรมาก แต่สำหรับคนที่ไม่เคยลองก็อยากจะเชิญมาลิ้มลองรสชาติของ , อันแสนหวานนี้บ้าง รับรองว่าไม่ผิดหวัง ได้ยิ้มปนขำกันตลอดทั้งเรื่องแน่ๆ,อ้อใบ้ให้นิดนึงว่า ,The Beatles, ไม่ใช่วงเดียวและสิ่งเดียวที่หายไปเพราะปาฏิหาริย์ในเรื่องนี้แต่จะมีอะไรที่หายไปบ้าง คงต้องไปตามดูกันค่ะ,มาดามอองทัวร์,@MadamAutuer | Yesterday ภาพยนตร์ฟีลกู้ดล่าสุดของ แดนนี่ บอยล์ ผู้กำกับรางวัลออสการ์จาก Slumdog Millionaire ร่วมด้วย ริชาร์ด เคอร์ติส ผู้เขียนบท Love Actually ที่จะพาคุณๆไปสู่ห้วงรักแห่งวันวาน | null | Yesterday,#YesterdayMovie,เยสเตอร์เดย์,หนังใหม่ 2019,ฮิเมส พาเทล,มาดูกับมาดาม,มาดามอองทัวร์ | https://www.thairath.co.th/entertain/movie/1648703 |
ประเด็นปัญหา การปฏิรูปนโยบายและโครงสร้างวิสาหกิจพลังงานของประเทศ | แก้วสรร อติโพธิมติชนรายวันฉบับวันที่ 25 มกราคม 2548 (หมายเหตุ : รวบรวมจากความเห็นขององค์กรคุ้มครองผู้บริโภค องค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติ นักวิชาการ และสหภาพแรงงานการไฟฟ้า) ทั้งถนนและคลื่นในอากาศมีแต่คำขวัญ มีแต่โปสเตอร์สร้างมาดเข้ม และข่าวทับถม เกทับบลั๊ฟฟ์แหลก ตีฝีปากกันตลอดเวลา ทำให้ผู้คนต้องเข้าคูหาไปกาบัตรเลือกตั้งกันด้วยความรู้สึกเท่านั้น สภาพการเลือกตั้งแบบนี้จึงไม่สามารถตั้งเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลและรัฐสภาได้ กลับเป็นการมอบอำนาจเต็มให้แก่กลุ่มเจ้าของพรรคการเมืองทั้งหลายเท่านั้น ทุกวันนี้มีปัญหาทิศทางบ้านเมืองที่สำคัญและชัดเจนอยู่มากมายที่ทุกพรรคการเมืองควรจะต้องตอบ เพื่อประกอบการเลือกตั้งของชาวบ้าน เช่น - ต้องตอบว่า เอามหาวิทยาลัยของรัฐออกนอกระบบแล้ว ค่าเล่าเรียนจะลอยตัวหรือไม่? - ต้องตอบว่า จะเร่งเจรจาเปิดการค้าเสรีกับประเทศต่างๆ โดยเอากระเทียมไทย เอาโคนมไทยไปแลกกับการส่งออกรถยนต์ อีกต่อไปหรือไม่? - ต้องตอบว่ายังยืนจะแปรสินทรัพย์เป็นทุน ด้วยการนำรัฐวิสาหกิจเข้าตลาดหุ้น ด้วยการพัฒนาอุทยานเป็นรีสอร์ตสำหรับเศรษฐี ต่อไปหรือไม่? ฯลฯ คำตอบต่อคำถามทั้งหมดนี้นี่เองที่จะช่วยให้ประชาชนเลือกทิศทางที่แท้จริงของบ้านเมืองได้ว่า ควรจะเลือกพรรคใดเพื่อไปในทิศทางใด ไม่ใช่ตกที่นั่งไม่มีอะไรให้เลือก ไม่มีอะไรให้คิด แล้วยังถูกดูถูกด้วยพวกปฏิกิริยาว่า โง่เง่าเต่าตุ่น คิดอะไรไม่เป็นเหมือนเช่นที่นินทาว่าร้ายกันอยู่ในทุกวันนี้ เพื่อประกอบเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนในกระบวนการไต่ถามที่ฝันถึงข้างต้น ก็ขอนำเสนอคำถามหลักในนโยบายพลังงานของประเทศ เพื่อการเรียนรู้ร่วมกันของคนที่ยังรักเสรีภาพและยังเคารพตนเองอยู่ ดังต่อไปนี้ เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าพลังงานน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินับวันมีแต่จะร่อยหรอและมีราคาพุ่งสูงขึ้นตลอดไป ทุกประเทศจึงจำเป็นต้องหันไปพึ่งพาและพัฒนาพลังงานทางเลือกกันโดยถ้วนหน้า เช่น เยอรมนีก็ได้ตั้งเป้าว่าจะใช้พลังงานลมและแสงอาทิตย์เพื่อผลิตไฟฟ้าเป็นจำนวนร้อยละ 20 ภายใน 5 ปี ประเทศไทยดำริว่าจะใช้ร้อยละ 5 แต่เมื่อพัฒนาแผนการผลิตจริงแล้วกลับไม่มีการใช้พลังงานทางเลือกอยู่ในแผนเลย ส่วนแผนการผลิตพลังงานจากผลผลิตการเกษตรที่ประกาศกันอย่างครึกโครมนั้น มาปัจจุบันก็ไม่คืบหน้าแต่อย่างใดเลยเช่นกัน ความชะงักงันเช่นนี้ไม่พึงประสงค์อย่างยิ่ง เพราะเทคโนโลยีปัจจุบันได้ก้าวหน้าถึงขั้นที่ทำให้พลังงานลมและแสงอาทิตย์ สามารถพัฒนาเป็นธุรกิจที่สามารถแข่งขันได้กับก๊าซและน้ำมันแล้ว อีกทั้งยังเกื้อหนุนให้เกิดการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ ก่อสร้างได้เร็ว ลงทุนไม่มาก ลดภาระดอกเบี้ยได้อย่างมหาศาล เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และกระจายผลประโยชน์ได้ทั่วถึงกว่าเดิมมาก จึงขอถามพรรคการเมืองทุกพรรคว่า ได้มีการศึกษาและแนวนโยบายใหม่ในการพัฒนาพลังงานทางเลือกนี้ไว้อย่างไรบ้าง ปตท.ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจอีกต่อไปแล้ว แม้กระทรวงการคลังจะถือหุ้นอยู่เกินครึ่ง แต่ก็ดำเนินงานมุ่งเพื่อค้ากำไรให้ผู้ถือหุ้นเพียงประการเดียว ตัวอย่างเช่นราคาก๊าซธรรมชาติและราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นทุกวันนี้ ไม่ได้ถีบสูงขึ้นเพียงเพราะค่าน้ำมันในตลาดโลกเท่านั้น แต่เกิดจากผลกำไรที่เพิ่มขึ้นของทุกโรงกลั่นอีกด้วย และเมื่อสหภาพกฟผ.เสนอให้รัฐบาลตรึงราคาก๊าซไว้บ้าง เพื่อตรึงราคาไฟฟ้า นายกรัฐมนตรีกลับออกมาสำทับให้เลิกพูดเพราะจะทำให้ราคาหุ้น ปตท.ตกจนกระทบต่อดัชนีหุ้นโดยรวม ตัวอย่างเช่นนี้ย่อมแสดงให้เห็นว่า ปตท.ได้หมดสถานภาพความเป็นรัฐวิสาหกิจหรือเครื่องมือของนโยบายสาธารณะไปโดยสิ้นเชิงแล้ว ในเศรษฐกิจจริงของไทย คุณค่าของรัฐวิสาหกิจอีกประการหนึ่งก็คือ การบุกเบิกลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ คำถามจึงมีอยู่ว่า ปตท.ได้ลงทุนพัฒนาเศรษฐกิจก๊าซธรรมชาติของประเทศไปอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ ในส่วนของการสำรวจและขุดเจาะนั้นก็เป็นที่ชัดเจนว่า ปตท.ไม่สามารถพัฒนาศักยภาพในด้านนี้ของตนได้เช่นเปโตรนาสของมาเลเซียเลย ยังต้องใช้การร่วมทุนกับฝรั่งมารับสัมปทาน จ้างฝรั่งมาสร้างและควบคุมงานวางท่อและแยกก๊าซ แล้วทำตัวเป็นคนกลางขายก๊าซหากำไรจากส่วนต่างมาตลอด ในส่วนของการลงทุนและพัฒนาการใช้ก๊าซธรรมชาติ ก็มุ่งพัฒนาแต่แหล่งก๊าซและการวางท่ออย่างไร้เหตุผลทางธุรกิจ ร่วมทุนกับฝรั่งพัฒนาและขายก๊าซธรรมชาติจากแหล่งยาดานาส่งขายก๊าซให้เศรษฐกิจไทยแพงกว่าก๊าซอ่าวไทยเป็นอันมาก ทั้งยังผูกมัดตนเองกำหนดจำนวนที่ต้องรับก๊าซจากพม่าเกินจริง จนต้องเสียค่าก๊าซล่วงหน้า (ค่า ไม่ใช้ก็ต้องจ่าย) ไปแล้วจึงทุกวันนี้เป็นจำนวน 5 หมื่นล้านบาท ครั้นมาในส่วนโครงการร่วมไทยมาเลเซียนั้น เอาเข้าจริงแล้วก็ต้องลงทุนวางท่อส่งมาแยกและใช้ที่ระยองคือที่มาบตาพุดอยู่ดี บริษัทแยกก๊าซและขนส่งก๊าซร่วมกับมาเลเซีย(ทีทีเอ็ม) ที่ได้รับยกเว้นภาษี 3.7 หมื่นล้าน ได้อำนาจรัฐไปกดหัวชาวจะนะที่สงขลา ได้ว่างท่อบนบกในเขตไทยกว่า 100 กิโลเมตรนั้น ในที่สุดแล้วก็จะทำงานแยกและส่งก๊าซไปให้มาเลเซียใช้เท่านั้น สมจริงอย่างที่ฝ่ายคัดค้านได้กล่าวหาไว้ เพราะในที่สุดแล้วเศรษฐกิจใต้ตอนล่างก็มิได้มีความจำเป็นต้องใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นพลังงานโดยตรงแต่อย่างใดเลย ประเทศชาติจึงต้องขาดภาษี ต้องแตกแยก ต้องเสียดินแดน ต้องเสียคุณภาพสิ่งแวดล้อมเพื่อประโยชน์ของมาเลเซีย และค่าปันผลเพียงเล็กน้อยให้แก่ผู้ถือหุ้น ปตท.เท่านั้น แม้ ปตท.จะเป็นบริษัท และลงทุนพัฒนาแหล่งก๊าซด้วยต้นทุนที่สูงและเกินปริมาณความต้องการของตลาดไปแล้วเช่นนี้ แต่ทุกฝ่ายโดยเฉพาะวิสาหกิจไฟฟ้าก็ไม่มีทางเลือกที่จะใช้แหล่งพลังงานอื่น หรือใช้ก๊าซจากแหล่งอื่นในราคาที่ถูกกว่าแต่อย่างใด เพราะทางการได้ผูกกิจการไฟฟ้าเข้ากับกิจการก๊าซธรรมชาติไว้อย่างแนบแน่นแล้ว จนร้อยละแปดสิบของค่าไฟฟ้าที่คนไทยจ่ายอยู่ทุกวัน ก็คือค่าก๊าซธรรมชาติที่เราต้องจ่ายให้แก่ ปตท.โดยไม่มีทางเลือกทั้งปริมาณและราคา เมื่อ ปตท.ลงทุนสูงจนดอกเบี้ยท่วมค่าก๊าซค่าไฟก็จะขึ้นตาม หรือเมื่อค่าน้ำมันสูงค่าก๊าซก็จะขึ้นตาม ค่าไฟฟ้าก็จะตามขึ้นไปอีก ในทุกกรณีไม่ว่าจะมีการแปรรูป กฟผ.หรือไม่ก็ตาม จึงเป็นหน้าที่ของทุกพรรคการเมืองที่จะต้องตอบปัญหาว่า ท่านจะเปิดเสรีภาพให้พลังงานอื่นเข้ามาแข่งขันกับก๊าซธรรมชาติของ ปตท.หรือไม่ และท่านมีนโยบายจะควบคุมทั้งประสิทธิภาพในการลงทุนและราคาก๊าซธรรมชาติของ ปตท.เป็นประการใดบ้าง หรือยังจะอ้างว่ากลัวราคาหุ้น ปตท.ตกตลาดหุ้นกระเทือนอยู่ต่อไปอีก แผนพัฒนาพลังงานไฟฟ้าของประเทศไทยมีข้อที่ต้องทบทวนอยู่มากมาย เริ่มจากการประเมินความต้องการใช้ไฟฟ้าโดยไม่มีหลักเกณฑ์วิธีการที่รัดกุม จนประเมินเกินความเป็นจริงมาโดยตลอด ทำให้เกิดการลงทุนที่สูญเปล่าตกเป็นภาระแก่ผู้บริโภคจนทุกวันนี้ ครั้นเมื่อได้มาซึ่งประมาณการความต้องการใหม่ก็คิดถึงการสร้างกำลังการผลิตใหม่ในทันที ไม่ริเริ่มมาตรการเพื่อจัดการความต้องการที่มีเช่นที่ควร ทั้งมาตรการประหยัดไฟฟ้าและมาตรการกำหนดให้ผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ต้องลงทุนเพื่อผลิตไฟสำรองใช้ในช่วงความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดเลย หากทำได้ก็จะสามารถชะลอการลงทุนไปได้อีกมาก เมื่อมาถึงการเลือกแนวทางพัฒนาโรงไฟฟ้าใหม่ แผนปัจจุบันก็ไม่อาจเลือกแนวทางปรับปรุงโรงไฟฟ้าเดิม เพื่อความประหยัดในการลงทุนได้เช่นที่ควรเลย เหตุเพราะถูกรัฐบาลบังคับให้สร้างโรงใหม่และใช้ก๊าซราคาแพงของ ปตท.เป็นหลัก อีกทั้งยังไม่ส่งเสริมอย่างจริงจังให้เอกชนผลิตไฟใช้ในกิจการของตนเมื่อเหลือก็ขายให้แก่ กฟผ.ไม่เปิดระบบอย่างสมบูรณ์ให้มีการพัฒนาพลังงานทางเลือกอื่นๆ เข้ามาเสริม ไม่เน้นการพัฒนาโรงไฟฟ้านำสมัยขนาดเล็ก แผนพัฒนาพลังงานไฟฟ้าของไทยจึงเกินความจำเป็นและมุ่งแต่การก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่มาจนทุกวันนี้ กรณีจึงเป็นหน้าที่ของทุกพรรคการเมืองที่จะต้องให้คำตอบว่า มีแนวทางปฏิรูปการวางแผนพัฒนาพลังงานไฟฟ้า ให้พ้นจากเงื้อมมือและผลประโยชน์ของนักก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่อย่างไรบ้าง กลไกของกระทรวงพลังงาน หรือคณะกรรมการการพลังงานในปัจจุบันนี้ ควรทบทวนหรือไม่ในประการใด ปัญหาแท้จริงของการจัดการพลังงานในประเทศไทยอยู่ที่ความไม่รับผิดชอบที่เกิดจากการผูกขาด ทั้งโดยการผูกขาดเชื้อเพลิงต้นน้ำในการผลิตไฟฟ้าของบริษัท ปตท.และการผูกขาดผลิตไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ตั้งแต่ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่กระแสโลกาภิวัตน์ในยุครัฐบาลนายกชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นต้นมา ในนามของความเร่งด่วนของความต้องการใช้ไฟฟ้าที่พุ่งขึ้นสูงด้วยกระแสเศรษฐกิจฟองสบู่ และข้อกล่าวอ้างที่ว่า มีแหล่งเงินทุกจำกัด รัฐบาลได้เริ่มหยุดการพัฒนาโรงไฟฟ้าของ กฟผ.และบังคับให้ กฟผ.ไปทำสัญญามอบหมายและจ้างเอกชนผลิตไฟฟ้าแทน(ให้ กฟผ.แบกรับความแปรปรวนของค่าเชื้อเพลิง จ่ายค่าไม่ใช้ก็ต้องจ่ายคือค่าลงทุนของเอกชนในราคาคงที่ และค่าดำเนินการผลิตเมื่อมีการผลิตจริงตามที่กำหนด) ไฟฟ้าที่ กฟผ.ขายในปัจจุบันนี้จึงเป็นส่วนที่เอกชนลงทุนและได้ประโยชน์อย่างปิดประตูขาดทุน ประมาณร้อยละห้าสิบ ผู้บริโภคไฟฟ้าไทยจึงต้องเริ่มจ่ายค่าลงทุนให้แก่เอกชนมาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว ต่อมาเมื่อวิกฤตเศรษฐกิจได้ผ่านพ้นไป รัฐบาลไทยรักไทยจึงได้เริ่มลากผู้บริโภคไฟฟ้าไทยไปจ่ายเงินให้แก่ผู้ลงทุนอีกครั้งหนึ่ง โดยการนำไป ปตท.เข้าตลาดหุ้น แล้วบังคับให้ กฟผ.กับบริษัทไฟฟ้าเอกชนต้องเชื้อก๊าซธรรมชาติจาก บริษัท ปตท.อีกชั้นหนึ่ง ภาพทั้งสองยุคนี้จึงเป็นเรื่องของการแบ่งเค้กให้เอกชน ในนามความขาดแคลนเงินลงทุนทั้งสิ้นไม่มีสภาพของการปฏิรูปเพื่อการลงทุนที่มีประสิทธิภาพทั้งในแง่ธุรกิจและสิ่งแวดล้อม และเป็นธรรมต่อประชาชนผู้บริโภคแต่อย่างใดทั้งสิ้น อำนาจผูกขาดที่ไร้ประสิทธิภาพยังคงอยู่ เปลี่ยนไปก็แต่ส่วนแบ่งให้แก่เอกชนมากหรือน้อยเท่านั้นเอง ความจำเป็นของการปฏิรูปโครงสร้างวิสาหกิจพลังงานเพื่อสลายหรือควบคุมอำนาจผูกขาดในระบบ จึงเป็นสิ่งที่ชัดแจ้งด้วยเหตุด้วยผลของมันเอง และไม่อาจกลบเกลื่อนหรือบิดเบือนไปได้ด้วยการแปรรูปเป็นบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ หรือจ้างเอกชนผลิตไฟฟ้าในนามของความขาดแคลนเงินลงทุนแต่อย่างใดทั้งสิ้น ทางเลือกของการปฏิรูปดังกล่าวนี้มีสองแนวทางใหญ่ๆ คือระบบแข่งขันเต็มรูปแบบ หรือที่เรียกกันว่าระบบ เพาเวอร์พูล ซึ่งหลังจากได้ริเริ่มผลักดันกันมานาน ก็ถึงทางตันจนเป็นที่ยอมรับกันทุกฝ่ายในทุกวันนี้แล้วว่า เป็นระบบที่ไม่อาจออกแบบให้เกิดตลาดไฟฟ้าที่มั่นคงเป็นธรรมได้ ทางเลือกที่เหลือจึงอยู่ที่การปฏิรูปการกำกับดูแลและปรับโครงสร้างให้มีความรับผิดชอบมากขึ้นกว่าเดิมเท่านั้น ซึ่งก็มีข้อเสนอหลักๆ อยู่ไม่มากนัก การปฏิรูปโครงสร้างวิสาหกิจไฟฟ้าของประเทศ ควรจะมีแนวทางอย่างไร ทั้งในส่วนการกำกับดูแลด้วยกรอบและองค์กรที่สมเหตุผลกว่าทุกวันนี้ และในส่วนโครงสร้าง การผลิต ส่ง และจำหน่าย ทั้งสองส่วนนี้พรรคการเมืองแต่ละพรรคจะต้องให้คำตอบแก่ประชาชนให้ได้ เป็นที่แน่ชัดว่ากรอบการแปรรูปรัฐวิสาหกิจของรัฐบาลไทยรักไทยสมัยแรกนั้น ก็คือการนำสินทรัพย์ของรัฐวิสาหกิจทั้งที่เป็นทรัพย์สินเงินทองและอำนาจผูกขาด ไปเป็นทุนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์โดยข้ออ้างว่าไม่ต้องการให้เป็นภาระแก่หนี้สาธารณะของประเทศ ตัวตนของนโยบายนี้ชัดเจนอย่างนี้และมีอยู่เพียงเท่านี้จริงๆ หลังจากที่การผลักดันของรัฐบาลที่สุกงอมจนถึงขั้นร่างเป็นพระราชกฤษฎีกาแปรรูป กฟผ.เรียบร้อยแล้ว ต้องชะงักงันไปด้วยแรงต้านของสหภาพรัฐวิสาหกิจกับความหวาดระแวงของชาวบ้านแล้วรัฐบาลได้ปรับโครงสร้างผู้บริหาร กฟผ.ใหม่ แล้วให้คณะผู้บริหารใหม่ ลงมือศึกษาทางเลือกและปรึกษาหารือกับคน กฟผ.ถึงแนวทางที่เหมาะสม โดยด่วนที่สุด พร้อมกันนั้นก็ได้ปฏิเสธปรับแผนพัฒนาโรงไฟฟ้าเสียใหม่ ไม่ให้ กฟผ.สร้างโรงไฟฟ้าใหม่ หรือปรับปรุงโรงไฟฟ้าตามแผนเดิมอีกต่อไป และยืนยันโดยเด็ดขาดว่าจะไม่ให้กระทรวงการคลังรับค้ำประกันหนี้เงินกู้ของ กฟผ.อีกต่อไป กระแสความคิดความรู้สึกว่า กฟผ.ต้องตายต้องไร้อนาคตอย่างแน่นอนถ้าไม่ยอมจำนนต่อรัฐบาลจึงระบาดไปทั่วองค์กร ความฝันของกลุ่มผู้สมรู้ร่วมคิด ที่ฝันว่าในที่สุดแล้ว กฟผ.จะยอมจำนน ถึงขั้นยอมเสนอทางตายของตนเองขึ้นมาว่าจะยอมแปรรูปในลักษณะใด แล้วให้รัฐบาลเลือกเจรจาหรือปรับแก้เอาเองอีกครั้งหนึ่ง จึงใกล้จะเป็นความจริงขึ้นทุกขณะ สังคมไทยไม่ควรยอมให้ประโยชน์ทั้งของตนและลูกหลาน ต้องอยู่ในเงื้อมมือของรัฐบาลหรือพนักงาน กฟผ.เพียงเท่านั้นอีกต่อไป ทุกรัฐบาลยังมีหน้าที่ต้องอธิบายแก่ประชาชนว่าภาระหนี้สาธารณะจากการลงทุนผลิตไฟฟ้าที่ไม่มีทางจะขาดทุนนั้น เป็นปัญหาจริงหรือไม่ บริษัท กฟผ.ที่เข้าตลาดหุ้นแล้วจะไม่ต้องกู้เงินมาลงทุนเลยเช่นนั้นหรือ หรือมีกิจการไฟฟ้าส่วนใดที่ต้องการระดมเงินเป็นพิเศษเหมือน ปตท.บ้าง ประเทศไทยต้องการบุกเบิกผลิตและขายไฟฟ้าหรือส่งไฟฟ้าให้แก่อินโดจีน หรือจีนตอนล่างหรืออย่างไร ทำไมถึงต้องนำ กฟผ.เข้าตลาดหุ้น ต้องให้ประชาชนจ่ายเงินให้แก่ผู้ถือหุ้น กฟผ.เช่นเดียวกับผู้ถือหุ้น ปตท.อีกชั้นหนึ่ง นี่คือคำถามที่ยังไม่มีใครได้รับคำตอบจากรัฐบาลเลยแม้แต่น้อย คำถามสำคัญอีกชุดหนึ่งก็คือการทำ กฟผ.เป็นบริษัทเข้าตลาดหุ้น โดยยังคงอำนาจผูกขาดไว้นั้นมีเยี่ยงอย่างที่ไหนในโลกบ้าง ใครจะเป็นผู้คุ้มครองเศรษฐกิจไทยจากการลงทุนที่ไร้ประสิทธิภาพ และคุ้มครองผู้บริโภคจากราคาที่ไร้คำอธิบาย ทั้งหมดนี้ล้วนไม่มีคำตอบอันจริงจังเชื่อถือได้จากรัฐบาลเลย ทุกพรรคการเมืองโดยเฉพาะพรรคไทยรักไทย จึงมีหน้าที่อย่างชัดแจ้งต้องอธิบายต่อประชาชนว่าจะยอมยุติการเร่งรัดนำรัฐวิสาหกิจเข้าตลาดหลักทรัพย์อย่างไร้คำอธิบาย และไร้การมีส่วนร่วมทั้งโดยรัฐสภา องค์กรคุ้มครองผู้บริโภค และพนักงาน เช่นที่ได้ทำไปหรือไม่ จะคิดใหม่ทำใหม่เป็นอย่างไรบ้าง หากเห็นและพิสูจน์ได้ว่ามีปัญหาการลงทุนอยู่จริงๆ | แก้วสรร อติโพธิ มติชนรายวันฉบับวันที่ 25 มกราคม 2548 (หมายเหตุ : รวบรวมจากความเห็นขององค์กรคุ้มครองผู้บริโภค องค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติ นักวิชาการ และสหภาพแรงงานการไฟฟ้า) | สิ่งแวดล้อม | null | https://prachatai.com/journal/2005/02/2652 |
ย้อนคดีซื้อบริการเด็กแม่ฮ่องสอน | กลายเป็นประเด็นจุดกระแสเรียกความสนใจจากสังคมขึ้นมาอย่างกว้างขวางเมื่อ มารดาเด็กหญิงในจังหวัดแม่ฮ่องสอน เข้าแจ้งความและเปิดเผยข้อมูลว่ามีดาบตำรวจและผู้หญิง 2 คน เป็นธุระจัดหาเด็กให้ไปค้าบริการและมีผู้ใหญ่ระดับจังหวัดเป็นผู้ซื้อบริการเด็กภายหลังดาบตำรวจยุทธชัย ทองชาติและผู้ถูกกล่าวหา เป็นธุระจัดหาให้ค้าประเวณี เข้ามอบตัวยืนยันและปฏิเสธข้อกล่าวหาขอต่อสู้คดีในชั้นศาล พร้อมเปิดเผยว่ารู้จักกับผู้เสียหายเพราะเป็นสายข่าวยาเสพติดให้ตำรวจ ส่วนผู้หญิงที่อ้างตัวเป็นผู้เสียหายและบอกว่าถูกหลอกให้ค้าประเวณีส่วนใหญ่เต็มใจมารดาผู้เสียหายยังซัดทอดมีตำรวจและข้าราชการหลายหน่วยร่วมซื้อบริการเด็ก ซึ่งตำรวจที่ถูกพาดพิงก็ถูกดำเนินคดีและให้ออกจากราชการอีก 3 นาย และซัดทอดมีขบวนการค้าประเวณีเด็กอีกกว่า 10 กลุ่มบางกลุ่มมีสัญลักษณ์สักเป็นรูปนกฮูกที่หน้าอกชัดเจน ทางด้านนายสืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน แม้จะออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาตั้งแต่แรก แต่ก็ถูกตั้งกรรมการสอบสวนและให้ย้ายออกนอกพื้นที่ตลอด 1 เดือนของการขยายผลคดี ตำรวจพบว่ามี กลุ่ม สมาชิก อบต.บ้านใหม่ จังหวัดนนทบุรี ไปดูงานในช่วงวันเวลาเดียวกับที่ผู้เสียหายกล่าวหาผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตำรวจจึงติดตามไปสอบสวนจนหนึ่งในสมาชิกที่ร่วมเดินทางรับสารภาพว่าได้ไปซื้อบริการเด็กจริง และแอบอ้างตัวเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด จึงเป็นที่มาขอการขอหมายหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา และจู่โจมเข้าจับเพราะพบว่ากำลังหลบหนีและเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและปลัดกระทรวงมหาดไทย ออกมาสรุปผลสอบนายสืบศักดิ์ และให้ยุติการสอบสวน โดยชี้ว่าไม่มีความผิดพร้อมเตรียมคืนตำแหน่งให้ ใน 2 สัปดาห์ ซึ่งในรายงานการสอบสวน ปลัดกระทรวงมหาไทย ยังเปิดเผยผลสอบหนึ่งในผู้เสียหายยืนยันผู้ใช้บริการไม่ใช่ผู้ว่าแม่ฮ่องสอนสรุปคดีการค้ามนุษย์ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน จนถึงขณะนี้เป็นคดีความรวมทั้งหมด 38 คดี อยู่ในความรับผิดชอบของกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม) 1 คดี และตำรวจภูธรแม่ฮ่องสอน 37 คดี แบ่งเป็นคดีค้ามนุษย์ 29 คดี คดีซื้อประเวณี 7 คดี คดีโทรมหญิง 1 คดี ขณะที่ ถูกดำเนินคดีตกเป็นผู้ต้องหามีทั้งหมด 11 คน ถูกดำเนินคดีธุระจัดหา 8 คน ถูกดำเนินคดีรุมโทรม พรากผู้เยาว์ และอนาจาร 3 คน มีตำรวจที่ถูกกล่าวหาถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว 4 คน | ย้อนคดีซื้อบริการเด็กแม่ฮ่องสอน 26 คนถูกดำเนินคดี นายสืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน พ้นข้อกล่าวหา | อาชญากรรม | สืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์,ผู้ว่าฯแม่ฮ่องสอน,ซื้อบริการเด็ก,ค้ากาม,ค้าบริการ,รอยสักนกฮูก,อบต.บ้านใหม่,ThaiPBSnews,ไทยพีบีเอส,ข่าวไทยพีบีเอส,ThaiPBS | https://news.thaipbs.or.th/content/262674 |
ลิงอ้วน บางขุนเทียนยังร่าเริง ลุ้นผลตรวจเนื้องอกเร็วๆ นี้ | วันนี้ (3 พ.ค.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ลุงอ้วน หรือ ลิงอ้วน บางขุนเทียน หลังจากถูกนำตัวไปที่ศูนย์อนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ยังเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว กินอาหารและขับถ่ายปกติน.สพ.บุรฉัตร ตันประดิษฐ์ สัตวแพทย์ประจำกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผยว่ายังรอผลตรวจก้อนเนื้องอกที่พบบริเวณช่องท้องว่าจะเป็นเนื้อร้ายหรือไม่ คาดว่าจะรู้ผลเร็วๆนี้ ส่วนอาการปอดอักเสบที่ตรวจพบ ต้องรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ ขณะนี้ยังไม่มีอาการแทรกซ้อนผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณตลาดน้ำคุณกะลา เขตบางขุนเทียน พบมีลิงมากกว่า 50 ตัว ส่วนใหญ่จะมีลักษณะอ้วนท้วม ซุกซน และคนเข้าใกล้ไม่ได้ บริเวณนี้มักจะมีประชาชนแวะเวียนนำอาหารมาให้ลิงตลอดทั้งวันนายพจน์ ทับประทุม หัวหน้าเขตรักษาการสัตว์ป่าพันท้ายนรสิงห์ เปิดเผยว่า อาหารที่ประชาชนนำมาให้มีจำนวนมาก ทำให้ลิงหลายตัวเคยชิน เฝ้ารอโดยไม่ต้องออกไปหาอาหาร ด้วยเหตุนี้จึงอาจทำให้เกิดภาวะอ้วนได้ | ลิงอ้วนที่ถูกนำตัวไปที่ศูนย์อนุรักษ์สัตว์ป่า ยังร่าเริงและไม่มีอาการแทรกซ้อนใดๆ จากอาการปอดอักเสบ ขณะที่ต้องรอลุ้นผลตรวจก้อนเนื้องอกว่าจะเป็นเนื้อร้ายหรือไม่ | สิ่งแวดล้อม | ThaiPBSnews,ไทยพีบีเอส,ข่าวไทยพีบีเอส,ThaiPBS,ลิงอ้วน,ลุงอ้วน,บางขุนเทียน,เนื้องอก,ช่องท้อง,กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช | https://news.thaipbs.or.th/content/262151 |
ดีใจฝนตก หนุ่มอีสานเร่งชักน้ำเข้านา เป็นลมดับ | เมื่อเวลา 14.28 น. วันที่ 12 ก.ค. ร.ต.อ.สุรพล สุราษฎร์ พงส.สภ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตกลางทุ่งนาบ้านป่าก่อ ต.หนองเหล่า อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นพร้อมด้วยแพทย์เวร โรงพยาบาลเขื่องใน และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิเขื่องใน เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ,พบชาวบ้านกว่า 30 คนยืนมุงดูร่างผู้เสียชีวิต ทราบชื่อภายหลังคือ นายสมนึก คำทอง อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41 หมู่ 9 บ้านป่าก่อ ต.หนองเหล่า อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี ในสภาพนอนหงาย ไม่สวมเสื้อ สวมกางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน ตัวเดียว,นอกจากนี้ที่ข้างศพ พบจอบขุดดินวางอยู่ 1 เล่ม โดยสภาพศพใบหน้าหมองคล้ำ มีเลือดออกบริเวณปาก มือก่ายหน้าผาก คาดว่าเสียชีวิตมาไม่เกิน 1-2 ชั่วโมง,จากการสอบถามญาติและเพื่อนบ้าน ทราบว่านายสมนึกผู้ตายมีโรคประจำตัวเป็นลมชัก คาดว่าออกมาขุดคันนาเพื่อผันน้ำฝนที่ตกลงมาเข้าที่นา หลังจากพื้นที่ประสบถัยแล้งมานาน เมื่อฝนตกชาวนาทุกคนต่างเร่งผันน้ำเข้านาที่หว่านข้าวเอาไว้ แต่คาดว่าระหว่างที่เร่งขุดดิน อาการได้กำเริบ ประกอบกับเป็นช่วงกลางวันอากาศร้อน ผู้ตายเป็นลมล้มลง ไม่มีใครมาพบจนเป็นเหตุให้เสียชีวิตในที่สุด,หลังจากเจ้าน้าที่ได้ร่วมกันชันสูตรพลิกศพแล้ว ญาติในหมู่บ้านไม่ติดใจในสาเหตุการตาย จึงมอบศพให้ญาตินำกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป. | น้ำแล้งก็ตาย พอฝนตกลงมาชาวนาก็ยังตายอยู่ดี หนุ่มอุบลฯ ดีใจได้น้ำทำนา คว้าจอบเร่งออกไปขุดร่องชักน้ำเข้านา แต่ตัวเองป่วยโรคลมชัก ไปเจออีกทีนอนหงายเอามือก่ายหน้าผาก เป็นศพไปแล้ว คาดโรคกำเริบกะทันหันไม่มีคนเห็น | ข่าว,ทั่วไทย | เป็นลมตาย,เป็นลมชัก,โรคกำเริบ,ชาวนา,สมนึก คำทอง,ตายคานา,อุบลราชธานี,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวสังคม,ข่าวภูมิภาค | https://www.thairath.co.th/news/local/511160 |
ประกาศกรมอุตุฯ ฉ.27 เตือนภาคใต้ระวังน้ำท่วมฉับพลัน เรือเล็กงดออกฝั่ง | ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา ฝนตกหนักถึงหนักมากภาคใต้ตอนล่าง และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย ฉบับที่ 27 ลงวันที่ 04 มกราคม 2560, ,มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงยังคงพัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณเกาะสุมาตราและอันดามันตอนล่าง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ และตรัง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ปริมาณฝนที่ตกสะสม น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากที่จะเกิดขึ้นได้ และติดตามข่าวพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด,ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและอันดามันมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยบริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่ซัดเข้าหาฝั่ง ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งต่อไปอีก 1-2 วัน ,สำหรับคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาจะเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือตอนบน ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนเกิดขึ้นได้ในช่วงวันที่ 4-7 มกราคม 2560 โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ และน่าน ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไว้ด้วย, ,ประกาศ ณ วันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 17.00 น.,กรมอุตุนิยมวิทยาจะออกประกาศฉบับต่อไปวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 23.00 น., , ,(ลงชื่อ) วันชัย ศักดิ์อุดมไชย,(นายวันชัย ศักดิ์อุดมไชย),อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา | ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา ฉบับที่ 27 เตือน ฝนตกหนักถึงหนักมากภาคใต้ตอนล่าง และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย ในพื้นที่ 13 จว.ใต้ ระวังน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากจากฝนตกหนัก ทะเลคลื่นสูง 2-4 เมตร เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง | null | กรมอุตุนิยมวิทยา,ฝนตกหนัก,น้ำท่วม,น้ำท่วมใต้,ประกาศกรมอุตุฯ | https://www.thairath.co.th/content/828037 |
พบชายชราชีวิตต้องสู้ ขายนสพ.บนรถไฟ11ปี | เป็นขบวนรถไฟฟรีเพื่อประชาชน มีตู้โดยสาร 4 โบกี้ ทราบชื่อว่านายกวน แสงทอง 78 ปี หรือลุงเปิ่น อยู่บ้านเลขที่ 302/7 หมู่ 4 ต.ทับสะแก อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายกวน สวมเสื้อยืดคอกลม กับเสื้อกั๊กแขนสั้น ด้านหลังเสื้อปักตัวหนังสือลาย ลุงเปิ่น ไทยรัฐ และ ฉบับอื่น สวมกางเกงขาสั้น รองเท้าผ้าใบ ถุงเท้าเก่า กับถุงผ้าใส่เสื้อผ้าเปลี่ยนหนึ่งชุด ส่วนหน้าอกติดพระสาทิสลักษณ์พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และรูปภาพเกจิอาจารย์ที่เคารพเพื่อคุ้มครองให้เป็นสิริมงคล ขายของดี และแคล้วคลาด,ลุงเปิ่นเล่าให้ฟังว่า ชีวิตครอบครัวมีภรรยา 2 คน คนแรกเสียชีวิต ต่อมามีภรรยาใหม่และมีลูก ที่เกิดจากภรรยาทั้งสองคน ทั้งหมด 13 คน เสียชีวิต ตั้งแต่ตอนเด็กๆไป 10 คน ปัจจุบันเหลือเพียง 3 คน ลูกๆโตมีครอบครัวหมดแล้ว จนปัจจุบันมีหลาน 4 คน สมัยเป็นหนุ่มก็ต่อสู้ชีวิตมามากมาย รับจ้างทั่วไปเพื่อหาเงินมาเลี้ยงลูกๆถึง 13 คน พร้อมกับภรรยาเพื่อความอยู่รอดของครอบครัว ทุกวันนี้จะออกจากบ้านที่สถานีรถไฟทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตอนบ่าย ถึงสถานีรถไฟชุมทางบางซื่อ กรุงเทพฯ ตอนหกโมงเย็น แล้วก็ขึ้นรถเร็วกรุงเทพฯ-หนองคาย ซึ่งเป็นรถไฟฟรี ถึงสถานีรถไฟ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ก็สว่างพอดี ก่อนลงจากรถไฟมุ่งหน้าสู่ร้านเอเย่นต์หนังสือพิมพ์ เพื่อซื้อหนังสือพิมพ์ฉบับรายวันที่ประชาชนนิยมอ่าน มาก เช่น นสพ.ไทยรัฐ และฉบับอื่นอีกหนึ่งยี่ห้อ โดยเฉพาะไทยรัฐขายได้ 80%,ลุงเปิ่นเล่าให้ฟังอีกว่า คิดว่าเป็นความพอใจของตนเอง ใจชอบอาชีพอิสระ ไม่มีใครบังคับ อาศัยหลับนอนบนรถไฟฟรี ถ้าเดินทางไกล โดยมีเป้าหมายในหนึ่งเดือน จะขายหนังสือพิมพ์จากสถานีรถไฟทับสะแก-สุไหงโก-ลก สถานีรถไฟสระแก้ว สถานี รถไฟทางภาคอีสาน และสถานีรถไฟเชียงใหม่ ถือโอกาส ท่องเที่ยวทั่วไทยในหนึ่งเดือนเป็นประจำและขาย หนังสือพิมพ์ไปด้วย บางคนใจดีก็ให้ของใช้ ให้เงินด้วย ก็มี และจะขายหนังสือพิมพ์ไปจนกว่าร่างกายทำไม่ไหว ถึงแม้อายุ 78 ปีแล้ว แต่ใจรักชอบชีวิตค้าขายบนรถไฟไทย ได้ท่องเที่ยวไทยทุกแห่งอีกด้วย. | สายวันที่ 21 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบ ชายชราเดินเร่ขายหนังสือพิมพ์ไทยรัฐและหนังสือพิมพ์ฉบับอื่นอยู่บนขบวนรถไฟดีเซลรางที่ 432 วิ่งจากต้นทางขอนแก่น-แก่งคอย | ข่าว,ทั่วไทย | ชายชรา,ขายหนังสือพิมพ์บนรถไฟ,ลุงเปิ่น,กวน แสงทอง,รถไฟดีเซล,ขอนแก่น-แก่งคอย,ข่าว,ข่าวภูมิภาค | https://www.thairath.co.th/news/local/513294 |
อดีตแข้งปืนใหญ่ หวัง อิบรา ซิวแชมป์พรีเมียร์ลีกกับผีแดง | สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันที่ 2 ก.ย. ว่า อันเดอร์ส ลิมพาร์ อดีตปีกทีมชาติสวีเดน และทีม ปืนใหญ่ อาร์เซนอล ออกโรงเชียร์ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ดาวยิงเพื่อนร่วมชาติชาวสวีเดน ให้คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กับทีม ปิศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลนี้,สำหรับ ลิมพาร์ ซึ่งเคยค้าแข้งกับทีมอาร์เซนอลระหว่างปี 1990 ถึง 1994 และคว้าแชมป์ลีกกับทีม 1 สมัย ยอมรับว่าเขาเป็นแฟนตัวยงของ อิบราฮิโมวิช และอยากเห็นกองหน้าโคตรโหดกระโดดยิงรายนี้คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้เหมือนกับเขา,ซลาตัน คือที่สุดของนักเตะสวีเดนในปัจจุบัน ผมอธิษฐานต่อพระเจ้าขอให้เขาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก มีนักเตะไม่กี่คนหรอกที่จะได้แชมป์ทั้งในสเปน,อิตาลี และอังกฤษ ผมได้พบกับเขา 2 ครั้ง และเขาก็เป็นคนที่แต่งตัวประหลาดที่เรียบร้อยที่สุดที่ผมเคยพบมา ภาพของเขาก็เป็นภาพแบบที่คุณเห็น แต่ทั้งหมดที่ผมสามารถพูดได้ก็คือเขามีหัวใจที่ดี สำหรับประเทศสวีเดนแล้ว เขาทำทุกอย่างเพื่อเรามาตลอด 10 ปี เขาคือทูตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เราเคยมี ในทุกยุคคุณมักจะมีนักเตะที่ยกระดับสโมสรของคุณ นั่นคือสิ่งที่ ซลาตัน ทำในตอนนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้คนที่มีคาแร็กเตอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่พวกเขาเคยมี เขาคิดว่าเขาคือโลก และเขาจะส่งมอบทุกอย่างให้กับคุณ ลิมพาร์ กล่าว | อันเดอร์ส ลิมพาร์ อดีตปีกทีมอาร์เซนอล ออกโรงเชียร์ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ดาวยิงเพื่อนร่วมชาติชาวสวีเดน ให้คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกกับทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลนี้ | null | พรีเมียร์ลีก,แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด,อันเดอร์ส ลิมพาร์,ซลาตัน อิบราฮิโมวิช,ข่าวกีฬา,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/content/711020 |
ประชาไทบันเทิง: เมียแต่ง : วิชาการเป็นเมีย (ที่ดี) 101 | ฮัลโหลเย็นนี้ว่างหรือเปล่าเธอ ไปดริงก์กันม๊ะ โฟร์ซีซั่นนะ เพื่อนสาวโทรมาชวนไปนั่งดริงก์นั่งเมาท์ตามประสาเอ่อเป็นวันพุธ พฤหัส หรือศุกร์ ได้มั๊ยเธอ ดิฉันพยายามบ่ายเบี่ยงแล้วเย็นนี้ไม่ว่างเหรอ เพื่อนสาวยังตื๊อไม่หยุดไม่ว่างอ่ะชั้นต้องดูเมียแต่งแม้จะไม่โด่งดังจนคนต้องโพสต์ข้อความคำพูดเด็ดๆ ขึ้นเฟซบุ๊กทุกค่ำคืนเหมือนเรื่อง ดอกส้มสีทอง แต่ตอนนี้ก็คงไม่มีละครเรื่องไหนแรงเท่ากับเรื่อง เมียแต่ง อีกแล้ว แหมเรื่องผัวๆ เมียๆ เนี่ย ไม่ว่าจะเป็นเวอร์ชั่นไหน น้ำเน่า น้ำดี (ดีจนต้องมีพระออกมาเทศน์ให้ฟังว่าดีแค่ไหน) ขอให้มีพล็อตแย่งผัวแย่งเมียกันไว้ก่อน (หากมีฉากด่ากัน เชือดเฉือนกัน ตบกัน หรือพระเอกข่มขืนนางเอกจะมันส์ขึ้นอีกเป็นหลายเท่า) ยังไงก็ดังอย่างน้อยดิฉันก็ยอมปฏิเสธไวน์รสเลิศ ข่าวกอสซิปจากวงการไฮโซ เพื่อนั่งดูละครน้ำเน่าที่บ้านในขณะที่ละครออกอากาศพอดีมีโอกาสได้เจอเบนซ์-พรชิตา ปลิงฉัตร เอ้ย ปรุงฉัตร ในละคร จึงได้รู้ว่าไอ้ลิปสติกสีแดงอย่างกับกินไก่สดมาน่ะ เป็นใบสั่งของการสร้าง คาแร็กเตอร์ ตัวอิจฉาในละคร (มันจะสวยและดูดีกว่านี้ถ้าเธอทำผมดำ ไว้ทรงแบบมาดมัวแซล จับลอนเปียก หรือบ๊อบสั้น อะไรอย่างนี้ ไม่ใช่ตึ่งโป๊ะเป็นสก๊อย หรือหางเครื่องวงลูกทุ่งแบบนี้) วันนั้นเรายังคุยกันอยู่เลยว่าใช้ลิปสติกสีชมพูอมส้มที่กำลังฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมืองดีกว่าไหม สวย เก๋ และอินเทรนด์ กว่าตั้งเยอะ แต่สุดท้ายปรุงฉัตรก็ต้องเป็น ตัวอิจฉา ที่ต้องมีคาแร็กเตอร์เดิมๆ ที่ต้องแต่งหน้าจัดๆ (แม้ตอนตื่นนอน เข้าโรงพยาบาล หรือลงเล่นน้ำทะเล) ทำผมไฮไลต์ แต่งตัวเปรี้ยวจี๊ด แต่ดูไม่ไฮโซ เมื่อเปรียบเทียบกับ นางเอก อย่างอรุณประไพ ก็จะเห็นได้ชัดว่าใครสวมบทบาทไหน ปิดเสียงยังรู้เลยว่าใครนางเอก ใครตัวอิจฉา ตรงนี้เองที่ทำให้ละครเรื่อง ดอกส้มสีทอง โด่งดัง ถึงแม้จะยังคง ขนบ เดิมๆ ของละครไทยไว้เช่นเคย แต่ก็มีพัฒนาการในการวางคาแร็กเตอร์ของตัวละคร ที่ไม่ได้จับเข้ากรงขัง การเป็นนางเอก ตัวอิจฉา อย่างเดิมๆ เรยาจึงสวยเช้ง ไม่ต้องสวยน่ากลัว สวยแต่งหน้าจัดๆ แต่งตัวเซ็กซี่ โป๊ๆ อย่างที่ตัวอิจฉา หรือตัวร้ายต้องเป็นมาตลอดในละครไทยแม้พล็อตเรื่องจะไม่ต่างกัน คือแย่งผัวแย่งเมียกันเหมือนเดิมแต่อย่างน้อย ละครเรื่องนี้ ก็ยังพัฒนาขึ้นอีกแง่หนึ่ง พระเอกยังทำงาน (อาจเป็นเพราะมีเรื่องราวที่เกี่ยวกับการแย่งชิงกันทางธุรกิจ) ตัวร้ายก็ทำงาน (บ้าง) แต่ที่เด็ดสุด คือนางเอกก็ ทำงาน แถมไม่ใช่งานเก่าๆ แบบนางเอกสมัยก่อนด้วยนะคะ (เดาเอาว่า) เป็นถึง Food Stylist เสียด้วย เก๋เสียไม่มี ซึ่งตรงนี้นี่เอง เป็นอีกในรหัสหลักสูตรการสอน การเป็นเมียที่ดี ที่ละครเรื่องนี้ พยายามติวเข้มให้คนดูอยู่ทุกตอน คาดว่าตอนเกิดอรุณประไพน่าจะคาบคัมภีร์สอนหญิง หลักสูตรเมียแต่งที่ดีมาด้วยแน่ๆ เลยมาดูกันค่ะว่าหลักสูตรการเป็นเมีย (แต่ง) ที่ดี นั้นมีอะไรบ้าง1. เมียที่ดีต้องอดทนละครเรื่องนี้ สื่อสารประเด็นนี้ได้ชัดเจนมากกกและเป็นประเด็นที่อยู่ในเรื่องเล่า How To การเป็นเมียที่ดีที่พูดคุยกันอยู่ในสังคมทั่วๆ ไป ทั้งในรายการเล่าข่าวแบบผู้ยิ้งงงงผู้หญิง หรือนิตยสารผู้หญิงทั่วไป รวมถึงบรรดา ผู้หญิงตัวอย่าง ทั้งหลายที่ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านทั้งรายการโทรทัศน์ นิตยสาร หรือสื่อต่างๆ เกี่ยวกับการประสบความสำเร็จในการครองเรือน นั่นก็คือ ความอดทน ความอดทนที่ว่านี้คือคือความอดทนต่อพฤติกรรมของสามี ไม่ว่าจะไปมีกิ๊ก มีเมียน้อย เมียใหม่ ทั้งจับได้ หรือยังจับไม่ได้ การเป็นเมียหลวงที่ดีนั้นต้องอดทน ไม่ใช่ชวนสามีทะเลาะบ้านแตก ด่าทอ ตบตี ตามสืบตามจับ ตามไปราวีไม่หยุดไม่หย่อนเมียแต่งที่ดีต้องสงบเงียบ เอาความดีเข้าข่ม ไม่ตีโพยตีพาย ไม่ชวนทะเลาะตบตี ตัวอย่างที่เห็นในเรื่องคือการสร้างคู่ตรงข้ามให้เห็น คืออรุณประไพ (ชมพู่ อารยา) เมียแต่งที่อดทนกับการที่ผัวมีคู่นอนอีกคน คือปรุงฉัตร ไม่ตามราวี (แต่ปรุงฉัตรตามมาราวี เพราะถือว่าเธอมาก่อน) ไม่พูดมาก ไม่ตอบโต้ ไม่ชวนทะเลาะ ไม่ตีโพยตีพาย อยู่เงียบๆ และพิสูจน์ตัวเองในฐานะเมียแต่งว่าดีพอ ดีกว่าบรรดาคู่นอนนั้นแน่ๆ (ดี มีความหมายกินความถึงอะไรบ้าง เดี๋ยวมาว่ากันต่อ) ซึ่งการปฏิบัติตัวของอรุณประไพนั้นแตกต่างจากรุ่นพี่ที่ทำงานของเธอ ซึ่งแสดงโดยคุณปุ้ย-พิมลวรรณ พิธีกรรายการผู้หญิงถึงผู้หญิง ที่เป็นเมียหลวงที่น่าเบื่อตามแบบฉบับภาพเสนอในสังคม คือตามไปราวีสามีตลอด ออกรบกับบรรดาเด็กๆ ของสามีทุกเมื่อเท่าที่ทำได้ ไม่เคยไว้หน้าให้เกียรติสามี รวมถึงอีกหนึ่งตัวละครคือ เบญ ที่ขึ้นชื่อว่าแย่งผู้ชาย คนรัก (เก่า) ของอรุณประไพกัน เธอก็เป็น เมียแต่ง อีกคนที่ประพฤติตัวไม่ดี คอยชวนผัวทะเลาะ หึงหวงไม่มีที่สิ้นสุด น่าเบื่อน่ารำคาญที่สุด มีเมียอย่างนี้ผัวที่ไหนจะรักมีประโยคหนึ่งที่อรุณประไพพูดกับเพื่อนรุ่นพี่ของเธอที่เล่นเกมโปลิสจับขโมยกับสามีไม่หยุดไม่หย่อนว่า เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับ ศักดิ์ศรี แต่มันคือการ ให้อภัย การเป็นสามี-ภรรยา (นางเอกจะไม่ใช้คำว่า ผัวเมีย เด็กขาด มันหยาบคาย) จะมีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่าการให้อภัยกันและกัน แน่นอนคำว่า ให้อภัย ของเธอรวมถึงการที่สามีไปมีผู้หญิงอื่น เพราะเมียที่ดีต้องแยกให้ออกว่าผู้หญิงประเภทไหนคือเมีย ประเภทไหนคือคู่นอน (อันนี้ในละครเขาพูดอยู่ในไดอะล็อกเลยนะ) ซึ่งในละครก็นำเสนอว่า ก็เมียแต่งทำตัวแบบนี้นี่แหละ (แบบคุณปุ้ย พิมลวรณ และตัวละครที่ชื่อเบญ) สามีถึงทนไม่ได้ ไปหาเศษหาเลยนอกบ้าน) มันสมเหตุสมผลจะตาย เพราะฉะนั้นการจะเป็นเมียที่ดี ต้องอดทน2. เมียที่ดีต้องมีอารมณ์ทางเพศกับสามีและไม่ขัดขืนคุณคงไคย (ผู้ชายอะไร ชื่อประหลาด เคยได้ยินแต่ คงควย เอ้ย คงคย อย่างวงร็อกคงคย เพลงลูกทุ่งกลิ่นเขมรที่เคยดังเป็นเทรนด์อยู่สักพักในวงการลูกทุ่ง) ตั้งฉายาให้เมียแต่งตัวเองว่า ยัยผีดิบ ซึ่งมีความหมายสื่อตรงไปว่า ไม่มีอารมณ์ ความรู้สึก ซึ่งมีนัยส่อไปอีกถึง ความรู้สึกทางเพศ นี่ดิฉันไมได้พูดเอง คิดเองนะคะ แต่จากการที่นั่งดูทุกตอนไม่เคยขาด เวลาเข้าพระเข้านางทีไร (อย่างเช่นพระเอกดึงนางเอกเข้ามากอด จะหอม จะจูบ) แล้วนางเอกไม่ขัดขืน แต่ทำตัวทำหน้าเฉยๆ พระเอกก็จะแหย่ว่า คุณรู้สึกอยากจะมีอะไรกับผมแล้วใช่ไหม แต่พอนางเอกก็ยังเฉยอยู่ แลวผละหนีไปได้ พระเอกก็จะบ่นลับหลังว่า ยัยผีดิบเอ้ย เป็นนัยว่า ผู้หญิงอะไรวะ มาอยู่ในอ้อมกอดผู้ชายหล่อล่ำ หน้าตาดีขนาดนี้ ยังไม่รู้สึกอะไร ไม่มีอารมณ์ทางเพศเลยและพระเอกเรื่องนี้ก็แตกต่างจากพระเอกละครอีกหลายเรื่องที่ชอบใช้กำลังบังคับข่มขืน ซึ่งคาดว่าตรงนี้เอง เป็น กุญแจ ที่จะบอกไปยังผู้หญิงว่า จงมีอารมณ์ทางเพศกับสามี เพราะในฉากเข้าพระเข้านางหลายฉากที่หวุดหวิดจะปล้ำกันแล้ว พระเอกก็ไม่ได้ข่มขืนนางเอกอย่างในเรื่องอื่นๆ แต่รอให้นางเอก มีอารมณ์ ร่วมด้วย (อย่างในไดอะล้อกที่กล่าวไป) จนมาถึงวันที่ ได้กัน เป็นครั้งแรก ดิฉันก็นั่งลุ้นมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อน เพราะมีช่วงพรีวิวสั้นๆ ให้ดูว่าสัปดาห์หน้าได้กันแน่ ในหัวก็จินตนาการไปว่า มันต้องเป็นไปตามพล็อตเดิมๆ แน่ๆ อย่างทะเลาะกันขั้นรุนแรง แล้วพระเอกก็ถือโอกาใช้กำลังรวบรัดตัดความปล้ำนางเอกเสียเลย (ซึ่งเรื่องอื่น พระเอกก็จะได้รู้ว่านางเอกยัง จิ้น อยู่ และนางเอกก็จะร้องไห้ เกลียดพระเอกมากๆ ด้วย) แต่การณ์กลับกลายเป็นว่า สมยอม กันเสียอย่างนั้น เซ็ง เลยค่ะซึ่งพอกลับมานั่งคิดดีๆ ก็จะเห็นว่านี่เป็นอีกหนึ่งคำสอนในวิชาการเป็นเมียแต่งที่ดี นอกจากจะต้องมีอารมณ์ทางเพศ กับสามี ไม่ใช่ทำตัวเป็นผีดิบไร้อารมณ์แล้ว ยังจะต้องไม่ดีดดิ้นขัดขืนด้วย (ทำได้แต่พองาม) เมียแต่งคนอื่นๆ จงดูไว้ว่า สาเหตุที่ผัวไปเมียอะไรกับผู้หญิงคนอื่นนั้น เป็นเพราะภรรยาไม่มีอารมณ์ทางเพศกับสามีหรือเปล่า ไม่สามารถตอบสนองความต้องการทางเพศของสามีหรือเปล่า และพอสามีมีความต้องการทางเพศ ภรรยาขัดขืน ไม่ยอมหรือเปล่า ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดีนะจ้ะ ถือเป็นเมียแต่งที่ใช้ไม่ได้ อย่าทำตัวเป็นผีดิบ เพราะแม้แต่แวมไพร์อย่างเอ็ดเวิร์ด คัลเลน ใน Twilight ยังอยากมีเมียเป็นมนุษย์อย่างสาวเบลล่า สวอน เลย3. เมียที่ดีต้องมีเสน่ห์ปลายจวัก งานบ้านอย่าให้ขาดตกบกพร่องอันนี้ขอสารภาพว่า งง มากค่ะ ไม่นึกว่าคำสอนแต่โบร่ำโบราณจะยังตกทอดและมีมนตร์ขลังศักดิ์สิทธิ์มายังผู้หญิงสมัยใหม่ที่ทำงานนอกบ้าน ไม่มีเวลาไปจ่ายตลาด และมีร้านอาหารอร่อยๆ นอกบ้านเพียบ (และมีเงินไปแฮงเอาต์นอกบ้านได้ด้วย) แต่ก็ลืมไปว่านางเอกมีคนใช้ ไม่ต้องไปจ่ายตลาดเอง อาจไม่ต้องล้างผัก เด็ดผักเอง ให้คนใช้ทำทุกอย่างเตรียมไว้ ที่เหลือก็แค่ไปปรุงให้ออกมาเป็นอาหาร แต่ถึงอย่างไรมันก็ต้องใช้ ปลายจวัก อยู่ดี ละครเรื่องนี้วางคาแร็กเตอร์ให้นางเอกเชี่ยวชาญในด้านอาหารและโภชนาการ แม้จะไม่ได้สื่อโดยตรงว่ารสมือของเธอทำให้ผัวยอมสงบ ผัวรักผัวหลง แต่ในฉากหนึ่งก็แสดงให้เห็นว่าหน้าที่ของภรรยาที่ดีคือต้องมีรสมือเป็นอาวุธ ทั้งตอนที่คงไคยไม่สบาย กินอาหารที่อรุณประไพทำมาจนหมด หรือตอนที่ไปหามิสเตอร์ทานากะเพื่อติดต่อทางธุรกิจ อรุณประไพก็โชว์ฝีมือทำน้ำพริกปลาทู จนมิสเตอร์ทานากะต้องชมและพูดกับคงไคยว่าภรรยาที่เพียบพร้อมขนาดนี้ ถือเป็นภรรยาที่ดี หาไม่ได้ง่ายๆนอกจากจะมีรสมือไว้เป็นอาวุธแล้ว เมียแต่งที่ดียังต้องทำงานบ้านไม่ให้ขาดตกบกพร่องด้วย ในหลายๆ ฉากแสดงให้เห็นว่าอรุณประไพนั้นเอาใจใส่ในการดูแลสามีเป็นอย่างดี คอยเก็บเสื้อผ้าในห้องนอน ทั้งผ้าเช็ดตัว ชุดนอน เสื้อผ้า ไม่เพียงแค่นั้นเธอยังทำหน้าที่เป็นลูกสะใภ้ที่ดี ทำอาหารเองให้คนในครอบครัวรับประทานทุกเช้า ดูแลแม่สามียามที่ท่านป่วย เรียกได้ว่าทั้งผัว แม่ผัว ญาติผัว คนในบ้านทุกคน เมียแต่งที่ดีต้องดูแลให้ไม่ขาดตกบกพร่อง4. เมียที่ดีต้อง ทำงาน และช่วยเหลือสามีในเรื่องงานได้ด้วยข้อนี้เป็นอะไรที่เพิ่มเข้ามาใหม่หลังการปรับปรุงหลักสูตร ให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน จะปล่อยให้ผัวไปทำงานนอกบ้านเลี้ยงครอบครัวคนเดียวไม่ได้ เป็นผู้หญิงสมัยใหม่ เป็นเมียแต่งสมัยใหม่จะต้องทำงานช่วยเหลือจุนเจือสามีและครอบครัว อย่างอรุณประไพเอง นอกจากเธอจะมีงานทำเป็นของตัวเองแล้ว เธอยังเป็นผู้ที่ช่วยให้กิจการสามีอยู่รอดปลอดภัยอีกด้วย เธอแก้ปัญหาให้ได้หลายครั้ง ทั้งการไปออกงาน แล้วสวยจนแขกต่างชาติประทับใจ ทั้งช่วยจัดแจงเรื่องงานเลี้ยง อาหาร จนคู่ค้าที่เป็นต่างชาติประทับใจ ทั้งเรื่องการพาไปเจราจาคู่ค้างธุรกิจกับมิสเตอร์ทานากะ ที่บังเอิ้นบังเอิญเป็นสามีของเพื่อนรุ่นพี่ของเธอ จนมาถึงการเข้ามาช่วยงานในตำแหน่ง ผู้ช่วยด้านวัฒนธรรม ของบริษัทอีกด้วย (สังเกตว่าเมียที่ดีนั้น ต้องเป็นแค่ ตัวช่วย อย่ามาเก่ง หรือเด่นเกินสามี เป็นอันขาด และก็อย่าเก่งมากจนถึงขั้นนั่งบริหาร ดูการตลาด ติดต่อกับต่างประเทศ มาทำอะไรนิดๆ หน่อยๆ อย่างเรื่อง วัฒนธรรม ก็พอ) แม้จะต้องดูแลเรื่องอาหารการกิน ดูแลเรื่องในบ้าน ดูแลแม่สามีที่ป่วย และต้องทำงานประจำของตัวเองอีกต่างหาก ด้วยความเป็นเมียที่ดีแล้ว ต้องแบ่งเวลามาช่วยกิจการของผัวด้วย5. เมียที่ดีต้องไม่แรดไปกับผู้ชายอื่นอันนี้เป็นคุณสมบัติหลักก็ว่าได้ จะเห็นได้ว่าในละคร แม้คงไคยจะขึ้นเตียงกับปรุงฉัตรอย่างโจ๋งครึ่ม ไม่ต้องวิ่งตามไปสืบ ไปจับ ไปราวีอรุณประไพก็เห็นจะๆ อีกทั้งอรุณประไพก็มีผู้ชายมาชอบถึง 2 คน คนหนึ่งเป็นอดีตคนรักที่ไปทำผู้หญิง (ซึ่งก็คือน้องของเธอ) ท้อง เธอจึงต้องปลีกตัวออกมาให้แฟนหนุ่มของเธอตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้องรับผิดชอบโดยการแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น แต่เขาก็ยังตามเทียวไล้เทียวขื่อเธออยู่ (ถ้าเป็นสุวรรณี สุคนธา หรือ ร.จันทะพิมพะ คงได้พล็อตเรื่องเป็นอีกเรื่องประมาณว่าอรุณประไพคงหนีไปกับแฟนเก่าแน่ๆ) อีกคนคือเพื่อนที่ทำงานด้วยกัน ที่ออกตัวว่ารักและห่วงใยและรอวันที่เธอจะเปลี่ยนใจมาเห็นใจเขาบ้าง แต่แม้ผัวจะไปนอนกับผู้หญิงอื่นตำตาอย่างไร แม้ผัวจะไม่นอนกับเราอย่างไร เราจะมีอารมณ์ทางเพศอย่างไร และมีผู้ชายที่พร้อมเสนอตัว เสนอใจมาให้เรามากมายอย่างไร เมียแต่งที่ดีก็ต้องประพฤติตนอยู่ในกรอบของศีลธรรม (แม้ผัวจะอยู่อีกคนละกรอบ) ไม่ประพฤติตัวเป็นนางกากี หญิงมากผัว แต่งงานกับใคร แม้ผัวไม่รัก ผัวไม่นอนด้วยก็ใช่ว่าจะไปนอนกับคนอื่นได้ ไม่เช่นนั้นเขาจะหาว่า มีชู้ แต่ผัวไปนอนกับผู้หญิงอื่นได้ เพราผู้หญิงอื่นนั้นถือเป็นแค่ คู่นอน ไม่ได้สลักสำคัญเท่ากับเมียแต่งละครเรื่องนี้น่าจะเป็นความภาคภูมิใจของกระทรวงวัฒนธรรมและเจ้เบียบ-ระเบียบรัตน์เป็นแน่ ส่วนใครที่หาว่าทำไมดิฉันไม่มองในแง่มุมของผู้ชายบ้าง ว่าละครเรื่องนี้ก็เป็นการ สอน ผู้ชายในฐานะที่เป็น สามี เหมือนกันว่าให้กลับมาเป็น สามีที่ดี รักเดียวใจเดียว ให้เข้าใจว่าผู้หญิงแบบไหนที่เหมาะจะเป็นเมียแต่งที่มายืนอยู่เคียงข้างในทุกขณะของชีวิต ผู้หญิงแบบไหนที่เป็นได้เพียงคู่นอน และผู้หญิงแบบไหนที่ควรจะยกย่อง ใช่ค่ะในเรื่องราวของละครก็ สอน ผู้ชายในประเด็นดังกล่าว แต่ในการสอนนั้น ใช้บทเรียนของผู้หญิงคนหนึ่งเป็นตัวพิสูจน์ ที่ต้องประพฤติตัวตามหลักสูตรเมียแต่งที่ดีให้ครบทุกข้อ เพื่อที่จะให้สามีหันหลับมามอง มารัก มามีเซ็กซ์ด้วย มาอยู่เดียว รักเดียวใจเดียว (ชั่วคราวหรือถาวร ?)หากเราจะพูดอย่างแกนๆ โดยไม่มองเรื่องอารมณ์ความรู้สึก ความเป็นผัวเป็นเมีย เป็นเฟมินิสต์สุดแข็งกร้าว ก็จะเห็นได้ว่ามันช่างเป็นละครที่กดขี่ผู้หญิงภายใต้วาทกรรม เมียที่ดี เสียยิ่งกระไร ผัว (คงไคย) ไปนอนกับคนอื่น ไม่นอนกับเรา เราก็ไปนอนกับคนอื่นได้ไหม ฉัน (อรุณประไพ) ก็มีอารมณ์ทางเพศเหมือนกันนี่ ทำไมฉันจะต้องอดทนในพฤติกรรมที่ ทำร้ายจิตใจ กันภายใต้คำว่า ให้อภัย ด้วยล่ะ แล้วถ้าฉันไม่อยาก ให้อภัย แล้วเลือกศักดิ์ศรี จะดูเป็นผู้หญิง หรือเมียที่ไม่ดี ไม่อดทนไหม (อดทนแล้วมันจะได้ ดี ตอบแทนในอนาคตจริงไหม) ทำไมฉันจะต้องเหนื่อยทำทั้งงานบ้าน งานตัวเอง งานผัว ทำทุกอย่างทุกหน้าที่ นอกบ้านในบ้านเพื่อที่จะเป็นเมียที่ดี เพรียบพร้อม ด้วยล่ะ เลือกสักอย่างได้ไหม จะ ดี น้อยลงไหม หรือต้องโหมทุกอย่างให้สมบูรณ์ให้เพอร์เฟ็กต์ เนี้ยบไม่มีที่ติ (หลอกใช้กันหรือเปล่าวะเนี่ย)ทำไมและทำไมแต่ในความเป็นจริงเราตอบไม่ได้หรอก ต้องให้ผัวและเมียเขาถามและตอบกันเอาเอง สถาบันครอบครัว มันคงไม่ได้เลวร้ายไปเสียหมด ไม่ใช่นั้นคนอยากจะแต่งงานกันไปทำไม (ถึงแม้จะแต่งแล้วหย่าก็ตามเหอะ) เพียงแต่ว่าในกระบวนการการถาม (ตัวเอง) และหาคำตอบนั้น อย่าแบกคำว่าเมียแต่งที่ดีไว้เพื่อรอคำตอบที่เลื่อนลอย เพื่อเจ็บปวดจากการโดนผัวซ้อม เพื่อทำงานหนักโดนที่ผัวไม่ได้เหลียวแล จงชั่งใจให้หนักเอาเองว่า ภายใต้ความเจ็บปวดที่ได้รับ ไม่ว่าทางจิตใจหรือร่างกายนั้นคุ้มกับการขึ้นชื่อว่าได้เป็นเมียแต่งที่ดีหรือเปล่า และจงกล้าที่จะตัดสินใจที่จะอยากจะเลิกเป็นเมียแต่งที่ดี หากมันเกินจะทน อย่าไปยึดติดกับวาทกรรมการเป็นเมียที่ดีโดยไม่ดูผัวว่ามันดีหรือเปล่าก็แค่นั้นเอง อย่าทำตัวเป็นอรุณประไพ หากผลลัพธ์ที่ได้นั้นไม่เท่ากับที่เธอได้รับ ผัวสุดหล่อ หุ่นล่ำเซี๊ยะ มีธุรกิจของตัวเอง เป็นถึงประธานกรรมการบริษัทร่ำรวย แถมเม่ผัวก็มีมรดกมากมายที่รอวันตายแล้วคงยกให้ (เห็นไหมดิฉันไม่ได้ว่าอรุณประไพสักแอะ เพราะถ้าฉันเป็นอรุณประไพก็คาดว่าคงคาบหลักสูตรเดียวกัน)ถ้าได้อย่างที่อรุณประไพได้ก็จงท่องหลักสูตรการเป็นเมียแต่งที่ดีต่อไป แต่ถ้าได้ไม่เท่า ก็บวกลบคูณหารในใจแล้วค่อยตัดสินใจอีกที | เมียแต่ง : วิชาการเป็นเมีย (ที่ดี) 101 ฮัลโหลเย็นนี้ว่างหรือเปล่าเธอ ไปดริงก์กันม๊ะ โฟร์ซีซั่นนะ เพื่อนสาวโทรมาชวนไปนั่งดริงก์นั่งเมาท์ตามประสา เอ่อเป็นวันพุธ พฤหัส หรือศุกร์ ได้มั๊ยเธอ | วัฒนธรรม | ประชาไทบันเทิง,รุ้งรวี ศิริธรรมไพบูลย์,ละคร,อรุณประไพ,เมียแต่ง | https://prachatai.com/journal/2011/08/36424 |
แกงหน่อไม้แซ่บใส่ซอง ภูมิปัญญาผสานเทคโนโลยี | ชาวบ้านแถวนี้นิยมปลูกพืชผักประเภทหน่อไม้ เครื่องแกง เพื่อประกอบอาหารอีสานอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ปลูกแบบผสมผสาน กินเอง เหลือก็ขาย ต่อมากระแสรักษ์สุขภาพเริ่มมาแรง ปี 2558 จึงรวมตัวกับเพื่อนบ้าน 15 ครัวเรือน ตั้งกลุ่มทำเกษตรกรอินทรีย์ อ.นามน จ.กาฬสินธุ์ ปลูกพืชผักและหน่อไม้แบบอินทรีย์บนพื้นที่รวม 200 ไร่ ต่อมาหน่อไม้เริ่มล้นตลาด ราคาตก เลยกลายเป็นจุดเปลี่ยน เริ่มต้นแปรรูปหน่อไม้ดอง พัฒนาสู่แกงหน่อไม้กึ่งสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน ไม่ใส่ผงชูรส แบรนด์ภูฟาร์ม,จารุณี เสนารัตน์ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรรุ่นใหม่ อ.นามน จ.กาฬสินธุ์ บอกถึงที่มาของโปรดักส์แชมเปียนปี 2019 ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่ผสานวัฒนธรรมการกินแบบรสแซ่บถึงเครื่องของชาวอีสาน มาบรรจุในซองรูปแบบทันสมัย,หลังจากเริ่มต้นที่หน่อไม้ดอง จารุณี พบว่าจะพึ่งแต่ภูมิปัญญาดั้งเดิมอย่างเดียว ผลผลิตจะอยู่ได้ไม่นาน จำต้องอาศัยเทคโนโลยีจากผู้รู้เข้ามาช่วยเมื่อได้รับคำปรึกษาจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และอุตสาหกรรมภาค 5 ขอนแก่น แนะนำให้นำหน่อไม้ไปต้มให้สุกก่อนนำไปตากแห้ง เพื่อยืดอายุให้เก็บได้นานขึ้น พร้อมกับสนับสนุนนวัตกรรมโซลาร์โดมสำหรับอบหน่อไม้ เพื่อให้เนื้อหน่อไม้สวยสดเป็นธรรมชาติขึ้นและไม่ขึ้นรา,จากเดิมเคยเก็บได้นานแค่ 1–2 เดือน กลายมาเป็นเก็บได้ 1 ปีต่อมาจึงเกิดการต่อยอดหน่อไม้ดองเป็นแกงหน่อไม้ จับมาผสมกับ ผงนัว ภูมิปัญญาดั้งเดิมของชาวอีสาน หรือสมุนไพรไทยที่นำมาตากแห้งเป็นพริกแกง ใช้เป็นเครื่องปรุงในแกงหน่อไม้ ผสานกับใบหม่อน ที่ทำให้รสชาติกลมกล่อมขึ้น หลังจากใช้เวลาทดลองไม่นาน ปี 2560 จึงได้แกงหน่อไม้กึ่งสำเร็จรูป ไม่ใส่ผงชูรส พร้อมรับประทานแบรนด์ภูฟาร์ม บรรจุซอง รูปแบบสวยงามทันสมัย,ทุกวันนี้เราใช้หน่อไม้เดือนละ 1,000-2,000 กก. ประกันราคาให้สมาชิก กก.ละ 10-15 บาท ส่วนเครื่องแกงซื้อขายกันตามราคาตลาด เดือนละ 500 กก. วัตถุดิบทุกชนิดจากกลุ่มสมาชิก และกลุ่มเครือข่ายในพื้นที่ใกล้เคียง ผ่านการรับรองโดยมาตรฐานออร์แกนิกไทยแลนด์ มีการจ้างงานคนในชุมชนเข้ามาร่วมผลิต กระจายงานหลายๆส่วนไปให้ชุมชนช่วยกันทำ สร้างรายได้เข้าสมาชิกทั้ง 25 คน เดือนละ 40,000-50,000 บาท ก่อให้เกิดรายได้หมุนเวียนในชุมชนปีละนับแสนบาท,แกงหน่อไม้กึ่งสำเร็จรูป ประกอบไปด้วย หน่อไม้ เห็ดหูหนู ผัก เครื่องปรุง รวมอยู่ในซองเดียว รสชาติเข้มข้นถึงเครื่องแกงหน่อไม้สูตรอีสานโดยแท้ ไม่ใส่ผงชูรส การันตีความปลอดภัยโดย อย. บรรจุซองละ 100 กรัม ราคา 70 บาท วันนี้นอกจากเตรียมหาชิมได้ตามโมเดิร์นเทรด ซุปเปอร์มาร์เกตชั้นนำแล้ว ยังมุ่งเป้าไปที่การส่งออก โดยเฉพาะคนไทยในต่างแดน ถามรายละเอียดได้ที่ 09-3092-6907.,กรวัฒน์ วีนิล | จากเดิมเคยเก็บได้นานแค่ 1–2 เดือน กลายมาเป็นเก็บได้ 1 ปีต่อมาจึงเกิดการต่อยอดหน่อไม้ดองเป็นแกงหน่อไม้ จับมาผสมกับ ผงนัว ภูมิปัญญาดั้งเดิมของชาวอีสาน | ข่าว,สังคม | แกงหน่อไม้,กรวัฒน์ วีนิล,จารุณี เสนารัตน์,อาหารอีสาน,แกงหน่อไม้ซอง,แกงหน่อไม้กึ่งสำเร็จรูป,เกษตร | https://www.thairath.co.th/news/society/1681498 |
มทน.3 นำสื่อขึ้น ฮ. ดูทหารตัดทำลายไร่ฝิ่น กลางดอยผาแดง | ส่วนกฎหมายรู้ว่าผิด แต่ก็จำเป็นต้องทำ,
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 6 ธ.ค.60 พล.ท.สมพงษ์ แจ้งจำรัส แม่ทัพน้อยที่ 3 ในฐานะรองผู้บัญชาการ กองบัญชาการเฉพาะกิจศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองทัพภาคที่ 3 พร้อมด้วย นายชลัยสิน โพธิเจริญ รองเลขาฯป.ป.ส.เชียงใหม่ นำสื่อมวลชนเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ หลังจากที่ได้สั่งการให้กองพลทหารราบที่ 7 โดย กรมทหารราบที่ 7 กองพันทหารราบที่ 2 (ร.7 พัน2) เข้าตัดทำลายไร่ฝิ่นบนดอยผาแดงในพื้นที่บ้านป่าโหล บ้านสันป่าเกี๊ยะ ตำบลกึ้ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมลงพื้นที่ตัดทำลายไร่ฝิ่นจำนวน 2 ไร่ พร้อมกับเจ้าของที่เป็นคนปลูกฝิ่นและชาวบ้านในพื้นที่,ซึ่งการเดินทางเข้าไปในแปลงฝิ่นนั้น ต้องเดินเท้าจากลานจอดเฮลิคอปเตอร์เข้าไปในป่าอีกประมาณ 30 นาที ก็พบแปลงฝิ่นขนาดใหญ่ ฝิ่นนั้นเริ่มออกดอกเป็นสีต่างๆ ซึ่งที่นี่นั้นส่วนมากจะเป็นสีขาว และในครั้งนี้ชาวบ้านนั้นปลูกฝิ่นปะปนไปกับผักกาดจ้อนหรือว่าผักกาดกวางตุ้ง เพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัยของเจ้าหน้าที่เวลาลาดตระเวนทางอากาศ เจ้าหน้าที่จึงร่วมกับชาวบ้านช่วยกันทำลายแปลงฝิ่นดังกล่าว
,แม่ทัพน้อยที่ 3 กล่าวว่า พื้นที่บ้านป่าโหล บ้านสันป่าเกี๊ยะ ตำบลกึ้ดช้าง อำเภอแม่แตง พบว่ายังคงมีชาวเขาลักลอบปลูกฝิ่นอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการเปิดพื้นที่ใหม่ในป่าลึก หน่วยต้องเดินทางด้วยเท้าเข้าไปด้วยความยากลำบาก ทั้งนี้ คาดว่าปริมาณฝิ่นในปีนี้อาจจะลดลงเนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน อย่างไรก็ตามทางด้าน เจ้าของแปลงฝิ่นเผยว่า ฝิ่นนี้ปลูกมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ และที่เธอมาปลูกฝิ่นก็เพราะต้องการใช้เงินมาเลี้ยงครอบครัว และหาเงินในการลงทุนทำสวนส้ม ส่วนกฎหมายนั้นรู้ว่าผิด แต่ก็จำเป็นต้องทำ. | แม่ทัพน้อยที่ 3 นำสื่อมวลชนขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ดูทหารตัดทำลายไร่ฝิ่นบนดอย อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ พร้อมกับให้เจ้าของไร่ฝิ่นมาตัดด้วยตัวเอง ขณะที่เจ้าของไร่ฝิ่นเผยว่า ปลูกมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ เพราะต้องใช้เงินเลี้ยงครอบครัว | ข่าว,ทั่วไทย | ไร่ฝิ่น,ตัดฝิ่น,ทำลายไร่ฝิ่น,ดอยผาแดง,กองทัพน้อยที่3,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/north/1146162 |
กกจ. เตือน ใกล้ฤดูเก็บผลไม้ป่าสวีเดน-ฟินแลนด์ ระวังถูกหลอก | เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. นายอนุรักษ์ ทศรัตน์ อธิบดีกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน แจ้งว่า ขณะนี้ใกล้ถึงฤดูกาลเก็บผลไม้ป่าในประเทศสวีเดนและฟินแลนด์ ซึ่งอยู่ในช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายนของทุกปีแล้ว โดยในแต่ละปีจะมีคนหางานสนใจไปทำงานกันเป็นจำนวนมาก จึงอาจเป็นช่องทางให้บุคคลหรือกลุ่มบุคคลชักชวนพี่น้องคนหางานให้ไปทำงานผ่านทางสื่อต่าง ๆ โดยเฉพาะสื่อโซเชียลว่ามีรายได้ดี และอาจเรียกเก็บเงินค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ดังนั้นจึงขอให้ไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนตัดสินใจไปทำงาน โดยต้องศึกษาข้อมูลให้ชัดเจนก่อน อย่างไรก็ตาม เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนถึงฤดูกาลเก็บผลไม้ป่าในสวีเดนและฟินแลนด์ ในปี 2561 นี้ จึงขอแจ้งเตือนว่า การเก็บผลไม้ป่า (ผลเบอรรี่) เป็นงานหนัก ต้องทำงานในสภาพอากาศที่หนาวเย็น พื้นที่ลาดชัน เป็นภูเขา ไม่ใช่เก็บในฟาร์ม บางครั้งต้องเดินทางไกล ผู้ที่ไม่แข็งแรงอาจเจ็บป่วยหรือประสบอุบัติเหตุมีอันตรายถึงชีวิตได้ ทั้งยังไม่สามารถควบคุมธรรมชาติให้มีผลเบอร์รี่ออกมาจำนวนมากได้ เพราะบางครั้งมีปัญหาสภาพอากาศแปรปรวน ทำให้ผลไม้ออกจำนวนน้อย ประกอบกับราคาผลไม้ขึ้นอยู่กับกลไกตลาดในแต่ละปี และไม่มีการประกันราคา จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ในการเก็บผลไม้และมีร่างกายที่แข็งแรงเท่านั้น,สำหรับค่าใช้จ่ายนั้น ผู้จะเดินทางไปเก็บผลไม้ป่าจะเสียค่าใช้จ่ายก่อนเดินทางไปทำงานไม่น้อยกว่า 65,000 บาทต่อคน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เช่น ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ เป็นต้น และยังมีค่าใช้จ่ายหักจากรายได้ในสวีเดนหรือฟินแลนด์เป็นค่าที่พัก ค่าเช่ารถยนต์ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าอาหารและอื่นๆ อีกประมาณ 1,000 บาทต่อวัน จึงต้องเก็บให้ได้มากกว่า 50 กิโลกรัมต่อวัน จึงจะคุ้มกับค่าใช้จ่ายระหว่างอยู่ในประเทศสวีเดนและฟินแลนด์ นอกจากนี้ การพิจารณาวีซ่ายังเป็นอำนาจของทางการสวีเดนและฟินแลนด์ หากสมัครไปมากแต่ทางการสวีเดนและฟินแลนด์ไม่อนุมัติวีซ่าให้เข้าไปทำงานก็ไม่สามารถเดินทางไปทำงานตามที่คาดหวังไว้ได้ ทั้งนี้ ในปี 2561 กรมการจัดหางานได้รับโควตา เป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 7,400 คน เป็นโควตาในประเทศสวีเดน 4,900 คน และฟินแลนด์ จำนวน 2,500 คน ซึ่งในปี 2560 ที่ผ่านมา กรมการจัดหางานได้จัดส่งแรงงานไทยไปเก็บผลไม้ป่า รวมทั้งสิ้นจำนวน 5,183 คน จำแนกเป็นจัดส่งไปเก็บผลไม้ป่าที่ประเทศสวีเดน จำนวน 3,040 คน และประเทศฟินแลนด์ จำนวน 2,143 คน,นายอนุรักษ์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า แรงงานไทยที่จะเดินทางไปทำงานต่างประเทศทุกคน ควรสมัครเป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ เพื่อสิทธิประโยชน์และได้รับการคุ้มครองดูแล หากประสบอันตราย เสียชีวิต พิการ หรือเกิดปัญหาในต่างประเทศ ผู้ที่สนใจไปทำงานเก็บผลไม้ป่าในประเทศสวีเดนและฟินแลนด์ ติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ ฝ่ายพิจารณาอนุญาตฯ 2 กรมการจัดหางาน โทร. 02 245 6712-14 หรือที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือโทร.สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน. | กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เตือนแรงงานไทยอย่าหลงเชื่อผู้ชักชวนหลอกไปเก็บผลไม้ป่าที่สวีเดนและฟินแลนด์ เผยปีนี้ได้โควตา 7,400 คน เป็นสวีเดน 4,900 คน ฟินแลนด์ 2,500 คน | ข่าว,ทั่วไทย | กรมจัดหางาน,กระทรวงแรงงาน,แรงงานไทย,เก็บผลไม้สวีเดน,เก็บผลไม้ฟินแลนด์,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1321339 |
ตร.พหลโยธินรวบผัวเมียค้ายานรก ส่งขายให้วัยรุ่น ยึดของกลางได้เพียบ | เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 18 ม.ค. มีรายงานว่า พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. รับรายงานจาก พล.ต.ต.พัฒนา เพศยนาวิน ผบก.น.2 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน นำโดยพ.ต.อ.อรรถวุฒิ นิวาตโสภณ ผกก.สน.พหลโยธิน พ.ต.ท.ปิยะวัฒน์ พัชรนิตยธรรม รองผกก.สส.สน.พหลโยธิน พ.ต.ท.ชลากร ปานแดง สว.สส.สน.พหลโยธิน ร.ต.อ.สุนทร ไตรเวช ร.ต.อ.เกียรติศักดิ์ กลิ่นจันทร์ รอง สว.สส.สน.พหลโยธิน และฝ่ายสืบสวน ร่วมกันจับกุม นายณัฐดนัย หรือเบส วรอริยเมศร์ อายุ 22 ปี และ น.ส.ณีรนุช หรือน้ำ สิงห์ทอง อายุ 23 ปี 2 สามีภรรยา พร้อมของกลางยาเคตามีน น้ำหนัก 1.06 กรัม ยาบ้า 59800 เม็ด ยาไอซ์ 6 ถุง น้ำหนัก 1539.75 กรัม ยาอี 470 เม็ด ยาเคตามีน 131.41 กรัม จับกุมได้ภายในบ้านพักเลขที่ 233/39 ห้อง เอ- 7 ส.กิจเจริญ อพาร์ทเมนต์ ซอยลาดพร้าว 41 ถนนลาดพร้าว แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กทม. เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 17 ม.ค. ที่ผ่านมาสืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พหลโยธิน ได้รับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.(กทม.) ว่าผู้ต้องหาทั้งสองลักลอบจำหน่ายยาเสพติด เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. (กทม.) นำกำลังพร้อมหมายค้นจากศาลอาญา ไปตรวจสอบพบผู้ต้องหาทั้งสองอยู่ในบ้านดังกล่าว ตรวจค้นพบยาเสพติดของกลางทั้งหมดวางอยู่บนชั้นวางของจากการสอบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง ส่วนยาเสพติดทั้งหมดเป็นของนายแอฟ ไม่ทราบนามสกุล ผู้ต้องหารับหน้าที่นำยาเสพติดไปวางตามจุดต่างๆ ที่นายแอฟ สั่งโดยจะได้ค่าจ้างครั้งละ 300 บาท ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่นในละแวกใกล้เคียง แจ้งข้อหานายณัฐดนัย มีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (เคตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 1 (ยาอี) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน หรือยาไอซ์ยาบ้า หรือยาอี) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วน น.ส.ณีรนุช แจ้งข้อหา ร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (เคตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาไอซ์ยาบ้า หรือยาอี) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตนำผู้ต้องหาทั้งสองพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนสน.พหลโยธิน ดำเนินคดีและขยายผลติดตามนายแอฟ มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป. | ตำรวจ สน.พหลโยธิน แถลงการจับกุม 2 สามีภรรยา ลักลอบค้ายาเสพติดให้กับกลุ่มวัยรุ่น คาบ้านพักย่าน ซ.ลาดพร้าว 41 ได้ของกลางเพียบทั้งยาไอซ์ ยาบ้า ยาอี และ ยาเค โดยจะเร่งขยายผลหาตัวเจ้าของยา | ข่าว,อาชญากรรม | ผัวเมียค้ายาบ้า,สน.พหลโยธิน,ขายยาเสพติด,ยาบ้า,ยาไอซ์,ยาเค,ยาอี,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/crime/1750400 |
นายกฯ หวั่นน้ำท่วมฉับพลับ 27-30 ก.ค. สั่ง ปภ.เข้าดูแลพื้นที่เสี่ยง | เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 27 ก.ค. 58 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากรายงานกรมอุตุนิยมวิทยา ที่คาดว่าในช่วงวันที่ 27-30 ก.ค. ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ จะพัดปกคลุมทะเลอันดามัน มีร่องมรสุมพาดผ่านประเทศไทยตอนบน จะทำให้มีฝนตกชุก และตกหนักในบางพื้นที่ และอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. จึงได้มีการกำชับให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ โดยเฉพาะกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประสาน 28 จังหวัดพื้นที่เสี่ยง ได้แก่ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ สกลนคร มุกดาหาร นครพนม อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ เลย หนองบัวลำภู ตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก อุตรดิตถ์ สุโขทัย เพชรบูรณ์ ลำปาง เชียงใหม่ ลำพูน แม่ฮ่องสอน เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด,พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า โดยนายกฯ สั่งให้ทุกหน่วยงานเร่งประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรับทราบ ผ่านทุกช่องทาง ทั้งสื่อหลัก และวิทยุกระจายเสียงชุมชน และติดตามตรวจสอบจุดระบายน้ำ ทั้งในเขตเมือง เขื่อน ฝาย อ่าง คันกั้นน้ำทุกจุด เพื่อไม่ให้มีสิ่งกีดขวาง รวมถึงจุดที่คาดว่าจะมีประชาชนหรือนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ต้องดูแลเป็นพิเศษ เพื่อวางแผนการเตือนภัยเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ หากเกิดเหตุ และให้รายงานผลการติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง และประชาชนปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่. | นายกฯ หวั่น 27-30 ก.ค. น้ำท่วมฉับพลัน หลังกรมอุตุฯ คาดลมมรสุมจะพัดปกคลุม ทำให้มีฝนตกชุก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก สั่ง ปภ.ดูแล ปชช. 28 จังหวัดพื้นที่เสี่ยงมรสุม และรายงานติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด
| null | สรรเสริญ แก้วกำเนิด,รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ,กรมอุตุนิยมวิทยา,เกิดน้ำท่วมฉับพลัน,ประยุทธ์ จันทร์โอชา,นายกฯและหัวหน้า คสช.,ปภ.,28จังหวัดพื้นที่เสี่ยง,เตือนภัย,ติดตามสถานการณ์24ชม.,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวการเมือง | https://www.thairath.co.th/content/514512 |
ข้อแตกต่างวันปีใหม่อิสลาม และสากล | เป็นที่ทราบกันดีว่าคนไทยมีการแบ่งช่วงเวลาและนับศักราช โดยใช้พื้นฐานจากความเชื่อตามแนวพุทธศาสนาที่คนไทยส่วนใหญ่นับถือและเบื้องหลังด้านรูปแบบการปกครองอันได้แก่1.พ.ศ.หรือพุทธศักราชเป็นการนับศักราชแบบตะวันออกที่นับถือพระพุทธศาสนา โดยเริ่มนับตั้งแต่ปีที่พระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานเป็นพ.ศ. 12.จ.ศ.หรือจุลศักราชหรือ ศักราชน้อยเป็นศักราชที่ไทยใช้กันก่อนใช้รัตนโกสินทร์ซึ่งเริ่มภายหลังพุทธศักราช1181ปีมาภายหลังก็ค่อย ๆ ลดความนิยมลงไป3.ร.ศ.หรือรัตนโกสินทร์ศกเริ่มใช้ตั้งแต่ปีที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกร.1สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานีใน พ.ศ. 2325สำหรับการแบ่งช่วงเวลาสากลที่นิยมใช้ทั่วโลกนั้น จะแบ่ง ค.ศ.หรือคริสต์ศักราช เป็นการนับตามแบบตะวันตก หรือประเทศที่นับถือ ศาสนาคริสต์โดยเริ่มนับจากปีประสูติของพระเยซูคริสต์ และในปีปัจจุบันคือค.ศ.2013ในขณะที่ ฮ.ศ. หรือฮิจเราะห์ศักราชนั้น นิยมใช้ในประเทศแถบตะวันออกกลางที่นับถือศาสนาอิสลามและชุมชนมุสลิมรวมทั้งจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยนับตั้งแต่ปีที่ศาสดามุฮัมมัดอพยพจากเมืองมักกะห์ไปเมืองมะดินะห์ประเทศซาอุดิอารเบียนับเป็นปีฮ.ศ. 1ซึ่งตรงกับค.ศ. 610หรือราว พ.ศ. 1153สำหรับในปีนี้ กล่าวคือ 1 มกราคมพ.ศ. 2556ซึ่งเป็นปีใหม่สากลกับ ปีฮิจเราะห์ศักราชอิสลามใหม่ หรือ 1 เดือน มุฮัรรอม ฮ.ศ.1434 มีความห่างกันหนึ่งเดือนครึ่ง (ตรงกับวันพฤหัสที่ที่ 15 พฤศจิกายน 2555 )ปี ค.ศ.และปี พ.ศ. นั้นคิดตามการหมุนเวียนของดวงอาทิตย์ ในขณะที่ปี ฮ.ศ. ตามดวงจันทร์ ซึ่งในคัมภีร์อัลกุรอานมีการกล่าวถึงดวงอาทิตย์33ครั้ง มีการกล่าวถึงดวงจันทร์27ครั้ง รวมกันได้60ครั้ง คิดเป็นค่าเฉลี่ยเท่ากับ30ครั้งในอัลกุรอาน มีการกล่าวถึงคำว่า ซะห์รุ (Shahr) ที่แปลว่า เดือน12ครั้ง ซึ่งก็รวมทั้งที่เราได้อ่านกันบ่อยในเดือนรอมฏอน นั้นคือซูเราะห์ อัลกอดร์ ซึ่งมีอยู่ตอนหนึ่ง ความว่า (ลัยลาตุลกอดร์ มีความประเสริฐกว่า1000เดือน)12เดือน เท่ากับ1ปี ในทุก ๆ ชนชาติ และอริยธรรมใหญ่ๆ ในโลกนี้ จะคิดรอบ1ปี ด้วยระยะเวลา12เดือนทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นจีน อินเดีย ฯลฯ (โปรดดู)ความเป็นจริงฮิจเราะห์เป็นคำภาษาอาหรับ ตามรากศัพท์แปลว่า การตัดขาด หรือการเคลื่อนย้าย แต่เมื่อพิจารณาความหมายในทางวิชาการแล้วจะหมายถึง:การละทิ้งสิ่งที่พระเจ้าทรงห้าม หรือการโยกย้ายจากสถานที่ที่น่าสพรึงกลัวไปยังสถานที่ที่ปลอดภัย หรือการอพยพจากสถานที่อันไม่สามารถแสดงตนเป็นมุสลิมไปสู่อาณาจักรอิสลามสำหรับวิถีวัฒนธรรมของมุสลิมจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในอดีตหลายชุมชนสำหรับผู้เฒ่าผู้แก่ ก็จะมีการอ่านบทขอพรเป็นการส่วนตัวหรือหมู่คณะในมัสยิดของชุมชนเพื่อขอภัยโทษในอดีตที่ผ่านมา และขอความเป็นศิริมงคลในปีถัดไป ถึงแม้หลายชุมชน หรือหลายคนจะไม่ปฏิบัติเพราะถือว่าท่านศาสนฑูต มุฮัมมัด ไม่เคยทำเป็นแบบอย่างแต่ในช่วงยี่สิบปีก่อนหน้านี้ พบว่า โรงเรียนสอนศาสนา ไม่ว่าจะเป็นศูนย์อบรมประจำมัสยิด (ตาดีกา) โรงเรียนเอกชนสอนศาสนา จะมีกิจกรรมรำลึกปีฮิจเราะห์ศักราชใหม่อย่างเอิกเกริก ซึ่งมีกิจกรรมมากมายในงาน ไม่ว่าจะเป็นการเดินพาเหรดเชิงสร้างสรรค์ การประกวดกิจกรรมบนเวทีกีฬาต่างๆ ทั้งพื้นบ้านและสากล รวมทั้งการบรรยายธรรมเรื่องคุณค่าและบทเรียนฮิจเราะห์ศักราชใหม่สำหรับหลักการที่เกี่ยวข้องกับการฮิจเราะห์สามารถทำความเข้าใจได้ดังนี้ (โปรดดู วิสุทธิ์ บิลล่าเต๊ะ .การฮิจเราะห์ในประชาไทออนไลน8/9/2548)1.ในยุคแรกของอิสลาม การฮิจเราะห์ถูกกำหนดให้เป็นหน้าที่ของผู้ปฏิญาณตนเข้ารับอิสลามทุกคน จากเมืองมักกะห์ ไปยังเมืองมาดีนะห์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ใประเทศซาอุดิอาระเบียทั้งนี้เพื่อสร้างประชาคมมุสลิมที่นครมาดีนะห์เป้นมหานครแห่งสันติสุข เนื่องจากประชากรมุสลิมที่นั่นมีน้อย ยกเว้นคนอ่อนแอที่ขาดปัจจัย เช่น คนชรา เด็ก สตรีหรือทาส เป็นต้น2.ภายหลังการบุกเบิกนครมักกะห์ในปีที่8หลังการฮิจเราะห์ (ของศาสนฑูตมูฮัมหมัด) บทบัญญัติเกี่ยวกับการฮิจเราะห์ ก็เปลี่ยนไป เนื่องจากสถานการณ์ในมักกะห์เปลี่ยนไป กล่าวคือการปฏิบัติศาสนากิจใดๆ สามารถทำได้โดยอิสระเสรี การฮิจเราะห์จึงไม่จำเป็นอีกต่อไปดังวัจนะของศาสนฑูตมุฮัมหมัด ที่บันทึกไว้โดยอิหม่ามบูคอรีย์และมุสลิมความ ว่าไม่มีการฮิจเราะห์อีกแล้ว หลังการบุกเบิกมักกะห์ แต่การณ์ทั้งหลายขึ้นอยู่กับการเจตนาและการต่อสู้(บันทึกไว้โดยอิหม่ามบูคอรีย์และมุสลิม)3.โดยนัยยะนี้ อิหม่ามชาฟีอีย์ จึงระบุในตำราอัลอุมของท่านว่าวัตรปฏิบัติแห่งบรมศาสดา บ่งชี้ว่า ข้อกำหนดให้ฮิจเราะห์สำหรับผู้ที่สามารถทำได้นั้น เป็นข้อบังคับเหนือผู้ที่ไม่สามารถดำรงตนเป็นมุสลิมอยู่ได้ในแผ่นดินที่ผู้นั้นอยู่อาศัย (ส่วนผู้ที่สามารถดำรงตนเป็นมุสลิมได้อย่างเสรีก็ไม่จำเป้นต้องฮิจเราะห์)เห็นได้จากที่บรมศาสนฑูตอนุญาตให้ลุงของท่าน คือ อับบาส และคนอื่นๆ อีกหลายคน คงอยู่ในมักกะห์ต่อไป เพราะคนเหล่านี้เข้มแข็งพอที่จะรักษาความเป็นมุสลิมของเขาไว้ได้ฮาฟิซ อิบนุ หะญัร กล่าวไว้ในตำราฟัตหุล บารีเล่มที่7หน้า229ว่าโดยนัยนี้ผู้ที่สามารถเคารพสักการะบูชาอัลเลาะห์ได้ ในแผ่นดินใดก็ตามที่เขาอยู่ เขาไม่จำเป็นต้องฮิจเราะห์ แต่ถ้าทำไม่ได้ก็จำเป็นในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ 2556 ถึงแม้ตามหลักการอิสลามมุสลิมจะร่วมฉลองอย่างคนสากลไม่ได้เพราะมีหลักเกณฑ์ วิถีปฏิบัติตามศาสนบัญญัติห้ามไว้ แต่มิได้หมายความว่าจะอวยพรในวาระที่ดีๆ ของคนอื่น วัฒนธรรมอื่น อันเป็นการแสดงน้ำใจที่ดีต่อต่างศาสนิกภายจรรยาบรรณของอิสลามมิได้ ดั่งเช่นคำอวยพรของผู้นำศาสนาอิสลามอียิปต์ ศ.กร.อาลี ญุมอะห์ต่อชาวคริสเตียนในอียิปต์ในวัน คริสต์มาสปีนี้ (โปรดดูในhttps://www.facebook.com/photo.php?fbid=577724435587120&set=a.567624673263763.147366.172793899413511&type=1&ref=nf)ดังนั้นในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ 2556 และ ฮ.ศ.1434 นี้ หวังว่าทุกคนคงจะไม่ลืมทบทวนเรื่องราวในอดีต ปี 2555 /ฮ.ศ. 1434 โดยเฉพาะเหตุการณ์ร้ายในจังหวัดชายแดนใต้ดังนั้นขอให้เหตุร้ายต่างๆ จงอพยพจากเราไป และทดแทนด้วยความสุขและสมานฉันท์คนที่เป็นคนผิดก็จงกลับใจเป็นคนดีสมกับเป้าหมายของการฮิจเราะห์มุสลิมเองก็ควรยึดหลักการอยู่ร่วมอย่างสันติตามคำสั่งของพระเจ้า แนวทางศาสนฑูตมูฮัมมัดและอัครสาวกของท่าน ดังที่อัลลอฮได้ตรัสไว้ความว่า อัลลอฮมิได้ทรงห้ามพวกเจ้าเกี่ยวกับบรรดาผู้ที่ไม่ได้ต่อต้านเจ้าในเรื่องศาสนา และพวกเขามิได้ขับไล่พวกเจ้าออกจากบ้านเรือนของพวกเจ้าในการที่พวกเจ้าจะทำความดี แก่พวกเขาและให้ความยุติธรรมแก่พวกเขา แท้จริงอัลลอฮทรงรักผู้มีความยุติธรรม? (ซูเราะฮอัลมุนตะฮินนะฮ:8)ท่านศาสดาได้เป็นแบบอย่างของการทำความดีต่อชนต่างศาสนิก ดั่งรายงานจากอบูอุบัยด์ ในหนังสือal-Amwalหน้า613 (quoted in al-Qardhawi1994 : 2/275ว่า ท่านนบีเคยบริจาคทานแก่ญาติผู้ตายชาวยิวในขณะที่ท่านเดินผ่าน อีกสายรายงานหนึ่ง โดยมุฮัมหมัด บิน อัลหะซัน กล่าวไว้ในหนังสือSart al- Sairเล่ม1หน้า144 quoted in al Qardhawi 1994 2/274)ว่า ท่านศาสดาเคยบริจาคทานแก่คนยากจนชาวมุชริกีนมักะฮ(ผู้บูชาเทวรูป)ในสมัยอุมัรอิบนุค๊อฎฏ๊อบ กาหลิบ (คอลีฟะฮ) ที่2ผู้ทรงธรรม เคยนำเงินจากองทุนบัยตุลมาล (คลังของรัฐ) ให้แก่ผู้ขัดสน อนาถา ชาวคัมภีร์(คริสต์และยิว) โดยท่านได้ยกโองการความว่า?แท้จริงซะกาตนั้นเป็นกรรมสิทธฺของผู้ยากจน และอนาถา?และท่านกล่าวเสริมว่า นี่คือผู้ยากจน อนาถา ชาวคัมภีร์ (โปรดดูหนังสือFigh al- Zakah : Qardhawi1993 2/705-706 )และเมื่อท่านอุมัร (ร่อฎียัลลอฮุอันฮ) ไปเยี่ยมราษฎรที่เมืองชาม(ซีเรียปัจจุบัน) ณ ที่นั่นท่าพบชาวคริสต์เผ่ามุจซูมีน ซึ่งประสบความลำบาก ดังนั้น ท่านจึงใช้เจ้าหน้าที่กองคลัง บัยตุลมาล นำเงินกองทุนดังกล่าวจ่ายให้กับพวกเขา(al-Qardhawi1994: 2/675)ในสมัยอับดุลลอฮ อิบนุอุมัร (ตาบีอีน) ได้กำชับลูกของท่าน ให้บริจาคเนื้อกุรบานแก่เพื่อนชาวยิว (al-Qardhawi1994: 676)อิหม่ามอิบนุฮัซมิ ปราชญ์นามอุโฆษได้กล่าวไว้ในหนังสือal-Mahalliเล่ม5หน้า117 (Quoted in al-Qardhaui1994:676 ?บรรดาศอหาบะฮ (สหายศาสดา) หลายต่อหลายท่านเคย เดินตามหลังศพสตรีชาวยิว?เป็นการแสดงความเสียใจแก่ญาติผู้เสียชีวิต ในขณะเดียวกันบรรดาตาบิอีน (สหายศอหาบะฮ) หลายท่านเช่นกันเคยจ่ายซะกาตฟิตร์(ทานบังคับ) ให้แก่นักบวชชาวคริสต์เพราะเขาเหล่านั้น เช่น อักรอมะฮ อิบนุซีรีน และอัซซุฮรีย์ มีทัศนะว่า การจ่ายซะกาตแก่นักบวชชาวคริสต์เป็นสิทธิที่ทำได้ (al-Qardhawi1994: 676)ท่านอิหม่ามละฮาบุดดีน อัรก๊อรรอฟีย์ ปราชญผู้ยิ่งใหญ่อีกท่าหนึ่งของโลกอิสลาม ได้อธิบายความหมายของคำว่าal-Birการทำความดี อย่างน่าสนใจไว้ในหนังสือal-Furukเล่ม3หน้า15 ( quoted in al - Qurdhawi1994: 677)การทำความดี หมายถึง การช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแอ การบริจาคทานแก่ผู้ยากจน การให้อาหารแก่ผู้ที่โหยหิวการให้เครื่องนุ่งห่มแก่ผู้ขัดสนการพูดจาไพเราะอ่อนโยนการให้ความเมตตาการปรึกษาหารือซึ่งกันและกันเพื่อขจัดความแตกต่างและขัดแย้งการขอพรให้ผู้คนได้รับทางนำอันถูกต้องและประสบโชคการตักเตือนผู้ที่กระทำความผิด ไม่ว่าเกี่ยวกับการทำมาหากินหรือเกี่ยวกับศาสนาการรักษาความลับของผู้อื่นและอื่นๆ อีกมากมายที่เป็นความดีนี่คือหลักการของศาสนาอิสลาม และแนวปฏิบัติของท่านศาสดากับบรรดากัลญาณชนมุสลิมในยุค300ปีแรกของอิสลามซึ่งถือเป็นยุคที่ดีที่สุดและศาสดาได้ทรงรับรองเอาไว้ว่า ประชาชาติที่ดีที่สุด นั้นคือประชาชาติซึ่งมีชีวิตอยู่ในศตวรรษของฉัน แล้วบรรดาผู้ที่ต่อจากเขาเหล่านั้นและต่อจากเขาเหล่านั้นอีก(บันทึกโดยal- BukhariในKitab Fadhail al-Sahabah Ba Fadhail Ashab al-Nabiหมายเลขหะดีษ3650 n.d. : 3/71)และหากมุสลิมสามารถเป็นแบบอย่างต่อผู้อื่นได้ก่อนผู้เขียนมีทัศนะว่าฮิจเราะห์ศักราชใหม่จะเป็นปีของการสร้างสมานฉันท์และสันติสุขได้อย่างแน่นอนขอย้ำว่ามุสลิมที่ดีต้องเริ่มก่อนดังที่ศาสนฑูตได้เริ่มก่อนในสังคมที่เต็มด้วยความป่าเถื่อนและไร้อารยธรรมก่อนที่ท่านจะฮิจเราะห์(อพยพ)สู่เมืองมะดีนะห์ | ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตากรุณาเสมอ ขอความสันติสุขจงมีแด่ศาสนทูตมุฮัมมัดผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีวันปีใหม่อิสลาม และสากลแด่ผู้อ่านทุกท่านหรือSelamat Tahun Baru 1434 Hijriah/2556/2013 | วัฒนธรรม,การศึกษา | วันปีใหม่,ศาสนาอิสลาม,อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บิน ชาฟิอีย์ | https://prachatai.com/journal/2013/01/44484 |
สุดทน แฟน ฮัลล์ ก่อหวอดไล่ ปธ.สโมสร ก่อนเกมทุบจิ้งจอก | สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน วันที่ 14 ส.ค. ว่า ควันหลงก่อนเกมนัดเปิดสนามพรีเมียร์ลีกคู่ระหว่าง ฮัลล์ ซิตี้ เปิดบ้านพบ เลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งความวุ่นวายเกิดขึ้นเล็กน้อย เมื่อแฟน เดอะ ไทเกอร์ส ก่อหวอดชุมนุมประท้วง พร้อมกับชูป้ายขับไล่ประธานสโมสรชาวอียิปต์ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากไม่พอใจแผนการเสริมทีมในช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา ,โดยก่อนเปิดฤดูกาลใหม่เพียงแค่ 2 สัปดาห์ สตีฟ บรูซ กุนซือใหญ่ ซึ่งสามารถพาทีมเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุดได้อีกครั้งในรอบหลายปี ประกาศลาออกชนิดช็อกแฟนบอล เนื่องจากไม่พอใจที่ อัสเซม อัลลาม ประธานสโมสรใส่เกียร์ว่างไม่ยอมเสริมทัพตามที่ต้องการ เพียงเพราะกำลังอยู่ในช่วงของการเจรจาเทคโอเวอร์ให้กับกลุ่มทุนชาวจีน ,ทำให้ก่อนเกมนัดเปิดสนามที่ต้องรับมือทีมแชมป์เก่าอย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา แฟนบอล ฮัลล์ ซิตี้ หลายพันคนได้แสดงพลังด้วยการชูป้ายขับไล่ พร้อมกับใช้สีสเปรย์พ่นข้อความ Allam out รวมถึงในระหว่างเกมยังพร้อมใจกันชูใบแดง เพื่อกดดันให้เจ้าของสโมสรชาวอียิปต์ลาออกจากตำแหน่ง หวังเปิดทางให้กับกลุ่มทุนใหม่เข้ามาบริหารทีมโดยเร็วที่สุด ,ทั้งนี้ มีรายงานว่า กลุ่มทุนใหม่ชาวจีนพร้อมทุ่มเงินเพื่อเข้ามาฮุบกิจการของทีมดังแห่งย่านยอร์คเชียร์ในอีกไม่ช้า หลังผ่านการตรวจสอบจากเอฟเอและคณะกรรมการของพรีเมียร์ลีกเรียบร้อยแล้ว. | สาวก เดอะ ไทเกอร์ส พร้อมใจประท้วงพร้อมชูป้ายขับไล่ประธานสโมสรชาวอียิปต์ หลังไม่พอใจที่บอร์ดบริหารใส่เกียร์ว่างในการเสริมทัพช่วงปิดซีซั่น จนเป็นเหตุให้ สตีฟ บรูซ น้อยใจ และไขก๊อกไปก่อนหน้านี้ไม่นาน | null | ฮัลล์ ซิตี้,พรีเมียร์ลีก,อัสเซม อัลลาม,สตีฟ บรูซ,ข่าว,ข่าวกีฬา,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/content/690233 |
สตช.จัดกำลังตำรวจรับมือเลือกตั้ง 180000 นาย | ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้ง เตรียมกำลังตำรวจ 180000 นาย ดูแลหน่วยเลือกตั้งทั่วประเทศในวันพรุ่งนี้ (3 ก.ค.) และกำชับให้เข้มงวดกวดขันกรณีหาเสียงไม่ให้เกิน 18.00 น. รวมถึงการใช้ช่องทางโซเชียลเน็ตเวิร์กของพรรคการเมือง และผู้สมัครต่างๆ ส่วนช่วงเวลาการนับคะแนนได้มอบหมายให้ตำรวจที่อยู่ประจำหน่วยเลือกตั้งจะต้องรายงานเข้ามายังศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้งทุกนาที คาดว่าจะสามารถทราบผลไม่เกิน 22.00 น.ขณะที่มาตรการระดมกวาดล้างอาชญากรรมช่วงเลือกตั้งตั้งแต่วันที่ 16-30 มิถุนายนที่ผ่านมา ตำรวจจับอาวุธปืนได้ 1048 กระบอก อาวุธสงคราม 16 กระบอก ระเบิด12 รายการ และเครื่องกระสุนปืนอีก 60 รายการ ส่วนการจับผู้ต้องหาคดีค้างเก่า 901 คนและได้ผู้ต้องหาเกี่ยวกับคดียาเสพติด 11423 คดี ส่วนกรณีการร้องเรียนตำรวจวางตัวไม่เป็นกลางมีทั้งหมด 42 ราย 31 เรื่อง แยกเป็นสัญญาบัตร 28 ราย ชั้น ประทวน 14 ราย จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ดำเนินการด้านปกครองไปแล้ว 13 ราย โดยเป็นการให้ช่วยราชการนอกพื้นที่ | สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดกำลังตำรวจดูแลความเรียบร้อย และประจำหน่วยเลือกตั้ง 180000 นาย เพื่อรับมือเลือกตั้งในวันพรุ่งนี้ (3 ก.ค.) | การเมือง | Election54,ตำรวจ,หาเสียง,อาชญากรรม,เลือกตั้ง,โซเชียลเน็ตเวิร์ก | https://news.thaipbs.or.th/content/20031 |
ผบ.ทบ.สั่งกอ.รมน.ภาค 4เร่งติดตามผู้ก่อเหตุยิงชาวบ้านจ.ปัตตานี | พันเอกปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ระบุ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกสั่งเร่งติดตามผู้ก่อเหตุ ซึ่งขณะนี้หน่วยเฉพาะกิจปัตตานีสนธิกำลัง 3 ฝ่าย ปิดล้อม 5 จุด ในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อติดตามค้นหาผู้ก่อเหตุอยู่ ซึ่งพบหลักฐานที่สอดคล้องกับเหตุการณ์ โดยเฉพาะเชื่อมโยงกับปลอกกระสุนปืนหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุจำนวน 126 ปลอก โดยเจ้าหน้าที่ได้เก็บส่งพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ รวมถึงการตรวจสอบกล้องซีซีทีวีส่วนเป้าหมายการก่อเหตุครั้งนี้ เชื่อว่าผู้ก่อเหตุพยายามสร้างความแตกแยก และขัดแย้ง ระหว่างชาวไทยพุทธ และชาวไทยมุสลิม ซึ่งพันเอกปราโมย์ ระบุว่า ไม่อยากให้เชื่อมโยงการก่อเหตุกับกระบวนการพูดคุยสันติภาพ โดยเฉพาะข้อเสนอ 5 ข้อ ของบีอาร์เอ็น ซึ่งไม่ควรตื่นตะหนกกับข้อเสนอจนเกินไป และสิ่งที่เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ทำอย่างต่อเนื่องคือการบังคับใช้กฎหมาย ดูแลความสงบ ปลอดภัยอย่างเข้มข้นต่อไป | ผู้บัญชาการทหารบกสั่งการให้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เร่งติดตามผู้ก่อเหตุยิงประชาชนเสียชีวิต 6 คนที่จังหวัดปัตตานี โดยหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี สนธิกำลังเข้าปิดล้อมพื้นที่ที่คาดว่าผู้ก่อเหตุหลบหนีซุกซ่อนตัว | ภูมิภาค | กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ,กอ.รมน.,ชาวบ้าน,ปัตตานี,ผบ.ทบ.,พันเอกปราโมทย์,ยิง | https://news.thaipbs.or.th/content/166563 |
เปิดสถิติสุดอึ้ง เจิดกุนซือเหนือมู-เป๊ป พาเรนเจอร์สทุบ 1-0 สรุปผลยูโรปา | อกัน,การแข่งขันฟุตบอลยูโรปาลีก รอบเพลย์ออฟ นัดแรกวันที่ 23 ส.ค. เป็นการพบกันระหว่าง เรนเจอร์ส ยอดทีมแดนขี้เมาที่มี สตีเวน เจอร์ราร์ด อดีตแข้งระดับตำนานของลิเวอร์พูล เป็นกุนซือ เปิดบ้าน ไอบร็อกซ์ สเตเดียม พบกับ อูฟา ทีมจากรัสเซีย,ผลปรากฎว่า เรนเจอร์ส เปิดบ้านเอาชนะ อูฟ่า ไปได้ 1-0 จากประตูชัย คอนเนอร์ โกลด์สัน โขกประตูจากลูกเตะมุมนาทีที่ 41 ให้ทีมกุมความได้เปรียบก่อนในเลกแรก,และชัยชนะนัดนี้ทำให้ เจอร์ราร์ด ยืดสถิติคุมทีมเรนเจอร์สไร้พ่ายเป็นเกมที่ 12 ติดต่อกัน ก่อนที่โลกโซเชียลจะนำสถิติของ เจอร์ราร์ด ที่คุมทีมเรนเจอร์ส 12 เกมแรกไร้พ่าย เหนือกว่า เป๊ป กวาร์ดิโอลา ตอนคุมแมนฯซิตี้ 12 เกมแรก และ โชเซ มูรินโญ ที่คุมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 12 เกมแรก โดยทั้งคู่แพ้ไปคนละ 2 เกมเท่ากัน,ส่วนผลการแข่งขันคู่อื่นมีดังนี้,โอลิมเปียกอส ชนะ เบิร์นลีย์ 3-1,ซิกมา โอโลมุค แพ้ เซบีญา 0-1,ซูดูวา เสมอ เชลติก 1-1,ตอร์ปิโด กูไตซี แพ้ ลูโดกาเรตส์ 0-1,เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ชนะ โมลด์ 3-1,เทรนซิน เสมอ เออีเค ลาร์คานา 1-1,อาโปเอล ชนะ อาสตานา 1-0,เชรีฟ ทีราสปอล ชนะ คาราบัก 1-0,ซาร์ปสบอร์ก ชนะ มัคคามี เทลอาวีฟ 3-1,มัลโม เสมอ มิดทิลแลนด์ 2-2,อตาลันตา เสมอ โคเปนเฮเกน 0-0,บาเซิล ชนะ อพอลลอน 3-2,ดูเดแลนเก ชนะ ซีเอฟอาร์ คลูจ 2-0,ซอร์ยา เสมอ ไลป์ซิก 0-0,เกงค์ ชนะ บรอนด์บี 5-2,เอ็นเค โอลิมปิยา ลูบยานา แพ้ เทอร์วานา 0-2,ปาร์ติซาน เสมอ เบซิคตัส 1-1,ราปิด เวียนนา ชนะ สเตอัว บูคาเรสต์ 3-2,เกนท์ เสมอ บอร์กโดซ์ 0-0,โรเซนบอร์ก ชนะ สเคนด์ยา 3-1 | สตีเวน เจอร์ราร์ด อดีตกัปตันระดับตำนานของ หงส์แดง ลิเวอร์พูล กำลังเดินทางบนถนนสายกุนซืออย่างสวยหรูล่าสุด พาเรนเจอร์ส เปิดบ้านอัดทีมจากรัสเซีย 1-0 พร้อมกับเก็บสถิติไร้พ่ายยาวนาน 12 นัดติดต่ | กีฬา,ฟุตบอลยุโรป | สตีเวน เจอร์ราร์ด,เป๊ป กวาร์ดิโอลา,โชเซ มูรินโญ,เรนเจอร์ส,ยูโรปา ลีก | https://www.thairath.co.th/sport/eurofootball/1361087 |
ศรีวราห์ เชื่อเหตุบึ้ม สตูล-พัทลุง เชื่อมโยงกัน ผู้ก่อเหตุ 2-6 คน | วันนี้ (12 มี.ค.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุลอบวางระเบิด 3 จุดในตัวเมืองสตูล โดยเฉพาะบริเวณภายในสถานีตำรวจภูธรเมืองสตูล ซึ่งได้รับความเสียหายอย่างหนัก เนื่องจากเป็นการวางระเบิดแสวงเครื่อง ซึ่งซุกซ่อนไว้ในรถจักรยานยนต์ ก่อนที่จะเรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนเหตุลอบวางระเบิดทั้งที่เกิดขึ้นใน จ.พัทลุง และ จ.สตูล มาประชุมร่วมกันพล.ต.อ.ศรีวราห์ เปิดเผยว่า เหตุระเบิดที่ จ.สตูล และ จ.พัทลุง มีความเชื่อมโยงกัน ซึ่งคดีมีความคืบหน้าไปมาก จากการแกะรอยจากกล้องวงจรปิดพบว่ามีกลุ่มผู้ต้องสงสัยตั้งแต่ 2-6 คน ซึ่งตำรวจรู้รายละเอียดของผู้ต้องสงสัยทั้งชื่อและที่อยู่แล้ว แต่ต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้มีความรอบคอบรัดกุมมากที่สุด เพื่อเตรียมขออนุมัติหมายจับจากศาลส่วนบรรยากาศยามเช้าที่ตลาดสดเทศบาลเมืองสตูล มีประชาชนออกมาจับจ่ายเลือกซื้อข้าวของกันตามปกติ และยังคงมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นหลายจุด โดยเห็นว่าเหตุระเบิดจะยิ่งซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนเพิ่มมากขึ้น โดยชาวบ้านได้ตั้งคำถามถึงช่องว่างของหน่วยงานภาครัฐในการป้องกันเหตุรุนแรง ขณะที่บางคนเห็นว่าทุกฝ่ายจะต้องตื่นตัวออกมาร่วมกันสอดส่องดูแลบ้านเมือง เพื่อป้องกันเหตุรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้อีกขณะเดียวกัน ขณะนี้ประชาชนใน จ.สตูล ทุกศาสนาทุกกลุ่มมวลชนและทุกสาขาอาชีพ ต่างออกมาแสดงพลังต่อต้านความรุนแรง เพราะเห็นว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นการทำลายบรรยากาศการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขของประชาชน จ.สตูล ที่มีมาอย่างยาวนานหลายร้อยปีนายพิทักษ์สิทธิ์ ชีวรัฐพัฒน์ ประธานหอการค้า จ.สตูล กล่าวว่า แม้เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นจะเชื่อมโยงกับหลายปัจจัย แต่คาดว่าจะส่งผลกระทบด้านความเชื่อมั่นในระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งจากนี้ไปทุกฝ่ายใน จ.สตูล ต้องหันมาทบทวนตัวเอง และร่วมกันก้าวไปข้างหน้า | รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เชื่อว่ากลุ่มผู้ต้องสงสัยลอบวางระเบิดในพื้นที่ จ.สตูล และ จ.พัทลุง มีความเชื่อมโยงกัน ซึ่งตำรวจเร่งรวบรวมพยานหลักฐานผู้ก่อเหตุลอบวางระเบิดใน จ.สตูล คาดว่ามีตั้งแต่ 2-6 คน เพื่อที่จะขออนุมัติหมายจับจากศาลโดยเร็วที่สุด | ภูมิภาค | ระเบิด,ลอบวางระเบิด,พัทลุง,สตูล,สงขลา,โยกย้ายตำรวจ,ย้ายตำรวจ,บุคคลต้องสงสัย,ภาพวงจรปิด,หมายจับ,ThaiPBSnews,ThaiPBS,ไทยพีบีเอส,ข่าวไทยพีบีเอส | https://news.thaipbs.or.th/content/278337 |
กฟผ.เฝ้าระวังน้ำในเขื่อนภูมิพลรับฤดูแล้ง | นายอมร แก่นสารี ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขื่อนภูมิพล การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก ล่าสุดมีระดับน้ำต้นทุนสะสมในอ่างเก็บน้ำ อยู่ที่ 5,887 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 43% ของความจุเขื่อน แต่มีระดับน้ำที่ใช้งานได้จริง อยู่ที่ 1,978 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 20% ของความจุเขื่อน,ซึ่งระดับน้ำดังกล่าว เป็นระดับใกล้เคียงกับปีก่อน ขณะเดียวกัน เขื่อนภูมิพล ได้รับคำสั่งจากคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำ ให้เตรียมพร้อมการบริหารจัดการน้ำรองรับช่วงฤดูแล้งปี 2563 เพื่อให้เพียงพอต่อการอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศ โดยตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2562-30 เม.ย.2563 ได้กำหนดให้ปล่อยน้ำปริมาณ 1,300 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือวันละ 7-8 ล้าน ลูกบาศก์เมตรเท่านั้น,ระดับน้ำสะสมขณะนี้ แม้เป็นปริมาณที่ค่อนข้างต่ำ แต่ยังไม่อยู่ในภาวะวิกฤติของน้ำต้นทุนสะสมเหมือนช่วงปี 2558 ที่เขื่อนภูมิพล มีระดับต่ำสุดเหลือไม่ถึง 20% ของความจุเขื่อน ทำให้ต้องประหยัดการใช้น้ำมาก และขณะนี้ยังสามารถบริหารจัดการได้ แต่อยู่ในภาวะต้องเฝ้า ระวัง และขอให้ประชาชนอย่าวิตกกังวล เพราะ กฟผ.จะบริหารจัดการน้ำอย่างระมัดระวัง และคำนึงถึงการอุปโภคบริโภคเป็นอันดับแรก,นอกจากนี้ กฟผ.อยู่ระหว่างศึกษาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำ หรือโซลาร์ลอยน้ำ ในเขื่อนภูมิพล กำลังการผลิต 778 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น 3 ระยะ ใช้พื้นที่รวม 8,000 ไร่ ตั้งเป้าหมายจะจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ หรือ COD โดยระยะที่ 1 กำลังการผลิต 158 เมกะวัตต์ ซีโอดีปี 2569 ระยะที่ 2 กำลังการผลิต 300 เมกะวัตต์ ซีโอดีปี 2573 และระยะที่ 3 กำลังการผลิต 320 เมกะวัตต์ ซีโอดีปี 2576,หากผลการศึกษาแล้วเสร็จ และได้รับการอนุมัติจากภาครัฐ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างระยะที่ 1 ได้ในปี 2565 ส่วนระยะที่ 2 ต้องรอประเมินผลจากความสำเร็จของระยะที่ 1 ก่อน ซึ่งการก่อสร้างโซลาร์ลอยน้ำที่เขื่อนภูมิพลไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากต้องมาพิจารณาว่า จะสามารถติดตั้งเสาส่งไฟฟ้าได้อย่างไร เพราะเกี่ยวข้องกับพื้นที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และต้องดูว่าจะขัดขวางการเดินเรือภายในเขื่อนหรือไม่ รวมทั้งต้องขออนุญาตกรมเจ้าท่า อีกทั้งเขื่อนภูมิพลมีพื้นที่แคบ และระดับน้ำค่อนข้างลึก การก่อสร้างขนาดใหญ่ทำได้ลำบากกว่าเขื่อนสิรินธรที่มีพื้นที่กว้าง ต้องรอผลการศึกษาที่เหมาะสมก่อน,ทั้งนี้ การผลิตไฟฟ้าโซลาร์ลอยน้ำในเขื่อนภูมิพล เป็นการออกแบบการผลิตไฟฟ้าที่มีขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้า เท่ากับการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำจากเขื่อน อยู่ที่ 778 เมกะวัตต์ เพื่อถัวเฉลี่ยต้นทุนค่าไฟฟ้าไม่ให้สูงขึ้น หรืออยู่ในกรอบที่ภาครัฐกำหนดต้นทุนต้องไม่เกิน 2.40 บาทต่อหน่วย เพราะต้องยอมรับว่า การผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์ลอยน้ำยังมีต้นทุนสูงอยู่ที่ประมาณ 4-5 บาทต่อหน่วย โดยประโยชน์จากการติดตั้ง โซลาร์ลอยน้ำในเขื่อนนั้น ถือเป็นการใช้พื้นที่เขื่อนให้เกิดประโยชน์สูงสุด และลดปัญหาการต่อต้านจากชุมชน ที่นับว่าเป็นอุปสรรคสำคัญในการจัดตั้งโรงไฟฟ้าใหม่ในอนาคต,สำหรับการผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำ ปัจจุบันเขื่อนภูมิพลมีกำลังผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ อยู่ที่ 778 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการปรับปรุงเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เครื่องที่ 7 จากทั้งหมด 8 เครื่อง หลังจากใช้งานมา 20 ปี จะแล้วเสร็จในวันที่ 11 ก.ค.2563 ใช้งบลงทุน 600 ล้านบาท เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าสูงขึ้น. | นายอมร แก่นสารี ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขื่อนภูมิพล การไฟฟ้าฝ่ายผลิต แห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก ล่าสุดมีระดับน้ำต้นทุนสะสมในอ่างเก็บน้ำอยู่ที่ 5,887 | ข่าว,เศรษฐกิจ | เขื่อนภูมิพล,กฟผ.,อมร แก่นสารี,ฤดูแล้ง,การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย,โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์,ผลิตไฟฟ้า | https://www.thairath.co.th/news/business/1719783 |
นักข่าวสาว NHK เหยื่อรายล่าสุดที่สะท้อนความเสี่ยงของการทำงานหนักจนตาย | คุณเป็นหนึ่งคนที่กำลังทำงานหนักเกินไปหรือเปล่า? จนทำให้คุณอยากจะร้องเพลง เสมอ ของปู-พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ ดังๆ เพื่อบอกให้เจ้านายได้รับรู้ถึงความเหน็ดเหนื่อยที่คุณมี ภาระหน้าที่การทำงานที่หนักอึ้งและยาวนานกำลังกลายเป็นปัญหาสำคัญที่พนักงานบริษัทส่วนใหญ่ในเอเชีย โดยเฉพาะญี่ปุ่นต้องพบเจอ จากงานวิจัยพบว่า ลูกจ้างชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่มีชั่วโมงการทำงานที่ยาวนานกว่าประเทศอื่นๆ ในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉลี่ยแล้วพวกเขามีโควต้าวันลาเพียง 8.8 วันต่อปีเท่านั้นในปี 2015 และน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของลูกจ้างทั้งหมดที่จะได้รับค่าจ้างในช่วงที่ทำงานล่วงเวลา ความเครียดและความอ่อนล้าจากการทำงานอย่างหนักนี้เองที่ทำให้ลูกจ้างจำนวนมากต้องจบชีวิตลง ทั้งการเสียชีวิตอย่างฉับพลัน (จากการที่ร่างกายทนทำงานต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว) หรือแม้แต่เลือกที่จะคร่าชีวิตของตัวเองเพื่อยุติปัญหาทั้งหมด ซึ่งจากการรายงานสถิติเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายครั้งล่าสุด (2015) ขององค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่า คนญี่ปุ่นตัดสินใจฆ่าตัวตายมากกว่า 20000 คนต่อปี นับว่าเป็นประเทศที่มีอัตราการฆ่าตัวตายของพลเมืองสูงเป็นอันดับที่ 1 ในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลกอย่าง G7 ซึ่งสะท้อนถึงภาวะปัญหาด้านสุขภาพจิตของพลเมืองที่ต้องรีบเยียวยาแก้ไขโดยด่วน เมื่อตารางชีวิตส่วนใหญ่มีแต่งาน งาน งาน และงาน วัฒนธรรมการทำงานของชาวญี่ปุ่นกลายเป็นที่ถกเถียงกันอีกครั้ง หลังจากสื่อท้องถิ่นหลายสำนักนำเสนอข่าวการเสียชีวิตของนักข่าวสาว วัย 31 ปี ที่มีชื่อว่า มิวะ ซาโดะ (Miwa Sado) ซึ่งทำงานอยู่ในสำนักข่าวยักษ์ใหญ่อย่าง NHK ในกรุงโตเกียว เธอเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจล้มเหลวฉับพลันตั้งแต่ปี 2013 เนื่องมาจากการทำงานหนักมากเกินไป ในเดือนที่เสียชีวิต เธอมีวันหยุดเพียง 2 วันเท่านั้น และยังทำงานมากกว่า 159 ชั่วโมง โดยอดีตเจ้านายเก่าของเธอเพิ่งออกมาชี้แจงรายละเอียดการตายของเธอในสัปดาห์นี้นี่เอง มาซาฮิโกะ ยามาอูชิ (Masahiko Yamauchi) เจ้าหน้าที่อาวุโสของสำนักข่าว NHK กล่าวว่า การเสียชีวิตของซาโดะสะท้อนว่าองค์กรมีปัญหาในเรื่องของชั่วโมงการทำงานที่ต้องรีบแก้ไขอย่างเร่งด่วน เขาใช้เวลากว่า 3 ปีก่อนที่เขาจะตัดสินใจออกมาเผยเรื่องนี้ให้สาธารณชนได้รับรู้ เพื่อเป็นเกียรติแก่การจากไปของบุคลากรที่ทำงานอย่างหนักเพื่อองค์กร ทางด้านพ่อแม่ของนักข่าวที่เสียชีวิตเผยว่า ถึงแม้ว่าจะผ่านไปกว่า 4 ปีแล้ว พวกเราก็ยังไม่เคยทำใจได้เลยว่าลูกสาวของเราได้จากไปแล้วจริงๆ พวกเราหวังว่า ความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับครอบครัวเราจะไม่เสียเปล่า โดยพวกเขาหวังว่าการเสียชีวิตของซาโดะจะเป็นรายชื่อท้ายๆ ของผู้ที่เสียชีวิตจากการทำงานหนักมากเกินไปภายในสังคมการทำงานของญี่ปุ่น ชั่วโมงการทำงานที่มากเกินไป ส่งผลต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตของลูกจ้างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยังไม่นับรวมเรื่องสภาพแวดล้อมการทำงานหรือลักษณะนิสัยของเพื่อนร่วมงาน โดยเฉพาะเจ้านายที่อาจจะโมโหร้ายและจู้จี้จนอาจจะสร้างภาวะตึงเครียดและความกดดันให้แก่พวกเขามากยิ่งขึ้นไปอีก ทำให้ลูกจ้างญี่ปุ่นจำนวนมากตัดสินใจฆ่าตัวตายและอาจจะประสบกับปัญหาป่วยเป็นโรค Karōshi หรือ สภาวะทำงานหนักมากเกินไปจนตาย (Overwork Death) ได้ในที่สุด รัฐบาลญี่ปุ่น นำโดยนายชินโซ อาเบะ (Shinzo Abe) นายกรัฐมนตรี ระบุว่าในช่วงเดือนมีนาคม ปี 2016 มีลูกจ้างญี่ปุ่นตัดสินใจฆ่าตัวตายมากกว่า 2000 คน ซึ่งล้วนมาสาเหตุมาจากการทำงานหนักมากจนเกินไป ทั้งนี้รัฐบาลจึงพยายามออกมาตรการเพื่อควบคุมและจำกัดชั่วโมงการทำงานที่เหมาะสมให้แก่ผู้ประกอบการและนายจ้างทุกคน เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตที่เกิดขึ้นจากสภาวะทำงานหนักมากเกินไปจนตายที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น หากไม่เร่งจัดการแก้ไขโดยด่วน ….หากคุณเป็นอีกคนที่กำลังเข้าข่ายลักษณะอาการนี้ สิ่งที่ต้องทำอันดับต้นๆ คือการสำรวจตรวจสอบทางเลือกและหนทางเจรจาต่อรองที่คุณมี ถ้าท้ายที่สุดแล้วผลลัพธ์ที่ได้คือการทำงานที่หนักเกินไปเหมือนเดิม ไม่แน่ว่า Its time to say goodbye. อาจจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคุณPhoto: TOSHIFUMI KITAMURA/AFPอ้างอิง: | งานวิจัยพบว่า ลูกจ้างชาวเอเชีย โดยเฉพาะญี่ปุ่น มีชั่วโมงการทำงานที่ยาวนานกว่าประเทศอื่นๆ ในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉลี่ยแล้วพวกเขามีโควต้าวันลาเพียง 8.8 วันต่อปีเท่านั้น และน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของลูกจ้างทั้งหมดที่จะได้รับค่าจ้างในช่วงที่ทำงานล่วงเวลา ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะประสบกับปัญหาป่วยเป็นโรค Karōshi หรือ สภาวะทำงานหนักมากเกินไปจนตาย (Overwork Death) สูงมากจากการรายงานสถิติเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายครั้งล่าสุด (2015) ขององค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่า คนญี่ปุ่นตัดสินใจฆ่าตัวตายมากกว่า 20000 คนต่อปี นับว่าเป็นประเทศที่มีอัตราการฆ่าตัวตายของพลเมืองสูงเป็นอันดับที่ 1 ในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลกอย่าง G7 | null | null | https://thestandard.co/japanese-journalist-overwork-death/ |
ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ สนองพระปณิธานสร้างอาคารผู้ป่วยด้อยโอกาสทั่วไป : เฉลิมพระเกียรติ เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ | ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ สถาบันการศึกษาซึ่งจัดตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ.ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ พ.ศ.2559 เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช พยาบาล สาธารณสุข และสิ่งแวดล้อม ผลิตผลงานวิจัย พัฒนาองค์ความรู้ใหม่ ที่นำมาปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม และการให้บริการทางการแพทย์ที่เป็นเลิศด้วยมาตรฐานสากล บนหลักเสมอ ภาคไม่เหลื่อมล้ำ,และเนื่องในโอกาสที่ ศ.ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัย ลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ 5 รอบ ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2560 ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จึงจัดให้มีโครงการและกิจกรรมเพื่อเฉลิมพระเกียรติ,ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา ทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ได้มีโครงการเดิน-วิ่งการกุศล ครั้งที่ 1 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงเจตนารมณ์ในการร่วมสืบสานพระปณิธาน และร่วมเฉลิมฉลองการเปิดให้บริการของอาคาร ศูนย์การแพทย์จุฬาภรณ์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสร้างพลังใจที่ยิ่งใหญ่ส่งต่อให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็ง โดยรายได้จากการจัดโครงการนี้จะนำไปสมทบทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งของโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เพื่อสร้างโอกาสให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งยากไร้และด้อยโอกาสได้เข้าถึงการรักษาพยาบาลที่ได้มาตรฐานและยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็ง ขณะเดียวกัน สำหรับผู้ที่ไม่ได้ร่วมวิ่งแต่ต้องการร่วมสมทบทุน สามารถบริจาคให้แก่ผู้ป่วยโรคมะเร็งยากไร้ได้ที่บัญชีรับบริจาคเลขที่บัญชี 468-0-64276-3 ธนาคารไทยพาณิชย์ ชื่อบัญชี ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เดิน วิ่ง การกุศล (บริจาค),ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เล่าถึงโครงการที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ทำว่า เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี และน้อมสำนึกในพระกรุณาธิคุณ ศ.ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬา ภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ที่ทรงอุทิศพระองค์ในพระกรณียกิจน้อยใหญ่เพื่อประชาชนชาวไทยให้ได้รับโอกาสและคุณประโยชน์อย่างยิ่งจากพระกรณียกิจและโครงการในพระดำริต่างๆ ที่เป็นไปเพื่อการพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของพสกนิกรชาวไทย โดยเฉพาะในด้านการแพทย์และการสาธารณสุข ด้วยมีพระปณิธานอันแน่วแน่ที่จะทรงช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้และผู้ป่วยด้อยโอกาส โดยมีพระดำริให้ก่อตั้งโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ขึ้น เพื่อให้บริการรักษาโรคมะเร็งแบบครบวงจร เน้นการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ป่วยด้อยโอกาสที่ทรงพบเห็นทั่วประเทศ เพื่อให้พ้นความทุกข์ทรมาน ต่อมามีพระดำริให้ขยายบริการของโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ให้ครอบคลุมการรักษาทุกโรค เพื่อช่วย เหลือประชาชนให้ได้มีโอกาสเข้ารับการรักษาอย่างมีคุณภาพมาตรฐานและเท่าเทียมกัน,โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เดิมทีเป็นโรงพยา บาลเฉพาะทางด้านโรคมะเร็ง แต่ด้วยพระองค์ท่านเห็นว่าการรักษาโรคที่ผ่านมายังไม่ครอบคลุมผู้ป่วยโรคอื่นๆ เช่น เวลามีผู้ป่วยโรคทั่วไป เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ รพ.จุฬาภรณ์ต้องส่งต่อผู้ป่วยไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่นๆ ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยไม่สะดวกในการเดินทาง และถึงแม้ว่าเราจะเชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็ง และมีผู้ป่วยโรคมะเร็งเข้ามารักษาที่โรงพยาบาลประมาณ 400-500 คนต่อวัน และร้อยละ 90 เป็นผู้ป่วยโรคมะเร็ง แต่ก็ยังมีอีกร้อยละ 10 ที่ป่วยด้วยโรคทั่วไป จึงจำเป็นต้องมีการขยายการให้บริการเพิ่มเติมในส่วนของผู้ป่วยทั่วไป ดังนั้น ในปี 2560 ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ได้ดำเนินโครงการจัดสร้างอาคารผู้ป่วยทั่วไป เพื่อสนองพระปณิธานอันแน่วแน่ที่จะขยายการให้บริการรักษาพยาบาลของ รพ.จุฬาภรณ์ โดยจัดสร้างอาคารโรงพยาบาลส่วนขยายขนาด 50 เตียง ภายในศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนแจ้งวัฒนะ ในนาม ศูนย์การแพทย์จุฬาภรณ์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ ศ.ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา โดย โรงพยาบาลที่มีการขยายนี้จะสามารถเปิดให้บริการได้ในวันที่ 1 ธ.ค.2560 ศ.นพ.นิธิ กล่าวถึงการสร้างอาคาร ศูนย์การแพทย์จุฬาภรณ์เฉลิมพระเกียรติ และการขยายเตียงผู้ป่วยเพิ่ม,เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ยังขยายภาพการดำเนินโครงการจัดสร้างอาคารผู้ป่วยทั่วไปด้วยว่า ศูนย์การแพทย์จุฬาภรณ์เฉลิมพระเกียรติ จะเสร็จสมบูรณ์และเปิดอย่างเป็นทางการครบ 50 เตียงครั้งแรก ในวันที่ 8 ม.ค.2561 ซึ่งในศูนย์ดังกล่าวจะมีศูนย์เฉพาะทาง 3 ศูนย์ ประกอบด้วย ศูนย์หัวใจและหลอดเลือด ศูนย์กระดูกและข้อ และ ศูนย์เต้านม นอกจากศูนย์การแพทย์จุฬาภรณ์ฯ 50 เตียงแล้ว ยังจะมีการดำเนินโครงการจัดสร้างอาคารผู้ป่วยทั่วไป เพื่อสนองพระปณิธานอันแน่วแน่ที่จะขยายการให้บริการรักษาพยาบาลของศูนย์การแพทย์จุฬาภรณ์ฯ ซึ่งอยู่ในกำกับของ รพ.จุฬาภรณ์ขนาด 400 เตียง ในอีก 4 ปี นับจากนี้ด้วย ทั้งนี้ พระองค์ทรงมีความเป็นห่วงผู้ป่วยอย่างมาก มีรับสั่งว่า ผู้ป่วย แค่ป่วยก็มีความทุกข์มากแล้ว ดังนั้น เราต้องให้การรักษา และดูแลเขาให้ดี สถานที่ต้องสะอาด ผู้ป่วยทุกคนเข้าถึง ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยยากไร้ หรือฐานะปานกลาง,นับเป็นพระกรุณาธิคุณอันล้นพ้นต่อพสกนิกรชาวไทยโดยเฉพาะผู้ด้อยโอกาส เพื่อเข้าถึงรักษาที่เท่าเทียมอย่างยั่งยืน.,ทีมข่าวสาธารณสุข | โดย ศ.ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงเป็นประธานสภาราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ วัตถุประสงค์ คือ มุ่งผลิตบัณฑิต และบุคลากรทางด้านวิทยาศาสตร์ ด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ | ข่าว,สังคม | ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์,เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี,สร้างอาคารผู้ป่วยด้อยโอกาสทั่วไป,ทีมข่าวสาธารณสุข,ศูนย์การแพทย์จุฬาภรณ์,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/society/1137128 |
ทีมตํารวจไทยหน่วยต่างชาติระดมล้าง 16 จุด สื่อลามกเด็ก | เนเธอร์แลนด์ บิ๊กโจ๊ก ยืนยันมาตรการนี้ยังคงดำเนินต่อไป ทุกพื้นที่ของประเทศ หากถูกจับจะมีโทษจำคุก 5-10 ปี ทั้งผู้ครอบครอง เผยแพร่และผลิต,ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 22 พ.ย. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม.พร้อมตัวแทนจากศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และหน่วยงานจากต่างประเทศ อาทิ หน่วยงานปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหราชอาณาจักร สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐอเมริกา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนเธอร์แลนด์ ร่วมกันแถลงผลปราบปรามกวาดล้างสื่อลามกอนาจารเด็ก สามารถจับกุมผู้ต้องหาชาวไทย 6 คน ของกลางวัตถุพยานทางอิเล็กทรอนิกส์จำนวน 18 ชิ้น ภายในมีไฟล์ภาพลามกอนาจารเด็กมากกว่า 1,000 ไฟล์,พล.ต.ท.สุรเชษฐ์เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากการร่วม ประชุมหารือวางแนวทางการปฏิบัติการกวาดล้างสื่อ ลามกอนาจารเด็ก มีตัวแทนจากหน่วยงานดังกล่าวเข้าร่วม ภายใต้วัตถุประสงค์สร้างความตระหนักรับรู้ให้กับประชาชนชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ได้ รับทราบถึงกฎหมายคุ้มครองเด็ก ในมิติของการป้องกันการเผยแพร่สื่อลามกดังกล่าว หากผู้ใดมีไว้ในความครอบครอง จะมีความผิดและถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอาญา,จากการสืบสวนและวิเคราะห์ข้อมูลร่วมกัน พบจุดที่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าเป็นแหล่งสำคัญในการเผยแพร่สื่อลามกอนาจารเด็กบนอินเตอร์เน็ตในประเทศ ไทยหลายจุด หลังกลั่นกรองและรวบรวมพยานหลักฐาน สามารถกำหนดพื้นที่เบื้องต้นได้ 16 จุด ประกอบด้วย กทม. จ.พิษณุโลก จ.สุโขทัย จ.กำแพงเพชร จ.เชียงใหม่ จ.ฉะเชิงเทรา จ.สงขลา จ.นนทบุรี จ.ปทุมธานี จ.ภูเก็ต 3 จุด จ.นครราชสีมา 2 จุด และเมืองพัทยา จ.ชลบุรี 2 จุด กระทั่งวันที่ 20 พ.ย. หน่วยงานทั้งหมดร่วมสนธิจัดกำลังนำหมายศาลอาญา เข้าตรวจค้นพร้อมกันทั้ง 16 จุด มีหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต่างประเทศเข้าร่วม สังเกตการณ์ กระทั่งจับกุมผู้ต้องหาพร้อมยึดของกลางไว้ได้ ส่งให้พนักงานสอบสวนสำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินคดีตามฐานความผิดของแต่ละราย,สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ที่จับกุมได้เป็นคนไทยทั้งหมด มีรสนิยมทางเพศชอบเด็กๆ ส่วนภาพที่ถ่ายไว้จะเก็บไว้ดูเอง ส่งต่อในกลุ่มมีรสนิยมทางเพศเหมือนกันหรือส่งให้กลุ่มลูกค้า ขอเตือนบุคคลที่มีพฤติกรรมลักษณะนี้ กระทำผิดกฎหมายอาญา หากมีภาพไว้ในครอบครองจะต้องโทษจำคุก 5 ปี ผู้เผยแพร่มีโทษจำคุก 7 ปี ส่วนผู้ผลิตจะมีโทษจำคุก 10 ปี ฉะนั้นอย่าได้มีรูปเหล่านี้ไว้ในครอบครองหรือแชร์ส่งต่อเป็นอันขาด ส่วนการสืบสวนตามจับผู้กระทำความผิดในลักษณะนี้จะยังดำเนินต่อไปทุกพื้นที่ทั่วประเทศ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์กล่าว | กวาดล้างสื่อลามกอนาจารเด็ก 16 จุดทั่วประเทศ หลังสนธิกำลังหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ระหว่างไทย อังกฤษ สหรัฐอเมริกา | ข่าว,ทั่วไทย | กวาดล้าง,สื่อลามก,สื่อลามกเด็ก,สุรเชษฐ์ หักพาล,ข่าวหน้า1,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1427446 |
ปรับร้อยเดียว ดราม่าใบขับขี่ชั่วคราว ตร.จับ นร.ขี่รถเกิน 110 ซีซี (ชมคลิป) | กลายเป็นประเด็นถกเถียงขึ้นมาในสังคมออนไลน์ กรณีวันที่ 1 ธ.ค. นักเรียนชาย วัย 18 ปี ได้โพสต์คลิปวิดีโอร้องเรียนผ่านเฟซบุ๊ก โดนตำรวจ สน.พญาไท ออกใบสั่งในข้อหา ใช้ใบขับขี่ไม่ถูกประเภทที่ได้รับอนุญาต เป็นจำนวนเงิน 1,000 บาท เนื่องจากใบขับขี่รถจักรยานยนต์ที่มีอยู่นั้น เป็นประเภทส่วนบุคคลชั่วคราว มีจำกัดให้ขับขี่รถปริมาตรกระบอกสูบไม่เกิน 110 ซีซี แต่รถที่นักเรียนขับขี่อยู่นั้น 150 ซีซี,ซึ่งในคลิปนักเรียนชายได้แย้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ได้ไปขอเปลี่ยนเป็นใบอนุญาตขับขี่เป็นประเภทส่วนบุคคลจากขนส่งฯ แล้ว เนื่องจากอายุ 18 ปี แต่ขอไม่ได้ เพราะต้องมีอายุการใช้งานครบ 1 ปีก่อน ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ตอบกลับมาว่า ได้ยึดตามใบขับขี่ที่เขียนด้านหลังว่า ไม่เกิน 110 ซีซี ถ้าขอไม่ได้ ก็ต้องขับขี่รถไม่เกิน 110 ซีซี,นอกจากนี้ นักเรียนคนดังกล่าว ยังได้นำกระทู้ในเว็บไซต์ในพันทิปดอทคอมมาโพสต์ชี้แจงเพิ่มเติม ในกรณีที่มีคนถามว่า ใบขับขี่ 110 ซีซี ถ้าอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์แล้ว จะกลายเป็นไม่จำกัดซีซีเลยใช่หรือไม่ หรือต้องไปทำใบขับขี่ใหม่ ซึ่งศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐฯ สายด่วน 1111 ก็ได้มาตอบว่า สามารถใช้ใบอนุญาตขับรถเดิมได้ไปจนกว่าหมดอายุ กรณีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์แล้ว ก็สามารถขับขี่รถจักยานยนต์ เกิน 110 ซีซีได้ ยังไม่ต้องยื่นทำใหม่,หลังจากที่คลิปนี้เผยแพร่ออกไป แฟนเพจเฟซบุ๊ก Youlike (คลิปเด็ด) ได้นำคลิปนี้มาแชร์ต่อจนมีผู้เข้าชมกว่า 2 แสนครั้ง และชาวเน็ตต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์กันจำนวนมาก,ต่อมา วันนี้ (1 ธ.ค.) เวลา 15.00 น. นักเรียนชาย พร้อมกลุ่มขับขี่รถจักรยานยนต์ ได้เดินทางไปที่ สน.พญาไท เพื่อเข้ากับ สารวัตร (สอบสวน) สน.พญาไท โดยนักเรียนชายคนดังกล่าวได้ยอมรับสารภาพว่า ใช้ใบขับขี่ไม่ถูกประเภทที่ได้รับอนุญาตจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ว่ากล่าวตักเตือน และเปรียบเทียบปรับเป็นจำนวนเงิน 100 บาท,ขณะที่ นายสุกรี จารุภูมิ ผู้อำนวยการกองตรวจการ กรมการขนส่งทางบก ยืนยันกับทีมข่าวสายตรวจโซเชียล ไทยรัฐออนไลน์ เพิ่มเติมว่า ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 46 (1) ได้กำหนดไว้ว่า หากผู้ที่อายุเกินกว่า 18 ปีบริบูรณ์ จะต้องมาขอเปลี่ยนประเภทใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์จากประเภทส่วนบุคคลชั่วคราวเป็นประเภทส่วนบุคคล (ห้าปี) และไม่มีข้อจำกัดการใช้ในเรื่องของปริมาตรของกระบอกสูบ เพื่อให้ผลของกฎหมายมีความถูกต้องสมบูรณ์ | นักเรียนชาย วัย 18 ปี โพสต์เฟซบุ๊กร้องเรียน โดนตำรวจ สน.พญาไท จับข้อหา ใช้ใบขับขี่ไม่ถูกประเภท หลังขับขี่รถเกิน 110 ซีซี | null | ใบขับขี่,นักเรียน,สน.พญาไท,110 ซีซี,รถจักรยานยนต์ | https://www.thairath.co.th/content/799372 |
ดินสไลด์ทับ ทล.108 เชียงใหม่-แม่สะเรียง วิ่งได้เลนเดียว เร่งเคลียร์ | เครดิตภาพ สมาคมกู้ภัยแม่ฮ่องสอน, ,ดินสไลด์หล่นใส่ถนนโค้งอันตรายทางหลวง 108 อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน รถวิ่งได้ช่องทางเดียว หมวดการทางเร่งเข้ากู้ เตือนผู้ใช้เส้นทางระมัดระวัง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นโค้งหักศอก,เมื่อวันที่ 1 ส.ค.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้าพื้นที่ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ได้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง จนเกิดดินภูเขาสไลด์ปิดทับเส้นทางหลวง สาย 108 เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ระหว่าง หลักกิโลเมตรที่ 178-179 ก่อนเข้าสู่ อ.แม่สะเรียง 13 กิโลเมตร รถสามารถสัญจรผ่านได้เพียง 1 ช่องการจราจรเท่านั้น จนเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำจุดตรวจตู้ยามแม่เหาะ ต.แม่เหาะ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ต้องเข้าดูแลความปลอดภัยด้านการจราจรให้กับผู้ขับขี่ยานพาหนะ ประกอบกับจุดที่เกิดเหตุดินสไลด์เป็นช่วงลงเขาโค้งอันตรายหักศอก เจ้าหน้าที่เร่งนำกรวยยางมาจัดวางพร้อมดูแลด้านการจราจรรถทั้งขาขึ้นขาลง เนื่องจากรถยนต์ส่วนใหญ่วิ่งมาด้วยความเร็ว และเป็นทางโค้ง หวั่นเกิดอันตรายได้,ล่าสุดทางหมวดการทางแม่สะเรียง ได้จัดกำลังคนพร้อมเครื่องจักรเข้าเตรียมเคลียร์เปิดเส้นทางให้ใช้ได้ตามปกติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ฝากแจ้งเตือนประชาชนที่ใช้เส้นทางสัญจรในช่วงหน้าฝน ซึ่งดินอุ้มน้ำไม่ไหวอาจเกิดปัญหาดินสไลด์ ไหล่ทางทรุดได้ จึงขอให้ผู้ใช้เส้นทางจราจรขับขี่ยานพาหนะด้วยความระมัดระวัง. | ดินสไลด์หล่นใส่ถนนโค้งอันตรายทางหลวง 108 อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน รถวิ่งได้ช่องทางเดียว หมวดการทางเร่งเข้ากู้ เตือนผู้ใช้เส้นทางระมัดระวัง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นโค้งหักศอก | ข่าว,ทั่วไทย | ดินสไลด์,ดินภูเขาสไลด์,โค้งหักศอก,ฝนตกหนัก,เส้นทาง108,ถนนเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน,ตำรวจตู้ยามแม่เหาะ,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวทั่วไทย | https://www.thairath.co.th/news/local/678646 |
สตง. ขู่ อ.ส.ค.แจงตั้งโรงนมล็อกสเปก ขู่ละเลยจะขัด ม.64-คำสั่ง คสช. | วันที่ 18 พ.ค.59 นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เปิดเผยว่า สตง.ในฐานะหน่วยงานปกป้องการใช้จ่ายเงินแผ่นดินที่จะต้องให้เกิดประโยชน์คุ้มค่า ภายหลังได้รับเรื่องร้องเรียนโครงการจัดหาเครื่องบรรจุ High Speed เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ของสำนักงานองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) แล้ว โดยเมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา สำนักตรวจสอบการบริหารพัสดุและสืบสวนที่ 2 ได้มีหนังสือแจ้งให้ อ.ส.ค.ชี้แจง การขออนุมัติวงเงินงบประมาณ 420 ล้านบาท ว่ามีเหตุผลความจำเป็นอย่างไร เป็นไปโดยชอบหรือไม่,สตง. ให้ อ.ส.ค. ชี้แจง 6 ประเด็นสำคัญ คือ 1. เครื่องจักรปัจจุบัน มีกำลังผลิตเท่าไร เหตุใด อ.ส.ค.ต้องจัดหาเครื่องจักรใหม่ 2. กรณีเครื่องจักรเดิมขัดข้อง บ.เอจีส แสดงความรับผิดชอบต่อความเสียหายอย่างไร ตลอดจนมีการยกเลิกสัญญาหรือจะดำเนินการอย่างไรกับผู้เช่ารายเดิม 3. อ.ส.ค.เตรียมสถานที่รองรับเครื่องจักรใหม่ที่ไหน หรือไม่ 4. ให้ อ.ส.ค.ส่งหลักฐานการสืบราคาว่ามีวิธีการและขั้นตอนอย่างไร จึงสรุปที่ประมาณการราคาค่าเช่า 420 ล้านบาท 5. เหตุใด อ.ส.ค.จึงเลือกเชิญผู้ประกอบการเพียง 2 ราย คือ บ.เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท เอส ไอ จี คอมบิบล็อค จำกัด เข้าร่วมเสนอราคา และ 6. ภายหลังสัญญาเช่าเครื่อง กับ บริษัท เอส ไอ จี คอมบิบล็อค จำกัด ซึ่งเป็นคู่สัญญารายใหม่ อาคารต่างๆ ที่บริษัทสร้างขึ้น จะเป็นกรรมสิทธิ์ของฝ่ายใด ตามสัญญาข้อใด,ทั้งนี้ สตง.อาศัยอำนาจ ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน มาตรา 42 ให้ อ.ส.ค.ส่งเอกสารเพิ่มเติม ดังนี้ ข้อ 1. สำเนาบันทึกรายงานสภาพปัญหาเครื่องจักรยี่ห้อ IPI กับบริษัท เอจีส ข้อ 2. สำเนาปริมาณนมดิบที่เข้าสู่โรงนมมวกเหล็ก ตั้งแต่ปี 2554–ปัจจุบัน ข้อ 3. สำเนาการประชุมบอร์ด อ.ส.ค.ครั้งที่ 4/2559 พร้อมเอกสารประกอบการประชุมบอร์ด อ.ส.ค. ครั้งที่ 4/2559 และ 5/2559,ประเด็นสำคัญ อยู่ที่ข้อ 4. สำเนาเอกสารการตั้งงบประมาณเพื่อเช่าเครื่องจักรใหม่ และแผนงานเพิ่มเติม ข้อ 5. สำเนาร่างขอบเขตงาน (TOR) ของสัญญาเดิมกับบริษัท เอจีส ข้อ 6. สำเนาเอกสารการจัดหาเครื่องบรรจุนม High Speed ทั้งหมด ได้แก่ รายงานขอซื้อขอจ้าง คำสั่งแต่งตั้งกรรมการชุดต่างๆ เอกสารประมาณการราคาเช่าเครื่องจากตาม TOR เอกสารการคัดเลือกผู้เสนอราคาเข้ามาเป็นคู่สัญญาใหม่ ข้อ 7. สัญญาเช่าเครื่องกับ บริษัท เอส ไอ จี คอมบิบล็อค จำกัด (สัญญาใหม่),นายพิศิษฐ์ กล่าวถึง TOR ข้อที่ 9 ราคากระดาษบรรจุนม U.H.T ขนาด 200 และ 125 มิลลิลิตร คิดค่าราคากระดาษคงที่ 1 ปี ไม่น้อยกว่า 300 ล้านกล่อง ในราคากล่องละ 1 บาท 25 สตางค์ ระยะเวลาตามสัญญา 7 ปี อ.ส.ค.ต้องจ่ายเงินอย่างน้อย 2,100 ล้านบาท ประเด็นข้อสงสัยทั้งหมด ให้ อ.ส.ค.ส่งเอกสารชี้แจง ตอบกลับมาภายในวันที่ 31 พ.ค.นี้ หากอ.ส.ค.ละเลย จะมีความผิด มาตรา 64 และผิดตามคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 24/2557,ผู้ว่า สตง. ย้ำด้วยว่า เรื่องนี้ถ้าตัดสินใจผิดพลาด เกิดเป็นความเสียหายต้องมีการรับผิดชอบ และถ้ามีเจตนาแอบแฝง หรือประโยชน์ที่ทับซ้อนเพื่อประโยชน์ของใคร สุดท้ายต้องมีการรับผิดทางอาญา เหมือนที่เกิดกับกรณีค่าโง่คลองด่าน ยิ่งถ้ามีคนเตือนแล้วไม่ฟัง ไม่หาข้อสรุปที่แน่ชัด ผลีผลามดำเนินการ ถือว่าเป็นพิรุธ เป็นเครื่องชี้เจตนาอย่างหนึ่ง,ด้าน นายณรงค์ฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ ผู้อำนวยการ อ.ส.ค. ยอมรับว่า อ.ส.ค. ลงนามในสัญญาเช่าเครื่องจักรใหม่กับ บริษัท เอส ไอ จี คอมบิบล็อค จำกัด เมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยได้มีการชี้แจงเหตุผล ความจำเป็นกับผู้ใหญ่ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทราบทุกระดับแล้ว. | สตง. สั่ง อ.ส.ค. แจงปม สัญญาติดตั้งเครื่องบรรจุนม High Speed 420 ล้าน ล็อกสเปกหรือไม่ เตือน สัญญาที่เซ็นไปจะต้องรับผิดอาญา ซ้ำรอยค่าโง่คดีคลองด่าน ด้าน ผอ.อ.ส.ค. เผย เซ็นสัญญา พร้อมรายงานผู้ใหญ่ กระทรวงเกษตรฯ ทราบแล้ว | null | โรงนมล็อกสเปก,สตง.,อ.ส.ค.,สัญญาติดตั้งเครื่องบรรจุนม,การตรวจเงินแผ่นดิน,เครื่องบรรจุ High Speed,เอส ไอ จี คอมบิบล็อค,กระทรวงเกษตรฯ,มาตรา 64,คสช.,อนุมัติวงเงินงบประมาณ,พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส,ความผิดทางอาญา,คดีคลองด่าน,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/content/622321 |
สนามพระวิภาวดี 06/10/62 | เพราะเรื่องโลกมีแต่เรื่องยุ่งของคนอื่นทั้งนั้น ไปแก้เขาไม่ได้ ไม่มีที่สิ้นสุด แต่แก้ที่ตัวเรา เป็นเรื่องธรรม,ต่อเข้าสนาม ด้วย พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์ฐานแซม วัดใหม่อมตรส กรุงเทพฯ องค์นี้ สวยเรียบ เพราะผ่านการใช้ได้สัมผัสมา จนพิมพ์พระลบเลือนไปมากพอดู แต่ไม่มีชำรุดเสียหาย เส้นศิลป์ในพิมพ์พระยังมีให้ดูรู้ได้ ว่าเป็น พิมพ์ฐานแซม ,เด่นที่ เนื้อพระ ที่มีความหนึกนุ่มแน่น แกร่งตามอายุ มีคราบกรุเกาะแน่นเข้าเนื้อเหลือให้เห็นอย่างเป็นธรรมชาติ สรุปองค์รวมเป็นพระสภาพน่าใช้ เป็นเป้าหมายคนที่อยากหาพระดีมีระดับไว้ใช้ ในราคาจ่ายไหว อย่างองค์นี้ของ เสี่ยวชิรพงษ์ วีรารักษ์ รู้มาว่าซื้อมา ล้าน++แต่ขายหรือไม่ เท่าไหร่ ถามกันเอง,รายการที่สอง เป็น พระท่ามะปราง กรุวัดสี่อิริยาบถ อ.เมือง กำแพงเพชร มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักด้วยอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ ด้านคุ้มครองป้องกันภัย คราว เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสงชูโต) ยกทัพหลวงขึ้นไปปราบ กบฏเงี้ยว ที่เมืองเหนือ พอถึงเมืองพิษณุโลก รู้ถึงชื่อเสียงของพระวัดท่ามะปราง จึงได้ทำการเปิดกรุ นำพระมอบทหารในกองทัพเป็นการบำรุงขวัญ,และนำทัพไปปราบกบฏได้ราบคาบ ไม่มีเสียเลือดเนื้อแม้แต่คนเดียว เชื่อกันว่าเป็นเพราะอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของพระเครื่อง ที่แม่ทัพแจกให้ทหารทุกคน ทำให้ทหารกบฏโดน นะจังงัง วางปืน ยอมมอบตัว ทำให้พระกรุนี้ได้รับฉายาว่า เงี้ยวทิ้งปืน,ทำให้ได้รับความนิยมมากจากอดีตถึงปัจจุบัน ซึ่งมีการค้นพบพระสกุลนี้ได้อีกหลายครั้ง ในเขตเมืองใกล้เคียง อาทิ กรุพระในวัดเมืองพิษณุโลก เมืองสุโขทัย และ เมืองกำแพงเพชร ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น พระท่ามะปรางที่มีความงดงาม ได้รับความนิยมแสวงหาเป็นที่สุด,องค์นี้ของ เสี่ยธนาชัย เลิศนิรันดร์ เป็นพระแท้ดูง่าย สภาพสมบูรณ์สวยเดิมแบบเต็มร้อย ที่ตอนนี้หายากมากอีกองค์คือ พระปิดตา พิมพ์พนมมือ เนื้อผงจุ่มรัก หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง อ.ปากเกร็ดนนทบุรี,ติดทำเนียบ สุดยอด พระปิดตา เนื้อผง อันดับ ๒ ในชุดเบญจภาคี ที่ศิษย์นักนิยมพระปิดตาสายตรง บอกมีศักดิ์ศรีเทียบได้กับ พระปิดตา หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ที่ครองอันดับ ๑ มาตลอด เพราะมีชื่อเสียงความนิยม อายุการสร้าง ราคา และความศักดิ์สิทธิ์พอกัน แบบท้าแลกกันองค์ต่อองค์ยังต้องคิดนาน ,พระปิดตาสกุลนี้ มีพิมพ์พระ ที่นิยมเล่นหาเป็นมาตรฐาน คือ ๑.พิมพ์ชะลูดใหญ่ ๒.พิมพ์ชะลูด ๓.พิมพ์ตะพาบ ๔.พิมพ์พนมมือ,เนื้อในพระ เป็น ผงพุทธคุณผสม ผงชันยาเรือ เป็นตัวประสาน มีทั้ง ชนิดหยาบและละเอียด ผิวเนื้อ มีเม็ดแดง ส่วนใหญ่จุ่มรักเคลือบผิวทั้งองค์,พระแท้ทุกพิมพ์ หายาก ราคาสูงถึง หลักหลายล้าน อย่าง พระพิมพ์พนมมือ องค์นี้ของ เสี่ยนอต ฝั่งธน เป็น พิมพ์นิยมท้ายสุด ราคาเบาสุด แต่หายากสุด ยิ่งเป็นองค์ที่สมบูรณ์งดงามสุดๆของพิมพ์นี้ ราคามีสิทธิ์สูงขึ้นเทียบเท่าพิมพ์ต้นๆ สภาพรองๆ เลย,ตามมาด้วย พระปิดตา พิมพ์ใหญ่ เนื้อผงว่านเคลือบรัก พระวิจารณญาณมุนี หรือ หลวงพ่อครน วัดอุตตมาราม (บางแซะ) รัฐกลันตัน มาเลเซีย พระเถราจารย์ผู้มีวัตรปฏิบัติ วิชาอาคม จนได้รับความเคารพจากชาวไทยพุทธ-มุสลิม,เชื่อกันว่าท่านมีวาจาสิทธิ์ เพราะท่านมีลิ้นเป็นปานดำ คนในพื้นที่นิยมเรียกท่านว่า หลวงพ่อลิ้นดำ ท่านสร้างพระปิดตานี้ เพื่อมอบผู้ร่วมกุศลบูรณะวัดกับท่าน เมื่อราวปี พ.ศ.๒๔๘๐,เป็น พระเนื้อว่านผสมผงประสานด้วยยางรัก สีเนื้อน้ำตาลเข้มถึงดำ พิมพ์พระมีหลายแบบ อาทิ พิมพ์ใหญ่มีหู พิมพ์ใหญ่ไม่มีหู พิมพ์สองหน้า ปิดตารูปเหมือน พิมพ์ปั้น พิมพ์กลีบบัว พิมพ์หลังนางกวัก,ภายในองค์พระ บรรจุ กระดาษสาลงอักขระเลขยันต์ ส่วนใหญ่มีรอยลงลายมือจารอักขระรอบองค์ วรรณะเนื้อพระท่านจะดูผ่องใสไม่หมองมัว ถือเป็นจุดเด็ดเคล็ดลับหนึ่งในการพิจารณาพระแท้,กล่าวกันว่าพระทุกองค์ ท่านจะปลุกเสกจนลุกนั่งได้ จึงแจกออกไป พระปิดตาลอยองค์ ที่ท่านสร้างมีขนาดเขื่อง มี ๒ แบบพิมพ์ คือ มีหู กับ ไม่มีหู,องค์พระมีลักษณะเป็นเอกลักษณ์ ที่ได้เค้าโครงมาจาก พระปิดตาเขาอ้อ รูปทรงสูงชะลูด องค์พระนั่งสมาธิเพชร ยกพระหัตถ์ทั้งสองขึ้นปิดหน้า เข่ากว้างใหญ่ ด้านหลังเรียบนูน,พระพิมพ์ปั้นด้วยมือทีละองค์ ขึ้นพิมพ์เสร็จ จึงนำมาแต่งเส้นศิลป์นิ้วมือ ให้มีความชัดเจน มีร่องแขนลึก ช่วงท้องมีริ้วรอยเซาะลึก ท่อนขาหนาใหญ่ บรรจุกระดาษสา ลงอักขระเลขยันต์บรรจุในองค์ลงด้านนอก,พบทั้งที่มีลายมือจารอักขระเลขยันต์ทั่วองค์และบางจุด ที่จะเห็นเสมอคือ สะโพกด้านหลัง อย่างองค์นี้ของ Mr.Wai john kelantan นักนิยมพระชาวมาเลเซีย เป็นพระแท้ ดูง่าย สภาพสวยแชมป์ งามสมบูรณ์เป็นที่สุดอีกองค์ ,ต่อไป ขอเสนอ เหรียญพระพุทธชินราช หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว พ.ศ.๒๔๗๒ ที่หายากสุดๆ เพราะเป็น เหรียญปั๊มรูปเหมือน ที่ หลวงปู่บุญ สร้างเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวเท่านั้น,ลักษณะเป็นเหรียญรูปเสมา หูในตัว ด้านหน้าขอบยกลายกนก ภายในกนก มีดอกรักร้อยเป็นพวงมาลัย ตรงกลางเป็นรูปจำลองพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พิษณุโลก เต็มองค์ ประทับนั่งขัดสมาธิราบ ห่มจีวรเฉียงพาดสังฆาฏิ สะพายลูกประคำ เหนืออาสนะฐานบัวคว่ำบัวหงาย อยู่ภายในซุ้มเรือนแก้ว ด้านข้างมีอักขระขอม อ่านว่า พุทธา,ส่วนด้านหลัง เป็นหลังเรียบ ตรงกลางเป็นยันต์ ตรีนิสิงเห ภายในช่องยันต์ มีอักขระขอมอ่านว่า นะ มะ พะ ทะ อะ ระ หัง หัง ระ อะ พุท ธะ สัง มิ และ อิส วา สุ,เหรียญพระพุทธชินราช หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ได้รับการยกย่องว่าเป็นเหรียญจำลองพระพุทธชินราชที่งามมาก และมีอานุภาพปรากฏ มีเนื้อเงิน ทองแดง,ก่อนนี้เคยเถียงว่าไม่มี เนื้อทองคำ แต่ต่อมาเลิกเถียง เพราะมีการซื้อขายของเซียนดัง บอย ท่าพระจันทร์ และ เด่น อยุธยา,เหรียญทองคำราคาหลักล้าน แต่ของ อัยการวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ ซึ่งรักษาอย่างเยี่ยม ไม่ได้ใช้เลย และเป็นเนื้อทองคำ หลังมีจารของ หลวงปู่เพิ่ม ด้วยแล้ว ต้อง++ ,ตามมาด้วย พระวัดพลับ พิมพ์สมาธิเข่ากว้าง สมเด็จญาณสังวร (สุก ไก่เถื่อน) วัดราชสิทธาราม กรุงเทพฯ เจ้าของ ต้นตำรับวิชาพระพิมพ์เนื้อผงพุทธคุณ ซึ่ง สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) รับสืบทอดไปสร้าง พระพิมพ์สมเด็จ วัดระฆังฯ ,พระสกุลนี้ แตกกรุจากพระเจดีย์องค์ประธานวัด จากการที่ชาวบ้านเห็นกระรอกเผือก วิ่งหนีเข้าไปในโพรงองค์พระเจดีย์ จึงเอาไม้มากระทุ้งไล่ ทำให้มี พระพิมพ์เนื้อผงขาว ทรงกลม ไหลทลายลงมากอง ทำให้ได้ชื่อเรียกกันว่า กรุกระรอกเผือก ,จำนวนพระมีมากแบบ หลายขนาด อาทิ พิมพ์ยืนวันทาเสมา พิมพ์พระปิดตา พิมพ์ตุ๊กตา ใหญ่-เล็ก พิมพ์สมาธิ ใหญ่-เล็ก ลักษณะเป็นพระพิมพ์เรียบง่าย ดูงดงามลึกซึ้งอย่างคลาสสิก,ด้านหน้าเป็นองค์พระนั่งปางสมาธิ ศิลปะรัตนโกสินทร์ เนื้อพระเป็น ผงพุทธคุณผสมมวลสารมงคล วรรณะขาวเหลือง ด้านหลังเนื้ออูมเรียบ อย่างองค์นี้ของ ดร.หมอ เป็น พิมพ์สมาธิ เข่ากว้าง เป็นพระแท้ดูง่าย สภาพสมบูรณ์งดงาม เข้าขั้นพระแชมป์ เป็นอีก ๑ พิมพ์ ที่นิยมอยู่แถวหน้า ราคา หลักแสนต้นๆ ที่ปัจจุบันหากันมาก เพราะเชื่อได้ว่าเป็นพระที่สร้างตามดำริ สมเด็จฯสุก ไก่เถื่อน โดย หลวงตาจัน พระลูกวัดเป็นผู้ดำเนินการ ด้วย เนื้อผงพุทธคุณ ต้นแบบพระสมเด็จ วัดระฆังฯ จึงใช้แทนกันได้ด้วยศักดิ์ศรี พระของอาจารย์ ที่มีราคาย่อมเยากว่าของศิษย์--รีบหากัน ก่อนจะแพงขึ้นๆ นะท่านผู้ชม,อีกสำนักคือ พระท่าดอกแก้ว หรือพระผงโสฬสมหาพรหมพระครูสันธาพนมเขต (หลวงปู่สนธิ์) วัดท่าดอกแก้ว นครพนม พระเถราจารย์ผู้มีชื่อเสียงด้านวิปัสสนากรรมฐาน ทรงพระเวทวิทยาคมแก่กล้าแห่งลุ่มแม่น้ำโขง มีวัตรปฏิบัติเป็นพระแท้ผู้สมถะ จนได้รับสมญานามว่า พระอริยสงฆ์ผู้เป็นเสมือนผ้าขี้ริ้วห่อทอง,หลวงปู่เฮี้ยง วัดป่าฯ เมืองชล เคยกล่าวชมเชย ถึงอำนาจสมาธิจิตของท่าน ซึ่งท่านยังสำเร็จ วิชาน้ำมนต์เจ็ดพระจันทร์ ซึ่ง หลวงปู่คำพันธ์ วัดธาตุมหาชัย สืบทอดวิชามาใช้ จนมีชื่อเสียงโด่งดัง,หลวงปู่สนธิ์ เป็นศิษย์เอกของ หลวงปู่สีทัตถ์ วัดท่าดอกแก้ว ซึ่งเดินทางไปเรียนวิชากับ สมเด็จลุน แห่งนครจำปาศักดิ์ จนสำเร็จ หลวงปู่สีทัตถ์ เป็นผู้ที่มีฤทธิ์มาก ครั้งหนึ่งท่านได้ ลบผงวิเศษ ที่มีชื่อว่า โสฬสมหาพรหม และได้มอบให้ หลวงปู่สนธิ์ ไว้,ซึ่งผงวิเศษนี้มีคุณวิเศษเป็นที่เลื่องลือมากขนาด หลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร และ พระอาจารย์วัง ฐิติสาโณ แห่งภูลังกา ยอมรับกล่าวถึงเสมอ,กระทั่งถึงปี พ.ศ.๒๔๙๔ หลวงปู่สนธิ์ จึงได้นำผงวิเศษนั้นมาผสมดินเสก สร้าง พระท่าดอกแก้ว ขึ้น เพื่อแจกจ่ายผู้ร่วมสร้างกุศลสร้างวัด ซึ่งเมื่อนำไปใช้บูชา มีอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์รอบด้าน เป็นที่เลื่องลือมาถึงปัจจุบัน ที่ยากจะหาพบเห็น เพราะจำนวนสร้างมีน้อย ๑ ในจำนวนนั้น คือองค์นี้ของ เสี่ยเบนจมิน ท่าพระจันทร์--ข้าพเจ้าเขียนเอง อ่านเอง ยังเคลิ้มอยากได้ไปด้วย,ปิดสนามกันด้วย เครื่องรางยอดนิยม ๑ในชุดเบญจภาคี หนุมาน ทรงเครื่อง เนื้อไม้แกะ หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ของ เสี่ยอิทธิ ชวลิตธำรง (เจ้าเก่า) ,ตัวนี้ครบทั้งฟอร์มทรง ฝีมือช่าง ที่แสดงไว้ให้เห็นในลวดลายรอยเซาะองศาของเส้นศิลป์ ซึ่งเป็นจุดพิจารณาสำคัญ เนื้อไม้ก็ดูนุ่มตา มีอายุความเก่าเป็นธรรมชาติ สัดส่วนก็ถูกต้อง สภาพองค์รวมมีริ้วรอยสัมผัสใช้มาพอควร แต่ยังสมบูรณ์งดงาม แบบนี้ราคาค่า ปัจจุบันน่าจะอยู่ที่หลักแสนกลาง,ลากันด้วย เรื่องปิดท้ายใน ร.ร.ประถมในนครปฐม พอถึงชั่วโมงสันทนาการ ครูประจำชั้นพบนักเรียน คุณครูก็เรียกลูกศิษย์ตอบคำถามทีละคนว่า โตขึ้นคิดจะทำอาชีพอะไร และให้เหตุผลว่าทำไม คนแรก ด.ช.วิชา ตอบเสียงดังฟังชัดด้วยความภูมิใจ ว่าอาชีพตำรวจครับ เพราะพ่อเป็นตำรวจ มียศ คนให้เกียรติ,ด.ญ.แสงเดือน ตอบว่าอาชีพครู เพราะแม่เป็นครู มีลูกศิษย์เยอะ ด.ช.สุธีร์ ตอบว่า ผมอยากเป็นพ่อค้า แบบพ่อครับ เพราะรายได้ดี,พอถึง ด.ช.สัมฤทธิ์ ตอบว่า ผมอยากเป็น เซียนพระ คุณครูถามว่า พ่อเธอเป็นเซียนพระหรือ แต่ ด.ช.สัมฤทธิ์ บอกว่า ป่าวคับ พ่อผมเป็นทหาร แต่ผมอยากมีคำนำหน้าชื่อว่า เซียน ครับ--เพราะดูขลังดี เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.,สีกาอ่าง | เข้าสู่เดือนตุลากันด้วย คำสอนของ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก อยุธยา ซึ่งเป็นธรรมะคำสอนที่ฟังง่าย เพราะจะยกตัวอย่างเปรียบเทียบ ให้เข้าใจง่าย อย่างเช่น โลกเท่าแผ่นดิน ธรรมเท่าปลายเข็ม | null | พระสมเด็จบางขุนพรหม,พระสมเด็จ,พระเครื่อง,สนามพระวิภาวดี,สีกาอ่าง,สนามพระ | https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/1675926 |
แฟนๆ แห่ชม ม้าแข่งนัดสุดท้าย ปิดตำนานสนามม้านางเลิ้ง 102 ปี | เมื่อวันที่ 16 ก.ย. บรรยากาศการแข่งขันม้าที่ราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดเป็นนัดสุดท้ายทิ้งทวนสนามม้านางเลิ้ง กำลังจะอายุครบ 102 ปี ในวันที่ 18 ธ.ค.นี้ ก่อนปิดตัวเพื่อส่งคืนพื้นที่ให้กับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ในวันที่ 4 ต.ค.ที่จะถึงนี้ หลังจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ บอกเลิกสัญญาเช่าเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา และขอให้ส่งมอบพื้นที่คืนภายใน 180 วัน หลังจากได้ครบกำหนดอายุสัญญาเช่ามานานแล้ว,ภายในสนามม้าได้มีประชาชนผู้ชื่นชอบกีฬาแข่งม้า และคนที่มีความผูกพันกับสนามม้านางเลิ้ง นับพันคนเดินทางมาชมการแข่งขันกันอย่างคึกคัก ส่วนใหญ่ต่างรู้สึกอาลัยกับสถานที่แห่งนี้ ขณะที่พนักงานของราชตฤณมัยสมาคมฯ บางคนน้ำตาซึมในการทำหน้าที่เป็นครั้งสุดท้าย,สำหรับการแข่งขันม้านัดสุดท้าย ทางราชตฤณมัยสมาคมฯ จัดแข่งม้า จำนวน 10 เที่ยว เที่ยวละ 15 ตัว เริ่มแข่งเที่ยวแรก ในเวลา 12.30 น.,ด้านพล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการอำนวยการราชตฤณมัยสมาคมฯ กล่าวว่า หลังจากนี้ คณะกรรมการอำนวยการจะจัดประชุมใหญ่ราชตฤณมัยสมาคมฯ ในวันที่ 22 ก.ย. เพื่อขอมติสมาชิกทั้งหมดว่า จะให้ราชตฤณมัยสมาคมฯ ดำเนินงานต่อไป หรือต้องปิดตัวลง เนื่องจากราชตฤณมัยสมาคมฯ ประสบปัญหาขาดทุนต่อเนื่อง มีภาระหนี้สินสะสมจากภาษีสรรพสามิต และภาษีต่างๆ เป็นจำนวนมาก หากที่ประชุมใหญ่มีมติให้ดำเนินการต่อ ต้องหาสถานที่ทำการใหม่ และผู้ร่วมทุนมาช่วยบริหารกิจการ และจัดสร้างสนามม้าตามมาตรฐานสากลแบบครบวงจร แต่สนามแห่งใหม่จะไม่อยู่ใน กทม.อีกแล้ว,ส่วนการช่วยเหลือเยียวยาสมาชิกที่เป็นเจ้าของฟาร์มม้า เจ้าของคอกม้า รวมถึงคนเกี่ยวข้อง ในอุตสาหกรรมกีฬาแข่งม้าทั้งระบบกว่า 2 แสนคนนั้น เบื้องต้น ราชตฤณมัยสมาคมฯ ร่วมกับสมาคมแข่งม้า ได้ทำหนังสือถึงกระทรวงมหาดไทย ขอร้องให้แก้ไขกฎระเบียบ เปิดให้มีการแข่งขันม้าที่สนามราชกรีฑาสโมสรทุกสัปดาห์ จากเดิมที่แข่งเดือนละ 2 นัด ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงมหาดไทย คาดจะมีความชัดเจนในเร็วๆ นี้. | แข่งม้านัดสุดท้ายทิ้งทวน ปิดตำนานสนามม้านางเลิ้ง 102 ปี ส่งมอบพื้นที่คืน ขณะที่เซียนม้านับพันคนแห่ชม อำลาครั้งสุดท้าย ลุ้นกรรมการลุยต่อหาผู้ร่วมทุน ผุดสนามใหม่ใน ตจว. หรือปิดตัวลง | ข่าว,ทั่วไทย | สนามม้านางเลิ้ง,ปิดตัวสนามม้านางเลิ้ง,สนามม้า,สนามม้านางเลิ้งปิดตำนาน,แข่งม้า,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1377214 |
30 เครือข่ายองค์กรด้านเด็ก อัดนโยบายพรรคการเมือง เมินการแก้ปัญหาเยาวชน | เมื่อวันที่ 14 มี.ค.2562 ที่เดอะฮอล์บางกอก วิภาวดี เครือข่ายองค์กรด้านเด็กและเยาวชน 30 องค์กร ปิดเวทีวิพากษ์นโยบายพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชน โดย นายวันชัย พูลช่วย ผู้ประสานงานเครือข่ายนักกฎหมายเพื่อเด็กและเยาวชน กล่าวว่า จากการเฝ้าติดตามของเครือข่ายฯ พบว่านโยบายที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชนของแต่ละพรรคพบมีอยู่น้อยจนถึงไม่มีเลย มีเพียง 5 พรรคที่พูดถึงตามเวทีต่างๆ แต่ไม่ใช่นโยบายหลัก โดยเฉพาะยังเน้นแต่เด็กเยาวชนในระบบการศึกษา ไม่เลียวแลเด็กเยาชนกลุ่มที่อยู่นอกระบบการศึกษาที่มีจำนวนมาก โดยทิ้งไว้ข้างหลังไม่ใยดี ไม่ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาศักยภาพและส่งเสริมเด็กเยาวชนทั้งในและนอกระบบจนเกิดความเหลื่อมล้ำ,นายสุรนาถ แป้นประเสริฐ แกนนำคนทำงานด้านเด็กและเยาวชน 30 องค์กร กล่าวว่า นโยบายที่เกี่ยวข้องกับเด็กเยาวชนของแต่ละพรรคปรากฏเพียงระดับหนึ่งที่ยังมุ่งเน้นสร้างสวัสดิการ ให้เงินสารพัดรูปแบบ ชูการศึกษาที่เน้นแข่งขันสู่ความเป็นเลิศ สร้างความไม่เท่าเทียม ไม่เพียงพอกับการรับมือกับปัญหาที่รายล้อมตัวเด็กเยาวชน แทบไม่เห็นพรรคใดมุ่งเน้นแก้ปัญหาปัจจัยเสี่ยง ซึ่งเกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชน อันเกิดจากสภาพแวดล้อมที่ผู้ใหญ่สร้างขึ้น,แกนนำคนทำงานด้านเด็กและเยาวชน 30 องค์กร กล่าวต่อว่า สำหรับปัญหาที่เด็กและเยาวชนต้องเผชิญ และอยากเห็นแต่ละพรรคการเมืองจะแก้อย่างไร อาทิ เด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ก่อคดีเข้าสู่สถานพินิจฯ มากกว่า 30,000 คนต่อปี เกือบครึ่งเป็นคดียาเสพติด ต้องออกจากโรงเรียนกลางคันอีกเกือบหมื่นคนต่อปี ติดยาเสพติด 300,000 คนต่อปี มีนักดื่มหน้าใหม่ 250,000 คนต่อปี เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุปีละ 2,510 ราย เล่นพนัน 3.6 ล้านคนต่อปี ในรอบปีมีข่าวความรุนแรงทางเพศในเด็กและเยาวชน กว่า 317 ข่าว ตลอดจนสถิติการท้องก่อนวัยอันควร ที่สูงเป็นอันดับสองของอาเซียน ใช้เวลากับหน้าจอ 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ต้องเผชิญกับปัญหาถูกกลั่นแกล้งและตกเป็นเหยื่อทางออนไลน์ (Cyber Bullying) เป็นต้น,นายสุรนาถ กล่าวอีกว่า เครือข่าย 30 องค์กร ขอแสดงจุดยืนต่อพรรคการเมืองดังนี้,1. ขอแสดงความเสียใจต่อนโยบายของพรรคการเมืองที่ยังไม่สะท้อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาในกลุ่มเด็กและเยาวชนอย่างแท้จริง จนทำให้เราเป็นห่วงว่าเด็กและเยาวชนไทยจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง,2. ขอเรียกร้องให้พรรคการเมืองมีนโยบายปกป้องเด็กและเยาวชนจากปัจจัยเสี่ยงทางสังคม ทั้งประเด็นยาเสพติด การพนัน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ปัญหาการถูกล่วงละเมิดทางเพศ ท้องก่อนวัยอันควร การถูกออกจากโรงเรียนกลางคัน และปัญหาการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ,3. มีนโยบายการพัฒนาพื้นที่สร้างสรรค์ ลดพื้นที่เสี่ยงในชุมชน มีความปลอดภัย,4.ขอให้พรรคการเมืองมีนโยบาย จัดตั้งกองทุนเพื่อเด็กและเยาวชน เพื่อสนับสนุนการรวมกลุ่มในทางสร้างสรรค์พัฒนาเด็กและเยาวชนให้เห็นศักยภาพ สร้างความเข้มแข็ง ทักษะชีวิตและส่งเสริมพลังเยาวชนเพื่อร่วมขับเคลื่อนสังคมที่มีคุณภาพด้วยตัวเด็กและเยาวชนเองเป็นกองทุนที่เป็นอิสระเข้าถึงง่าย ไม่อยู่ภายใต้ระบบราชการ. | 30 เครือข่ายองค์กรด้านเด็กอัดนโยบายพรรคการเมืองเมินเยาวชน เน้นแข่งขันสร้างความไม่เท่าเทียม จี้สกัดปัจจัยเสี่ยง ป้องกันเด็กจากภัยในสังคม เปิดพื้นที่สร้างสรรค์ ผุดกองทุนเพื่อเด็ก | เลือกตั้ง | สุรนาถ แป้นประเสริฐ,เด็กและเยาวชน,นโยบายพรรคการเมือง,ปัญหาเด็ก,เลือกตั้ง 62,เลือกตั้ง | https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1519186 |
พีแอลที ลงโทษปรับ เมืองทองฯ-นครราชสีมา | เมื่อวานนี้ (11 มี.ค.2559) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะอนุกรรมการมารยาทวินัยและข้อประท้วง มีประชุมลงโทษย้อนหลังในฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน ก. และฟุตบอลลีก โดยปรับ เอสซีจีเมืองทอง 40000 บาท กรณีแฟนบอลจุดพลุแฟร์ในสนาม ส่วนเกมลีกระหว่าง นครราชสีมา มาสด้า กับ เอสซีจีเมืองทอง มีการลงโทษ นครราชสีมา มาสด้า ปรับ 30000 บาทกรณีปล่อยให้ผู้ชมเข้าเกินความจุขณะที่ประเด็นที่ทีมนครราชสีมา ติดป้ายโฆษณาเว็บพนันฟุตบอลในสนาม ยังไม่มีการลงโทษย้อนหลัง แต่สั่งให้สโมสรรื้อถอน หากเกิดความผิดขึ้นอีกจะปรับเงิน 1000000 บาทส่วนพัทยาถูกลงโทษชดใช้ค่าเสียหายให้ ชลบุรี เอฟซี หลังแฟนบอลรื้อเก้าอี้ฝั่งแฟนบอลทีมเยือน และลงโทษ เลอันโด อัสซัมเซา ห้ามลงเล่น 2 นัด ปรับ 40000 บาท จากการวิ่งประท้วง พร้อมพุ่งชนผู้ตัดสิน | บริษัท พรีเมียร์ลีก ไทยแลนด์ (พีแอลที) สั่งลงโทษปรับ เอสซีจีเมืองทอง จากเหตุแฟนบอลจุดพลุแฟร์ และนครราชสีมา มาสด้า ถูกปรับฐานปล่อยให้แฟนบอลเข้าชมเกินความจุสนาม | กีฬา | ThaiPBSnews,ไทยพีบีเอส,พีแอลที,เมืองทองฯ,นครราชสีมา,พลุแฟร์,พรีเมียร์ลีก ไทยแลนด์,ฟุตบอล,เว็บพนันฟุตบอล | https://news.thaipbs.or.th/content/250874 |
APตีข่าวน้ำใส BNK48 ขอโทษใส่เสื้อนาซี ก่อนวันรำลึกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิว | เมื่อ 27 ม.ค.62 สำนักข่าว,เอพี ,สื่อใหญ่ในสหรัฐฯ รายงานข่าวไปทั่วโลก นางสาวพิชญาภา นาถา หรือ น้ำใส นักร้องสาววัย 19 หนึ่งในสมาชิกวงBNK48 เกิร์ลกรุ๊ป ชื่อดังในประเทศไทย ได้กล่าวขอโทษที่เธอสวมใส่เสื้อสัญลักษณ์สวัสติกะของพรรคนาซีเยอรมนี ภายใต้การนำของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ อดีตผู้นำเยอรมนี ไปซ้อมคอนเสิร์ตใหญ่ เมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา จนถูกตำหนิโดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง เพียง 2 วันก่อนจะถึงวันรำลึกถึงเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุชาวยิวสากล (โฮโลคอสต์) ซึ่งประชากรโลกจะร่วมไว้อาลัยให้ชาวยิว 6 ล้านคนที่ถูกสังหาร,เอพีระบุว่า สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ได้โพสต์แถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊กว่า รู้สึกตกใจและกังวลใจเป็นอย่างยิ่งที่นักร้องสาวสมาชิกวง BNK48 ใส่เสื้อที่มีสัญลักษณ์สวัสติกะของพรรคนาซีเยอรมนีไปซ้อมคอนเสิร์ตใหญ่ การใส่เสื้อที่มีสัญลักษณ์นาซี เป็นการทำร้ายจิตใจผู้คนหลายล้านคนทั่วโลก ซึ่งญาติพี่น้องของพวกเขาถูกสังหารด้วยน้ำมือของนาซี ข้อความในคำแถลงของสถานทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย,เอพีชี้ว่า เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการใช้สัญลักษณ์สวัสติกะนาซี เกิดขึ้นมาโดยตลอดในประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศที่มีการตระหนักเพียงเล็กน้อยถึงเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยไม่ใช่เพียงชาติเดียวในเอเชีย ที่ประชาชนรับรู้น้อย หรือสะเทือนใจน้อยต่อเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวโดยน้ำมือของนาซี เพราะอาจเป็นไปได้ที่คนหนุ่มสาวไม่ได้สนใจประวัติศาสตร์,เพราะก่อนหน้านี้ ได้มีวงนักร้องหนุ่มสาววงอื่นๆ อีกหลายวงในเอเชีย เคยทำเรื่องแบบนี้ อย่างเช่น เมื่อปลายปีก่อน สมาชิก 3 คน ในวง BTS วง K-pop ในเกาหลีใต้ ต้องออกมาขอโทษที่คนหนึ่งใส่เสื้อยืด ลายระเบิดนิวเคลียร์ อีกคนสวมหมวกนาซี และอีกคนหนึ่งโบกธงที่มีตราสัญลักษณ์นาซี ระหว่างทำการแสดง,อ่านข่าว,>>,น้ำใส BNK48 เข้าพบ เอกอัครราชทูตอิสราเอล ขอโทษปมใส่เสื้อนาซี | เอพี รายงานทั่วโลก น้ำใส สมาชิกวง BNK48 ขอโทษใส่เสื้อนาซีซ้อมคอนเสิร์ต เพียง 2 วัน ก่อนถึงวันรำลึกฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุชาวยิวนับ 6 ล้านคน ชี้อาจเป็นเพราะเยาวชนในเอเชียไม่สนใจประวัติศาสตร์ | ข่าว,ต่างประเทศ | น้ำใส,BNK48,ใส่เสื้อนาซี,ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว,น้ำใสBNK48 | https://www.thairath.co.th/news/foreign/1481058 |
เอาใจไป ริโอ บริจาคของเล่นมูลค่าครึ่งล้าน ให้เด็กด้อยโอกาส | สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันที่ 15 ธ.ค. ริโอ เฟอร์ดินานด์ ตำนานกองหลังของ ผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บริจาคของเล่นเด็กมูลค่าถึง 500,000 ปอนด์ให้กับเด็กด้อยโอกาศในเมืองแมนเชสเตอร์ พร้อมกับถุงนอนมูลค่า 11,500 ปอนด์ให้กับผู้คนไร้บ้านอีกด้วย,อดีตดาวเตะทีมชาติอังกฤษกลายเป็นซานตาคลอสในชีวิตจริงหลังนำเงินส่วนตัวถึงห้าแสนปอนด์ซื้อของเล็กให้กับเด็กๆในเมืองแมนเชสเตอร์ที่พลาดโอกาสได้ของขวัญในวันคริสต์มาส พร้อมกับอธิบายว่าในฐานะที่เป็นพ่อคนหนึ่งก็อยากเห็นเด็กๆที่ด้อยโอกาสมีของขวัญในวันคริสต์มาสเหมือนกับคนอื่นๆ,เฟอร์ดินานด์ ได้พูดถึงเรื่องนี้ว่า ในฐานะที่เป็นผมเป็นพ่อคนเหมือนกัน ผมทนไม่ได้ที่จะเห็นเด็กไม่มีของขวัญในวันคริสต์มาส ผมดีใจมากที่ รอสโซ่ ร้านอาหารของผม มีส่วนร่วมในเรื่องนี้และได้ช่วยให้เด็กๆมีรอยยิ้มบนใบหน้าในวันคริสมาสต์นี้,การบริจาคของเฟอร์ดินานด์เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งกองของเล่นขนาดมหึมาถูกนำมาไว้ที่โกดังในเมืองแมนเชสเตอร์เพื่อเอาไว้แจกจ่ายให้กับเด็กด้อยโอกาสที่ต้องการได้ของขวัญในวันคริสต์มาส กระทั่งวันนี้ ไมค์ ทูลัน พิธีกรในรายการ Brekfast Show ของสถานีวิทยุ Key 103 เมื่อทราบข่าวถึงการบริจาคครั้งใหญ่ของริโอในทวีตเตอร์ก็ได้รีบโทรหา เฟอร์ดินานด์ เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมทันที,โดย เฟอร์ดินานด์ ได้พูดถึงเรื่องนี้กับ ไมค์ ว่า ,ผมและคนที่รอสโซเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองและเห็นได้ชัดว่ามันกำลังเป็นวันคริสต์มาส เรารู้ว่ามีผู้คนจำนวนมากที่โชคร้ายมากกว่าเรา ดังนั้น เราจึงตัดสินใจบริจาคของเล่นเด็กและของขวัญจำนวน 500,000 ปอนด์ แต่แมนเชสเตอร์ต้องหนุนหลังในสิ่งที่เรากำลังทำด้วย ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมและบริจาคสิ่งที่พวกเขาสามารถบริจาคได้ | ริโอ เฟอร์ดินานด์ ตำนานแข้งของ ผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลายเป็นซานตาคลอสในชีวิตจริง หลังขนของเล่นเด็กมูลค่า 500,000 ปอนด์มอบให้กับเด็กยากไร้ในเมืองแมนเชสเตอร์ | null | พรีเมียร์ลีก,แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด,ริโอ เฟอร์ดินานด์,ข่าวกีฬา,ข่าว | https://www.thairath.co.th/content/812606 |
ป.ป.ท.สอบปากคำเหยื่อ วิคตอเรียฯ พบมี จนท.รัฐเอี่ยวเป็นลูกค้า | เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 ม.ค. ที่อาคารบ้านพักเด็กและครอบครัวกรุงเทพมหานคร ถนนพระราม 6 แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ รรท.เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) นายสัญชาติ อุปนันชัย ผอ.กองอำนวยการต่อต้านการทุจริต ป.ป.ท. ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ สถานบริการอาบอบนวด วิคตอเรีย ซีเครท โดยสอบปากคำพนักงานให้บริการของ วิคตอเรียฯ เพื่อหาความเชื่อมโยงกับเจ้าหน้าที่รัฐที่ใช้บริการ,พ.ท.กรทิพย์ เปิดเผยว่า ป.ป.ท. ดำเนินการใน 2 เรื่อง คือ หาหลักฐานซึ่งมีเจ้าหน้าที่รัฐมาเกี่ยวข้องในคดี และเมื่อพบหลักฐานแล้ว ทาง ป.ป.ท. จะพิจารณาว่ามีอำนาจไต่สวนหรือไม่ ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบวางระยะเวลาไว้ 90 วัน จากนั้นถึงจะเป็นขั้นตอนไต่สวน ซึ่งสามารถเรียกเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องมาให้ปากคำได้ วันนี้มาสอบปากคำทางพนักงานซึ่งให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดเพราะทุกอย่างอยู่ในสำนวน ต้องรอให้มีความชัดเจนมากกว่านี้ถึงจะเปิดเผยรายละเอียดได้,พ.ท.กรทิพย์ เผยต่อไปว่า ตอนนี้เป็นกระบวนการหาข้อเท็จจริง เมื่อได้ข้อมูลมาจะดำเนินการเรื่องอื่นต่อไป โดยจะไปสอบพยานคนอื่นในคดีนี้ส่วนที่มีกระแสว่า จะเหมือนกรณีนาตารี ที่ไม่สามารถเอาผิดใครได้เลยนั้น ขอชี้แจงว่า คดีนาตารี นั้น ป.ป.ท. อยู่ระหว่างการไต่สวน ส่วนคดี วิคตอเรีย กำลังสอบสวนหาหลักฐานว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ โดยจะรอเอกสารหลักฐานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งดีเอสไอ กรมการปกครอง ส่งข้อมูลมาให้ ป.ป.ท.พิจารณาต่อไป,รายงานข่าวแจ้งว่า ทาง ป.ป.ท.พบว่า เจ้าหน้าที่รัฐซึ่งเกี่ยวข้องนั้นส่วนใหญ่เป็นผู้มาใช้บริการ ซึ่งอาคารบ้านพักเด็กแห่งนี้ มีพนักงานของ วิคตอเรีย รวม 25 คน แบ่งเป็นพม่า 20 คน ลาว 4 คน และไทย 1 คน ซึ่งคนไทยเป็นพนักงานส่วนอื่น ไม่ใช่หมอนวด อายุเกิน 18 ปีหมด ระหว่าง อายุ 18-27 ปี ทั้งนี้ทางป.ป.ท. มีการนำล่ามมาช่วยสอบปากคำเพื่อให้ได้ข้อมูลอย่างถูกต้อง วันนี้คาดว่าน่าจะสอบปากคำให้ได้ครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด โดยมีการตรวจสอบโพยที่พบในจุดเกิดเหตุ และนำภาพถ่ายของบุคคลต้องสงสัยที่คาดว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐมาให้พนักงานชี้ว่าเคยเห็นหรือเคยใช้บริการและมีพฤติกรรมอื่นอีกหรือไม่ เพื่อหาหลักฐานและข้อเท็จจริง. | เลขาธิการ ป.ป.ท.เดินทางไปสอบเหยื่อค้ามนุษย์ อาบอบนวด วิคตอเรียฯ เพื่อหาหลักฐานและนำภาพจนท.ต้องสงสัยมาใช้ชี้ตัวว่าเคยใช้บริการ หรือมีพฤติกรรมอื่นๆ โดยพบว่ามี จนท.รัฐเอี่ยวส่วนมากเป็นผู้ใช้บริการ | ข่าว,อาชญากรรม | เหยื่อค้ามนุษย์,วิคตอเรีย ซีเครท,ป.ป.ท.,กรทิพย์ ดาโรจน์,เจ้าหน้าที่รัฐ,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/crime/1181523 |
ห้องร้องทุกข์ : ฝาท่อบนถนนชำรุดหลุดออกมา ที่บริเวณปากซอยเทพกุญชร 32 | ยังไม่ได้เงิน, ชาว หมู่ 2 ต.เหนือเมือง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด ที่ถูกน้ำท่วมจากพายุโซนร้อนโพดุล แจ้งว่า แม้ว่าปัญหาจะคลี่คลายไปแล้ว แต่จนถึงขณะนี้ยังมี ชาวบ้านจำนวน 166 ครัวเรือน จาก 276 ครัวเรือน ที่ ยังไม่ได้รับเงินเยียวยา วอน ทางอำเภอช่วยเร่งดำเนินการให้ทีเถอะ,ตรวจสอบที, ชาว บ้านดอนปอแดง และบ้านดอนม่วง ต.ห้วยโพธิ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ อยากให้ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกาฬสินธุ์ เข้ามาตรวจสอบ บ่อบำบัดน้ำเสียของโรงงานแห่งหนึ่ง ที่อาจจะมีผลกระทบทำให้ต้นข้าวในนายืนต้นตาย เนื่องจากน้ำในนามีสีคล้ายสนิมและมีกลิ่นเหม็น,อุบัติเหตุบ่อย, ผู้ใช้ ถนนกิ่งแก้ว–ลาดกระบัง ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ต้องคอยระมัดระวังกับ รถบรรทุกทั้งรถพ่วงขนาดใหญ่ วิ่งด้วย ความเร็ว ที่สำคัญจะอยู่เลนขวาตลอด สร้างความเดือดร้อนให้กับรถเล็ก ที่สำคัญเกิด อุบัติเหตุบ่อยมาก อย่างนี้ปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว สภ.บางแก้วจัดการเด็ดขาดไปเลย,ฝาท่อชำรุด, บริเวณ ปากซอยเทพกุญชร 32 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ฝาท่อบนถนนชำรุดหลุดออก เวลารถวิ่งทับจะเกิดเสียงดังน่ารำคาญมานานแล้ว ขอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยมาซ่อมแซมที เพราะ ชาวบ้านอดทนฟังมานานเกินที่จะทนแล้ว,ทำรถติด, ที่ ปากซอยเฉลิมพระเกียรติ 72 และหน้าสวนหลวง ร.9 เขตสวนหลวง การจราจรติดขัดมาก เนื่องจากมีตลาดนัด และมี รถจักรยานยนต์จอดเรียงรายจำนวนมาก ทำให้มีรถสะสมจากถนนกาญจนาฯ และรถมาจากถนนมอเตอร์เวย์เข้าซอยเฉลิมพระเกียรติ 72 ติดขัดมาก ฝาก สน.เขตประเวศช่วยแก้ไขด้วย,[email protected], ,โทร.0-2127-1000 กด 2,แฟกซ์ 0-2272-1333,จันทร์-เสาร์ 09.00-17.00 น. เว้นวันอาทิตย์ | ฝาท่อชำรุด บริเวณ ปากซอยเทพกุญชร 32 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ฝาท่อบนถนนชำรุดหลุดออก เวลารถวิ่งทับจะเกิดเสียงดังน่ารำคาญมานานแล้ว | null | ห้องร้องทุกข์,ฝาท่อชำรุด,อุบัติเหตุ,ร้องเรียน,ซ่อมแซม,ชาวบ้านเดือดร้อน,ปทุมธานี,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/1713736 |
4 นี้มาแรง คอหวยส่องเลขเด็ด น้ำมนต์คำชะโนด บังเอิญเห็นเหมือนกัน 2 ขัน (คลิป) | หวย,ส่อง ,เลขเด็ด, น้ำมนต์คำชะโนด บังเอิญเห็นเหมือนกัน 2 ขัน ทั้ง 14 และ 45,เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 62 ที่ผ่านมา ลานบวงสรวงหน้าเกาะคำชะโนดวังนาคินทร์พญานาคราช พ่อปู่ศรีสุทโธ และแม่ย่าศรีปทุมมา บ้านโนนเมือง หมู่ที่ 11 ต.บ้านม่วง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี มีนักท่องเที่ยวเดินทางมากราบไหว้ปู่ย่า ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล,โดยที่ลานบวงสรวง ทางกรรมการได้ทำพิธีบวงสรวงใหญ่เนื่องในวันออกพรรษา มีนักท่องเที่ยวมาร่วมเป็นจำนวนมาก โดยมี พ.ต.อ.สมบัติ นาแถมพลอย ผกก.สภ.ดงเย็น เป็นประธานจุดธูปเทียน โดยทางคำชะโนดได้ระดมพ่อจ้ำมาร่วมพิธี,ทั้งนี้ มีพ่อจ้ำชวการ คำวันสา เป็นผู้นำทำพิธีนานนับชั่วโมง สำหรับคอหวยที่ชอบส่องหาเลขเด็ดไม่พลาดหวังมีการทำขันน้ำมนต์ หลังเสร็จพิธีแล้วส่องได้เลขเด็ด 14 และ 45 ซึ่งบังเอิญเลข 14 นั้นตรงกับขันน้ำมนต์ในเกาะคำชะโนด.,ข่าว ,หวย, ที่เกี่ยวข้อง,อีก 3 วันหวยออก งวดนี้ 16/10/62 กองสลากยังไม่สัญจร,นักคำนวณ พาส่อง สถิติหวยออกวันพุธ มีเลขเด็ด เลขเด่น เลขดัง เพียบ,ชาวบ้านแห่ขอโชค หลวงพ่อทันใจ แม่ค้าหวยบอก เลขมงคล เกลี้ยงแผงแล้ว,คอหวยไม่พลาดเลขเด็ด พิธีบวงสรวงตะเคียน ขุนทนง ขุดพบกิ่งวันที่ 31,คนแน่นวัดสว่างอารมณ์ แห่ขอ เลขเด็ด สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ 3 ตัว เลขสวยจริง,เปิดใจ นาง ศิริพร เชื่อบั้งไฟพญานาคมีจริง เลขเด็ด ก็แล้วแต่โชควาสนา | 4 นี้มาแรง คอหวยส่อง เลขเด็ด น้ำมนต์คำชะโนด บังเอิญเห็นเหมือนกัน 2 ขัน ทั้ง 14 และ 45 | ข่าว,สังคม | หวยคำชะโนด,ข่าวเด่น,เลขเด็ด,คำชะโนด,เลขดัง,หวย | https://www.thairath.co.th/news/society/1681696 |
กมธ.พาณิชย์ฯ เตรียมเรียกหน่วยงานเกี่ยวข้องหารือ ผลกระทบสหรัฐตัด GSP ไทย | เมื่อวันที่ 28 ต.ค.62 นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี เขต 4 ในฐานะโฆษก และเลขานุการคณะกรรมาธิการพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญาสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ในวันที่ 30 ต.ค. 2562 นี้ทางกรรมาธิการพาณิชย์จะหารือว่า จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่นกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน และภาคเอกชนเข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหาสหรัฐอเมริกาตัด,สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป, หรือ ,จีเอสพี, ,(GSP), ในสินค้าส่งออกของประเทศไทยว่าผลกระทบจริงๆแล้วเท่าไหร่กันแน่ สาเหตุที่สหรัฐอเมริกาตัดสิทธิ์ GSP ที่แท้จริงเกิดจากสาเหตุอะไร และหามาตรการในการแก้ไขปัญหาต่อไป,นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ กล่าวอีกว่า ตอนนี้ข่าวเรื่องตัวเลขความเสียหายทางการค้าที่เกิดขึ้นจริง เป็นจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งตัวเลขทางภาคเอกชน กับตัวเลขทางภาคราชการนั้นไม่ตรงกัน ทางกรรมาธิการฯ จะเป็นผู้แสวงหาข้อเท็จจริงโดยการเชิญ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องนำข้อมูลมาชี้แจงรวมถึงภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบด้วย,นอกจากนี้สาเหตุในการถูก,สหรัฐตัดสิทธิจีเอสพี, นั้น มาจากสาเหตุใดกันแน่ บางส่วนก็เชื่อว่ามาจากสาเหตุการแบนสารเคมี 3 ตัว ทางด้านการเกษตรตามรายงานก็ว่า มาจากปัญหาแรงงานซึ่งทางกรรมาธิการฯจะได้พิจารณาสอบสวนให้ได้ความจริงต่อไป นอกจากนี้กรรมาธิการฯยังจะได้หารือถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาเพื่อรองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นโดยจะได้ทำเป็นรายงานแจ้งทางรัฐบาลเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป. | กรรมมาธิการพาณิชย์ฯ จ่อเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือผลกระทบสหรัฐฯ ตัดสิทธิ GSP เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหา เพื่อรายงานให้รัฐบาลดำเนินการต่อไป | ข่าว,การเมือง | สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป,อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์,กมธ.พาณิชย์,สภาผู้แทนราษฎร,สินค้านำเข้า,ตัดสิทธิจีเอสพี,จีเอสพี,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/politic/1692138 |
ครม.ไฟเขียว ช็อปรถถังจีน อีก 10 คัน กว่า 2 พันล้าน | พล.อ.ประวิตร เผย ครม.อนุมัติจัดซื้อรถถัง VT-4 จากจีน ระยะ 2 อีก 10 คัน หลังซื้อไปแล้ว 28 คัน4 เม.ย.2560 จากรที่มีกระแสข่าวว่าการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ (4 เม.ย.60) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังไม่นำโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำYuan Class S26T จากจีน ของกองทัพเรือจำนวน 3 ลำ วงเงิน 36000 ล้านบาท เข้า ครม.แต่จะมีการนำโครงการจัดซื้อรถถัง VT4 จากจีนของกองทัพบก ในระยะที่ 2 จำนวนเงินประมาณ 2000 ล้านบาท เข้า ครม.แทน นั้นล่าสุด และ รายงาน่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า วันนี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติจัดซื้อรถถัง VT-4 จากจีน ในระยะที่ 2 อีก 10 คันรวมเป็นเงินกว่า 2 พันล้านบาท เพื่อเข้าประจำการของกองทัพบก (ทบ.) หลังจัดซื้อไปก่อนหน้านี้สมัยรายงานข่าวระบุอีกว่า ส่วนที่เหลืออีก 11 คัน จะแยกไปเป็นอีกกองพัน จะจัดซื้อในระยะที่ 3 รวมทั้งสิ้นที่สั่งซื้อจากจีน 49 คัน ผูกพันธ์งบประมาณ 3 ปีเพื่อทดแทนรถถังขนาดเบา M-41 ของสหรัฐฯ ที่ใช้งานมากว่า 40 ปีสำหรับโครงการจัดซื้อรถถัง VT4 ของกองทัพบก นั้น เพื่อทดแทนรถถังเบา M41 ของสหรัฐอเมริกา โดยก่อนหน้านี้กองทัพบกได้ลงนามซื้อรถถัง VT- 4 จากประเทศจีน ไปแล้ว 28 คัน ในสมัย พล.อ.ธีรชัย นาควานิช องคมนตรี เป็นผู้บัญชาการทหารบก และ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ได้พิจารณาจัดหาต่อในระยะ 2 เพื่อให้ครบ 1 กองพัน ในปีงบประมาณ 2560 โดยผูกพันงบประมาณ 3 ปี ซึ่งคาดว่า รถถัง VT- 4 จะกระจายไปอยู่ใน 3 กองพัน ประกอบด้วย กองพันทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์(ม.พัน 4 รอ.)กองพันทหารม้าที่ 9 รักษาพระองค์(ม.พัน 9 รอ.)กองพันทหารม้าที่ 8 รักษาพระองค์(ม.พัน 8 รอ.) | พล.อ.ประวิตร เผย ครม.อนุมัติจัดซื้อรถถัง VT-4 จากจีน ระยะ 2 อีก 10 คัน หลังซื้อไปแล้ว 28 คัน 4 เม.ย.2560 จากรที่มีกระแสข่าวว่าการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ (4 เม.ย.60) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ | การเมือง,เศรษฐกิจ,ความมั่นคง | VT4,จีน,ประวิตร วงษ์สุวรรณ,รถถัง | https://prachatai.com/journal/2017/04/70888 |
บิ๊กกบ ลั่นอย่ากังวล ทหารปฏิวัติ หากทุกฝ่ายประคองประเทศให้สงบ | เมื่อวันที่ 19 ต.ค.2561 ที่กองบัญชาการกองทัพไทย พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.ทหารสูงสุด กล่าวถึง จุดยืนการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปีหน้าว่า ภารกิจการเตรียมการเลือกตั้ง สิ่งที่เราจะสามารถทำได้คือการให้ความรู้ความเข้าใจในกฎกติกาของการเลือกตั้ง งานที่เรารับผิดชอบคือ การทำให้บรรยากาศในทุกพื้นที่อยู่ในความสงบ คืองานสำคัญของพวกเราทุกคน,ส่วนการเน้นย้ำกำลังพลนั้นเพื่อเป็นแนวปฏิบัติต้องยึดมั่นในกรอบหน้าที่ของทหารและตำรวจคือการทำให้ประเทศชาติ ประชาชนเกิดความสงบ ให้ความรู้ความเข้าใจจะต้องมีจุดสมดุล เพื่อไม่ให้ข้อมูลใดๆ ก็ตามที่นำไปสู่ความเข้าใจคลาดเคลื่อน,พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าวว่า สถานการณ์ในปีหน้าหากย้อนไปเมื่อช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ตนเชื่อว่าคนไทยทุกคนได้เห็นว่าใน 4 ปีนี้ เป็น 4 ปี ที่มีแต่ความสงบ ไม่มีการเดินขบวนประท้วง จนทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐเกิดปัญหา คนไทยก็อยู่อย่างมีความสุข ทำมาหากินอย่างปกติ การติดต่อค้าขาย เศรษฐกิจไปได้ด้วยดี กฎหมายมีการบังคับใช้ ทุกคนเคารพกฎหมาย ถือว่าสังคมอยู่ในสภาวะปกติ ไม่มีอะไรต้องกังวล,เมื่อถามว่า จุดยืนของทหารยังอยู่เคียงข้างประชาชนใช่หรือไม่ อย่างไรก็ตามจุดยืนของเหล่าทัพตรงนี้ จุดใดก็ได้ที่ประเทศมีความสงบประชาชนมีความสุข พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าวว่า จุดยืนของทหารตำรวจ คือ จุดใดก็ได้ที่ประเทศชาติมีความสงบ,เมื่อถามย้ำว่า หากในอนาคตเกิดวิกฤติการเมืองอีกครั้ง บทบาทของทหารจะเป็นอย่างไร หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ลงจากอำนาจ พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าวว่า หากเราไม่ไปพยากรณ์ว่าจะเกิดการจลาจล ขณะนี้การเดินทางของประเทศไทย 4 ปีที่ผ่านมา ถือว่ามีพัฒนาการดี ก้าวหน้าและมีการเตรียมการไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยมาด้วยดีตลอด แทนที่เราจะคิดว่าจะเกิดการจลาจล แต่ถ้าหากเราร่วมมือการตัดสินใจให้ถูกต้อง ทุกคนมีจุดยืนที่เหมาะสมรวมกัน เราก็คงไม่ต้องไปคิดว่าจะเกิดการจลาจลหรือไม่ในอนาคต และไม่ต้องไปคิดว่าทหารจะต้องมาทำอะไรหรือไม่ในวันนั้น,สิ่งที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. และ ,พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผบ.ทอ. พูดนั้น ท่านพูดด้วยประสบการณ์ คือแผนเผชิญเหตุสุดท้าย แต่ในขณะที่กลไกกฎระเบียบของบ้านเมืองยังใช้บังคับได้ และผู้คนเคารพกฎหมาย ความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่จะนำไปสู่ความขัดแย้ง ก็ยังไม่เห็นปรากฏว่ามีนัยยะสำคัญ จนถึงขนาดที่ต้องน่ากังวล การที่เราไปพูดถึงเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น และไม่มีทีท่าว่าจะเกิดจะทำให้สังคมเกิดความกังวลได้ ผมคิดว่าเราทุกคนต้องยืนหยัดอยู่กับการรับข้อมูลและการตัดสินใจจากข้อมูลนั้นให้เกิดความสงบ อย่าไปตื่นตามประเด็นที่เฉี่ยวไปเฉี่ยวมาเล็กๆน้อยๆ และคิดว่าจะเป็นเช่นนั้น พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าว และย้ำว่า จุดยืนของกองทัพ และ สตช. คือจุดที่ประชาชนมีความสุขและประเทศชาติมีความสงบ,เมื่อถามว่าหากมีการรัฐประหารเป็นทางเลือกสุดท้ายใช่หรือไม่ พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าวว่า ตนยังไม่เห็นโอกาสที่จะเกิดความไม่สงบและยังไม่เห็นว่าจะต้องไปแก้ปัญหาความไม่สงบด้วยวิธีใด ในเมื่อกฎหมายยังบังคับได้ปกติ ไม่มีเหตุผลใดที่ทำให้คนไทยต้องกังวลกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น ยังมีหนทางอื่นที่ใช้มากกว่าหนทางรัฐประหาร,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าว พล.อ.อภิรัชต์ เดินไปจับมือกับ พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ก่อนจะไปไหว้ป้ายชื่อของ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดและหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ที่ติดอยู่บนป้ายรายชื่อนายทหารที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้เป็นบิดา,นอกจากนี้หลังการประชุม พล.อ.อภิรัชต์ ได้เดินไปดูรูปภาพของบิดาภายในห้องรับรองนเรศวรพร้อมบันทึกภาพอีกด้วย,ทั้ง พล.อ.อภิรัชต์ ยังกล่าวถึง กระแสโจมตีจากฝ่ายการเมือง หลังให้สัมภาษณ์ว่า การรัฐประหารจะไม่เกิด หากฝ่ายการเมืองไม่เป็นต้นเหตุจลาจลว่า เป็นเรื่องธรรมดา ส่วนที่นายเอกชัย หงส์กังวาล จะไปแจ้งความเอาผิดในข้อหากบฏนั้นก็ว่าไป,ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า นอกจากนี้ในงานเลี้ยงอาหารกลางวันของผู้บัญชาการเหล่าทัพ และ สตช. พล.อ.พรพิพัฒน์ ได้จัดเซอร์ไพรส์วันคล้ายวันเกิดครบ 59 ปี ในวันที่ 19 ต.ค. โดยมอบเค้ก ให้กับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้เป่าอีกด้วย. | ผบ.ทหารสูงสุด ลั่นอย่ากังวลทหารปฏิวัติ หากทุกฝ่ายประคอง พาประเทศให้สงบ ย้ำงานรับผิดชอบ ทำทุกพื้นที่ให้อยู่ในบรรยากาศสงบ ด้าน บิ๊กแดง ไม่หวั่น เอกชัย แจ้งจับข้อหากบฏ | ข่าว,การเมือง | ทหาร,ปฏิวัติ,บังคับใช้กฎหมาย,พรพิพัฒน์ เบญญศรี,ผบ.ทหารสูงสุด,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/politic/1399645 |
สมศักดิ์ จี้ กกต.รีบดูใบเหลือง-ใบแดง หวั่นเกินกรอบ 9 พ.ค. | เมื่อวันที่ 17 เม.ย.62 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการทำหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ในช่วงนี้ ว่า กกต.คงพะวงกับการคิดคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อมากเกินไปจนไม่ได้พูดถึงบางเขตการเลือกตั้งที่มีการร้องเรียน ไม่ทราบว่าในเขตใดบ้างที่ต้องมีการเลือกตั้งใหม่หรือไม่ ขณะนี้เวลาล่วงเลยมาพอสมควรแล้ว ดูวันเวลาที่พอมีอยู่คือวันที่ 28 เม.ย. คือวันที่เหมาะสมในการเลือกตั้งใหม่ กรณีที่มีการแจกใบเหลือง ใบแดง หรือใบส้ม ขณะนี้ กกต.ควรต้องประกาศแล้วว่ามีเขตใดบ้างที่ต้องมีการเลือกตั้งใหม่,อยากให้ กกต.ประกาศให้ประชาชนรับทราบโดยเร็ว เพราะวันที่ 21 เม.ย.จะมีการเลือกตั้งใหม่ในบางหน่วยแล้ว หากจะมีการเลือกตั้งใหม่ทั้งเขต วันที่เหมาะสมคือ 28 เม.ย. จากนั้น กกต.จะมีเวลาคิดคำนวณ ส.ส.จนถึงวันที่ 9 พ.ค. 10 กว่าวันเท่านั้น ถ้าหากเลยวันที่ 28 เม.ย. จะเข้าสู่ช่วงพระราชพิธีมหามงคลอันยิ่งใหญ่ ไม่ควรเอาเรื่องการเมืองเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ไปทำในเวลานั้น และหากล่าช้าไปอีกจะเลยกำหนดการประกาศรับรองผลในวันที่ 9 พ.ค. จึงอยากให้ กกต.รีบประกาศและดำเนินการให้เสร็จก่อน พรรคการเมืองแต่ละพรรคจะได้รู้ว่าจะต้องเตรียมตัวอย่างไรให้สอดคล้องกับเวลาที่มีอยู่ นายสมศักดิ์ กล่าว,เมื่อถามถึงข้อเสนอรัฐบาลแห่งชาติ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าเรื่องรัฐบาลแห่งชาติ ไม่ควรจะถูกพูดถึงในช่วงนี้ เพราะยังมีการเลือกตั้งซ่อมอีกกี่เขตยังไม่รู้ รวมทั้ง กกต.ยังไม่ได้ประกาศรับรอง ส.ส. ทำให้แต่ละพรรคยังมีจำนวน ส.ส.ไม่แน่นอนอย่างเป็นทางการ จึงไม่ควรกระโดดข้ามขั้น นอกจากนี้ในรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายต่างๆ ไม่มีข้อกำหนดในเรื่องนี้ด้วย และที่ผ่านมาไม่เคยมีการปฏิบัติกันมาก่อน ดังนั้นวันนี้ควรเอาเรื่องง่ายๆ ตามขั้นตอนก่อน อย่าเพิ่งคิดไปไกลถึงขั้นนั้น. | สมศักดิ์ จี้ กกต.รีบดูใบเหลือง-ใบแดง หวั่นล่าช้าเกินกรอบในวันที่ 9 พ.ค. ชี้ ไม่ควรคิดไกลถึง รบ.แห่งชาติ ยังมีขั้นตอนตามกฎหมาย | เลือกตั้ง | สมศักดิ์ เทพสุทิน,รัฐบาลแห่งชาติ,กกต.,ประกาศเลือกตั้ง,เลือกตั้งใหม่,เลือกตั้ง | https://www.thairath.co.th/news/politic/1546356 |
กรมอุตุฯเตือนทุกภาคระวังอันตรายจากฝนตกหนัก | ทหารนาวิกโยธินพัน ร.2 กองทัพ หน่วยกู้ภัย และเจ้าหน้าที่ เทศบาล และ อบต. เร่งให้ความช่วยเหลือรถที่สัญจรผ่านเส้นทางที่จะเดินทางไปยังบ้านบ่อเวฬุ หลังน้ำจากเขาบรรจบ เขาสระบาป เขาเวฬุ ที่ไหลรวมกันและผ่านถนนสายนี้ทำให้บางจุดที่เป็นแอ่งกะทะมีกระแสน้ำไหลแรงจนไม่สามารถมองเห็นไหล่ทาง ขณะที่ฝนที่ยังคงตกหนักที่บริเวณเขาต้นน้ำทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเร่งนำอาหาร และ น้ำดื่ม ไปแจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัยที่ไม่สามารถออกจากบ้านได้ เพราะตั้งแต่วันนี้ต่อเนื่องไปอีก 5 วัน ระดับน้ำทะเลที่จะหนุนสูงสุดประกอบกับฝนที่ตกลงมาอาจส่งผลให้สถานการณ์น้ำท่วมมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกับที่จังหวัดลพบุรี ที่ขณะนี้ปริมาณน้ำฝนที่ตกหนัก ส่งผลให้น้ำจากเทือกเขา เขาจีนแล เขาเอราวัณ และ อ่างเก็บน้ำซับเหล็ก ในเขต ตำบลโคกตูม อำเภอเมืองลพบุรี ไหลบ่าท่วมถนน สายลพบุรี-พัฒนานิคม-โคกตูม อย่างรวดเร็ว และส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังถนนพหลโยธิน ระดับน้ำท่วมขังสูง 50 -70 เซนติเมตร รถสามารถสัญจรได้เพียงช่องทางเดียว ขณะที่บ้านเรือน ร้านค้า โรงสี และ โรงเลื่อยในบริเวณดังกล่าวต่างได้รับผลกระทบ เนื่องจากขนย้ายทรัพย์สินหนีน้ำไม่ทันส่วนที่จังหวัดสระบุรีน้ำป่าจากเขาเพิ่ม ซึ่งอยู่เขตติดต่อ อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก ได้ไหลเข้าท่วมตลาดวิหารแดง วัดหนองโพธิ์ ชุมชนในเขตเทศบาลตำบลวิหารแดง และสถานที่ราชการหลายแห่ง ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ต้องเร่งขนย้ายทรัพย์สินหนีน้ำอย่างเร่งด่วน หลังระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องที่จังหวัดอ่างทองน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาได้ไหลเข้าท่วมพื้นที่ หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านแห ในเขตอำเภอเมืองอ่างรวดเร็ว หลังแนวเขื่อนดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาพังทลายลง ทำให้บ้านเรือนกว่า 50 หลังคาเรือนถูกน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร ภายในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง ชาวบ้านต้องเร่งขนของหนีน้ำกันอย่างเร่งด่วน ขณะเดียวกันพบหญิงชราวัย 84 ปี ที่ตำบลบ้านอิฐ ซึ่งตาบอดสนิททั้ง 2 ข้าง พยายามขนย้ายทรัพย์สินไปไว้บนที่สูง หลังได้รับคำเตือนว่าน้ำอาจไหลเข้าท่วมชุมชนส่วนที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาชาวนาในพื้นที่อำเภอบางปะหันที่ปลูกข้าวนาปีหลายราย ต้องปล่อยให้ข้าวยืนต้นตายกว่า 600 ไร่ หลังกรมชลประทานกำหนดให้เก็บเกี่ยวข้าวภายในวันที่ 15 กันยายนนี้ แต่ชาวนาระบุว่า กว่าจะเก็บเกี่ยวได้ก็ต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยเกือบ 3 เดือน ซึ่งหากเก็บเกี่ยวไปขณะนี้ ก็ขายก็ได้ไม่คุ้มทุน จึงต้องยอมปล่อยให้ข้าวยืนต้นตายด้านกรมอุตุนิยมวิทยา เตือนประชาชนให้เฝ้าระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักจากอิทธิพลของร่องมรสุมกำลังแรงที่พาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ส่งผลให้ทั่วทุกภาค มีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ขณะที่พื้นที่ราบลุ่มริมน้ำบริเวณภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ต้องเตรียมป้องกันระวังอันตรายจากปริมาณน้ำท่วมที่เพิ่มสูงขึ้นในระยะนี้ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะ 1-2 วันนี้ | กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนทั่วทุกภาคให้เฝ้าระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนัก ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ขณะที่ฝนที่ตกชุกต่อเนื่องในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลเข้าท่วมหลายพื้นที่ | ภูมิภาค | กรมอุตุฯ,ท่วมฉับพลัน,น้ำท่วมพื้นที่ภาคกลาง,น้ำป่าไหลหลาก,สถานการณ์น้ำท่วม | https://news.thaipbs.or.th/content/33256 |
กสทช.ชี้ กสท.ยุติโครงข่าย 3G ลูกค้าใช้ได้ปกติแต่ไม่ทั่วประเทศ | นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือกสทช. ด้านคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม ให้สัมภาษณ์กับไทยพีบีเอส ถึงกรณี กสท. ยุติโครงข่ายสามจีว่า การหยุดขยายโครงข่ายนั้นไม่ได้เป็นการหยุดให้บริการ ลูกค้าสามารถใช้งานได้ตามปกติ เพียงแต่ในอนาคตพื้นที่จะไม่กว้างขวางขึ้น เนื่องจากเดิม กสท. วางแผนเช่าโครงข่ายจากบริษัท BFKT โดยบอกว่าจะลงทุนโครงข่ายทั่วประเทศ ดังนั้นถ้ามีการยุติโครงข่าย ก็คาดว่าจะไม่สามารถเปิดให้บริการได้ทั่วประเทศ โดยการสมัครใช้บริการนั้นถือเป็นสัญญาทางแพ่ง ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าเนื้อหาในสัญญาหรือโฆษณาเป็นอย่างไร โดยตามกฎหมายไทยนั้นโฆษณาเป็นส่วนหนึ่งของสัญญา เพราะฉะนั้นถ้าโฆษณาว่าให้บริการทั่วประเทศ ก็แปลว่า กสท.ต้องรับผิดชอบในกรณีที่ให้บริการไม่ได้ ในส่วนของลูกค้าเอง ถ้า กสท.ยืนยันว่าจะไม่ขยายโครงข่าย ก็จำเป็นต้องเลือกใช้โครงข่ายอื่น แต่อาจใช้การคงสิทธิ์เลขหมายเดิมไว้ได้ สำหรับลูกค้าใหม่นั้น กสท. ควรจะเปิดเผยพื้นที่ให้บริการอย่างชัดเจน เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจนพ.ประวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีนี้มีความคล้ายคลึงกับทีโอที 3G เพราะทีโอทีลงทุนหลายหมื่นล้านบาท ก็ใช้งบประมาณจากรัฐบาล ส่วนเรื่องการอนุมัติเงินนั้นเป็นกระบวนการของทางราชการ และขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างการประมูล ในตัวอย่างของทีโอที 3G นั้นมีการท้วงติงและมีปัญหากันมาตลอด ดังนั้น กสท.เอง คงจะดำเนินการได้ไม่รวดเร็วนัก สำหรับสัญญาของกสท.ที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวมีอยู่สองฉบับ ฉบับแรกเป็นส่วนของ กสท.ที่ทำสัญญาเช่าโครงข่ายจากบริษัท BFKT ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท ทรูมูฟ จำกัด ฉบับที่สองคือการขายต่อสัญญาณให้กับบริษัท เรียลมูฟ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของทรูฯ เช่นเดียวกัน ซึ่งทรูมูฟเอชให้บริการโดยบริษัทเรียลมูฟ จึงไม่สามารถไปโต้แย้งเรื่องของการไม่เช่าโครงข่ายได้ เพราะเป็นคนละขั้นตอนกัน ดังนั้นทรูมูฟเอชต้องยอมรับสภาพ หากบริษัทที่ไปขอซื้อบริการมีพื้นที่ให้บริการที่จำกัด แต่ปัจจุบัน ทรูมูฟเอชให้บริการแค่ไหน ก็ต้องคงสภาพไว้ ห้ามลดลง | กรรมการ กสทช.ด้านคุ้มครองผู้บริโภค เปิดเผยว่า การที่ กสท.ยุติโครงข่าย 3G นั้น ลูกค้ายังสามารถใช้บริการได้ตามปกติ แต่อาจไม่ครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมชี้หากไม่เป็นไปตามโฆษณา กสท.ต้องรับผิดชอบต่อลูกค้า | วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี | 3G,BFKT,กสท.,กสทช.,ทรูมูฟ,ทรูมูฟเอช,เรียลมูฟ | https://news.thaipbs.or.th/content/85704 |
พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ: ปัญหาระหว่างครูกับเด็กนักเรียน | ตอนนี้ครูท่านนั้นต้องถูกสั่งย้ายและถูกตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้ที่เกิดขึ้น มีคนอยู่สองกลุ่มใหญ่ใหญ่ คนกลุ่มแรกจำนวนไม่น้อยสงสารและเห็นใจเด็กนักเรียนที่ถูกลงโทษ พวกเขาไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงของครู ส่วนคนกลุ่มที่สองซึ่งมองต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง พวกเขาเห็นว่า ครูมีเจตนาที่ดี และการเฆี่ยนตีลูกศิษย์เช่นนั้น เป็นเพราะต้องการอบรมสั่งสอนเดี๋ยวนี้มีปัญหาเรื่องนี้บ่อยมาก เรื่องการใช้ความรุนแรงในการลงโทษ เรื่องข้อพิพาทระหว่างครูกับเด็กนักเรียน เรื่องกฎระเบียบที่ล้าสมัย ยิ่งยุคนี้เป็นยุคที่ทุกคนมีสื่ออยู่ในมือเท่าเท่ากัน เสียงของนักเรียนจึงไม่ได้ถูกกลบอยู่แค่ในโรงเรียนอีกต่อไปแล้ว แต่มันสามารถที่ดังข้ามรั้วของโรงเรียนออกมาข้างนอกได้ด้วยภายใต้ความเป็นสมัยใหม่เช่นนี้ อาตมาเริ่มสังเกตเห็นความเป็นปฎิปักษ์ระหว่างกันมากขึ้นเรื่อยเรื่อย เห็นความเกลียดชังไม่พอใจระหว่างครูกับเด็กนักเรียนที่เพิ่มมากขึ้นแม้ว่า อาตมาจะไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง แต่อาตมาก็ไม่คิดว่า การสร้างความรู้สึกที่เป็นปฎิปักษ์ระหว่างครูอาจารย์กับลูกศิษย์ภายในโรงเรียน เป็นเรื่องที่ดี หรือก่อให้เกิดผลในทางบวกอะไรครูใช้ความรุนแรงที่เกินเลย เป็นสิ่งที่ไม่ดีแน่แน่ แต่การที่เด็กนักเรียนในยุคนี้จำนวนไม่น้อย แสดงพฤติกรรมที่ก้าวร้าว และมองเห็นครูเป็นปฏิบักษ์ ก็เป็นสิ่งที่ไม่ดีเช่นกันอาตมาพูดแบบนี้ ด้วยความรู้สึกที่เข้าใจ ทั้งในฐานะที่ตัวเองเคยเป็นนักเรียนมาก่อน และในฐานะที่ตอนนี้ตัวเองเป็นอาจารย์สอนคนอื่นด้วยต้องขอพูดตามตรงแหล่ะว่า การเฆี่ยนตีอย่างไม่มีเหตุผล หรือเกินเลยด้วยอารมณ์ การที่ครูใช้คำผรุสวาทด่าทอเด็กนักเรียน นั่นไม่ได้ช่วยส่งเสริมให้เด็กนักเรียนเหล่านั้นในฐานะของผู้ถูกกระทำ มีพฤติกรรมที่ดีขึ้น ไม่ได้ส่งเสริมให้เด็กนักเรียนเหล่านั้น มีความรัก หรือความเคารพนับถือ ทั้งต่อตัวของครูคนนั้นเอง หรือทั้งต่อวิชาเรียนที่ครูคนนั้นสอนเลยแม้แต่น้อยกลับกันการใช้ความรุนแรงของครู ยิ่งส่งผลต่อพฤติกรรมด้านลบของเด็กนักเรียนที่มากขึ้น ทั้งกิริยาอาการและสีหน้าแววตาที่เด็กแสดงออก ยิ่งส่งผลต่อความรู้สึกทั้งที่เป็นปฎิปักษ์และต่อต้านหรือเกลียดชังต่อครูคนนั้นที่ใช้ความรุนแรงมากเข้าไปอีกอาตมานึกถึงตัวเองสมัยเป็นเด็กนักเรียนนะ และก็จำได้ว่า ครูเกือบทุกคนล้วนใช้ไม้เรียวในการทำโทษนักเรียนด้วยกันทั้งนั้น แต่แม้จะใช้ไม้เรียวเหมือนกัน แต่ความรู้สึกที่มีต่อครูแต่ละคนของอาตมากลับต่างกันโดยสิ้นเชิง เราจะรู้สึกยอมรับได้นะ ถ้าครูตีเราโดยสมควรแก่เหตุและความผิด หรือมีเมตตาว่ากล่าวสั่งสอนเราให้เรามองเห็นและเข้าใจในความผิดที่เราทำนั้นนั้น ก่อนที่จะลงโทษกลับกันเราจะรู้สึกไม่พอใจมากต่อครูบางคน ครูที่ตีเราอย่างบ้าคลั่งและรุนแรงเกินความผิด ครูที่ใช้ความรุนแรงต่อเราในรูปแบบที่ไม่ควรใช้ อย่างตบหัว ตบหน้า หรือด่าทอเราด้วยคำพูดเสียดแทงใจต่างต่าง อันนี้ก็เป็นเหตุผลสำคัญนะ ที่ทำให้เรารู้สึกเคารพนับถือครูแต่ละท่านต่างกันเอาเข้าจริงจริงแล้ว เด็กนักเรียนส่วนใหญ่ (นี่มองด้วยความรู้สึกของอาตมาเองนะ) ไม่ได้ต่อต้านเกลียดชังการถูกลงโทษจากครู แต่เด็กนักเรียนส่วนใหญ่ต่อต้านเกลียดชังความไม่มีเหตุผลของครูต่างหากในฐานะที่เป็นอาจารย์สอน อาตมาเข้าใจดีเลยแหล่ะว่า เด็กนักเรียนบางคนนี่ร้ายมากมาก ดื้อด้านมากมาก กวนโอ๊ยมากมาก ทั้งสีหน้าและกิริยาอาการ เคยคิดโกรธเหมือนกัน เคยเผลอด่าทอด้วยหลายครั้ง ที่เป็นสามเณรก็เคยเฆี่ยนตีด้วย แต่ก็นั่นแหล่ะ การที่เราทำเช่นนั้น มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย เราเป็นอาจารย์ เราต้องโตกว่าลูกศิษย์ ต้องใจเย็นกว่า สุขุมกว่า นี่คือสิ่งที่ตอนหลังอาตมาจะบอกตัวเองทุกครั้งเวลาสอนหนังสือจริงจริงแล้ว วิธีการลงโทษมีเยอะมากนะ คนเป็นครูอาจารย์ย่อมจะรู้ดี เช่นการตัดคะแนน การแจ้งฝ่ายปกครอง การเรียกผู้ปกครองมาพบ อาตมาก็ใช้วิธีการตัดคะแนนบ่อยมาก สำหรับลงโทษเด็กนักเรียนในวิทยาลัยที่ไม่ให้ความร่วมมือในการเรียนถ้าเธอไม่สนใจในการเรียน คะแนนจิตพิสัยเธอก็หายไป เวลาเรียนไม่พอ เธอก็จะไม่ได้เข้าสอบ นี่เป็นไปตามพฤติกรรมของเธอ แบบนี้ก็เป็นวิธีการสอนแบบหนึ่งนะ เป็นวิธีการลงโทษแบบอารยะ และเด็กนักเรียนส่วนใหญ่จะเข็ดหลาบกับการลงโทษแบบนี้มากกว่าการถูกเฆี่ยนตีเสียอีกอาตมาว่าถึงเวลาแล้ว ที่ครูอาจารย์ก็ต้องกลับมาทบทวนตัวเองด้วย ทบทวนรูปแบบของสิ่งที่จะพึงกระทำต่อลูกศิษย์ อย่าเอาแต่อ้างว่า ปรารถนาดีหวังดีอย่างเดียว ในฐานะแม่พิมพ์ของชาติ ความเสียสละ อาจหมายถึงความมีน้ำอดน้ำทนต่อลูกศิษย์บางคนที่ไม่เอาไหน หรือเข้าใจในตัวของเราที่เป็นครูอาจารย์ในทางที่ผิด บางเรื่องเล็กน้อยอาจต้องปล่อยไปบ้าง เราอบรมสั่งสอนเด็กทุกคนไม่ได้หรอกถึงต่อตัวของเด็กนักเรียนเอง ก็ต้องหันกลับมาทบทวนตัวเองเหมือนกัน ในบางเรื่องที่ไม่หนักหนาเกินไป มีอะไรที่เราจะพึงปฏิบัติต่อครูอาจารย์ในทางที่ดีได้บ้าง ทำอย่างไร เราจะเป็นลูกศิษย์ที่ให้ความร่วมมือในการเรียนการสอน ทำอย่างไรเราจะไม่เห็นแก่ตัว ไม่ละเมิดกฎของโรงเรียนและกฎของห้องเรียน ยังแอบกินขนมอยู่ไหม แอบสูบบุหรี่ แอบแต่งหน้าทาปากอย่างเกินงาม หรือยังเสียบหูฟัง ยังเล่นโทรศัพท์ ในคาบเรียนหรือเปล่า ทำอย่างไรเราจะไม่โกรธเคือง ไม่มองครูที่ดุด่าว่ากล่าวด้วยความปรารถนาดีด้วยความรู้สึกว่าเกลียดชังเป็นปฏิปักษ์โรงเรียนควรเป็นเหมือนบ้านนะ เป็นสถานที่ที่บ่มเพาะความรักและความเข้าใจ เป็นที่ที่ถ้อยทีถ้อยอาศัย โรงเรียนไม่ควรเป็นค่ายทหาร ไม่ควรเป็นที่ใช้ความรุนแรงหรือสร้างความเกลียดชังระหว่างครูกับศิษย์นี่อาตมาอยากจะฝากให้คิด | อาตมาอยากจะขอแสดงความเห็นบ้างนะ ประเด็นเรื่องที่ครูในโรงเรียนแห่งหนึ่งของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาตีเด็กนักเรียนผู้หญิง จนกลายมาเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์ และถึงที่สุดแล้ว | สังคม,วัฒนธรรม,การศึกษา,สิทธิมนุษยชน | ไพรวัลย์ วรวณฺโณ,ครูทำร้ายนักเรียน,ครูลงโทษนักเรียน | https://prachatai.com/journal/2020/01/86003 |
ปชป.หยันคดีปู ส่อช่วย 3 ตร. (คลิป) | ชี้ ปู-ยิ่งลักษณ์ ถือเป็นผู้ที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูล และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรับคำฟ้อง ไม่เกี่ยวว่าจะถูกออกหมายจับหรือไม่ จวกอย่าบิดเบือนให้สังคมสับสน ด้าน ศรีวราห์ แจงตำรวจทั้ง 3 นายผิดแค่ใช้เอกสารปลอม อยู่ระหว่างพิจารณาทางวินัยจากต้นสังกัด ขณะที่ ผบช.น.สั่งเปลี่ยนตัวประธานคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน รองชัยฤทธิ์ เป็น ภาณุรัตน์ หลักบุญ รอง ผบช.น.แล้ว เพื่อความเหมาะสม,ยังเป็นเรื่องที่สังคมจดจ้อง สำหรับกรณี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. สั่งการชุดสืบสวนคุมตัว พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ รอง ผบก.น.5 พ.ต.ท.สามิตร ไชยอิ่นคำ สว.กก.สส.ภ.จ.นครปฐม และ ด.ต.พรพิพัฒน์ มากบุญงาม ผบ.หมู่ อก.บก.ภ.จ.นครปฐม มาสอบสวนก่อนปล่อยตัว พร้อมให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบรถเก๋งโตโยต้าคัมรี่ สีบรอนซ์ ติดแผ่นป้ายทะเบียน ฌข 5323 กรุงเทพมหานคร หลังพบมีส่วนเกี่ยวข้องกับการพา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลบหนีออกนอกประเทศโดยใช้เส้นทางธรรมชาติ เมื่อกลางดึกวันที่ 23 ส.ค. ก่อนถึงวันอ่านคำพิพากษาคดีโครงการรับจำนำข้าวเพียง 2 วัน ท่ามกลางกระแสข่าวมีนายพลตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้องเรื่องนี้หลายนาย ขณะที่หลายหน่วยงานออกมาระบุพร้อมให้ตรวจสอบหากคนในมีส่วนพัวพัน,ความคืบหน้า ที่กระทรวงกลาโหม เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 25 ก.ย. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการสอบสวนตำรวจ 3 นาย ที่ร่วมกันพา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหลบหนี ว่าตำรวจอยู่ระหว่างสอบปากคำอยู่ สิ่งใดที่เกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนที่มีข้อมูลคนพาหนีอาจไม่มีความผิดตามกฎหมายนั้น คิดว่าตำรวจพิจารณาแล้วจึงออกหมายจับไม่ได้ แต่มีความผิดเรื่องการใช้ทะเบียนรถยนต์ ส่วนข้อเรียกร้องให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องนี้โดยเฉพาะ ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับ คสช. ให้รอสักพักเพื่อตรวจสอบรายละเอียดว่าผิดกฎหมายข้อใดบ้าง,เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าคนพาหนีไม่ผิด คนสั่งการให้ช่วยก็ไม่ผิดด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ถ้าเขายังรับราชการอยู่ ต้องดูว่ามีความผิดหรือไม่ ทางต้นสังกัดต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย ขอให้ใจเย็น ตำรวจก็คิดเหมือนสื่อ ว่ามีเจตนาและวางแผนไว้หรือไม่ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตามหารถยนต์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอีกคัน ส่วนช่องทางหนีนั้นคาดเป็นช่องทางเดินเท้าเข้า-ออกบ่อนตามชายแดน ทหารดูแลทุกวัน อาจมีช่องโหว่บ้าง เพราะมีเขตแดนติดต่อกันหลายกิโลเมตร,เรื่องการเปิดเผยชื่อคนบงการครั้งนี้ ไม่ต้องรู้หรอก เดี๋ยวให้ตำรวจดำเนินการเอง ที่ไปลือว่าเป็นอดีตบิ๊กตำรวจนั้น ผมไม่รู้ว่าเป็นอักษรย่อ ภ. หรือ ค. หรือเป็นอะไร ส่วนการดูแลสถานการณ์ในวันที่ 27 ก.ย. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเตรียมอ่านคำพิพากษาคดีลับหลัง ไม่ต้องห่วง ใช้กำลังตำรวจดูแลรักษาความปลอดภัย ไม่จำเป็นต้องเพิ่มมาตรการอะไรเป็นพิเศษ เชื่อตำรวจสามารถดูแลสถานการณ์ได้ เพราะศาลกำหนดพื้นที่ไว้ชัดเจนอยู่แล้ว พล.อ.ประวิตรกล่าว,ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.หัวหน้าคณะทำงานในการติดตามตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เรียกประชุมตำรวจผู้เกี่ยวข้องเพื่อติดตามความคืบหน้าการหาเบาะแสหลังพบตำรวจ 3 นาย เข้าไปเกี่ยวข้อง ก่อนเปิดเผยว่า กรณีที่มีข่าวมีตำรวจชั้นผู้ใหญ่ยศ พล.ต.อ.ที่เกษียณราชการไปแล้วเข้าไปมีส่วนเกี่ยว ต้องรอคดีทางอาญาเพราะตำรวจที่ถูก กล่าวอ้างไม่ได้อยู่ในราชการจะเรียกตัวมาได้อย่างไร หากคดีทางอาญาพาดพิงพนักงานสอบสวนต้องเชิญมาให้ปากคำหรือจับดำเนินการตามกฎหมาย อัตราโทษคนไทยพาผู้ต้องหาหลบหนีออกนอกราชอาณาจักร ปรับ 2,000 บาท กฎหมายบัญญัติด้วยว่าผู้ช่วยเหลือหรือสนับสนุน มีความผิดลหุโทษไม่ต้องรับโทษ ส่วนตำรวจทั้ง 3 นาย แจ้งข้อหาปลอมและใช้เอกสารปลอม ส่วนเรื่องวินัยให้ต้นสังกัดเป็นผู้ดำเนินการ เรื่องนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.สั่งกำชับให้ดำเนินการตามกฎหมายทุกขั้นตอน,พล.ต.อ.ศรีวราห์ยังกล่าวถึงกรณีสังคมตั้งข้อสงสัยเรื่องนี้จะเป็นปาหี่ ว่ากรณีนี้ยังไงคดีอาญาก็เกิดขึ้นแล้ว มีการร้องทุกข์เป็นคดีอาญาต้องมีคนรับผิดชอบ มุมกฎหมายมีอยู่ไม่ใช่ไปตัดสินดำเนินการกันนอกกฎหมาย ส่วนของตำรวจทั้ง 3 นายไม่มีความจำเป็นต้องเรียกสอบอีก เพราะรวบรวมข้อมูลต่างๆเข้าสำนวนคดีอาญาไปหมดแล้ว เหลือเฉพาะสำนวนสอบทางวินัย ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะอยู่ประเทศใด สอบถามไปแล้วยังไม่มีประเทศใดพบตัว องค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ หรืออินเตอร์โปล ก็ตอบกลับมาว่ายังไม่พบตัว ทั้งนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ยังให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องการเปลี่ยนตัวประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงจาก พ.ต.อ.เกียรติพงษ์ นาลา รอง ผบก.น.5 เป็น พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รอง ผบช.น.ว่ามีความเหมาะสม ตามระเบียบยศเท่ากันหรือสูงกว่าก็ได้ แต่ถ้ายศสูงกว่าก็ดี จะได้ชัดเจนเหมือนทหาร,ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่าการดำเนินคดีกับตำรวจทั้ง 3 นายที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งกองบัญชาการตำรวจ นครบาล และกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐมได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงทางวินัย มีกรอบระยะเวลา 60 วัน ถ้ายังไม่แล้วเสร็จสามารถขยายเวลาได้ ส่วนการดำเนินคดีอาญา พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ดำเนินคดีการปลอมและการใช้เอกสารราชการปลอม ส่วนการขยายผลมีผู้ใดเกี่ยวข้องบงการเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน มีทีมงานฝ่ายความมั่นคงของ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.ดำเนินการคู่ขนาน ความผิดจะเชื่อมโยงไปถึงผู้ใดต้องรอผลการสืบสวนข้อเท็จจริง,ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. เซ็นคำสั่ง บช.น.ที่ 302/2560 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ตามคำสั่ง บก.น.5 ที่ 269/2560 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ รอง ผบก.น.5 มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการพา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหลบหนี ว่ามีสื่อมวลชนและประชาชนให้ความสนใจ ดังนั้นเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติ อาศัยอำนาจตามความใน พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ม.84 จึงแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงสืบสวนในเรื่องดังกล่าว ประกอบด้วย พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รอง ผบช.น. เป็นประธานกรรมการ พ.ต.อ.มานพ น่วมลิวงศ์ รอง ผบก.น.4 เป็นกรรมการ พ.ต.อ.รวิโรจน์ เปล่งศรียศภัทร รรท.ผกก. กลุ่มงาน (สอบสวน) บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.ภูริส จินตรานันท์ รอง ผกก.สส.บก.น.5 และ พ.ต.ต.อรุณ เลิศศักดิ์เกษตร สว. (สอบสวน) สน.วัดพระยาไกร เป็นกรรมการและเลขานุการ ทั้งนี้ให้คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงดำเนินการสืบสวนพิจารณาตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการสืบสวนข้อเท็จจริง พ.ศ.2556 ให้แล้วเสร็จ เสนอสำนวนการสืบสวนข้อเท็จจริงมาเพื่อพิจารณาดำเนินการ ถ้าคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเห็นว่ากรณีมีมูลว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยในเรื่องอื่นนอกจากที่ระบุในคำสั่งนี้ หรือสืบสวนพาดพิงไปถึงข้าราชการตำรวจผู้อื่น คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงพิจารณาเบื้องต้นแล้วเห็นว่าข้าราชการตำรวจผู้นั้นมีส่วนกระทำการในเรื่องที่สืบสวนนั้นอยู่ด้วย ให้ประธานกรรมการรายงานมาโดยเร็ว,พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รอง ผบช.น. กล่าวว่า เบื้องต้นทราบว่า สาเหตุที่มีการเปลี่ยน พ.ต.อ.เกียรติพงษ์ นาลา รอง ผบก.น.5 มาเป็นตนแทน น่าจะมาจากผู้ที่ถูกตรวจสอบ คือ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ รอง ผบก.น.5 มีตำแหน่งในระดับเดียวกัน อาจไม่เหมาะสม ประกอบกับตนดูแลงานด้านความมั่นคง มีข้อมูลเชิงลึกพอสมควร การเปลี่ยนชุดคณะกรรมการไม่ได้สร้างความหนักใจเกี่ยวกับแนวทางการสอบสวน เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ทั้งนี้จะมีการเรียกสอบข้อเท็จจริงกับ พ.ต.ท.สามิตร ไชยอิ่นคำ สว.กก.สส.ภ.จ.นครปฐม และ ด.ต.พรพิพัฒน์ มากบุญงาม ผบ.หมู่ อก.บก.ภ.จ.นครปฐม หากพบว่ามีความผิดก็จะให้ทางต้นสังกัดตั้งคณะกรรมการสอบ สวนทางวินัยต่อไป จากการตรวจสอบรถเก๋งโตโยต้า คัมรี สีเทา ทะเบียน ฌข 5323 กรุงเทพมหานคร พบมีการสวมทะเบียน เตรียมประสานข้อมูลกับ สน.ปทุมวัน เพื่อตรวจสอบการกระทำของตำรวจทั้ง 3 นาย เข้าข่ายกระทำความผิดทางอาญาหรือวินัย เตรียมเรียกประชุมคณะกรรมการอีกครั้งในวันที่ 26 ก.ย. เวลา 11.30 น.,ที่รัฐสภา นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเอาผิดตำรวจ 3 นายที่พา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯไปส่งที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ตอบไม่ได้ แต่ความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐมี 2 ทาง คือ 1.ผิดอาญา มีโทษอาญา 2.ผิดวินัย ที่ห้ามเจ้าหน้าที่ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ต้องไปดูว่าชั่วหรือไม่ ถ้าชั่วก็ต้องออกจากงาน คล้ายกับกรรมการองค์กรอิสระและนักการเมืองที่มีมาตรฐานจริยธรรมกำกับ ส่วนที่นักการเมืองระบุให้ใช้กฎหมายอาญา ม. 189 ตรงนี้ต้องไปดูข้อเท็จจริง ขณะที่กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีไว้ดูเรื่องทุจริตอย่างเดียว ตัดเรื่องประพฤติมิชอบทิ้ง แต่กฎหมายของทุกหน่วยงานมีกำหนดไว้แล้ว ว่าหากผู้บังคับบัญชารู้ว่าลูกน้องผิดวินัยแต่ไม่ดำเนินการ ผู้บังคับบัญชาจะต้องผิดเอง,ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจที่พา น.ส.ยิ่งลักษณ์หลบหนี ไม่มีความผิด เพราะเป็นการกระทำก่อนออกหมายจับนั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.189 ระบุชัด น.ส.ยิ่งลักษณ์ถือเป็นผู้ต้องหาที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูล อัยการสูงสุดสั่งฟ้องและศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรับคำฟ้อง กรณีนี้ไม่เกี่ยวว่าจะถูกออกหมายจับหรือไม่ เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองปั่นเรื่องให้สังคมสับสน การอ้างว่ายังไม่มีการออกหมายจับเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะมีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4922/2539 เป็นบรรทัดฐาน กรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ถูกปล่อยตัวชั่วคราว มีเงื่อนไขห้ามออกนอกราชอาณาจักร ต้องวางเงินประกันสูงถึง 30 ล้านบาท ดังนั้น การที่ตำรวจพาคนที่ศาลสั่งห้ามออกนอกประเทศและศาลฎีกาฯเตรียมอ่านคำพิพากษา ไม่ว่ามองมุมไหนก็มีความผิด กรณีนี้ถือเป็นความพยายามช่วยพวกเดียวกันคือ ตำรวจช่วยตำรวจมะเขือเทศ ทำให้เห็นว่ายังมีตำรวจเสื้อแดงอยู่มาก และยังสุ่มเสี่ยงกระทำผิด ป.อาญา ม.157 ด้วย น่าแปลกที่ทั้ง รมว.ยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด หรือแม้แต่รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย ไม่มีใครกล้าออกมาให้คำยืนยันเพื่อรักษาหลักกฎหมาย,นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ลงเฟซบุ๊กว่า เรื่องนี้ตนเห็นแย้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ที่พูดตรงกันว่าตำรวจที่พาหนียังไม่มีความผิดทางอาญา แต่เพื่อให้เข้าใจง่ายๆ 1.น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ประกันตัวจากศาลฎีกา มีเงื่อนไขว่าห้ามเดินทางออกนอกประเทศ 2.คำสั่งศาลดังกล่าวถือเป็นข้อกำหนดของศาล เพื่อให้การพิจารณาเป็นไปโดยเที่ยงธรรม รวดเร็ว ไม่เป็นการประวิงคดี เป็นไปตาม ป.วิแพ่ง ม.30 และ ม.31 3.การฝ่าฝืนข้อกำหนดดังกล่าว ถือเป็นการละเมิดอำนาจศาล มีโทษทางอาญา ทั้งจำคุกและปรับ ตาม ป.วิแพ่ง ม.33 4.เมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์มีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตำรวจที่พา น.ส.ยิ่งลักษณ์หนีก็มีความผิดฐานเป็นตัวการหรือผู้สนับสนุน ตาม ป. อาญา ม.83 หรือ ม.86 หาก พล.อ.ประวิตร หรือ พล.ต.อ.จักรทิพย์ เห็นแย้งอีก ให้ระบุชื่อ ตำแหน่ง ที่อยู่ ของตำรวจทั้ง 3 นายมาให้ตน จะได้เอาชื่อไปยื่นต่อศาลฎีกา แล้วคอยฟังว่าศาลฎีกาจะตัดสินอย่างไร | นิพิฏฐ์-วิรัตน์รองหัวหน้าพรรคและหัวหน้าฝ่ายกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันตำรวจ 3 นาย เอี่ยวพา ปู-ยิ่งลักษณ์ หนี ผิดอาญา 100 เปอร์เซ็นต์ มีคำพิพากษาศาลฎีกาปี 39 เป็นบรรทัดฐาน | ข่าว,การเมือง | ข่าวหน้า 1,ยิ่งลักษณ์ หนีคดี,ประวิตร วงษ์สุวรรณ,วิรัตน์ กัลยาศิริ,นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/politic/1080650 |
ผกก.ทุ่งมหาเมฆ ยันดำเนินการถึงที่สุด แม่ลูกด่าตำรวจ ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน | กรณีคลิปวิดีโอ 2 แม่ลูกยืน,ด่าตำรวจ,ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย จนมีแชร์ต่อกันไปบนโซเชียลมีเดียจำนวนมากนั้น ทาง,ศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร., ขอชี้แจงว่า ทาง พ.ต.อ.อัครวุฒ ธานีรัตน์ ผกก.สน.ทุ่งมหาเมฆ ชี้แจงผ่านศูนย์ฯ ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 08.00 น. ของวันที่ 18 กันยายน 2560 ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรของ สน.ทุ่งมหาเมฆ ตั้งด่านตรวจเพื่อกวดขันวินัยจราจรในพื้นที่ตามปกติ บริเวณปากซอยสุวรรณสวัสดิ์ ถนนพระรามที่ 4 บุคคลในคลิปวิดีโอขับขี่รถจักรยานยนต์โดยไม่สวมหมวกกันน็อกทั้งผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้าย อีกทั้งไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เรียกให้หยุดรถ และดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาตาม พ.ร.บ.จราจรฯ ขณะปฏิบัติหน้าที่ บุคคลในคลิปได้ต่อว่า ด่าทอ และถ่มน้ำลายใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจตามที่ปรากฏในคลิป,ความคืบหน้าล่าสุดเบื้องต้น (อย่างไม่เป็นทางการ) ทาง พ.ต.อ.อัครวุฒิ ได้ดำเนินการให้ร้อยเวรจราจรที่อยู่ในเหตุการณ์ลงบันทึกประจำวัน และเข้าร้องทุกข์เพื่อกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน ขณะนี้ได้อยู่ระหว่างเรียกตัวบุคคลที่อยู่ในคลิปดังกล่าวมาเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา และจะดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญาต่อไป ซึ่งรายละเอียด ศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร. จะได้แจ้งความคืบหน้าให้ทราบอีกครั้ง,อย่างไรก็ตาม ทางเพจศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร. ยังได้ตอบคอมเมนต์ให้ประชาชนเกิดความสบายใจด้วยว่า ผกก.สน.ทุ่งมหาเมฆ จะดำเนินการให้ถึงที่สุด. | ผกก.สน.ทุ่งมหาเมฆ เผยผ่านศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร. ให้ร้อยเวรถูก 2 แม่ลูกด่า-ถ่มน้ำลายใส่ เข้าร้องทุกข์แล้ว เตรียมดำเนินการให้ถึงที่สุดกับผู้ต้องหาในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงาน | ข่าว,ทั่วไทย | ด่าตำรวจ,แม่ลูกด่าตำรวจ,ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน,สน.ทุ่งมหาเมฆ,คลิปด่าตำรวจ,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1073744 |
รู้จักโรคเลือด มะเร็งร้ายเม็ดเลือด | และครอบคลุมโรคต่างๆมากกว่านั้น โดยจะรวมไปถึงโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โรคไขกระดูกฝ่อ,ในประเทศไทยพบว่ามีแนวโน้มพบผู้ป่วยโรคระบบโลหิตนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ในร่างกายคนเรา แม้ร่างกายจะมีกระบวนการจัดการความผิดปกติที่เกิดขึ้น แต่ถ้าวันใดเกิดความไม่สมดุลในร่างกาย เช่น วิตกกังวล การติดเชื้อ การได้รับสารเคมีบางชนิดติดต่อกันเป็นเวลานาน,ปัจจัยเหล่านี้จะทำให้เสียสมดุลของกลไกทางภูมิคุ้มกัน เซลล์ที่ผิดปกติ ก็จะเพิ่มจำนวนมากขึ้นและควบคุมไม่อยู่จนกลายเป็น มะเร็ง ในที่สุด,ศ.นพ.สุรพล อิสรไกรศีล ผู้อำนวยการอาวุโส ศูนย์โลหิตวิทยากรุงเทพ โรงพยาบาลวัฒโนสถ บอกว่า โรคระบบโลหิตวิทยาเป็นกลุ่มโรคที่พบได้บ่อยทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันที่พบความรุนแรงและรักษาได้ยาก เมื่อเทียบกับโรคมะเร็งทั่วไป,นั่นเป็นเพราะว่า ระบบเลือด เป็นระบบที่สำคัญของร่างกายรองจากปอดและหัวใจ ซึ่งทำหน้าที่ลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย โรคทางระบบโลหิตวิทยา หรือโรคเลือด หมายถึง โรคหรือความผิดปกติของเม็ดเลือด ไขกระดูก ระบบ reticuloendothelial ต่อมน้ำเหลืองและระบบภูมิคุ้มกัน รวมทั้งปัจจัยของการแข็งตัวของเลือด แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มมะเร็งระบบเลือด ซึ่งพบได้บ่อย เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia) มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphoma) มะเร็งไขกระดูก (Multiple Myeloma หรือ MM),และ 2.กลุ่มโรคเลือดที่ไม่ใช่มะเร็ง ซึ่งแบ่งได้ดังนี้ หนึ่งโรคที่มีภาวะโลหิตจาง เช่น โรคธาลัสซีเมียซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรม โลหิตจางจากการขาดเหล็ก โลหิตจางจากการขาดวิตามินบี 12 และโฟเลตผู้ที่เป็นโรคเหล่านี้จะมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ออกกำลังกายแล้วเหนื่อย ในกรณีที่เป็นรุนแรงอาจเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้,สองโรคที่มีความผิดปกติของไขกระดูก เช่น โรคไขกระดูกฝ่อ เกิดจากการที่ไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือดได้น้อยลง ผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีอาการซีด เหนื่อยง่าย ไม่มีแรง มีจ้ำเลือดเลือดออก เป็นไข้และมีโรคติดเชื้อ สามโรคมะเร็งระบบเลือด เช่น โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน (Acute leukemia) โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรัง (Chronic leukemia) โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง,ผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันจะมีจ้ำเลือด จุดเลือดออก เลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน หรือเลือดประจำเดือนออกมาก มีไข้และโลหิตจางผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรังมีม้ามโต หรือต่อมน้ำเหลืองโต ผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองพบมีต่อมน้ำเหลืองโตที่บริเวณคอ รักแร้ ขาหนีบ ก้อนโตเร็วแต่ไม่เจ็บ,สี่โรคที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ เช่น โรคเลือดไหลไม่หยุด โรคเลือดออกผิดปกติจากสาเหตุอื่นๆ เช่น โรคตับ หรือภาวะลิ่มเลือดกระจายทั่วไปในหลอดเลือด สุดท้ายโรคที่มีการอุดตันของหลอดเลือดดำที่พบบ่อยคือ หลอดเลือดดำที่ขาอุดตัน ทำให้มีขาบวมข้างเดียว ก้อนเลือดอาจหลุดไปอุดที่หลอดเลือดในปอดได้,ศ.นพ.สุรพล อธิบายว่า โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเป็นมะเร็งที่ร้ายที่สุด พูดกันเฉพาะเฉียบพลันนะ เอ็กซ์คิวลูคีเมีย เราควรรู้ก่อนว่าเป็นอย่างไร ปกติแล้วเม็ดเลือดมี 3 ชนิด เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด เม็ดเลือดที่อยู่ในเลือดมีคุณสมบัติอยู่สองอย่างคือหนึ่งเป็นเม็ดเลือดตัวที่โตเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้ว ทำหน้าที่ได้,เม็ดเลือดแดงทำหน้าที่นำออกซิเจนจากปอดไปเลี้ยงอวัยวะ ส่วนต่างๆของร่างกาย ส่วนเม็ดเลือดขาวก็เหมือนทหารทำหน้าที่ป้องกันต่อสู้เชื้อโรค ส่วนเกล็ดเลือดก็มีหน้าที่ทำให้เลือดหยุด,แล้วคุณสมบัติอันที่สองก็คือจำนวนเม็ดเลือดทั้ง 3 ชนิดที่ว่านี้ต้องมีจำนวนพอเหมาะพอดี ไม่มากไปไม่น้อยไป ซึ่งมีโรงงานที่สร้างเรียกว่าไขกระดูกอยู่ในโพรงกระดูก พวกเราส่วนใหญ่ผู้ใหญ่ก็อยู่ในกระดูกแบนๆ เช่น กระดูกกะโหลกศีรษะ กระดูกสันหน้าอก กระดูกสะโพก,การสร้างเม็ดเลือดในไขกระดูกก็เริ่มต้นจากเซลล์ตัวแรกที่เรียกว่า สเต็มเซลล์ หรือ เซลล์ต้นกำเนิด แล้วก็เจริญตัวถัดไปแยกเป็นเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือดหลังจากนั้นก็จะมีการแบ่งตัวอีกสี่ห้าขั้นตอน จนกระทั่งได้เป็นตัวหนุ่มสาวถึงจะปล่อยไปในเลือด ความต่างก็คือว่าเม็ดเลือดที่อยู่ในไขกระดูกยังเป็นเม็ดเลือดที่ทำหน้าที่ไม่ได้ พอโตเป็นหนุ่มเป็นสาว ทำหน้าที่ได้ก็ปล่อยออกไปในเลือด,ลูคีเมีย หรือ มะเร็งเม็ดเลือดขาว เป็นความผิดปกติของตัวอ่อนเม็ดเลือดขาวระยะที่ถัดมาจากเซลล์ต้นกำเนิดหรือสเต็มเซลล์โดยที่มีการเพิ่มจำนวน เพิ่มแบบมะเร็ง เพิ่มแบบไม่หยุดยั้ง คือมีการเพิ่มตลอดเวลา,ลูคีเมีย ก็แบ่งแยกย่อยไปได้อีก 2 ชนิด ชนิดเฉียบพลัน กับ ชนิดเรื้อรัง ชนิดเฉียบพลันจะไม่มีการเจริญเป็นตัวที่แก่เลย เป็นแต่ตัวอ่อนทั้งนั้น พวกนี้จะสะสมอยู่ในไขกระดูกทำให้ไปเบียดการสร้างเม็ดเลือดปกติของไขกระดูก เพราะฉะนั้นก็จะมีผลทำให้เม็ดเลือดปกติลดลง ทั้งเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด ลดลง,พอลดลงก็จะมีอาการผิดปกติ เช่น เม็ดเลือดแดงนำออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายมีน้อย อวัยวะต่างๆก็ขาดเลือดก็เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ซีด ส่วนเม็ดเลือดขาวพอต่ำก็มีไข้ เพราะเกี่ยวข้องกับการทำลายเชื้อโรค แล้วเกล็ดเลือดต่ำก็มีผลในเรื่องเลือดออกผิดปกติ มีเลือดออกตามผิวหนัง มีจ้ำเลือดใหญ่ๆหรือว่ามีเลือดออกจากอวัยวะสำคัญอื่น เช่น จมูก ไรฟัน หรือแม้กระทั่งปัสสาวะเป็นเลือด,การรักษาทำอย่างนี้ ต้องเคมีบำบัดก่อน ให้ยาเคมีบำบัดไปฆ่า ทำลาย เซลล์มะเร็งลูคีเมียในไขกระดูก พอให้ยาปุ๊บเซลล์ในไขกระดูกก็ถูกทำลายไปด้วย ฉะนั้นการให้ยาไม่ใช่ว่าจะให้ทีเดียวตลอดเวลา แต่ต้องให้เป็นพักๆ สามสี่ห้าวัน เจ็ดวันครั้ง พอให้เสร็จแล้วก็หยุดเพื่อให้ไขกระดูกฟื้นตัว,คำว่าหายคือเซลล์มะเร็งในไขกระดูกน้อยกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ การสร้างเม็ดเลือดในไขกระดูกเป็นปกติ,ปัญหาสำคัญมีว่าหายแล้วแต่โรคมะเร็งก็มีโอกาสกลับมาเป็นขึ้นอีก ปัจจุบันมีวิทยาการใหม่ในการรักษาด้วย การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด หรือที่เรียกว่า การปลูกถ่ายไขกระดูก เข้ามาใช้ ก็คือการให้ยาเคมีบำบัดขนาดสูงแล้วตามด้วยการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์หรือการปลูกถ่ายไขกระดูกโดยใช้ไขกระดูกของคนอื่น,โรคจะเป็นกลับมาอีกเพราะมีเซลล์มะเร็งลูคีเมียเหลืออีกนิดๆหน่อยๆ ในไขกระดูก ตัวที่เหลือนี้เอง พอเพิ่มจำนวนขึ้นก็ทำให้เป็นโรคกลับมา เราต้องฆ่าตัวที่เหลือ การให้ยาเคมีบำบัดขนาดสูงเข้าไปกับใช้สเต็มเซลล์ นอกจากสร้างเม็ดเลือดใหม่ ในเซลล์ไขกระดูกยังมีตัวที่ไปทำลายเซลล์ลูคีเมียโดยตรง ทำให้โรคหายขาดได้,อีกข้อควรรู้เวลาปลูกถ่าย คนให้ที่ดีที่สุดก็น่าจะเป็นพี่น้องที่มีลักษณะทางพันธุกรรมเหมือนกัน แต่ว่าพี่น้องพ่อแม่เดียวกันโอกาสที่จะเหมือนกันก็มีแค่ 25 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง,ทีนี้ถ้าบางคนไม่มีพี่น้อง หรือมีเช็กแล้วว่าให้ไม่ได้ ไม่เข้ากัน ก็ต้องหาคนอื่น ตอนนี้มีอยู่ 2 ทางเลือก หนึ่งหาจากผู้บริจาคประเทศไทยก็มีผู้บริจาคขึ้นทะเบียนที่สภากาชาดไทยดูว่าเข้ากันได้ก็เอามาใช้,สองเราสามารถที่จะใช้ญาติพี่น้องที่มีลักษณะทางพันธุกรรมเหมือนกันแค่ครึ่งเดียวได้ ยกตัวอย่าง เช่น พ่อแม่ให้ลูก ลูกให้พ่อแม่ หรือพี่ให้น้องเป็นเทคนิคปัจจุบันที่สามารถปลูกถ่ายให้ประสบความสำเร็จได้,เซลล์ผิดปกติ ที่จะกลายเป็น มะเร็ง เกิดขึ้นตลอดเวลาในผู้คนปกติ แต่ร่างกายมีระบบภูมิคุ้มกันเซลล์ผิดปกติที่จะเกิดขึ้นตลอดเวลานี้อยู่แล้วอย่าเครียด อย่าจิตตก อย่ามีทุกข์อโรคยา ปรมาลาภา ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ. | หากเอ่ยถึงโรคเลือด หลายท่านอาจรู้สึกคุ้นหูและคิดว่าโรคเลือดก็คือภาวะโลหิตจาง หรือไม่ก็โรคธาลัสซีเมีย แต่จริงๆแล้วโรคเลือดมีความหมายกว้าง | ข่าว,ทั่วไทย | สกู๊ปหน้า1,โรคเลือด,ภาวะโลหิตจาง,โรคธาลัสซีเมีย,โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว,สุขภาพ | https://www.thairath.co.th/news/local/1021309 |
โค้งสุดท้ายเลขเด็ด หวย 01/09/2018 ลุ้นสดทางไทยรัฐทีวี-ไทยรัฐออนไลน์ | เมื่อวันที่ 1 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศก่อนการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือ ลอตเตอรี่ งวดประจำวันที่ 1 ก.ย.2561 เดือนที่ 9 ของปี ยังคงเป็นที่รอคอยของนักเสี่ยงโชคดังเช่นทุกงวดที่ผ่านมา จากการตรวจสอบตามแผงค้าลอตเตอรี่และบรรดาพ่อค้าแม่ค้าเร่ขายลอตเตอรี่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และตามหัวเมืองใหญ่หลายจุดพบว่า เหลือค้างค่อนข้างมาก โดยเฉพาะหวยรวมชุด ยกเว้นเลขเด็ด เลขดัง เลขเกี่ยวกับเอเชียนเกมส์ 2018 และเลขมงคลต่างๆ,สำหรับงวดวันที่ 1 ก.ย.2561 สำนักงานสลากฯ เตรียมออกรางวัลสัญจรจากหอประชุม อบจ.ขอนแก่น จ.ขอนแก่น โดยสามารถติดตามการถ่ายทอดสดได้ทางไทยรัฐทีวีช่อง 32 ตั้งแต่เวลา 14.00-16.00 น. ส่วนทางเว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ www.thairath.co.th มีทั้งการถ่ายทอดสด ตรวจสอบผลรางวัลทั้งหมดและรวบรวมหวยไทยรัฐต่างๆ.,ข่าวเกี่ยวข้อง,-,มาแล้ว เลขดังโซเชียล รวมทีเด็ดอายุป๋า-รถนายกฯ ที่เดียวจบ ,-ใ,กล้แล้วออกหวย 01/09/61 ลุ้นจากขอนแก่น จังหวัดเลข 6 ,-,รวย 2018 คอหวยตั้งตารอ กันยา วันที่ 1 นี้ จะมาเลขอะไร ,-,เปิดสถิติท้าพิสูจน์ จริงหรือ? หวยออกวันเสาร์ทีไรมี เลขเบิ้ล ทุกที ,-,มนต์สิทธิ์ คำสร้อย ให้เลขเด็ดโค้งสุดท้ายก่อนลุ้นหวย 1 ก.ย.นี้ | โค้งสุดท้ายหวยไทยรัฐก่อนการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดประจำวันที่ 01/09/2018 หวย เลขเด็ด เลขดัง ต้องรีบซื้อก่อนจะออกรางวัลจาก จ.ขอนแก่น | ข่าว,เศรษฐกิจ | หวย,เลขเด็ด,เลขดัง,หวยไทยรัฐ | https://www.thairath.co.th/news/business/1366399 |
ไฟเขียวคิงเพาเวอร์ลุยดอนเมือง | นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า บอร์ด ทอท.มีมติอนุมัติให้บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด เข้ารับสิทธิในการประกอบ กิจการโครงการบริหารจัดการเชิงพาณิชย์ เฟส 1 พื้นที่กว่า 1,922.78 ตารางเมตร ภายในอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร 1 สนามบินดอนเมือง อายุสัญญาสัมปทาน 10 ปี โดยคิง เพาเวอร์ได้เสนอผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายเดือนให้ ทอท. เดือนละ 17.68 ล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ 212 ล้านบาท/ปี และ ทอท.สามารถปรับผลประโยชน์ตอบแทนเพิ่มขึ้นในปีต่อๆไปอีกปีละ 10% ทั้งนี้ คิง เพาเวอร์จะสามารถเข้าพื้นที่เพื่อตกแต่งสถานที่และต้องแล้วเสร็จใน 90 วัน นับแต่ ทอท.แจ้ง โดยคาดว่าภายในต้นเดือนธันวาคม 60 จะแล้วเสร็จ ส่วนพื้นที่เชิงพาณิชย์ เฟส 2 พื้นที่กว่า 587.59 ตารางเมตรนั้น คิง เพาเวอร์จะสามารถเข้าพื้นที่ได้ประมาณหลัง 30 กันยายน 60 ซึ่งผลตอบแทนในพื้นที่เฟส 2 นี้ ที่คิง เพาเวอร์ต้องจ่ายให้ ทอท.จะเฉลี่ยที่ 5.4 ล้านบาท/เดือน,นายนิตินัยกล่าวว่า ในการประชุมบอร์ด ทอท.ในวันที่ 20 ก.ย.นี้ จะเสนอให้บอร์ดพิจารณาเห็นชอบผลการแก้ข้อตกลงการใช้พื้นที่ราชพัสดุร่วมกับกรมธนารักษ์ ซึ่งขณะนี้ได้สรุปเรื่องค่าเช่าร่วมกันแล้ว โดยที่จะใช้รูปแบบคิดส่วนที่เพิ่มขึ้นจากผลตอบแทนต่อมูลค่าสินทรัพย์ (ROA) เท่านั้น,สำหรับอัตราผลตอบแทนการใช้พื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิที่ ทอท.ต้องจ่ายให้กรมธนารักษ์ เบื้องต้นได้เห็นชอบแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วน คือ 1.เขตปลอดอากร 0.01% 2.พื้นที่พาณิชย์เต็มรูปแบบ ซึ่งต้องมีการจ่ายผลตอบแทนต่อ ROA ที่ 3% 3.พื้นที่ว่างเปล่าจะมีการเก็บผลตอบแทนต่อ ROA ที่ 2%. | บอร์ด ทอท.มีมติอนุมัติให้บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด เข้ารับสิทธิในการประกอบ กิจการโครงการบริหารจัดการเชิงพาณิชย์ เฟส 1 พื้นที่กว่า 1,922.78 ตารางเมตร ภายในอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร1 สนามบินดอนเมือง อายุสัญญา | ข่าว,เศรษฐกิจ | คิงพาวเวอร์,สนามบินดอนเมือง,ทอท.,สนามบินสุวรรณภูมิ,กรมธนารักษ์,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/business/1048059 |
ฮ่องกงส่อกลับมาเดือด จีนเตือนอย่าปล่อยไวรัสการเมืองลงถนน | เว็บไซต์ South China Morning Post สื่อภาษาอังกฤษในฮ่องกง รายงานเมื่อวันที่ 6 พ.ค. อ้างแถลงการณ์ของสำนักงานกิจการฮ่องกงและมาเก๊า ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลฮ่องกงและมาเก๊าของรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ ที่ออกมาเตือนให้ชาวฮ่องกงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหยุดยั้งความรุนแรง จากกลุ่มที่มีแนวคิดต่อต้านรัฐบาลแถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า กลุ่มที่ต้องการให้ฮ่องกงเป็นเอกราชเปรียบเสมือนไวรัสการเมืองที่เป็นศัตรูสำคัญของการปกครองแบบ 1 ประเทศ 2 ระบบ ซึ่งรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่จะไม่นิ่งเฉย หากมีการกระทำของกลุ่มบุคคลที่บ้าคลั่งนี้เกิดขึ้นแถลงการณ์ฉบับล่าสุดจากสำนักงานกิจการฮ่องกงและมาเก๊า เป็นแถลงการณ์ฉบับที่ 6 แล้วนับตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ สำนักประสานงานรัฐบาลจีนประจำฮ่องกง ก็เพิ่งออกมาเตือนฮ่องกงว่าจะไม่มีอนาคต หากปล่อยให้ผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลก่อความรุนแรง พร้อมแนะนำว่า กลุ่มผู้ประท้วงควรมาช่วยกันต่อสู้กับโรคโควิด-19 มากกว่าท่าทีของรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ที่มีต่อฮ่องกงเกิดขึ้นหลังมีแนวโน้มว่า กลุ่มผู้ประท้วงฮ่องกงอาจกลับมาชุมนุมอีกครั้ง ทันทีที่ทางการฮ่องกงผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดในฮ่องกงเริ่มควบคุมได้ โดยเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา ก็มีการรวมตัวของผู้ประท้วงฮ่องกงด้วยการชุมนุมในฮ่องกงถูกจุดขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีที่แล้ว โดยจุดเริ่มต้นมาจากความไม่พอใจที่ทางการฮ่องกงจะแก้ไขกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งผู้ประท้วงมองว่า จะทำให้รัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่เข้ามาแทรกแซงเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของชาวฮ่องกงได้ง่ายขึ้น ซึ่งต่อมาการประท้วงได้ลุกลามเป็นการชุมนุมใหญ่และเกิดความรุนแรงต่อเนื่อง | จีนออกแถลงการณ์ถึงฮ่องกง เตือนอย่าปล่อยไวรัสการเมืองสร้างความไม่สงบ บั่นทอนหลักการ 1 ประเทศ 2 ระบบ หลังมีสัญญาณผู้ประท้วงอาจกลับมาชุมนุมใหม่ | ข่าว,ต่างประเทศ | ประท้วงฮ่องกง,จีน,มาเก๊า,ไวรัสการเมือง,โควิด-19 | https://www.thairath.co.th/news/foreign/1838201 |
สปท. จ่อชง กรธ. แยกหมวดปฏิรูป เป็นบทบัญญัติ 15 ก.พ. ยัน ไร้วาระซ่อนเร้น | เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 59 นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) คนที่ 1 กล่าวว่า ในวันที่ 15 ก.พ.นี้ สปท.จะประชุมพิจารณาให้ความเห็นชอบข้อเสนอแนะ ในการเพิ่มเติมปรับปรุงร่างรัฐธรรมนูญต่อคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) โดยเฉพาะการเสนอให้แยกหมวดว่า ด้วยการปฏิรูปประเทศเป็นบทบัญญัติต่างหาก เพราะการปฏิรูปประเทศต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องไม่ใช่เฉพาะกิจ จึงสมควรอยู่ในส่วนรัฐธรรมนูญถาวรไม่ใช่การเขียนแทรกไว้ในบทเฉพาะกาล นอกจากนั้นข้อเสนอของ สปท.จะเน้นความครอบคลุมของการปฏิรูป 11 ด้าน ตามบทบัญญัติมาตรา 27 ของรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 และการบัญญัติให้มียุทธศาสตร์ชาติอยู่ในรัฐธรรมนูญด้วย,สปท.เข้าใจบทบาทอำนาจหน้าที่ของ กรธ. และจะไม่เข้าไปแทรกแซงหรือกดดัน กรธ.แต่จะเป็นการปรึกษาหารือด้วยเหตุด้วยผล เพื่อประโยชน์ของส่วนรวมเป็นสำคัญ เพราะ สปท.ไม่มีวาระซ่อนเร้นแต่อย่างใด นายอลงกรณ์ กล่าว,นายอลงกรณ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้จากการติดตามการวิพากษ์วิจารณ์ของภาคส่วนต่างๆ ก็ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อ กรธ.ในการพิจารณาทบทวนปรับปรุงร่างรัฐธรรมนูญต่อไป อย่างไรก็ตามตนเห็นว่าทุกภาคส่วนควรนำโจทย์ใหญ่ 6 ข้อของประเทศประกอบการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ ได้แก่ 1. การคอร์รัปชัน 2. ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม 3. การเลือกตั้งที่ไม่สุจริต 4. ปัญหาประชาธิปไตยและความแตกแยก 5. ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายที่อ่อนแอและสองมาตรฐาน และ 6. ปัญหาระบบการบริหารราชการแผ่นดิน และการบริการประชาชนอย่างเสมอภาค รวดเร็ว ทั่วถึง ทั้งนี้การยึดหลักการและทฤษฎีในการพิจารณาเป็นสิทธิเสรีภาพของแต่ละคนแต่ละองค์กร ซึ่งหากนำข้อเท็จจริงที่เป็นปัญหาใหญ่ๆ ของประเทศ ทั้งในอดีตและปัจจุบันมาพิจารณาอย่างจริงจัง เพื่อข้อเสนอแนะที่จะช่วยให้การออกแบบร่างรัฐธรรมนูญสามารถตอบโจทย์ใหญ่ๆ ได้ ก็จะยังประโยชน์สำหรับอนาคตของประเทศ ยิ่งข้อเสนอแนะใดมีหลักการมีเหตุผลสามารถถอดสลักปัญหาสำคัญๆ ได้ ก็เชื่อว่า กรธ.จะปรับปรุงแก้ไขไม่ว่าจะเป็นข้อเสนอแนะจากภาคีภาคส่วนใดก็ตาม | สปท. นัดถกร่างรัฐธรรมนูญก่อนเสนอ กรธ. 15 ก.พ.นี้ เตรียมจ่อเสนอให้มีหมวดปฏิรูปประเทศ แยกเป็นบทบัญญัติต่างหาก ขณะที่ อลงกรณ์ ยัน ไร้วาระซ่อนเร้น แนะทุกฝ่ายดูโจทย์ใหญ่ 6 ข้อของประเทศ
| null | ร่างรัฐธรรมนูญ,แก้ไขร่างฯ,อลงกรณ์ พลบุตร,สปท.,หมวดปฏิรูป,แยกหมวด,ข้อเสนอร่างฯ,วาระซ่อนเร้น,กฏหมาย,ข่าว,ไทยรัฐออนไลนื,ข่าวการเมือง | https://www.thairath.co.th/content/577297 |
ส่องบทลงโทษทางวินัยของข้าราชการตำรวจ หากมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาว | สัมพันธ์ชู้สาวของข้าราชการตำรวจ 3 ราย, ที่กำลังเป็นกระแสข่าวอยู่ในโลกโซเชียลในขณะนี้ มีชาวโซเชียลจำนวนมากกำลังตั้งข้อสงสัยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ผิดกฎระเบียบราชการหรือไม่,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 และระเบียบ ก.ตร.ว่าด้วยวิธีการเสริมสร้างและพัฒนาให้ข้าราชการตำรวจมีวินัยและป้องกันมิให้ข้าราชการตำรวจกระทำผิดวินัย พ.ศ.2549 ได้กำหนดมาตรฐานการลงโทษวินัยอย่างไม่ร้ายแรง และได้กำหนดโทษเกี่ยวกับความสัมพันธ์ฉันชู้สาว ดังนี้,1. ข้าราชการตำรวจเกี่ยวข้องกับหญิงอื่น หรือชายอื่น โดยที่ตนเองมีภรรยา หรือมีสามีอยู่แล้ว และเกิดเรื่องเสื่อมเสีย โดนกักขัง 30 วัน,2. ได้หญิง หรือชายเป็นภรรยา หรือสามีแล้วไม่เลี้ยงดู และเกิดเรื่องเสื่อมเสีย หรือเสียหาย โดนกักขัง 30 วัน,3. จดทะเบียนสมรสซ้อน โดนกักขัง 30 วัน,4. ไม่เลี้ยงดูคู่สมรสและบุตร และไม่ยกย่องฐานานุรูป โดนกักขัง 30 วัน,5. ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงในใบสำคัญการหย่าเกี่ยวกับการอุปการะบุตร ความผิดครั้งแรก ภาคทัณฑ์ ความผิดครั้งที่สอง ไม่ว่าจะเป็นการหย่ารายเดียวกันหรือไม่ก็ตาม กักยาม 3 วัน และความผิดครั้งที่สามและครั้งต่อไป กักยาม 3 วัน และพิจารณาตั้งกรรมการสอบสวน ม.101 พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547,(อ่านข้อมูลทั้งหมด ,คลิกที่นี่,),นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 2552 ยังมีการแก้ไขแนวทางการลงโทษทางวินัยร้ายแรง ในข้อ 10 เกี่ยวกับความสัมพันธ์เชิงชู้สาว ในข้อ 10.1 จากเดิมว่า เป็นชู้หรือมีชู้กับภรรยาหรือสามีผู้อื่น (ปลดออกหรือไล่ออกตามความร้ายแรงแห่งกรณี) เป็น ชู้หรือมีชู้ หรือมีพฤติการณ์เป็นชู้หรือมีชู้กับภรรยาหรือสามีผู้อื่น (ปลดออกหรือไล่ออกตามความร้ายแรงแห่งกรณี),(คลิกอ่านเพิ่มเติม ,ที่นี่ ,) | จากกรณีข่าว สัมพันธ์ชู้สาวของข้าราชการตำรวจ 3 ราย ที่กำลังเป็นกระแสข่าวอยู่ในโลกโซเชียลในขณะนี้ มีชาวโซเชียลจำนวนมากกำลังตั้งข้อสงสัยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ผิดกฎระเบียบราชการหรือไม่ | ข่าว,สังคม | ข้าราชการตำรวจ,บทลงโทษ,ลงโทษทางวินัย,ตำรวจ,ความสัมพันธ์เชิงชู้สาว,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/society/1214027 |
นักวิชาการ-ภาคเอกชนคาดรัฐบาลเร่งระบายข้าวเสี่ยงขาดทุนมหาศาล | ชาวนาประท้วง เสียงเรียกร้องของชาวนาให้คงราคารับจำนำเดิมที่ 15000 บาท เพราะต้นทุนการเพาะปลูกที่สูง ไม่ได้เป็นเหตุผลที่รัฐบาลใช้เป็นข้ออ้างในการถอยให้กับกลุ่มชาวนา แต่เพราะกระทรวงพาณิชย์ระบุมีแนวทางระบายข้าวได้ โดยจะเร่งส่งออกข้าวทั้งในรูปแบบข้าวสาร ที่ดำเนินการอยู่แล้ว และข้าวนึ่ง ซึ่งรัฐบาลไม่เคยทำมาก่อน ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้มีเงินมาหมุนเวียนในโครงการอย่างน้อยจนสิ้นสุดฤดูเพาะปลูกข้าวนาปรัง รวมถึงสามารถรักษาวินัยทางการคลัง หรือ ไม่ให้ขาดทุนเพิ่มขึ้นได้ แต่จากมุมมองของ ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)และเอกชนในวงการข้าว พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าการระบายข้าวของไทยเป็นไปได้ยากด้านนายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ระบุว่า การระบายข้าวทำได้ยาก เนื่องจากผลผลิตข้าวโลกสูง ประเมินว่าปีนี้ (56) จะมีปริมาณข้าวรวม 485 ล้านตัน จากผู้ผลิตทั้งจีน อินเดีย อินโดนีเซีย เวียดนาม และที่สำคัญคือราคาข้าวไทยสูงกว่าราคาตลาดราคารับจำนำข้าวของไทยที่ต้นละ 15000 บาท เมื่อคำนวณเป็นราคาตลาดโลกจะอยู่ที่ 800 ดอลลาร์สหรัฐฯ สูงกว่าราคาตลาดเฉลี่ยราว 250 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ กว่า 7500 บาท แต่ที่ผ่านมาไทยไม่เคยขายข้าวในราคารับจำนำ ต้องขายในราคใกล้เคียงตลาด ซึ่งก็ยังสูงกว่าคู่แข่ง อย่างเช่นข้าวขาว 5% ก็มีส่วนต่างจากคู่แข่ง 150 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 4500 บาท และถึงแม้ว่ารัฐบาลจะลดราคารับจำนำลงมาที่ 12000 บาท ราคาก็ยังสูงกว่าตลาด 3000 บาทส่วนข้าวนึ่ง หากขายในราคาตลาด จะสูงกว่าคู่แข่ง 3600 บาท แต่หากลดราคารับจำนำ จะช่วยเพิ่มโอกาสขายได้ เพราะราคาจะลงมาใกล้เคียงคู่แข่ง นอกจากนี้การที่ประเทศผู้ซื้อข้าวซื้อในปริมาณเท่าที่ต้องการไม่เผื่อเก็บสต็อก เนื่องจากรู้ว่าในตลาดโลกมีปริมาณข้าวสูง โดยเฉพาะข้าวไทย ที่อาจมีปริมาณสูงกว่า 25 ล้านต้น จากข้าวในโครงการรับจำนำ 2 ปี ก็เป็นอุปสรรคในการระบายข้าวหากรัฐบาลจะระบายข้าวให้ได้ ต้องขายข้าวสูงกว่าคู่แข่งไม่มากนัก หรืออาจต้องขายราคาเท่ากัน ซึ่งจะหมายถึงผลขาดทุนมหาศาล จากการขายข้าว ในราคาต่ำกว่าราคารับจำนำเกือบ 2 เท่าตัว | กระทรวงพาณิชย์ระบุจะพยายามเร่งระบายข้าวในสต็อกให้ได้ ซึ่งจะทำให้มีเงินหมุนเวียนในโครงการรับจำนำข้าว และสามารถที่จะคงจำนำข้าวในราคาเดิมไว้ที่ 15000 บาท อย่างน้อยที่สุดให้ถึงวันที่ 15 กันยายนนี้ แต่ภาคเอกชนและนักวิชาการเชื่อว่าการระบายข้าวในปีนี้ (56) ค่อนข้างยาก ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะลดราคาข้าวเหลือ 12000 บาท และหากรัฐบาลตัดใจระบายข้าวในราคาตลาดโลก ก็จะเผชิญการขาดทุนมหาศาล | เศรษฐกิจ | จำนำข้าว,ชูเกียรติ โอภาสวงศ์,นิพนธ์,ระบายข้าว | https://news.thaipbs.or.th/content/181385 |
อัยการเลื่อนฟังคำสั่ง เป็น 27มิ.ย.ปมพิชัยโพสต์เฟซฯ นิตยสาร Time | วันที่ 22 พ.ค. นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า ตามที่นัดฟังคำสั่งอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 6 คดีนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กรณีโพสต์เฟซบุ๊ก นิตยสาร Time และการดูด ส.ส. 4.0 วันนี้ เวลา 10.00 น.,นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ในฐานะทนายความของนายพิชัย พร้อมคณะทำงาน นายยอดชาย ศีลนำสุข ได้มาตามกำหนดนัด โดยได้เข้าพบนายพรชัย ชลวานิชกุล รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา หัวหน้าคณะทำงานเจ้าของสำนวน ได้แจ้งว่า เนื่องจากตามหนังสือขอความเป็นธรรม นายพิชัย ได้ขอให้ทำการสอบสวนพยานเพิ่มเติม จำนวน 7 คน ซึ่งอัยการให้พนักงานสอบสวนสอบพยานเพิ่มเติมเสร็จได้ 5 คน แล้ว เหลือพยานอีก 2 คน ยังสอบสวนไม่แล้วเสร็จ พนักงานอัยการจึงให้เลื่อนนัดฟังคำสั่ง ไปเป็นวันที่ 27 มิถุนายน 2562 เวลา 10.00 น. ,ทั้งนี้ นายพิชัย กล่าวว่า ในโอกาสครบรอบ 5 ปี ของการรัฐประหาร อยากให้ รัฐบาลและ คสช. ได้พิจารณาตัวเอง มองย้อนกลับไปว่า 5 ปี ที่ผ่านมาได้ทำประโยชน์อะไรให้กับประเทศบ้าง ที่ไม่ใช่แค่วาทกรรม และประเทศเสียหายขนาดไหน หลัง 5 ปี เศรษฐกิจกลับมาโต 2.8% เท่ากับตอนปฏิวัติใหม่ๆ ในปี 2558 ทั้งๆ ที่รัฐบาลแจกเงินกันอย่างมโหฬารคล้ายเป็นการซื้อเสียงก่อนการเลือกตั้ง และ สภาพัฒน์ พยายามเต็มที่ที่จะทำให้ตัวเลขเพิ่มมากสุด แล้วยังได้แค่เท่านี้ ประเทศประสบปัญหาเพิ่มขึ้นทั้งทางด้าน เศรษฐกิจ สังคม จนประเทศไทยกลายเป็นตัวตลกของประชาคมโลกไปแล้ว ประชาชนต้องอยู่กันอย่างหวาดกลัว เพราะการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล และองค์กรอิสระ ไม่สามารถทำได้ แม้จะมีการเลือกตั้งแล้ว,จึงอยากขอถามว่า การที่รัฐบาลและคสช ฟ้องตนนั้น เพราะตนวิพากษ์วิจารณ์การบริหารเศรษฐกิจที่ล้มเหลวของรัฐบาล ใช่หรือไม่ และขอถามว่า เศรษฐกิจแย่จริงตามที่ตนบอกใช่หรือไม่ ตัวเลขเศรษฐกิจคงไม่สามารถปฏิเสธได้ การใช้เรื่องต่างๆ มาฟ้องตน เพื่อให้ตนหยุดวิจารณ์ใช่หรือไม่ โดยเฉพาะการฟ้องเรื่องหนังสือพิมพ์ไทม์ ที่ไม่มีจำหน่าย ทั้งๆ ที่ไม่มีขายจริงในขณะนั้น ไม่ได้ทำให้คนตระหนก และแปลกใจ ไปกว่าการปิดทีวีหลายช่องและหลายครั้ง เช่น Voice TV, TV 24, Peace TV เป็นต้น และการปิดอีกหลายรายการทีวี ที่รัฐบาลและคสช. ให้ กสทช. ทำอยู่ก่อนหน้านี้ และกระทั่งปัจจุบันก็ยังมีการควบคุมการเสนอข่าวของสื่อมวลชนอยู่,การวิพากษ์วิจารณ์การดูด ส.ส. ก่อนเลือกตั้งด้วยวิธีต่างๆ ที่ประชาชนรู้กันทั่ว คงไม่เท่ากับปัจจุบันที่มีข่าวการซื้อ ส.ส.งูเห่า แพร่กระจายไปทุกสื่อ ซึ่งหากการปิดกั้นการวิพากษ์วิจารณ์ยังเป็นอยู่ ก็ไม่แน่ใจว่า เลือกตั้งแล้วยังจะเป็นประชาธิปไตยไหม หรือต้องให้ สื่อต่างประเทศ และประเทศเพื่อนบ้าน วิจารณ์แทน เช่น มาเลเซีย ตำหนิว่า ค่ารถไฟฟ้าในประเทศไทยแพงเกินไป เป็นต้น ดังนั้น จึงอยากขอเตือนรัฐบาลว่า การปิดกั้นแสดงความเห็นเป็นภัยกับระบอบประชาธิปไตย และเมื่อกลับสู่ระบอบประชาธิปไตยแล้ว ก็ควรต้องเลิกปิดกั้นการแสดงความคิดเห็น และควรนำทุกความคิดเห็นไปพิจารณาปรับปรุงเพื่อให้ประเทศพัฒนายิ่งขึ้นไป นายพิชัย กล่าว | พิชัย แจง อัยการเลื่อนฟังคำสั่ง เป็น 27มิ.ย. ชี้ ครบ 5 ปี รัฐประหาร อยากให้ รัฐบาล และ คสช พิจารณาตัวเอง ติง ปิดกั้นแสดงความเห็นเป็นภัยกับระบอบประชาธิปไตย | เลือกตั้ง | เลือกตั้ง62,อัยการ,เลื่อนฟังคำสั่ง,พิชัย นริพทะพันธุ์,5 ปีคสช.,นายกสมาคมทนายความ,นิตยสาร Time,เลือกตั้ง | https://www.thairath.co.th/news/politic/1573643 |
สุดเจ๋ง ตร.ขอนแก่น บุกสยบหนุ่มคลั่ง อาละวาดทำร้ายแม่ คุมตัวไปโรงพัก | เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 3 ก.พ.2560 ขณะที่ ร.ต.ท.มนตรี ใจตรง รอง สว.สส.สภ.บ้านฝาง ออกตรวจพื้นที่ในความรับผิดชอบ รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 เกิดเหตุชายคลุ้มคลั่ง ใช้อาวุธมีด พยายามทำร้ายร่างกายแม่แท้ๆ และพยายามจะกักขังแม่ไว้ในบ้าน หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ บ้านเลขที่ 35/1 ม.11 บ้านบึงสวาง ต.บ้านเหล่า อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น,เจ้าหน้าที่พบ นายมนัส คุรุโคตร อายุ 24 ปี อยู่ในอาการคลุ้มคลั่ง ในมือถืออาวุธมีดทำครัวไว้ตลอดเวลา พร้อมทั้งตะโกนโวยวาย พยายามทำลายข้าวของภายในบ้านและห้ามไม่ให้ผู้อื่นเข้าไปยุ่ง กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงใส่ชุดเกราะ พร้อมทั้งนำไม้ค้ำยันที่มีตะขอยาวประมาณ 4 เมตร เข้าสกัดจับในจังหวะที่นายมนัสกำลังพยายามทำลายข้าวของ ใช้ไม้ยันร่างของนายมนัสไว้ดันชิดติดกับข้างฝา จากนั้นจึงเข้ายึดมีดและควบคุมตัวไว้ นำไปสงบสติอารมณ์ที่ที่ทำการของผู้ใหญ่บ้าน,พ.ต.อ.โผนชัย ครองยุทธ ผกก.สภ.บ้านฝาง กล่าวว่า จากการเจรจาพูดคุยและควบคุมตัวเพื่อให้สงบสติอารมณ์นานกว่า 1 ชม. และสอบถามถึงเหตุการณ์ทราบว่า นายมนัสมีอาการแบบนี้บ่อยครั้งและเป็นที่ทราบดีของคนในละแวกใกล้เคียง ที่ผ่านมาผู้ใหญ่บ้านและ อส.ตร.ได้เข้ามาระงับเหตุอยู่โดยตลอด แต่ครั้งนี้รุนแรงกว่าเดิม เนื่องจากผู้ที่ก่อเหตุพยายามจะใช้มีดทำร้ายร่างกายมารดาและจับขังไว้,อย่างไรก็ตามหลังจากสงบสติอารมณ์ ผู้ที่ก่อเหตุนั้นยืนยันจะไม่ก่อเหตุอีก อีกทั้งคนในครอบครัวและเครือญาติไม่ติดใจเอาความจึงมีการลงบันทึกไว้ โดยมีผู้ใหญ่บ้าน ตำรวจและคนในครอบครัวร่วมเป็นสักขีพยาน ทั้งจะร่วมกันเฝ้าติดตามพฤติกรรมและป้องกันไม่ให้ก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวขึ้นมาอีก ก่อนที่จะปล่อยตัวไป | ลูกชายวัย 24 ปี เมาอาละวาด กังขังทำร้ายร่างกายแม่ตัวเองภายในบ้าน อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น ตำรวจเข้าควบคุมสถานการณ์ อาศัยจังหวะเผลอใช้ไม้ค้ำยันยาว 4 เมตร ดันร่างหนุ่มคลั่งติดข้างฝาจู่โจมยึดมีด นำตัวสงบสติอารมณ์ ญาติไม่เอาความ | null | หนุ่มคลั่ง,เมาอาละวาด,ทำร้ายแม่,ฝาง,ขอนแก่น | https://www.thairath.co.th/content/850593 |
รวบแล้ว 2 คนร้าย วิ่งราวสร้อยทองบนรถสองแถว อ้าง เป็นทุนออกหางานทำ | วันที่ 26 พ.ค. พ.ต.อ.เดโช โสสุวรรณากุล ผกก.สภ.สำโรงเหนือ พ.ต.ท.มงคล พฤกษชาติ รอง ผกก.(สอบสวน)ฯ , พ.ต.ท.ศุภกร ธัญญกรรม รองผกก.สส.ฯ ร่วมกันจับกุม นายวิวัฒน์ บุญกำเหนิด อายุ 40 ปี และ นายปราโมทย์ แซ่ตั้ง อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาร่วมกันก่อเหตุวิ่งราวสร้อยคอทองคำ ผู้โดยสารรถสองแถว พร้อมด้วยของกลาง รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นเวฟ 110ไอ สีน้ำเงิน ขาว ทะเบียน อกจ-495 กทม และชุดที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ,โดยจับกุมตัว ผู้ต้องหาที่ 1 ได้ที่ บริเวณปากซอยอ่อนนุช 53 แยก 1-6 แขวงประเวศ เขตประเวศ กทม.และ จับกุมตัวผู้ต้องหาที่ 2 ได้ที่ หน้าอาคารพาณิชย์เลขที่ 129/342 หมู่บ้านฉัตรนคร แขวงประเวศ เขตประเวศ กทม.,สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 20 พ.ค.2561 เวลาประมาณ 09.16 น. ได้เกิดเหตุคนร้าย จำนวน 2 คน ใช้รถ จยย.ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นเวฟ110 ไอ สีน้ำเงิน ขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์สร้อยคอทองคำ หนัก 1 บาท จำนวน 1 เส้น ของผู้เสียหาย ขณะนั่งโดยสารบนรถสองแถว เหตุเกิดที่ บริเวณหน้าศาลเจ้าพ่อทัพ ถ.รถรางเก่า ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ก่อนที่คนร้ายจะขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ขณะเดียวกัน เหตุการณ์ดังกล่าว มีกล้องหน้ารถของชาวบ้านสามารถบันทึกพฤติกรรมของคนร้ายเอาไว้ได้ ก่อนที่ภาพดังกล่าว จะถูกนำไปแชร์ ในสังคมโซเชียลฯกันอย่างแพร่หลาย,ต่อมา หลังเกิดเหตุ ชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ตรวจกล้องวงจรปิด ตามเส้นทางที่คาดว่า คนร้ายจะใช้หลบหนีจนได้เบาะแสว่า ก่อนก่อเหตุ นายวิวัฒน์ ได้ขับขี่ รถ จยย.คันที่ใช้ก่อเหตุ ไปรับ นายปราโมทย์ จากบริเวณภายใน ซอยอ่อนนุช 53 แยก 1-6 และร่วมกันขับขี่ไปก่อเหตุ ต่อมาหลังจากก่อเหตุเสร็จได้ขับรถเข้าไปส่ง นายปราโมทย์ ที่ซอยดังกล่าวอีกครั้ง ก่อนที่นายนายวิวัฒน์ จะขี่ออกมาเพียงลำพัง จากนั้นจึงได้รวมรวมหลักฐานขออนุมัติหมายศาล จ.สมุทรปราการ เข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองเอาไว้ได้,เบื้องต้น ทั้งสองรับการสารภาพว่า ก่อเหตุจริง โดยทองที่ได้นำไปขายในราคา 18,000 บาท ก่อนนำเงินมาแบ่งกัน เนื่องจากต้องการเงินไปใช้จ่าย และเป็นทุนในการออกหางานทำ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ ทราบว่า นายวิวัฒน์ และ นายปราโมทย์ มีประวัติก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์และชิงทรัพย์ เพิ่งพ้นโทษเมื่อวันที่ 5 มี.ค.2561 กระทั่งมาก่อเหตุอีก จนท.ตร.จึงแจ้งข้อหาร่วมกันวิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการกระทำความผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม ส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี ต่อไป | รวบแล้ว 2 ผู้ต้องหา ก่อเหตุวิ่งราวสร้อยทองบนรถสองแถว ทั้งคู่รับสารภาพก่อเหตุจริง อ้าง นำเงินไปใช้จ่ายเป็นทุนออกหางานทำ พบเคยก่อเหตุมาก่อน เพิ่งพ้นโทษมาหมาดๆ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา | ข่าว,ทั่วไทย | 2 คนร้าย,วิ่งราวสร้อยทอง,รวบแล้ว 2 ผู้ต้องหา,สภ.สำโรงเหนือ,ทุนออกหางานทำ,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/central/1292327 |
กันที่ทำวงเวียนแก้ปัญหา ถนนคร่อมต้นโพธิ์100ปี | ชาวเน็ตหายข้องใจ นายกเล็กท่ามะกา แจง จำเป็นต้องตัดถนนคร่อมต้นโพธิ์อายุกว่า 100 ปี เพราะเจ้าของที่ดินยินยอมให้ใช้พื้นที่ตัดถนนแค่นิดเดียว ยอมรับไม่กล้าโค่นต้นไม้ทิ้งหวั่นถูกชาวบ้านต่อต้าน เพราะผู้คนเคารพศรัทธาเชื่อมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สิงสถิตอยู่ เร่งแก้ปัญหาด้วยการขยายไหล่ทางและสร้างเป็นวงเวียน แถมพลิกวิกฤติเป็นโอกาสปลูกจิตสำนึกคนในชุมชนช่วยกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม,จากกรณีชาวเน็ตแชร์ภาพในสื่อโซเชียลเกี่ยวกับการก่อสร้างถนนคอนกรีตในพื้นที่หมู่ 3 ต.ท่ามะกา อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ซึ่งมีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่โผล่ขึ้นกลางถนน และมีคนงานตีเส้นจราจรแบ่งกึ่งกลางถนนไปสิ้นสุดที่โคนต้นโพธิ์ดังกล่าว ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าผู้ควบคุมงานก่อสร้างปล่อยให้สร้างถนนเช่นนี้ได้อย่างไร ทำไมไม่ตัดต้นไม้ที่ขวางทางทิ้งก่อนจะสร้างถนน เพราะหากปล่อยไว้ตามภาพที่ปรากฏ รถยนต์ก็ไม่สามารถแล่นผ่านได้ ถือเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณโดยเปล่าประโยชน์ และอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุกับผู้ใช้ทาง ขณะที่บางส่วนเห็นว่าควรสร้างถนนเลี่ยงต้นไม้ใหญ่ ไม่ควรตัดต้นไม้ และควรจะอนุรักษ์ไว้ เพราะต้นโพธิ์ดังกล่าวน่าจะมีอายุหลายร้อยปี หลายคนเชื่อว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สิงสถิตอยู่ จึงไม่เห็นด้วยกับการตัดโค่นต้นไม้เก่าแก่,เพื่อความกระจ่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 17 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบถนนดังกล่าว คือ ถนนซอยต้นโพธิ์ อยู่ในพื้นที่หมู่ 3 ต.ท่ามะกา อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี เป็นถนนคอนกรีต กว้าง 6 เมตร ยาว 445 เมตร ส่วนต้นโพธิ์มีอายุกว่า 100 ปี ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางโคนต้นกว่า 3 เมตร หรือราว 5 คนโอบ ความสูงประมาณ 25-30 เมตร แผ่กิ่งก้านสาขารกครึ้ม บริเวณโคนต้นมีชาวบ้านนำชุดไทยโบราณของสตรี พร้อมผ้าสไบ แป้งผัดหน้า หวี ลิปสติก น้ำอบ อาหารคาวหวาน ผ้าแพร 7 สี และเครื่องเซ่นไหว้บูชาอื่นๆมาวางไว้ ขณะเดียวกันมีเจ้าหน้าที่กองช่าง เทศบาลตำบลท่ามะกาใช้รถกระเช้ามาตัดแต่งกิ่งต้นโพธิ์ให้เป็นทรงสูงโปร่ง,ต่อมา นางอภิสมา โพธารากุล นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลท่ามะกา เดินทางมาดูการปรับภูมิทัศน์ของถนน พร้อมชี้แจงถึงที่มาที่ไปของการตัดถนนคร่อมต้นโพธิ์ ว่า สมัยก่อนพื้นที่ตรงนี้เป็นป่ารกชัฏ ถนนเป็นทางดินแคบๆที่ชาวบ้านในพื้นที่ใช้เดินไปมาหาสู่กัน เมื่อตนเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรี จึงจัดสรรงบประมาณมาก่อสร้างถนนคอนกรีตให้ชาวบ้านได้ใช้เป็นทางผ่านออกสู่ตลาด และไป รพ.มะการักษ์สะดวกขึ้น ซึ่งพื้นที่ทั้ง 2 ฝั่งข้างถนน ฝั่งหนึ่งเป็นที่ดินของมารดาตนที่พร้อมจะยกให้ทำถนน ส่วนที่ดินอีกฝั่งเป็นของอดีตกำนัน ซึ่งมอบที่ดินให้เพียงนิดเดียว จึงเป็นอุปสรรคในการก่อสร้างถนน และจำเป็นต้องตัดถนนคร่อมต้นโพธิ์ในลักษณะที่เห็น เนื่องจากต้นโพธิ์ต้นนี้มีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี ชาวบ้านให้ความเคารพศรัทธากราบไหว้ และเชื่อว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สิงสถิตอยู่ หากตัดทิ้งจะสร้างความไม่พอใจให้กับคนในพื้นที่ แต่หลังเกิดกระแสวิพากษ์–วิจารณ์ในสื่อโซเชียล ได้ประชุมกันเพื่อแก้ปัญหาแล้ว,เทศบาลฯได้แก้ปัญหาด้วยการกั้นพื้นที่รอบโคนต้นไม้ทั้งสองฝั่ง จากนั้นนำหินคลุกมาบดอัดไหล่ทางเพิ่มอีกข้างละ 2 เมตร เพื่อให้ผิวการจราจรกว้างขึ้น รถยนต์สามารถผ่านได้และสร้างความปลอดภัยให้แก่ชาวบ้านที่ใช้เส้นทาง พร้อมให้กองช่าง นำรถกระเช้ามาเลาะกิ่งต้นโพธิ์ที่แผ่กิ่งก้านสาขาออกไป ตัดแต่งให้เป็นพุ่มทรงสูงเพื่อไม่ให้กีดขวางการสัญจร ส่วนกลางโคนต้นโพธิ์ ได้สั่งให้นำแท่งปูนมาวางล้อมรอบเป็นวงเวียนต้นโพธิ์ ซึ่งจะรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด โอกาสนี้จะใช้ต้นโพธิ์ต้นนี้เป็นจุดขาย และประชาสัมพันธ์ให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการปลูกจิตสำนึกเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ให้คนในชุมชนรู้สึกหวงแหน ช่วยกันรักษาต้นไม้ หรือร่วมปลูกต้นไม้เพิ่ม นางอภิสมากล่าว,ขณะที่นายสวัสดิ์ แกรแก้ว อายุ 70 ปี หรือผู้ใหญ่เปี๊ยก อดีตผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 3 ต.ท่ามะกา กล่าวในเรื่องเดียวกันนี้ว่า เห็นด้วยกับนางอภิสมาที่แก้ปัญหาแบบนี้และทำถูกต้องแล้ว ตั้งแต่เกิดมาก็เห็นต้นโพธิ์ต้นนี้แล้ว เป็นต้นไม้ใหญ่ที่อยู่คู่กับหมู่บ้านมานับร้อยปี อีกทั้งชาวบ้านเชื่อว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สิงสถิตอยู่ เคารพกราบไหว้มาตลอด การก่อสร้างถนนที่มีเนื้อที่แค่นั้น ฝั่งหนึ่งเป็นของแม่นายกที่พร้อมมอบให้ ส่วนอีกฝั่งหนึ่งเจ้าของที่ดินให้แค่นั้น ถ้าเทศบาลฯตัดโค่นต้นโพธิ์ทิ้งเพื่อทำถนน ชาวบ้านคงไม่ยอมและจะต้องออกมาต่อต้านแน่ โอกาสนี้ตนอยากวิงวอนหน่วยงานรัฐทุกพื้นที่ หากมีโครงการก่อสร้างถนน ควรจะเว้นพื้นที่ที่เป็นคูคลองสาธารณะ โดยเฉพาะต้นไม้ขนาดใหญ่ไม่ควรไปตัดทิ้ง ควรจะอนุรักษ์ไว้ให้ลูกหลานต่อไปในภายภาคหน้า และขอให้ดูการก่อสร้างถนนคร่อมต้นโพธิ์ของที่นี่ไปเป็นตัวอย่าง | ชาวเน็ตหายข้องใจ นายกเล็กท่ามะกา แจง จำเป็นต้องตัดถนนคร่อมต้นโพธิ์อายุกว่า 100 ปี เพราะเจ้าของที่ดินยินยอมให้ใช้พื้นที่ตัดถนนแค่นิดเดียว ยอมรับไม่กล้าโค่นต้นไม้ทิ้งหวั่นถูกชาวบ้านต่อต้าน เพราะผู้คนเคารพศรัทธา | ข่าว,ทั่วไทย | ข่าวหน้า1,ต้นโพธิ์,100ปี,ท่ามะกา,กาญจนบุรี,ถนนคอนกรีต,อนุรักษ์,สิ่งศักดิ์สิทธิ์,อภิสมา โพธารากุล | https://www.thairath.co.th/news/local/469741 |
ทัวร์จูบท้ายพ่วง บาดเจ็บ 4 หลบปิกอัพเจอรถขนอ้อย 2 คันจอดข้างทาง | รถพ่วงบรรทุกอ้อยจอดพักข้างทางที่ชุมแพ จ.ขอนแก่น รถทัวร์โดยสารกรุงเทพ-เชียงคาน ขับแซงช่วงปลายโค้ง แต่เจอปิกอัพสวนทางรีบหักหลบ จนชนท้ายรถพ่วง พุ่งกระแทกกัน 3 คัน ผู้โดยสารและเด็กรถ ได้รับบาดเจ็บรวม 4 คน ,เมื่อตอนเช้าวันที่ 19 ม.ค. 59 ร.ต.อ.สุวิวัฒน์ นิติไกรสิทธิ์ พงส.สภ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น พร้อมหน่วยกู้ภัยเต็กก่าจีแชเกาะ และหน่วยกู้ชีพ อบต.นาหนองทุ่ม ไปตรวจสอบเหตุรถชนกันที่ถนนมลิวรรณ บริเวณซำงูเหลือม ใกล้ศาลปู่หลุบ ต.นาหนองทุ่ม,พบรถทัวร์โดยสารแบบสองชั้นของบริษัทภูกระดึงทัวร์ สายกรุงเทพฯ-เชียงคาน ทะเบียน 15-9326 กรุงเทพมหานคร ชนอัดด้านข้างรถบรรทุกพ่วง ยี่ห้อ ฮีโน่ สีขาว ทะเบียน 82-9100 ขอนแก่น ลูกพ่วงทะเบียน 85-2884 ขอนแก่น และรถพ่วงไปชนอัดท้ายกับรถพ่วงอีกคัน ยี่ห้อ อีซูซุสีขาว ทะเบียน 85-2883 ขอนแก่น ลูกพ่วงทะเบียน 84-9092 ขอนแก่น ซึ่งรถพ่วงทั้ง 2 บรรทุกอ้อยมาเต็มคัน,สอบสวนทราบว่า รถทัวร์โดยสารมีนายบวรพจน์ สีดา อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 หมู่ 5 ต.ท่าช้างคล้อง อ.ผาขาว จ.เลย เป็นคนขับ ส่วนรถบรรทุกอ้อยคันแรก มีนายรักชาติ บางชัยภูมิ อายุ 25 ปี เป็นคนขับ อีกคันมีนายศรชัย แทนสมบัติ อายุ 36 ปี เป็นคนขับ ทั้ง 2 คันจอดเรียงต่อท้ายกัน เพื่อพักรถข้างทาง โดยวางกรวยจราจรไว้เป็นสัญญาณ,อย่างไรก็ตาม ขณะที่นายบวรพจน์ สีดา ขับรถทัวร์พาผู้โดยสารรวม 26 คนมุ่งหน้าไป จ.เลย มาถึงที่เกิดเหตุ ถนนอยู่ในจุดปลายโค้ง ไม่ทันระวัง และไม่เห็นว่ามีรถพ่วงจอดอยู่ข้างทาง จึงขับหลบแซงขึ้นอย่างกะทันหัน จังหวะเดียวกับข้างหน้ามีรถปิกอัพวิ่งสวนทางมาพอดี เป็นเหตุให้รถทัวร์โดยสารต้องหักหลบไปชนท้ายรถบรรทุกพ่วงคันแรก แรงกระแทกทำให้รถพ่วงที่ถูกรถทัวร์ชนท้าย เคลื่อนไปชนท้ายรถพ่วงอีกคัน ผู้โดยสารที่มากับรถทัวร์ได้รับบาดเจ็บ 4 คน มีนายธวัชชัย เฮ้ากอก อายุ 23 ปี เป็นพนักงานประจำรถ นายสนั่น เวียงจันทร์ อายุ 65 ปี นายธนาศักดิ์ พิมพ์เมือง อายุ 40 ปี และนายปียา เปี่ยมทรัพย์ อายุ 50 ปี หน่วยกู้ชีพ อบต. นำส่ง รพ.ชุมแพ ส่วนสาเหตุตำรวจจะได้สอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป. | รถพ่วงบรรทุกอ้อยจอดพักข้างทางที่ชุมแพ จ.ขอนแก่น รถทัวร์โดยสารกรุงเทพฯ-เชียงคาน ขับแซงช่วงปลายโค้ง แต่เจอปิกอัพสวนทางรีบหักหลบ จนชนท้ายรถพ่วง พุ่งกระแทกกัน 3 คัน ผู้โดยสารและเด็กรถ ได้รับบาดเจ็บรวม 4 คน | null | ชนรถพ่วง,รถทัวร์ชนรถพ่วง,ชน2คัน,รถบรรทุกอ้อย,ภูกระดึงทัวร์,อุบัติเหตุ,ชุมแพ,ขอนแก่น,ข่าว,ไทยรัฐ,ข่าวทั่วไทย,ข่าวภูมิภาค,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/content/565076 |
กทม.เปิดถนนคนเดิน สีลม-เยาวราช-ข้าวสาร | วันที่ 26 พ.ย.2562 นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมเตรียมการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ว่า กรุงเทพมหานครได้รับนโยบายจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในพื้นที่กรุงเทพมหานครในระยะเร่งด่วนภายใน 3 เดือน และกิจกรรมที่จะจัดตลอดระยะเวลา 1 ปีข้างหน้าทั้งนี้ ได้หารือการจัดกิจกรรมในระยะเร่งด่วน 2 จุด คือบริเวณถนนสีลม เขตบางรัก จะจัดในรูปแบบสีลมถนนคนเดิน (Silom Walking Street) มีการจำหน่ายสินค้า ออกบูธร้านอาหารชื่อดัง และการแสดงดนตรี โดยจะปิดถนนตั้งแต่บริเวณแยกศาลาแดงถึงแยกนรารมย์ ระหว่างเวลา 12.00-22.00 น. กำหนดจัดครั้งแรกในวันอาทิตย์ที่ 15 ธ.ค.นี้ และจะจัดในทุกวันอาทิตย์ที่ 3 ของทุกเดือน ตั้งแต่เดือน ธ.ค.62-พ.ค.63 จากนั้นจะมีการประเมินผลการจัดกิจกรรม หากได้รับความนิยมจากประชาชนก็จะขยายเวลาการจัดกิจกรรมเพิ่มเติมสำหรับจุดที่ 2 คือ ถนนเยาวราช เขตสัมพันธวงศ์ จะจัดในรูปแบบเยาวราชถนนคนเดิน (Yaowaraj Walking Street) จะมีการจำหน่ายอาหาร การแสดงดนตรี และการประดับไฟ กำหนดจัดในวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 13-15 ธ.ค.62 เป็นต้นไป ระหว่างเวลา 19.00-24.00 น. โดยในวันศุกร์และเสาร์จะปิดช่องการจราจรด้านซ้ายสุด 1 ช่องทาง และด้านขวาสุด 1 ช่องทาง เพื่อให้รถสามารถสัญจรได้ ส่วนวันอาทิตย์จะปิดถนนเต็มรูปแบบตั้งแต่บริเวณแยกเฉลิมบุรีถึงแยกราชวงศ์ เพื่อให้ประชาชนสามารถจับจ่ายซื้อสินค้าและรับประทานอาหารได้อย่างเต็มที่ถนนคนเดิน-ชมศิลปวัฒนธรรมรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ในส่วนของถนนข้าวสาร เขตพระนคร จะเป็นกิจกรรมการแสดงด้านศิลปวัฒนธรรม อาทิ โขน หนังตะลุง หรือกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชม กำหนดจัดทุกวันจันทร์ตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.62 เป็นต้นไป โดยภายหลังจากวันที่ 15 ม.ค.63 จะปรับเปลี่ยนการจัดกิจกรรมเป็นรูปแบบถนนคนเดิน ซึ่ง กทม. มีแผนดำเนินการอยู่ก่อนแล้ว อาจปิดถนนตะนาว และถนนสิบสามห้างเพิ่มเติม เพื่อจัดเป็นถนนคนเดินแบบเต็มรูปแบบ โดยจะมีการออกร้านจำหน่ายสินค้า และกิจกรรมอื่น ๆ เพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือความชัดเจนเพื่อดำเนินการต่อไปอีกจุดที่น่าสนใจ คือ คลองบางหลวง เขตภาษีเจริญ ซึ่งมีวัดเก่าแก่และวัฒนธรรมริมคลองที่น่าสนใจ จะจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเพิ่มเติม อาทิ กิจกรรมชิม ช้อป ชิลล์ ร้านจำหน่ายอาหาร ผลิตภัณฑ์ชุมชนจาก 15 เขตฝั่งธนบุรี และการแสดงศิลปวัฒนธรรม เป็นต้น กำหนดจัด 6 ครั้ง ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่วันที่ 18 ม.ค.-ก.พ.63 โดยจะเพิ่มความถี่การเดินเรือในเส้นทางจากเดิมเรือออกทุก 30 นาที เป็นออกทุก 15 นาที เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนกะดีจีน ศิลป์ในซอยสำหรับย่านกะดีจีน พื้นที่เขตคลองสานและเขตธนบุรี จะจัดในรูปแบบศิลป์ในซอย มีการจำหน่ายอาหารจากชุมชน การแสดงดนตรี ศิลปะ และการประดับไฟ กำหนดจัดเป็นรายไตรมาส 3 เดือนครั้ง คาดว่าจะเริ่มจัดภายในเดือน ม.ค.63 ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือ เนื่องจากต้องใช้งบประมาณ อาจจะต้องหาเอกชนร่วมสนับสนุนเพิ่มเติม ส่วนการจัดกิจกรรม street food festival ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือความชัดเจนเรื่องวันและสถานที่จัดกิจกรรม ด้านกิจกรรมประดับไฟหรือกิจกรรมดนตรีในสวนนอกจากนี้ ในที่ประชุมผู้บริหารกรุงเทพมหานครครั้งต่อไปจะมอบหมายสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต เสนอกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ หากจุดใดมีศักยภาพสามารถดำเนินการได้ให้ทยอยจัดกิจกรรม ทั้งนี้ ภายในปี 2563 กรุงเทพมหานครจะมีกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจตลอดทั้งปี โดยจะจัดทำปฎิทินการท่องเที่ยวเพื่อประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวทราบล่วงหน้า | กทม.เตรียมจัดถนนคนเดิน สีลม เยาวราช และข้าวสาร จำหน่ายสินค้า อาหาร พร้อมชมการแสดงดนตรีและศิลปวัฒนธรรม เริ่ม 15 ธ.ค.นี้ เป็นต้นไป หวังกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว | สังคม | กะดีจีน,สีลม,ข้าวสาร,เยาวราช,ถนนคนเดิน | https://news.thaipbs.or.th/content/286491 |
กทม.ให้ออก 3 เทศกิจ เขตคลองเตย จับพ่อค้าผลไม้ | วันนี้ (14 ต.ค.2562) จากกรณีที่เพอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทินวี 13 โพสต์คลิปวิดีโอจากเฟซบุ๊ก วสันต์ แสนบัว ซึ่งเป็นเหตุการณ์วันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่เทศกิจ 3 นาย ที่ทำทีจะเข้าไปจับกุมพ่อค้ารถเข็นขายผลไม้บนทางเท้า บริเวณสถานีรถไฟฟ้า BTS อโศก ก่อนจะมีการพูดคุยกัน โดยทางพ่อค้าผลไม้ได้ยกมือไหว้ต่อเจ้าหน้าที่ จนกระทั่งทางพ่อค้าได้จัดผลไม้จำนวนหนึ่ง พร้อมนำเงินใส่ถุงมอบให้ เจ้าหน้าที่เทศกิจล่าสุด (14 ต.ค.2562) นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหาสนคร เปิดเผยหลังจากที่คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงได้ทำการสอบสวนเจ้าหน้าที่เทศกิจเขตคลองเตยทั้ง 3 นายนอกรอบในวันนี้ พบว่ามีมูลความผิดจริง จึงมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน โดยสัปดาห์หน้าคณะกรรมการสอบวินัยที่ตั้งไว้แล้วจะสอบสวน เร่งสรุปผล เพื่อนำเรียนผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครต่อไปนายสุชัย อมรดารารัตน์ ผู้อำนวยการเขตคลองเตย ระบุว่าเนื่องจากกรณีนี้เป็นที่สนใจของประชาชนจึงมีการเรียกสอบข้อเท็จจริงนอกรอบในวันนี้ และพบว่ามีมูล โดยคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงจะสรุปผลและจะเสนอให้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยวันพรุ่งนี้ คาดว่าจะดำเนินการอย่างรวดเร็ว ซึ่งการลงโทษมีทั้งวินัยไม่ร้ายแรงและวินัยร้ายแรงถึงขั้นให้ออกหรือไล่ออก | รองผู้ว่าฯกทม.มีคำสั่งให้เทศกิจเขตคลองเตย 3 นาย ที่เรียกรับผลประโยชน์จากพ่อค้าผลไม้ ออกจากราชการไว้ก่อน หลังพบว่ามีมูลความผิดจริง โดยเตรียมตั้งคณะกรรมการสอบวินัย พรุ่งนี้ | สังคม | กทม.,เทศกิจ,เขตคลองเตย | https://news.thaipbs.or.th/content/285162 |
นายกฯ ขอให้จนท.สร้างความเชื่อมั่นทางการแพทย์ หวังลดเฟคนิวส์ | วันนี้ (26 มี.ค.2563) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวก่อนการประชุม ศอฉ.นัดแรก โดยแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ขณะนี้การแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 อยู่ในสถานการณ์ระดับที่รัฐบาลต้องใช้การประกาศ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินฯรวมอำนาจการบริหาร ออกข้อกำหนดกฎเกณฑ์เพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดอาจมีผลกระทบต่อสังคมและประชาชน ในช่วงนี้ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สำคัญอย่างยิ่ง ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาลดการแพร่ระบาดได้ จึงจำเป็นจะต้องดำเนินการอย่างเข้มงวดพร้อมกันนี้ได้มอบแนวทางการปฏิบัติ เพื่อขับเคลื่อนการทำงาน โดยสั่งการให้ผู้รับผิดชอบตามภาระหน้าที่จัดทำแผนดำเนินงานให้เรียบร้อย พร้อมเดินหน้าบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนของสังคม ซึ่งรวมถึงนักวิชาการและภาคประชาชนด้วย ขณะที่เจ้าพนักงานผู้ปฏิบัติหน้าที่ ประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน จะต้องเหน็ดเหนื่อยเพิ่มขึ้นทั้งนี้นายกรัฐมนตรียังขอให้ช่วยกันสร้างความเชื่อมั่นทางการแพทย์ของไทย เผยแพร่ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อลดข่าวปลอม ทั้งให้กระทรวงพาณิชย์ เข้าไปดูแลและแก้ไขปัญหา เรื่องอุปกรณ์และเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น เพื่อใช้ในการปฏิบัติงาน โดยเฉพาะเรื่องการนำเข้าจากต่างประเทศ | นายกรัฐมนตรีขอให้เจ้าหน้าที่ร่วมกันสร้างความเชื่อมั่นทางการแพทย์ เผยแพร่ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อลดข่าวปลอม | การเมือง | COVID-19,ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่2019,COVID19,พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา,โควิด-19,ศอฉ. | https://news.thaipbs.or.th/content/290248 |
เอมี หยาง ผงาดคว้าแชมป์สวิงฮอนด้า โปรเม จบที่ 8 ร่วม | วันที่ 26 ก.พ.60 การแข่งขันกอล์ฟ ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2017 ที่สยามคันทรี คลับ พัทยา โอลด์ คอร์ส จังหวัดชลบุรี ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 57 ล้านบาท ซึ่งในวันนี้เดินทางมาถึงการแข่งขันวันสุดท้าย,ผลปรากฏว่า เอมี หยาง โปรกอล์ฟสาวชาวเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นผู้นำในรอบ 3 วันสุดท้ายตีแบบประคองตัวเก็บเพิ่มอีก 4 อันเดอร์ 68 สกอร์รวมจบที่ 22 อันเดอร์พาร์ 266 คว้าแชมป์รายการนี้เป็นสมัยที่ 2 หลังจากเคยทำได้เมื่อปี 2015 และเป็นการทำสกอร์รวมที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของการแข่งขันอีกด้วย,ขณะที่อันดับ 2 ตกเป็นของ ริว โซ ยอน จากเกาหลีใต้ สกอร์รวม 17 อันเดอร์พาร์ 271 และอันดับ 3 ยังคงเป็น คิม เซ ยอง โปรกอล์ฟจากเกาหลีใต้เช่นกัน เก็บไป 15 อันเดอร์พาร์ 273,ส่วนผลงานของโปรสาวไทยที่ดีที่สุดในปีนี้ได้แก่ โปรโม โมรียา จุฑานุกาล จบอันดับ 7 ของการแข่งขัน สกอร์รวม 12 อันเดอร์พาร์ 276 ด้าน โปรเม เอรียา จุฑานุกาล ผู้เป็นน้องสาวและมือวางอันดับ 2 ของโลกคนปัจจุบัน จบในอันดับที่ 8 ร่วมกับ จอร์ดี ชาร์ดอฟฟ์ จากอังกฤษ เก็บไปได้ 11 อันเดอร์พาร์ 277,และผลงานของนักกอล์ฟสาวไทยคนอื่นๆ อาฒยา ฐิติกุล จบที่ 48 ร่วม สกอร์ 3 อันเดอร์พาร์ 285, พรอนงค์ เพชรล้ำ จบที่ 45 ร่วม สกอร์อีเวนท์พาร์ 288, ปาจรีย์ อนันต์นฤการ กับ ปัณณรัตน์ ธนพลบุญรัศมิ์ จบที่ 64 ร่วม สกอร์ 7 โอเวอร์พาร์ 295 และ ภรณีย์ ชุติชัย จบที่ 70 สกอร์ 24 โอเวอร์พาร์. | เอมี หยาง ผงาดคว้าแชมป์กอล์ฟฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2017 อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการสร้างสถิติใหม่ของการแข่งขันที่ 22 อันเดอร์พาร์ 266 ขณะที่นักกอล์ฟขวัญใจชาวไทยอย่าง โปรเม ทำได้ดีที่สุดเพียงแค่อันดับ 8 ร่วมเท่านั้น | null | กอล์ฟหญิง,แอลพีจีเอ ทัวร์,ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2017,เอมี หยาง,เอรียา จุฑานุกาล | https://www.thairath.co.th/content/868036 |
ประเมินผลกระทบสงครามค้า | พาณิชย์ ถกรัฐ-เอกชนรับมือภัยคุกคาม,พาณิชย์ถกภาครัฐ–เอกชนวันนี้ (26 มิ.ย.) ประเมินผลกระทบสงครามการค้าสหรัฐฯ–จีน และวางแผนรับมือ พร้อมเตรียมข้อมูลแจง ยูเอสทีอาร์ ขอยกเว้นเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก–อะลูมิเนียมไทยอีกรอบ หลัง ทรัมป์ เมินยกเว้นให้ ส่วนเปิดตลาดหมูยันยัง ไม่นำเข้า รอศึกษาผลกระทบต่อผู้บริโภคก่อน ลั่น 8 เดือนรู้ผล,นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า วันที่ 26 มิ.ย.นี้ กระทรวงพาณิชย์จะประชุมร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ เหล็ก อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น เพื่อ ประเมินสถานการณ์ และสอบถามผลกระทบที่ภาคเอกชนจะได้รับจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่เกิดขึ้นขณะนี้ พร้อมเตรียมวางแผนรับมือ รวมถึงกรณีที่สหรัฐฯประกาศขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากทั่วโลก รวมถึงไทย นอกจากนี้ ยังจะเตรียมข้อมูลเพื่อนำไปชี้แจงสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (ยูเอสทีอาร์) ในระหว่างที่ตนเดินทางเยือนสหรัฐฯกลางเดือน ก.ค.นี้,เป็นการรับฟังความเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้องว่าจะได้รับผลกระทบอย่างไร ไทยคงไม่ได้รับผลกระทบทางตรง เพราะไม่ใช่เป้าหมายหลักที่สหรัฐฯต้องการแก้ไขปัญหาทางการค้า แต่ไทยจะได้รับผลกระทบทางอ้อม เพราะสินค้าไทยอยู่ในห่วงโซ่การผลิตทั้งของจีนและสหรัฐฯ,ส่วนการเดินทางไปเยือนสหรัฐฯในช่วงกลางเดือน ก.ค.นี้ จะถือโอกาสย้ำกับยูเอสทีอาร์ว่าไทยทำการค้ากับสหรัฐฯอย่างตรงไปตรงมา และยุติธรรม ไม่ได้เลือกปฏิบัติ ที่สำคัญ ทั้ง 2 ประเทศมีความสัมพันธ์กันมายาวนานถึง 200 ปี มีสนธิสัญญาไมตรี ที่ให้สิทธิ์นักลงทุนทั้ง 2 ชาติเสมือนคนในชาติ นอกจากนี้ จะขอให้สหรัฐฯยกเว้นเก็บภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมจากไทย ตามมาตรา 232 กฎหมาย Trade Expansion Act ปี 1962 จากที่ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯไม่ยกเว้นรายประเทศให้กับไทยไปแล้ว,ขณะเดียวกัน จะชี้แจงประเด็นที่สหรัฐฯเร่งรัดให้ไทยเปิดตลาดเนื้อหมูและเครื่องใน ที่ใช้สารเร่งเนื้อแดงในการเลี้ยง และการที่ยูเอสทีอาร์อยู่ระหว่างพิจารณาข้อร้องเรียนสภาผู้ผลิตสุกรแห่งชาติสหรัฐฯ ที่ขอให้ตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) สินค้าไทย เพราะไทยไม่เข้าข่ายได้รับสิทธิ์ โดยไม่เปิดตลาดให้สหรัฐฯอย่างเป็นธรรมและสมเหตุสมผล เนื่องจากไม่เปิดตลาดเนื้อหมู โดยจะชี้แจงว่า ขณะนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทยอยู่ระหว่างศึกษาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับคนไทย หากบริโภคหมูที่มีสารเร่งเนื้อแดง ขณะที่ สหรัฐฯก็ต้องศึกษาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับคนอเมริกันเช่นกัน,ทั้ง 2 ฝ่ายอยู่ระหว่างศึกษาว่าการบริโภคหมูที่มีสารเร่งเนื้อแดงจะกระทบต่อร่างกายหรือไม่ อย่างไร ต้องมีผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ให้สหรัฐฯ เห็น ซึ่งต้องทำให้แล้วเสร็จภายใน 8 เดือน นับจากที่ได้หารือเรื่องนี้ในระหว่างการประชุมคณะกรรมการร่วมด้านการค้า และการลงทุนไทย-สหรัฐฯ (ทิฟา) ที่สหรัฐฯ เมื่อเดือน เม.ย.61 หากผลพิสูจน์ของไทยออกมาว่าคนไทยกินหมูมีสารเร่งเนื้อแดงแล้วไม่เกิดอันตราย ก็จะพิจารณาเปิดตลาดให้ แต่ขณะนี้ยังเปิดตลาดไม่ได้ เพราะไทยมีกฎหมายห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดงในการเลี้ยงปศุสัตว์ และห้ามตกค้างในอาหารโดยเด็ดขาด,ด้านนายสุวิชญ โรจนวานิช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่น่าเป็นห่วงว่าสงครามการค้าสหรัฐฯกับจีนจะ กระทบต่อการส่งออกและเศรษฐกิจไทย ในเบื้องต้นประเมินว่าไทยจะได้รับผลบวกมากกว่าผลลบ และไทยควรใช้โอกาสนี้เร่งส่งออก เพื่อสนับสนุนการส่งออกปีนี้ขยายตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ. | พาณิชย์ถกภาครัฐ–เอกชนวันนี้ (26 มิ.ย.) ประเมินผลกระทบสงครามการค้าสหรัฐฯ–จีน และวางแผนรับมือ พร้อมเตรียมข้อมูลแจง ยูเอสทีอาร์ ขอยกเว้นเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก–อะลูมิเนียมไทยอีกรอบ | ข่าว,เศรษฐกิจ | ชุติมา บุณยประภัศร,สงครามการค้าสหรัฐฯ,จีน,ยูเอสทีอาร์,ภาษีนำเข้าเหล็ก | https://www.thairath.co.th/news/business/market-business/1317909 |
แห่ขอพร พ่อขุนช้าง แน่นวัดไผ่แขก ไม่ลืมเขย่าเซียมซียักษ์หาเลขลุ้นโชค | คนรักเลข แห่ขอหวย พ่อขุนช้าง แน่นวัดไผ่แขก ไม่ลืมเขย่าเซียมซียักษ์หา เลขเด็ด ไปเสี่ยงโชควันที่ 16 ม.ค. 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดอุทุมพราราม หรือ วัดไผ่แขก ต.ดอนโพธิ์ทอง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี มีนักเสี่ยงโชคจากทั่วสารทิศ นำพวงมาลัย ดอกไม้ ธูป-เทียน ไปกราบไหว้ขอพร หลวงพ่อสำเร็จทันใจก้าวหน้า พ่อขุนช้างมหาเศรษฐี แห่งเมืองสุพรรณ และ แม่นางสะไบทิพย์ ตะเคียนทอง พร้อมเขย่าเซียมซียักษ์ขนาดใหญ่ และกระซิบข้างหูพ่อขุนช้างมหาเศรษฐีเมืองสุพรรณ ขอให้ได้โชคลาภ สมความปรารถนาหลังจากนั้นจึงพากันไปจ้องมองน้ำตาเทียนในอ่างน้ำมนต์ที่หน้าพ่อขุนช้างมหาเศรษฐี และวิเคราะห์เลขเด็ดกันไปต่างๆ ส่วนใหญ่มองเป็นเลข 7 2 5 ส่วนที่เซียมซียักษ์ที่มีการเขย่าเซียมซีได้เลขต่างกันไป อาทิ 57 และ 762สำหรับที่เซียมซีปกติหน้าพ่อขุนช้างมหาเศรษฐี เขย่าได้เลข 5 1 9 4 0 ส่วนเลขเด็ดงวดนี้พ่อค้าแม่ค้าแผงหวยในวัดไผ่แขกบอกว่า เลขเด็ดงวดนี้ที่ขายหมดไวที่สุดคือ 16 61 71 17 ซึ่งเลขนี้เป็นเลขวันครูที่การออกสลากได้เลื่อนออกมา.สามารถชม ถ่ายทอดสดหวยวันที่ 17 ม.ค. 63 ผ่านช่องทาง Thairath Channel | คนรักเลข แห่ขอหวย พ่อขุนช้าง แน่นวัดไผ่แขก ไม่ลืมเขย่าเซียมซียักษ์หา เลขเด็ด ไปเสี่ยงโชค | ข่าว,สังคม | หวยไทยรัฐ17-1-63,เลขเด็ด 17 ม.ค. 63,หวยไทยรัฐ,เลขเด็ด,ตรวจหวย 17 มกราคม 2563,หวย | https://www.thairath.co.th/news/society/1749048 |
ฮุนเซนเตือนอดีตสมาชิกพรรคฝ่ายค้านที่ลี้ภัยในไทยอาจถูกส่งตัวกลับ | ขณะที่อดีตสมาชิกพรรค CNRP แสดงความกังขาต่อเรื่องดังกล่าว28 พ.ย. 2560 สื่อพนมเปญโพสต์รายงานว่าเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ขณะนายกรัฐมนตรีฮุนเซนของกัมพูชา ปราศรัยกับผู้จัดการโรงงาน ณ กรุงพนมเปญ ถึงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นกับแรงงานชาวกัมพูชาในไทยจากการที่ไทยจะบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมืองเข้มงวดมากขึ้นในปีหน้า ต่อมา เขาก็เปลี่ยนประเด็นไปพูดเรื่องสมาชิกพรรคฝ่ายค้านกัมพูชาที่อาศัยอยู่ในไทย ฮุนเซน กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทยควรจะ ตามล่า ตัวอดีตสมาชิกพรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคสงเคราะห์ชาติกัมพูชา (CNRP) ที่ อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯโดยเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา ศาลสูงสุดของกัมพูชาสั่งยุบพรรค CNRP สมาชิกพรรคต่างก็ถูกกดดันให้ย้ายข้างไปอยู่ฝ่ายพรรครัฐบาลทั้งก่อนหน้าและหลังการตัดสินของศาลพนมเปญโพสต์ตั้งข้อสังเกตว่าในคำปราศรัยเรียกร้องให้อดีตสมาชิก CNRP ในไทยกลับประเทศนั้นเขาใช้สรรพนามบุคคลที่ 1 เรียกตัวเองโดยบอกว่า ผมรู้ว่าคุณอยู่ที่ไหน และเสริมว่า ผมจะไม่ทำอะไรคุณหรอก อีกทั้งยังพูดในเชิงโอ้อวดตัวเองด้วยว่า ไม่มีใครเดาทางฮุนเซนได้ ไม่ว่าจะเป็นพรรคฝ่ายค้านหรือพรรคของเขาเองก็ตามอดีต ส.ส. พรรค CNRP ในพระตะบองที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ เปิดเผยว่ามีอดีตสมาชิกพรรคจำนวนมากที่อยู่ในไทย พวกเขาหนีออกจากกัมพูชาในช่วงปลายเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา หลังจากถูกกดดันให้เข้าร่วมกับพรรครัฐบาลกัมพูชาหรือบางคนก็ถูกข่มขู่คุกคามสก ไอศาน (Sok Eysan) โฆษกพรรคประชาชนกัมพูชาซึ่งเป็นพรรครัฐบาลปฏิเสธว่าไม่ได้มีการข่มขู่คุกคามเกิดขึ้น แต่สมาชิกพรรคเกิดความหวาดกลัวด้วยตนเอง อีกทั้งยังอ้างว่าทางรัฐบาลไม่ได้มีเจตนาจะทำอะไรร้ายๆ กับประชาชนของตัวเองมู โสเจือ (Mu Sochua) อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคฝ่ายค้านให้สัมภาษณ์ต่อพนมเปญโพสต์เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ที่ผ่านมาว่าการหลบหนีออกจากประเทศของอดีตสมาชิกพรรคเหล่านี้เป็นเพราะมีการพยายามข่มเหงรังแกและกวาดล้างทางการเมืองจริง มีการปลดโลโก้พรรคไม่ให้เหลือแม้แต่โลโก้เดียว หลังจากการตัดสินของศาลไม่กี่นาทีก็มีการอ้างใช้คำสั่งศาลอย่างผิดกฎหมายในระดับภูมิภาค รวมถึงมีการบีบให้ผู้นำระดับชุมชนของ CNRP ต้องออกจากตำแหน่งมู โสเจือ ระบุว่าพวกเขาใช้วิธีการบีบบังคับผู้นำระดับท้องถิ่นของพรรคด้วยการบีบให้เปลี่ยนข้างเข้าไปเป็นฝ่ายพรรครัฐบาล มีหลายกรณีที่บ้านของพวกเขาถูกสอดแนมอย่างเข้มงวด ถูกพรากจากครอบครัว แม้แต่ผู้นำหญิงก็ถูกพรากจากลูกเล็กของตัวเองPM warns former CNRP members in Thailand of deportation Phnom Penh Post 28-11-2017 | ระหว่างปราศรัยกับผู้จัดการโรงงานในพนมเปญ นายกฯ ฮุนเซนของกัมพูชา เตือนว่า สมาชิกพรรคฝ่ายค้าน CNRP ที่ลี้ภัยในประเทศไทยควรจะถูกส่งตัวกลับประเทศ โดยอ้างว่าจะไม่ทำอันตรายใดๆ ต่อพวกเขา | การเมือง,ต่างประเทศ,สิทธิมนุษยชน | กัมพูชา,การยุบพรรค,ผู้ลี้ภัยการเมือง,พรรค CNRP,พรรคสงเคราะห์ชาติกัมพูชา,ฮุนเซน | https://prachatai.com/journal/2017/11/74342 |
บุ๋ม เอก ออกโรงเผยเหตุค้างค่าเช่า งัดหลักฐาน เจนี่ ไม่ทำสัญญาให้ | บุ๋ม ปนัดดา พร้อม เอก สามี งัดหลักฐานซัดคู่กรณีผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัว เรื่องการค้างค่าเช่านาน 3 เดือน ชี้ชัดคู่กรณียังไม่เคยทำสัญญาเช่ามาให้ จึงยังไม่สามารถที่จะจ่ายค่าเช่าได้ (อ่านข่าว ,ไม่จบ ลือ บุ๋ม สแมชยิม ไม่จ่ายส่วนกลาง ผจก.ยิมเจนี่งัดคลิปแฉ (ชมคลิป),),โดย บุ๋ม ปนัดดา ได้ชี้แจงผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวว่า ไม่ใช่ไม่จ่ายแต่มันจ่ายไม่ได้ เพราะคุณไม่ยอมทำสัญญาเช่ามาสักที เงินเตรียมไว้นานแล้ว เดินไปขอไปทวงเพื่อได้สัญญามาจ่ายมาหลายครั้งแล้ว ไลน์หาก็แล้ว คนที่ทำธุรกิจรูปแบบบริษัทจะรู้ว่า การสั่งจ่ายต้องมีสัญญาแนบ ซึ่งการที่คนของทางเจนี่ให้ข่าวแบบนี้ (เรื่องนี้รู้เฉพาะเราสองฝ่ายเท่านั้นด้วย) ทำไมไม่บอกข้อมูลครบและตามความจริง มันเสียหายและไม่เป็นธรรม เราคงต้องเอาหลักฐานและความจริงมาคุยกัน,พร้อมทั้งเข้าไปตอบในอินสตาแกรมคู่กรณีเรื่องคลิปว่า เจตนาแบบนี้ทำเพื่ออะไร ตัดต่อแค่บางส่วน แล้วทีตอนหลังนั่งคุยกันดีๆ ทำไมไม่บอกชาวบ้านด้วยล่ะ?? คุณทะเลาะกันและเคลียร์กันแล้ว แต่เจตนาที่เขียน เพราะบุ๋มเป็นประธานองค์กรทำดี คุณร้ายมาก นอกจากนี้ยังชี้แจงว่า นั่นคือการทะเลาะกัน ไม่ใช่การเจรจาค่ะ เค้าพูดแย่ๆ กับลูกค้าหลายคนเพราะเหนื่อยเลยเหวี่ยงใส่ลูกค้า ทำไมไม่เอาช่วงนั้นมาให้ทุกคนดูล่ะ.,ทางด้านเอก เอกริน นิลเศรษฐี สามีหนุ่มของ บุ๋ม ปนัดดา ก็ได้ออกมาชี้แจงผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัวของตนเองโดยการลงคลิปของ nackky.k พร้อมข้อความว่า,ชี้แจงตามคลิปนะครับ ในวันนั้น ลูกค้า 2 ราย เล่นฟิตเนสเสร็จ 1 ทุ่ม กำลังจะกลับบ้าน แต่รถจอดด้านใน โดนรถของลูกค้า Zumba จอดบัง ทางพนักงานของ 911 แจ้งกับลูกค้าว่า ให้รอคลาส Zumba จบ ถึงจะกลับได้ ซึ่งคลาส Zumba เริ่ม 19.30-20.30 น. สรุปคือ ต้องให้ลูกค้าฟิตเนสนั่งรอ ตั้งแต่ 19.00-20.30 เนี่ยนะครับ มันสมควรมั้ย? ลูกค้าที่ไหนจะอยากมาใช้บริการ ถ้าเป็นแบบนี้ 911 แจ้งว่า มีกุญแจรถลูกค้าที่จอดบัง แต่ไม่มีคนเลื่อนให้ ต้องให้ลูกค้าฟิตเนสมานั่งรอคลาสเลิก ชม.ครึ่ง มันไม่ใช่ครับ มันไม่ควร อีกอย่าง เวลาพนักงานรับรถลูกค้าฟิตเนส กลับแจ้งลูกค้าว่า ลูกค้าฟิตเนสหรอ งั้นไปหาที่จอดเอง หรือไม่ก็แจ้งว่า ลูกค้าฟิตเนส ก็ไปเรียกพนักงานฟิตเนสมาโบกเอง เหนื่อยแล้ว แบบนี้มันถูกมั้ย? ผมควรจะต้องโกรธมั้ย? ในเมื่อบุ๋มกับหุ้นส่วนผมไปคุยดีๆ หลายครั้งแล้ว แต่ไม่มีการแก้ไข ทำไมไม่เอาคลิปตอนไปคุยดีๆ มาออกมั่งครับ ส่วนเรื่องค่าเช่าทั้งหมด ผมเช่ามา 3 เดือนแล้ว คุณยังไม่ให้สัญญาเช่าเลย จะให้ผมจ่ายยังไงครับ หลักฐานการทวงสัญญาผมก็มี เดี๋ยวเอามาให้ดู อ่อ มาถามลูกค้าผมที่โดนกระทำได้เลยครับ ยินดีเลยมีหลายคน @boompanadda @911byit,จากนั้นก็เป็นการลงภาพการทวงสัญญาเช่าผ่านทางไลน์ ซึ่งเอกได้อธิบายดังนี้ นี่ครับ หลักฐานการทวงสัญญา ทั้งทวงจากผู้ดูแล ทวงจากเจนี่ 3 เดือนแล้ว ยังไม่ได้ จะให้จ่ายค่าเช่ายังไงครับ ชี้แจงหน่อย,และอีกรูปพร้อมข้อความว่า เอาไปอีกรูปครับ ทวงสัญญากับแม่เจนี่ ตั้งแต่เมษาครับ ยังไม่ได้ครับ สัญญา จะให้จ่ายค่าเช่ายังไงครับ? ,หลังจากที่บุ๋ม ปนัดดา และ เอก ได้ลงข้อความผ่านทางอินสตาแกรม ทางผู้สื่อข่าวก็ได้พยายามติดต่อสอบถามถึงเรื่องราวทั้งหมด แต่ทางด้าน บุ๋ม ปนัดดา ยังติดถ่ายรายการและยังไม่พร้อมชี้แจงรายละเอียดต่างๆ ในตอนนี้ ล่าสุด บุ๋ม ปนัดดา เตรียมชี้แจงในวันพรุ่งนี้ (22 มิ.ย.59) ที่สแมชยิม. | บุ๋ม ปนัดดา พร้อม เอก สามี งัดหลักฐานซัดคู่กรณีผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัว เรื่องการค้างค่าเช่านาน 3 เดือน ว่าทางคู่กรณียังไม่เคยทำสัญญาเช่ามาให้ จึงยังไม่สามารถที่จะจ่ายค่าเช่าได้ | null | บุ๋ม เจนี่,บุ๋ม ปนัดดา,เอก เอกริน นิลเศรษฐี,เอก สามี บุ๋ม ปนัดดา,เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ,สแมชยิม,สแมชยิม บุ๋ม ปนัดดา,ฟิตเนสเจนี่,911 by JT,ดราม่าเจนี่ บุ๋ม,ดราม่าฟิตเนส,ข่าว,บันเทิง,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/content/643651 |
แฮมิลตัน โชคช่วย เฟอร์รารีชนกันเอง ผงาดแชมป์สิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์ | สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันที่ 17 ก.ย. ว่า การแข่งขันรถสูตรหนึ่งชิงแชมป์โลก สนาม 14 รายการสิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์ ณ สนาม มารินา เบย์ สตรีท เซอร์กิต ประเทศสิงคโปร์ 61 รอบ เป็นการประชันความเร็วกันในวันสุดท้าย,ผลปรากฎว่า เซบาสเตียน เวทเทล จอมซิ่งจากเฟอร์รารีที่คว้าโพลโพซิชั่นเมื่อวานนี้ โชคร้ายไปชนกับ คิมี ไรโคเนน ตีนผีร่วมสังกัดจนต้องออกจากสนาม,ทำให้ ลูอิส แฮมิลตัน อดีตแชมป์โลกสามสมัยเมืองผู้ดีจากเมอร์เซเดส อาศัยจังหวะไร้คู่แข่งสำคัญควบรถคู่ใจผงาดเข้าเส้นชัยเป็นคันแรกด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 03 นาที 23.544 วินาที เอาชนะ แดเนียล ริคคิอาร์โด ตีนผีชาวออสซี่จากเรดบูลล์ และ วัลต์เทรี บ็อตทาส ทีมเมตชาวฟินแลนด์ ที่เข้ามาเป็นอันดับสามที่เวลา 4.507 และ 8.800 วินาที ตามลำดับ ,ส่งผลให้ แฮมิลตัน คว้าแชมป์สามสนามติดพร้อมกับรับ 25 คะแนน ทำให้คะแนนรวมปีนี้เป็น 263 คะแนนนำโด่งจ่าฝูงนำหน้า เซบาสเตียน เวทเทล ถึง 28 แต้ม ตามมาด้วยอันดับสาม วัลต์เตรี บ็อตทาส มีคะแนนรวม 212 แต้ม,ทั้งนี้สนามต่อไป สนามที่ 15 จะแข่งที่ประเทศมาเลเซีย รายการมาเลเซียน กรังด์ปรีซ์ ณ สนาม เซปัง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต วันที่ 1 ตุลาคม | ลูอิส แฮมิลตัน อดีตแชมป์โลก 3 สมัยเมืองผู้ดีจากเมอร์เซเดส โชคช่วยคู่ต่อสู้จากเฟอร์ราีชนกันเองทำให้เขาผงาดคว้าแชมป์รายการสิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์ ไปครองพร้อมกับฉีกห่าง เซบาสเตียน เวทเทล เป็น 28 แต้มแล้ว | กีฬา,กีฬาอื่นๆ | ลูอิส แฮมิลตัน,สิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์,เซบาสเตียน เวทเทล | https://www.thairath.co.th/sport/others/1073010 |
ศบภ.ทร. แจกจ่ายน้ำช่วยชาวจันทบุรี-หนองคาย ประสบภัยแล้ง | (ภาพจาก ศบภ.กปช.จต. และ นรข.เขตหนองคาย),ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ ให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยแล้ง ออกแจกจ่ายน้ำช่วยประชาชนประสบภัยแล้งแล้วเกือบ 6 ล้านลิตร ขณะวันนี้ นำน้ำอุปโภคและบริโภคช่วยชาวจันทบุรี-หนองคาย,เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 59 ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ ให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยแล้งจนถึงวันนี้ ได้สนับสนุนน้ำแจกจ่ายไปกว่า 5,728,400 ลิตร โดยวันนี้ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (ศบภ.กปช.จต.) ให้การสนับสนุนรถบรรทุกน้ำเพื่อนำน้ำอุปโภค และบริโภคไปช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยแล้งพื้นที่ อ.สอยดาว อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี จำนวน 5 คัน ส่งน้ำรวม 8 เที่ยว ปริมาณน้ำรวม 49,700 ลิตร อ.ขลุง อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี จำนวน 8 คัน ส่งน้ำรวม 15 เที่ยว ปริมาณน้ำรวม 75,000 ลิตร,ขณะที่ หน่วยบรรเทาสาธารณภัย หน่วยเรือรักษาความสงบตามลำแม่น้ำโขงเขตหนองคาย โดย น.อ.สุชาติ อุดมนาค ผู้บังคับหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงเขตหนองคาย พร้อม น.ท.แมนรัตน์ บุญสวัสดิ์ หัวหน้าสถานีเรือเชียงคาน จัดรถบรรทุกน้ำของกองทัพเรือ นำน้ำอุปโภคและบริโภคไปช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยแล้งพื้นที่บ้านปุดดู่ ต.พระพุทธบาท อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย จำนวน 4 คัน พร้อมรถดับเพลิงของ องค์การบริหารส่วนตำบลพระพุทธบาท คิดเป็นปริมาณน้ำ 48,000 ลิตร,ซึ่งภาพรวมของพื้นที่ จ.หนองคาย โดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกลจากริมแม่น้ำโขง นายสุชาติ นพวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ได้เตรียมการทำแผนการผันน้ำจากแม่น้ำโขง ส่งให้กับประชาชนที่มีอาชีพการเกษตร รวมถึงสั่งการให้หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงเขตหนองคาย ร่วมกับ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองคาย กระทรวงพลังงาน และผังเมืองจังหวัดหนองคาย ติดตั้งแผงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ให้กับประชาชนบ้านดอนแตง เป็นโครงการเร่งด่วนต่อไป. | ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ ให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยแล้ง ออกแจกจ่ายน้ำช่วยประชาชนประสบภัยแล้งแล้วเกือบ 6 ล้านลิตร ขณะวันนี้ นำน้ำอุปโภคและบริโภคช่วยชาวจันทบุรี-หนองคาย | ข่าว,ทั่วไทย | ภัยแล้ง,ภัยแล้งปี 59,แจกจ่ายน้ำ,บรรเทาสาธารณภัย,นรข.เขตหนองคาย,สุชาติ อุดมนาค,แมนรัตน์ บุญสวัสดิ์,สุชาติ นพวรรณ,จันทบุรี,หนองคาย,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวไทยรัฐ,ข่าวทั่วไทย | https://www.thairath.co.th/news/local/591397 |
สายป่าน เข้ารับทราบข้อหาโพสต์ภาพไม่เหมาะสม | วันนี้ (12 ม.ค.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.อภิญญา สกุลเจริญสุข หรือ สายป่าน นักแสดงสาว และเพื่อนชาย เข้าพบตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ กรณีโพสต์ภาพในอินสตาแกรมส่วนตัว ปรากฏภาพอันเข้าข่ายลามกอนาจาร อันเป็นความผิดตามตามมาตรา 14(4) ที่ระบุว่า ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับขณะที่ พ.ต.อ.โอฬาร สุขเกษม ผู้กำกับการ 3 บก.ปอท. เปิดเผยว่า ตำรวจสอบปากคำ น.ส.อภิญญา และเปิดโอกาสให้ชี้แจงโดยนำพยานหลักฐานมาหักล้างข้อกล่าวหา และจะปล่อยตัวไป จากนั้นพนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม และเรียกบุคคลที่แชร์ภาพคลิปวิดีโอดังกล่าวมารับทราบในข้อกล่าวหาเดียวกัน ก่อนส่งสำนวนให้พนักงานอัยการพิจารณา พร้อมยืนยันพฤติการณ์นี้เข้าข่ายองค์ประกอบความผิดตามสมบูรณ์แบบแล้ว แม้จะอ้างว่าไม่มีเจตนา แต่ตำรวจต้องพิจารณาตามข้อเท็จจริงและให้ความเป็นธรรมกับผู้ต้องหาได้ชี้แจง | สายป่าน อภิญญา สกุลเจริญสุข นักแสดงสาว และเพื่อนชาย เข้าพบตำรวจ ปอท.เข้ารับทราบข้อกล่าวหา กรณีแชร์คลิปที่มีภาพไม่เหมาะสม ขณะที่ตำรวจเตรียมเรียกบุคคลที่แชร์ภาพมาสอบสวนดำเนินคดีเพิ่ม | อาชญากรรม | สายป่าน,อภิญญา สกุลเจริญสุข,ตำรวจ ปอท.,ลามกอนาจาร,คลิปวิดีโอ,พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์,ThaiPBSnews,ThaiPBS,ไทยพีบีเอส,ข่าวไทยพีบีเอส | https://news.thaipbs.or.th/content/269289 |
การรถไฟฯ ขยายสัญญาให้ผู้ค้าตลาดนัดรถไฟอีก 5 เดือน | เจ้าหน้าที่การรถไฟแห่งประเทศไทย กลุ่มกิจการร่วมค้า และผู้ค้าตลาดนัดรถไฟ ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมงในการเจรจาหาทางออกร่วมกันถึงการเข้าใช้พื้นที่ตลาดนัดรถไฟ หลังเกิดปัญหาบริษัทเอกชนนำรถแบ็กโฮเข้ารื้อถอนร้านค้าและปรับพื้นที่ ทำให้กลุ่มผู้ค้าขายในตลาดนัดรถไฟไม่พอใจผลการหารือร่วม 3 ฝ่ายได้ข้อสรุปว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ยอมเจรจากับบริษัทเอกชน และให้ขยายเวลากับผู้ค้าอีก 5 เดือน นับจากวันที่ 1 มิถุนายน ไปจนถึง 30 พฤศจิกายน ปีนี้ โดยไม่มีการเก็บค่าเช่าที่ ซึ่งผู้ค้าสามารถใช้พื้นที่ในส่วนคลังพัสดุกลาง ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังศูนย์การค้าอินสแควร์จตุจักร ซึ่งห่างจากที่ตั้งเดิม ราว 100 เมตรสำหรับการตรวจสอบที่ดินแปลงที่ผู้ค้าตลาดนัดรถไฟทำการค้าขาย ปัจจุบันพบว่าเป็นการบุกรุกเข้าไปทำการค้าตั้งแต่เริ่มแรก และไม่มีการทำสัญญาเช่าที่กับทางการรถไฟแห่งประเทศไทย แต่เมื่อปลายปีที่แล้วพบว่า มีเจ้าหน้าที่การรถไฟที่ดูแลพื้นที่บริเวณนั้นเข้าไปเรียกเก็บค่าเช่าที่ โดยให้จ่ายเงินแบบฉีกตั๋ว ซึ่งผิดระเบียบการในการจัดการทรัพย์สินของการรถไฟ โดยขณะนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเจ้าพนักงานที่กระทำการดังกล่าวไปแล้ว 3 คน และยังอยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวน | การรถไฟแห่งประเทศไทย ยอมขยายเวลาให้ผู้ค้าตลาดนัดรถไฟอีก 5 เดือน หลังมีปัญหาการเข้ารื้อถอนกับบริษัทเอกชน ในการขอพื้นที่สร้างทางรถไฟฟ้าสายสีแดง เส้นทางบางซื่อ-รังสิต | สังคม | กลุ่มผู้ค้าตลาดนัดรถไฟ,การรถไฟแห่งประเทศไทย,ขยายสัญญา,ค่าเช่า,บุกรุก,พื้นที่ | https://news.thaipbs.or.th/content/172611 |
จำคุก สรยุทธ บทพิสูจน์มาตรฐานจริยธรรมของสังคมไทย | ในความผิดฐานสนับสนุนพนักงานในองค์กรของรัฐ (อสมท) ให้กระทำการโดยมิชอบจนเกิดความเสียหายแก่องค์กรของรัฐ เมื่อเช้าวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งต่อมาศาลได้อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างการยื่นอุทธรณ์โดยมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และห้ามเดินทางออกนอกประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้งต้องมารายงานตัวต่อศาลทุกๆ 30 วัน,แม้ว่าในทางคดีจะถือว่า คดียังไม่ถึงที่สุด กล่าวคือ จำเลยยังสามารถต่อสู้ได้ตามขั้นตอนต่อไปในชั้นอุทธรณ์ แต่ก็ถือว่าเป็นคดีที่ศาลได้มีคำพิพากษาแล้ว อีกทั้งในคำพิพากษาก็ได้ระบุถึงความผิดของจำเลยอย่างชัดเจน จึงทำให้เกิดกระแสการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่านายสรยุทธ ควรจะยุติการทำหน้าที่ในฐานะพิธีกรและผู้ประกาศข่าวทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ในทันทีจนกว่าคดีจะสิ้นสุดหรือไม่,โดยในกรณีนี้ ทางผู้บริหารของช่อง 3 ได้กล่าวชัดเจนแล้วว่า ยังคงอนุญาตให้นายสรยุทธจัดรายการต่อไป เพราะถือว่า ความผิดที่เกิดขึ้นและนำไปสู่การมีคำพิพากษาดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกิดก่อนที่นายสรยุทธจะมาทำงานให้ช่อง 3 และตลอดระยะเวลาที่ร่วมงานกันมานายสรยุทธก็ไม่ได้เคยทำผิดอะไรที่ร้ายแรง แต่ก็พร้อมที่จะรับฟังเสียงสะท้อนจากสาธารณชนต่อไป,อย่างไรก็ตาม ล่าสุด 2 องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยและสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ทางสถานีโทรทัศน์สีช่อง 3 ทบทวนการทำหน้าที่ของนายสรยุทธ โดยระบุว่า กรณีดังกล่าวมีผลกระทบไม่ใช่เฉพาะต่อความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ของสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบต่อวงการสื่อมวลชนไทยในภาพรวมซึ่งกำลังอยู่ในภาวะที่ถูกสังคมตั้งคำถามต่อความรับผิดชอบและจริยธรรมในการปฏิบัติหน้าที่,ถึงแม้กรณีนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการอุทธรณ์ แต่คำพิพากษาของศาลชั้นต้นเป็นการพิสูจน์ในกระบวนการยุติธรรมว่ามีหลักฐานเพียงพอว่า นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นความผิดทั้งทางด้านอาญาและด้านจริยธรรม เพราะฉะนั้นสังคมจึงมีความคาดหวังว่า สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 จะแสดงความรับผิดชอบและเป็นตัวอย่างในการวางมาตรฐานจริยธรรมด้วยการให้ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ยุติบทบาทหน้าจอ อย่างน้อยเป็นการชั่วคราวจนกว่าคดีจะสิ้นสุด,สื่อมวลชนไทยได้ยึดมั่นในหลักการของการกำกับและดูแลกันเองเพื่อสร้างหลักประกันสำหรับเสรีภาพในการรายงานข้อมูลข่าวสารและแสดงความคิดเห็นมาตลอด แต่จุดยืนของสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ต่อกรณี นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ทำให้หลักการของการกำกับดูแลกันเองของสื่อถูกตั้งคำถามมากขึ้น และเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้กับความพยายามของกลุ่มคนที่ต้องการให้มีกลไกที่มีอำนาจทางกฎหมายในการควบคุมและลงโทษสื่อที่ละเมิดจริยธรรมจึงขอเรียกร้องให้ผู้บริหารของ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ทบทวนการทำหน้าที่ของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เพื่อเป็นแบบอย่างในการสร้างบรรทัดฐานด้านจริยธรรมให้กับวงการสื่อมวลชนไทย,หลังจากแถลงการณ์ขององค์กรวิชาชีพสื่อทั้งสองออกมาได้ไม่นาน นายสรยุทธก็ได้กลับมาเป็นพิธีการในรายการ เจาะข่าวเด่น ทางช่อง 3 อีกครั้ง หลังจากที่ได้งดรายการนี้ไปเมื่อช่วงเย็นวันที่ 29 ก.พ. นับว่าเป็นการสวนกระแสข้อเรียกร้องขององค์กรวิชาชีพและชาวโลกออนไลน์จำนวนมากที่ออกมาเรียกร้องในกรณีเดียวกัน,คำถามที่ตามมาในด้านของการกำกับดูแลกันเองทางจริยธรรมนั้น องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนที่เกี่ยวข้องสามารถดำเนินการอย่างไรต่อไปหรือไม่ ในกรณีนี้ องค์กรที่เกี่ยวข้องโดยตรงคือ สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2552 และสถานีโทรทัศน์สีช่อง 3 เป็นสมาชิกอยู่ด้วย,จากธรรมนูญของสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยนั้น ระบุว่า ผู้ได้รับความเสียหายจากข้อความ เสียง หรือภาพที่ปรากฏในข่าวหรือรายการข่าวที่ผลิตโดยสมาชิกหรือจากพฤติกรรมของผู้ประกอบวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ที่สังกัดสมาชิก ซึ่งผู้เสียหายเห็นว่าขัดต่อข้อบังคับสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยว่าด้วยจริยธรรมแห่งวิชาชีพ ให้แจ้งเป็นหนังสือพร้อมด้วยพยานหลักฐานต่อสถานีหรือผู้ผลิตรายการนั้นโดยตรงเสียก่อน เพื่อให้สถานีหรือรายการนั้นดำเนินการบรรเทาความเสียหายตามควรแก่กรณี,เมื่อผู้เสียหายได้ดำเนินการข้างต้น แล้วถูกปฏิเสธหรือเพิกเฉยที่จะดำเนินการใดๆ จากสถานีหรือผู้ผลิตรายการซึ่งเป็นมูลเหตุให้เกิดความเสียหาย หรือเมื่อผู้เสียหายเห็นว่าการบรรเทาความเสียหายของสถานีหรือผู้ผลิตรายการ ไม่เป็นที่พอใจจนเห็นได้ชัด ผู้เสียหายมีสิทธิร้องเรียนเป็นหนังสือพร้อมด้วยพยานหลักฐานต่อคณะกรรมการได้ ภายในสามสิบวัน นับแต่วันได้รับทราบความเสียหายนั้น,หากไม่มีผู้เสียหายมาร้องเรียนในเรื่องนี้ สภาวิชาชีพฯ ก็สามารถหยิบยกเรื่องมาพิจารณาได้เองหากเห็นว่า เป็นเรื่องสำคัญ หรือมีเหตุอันควรสงสัยเกี่ยวกับข้อความ ภาพ หรือเสียง ที่ปรากฏในสถานีหรือรายการที่เป็นสมาชิก หรือจากพฤติกรรมของผู้ประกอบวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ที่สังกัดสมาชิก ขัดต่อข้อบังคับสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยว่าด้วยจริยธรรมแห่งวิชาชีพ,ในกรณีนี้ มีเรื่องต้องพิจารณาอีกว่า กรณีของนายสรยุทธนั้น เข้าข่ายการละเมิดจริยธรรมในเรื่องใด จึงต้องไปพิจารณาจากข้อบังคับสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยว่าด้วยจริยธรรมแห่งวิชาชีพ ในหมวดที่ว่าด้วยจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพข่าว ข้อ 10 ที่ระบุว่า ผู้ประกอบวิชาชีพข่าว ต้องไม่ประกอบอาชีพ หรือวิชาชีพ หรือดำเนินธุรกิจ หรือประพฤติตนอันเป็นการฝ่าฝืนต่อศีลธรรมอันดี หรือเป็นการเสื่อมเสียต่อศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของผู้ประกอบวิชาชีพข่าว,หากคณะกรรมการสภาวิชาชีพข่าวฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า กรณีของนายสรยุทธ เข้าข่ายละเมิดจริยธรรมในข้อนี้ ก็จะมีอำนาจในการส่งคำวินิจฉัยไปยังต้นสังกัดของผู้นั้น เพื่อดำเนินการลงโทษ แล้วแจ้งผลให้สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยทราบโดยเร็ว และในกรณีที่ต้นสังกัดไม่ดำเนินการใดๆ สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยอาจเผยแพร่คำวินิจฉัยนั้นต่อสาธารณะด้วยก็ได้,นอกจากนี้ เนื่องจากว่า ระบบการกำกับดูแลกันเองทางจริยธรรมของสื่อวิทยุและโทรทัศน์เป็นระบบการกำกับดูแลร่วมกับภาครัฐ ซึ่งในที่นี้คือ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ดังนั้น หากสภาวิชาชีพฯ ไม่ดำเนินการใดๆ หรือมีคำวินิจฉัยไปแล้ว แต่ต้นสังกัดไม่ดำเนินการลงโทษ ก็เป็นหน้าที่ของ กสทช.ที่จะนำเรื่องนี้ไปพิจารณาและสั่งการต่อไป,เมื่อถึงตอนนี้ ต้นสังกัดยังเพิกเฉยไม่ดำเนินการใดๆ อีก กรณีนี้ก็จะถูกนำไปเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินความมีประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ของการประกอบกิจการของผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการรายนั้นๆ ซึ่งน่าจะมีผลต่อการต่อใบอนุญาตประกอบกิจการหากมีการยื่นขอในอนาคต,ทั้งหมดนั้นเป็นกระบวนการดำเนินการในส่วนของกระบวนการกำกับดูแลกันเองขององค์กรวิชาชีพสื่อที่เกี่ยวข้อง แต่กระบวนการที่น่าจะได้ผลกว่าคือ กระบวนการทางสังคมที่ขณะนี้ ได้มีการรณรงค์ทาง Social media แล้วเพื่อกดดันให้ทางผู้บริหารช่อง 3 สั่งให้นายสรยุทธยุติบทบาทในฐานะพิธีกรและผู้ประกาศข่าว ซึ่งเชื่อว่า เป็นเรื่องที่ผู้บริหารช่อง 3 กำลังพิจารณาอยู่อย่างเคร่งเครียด เพราะหากการรณรงค์ดังกล่าวยังไม่มีผลกระทบต่อเรตติ้งของช่อง โดยเฉพาะรายการที่มีนายสรยุทธดำเนินรายการอยู่ การเปลี่ยนแปลงต่างๆ ก็คงไม่เกิดขึ้น,กรณีที่เกิดขึ้น จึงนับเป็นการพิสูจน์ว่า พลังของกลุ่มคนในสังคมไทยที่เห็นความสำคัญของปัญหาจริยธรรมของคนทำงานสื่อมวลชนที่กระบวนการทางกฎหมายได้ตัดสินว่ามีความผิดแล้วในระดับหนึ่ง จะมีแรงผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริงหรือไม่,หรือจะเป็นเพียงแค่พลังของคนกลุ่มน้อยที่ทำได้แค่วิพากษ์วิจารณ์ผ่าน Social Media และสื่อมวลชนอีกบางส่วน และเมื่อถึงตอนนั้น ผลกระทบอาจจะย้อนกลับมาที่การเรียกร้องให้นำกฎหมายเข้ามาควบคุมสื่อ ซึ่งก็คงมีคนอีกเพียงส่วนน้อยอีกนั่นแหละที่จะเข้าใจว่า จะมีผลกระทบต่อเสรีภาพในการรับรู้ข่าวสารของประชาชนมากน้อยเพียงใด,ชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี,www.twitter.com/chavarong | จากกรณีที่ศาลอาญามีคำพิพากษาให้จำคุกนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรและผู้ประกาศข่าวชื่อดัง ในฐานะกรรมการผู้จัดการบริษัทไร่ส้ม จำกัด เป็นเวลา 13 ปี 4 เดือน โดยไม่รอลงอาญา | null | คิดจาก Social Media,ชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี,สรยุทธ สุทัศนะจินดา,ศาลอาญา,จำคุก,สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไท,คดีไร่ส้ม,สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย,ช่อง 3,ความน่าเชื่อถือ,ภาพลักษณ์,สื่อมวลชนไทย,แถลงการณ์,เจาะข่าวเด่น,โลกออนไลน์,Social media,คอลัมน์,คอลัมน์ฉบับพิมพ์,คอลัมน์ไทยรัฐ,หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ,ไทยรัฐ | https://www.thairath.co.th/content/584749 |
ผ่ากระสุนฝังคอคนร้ายปล้นรถขนเงินแล้ว หากทรุดส่งต่อ รพ.สวรรค์ประชารักษ์ | เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 28 ก.ค. 60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ นายกิตติศักดิ์ คมขำ อายุ 43 ปี คนร้ายที่ก่อเหตุพยายามปล้นรถขนเงินธนาคารขณะนำเงินมาใส่ตู้เอทีเอ็มที่หน้าร้านสะดวกซื้อ แต่ถูกเจ้าหน้าที่รถขนเงินยิงสวนเข้าที่สันจมูกกระสุนฝังในบริเวณคอ จนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ประกอบกับเลือดออกในสมอง ทำให้อาการถึงขั้นโคม่า แต่ก็ยังรู้สึกตัว สามารถทำตามคำสั่งของแพทย์ได้ ซึ่งคนร้ายถูกจับตัวได้ที่ รพ.อ่างทอง และทางญาติร้องขอให้มารักษาที่ รพ.ชัยนาทนเรนทร เพราะความสะดวกตามสิทธิบัตรประกันสุขภาพ และการเยี่ยมไข้ของญาติ,ล่าสุด นายแพทย์ทนงศักดิ์ หอมทรัพย์ รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ รพ.ชัยนาทนเรนทร เปิดเผยว่า คนไข้มีอาการดีขึ้น แต่ด้วยแผลที่ถูกยิงจึงต้องล้างแผลและล้างคอ เพราะคอเริ่มบวมมากขึ้น ประกอบกับต้องใส่เครื่องช่วยหายใจที่คอ ต้องทำการผ่าตัด แต่ช่วงที่ทำการผ่าตัดล้างคอพบว่ากระสุนอยู่ไม่ลึกมาก ห่างจากขากรรไกรไปประมาณ 4 ซม. จึงนำออกมา เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ทั้งกระสุน แผลอาจเกิดการติดเชื้อจนเสียชีวิตได้ ส่วนอาการเลือดออกในสมองนั้น เกิดจากแผลกระทบกระเทือนจากกระสุนปืน ทาง รพ. ไม่มีแพทย์ศัลยกรรมประสาท จึงต้องปรึกษากับแพทย์ของ รพ.สวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ เพื่อรักษา โดยทางแพทย์ให้อยู่สังเกตอาการที่ รพ.ชัยนาทนเรนทร ก่อน หากอาการเปลี่ยนแปลงไปทิศทางที่แย่ให้รีบส่งตัวทันที. | รพ.ชัยนาทนเรนทร แจง แพทย์ผ่าตัดล้างคอคนร้ายปล้นรถขนเงิน พร้อมนำกระสุนที่ฝังออกแล้ว เพราะหวั่นเสี่ยงติดเชื้อ ล่าสุด รอดูอาการ หากทรุดรีบส่งต่อ รพ.สวรรค์ประชารักษ์ นครสวรรค์ | ข่าว,ทั่วไทย | ปล้นรถขนเงิน,รถขนเงิน,ยิงคนร้าย,ผ่ากระสุน,ชัยนาท,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/central/1018889 |
จับ 43 คัน กองทัพ จยย. ลอบขนไม้พะยูงส่งชายแดนอุบลฯ | เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 เม.ย. 59 พ.ต.อ.สุนทร ประดิษฐ์แท่น ผกก.ตชด.22 เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ประเสริฐ นิลยาภรณ์ รอง ผกก.ตชด.22 ร.ต.อ.ทวี คำแพง รอง ผบ.ร้อย ตชด.ที่ 225 สนธิกำลังกับชุดประสานงานที่ 2 ทก.ยว.กกล.สุรนารี ชุดสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดที่ 2 ร้อย ทพ.3601 และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูจอง-นายอย ออกลาดตระเวนป้องกันและพิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติภูจอง-นายอย,กระทั่งพบกองทัพลักลอบขนไม้พะยูงโดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ และนำไม้พะยูงตัดท่อนขนาดยาวประมาณ 50-60 ซม. บรรทุกมาท้ายเบาะรถจักรยานยนต์คันละ 4-6 ท่อน ส่งขายให้นายทุนชาวจีนที่บริเวณช่องกกไฮ ชายแดนไทย-ลาว ต.ห้วยข่า อ.บุณฑริก จ.อุบลราชธานี จึงแสดงตัวเข้าจับกุม แต่ผู้ต้องหาอาศัยความชำนาญในพื้นที่ทิ้งรถหลบหนีไปได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จับกุมได้ 2 คน ทราบชื่อ นายแสวง โคตรบุพผา อายุ 42 ปี เลขที่ 107 หมู่ 22 บ้านสร้างหอม ต.ห้วยข่า อ.บุณฑริก จ.อุบลราชธานี และ นายชัยชนะ สาโหมด อายุ 44 ปี เลขที่ 196 หมู่ 22 บ้านสร้างหอม ต.ห้วยข่า อ.บุณฑริก จ.อุบลราชธานี พร้อมตรวจยึดรถจักรยานยนต์บรรทุกไม้พะยูงจอดทิ้งบนลานหินรวม 43 คัน ไม้พะยูงกว่า 200 ท่อน,เบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ให้การรับสารภาพว่า ร่วมกับเพื่อนที่หลบหนีลักลอบรับจ้างขนไม้พะยูง ที่กลุ่มนายทุนจ้างคนตัดไม้พะยูงในเขตอุทยานแห่งชาติภูจอง-นายอย โดยลำเลียงใส่ท้ายรถจักรยานยนต์เพื่อจะนำไปส่งขายให้กับพ่อค้าชาวจีน ที่มารอรับซื้อบริเวณชายแดนไทย-ลาว ที่อยู่ห่างจากจุดจับกุมประมาณ 3-4 กม. ทำมาแล้วหลายครั้ง มีรายได้ดี เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน มาตรวจหาสารเสพติด พบ นายแสวง มีผลของสารเสพติดในร่างกาย ก่อนควบคุมตัว 2 ผู้ต้องหา ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ห้วยข่า อ.บุณฑริก จ.อุบลราชธานี ดำเนินคดีต่อไป,ทั้งนี้ เนื่องจากพื้นที่จุดจับกุมมีความลาดและสูงชัน จึงได้เผาทำลายไม้พะยูงในพื้นที่ดังกล่าว แล้วค่อยทยอยลำเลียงรถจักรยานยนต์ของกลางส่งพนักงานสอบสวนขยายผลการจับกุมต่อไป. | ตำรวจ ทหาร จนท.อุทยานแห่งชาติภูจอง-นายอย เข้าจับกุมกองทัพมอดไม้ ลอบลำเลียงพะยูงใส่ท้ายจักรยานยนต์กว่า 43 คัน จ่อส่งพ่อค้าจีนที่ชายแดนไทย-ลาว เขต จ.อุบลราชธานี จับ 2 ผู้ต้องหา ส่วนที่เหลือทิ้งรถหนีรอด | null | ลอบขนไม้พะยูง,ไม้พะยูง,ตัดไม้พะยูง,มอดไม้,ตัดไม้,อุบลราชธานี,อุทยานแห่งชาติภูจอง-นายอย,จับไม้พะยูง,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวไทยรัฐ,ข่าวทั่วไทย | https://www.thairath.co.th/content/611318 |
ซาอุฯ ขู่ตอบโต้-ค้นสถานกงสุลคดีฆ่านักข่าวดัง | คดีนายจามาล คาช็อกกี นักข่าวอาวุโสชาวซาอุดีอาระเบีย วัย 59 ปี ผู้ไปลี้ภัยในสหรัฐฯ ผู้เขียนคอลัมน์ให้หนังสือพิมพ์ วอชิงตัน โพสต์ และผู้วิพากษ์วิจารณ์มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ผู้นำซาอุฯ หายตัวไปหลังเข้าไปขอเอกสารเพื่อแต่งงานใหม่ในสถานกงสุลซาอุฯ ในนครอิสตันบูลในตุรกี เมื่อ 2 ต.ค. โดยตุรกีชี้ว่าเขาถูกทีมนักฆ่า 15 คนจากซาอุฯ ฆ่าหั่นศพ และนำศพออกไป ทำให้ซาอุฯ ถูกกดดันจากทั่วโลกให้ชี้แจงความจริง นั้น,ล่าสุดเมื่อ 14 ต.ค. เจ้าหน้าที่ระดับสูงของซาอุฯ ที่ไม่เผยชื่อ แถลงผ่านสำนักข่าว เอสพีเอ ของทางการซาอุฯว่า ซาอุฯ จะตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและแรงกดดันทางการเมืองใดๆต่อซาอุฯ อย่างรุนแรงกว่าที่ถูกกระทำ ส่วนสื่อต่างๆของซาอุฯ ก็ประโคมข่าวขู่ตอบโต้นี้อย่างครึกโครม ขณะที่ สถานีโทรทัศน์ อัล อาราบิยา ของซาอุระฯบุว่า ซาอุฯมีกว่า 30 มาตรการที่จะใช้ตอบโต้,ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เผยว่า ซาอุฯ สมควร ถูกลงโทษรุนแรง ถ้าคาช็อกกีถูกฆ่าในสถานกงสุลซาอุฯ จริง แต่สหรัฐฯ จะไม่ระงับการขายอาวุธให้ซาอุฯ เพราะจะเป็นการลงโทษตัวเอง ด้าน รมว.ต่างประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี ร่วมออกแถลงการณ์ถึงรัฐบาลซาอุฯ ว่า การหายตัวไปของคาช็อกกีเป็นเรื่องร้ายแรงที่สุด ต้องมีการสอบสวนที่เชื่อถือได้เพื่อสรุปความจริง ผู้รับผิดชอบต้องถูกลงโทษ ขณะที่ซีอีโอของบริษัทเจพี มอร์แกน และประธานบริษัทฟอร์ดของสหรัฐฯ ประกาศจะไม่ไปร่วมการประชุม ความริเริ่มการลงทุนในอนาคต ซึ่งถูกเรียกว่า ดาวอสแห่งทะเลทราย ในซาอุฯ ในสัปดาห์หน้า หลังผู้บริหารหลายบริษัทคว่ำบาตรไปแล้ว รวมทั้งนายริชาร์ด แบรนสัน ซีอีโอของ บ.เวอร์จิน ไปจนถึง บ.อูเบอร์ และสื่อยักษ์ใหญ่ซีเอ็นเอ็นกับบลูมเบิร์ก,ส่วนประธานาธิบดีเรเซป ทายยิป เออร์โดกัน แห่งตุรกี โทรศัพท์หารือกับกษัตริย์ซัลมานแห่งซาอุฯ เป็นครั้งแรก ส่วนเจ้าหน้าที่ตุรกีเข้าตรวจค้นสถานกงสุลใน 15 ต.ค. หลังตุรกีและซาอุฯ ตกลงจะร่วมสอบสวนคดีนี้ คดีคาช็อกกียังทำให้ดัชนีหุ้น ทา-ดาวุล ออลแชร์ส ในตลาดหุ้นซาอุฯ ตกลงถึง 7% ค่าเงินรียาลของซาอุฯ ก็ตกต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2560 ไปอยู่ที่ 3.7514 รียาลต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเช้า 15 ต.ค. ขณะที่โทรทัศน์อัล อารา-บิยา เผยว่า ซาอุฯ ผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก อาจใช้ น้ำมัน เป็นอาวุธต่อสู้กับแรงกดดันจากนานาชาติ ซึ่งอาจทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งสูงถึง 100-200 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หรือสูงกว่านั้น. | ทางการซาอุฯ จะตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและแรงกดดันทางการเมืองใดๆต่อซาอุฯ อย่างรุนแรง หลังพวกเขาถูกกล่าวหาว่ามีส่วนกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนักข่าว จามาล คาช็อกกี | ข่าว,ต่างประเทศ | ซาอุดีอาระเบีย,นักข่าย,หายตัว,จามาล คาช็อกกี,คว่ำบาตร | https://www.thairath.co.th/news/foreign/1397318 |
สะเทือนใจ แมวในอินโดฯสุดรักเจ้าของมาตายจาก เฝ้าหลุมศพทุกวัน นานเป็นปี | เศร้าหนุ่มอินโดฯ เผย เรื่องราวความรักของแมวเพศเมียตัวหนึ่ง ที่มีต่อเจ้าของที่จากไป ถึงขนาดมานอนเฝ้าอยู่เหนือหลุมศพทุกวันนานเป็นปี แม้คนผ่านไปผ่านมาเห็นเข้า พยายามจะนำมันกลับไปเลี้ยง แต่แมวตัวนี้ก็จะกลับมาเล่นมานอนที่หลุมศพเจ้าของมันเช่นเดิม,เมื่อ 1 พ.ย. เว็บไซต์ มิร์เรอร์รายงานเรื่องราวที่คงทำให้ คนรักสัตว์ โดยเฉพาะคนรักแมวคงสะเทือนใจ เมื่อมีแมวเพศเมียตัวหนึ่ง มีความความรักความผูกพันต่อเจ้าของที่เลี้ยงดูอุ้มชูมันมาถึงขนาดที่วนเวียนไปเฝ้าหลุมศพของเจ้าของมัน ซึ่งเสียชีวิตไปแล้วที่สุสานแห่งหนึ่งในจังหวัดชวากลาง ของอินโดนีเซีย มานานเป็นปี จนมีคนที่เดินผ่านไปผ่านมาบริเวณนั้น ได้เริ่มสังเกตดูแมวตัวนี้ หลังจากตอนแรกได้ยินเสียงมันร้องครวญคราง นอนกลิ้งเกลือกอยู่บนพื้นดินบริเวณหลุมศพดังกล่าว,นายเคลี เคนินกัว ปรายิตโน หนุ่มวัย 28 ซึ่งเดินผ่านไปผ่านมาแถวสุสานบ่อยๆ เล่าให้นักข่าวในพื้นที่ฟังว่า เขาพยายามจะนำเจ้าแมวตัวนี้กลับมาเลี้ยงที่บ้าน แต่ปรากฏว่า มันก็จะหวนกลับไปอยู่ที่สุสานที่เดิม และนอนหมอบเฝ้าอยู่เหนือแผ่นป้ายสีฟ้า จารึกชื่อผู้ตายอยู่เสมอ,จากการที่หนุ่มเคลีเฝ้าสังเกตดูเจ้าแมวตัวนี้ เห็นว่ามันจะเดินไปยังบ้านของเจ้าของเดิมมันทุกวัน เนื่องจากลูกๆ ของหญิงชราที่เคยเลี้ยงดูมันนั้น จะคอยให้อาหารแก่แมวตัวนี้ หลังจากแม่ของพวกเขาตายไป แต่หลังจากแมวกินอาหารอิ่มแล้ว มันก็จะเดินกลับไปที่หลุมศพตามเดิม โดยเคลี ยังเล่าด้วยความประทับใจที่มีต่อแมวซื่อสัตย์ตัวนี้ว่า ถึงแม้ผู้คนผ่านไปผ่านมา จะให้อาหารและให้น้ำมันกิน แต่แมวก็ไม่ยอมจะไปจากหลุมศพเลย มันจะนอนกลิ้งนอนเล่นอยู่บริเวณนั้น กระทั่งนอนหลับอยู่ที่หลุมศพตลอดทั้งคืน,ตอนแรกผมคิดว่า มันเป็นแมวจรจัด ไม่มีเจ้าของ จึงพยายามจะนำมันไปเลี้ยง แต่แล้วเมื่อแมวเพศเมียตัวนี้ได้กินอาหารแล้ว มันจะกลับไปยังที่เดิมทุกวัน ผมสังเกตเห็นว่า แมวกลับไปที่สุสานทุกวันและจะอยู่ที่นั่นเสมอ มีบางครั้งที่มันจะหายไปสักสองชั่วโมง แต่หลังจากนั้นมันก็จะกลับมาอีก หนุ่มเคลี เล่าด้วยควมสะเทือนใจ พร้อมกับกล่าวว่า มันเป็นภาพที่น่าเสียใจเมื่อได้เห็นแมวรักเจ้าของถึงขนาดมานอนเฝ้าหลุมศพนานเกือบปี แต่ก็แสดงให้เห็นถึงสายสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างสัตว์กับเจ้าของที่เลี้ยงดูมัน. | เศร้าหนุ่มอินโดฯเผย เรื่องราวความรักของแมวเพศเมียตัวหนึ่ง ที่มีต่อเจ้าของที่จากไป ถึงขนาดมานอนเฝ้าอยู่เหนือหลุมศพทุกวันนานเป็นปี แม้คนผ่านไปผ่านมาเห็น พยายามจะนำมันกลับไปเลี้ยง แต่แมวตัวนี้ก็จะกลับมาเล่นมานอนที่หลุมศพทุกวัน | null | แมว เฝ้าหลุมศพเจ้าของ,แมวอินโดฯ รักเจ้าของ,แมว เฝ้าหลุมศพเจ้าของทุกวัน,อินโดนีเซีย,แมว,ชวากลาง | https://www.thairath.co.th/content/770662 |
ฟังมุม ป.ป.ช.ข้างน้อยปมนาฬิกาหรูประวิตร -ชัชชาติ ไม่กังวลถูกสอบ ชี้เป็นเรื่องเก่าขอให้ยุติธรรม | ชี้เป็นเรื่องเก่า ขอให้ยุติธรรม17 ม.ค.2562 และ รายงานว่า วันนี้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ร่วมกับ สถาบันอิศรา จัดกิจกรรมคณะกรรมการ ป.ป.ช. พบสื่อมวลชนระดับบรรณาธิการ โดยบางช่วงบรรณาธิการหลายสำนักได้ซักถาม ป.ป.ช. ถึงเหตุผลการตีตกคดีนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. ชี้แจงว่า จากการตรวจสอบไปยังบริษัทผู้ผลิตนาฬิกาหรูในต่างประเทศ 4 แห่ง โดยใช้ช่องทางประสานผ่านสถานทูต ได้รับคำตอบจากบริษัทผู้ผลิต 3แห่ง ตอบกลับมาตรงๆว่า ไม่สามารถให้ข้อมูลได้ เนื่องจากไม่ใช่กรณีทุจริต ส่วนอีกบริษัทระบุว่า วิธีการขอข้อมูลไม่ถูกต้องตามช่องทางกฎหมาย เพราะต้องใช้ช่องทางตามพ.ร.บ.วิธีพิจารณาความอาญาเท่านั้น เมื่อได้รับคำตอบเช่นนี้ ป.ป.ช. จึงมาวินิจฉัยอีกครั้งจะสามารถใช้ช่องทางพ.ร.บ.วิธีพิจารณาความอาญาขอข้อมูลได้หรือไม่ ซึ่งที่ประชุมมีมติเสียงข้างมากว่า ไม่สามารถทำได้ หากจะใช้ช่องทาง พ.ร.บ.วิธีพิจารณาความอาญา คงใช้เวลาเพิ่มเติมไม่ต่ำกว่า 6 เดือน-1 ปี คำตอบคงออกมาแบบเดิมว่า ไม่ใช่คดีการทุจริตขณะที่ สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช.เสียงข้างน้อย กล่าวว่า ในฐานะจบบัญชีมา ทำคดีร่ำรวยผิดปกติ มาเยอะ มีความเห็นตรงกับ สุวณา สุวรรณจูฑะ กรรมการป.ป.ช.เสียงข้างน้อยอีกคนว่า คดียังสามารถไล่ต่อไปได้ หากได้คำตอบจากต่างประเทศผ่านการใช้ช่องทางอัยการ แต่หากต่างประเทศยังไม่ให้ข้อมูลอีกจึงถือว่าจบ แต่วันนี้ยังไม่ถึงจุดนั้น จึงคิดว่า ควรไปให้สุดสายเลยดีหรือไม่ เพื่อให้ประชาชนสิ้นสงสัยป.ป.ช.ยอมโดนด่า แต่สามารถชี้แจงได้ นี่คือสิ่งที่นักบัญชีคิดต้องตรงเป๊ะ อยากให้ทุกฝ่ายได้ข้อมูลครบถ้วน เพื่อประโยชน์ในการวินิจฉัยกรรมการป.ป.ช.เสียงข้างน้อย กล่าว พร้อมระบุด้วยว่า ตามปัจจุบันก็ยังไม่รู้ว่านาฬิกาที่ครอบครองเป็นของผู้ถูกอ้างหรือไม่ ข้อมูลไม่สุดสาย เป็นเรื่องการชั่งน้ำหนักแต่ละกลุ่มแล้วมีมติยอมรับ จบก็จบ การใช้ดุลพินิจในทุกเรื่องต้องมีมาตรฐาน ถ้าใช้ดุลพินิจที่ไม่มีเหตุผล ไร้มาตรฐานอาจมีคำถามตามมา ตนมีเหตุผลในส่วนของนักบัญชี แต่เคารพความเห็นกรรมการป.ป.ช.คนอื่นเช่นกัน ขอให้เชื่อมั่นในการทำงานของ ป.ป.ช.สำหรับความคืบหน้าคดีทางการเมืองตามกฎหมายใหม่นั้น พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า คดีทางการเมืองและคดีที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่องค์กรอิสระ ที่ประชุมมอบหมายให้ สุภา ปิยะจิตติ และ พล.อ.บุณยวัจน์ เครือหงส์ เป็นกรรมการผู้รับผิดชอบสำนวน โดยการไต่สวนถ้าเป็นคดีใหญ่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้ง 9 คนจะเป็นองค์คณะไต่สวน หากเรื่องไม่ใหญ่มากแต่สำคัญ ต้องใช้กรรมการ ป.ป.ช. อย่างน้อย 2 คน เป็นคณะอนุกรรมการไต่สวน ยืนยันว่าคดีที่ค้างอยู่จะเป็นไปตามกระบวนการ แต่บางคดีมีรายละเอียดค่อนข้างมาก ซึ่งต้องทำให้ครบถ้วนและอาจใช้เวลานาน แต่ยืนยันว่าทุกเรื่องต้องเสร็จภายในปี 2564ส่วนกรณีการเปิดเผยข้อมูลตามมาตรา 36 ใน พ.ร.บ.ป.ป.ช. ที่ปกปิดชื่อผู้ร้อง และผู้ถูกร้อง รวมถึงผู้ถูกกล่าวหานั้น ในชั้นไหนถึงจะเปิดเผยชื่อ และพฤติการณ์เบื้องต้น หากเป็นในชั้นแสวงหาข้อเท็จจริง หรือชั้นไต่สวนข้อเท็จจริง คณะกรรมการ ป.ป.ช. ต้องวินิจฉัยว่าจะเปิดเผยชื่อได้หรือไม่ ตรงนี้คำวินิจฉัยกินความแค่ไหน หรือต้องรอตอนถูกชี้มูลความผิดอย่างเดียว นิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ในช่วงพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ป.ป.ช. ในชั้นคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญ ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีการหารือเรื่องนี้พอสมควร โดยหลักการในมาตรา 36 คือการแยกชื่อผู้ร้อง กับผู้ถูกร้อง ไว้ชัดเจน ดังนั้นถ้าเป็นข้อมูลสาธารณะ ไม่สามารถเปิดเผยชื่อผู้ร้องได้ทุกกรณี ส่วนผู้ถูกร้องนั้นหากยังอยู่ในชั้นแสวงหาข้อเท็จจริงไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่หากในชั้นไต่สวนข้อเท็จจริงที่กลายเป็นผู้ถูกกล่าวหา อาจเปิดเผยต่อสาธารณะได้หากเป็นประโยชน์ในการไต่สวน เช่น กรณีการเรียกรับเงิน หรือได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. หากรวบรวมพยานหลักฐานแล้วสามารถเปิดเผยชื่อ สกุล หรือตำแหน่งของผู้ถูกกล่าวหาได้ เพียงพอให้เข้าใจว่าเป็นข้อกล่าวหาเรื่องอะไรนอกจากนั้นเป็นการพิจารณาลักษณะความผิด แต่ไม่ได้เปิดเผยพยาน หรือรายละเอียดมาก เว้นแต่ในชั้นคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด จะมีการระบุพฤติการณ์ความผิดของผู้ถูกกล่าวหา แต่ต้องคุ้มครองผู้ร้อง และพยาน เพื่อไม่ให้กระทบต่อรูปคดี เนื่องจากคดียังไม่สิ้นสุด จำเป็นต้องเสนออัยการเพื่อฟ้องศาล หากเปิดเผยไปทั้งหมดจะกระทบต่อรูปคดีได้ ปัจจุบันอยู่ระหว่างร่างระเบียบดังกล่าว และนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ประธานกรรมการ ป.ป.ช.กล่าวด้วยว่า เบื้องต้นอยู่ระหว่างการร่างระเบียบการแจ้งข้อกล่าวหาผู้ถูกกล่าวหาใหม่ เดิมการแจ้งข้อกล่าวหาคือ ให้ผู้ถูกกล่าวหามารับทราบ ต่อมาเมื่อไต่สวนไปเรื่อย ๆ มีการชี้มูลความผิด ส่งสำนวนให้อัยการ เมื่อถึงเวลาจะนำตัวไปฟ้องศาล ป.ป.ช. ต้องเป็นผู้นำตัวผู้ถูกกล่าวหาไป แต่บางคดีระยะเวลาล่วงไปหลายปี อาจทำให้พบตัวผู้ถูกกล่าวหายาก จึงจะเปลี่ยนไปใช้ระบบใหม่คือ เมื่อมีการแจ้งข้อกล่าวหา ผู้ถูกกล่าวหาจะถูกถ่ายรูป และพิมพ์ลายนิ้วมือด้วย คาดว่าภายในเดือน ก.พ.2562 จะมีความชัดเจนในเรื่องนี้ ยืนยันว่าอะไรทำให้กระบวนการมีประสิทธิภาพ จะเร่งดำเนินการขณะที่และ รายงานว่า วันนี้ (17 ม.ค.62)ที่วัดพระศรีมหาธาตุฯ บางเขน ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณีมีชื่อในสำนวนของป.ป.ช. ในประเด็นอนุมัติงบการบริการจัดการน้ำ และการจ่ายเงินเยียวยาผู้ชุมนุมทางการเมือง ว่า ก็ทำไปตามกระบวนการ ไม่มีอะไร มันเป็นเรื่องเก่าต่อคำถามที่ว่ากังวลจะกลายเป็นเรื่องพันแข้งพันขาให้ทำอะไรทำบากหรือไม่ นั้น ชัชชาติ กล่าวว่า ไม่เป็นไร ขอให้ยุติธรรมเท่านั้นเอง และโดนกันหลายคน ไม่ใช่แค่ตนคนเดียวสำหรับประเด็นดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา มีการเปิดเผยถึงการทำงานของป.ป.ช. โดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองจะถูกจับตามากเป็นพิเศษในช่วงนี้ เนื่องจากเป็นช่วงเตรียมเข้าสู่สนามเลือกตั้งโดยเฉพาะเมื่อมีกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยเตรียมเสนอชื่อ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย และ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย เป็นนายกฯ ในบัญชีของพรรค จึงมีข่าวปรากฏว่า ป.ป.ช.ได้เร่งรีบหยิบยก 2 คดีที่เกี่ยวข้องกับ ชัชชาติ ขึ้นมาพิจารณา ทั้งที่กรณีดังกล่าวถูกยื่นให้ป.ป.ช.ไต่สวนตั้งแต่ 5-6 ปีที่ผ่านมาอย่างไรก็ตามเวลาต่อมา (8 ม.ค.62)ประธาน ป.ป.ช. กล่าวว่า ตนไม่ทราบเรื่องว่ามีการเร่งคดี ชัชชาติ ไม่มีแน่ เพราะทุกเรื่องที่จะถูกบรรจุวาระการประชุมกรรมการป.ป.ช.นั้นจะต้องผ่านประธานป.ป.ช.ก่อน นอกจากนี้ ประธาน ป.ป.ช. ยังยืนยันว่าไม่มีและเวลาจะเลือกตั้งเพียงอีกแค่ 2 เดือนเรารอได้ ป.ป.ช.เราไม่อยากเป็นเครื่องมือใครตอนนี้ทำงานซ้ายก็โดนขวาก็โดน โดนทั้งหมด ดังนั้นเราจะต้องยืนหลักของเราให้ได้ | ฟังมุม ป.ป.ช.ข้างน้อยปมนาฬิกาหรูประวิตร ชี้คดียังไล่ต่อไปได้ ประธาน ป.ป.ช.ลั่นเคลียร์คดีการเมืองเสร็จภายในปี 64 จ่อถ่ายรูป-พิมพ์ลายมือผู้ถูกกล่าวหาช่วยตามตัวง่าย ด้าน ชัชชาติ ไม่กังวลถูกสอบ | การเมือง | ป.ป.ช.,ประวิตร วงษ์สุวรรณ,นาฬิกา,สุภา ปิยะจิตติ,วัชรพล ประสารราชกิจ,ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ | https://prachatai.com/journal/2019/01/80585 |
จวกทรัมป์มีส่วนยุยงเหตุฆ่าหมู่-เจ้าตัวแถลงใหญ่ | ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แถลงต่อประชาชนทั้งประเทศ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 5 ส.ค. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 21.00 น. คืนวันเดียวกันตามเวลาไทย หลังเกิดเหตุมือปืนกราดยิง 2 จุดซ้อนในรัฐเท็กซัสและรัฐโอไฮโอห่างกันเพียง 13 ชั่วโมง มีผู้เสียชีวิตรวม 29 ศพ บาดเจ็บกว่า 50 คน,หลังเกิดเหตุ ทรัมป์แถลงว่า ความเกลียดชังไม่มีที่ยืนในสหรัฐฯ ต้องทำอะไรมากกว่านี้เพื่อหยุดยั้งการสังหารหมู่ซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่องมาหลายต่อหลายปี เขายังโยงเหตุโจมตี 2 ครั้งนี้ว่าเกิดจากปัญหาเจ็บป่วยทางจิต ชี้ว่ามือปืนทั้ง 2 คนป่วยทางจิตรุนแรง แม้เจ้าหน้าที่สอบสวนยังไม่ชี้ว่ามือปืนเป็นผู้เจ็บป่วยทางจิตหรือไม่,ทั้งนี้ นายแพทริค ครูเซียส ชายผิวขาววัย 21 ปี ชาวเมืองอัลเลน ใช้ปืนไรเฟิลจู่โจมกราดยิงผู้คนในร้าน วอลมาร์ท เมืองเอล ปาโซ รัฐเท็กซัส เมื่อบ่ายวันที่ 3 ส.ค. มีผู้เสียชีวิต 20 คน บาดเจ็บ 26 คน ก่อนมือปืนยอมมอบตัวกับตำรวจโดยไม่มีการยิงปะทะกัน นับเป็นเหตุกราดยิงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากอันดับ 8 ในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของสหรัฐฯ โดยผู้เสียชีวิตมีชาวเม็กซิกัน 7 คน และมีสตรีวัย 42 ปีคนหนึ่งที่ใช้ร่างปกป้องลูกชายวัย 2 เดือนด้วย,ก่อนก่อเหตุ 20 นาที เชื่อว่าครูเซียสโพสต์แถลงการณ์ 4 หน้าลงกระดานข่าวออนไลน์ 8chan ของกลุ่มผิวขาวขวาสุดโต่ง ระบุว่าการโจมตีเป็นการตอบโต้ที่พวกละตินอเมริกา (ฮิสแปนิก) บุกรุกรัฐเท็กซัส เขายังแสดงความสนับสนุนมือปืนที่สังหารหมู่ 51 ศพในเมืองไครสต์เชิร์ชในนิวซีแลนด์เมื่อเดือน มี.ค.ด้วย ทั้งนี้ เมืองเอล ปาโซ มีประชากรราว 680,000 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวฮิสแปนิก,จากนั้นราว 13 ชม. นายคอนเนอร์ เบตส์ ชายผิวขาววัย 24 ปี ก็ใช้ปืนไรเฟิลจู่โจมขนาด 223 มม. ที่มีแมกกาซีนบรรจุกระสุนถึง 100 นัด กราดยิงที่ไนท์คลับ เนด เพพเพอร์ส เมืองเดย์ตัน รัฐโอไฮโอ มีผู้เสียชีวิต 9 ศพ บาดเจ็บ 27 คน โดยมือปืนถูกตำรวจยิงตายคาที่ในไม่กี่วินาที ผู้เสียชีวิตรวมทั้งเมแกน เบตส์ วัย 22 ปี น้องสาวของมือปืนซึ่งนั่งรถไปกับพี่ชายและแฟนหนุ่ม ในผู้เสียชีวิตมีคนผิวดำถึง 6 คน แต่ตำรวจยังไม่ระบุแรงจูงใจของคนร้าย,เจ้าหน้าที่สหรัฐฯชี้ว่า การสังหารหมู่ 2 ครั้งนี้เป็นฝีมือ ผู้ก่อการร้ายภายในประเทศ ขณะที่มีกระแสเรียกร้องให้ปฏิรูปกฎหมายควบคุมอาวุธปืนอีกครั้ง ส่วนเหล่าแกนนำพรรคเดโมแครตกล่าวหาว่าทรัมป์เป็นส่วนหนึ่งของปัญหา เพราะเขามักพูดต่อต้านผู้อพยพและต่อต้านการควบคุมอาวุธปืน. | ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แถลงต่อประชาชนทั้งประเทศ หลังเกิดเหตุกราดยิง 2 เหตุในวันเดียวว่า ความเกลียดชังไม่มีที่ยืนในสหรัฐฯ | ข่าว,ต่างประเทศ | โดนัลด์ ทรัมป์,กราดยิง,ความเกลียดชัง,คลั่งผิวขาว,ก่อการร้าย | https://www.thairath.co.th/news/foreign/1631110 |
ปล่อยใจไปกับธรรมชาติหลากสีสันผ่านเทศกาล 2018 Taichung World Flora Exposition ที่ไต้หวัน [Advertorial] | อนุสรณ์สถานเจียงไคเชก ตึกไทเป 101 สวนสนุกเหมยลีหวา ทะเลสาบสุริยันจันทรา. พิพิธภัณฑ์กู้กง ตลาดซื่อหลิน วัดหลงซาน ย่านวัยรุ่นซีเหมินติง ฯลฯ สารพัดสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่มักจะเดินทางไปสัมผัสที่ไต้หวันแต่นอกเหนือจากสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเหล่านี้ รู้หรือไม่ว่า ไต้หวัน ก็มี เทศกาล สนุกๆ ซึ่งครบครันทั้งด้านศิลปวัฒนธรรมและธรรมชาติที่น่าสนใจเพียบ THE STANDARD ขอเอาใจคนรักธรรมชาติ โดยการพาไปชม เทศกาลดอกไม้ นานาพรรณที่ผลัดกันบานสะพรั่งในแต่ละฤดูของไต้หวันที่เราขอบอกเลยว่า ไม่ควรพลาดเริ่มจากในเมืองยอดนิยมอย่าง ไทเป ที่จะมีเทศกาลมากมาย เช่นGuandu Flower FestivalPhoto: www.travel.taipei/enนอกจากนี้ยังมีเทศกาลดอกไม้อื่นๆ เช่น เทศกาลดอกบัว ที่จัดขึ้น ณ เมืองไถหนาน ช่วงเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคมของทุกปี หรือจะเป็นเทศกาลดอก Daylily ณ เขาลิ่วสือสือซาน ณ เมืองฮวาเหลียนแต่สำหรับใครที่ชื่นชอบการชมดอก ซากุระ เป็นพิเศษ ไต้หวันก็มีจุดชมดอกซากุระมากมาย ดังนี้ดอกซากุระบริเวณ Alishan National Scenic AreaPhoto:www.taiwannews.com.tw/en/news/3372820และอีกหนึ่งงานสำคัญประจำปีที่พลาดไม่ได้อย่าง 2018 Taichung World Flora Exposition ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ (จัดขึ้นระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2018 ถึงเมษายน 2019)งาน 2018 Taichung World Flora Exposition จัดขึ้นที่เมืองไถจง ซึ่งเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของไต้หวัน ด้วยพื้นที่กว่า 2214.90 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็น 3 เท่าของสิงคโปร์และ 2 เท่าของฮ่องกงโซน Houli Horse Ranch & Forest Park Areaภายในงาน 2018 Taichung World Flora Exposition แบ่งออกเป็น 3 โซนคือ Houli Horse Ranch & Forest Park Area (ขนาดพื้นที่ 30.04 เฮกตาร์ หรือประมาณ 187.75 ไร่) ซึ่งผู้เข้าชมจะได้สัมผัสกับศิลปะที่เกิดจากการร่วมกันสร้างระหว่างธรรมชาติและมนุษย์ ตลอดจนเข้าใจถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ระบบนิเวศ โซน Fengyuan Huludun Parkบรรยากาศจำลองของโซน Fengyuan Huludun ParkFengyuan Huludun Park (ขนาดพื้นที่ 16.52 เฮกตาร์ หรือประมาณ 103.25 ไร่) ภูมิทัศน์ของสวน Fengyuan Huludun ถูกสร้างขึ้นโดยใช้พื้นที่ของสวนสาธารณะ Huludun ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงลักษณะของวัฒนธรรมที่เป็นมิตรกับน้ำและสิ่งแวดล้อม รวมถึงสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมของคนในท้องถิ่นบรรยากาศจำลองของโซน Waipu Park AreaWaipu Park Area (ขนาดพื้นที่ 14.32 เฮกตาร์ หรือประมาณ 89.5 ไร่) โดยพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการนี้จะประกอบไปด้วยเทคโนโลยีการเกษตร 4.0 ที่จะนำไปประยุกต์ใช้กับการพัฒนาการเกษตรแบบสมาร์ท ตอบสนองเป้าหมายของงาน Taichung Flora Expo เพื่อพัฒนาการเกษตรที่มีคุณภาพ โดยเน้นในเรื่องของอาหารที่มีส่วนผสมปลอดสารพิษภายใต้คอนเซปต์ Slow Food และ Slow Livingและนอกจากเทศกาลที่น่าสนใจข้างต้นแล้ว ไต้หวันก็มีเทศกาลดอกไม้ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีอีกหลายเทศกาล เช่น Daylily Blossom Lotus Country Calla Lily Festival Ta Shee Blooming Oasis ฯลฯติดตามข้อมูลของเทศกาล 2018 Taichung World Flora Exposition เพิ่มเติมได้ที่ 2018floraexpo.tw/En/อ้างอิง:Dong-Feng Bikeway Green Corridor และ Hou-Feng BikewayGaomei WetlandsRainbow Village | นักท่องเที่ยวสายชมธรรมชาติไม่ควรพลาดกับ เทศกาลดอกไม้ นานาพรรณที่ผลัดกันบานสะพรั่งในแต่ละฤดูของไต้หวัน สะดวกเทศกาลไหน ไปเทศกาลนั้น Guandu Flower Festival Yangmingshan Flower Festival Daylily Blossom Lotus Country แต่ต้องไม่พลาดเทศกาลสำคัญประจำปีอย่าง 2018 Taichung World Flora Exposition ที่จัดขึ้นในเมืองไถจง ซึ่งเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของไต้หวันและหากบอกว่า ชานมไข่มุก เป็นเครื่องดื่มที่ห้ามพลาดเมื่อมาไต้หวันแล้วล่ะก็ การมาไถจงก็เช่นกัน เพราะไถจงถือเป็นเมืองต้นกำเนิดของชานมไข่มุกแบบออริจินัล | null | null | https://thestandard.co/2018-taichung-world-flora-exposition/ |
พระราชทานพระราชดำรัส กับลายพระราชหัตถ์ | จัดทำพิธีรับวันนี้ที่ทำเนียบ วิษณุ ปัด-ถวายสัตย์ฯรอบ2 กกต.รับรองปชช.สิ้นสภาพ,ครม.มีหนังสือเวียนเตรียมรับพระราชดำรัส พร้อมลายพระราชหัตถ์ เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ฯ วิษณุ ยืนยันไม่ใช่การถวายสัตย์ฯรอบสอง อาจารย์ มร.โยนไฟใส่เลขาฯ ครม. ต้องรับผิดชอบแทนนายกฯ รอลุ้นผู้ตรวจการฯนัดถกคำร้อง เสรีพิศุทธ์-ศรีสุวรรณ จะออกหัวออกก้อย วิษณุ ยอมรับโจทย์ยาก ไพบูลย์ ขอยุบพรรค ปชช.วิ่งซบตัก พปชร. ให้รอ กกต.-ศาลรธน.ชี้ขาด อดีต กรธ.ซัดอยู่ดีๆก็เผาบ้านตัวเอง ตอกหน้าจะทำตามอำเภอใจไม่ได้ เทพไท จวกยับย้อนยุค วงจรอุบาทว์ ระบอบทักษิณ แต่ กกต.ไฟเขียวโร่ให้ ปชช.สิ้นสภาพ ช่อ รีบโต้กระแสข่าวยุบ อนค. เหน็บ พท.มุ่งหน้าทำงานดีกว่า ปิยบุตร ลั่นเนื้องานที่ดีคือเกราะป้องกันถูกยุบ ตู่ จตุพร หาช่องบรรเทาชดใช้คดีเผาปี 53,ประเด็นร้อนการเมืองที่ต้องจับตา เมื่อผู้ตรวจการแผ่นดินนัดประชุมวันที่ 27 ส.ค.นี้ เพื่อพิจารณาคำร้องของบุคคล และคณะบุคคลที่ขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีการถวายสัตย์ปฏิญาณตนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ไม่เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด,ครม.เตรียมรับพระราชดำรัส,เมื่อวันที่ 26 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ได้มีหนังสือเวียนไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยในหนังสือแจ้งลำดับพิธีพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระราชดำรัส พร้อมลายพระราชหัตถ์ ในโอกาสที่คณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2562 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน วันที่ 27 สิงหาคม 2562 เวลา 09.00 น. ณ ตึกบัญชาการ 1 ที่ห้องรับรองชั้น 5 โดยมีลำดับพิธีฯ ดังนี้ เวลา 08.00 น. เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานพร้อม เวลา 08.45 น. เรียนเชิญคณะรัฐมนตรีเข้าประจำจุดยืน ณ ห้องรับรองชั้น 5 ตึกบัญชาการ 1 เวลา 09.00 น. นายกรัฐมนตรีเดินทางถึงห้องรับรองชั้น 5 เรียนเชิญนายกฯเข้าประจำจุดยืนหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว จากนั้นเลขาธิการคณะรัฐมนตรีกล่าวรายงาน นายกฯเปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เจ้าหน้าที่สำนักเลขาธิการ ครม.เชิญพระราชดำรัสวางบนพานหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ จากนั้นนายกฯ เข้ารับพระราชดำรัสและกลับมายืน ณ จุดเดิม ครม.เข้ารับพระราชดำรัสตามลำดับ และถวายความเคารพพร้อมกัน ก่อนจะเสร็จพิธี,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในหนังสือดังกล่าวได้แจ้งถึงการแต่งกายของนายกฯ และ ครม. โดยให้ใส่เสื้อผ้าไทยแขนยาว ประดับเข็มที่ระลึก ม.ว.ก. พระราชทานในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 28 กรกฎาคม 2555 และประดับเข็มตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ.2562 ทั้งนี้ หลังจากได้ส่งหนังสือแจ้งคณะรัฐมนตรีให้ทราบถึงลำดับพิธีฯ ปรากฏว่าในช่วงเย็นทางรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้ขึ้นไปตรวจดูความเรียบร้อยของสถานที่ที่จะใช้ในพิธีในห้องรับรองชั้น 5 ตึกบัญชาการ 1,บิ๊กตู่ ปิดปากสนิทไม่ตอบสื่อ,เมื่อเวลา 14.20 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ปฏิเสธที่จะตอบคำถามกรณีฝ่ายค้านขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติกรณีการกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ตรงตามรัฐธรรมนูญ พร้อมเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าไปทันที ไม่หันมามองสื่อมวลชน,วิษณุ ตีมึนยังไม่เห็นตัวญัตติ,นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ญัตติที่พรรคฝ่ายค้านยื่นขอเปิดอภิปรายโดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ปกติกระทู้หรือญัตติจะมีเจ้าหน้าที่ประสานมาเพื่อเสนอ ครม. แต่ขณะนี้ยังไม่เห็น ไม่รู้ว่าจะเตรียมการอย่างไร ขอดูกระทู้หรือญัตติก่อน คงต้องพูดคุยกันในวันพรุ่งนี้ เมื่อถามว่า หากพูดคุยกันแล้วจะมีความเห็นเลยหรือไม่ว่าใครจะเป็นผู้ชี้แจงในประเด็นนี้ นายวิษณุตอบว่า ควรต้องเป็นเช่นนั้น จะได้มีการกำหนดเวลาให้วิปรัฐบาลด้วย กรณีนี้หมายถึงถ้าเสนอเป็นญัตติ แต่หากเป็นกระทู้ก็ต้องแจ้งมาด้วยว่าถามใคร จะให้ใครเป็นผู้ตอบ เพราะอาจมีการมอบหมายกันก็ได้ ส่วนนายกฯจะเป็นผู้ตอบเองหรือไม่นั้น ขอให้เห็นรายละเอียดก่อน ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าเขาถามอย่างไร,ปัดถวายสัตย์ปฏิญาณรอบสอง,ช่วงค่ำ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงกรณี ครม.เตรียมรับพระราชดำรัส ว่า เป็นการรับพระราชทานพระราชดำรัสเป็นอันเดิมของวันที่ 16 ก.ค. แต่เป็นฉบับที่ส่งมาอย่างเป็นทางการ เพิ่งพระราชทานมา ส่วนลายพระราชหัตถ์ เวลามอบ ครม.จะเอาออก แต่ตัวจริงมี เมื่อถามว่าจะมีผลต่อสภาฯหรือไม่ นายวิษณุกล่าวตัดบทสั้นๆว่า ไม่ทราบ ไม่ตอบ เมื่อถามย้ำว่ามีการเข้าใจว่าเป็นการถวายสัตย์ปฏิญาณรอบใหม่ นายวิษณุตอบว่า ไม่ใช่,อาจารย์ มร.โยนไฟใส่เลขา ครม.,ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายวิวัฒน์ชัย กุลมาตย์ อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยรามคำแหง พร้อมกลุ่มนักวิชาการ นักกฎหมาย รวม 6 ราย ยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเลขาธิการคณะรัฐมนตรี กรณีทำให้เกิดความผิดพลาดในการถวายสัตย์ปฏิญาณของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นายวิวัฒน์ชัยกล่าวว่า เท่าที่ติดตามการถวายสัตย์ฯของ พล.อ.ประยุทธ์ น่าจะดูที่เจตนา ทราบกันดีว่า พล.อ.ประยุทธ์มีความจงรักภักดี สิ่งนี้จึงเป็นความผิดเล็กน้อย ไม่ใหญ่โตและน่าจะให้อภัยกันได้ ไม่ใช่ความผิดนายกฯ แต่เป็นความผิดของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ผ่านมาได้จัดพิธีในลักษณะนี้มาเป็นสิบครั้ง ครั้งนี้อาจเผลอเรอหลงลืม หากพบว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีผิด ต้องลงโทษทางวินัยตามระเบียบ เพื่อพิสูจน์ว่านายกฯไม่ผิด ไม่ใช่ปล่อยให้นายกฯต้องมารับผิดชอบปัญหานี้,ด้านนายกมลธรรม วาสบุญมา รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า เป็นไปได้ที่ จะนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดินในวันที่ 27 ส.ค. ที่จะพิจารณาเรื่องถวายสัตย์ฯไม่ครบ อยู่แล้ว โดยที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดินจะมีการประชุมพิจารณาในเวลา 09.30 น. และจะแถลงผลการประชุมในเวลา 11.00 น.,ผู้ตรวจการฯถก บิ๊กตู่ ถวายสัตย์ฯ,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 27 ส.ค. ผู้ตรวจการ แผ่นดินจะมีการประชุมเพื่อพิจารณาคำร้องของนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย นายอัยย์ เพชรทอง เลขาธิการองค์กรปกป้องพระพุทธศาสนาเพื่อสันติภาพ และนายภาณุพงศ์ ชูรักษ์ นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง ขอให้พิจารณาส่งศาลรัฐธรรมนูญ หรือศาลปกครอง วินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นำคณะรัฐมนตรีกล่าวคำถวายสัตย์ฯไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ รวมถึงกรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ส.ส.บัญชี,รายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ยื่นคำร้อง,ขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาและมีความเห็นเสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการประชุมสภาผู้แทนราษฎร และประชุมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. มีการรวบรัดขั้นตอน เป็นการกระทำที่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญมาตรา 159 วรรคสองหรือไม่ โดยจะมีการประชุมในเวลา 09.30 น. และจะแถลงผลการประชุมในเวลา 11.30 น.,ศาล รธน.นัดชี้ชะตา รมต.ถือหุ้น,นอกจากนี้ ในเวลา 14.00 น. วันที่ 27 ส.ค. ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคำร้องที่ กกต. ขอให้พิจารณาวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม และนายธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ ในขณะนั้น ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปัจจุบันเป็น ส.ว. นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีต รมว.วิทยาศาสตร์ ปัจจุบันเป็น รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) หรือไม่ เนื่องจากถือครองหุ้นสัมปทานรัฐ,วิษณุ มึน ไพบูลย์ ขอยุบพรรค,วันเดียวกันที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป (ปชช.) ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอยุบพรรคตัวเองเพื่อย้ายไปร่วมพรรคพลังประชารัฐ ว่า ยังงงกับเรื่องนี้อยู่ ต้องให้ กกต.เป็นผู้พิจารณา รัฐธรรมนูญบัญญัติเรื่องนี้ไว้ 3 กรณี คือ 1. ส.ส.ลาออก ทำให้ขาดการเป็นสมาชิกพรรค 2.พรรคขับออกจากการเป็นสมาชิกต้องไปหาพรรคใหม่ภายในเวลาที่กำหนด และ 3.มีคำสั่งยุบพรรค ต้องไปหาพรรคใหม่ภายใน 60 วัน แต่กรณีของนายไพบูลย์ไม่เกี่ยวกับ 3 ข้อที่ยกมา จึงไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร โดยหลักแล้วเมื่อพรรคถูกยุบ จะอยู่บนพื้นฐานที่ว่า ส.ส.ทุกคนต้องมีพรรคสังกัด ส.ส.ที่ไม่ได้กระทำความผิดจะต้องดำเนินการอย่างไร เพราะบางครั้ง ส.ส. กระทำความผิดแล้วถูกพรรคไล่ออก ก็ยังไม่ขาดจากการเป็น ส.ส. แต่กรณีนี้นายไพบูลย์ยื่นยุบพรรคเอง ก็ต้องคุ้มครองคนที่ไม่ได้กระทำความผิดด้วย เป็นเรื่องที่ กกต.ต้องพิจารณา และที่สุดแล้วศาลรัฐธรรมนูญต้องพิจารณาอยู่ดี,ให้รอ กกต.-ศาล รธน.วินิจฉัย,เมื่อถามว่า ไม่ว่า กกต.หรือศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอย่างไร จะถือเป็นบรรทัดฐานต่อไปในอนาคตใช่หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า แน่นอน เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่พรรคเล็กอื่นอาจเอาอย่างนายไพบูลย์ นายวิษณุตอบว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 99 ระบุห้ามควบรวมพรรค หมายถึงการยุบพรรคหนึ่งไปรวมกับอีกพรรคหนึ่ง แต่กรณีของนายไพบูลย์ระบุว่าไม่ได้ควบรวม แต่ยุบทิ้งให้หายไปเฉยๆ เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยวิเคราะห์หากนายไพบูลย์ยุบพรรคได้ คะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อจะถูกเฉลี่ยนับใหม่ให้พรรคอื่น หากพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบจะทำให้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 50 คนหายไปทันที นายวิษณุตอบว่า ไม่ทราบตอบไม่ถูก ถือเป็นโจทย์ยาก เป็นอำนาจหน้าที่ของผู้ที่รับผิดชอบ คนที่จะไขโจทย์นี้คือ กกต.และศาลรัฐธรรมนูญ พรรคพลังประชารัฐไม่เคยหารือกับตน,กรธ.ซัดอยู่ดีๆเผาบ้านตัวเอง,นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ อดีตกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า รัฐธรรมนูญกำหนดให้ ส.ส.ย้ายพรรคได้ต่อเมื่อถูกขับออกจากพรรค เนื่องจากมีจุดยืนไม่เหมือนกับพรรค โดย ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคลงมติโดยใช้เสียง 2 ใน 3 ขับออกจากพรรค จากนั้นต้องไปหาพรรคใหม่สังกัดภายใน 30 วัน ถ้าหาพรรคใหม่สังกัดไม่ได้ต้องพ้นจากการเป็น ส.ส. รัฐธรรมนูญกำหนดไว้แค่นี้ กรณีของนายไพบูลย์ อยู่ๆจะมายุบตัวเองแล้วเป็น ส.ส.ต่อ ไม่น่าจะใช่ เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้ ส.ส. ต้องสังกัดพรรค แต่อยู่ดีๆมีบ้านอยู่แล้วมาเผาบ้านตัวเอง แล้วคุณจะกลายเป็นอะไร มันไม่ใช่ หากนายไพบูลย์จะยุบพรรค ต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคเพื่อขอมติยุบพรรค แต่อยู่ๆจะมาทำตามอำเภอใจไม่ได้ หากกรรมการบริหารพรรคมีมติยุบพรรคจริง นายไพบูลย์ต้องไปหาพรรคอื่นสังกัดตามกฎเกณฑ์ของรัฐธรรมนูญ,เทพไท จวกยับย้อนยุค ทักษิณ,นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รู้สึกแปลกใจมากเพราะพรรคประชาชนปฏิรูปเพิ่งจัดตั้งใหม่ไม่กี่เดือน หากนายไพบูลย์อยากไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐก็น่าจะไปตั้งแต่ต้น ไม่ควรมาตั้งพรรคประชาชนปฏิรูปด้วยซ้ำ กรณีนี้ในทางพฤตินัยคือการยุบรวมกับพรรคการเมืองอื่น ถือว่าขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 99 ที่มีเจตนารมณ์ไม่ต้องการให้มีการควบรวมพรรคการเมือง ในอดีตเคยมีการใช้วิธีควบรวมหรือเทกโอเวอร์เหมือนกับการทำธุรกิจ ของพรรค เพื่อไทย กับพรรคความหวังใหม่ และพรรคเสรีธรรม เพื่อให้ได้เสียงเกินครึ่งของสภาฯ จัดตั้งรัฐบาลได้เบ็ดเสร็จ หลีกเลี่ยงการตรวจสอบของฝ่ายค้าน จนเกิดปรากฏการณ์เผด็จการรัฐสภาเสียงมากลากไป หากกรณีของนายไพบูลย์สามารถทำได้โดยไม่ผิดกฎหมาย จะก่อให้เกิดลัทธิเอาอย่าง อาจทำให้อีกหลายพรรคใช้วิธีการดังกล่าวด้วย ถือว่าถอยหลังเข้าคลองเป็นวงจรอุบาทว์ ไม่ต่างอะไรกับการเมืองยุคระบอบทักษิณในอดีต จึงอยากขอความชัดเจนจาก กกต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้รีบวินิจฉัย จะได้เป็นบรรทัดฐานทางการเมืองต่อไป,กกต.ไฟเขียว ปชช.สิ้นสภาพ,ต่อมาช่วงเย็น สำนักงาน กกต.ได้ออกเอกสารข่าวชี้แจงหลังการประชุม กกต. ระบุว่า ตามที่หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป (ปชช.) มีหนังสือแจ้งต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองว่า พรรคประชาชนปฏิรูปขอเลิกพรรคการเมือง ตามข้อบังคับพรรคประชาชน–ปฏิรูป ซึ่งนายทะเบียนพรรคการเมืองได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว มีความเห็นว่ามีกรณีที่เป็นเหตุให้พรรคประชาชนปฏิรูปสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมืองตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 91 (7) จึงเสนอที่ประชุม กกต.พิจารณา เมื่อ กกต.ได้พิจารณากรณีดังกล่าวแล้ว เห็นว่าพรรคประชาชนปฏิรูปมีเหตุสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมืองตามความเห็นของนายทะเบียนพรรคการเมือง จึงเห็นควรประกาศการสิ้นสภาพของพรรคประชาชนปฏิรูปในราชกิจจานุเบกษาต่อไป,อนค.รีบโต้กระแสข่าวยุบพรรค,ที่พรรคอนาคตใหม่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ แถลงข่าวกรณีมีกระแสข่าวพรรคอนาคตใหม่อาจถูกยุบ ว่า แม้เราจะชินแล้วกับกระแสข่าวนี้เพราะมีมาต่อเนื่อง ทุกคดีที่มีต่อพรรคอนาคตใหม่ไม่มีคดีไหนที่เรารู้สึกไม่มั่นใจ หรือมีมูลฐานทางกฎหมายเพียงพอจะเอาผิดแกนนำพรรค หรือพรรคได้เลย แต่นั่นเป็นเพียงมูลเหตุทางกฎหมาย แต่ถ้ามีการใช้กระบวนการนอกเหนือจากพื้นฐานทางกฎหมาย ก็อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา ขณะนี้มีคดีเดียวที่เข้าข่ายมากที่สุดคือคดีอิลลูมินาติ เรายังคงยืนยันว่าไม่เคยมีการกระทำใดของพรรคเข้าข่ายล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งว่ามีพฤติกรรมที่เข้าข่ายจริง ก็ไม่มีอำนาจสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ได้ สามารถสั่งให้เพียงหยุดพฤติกรรมที่เข้าข่ายเท่านั้น ฉะนั้นประเด็นการยุบพรรคจึงเป็นเพียงการลือไปโดยไม่ได้ดูพื้นฐานทางกฎหมาย,สวน พท.มุ่งหน้าทำงานดีกว่า,น.ส.พรรณิการ์กล่าวอีกว่า ที่มีการนำไปเปรียบเทียบกับกรณีของนายไพบูลย์นั้น กรณีของนายไพบูลย์เป็นการยุบพรรคตัวเอง แต่ของพรรคอนาคตใหม่หากจะมีก็เป็นการสั่งยุบโดยศาลรัฐธรรมนูญ กฎหมายระบุไว้อยู่แล้วว่ามีเวลา 60 วัน ให้ ส.ส.ทั้งแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อหาพรรคใหม่สังกัด หากเกินระยะเวลาดังกล่าวถือว่าสิ้นสภาพความ เป็น ส.ส. ขอย้ำตรงนี้ต่อพี่น้องประชาชน และสื่อมวลชน ไม่ต้องมีใครมาตั้งข้อสังเกตในเรื่องนี้ นี่คือความรับผิดชอบที่พรรคอนาคตใหม่โดยกรรมการบริหารพรรค ต้องจัดการให้ ส.ส.บัญชีรายชื่อของเรามีพรรคสังกัด โดยไม่สูญเสียสถานะ แทนที่พรรคเพื่อไทยจะเป็นห่วงว่าเพื่อนบ้านหรือตัวเองจะถูกปล้น ตอนนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านมีงานเต็มมือ ควรช่วยกันตรวจสอบพฤติกรรมต่างๆของ ครม. และช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนดีกว่า,ลั่นเนื้องานคือเกราะป้องกัน,ขณะที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า มี ส.ส.จากพรรคอื่นมาพูดกับ ส.ส.ของพรรคเราว่าถูกยุบแน่ พรรคเพื่อไทยก็วิเคราะห์ว่าหากพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ จะถูกวิธีพิสดารตัด ส.ส.บัญชีรายชื่อออก ตอนนี้พรรคอนาคตใหม่มีคดีอิลลูมินาติเพียงคดีเดียวที่ถูกร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ และไม่มีบท บัญญัติให้ยุบพรรคด้วย แต่ยังเชื่อมั่นว่าพรรคอนาคต–ใหม่จะไม่ถูกยุบ ตนพูดเสมอว่าในทางกฎหมายสู้เต็มที่ แต่ปากกาไม่ได้อยู่ที่เรา เราไม่ใช่คนตัดสิน วิธีป้องกันการยุบพรรคที่ดีที่สุดคือการทำงานอย่างสร้างสรรค์ทุกวัน เพื่อให้สังคมเห็นว่าต้องมีพรรคแบบนี้ แม้คนที่ไม่ชอบเราก็ยังอยากให้มีพรรคนี้ต่อไป,นายกฯมอบรางวัลผู้ส่งออกดีเด่น,ช่วงบ่ายที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวระหว่างเป็นประธานในพิธีมอบรางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น ปี 2562 Prime Ministers Export Award (PM Export Award 2019) ว่า ขอแสดงความยินดีกับทุกคนที่ได้รับรางวัลที่น่าภาคภูมิใจ หวังว่าทุกท่านจะรักษามาตรฐานการดำเนินธุรกิจ และภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ สมกับที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ ที่เป็นเครื่องยืนยันคุณภาพการประกอบธุรกิจของทุกท่าน วันนี้เราเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ยืนยันว่าทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ให้ได้รับความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจ ขณะนี้ประเทศไทยเจอปัญหาหลายอย่าง มีหลายคนพูดให้เกิดความสับสนอลหม่าน รัฐบาลทราบดีว่าปัญหาอยู่ตรงไหน และจะแก้ไขได้อย่างไร How to do ดีใจที่ได้เจอกับผู้ประกอบการ ได้สอบถามว่ายังมีกำไรอยู่หรือไม่ และได้รับคำตอบว่ายังมีกำไร ขณะที่การส่งออกก็ดีขึ้น,บิ๊กตู่ บ่นอุบพวกพูดไม่รู้ฟัง,จากนั้นเวลา 16.30 น. ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวปิดงาน SD Symposium 10 Years Circular Economy : Collaboration for Action ว่า ยืนยันวันนี้รัฐบาลมีเสถียรภาพเต็มที่ ขอให้เชื่อมั่น เราต้องทำงานเป็นทีม ที่บอกว่าตนไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจแล้วไปนั่งเป็นประธานคณะกรรมการเศรษฐกิจไม่ได้นั้น อยากบอกว่าเรามีคนที่รู้เรื่องนั่งอยู่เต็มห้อง ถามข้อมูลแล้วนำมาสรุปเป็นมติ เป็นคนรับฟังคนแต่ไม่ฟังเรื่องไร้สาระ พูดแต่เรื่องเดิม ไม่มีรัฐบาลไหนเนรมิตได้โดยเร็วแบบที่ต้องการทั้งหมด วันนี้พยายามทำทุกอย่างให้ทุกคนเชื่อมั่น ให้คนไว้ใจอยากย้ายฐานการผลิตมาประเทศไทย เขาบอกประเทศไทยมีดีอยู่ 3 อย่าง คือ ธรรมชาติสวยงาม อาหารอร่อยราคาถูก และมีรอยยิ้ม ยิ้มสยามยิ้มเข้าไว้ ผมก็ยิ้มเยอะขึ้น เขาบอกผมยิ้มแล้ว น่ารักขึ้นมาหน่อย ดีกว่าทำหน้าดุดัน,ยิ้มกริ่มให้สื่ออดใจเดี๋ยวไม่ตื่นเต้น,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวติดตลกว่า วันนี้ผมกำลังซ้อมในสภาอยู่ ว่าจะเข้าไปซักทีคิดถึงผมกันเหลือเกิน เมื่อถามถึงกำหนดการนำ ครม.รับพระราชทานพระราชดำรัส และลายพระราชหัตถ์ พล.อ.ประยุทธ์ตอบเพียงสั้นๆอารมณ์ดีว่า เป็นเรื่องของ ครม. เป็นไปตามกำหนดการ ให้รอวันพรุ่งนี้ เดี๋ยวพูดวันนี้จะไม่ตื่นเต้น,พิชัย ท้าเหยงออกทีวีดวลกึ๋น,ด้านนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า สถานการณ์สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน และสถานการณ์ในฮ่องกง อาจเป็นจุดเริ่มต้นความถดถอยของเศรษฐกิจโลก ซึ่ง Inverted Yield Curve เป็นสัญญาณอันตรายที่แสดงว่าโลกอาจเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ ประเทศไทยต้องเตรียมความพร้อม และหาบุคลากรที่รู้เรื่องเศรษฐกิจจริงเข้ามาบริหาร พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันตลอดว่ารู้เรื่องเศรษฐกิจดี หากมั่นใจว่ารู้เรื่องเศรษฐกิจดี ตนจะขอสัมภาษณ์ พล.อ.ประยุทธ์ออกอากาศช่องไหนก็ได้ และจะส่งคำถามให้ก่อนด้วยเพื่อเตรียมตัว อยากถามว่า 5 ปีที่ผ่านมาทำไมการลงทุนไทยถึงหดหาย เศรษฐกิจขยายตัวเพียงร้อยละ 2.3 เท่านั้น ทั้งๆที่เศรษฐกิจโลกยังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย หากเกิดเศรษฐกิจโลกถดถอยจริง เศรษฐกิจไทยจะยิ่งย่ำแย่ขนาดไหน ไม่อยากจะนึกเลย,ฉะ อุตตม โม้เกินจริงปั้นตัวเลข,นายพิชัยกล่าวอีกว่า ที่ยิ่งน่ากังวลคือ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง คนที่คิดว่าน่าจะพอรู้เรื่องเศรษฐกิจบ้าง กลับกล้าโม้ว่ามาตรการกระตุ้นของรัฐบาลจะทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายได้ถึงร้อยละ 3.5 ยืนยันว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะครึ่งปีแรกขยายตัวได้เพียงร้อยละ 2.6% ถ้าจะขยายให้ถึง 3.5% ครึ่งปีหลังต้องขยายถึงร้อยละ 4.4 ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ถ้านายอุตตมมั่นใจว่าทำได้อย่างที่พูด ก็ควรรับผิดชอบด้วยตำแหน่ง ถ้ายอมเดิมพันด้วยตำแหน่งประเทศไทยได้เปลี่ยน รมว.คลัง ปลายปีนี้แน่นอน แต่หากทำได้จริงจะไม่วิจารณ์นายอุตตมอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ หรือคดีแบงก์กรุงไทย คนที่ฉลาดและรู้เศรษฐกิจบ้างจะพูดน้อย หรือไม่พูดเลย อย่างนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ หลังโยนเศรษฐกิจแย่ๆให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจรับไปแล้วก็เก็บตัวเงียบ พูดน้อยมาก อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ดูนายสมคิดเป็นตัวอย่าง ถ้าไม่รู้จริงไม่ควรพูด ทำเสียหน้าเปล่าๆ,พท.ซัด พปชร.เบี้ยวแก้ รธน.,อีกเรื่อง นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ระบุไม่มีแนวคิดในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า การที่ฝ่ายค้านเสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเชิญพรรคร่วมรัฐบาลมามีส่วนร่วม เพราะในนโยบายของรัฐบาลข้อ 12 ระบุว่าจะศึกษาแนวทางการแก้รัฐธรรมนูญ หรือการไม่ยอมแก้รัฐธรรมนูญเพราะได้ประโยชน์ ก่อนหน้านี้คนในพรรคพลังประชารัฐพูดมาตลอดว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ออกแบบมาเพื่อพรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทยกำลังให้ฝ่ายกฎหมายรวบรวมและตรวจสอบ หากพบว่านโยบายใดแถลงแล้วไม่ดำเนินการ จะยื่นเรื่องให้ กกต.พิจารณาว่าเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ขัดต่อ กฎหมายหรือไม่ เช่น นโยบายขึ้นค่าแรง การลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา นโยบายมารดาประชารัฐ ประชาชนจะได้เห็นจุดยืนว่าพรรคใดพูดแล้วทำ พรรคใดเพียงสัญญาปากเปล่า,นายกฯต้อนรับไอป้าย้ำไม่ทิ้งกัน,เวลา 09.00 น. ที่โรงแรมแชงกรีลา มีการประชุมสมัชชารัฐสภาอาเซียน (ไอป้า) ครั้งที่ 40 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวต้อนรับคณะผู้แทนรัฐสภาอาเซียนในฐานะประธานอาเซียนว่า กว่า 40 ปี ไอป้าช่วยเติมเต็มการทำงานฝ่ายบริหารผ่านกระบวนการนิติบัญญัติ เสริมสร้างความเข้มแข็งแก่เสาหลักที่ 3 คือ เสาแห่งประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนส่งต่อนโยบายถึงประชาชน ปัจจุบันอาเซียนต้องเผชิญความท้าทายกับปัญหา ทั้งการค้ามนุษย์ อาชญากรรม สิ่งแวดล้อม ไอป้าได้ร่วมมือผลักดันอาเซียนให้ปลอดยาเสพติดมาตลอด รวมถึงสิ่งแวดล้อมและโลกร้อน ไทยในฐานะประธานอาเซียนจะมุ่งมั่นแก้ไขทุกปัญหา มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ผลักกฎหมายให้เป็นสากล พร้อมส่งเสริมขับเคลื่อนประชาคมอาเซียนไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม และสร้างความก้าวหน้าในทุกมิติ,ชวน ปลุกอาเซียนยึดนิติธรรม,นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ในฐานะประธานไอป้า กล่าวเปิดประชุมว่า ที่ผ่านมา 42 ปี ไอป้าเป็นเวทีส่งเสริมความร่วมมือในหมู่สมาชิก การยืนอยู่ใต้ธงผืนเดียวกัน คือบทพิสูจน์ให้เห็นว่าเราแข็งแกร่งขึ้นมาก แต่ต้องระวังการเกิดขึ้นของลัทธิหัวรุนแรง ภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ สภาวะเสื่อมโทรมจากการคอร์รัปชัน โดยมี 4 บทเรียนที่ต้องระวัง คือ 1.การจัดลำดับความสำคัญของปัญหาภายใต้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด 2.การทำงานร่วมกัน 3.การให้ความสำคัญกับประชาชนก่อนสิ่งอื่นใด และ 4.การเคารพหลักนิติธรรมรักษาระเบียบสังคมผ่านกฎหมายเพื่อดูแลประชาชน หากขาดการถ่วงดุลอำนาจ มีสินบนและฉ้อราษฎร์บังหลวงจะกัดกร่อนสังคม และประชาคมที่ไม่รักษาหลักนิติธรรม จะไม่สามารถมีความเท่าเทียมกันได้อย่างแท้จริง,ตู่ หาช่องร้องคดีปลุกม็อบเผาปี 53,อีกเรื่อง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงกรณีศาลฎีกาตัดสินให้ชดใช้ค่าเสียหายคดีวางเพลิงเผาทรัพย์ระหว่างการชุมนุมปี 2553 ประมาณ 19.3 ล้านบาทร่วมกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำ นปช.ว่า พร้อมยอมรับคำตัดสินของศาล หลังจากนี้จะหารือกับศาล และโจทก์ในคดี ดำเนินการชดใช้ค่าเสียหาย รวมถึงจะหาช่องทางกฎหมายเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม เนื่องจากข้อเท็จจริงตนเป็นจำเลยที่ 6 พยานทั้งของโจทก์และจำเลยพูดตรงกันว่า ไม่ได้มีส่วนปลุกเร้าให้ประชาชนก่อเหตุ เพียงแต่บอกให้ไปรวมตัวกันที่ศาลากลางจังหวัด เช่นเดียวกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯที่ตกเป็นจำเลยที่ 11 และที่ตนต้องชดใช้ค่าเสียหายเพราะเป็นประธาน นปช. แต่ข้อเท็จจริงช่วงเกิดเหตุไม่ได้เป็นตนมาเป็นประธาน นปช.ในปี 2557 หลังจากเหตุการณ์ถึง 4 ปี,วิญญัติ จวก ราเมศ พล่ามนอกคดี,นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวว่า ฝากถึงนายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นผู้รับมอบให้ไปฟังคำพิพากษาคดี หากจะมาพูดโดยถือเอาบางส่วนบางตอนในคำพิพากษา ถือว่าเป็นคำพูดของคนนอกคดี เพราะลำพังเพียงถือผลคำพิพากษาศาลฎีกาที่วินิจฉัยข้อเท็จจริง อันเป็นที่มาของเหตุผลแห่งคำวินิจฉัยที่แตกต่างกับเหตุผลแห่งคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์นั้นมองว่ายังเป็นปัญหามาก การจะมาชี้วัดความจริงที่เกิดขึ้นจริงได้เพียงใด เจ้าของอาคารและผู้เช่าอาคารรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น การเผาทรัพย์หลายแห่งเป็นผลมาจากคำสั่งใคร ตนน้อมรับเคารพต่อคำพิพากษาของศาลฎีกา แต่ไม่แน่ใจว่าจะสามารถยึดเป็นข้อยุติสรุปเหตุการณ์ได้หรือไม่ ตนและหลายคนมีข้อโต้แย้งหลายประเด็น ทั้งจากข้อเท็จจริงในทางนำสืบของโจทก์ทั้ง 4 หากเข้าใจเอาว่าการเผาทรัพย์หลังยุติการชุมนุมเกิดจากผู้ชุมนุม นปช. จับใครได้ไหม ทั้งที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมของเจ้าหน้าที่เป็นกองทัพ คนในประเทศรับรู้ว่ามีประชาชนตายร่วมร้อยบาดเจ็บนับพัน คนจะทำไม่รู้ไม่ชี้ ทหารนับหมื่น มีการออกคำสั่งใช้อำนาจพิเศษให้มาควบคุมพื้นที่ใช้กระสุนจริงนั้นความจริงเช่นนี้ไม่มีความหมาย หรือว่านายราเมศแกล้งลืม,สมชัย แนะ ศิริโชค ฟ้อง กกต.,นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. กล่าวถึงกรณีนายศิริโชค โสภา อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้ กกต.ตอบ 3 ข้อสงสัย กรณีวินิจฉัยยกคำร้องผู้สมัครพรรคภูมิใจไทยเขต 7 สงขลา พ้นผิดกรณีจัดเลี้ยงเปิดศูนย์อำนวยการการเลือกตั้งว่า ที่น่าคิดคือ 1.กกต.นับการทำผิดเริ่มจากวันสมัคร แทนที่จะเริ่มนับจากวันที่มีการประกาศ พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้งถือเป็นการวินิจฉัยที่แตกต่างไปจากในอดีต ที่เริ่มนับหนึ่งการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ตั้งแต่วันที่มีการประกาศ พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง 2.กรณีจัดเลี้ยงระหว่างการเปิดศูนย์อำนวยการการเลือกตั้งขณะที่มีการประกาศ พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้งเป็นเรื่องไม่ควรกระทำ จะทำได้เฉพาะทีมงานเท่านั้น ส่วนที่อ้างว่า 20 คนที่ร่วมพิธีเป็นญาติอาจรับฟังได้กรณีกินเลี้ยงที่บ้านแต่ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเป็นญาติจริง และ 3.กรณีที่ระบุไม่ผิดเพราะไม่มีการพูดจูงใจให้ผู้ร่วมพิธีเลือกผู้ที่ถูกร้องนั้น ตามกฎหมายระบุห้ามการจัดเลี้ยง แม้จะไม่พูดจูงใจถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย กกต.ควรชี้แจงนายศิริโชคให้ชัดเจน ทั้งนี้ ตนไม่กังวลว่าจะเป็นบรรทัดฐานของ กกต. เพราะที่ผ่านมา กกต.ไม่มีบรรทัดฐานใดๆขึ้นอยู่กับดุลพินิจแต่ละกรณี หากมีใครคิดว่าได้รับความเสียหายหรือไม่เป็นธรรมจาก กกต.ต้องไปใช้สิทธิทางกฎหมายดำเนินคดีกับ กกต.ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ,บิ๊กป้อม จี้ดีอีเร่งปราบเฟกนิวส์,พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการมอบนโยบายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ว่า ได้เร่งรัดให้กระทรวงดีอีแก้ไขปัญหาข่าวปลอม (Fake News) หรือเฟกนิวส์ ให้เห็นผลเป็นรูปธรรมภายใน 2 เดือน โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยงาน และประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ซึ่งกระทรวงดีอีจะตั้งศูนย์ปราบข่าวปลอม เพื่อบริหารจัดการข่าวปลอม สร้างการรับรู้ กระจายข้อมูลข่าวสารที่เป็นจริงให้ประชาชน เรื่องข่าวปลอมเป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน ผมเจอมากับตัวเองตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมา ฉะนั้นต้องเร่งแก้ไขปัญหาข่าวปลอม และแจ้งเตือนประชาชนได้ทันทีว่าข่าวนี้ข่าวปลอม ไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของข่าวปลอม เพราะข่าวปลอมบางข่าวทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน,นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดีอี กล่าวว่า คาดว่าภายใน 1-2 เดือนนี้จะมีความชัดเจนมากขึ้น และเร็วๆนี้จะดำเนินการเอาคนที่สร้างข่าวปลอมมาลงโทษตามกฎหมาย มิให้เป็นตัวอย่างกับบุคคลอื่นอีกต่อไป ยืนยันว่าการตั้งศูนย์ปราบเฟกนิวส์ ไม่เกี่ยวกับเรื่องซิงเกิลเกตเวย์ และไม่มีนโยบายจะทำ | ครม.มีหนังสือเวียนเตรียมรับพระราชดำรัส พร้อมลายพระราชหัตถ์ เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ฯ วิษณุ ยืนยันไม่ใช่การถวายสัตย์ฯรอบสอง อาจารย์ มร.โยนไฟใส่เลขาฯ ครม. ต้องรับผิดชอบแทนนายกฯ | ข่าว,การเมือง | พระราชดำรัส,ลายพระราชหัตถ์,วิษณุ เครืองาม,ถวายสัตย์ปฏิญาณ,ประยุทธ์ จันทร์โอชา,ทำเนียบรัฐบาล,ข่าวหน้า1 | https://www.thairath.co.th/news/politic/1646625 |
ช่อง 8 เปิดกองถ่ายแล้วพร้อมมาตรการเข้ม | ประเดิมเป็นกองละครแรกของละครช่อง 8 สำหรับเรื่อง ขุมทรัพย์ลำโขง ที่เริ่มกลับมาเปิดกองถ่ายอย่างเป็นทางการหลังจากรัฐบาลคลายล็อกเมื่อสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย โดยก่อนหน้านี้หยุดถ่ายไป 2 เดือน การกลับมาเปิดกองอีกครั้ง ทั้งหมดอยู่ในกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ทีมงานต้องไม่เกิน 50 คน ดังนั้นดารานักแสดงจึงนัดเท่าที่จำเป็น ซึ่งวันนี้ก็มี อาร์ต-พศุตม์ สาว พิงกี้-สาวิกา และ ฟลุค-จิระ>> อ่านเรื่องย่อนิยายทุกเรื่อง คลิกที่นี่ <<ด้านสุขอนามัยก็มีมาตรการรักษาความสะอาดป้องกันการแพร่เชื้อพร้อม ตั้งแต่การตรวจวัดไข้ มีเจลแอลกอฮอล์ สเปรย์แอลกอฮอล์ ส่วนนักแสดงก็มีการเตรียมเฟซชิลด์ให้ใส่ตอนซ้อม ทั้งนี้ ผกก. ธนวัฒน์ แท่งทอง เผยว่า ก่อนเปิดกองเราได้จัดเตรียมแผนไว้พร้อมแล้ว เมื่อทุกคนมาถึงกองจะต้องได้รับการวัดไข้ ฆ่าเชื้อ เช็กอินเข้า-ออก ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข ในส่วนของการถ่ายทำได้มีการปรับ เลือกถ่ายทำฉากที่ไม่สุ่มเสี่ยง ไม่ต้องเข้าใกล้กันมาก เวลาซ้อมก็ใส่เฟซชิลด์ ให้ถอดออกแค่ตอนถ่ายจริง ส่วนทีมงานก็ได้มีการแบ่งเป็นแผนกๆ ให้เข้าเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่เข้ามารุมแออัดกันเหมือนเมื่อก่อน และยังกำหนดเรื่องเวลาทำงานไม่ให้กระทบช่วงเวลาเคอร์ฟิวครับด้าน พิงกี้ กล่าวว่า รู้สึกปลอดภัย เพราะก่อนเข้ากองก็มีการฆ่าเชื้อก่อน รวมทั้งทุกคนที่กองละครใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ซึ่งเชื่อว่านักแสดงและทีมงานทุกคนดูแลตัวเองดีอยู่แล้ว เรื่องเครื่องสำอางนักแสดงทีมช่างหน้าได้มีการทำความสะอาดอุปกรณ์แต่งหน้าตลอด อะไรที่เป็นของใช้ส่วนตัวเรา เราก็จะนำมาเองฟลุค เผยว่า รู้สึกปลอดภัยมาก เพราะที่กองมีมาตรการป้องกันเยอะมาก และทุกคนมีความรับผิดชอบตัวเองและส่วนรวม รักษาระยะห่างไม่มีใครมายืนคุยกัน ช่วงซ้อมนักแสดงทุกคนใส่หน้ากาก ยิ่งทีมงานนี่ไม่ต้องห่วงทุกคนมีระเบียบและความรับผิดชอบต่อตนเองกันมากครับ. | ประเดิมเป็นกองละครแรกของละครช่อง 8 สำหรับเรื่อง ขุมทรัพย์ลำโขง ที่เริ่มกลับมาเปิดกองถ่ายอย่างเป็นทางการหลังจากรัฐบาลคลายล็อกเมื่อสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย | บันเทิง,ข่าวบันเทิง | ขุมทรัพย์ลำโขง,อาร์ต พศุตม์,พิงกี้ สาวิกา,ฟลุค จิระ,ละครช่อง 8,นิยาย,ข่าววันนี้,ละคร | https://www.thairath.co.th/entertain/news/1854981 |
ประวัติศาสตร์ลิขสิทธิ์ (7): ปริศนาเจตนารมณ์ของ กฎหมายลิขสิทธิ์ฉบับแรกของโลก | ตอนที่ 7 จาก ประวัติศาสตร์ลิขสิทธิ์ โดยอธิป จิตตฤกษ์ ย้อนดูจุดกำเนิดของกฎหมายลิขสิทธิ์ฉบับแรกในโลก ที่มีขึ้นเพื่อประโยชน์การเรียนรู้ของสาธารณชนมากกว่าเพื่อรักษาผลประโยชน์พ่อค้าวันที่ 10 เมษายน 1710 เป็นวันที่กฎหมายที่เรียกกันว่า Statue of Anne เริ่มบังคับใช้ในอังกฤษ จนถึงทุกวันนี้คนก็แทบไม่รู้เนื้อหาของมันแล้ว แต่เหล่าผู้นิยมลิขสิทธิ์และนักวิชาการด้านลิขสิทธิ์ก็จะอ้างซ้ำๆ เสมอว่ากฎหมายฉบับนี้คือ กฎหมายลิขสิทธิ์ฉบับแรกของโลก ซึ่งแน่นอนว่าการอ้างแบบนี้ก็เกี่ยวพันกับการพูดถึง เจตนารมณ์ลิขสิทธิ์ ที่ส่งผลมาจนถึงปัจจุบันแน่นอนว่าทำไมสิ่งที่เรียกว่า ลิขสิทธิ์ ถึงอุบัติมายังโลกนี้เป็นครั้งแรก ปัญหาคืออะไรคือเจตนารมณ์จริงๆ ของกฎหมายฉบับนี้?นักวิชาการจำนวนไม่น้อยอ้างว่ากฎหมายฉบับนี้เกิดจากแรงกดดันจากพวกสมาคมผู้ผลิตหนังสือแห่งลอนดอนที่สูญเสียสิทธิในการผูกขาดการพิมพ์หนังสือภายใต้ เสรีภาพสื่อ หลังการจบสิ้นของ Licensing Act ในปี 1695 เสรีภาพสื่อ หมายถึงการพิมพ์นั้นเกิดได้ทั่วราชอาณาจักรโดยไม่ต้องไปขออนุญาตใครทั้งนั้น ไม่ว่าจะนายทะเบียน ทางสมาคมฯ หรือกระทั่งผู้เขียนข้อเท็จจริงคือพวกกลุ่มพ่อค้าหนังสือโวยวายมาตั้งแต่ Licensing Act จบลงแล้วว่าพวกเขาต้องการ Licensing Act ฉบับใหม่ที่จะยืนยันสิทธิในการผูกขาดการพิมพ์ของสมาคมอยู่ แต่ความพยายามนั้นล้มเหลวมาตลอด 10 ปีหลังจาก Licensing Act หมดอายุลง และอันที่จริงในรอบ 10 ปีตั้งแต่ปี 1795-1704 ก็มีการพยายามจะผ่านกฎหมายที่มีลักษณะควบคุมสิ่งพิมพ์มาถึง 13 ฉบับ แต่มีฉบับเดียวที่ผ่านคือกฎหมายเกี่ยวกับสิ่งพิมพ์หมิ่นศาสนา ดังนั้นเสรีภาพสื่อของอังกฤษในภาพรวมช่วง 10 ปีแรกนั้นจึงมั่นคงมากๆ ทั้งในทางการเมืองและเศรษฐกิจอย่างไรก็ดีคนที่เปลี่ยนแปลงแนวทางการต่อสู้เพื่อสิทธิในการผูกขาดของทางสมาคมผู้ผลิตหนังสือแห่งลอนดอนคือนักเขียนขายดีอย่าง Daniel Dafoe ที่ตีพิมพ์เรียงความ An Essay on the Regulation of the Press ออกมาในปี 1704 ในเรียงความนี้ Dafoe ดูจะเรียกร้องสิทธิของผู้เขียนในฐานจะของ เจ้าของ งานที่ไม่ควรถูกละเมิดอย่างแข็งขัน และสิ่งที่ Dafoe ยืนยันก็คือแม้ว่าอังกฤษควรจะมีเสรีภาพสื่อ แต่ก็ควรจะมีกฎหมายคุ้มครองไม่ให้ผู้เขียนถูกพวกพ่อค้าหนังสือละเมิดตีพิมพ์งานโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย ซึ่งเขามองว่าเป็นช่องโหว่ของกฎหมายหลัง Licensing Act หมดอายุ เพราะการตีพิมพ์อะไรก็ได้ มันหมายถึงการตีพิมพ์งานโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เขียนด้วย การเรียกร้องของ Defoe ถูกบางฝ่ายตีความหมายเป็นการที่ นักเขียน ลุกขึ้นมาสู้เพื่อสิทธิเหนือ ลิขสิทธิ์ งานตัวเองก่อนจะมีลิขสิทธิ์ อย่างไรก็ดีในกรอบความคิดของยุคนั้นสิ่งที่ Defoe ทำดูจะเป็นเรื่องที่พิสดารพอควร เพราะแนวคิดว่างานเขียนเป็นเลือดเนื้อและจิตวิญญาณของนักเขียนก็ยังไม่เกิดขึ้นในยุโรปต้นศตวรรษที่ 18 นอกจากนี้ปัญหาของการที่งานโดนพิมพ์ซ้ำแบบไม่ได้รับอนุญาตหรือโดน ไพเรต ไม่ใช่ปัญหาปกติของนักเขียนยุคนั้นที่ไม่มีใครเป็นนักเขียนอาชีพ สุดท้ายการขายต้นฉบับขาดให้สำนักพิมพ์ก็เป็นเรื่องปกติ ดังนั้นนักเขียนทั่วๆ ไปก็จึงไม่ใช่ผู้จะยินดิยินร้ายกับการที่งานของตัวเองถูกตีพิมพ์ไปโดยไม่ได้รับอนุญาตอยู่แล้วสิ่งที่ต้องเข้าใจคือการออกมาโวยวายของ Defoe ดูจะเป็นกรณียกเว้นมากๆ ซึ่งข้อยกเว้นนี้ก็เข้าใจได้เพราะ Defoe เป็นนักเขียนระดับเบสต์เซลเลอร์อันดับหนึ่งด้วยซ้ำของอังกฤษต้นศตวรรษที่ 18 ดังที่บทกวีเสียดสีการเมืองในปี 1701 ของ Defoe อย่าง The True-Born Englishman ตีพิมพ์แบบที่ได้รับอนุญาตไป 9 ครั้ง และถูกพิมพ์แบบ ไพเรต ไป 10 กว่าครั้ง รวมเป็นยอดพิมพ์รวมกว่า 80000 ฉบับภายใน 4 ปี ซึ่งนี่ก็คงจะไม่ใช่ตัวเลขธรรมดาแน่ๆ ในยุคที่ปกติหนังสือเล่มหนึ่งๆ พิมพ์กันไม่ถึง 1000 เล่มด้วยซ้ำโดยเฉลี่ยDefoe ดูจะเป็นเสียงที่ไม่ได้เป็น ตัวแทน ของนักเขียนในยุคนั้นได้แน่ๆ แต่ก็ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วที่บรรดาพ่อค้าศิลปวัฒนธรรมไม่ได้สนใจคำถามว่าเสียงเหล่านี้จะเป็นตัวแทนได้ดีหรือไม่ไปมากกว่าคำถามว่า เสียงเหล่านี้สามารถรับใช้วาระทางการเมืองของพวกเขาได้หรือไม่ ซึ่งผลคือหลังจาก An Essay on the Regulation of the Press ทางสมาคมพ่อค้าหนังสือแห่งอังกฤษก็ได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การกดดันสภาให้ออกกฎหมายจากเดิมเพื่อสิทธิในการผูกขาดของทางสมาคม มาเป็นให้ออกกฎหมายเพื่อรับรองสิทธิกรรมสิทธิ์เหนืองานเขียนของนักเขียน ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วกรรมสิทธิ์นี้ก็จะถูกนักเขียนขายขาดและโอนมาเป็นของพ่อค้าหนังสืออยู่ดี ดังนั้นสิ่งที่ Defoe เสนอนั้นก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตนักเขียนหน้าไหนดีขึ้น และการโวยวายเรื่องการ ละเมิดลิขสิทธิ์ ของผู้ผลิตงานก็ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกดดันรัฐของ อุตสาหกรรมลิขสิทธิ์ มาตั้งแต่ยังไม่มีกฎหมายลิขสิทธิ์แล้วการกดดันครั้งใหม่ที่เป็นไปอย่างต่อเนื่องส่งผลต่อสภาในที่สุด เมื่อมีการร่างกฎหมายมาในปี 1709 และผ่านกฎหมายมาในที่สุดในปี 1710 ซึ่งกฎหมายนี้ก็รู้จักกันในนาม Statute of Anne ดังที่ได้ว่ามาปัญหาคือสภาอังกฤษในยุคนั้นคล้อยตาม แรงกดดันจากอุตสาหกรรมลิขสิทธิ์ ง่ายๆ ดังนี้เลยหรือ? หากวิเคราะห์ตัวบทของ Statute of Anne เองไปจนถึงการใช้กว่าครึ่งศตวรรษให้หลังคำตอบดูจะเป็นไม่ใช่เบื้องต้น สภาไม่ได้ทำตามคำเรียกร้องของสมาคมผู้ผลิตหนังสือแห่งลอนดอนที่เรียกร้องให้สภาออกกฎหมายยืนยันว่า ทรัพย์สินทางวรรณกรรม ไม่ได้มีความต่างจากทรัพย์สินอื่นๆ ที่สามารถซื้อขายและถือครองได้ตลอดไป เพราะสิ่งที่สภาทำใน Statute of Anne คือการไม่ยอมใช้คำว่า Property แม้แต่คำเดียวในกฎหมาย พร้อมการระบุชัดเจนว่าการคุ้มครองลิขสิทธิ์หรือ สิทธิในการพิมพ์ซ้ำ (ซึ่งในตอนนั้นหมายถึงการพิมพ์ซ้ำทุกตัวอักษรจริงๆ) ภายใต้กฎหมายฉบับนี้มีวันหมดอายุโดยวันหมดอายุสำหรับหนังสือที่ได้ตีพิมพ์มาแล้วนั้นนับไป 21 ปีหลังจากกฎหมายบังคับใช้ และนับไป 14 ปีหากมีการพิมพ์หนังสือหลังกฎหมายบังคับใช้แล้ว การกำหนดวันหมดอายุของลิขสิทธิ์นี้เป็นไปตาม Statute of Monopolies จากปี 1624 อันเป็นกฎหมายสิทธิบัตรอังกฤษที่ออกมาเพื่อจำกัดการออกสิทธิบัตรพร่ำเพรื่อโดยกษัตริย์ไปจนถึงการต่ออายุสิทธิบัตรไปเรื่อยๆ ในแง่นี้สภาไม่ได้เห็นว่าสิทธิในการผูกขาดการผลิตหนังสือควรจะได้รับอภิสิทธิ์ทางการค้าไปยาวนานกว่าสิทธิในการผูกขาดการผลิตศิลปะเชิงกลไก (mechanical art) หรือนวัตกรรมอื่นๆพูดง่ายๆ คือสภาไม่เห็นว่าสิทธิในการผูกขาดการผลิตหนังสือที่พิมพ์ใหม่เล่มหนึ่งๆ ไม่ควรจะมีอายุยืดยาวไปกว่าสิทธิในการผูกขาดยาชนิดใหม่ไปจนถึงเครื่องจักรกลชนิดใหม่ สภาเห็นว่าระยะเวลา 14 ปีก็มากเกินพอแล้วสำหรับการผูกขาดการตีพิมพ์หนังสือสักเล่ม ซึ่งนี่ไม่ใช่สิ่งที่สมาคมผู้ผลิตหนังสือแห่งลอนดอนต้องการแน่นอนเพราะหนังสือที่ขายดีสุดๆ และขายได้เรื่อยๆ คือพวกหนังสือคลาสสิคของนักเขียนรุ่นก่อนๆ ที่ตายไปหลายสิบปีหรือกระทั่งเป็นร้อยๆ ปีแล้ว และทางสมาชิกสมาคมถือสิทธิ์ในการผูกขาดพิมพ์มายาวนานก่อน Licensing Act จะจบสิ้นลงทำไมสภาถึงทำเช่นนี้? อันที่จริงแล้วหากไปดูส่วนอื่นๆ ของ กฎหมายลิขสิทธิ์ฉบับแรกของโลก นี้เจตนารมณ์ของกฎหมายจะชัดเจนขึ้น เพราะเกือบครึ่งหนึ่งของกฎหมายฉบับนี้คือบทบัญญัติที่พูดถึงการร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่รัฐในกรณีที่พวกพ่อค้าหนังสือขายหนังสือแพงเกินไป ซึ่งบทบัญญัติก็ให้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐในการปรับเปลี่ยนราคาใหม่ตามที่เหมาะสมพร้อมกับกำหนดค่าปรับสูงลิบกับพ่อค้าหนังสือที่ยังยืนยันจะขายหนังสือราคาแพงอยู่อีกหลังรัฐประกาศปรับราคาใหม่ นอกจากนี้ก็ยังมีบทบัญญัติที่เรียกร้องให้พวกพ่อค้าหนังสือส่งหนังสือที่ตีพิมพ์ด้วยกระดาษที่ดีที่สุดถึง 9 เล่มไปให้เหล่าห้องสมุดที่รัฐกำหนดอีก และนี่ก็มาพร้อมกับค่าปรับสูงลิบสำหรับพ่อค้าหนังสือที่ไม่ยอมส่งหนังสือให้รัฐ บทบัญญัติเหล่านี้ดูจะเป็นไปเพื่อการส่งเสริมการเรียนรู้ในสังคมอังกฤษตอนนั้นมากกว่าจะเป็นกฎหมายเอาใจอุตสาหกรรมลิขสิทธิ์ดังกฎหมายลิขสิทธิ์ทุกวันนี้ เพราะอย่างน้อยๆ บทบัญญัติที่ว่ามาดูจะมุ่งสร้างสมดุลให้กับสิทธิในการผูกขาดการพิมพ์ในระดับสูงจนผู้สนับสนุนกฎหมายลิขสิทธิทุกวันนี้ด้วยเหตุผลว่ามัน สร้างสมดุล ในระบบการผลิตศิลปวัฒนธรรมควรจะละอายหากนี่ยังเป็นเหตุผลไม่พอ กฎหมายที่ออกมาควบคุมภาษีกระดาษและหนังสือในปี 1711 ที่เรียกว่า Stamp Act ยังมีข้อกำหนดเกี่ยวกับการส่งเสริมความรู้ในการให้อำนาจรัฐในการลดหย่อนภาษีหนังสือบางประเทศอีกด้วย ดังนั้นบรรยากาศของสภาในช่วงนั้นจึงเป็นไปในเชิงออกกฎหมาย ส่งเสริมการเรียนรู้ จริงๆ ไม่ใช่เป็นการเอา การส่งเสริมศิลปวัฒนธรม มาเป็นข้ออ้างที่ไม่สวยหรูด้วยซ้ำของอุตสาหกรรมลิขสิทธิ์ทุกวันนี้เพื่อทำให้ลิขสิทธิ์มีขอบเขตการคุ้มครองมากขึ้น และหากเจตนารมณ์ของสภาจะยังไม่ชัดอีก ชื่อเต็มของ Statute of Anne ที่ว่า An Act for the Encouragement of Learning by Vesting the Copies of Printed Books in the Authors or Purchasers of such Copies during the Times therein mentioned ก็คงจะไม่ใช่เหตุบังเอิญที่กฎหมายนี้เริ่มด้วยถ้อยคำว่า พระราชบัญญัติเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ ดังนั้นกล่าวโดยสรุปแล้ว กฎหมายลิขสิทธิ์ฉบับแรกของโลกไม่ได้เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของเหล่าพ่อค้าหนังสือหรือกระทั่งผู้เขียน แต่มันเป็นไปเพื่อให้สาธารณชนคนอังกฤษได้มีโอกาสเรียนรู้เพิ่มขึ้น มันไม่ได้เป็นอะไรนอกจากนโยบายทางเศรษฐกิจที่ออกมาในรูปกฎหมายให้สิทธิในการผูกขาดในระยะเวลาจำกัดเพื่อกระตุ้นให้มีการตีพิมพ์หนังสือมากขึ้น | ตอนที่ 7 จาก ประวัติศาสตร์ลิขสิทธิ์ โดยอธิป จิตตฤกษ์ ย้อนดูจุดกำเนิดของกฎหมายลิขสิทธิ์ฉบับแรกในโลก ที่มีขึ้นเพื่อประโยชน์การเรียนรู้ของสาธารณชนมากกว่าเพื่อรักษาผลประโยชน์พ่อค้า วันที่ 10 เมษายน | วัฒนธรรม,ไอซีที | กฎหมายลิขสิทธิ์,ประวัติศาสตร์ลิขสิทธิ์,อธิป จิตตฤกษ์,อังกฤษ | https://prachatai.com/journal/2014/02/51908 |
ยิงญาติ สะแปอิง เสียชีวิต | ประชาไท -- 10 ม.ค.2547 -- นายประทีป สุหลง ญาติฝ่ายภรรยาของสะแปอิง บาซอ ถูกยิงที่เสียชีวิต ขณะ กำลังจะเปิดประตูเข้าโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ ภายหลังการสอบสวนทราบว่าคนร้ายมีจำนวน 2 คน มีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะใช้อาวุธปืนพกสั้นไม่ทราบขนาด ยิงนายประทีปในระยะเผาขน ถูกศีรษะ 1 นัด แล้วขับรถหลบหนีไป เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการก่อเหตุความไม่สงบเนื่องจากนายประทีป สุหลง เป็นสมาชิก อป.พร. ของเทศบาลนครยะลา และทำหน้าชุดคอมแบต รักษาความสงบเรียบร้อยภายในเขตฝั่งตลาดเก่าด้วย ทั้งนี้ เมื่อปลายเดือนธันวาคม 2547 เพิ่งเกิดเหตุการณ์คนร้ายแต่งชุดดาวะห์จำนวน 2 คน ขับรถจักรยานยนต์ ใช้อาวุธปืนสั้นยิงเพื่อนของนายประทีป ตายไป 2 คน และบาดเจ็บ 1 คน ทั้งหมดเป็นสมาชิกอป.พร. เช่นเดียวกัน นายประทีป สุหลง เป็นญาติฝ่ายภรรยาของนายสะแปอิง บาซอ เจ้าของโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ ผู้ต้องหาคดีแบ่งแยกดินแดน ซึ่งหายตัวไป และขณะนี้ ทางการได้ขึ้นค่าหัวนำจับจาก 3 ล้านบาท เป็น 10 ล้านบาท | ประชาไท -- 10 ม.ค.2547 -- นายประทีป สุหลง ญาติฝ่ายภรรยาของสะแปอิง บาซอ ถูกยิงที่เสียชีวิต ขณะ กำลังจะเปิดประตูเข้าโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ ภายหลังการสอบสวนทราบว่าคนร้ายมีจำนวน 2 คน | สิ่งแวดล้อม | null | https://prachatai.com/journal/2005/01/2183 |
น้องเมย์ รัชนก เตรียมเดินทางแข่งอาชีพที่จีน พรุ่งนี้ | หลังจากสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการแข่งขันระดับนานาชาติจนถูกทีมชิงเต่ายื่นข้อเสนอให้ไปเล่นลีกอาชีพที่ประเทศจีน ล่าสุด น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ นักเเบดมินตันทีมชาติไทย ซึ่งจะเดินทางไปประเทศจีนในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ (22 ส.ค.) ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจบการแข่งขันโอลิมปิกได้มีการฝึกซ้อมเตรียมร่างกายมาโดยตลอด เพื่อเตรียมไปเล่นลีกอาชีพที่จีน และเชื่อว่าการไปเล่นที่จีนจะสร้างประโยชน์ให้กับตัวเองในการพัฒนาฝีมือการเล่น เพื่อก้าวขึ้นไปเป็นหนึ่งในนักแบดมินตันชั้นนำของโลกให้ได้ในอนาคตอันใกล้น้องเมย์ยังบอกอีกว่าในสัญญาที่เซ็นกับทีมชิงเต่ามีข้อกำหนดให้น้องเมย์จะต้องเดินทางกลับมารับใช้ทีมชาติในการแข่งขันรายการสำคัญ เช่น อูเบอร์คัพ สุธีรมานคัพ และออล อิงแลนด์ โดยน้องเมย์จะเดินทางไปประเทศจีนในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ด้วยสายการบินไชน่า เซาเธิร์น แอร์ไลน์ส ในเวลาประมาณ 8.40 น. | น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ เตรียมเดินทางไปประเทศจีนวันพรุ่งนี้ เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันแบดมินตันอาชีพลีก โดยน้องเมย์ยืนยันว่าจะพยายามทำผลงานให้ดีที่สุด | กีฬา | จีน,น้องเมย์,น้องเมย์ รัชนก,รัชนก,อาชีพ,แบดมินตัน | https://news.thaipbs.or.th/content/106274 |
พล.อ.ประยุทธ์ หวัง พ.ร.บ.มั่นคงไซเบอร์ ป้องกันการป่วนด้วยโซเชียลมีเดีย | เพราะทุกประเทศห่วงภัยไซเบอร์ ตัวร่าง กม. ยังแก้ไขได้เพราะอยู่ชั้นกฤษฎีกา-สนช.28 ม.ค. 2558 - รายงานว่า เมื่อวานนี้ (27 ม.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ ภายหลังการประชุม ครม. ถึงความคืบหน้า ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ต้องรับฟังความคิดเห็น เพื่อนำมาประกอบการพิจารณา โดยกฎหมายฉบับนี้จะนำมาใช้ เมื่อมีกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมโดยนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า กฎหมายฉบับนี้จะไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของประชาชน หรือบุคคลทั่วไป แต่จะเข้าไปตรวจสอบบุคคล ที่เจ้าหน้าที่มีข้อมูลว่ากระทำผิดกฎหมาย การออกกฎหมายนี้จะช่วยให้ช่วยให้เจ้าหน้าที่ทำงานสะดวก รวดเร็ว สอดคล้องกับสถานการณ์ และทันสมัยมากยิ่งขึ้น เพราะปัจจุบันในสังคมออนไลน์ มีการปลุกระดม สร้างความวุ่นวายมาโดยตลอดการมีกฎหมายไว้ ไม่ได้เพื่อต้องการไปล้วงตับ รู้ความลับใคร ความเป็นส่วนตัวยังมี แต่จะเอาไว้ให้เจ้าหน้าที่ทำงานเร็วขึ้น ไม่ต้องรอหมายจับเหมือนในอดีต และกฎหมายฉบับนี้มีไว้ เพื่อป้องกันการใช้โซเชียลมีเดีย มาปลุกปั่นสร้างความวุ่นวาย เพราะเหตุการลักษณะนี้ยังมีอยู่ในประเทศไทย จึงต้องปรับให้ทันสมัย ในการเอาผิดกับการกระทำที่หมิ่นสถาบัน หรือการหมิ่นศาสนาทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งในว่า ถ้ามีเรื่องเขาถึงทำ ถ้าไม่มีเรื่อง เขาไม่ได้ไปควานเธอ ไม่ได้ไปตรวจโทรศัพท์เธอ ชั้นจะไปตรวจเธอทำไม ชั้นไม่อยากตรวจ ชั้นไม่อยากรู้ เรื่องส่วนตัวชั้นไม่เกี่ยว เธอจะไปพูดอะไรกับใครชั้นไม่เกี่ยวหรอกรายงานความเห็นของ นายพรชัย รุจิประภา รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) โดยยืนยันว่าจะเดินหน้าออก พ.ร.บ.ว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ เพราะมีความจำเป็น ทุกประเทศห่วงภัยทางไซเบอร์กันหมดและมีกฎหมายนี้หมดแล้วจริงๆ เนื้อหาสาระไม่ได้ก้าวล่วงสิทธิส่วนบุคคล โดยเนื้อหาใน มาตรา 35(3) ให้อำนาจเจ้าหน้าที่เข้าถึงข้อมูลการติดต่อสื่อสารทุกช่องทางจริง แต่จะระบุไว้ด้วยว่าพนักงานเจ้าหน้าที่ทำอะไรได้บ้าง ขั้นตอนเข้าตรวจสอบทำอย่างไร และมาตรา 36 กำหนดบทลงโทษพนักงานเจ้าหน้าที่เอาข้อมูลที่ได้มาไปเปิดเผย ติดคุก 3 ปีและมีโทษปรับ ทุกอย่างยังแก้ไขได้ในชั้นคณะกรรมการกฤษฎีกา และ สนช.ด้านนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวว่า ข้อกังวลที่ว่าอาจจะละเมิดสิทธิประชาชนได้นั้นกฎหมายดิจิตอล 8 ฉบับ มี 3 ฉบับที่ประชาชนห่วงคือ ร่าง พ.ร.บ.ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และร่าง พ.ร.บ.ข้อมูลส่วนบุคคล ขณะนี้ร่าง พ.ร.บ.ทั้งหมดอยู่ในชั้นการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว ขอยืนยันกับประชาชนว่าจะดูแลอย่างเต็มที่ จะตรวจพิจารณาโดยคำนึงถึงข้อทักท้วง หากอะไรเป็นการใช้อำนาจที่กระทบสิทธิเสรีภาพของประชาชนจะหามาตรการต่างๆ มากำกับดูแลให้เหมาะสม โดยคำนึงถึงการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนเป็นหลัก | นายกรัฐมนตรีระบุมีกฎหมายความมั่นคงไซเบอร์ไม่ได้มีไว้ล้วงตับ ความเป็นส่วนตัวก็ยังมี แต่ จนท.จะทำงานได้เร็วขึ้น ป้องกันการใช้โซเชียลมีเดียป่วน ด้าน รมว.ไอซีที ยืนยันจะเดินหน้าออกกฎหมายนี้ | คุณภาพชีวิต,ไอซีที,ความมั่นคง | กระบวนการยุติธรรม,การสอดส่องออนไลน์,ความเป็นส่วนตัวออนไลน์,ประยุทธ์ จันทร์โอชา,พ.ร.บ.ความมั่นคงไซเบอร์,พรชัย รุจิประภา,ล้วงตับ,หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์,อินเทอร์เน็ต,เสรีภาพอินเทอร์เน็ต,โซเชียลมีเดีย | https://prachatai.com/journal/2015/01/57628 |
บุคลากรการแพทย์พญาไท2โชว์ฝีแปรง หาเงินช่วยเด็กป่วยธาลัสซีเมียยากไร้ | ธาลัสซีเมียชนิดรุนแรง และการผ่าตัดหัวใจผู้ป่วยเด็กที่มีปัญหาลิ้นหัวใจรั่ว และการใส่อุปกรณ์เพื่อปิดรูรั่วหัวใจของผู้ป่วยเด็ก ในโครงการ หนึ่งน้ำใจ เพื่อผู้ป่วยยากไร้ โดยมี พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ได้เสด็จมาเป็นประธานในพิธี พร้อม กับประทานภาพวาดฝีพระหัตถ์ คลื่นทะเล มาร่วมจัดแสดงในงานด้วย ที่โรงพยาบาลพญาไท 2,นพ.อนันตศักดิ์ อภัยรัตน์ ผอ.รพ.พญาไท 2 กล่าวว่า ทางโรงพยาบาลได้จัดโครงการ ร้อยภาพวาด ร้อยดวงใจ ร้อยพลังใจช่วยเด็กผู้ยากไร้ 2559 ในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ 84 พรรษา ด้วยการระดมทุนผ่านการประมูลภาพวาดของศิลปินกิตติมศักดิ์ รวมทั้งแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ โรงพยาบาล และเยาวชนผู้ชนะการประกวดแข่งขันวาดภาพระบายสี ในโครงการ ร้อยใจไทย ใต้ร่มเย็น จำนวน 100 ภาพ เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ป่วยเด็กธาลัสซีเมียชนิดรุนแรงที่ยากไร้ และ ผู้ป่วยเด็กโรคลิ้นหัวใจรั่ว และ PDA ที่ยากไร้ ได้มีโอกาสได้รับการผ่าตัด โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของประเทศ ไทย นับเป็นการร่วมสร้างกุศลอันยิ่งใหญ่ด้านการแพทย์ เพื่อน้อมเกล้าฯถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระ บรมราชินีนาถ ซึ่งเป็นหนึ่ง ในกิจกรรมของโครงการ หนึ่งน้ำใจ เพื่อผู้ป่วยยากไร้ ที่โรงพยาบาลพญาไท 2 ได้ทำร่วมกับ มูลนิธิหนึ่งน้ำใจเพื่อหนึ่งชีวิตใหม่ (One Love) โดยบริจาค ผ่านมูลนิธิอนุสรณ์หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร ซึ่งได้เงินจำนวนทั้งสิ้น 2.95 ล้านบาท,ขณะนี้คณะแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลพญาไท 2 ประสบความสำเร็จในการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดให้กับผู้ป่วยเด็กโรคธาลัสซีเมียชนิดรุนแรง จึงเห็นความสำคัญและความจำเป็นที่ต้องระดมความช่วยเหลือสำหรับผู้ป่วยที่มีฐานะยากจน ให้ได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพและช่วยทำให้ผู้ป่วยหายขาดจากโรคได้ รวมทั้งยังเห็น,ถึงความสำคัญของการแก้ปัญหาโรคลิ้นหัวใจรั่วในเด็ก และปัญหาการปิดไม่สมบูรณ์ของท่อเชื่อมระหว่างเส้นเลือดแดงกับเส้นเลือดใหญ่ตั้งแต่กำเนิด (Patent Ductus Arterious : PDA) ซึ่งทำให้ผู้ป่วยเด็กเจ็บป่วย และอาจพิการ หรือเสียชีวิตได้ หากไม่ได้รับการแก้ไข สำหรับผู้มีจิตศรัทธาทั่วไป สามารถร่วมบริจาคผ่านตู้รับบริจาคที่วางในพื้นที่ต่างๆของโรงพยาบาล หรือร่วมสนับสนุนสินค้าที่ระลึกที่จัดทำโดยโครงการฯ ซึ่งจำหน่ายที่เคาน์เตอร์ชำระเงินของโรงพยาบาล. | โรงพยาบาลพญาไท 2 ร่วมกับ มูลนิธิหนึ่งน้ำใจเพื่อหนึ่งชีวิตใหม่ (One Love) จัดประมูลและจำหน่ายภาพวาดจากฝีมือแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล และศิลปินกิตติมศักดิ์ เพื่อหาเงินสนับสนุนการปลูกถ่ายไขกระดูกผู้ป่วยเด็กยากไร้ ด้วยโรค | ไลฟ์สไตล์,ผู้หญิง | โรงพยาบาลพญาไท 2,จำหน่ายภาพวาด,อนันตศักดิ์ อภัยรัตน์,หนึ่งน้ำใจ เพื่อผู้ป่วยยากไร้ | https://www.thairath.co.th/lifestyle/woman/849606 |
เวทีรับฟังเห็นบริหารจัดการน้ำ จ.แพร่ | ชาวบ้านจาก 8 อำเภอของ จ.แพร่ รวมถึงประชาชนจากทั่วประเทศ ทยอยเข้าร่วมรับฟัง และ แสดงความคิดเห็น ในเวทีรับฟังความคิดเห็นประชาชน เพื่อออกแบบ และ ก่อสร้าง ระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน และ ระบบการแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย ที่จัดขึ้นบริเวณ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ วิทยาเขตแพร่ อ.ร้องกวาง จ.แพร่ ซึ่งมีประชาชนเข้าร่วมเวที กว่า 4000 คน ทั้งชาวบ้านใน จ.แพร่ และ ผู้ได้รับผลกระทบ เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นเพื่อเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาน้ำท่วม และ ภัยแล้งแผนแม่บทบริหารจัดการน้ำ ที่รัฐบาลกำหนดขึ้น เป็นการบริหารจัดการน้ำ ตั้งแต่พื้นที่ต้นน้ำ คือให้การชลอน้ำ กักเก็บน้ำในช่วงน้ำหลาก การสร้างฝาย อ่างเก็บน้ำ และ เขื่อน ส่วนพื้นที่กลางน้ำให้ความสำคัญในการบริหารจัดการน้ำเพื่อป้องกันความเสียหายจากอุทกภัย และ พื้นที่ปลายน้ำ ให้ความสำคัญกับการเร่งระบาย และพลักดันน้ำออกสู่ทะเลโดยมีทั้งหมด 8 แผน เช่น การฟื้นฟู และ อนุรักษ์ป่า ตลอดจนระบบนิเวศ การเก็บกักน้ำ ที่สำคัญคือการกำหนดพื้นที่รับน้ำ และ มาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการใช้พื้นที่รับน้ำ | เวทีรับฟังความคิดเห็นการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน และ แก้ไขปัญหาอุทกภัย ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ วิทยาเขตแพร่ เป็นอีกหนึ่งเวทีที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ มีประชาชนเข้าร่วมกว่า 4000 คน | ภูมิภาค | จัดการน้ำ,มหาวิทยาลัยแม่โจ้,ระบบนิเวศ,อุทกภัย,แพร่ | https://news.thaipbs.or.th/content/205555 |
มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก เจอแฮกรูปโชว์ ผู้แฮกเผยเป็น bug | 2554 เว็บข่าว BBC รายงานว่า รูปส่วนตัวของมาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟสบุ๊คถูกเผยแพร่บนเว็บจากฝีมือของแฮกเกอร์ที่ต้องการเผยให้บักส์หรือข้อผิดพลาดของโปรแกรมโซเชียลเน็ตเวิร์กให้เห็น รูปของมาร์คซักเกอร์เบิร์กทั้ง 14 รูปถูกโพสท์ลงในเว้บไซต์รูปภาพ Imgur โดยมีคำบรรยายภาพว่า \ถึงเวลาแล้วที่จะแก้ปัญหาข้อบกพร่องของด้านความปลอดภัยของเฟสบุ๊ค\ ข้อผิดพลาดดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครื่องมือที่ให้ผู้ใช้รายงานเกี่ยวกับภาพที่ไม่เหมาะสม เฟสบุ๊คบอกว่าจะหาทางแก้ไขข้อผิดพลาดนี้ ความเป็นส่วนตัว \ช่วงเช้าวันนี้ พวกเราได้ค้นพบข้อผิดพลาดอย่างหนึ่งในเครื่องมือรีพอร์ทซึ่งอนุญาตให้คนรายงานเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมหลายเนื้อหาพร้อมกันได้\ เฟสบุ๊คแจ้งในแถลงการณ์ \ข้อผิดพลาดอันนี้ทำให้ใครก็ได้สามารถมองเห็นรูปภาพของผู้ใช้ที่เพิ่งอัพโหลดได้จำนวนหนึ่ง โดยไม่ว่าผู้ใช้นั้นจะตั้งค่าความเป็นส่วนตัวอย่างไรก็ตาม\ \นี้เป็นผลพวงมาจากรหัสเขียนโปรแกรมที่เราใส่เข้าไปและส่งผลอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง หลังจากที่เราค้นพบข้อผิดพลาดนี้แล้ว พวกเราก็ทำการระงับระบบนี้โดยทันที และจะกลับมาใช้อีกครั้งเมื่อมีการยืนยันว่าข้อผิดพลาดตัวนี้ได้รับการแก้ไขแล้วเท่านั้น\ แถลงการณืระบุ ทาง BBC ยังได้ขออนุญาตเฟสบุ๊คก่อนพิมพ์เผยแพร่รูปภาพของมาร์ค ทางเฟสบุ๊คกล่าวว่าเมื่อรูปภาพนี้กลายเป็นกรรมสิทธิสาธารณะแล้ว พวกเขาก็จะไม่ฟ้องร้องลิขสิทธิ์ใดๆ รอยรั่ว ข้อผิดพลาดตัวนี้ถูกค้นพบโดยสมาชิกของกระดานข่าวคนเพาะกาย ซึ่งมีการโพสท์วิธีการชมภาพที่ตั้งค่าเป็นส่วนตัวไว้แบบขั้นต่อขั้น เมื่อผู้ใช้รายงานภาพโปรไฟล์ของใครก็ตามว่าไม่เหมาะสม เฟสบุ๊คจะเชิญชวนให้ผู้นั้นดูรูปอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกันของบุคคลที่เป็นเป้าหมาย โดยมีรูปขนาดย่อแสดงให้เห็นและสามารถดูรูปในขนาดใหญ่ขึ้นละดาวน์โหลดได้อย่างง่าย แฮกเกอร์ใช้รอยรั่วตรงจุดนี้ในการเข้าไปในหน้าเพจของมาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก ซึ่งเป็นผู้ที่มีคนรู้จักเป็นจำนวนมากที่สุดในบรรดาผู้ใช้เฟสบุ๊ค 850 ล้านคน รูปภาพของมาร์คประกอบด้วยช่วงที่เขากำลังทำอาหารกับแฟนสาว ภาพที่เขากำลังถือขาไก่ และภาพที่เขาเข้าพบประธานาธิบดีโอบาม่า เหตุการณ์น่าอับอายนี้เกิดขึ้นหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่ คณะกรรมาธิการการค้าแห่งชาติของสหรัฐฯ ได้ติติงเรื่องการเปลี่ยนแปลงระบบความเป็นส่วนตัวของเฟสบุ๊คตั้งแต่สองปีที่แล้ว คณะกรรมาธิการฯ กล่าวหาว่าเฟสบุ๊คกระทำการหลอกลวงและเรียกร้องให้องค์กรรับการตรวจสอบบัญชีทั่วไปเป็นเวลา 20 ปี | แฮกเกอร์นำรูปของมาร์ค ซักเกอรเบิร์ก ไปเผยแพร่ พร้อมข้อความเรียกร้องให้มีการแก้ไขข้อผิดพลาดของเฟสบุ๊ค ที่สามารถนำรูปที่มีการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวออกมาเผยแพร่ได้ 7 ธ.ค. | ต่างประเทศ,ไอซีที | Facebook,ข้อมูลส่วนตัว,มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก | https://prachatai.com/journal/2011/12/38232 |
ตร.เตรียมสรุปผลสอบกรณีไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้องอัยการสัปดาห์หน้า | ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (วานนี้ 5 ส.ค.63) คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ลงความเห็นไม่แย้งคำสั่งอัยการ กรณีสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ยังมีประชุมความคืบหน้าการตรวจสอบต่อเนื่อง โดยมี พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้นำการประชุม เนื่องจาก พล.ต.อ.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ ที่ปรึกษาผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ติดภารกิจราชการ เข้าแจงข้อมูลเรื่องนี้กับคณะกรรมาธิการการกฎหมายกระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)พล.ต.ท.จารุวัฒน์ เปิดเผยว่า วาระสำคัญเป็นการตรวจสอบการพิจารณาการใช้ดุลยพินิจในการลงความเห็นไม่แย้งคำสั่งอัยการ ตามที่สำนักคดีอาญาได้ให้คำแนะนำขณะเดียวกัน พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ในฐานะผู้รับผิดชอบในการออกคำสั่งไม่เห็นแย้งความเห็นอัยการ จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้ตอบรับว่าจะเข้าให้ข้อมูลด้วยตัวเองหรือจะจัดทำเป็นเอกสารชี้แจงส่วนกรณีผลสรุปการตรวจสอบของคณะทำงานอัยการที่ให้ตำรวจสอบสวนพยานใหม่และแจ้งข้อหานายวรยุทธ คณะทำงานตำรวจบอกรอเอกสารทางการจากอัยการสูงสุดก่อน สำหรับการตรวจสอบของคณะทำงานตำรวจ พล.ต.ท.จารุวัฒน์คาดว่า จะสรุปผลการตรวจสอบให้กับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ในวันที่ 11 ส.ค.นี้ | คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตำรวจกรณีไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้องอัยการ เตรียมสรุปผลตรวจสอบ ส่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ วันที่ 11 ส.ค.นี้ | อาชญากรรม | บอสอยู่วิทยา,บอส อยู่วิทยา,บอสกระทิงแดง,ขับรถชนตำรวจ | https://news.thaipbs.or.th/content/295212 |
ตรวจค้นที่ป่าบ้านพัก เปรมชัย พบห้างส่องสัตว์ | วันนี้ (4 ก.ย.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้ากรมป่าไม้และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ลงพื้นที่บ้านชัยชนะ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ของบริษัท ซี.พี.เค. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งมีชื่อนายเปรมชัย กรรณสูต เป็น 1 ในคณะกรรมการบริหาร รวมพื้นที่ถูกตรวจยึดกว่า 6229 ไร่การตรวจสอบพื้นที่บ้านชัยชนะครั้งนี้ พบว่าสภาพพื้นที่ยังคงมีความเป็นป่าที่สมบูรณ์ มีต้นไม้ขนาดใหญ่ สลับกับการปลูกไม้ผล เช่น ส้มโอ แมคคาเดเมีย พบจุดนี้มีบ้านพักตากอากาศ 3 หลังถูกปิดไว้ บ้านพักคนงาน 1 หลัง มีรถยนต์จอดอยู่ 1 คัน กรงสัตว์ขนาดความสูงประมาณ 5 เมตร เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าอาจจะใช้เลี้ยงนกขนาดใหญ่ แต่วันนี้พบเพียงไก่บ้านหลายสิบตัวนอกจากนี้ จากการใช้โดรนขึ้นบินตรวจสอบทำให้พบลักษณะคล้ายห้างส่องสัตว์อยู่บนต้นไม้ เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบ และพบว่าบริเวณข้างบ้านพักตากอากาศมีต้นไม้สูงขนาด 2 คนโอบ สูงประมาณ 10 เมตร มีการทำบันไดลิงขึ้นไปด้านบนห้างส่องสัตว์ เนื่องจากบริเวณนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาที่สามารถมองเห็นทิวเขาด้านล่างได้ชัดเจน เมื่อสำรวจรอบๆ ต้นไม้พบตลับใส่กระสุนปืนลูกกรด .22 จำนวน 1 ตลับนายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทางดีเอสไอ แจ้งว่าใช้โดรนบินสำรวจและพบมีลักษณะห้างส่องสัตว์ในจุดนี้ด้วย กระทั่งมาตรวจสอบซ้ำวันนี้ และยังเจอหลักฐานชัดเจนคือตลับใส่ลูกกระสุนปืน .22 สำหรับใส่กระสุน 50 นัด สันนิษฐานว่าเจ้าของบ้านอาจใช้ซักซ้อมความแม่นยำและยิงสัตว์ป่าขนาดเล็กๆ ที่จะเข้ามาในพื้นที่ เช่น พวกนก กระรอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานเพิ่มเติมนอกจากนี้ ตรวจพบสร้างอ่างเก็บน้ำกีดขวางลำน้ำ เพื่อใช้ประโยชน์ส่วนตัว ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ไม่สามารถเข้าไปใช้ประโยชน์จากลำน้ำได้ขณะที่วันนี้ได้เรียกผู้ดูแล คนงานและแม่บ้านที่ทำงานในบ้านพักชัยชนะ มาสอบถามและแจ้งว่าพื้นที่ทั้งหมดถูกรัฐยึดดำเนินคดีและเพิกถอนที่ดินไว้ตั้งแต่ปี 2547 เจ้าของพื้นที่ไม่สามารถเข้าทำประโยชน์ แต่จากการตรวจสอบยังพบมีการเข้ามาเก็บและใช้ประโยชน์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง แต่คนงานอ้างว่าไม่เจอเจ้าของบ้านและรับเงินเดือน 5000 บาทต่อเดือน ส่วนกรงนกขนาดใหญ่ ไม่รู้ว่าเลี้ยงอะไร แต่ตอนนี้เลี้ยงแต่ไก่เท่านั้น | กรมป่าไม้เร่งเก็บและประเมินความเสียหายที่ดินของนายเปรมชัย กรรณสูต ยึดป่าภูเขากว่า 6000 ไร่ เตรียมฟ้องค่าเสียหายทางแพ่งทำลายป่าสิ่งแวดล้อม 600 ล้านบาทคู่กับคดีอาญา พบห้างส่องสัตว์บนต้นไม้ในบ้านพัก พร้อมตลับใส่กระสุนปืน | สิ่งแวดล้อม | เปรมชัย กรรณสูต,ห้างส่องสัตว์,บ้านชัยชนะ,เลย,กรมป่าไม้,ดีเอสไอ,กระสุนปืน .22,ตลับใส่กระสุนปืน,กรงสัตว์,บ้านพักตากอากาศ,ไทยพีบีเอส,ข่าวไทยพีบีเอส,ThaiPBSnews,ThaiPBS | https://news.thaipbs.or.th/content/274403 |
วสท.จัดอบรมวิศวกร ยกระดับอาคารต้านแผ่นดินไหว | กรมโยธาธิการและผังเมืองจึงได้มอบหมายให้คณะผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวทำการศึกษาเพื่อการปรับปรุงมาตรฐานการออกแบบอาคารต้านทานการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวให้สอดคล้องกับสภาวการณ์และข้อมูลในปัจจุบัน โดยมาตรฐานฉบับใหม่ล่าสุด คือ มาตรฐานการออกแบบอาคารต้านทานการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว มยผ.1301/1302-61ล่าสุดวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) จัดการอบรม กฎกระทรวงและมาตรฐาน มยผ. การออกแบบอาคารต้านทานการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวฉบับใหม่กล่าวว่า การปรับปรุงครั้งนี้มุ่งเน้นวิธีการวิเคราะห์การออกแบบอาคารต้านทานแผ่นดินไหวให้สมบูรณ์มากขึ้นโดยเน้นประเด็นหลักที่สำคัญคือ ระดับความรุนแรงของแผ่นดินไหวในรูปของความเร่งตอบสนองเชิงสเปกตรัมทั่วประเทศ ค่าความเร่งตอบสนองเชิงสเปกตรัมสำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่พิจารณาแอ่งดินลึก ข้อกำหนดในการใช้โครงสร้างแบบความเหนียวจำกัด ข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับการใช้ผนังอิฐก่อ การออกแบบฐานราก การให้รายละเอียดเหล็กเสริม วิธีการออกแบบโครงสร้างด้วยวิธีสเปกตรัม ผลตอบสนองและการปรับปรุงด้านอื่น ๆมาตรฐานวิชาชีพจะต้องปรับปรุงเป็นระยะ ๆ เนื่องจากมีผลกระทบและความเสียหายที่เกิดขึ้นจากแผ่นดินไหว ซึ่งคณะวิจัยได้นำประสบการณ์มาทบทวนใหม่ โดยเฉพาะความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่มีมากขึ้นด้าน กล่าวว่า โครงการปรับปรุงมาตรฐานนี้ริเริ่มจากกรมโยธาธิการและผังเมืองต้องการพัฒนามาตรฐานการออกแบบที่เหมาะสมของประเทศ จึงได้มอบหมายให้คณะนักวิจัยซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวนำผลการวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนหลักจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) มาใช้ในมาตรฐานนี้ตามมาตรฐานใหม่ มยผ. 1301/1302-61 ได้ปรับแก้ไขค่าระดับความรุนแรงแผ่นดินไหวในรูปแบบของความเร่งตอบสนองเชิงสเปกตรัมในพื้นที่ทั่วประเทศให้มีความถูกต้องแม่นยำและเหมาะสมมากยิ่งขึ้น แสดงอยู่ในรูปของ ความเร่งตอบสนองเชิงสเปกตรัม ซึ่งเป็นค่าความรุนแรงของแผ่นดินไหวต่อโครงสร้างในแต่ละพื้นที่และมีค่าแปรเปลี่ยนไปตามคุณลักษณะของอาคาร ช่วยให้วิศวกรและผู้รับเหมาก่อสร้างสามารถนำค่าตัวเลขเหล่านี้ไปใช้ออกแบบอาคารให้มีความแข็งแรงและต้องมี ความเหนียว โดยสามารถโยกไหวตัวเกินพิกัดยืดหยุ่นของโครงสร้าง และสามารถสลายพลังงานของการสั่นไหวในระดับที่เหมาะสมและอาคารไม่พังถล่มลงมารศ.นคร กล่าวว่า สามารถนำมาตรฐานไปใช้ปฏิบัติให้การก่อสร้างอาคารมีความปลอดภัยเป็นไปตามหลักมาตรฐานวิศวกรรมสากล ซึ่งจะก่อให้เกิดความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและสังคมเพิ่มมากยิ่งขึ้นขณะที่ผู้อยู่อาศัยเองก็มีความมั่นใจว่าจะช่วยลดความเสี่ยงได้ ทั้งนี้เจ้าของอาคารและผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สามารถใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการตรวจสอบการออกแบบว่าถูกต้องมีคุณภาพตามมาตรฐานสากลหรือไม่นอกจากการปรับปรุงระดับความรุนแรงของแผ่นดินไหวที่ได้จากข้อมูลใหม่ รวมถึงหลักการใหม่ที่ใช้ในการคำนวณออกแบบอาคารต้านทานแผ่นดินไหวให้ถูกต้องยิ่งขึ้นแล้ว มาตรฐานฉบับปรับปรุงนี้ยังมีการเพิ่มเติมหลักสำคัญที่ควรพิจารณาประกอบการออกแบบอื่น ๆ เช่น ผลจากผนังอิฐก่อ ซึ่งเป็นบทเรียนจากแผ่นดินไหวที่จังหวัดเชียงรายเมื่อปี 2557 มีการเพิ่มเติมเนื้อหาเพื่อให้ผู้ใช้มีแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องและออกแบบอาคารให้มีความปลอดภัยยิ่งขึ้น ได้แก่ ข้อแนะนำการออกแบบกำแพงโครงสร้างคอนกรีต ข้อแนะนำการออกแบบองค์อาคารที่ไม่ใช่โครงสร้างหลักต้านทานการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว เป็นต้นทั้งนี้ แต่ละอาคารมีค่าต้านทานแผ่นดินไหวต่างกันไปตามลักษณะการใช้งาน ประเภท ความสำคัญของอาคารที่มีต่อสาธารณชน และการบรรเทาภัยหลังเกิดเหตุ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ค่าระดับความรุนแรงของแผ่นดินไหวในแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศในการออกแบบโครงสร้างต้านทานแผ่นดินไหวด้านอื่น ๆ เช่น การออกแบบโครงสร้างสะพาน เขื่อน โครงสร้างชลประทาน ถังน้ำ เสาส่งสัญญาณไฟฟ้า เสาส่งสัญญาณวิทยุ ป้ายโฆษณา โครงสร้างที่อยู่ใต้ดิน เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ และโครงสร้างอื่นที่ไม่ได้เป็นลักษณะอาคาร นับเป็นการพัฒนาการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคให้สอดคล้องรองรับปัญหาสภาวะโลกร้อนและภัยพิบัติธรรมชาติขณะที่ กล่าวว่า ประเด็นสำคัญที่มีการแก้ไขกฎกระทรวง และ มยผ.ฉบับใหม่ ว่าด้วยการเพิ่มเติมบทนิยาม บริเวณเฝ้าระวัง หมายถึงบริเวณหรือพื้นที่ที่มีความเป็นไปได้ว่าแผ่นดินไหวจะส่งผลกระทบในระดับปานกลางและระดับสูงในด้านโครงสร้างอาคาร จังหวัดใดที่ควรควบคุม พื้นที่ตามประกาศของกระทรวงมหาดไทยที่ควรควบคุมทันทีหลังจากประสบภัย และการบังคับใช้หลังประกาศเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม เป็นต้นรวมทั้งจัดให้โครงสร้างทั้งระบบอย่างน้อยมีความเหนียวเทีบเท่ากับความเหนียวจำกัดตามมาตรฐานประกอบการออกแบบอาคาร เพื่อต้านทานการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวของกรมโยธาธิการและผังเมือง หรือมาตรฐานว่าด้วยการออกแบบอาคารต้านทานการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวที่สภาวิศวกรรับรอง | หลังจากมาตรฐานการออกแบบอาคารต้านทานการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว (มยผ.1302-52) ประกาศใช้ เมื่อปี 2552 และได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ส่งผลกระทบกับความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ หลายครั้ง ส่งผลต่อความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน ประกอบกับมีข้อมูลแผ่นดินไหวและผลการศึกษาทางธรณีวิทยาเพิ่มเติม | ภัยพิบัติ | แผ่นดินไหว,สกสว.,มาตรฐานอาคาร,มาตรฐาน มยผ.,ThaiPBSnews,ข่าวไทยพีบีเอส | https://news.thaipbs.or.th/content/281938 |
หวยรัฐ เตรียมพิมพ์ เพิ่มเป็น 97 ล้านฉบับ | คลี่คลาย ตลาดซื้อขายสลากฯจะกลับมาคึกคักเหมือนเดิม พร้อมแก้ปัญหาพ่อค้ารายใหญ่ฟันกำไรช่วงสลากฯมีน้อยสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจะกลับมาพิมพ์สลากฯถึง 97 ล้านฉบับ หลังลดยอดพิมพ์อันเป็นผลจากการระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ต่อมาเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต และประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลว่า ในงวดวันที่ 16 มิ.ย.2563 สำนักงานสลากฯ คาดว่าพิมพ์ลอตเตอรี่ออกมาวางจำหน่ายเพิ่มขึ้นถึง 90-97 ล้านฉบับ จากงวดก่อนหน้านี้มีการพิมพ์สลากฯ แค่ 54 ล้านฉบับเท่านั้น เนื่องจากตลาดซื้อขายสลากฯน่าจะกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังโรคไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย เพราะประชาชนเดินทางออกจากบ้านมากขึ้น นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีการคลายล็อกดาวน์ระยะที่ 3 และผ่อนปรนมาตรการต่างๆให้สามารถกลับมาเปิดห้างสรรพสินค้า ตลาด และร้านค้าได้ รวมถึงการเดินทางข้ามจังหวัดด้วย ซึ่งอำนวยความสะดวกให้กับผู้ค้าสลากฯเป็นอย่างมากนายพชรกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามการพิมพ์สลากฯเพิ่มขึ้นในงวด 16 มิ.ย.นี้ จะช่วยบรรเทาปัญหาพ่อค้ารายใหญ่ที่เก็งกำไรจากตอนสลากฯพิมพ์ออกมาน้อย และตั้งราคาสูงได้ เพราะเมื่อสลากฯออกมามากขึ้น ราคาก็จะลดลงตามกลไกตลาด ซึ่งเป็นเรื่องปกติ นอกจากนี้การที่มีสลากฯมากขึ้น ประชาชนก็จะหาซื้อได้ง่ายกว่าเดิมด้วย | คอหวยเตรียมเฮ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เตรียมกลับมาพิมพ์สลากฯเพิ่มเป็น 97 ล้านฉบับ ในงวด 16 มิ.ย.2563 หลังลดยอดพิมพ์ไปเกือบครึ่งช่วงโควิด-19 ระบาด จนยอดขายตก พชร มั่นใจหลังโรคระบาด | ข่าว,ทั่วไทย | ข่าวหน้า1,หวยรัฐ,พิมพ์หวยเพิ่ม,สลากกินแบ่งรัฐบาล,พชร อนันตศิลป์,ราคาลดลง,ข่าววันนี้,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1863278 |
หุ่นยนต์ บาร์เทนเดอร์ ชงเครื่องดื่มได้ชั่วโมงละ 80 แก้ว | หุ่นยนต์บาร์เทนเดอร์ในคลับกลางกรุงปรากของสาธารณรัฐเช็ก เป็นหุ่นยนต์ขนาดใหญ่มี 2 แขน และมีฐานเป็นบาร์ ที่สามารถผสมเครื่องดื่มจากขวดเครื่องดื่มต่างๆ บนเพดาน ได้ถึง 16 เมนูผู้จัดการของคลับแห่งนี้เล่าว่า หุ่นยนต์ยังสามารถผสมเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมซับซ้อนอย่างโมฮิโต ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ตั้งแต่หั่นมะนาว เทน้ำตาล และเขย่าไปพร้อมกับน้ำแข็งนอกจากนี้ทางร้านยังวางแผนที่จะตั้งโปรแกรมให้มันสามารถผสมเครื่องดื่มได้มากถึง 50 รายการในอนาคตสำหรับวิธีสั่งเครื่องดื่มก็ง่ายดายเพียงแค่กดเลือกเมนูบนหน้าจอทัชสกรีนลูกค้าก็จะได้รับเครื่องดื่มในเวลาไม่นาน เพราะหุ่นยนต์ตัวนี้สามารถผสมเครื่องดื่มได้ถึง 80 แก้วต่อชั่วโมง ขณะที่รสชาติเป็นที่ถูกอกถูกใจของลูกค้าทั้งนี้ การนำหุ่นยนต์บาร์เทนเดอร์มาสร้างสีสันในร้าน ไม่ใช่ครั้งแรกที่คลับแห่งนี้สร้างความฮือฮาเรียกลูกค้าด้วยเทคโนโลยีเพราะก่อนหน้านี้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เคยนำหุ่นยนต์ดีเจมาเปิดเพลงและสแครชแผ่นให้ลูกค้าได้เร้าใจมาแล้ว | คลับแห่งหนึ่งในกรุงปรากของสาธารณรัฐเช็กเริ่มใช้หุ่นยนต์บาร์เทนเดอร์มาบริการลูกค้าแทนคน โดยหุ่นยนต์ตัวนี้สามารถผสมเครื่องดื่มได้ถึงชั่วโมงละ 80 แก้ว | วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี | หุ่นยนต์บาร์เทนเดอร์,CZECH-ROBOT BARTENDER,ชงเครื่องดื่ม,คลับเช็ก,ThaiPBSnews | https://news.thaipbs.or.th/content/281927 |
ปิกอัพซิ่งเสียหลัก พุ่งชนเพิงขายขนมจีนเมืองคอน ลูกค้านั่งกิน ดับ 2 | เวลา 11.30 น. วันที่ 28 ม.ค. ร.ต.อ.ชำนาญ พรหมเรือง รอง สว.(สอบสวน) สภ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งว่ามีเหตุรถยนต์กระบะเสียหลักชนเพิงร้านขนมจีนริมถนนสายนบพิตำ-กรุงชิง หมู่ 2 บ้านลำวัง ต.นบพิตำ อ.นบพิตำ มีผู้บาดเจ็บหลายรายที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะ สีบรอนซ์เงินตอนครึ่ง ทะเบียน 2548 นครศรีธรรมราช เสียหลักพุ่งชนเข้าไปในเพิงร้านขายขนมจีนริมถนน เสียหายพังราบทั้งหลัง พบร่างคนเจ็บสาหัส 3 ราย ซึ่งเป็นลูกค้าขณะนั่งกินขนมจีน เจ้าหน้าที่รีบนำส่ง รพ.นบพิตำ แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตที่ รพ.นบพิตำ 2 ราย ชื่อ นางกัลยา จูช่วย อายุ 65 ปี และนางพรรณี อุระวงศ์ อายุ 53 ปี ส่วนนางสินธร แสงระวี อายุ 50 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัสสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ขณะที่คนตายและคนเจ็บ กำลังนั่งกินขนมจีนที่เพิงขายขนมจีนริมถนนดังกล่าว ทันใดนั้น รถกระบะที่วิ่งผ่านมา ได้เสียหลักพุ่งเข้าชนเพิงขายขนมจีนอย่างจังจนพังราบทั้งหลัง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ศพ และบาดเจ็บสาหัส 1 รายดังกล่าว โดยหลังเกิดเหตุคนขับเป็นชายหนุ่ม ได้อาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไป | หนุ่มตีนผีซิ่งกระบะเสียหลัก พุ่งชนร้านขนมจีนริมถนนนบพิตำ-กรุงชิง จ.นครศรีธรรมราช ลูกค้าไปนั่งกินขนมจีน โชคร้ายถูกชนกระเด็นบาดเจ็บสาหัส 3 ราย ไปตายที่ รพ. 2 ศพ ส่วนคนขับอาศัยช่วงชุลมุน หลบหนี | ข่าว,ทั่วไทย | ชนร้านขนมจีน,ชนเพิงขายขนมจีน,ชนร้านขนมจีนตาย2,ชนร้านขนมจีน นครศรีธรรมราช,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/central/1758600 |
รวบแล้ว แก๊งโจรยกตู้เซฟสหกรณ์การเกษตรฯ ธ.ก.ส.สุรินทร์ | เตรียมขยายผลต่อไป,วันที่ 31 มี.ค. 58 เวลา 16.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.กาญจน์พศ ชัยศิริชาญพนา ผบก.ภ.จว.สุรินทร์ พ.ต.อ.นิธิศ ปิติธีรโชติ ผกก.สภ.ศีขรภูมิ แถลงผลการจับกุมแก๊งโจรกรรมตู้เซฟ ประกอบด้วย นายสหกฤษ หรือ นวย สายสุด อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 94 หมู่ 4 ต.สะเดา อ.พลับพลาชัย จ.บุรีรัมย์ นายณัฐพล หรือ ติ๋ม มาสืบดี อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59 หมู่ 2 ต.บ้านสิงห์ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ นายเกียรติศักดิ์ หรือ วร ดีทวี อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 77 หมู่ 12 ต.ตระแสง อ.เมืองสุรินทร์,ทั้งนี้ จับกุมได้ที่กระท่อมไม่มีเลขที่ หมู่ 2 ต.บ้านสิงห์ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ โดยผู้ต้องหารับสารภาพว่า ได้ร่วมกันลักตู้เซฟของสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาด ธ.ก.ส.สุรินทร์ จำกัด สาขาศีขรภูมิ กม.4 ถนนสายศีขรภูมิ–รัตนบุรี ต.หนองขวาว อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ จริง สารภาพเงินที่ได้มาแบ่งกัน 3 ส่วน และได้นำไปใช้จ่ายหมดแล้ว,พล.ต.ต.กาญจน์พศ ชัยศิริชาญพนา ผบก.ภ.จว.สุรินทร์ เผยว่า เกิดเมื่อวันที่ 9 ก.พ. 58 ที่ผ่านมา ร.ต.ท.กิติพงษ์ หงส์สูง ร้อยเวรสอบสวน สภ.ศีขรภูมิ ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาด ธ.ก.ส.สุรินทร์ จำกัด สาขาศีขรภูมิ กม.4 ถนนสายศีขรภูมิ – รัตนบุรี ต.หนองขวาว อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ ว่าได้มีกลุ่มคนร้ายบุกเข้ามาวางยาเบื่อฆ่าสุนัข ในอาคารสำนักงาน และตู้เซฟบรรจุเงิน 1 แสนกว่าบาท ออกไปทางด้านหลังอาคารที่เป็นทุ่งนา โดยกลุ่มคนร้ายได้ยกตู้เชฟใส่รถปิกอัพที่นำมาจอดรอไว้ ก่อนหลบหนีไป,เจ้าหน้าที่สืบสวนทราบว่า กลุ่มคนร้ายได้นำตู้เชฟไปทิ้งในสระน้ำของ นายประภาส ภูมิมี อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 74 หมู่ 14 บ.หนองไฮ ต.หนองขวาว อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ ที่อยู่ติดถนนสายศีขรภูมิ – รัตนบุรี กม.ที่ 4 ฝั่งตรงข้ามสำนักงานสหกรณ์การเกษตรฯ อ.ศีขรภูมิ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานสุรินทร์ จึงได้เก็บหลักฐาน จนนำมาซึ่งการจับกุมแก๊งคนร้ายดังกล่าว,ผบก.ภ.จว.สุรินทร์ เผยอีกว่า แก๊งนี้เป็นแก๊งรายใหญ่ ตระเวนก่อนเหตุมาแล้วในหลายพื้นที่ มีความชำนาญใช้อุปกรณ์งัดแงะ และเคยติดคุกมาแล้ว เพิงพ้นโทษมาได้ไม่นาน ตระเวนก่อเหตุมาแล้วในหลายท้องที่ อาทิ จ.สุรินทร์ บุรีรัมย์ ร้อยเอ็ด ขอนแก่น อุดรธานี ระยอง และจันทบุรี นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้ยึดของกลางเป็นรถยนต์นิสสัน 4 ประตู รุ่นนาวาร่า ทะเบียน กธ 9903 ลำปาง ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ และยึดธนบัตรสกุลดอลลาร์ 2 ฉบับ พร้อมตั๋วจำนำที่นำสร้อยคอทองคำไปจำนำ 1 ใบ โดยเจ้าหน้าที่จะได้ทำการสอบสวนขยายผลต่อไป. | ตร.สภ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ รวบ 3 ผู้ต้องหา แก๊งโจรกรรมตู้เซฟ สหกรณ์การเกษตรฯ ธ.ก.ส.สุรินทร์ มีความชำนาญในการงัดแงะ สารภาพเงินที่ได้มาใช้จ่ายหมดแล้ว พบประวัติเพิ่งออกจากคุกมาได้ไม่นาน ตระเวนก่อเหตุหลายพื้นที่ ตร.เร่งสอบสวน | ข่าว,ทั่วไทย | แก๊งโจรกรรมตู้เซฟ,ธกส.,สหกรณ์เพื่อการเกษตร,สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาด,ปล้นทรัพย์,ชิงทรัพย์,ตู้เซฟ,ยกตู้เซฟ,กาญจน์พศ ชัยศิริชาญพนา,ศีขรภูมิ,สุรินทร์,กิติพงษ์ หงส์สูง,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าว,ข่าวทั่วไทย,ภูมิภาค | https://www.thairath.co.th/news/local/490294 |
แฮร์ริงตัน ทำ 7 อีเกิ้ลขึ้นเป็นผู้นำศึกพีจีเอ แกรนด์สแลม ออฟ กอล์ฟ | กอล์ฟ พีจีเอ แกรนด์สแลม ออฟ กอล์ฟ ที่เกาะเบอร์มิวด้า รายการนี้ชิงเงินรางวัลรวม 1.35 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 40.5 ล้านบาท การแข่งขันวันแรก แปแดร็ก แฮร์ริงตัน โปร์ชาวไอร์แลนด์ ที่เดินทางมาแข่งขันแทนเออร์นี่ เอลส์ ที่บาดเจ็บข้อเท้าถอนตัวออกจากแข่งขัน โชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เก็บได้ถึง 7 อีเกิ้ล เสีย 2 โบกี้ คะแนนรวมวันแรก จบที่ 5 อันเดอร์พาร์ 66 ขึ้นเป็นผู้นำเดี่ยว นำ บั๊บบ้า วัตสัน จากสหรัฐอเมริกา 2 สโตก ส่วนอันดับที่ 3 เป็น เว๊บบ์ ซิมป์สัน โปร์จากสหรัฐ ตีเข้ามา 2 อันเดอร์พาร์ไทเกอร์ วู้ดส์ เตรียมลงแข่งขันกอล์ฟรายการ คาม คลาสสิก ที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งรายการนี้เป็นทัวร์ผสมระหว่างพีจีเอ ทัวร์ กับเอเชี่ยนทัวร์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ไทเกอร์ กลับมาแข่งขันที่มาเลเซียครั้งแรกในรอบ 13ปี แม้ไทเกอร์จะไม่สามารถคว้าแชมป์ระดับเมเจอร์ได้ตั้งแต่ปี 2008 แต่โปรหมายเลข 2 ของโลกยังมุ่งมั่นกับการทำผลงานให้ได้ดีต่อไป โดยหลังจากจบการแข่งขันที่ประเทศมาเลเซีย ไทเกอร์ วู้ดส์ จะไปดวลวงสวิงกับ รอรี่ แม็คอิลลอย โปรมือ 1 ของโลกชาวไอร์แลนด์เหนือที่ประเทศจีน และต้องการแก้มือกับ รอรี่ แมคอิลลอย หลังจากไทเกอร์ พลาดท่าแพ้ในไรเดอร์คัพเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา | แปแดร็ก แฮร์ริงตัน โปร์ไอร์แลนด์ เก็บได้ถึง 7 อีเกิ้ล เสีย 2 โบกี้ คะแนนรวมวันแรก จบที่ 5 อันเดอร์พาร์ ขึ้นเป็นผู้นำศึกพีจีเอ แกรนด์สแลม ออฟ กอล์ฟ ที่เมืองเซาธ์แฮมตัน เกาะเบอร์มิวด้า | กีฬา | กอล์ฟ,พีจีเอ,แปแดร็ก แฮร์ริงตัน,แฮร์ริงตัน | https://news.thaipbs.or.th/content/120768 |
ญาติรอผอ.ขอขมาศพ ทุบหัวสาวตรังคาห้องน้ำร.ร. ผัวรับรู้ความสัมพันธ์ตลอด | วันที่ 27 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาฆ่าทุบหัว บีบคอ น.ส.ลัดดา จินดาแก้ว อายุ 35 ปี ชาวบ้านเกาะไทร อ.วังวิเศษ จ.ตรัง เสียชีวิตในห้องน้ำโรงเรียนบ้านหนองคล้า ม.7 ต.เขาวิเศษ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง โดยผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัวรอฝากขัง คือนายวินิจ อัครสุวรรณกุล อายุ 53 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองคล้า ที่เกิดเหตุนั่นเอง โดยเบื้องต้นทราบว่า สาเหตุมาจากเรื่องชู้สาว ระหว่างผู้ต้องหากับผู้ตาย (อ่านข่าว ,สุดช็อก ผอ.ฆ่าเอง ทุบหัวแม่ ขณะรอลูกในห้องน้ำโรงเรียนที่ตรัง ปมชู้สาว,),ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้ไปพบกับครอบครัวของผู้ตาย ทั้งพ่อ สามี และญาติๆ ซึ่งเตรียมจัดงานศพให้ผู้ตายที่บ้านเกาะไทร กำหนดฌาปนกิจที่วัดเขาพระวิเศษ ในวันที่ 3 สิงหาคมนี้ โดยญาติกล่าวว่า จะรอให้ผู้ต้องหามาขอขมาศพ น.ส.ลัดดา ก่อนจึงจะเผา ขณะที่สามีผู้ตายได้กล่าวยอมรับว่า ตนเองรู้มาตลอดว่าภรรยามีความสัมพันธ์กับ ผอ.คนนี้,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุฆาตกรรมครั้งนี้เกิดตอนหัวค่ำช่วงเวลา 20.00 น. วันที่ 24 กรกฎาคม 60 ร.ต.อ.นัฐพงษ์ ชาพรหมสิทธิ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เขาวิเศษ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ได้รับจากแจ้งจาก นายสมจิตร ชัยเพชร อายุ 65 ปี อดีตนักการภารโรงบ้านหนองคล้า ต.เขาวิเศษ ว่าพบศพภายในห้องน้ำโรงเรียนบ้านหนองคล้า หมู่ 7 ต.เขาวิเศษ อ.วังวิเศษ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.ชาติชาย วงศ์ปัญญา รอง ผกก.(สอบสวน) และกำลังชุดสืบสวนรุดเดินทางไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพบรรเทาเขาวิเศษ พบร่างผู้เสียชีวิต ทราบชื่อ น.ส.ลัดดา จินดาแก้ว อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 203 หมู่ 21 บ้านเกาะไทร อ.วังวิเศษ จ.ตรัง เป็นแม่บ้าน สภาพศพสวมเสื้อยืดสีเหลือง นุ่งกางเกงขาสั้นสีครีม นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตจมกองเลือดที่เจิ่งนองตามพื้นห้องน้ำ,จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ มีพยานเห็นผู้ตายพาลูกชายมาเตะฟุตบอลที่สนามหญ้าของโรงเรียน กระทั่งหายเงียบไป หลังเลิกเล่นฟุตบอลลูกไม่เจอแม่ ประกอบกับเป็นช่วงเวลามืดค่ำ จึงวิ่งไปขอความช่วยเหลือให้ชาวบ้านช่วยออกตามหาแม่ พบกลายเป็นศพนอนคว่ำหน้า มีบาดแผลโดนตีด้วยของแข็งเป็นแผลเหวอะบริเวณศีรษะ และมีร่องรอยเขียวช้ำบริเวณใบหน้า ขอบตาบวมปูด ต้นแขนทั้งสองข้างมีรอยช้ำ คล้ายถูกจับมัด,ต่อมา จากการนำศพไปพิสูจน์ที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (มอ.) สงขลา พบว่าคนตายถูกทุบจนกะโหลกยุบและร้าว สันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากความโกรธแค้นส่วนตัว และคนร้ายเป็นคนรู้จักกัน เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ ทาง พล.ต.ต.สมพงศ์ ทองใบ ผบก.ภ.จ.ตรัง จึงมีคำสั่งแต่งตั้งชุดเฉพาะกิจเข้ามาคลี่คลายคดี มี พ.ต.ท.บรรเทา ปลอดทอง รอง ผกก.สส.ภ.จ.ตรัง เป็นหัวหน้าทีมสืบสวนและ พ.ต.ท.ชาติชาย วงศ์ปัญญา รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เขาวิเศษ เป็นหัวหน้าทีมสอบสวน นอกจากนี้ยังมีตำรวจกองปราบปรามมาช่วยสืบหาเบาะแสคนร้าย จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาที่เป็นถึง ผอ.โรงเรียนดังกล่าว. | ญาติสาวเหยื่อ ผอ.โหด ทุบหัวบีบคอตายคาห้องน้ำโรงเรียนที่ อ.เขาวิเศษ จ.ตรัง ลั่นรอคนร้ายขอขมาศพผู้ตาย แม้กำหนดวันเผาแล้ว ฝ่ายสามีบอกรู้มาตลอดว่าภรรยามีความสัมพันธ์กับผู้ต้องหา | ข่าว,อาชญากรรม | ฆ่าในห้องน้ำโรงเรียน,ทุบหัวฆ่า,จับผอ.โรงเรียน,โรงเรียนบ้านหนองคล้า,ตรัง,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/crime/1017981 |
โทษฐานที่เป็นคนเมือง : พลเมืองต้องตั้งคำถามและตรวจสอบโครงการของรัฐ | ยศพลและอาทิตย์ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนในวงเสวนา โทษฐานที่เธอและฉันเป็นคนเมือง วงพูดคุยพลวัตของคนเมืองกับการขับเคลื่อนปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานเปิดตัวรายงานสถานการณ์สิ่งแวดล้อมประจำป 2559 เมื่อปลาจะกินดาว 14 จัดโดยชมรมนักข่าวสิ่งแวดล้อมที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 14 ก.ย.2559ยศพลและอาทิตย์เป็นส่วนหนึ่งของภาคประชาสังคมที่ทำงานด้านการอนุรักษ์และตรวจสอบโครงการของรัฐในเมืองใหญ่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและชุมชนหากมองในแง่ดีดูเหมือนว่าการพัฒนาโครงการต่างๆ จะเป็นการผลักดันให้ประเทศมีความก้าวหน้า ทันสมัย แต่หากมองอีกมุมหนึ่งอาจเป็นการลดทอนคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะคนเมืองอย่างโครงการทางเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา ที่รัฐบาลคาดหวังให้เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของกรุงเทพมหานคร ใช้งบประมาณกว่า 30000 ล้านบาทในการก่อสร้างทางเดินและทางจักรยานเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ขณะที่แผนแม่บทมีกำหนดแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2559แสดงทัศนะต่อโครงการนี้ว่า กลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงคือชุมชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ขณะที่คนเมืองส่วนใหญ่ไม่รู้สึกถึงความเดือดร้อน ทั้งที่กำลังเจอภัยคุกคาม แม่น้ำที่ถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ของประเทศกำลังถูกทำลายด้วยคำว่า พัฒนาเพื่อทุกคน แต่การพัฒนาที่ว่านี้ต้องแลกกับการลุกล้ำและทำลายแม่น้ำ แต่คนเมืองกลับมองเรื่องนี้เป็นเรื่องไกลตัว เพราะวิถีชีวิตของคนเมืองไม่ได้ผูกพันกับแม่น้ำเหมือนในอดีตยศพลมองว่า การถกเถียงเรื่องโครงการทางเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาถือว่าเป็นการต่อสู้กันในเชิงอุดมคติ และอุดมคติของแต่ละคนก็แตกต่างกัน ดังนั้นจึงต้องสร้างพื้นที่เพื่อการพูดคุยและบอกว่าการพัฒนาต้องแลกมาด้วยอะไรบ้าง ซึ่งจะทำให้เกิดการถกเถียงเพื่อหาตัวเลือกที่เหมาะสมยศพลยังให้ความเห็นเกี่ยวกับการผลักดันประเด็นทางสังคมของคนเมืองว่า จากการรณรงค์มากว่า 1 ปี เห็นได้ชัดว่าคนเมืองเริ่มตระหนักในเรื่องของสิ่งแวดล้อมมากขึ้นและคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรเพิกเฉย ขณะที่คนรุ่นใหม่ก็ให้ความสนใจด้วยการเข้ามาเป็นอาสาสมัคร มาช่วยรณรงค์ ซึ่งคนกลุ่มนี้ถือเป็นความหวังที่หวังได้กับอนาคตของบ้านเมืองและจะเป็นพลังการสื่อสารที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริงเมื่อประเทศยังต้องได้รับการพัฒนาต่อไป แล้วคนเมืองจะมีส่วนร่วมรับผิดชอบอย่างไร และการดึงพลังของคนเมืองมาร่วมขับเคลื่อนสังคมจะสามารถทำได้จริงหรือไม่ หรือคนเมืองจะเป็นเพียงตัวแปรหนึ่งของทุกปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมเท่านั้น ตั้งคำถามเกี่ยวกับการกำหนดทิศทางในการพัฒนากรุงเทพมหานคร ว่าแท้จริงแล้วถูกกำหนดด้วยอะไร หรือถูกกำหนดด้วยคำว่า อสังหาริมทรัพย์ โดยเป็นการจัดการเมืองเพื่อหวังเก็งกำไรในด้านธุรกิจและอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก เนื่องจากผังเมืองของกรุงเทพฯ ถูกใช้เป็นเครื่องมือทำให้คนเข้ามาใช้ทรัพย์สินหรือพื้นที่เพื่อผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม และหากมีการเอื้อให้มีการพัฒนาพื้นที่เพื่อเชิงพาณิชย์เพิ่มมากขึ้น คำถามต่อมาคือ คุณค่าและคุณภาพชีวิตของคนจะอยู่ที่ไหนเครือข่ายมักกะสันเป็นกลุ่มอิสระที่รวมตัวกันหลวมๆ เพื่อ ร่วมกับปกป้องสิ่งแวดล้อมโดยไม่แสวงประโยชน์และไม่เกี่ยวข้องกันนักการเมืองเป้าหมายเบื้องต้นของการทำงาน คือ การทำให้คนกรุงเทพฯ ตระหนักรู้ว่ากรุงเทพฯ เหลือพื้นที่สีเขียว อันเป็นปอดผืนสุดท้ายอยู่ใจกลางเมืองหลวง ที่คนกรุงเทพฯและคนไทยทั้งประเทศ ควรมีโอกาสพิจารณาร่วมกันว่าต้องการให้พื้นที่แห่งนี้เป็นอะไร ในขณะที่เป้าหมายสูงสุดของเครือข่ายฯ คือ ทำให้พื้นที่โรงงานรถไฟมักกะสันเป็นปอดของกรุงเทพฯอาทิตย์บอกว่า ประเทศที่อยากจะพัฒนาเศรษฐกิจให้ก้าวหน้า มักจะมีการนำเหตุผลต่างๆมาสนับสนุน เช่น การสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือมีวาทกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่า ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ แต่ทั้งนี้ต้องดูเจตนารมณ์ที่แท้จริงของคนที่ต้องการพัฒนาว่าจะพัฒนาไปในทิศทางไหน อย่างกรณีสวนมักกะสันที่เป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ใจกลางเมือง กำลังจะถูกภาครัฐและเอกชนเข้าใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ซึ่งหากคนเมืองเห็นว่ายังมีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่หลงเหลืออยู่ในเมือง จะเป็นตัวชี้วัดสถานะทางความคิดของคนเมืองและลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงหรือแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่าเราต้องการคุณภาพชีวิตที่แตกต่างจากที่เคยเป็นมาอาทิตย์ย้ำว่า การรณรงค์เรื่องเมืองจะเป็นตัวสะท้อนประชาธิปไตยและอำนาจของประชาชนอย่างแท้จริง เพราะมันเป็นหน้าที่ของเราทุกคน ขณะที่ผู้นำในการขับเคลื่อนต้องคิดหาวิธีการและช่องทางที่จะทำให้คนที่เริ่มรับสารมากขึ้นหันมาสนใจคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญต้องมีความหวัง แต่อย่าให้ความคาดหวังเป็นตัวดับความหวังที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงนับจากไปนี้ การพัฒนาประเทศชาติและการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองไม่ได้เป็นเรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องมีส่วนร่วมในฐานะพลเมืองของประเทศ | ยศพล บุญสม ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่ม Friends of the River และ อาทิตย์ โกวิทวรางกูร สมาชิกเครือข่ายมักกะสัน สองนักกิจกรรมหนุ่มร่วมแลกเปลี่ยนความคิดและประสบการณ์ที่ได้จากการทำงานรณรงค์ด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและชุมชนในกรุงเทพมหานคร | สิ่งแวดล้อม | โทษฐานที่เธอและฉันเป็นคนเมือง,พลวัตคนเมือง,สิ่งแวดล้อม,พัฒนาเมือง,คุณภาพชีวิต,ยศพล บุญสม,อาทิตย์ โกวิทวรางกูร,อสังหาริมทรัพย์,พลเมือง,คนเมือง,ข่าวไทยพีบีเอส,ThaiPBSnews | https://news.thaipbs.or.th/content/255843 |
หมอสนธยา เปิดคลินิกรักษาโรคฟรี ถวายสมเด็จย่าต่อเนื่องเป็นปีที่21 | เมื่อวันที่ 18 ก.ค.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่คลินิก สนธยาการแพทย์ ของนายแพทย์ สนธยา วัฒนโกศล ตั้งอยู่เลขที่ 21 ถนนนิวาศ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ตั้งแต่ช่วงเช้าได้มีประชาชน ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ คนชราและผู้ยากไร้จำนวนมากแห่มาเข้าคิว เพื่อรอรับการตรวจรักษาโรค ที่นายแพทย์สนธยา ได้ร่วมกับคณะแพทย์-พยาบาลจากทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัดรวมกว่า 10 จังหวัด ได้เปิดให้บริการตรวจรักษาโรคฟรีทุกวันที่ 18 กรกฎาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีหรือ สมเด็จย่า เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จย่าที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย และเพื่อน้อมเกล้าฯถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโครงการ ทำดีเพื่อพ่อหลวง ซึ่งได้มีการจัดต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ปีละ 2 ครั้ง คือทุกวันที่ 18 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของสมเด็จย่า และวันที่ 5 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันพ่อแห่งชาติ โดยจัดต่อเนื่องติดต่อกันมาปีนี้เป็นปีที่ 21 แล้ว,ทั้งนี้ คาดว่าตลอดทั้งวันน่าจะมีประชาชน เดินทางเข้ามารับบริการตรวจรักษาโรคฟรีในครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 1,000 คน ซึ่งส่วนมากเป็นชาวบ้าน เกษตรกร และกลุ่มผู้ใช้แรงงานที่เจ็บป่วยเนื่องจากการทำงานหนัก นอกจากนั้นยังมีผู้มีจิตศรัทธา และห้างร้านต่างๆ ได้นำอาหารคาว หวาน น้ำดื่ม แว่นตา มาแจกจ่ายชาวบ้านที่มารับบริการตรวจรักษาโรคฟรีในครั้งนี้ด้วยรวมถึงยังมีการให้บริการตัดผมชาย-หญิงฟรี การบริการนวดแผนโบราณ บริการเพ้นท์เล็บฟรี การแสดงดนตรีพื้นบ้านโปงลาง จากเด็กนักเรียน เพื่อขับกล่อมและสร้างสีสันในงานด้วย,สำหรับนายแพทย์สนธยา วัฒนโกศล เป็นอดีตเป็นแพทย์ประจำอยู่โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ได้ลาออกมาเปิดคลินิกนานกว่า 10 ปีแล้วหลังจากที่สมเด็จย่าสวรรคต เมื่อปี 2539 และได้เปิดให้บริการตรวจรักษาฟรีให้กับประชาชนที่เจ็บป่วย และมีฐานะยากจน ติดต่อกันมาเป็นประจำทุกปี ปีละ 2 ครั้ง คือทุกวันที่ 18 กรกฎาคมของทุกปีซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่า และวันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันพ่อแห่งชาติโดยใช้งบประมาณส่วนตัวและเพื่อนแพทย์-พยาบาล รวมถึงผู้มีจิตศรัทธาร่วมสนับสนุนในการจัดซื้อยาเวชภัณฑ์,ทั้งนี้ นายแพทย์สนธยา ได้ปณิธานไว้ว่าจะเปิดให้บริการตรวจรักษาโรคฟรีแก่ประชาชนไปตลอดเป็นประจำทุกปีจนกว่าจะหมดลมหายใจเพื่อเป็นการตอบแทนคุณแผ่นดิน และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จย่าและพ่อหลวงของปวงชนชาวไทย โดยหวังว่าการทำความดีในครั้งนี้ จะเป็นการจุดประกายให้คนไทยทั้งประเทศได้หันมาร่วมกันทำความดีเพื่อพ่อหลวงในรูปแบบต่างๆ เพื่อสนองพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ อย่างไม่เหน็ดเหนื่อยย่อท้อเพื่อพสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดด้วย | นพ.สนธยา อดีตหมอ รพ.บุรีรัมย์ ผู้ได้รับการขนานนามว่า หมอใจบุญ เปิดคลินิกให้บริการตรวจรักษาโรคฟรี แก่ประชาชนผู้เจ็บป่วยที่ยากไร้ฟรี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จย่าต่อเนื่องเป็นปีที่ 21 | null | สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี,ถวายสมเด็จย่า,สนธยา วัฒนโกศล,สนธยาการแพทย์,รักษาฟรี,บุรีรัมย์,ข่าว,ทั่วไทย,ข่าวทั่วไทย,ไทยรัฐ,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/content/666579 |
ลาเมลา แฮตทริก ไก่ จิก โมนาโก 4-1 ลิ่ว 32 ทีม ยูโรปาลีก | การแข่งขันศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก 2015-16 ประจำคืนวันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม ซึ่งเป็นการลงเล่นในนัดสุดท้าย รอบแรก คู่ที่น่าสนใจในกลุ่ม เจ ที่สนามไวท์ ฮาร์ท เลน เจ้าถิ่น ไก่เดือยทอง ทอตแนม ฮอตสเปอร์ส พบกับ โมนาโก ทีมดังจากศึก ลีก เอิง ของฝรั่งเศส อันดับที่ 3 ซึ่งยังคงมีลุ้นเข้ารอบ หากสามารถเก็บ 3 แต้มได้ในเกมนี้ และลุ้นให้ อันเดอร์เลชท์ ทีมรองจ่าฝูงพบกับความพ่ายแพ้,เริ่มเกมมาได้เพียงแค่ 2 นาที เจ้าถิ่นได้ประตูออกนำไปอย่างรวดเร็ว จากจังหวะความผิดพลาดของแนวรับโมนาโก เบน เดวิส ตัดบอลได้ก่อนเปิดเข้ากลางให้กับ เอริก ลาเมลา ตวัดด้วยซ้ายเข้าประตูไป ทอตแนม ฮอตสเปอร์ส ขึ้นนำ 1-0,ถัดมานาที 15 จากจังหวะโต้กลับเร็ว ซอน เฮือง มิน โหม่งชงมาให้กับ เอริก ลาเมลา ลากบอลขึ้นมาหน้าประตู ก่อนจะซัดด้วยซ้ายบอลเสียบมุมเข้าไปอย่างสวยงาม เจ้าถิ่นขยับหนีออกไปเป็น 2-0,นาที 25 ทีมเยือนได้ลุ้นบ้าง จากลูกฟรีคิกบริเวณกลางสนามเข้ามาหน้าประตู กองหลังเจ้าถิ่นสกัดบอลไม่ขาด มาเข้าทาง ทิมูเอ บากาโยโก วิ่งเข้ามากดเต็มข้อด้วยขวา บอลพุ่งเฉียดโคนเสาหลุดกรอบไปนิดเดียว,น.37 จากจังหวะเสียลอลกลางสนามของทีมเยือน ซอน เฮือง มิน ไหลใส่พานต่อให้กับ เอริก ลาเมลา คนเดิม แปเน้นๆ ด้วยขวา เข้าประตูไป ไก่เดือยทองหนีห่าง 3-0 และเป็นแฮตทริกของเจ้าตัวในเกมนี้,จากนั้นยังคงเป็นเจ้าถิ่นที่ครองเกมได้เหนือกว่า แต่ยังไม่สามารถทำประตูเพิ่มได้ ทำให้จบครึ่งแรก ทอตแนม ฮอตสเปอร์ส นำอยู่ 3-0,ครึ่งหลังเกมอยู่ในการครอบครองของนักเตะทีมไก่เดือยทองเป็นส่วนใหญ่ และได้ลุ้นอีกครั้งในนาที 56 จาก ซอน เฮือง มิน ไหลทะลุช่องให้กับ โจชัว โอโนมาห์ เกี่ยวหลบกองหลังโมนาโกหนึ่งจังหวะ ก่อนยิงด้วยซ้ายแต่ยังถูก ดานิเยล ซูบาซิช ทุบทิ้งออกไปได้,กระทั่งนาที 61 โมนาโก มาได้ประตูตีไข่แตกเป็น 3-1 เมื่อ เอ็มเบ็บเป โลต์แตง จ่ายให้กับ สเตฟาน เอล ชาราวี ปั่นด้วยขวาบอลโค้งหนีมือ ฮูโก ยอริส เข้าประตูไปอย่างสวยงาม,และในนาที 77 ทีมไก่เดือยทองมาได้ประตูหนีห่างออกไปเป็น 4-1 เมื่อกองหลังของทีมโมนาโกสกัดบอล ทอม คาร์โรล เก็บตกได้จังหวะสอง ก่อนจะลากเข้ามายิงมุมแคบอย่างเลือดเย็น,ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีทีมใดทำประตูเพิ่มได้ จบเกม ทอตแนม ฮอตสเปอร์ส เปิดบ้านเอาชนะ โมนาโก ไปอย่างขาดลอย 4-1 ควงคู่ อันเดอร์เลชท์ จากกลุ่มเจ เข้าไปเล่นในรอบ 32 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ ขณะที่ โมนาโก และ คาราบัค จากอาเซอร์ไบจาน ตกรอบไปตามระเบียบ., ,รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม,ทอตแนม ฮอตสเปอร์ : ฮูโก ยอริส, โทบี อัลเดอร์ไวเรลด์, คีแรน ทริปเปียร์, เควิน วิมเมอร์, เบน เดวิส, เอริก ไดเออร์, เอริก ลาเมลา, คลินตัน เอ็นจี, ทอม คาร์โรล, จอช โอโนมาห์,โมนาโก : ดานิเยล ซูบาซิช, วอลเลซ, เอลเดอร์สัน, นาบิล ดิราร์, เจา มูตินโญ, แบร์นาโด ซิลวา, ทิมูเอ บากาโยโก, มาริโอ ปาซาลิช, เฌเรมี ตูลาลอง, ลาซินา ตราโอเร, สเตฟาน เอล ชาราวี,ผลการแข่งขันคู่อื่น,กลุ่ม จี, ,ดนิโปร ดนิโปรเปตรอฟ ชนะ โรเซนบอร์ก 3-0,เเซงต์ เอเตียน เสมอ ลาซิโอ 0-0,กลุ่ม เอช,สปอร์ติง ลิสบอน ชนะ เบซิคตัส 3-1,สเคนเตอร์บู แพ้ โลโคโมทีฟ มอสโก 0-3,กลุ่ม ไอ, ,ฟิออเรนตินา ชนะ เบเลเนนส์ 1-0,เลช พอชนัน แพ้ เอฟซี บาเซิล 0-1,กลุ่ม เจ, ,อันเดอร์เลชท์ ชนะ การาบัค 2-1,กลุ่ม เค, ,อาโปเอล นิโคเซีย แพ้ สปาร์ตา ปราก 1-3,แอสเตรัส แพ้ ชาลเก 04 0-4,กลุ่ม แอล, เอฟเค ปาร์ติซาน แพ้ เอาก์บวร์ก 1-3,แอธเลติก บิลเบา เสมอ เอแซด อัลค์มาร์ 2-2,สรุปทีมที่ผ่านเข้าสู่รอบ 32 ทีมสุดท้าย,24 ทีมจากรอบแบ่งกลุ่ม, ได้แก่ โมลด์, เฟเนบาห์เช, ลิเวอร์พูล, ซิยง, คราสโนดาร์, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, นาโปลี, มิดทิลแลนด์, ราปิด เวียนา,บียาเรอัล, บรากา, โอลิมปิก มาร์กเซย, ลาซิโอ, เเซงต์ เอเตียน, โลโคโมทีฟ มอสโก, สปอร์ติง ลิสบอน, เอฟซี บาเซิล, ฟิออเรนตินา, ทอตแนม ฮอตสเปอร์, อันเดอร์เลชท์, ชาลเก 04, แอธเลติก บิลเบา, เอาก์สบวร์ก,อันดับที่ 3 จากรอบแบ่งกลุ่ม ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 8 ทีม, ได้แก่ เอฟซี ปอร์โต, โอลิมเปียกอส, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น, เซบียา, บาเลนเซีย, กาลาตาซาราย, ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค | เอริก ลาเมลา ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการทำแฮตทริกให้กับตัวเองตั้งแต่ครึ่งแรก ช่วยให้ ทอตแนม ฮอตสเปอร์ส เปิดบ้านไล่อัด โมนาโก จากฝรั่งเศส ไปอย่างขาดลอย 4-1 คว้าแชมป์กลุ่มทะลุรอบ 32 ทีม ศึกยูโรปา ลีก ได้สำเร็จ | null | ผลบอล,ยูฟ่า ยูโรปาลีก,รอบแบ่งกลุ่ม,รอบแรก,กลุ่ม เจ,ทอตแนม ฮอตสเปอร์ส,โมนาโก,ซอน เฮือง มิน,เอริก ลาเมลา,สเตฟาน เอล ชาราวี,ข่าว,ข่าวกีฬา,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/content/547462 |
ทรพีแทงพ่อตาย | โมโหโดนด่า ไม่หางานทํา เป็นทาสสุรา,ลูกทรพีปิตุฆาตใช้มีดแทงพ่อดับ หลังลูกชายพาเมียกลับบ้านมาเยี่ยมพ่อที่ จ.สิงห์บุรี พ่อไม่พอใจต่อว่าลูกติดเหล้าไม่ยอมทำงานแล้วโยนเสื้อผ้าออกนอกบ้าน จนโมโหโต้เถียงเสียงดังใช้มีดแทงบุพการีแล้วเผ่นหนี ตำรวจตามจับได้ที่บ้านเมียใน จ.ชัยนาท ยอมจำนนแจ้งข้อหาหนัก,ลูกทรพีติดเหล้าโมโหแทงพ่อดับ เปิดเผยเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 1 ม.ค. ร.ต.อ.นนทกร ศาลาคราม พนักงานสอบสวน สภ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี รับแจ้งเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลอินทร์บุรีว่า มีชายถูกแทงเข้ามารักษาตัวต่อมาเสียชีวิต ไปตรวจสอบพร้อมตำรวจฝ่ายสืบสวนพบศพนายเสน่ห์ คงหลำ อายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่ 662 หมู่ 6 ต.อินทร์บุรี อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ถูกแทงเข้าที่ท้อง 1 แผล,จากการสอบสวนทราบว่า ที่เกิดเหตุอยู่ที่บ้านของนายเสน่ห์ ผู้ก่อเหตุคือนายธีระเดช คงหลำ อายุ 32 ปี เป็นลูกชาย หลังก่อเหตุหลบหนีไปแล้ว ตำรวจนำกำลังติดตามล่าตัว ต่อมา พ.ต.ท.สมเจตน์ แม้นบุตร รอง ผกก.ป. สภ.อินทร์บุรี และ พ.ต.ท.นิรันดร์ เรืองวงษ์ สวป. นำกำลังเข้าจับกุมตัวนายธีระเดชที่บ้านใน ต.โพนางดำออก อ.สรรพยา จ.ชัยนาท เป็นบ้านภรรยานายธีระเดช นำตัวมาสอบสวนที่ สภ.อินทร์บุรี,นายธีรเดชรับสารภาพว่า ขณะเกิดเหตุตนพาภรรยามาหาพ่อที่บ้าน จ.สิงห์บุรี พ่อไม่พอใจด่าตนไม่ทำงานเอาแต่กินเหล้าแล้วโยนเสื้อผ้าออกนอกบ้าน จนมีปากเสียงทะเลาะกันรุนแรง ตนโมโหจึงหยิบมีดแทงพ่อไป 1 ครั้ง จากนั้นขี่รถ จยย.มาหลบอยู่ที่ จ.ชัยนาท จนมาถูกตำรวจตามจับกุม แจ้งข้อหาฆ่าบุพการี | ลูกทรพีปิตุฆาตใช้มีดแทงพ่อดับ หลังลูกชายพาเมียกลับบ้านมาเยี่ยมพ่อที่ จ.สิงห์บุรี พ่อไม่พอใจต่อว่าลูกติดเหล้าไม่ยอมทำงานแล้วโยนเสื้อผ้าออกนอกบ้าน | null | ข่าวหน้า1,ลูกทรพี,โมโห,ทาสสุรา,แทงพ่อดับ,สิงห์บุรี,ไม่พอใจ,โดนด่า,ไม่หางานทำ,ข่าว,ไทยรัฐฉบับพิมพ์ | https://www.thairath.co.th/content/557095 |
Subsets and Splits
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.