title
stringlengths 2
223
| body
stringlengths 496
195k
| summary
stringlengths 34
1.83k
| type
stringlengths 4
98
⌀ | tags
stringlengths 2
1.52k
⌀ | url
stringlengths 27
112
|
---|---|---|---|---|---|
ใบสั่งแบบใหม่ คนใช้ถนนยังคาใจข้างในลึกๆ จนท.หรือ ประชาชนได้ประโยชน์ (คลิป) | ใบสั่งแบบใหม่มีช่องปฏิเสธใบสั่งด้วย รู้หรือยัง? ใบสั่งของตำรวจรูปแบบใหม่เพิ่มช่องการปฏิเสธใบสั่งด้วย ซึ่งแตกต่างจากของเก่า หากเรามั่นใจว่าเราไม่ได้ทำผิดกฎจราจรสามารถแย้งตำรวจได้ ขณะที่ตำรวจมั่นใจใบสั่งแบบใหม่จะอุดช่องโหว่เรื่องการชำระค่าปรับได้ เพราะมีบาร์โค้ดอยู่มุมบนขวาของใบสั่ง สามารถนำใบสั่งไปชำระผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทยและตรวจสอบได้ อุดช่องโหวในการชำระค่าปรับได้จริง ปฏิเสธใบสั่งได้ด้วย ดีหรือไม่ดี?,รายการ ถามตรงๆ กับจอมขวัญ วันที่ 22 ส.ค.2560 ร่วมถกแขกรับเชิญที่เป็นตัวแทนกลุ่มผู้ใช้รถใช้ถนน และตัวแทนของประชาชนที่เดินหน้าตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ,พี่มาร์ค พิทบูล หรือ นายณัชพล สุพัฒนะ กล่าวถึงการออกใบสั่งใหม่ว่า ใบสั่งแบบใหม่นี่มีคำถามอยู่ในใจ อยากถามว่า ใบสั่งแบบนี้จะมีประโยชน์กับประชาชนอย่างไรบ้าง แล้วจะลดปัญหาตรงไหน สามารถลดการโต้เถียงกับ จนท.บนท้องถนน หรือการติดสินบนเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างไร อีกเรื่องที่คาใจ คือ แล้วทำไมตำรวจต้องยึดใบขับขี่ กลัวไม่จ่ายเหรอ เพราะสุดท้ายคนตัดความรำคาญยอมจ่าย เพราะไม่อยากเสียเวลา ที่ผ่านมาเคยสู้คดีตามขั้นตอนเป็นปีๆ สุดท้ายก็ไม่ผิด แต่มันเสียเงินเสียเวลา,ที่ผ่านมาไม่เห็นตำรวจพัฒนาการทำงาน เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชน มีแต่ทำให้ตัวเองทำงานสบาย คุณพยายามเล่นเกมแมวจับหนู ถ้า ปชช.ถ่ายคลิป ตำรวจทำผิด รับสินบน ตั้งด่าน อย่างมากก็ตำหนิ แค่ตำหนิ แต่ ปชช. โดนปรับติดคุก เสียเวลา ขึ้นศาล ที่ผ่านมามีแต่ตั้ง กก.สอบ แล้วไม่คิดจะปรับปรุงการทำงานอย่างนั้นหรือ มาร์ค พิทบูล กล่าว,ด้าน พี่เจมส์ หรือ นายภีรสิทธิ์ จิระวงศ์ไพศาล ตัวแทนจากกลุ่มปลดแอกชาวสองล้อ หน้าที่ของตำรวจจราจรคืออะไร คือ การอำนวยการจราจร แล้วอยากถามว่า ขณะนี้ เจ้าหน้าที่แก้ปัญหารถติดดีรึยัง หรือมุ่งเน้นการตั้งด่านเพื่อเอาส่วนแบ่งจากใบสั่ง ส่วนตัวอยากให้ตำรวจจราจร ทำงานให้สมเป็นตำรวจจราจร ที่แก้ปัญหารถติดได้ ทุกวันนี้ เช้าและเย็น ตอนที่รถติดหนักๆ ไม่ค่อยเห็นตำรวจจราจร ดังนั้น ขอให้จราจรกลับมาเป็นจราจรที่น่ารัก ประชาชนรักใคร่ พวกเราคนไทยคุยกันรู้เรื่องอยู่แล้ว,ขณะที่ นายสถาพร มงคล ตัวแทนกลุ่มเสือหากินในป่าหมาหากินข้างถนน กล่าวว่า ข้อหาหลักที่โดนจับไม่ชิดขอบทางด้านซ้าย แม้กฎหมายจะมีข้อยกเว้น แต่สุดท้ายก็อยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ แต่เจ้าหน้าที่มักจะไม่มองตรงนั้น รถเรากฎหมายบังคับให้ชิดซ้ายก็ชิด เราจะพยายามไม่อยากทำผิด เราคุยกับคนในกลุ่มจะไม่กระทำผิด อยากให้แก้ไขวิธีการปฏิเสธคดี เพราะตอนนี้ยุ่งยาก เสียเวลาขึ้นศาล 4-5 รอบ อยากให้ความสะดวกกับประชาชน ใบสั่งใช้แทนใบขับขี่ได้ 7 วัน แล้วถ้าเกิน จะเอาอะไรแทนใบขับขี่ ส่วนเรื่องแก้ไข ส่วนตัวมองว่าสิ่งที่ออกมานี้ เป็นการบังคับที่ประชาชน ไม่ใช่การบังคับการปฏิบัติงานของ จนท.,ส่วน พล.ต.ท.วิทยา ประยงค์พันธุ์ ผช.ผบ.ตร.กล่าวว่า ตามหลักการเดิม ประชาชนที่ได้รับใบสั่งสามารถปฏิเสธกระทำผิดได้ นำพยานหลักฐานไปแจ้ง จนท.ระดับ สว.จร. หรือ ร้อยเวร สอบสวน เพื่อเรียกเจ้าหน้าที่ที่ออกใบสั่งมาสอบสวน ถ้าผิดก็เสียค่าปรับ และถ้าไม่ผิดก็ส่งศาลตัดสิน ใบสั่งใหม่ไม่ได้ง่ายขึ้นเลย แต่เราทำให้สอดคล้องกับใบสั่งทางไปรษณีย์ เพราะใบสั่งเอาภาพจากกล้องถ่ายมา หากเจ้าของรถไม่ได้ขับขี่ก็เอาหลักฐานมาแจ้ง จนท.,ใบสั่งใหม่จะทำให้กระบวนการทำงานดีขึ้น เพราะเจ้าพนักงานจะรอบคอบมากขึ้นในการเขียน และกระบวนการจะมากขึ้นในด้าน จนท. แต่ปชช.ไม่ได้มีอะไรเพิ่ม และไม่ได้ทำให้กระบวนการเปรียบเทียบปรับสั้นลง แต่การโต้แย้งกับ จนท.ที่อาจจะไม่จบบนถนน ก็ให้คนกลางที่ สน.มาไกล่เกลี่ย หากเหตุผลพอ ผกก.สน.นั้นๆ สามารถยกเลิกใบสั่งได้เลย แต่ถ้าไม่จบอันนี้จะยาวเพราะต้องไปต่อสู้กันในชั้นศาล ส่วนใบขับขี่ เจ้าพนักงานยังมีอำนาจยึดใบขับขี่อยู่ ตาม พ.ร.บ.การจราจรทางบก. | ใบสั่งของตำรวจรูปแบบใหม่เพิ่มช่องการปฏิเสธใบสั่ง แตกต่างจากของเก่า ที่หากเราไม่ได้ทำผิดกฎจราจรสามารถแย้งตำรวจได้ มันโต้เถียงได้จริงหรือไม่ในทางปฏิบัติ ตัวแทนผู้ใช้ถนนแสนคาใจ เอาออกมาใช้ทำไม เพราะทุกอย่างยังอีหรอบเดิม | ข่าว,ทั่วไทย | ใบสั่งใหม่,ตำรวจจราจร,ถามตรงๆ กับจอมขวัญ,ผู้ใช้รถ,ผิดกฎจราจร,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1046672 |
นกเพนกวินแอนตาร์กติกตกอยู่ในความเสี่ยง | หากช้ากว่านั้นน้ำแข็งจะปกคลุมทำให้ยากต่อการออกหาอาหาร แต่ การวิจัยล่าสุดของนักนิเวศทางทะเลแห่งศูนย์วิทยาศาสตร์แห่งชาติฝรั่งเศส เผยว่า สถานการณ์ของเพนกวินอาเดลีกำลังเสี่ยงที่จะตายเป็นจำนวนมากเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 40 ปี,จากการศึกษาอาณานิคมของเพนกวินอาเดลีที่สถานีวิจัยดูมง ดูร์วีล ในแอนตาร์กติก นักวิจัยเผยว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดการตายแทบจะยกฝูงของเพนกวินนั้น เนื่องมาจากความผิดปกติของน้ำแข็งในทะเล ส่งผลให้พ่อแม่เพนกวินต้องเดินทางไกลกว่าเดิมในการหาอาหารเก็บใส่ท้องตุนไว้ เพื่อนำกลับมาป้อนให้กับลูกนกที่รออยู่ แต่เมื่อเดินทางกลับมาก็พบว่าลูกๆ ของมันรวมถึงคู่ชีวิตที่อยู่กันมาอย่างยาวนานก็ประสบภาวะอดตายไปตามๆกัน,นักวิจัยให้ความเห็นว่าขนาดน้ำแข็งในทะเลขั้วโลกมีความแตกต่างกันไปในแต่ละปี การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศก็ทำให้เกิดความผันผวนมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อชีวิตของสัตว์ที่อาศัยอยู่ในแถบนี้ โดย เฉพาะเพนกวินอาเดลี ดังนั้น กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเรียกร้องให้มีการอนุมัติพื้นที่คุ้มครองทางทะเลใหม่นอกเขตแอนตาร์กติกตะวันออก ซึ่งมองน่าจะช่วยลดความกดดันของเพนกวินจากบรรดานักท่องเที่ยวและพวกที่เข้ามาตกปลาที่เป็นอาหารของเพนกวิน. | เพนกวินอาเดลี พบในแถบซีกโลกใต้ หรือทวีปแอนตาร์กติก โดย รวมกลุ่มอาศัยอยู่กับเพนกวินจักรพรรดิ ทุกฤดูใบไม้ร่วงเพนกวินในแถบนี้จะให้กำเนิดลูกนกและจะรีบออกไปหาอาหารให้ทันก่อนช่วงฤดูหนาวมาเยือน | ข่าว,ต่างประเทศ | นกเพนกวิน,เพนกวินอาเดลี,ทวีปแอนตาร์กติก,น้ำแข็งในทะเล,ทันโลก | https://www.thairath.co.th/news/foreign/1107789 |
หุ่นยนต์ ช่วยฟื้นฟูเด็กสมองพิการแขนขาอ่อนแรง | วันนี้ (29 ส.ค.2562) นพ.ณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า ศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 1 สร้างหุ่นยนต์สำหรับช่วยฟื้นฟูเด็กสมองพิการแขนขาอ่อนแรงและมีความบกพร่องทางการเคลื่อนไหว ได้สำเร็จครั้งแรกในประเทศไทย ก้าวสู่นวัตกรรมเพื่อแข่งขัน เทคโนโลยีทางการแพทย์ Health Wellness and Bio-Med ในเวทีโลกหุ่นยนต์ดังกล่าว มีลักษณะเป็นเครื่องมือฝึกเดินบนลู่ร่วมกับการมีระบบพยุงตัวขณะฝึกเดิน โดยใช้แรงจากการขับเคลื่อนของมอเตอร์ชดเชยการก้าวขาให้กับเด็กพิการแขนขาอ่อนแรง ซึ่งในการใช้เครื่องมือจะต้องมีนักกายภาพบำบัดเป็นผู้ดูแลและประเมินให้เด็กฝึกเดินบนเครื่องที่มีการเคลื่อนไหวในลักษณะวงรี การทำซ้ำๆ อย่างต่อเนื่องจะทำให้เด็กมีความแข็งแรงของกล้ามเนื้อสำหรับหน่วยงานภาครัฐหรือผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดหุ่นยนต์สำหรับช่วยฟื้นฟูเด็กสมองพิการแขนขาอ่อนแรงและมีความบกพร่องทางการเคลื่อนไหว ได้ที่ศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 1 หมายเลขโทรศัพท์ 053- 112 220 | กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สร้างหุ่นยนต์สำหรับช่วยฟื้นฟูเด็กสมองพิการแขนขาอ่อนแรงและมีความบกพร่องทางการเคลื่อนไหว สำเร็จครั้งแรกในไทย | สังคม | คนพิการ,หุ่นยนต์ช่วยผู้พิการ,สบส. | https://news.thaipbs.or.th/content/283523 |
รสชาติเป็นอย่างไร? ปลาดุกร้าสมุนไพรเงาะป่าซาไก ยอดสั่งซื้อถล่มทลาย | นางเพียงเพ็ญ คงแสง อายุ 50 ปี ชาวตำบลชุมพล อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง ประธานกลุ่มแปรรูปปลาดุกร้าสมุนไพรเงาะป่าซาไก และแพทย์แผนไทย กล่าวว่า ตนได้จัดตั้งกลุ่มดังกล่าวขึ้นปี 2559 โดยมีสมาชิก 20 คน ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอศรีนครินทร์ และกรมส่งเสริมการเกษตร ตามโครงการ 9101 ตามรอยพ่อ ใต้ร่มพระบารมีเพื่อการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน,สำหรับการแปรรูปปลาดุกร้าสูตรดังกล่าวนี้ กลุ่มจะรับซื้อปลาดุกบิ๊กอุยจากสมาชิกของกลุ่มฯภายในหมู่บ้าน และรับซื้อจากตลาดทั่วไป ซึ่งปลาดุกสด 50 กิโลกรัมสามารถแปรรูปเป็นปลาดุกร้าของสูตรดังกล่าวได้ประมาณ 16 กิโลกรัม จำหน่ายกิโลกรัมละ 250 บาท,ส่วนพืชสมุนไพรที่นำมาผลิตปลาดุกร้านั้น เรารับซื้อจากกลุ่มเงาะป่าซาไก และจากแพทย์แผนไทยในหมู่บ้าน โดยแต่ละเดือนสามารถจำหน่ายปลาดุกร้าได้ประมาณกว่า 50,000 บาท ส่วนกำไรจะแบ่งปันให้สมาชิกที่ร่วมลงหุ้น และนำรายได้เข้ากลุ่ม,ขณะนี้ปลาดุกร้าสูตรดังกล่าวได้รับความนิยมจากผู้บริโภคทั้งในและต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะนอกจากจะได้รับโปรตีนจากเนื้อปลาแล้วยังได้รับบริโภคสมุนไพร ซึ่งเป็นสูตรเฉพาะของเงาะป่าซาไก ซึ่งถือว่าเป็นเจ้าเดียว และเจ้าแรกของประเทศไทย สำหรับผู้สนใจ สามารถสั่งซื้อผลผลิตดังกล่าวได้ที่กลุ่มสัมมาชีพ หรือ โทร.064-041-7772 | ไปพัทลุง อย่าลืมชิม ปลาดุกร้าสมุนไพรเงาะป่าซาไก รสชาติเป็นอย่างไร ยอดสั่งซื้อถล่มทลาย | ข่าว,ทั่วไทย | ปลาร้า,ปลาดุกร้า,ปลาดุกร้าเงาะป่าซาไก,เงาะป่าซาไก,พัทลุง,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/south/1116875 |
จนท.ปักป้ายเตือนคนใช้รถ ระวังนกยูงริมถนนที่แม่ออน ห่วงเหลือกันแค่ 3 ตัว | จากกรณีเจ้าหน้าป่าไม้พบฝูงนกยูงครั้งแรก ที่ถนนหน้าศูนย์ควบคุมไฟป่า อ.แม่ออน คงจะมีใครไปรบกวนฝูงนกยูงเลยบินหนี ร้อนไปพึ่งเย็น อาศัยอยู่กับองค์พระเจ้าทันใจ 8-9 กม. จุดสูงสูดรวมพลคนรักธรรมชาติ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อความปลอดภัย จนท.รณรงค์ติดป้ายให้ระวังนกยูง ตามที่ได้เสนอข่าวมาแล้วนั้นความคืบหน้า เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 7 มิ.ย.63 นายสุนทร เกียรติประภาพร ผู้ช่วยหัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าแม่ตะไคร้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ตั้งอยู่ที่หมู่ 10 ถนนสายออนกลาง-แม่ตะไคร้ ต.ออนกลาง อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ พร้อมเจ้าหน้าที่ ได้รณรงค์ติดป้ายตามข้างถนนสายออนลาง-แม่ออน มีข้อความว่า ขับช้าๆ ระวัง นกยูง ไปตามทางโค้งไปมาก่อนจะถึงที่นกยูงอาศัยอยู่ในป่าไม้ที่องค์พระเจ้าทันใจประดิษฐานอยู่ บริเวณจุดสูงสุดรวมพลคนรักธรรมชาติ จำนวน 3 ป้ายผู้ช่วยหัวหน้าสถานีหน้าสถานีควบคุมไฟป่าแม่ตะไคร้เปิดเผยว่า หน้าสถานีควบคุมไฟป่าแม่ตะไคร้ได้อนุรักษ์ฝูงนกยูงดังกล่าวเอาไว้เพราะเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง หายาก ใครไปทำสัตว์คุ้มครองทุกชนิดผิด (พ.ร.บ.) ป่าไม้ ทั้งรณรงค์ให้ กำนัน ผญบ. ประกาศเสียงตามสายตลอดเวลา ฝูงนกยูงเหลือเพียง 3 ตัว มีตัวผู้ 2 ตัว ตัวเมีย 1 ตัว ที่หายไป 1 ตัว คือตัวเมีย ช่วยกันอนุรักษ์ให้ฝูงนกยูงผสมพันธุ์ออกลูกเยอะๆ เพื่อให้เยาวชนรุ่นหลังได้ศึกษาหาความรู้ความเป็นอยู่ของนกยูงที่เริ่มมีความคุ้นเคยกับผู้คนและนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวบ้างแล้ว ส่วนนกยูงชอบเดินผ่านไปมาตามถนนจึงรณรงค์ติดป้ายด่วนเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายกับสัตว์ได้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังนักท่องเที่ยวทราบข่าว ได้ขึ้นไปกราบไหว้องค์พระเจ้าทันใจที่องค์ใหญ่ที่สุดเพื่อไปขอพรให้มีโชคลาภตามความเชื่อเพราะใกล้หวยออกแล้ว เป็นจำนวนมาก เพราะองค์พระเจ้าทันใจทุกที่ได้ให้โชคลาภผู้คนมาตลอด ชาวบ้านจึงเกิดความเชื่อนับถือสืบกันมาเคารพบูชาของผู้คนมาตลอด และเพื่อปลอดภัยในการเดินทาง เพราะถนนสานนี้สามารถเป็นทางลัดไป จ.ลำพูน และออกถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ไป จ.ลำปาง ไปสายเอเชียไป กทม. ต่างจังหวัดต่างๆ ได้ หลังนักท่องเที่ยวกราบไหว้องค์พระเจ้าทันใจเสร็จแล้วจึงมาให้อาหารนกยูงและถ่ายภาพร่วมกับนกยูงด้านนายสุเทพ แสนมงคล นอภ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ เจ้าของพื้นที่ ให้ข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช คงอนุรักษ์ฝูงนกยูงดังกล่าวเอาไว้ เพราะเป็นสัตว์ที่ฉลาดมาก คงจะหนีร้อนไปพึ่งเย็น ที่องค์พระเจ้าทันใจ สัตว์ป่าทุกชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ใน อ.แม่ออน มีพื้นที่ป่าเขา 100 เปอร์เซ็นต์ มี 6 ตำบล 49 หมู่บ้าน. | จนท.กรมอุทยานปักป้ายเตือนคนใช้รถ ระวังนกยูงที่อยู่ริมถนนสายออนกลาง-แม่ตะไคร้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตราย เนื่องจากเหลือกันอยู่ 3 ตัว เพื่อให้ขยายพันธุ์ต่อไป หลังนกยูงเริ่มคุ้นเคยกับคน | ข่าว,ทั่วไทย | นกยูง,นกยูงริมถนน,ป่าแม่ออน,ถนนสายออนกลาง-แม่ตะไคร้,อ.แม่ออน,เชียงใหม่,พระเจ้าทันใจ,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/north/1862964 |
ศาลให้ประกันตัว คำพลอย นะมี | เช้าวันที่ 30 มิถุนายน 2554 ที่ห้องพิจารณาคดีพิเศษ ศาลจังหวัดอุบลราชธานี นายสันติ สงห้องผู้พิพากษาได้ ได้แถลงผลการพิเคราะห์คำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว นายคำพลอย นะมี ผู้ต้องขังคดีการเมืองเสื้อแดงอุบลราชธานี วัย 60 ปีซึ่งขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน (ไอซียู) โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตก สมองบวมและเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ตามคำให้การของแพทย์ที่ระบุว่า คนไข้มีอาการเส้นเลือดในสมองตีบและแตก จนเป็นอัมพฤกษ์อัมพาต ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ต้องบำบัดรักษาอย่างน้อย 6 เดือน ดังนั้น หากยังส่งตัวจำเลยกลับสู่เรือนจำอาจมีผลต่อสภาพร่างกายและจิตใจ จึงมีความเห็นให้ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว เพื่อให้ญาติได้ดูแลอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ มีวงเงินประกัน 7 แสนบาท หลังจากนายสันติกล่าวจบ นางปรารถนา นะมี ภรรยาของนายคำพลอย ร่ำไห้ด้วยความดีใจที่สามีของตนได้รับอิสรภาพ ยังไม่รับรู้ว่าได้ประกันตัว สำหรับอาการล่าสุดของนายคำพลอยนั้น นางปรารถนาเปิดเผยว่า ยังคงไม่สามารถสื่อสารพูดจาได้ แม้จะพยายามถามอาการและบอกข่าวการที่ศาลอนุญาตให้ประกันตัวก็ไม่สามารถรับรู้ใด ๆ ได้ และทราบว่า ประมาณวันที่ 7 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ ทางแพทย์จะเอ็กซเรย์ครั้งใหญ่ก่อนจะตัดสินใจว่าจะรักษาอาการอย่างไร เขาควรจะได้ประกันตัวตั้งแต่ป่วยครั้งแรกแล้ว ไม่ใช่ปล่อยให้ป่วยหนักอย่างนี้ ตอนนี้ก็ไม่อยากให้ผ่าตัด เพราะมันเสี่ยงเกินไปสำหรับคนอายุ 60 ปี อยากให้รักษาด้วยวิธีการอื่นที่ทำให้เขาหายไว ๆ จะได้พากลับไปดูแลที่บ้าน หากได้อยู่ที่บ้านอาการก็น่าจะดีขึ้น ผู้ต้องขังเสื้อแดงวัย 67 ปี ป่วยอีกราย ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นอกจากนายคำพลอย นะมี วัย 60 ปีที่ล้มป่วยหนักแล้วยังพบว่า ผู้ต้องขังคดีการเมืองเสื้อแดงอีกคน คือ นายประดิษฐ์ บุญสุข อายุ 67 ปี มีอาการท้องอืดมาเป็นเวลานานหลายเดือนและเพิ่งถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมาและหมอได้นักเอ็กซเรย์ในวันที่ 20 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ กว่าจะได้ประกันตัว ก่อนที่จะได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในวันนี้นั้น นายคำพลอย นะมี ถูกจับกุมที่บ้านที่อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2553 ในข้อหาร่วมชุมนุมในวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ซึ่งวันนั้นมีการเผาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี โดยหลักฐานที่ตำรวจใช้จับกุมคือภาพถ่ายของเขาที่กำลังเดินเอามือป้องหูซ้ายอยู่บนฟุตบาทข้างศาลากลางจังหวัด นายคำพลอยล้มป่วยลงด้วยอาการเส้นเลือดในสมองตีบเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2554 และถูกนำส่งเข้ารักษาตัวที่ ร.พ.สรรพสิทธิประสงค์ จนถึงวันที่ 14 มิถุนายน 2554 แพทย์ก็มีความเห็นส่งเข้าสู่การควบคุมของเรือนจำกลางจังหวัดอุบลราชธานีและในวันที่ 15 มิถุนายน 2554 นายสันติ สงห้อง ผู้พิพากษาไม่อนุญาตให้ประกันตัวเพราะเห็นว่า ภายในเรือนจำสามารถดูแลได้ จากนั้นนายคำพลอย ก็มีอาการทรุดลงตามลำดับ ทั้งปวดหัว อาเจียน กินอาหารไม่ได้ และถูกนำส่งโรงพยาบาลอีกครั้งเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2554 โดยอาการไม่ดีขึ้นและผลการเอ็กซเรย์พบว่า สมองบวม มีเลือดออกในสมองจนต้องนำเข้ารักษาตัวในห้องไอซียูเมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยระหว่างที่นอนรักษาตัวอยู่นั้น นายณัฐพงษ์ อุปัญ เจ้าหน้าที่เรือนจำกลางจังหวัดอุบลราชธานีได้ล็อกขาซ้ายของเขาไว้กับเตียงคนไข้อย่างแน่นหนาแม้ญาติผู้ป่วยจะร้องขอก็ไม่เป็นผล จากนั้นศาลได้ไต่สวนแพทย์ประกอบคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวในวันที่ 28 มิถุนายน 2554 ที่ผ่านมา | คำพลอย นะมี ยังไม่ได้สติและยังอยู่ในห้องไอซียูโดยไม่รู้ว่าศาลอนุญาตให้ประกันตัวแล้วด้วยวงเงิน 7 แสน ล่าสุดมีผู้ต้องขังเสื้อแดงอีกรายวัย 67 ปี ป่วยหลายเดือนเพิ่งถูกส่งตัวเข้า ร.พ. | การเมือง,สิทธิมนุษยชน,ความมั่นคง,สังคม | ณัฐพงษ์ อุปัญ | https://prachatai.com/journal/2011/07/35790 |
สถานทูต เตือนคนไทยให้ระวัง มาเที่ยวฝรั่งเศส ยกระดับเตือนภัยสูงสุด | เมื่อ 12 ธ.ค.61 สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปารีส ออกคำเตือนผ่านทางเฟซบุ๊ก ระบุ ตามที่เมื่อคืนวันที่ 11 ธันวาคม 2561 เวลาประมาณ 20.00 น. ได้เกิดเหตุกราดยิงที่บริเวณตลาดคริสต์มาส เมืองสตราสบูร์ก เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 3 ราย และบาดเจ็บจำนวน 12 ราย โดยมีบุคคลสัญชาติไทยเสียชีวิต 1 รายในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วยนั้น,สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้สูญเสีย ซึ่งขณะนี้สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่เพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ และขอขอบคุณเครือข่ายชุมชนไทยในเมืองสตาร์สบูร์ก สมาคมนักเรียนไทยในฝรั่งเศส และสมาคมนักเรียนไทยในเยอรมัน ที่ช่วยประสานงานและให้ความช่วยเหลือชาวไทยที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว,สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอประณามอย่างรุนแรงต่อผู้ก่อเหตุครั้งนี้ซึ่งส่งผลให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยล่าสุด รัฐบาลฝรั่งเศสได้ประกาศยกระดับเตือนภัยก่อการร้ายสู่ขั้น attack emergency ซึ่งเป็นขั้นสูงสุดจากทั้งหมด 3 ขั้น โดยจะเพิ่มมาตรการป้องกันชายแดนและรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดตามตลาดคริสต์มาสทั่วฝรั่งเศส เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการโจมตีลอกเลียนแบบ,ในการนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอเตือนให้คนไทยในฝรั่งเศสและนักท่องเที่ยวชาวไทย โปรดใช้ความระมัดระวังในการเดินทาง ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดและปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ทางการฝรั่งเศสอย่างเคร่งครัด,กรณีต้องการความช่วยเหลือ โปรดติดต่อสถานเอกอัครราชทูตฯ ที่หมายเลขฉุกเฉิน +33 6 46 71 96 94 และ + 33 6 03 59 97 05 หรือสอบถามข้อมูลทั่วไปที่ ,[email protected],อ่านข่าว,>>,นาทีช็อก กราดยิงฝรั่งเศส ชายไทยตายด้วย คนปั๊มหัวใจช่วยเหยื่อแต่ไร้ผล (คลิป) | สถานทูตไทยเตือนผ่านเฟซบุ๊ก ขอให้คนไทยในฝรั่งเศส-นักท่องเที่ยวไทยระวังตัวขณะมาท่องเที่ยว หลังเกิดเหตุ กราดยิงดับ 3 ศพ รวมทั้งชายไทย 1 ราย ชี้ ขณะนี้ฝรั่งเศสยกระดับเตือนภัยก่อการร้ายสูงสุด | ข่าว,ต่างประเทศ | กราดยิงฝรั่งเศส,สถานทูตออกคำเตือน,สตาร์สบูร์ก,ก่อการร้ายฝรั่งเศส,คนไทยตายด้วย | https://www.thairath.co.th/news/foreign/1443341 |
นาโอมิ โอซากะ คว้าแชมป์ออสเตรเลียน โอเพน ขึ้นมือ 1 โลก | วันนี้ (26 ม.ค.2562) การแข่งขันเทนนิสแกรนด์สแลมแรกของปี 2019รายการ ออสเตรเลียน โอเพ่น ที่เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ป็นการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ ของประเภทหญิงเดี่ยว นาโอมิ โอซากะ แชมป์ยูเอส โอเพ่นปี 2018 มืออันดับ 4 ของโลก พบกับ เปตรา ควิโตว่า จากเช็ก มือ 6 ของโลก คู่นี้นอกจากแชมป์แกรนด์สแลมแล้ว ผู้ชนะจะแซง ซิโมน่า ฮาเล็ป ครองมือหนึ่งของโลกด้วยเซตแรกต้องดวลถึงไทเบรก ก่อนที่ โอซากะ จะเป็นฝ่ายชนะไปก่อน 7-6 ไทเบรก 7-2 เซตที่สอง โอซากะ เบรคเกมเสิร์ฟ ควิโตว่า ได้ก่อน และได้ถึง 3 แชมเปี้ยนชิพพ้อยช์แต่ปิดเกมไม่สำเร็จ สุดท้ายโดน ควิโตว่า เบรค 2 เกมเสิร์ฟ พลิกกลับมาชนะ 7-5 ต้องตัดสินในเซตที่ 3เซตตัดสิน โอซากะ เบรกเกมเสิร์ฟ ขึ้นแท่นนำ 5-4 และได้ 3 แชมเปี้ยนชิพพ้อยช์อีกครั้ง แต่ครั้งนี้โอซากะไม่พลาดปิดเกมได้สำเร็จชนะไปในเซตตัดสิน 6-4 ทำให้ โอซากะคว้าแชมป์แกรนด์สแลมที่ 2 ของตัวเองได้สำเร็จและยังกลายเป็นนักเทนนิสจากญี่ปุ่นคนแรกที่ครองมือ 1 ของโลก โดยก่อนหน้านี้ คิมิโกะ ดาเตะ เคยทำอันดับโลกสูงที่สุดคือมือ 4 ของโลก เมื่อปี 1995 | นาโอมิ โอซากะ ประเดิมคว้าแชมป์แกรนด์สแลมแรกของปี ออสเตรเลียน โอเพ่น และกลายเป็นนักเทนนิสชาวญี่ปุ่นคนแรกที่ครองตำแหน่งมือ 1 ของโลก | กีฬา | นาโอมิ โอซากะ,เทนนิสแกรนด์สแลม,ออสเตรเลียนโอเพ่น,2019,คว้าแชมป์,ThaiPBSnews,ไทยพีบีเอส,ข่าวไทยพีบีเอส,ThaiPBS | https://news.thaipbs.or.th/content/277271 |
จับ ดาวดิน เข้าห้องขังทันที หลังชูป้าย คัดค้านรัฐประหาร ที่ขอนแก่น | ขอเชิญตัวแต่โดยดี ถ้าไม่ไปจะมีมาตรการเพิ่ม เจ้าหน้าที่บอกก่อนจับกุม นักศึกษากลุ่มดาวดิน หลังชูป้ายผ้า คัดค้านรัฐประหาร ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จ.ขอนแก่น22 พ.ค. 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาประมาณ 13.00 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จังหวัดขอนแก่น นักศึกษากลุ่มดาวดินได้ออกมาแสดงสัญลักษณ์คัดค้านการรัฐประหาร โดยการถือป้ายผ้าที่เขียนข้อความว่า คัดค้านรัฐประหาร และได้พูดถึงปัญหาสำคัญประเด็นหนึ่งที่เกิดขึ้นหลังจากมีการรัฐประหารคือ ประเด็นปัญหาด้านทรัพยากร เช่น เหมืองแร่ทองคำ การจัดการน้ำ ปิโตรเลียม การไล่รื้อที่ดินจากแผนแม่บทป่าไม้และที่ดิน โดยระบุว่า การกระทำทั้งหลายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้สะท้อนให้เห็นถึงการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุน และไม่สนในประเด็นเรื่อง สิทธิ เสรีภาพ และสิทธิชุมชนจริงๆ แล้วการรัฐประหารเป็นการตัดตอนประชาธิปไตย ตัดอำนาจประชาชน ซึ่งประชาชนทุกคนควรมีสิทธิมีเสียงในประเทศตัวเอง แต่อำนาจกลับถูกคนแค่กลุ่มเดียวมายึดเอาไป ส่วนเหตุผลที่เลือกชูประเด็นเรื่องทรัพยากรก็เพราะว่ากลุ่มของพวกเราก็ทำงานเรื่องนี้อยู่แล้ว จึงเห็นปรากฏการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นว่าได้มีหน่วยงานรัฐและทหารมาอำนวยความสะดวกให้กลุ่มนายทุน รวมถึงการใช้อำนาจในการกดขี่ไม่ให้ชาวบ้านสามารถออกมาต่อสู้เพื่อปกป้องบ้านของตัวเองได้ พวกเราจึงต้องการออกมาแสดงจุดยืนในการต้อต้านอำนาจที่ไม่เป็นธรรม ลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน ต่อต้านอำนาจที่ไม่รับฟังความคิดเห็นของประชาชน ต่อต้านรัฐทหาร ต่อต้านเผด็จการและต่อต้าน คสช. อีกเหตุผลหนึ่งที่เราเลือกบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยขอนแก่น เพราะว่า ที่แห่งนี้เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของประชาธิปไตย ที่โดน คสช. ขโมยไปจากประชาชนคนไทย และเรายังเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เราทำคือสิ่งที่ถูกต้องการวิพากษ์การทำงานของรัฐบาล เป็นสิทธิและเสรีภาพของทุกคน ถ้า คสช. คิดว่าผิด ประเทศนี้ก็เป็นประเทศของเผด็จการไปแล้ว นายภานุพงศ์ ศรีธนานุวัฒน์ หนึ่งในนักศึกษาที่ออกมาแสดงความคิดเห็นกล่าวต่อมาเวลา 13.27 น. เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ได้เข้าจับกุมนักศึกษากลุ่มดังกล่าว ทั้งหมด 7 คน คือ จตุภัทร บุญภัทรรักษา อภิวัฒน์ สุนทรารักษ์ พายุ บุญโสภณ ภานุพงศ์ ศรีธนานุวัฒน์ สุวิชชา ฑิพังกร ศุภชัย ภูครองพลอย และ วสันต์ เสธสิทธิ โดยในระหว่างเข้าจับกุ่มเจ้าหน้าที่ได้กล่าวว่า ขอเชิญตัวแต่โดยดี ถ้าไม่ไปจะมีมาตรการเพิ่มขณะเดียวกัน รายงานว่า เวลา 13.40 น. นักศึกษาทั้ง 7 คน และผู้ติดตามจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รวมทั้งหมด 13 คน ได้มาถึงมณฑลทหารบกที่ 23 ค่ายศรีพัชรินทร (มทบ.23) โดย นศ.ทั้ง 7 คน ถูกนำตัวเข้าห้องขังทันทีอัทเดพรายชื่อผู้ถูกควบคุมตัว จากเดิมที่ทราบชื่อทั้งหมด 7 คน คือกลุ่มนักศึกษาดาวดินที่ออกไปชูป้ายผ้า ล่าสุดทราบว่าในจำนวน 13 คน ที่อยู่ที่ค่ายศรีพัชรินทร มีนักศึกษากลุ่มดาวดินอีก 3 คนคือ จุฑามาส ศรีหัตถผดุงกิจ ขวัญหทัย ปทุมถาวรสกุล และจิรัขญา หาญณรงค์ และเจ้าหน้าที่จากศูนย์ทนายความฯคือ ดวงทิพย์ ฆารฤทธิ์ ธีระยุทธ สินธุโคตร และจิรวิชญ์ ฉิมมานุกูล ซึ่งติดตามไปในฐานะผู้สังเกตการณ์ ถูกควบคุมตัวด้วยล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้ง 13 คน ถูกนำตัวมาที่ สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองขอนแก่นแล้ว | ขอเชิญตัวแต่โดยดี ถ้าไม่ไปจะมีมาตรการเพิ่ม เจ้าหน้าที่บอกก่อนจับกุม นักศึกษากลุ่มดาวดิน หลังชูป้ายผ้า คัดค้านรัฐประหาร ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จ.ขอนแก่น 22 พ.ค. 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า | การเมือง,สิทธิมนุษยชน,สิ่งแวดล้อม,สังคม | คัดค้านรัฐประหาร,ค่ายศรีพัชรินทร์,ดาวดิน,อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จังหวัดขอนแ่น | https://prachatai.com/journal/2015/05/59412 |
สนช.ผ่าน ก.ม.วิธีพิจารณาคดี ค้ามนุษย์ | เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 59 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาร่าง พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีค้ามนุษย์ พ.ศ ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว โดยมีสาระสำคัญ กำหนดคำนิยามคำว่า คดีค้ามนุษย์ ให้หมายความว่า คดีที่ข้อหาความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ไม่ว่าจะมีข้อหาความผิดอื่นรวมอยู่ด้วยหรือไม่ก็ตาม แต่ไม่รวมถึงคดีที่อยู่ในอำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ คดีที่อยู่ในศาลเยาวชนและครอบครัว กำหนดให้วิธีพิจารณาคดีการค้ามนุษย์ให้ใช้ระบบไต่สวนและเป็นไปโดยรวดเร็ว กำหนดให้การสั่งปล่อยชั่วคราวจะต้องกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันการหลบหนีและภัยอันตรายที่อาจเกิดขึ้นอย่างเพียงพอ,ในกรณีที่เป็นคำสั่งของศาลหากมีการสั่งให้ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรืออุปกรณ์อื่นใดที่สามารถใช้ตรวจสอบหรือจำกัดการเดินทางของผู้ถูกปล่อยตัวชั่วคราว ให้ศาลมีอำนาจกำหนดเจ้าพนักงาน หรือบุคคลซึ่งจะต้องรับผิดชอบดำเนินการให้เป็นไปตามคำสั่งได้ด้วย ถ้าผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนีในระหว่างถูกดำเนินคดี หรือระหว่างการพิจารณาคดีของศาล มิให้นับระยะเวลาที่ผู้ถูกกล่าวหา หรือจำเลยหลบหนีรวมเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ และเมื่อได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำเลย ,ถ้าจำเลยหลบหนีไปในระหว่างต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษ มิให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญามาตรา 98 มาใช้บังคับ และกำหนดให้จัดตั้งแผนกคดีค้ามนุษย์ขึ้นในศาลอุทธรณ์ โดยให้มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีค้ามนุษย์ที่มีการอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้น ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติ ทั้งนี้ ในบทเฉพาะกาลได้บัญญัติให้บรรดาคดีค้ามนุษย์ที่ค้างพิจารณาอยู่ในศาลใดในวันที่ พ.ร.บ.นี้ใช้บังคับ ให้ศาลที่คดีนั้นค้างพิจารณาอยู่คงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาต่อไป และให้นำกฎหมายซึ่งบังคับใช้อยู่ในวันที่ พ.ร.บ.นี้บังคับใช้มาใช้บังคับจนกว่าคดีจะสิ้นสุด,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาชิก สนช. ได้สอบถามในส่วนของคดีที่จะเข้าข่ายการพิจารณาตามร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ และวิธีการพิจารณาในระบบการไต่สวนแตกต่างจากระบบการกล่าวหาอย่างไร หลังจากพิจารณาจนจบร่างแล้ว ที่ประชุมได้ลงมติเห็นชอบในวาระ 3 ด้วยคะแนน 143 เสียง งดออกเสียง 5 เสียง ประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป,ทั้งนี้ นายมนตรื ศรีเอี่ยมสะอาด ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวจะมีผลใช้บังคับต่อการป้องกันและปราบปรามกระบวนการค้ามนุษย์ และยังเป็นผลในการพิจารณาอันดับการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ซึ่งฝ่ายบริหาร หรือ ครม.ต้องรายงานผลการดำเนินการของไทยในเดือนนี้ และร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้จะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม | สนช. มีมติเห็นชอบผ่าน พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีค้ามนุษย์ 143 เสียง ใช้ระบบไต่สวนแทนระบบกล่าวหา ไม่นับอายุความหากหลบหนีระหว่างการดำเนินคดี พร้อมจัดตั้งศาลค้ามนุษย์ในศาลอุทธรณ์ เชื่อส่งผลดีต่อการจัดอันดับการค้ามนุษย์ของไทย | null | ก.ม.วิธีพิจารณาคดี,สนช.,ค้ามนุษย์,คดีค้ามนุษย์,พิจารณาร่าง ก.ม.,มติ สนช.,เห็นชอบ ก.ม.,บังคับ ก.ม.,ระบบไต่สวน,กระบวนการค้ามนุษย์,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวการเมือง | https://www.thairath.co.th/content/589515 |
ประวิตร วงษ์สุวรรณ นำถกมั่นคงไซเบอร์นัดแรก ตั้ง 7 ทรงคุณวุฒิกำหนดนโยบาย | ประวิตร วงษ์สุวรรณ นั่งหัวโต๊ะกรรมการความมั่นคงไซเบอร์ ตั้งผู้ทรงคุณวุฒิตามมติ ครม. นั่งกรรมการมั่นคงไซเบอร์แห่งชาติ กำหนดทิศทางนโยบายระดับชาติ13 ม.ค. 2563 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รับมอบหมายจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (กมช.) ที่ห้องประชุมคณะรัฐมนตรี (เดิม) ชั้น 2 สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการ กมช. ในครั้งนี้ด้วยตามมติคณะรัฐมนรี (ครม.) เมื่อ11 ธ.ค. 2562 อนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน กมช. จำนวน 7 คนเพื่อดำเนินงานตามรูปแบบคณะกรรมการ กมช. ขับเคลื่อนงานในการวางแผนนโยบายที่กำหนดไว้ตาม พ.ร.บ. ไซเบอร์ ดังนี้ที่ประชุมรับทราบภาพรวมความคืบหน้าการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) หน่วยงานกลางที่ดูแลด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศ แผนการดำเนินงานในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง และนโยบายและแผนระดับชาติภายใต้ พ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562อัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะฝ่ายเลขานุการฯ ระบุว่าวาระการประชุมที่สำคัญวันนี้มีการพิจารณาหลักเกณฑ์การสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับดูแลด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (กกม.) และคณะกรรมการบริหารสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (กบส.) และได้เห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิ ของคณะกรรมการทั้งสองคณะดังกล่าวด้วยประวิตรยังกล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการผลักดันความคืบหน้าในการขับเคลื่อนกลไกการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศใน 4 เรื่องสำคัญด้วยกัน คือ 1.การกำหนดทิศทางนโยบายและแผนไซเบอร์ซิเคียวริตี้ระดับชาติ เพื่อให้เกิดการปกป้อง รับมือ ป้องกันและลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ และเกิดความสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน 2. ให้สำนักงานเร่งการดำเนินงานในภารกิจสำคัญตามที่ พ.ร.บ. กำหนด 3. แนวทางในการพัฒนาบุคลากรด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และ 4. การดูแลรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทั้งหมดนี้จะเกิดผลดีต่อการเตรียมการประเมินอันดับและยกระดับความพร้อมของไทยด้านไซเบอร์ซิเคียวริตี้ในเวทีสากลต่อไป พร้อมทั้งขอให้คณะกรรมการฯ ร่วมกันกำกับติดตามและผลักดันการดำเนินงาน ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป โดยขอฝากท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และเลขาธิการช่วยกำกับการพัฒนาด้านไซเบอร์ซิเคียวริตี้ของประเทศ ให้เป็นไปตามทิศทางที่คณะกรรมการชุดนี้ได้กำหนดไว้ต่อไปนอกจากนั้น ที่ประชุมยังพิจารณามอบหมายให้ศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ประเทศไทย หรือ ThaiCERT ของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ทำหน้าที่ศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ตาม พ.ร.บ. ไปพลางก่อน ระหว่างการจัดตั้งสำนักงานยังไม่แล้วเสร็จ เพื่อสร้างความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศอย่างต่อเนื่อง หากเกิดภัยคุกคามทางไซเบอร์ ThaiCERT จะทำหน้าที่ตอบสนองและจัดการกับเหตุการณ์ โดยให้คำแนะนำและสนับสนุนในการแก้ไขภัยคุกคามไซเบอร์ให้ทั้งหน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศได้อย่างทันท่วงทีอนึ่งคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (กมช.) มีหน้าที่คร่าวๆ คือการเสนอนโยบาย แผนปฏิบัติการ มาตรฐาน แนวทางและการบริหารจัดการเรื่องการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีรัฐมนตรีว่าการ (รมว.) กระทรวงกลาโหม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงยุติธรรม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง พร้อมกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิไม่เกิน 7 คนที่มา: | ประวิตร วงษ์สุวรรณ นั่งหัวโต๊ะกรรมการความมั่นคงไซเบอร์ ตั้งผู้ทรงคุณวุฒิตามมติ ครม. นั่งกรรมการมั่นคงไซเบอร์แห่งชาติ กำหนดทิศทางนโยบายระดับชาติ ประวิตร วงษ์สุวรรณ (ที่มา:ข่าวทำเนียบรัฐบาล)13 ม.ค. | การเมือง,ไอซีที | พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์,ประวิตร วงษ์สุวรรณ | https://prachatai.com/journal/2020/01/85900 |
หนุ่มเมืองคอนเครียดปัญหาหนี้สิน ขับรถจอดข้างทาง ลงไปผูกคอตายลาโลก | เมื่อวันที่ 22 พ.ค.62 พ.ต.ท.หญิง ทัศมน สงแก้ว สว.สอบสวน สภ.ทุ่งสง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งเหตุพบคนใช้เชือกผูกคอเสียชีวิตริมถนนศูนย์กระจายสินค้า ท้องที่หมู่ 4 ต.ชะมาย จึงรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมดัวยเจ้าหน้าที่แพทย์เวร รพ.ทุ่งสง มูลนิธิใต้เต็กเซียงตึ๊งอำเภอทุ่งสง,ที่เกิดเหตุเป็นถนนศูนย์กระจายสินค้าภาคใต้ บนถนนสายดังกล่าวพบรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้าดัดแปลงเป็นรถตู้ส่งสินค้า สีขาว หมายเลขทะเบียน ผฉ 4213 นครศรีธรรมราช จอดอยู่ริมไหล่ทาง ห่างจากรถยนต์ลงไปริมถนนในป่าประมาณ 50 เมตร พบศพนายปรีชา ประแก้ว อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 137 ม.9 ต.ท่าสะบ้า อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ใช้เชือกผูกกับต้นหว้านอนเสียชีวิตในสภาพนอนหงาย ลิ้นจุกปาก ใส่เสื้อแขนยาวสีน้ำเงิน กางเกงขายาวสีน้ำเงิน รองเท้าหนังสีดำ,สอบสวนทราบว่า นายปรีชา ผู้เสียชีวิต เป็นพนักงานขับรถส่งของ ของบริษัทแห่งหนึ่งในอำเภอทุ่งสง ก่อนเกิดเหตุนายปรีชามีหนี้สินถูกฟ้องดำเนินคดีเรื่องรถมือสองที่ซื้อมาแล้วใช้งานไม่ได้ จะต้องผ่อนค่างวดรถคันดังกล่าว เรื่องเงินกู้นอนระบบ เคยคิดฆ่าตัวตายประมาณ 5-6 เดือนที่ผ่านมา,ก่อนมาพบศพนายปรีชาได้ขับรถยนต์คันดังกล่าวไปส่งของตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค. แล้วไม่กลับเข้าบริษัท จนกระทั่งมีคนพบเห็นว่ารถยนต์คันดังกล่าวมาจอดอยู่ที่ริมถนนผิดสังเกต เลยโทรสอบถาม พนักงานของบริษัททราบเรื่องก็ได้ออกมาติดตามค้นหาตัวนายปรีชา จนกระทั่งมาเจอเป็นศพผูกคอเสียชีวิตในป่าริมถนนสายดังกล่าว. | หนุ่มพนักงานขับรถเมืองคอน เครียดหนี้สิน โดนฟ้องดำเนินคดี ขับรถยนต์จอดริมถนนศูนย์กระจายสินค้า อ.ทุ่งสง ก่อนลงไปที่ป่าข้างทาง ใช้เชือกผูกคอกับต้นไม้ลาโลก | ข่าว,ทั่วไทย | หนุ่มเมืองคอน,เครียดจัด,ปัญหาหนี้สิน,ถูกฟ้อง,ผูกคอตาย,ฆ่าตัวตาย,นครศรีธรรมราช,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/south/1573420 |
ศาลฯ พิพากษายืน จำคุก 1 ปี ไม่รอลงอาญา เปรมชัย คดีเสนอสินบน จนท.รัฐ | เมื่อวันที่ 29 ก.ค.63 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำที่ 10/2561 (คดีหมายเลขแดง อท.ที่ 13/2562) ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 7 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเปรมชัย กรรณสูต เป็นจำเลยที่ 1 และนายยงค์ โดดเครือ (คนขับรถ) จำเลย ที่ 2 ในความผิดฐานร่วมกันให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน เพื่อจูงใจให้กระทําการ ไม่กระทําการ หรือประวิงการกระทําอันมิชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 ประกอบมาตรา 83ในคดีร่วมกันล่าสัตว์ป่า และอื่นๆก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.62 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ซึ่งเป็นศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาให้จำคุกนายเปรมชัย จำเลยที่ 1 มีกำหนด 1 ปี โดยไม่รอการลงโทษ (ไม่รอลงอาญา) ส่วนนายยงค์ จำเลยที่ 2 พิพากษายกฟ้องนายเปรมชัย จำเลยที่ 1 ยื่นอุทธรณ์ ซึ่งได้รับการปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ ด้วยหลักทรัพย์ 200000 บาทสำหรับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบนั้น ศาลพิจารณาแล้วเห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาของศาลชั้นต้น อุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนภายหลังอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตฯ แล้ว วันนี้นายเปรมชัย จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ 500000 บาทขอปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกา. | ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตฯ พิพากษายืน จำคุก 1 ปีไม่รอลงอาญา เปรมชัย กรรณสูต เสนอสินบนเจ้าหน้าที่รัฐ ในคดีร่วมกันล่าสัตว์ป่า และอื่นๆ ขณะที่จำเลยยื่นหลักทรัพย์ 5 แสนบาทประกันตัวสู้คดีชั้นฎีกา | ข่าว,ทั่วไทย | เปรมชัย กรรณสูต,จำคุกเปรมชัย,เสนอสินบนเจ้าหน้าที่รัฐ,จำคุก 1 ปี,ไม่รอลงอาญา,ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1899524 |
การประชุมลุ่มน้ำโขง : จากปัญหาสู่ทางออก | การประชุมระดับนานาชาติ ภายใต้หัวข้อ ในระหว่างวันที่ 16-18 พฤศจิกายนนี้ ที่อาคารสหประชาชาติ ได้ดำเนินการประชุมมาเป็นเวลา 2 วันแล้ว ผู้เข้าร่วมประชุมในเวทีย่อยทั้ง 3 กลุ่ม ก็ร่วมกันแสดงความคิดเห็นและหาข้อสรุปให้แก่ปัญหาที่เกิดขึ้นแถบลุ่มน้ำโขง โดยการประชุมมุ่งเน้นที่ผลกระทบและแนวทางแก้ปัญหาจากโครงการที่จะเกิดขึ้นในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเขื่อน โครงการระเบิดแก่งในลำน้ำโขง วิถีชีวิตชุมชน ปัญหาสิ่งแวดล้อม ทิศทางนโยบายของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ เช่น ธนาคารโลก และธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ในด้านภาคประชาสังคม มีการเสนอให้ประเทศสมาชิกสร้างเครือข่ายเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและสร้างพลังเพื่อต่อรองกับภาครัฐ รวมไปถึงขยายบทบาทของภาคประชาสังคม ส่วนโครงการใหญ่ที่จะสร้างก็มีข้อเสนอให้ยุติลง เช่น การระเบิดแก่งแม่น้ำโขง โดยเสนอให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หยุดให้เงินทุนสนับสนุนกับโครงการใหญ่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าและหันมาสนับสนุนโครงการเล็ก รวมถึงการสนับสนุนแนวทางพลังงานทดแทน และที่สำคัญกองทุนต่าง ๆ ต้องรับฟังความคิดเห็นของชาวบ้านในพื้นที่ให้มากขึ้น ด้าน การทำงานของคณะกรรมมาธิการลุ่มน้ำโขง (MRC) ที่ประชุมก็มีข้อเสนอว่า ยังทำงานได้ไม่ดี ควรเข้าถึงภาคประชาสังคมให้มากกว่านี้ และต้องพยายามดึงจีนเข้ามามีส่วนร่วมในการทำงาน และร่วมตระหนักถึงปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น เนื่องจากจีนเป็นประเทศต้นน้ำของแม่น้ำโขง ภาพรวมของการประชุมทั้ง 2 วันเป็นการระดมความเห็นจากภาคประชาสังคมในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ร่วมกับหน่วยงานผู้ให้ทุนในโครงการใหญ่ ๆ เช่น ธนาคารโลก เอดีบี สำหรับวันพรุ่งนี้จะมีการนำเสนอบทสรุปและข้อเสนอจากภาคประชาสังคมในภูมิภาคลุ่มน้ำโขงโดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากภาครัฐในหลายประเทศ เช่น รัฐมนตรีจากลาว และกัมพูชา เข้าร่วมรับฟังและแสดงความเห็น | การประชุมระดับนานาชาติ ภายใต้หัวข้อ การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและกลไกความร่วมมือในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ในระหว่างวันที่ 16-18 พฤศจิกายนนี้ ที่อาคารสหประชาชาติ ได้ดำเนินการประชุมมาเป็นเวลา 2 วันแล้ว | สิ่งแวดล้อม | null | https://prachatai.com/journal/2004/11/1252 |
ตำรวจพัทลุง จับมือยิงหนุ่มไก่ชนตายแล้วชิงทอง ปมเหตุโมโหถูกพูดจาท้าทาย | กรณีที่นายชัยยันต์ จันทร์หนู อายุ 29 ปี ชาวบ้าน ต.ร่มเมือง อ.เมืองพัทลุง ใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นบุกจ่อยิง นายสุทธิพงศ์ ด้วงคง อายุ 28 ปี ชาวบ้าน หมู่ที่ 11 ต.นาขยาด อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ในระยะเผาขนจนเสียชีวิตคาที่ จากนั้นนายชัยยันต์ ได้เข้าไปถอดสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 1 บาท ของผู้ตายแล้วขี่ จยย.ฮอนด้าดรีม สีเทา ไม่มีแผ่นป้ายทะเบียนหลบหนีไป,ต่อมาในคืนวันที่ 13 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา พ.ต.ท.อนุสรณ์ ทองไสย รอง ผกก.(สส.) สภ.วังวิเศษ จ.ตรัง ช่วยปฏิบัติราชการ หน.ชุดคลี่คลายคดีอาชญากรรมสำคัญ ภ.จว.พัทลุง พร้อมพวก ได้นำหมายจับของศาลจังหวัดพัทลุง เข้าจับกุมตัวนายชัยยันต์ได้ขณะหลบหนีไปแอบซ่อนตัวอยู่ในขนำกลางสวนปาล์มน้ำมัน ในพื้นที่หมู่ที่ 10 ต.ชุมพล อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง พร้อมอาวุธปืนลูกซองสั้น และจยย.ฮอนด้า รุ่นดรีม ที่ใช้ในการก่อเหตุร้าย ส่วนสร้อยคอทองคำของผู้ตายนายชัยยันต์ บอกว่าได้หายไปในช่วงการหลบหนี โดยเหตุเกิด เวลาประมาณ 12.30 น.วันที่ 13 กันยายน 2562 ในฟาร์มเลี้ยงไก่ชนไม่มีชื่อ ตั้งอยู่ในพื้นที่สวนยางพารา ท้องที่ ม.4 ต.นาท่อม อ.เมืองพัทลุง จ.พัทลุง ตามข่าวที่เสนอมาแล้วนั้น,ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 ก.ย.2562 พล.ต.ต.ธรัฐชา ถมปัทม์ ผบก.ภ.จว.พัทลุง ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.สิทธิ์โรจน์ นวลเปียน สภ.โคกชะงาย พ.ต.ท.อนุสรณ์ ทองไสย รอง ผกก.(สส.) สภ.วังวิเศษ จ.ตรัง ช่วยปฏิบัติราชการ หน.ชุดคลี่คลายคดีอาชญากรรมสำคัญ ภ.จว.พัทลุง และ พ.ต.ท.วิรัตน์ จีนเมือง หน.ชุด ชปส.ภ.จว.พัทลุง พร้อมพวก นำนายชัยยันต์ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุโดยมีชาวบ้านเดินทางเข้ามามุงดูเป็นจำนวนมาก,นายชัยยันต์ กล่าวให้การกับตำรวจว่า สาเหตุที่ต้องสังหารนายสุทธิพงศ์นั้น เนื่องจากตนไมพอใจที่ถูกผู้ตายท้าทายขณะนั่งคุยกันว่าตนมีอาวุธปืนจะกล้ายิงผู้ตายหรือไม่ ทำให้ตนรู้สึกไม่พอใจผู้ตายเป็นอย่างมาก ดังนั้น ในขณะที่ผู้ตาย ไปนั่งใช้ผ้าขาวม้าสีแดงขาวคลุมศีรษะเพื่อเสพยาบ้าอยู่ในที่เกิดเหตุ ตนจึงเข้าไปที่นายสุทธิพงศ์ และได้เปิดผ้าขาวม้าที่คลุมศีรษะนายสุทธิพงศ์ ออกและใช้ปืนจ่อยิงใส่ที่ศีรษะ 1 นัด จนผู้ตายล้มลงจมกองเลือดเสียชีวิตคาที่ หลังจากนั้นตนก็ถอดเอาสร้อยคำทองคำน้ำหนัก 1 บาท ที่คอผู้ตาย ติดมือไปด้วยก่อนจะเดินไปจากนั้นได้ขี่ จยย.ซึ่งจอดอยู่หน้าฟาร์มไก่ชน และขับหลบหนีไป,ผู้ต้องหา กล่าวต่อว่า หลังก่อเหตุไปแอบอยู่ที่ขนำในสวนปาล์ม พื้นที่ อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง ที่เคยไปแอบเสพยาเสพติดมาหลายครั้งแล้ว ส่วนอาวุธปืนลูกซองสั้นที่ใช้ในการก่อเหตุนั้นเป็นอาวุธปืนของตนเองที่ซื้อมาไว้สำหรับป้องกันตัวหลายเดือนแล้ว จึงได้นำตัวผู้ต้องหาไป ดำเนินการในข้อหาฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน ไว้ในความครอบครองที่ไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนเข้าไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว และไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ ลักทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือให้พ้นการจับกุมต่อไป,ผบก.ภ.จว.พัทลุง กล่าวถึงการจับกุมผู้ต้องหารายนี้ว่า เป็นคดีที่คนร้ายได้ก่อคดีอย่างอุกอาจ พร้อมขอให้ชาวพัทลุงได้ร่วมกันแก้ปัญหาการก่อคดีที่สะเทือนขวัญ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของ จ.พัทลุง ที่ขับเคลื่อนไปด้วยดี พร้อมกันนั้นก็ได้มอบหมายให้นายตำรวจที่เกี่ยวข้องได้เร่งขยายผลการจับกุมของแก๊งยาเสพติดในพื้นที่เกิดเหตุด้วย โดยเฉพาะฟาร์มไก่ชนดังกล่าวนี้ จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้วยหรือไม่ หากผลการสืบสวนสอบสวนพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ก็ให้ดำเนินการตามกฎหมายกับผู้เกี่ยวข้องทุกรายอย่างเฉียบขาดต่อไป,พร้อมกันนั้นทาง พล.ต.ต.ธรัฐชา ก็ได้มอบเงินสดให้กับชุดจับกุม และชุดสืบสวนสอบสวนในการแถลงข่าวในวันนี้ด้วย. | ตำรวจพัทลุงรวบตัวแล้ว ผู้ต้องหาที่ใช้อาวุธปืนลูกซองยิงหนุ่มไก่ชน พร้อมดึงสร้อยคอหนัก 1 บาทไป โดยคุมตัวทำแผนฯ ผู้ต้องหารับสารภาพปมเหตุมากจากไม่พอใจที่ถูกผู้ตายพูดจาท้าทายว่ากล้ายิงหรือไม่ | ข่าว,อาชญากรรม | ฆ่าชิงทอง,ยิงหนุ่มไก่ชน,ตำรวจพัทลุง,ยิงกันตาย,คุมตัวทำแผน,พัทลุง,ธรัฐชา ถมปัทม์,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/crime/1660603 |
หนุ่มป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ไฟเผาตัวเองไหม้เกรียม ทิ้งจ.ม.บอกอยู่ไม่ไหว | เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 7 ม.ค. 60 ร.ต.อ.ปฐมพล สังข์ภิรมย์ รอง สว.สส.สภ.บางกรวย จ.นนทบุรี รับแจ้งเหตุไฟไหม้บ้านมีผู้เสียชีวิต เหตุเกิดบ้านไม่มีเลขที่ หมู่ 4 ซอยวัดสนามนอก ต.วัดชลอ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี รีบรุดไปตรวจสอบพร้อมแพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ที่เกิดเหตุอยู่ด้านหลังโรงเรียนวัดสนามนอก เป็นบ้านไม้ชั้นเดียวยกใต้ถุนสูงปลูกอยู่กลางสวน ไฟไหม้หมดทั้งหลัง พบผู้เสียชีวิตเป็นชายสภาพไหม้เกรียมดำเป็นตอตะโกในท่านั่งหงายหลัง ทราบชื่อ นายประจบ ชัยกันหา อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19/1 หมู่ 2 ต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู เป็นลูกศิษย์วัดสนามนอก ใกล้ที่เกิดเหตุพบกระเป๋าหนังสีน้ำตาลและเข็มขัดผ้าห้อยอยู่กับตนไม้ ด้านในพบเสื้อผ้าและเอกสารผู้เสียชีวิต พร้อมจดหมาย 2 ฉบับ เขียนถึงญาติและเจ้าหน้าที่ตำรวจ,โดยจดหมายถึงญาติระบุว่า , ส่วนจดหมายถึงเจ้าหน้าที่เขียนว่า ,จากการสอบถาม นายเฉลิมพล สุขอัมพร ลูกเจ้าของบ้านที่ผู้เสียชีวิตอาศัยอยู่ ทราบว่า ผู้เสียชีวิตป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายมาประมาณ 1 ปีกว่า ก่อนหน้าบ่นว่าท้อใจ ลูกๆ ก็อยู่ต่างที่กัน ทราบว่าผู้เสียชีวิตออกจากบ้านไปตั้งแต่ช่วงเที่ยงโดยเอาหนังสือพิมพ์ออกไปด้วย สันนิษฐานว่าผู้เสียชีวิตตั้งใจที่จะเผาตัวเองเพราะมีคนบอกว่าซื้อน้ำมันก๊าดไปด้วย 1 ขวด เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตรวจสอบหลักฐานในที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งส่งศพให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง. | หนุ่มใหญ่ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย จุดไฟเผาตัวเองในบ้านไม้หลังวัดย่านบางกรวย ทิ้งจดหมาย 2 ฉบับ บอกอยู่ไม่ไหว รักษาไปก็สิ้นเปลือง อีกฉบับเขียนบอกเจ้าหน้าที่ ทำตัวเอง | null | เผาตัวเอง,จุดไฟเผาตัวเอง,ฆ่าตัวตาย,มะเร็งระยะสุดท้าย,นนทบุรี | https://www.thairath.co.th/content/830449 |
หนุ่มผู้ดี ไม่รอด โดนหิ้วขึ้นศาลฮ่องกง ฆ่าโหดหญิงอินโดฯ 2 ศพ | เมื่อวันที่ 3 พ.ย. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้า คดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญในฮ่องกง พบศพหญิงสองคนในอพาร์ตเมนต์หรู เจ เรสต์ซิเดนซ์ ย่านหว่าน จ๋าย โดยมีศพหนึ่งถูกยัดใส่กระเป๋าเดินทางและนำไปวางไว้ที่ระเบียงห้องพัก เมื่อวันเสาร์ที่ 1 พ.ย.ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจฮ่องกงได้นำตัว นายรูริก จัตติง ชายอังกฤษ วัย 29 ปี ขึ้นศาลชั้นต้น อีสเทิร์น มาจริสเตรท แล้ว ในวันนี้ (3 พ.ย.) หลังจากตกเป็นผู้ต้องสงสัยก่อคดีฆาตกรรมหญิงสองศพ ที่พบในห้องพักของเขาในอพาร์ตเมนต์ดังกล่าว,ข่าวแจ้งว่า ตำรวจฮ่องกงไม่มีการเปิดเผยชื่อเหยื่อเคราะห์ร้ายทั้งสอง แต่เชื่อว่า น่าจะเป็นหญิงอินโดนีเซียที่เข้ามาค้าประเวณีในฮ่องกง ขณะที่นายรูริก จัตติง เพิ่งลาออกจากการทำงานที่ธนาคาร แบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริลล์ ลินซ์ สาขาในฮ่องกงไปเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยตามประวัติ นายจัตติง ผู้ต้องสงสัยก่อคดีฆาตกรรมสยอง จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ มหาวิทยาลัยชื่อดังของอังกฤษเลยทีเดียว,ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจฮ่องกงได้รีบเดินทางไปยังอพารต์เมนต์หรู เจ เรสต์ซิเดนส์ หลังได้รับแจ้งเหตุร้าย เมื่อเวลา 03.42 น. ของเช้าวันเสาร์ที่ 1 พ.ย. โดยจากการตรวจสอบในห้องพัก ได้พบศพหญิงคนหนึ่ง อายุประมาณ 25-30 ปี เสียชีวิตในห้องนั่งเล่น ซึ่งสภาพศพมีร่องรอยถูกมีดปาดคอ และก้น ขณะที่หญิงอีกศพ ถูกนำไปใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทาง ได้เสียชีวิตจากการถูกมีดปาดคอเช่นกัน และเมื่อดูจากสภาพศพ หญิงคนนี้ได้เสียชีวิตมาสักระยะหนึ่งแล้ว นอกจากนั้น ตำรวจยังได้พบมีดเล่มหนึ่งในห้องพัก และได้เก็บเป็นหลักฐาน นำไปตรวจสอบ,ด้านผู้สื่อข่าวบีบีซีในฮ่องกง รายงานว่า หญิงเคราะห์ร้าย ถูกฆ่าตายทั้งสองราย เป็นชาวอินโดนีเซีย รู้จักในชื่อ เจสซี่ และอลิซ โดยหญิงสาวทั้งคู่เป็นที่รู้จักดีในย่านสถานบันเทิง ในเขตหว่าน จ๋าย ขณะที่ ผู้จัดการผับแห่งหนึ่ง บอกว่า เขารู้จักหญิงอินโดนีเซียทั้งสองมานานกว่า 4 ปีแล้ว | ตำรวจฮ่องกง นำตัว หนุ่มอังกฤษ อดีตเจ้าหน้าที่ธนาคารอเมริกัน ส่งขึ้นศาล หลังตกเป็นผู้ต้องสงสัยก่อคดีสะเทือนขวัญ ฆ่าโหด ปาดคอหญิงอินโดฯ 2 ศพ ตายอนาถในอพาร์ตเมนต์หรู ย่านหว่าน จ๋าย | null | ฆ่าปาดคอ,หญิงอินโดนีเซีย,อพาร์ตเมนต์,ฮ่องกง,หนุ่มอังกฤษ,ตำรวจฮ่องกง,ศาล,ข่าวต่างประเทศ | https://www.thairath.co.th/content/460970 |
รวบยกแก๊ง 6 ผู้ต้องหา ปล่อยเงินกู้เมืองอุบลฯ เก็บดอกโหดวันละ 200 บ. | เจ้าหน้าที่ทหารเมืองอุบลฯ-ฝ่ายปกครอง รวบยกแก๊งปล่อยเงินกู้ 6 ราย หลังชาวบ้านร้องเรียนเก็บดอกโหด กู้ 1 หมื่น เก็บดอกวันละ 200 บ. หากกู้มากบวกขึ้นตามจำนวน จับส่งตำรวจนำตัวดำเนินคดี,เมื่อเวลา 17.50 น. วันที่ 28 ก.ค.59 ที่ว่าการอำเภอเมืองอุบลราชธานี ร.ท.ธีระศักดิ์ สืบพรหม หัวหน้าชุดประสานงานพื้นที่ กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 6 มณฑลทหารบกที่ 22 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี และ นายณัฐพร ไชยธงรัตน์ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง อำเภอเมืองอุบลราชธานี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันควบคุมตัวผู้ต้องหา แก๊งเก็บเงินกู้นอกระบบ จำนวน 6 ราย มาสอบปากคำ ประกอบด้วย นายอาทิเทพ วัฒนา อายุ 37 ปี นายสุทน แจ้งถิ่นป่า อายุ 35 ปี นายบัณฑูร ปีกสันเทียะ อายุ 22 ปี นายสุดเขต เนตรวิวัติ อายุ 32 ปี นายสิทธิพงษ์ พั้งพันธ์ อายุ 33 ปี นายธนรัชต์ กุลประเสริฐ อายุ 28 ปี,พร้อมด้วยของกลางรถยนต์กระบะ ดีแม็คซ์ สีขาว หมายเลขทะเบียน ยก 3044 นครราชสีมา รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น CBR สีขาวแดง หมายเลขทะเบียน 1กค 9728 ยโสธร รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟไอ สีขาว หมายเลขทะเบียน 1 กธ 5201 ชลบุรี สมุดบัญชีธนาคารกสิกรไทย 1 เล่ม โทรศัพท์มือถือ 8 เครื่อง เงินสดจำนวน 42,300 บาท และนามบัตรบริการเงินรายวันสีชมพูจำนวนมาก โดยสามารถจับกุมระหว่างออกตระเวนเก็บเงินลูกค้าในเขตเทศบาลนครอุบลราชธานี,ทั้งนี้ สืบเนื่องจากมีชาวบ้านร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุบลราชธานี ว่า ได้รับความเดือดร้อนจากแก๊งเงินกู้นอกระบบ บางวันหาเงินส่งไม่ทัน ก็ถูกข่มขู่ ต่างๆ นานา จากพนักงานเก็บเงิน และเมื่อเก็บเงินไม่ได้ บางครั้งก็มีการขู่จะทำร้ายร่างกายลูกหนี้ จากการสอบถามผู้ต้องหาทราบว่า มีการปล่อยเงินกู้นอกระบบให้กับลูกค้าในอัตรา 10,000 บาท จ่ายดอกวันละ 200 บาท หากจะกู้มากกว่านั้นก็ต้องเพิ่มขึ้นตามอัตราที่ตั้งไว้ ซึ่งมีการใช้เอกสารบัตรประชาชน และทะเบียนบ้านของผู้กู้ และผู้ค้ำ กำกับก่อนกู้เงินทุกครั้ง,เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหาประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยจัดหามาซึ่งเงินทุนแล้วให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต และให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด แล้วนำตัวทั้ง 6 คน ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอุบลราชธานี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป | เจ้าหน้าที่ทหารเมืองอุบลฯ รวบยกแก๊งปล่อยเงินกู้ 6 ราย หลังชาวบ้านร้องเรียนเก็บดอกโหด กู้ 1 หมื่น เก็บดอกวันละ 200 บ. หากกู้มากบวกขึ้นตามจำนวน จับส่งตำรวจนำตัวดำเนินคดีต่อไป | null | ปล่อยเงินกู้,เงินกู้นอกระบบ,เก็บดอกโหด,แก๊งปล่อยเงินกู้,ดอกเบี้ยรายวัน,ขูดรีด,ข่าว,ไทยรัฐ,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวทั่วไทย,อุบลราชธานี | https://www.thairath.co.th/content/675627 |
ย้ายผู้การฯ ลำปาง หลังกระแสข่าวไม่ดำเนินคดีนักศึกษาชู 3 นิ้วต้าน วิษณุ | ตนไม่ได้อยู่ในพื้นที่แต่มาปฏิบัติหน้าที่ใน กทม. อย่างไรก็ตาม เหตุที่ไม่ดำเนินคดีกับนักศึกษาเพราะไม่มีความผิด31 ม.ค.2562 รายงานว่า พล.ต.ต.นิยม ด้วงสี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ถึงกรณีมีคำสั่ง บช.ภ.5 ให้พ้นจากหน้าที่ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 5 (ศปก.ภ.5) หลังมีกระแสข่าวว่าสาเหตุมาจากความบกพร่องปล่อยให้มีนักศึกษา แสดงสัญลักษณ์ ชู 3 นิ้ว ต่อหน้านายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ขณะร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง มีการขึ้นป้ายผ้าต่อต้านการเลือกตั้งในเมือง ว่า ตนได้รับคำสั่งและยินดีปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาขณะนี้ไปรายงานตัวที่ ศปก.ภ.5 แล้ว ยินดีน้อมรับคำสั่ง แม้ยังไม่ทราบว่าสาเหตุที่ต้องไปช่วยราชการเพราะเรื่องใด ไม่ขอตอบว่ารู้สึกอย่างไรที่ได้รับคำสั่ง แต่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาก็ต้องปฏิบัติตามส่วนกรณีมีกระแสข่าวว่าเป็นเพราะการแสดงออกของกลุ่มนักศึกษาและป้ายต่อต้านรัฐบาลในพื้นที่ ผบก.ภ.จว.ลำปาง ปฏิบัติราช ศปก.ภ.5 ว่า ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องนี้หรือไม่ แต่ในวันที่เกิดในความเป็นจริงแล้วตนไม่ได้อยู่ในพื้นที่ วันนั้นไปปฏิบัติราชการที่กรุงเทพมหานคร แต่ได้สั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาดำเนินการอย่างให้เรียบร้อย ยอมรับว่า ไม่ได้ดำเนินคดีกับคนที่ชู 3 นิ้ว และการติดตั้งป้าย เพราะไม่มีความผิดตามกฎหมาย และมองว่าเป็นสิทธิของประชาชนในการแสดงความเห็น ตนต้องถามสื่อมวลชนด้วยว่าการกระทำนั้นผิดกฎหมายหรือไม่หากไม่ผิดกฎหมายตำรวจก็ดำเนินการตามกฎหมายอะไรไม่ได้อยู่แล้วสำหรับ พล.ต.ต.นิยม เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 37 รุ่นเดียวกับพล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผบ.ตร. พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก. โดยจะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายนปีนี้ | ผู้บังคับการตำรวจภูธรลำปาง ยินดีปฏิบัติตามคำสั่งย้ายเข้า ศปก.ภ.5 ระบุ วันที่มีการประชุม ครม. สัญจรแล้วมีนักศึกษาชู 3 นิ้วต่อหน้าวิษณุ เครืองาม-มีป้ายต่อต้านรัฐบาล | การเมือง | ชูสามนิ้ว,ชู 3 นิ้ว,วิษณุ เครืองาม,นิยม ด้วงสี | https://prachatai.com/journal/2019/01/80813 |
ต้นสังกัดแจงกรณีดราม่า แก๊งฮอร์โมนเต้นไม่แคร์สื่อบนรถไฟญี่ปุ่น | จวกเละ แก๊งฮอร์โมน เต้นไม่แคร์สื่อบนรถไฟญี่ปุ่น, ต้นสังกัดออกชี้แจงไม่ได้นิ่งนอนใจ เร่งประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง,คืบหน้า กรณีมีคลิปนักแสดงวัยรุ่นกลุ่มฮอร์โมน เต้นบนรถไฟฟ้าที่ญี่ปุ่น ล่าสุด บริษัท จีเอ็มเอ็ม ไท หับ จำกัด ต้นสังกัดนักแสดงกลุ่มดังกล่าว ชี้แจงว่า จากที่มีการเผยแพร่พฤติกรรมอันไม่สุภาพของนักแสดงบางกลุ่มจากละครซีรีส์ฮอร์โมนวัยว้าวุ่นที่ประเทศญี่ปุ่น ทาง GTH ขอแจ้งว่าทางเราไม่ได้นิ่งนอนใจและรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ขณะนี้ทางบริษัทและทีมงานกำลังเร่งประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องทั้งในประเทศและที่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อดำเนินการกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะมีการแถลงการอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง,เบื้องต้นไทยรัฐออนไลน์พยายามติดต่อไปยังทีมงานของนักแสดงที่เกี่ยวข้อง แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้ และมีรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากเกิดดราม่าวิจารณ์ความไม่เหมาะสมของแก๊งฮอร์โมน ล่าสุดแฮชแท็ก #ดึงสติกันหน่อยน่า กลายเป็นแฮชแท็กยอดนิยม ที่มีผู้ทวิตมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของทวิตเตอร์ประเทศไทยทันที โดยมีผู้ติดแฮชแท็กนี้ตลอดทั้งวัน (4 เม.ย.) จำนวน 110,511 ครั้งแล้ว | จากกรณีนักแสดงฮอร์โมน เต้นบนรถไฟญี่ปุ่น ต้นสังกัดออกชี้แจงไม่ได้นิ่งนอนใจ เร่งประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง | null | ต้นสังกัด,นักแสดง,แก๊งฮอร์โมน,รถไฟ,ญี่ปุ่น,GTH,จีทีเอช,ดราม่า,โซเชียล,สายตรวจโซเชียล,ไทยรัฐ,ไทยรัฐออนไลน์,ดึงสติกันหน่อยน่า | https://www.thairath.co.th/content/491153 |
สหรัฐฯ ไฟเขียว อนุมัติให้ใช้ ยาไวอากร้าสำหรับผู้หญิงแล้ว | เมื่อวันที่ 19 ส.ค. 58 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานข่าวดีของผู้หญิง เมื่อ คณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ (The Food and Drug Administration) หรือ (FDA, เอฟดีเอ) ได้เห็นชอบอนุมัติ ยาฟลิแบนเซริน หรือ ยาไวอากร้าสำหรับผู้หญิง (Female Viagra) แล้ว เมื่อเย็นวันอังคารที่ 18 ส.ค. (ตามเวลาท้องถิ่น) โดยให้เหตุผลว่าเพื่อเป็นการแก้ไขความผิดปกติทางเพศในผู้หญิง เนื่องจากมีผู้หญิงหลายล้านคนต้องเผชิญกับสภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ,สำหรับ ยาไวอากร้าสำหรับผู้หญิง หรือเรียกว่า ไวอากร้าสีชมพู ถูกจำหน่ายภายใต้ชื่อยา Addyi หรือรู้จักกันในชื่อยา ฟลิแบนเซริน ผลิตโดยบริษัทสเปราต์ ฟาร์มาซิติคอลส์ (Sprout Pharmaceuticals) โดยยาไวอากร้าสำหรับผูหญิงนี้ เป็นสารเคมีสังเคราะห์ ออกฤทธิ์ในการปรับสมดุล ระหว่างระบบสารสื่อประสาท ที่เกี่ยวข้องกับความพึงพอใจและเกิดอารมณ์ทางเพศ เนื่องจากการที่ระบบนี้เสียสมดุลไปเป็นสาเหตุหนึ่งทำให้เกิดภาวะความต้องการทางเพศต่ำ,สถานีโทรทัศน์ เอ็นบีซี ในสหรัฐฯ รายงานด้วยว่า การที่เอฟดีเออนุมัติยาไวอากร้าสำหรับผู้หญิงนั้น สร้างความผิดหวังให้แก่แพทย์และผู้แทนในทางกฎหมายจำนวนไม่น้อย เนื่องจากเห็นว่า ยาไวอากร้าสำหรับผู้หญิงนี้ยังไม่ปลอดภัยเพียงพอที่จะอนุมัติให้ผู้หญิงใช้,ทั้งนี้ คณะที่ปรึกษาของสำนักงานอาหารและยา (FDA, เอฟดีเอ) ของสหรัฐฯ ได้โหวต ลงมติเห็นควรแนะนำให้เอฟดีเอ อนุมัติ ยาไวอากร้าของผู้หญิงหรือมีชื่อว่า ฟลิแบนซีริน อย่างมีเงื่อนไข เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังจากได้มีการปฏิเสธ ยาไวอากร้าผู้หญิงชนิดนี้มาแล้วถึง 2 ครั้ง เนื่องจากเห็นว่า ยาฟลิแบนซีรินมีผลข้างเคียง หรือ ไซด์ เอฟเฟกต์ แก่ผู้ใช้มากเกินไป อย่างเช่น ทำให้วิงเวียนศีรษะ, คลื่นไส้, ง่วงนอน พร้อมกับ อธิบายถึงคุณประโยชน์ของยาฟลิแบนซีรินว่า มีในระดับ ปานกลาง หรือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น | เอฟดีเอของสหรัฐฯ อนุมัติให้ใช้ยาไวอากร้าสำหรับผู้หญิงแล้วหวังแก้ปัญหาเซ็กซ์เสื่อม ช่วย ปลุกไฟ ความต้องการเพศที่ใกล้มอด ขณะที่แพทย์จำนวนไม่น้อยผิดหวัง ชี้ มีผลข้างเคียงจากการใช้ยามากเกินไป จึงยังไม่ปลอดภัยเพียงพอ | null | ยาไวอากร้าผู้หญิง,ยาไวอากร้า,ไวอากร้าสีชมพู,เอฟดีเออนุมัติยาไวอากร้า,เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ,ผิดปกติทางเพศ,สหรัฐฯ,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวต่างประเทศ | https://www.thairath.co.th/content/519325 |
กัลเดรอน เผย ราฟา ไม่ใช่ตัวเลือกแรกของราชัน | สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานวันที่ 27 ม.ค.ว่า รามอน กัลเดรอน อดีตประธานสโมสรของ เรอัล มาดริด ออกโรงแฉว่า ราฟาเอล เบนิเตซ เป็นเพียงตัวเลือกลำดับที่ 4 เท่านั้น ในการสรรหากุนซือใหม่เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา และเนื่อง 3 รายก่อนหน้านี้ ไม่มีผู้ใดตอบรับตำแหน่ง ทำให้เจ้าตัวจึงได้รับส้มหล่นเข้ามาคุมทีมในที่สุด,โดยอดีตบิ๊กบอสของทีมราชันชุดขาวเปิดเผยว่า โชเซ มูรินโญ, โยอาคิม เลิฟ และ เยอร์เกน คลอปป์ คือตัวเลือกในลำดับต้นๆ ของบอร์ดบริหารที่หวังกระชากตัวเข้ามาสานงานในถิ่น ซานติอาโก เบอร์นาเบว แต่สุดท้ายกลับถูกบอกปัดข้อเสนอ จนต้องมาเปิดโต๊ะพูดคุยเพื่อดึงอดีตโค้ชลูกหม้อรายนี้ เข้ามารั้งบังเหียนในที่สุด,เบนิเตซ เป็นเหมือนของตายสำหรับ เรอัล มาดริด นั้นจึงทำให้เขาไม่ใช่ตัวเลือกลำดับแรก แต่เป็นที่ 4 พวกเขาพยายามที่จะโน้มน้าวให้ โชเซ มูรินโญ กลับมาแต่ มูรินโญ ไม่ต้องการ,หลังจากนั้นก็ติดต่อไปหา โยอาคิม เลิฟ รวมถึง เยอร์เกน คลอปป์ แต่ทั้งหมดปฏิเสธ ดังนั้นตัวเลือกสุดท้ายจึงตกมาที่ เบนิเตซ ที่ถึงแม้สไตล์จะไม่ค่อยเหมาะ เรอัล มาดริด แต่บอร์ดบริหารก็ไม่มีตัวเลือกอื่นแล้ว,สำหรับ เรอัล มาดริด ภายใต้การคุมทัพของ ซีเนดีน ซีดาน ปัจจุบันรั้งอยู่ในอันดับที่ 3 ของตารางคะแนนลาลีกา มีแต้มห่างจากจ่าฝูงอย่าง บาร์เซโลนา อยู่ 4 แต้มเท่านั้น. | อดีตประธานสโมสรราชันชุดขาวเผยว่า ราฟาเอล เบนิเตซ คือตัวเลือกลำดับที่ 4 เท่านั้นของราชันชุดขาว ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่เป็นเพราะตัวเลือกรายอื่นตอบปฏิเสธ ทำให้เจ้าตัวได้งานนี้ไปครองในที่สุด | null | รามอน กัลเดรอน,เรอัล มาดริด,ราฟาเอล เบนิเตซ,โยอาคิม เลิฟ,เยอร์เกน คลอปป์,โชเซ มูรินโญ,ข่าว,ข่าวกีฬา,ลาลีกา,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/content/568627 |
เกิดไฟป่าหลายพื้นที่ภาคเหนือ ทำให้เกิดปัญหาหมอกควัน | เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจของศูนย์ไฟป่าเชียงราย และชาวบ้านยังคงเฝ้าระวังไฟป่า ในพื้นที่สวนป่าของหน่วยจัดการต้นน้ำแม่จัน ตำบลแม่สลองนอก อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย หลังสามารถควบคุมไฟป่าที่ไหม้พื้นที่ป่าสนในดอยแม่สลอง เสียหายไปกว่า 500 ไร่ ได้แล้ว แต่เนื่องจากผืนป่าแห่งนี้เป็นไม้สนที่มีสภาพแห้งแล้ง จึงเป็นเชื้อไฟอย่างดี หากมีกระแสลม อาจทำให้ไฟลุกลามได้อีก ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ยังเข้าตรวจหาจุดต้นเพลิง เนื่องจากคาดว่าสาเหตุของไฟป่า อาจมาจากการเผาป่าเพื่อเพาะปลูกพืชไร่ด้าน นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการ จังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า ปัญหาไฟป่า และหมอกควันที่มักเกิดขึ้นในฤดูแล้ง ทำให้ทางจังหวัดต้องจัดตั้งศูนย์ไฟป่าเพื่อเตรียมรับสถานการณ์รวมทั้งแจ้งไปยังทุกพื้นที่ ไม่ให้มีการเผาไร่ และ พื้นที่ใกล้พื้นป่าอย่างเด็ดขาด แต่ตามยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่จะเข้าไปควบคุมทั้งหมด เพราะถือเป็นวิถีชีวิตของคนในบางพื้นที่ส่วนการเผาป่าในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งทำให้ควันกระจายเข้าสู่เขตประเทศไทย ได้ให้องค์กรประสานงานชายแดนระดับต่างๆ เช่น คณะกรรมการประสานงานชายแดนไทย-พม่า ระดับท้องถิ่น หรือ ทีบีซี ประสานเพื่อขอความร่วมมือ ถือว่าได้ผลในระดับหนึ่งแต่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดส่วนที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน หลายพื้นที่ยังคงมีไฟป่าเกิดขึ้น โดยเฉพาะบริเวณเทือกเขาทางด้านทิศตะวันออกของตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ส่งผลให้บางพื้นที่เริ่มมีหมอกควัน แม้ยังไม่ส่งผลกระทบหนัก แต่เนื่องจากสภาพพื้นที่ ซึ่งเป็นเทือกเขา และ ที่ราบแอ่งกะทะ ทำให้ทุกหน่วยงานต้องเฝ้าระวังไฟป่าอย่างต่อเนื่องขณะที่ สำนักป้องกันปราบปรามและควบคุมไฟป่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ระบุว่าพื้นที่ภาคเหนือ มีดัชนีการเกิดไฟป่าอยู่ในระดับที่สูงมาก โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง ตาก แพร่ สุโขทัย พิจิตร เพชรบูรณ์ และพิษณุโลก | เกิดไฟป่าในหลายพื้นที่ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ส่งผลทำให้เกิดปัญหาหมอกควัน ขณะที่ในจังหวัดเชียงราย เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบต้นเพลิงของไฟป่าบนดอยแม่สลอง ทำให้มีพื้นที่เสียหายกว่า 500 ไร่ ล่าสุดควบคุมเพลิงได้แล้ว แต่ยังต้องเฝ้าระวังไฟที่อาจลุกลามได้อีก | ภูมิภาค | หมอกควัน,เชียงราย เ,แม่ฮ่องสอน,ไฟป่า | https://news.thaipbs.or.th/content/65592 |
ผู้ว่าฯ อัศวิน ลุยบิ๊กคลีนนิ่งย่านพระราม 2 พอใจ ค่าฝุ่น PM2.5 ลดลง | ผู้ว่าฯกทม.ประสานความร่วมมือหลายหน่วยงาน จัดบิ๊กคลีนนิ่ง ฉีดพ่นละอองน้ำบนถนนพระราม 2 ระยะทางรวม 14.5 กิโลเมตร เจ้าตัวพอใจผลปฎิบัติงานแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ลดลงถึง 40% ,เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 2 ก.พ.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในการปล่อยขบวนรถน้ำ ที่บริเวณห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ซูปเปอร์เซ็นเตอร์ สาขาพระราม 2 เขตบางขุนเทียน ซึ่งเป็นการบิ๊กคลีนนิ่ง ล้างถนนและฉีดพ่นละอองน้ำ เพื่อลดฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศ PM 2.5,โดยเป็นการประสานความร่วมมือระหว่างกองพันทหารม้าที่ 19 กองทัพเรือ สำนักสิ่งแวดล้อม สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย สำนักงานเขตภาษีเจริญ สำนักงานเขตหนองแขม สำนักงานเขตราษฎร์บูรณะ และกองบังคับการตำรวจจราจร โดยจะทำการฉีดพ่นละอองน้ำ และทำการฉีดล้างพื้นถนนและต้นไม้ ทั้งขาเข้าและขาออก บนถนนพระราม 2 ตั้งแต่รอยต่อจังหวัดสมุทรสาคร จนถึงแยกบางปะแก้ว ระยะทางรวม 14.5 กิโลเมตร เพื่อเป็นการล้างฝุ่นละอองขนาดเล็ก ภายหลังได้ใช้เครื่องบินฉีดพ่นละอองน้ำ ทำให้ฝุ่นละอองขนาดเล็กตกลงมายังพื้นถนน จึงต้องรีบทำการฉีดล้างเพื่อไม่ให้ฝุ่นละอองขนาดเล็ก ลอยขึ้นไปบนอากาศ,โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เผยพอใจกับการปฎิบัติการแก้วิกฤติมลพิษทางอากาศ ซึ่งในวันนี้ได้ใช้เครื่องบิน บินฉีดพ่นละอองน้ำจนทำให้ค่าฝุ่นละอองลดลง จนเป็นสีเขียว ซึ่งหมายถึงผลการดำเนินงานแก้ปัญหาทำให้ฝุ่นละอองขนาดเล็กลดลงถึง 40% และโครงการบิ๊กคลีนนิ่ง ยังคงดำเนินการต่อไป,ในวันนี้ได้เชิญชวนประชาชนร่วมทำความสะอาดบ้านและฉีดล้างต้นไม้ในช่วงเทศกาลตรุษจีน สำหรับการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศ ทางกรุงเทพมหานครยังคงดำเนินการฉีดพ่นละอองน้ำในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะบรรเทาค่าฝุ่นละอองในกรุงเทพมานครให้ลดลงได้ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวทิ้งท้าย | ผู้ว่าฯกทม.ประสานความร่วมมือหลายหน่วยงาน จัดบิ๊กคลีนนิ่ง ฉีดพ่นละอองน้ำบนถนนพระราม 2 ระยะทางรวม 14.5 กิโลเมตร เจ้าตัวพอใจผลปฎิบัติงานแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ลดลงถึง 40% | ข่าว,ทั่วไทย | PM 2.5,ฝุ่น PM 2.5,ค่าฝุ่นละอองPM2.5,ผู้ว่าฯ อัศวิน,บิ๊กคลีนนิ่ง,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1486483 |
ตะลึง เปิดท็อป 3 สโมสรส่งนักเตะเข้าตัดบอลโลกมากสุด ไม่ใช่บาร์ซา-ราชัน | การแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 เดินทางมาถึงรอบรองชนะเลิศ ล่าสุดมีการเปิดเผยว่าสโมสรที่ส่งนักเตะเข้ารอบนี้มากที่สุดคือ ไก่เดือยทอง ทอตแนม ฮอตสเปอร์ส พาเหรดเข้ามาเล่นถึง 9 คน ประกอบด้วย อูโก โยริส (ฝรั่งเศส), แฮร์รี เคน, เดเล อัลลี, คีแรน ทริปเปียร์, เอริก ไดเออร์, แดนนี โรส (อังกฤษ) และ แยน แฟร์ตองเกน, โทบี อัลเดอร์ไวรัลด์, มุสซา เดมเบเล (เบลเยียม),ส่วนทีมที่ส่งนักเตะมาเล่นในรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลกมากที่สุดเป็นอันดับที่สองคือสองยักษ์ใหญ่จากแมนเชสเตอร์อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 7 คนด้วยกัน,โดยผีแดงประกอบด้วย พอล ป็อกบา (ฝรั่งเศส), เจสซี ลินการ์ด, มาร์คัส แรชฟอร์ด, แอชลีย์ ยัง, ฟิล โจนส์ (อังกฤษ), มารูยาน เฟลไลนี, โรเมลู ลูกากู (เบลเยียม),ด้านเรือใบประกอบด้วย เบนจามิน เมนดี (ฝรั่งเศส), จอห์น สโตนส์, ราฮีม สเตอร์ลิง, ไคล วอลเกอร์, ฟาเบียน เดล์ฟ (อังกฤษ), เควิน เดอบรุน, แวงซองต์ กอมปานี (เบลเยียม),ขณะที่บาร์เซโลนา และ เรอัล มาดริด สองโคตรลูกหนังแห่งยุคมีนักเตะหลงเหลือในรอบรองชนะเลิศเพียงแค่ 4 และ 3 คนตามลำดับเท่านั้น,โดย บาร์ซา มี ซามูเอล อูมติตี, อุสมาน เดมเบเล (ฝรั่งเศส), โธมัส แฟร์มาเลน (เบลเยียม), อิวาน ราคิติช (โครเอเชีย ส่วน มาดริด มี ราฟาเอล วาราน (ฝรั่งเศส), มาเตโอ โควาซิช, ลูกา โมดริช (โครเอเชีย),
ติดตามการวิเคราะห์เจาะลึกฟุตบอลได้ที่ ,https://www.thairath.co.th/sport/preview,ร่วมกิจกรรมทายผลแชมป์บอลโลก 2018 ลุ้นรางวัลรวมมูลค่า 32 ล้านบาท และอื่นๆ อีกมากมาย ,ที่นี่, วันนี้ ถึง 14 ก.ค. 61 | สุดตะลึง!! เปิดท็อป 3 ทีมที่ส่งนักเตะเข้าไปเล่นในรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2018 มากที่สุดกลับไม่ใช่สองสโมสรแห่งยุคอย่าง บาร์เซโลนา และ เรอัล มาดริด | กีฬา,ฟุตบอลโลก | ฟุตบอลโลก 2018,ทีมชาติอังกฤษ,ทีมชาติเบลเยียม,ทีมชาติโครเอเชีย,ทีมชาติฝรั่งเศส | https://www.thairath.co.th/sport/worldcup/1329879 |
ร็อบเบน เข้าใจ น้ามู ยก ฟาน กัล-เป๊ป มีอิทธิพลต่อชีวิต | สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานวันที่ 9 มี.ค. ว่า อาร์เยน ร็อบเบน ดาวเตะทีม เสือใต้ บาเยิร์น มิวนิก ยืนยัน ตนไม่รู้สึกแค้นเคืองที่โดน โชเซ มูรินโญ ปล่อยออกจากทีมเมื่อครั้งที่ยังค้าแข้งอยู่กับ สิงโตน้ำเงิน เชลซี พร้อมยกให้ หลุยส์ ฟาน กัล และ เป๊ป กวาร์ดิโอลา เป็นคนที่มีอิทธิพลต่อชีวิตของตน,ปีกชาวดัตช์ที่ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในแนวรุกที่ดีที่สุดของโลก เคยร่วมงานกับ มูรินโญ ในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ช่วงปี 2004-07 ก่อนจะโดนปล่อยไปอยู่กับ เรอัล มาดริด ในเวลาต่อมา และย้ายมาอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิก ในยุคการทำทีมของ ฟาน กัล,ในการให้สัมภาษณ์พิเศษกับ เดลี เมล์ สื่อดังของอังกฤษ ดาวเตะวัย 31 ปี ก็ได้พูดถึงเทรนเนอร์ชาวโปรตุกีส โดยยกย่องให้เป็นคนที่มีอิทธิพลต่อชีวิตนักเตะของเขา โดยกล่าวว่า มูรินโญ เป็นคนที่มีความยุติธรรมมากๆ ปัญหาเพียงอย่างเดียวในตอนที่ผมอยู่กับเขาคือเรื่องอาการบาดเจ็บ เขาไม่สามารถเรียกใช้ผมได้ มันเป็นสิ่งที่น่าผิดหวังสำหรับเราทั้งสองและมันก็กลายเป็นเรื่องที่ยากลำบาก แต่ในมุมมองด้านฟุตบอล เขาเป็นคนที่สำคัญมากๆ เขาช่วยเหลือด้านจิตใจของผม,ผมคิดว่าผมมีพัฒนาขึ้นมาในทิศทางที่ดีตอนอยู่กับเชลซี เพราะตอนที่ผมย้ายผมยังเด็กมากอายุเพียงแค่ 20 ปี และปัญหาที่ผมมีคือเรื่องอาการบาดเจ็บ,ในช่วงเวลาที่ได้ยินคนพูดว่าคุณถูกสร้างมาจากแก้ว ผมรู้สึกโกรธนะเพราะผมรู้สึกเหมือนว่าผมต้องคอยปกป้องตัวเอง ผมรู้ว่าตอนนี้มันมีบางสิ่งที่ผิดปกติในร่างกายของผม,ผมอารมณ์เสียมากๆ และต้องการทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง ผมเริ่มทำงานกับนักกายภาพบำบัดเมื่อหนึ่งปีก่อนจะย้ายไป มาดริด และอยู่กับเขา ผมต้องควบคุมร่างกายของตัวเองในตอนนี้ เพื่อให้ผมสามารถก้าวไปได้ไกล,นอกจากนั้นแล้ว ร็อบเบน ก็ยังได้ยกย่อง ฟาน กัล เทรนเนอร์ของ ปิศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คนปัจจุบัน ซึ่งตัวเขาเคยร่วมงานด้วยทั้งในสมัยที่ยังคุม บาเยิร์น และตอนที่คุมทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ซึ่งก่อนจะอำลาก็ได้พาทีม กังหันลม คว้าอันดับที่ 3 ในการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 2014 ที่ประเทศบราซิล,ร็อบเบน กล่าวว่า นับตั้งแต่วันแรก ฟาน กัล ก็ทำให้ผมรู้สึกว่าเป็นคนสำคัญ เขามอบหมายหน้าที่สำคัญให้กับผมและผมก็มีปีแรกที่ดี ผมต้องขอบคุณเขาเป็นอย่างมาก เขาเป็นโค้ชที่ทำให้นักเตะแต่ละคนดีขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่หายากในยุคปัจจุบัน,ผมเชื่อว่าเขาจะประสบความสำเร็จกับแมนฯยูไนเต็ด เขาต้องการเวลาในการสร้างทีม เมื่อเขาได้โควตาไปเล่น แชมเปียนส์ลีก และเขาก็ยังมีโอกาสพาทีมคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ถ้าเขาทำได้มันจะเป็นฤดูกาลที่ยอดเยี่ยม,ขณะที่ กวาร์ดิโอลา เจ้านายคนปัจจุบัน แข้งวัย 31 ปี ก็ได้พูดว่า ผมมีสิทธิพิเศษที่ได้ทำงานร่วมกับโค้ชที่ยอดเยี่ยมหลายคนและ กวาร์ดิโอลา ก็เป็นหนึ่งในคนกลุ่มนั้นอย่างแน่นอน ผมอายุ 31 ปี แต่ตลอด 18 เดือนที่ผ่านมา ผมรู้สึกว่าตัวเองต้องก้าวไปข้างหน้าอีก,เขาเป็นเพียงพวกที่บ้าฟุตบอล ในการพูดคุยกันครั้งแรกกับเขา เขาบอกผมว่ามันเป็นสิ่งสำคัญที่ผมจะเริ่มเล่นฟุตบอลด้วยความสนุก เขาไม่อยากให้ผมได้พักแต่จะชื่นชมในสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของผม เขาบอกว่า สนุกกับฟุตบอล สนุกกับชีวิตของคุณ เขามอบความเชื่อมั่นให้กับผมอย่างตรงไปตรงมา | อาร์เยน ร็อบเบน ดาวเตะทีม เสือใต้ บาเยิร์น มิวนิก ยืนยัน เข้าใจเหตุผลที่โดน โชเซ มูรินโญ ปล่อยออกจากทีมเมื่อครั้งอยู่เชลซี พร้อมยกให้ หลุยส์ ฟาน กัล และ เป๊ป กวาร์ดิโอลา เป็นคนที่มีอิทธิพลต่อชีวิตนักเตะของตน | null | บุนเดสลีกา,เยอรมัน,อาร์เยน ร็อบเบน,หลุยส์ ฟาน กัล,เสือใต้,เชลซี,ข่าวกีฬา,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,บาเยิร์น มิวนิก,โชเซ มูรินโญ,เป๊ป กวาร์ดิโอลา | https://www.thairath.co.th/content/485901 |
จตุพร เตรียมปราศรัย ชี้อนาคตการเมือง | ตลอดทั้งวันที่ผ่านมากลุ่ม นปช. ร่วมจัดงานรำลึก 2 ปี ในเหตุการณ์ความรุนแรงจากการชุมนุม เมื่อปี 2553 ที่แยกราชประสงค์ เริ่มต้นตั้งแต่ช่วงสายจัดพิธีสงฆ์ ถวายสังฆทานและบังสกุลอุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิต ขณะที่ช่วงเย็นเป็นกิจกรรมภาคบันเทิง สลับการปราศรัยบนเวทีก่อนหน้านั้น นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ประธาน นปช. ระบุการจัดงานครั้งนี้มีเป้าหมายการรวมตัวเพื่อแสดงพลังประชาธิปไตย และสดุดีแก่ผู้ที่เสียชีวิตจากการต่อสู้ พร้อมกล่าวย้ำให้รัฐบาลเร่งชดเชยเยียวยาแก่ญาติผู้เสียชีวิตโดยเร็วและปฏิเสธข้อสรุปของกรมสอบสวนคดีพิเศษกรณีผู้เสียชีวิต 12 ศพเกิดจากการกระทำของกลุ่ม นปช.สำหรับกิจกรรมในช่วงค่ำนอกจากแกนนำคนสำคัญอาทิ นายวีระกานต์ มุกสิกพงษ์ นายจตุพร พรหมพันธ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เตรียมอภิปรายอนาคตการเมืองไทยแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะร่วมวิดีโอลิงค์และจุดเทียนรำลึกเหตุการณ์ชุมนุมด้วยตลอดทั้งบริเวณการจัดงานมีการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ ด้วยการกระจายกำลังตำรวจดูแลโดยรอบ และยังไม่พบเหตุความไม่สงบแต่อย่างใด ส่วนการจราจรยังคงปิดถนนราชดำริ ตั้งแต่แยกประตูน้ำ จนถึงแยกราชประสงค์ จนกว่าจะเสร็จสิ้นกิจกรรมในเวลา 02.00 น. | กลุ่มนปช.จัดกิจกรรมรำลึก 2 ปีเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง โดยประธาน นปช.ระบุว่า เป็นการรวมตัวแสดงพลังประชาธิปไตย เพื่อต่อต้านการรัฐประหาร และทวงถามความเป็นธรรม ให้กับผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธ์ เตรียมปราศรัยชี้อนาคตการเมือง | การเมือง | 19 พ.ค.,จตุพร,ชุมนุม,นปช. | https://news.thaipbs.or.th/content/85951 |
เช็กลิสต์ 10 วันสำคัญแห่ง IG ทั่วโลกกล่าวขานมากสุด ปี 59 | ก่อนหน้านี้ เราเคยพูดถึง ,10 คนดังแห่งอินสตาแกรม, ซึ่งมีจำนวนแฟนๆ ติดตามนับร้อยล้านคนและหลายสิบล้านคน แต่ในครั้งนี้ เราจะขอกล่าวถึงความนิยมบนแอพพลิเคชั่นอินสตาแกรมอีกครั้ง แต่เป็น ,20 อันดับ สถานที่ยอดนิยมประจำปี 2559, รวมสถิติที่ผู้ใช้อินสตาแกรมนิยมเช็กอินพิกัดดังกล่าว และ ,10 วัน ที่ชาวไอจีกล่าวขานถึงมากที่สุดในรอบปี, ไปพร้อมกัน ส่วนจะมีสถานที่ใด และวันสำคัญไหนบ้าง ตามเรามาดู,20 อันดับ สถานที่ยอดนิยมประจำปี 2559,1. ดินแดนของดิสนีย์ โลกแห่งจินตนาการของเหล่าตัวการ์ตูน,2. ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เมืองแห่งความสนุก,3. เซ็นทรัลพาร์ค สวนสาธารณะในมหานครนิวยอร์ก,4. ไทม์สแควร์ จุดตัดสำคัญบนถนนแมนฮัตตัน นิวยอร์ก,5. หอไอเฟล สัญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศส,6. พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ สถานที่สำคัญทางศิลปะในฝรั่งเศส,7. ลาสเวกัส เมืองแห่งความบันเทิง,8. ซานตาโมนิกา ท่าเรือและสวนสนุกในรัฐแคลิฟอร์เนีย,9. สะพานบรูคลิน สะพานแขวนชื่อดังในสหรัฐอเมริกา,10. ศูนย์จัดแสดงสินค้าชื่อดังในรัสเซีย,11. สยามพารากอน ห้างสรรพสินค้าชื่อดังของไทย,12. โคลอสเซียม 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก,13. เมดิสันสแควร์ สนามกีฬาในร่ม นครนิวยอร์ก,14. สนามบินลอสแองเจลิส ท่าอากาศยานนานาชาติ,15. ทาวเวอร์บริดจ์ สะพานชื่อดังในประเทศอังกฤษ,16. บาร์เซโลนาเซ็นเตอร์ อาคารยอดนิยมที่เป็นศูนย์รวมความสะดวกสบายในสเปน,17. มหาวิหารนอทร์-ดาม อาสนวิหารในกรุงปารีส ฝรั่งเศส,18. พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน ในนครนิวยอร์ก,19. ตึกเอ็มไพร์สเตท นครนิวยอร์ก,20. น้ำตกไนแอการา ในประเทศสหรัฐอเมริกา,10 วัน ที่ชาวไอจีกล่าวขานถึงมากที่สุดในรอบปี,1. วันฮาโลวีน วันที่ 31 ต.ค.,2. ครบรอบ 15 ปี เหตุการณ์ 9/11 วันที่ 11 ก.ย.,3. นัดชิงชนะเลิศฟุตบอลยูโร วันที่ 10 ก.ค.,4. เลือกตั้งสหรัฐอเมริกา วันที่ 8 พ.ย.,5. โอลิมปิก ฤดูร้อน วันที่ 14 ส.ค.,6. วันพ่อ วันที่ 19 มิ.ย.,7. ปารีสแฟชั่นวีค วันที่ 1 ต.ค.,8. วันแม่ วันที่ 8 พ.ค.,9. วันปีใหม่ วันที่ 1 ม.ค.,10. วันอีสเตอร์ ซันเดย์ วันที่ 27 มี.ค.,อ่านเพิ่มเติม, ,เซเลนา โกเมซยังทรงเสน่ห์ รวม 10 คนดังแห่งไอจี แฟนตามทะลุ 100 ล้านคน,ที่มา : ,adweek | ส่องสถิติน่าสนใจของผู้ใช้อินสตาแกรมประจำปี 2559 กับ 20 อันดับสถานที่ยอดนิยมที่ผู้เล่นไอจีนิยมเช็กอิน และ 10 วันสำคัญที่คนทั่วโลกให้ความสนใจ… | ข่าว,ไอที | IG,ไอจี,Instagram,อินสตาแกรม,เช็กอิน ไอจี ยอดนิยม 2016 | https://www.thairath.co.th/news/tech/810256 |
เอาละเว้ย! โต้ง Twopee ออกอัลบั้มเดี่ยวแล้ว Southside Ambassador เป็นอย่างไร ไปฟัง | เอาละเว้ย โต้ง Twopee ออกอัลบั้มเดี่ยวแล้วจัดว่าเป็นอัลบั้มที่รอมานาน อัลบั้มแรกของโต้ง Twopee Southside ที่ชื่อว่า Southside Ambassador หลังจากโด่งดังจากการเป็นโค้ชรายการ The Rapper เป็นอัลบั้มที่มีศิลปินระดับประเทศมาฟีเจอริงมากอัลบั้มหนึ่งเลยทีเดียว ไล่เรียงได้ตั้งแต่ YOUNGOHM นุ้ย The Peach Band แสตมป์ อภิวัชร์ FIIXD ฮิวโก้ Thaitanium เจ มณฑล Ironboy หรือแม้กระทั่งศิลปินเกาหลี Jay ParkTwopee ถือเป็นศิลปินแรปที่ผ่านช่วงเวลาอันยาวนานกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ เด็กหนุ่มอายุ 14 จากภูเก็ตที่ทำเพลงแรปกับเพื่อน มีโอกาสได้เจอกับ Thaitanium ที่มาแสดงคอนเสิร์ตที่ภูเก็ต แล้วพวกเขาขอขึ้นเวทีโชว์เพลงของตัวเอง สำหรับเด็กคนหนึ่งโมเมนต์นั้นถือว่าโคตรกล้าตอนเด็กๆ จับปากกาแรปเองทำซีดีเดินขายใน Fat Fest.Represent Phuket with My Manไม่มีใครรู้จักพวกเราใน Rap Game– Respectออกอัลบั้มแรกในนาม Southside คู่กับ Freddy ในปี 2011 ตอนนั้นยังไม่ค่อยดังเท่าไร แต่ก็ทำเพลงมาอย่างต่อเนื่อง จนถึงวันนี้ผลงานทั้งหมดเป็นตัวพิสูจน์คุณลองคิดสิ ทำเป็นสิบปีแต่คนไม่รู้จัก Twopee Southsideคนไม่ซื้อซีดี ทำกันมาเป็นปีเขาต้องเห็นในทีวีใช่ไหม– เอาละเว้ยเพลงสไตล์ Twopee มีความร้อนแรง เป็นแรปในแบบก้าวร้าว ทุ่มพลังทั้งหมดลงในเพลง ได้อิทธิพลจาก Thaitanium โดยตรง คำหยาบไม่ต้องพูดถึง มันดึงอารมณ์ของเพลงได้อย่างเต็มที่ แต่ตัวเพลงเองก็มีลูปเพลงที่โน้ตสวย ทำให้ในความหนักมีความเบาเข้ามาเสริม และด้วยความที่อัลบั้มนี้มีศิลปินมาฟีเจอริงด้วย ทำให้เพลงมีความหลากหลาย อย่างไรก็ตาม หากฟังทั้งหมดยาวๆ ซึ่งมีถึง 18 เพลง จัดได้ว่าเหนื่อยอยู่เหมือนกันในความเป็นแรปเปอร์ เรามักจะได้ฟังเพลงที่ศิลปินเขียนถึงความลำบากของการมายืนที่จุดนี้ ซึ่งเพลงแนวอื่นไม่ค่อยเขียนเรื่องพวกนี้ พวกเขาตั้งเป้าหมายไว้สูงมาก ส่วนมากมักจะสูงกว่าตัวเมื่อได้มองจากวันแรกที่เริ่มแรป มันเป็นแนวเพลงที่ต้องใช้ความทุ่มเทเป็นพิเศษ บวกความสร้างสรรค์จากการแรปสด และการหาลายเซ็นของตัวเอง ดังนั้นไม่น่าแปลกใจที่เรามักจะเห็นแรปเปอร์เขียนความภูมิใจทั้งหลายไว้ในเพลงของพวกเขาอัลบั้มนี้จึงแบ่งเพลงเป็นสองกลุ่มหลักๆ เพลงที่เล่าถึงความฝัน ความมุ่งมั่น มันเป็นเพลงให้กำลังใจดีๆ ต่อเด็กๆ รุ่นต่อไป เพลงเหล่านี้คือ Married To The Game Respect เอาละเว้ย Trust Nobody ชัดเจน กัญชา We Come Alive ซึ่งเพลงทั้งหมดถูกเรียงไว้ในช่วงเปิดอัลบั้มและปิดอัลบั้มอย่างตั้งใจ อีกกลุ่มหนึ่งคือเพลงรัก เพลงจีบสาว เพลงง้อสาว เพลงสองแง่สองง่ามที่ไม่หนักจนเกินไป เพลงพวกนี้ถูกวางไว้กลางๆ อัลบั้ม เรียงไว้อย่างดีตั้งแต่ With You Capture อย่าหายไปไหนอีกเลย และ VDO Callใน 18 เพลงมีเพลงใหม่อยู่ไม่ถึงครึ่ง ทำให้สำหรับแฟนเพลง ในบางอารมณ์อัลบั้มนี้เหมือนเป็นรวมฮิต Trust Nobody มีความบู๊อยู่มาก ห้าว และไม่กลัวเกรง ท่อนแรปตั้งแต่นาทีที่ 2.10 ไปคือสุดยอด แถมยังเอาบทพูดในหนังเรื่อง Scarface มาแทรกตอนจบด้วย อย่างเท่ และวางต่อกันด้วย ชัดเจน ที่แรปเป็นภาษาใต้ เพลงนี้ชวนนึกถึงเพลง Welcome To The South ในอัลบั้มแรกที่เอาเพลง ปักษ์ใต้บ้านเรา ของวงแฮมเมอร์มาใส่ด้วยสังเกตว่า Twopee ชอบเอาเพลงดีๆ ในอดีตมาใส่ อย่างในอัลบั้มนี้ก็มี 2 เพลง กัญชา ของคาราบาว และ ทะเลใจ ของ แอ๊ด-อี๊ด โอภากุล ในเพลง กัญชา เขาตัดเนื้อท่อนหนึ่งมาแล้วเติมเนื้อเพลงแบบของเขา ความหมายเดิมเปลี่ยนไปเฉยเลย โดยมันกลายเป็นเพลงสู้ชีวิตที่ฟังแล้วจะนึกถึงตอนที่ Twopee ทำเพลง Dont Say Cant ให้กับคาราบาวแคน และชวนนึกถึงเวลา Bodyslam เขียนเพลงอะไรอย่างนี้ค่ำคืนนี้ยังมีดวงดาวเจิดจ้าคราบท้องฟ้ายังดูสดใสสุดส่วนโค้งขอบฟ้ากว้างไกลไม่มีวันใดมืดมิดสนิทนาน– กัญชา / คาราบาวเพลงระดับ White Car ได้ความรู้สึกโก้หรู มีฮิวโก้มาทำเพลงด้วย ทำไมมองไปทางไหนก็มีแต่รถสีขาว ขณะที่เรานั่งเบาะดำในรถสีดำ Johnny มีความเพลย์บอยเอ็นจอยปาร์ตี้ ไม่รู้ว่าเป็นโฆษณาแฝงของเหล้ายี่ห้อหนึ่งหรือเปล่า แต่มีความกวนตีนใช้ได้เลย ส่วน อย่าหายไปไหนอีกเลย เป็นเพลงรักเพลงหนึ่งที่มีความถวิลหารู้ไหมผมเห็นภาพคุณในทุกๆ ครั้งที่หลับตาในทุกๆ ครามันมีแต่รอยยิ้ม– อย่าหายไปไหนอีกเลยชื่อ 2P ไม่ได้มีที่มาซับซ้อน เป็นชื่อที่มาจากอักษรตัวแรกของชื่อและนามสกุลของ พิทวัส พฤกษกิจศิลปิน Twopee Southsideอัลบั้ม Southside Ambassadorสังกัด Thaitanium Publishingพิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้าอ้างอิง:เพลงแนะนำเพลงของ Twopee มากมายจริงๆ ครับ นอกจาก 18 เพลงในอัลบั้มแล้ว เขายังมีงานเดี่ยวที่ไม่ได้เอามารวม และงานที่ไปฟีเจอริงกับคนอื่นเยอะมาก ถ้าเอามารวมทั้งหมดจริงๆ ฟังได้หลายชั่วโมงเลย ที่เลือกมาเอาที่ฟีลแบบมีความดุดัน กับมีโหมดติดหวานช่วงตรงกลางๆ ครับApple Music: MixTapes TwopeeSpotify: MixTapes TwopeeYouTube: MixTapes Twopee | เป็นอัลบั้มที่มีศิลปินระดับประเทศมาฟีเจอริงมากอัลบั้มหนึ่งเลยทีเดียว ไล่เรียงได้ตั้งแต่ YOUNGOHM นุ้ย The Peach Band แสตมป์ อภิวัชร์ FIIXD ฮิวโก้ Thaitanium เจ มณฑล Ironboy หรือแม้กระทั่งศิลปินเกาหลี Jay Parkเพลงสไตล์ Twopee มีความร้อนแรง เป็นแรปในแบบก้าวร้าว ทุ่มพลังทั้งหมดลงในเพลง ได้อิทธิพลจาก Thaitanium โดยตรง คำหยาบไม่ต้องพูดถึง มันดึงอารมณ์ของเพลงได้อย่างเต็มที่ | null | null | https://thestandard.co/twopee-southside-ambassador/ |
วิจารณ์ คสช. โกงประชามติ รัฐธรรมนูญก็โกง? เสรีพิศุทธ์ โดนหมาย พ.ร.บ.คอมฯ | รัฐธรรมนูญก็โกง ,กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ออกหมายเรียกให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (อดีต ผบ.ตร.) เจ้าของเพจ หรือผู้ดูแลเพจเฟซบุ๊ก พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส กับพวก ให้มาพบ ร.ต.ท.หญิง พัชรี วงษ์บุญ รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท.เพื่อรับทราบข้อหา ในฐานความผิดร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ,สืบเนื่องมาจาก ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้แสดงความคิดเห็นผ่านรายการทีวีสถานีหนึ่ง เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล คสช.ข้อความตอนหนึ่งว่า ประชามติก็โกง รัฐธรรมนูญก็โกง เผยแพร่ในเพจเฟซบุ๊ก, พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส,โดยในวันนี้พนักงานสอบสวนได้มีหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาความผิด พ.ร.บ.คอมฯ มาตรา 14(2) ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ,แต่ปรากฏว่าตลอดทั้งวัน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ ไม่ได้เดินทางทาพบ และไม่มีการติดต่อประสานหรือส่งตัวแทนมาพบพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด ดังนั้น ทางพนักงานสอบสวนจะส่งหมายเรียกให้มาพบอีกครั้งกำลังพิจารณาอยู่ว่าเป็นวันใด,ภาพจากเฟชบุ๊ก ,พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส | อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เจ้าของเพจเฟซบุ๊ก พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปอท. ออกหมายเรียก วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล คสช. ข้อความตอนหนึ่งว่า ประชามติก็โกง | ข่าว,ทั่วไทย | เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส,ออกหมายเรียก,ด่าคสช.,ปอท.,ข่าวร้อน,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1368621 |
เหะหะพาที : สังคมไทย รายไตรมาส งานทรงคุณค่าจากสภาพัฒน์ | มีเอกสารหรือรายงานของส่วนราชการแห่งหนึ่งที่ผมจะรอคอยทุกๆ 3 เดือน และเมื่อถึงกำหนด 3 เดือน แล้วยังไม่มาเสียทีผมจะบ่นอยู่เสมอๆ ได้แก่ เอกสารของสภาพัฒน์ที่มีชื่อว่า ภาวะสังคมไทยรายไตรมาส นั่นแหละครับ,เมื่อได้รับแล้วผมจะรีบฉีกซองหยิบเอกสารมาเปิดอ่านทันทีเพื่อให้ทราบถึงความเคลื่อนไหว หรือพัฒนาการต่างๆ ทางด้านสังคมของประเทศไทยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในแต่ละ 3 เดือนที่ผ่านไป,ดังเช่นเล่มที่มาถึงโต๊ะผมเมื่อ 2 วันที่แล้วก็คือ ,ภาวะสังคมไทยไตรมาสสามปี 2562, ประจำเดือนพฤศจิกายนของปีปัจจุบัน,แค่พาดหัวหน้า 1 ของเขาก็ชวนให้ติดตามแล้วครับ เช่น,เมื่อพลิกไปดูรายละเอียดข้างในก็จะมีรายละเอียดของแต่ละเรื่องแต่ละประเด็นมาให้เราทราบอย่างเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่ว่ายังไม่ปรากฏผลกระทบต่อตลาดแรงงาน นั้นหมายความว่าอย่างไร,ก็หมายความว่า ,การจ้างงานลดลงไป 2.1 เปอร์เซ็นต์, โดยภาคเกษตรลดลงอย่างต่อเนื่อง ร้อยละ 1.8 และภาคนอกเกษตรร้อยละ 2.3 ,อัตราว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น ร้อยละ 1.04, เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น,อย่างไรก็ตาม แม้จะฟันธงว่าผลกระทบยังไม่มาก แต่รายงานของ,สภาพัฒน์,ก็เตือนไว้ว่าจะต้องติดตามสถานการณ์ด้านแรงงานต่อไปอย่างใกล้ชิด เพราะสัญญาณบอกเหตุที่สำคัญ 3-4 ประการดังต่อไปนี้,1. ผู้ขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง, โดย ณ วันสิ้นสุดไตรมาสสามปี 2562 มีจำนวน 1.72 แสนคน หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1.5 ต่อจำนวนผู้ประกันตนทั้งหมดสูงที่สุดตั้งแต่วิกฤติเศรษฐกิจปี 2552 ที่มีสัดส่วนร้อยละ 2.2,2. คำสั่งซื้อในประเทศและต่างประเทศที่ปรับตัวลดลง, โดยดัชนีภาวะธุรกิจของคำสั่งซื้อในประเทศปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกัน ขณะที่คำสั่งซื้อจากต่างประเทศหดตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 6 ซึ่งจะส่งผลต่ออุตสาหกรรมส่งออก,3.การทำงานล่วงเวลา (โอที) ลดลง, โดยจำนวนผู้มีงานทำมากกว่า 50 ชั่วโมงขึ้นไปลดลงร้อยละ 7.9 ในไตรมาสที่ 3 เป็นการลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2559 เป็นต้นมา ฯลฯ,ครับ เป็นคำเตือนที่รัฐบาลและกระทรวงที่เกี่ยวข้องต่างๆ จะต้องรับฟังและเตรียมตัวรับสถานการณ์ให้พร้อมเอาไว้ เพราะแม้สถานการณ์ด้านจ้างงานในขณะนี้จะยังไม่ได้รับผลกระทบมากเท่าไรนักก็ตาม,แต่ในไตรมาสหน้า ไตรมาสโน้นอาจจะแรงขึ้นก็เป็นได้ จากสัญญาณเตือนภัยทั้ง 3-4 ประการข้างต้น,นี่เป็นเพียงตัวอย่างเดียวจากรายงานความเคลื่อนไหวทางสังคมในเอกสารฉบับนี้เท่านั้น สำหรับรายละเอียดของความเคลื่อนไหวอื่นๆที่เขาพาดหัวไว้ หากมีเวลาและโอกาสผมจะนำมาเขียนถึงต่อไป,ต้องขอขอบคุณสภาพัฒน์ที่ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาสังคมไทยไม่น้อยไปกว่าการพัฒนาเศรษฐกิจ สมดังชื่อของสำนักงานที่ว่า ,สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ,ขอให้สภาพัฒน์ยึดมั่นในแนวนี้ตลอดไป เพราะโลกเราทุกวันนี้ไม่ได้ยึดมั่น ,จีดีพี, หรือ ,รายได้ต่อหัว, เป็นสรณะอย่างเดียวเหมือนในยุคก่อนกันแล้ว แต่ไปไกลถึง ,ดัชนีความสุข, หรือ ,Gross National Happiness, หรือ ,GNH, เป็นส่วนใหญ่,โดยการนำดัชนีชี้วัดทางด้านสังคมหลายต่อหลายประการมาเป็นเครื่องชี้วัดความสุขของมนุษย์ควบคู่ไปด้วย,น่าเสียดายที่รัฐบาลไทยเรายังยึด GDP เป็นที่พึ่งอยู่มาก เอาแต่จะเพิ่ม GDP อยู่นั่นแหละ ทั้งๆ เมื่อเพิ่มขึ้นไปแล้วจะไปเข้ากระเป๋าใครบ้างก็ไม่รู้เป็นผลให้เกิดภาวะช่องว่างมากขึ้น หรือ ,รวยกระจุก จนกระจาย, อย่างที่คนไทยชอบพูดกัน,หันมาดูแลปัญหาสังคมและพัฒนาสังคมให้มากๆ เถอะครับลุงตู่ ดัชนีความสุขของคนไทยจะได้พุ่งปรี๊ดกับเขาเสียที ไม่ใช่สุกๆ ดิบๆ หรือเหี่ยวๆ ยังไงก็ไม่รู้ อย่างทุกวันนี้.,ซูม | มีเอกสารหรือรายงานของส่วนราชการแห่งหนึ่งที่ผมจะรอคอยทุกๆ 3 เดือน และเมื่อถึงกำหนด 3 เดือน แล้วยังไม่มาเสียที ผมจะบ่นอยู่เสมอๆ | null | เหะหะพาที,ซูม,สภาพัฒน์,สังคมไทย,ไตรมาส,ว่างงาน,คำสั่งซื้อ | https://www.thairath.co.th/newspaper/columns/1716216 |
คณิต ชี้ประหารไม่แก้ปัญหา ผอ.ศูนย์วิจัยนิติฯ ย้ำการลงโทษควรเน้นที่การพัฒนามนุษย์ | 40 เหตุมันขัดแย้งกับการยอมรับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ขณะที่ ผอ.ศูนย์วิจัยและพัฒนาทางนิติศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ปรีดีฯ แนะการลงโทษควรเน้นที่การพัฒนามนุษย์เมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา ณ ห้องสัจจา เกตุทัต อาคารสำนักอธิการบดี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์คณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ จัดงานเสวนาวิชาการในหัวข้อ โทษประหารชีวิตแก้ปัญหาสังคมไทยหรือไม่ โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.คณิต ณ นคร ที่ปรึกษาคณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และอดีตประธานกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ผศ.ดร.ธานี วรภัทร์ ผอ.ศูนย์วิจัยและพัฒนาทางนิติศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ปรีดีฯ ร่วมเสวนา จิรวุฒิ ลิปิพันธ์ ผู้อำนวยการหลักสูตรมหาบัณฑิต สาขานิติศาสตร์เป็นผู้ดำเนินการเสวนารายละเอียดดังนี้คณิต กล่าวว่า คำถามที่ขึ้นในหัวข้อการเสวนาในวันนี้ตอบได้เลยว่าไม่ช่วยแก้ปัญหา กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เราจะพูดถึงวันนี้มีอยู่ 3 กฎหมายคือกฎหมายอาญา กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาและกฎหมายว่าด้วยการบังคับโทษ ซึ่งตนจะพูดในมิติของกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา อย่างที่กล่าวมาข้างต้นว่าคำถามในหัวข้อวันนี้ช่วยแก้ปัญหาไม่ได้เลย คือมนุษย์เราหรือคนที่กระทำความผิดเขาไม่ได้กลัวโทษแต่เขากลัวประสิทธิภาพของกระบวนการยุติธรรม แต่กระบวนการยุติธรรมของเราไม่เข้าท่า การปฏิรูปตำรวจถ้าฟังดูก็ไปไม่ถึงไหน อัยการเองก็ไม่ค่อยได้เรื่องและรวมถึงศาลด้วย เพราะฉะนั้นแล้วตอบได้เลยว่าผู้กระทำความผิดนั้นเขากลัวกระบวนการยุติธรรมที่มีประสิทธิภาพ กระบวนการยุติธรรมที่มีประสิทธิภาพหมายความว่าการทำงานของกระบวนการยุติธรรมต้องถูกต้องและเป็นไปตามกฎหมายกฎหมายวิธีพิจารณาความหรือว่ากฎหมายอาญาของเรานั้นมีการปฏิรูปสองครั้งในอดีต ครั้งแรกก็คือในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่มีการตั้งศาลยุติธรรม ครั้งที่สองปฏิรูปขนานใหญ่คือรัฐธรรมนูญปี 40 ในกรณีของครูจอมทรัพย์นี่คือเหยื่อของกฎหมายฉบับนี้ ความผิดพลาดของกระบวนการยุติธรรมนั้นมันผิดพลาดโดยรัฐ รัฐเท่านั้นที่จะแก้ไข รัฐก็คือพนักงานอัยการที่จะแก้ไข ซึ่งคุณจอมทรัพย์ท่านรู้สึกว่าไม่ถูกต้องเลยฟ้องให้รื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่แล้วท่านก็ถูกดำเนินคดี เมื่อคุณจอมทรัพย์ถูกดำเนินการอย่างนี้แล้วอัยการควรจะสั่งไม่ฟ้องครูจอมทรัพย์ คนในกระบวนการยุติธรรมก็มีข้อด้อยอีกอันหนึ่งคือมีความกลัว ทำงานก็ไม่ลงลึกลองเปรียบเทียบกระบวนการยุติธรรมเราเหมือนการเล่นฟุตบอล ฟุตบอลจะมีสูตร 4:3:3 และในกระบวนการยุติธรรมก็มีสูตรคือสูตร 3:3:3 โดยที่ 3 ตัวแรกก็คือการทำงานของกระบวนการยุติธรรมไม่มีประสิทธิภาพ 3 ที่สองประจบการเมือง ส่วน 3 สุดท้ายคือกฎหมาย นักกฎหมายและการศึกษากฎหมาย ซึ่งกล้ายืนยันว่ากฎหมายเราทันสมัยไม่แพ้ประเทศใด แต่นักกฎหมายเราแย่เพราะการเรียนการสอนมันแย่เพราะฉะนั้นจึงมองว่ามีความแย่อยู่ 3 ประการ แย่แรก คือประสิทธิภาพแย่ จะลงโทษได้นั้นน้อยมาก สองคือกระบวนการยุติธรรมคุกคามสิทธิมากที่สุดแม้กระทั้งคนที่เป็นทนายความยังโดนจับ สามคือแพงมาก ประเทศอื่นๆ มีผู้พิพากษาแค่ไม่กี่คนแต่ของไทยมีเป็นร้อยเพราะฉะนั้นถึงแพงมาก ดังนั้นคำตอบก็คือโทษประหารช่วยสังคมไม่ได้แต่เราก็ไม่ใช่ว่าจะปล่อยเลยตามเลยต้องมีการปรับปรุงกันคณิต กล่าวว่า ตอนที่ตนเป็น สภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) 40 ตนเคยผลักดันให้มีการยกเลิกโทษประหารเพราะเห็นว่ารัฐธรรมนูญปี 40 เป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่ 2 ของโลกที่พูดถึง Human Dignity หรือศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เมื่อเรายอมรับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์แล้วเราก็จะต้องยกเลิกโทษประหารเพราะมันขัดแย้ง จึงเสนอว่าให้ยกเลิกแต่คณะกรรมการยกร่างไม่เห็นด้วย หลังจากรัฐธรรมนูญปี 40 ของปี 50 ก็ยังมีอยู่แม้กระทั้งปีรัฐธรรมนูญปี 60 ก็ยังคงมีอยู่ เท่าที่ติดตามข่าวที่มีการประหารชีวิตเมื่อเร็วๆนี้รู้สึกว่าญาติๆเขาไม่รู้เรื่องเลยนี่ก็คือจุดบกพร่องอีกประการหนึ่ง ของเยอรมันมีมาตรา 1 เขาบอกว่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ไม่สามารถละเมิดได้ และในมาตรา 120 หรือ 122 ก็บอกว่าโทษประหารชีวิตให้เป็นอันยกเลิกซึ่งเขายกเลิกโดยรัฐธรรมนูญในต่างประเทศเขาทยอยยกเลิกไปเหลืออยู่ประมาณ 20 ประเทศ แต่ของเรานั้นยังมีติดกันมา 3 ฉบับ แต่สิ่งที่น่าเศร้าสำหรับบ้านเราคือคนที่เป็นทนายความสู้อยู่เรื่องเดียวคือข้อเท็จจริงไม่คิดหาข้อกฎหมายมาต่อสู้ด้วยอดีตประธานกรรมการปฏิรูปกฎหมาย กล่าวว่า อัยการจริงๆ แล้วมีบทบาทสูงมากในทางกฎหมาย เป็นผู้รับผิดชอบก่อนคดีถึงศาลไม่ใช่ปล่อยให้พนักงานสอบสวนทำไปอย่างในบ้านเรา เพราะในความเป็นจริงประเทศที่เจริญแล้วอัยการจะมีบทบาทมากเพื่อให้การตรวจสอบความจริงขั้นต้นสมบูรณ์แบบ พอพิพากษาเสร็จแล้วบทบาทอัยการอีกแบบหนึ่งคือเป็นผู้ขอให้มีการลงโทษ ของไทยคือปล่อยให้ผู้พิพากษาทำหมด ความจริงบทบาทของอัยการในกระบวนการยุติธรรมจะสูงมาก ผู้พิพากษาจะมุ่งไปที่ (concentrate) เฉพาะการพิจารณาพิพากษาเท่านั้น มีผู้เชี่ยวชาญด้านปรัชญาท่านหนึ่งบอกไว้ว่าเขาสามารถประกอบอาชีพอะไรได้หมดยกเว้นพนักงานอัยการเพราะอัยการทำงานคนเดียว ของเรามีเรื่องหนึ่งที่ยังบกพร่องอยู่ในวิธีการพิจารณาอาญา คือความผิดที่ร้ายแรงและเป็นผู้เยาว์รัฐจะจัดหาทนายให้ แต่ถ้าผู้ต้องหาหรือจำเลยเป็นคนหูหนวก ตาบอดคือไม่ได้จัดหาให้ ซึ่งต่อไปน่าจะต้องแก้ไขให้สมบูรณ์ เพราะที่แก้ไขกันไปไม่ค่อยได้เรื่อง อัยการควรจะเข้าไปสอบสวนดูแลไม่ใช่ให้ตำรวจทำจนเสร็จ อัยการเองเป็นผู้บริหารงานคดี ศาลเป็นผู้พิจารณาพิพากษา จริงๆศาลไม่มีอำนาจหน้าที่บริหารงานคดี การที่จะให้ศาลลงโทษคืออัยการต้องมีบทบาท การที่จะแก้ไขกฎหมายให้เกิดความถูกต้องดีงามมีอยู่น้อยมาก แต่ที่ยังผิดเพี้ยนอยู่ก็เพราะความผิดพลาดของมนุษย์หรือของกระบวนการยุติธรรมถ้าพูดถึงวงการพระแนะนำให้ไปอ่านนิติศาสตร์แนวพุทธ ศีลกับกฎหมายอันเดียวกันศีลคือข้อฝึก กฎหมายก็คือข้อฝึกเอาไว้ใช้ฝึกมนุษย์ เรื่องโทษประหารในอนาคตไม่น่าจะมีประเทศไหนใช้แล้วน่าจะลดลงเรื่อยๆ ในอังกฤษเป็นประเทศที่แปลก เขาจะรักตำรวจมากจะสังเกตได้ว่าตำรวจจะไม่พกปืนจะพกเป็นกระบองแทน เพราะตำรวจคือเพื่อนของประชาชน ต่อมาอังกฤษก็มีการตัดสินให้ฆ่าตำรวจ ชาวบ้านก็เรียกร้องว่ามาฆ่าเพื่อนทำไม สุดท้ายก็ต้องยกเลิกอย่างถาวร ดังนั้นจึงคิดว่าการประหารชีวิตมันเป็นอารมณ์ของคนเราจึงควรทำใจให้เป็นกลางธานี กล่าวว่า ตนมีความคิดเห็นตรงกันกับ อ.คณิต ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทางวิชาการในเชิงความคิดเห็นนั้นถามว่าโทษประหารชีวิตช่วยให้เกิดประโยชน์อะไรในสังคม คำตอบยังคงเหมือนกันว่าไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรในทางสังคมเลย ลองมาดูในมุมมองทางศาสตร์ในการบังคับโทษ ในส่วนแรกลองคิดไปในช่วงนับหนึ่งกันก่อนเพราะไม่ค่อยมีคนคิดกัน โดยเฉพาะนักกฎหมายเราชอบไปออกกฎบังคับมนุษย์ด้วยกันโดยที่เราไม่รู้จักว่ามนุษย์นั้นเป็นยังไง สิทธิหรือศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์คืออะไร ในทางนิติปรัชญาสิ่งสำคัญอันหนึ่งก็คือเรื่องของธรรมชาติที่ออกแบบแล้วมีมนุษย์เกิดขึ้นมาบนโลกสิทธิของความเป็นมนุษย์สำคัญยิ่งมนุษย์เกิดมาตามธรรมชาติและตายไปตามธรรมชาติ มีรักโลภโกรธหลง มีความขัดแย้งกันเองได้ ถ้าเราลองมองอะไรที่ต่ำลงไปกว่ามนุษย์ในตามธรรมชาติ เช่น เสือฆ่ากวาง ซึ่งก็เป็นธรรมชาติและเป็นสมดุลของโลกมนุษย์ แต่มนุษย์จะสามารถพัฒนาได้มากกว่า จึงมีมนุษย์กลุ่มหนึ่งที่ตั้งกฎเกณฑ์ขึ้นมา กฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและโทษคือสิ่งที่มนุษย์คิด คนที่คิดกฎหมายนี้ขึ้นมาแรกๆ เพื่อให้สังคมมีความสงบเรียบร้อย จึงเริ่มคิดว่าคนจะมีโทษยังไง มนุษย์ยุคก่อนเขายังใช้ความรุนแรงกันแต่ก็ค่อยๆ พัฒนามา มีการวางทฤษฎีวางรัฐธรรมนูญออกมาเรื่อยๆ จากความโหดร้ายทารุณป่าเถื่อนก็ค่อยๆ ศิวิไลซ์เพิ่มมากขึ้น เพราะฉะนั้นช่วงเปลี่ยนผ่านของโลกที่มีการใช้ความรุนแรงก็เริ่มเปลี่ยนไปใช้เหตุใช้ผล เพราะฉะนั้นกระบวนการยุติธรรมหรือกฎหมายต้องมีไว้เพื่อฝึกมนุษย์หรือแก้ไขมนุษย์ทำให้มนุษย์ดีขึ้นถึงจะตรงกับแนวทางที่มนุษย์ออกแบบมาหลายๆ ประเทศได้ยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงโทษที่ทำลายมนุษย์ โทษที่ทำลายมนุษย์โทษแรกเลยคือการประหารชีวิตนั้นเริ่มหมดไปจากหลายประเทศ อันนี้เป็นปัจจัยสำคัญมากในการพัฒนาประเทศพัฒนามนุษย์ โทษจำคุกแต่ก่อนบอกให้จำคุกแรงๆ โหดร้าย แต่วันนี้โทษจำคุกก็เปลี่ยน มันเป็นการพัฒนาโทษช่วงเปลี่ยนผ่าน มีบางประเทศที่เขายกเลิกไปหมดเลยเพราะเขามีการพัฒนาความรู้ความคิดไปไกลกว่าคนอื่น แต่ในขณะเดียวกันหลายประเทศก็ยังมีอยู่หรือยังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน มันอยู่ในนโยบายของรัฐ อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ของเรานั้นช่วงเปลี่ยนผ่านที่ยาวมา 9 ปี ต้องยอมรับว่ามันก็ถูกเบรกไปเรื่อยๆ แต่พอถึงยุคนี้อาจจะมีผู้เกี่ยวข้องบางท่านมุมมองความคิดยังเป็นอย่างนั้นอยู่ ถ้ากฎหมายดีสมดุลก็สร้างสมดุลให้กับสังคมและไม่ไปทำร้ายสังคมทำร้ายมนุษย์ พื้นฐานโครงสร้างทางสังคมไทยก็เป็นปัญหามากและเป็นส่วนสำคัญที่มารับกับกฎหมายกับกระบวนการยุติธรรมที่ยังต้องการการพัฒนาอีกมากจึงทำให้การลงโทษมีการคลาดเคลื่อนการตรวจสอบค้นหาความจริงไม่มีประสิทธิภาพมากพอ ในยุคสมัยก่อนยังคิดเรื่องแก้แค้นเป็นหลัก ความคิดนี้เป็นความคิดที่ยังติดอยู่ในกฎหมายหลายฉบับแล้วยังถูกสอนไปยังผู้ที่เรียนกฎหมายคือเน้นเรื่องแก้แค้นทดแทน การลงโทษข่มขู่ทำให้กลัว แต่ก็ไม่ได้แก้แค้นเสมอไปยังมีบอกไว้ว่ามีไว้แก้ไขคนที่กระทำความผิดให้ดีขึ้น ซึ่งวัตถุประสงค์ของการบังคับโทษนั้นต้องกระทำเพื่อให้เขาดำเนินชีวิตในอนาคตได้ ดำรงไว้ซึ่งการดำรงเผ่าพันธุ์ความเป็นมนุษย์ ดังนั้นการลงโทษควรเน้นที่การพัฒนามนุษย์หรือเพื่อความเปลี่ยนแปลงดีกว่า คือใช้โทษเพื่อการสร้างสรรค์พัฒนามนุษย์ไม่ควรใช้โทษเพื่อไปทำลายมนุษย์ด้วยกันเอง เหนือสิ่งอื่นใดประเทศใดก็ตามที่จะมั่นคงและนำไปสู่การบังคับโทษที่มีประสิทธิภาพกระบวนการยุติธรรมต้องมีประสิทธิภาพด้วยเรื่องใหญ่คือนักกฎหมายยิ่งคนที่จะมารับไม้ต่อต้องศึกษามากเรียนรู้มากใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ กระบวนการยุติธรรมเป็นเส้นสำคัญที่จะทำให้ประเทศชาติมั่นคงทุกคนมีชีวิตที่ดี มันสะท้อนถึงการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ ถ้าเกิดกระบวนการยุติธรรมไม่เข้าแข็งก็เพราะนักกฎหมายเพราะฉะนั้นการพัฒนาในกระบวนการยุติธรรมต้องพัฒนาที่ตัวมนุษย์หรือตัวนักกฎหมาย วันนี้คนที่เกิดมาในยุคปัจจุบันอยู่ในทุนนิยมไม่เหมือนกับอดีต ดังนั้นการที่จะเข้าถึงแก่นแท้ของชีวิตเด็กรุ่นใหม่จะไม่ค่อยเข้าใจ ยึดวัตถุนิยม ยึดเงินเป็นตัวตั้งของชีวิต จนล้ำศีลธรรมที่อยู่ในตัวล้ำเกินเส้นของกฎหมายถ้าคนในกระบวนการยุติธรรมจัดการกับคนที่ล้ำเส้นไม่ได้หรือจัดการได้แต่ผิดวิธีสังคมก็จะมีปัญหาแน่นอน ยิ่งถ้าเป็นคนที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมแล้วติดกับดักพวกนี้จะยิ่งแย่ กระบวนการยุติธรรมที่ซื้อด้วยเงินมันทำลายประเทศชาติเพราะฉะนั้นนักกฎหมายควรจะมีสติปัญญาและความกล้าหาญคุณธรรมจริยธรรมเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง โทษประหารควรทำให้ถูกต้อง ถ้าเลือกระหว่างจิรวุฒิ กล่าวโดยสรุปว่า ถูกใจแต่ไม่ถูกต้องคือถูกใจประชาชนแต่ไม่ถูกต้องตามหลักกฎหมายในการลงโทษหรือหลักสากล หรือว่าถูกต้องแต่ไม่ถูกใจ สิ่งที่เราพยายามทำคือพยายามนำเสนอสิ่งที่เชื่อว่าน่าจะจรรโลงสังคมน่าจะแก้ไขสังคมได้แต่ในเมื่อไม่ถูกใจ เราคงต้องต่อสู้กันต่อไป ในที่สุดแล้วเรามีสิ่งที่น่าจะทดแทนสิ่งที่เรียกว่าประหารชีวิตได้ทั้งในทางปฏิบัติและทางทฤษฎี อยากให้คนรุ่นใหม่ได้ไปศึกษาว่าจริงๆ แล้วมันคืออะไรไม่ใช่ไปฟังกระแสสังคม ศึกษาว่าจริงๆแล้วทาประหารชีวิตเขามีไว้ทำไมและมีในบริบทไหนและไม่มีในบริบทไหน เพราะฉะนั้นอยากให้ลองคิดดูว่าจริงๆ แล้วโทษประหารชีวิตแก้ปัญหาสังคมได้แค่ไหน | คณิต ณ นคร ชี้ประหารชีวิตไม่แก้ปัญหา ระบุคนไม่ได้กลัวโทษแต่กลัวประสิทธิภาพกระบวนการยุติธรรม แต่เรายังมีความผิดเพี้ยนของกระบวนการยุติธรรม เผยเคยดันยกเลิกโทษประหาร เมื่อครั้งเป็นสสร. | การเมือง,สิทธิมนุษยชน | กระบวนการยุติธรรม,คณิต ณ นคร,ธานี วรภัทร์,ประหารชีวิต,โทษประหาร | https://prachatai.com/journal/2018/07/77817 |
สภายุโรปประณามรัฐบาลทหารไทย หยุดละเมิดสิทธิฯ คืนปชต. - กต.ผิดหวัง ชี้เข้าใจคลาดเคลื่อน | แจงเข้าใจสถานการณ์คลาดเคลื่อน9 ต.ค. 2558 เมื่อวันที่ 8 ต.ค. ที่ผ่านมา สภายุโรปมีมติประณามรัฐบาลทหารของไทยและเรียกร้องให้กลับสู่หลักประชาธิปไตย ปล่อยนักโทษการเมืองและยุติการละเมิดสิทธิแรงงาน และสิทธิมนุษยชนโดยมติดังกล่าวระบุว่า หลังจากที่รัฐบาลทหารได้ยึดอำนาจโดยการรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 นั้นมีแรงกดดันจากนานาชาติตอกรณีของแรงงานทาสในกิจการประมงและอุตสาหกรรมผลไม้กระป๋อง รวมถึงมีการฟ้องร้องนักกิจกรรมชาวอังกฤษที่พยายามเปิดเผยเรื่องดังกล่าวโดยการหารือพิเศษนี้ 17 สมาชิกสภายุโรปจาก 14 ประเทศได้ประณามรัฐบาลทหารเรื่องความล่าช้าในการจัดการเลือกตั้ง กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ และรวมถึงการใช้ศาลทหารไต่สวนพลเรือน รวมถึงการจำกัดเสรีภาพในการชุมนุมและเสรีภาพสื่อนายคริสโตส สไตเลนไนเดส กรรมการด้านมนุษยธรรมและการจัดการภาวะวิกฤต สภายุโรปได้กล่าวเตือนรัฐบาลไทยว่าสหภาพยุโรปได้เพิ่มระดับการจับตากรณีสำคัญๆ ด้านสิทธิมนุษยชนและแรงงานในอุตสาหกรรมประมง รวมถึงผู้บริโภคในยุโรปก็เพิ่มความตระหนักต่อวิธีการผลิตอาหารทะเลของไทย รวมถึงเรียกร้องความโปร่งใสในการรับผิดชอบทางสังคมของสายการผลิตด้วยขณะที่สมาชิกจากอิตาลี นายอิกนาซิโอ คอร์เรโร ชี้ว่าแม้ไทยจะมีภาพลักษณ์ที่สวยงามด้านการท่องเที่ยว แต่ว่าตั้งแต่มีการรัฐประหาร ภาพที่เห็นคือการการกดขี่และความรุนแรงที่เพิ่มมากขึ้น และสภายุโรปจะยังคงกดดันรัฐบาลไทยใช้อำนาจทางเศรษฐกิจที่มีเพื่อผลักดันให้เกิดการสร้างกระบวนการประชาธิปไตย และในประเด็นนี้ นายมาร์ค ทาราเบลลา สมาชิกจากเบลเยียมแสดงความกังวลต่อกรณีปิดกั้นเว็บไซต์นับร้อยเว็บ และไม่มีใครกล้าวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลชุดนี้ด้านผู้แทนจากสาธารณรัฐเช็กระบุว่าพัฒนาการของไทยนั้นไม่อาจกล่าวถึงได้ในแง่บวก แต่ก็ยังมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์อยู่บ้างเมื่อรัฐบาลประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมานายฟิล โรเบิร์ตสัน จาก ฮิวแมนไรท์วอทช์ได้ให้ข้อมูลกับสภายุโรปว่า เป็นเรื่องยากมากที่จะกดดันรัฐบาลทหารของไทยซึ่งมีแผนจะอยู่ในอำนาจอย่างยาวนาน อย่างน้อยที่สุดก็ถึงปี 2560 รายงานด้วยว่า แถลงการณ์ดังกล่าวมีรายละเอียดทั้งสิ้น 23 ข้อ โดยเนื้อหายังคงเรียกร้องอย่างต่อเนื่องให้ไทยหวนคืนกลับสู่ประชาธิปไตยโดยเร็ว แสดงความห่วงกังวลถึงสถานการณ์สิทธิมนุษยชน เรียกร้องให้ยกเลิกการควบคุมสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน รวมถึงสิทธิในการแสดงออกเพื่อสิทธิมนุษยชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงออกทางการเมือง ให้รัฐบาลไทยยกเลิกโทษ ถอนข้อกล่าวหา และปล่อยตัวบุคคลและสื่อสารมวลชนที่ถูกตั้งข้อหาจากการปฏิบัติตามสิทธิและเสรีภาพ ส่งต่ออำนาจในการตัดสินความผิดพลเมืองจากศาลทหารไปยังศาลพลเรือน อียูแสดงความสนับสนุนให้ยังคงมาตรการกดดันทางเศรษฐกิจและการเมือง ย้ำว่าจะยังไม่มีการเจรจาเรื่องเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) และข้อตกลงว่าด้วยหุ้นส่วนและ ความร่วมมืออย่างรอบด้าน (พีซีเอ) ระหว่างอียูและไทยตราบใดที่รัฐบาลทหารของไทยยังคงอยู่ในอำนาจวันเดียวกัน ได้เผยแพร่ความเห็นต่อมติของสภายุโรปดังกล่าวว่า เป็นการแสดงท่าทีโดยหลักการตามค่านิยมที่ยุโรปยึดถือ และเป็นท่าทีและความห่วงใยในฐานะมิตรประเทศในประเด็นต่าง ๆ เช่น การดำเนินการตาม Roadmap การเลือกตั้ง การร่างรัฐธรรมนูญ และสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นประเด็นที่ไทยรับทราบและดำเนินการอยู่แล้ว โดยมีรายละเอียดดังนี้ไทยผิดหวังต่อข้อมติของสภายุโรป ที่แสดงถึงความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับสถานการณ์และพัฒนาการในด้านต่างๆ ของไทย ซึ่งรัฐบาลไทยมีความมุ่งมั่นในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและเคารพในพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด และยึดมั่นดำเนินการตาม Roadmap เพื่อมุ่งไปสู่การเลือกตั้งอย่างไรก็ดี ในภาพรวม ข้อมติได้ย้ำว่าไทยและสหภาพยุโรปเป็นมิตรประเทศและหุ้นส่วนที่สำคัญและมีความสัมพันธ์อย่างแนบแน่นทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม โดยข้อมติเรียกร้องให้ฝ่ายบริหารของสหภาพยุโรปร่วมมือกับรัฐบาลไทยอย่างสร้างสรรค์ นอกจากนี้ ข้อมติดังกล่าวได้แสดงความชื่นชมไทยและสนับสนุนไทยในหลายด้าน เช่น ด้านการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน การผ่าน พ.ร.บ. ความเท่าเทียมทางเพศ และรับทราบถึงความมุ่งมั่นของไทยในการออกมาตรการขจัดการค้ามนุษย์ และการแก้ปัญหาแรงงานในภาคประมงตลอดห่วงโซ่อุปทาน นอกจากนี้ ข้อมติยังได้ยอมรับถึงพัฒนาการทางเมือง ในการที่ไทยแต่งตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญชุดใหม่ และการดำเนินการตาม Roadmap ที่ชัดเจน อันจะนำไปสู่การเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม ตลอดจนแสดงความเชื่อมั่นการทำหน้าที่ของไทยในฐานะผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน – สหภาพยุโรปในการนี้ ไทยพร้อมรับฟังข้อเสนอแนะที่สร้างสรรค์ มีความสมดุล และอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่ถูกต้อง และพร้อมที่จะร่วมมือกับสหภาพยุโรปในทุกมิติและทุกระดับ ตลอดจนจะทำหน้าที่ผู้ประสานงานระหว่างอาเซียน – สหภาพยุโรปอย่างเต็มที่เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองภูมิภาคให้มีความใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น | มติสภายุโรปประณาม รบ.ทหารไทย-ร้องให้กลับสู่ประชาธิปไตย ปล่อยนักโทษการเมืองและยุติละเมิดสิทธิแรงงาน-สิทธิมนุษยชน ด้าน กต. แถลงผิดหวังมติดังกล่าวชี้เป็นท่าทีตามค่านิยมที่ยุโรปยึดถือ | การเมือง,ต่างประเทศ,สิทธิมนุษยชน,แรงงาน | Roadmap,กระทรวงการต่างประเทศ,ประชาธิปไตย,สภายุโรป,สิทธิแรงงาน | https://prachatai.com/journal/2015/10/61836 |
The Founder ผู้ก่อตั้งแมคโดนัลด์ | เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักอาหารฟาสต์ฟู้ดแฟรนไชส์ระดับโลกอย่าง, แล้วคุณผู้อ่านทราบไหมคะว่าแฮมเบอร์เกอร์ที่หลายคนชื่นชอบ มีที่มาที่ไปจากไหน,ภาพยนตร์ ,The Founder, มีคำตอบให้ค่ะ เริ่มตั้งแต่ต้นกำเนิดทีเดียวว่าแฮมเบอร์เกอร์แบรนด์ดังนี้มีสองหนุ่มพี่น้องตระกูลแมคโดนัลด์ ,และ, เป็นคนต้นคิด ทั้งสูตรและนวัตกรรมการผลิตฟาสต์ฟู้ด ส่วนที่ว่ามันกลายเป็นแบรนด์ดังระดับโลกได้อย่างไรนั้น คุณผู้อ่านต้องมาชมค่ะ,หนังมีกลิ่นอายของสารคดีไม่น้อย เพราะมีเนื้อหาเกี่ยวกับชีวประวัติของ , ผู้ก่อสร้างแบรนด์อย่างจริงจัง นำแสดงโดยนักแสดงหนุ่มใหญ่เจ้าบทบาท, ไมเคิล คีตัน,ซึ่งปกติเราคงจำเขาได้ดีว่า บอกยี่ห้อ , สลัดเท่าไหร่ก็ไม่หลุด แม้ว่าเขาจะมีชื่อถูกนำเสนอเข้าชิงรางวัลสาขานักแสดงชายยอดเยี่ยมจาก ,และจาก, ก็ไม่ได้ทำให้หลุดจากภาพแบทแมนมาได้,แต่ครั้งนี้แปลกออกไปค่ะ ต้องบอกว่า , สวมบท, นักธุรกิจและเซลล์แมนผู้เลือดเย็นและเย็นชาได้อย่างยอดเยี่ยม สลัดภาพซุปเปอร์ฮีโร่ในตำนานไม่เหลือคราบ ทำเอาผู้ชม (รวมทั้งมาดาม) เชื่อสนิทว่าเขาเป็นพวกเห็นแก่ตัวและทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตนจริงๆ,นอกจากชีวิตของ , ผู้ก่อตั้งแบรนด์แล้ว เราจะได้พบสองพี่น้องตระกูลแมคโดนัลด์ ผู้ให้กำเนิดแฮมเบอร์เกอร์ชื่อดังด้วย ตั้งแต่ที่มาของแนวคิดและวิธีดำเนินการ ซึ่งต้องบอกว่าล้ำนำสมัยมากค่ะ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าเหตุใด , การผลิตอาหารของสองพี่น้องถึงเตะตา, เข้าอย่างจัง,อ่านมาถึงตรงนี้แล้วอย่างเพิ่งร้องอี๋ เพราะหนังไม่ได้มีแค่ประวัติของ ,แต่ยัง, ให้เห็นความโหดร้ายของระบบทุนนิยมได้อย่างเห็นภาพ ทำเอาชวนขนลุกค่ะ ที่มูลค่าความเป็น แมคโดนัลด์ จะก่อเรื่องได้มากขนาดนี้,เอาเป็นว่าใครที่ชอบกิน, ต้องไม่พลาดค่ะ รับรองว่าจะต้องทึ่งกับแนวคิดของสองพี่น้องตระกูลแมคโดนัลด์ แต่จะต้องร้องเฮ้อตามมาเพราะ , หรือเปล่านั้นก็ตัวใครตัวมันค่ะ.,มาดามอองทัวร์ | หนังน่าติดตามมากกว่าที่คิด และ ไมเคิล คีตัน ก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง | null | The Founder,หนังใหม่ 2017,มาดูกับมาดาม,มาดามอองทัวร์,ไมเคิล คีตัน | https://www.thairath.co.th/content/845564 |
หลังเลือกตั้ง 3 ก.ค.การจับขั้วการเมืองชัดเจน | นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยแถลงตอบโต้พรรคเพื่อไทย และ ออกแถลงการณ์ที่ระบุว่า จะไม่ร่วมกับรัฐบาลกับพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์แตกต่างกัน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ส่วนพรรคใดจะเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล และ เสนอบุคคลใดเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นหลังวันที่ 3 ก.ค.นี้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ระบุถึงแถลงการณ์พรรคเพื่อไทยว่า เป็นเรื่องความชัดเจนของแต่ละพรรคที่มีอิสระจะตัดสินใจ แต่เชื่อว่าพรรคภูมิใจไทยจะสามารถยืนได้ด้วยตนเองซึ่งในที่สุดผู้นำพรรค และ ผู้บริหารพรรคคงต้องฟังเสียงประชาชนเป็นสำคัญขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า การออกแถลงการณ์ไม่ร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยไม่ได้เป็นการเสียมารยาททางการเมือง เพราะถือเป็นมติที่พรรคจะต้องแสดงจุดยืนให้ชัดเจน โดยพรรคที่จะร่วมงานกันต้องมีอุดมการณ์เดียวกัน และ ยืนยันว่า แถลงการณ์ดังกล่าวไม่ได้มีคำสั่งมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีส่วนนายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา ระบุว่า การจับขั้วรัฐบาลในขณะนี้ถือว่าเร็วเกินไป เนื่องจากยังไม่มีผลการเลือกตั้งออกมาส่วนการตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคจะขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่ในพรรคที่จะตัดสินใจหลังวันที่ 3 ก.ค.นี้ | ภายหลังพรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทย แกนนำพรรคการเมืองหลายพรรค ยืนยันว่า ควรจะต้องรอผลเลือกตั้งหลังวันที่ 3 ก.ค. จึงจะมีความชัดเจนในเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาล และ วันนี้ทางพรรคภูมิใจไทยได้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่าจะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยเช่นกัน | การเมือง | Election54,จับขั้วทางการเมือง,ชทพ.,ปชป.,พท.,พรรคชาติไทยพัฒนา,พรรคประชาธิปัตย์,พรรคภูมิใจไทย,พรรคเพื่อไทย,ภท. | https://news.thaipbs.or.th/content/14044 |
ธนกร ซัด จาตุรนต์ เป็นเกรียนคีย์บอร์ด โว ชิมช้อปใช้ รัฐมาถูกทาง | วันที่ 3 พ.ย. ,นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ, กล่าวถึงกรณีที่ ,นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ, โพสต์เฟซบุ๊กพาดพิง ,นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี, ในทำนองว่า ไม่สามารถชี้แจงได้ว่า เศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้อย่างไร สนุกอยู่กับมาตรการ ,ชิมช้อปใช้ เฟส 3, ว่า นายจาตุรนต์ เป็นนักการเมืองอาวุโสที่มีหลักการ แต่พักหลังดูเปลี่ยนไปจนน่าผิดหวังมาก เพราะทำตัวเหมือนนักเลงคีย์บอร์ด โพสต์โจมตีรัฐบาลไปวันๆ ทั้งๆ ที่ในใจลึกๆ แล้วคงแอบชื่มชมนายสมคิดอยู่ เพราะรู้มือกันดีว่า ในอดีตหลายโครงการที่สำคัญของพรรคไทยรักไทย ซึ่งประสบความสำเร็จมากๆ มาจากมันสมองของนายสมคิด ทั้งนี้ ที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก ซึ่งรัฐบาลได้ออกมาตรการต่างๆ เพื่อพยุงเศรษฐกิจให้เดินหน้าไปได้ นอกจากนี้ รัฐบาลมีแผนงานชัดเจนและดำเนินการอย่างเป็นระบบ ไม่เคยละเลยการพัฒนาเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ มีการเร่งการลงทุนของภาครัฐ มีนักท่องเที่ยวเข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจให้มั่นคง นายจาตุรนต์ หลุดจากเวทีการเมืองไปนาน จึงอาจจะไม่ทราบ หรือว่า แกล้งทำเป็นไม่รู้ เพราะกลัวว่าชาวบ้านจะหันมารักรัฐบาลเพิ่มขึ้น,นายธนกร กล่าวอีกว่า มาตรการ,ชิมช้อปใช้, เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อรับมือกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจไทย ทำให้ภาครัฐต้องเร่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยเลือกการกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชน เพราะเป็นสัดส่วนใหญ่ของเศรษฐกิจไทย คือ มากกว่าร้อยละ 50 เพื่อพยุงเศรษฐกิจในระยะสั้น ไม่ให้ชะลอลงมากตามการชะลอลงของเศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้าหลักของไทย ทั้งนี้ ในช่วง 1 เดือนกว่าที่ผ่านมา มาตรการ ชิมช้อปใช้ ดำเนินไปตามเป้าหมายอย่างดี มีผู้มาลงทะเบียนครบตามเป้า และมีการใช้จ่ายหมุนเวียนของเม็ดเงิน ช่วยผู้ประกอบการรายย่อยและการจ้างงานกระจายตามภาคต่างๆ และทั่วทุกจังหวัด ประกอบกับการใช้จ่ายมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อยู่ที่ระดับหมื่นล้านบาทแล้ว รัฐบาลจึงเชื่อมั่นว่า มาตรการชิมช้อปใช้จะเป็นเครื่องยนต์เสริมที่สำคัญในการพยุงเศรษฐกิจระยะสั้นของไทย | ธนกร สวน จาตุรนต์ เริ่มเป็นเกรียนคีย์บอร์ด พักหลังเปลี่ยนไป มาอัดสมคิดทั้งที่ตัวเองก็ไม่เข้าใจเศรษฐกิจเลย โว รัฐบาลมาถูกทาง ชิมช้อปใช้ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นได้ดี | ข่าว,การเมือง | ชิมช้อปใช้,ธนกร วังบุญคงชนะ,พลังประชารัฐ,จาตุรนต์ ฉายแสง,สมคิด จาตุศรีพิทักษ์,ชิมช้อปใช้เพส3,เกรียนคีย์บอร์ด,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/politic/1695906 |
สรุปสถานการณ์การเมืองวันที่ 17 เม.ย. 2552 | เตรียมประชุมวันอังคาร ไม่เปิดเผยสถานที่ หวั่นแดงฮือไล่เวลา 18.44 น. เว็บไซต์เนชั่นออนไลน์รายรายงานว่า ในช่วงบ่ายของวันนี้ (17 เม.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางออกจากกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์(ร.11 รอ.) โดยเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์ค ไปยัง อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อพักผ่อนกับครอบครัว และมีกำหนดเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในวันที่ 18 เม.ย.นี้ โดยไม่ทราบว่านายกรัฐมนตรีขึ้นเฮลิคอปเตอร์ที่จุดใด เพราะขณะที่เฮลิคอปเตอร์จะบินออกจากจุดจอดที่สนามหญ้าด้านหลังอาคารศูนย์บัญชาการใน ร. 11 รอ. มีเพียงเจ้าหน้าที่ทหารประจำเครื่องเท่านั้น โดยไม่ปรากฏตัวนายกรัฐมนตรีแต่อย่างใด ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีไม่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน เป็นเวลา 7 วันแล้ว ตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมามติชนออนไลน์รายงานว่า นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า สถานการณ์ปัจจุบันถือว่าเราพ่ายแพ้ทางการเมืองอย่างสิ้นเชิง เพราะรัฐบาลมัวแต่แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ยอมแก้ปัญหาการเมือง จนทำให้คนเสื้อแดงโตได้ขนาดนี้ ที่สำคัญควรเลิกพยายามจับตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯมาลงโทษได้แล้ว เพราะถึงจับมาได้จริงจะเอาไปขังไว้ที่ไหน บ้านเมืองอาจลุกเป็นไฟมากกว่านี้ สิ่งที่รัฐบาลทำผิดพลาดที่สุดคือการขีดเส้นว่าจะยุบสภาใน 9 เดือน ทำให้ข้าราชการ 90% ใส่เกียร์ว่างหมด เพราะประเมินว่าเลือกตั้งครั้งหน้าคนเสื้อแดงจะชนะ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ก็อยากเกษียณอย่างสง่างาม พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการ ผบ.ตร.ยิ่งกว่าเกียร์ว่าง เพราะใส่ทั้งจาระบีกับน้ำมันหล่อลื่น วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด ต้องมาประเมินว่าอยู่ต่อไปแล้วดีไหม ถ้าอยู่นานแล้วไม่เป็นผลดี สับสวิตช์ทันทีเลยน่าจะดีกว่า ยิ่งมีคดียุบพรรคจ่อคอหอย ยิ่งทำให้บรรดา ส.ส.หวั่นไหว เชื่อว่าถ้าพรรคถูกยุบจะเกิดเหตุเลือดไหลครั้งใหญ่ เพราะ ส.ส.บางส่วนหวังเอาตัวรอด ส่วนตัวเห็นว่าที่ทุกอย่างวุ่นวายอยู่ทุกวันนี้ นายกฯตัดสินใจพลาดหลายหน เพราะบรรดาคนข้างกายที่ไม่รู้ว่าเป็นสายเหยี่ยวหรือสายพิราบ หรือเป็นเป็นทั้งเหยี่ยวและพิราบในคนคนเดียวกัน ถึงได้ออกมาพิกลพิการไปหมด สำหรับท่าทีพรรคร่วมต่อการแก้ปัญหาตอนนี้ ตนขออนุโมทนาสาธุ เพราะไม่เคยคาดหวังอยู่แล้ว โดยขณะนี้เริ่มมีเสียงเรียกร้องที่น่ากลัวอยากได้อัศวินขี่ม้าขาวนอกระบบ ที่มีบุคลิกอย่างจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ให้มาช่วยแก้ปัญหามติชนออนไลน์รายงานด้วยว่า นายนคร มาฉิม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ หนึ่งใน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่เข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่บ้านพักรับรองในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) เมื่อเย็นวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา เปิดเผยว่า การเข้าพบครั้งนี้ ทำให้ ส.ส.มีกำลังใจดีขึ้นมาก เพราะนายกฯมีกำลังใจสูง เข้มแข็ง มุ่งมั่นแก้ปัญหา และได้รับข้อเสนอที่ ส.ส.เสนอไป ทั้งนี้ นายกฯเป็นห่วงว่าการแก้ปัญหาจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดการสูญเสีย แต่จำเป็นต้องมีการขอคืนพื้นที่และให้ประเทศปกครองโดยนิติรัฐนายนครกล่าวว่า ในการพูดคุยได้สรุปข้อเสนอของเพื่อน ส.ส. 6-7 ประเด็น ดังนี้ 1.ส.ส.เห็นว่าจำเป็นต้องวิเคราะห์ถึงจุดอ่อน ที่ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมเกิดความเข้มแข็งมากขึ้น จนปัญหาลุกลามใหญ่โต ซึ่งมองว่าความผิดอยู่ที่การบริหารจัดการ 2.การที่นายกฯระบุว่ามีผู้ก่อการร้ายแฝงตัวในกลุ่มผู้ชุมนุม ส.ส.เห็นว่าจำเป็นต้องแยกปลาออกจากน้ำโดยละมุนละม่อม ซึ่งนายกฯก็เห็นด้วย 3.ควรเปิดเวทีให้กับผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่มีประสบการณ์เข้าร่วมแสดงความเห็นในการหาทางออกให้กับประเทศ โดยตนได้ประสานในเชิงลึกกับทั้งตัวแทนภาคประชาชน อดีตรัฐมนตรี อดีตแม่ทัพนายกอง และอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคง นอกจากนี้ นายกฯมอบหมายให้นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกฯ ช่วยประสานผู้มีบารมีในส่วนอื่นๆ เข้าร่วม คาดว่าจะมีการตั้งเป็นคณะที่ปรึกษาเฉพาะกิจในเร็วๆ นี้ เพื่อหาทางออกให้กับประเทศ4.ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลควรที่จะมีส่วนเข้าร่วมแก้ปัญหา โดยไม่มีการแบ่งแยกว่าตัวเองมาจากพรรคไหน ทำเป็นยุทธศาสตร์ให้ทุกคนร่วมแก้วิกฤตประเทศ 5.ต้องยอมรับว่าฝ่ายการเมืองเชี่ยวชาญทางการเมือง แต่ไม่เชี่ยวชาญทางยุทธวิธี เพราะฉะนั้นต้องอาศัยคนที่รู้จริง มีความศักดิ์สิทธิ์ในการออกมาดำเนินการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการนำไปสู่คำสั่งที่ให้ ผบ.ทบ.เข้ามาแก้ปัญหาเรื่องผู้ก่อการร้ายแฝงตัวในผู้ชุมนุม และ 6.นายกฯไม่ควรที่จะไปต่อความยาวสาวความยืดในเรื่องหยุมหยิม ควรพูดแต่เรื่องที่มีสาระ นอกจากนี้ ยังมีการพูดถึงแนวทางสันติวิธี เรื่องนี้นายอภิสิทธิ์เสนอมาว่า รัฐบาลพร้อมแต่อยากให้ผู้ชุมนุมได้รับข้อเสนอด้วย เพื่อจะได้ตั้งวงเจรจา ไม่ใช่กลุ่มผู้ชุมนุมจะเอาแต่ใจอย่างเดียว โดยพร้อมเจรจาเรื่องความเหลี่ยมล้ำทางเศรษฐกิจ แต่ต้องเป็นการแก้ไขปัญหาระยะยาวเว็บไซต์มติชนออนไลน์รายงานโยอ้างแหล่งข่าวว่าจะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประจำสัปดาห์ในวันอังคารที่ 20 เมษายนนี้ตามปกติ โดยเลขาธิการ ครม.จัดส่งวาระการประชุมไปยังรัฐมนตรีทุกคนเรียบร้อยแล้ว แต่ขณะนี้รัฐบาลยังไม่กำหนดสถานที่ประชุม ซึ่งในวันที่ 19 เมษายน จะแจ้งสถานที่อีกให้กับรัฐมนตรีรับทราบ เนื่องจากหากแจ้งล่วงหน้าเกรงว่าผู้ชุมนุมเสื้อแดงอาจจะเคลื่อนขบวนไปยังสถานที่ที่มีการประชุม ครม.ได้ด้านเว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์รายงานเมื่อเวลา 18.50 น. นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. ขึ้นเวทีแยกราชประสงค์ ปราศรัยกับผูุ้ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงว่า การต่อสู้ของกลุ่มคนเสื้อแดงต่อไปนี้ จะเพิ่มมาตราการ 3 มาตราการ โดย 1. จะทำหนังสือเพื่อเชิญองค์กรฮิวแมน ไรท์ วอทซ์ ประจำอาเซียน และประจำประเทศไทย เพื่อเข้ามาสังเกตการณ์และตรวจสอบเหตุการณ์การสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา 2. จะทำหนังสือไปยังสำนักงานข้าหลวงใหญ่สหประชาชาติ เพื่อส่งตัวแทนมาสังเกตการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง และ 3. จะทำหนังสือประสานไปถึงสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เพื่อขอให้พิจารณาส่งทหารประจำสหประชาชาติเข้ามารักษาความสงบเรียบร้อยของการชุมนุม | แดงเตรียมร้องยูเอ็น-ฮิวแมนไรท์วอทช์ มาร์คนั่งฮ. ไปหัวหินพักผ่อนกับครอบครัว นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติรับ ปชป. แพ้ทางการเมืองแล้วอย่างสิ้นเชิง แนะเลิกไล่ล่าแม้วหวั่นบ้านเมืองลุกเป็นไฟ ครม. | การเมือง | การชุมนุมเดือนมีนาคม - พฤษภาคม 2553,คนเสื้อแดง,พรรคประชาธิปัตย์,อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ | https://prachatai.com/journal/2010/04/28981 |
อนุทิน ประกาศไม่ร่วมรัฐบาลเสียงข้างน้อย | วันนี้ (29 พ.ค.62) นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่าการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พอจะมองเห็นทิศทางการเมืองแล้วว่าใครจะร่วมงานกับใครแต่ยังไม่ชัดเจนมากเพราะอยู่ในขั้นตอนของการหารือกัน อย่าไปมองว่าเป็นการต่อรองเลย การที่ฝ่ายการเมืองต้องคุยกันก่อนเริ่มทำงาน ถือเป็นการวางแผนการทำงาน เมื่อโอกาสมาถึงจะได้มีความพร้อมเข้าไปทำงานเพื่อประชาชน ภาพการพูดคุยกันเช่นที่เป็นอยู่ล้วนเคยเกิดขึ้นมาแล้ว ซึ่งมีบทสรุปในทุกครั้งนายอนุทิน กล่าวว่า พยายามเสนอให้เวลาจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จแล้ว ต้องมีแกนนำจากแต่ละพรรคมาแถลงร่วมกัน ยืนยันความพร้อมให้ประชาชนสบาย ว่าการเมืองเดินหน้าไปได้แน่นอน แล้วจึงไปเลือกนายกฯ ไม่ต้องการให้เสนอเพียงชื่อนายกฯ แล้วไปเสี่ยงโหวตกัน ซึ่งอาจจะเกิดความไม่แน่นอนกับบ้านเมือง ระหว่างนี้ ยังมีเวลาคุยกัน เชื่อว่าจะเสร็จตามกรอบเวลาส่วนโอกาสในการร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย หากมีการทาบทามเข้ามา นายอนุทิน กล่าวว่า หากพรรคเพื่อไทยเข้ามาเจรจาอีกรอบ คนที่เป็นนายกฯ ต้องมีเสียงหนุน 376 เสียง จากทั้ง 2 สภา เมื่อลองบวกไปบวกมา พรรคเพื่อไทยและแนวร่วมไม่มีทางได้ 376 เสียงแน่นอน ฝ่ายที่ได้เสียงในสภาเกิน 376 เสียง คือฝ่ายที่ไปต่อได้ ส่วน ส.ส. ถ้าได้เกิน 250 เสียง ก็ถือว่ามีเสถียรภาพแล้วนายอนุทิน กล่าวถึงความคืบหน้าในส่วนของการจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐว่าภูมิใจไทยยื่นข้อเสนอไปแล้วอยู่ระหว่างรอการตัดสินใจจากพรรคพลังประชารัฐ พรรคต้องการเข้าไปทำงานในส่วนงานที่ได้หาเสียงไว้ ทั้งเรื่องกัญชา เรื่องแก้ไขปัญหาปากท้อง เรื่องเศรษฐกิจแบ่งปันเมื่อถามถึงเสถียรภาพรัฐบาล นายอนุทิน กล่าวว่า อย่าไปคิดว่ารัฐบาลเสียงปริ่มน้ำจะเป็นรัฐบาลที่อ่อนแอ กลับกันมองอีกแง่หนึ่งน่าจะเป็นเสียงที่ฟังประชาชนมากขึ้น และฝ่ายการเมืองฟังกันเองมากขึ้น ส่วนที่ใครบอกว่ามาถึงทางตัน ไปจนถึงเรื่องของรัฐบาลเสียงข้างน้อย มองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้ มันจะมีทางออกส่วนกรณีถูกวิพากษ์วิจารณ์เมื่อเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐนั้น นายอนุทิน กล่าวว่ากลุ่มแฟนคลับการเมืองที่เขายึดมั่นถือมั่น เขาจะบอกว่าผมทำผิดสัญญา ผมยืนยันว่า 4 ข้อเจตนารมณ์ที่ผมตั้งเป็นเงื่อนไข ในการร่วมรัฐบาล ผมยังไม่ผิดคำพูดสักข้อ รวมไปถึงเรื่องอื่นๆด้วย เพียงแต่มันเป็นกระแสชิงชังขึ้นมา ผมรับฟังหมดทั้งนี้ 1 ใน 4 ข้อ ที่ผมตั้งเป็นเงื่อนไขร่วมรัฐบาล คือ เรื่องเสถียรภาพ ถ้าประชาธิปัตย์ไม่มาร่วมกับพลังประชารัฐ ให้ผมไปร่วมกับท่าน เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ผมจำเป็นต้องปฏิเสธ เพราะมันไม่มีเสถียรภาพ ตอนนี้ คนการเมืองมีความกดดันมาก แต่เราพยายามทำให้มันเดินต่อไปได้ | อนุทิน ยืนยันจะร่วมกับรัฐบาลที่มีเสถียรภาพขออย่ามองการเมืองเป็นการต่อรอง พร้อมระบุหาก ประชาธิปัตย์ ไม่ร่วม พลังประชารัฐ ภูมิใจไทยก็ปฏิเสธ | การเมือง | พรรคภูมิใจไทย,อนุทิน ชาญวีรกูล,ตั้งรัฐบาล,พรรคพลังประชารัฐ,ThaiPBSnews | https://news.thaipbs.or.th/content/280464 |
เสี่ยฮุย เคี่ยวหนัก แหลม ก่อนดวลเดือดโรมัน 10 ก.ย.นี้ | มั่นใจศรีสะเกษฟิตเต็มร้อย ช่อง 3 เอชดีถ่ายทอดสดจากสังเวียน สตับฮับ เซ็นเตอร์ แคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เช้าอาทิตย์ที่ 10 ก.ย. เวลา 11.00 น. ตามเวลาประเทศไทย,วันที่ 26 ส.ค.60 ความเคลื่อนไหวของ เจ้าแหลม ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น แชมป์โลกชาวไทย ที่เตรียมขึ้นป้องกันแชมป์มวยโลกรุ่นซุปเปอร์ฟลายเวท สภามวยโลก กับ โรมัน กอนซาเลส อดีตกำปั้นไร้พ่ายชาวนิการากัว เช้าวันอาทิตย์ที่ 10 ก.ย. ที่สังเวียนสตับฮับ เซ็นเตอร์ แคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ช่อง 3 HD ถ่ายทอดสดให้ชมทั่วประเทศ เวลา 11.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย),ล่าสุด เสี่ยฮุย สุรชาติ พิสิฐวุฒินันท์ โปรโมเตอร์ค่ายนครหลวงโปรโมชั่น เปิดเผยถึงความพร้อมว่า ตนพร้อมทีมงานจะออกเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกา ในวันพฤหัสบดีที่ 31 ส.ค.นี้ เพื่อปรับสภาพร่างกาย ส่วนความพร้อมถึงวันนี้มีความพร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์ ซ้อมมา 4 เดือนเต็ม ตั้งเป้าซ้อม 299 ยก ตอนนี้ซ้อมไป 278 ยกแล้ว ถือว่าฟิตพร้อมมาก เราเตรียมแก้เกมส์กันยกต่อยก เพราะทางนั้นก็ต้องเตรียมพร้อมมาอย่างดี ส่วนเรื่องกรรมการเรามั่นใจว่าไม่มีเอนเอียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแน่นอน อยากให้ชาวไทยที่อเมริกาไปเชียร์กันเยอะๆ ส่วนแฟนๆชาวไทยขอให้ส่งใจไปเชียร์ให้ศรีสะเกษด้วย,ด้านศรีสะเกษเปิดเผยว่า น้ำหนักหมัดของโรมันถือว่าหนักตามน้ำหนักรุ่น เชื่อว่าครั้งนี้ทางโรมันต้องเตรียมตัวมาดีมาก ขอให้ไปดูกันบนเวทีว่าใครจะน็อกใคร อยากให้แฟนๆช่วยส่งกำลังใจไปเชียร์เยอะๆ,สำหรับการถ่ายทอดสดจะเริ่มเวลา 09.15 น. คาร์ลอส คูเอดราส พบ ฮวน ฟรานซิสโก เอสตราดา ชิงแชมป์โลก ดับบลิวบีซี ซุปเปอร์ฟลายเวท อีลิมิเนเตอร์ และเวลา 10.05 น. นาโอยะ อิโนเอะ พบ ฮันโตนิโอ เนียเวซ ชิงแชมป์โลกดับบลิวบีโอ ซุปเปอร์ฟลายเวท จากนั้นเวลา 11.00 น. ช่อง 3 เอชดีถ่ายทอดสดคู่ของ ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น ป้องกันแชมป์โลกรุ่นซุปเปอร์ฟลายเวท สภามวยโลก กับโรมัน กอนซาเลส | เสี่ยฮุย สุรชาติ พิสิฐวุฒินันท์ โปรโมเตอร์นครหลวง จับ เจ้าแหลม ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น เคี่ยวหนักก่อนบินไปป้องกันแชมป์โลกรุ่นซุปเปอร์ ฟลายเวทสภามวยโลกกับ โรมัน กอนซาเลส อดีตแชมป์โลกรุ่นนี้ | กีฬา,กีฬาอื่นๆ | ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น,เจ้าแหลม,โรมัน กอนซาเลส,สุรชาติ พิสิฐวุฒินันท์,มวย | https://www.thairath.co.th/sport/others/1050510 |
จับแก๊งค้ายาบ้ากลางกรุง ได้ของกลางกว่า 3 แสนเม็ด | ยาไอซ์ 51 กิโลกรัม และยาบ้า 366000 เม็ด รวมมูลค่ากว่า 275 ล้านบาท คือของกลางที่กองกำลังผาเมือง ร่วมกับตำรวจภูธรภาค 5 ตำรวจปราบปรามยาเสพติด เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สกัดจับได้ จากผู้ต้องหา 3 คน คือ น.ส.อุลชา ประสูตรนาวิน นายบัญฑิต พัฒนอำไพวงศ์ และนายวรศักดิ์ ศรีเจริญการจับกุมครั้งนี้เกิดขึ้นหลังเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า กลุ่มผู้ต้องหา ซึ่งมีประวัติในคดียาเสพติด จะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน ผ่านทางชายแดนอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อส่งให้กับลูกค้าในกรุงเทพมหานคร จึงเฝ้าติดตามพฤติกรรม และประสานการจับกุมได้ที่ย่านลาดพร้าวซึ่งเจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า ยังมีกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดอีก 6 กลุ่ม ที่ยังเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ภาค 5 ซึ่งตำรวจกำลังเฝ้าติดตามพฤติกรรมนอกจากนี้ยังสามารถจับกุมผู้ต้องหาลักลอบค้ายาไอซ์ได้อีก 2 คน คือนายสุชาติ ปึงสุวรรณ และนายสมยศ ไพบูลย์พูนทรัพย์ พร้อมของกลางยาไอซ์ 10 กิโลกรัม โดยจับกุมได้ที่ลานจอดรถห้างโลตัส สาขารังสิต ขณะนำยาเสพติดมาส่งให้ลูกค้าร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หลังตำรวจได้เพิ่มความเข้มในการปราบปรามยาเสพติด และมีการขยายผลยึดทรัพย์ ทำให้สามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งผู้ค้าและผู้เสพได้จำนวนมาก แต่ยังพบมีการลักลอบนำเข้ายาเสพติดมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะเสนอต่อนายกรัฐมนตรีให้ยกระดับการแก้ไขปัญหายาเสพติดจากวาระแห่งชาติ เป็นวาระแห่งนานาชาติ เพื่อจะได้มีส่วนช่วยกันในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง | พื้นที่ปริมณฑลยังคงถูกใช้เป็นแหล่งพักและส่งยาเสพติด ล่าสุดหลายหน่วยงานด้านยาเสพติดประสานกำลังจับผู้ค้ายาเสพติดได้ของกลางยาไอ ซ์กว่า 60 กิโลกรัม และยาบ้าอีก 300000 เม็ด | อาชญากรรม | กองกำลังผาเมือง,ยาบ้า,ยาไอซ์,เฉลิม อยู่บำรุง | https://news.thaipbs.or.th/content/60617 |
ราคาทอง เปิดตลาดเช้านี้ ปรับขึ้น 50 รูปพรรณขายออกบาทละ 23650 | ราคาทองไทย เปิดตลาดเช้านี้ ปรับขึ้น 50 บาท ส่งผลให้ทองแท่งขายออกบาทละ 23150 บาท ขณะที่ ทองรูปพรรณ ขายออกบาทละ 23650เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2563 สมาคมค้าทองคำ รายงานราคาทองไทยครั้งที่ 1 เมื่อเวลา 09.23 น. ปรับขึ้น 50 บาท ทองคำแท่งรับซื้อบาทละ 23050 บาท ขายออกบาทละ 23150 บาท ส่วนทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 22633.88 บาท ขายออกบาทละ 23650 บาท.เช็คราคาสินค้า ตอนนี้ที่ >>>https://compare-price.thairath.co.th/s/?q=%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87&x=0&y=0?utm_source=thairath&utm_medium=article&utm_content=biggo?utm_source=thairath&utm_medium=article&utm_content=biggo | ราคาทองไทย เปิดตลาดเช้านี้ ปรับขึ้น 50 บาท ส่งผลให้ทองแท่งขายออกบาทละ 23150 บาท ขณะที่ ทองรูปพรรณ ขายออกบาทละ 23650 | ข่าว,ทองคำ | ราคาทองวันนี้,ทองคำ,สมาคมค้าทอง,ราคาทอง,ราคาทองคำ,ราคาทองรูปพรรณ,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/gold/1770373 |
ยูนิเวอร์ซิดัดเข้ารอบชิงฯศึกโคปา ซูดาเมริคาน่า | ฟุตบอลโคปา ซูดาเมริคาน่า ซึ่งเป็นถ้วยใบเล็กของทวีปอเมริกาใต้ นัดที่สอง เป็นการพบกันระหว่าง ยูนิเวอร์ซิดัด ทีมแชมป์ลีกชิลี 13 สมัยเปิดสนามซานตา ลอร่า สเตเดี้ยม พบกับ วาสโก ดากาม่า โดยนัดแรกที่บราซิลทั้งสองทีมเสมอกันมา 1-1 โดยนาทีที่ 30 กุสตาโว่ คานาเลส ทำประตูให้เจ้าถิ่นขึ้นนำไปก่อน 1-0ส่วนครึ่งหลังทีมเยือนบุกหนักแต่ก็มาเสียประตูที่ 2 ในนาทีที่ 72 จากเอดูอาร์โด้ วาร์กาส จบเกม ยูนิเวอร์ซิดัด ชนะ วาสโก ดากาม่า 2-0 ได้ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศด้วยประตูรวม 3-1 และเป็นครั้งแรกของสโมสรนับตั้งแต่ก่อตั้งมา 84 ปี ที่ได้ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศในฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรอเมริกาใต้ส่วนรอบชิงชนะเลิศแข่งขันในระบบเหย้าเยือน ยูนิเวอร์ซิดัด จะพบกับ แอลดียู กีโต้ ทีมจากเอกวาดอร์ โดยนัดแรกแข่งขันวันที่ 8 ธันวาคมที่บ้านของกีโต้ | ยูนิเวอร์ซิดัด สโมสรจากชิลี ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโคปา ซูดาเมริคาน่าเป็นครั้งแรกในรอบ 84 ปี หลังเปิดบ้านชนะวาสโก ดากาม่า 2-0 | กีฬา | ฟุตบอล,ยูนิเวอร์ซิดัด,วาสโก ดากาม่า,แอฟริกาใต้,โคปา ซูดาเมริคาน่า | https://news.thaipbs.or.th/content/50249 |
กมธ.สิ่งแวดล้อมลงพื้นที่ ตรวจสอบกรณีนายทุนบุกรุกป่าภูเก็ต | พื้นที่บริเวณชายหาดและเหนือชายหาดฟรีดอมบีชรวม 65 ไร่ เป็นพื้นที่ล่าสุดที่กรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา นำโดยนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ประธานคณะกรรมาธิการ ฯ กำลังลงพื้นที่ เพื่อเก็บข้อมูลและตรวจสอบข้อเท็จจริงในขณะนี้กรณีพบข้อมูลว่าพื้นที่ดังกล่าว มีการบุกรุกพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ เทือกเขานาคเกิด จ.ภูเก็ต และมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามามีส่วนร่วมเอื้อประโยชน์ในการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดและทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ตเป็นผู้ชี้แจงสำหรับสาเหตุที่กรรมาธิการชุดดังกล่าว สนใจเนื่องจากพื้นที่หาดฟรีดอม อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งเป็นพื้นที่อนุรักษ์โซนซี และหากมีการก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ ผลที่ตามมาภายหลังพัฒนาก็จะมีการปล่อยน้ำเสีย น้ำเสียเหล่านั้นก็จะไหลลงสู่ทะเล ผลกระทบอันแรกคือประการังในทะเลจะมีการฟอกขาว และก็จะตายในที่สุด เพราะบริเวณหาดฟรีดอมเป็นหาดที่มีความสวยงามของน้ำทะเลที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติชื่นชอบก่อนหน้านี้ไทยพีบีเอสนำเสนอปัญหาหาดฟรีดอมบีชที่ถูกกันออกจากพื้นที่เขตป่าสงวนเพื่อการออกโฉนดที่ดินทั้งที่เป็นพื้นที่ที่มีความลาดชันเกินร้อยละ35 ก่อนจะมีการประกาศขายให้กับกลุ่มนายทุนชาวต่างชาติ โดยขั้นตอนของการออกเอกสารสิทธิ์เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ และป.ป.ท.พบความผิดปกติของเอกสารของผู้ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดินเดิมเพื่อแสดงสิทธิ์การครอบครอง ว่าเริ่มทำประโยชน์ช่วงปี พ.ศ.2510 แต่ขัดกับเอกสารของเจ้าของที่ดินใหม่ที่ซื้อต่อมาว่าที่ดินนี้เจ้าของเดิม มีการทำประโยชน์ตั้งแต่ปี พ.ศ.2480 เพื่อให้เข้ากับหลักเกณฑ์การทำประโยชน์ที่ดิน ตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497อีกทั้งการออกโฉนดกรณีนี้ไม่มีใบ สค.1มายืนยันการทำประโยชน์ก่อนประกาศเป็นพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ รวมถึงช่วงที่มีการเปิดให้คัดค้านก่อนการประกาศเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติก็ไม่มีใครมายื่นคัดค้าน ทำให้เจ้าหน้าที่เชื่อว่าโฉนดที่นำมาอ้างสิทธิ์นั้นเป็นโฉนดที่ได้มาโดยมิชอบซึ่งการตรวจอบความผิดเบื้องต้นมีข้าราชการระดับสูงและระดับปฏิบัติการรวม 11 คน ที่อาจร่วมกระทำความผิด ซึ่งอยู่ระหว่างการส่งให้ ป.ป.ช.พิจารณา | การติดตามคดีบุกรุกที่ดินป่าสงวนแห่งชาติขายให้กลุ่มทุนต่างชาติในจังหวัดภูเก็ต ที่ไทยพีบีเอสได้นำเสนอปัญหา โดยพบทั้งเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องทั้งเอื้อประโยชน์ในการออกเอกสารสิทธิ์ ภายในสัปดาห์นี้ ทั้ง ป.ป.ท. และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม จะนำปัญหานี้เข้าหารือกับปลัดกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ จ.ภูเก็ตเป็นพื้นที่ต้นแบบในการดำเนินคดีทั้งอาญาทางวินัยกับเจ้าหน้าที่รัฐรวมถึงรื้อระบบตรวจสอบการครอบครองของกลุ่มทุน หรือ ภูเก็ตโมเดล ด้านกรรมาธิการทรัพยากรธรรมและสิ่งแวดล้อมก็ลงพื้นที่ตรวจสอบ | สิ่งแวดล้อม | ก.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม,บุกรุกป่า,ป.ป.ท.,ภูเก็ต,เจ้าหน้าที่,เอกสารสิทธิ์ | https://news.thaipbs.or.th/content/72745 |
คุกหญิง: พวกเธอเหยื่อหรือฆาตกร? | สนใจครอบครัวอบอุ่นจนทำให้ผู้หญิงตกอยู่ในวังวนความรุนแรง แนะปรับแก้กฎหมาย พิจารณาบริบท ไม่มองแต่เหตุการณ์เฉพาะหน้าก่อนที่แพร (นามสมมติ) จะเปลี่ยนคำนำนามเป็นนักโทษหญิง เธอเคยอยู่กินกับสามี สามีที่บังคับให้เธอหลับนอนด้วย สามีที่ลักหลับเธอขณะที่เธอหลับไหลจากการทำงานอันเหน็ดเหนื่อย และเป็นสามีคนเดียวกับที่ใช้มีดจี้เธอเพื่อให้มีเพศสัมพันธ์ด้วย เธอเลือกการหนีและเผชิญกับคำพิพากษาจากผู้คนรอบข้าง ก่อนจะติดคุกด้วยคดียาเสพติดเรามองว่าตัวเองเป็นคนเลวมาตลอด ทำไมเลวได้ขนาดนี้ คือตราบาปที่สังคมหยิบยื่นให้และเธอก็รับมันมาใส่ตัวโดยไม่บอกปัด เพราะเธอยังมองไม่เห็นความรุนแรงเชิงโครงสร้างที่กดทับผู้หญิงในสังคมไทยแพรเป็นตัวอย่างของผู้หญิงที่ต้องเผชิญความรุนแรงในครอบครัว เพียงแต่เธอไม่ได้จบชีวิตในคุกด้วยข้อหาฆาตกรรมสามี นภาภรณ์ หะวานนท์ นักวิชาการอิสระที่ทำงานกับผู้ต้องขังหญิงมาอย่างต่อเนื่อง บอกกับประชาไทว่า ผู้หญิงที่ติดคุกเพราะฆาตกรรมสามีของตนมีไม่มากเมื่อเทียบกับคดียาเสพติด ทว่า จำนวนไม่มากนี้กลับสะท้อนหลายสิ่งอย่างที่กระทำกับผู้หญิงนภาภรณ์ตั้งคำถามว่า เราจะลงโทษทางอาญากับผู้หญิงที่ถูกกระทำรุนแรงมาเป็นเวลานานและตอบโต้จนอีกฝ่ายเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บอย่างไรในกรณีที่ฝ่ายหญิงกำลังถูกทำร้ายและหยิบอาวุธขึ้นมาตอบโต้จนทำให้อีกฝ่ายถึงแก่ชีวิต หากพิสูจน์ได้ ก็อาจเข้าข่ายป้องกันตนเอง อย่างไรก็ตาม ในงานศึกษาของสมชาย ปรีชาศิลปะกุล จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เรื่อง เพศวิถีในคำพิพากษา ยังตั้งข้อสังเกตว่า การป้องกันตัวของฝ่ายหญิงพบว่า ต้องมีการใช้อาวุธเป็นเครื่องมือ นั่นก็เพราะโดยสรีระร่างกายของผู้หญิงเสียเปรียบฝ่ายชาย จึงยากที่จะป้องกันตัวได้ด้วยมือเปล่า แต่เมื่อมีการใช้อาวุธก็มีแนวโน้มว่าศาลจะตัดสินว่าเป็นการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ เมื่อบวกกับทัศนะที่ว่าการใช้ความรุนแรงในครอบครัวเป็นเรื่องปกติธรรมดาด้วยแล้ว การใช้อาวุธของฝ่ายหญิง ไม่ว่าจะทำให้ผู้เป็นสามีเสียชีวิตและบาดเจ็บ ก็ล้วนแต่เกินความสมควรแก่เหตุหรืออาจเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา(อ่านเพิ่มเติมในประเด็นนี้จากรายงาน คุกหญิง: เพราะพวกเธอคือ ผู้หญิงไม่ดี? )แต่จะมีอีกกรณีหนึ่งที่คล้ายกับกรณีของหมอนิ่ม (พญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ อดีตภรรยาและผู้ต้องหาในคดีจ้างวานฆ่าจักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม) ซึ่งการฆ่าไม่ได้เกิดขึ้น ณ จุดที่มีการกระทำรุนแรง แต่เป็นการวางแผน ( เรื่องนี้มีความละเอียดอ่อนมากในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา เช่น ตอนที่ฝ่ายหญิงลงมือ อีกฝ่ายหลับอยู่หรือกำลังกินข้าว เราเอายาเบื่อใส่อาหาร ถ้าเป็นโทษทางอาญาแบบนี้จะลงโทษประหารชีวิต ซึ่งก็เป็นคดีที่ศาลไม่เชื่อหมอนิ่ม เพราะศาลชั้นต้นพิจารณาว่าหมอนิ่มทำ โทษที่ได้รับคือประหารชีวิตนภาภรณ์ตั้งข้อสังเกตที่ชวนตั้งคำถามต่อศาลว่า การที่ศาลนำเหตุแห่งความรุนแรงที่หมอนิ่มได้รับมาใช้เป็นแรงจูงใจให้ก่อคดี แล้วเหตุใดความรุนแรงที่หมอนิ่มได้รับเป็นเวลานานจนกดดันให้ต้องก่ออาชญากรรมตามที่ศาลเชื่อ จึงไม่เป็นเหตุแห่งการลดโทษขณะที่ในต่างประเทศกลับมีวิธีการมองอาชญากรรมลักษณะนี้ด้วยมุมมองที่ต่างไปจากอดีต นภาภรณ์อธิบายว่า กรณีที่ผู้หญิงถูกกระทำรุนแรงจากสามีหรือบุคคลในครอบครัวจนลงเอยด้วยการก่อคดีฆาตกรรม เราไม่สามารถมองแค่เหตุการณ์เฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้นเกิดเหตุได้ แต่ต้องมองให้เห็นบริบทย้อนหลังทั้งหมด นี่จึงไม่ใช่คดีอาญาปกติมันเป็นกระบวนการฆ่าอย่างหนึ่งที่ผู้หญิงต้องเจอ ขู่บ้าง บังคับบ้าง จนภาวะตรงนี้เหมือนเป็นกระบวนการฆ่าคู่ครองของตนเองโดยน้ำมือสามี ฝ่ายหญิงอาจจะเคยไปฟ้องตำรวจแล้วก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือ ฟ้องญาติพี่น้อง ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่จะทำให้ตนเองหลุดจากวัฏจักรนี้ แต่ก็ทำไม่ได้เนื่องจากเหตุผลมากมาย เพราะฉะนั้นผู้หญิงจึงตอบโต้กรณีผู้หญิงรายหนึ่งใช้มีดแทงฝ่ายชายขณะหลับ เพราะก่อนหน้านั้นฝ่ายชายเอามีดจี้คอและข่มขู่ว่าจะฆ่าฝ่ายหญิงแล้วฆ่าตัวเองตายตาม ซึ่งฝ่ายหญิงรอดมาได้ด้วยการเกลี่ยกล่อม แต่เรื่องราวความรุนแรงที่เธอเผชิญมาต่อเนื่องก็จบลงในคืนนั้นด้วยการลงมีด เพราะเธอกลัวว่าเหตุการณ์ที่เธอถูกกระทำจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต และเธออาจไม่โชคดีเช่นครั้งนี้ หรือกรณีของผู้หญิงอีกคนหนึ่งมีอาชีพหาบขนมขาย แบ่งปันเงินส่วนหนึ่งให้แม่ของตน ขณะที่ฝ่ายชายก็ต้องการเงินเช่นกัน สถานการณ์ที่เกิดขึ้นคือแม่ของฝ่ายหญิงถูกฝ่ายชายด่าทอทุกวี่วันว่าเกาะลูกกิน ผู้หญิงรายนี้จึงตัดสินใจหนีไปอยู่กับแม่ แต่ฝ่ายชายก็ตามไปตบตีเธอต่อหน้าแม่ เธอจึงบอกให้ผู้ชายกลับบ้านและจะตามกลับไปภายหลัง เธอกลับไปจริงพร้อมกับยาฆ่าแมลง และนำไปแอบใส่ในอาหารให้ฝ่ายชายผู้หญิงมีกระบวนการที่จะสู้เพื่อให้ตัวเองอยู่รอดหรือป้องกันคนที่เขารัก เพราะฉะนั้นเวลาศาลตัดสินก็จะมองว่าการฆ่าในกรณีลักษณะนี้เป็นคนละเรื่องกับการฆ่าแบบทั่วไป แต่เป็นการฆ่าที่ผู้ฆ่าเป็นเหยื่อมาก่อน ซึ่งทางฝรั่งมองว่าเหมือนเป็นการถูกจับไปเป็นตัวประกันหรือเรียกค่าไถ่ ตัวประกันก็โดนทุกวันๆ ก็ต้องหาทางเอาชีวิตรอด แต่จะสู้ก็สู้ไม่ไหวเพราะผู้ชายตัวใหญ่กว่า ก็ต้องกระทำตอนหลับหรือแอบใส่ยาฆ่าแมลงศาลจึงมองเฉพาะจุดที่เกิดการฆ่าไม่ได้ ต้องดูย้อนกลับไปถึงประวัติผู้ฆ่าซึ่งจริงๆ ก็คือเหยื่อของความรุนแรงในครอบครัว เพราะฉะนั้นการตัดสินจึงแตกต่างจากการฆ่าทั่วๆ ไป แต่ของไทยถือว่าเหมือนกัน คำถามคือถ้าหมอนิ่มถูกตัดสินประหารชีวิตจริง มันยุติธรรมหรือไม่ ถึงศาลจะเชื่อว่าทำจริง แต่เป็นเหตุให้ประหารชีวิตเชียวหรือ ทั้งที่เขาโดนมากระทำรุนแรงมานานดังนั้น การนิยามคำว่าป้องกันตัวจะต้องขยายความกว้างและเข้าใจบริบทมากกว่านี้ ส่วนการตอบโต้หลังจากเหตุการณ์ความรุนแรง นภาภรณ์เสนอว่าต้องมองว่าเป็นการต่อสู้ของเหยื่อเพื่อความอยู่รอด ซึ่งถ้าสามารถทำความเข้าใจต่อสาธารณชน มีการปรับแก้กฎหมาย มีการใช้ดุลพินิจที่คำนึงถึงเรื่องเหล่านี้ ความรุนแรงในครอบครัวก็จะถูกดูแลอย่างประณีตขึ้นดิฉันคิดว่าเราต้องทบทวนเรื่องเหล่านี้อย่างรอบคอบและนำข้อเท็จจริงมาพูดกัน กฎหมายไทยอาจต้องมีการแก้ไขนิยาม ประการแรกคือนิยามของความรุนแรงในครอบครัว ไม่ว่าจะหญิงต่อชายหรือชายต่อหญิง ว่าเป็นความรุนแรงที่มีความรุนแรงมากกว่า ในภาษาอังกฤษเรียกว่า Assault Crime และโทษของมันเหมือนกับการฆ่าคนอื่นหรือพยายามฆ่าในต่างประเทศ หากพิสูจน์ได้ว่าฝ่ายที่ถูกฆ่ากระทำอย่างรุนแรงต่อเนื่องกับเหยื่อจนเกือบจะเป็นการฆ่าอยู่แล้ว เรียกได้ว่าผู้หญิงตกอยู่ในกระบวนการฆ่าที่ดำเนินไป การตอบโต้ของผู้หญิงจึงไม่ใช่การเตรียมการมาฆ่าผู้บริสุทธิ์ แต่เป็นฆ่าเพื่อให้ตนเองมีชีวิตรอด ซึ่งเคยมีผู้หญิงบางคนที่ติดคุกเพราะเหตุนี้ แต่เมื่อเรื่องนี้ถูกนำเข้าสู่กระบวนการศาลใหม่ เป็นการใช้กฎหมายย้อนหลังด้วย แล้วผู้หญิงที่ติดคุกอยู่ได้รับการปล่อยตัว ถามว่ามีความผิดหรือไม่ คิดว่ามี แต่มันไม่ใช่ความผิดเท่ากับการฆ่าทั่วๆ ไป ซึ่งกฎหมายจะต้องแยกแยะกรณีทำนองนี้แต่กฎหมายเป็นเพียงเหลี่ยมมุมเดียวของปัญหา สิ่งที่อยู่ใต้พื้นผิวของทัศนคติต่อความรุนแรงในครอบครัวของสังคมไทยที่ทำให้ปัญหาเชิงโครงสร้างนี้ดำรงอยู่ เมื่อเรื่อง ผัวๆ เมียๆ เป็นเรื่องภายในครอบครัว ความรุนแรงระหว่างผัวเมียเป็นเรื่องปกติ เดี๋ยวก็ดีกัน ในส่วนของตัวผู้หญิงเองเมื่อเผชิญความรุนแรงไม่เพียงแต่ไม่มองว่าตนเองเป็นเหยื่อ แต่กลับยังคิดว่าตนเองก็มีส่วนผิด มองเป็นความอับอายที่ไม่ควรให้คนนอกรับรู้ ทำให้ความรุนแรงในครอบครัวเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือเป็นเรื่องที่สังคมอดทนกับมันได้มากกว่าปกติ ทั้งที่มันเป็นโครงสร้างของความรุนแรงนภาภรณ์วิพากษ์วิจารณ์ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.2550 ว่าเน้นเรื่องความปรองดองในครอบครัวมากเกินไป ทำให้เมื่อเกิดเหตุขึ้นกระบวนการที่ตามมามักเป็นการไกล่เกลี่ยให้กลับไปอยู่ด้วยกันอย่างในคดีหมอนิ่มเราไม่ควรเอาเป้าหมายของการมีครอบครัวที่อบอุ่นเป็นเป้าหมายของการยุติความรุนแรง เราต้องบอกว่าถ้าอยู่ด้วยกันไม่ได้ก็เลิกกันซะ แต่เรากลับต้องการสร้างครอบครัวที่อยู่ด้วยกัน แม้จะตบตีกันบ้าง ก็ยังดีกว่าเลิกกัน นี่เป็นวิธีคิด เป็นมายาคติ เพราะถ้าความรุนแรงเป็นเหตุแห่งการหย่าร้างได้โดยไม่ยุ่งยากเกินไปหรือไม่ไปไกล่เกลี่ยจนดูเหมือนว่าฝ่ายที่ไม่ยอมเป็นฝ่ายผิด ดิฉันคิดว่ามันจะช่วยได้มากแต่ถ้าปล่อยให้กระบวนการความรุนแรงนี้เดินไป ก็ทำให้ผู้หญิงตอบโต้ด้วยวิธีที่ไม่พึงตอบโต้ สำหรับดิฉันถือว่าไม่พึงทำ แต่ไม่ได้หมายความว่าเมื่อทำไปแล้ว เราลงโทษเต็มที่ แต่เราต้องมีวิธีเบี่ยงเบนไม่ให้กระบวนการนี้นำไปสู่การฆ่า ต้องทำ แต่เมื่อมีการฆ่าเกิดขึ้น ผู้ที่เป็นเหยื่อมาก่อนก็ต้องได้รับความเป็นธรรมเช่นกันประเด็นที่นภาภรณ์กล่าวสร้างความวิตกกังวลให้แก่นักกฎหมายว่า จะเท่ากับให้ใบอนุญาตฆ่าหรือไม่นภาภรณ์เห็นว่า การที่ผู้หญิงที่ถูกกระทำรุนแรงสักคนจะลงมือฆ่าสามีไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นง่ายดายเช่นที่เข้าใจ เพราะมีผู้หญิงที่ติดคุกจากคดีฆาตกรรมสามีไม่มากเคยคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งในคุกตอนที่ทำงานประเด็นนี้ ถามว่าถ้าย้อนกลับไปจะทำมั้ย เขาบอก ทำ นี่ก็แปลว่ามันถึงที่สุดของกระบวนการแล้ว เขาจึงตัดสินใจทำแบบนี้ นั่นย่อมแปลว่าเราไม่มีกระบวนการช่วยเหลือคนเหล่านี้มาก่อนเลย แล้วคนเหล่านี้ก็ติดคุกแบบโดดเดี่ยว ถูกคนประณาม ต้องเจ็บปวดจากการถูกกระทำความรุนแรง เมื่อตอบโต้ก็เจ็บปวดกับความผิดที่ตนได้รับ นี่เป็นโครงสร้างที่ปล่อยให้ความรุนแรงยืดเยื้อและเป็นโครงสร้างที่ประณามผู้ที่ตกเป็นเหยื่อทั้งที่จริงๆ แล้วเขาไม่ได้เป็นอันตรายต่อสังคมเลย แต่ที่เขาทำตรงนั้นเพราะถูกบีบให้ทำ อย่างในคดีข่มขืน เราจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม แต่การโต้แย้งว่าถ้าปล่อยออกมาเดี๋ยวก็ไปข่มขืนอีก คือยังมีเหตุผลที่พอฟังได้ แต่ในกรณีผู้หญิง ไม่ใช่ว่าเขาจะไปเที่ยวฆ่าคนนั้นคนนี้ มีคดีหนึ่ง ผู้หญิงฆ่าสามีตนเอง แต่ระหว่างประกันตัวและสู้คดี ก็มีผู้ชายอีกคนมาแต่งงานด้วย ไม่ได้กลัวว่าจะโดนฆ่า แต่กลับเห็นใจ ยกขันหมากมาสู่ขอด้วย เพื่อต้องการให้ผู้หญิงเป็นที่ยอมรับของคนในหมู่บ้าน สุดท้ายศาลตัดสินจำคุกผู้หญิง แต่ฝ่ายชายก็คอย คดีแบบนี้ก็มีจริงผู้หญิงคนหนึ่งที่ลงมือสังหารสามีจนพาตัวเองเข้ามาอยู่ในโลกหลังกำแพง การมองเฉพาะผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่เราจะประทับตราพวกเธอว่าเป็นฆาตกร | เรื่อง ผัวๆ เมียๆ ลดทอนความรุนแรงในครอบครัวให้เป็นเรื่องภายใน ผู้หญิงตกอยู่ในกระบวนการฆ่า ลงเอยด้วยการตอบโต้เพื่อเอาชีวิตรอด นักวิชาการเผยโครงสร้างสังคมหล่อเลี้ยงความรุนแรงในครอบครัวและประณามเหยื่อ | สิทธิมนุษยชน,สังคม | กระบวนการฆ่า,กระบวนการยุติธรรม,กฤษฎา ศุภวรรธนะกุล,ความรุนแรงในครอบครัว,คุกหญิง,นภาภรณ์ หะวานนท์,หมอนิ่ม,เหยื่อความรุนแรง | https://prachatai.com/journal/2017/02/69877 |
เจ้าหน้าที่เลือกตั้งอินโดนีเซีย 272 คนเสียชีวิต เหตุเพราะทำงานหนัก | วันนี้ (29 เม.ย.2562) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า โฆษกคณะกรรมการการเลือกตั้งอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่เลือกตั้ง 272 คน เสียชีวิตจากอาการป่วยที่เกิดจากการทำงานหนัก และมีเจ้าหน้าที่ล้มป่วยอีก 1878 คน จากเจ้าหน้าที่ทั้งหมดประมาณ 7 ล้านคน ที่ทำหน้าที่นับคะแนนเลือกตั้ง และสังเกตการณ์การเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมาด้านทางการอินโดนีเซียวางแผนจ่ายเงินชดเชยให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตคนละ 36 ล้านรูเปียห์ หรือประมาณ 81000 บาท ซึ่งคิดเป็นค่าจ้างขั้นต่ำ 1 ปี ขณะที่หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลที่มอบหมายงานที่มากเกินไปให้กับเจ้าหน้าที่ชั่วคราว ซึ่งไม่ใช่ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่เหล่านี้ไม่ได้รับการตรวจสุขภาพว่าพร้อมทำงานนี้หรือไม่เจ้าหน้าที่ต้องนับบัตรลงคะแนนเลือกตั้งด้วยมือ โดยการเลือกตั้งในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการจัดการเลือกตั้งทุกระดับ ตั้งแต่ผู้นำประเทศไปจนถึงระดับท้องถิ่น ขึ้นพร้อมกันในวันเดียว เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ซึ่งมีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งร้อยละ 80 จากทั้งหมด 193 ล้านคน ออกมาใช้สิทธิ์ในครั้งนี้ | เจ้าหน้าที่เลือกตั้งอินโดนีเซีย 272 คน เสียชีวิตจากอาการป่วย เนื่องจากทำงานหนักเกินไป หลังต้องนับบัตรลงคะแนนเลือกตั้งหลายล้านใบด้วยมือ | ต่างประเทศ | อินโดนีเซีย,นับคะแนน,เลือกตั้งอินโดนีเซีย,ป่วย,ทำงานหนัก,ThaiPBSnews,ThaiPBS,ไทยพีบีเอส,ข่าวไทยพีบีเอส | https://news.thaipbs.or.th/content/279634 |
กระบะบรรทุกต่างด้าว เสียหลักชนเสาไฟฟ้าที่สระแก้ว ดับ 6 เจ็บกว่า 20 | เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 8 มิถุนายน เมื่อเวลา 02.00 น. ของวันนี้ พ.ต.ท.กตัญญู พวงเกาะ สว.(สอบสวน) สภ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุ รถยนต์กระบะตอนเดียว ชนเสาไฟฟ้า บน ทล.33 ช่วง กม.195 ตรงข้าม อบต.ผักขะ อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทันทีอย่างน้อย 6 ราย เป็นชาย 3 ราย และหญิงอีก 3 ราย นอกจากนี้ ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 20 ราย โดยทั้งหมดเป็นชาวต่างชาติ สัญชาติกัมพูชา หลังได้รับแจ้งจึงรีบรุดไปยังที่เกิดเหตุ,ในที่เกิดเหตุพบรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่น ไทรทัน สีบรอนซ์เงิน มีหลังคา หมายเลขทะเบียน ฒจ – 9182 กทม.สภาพพังยับเยินเนื่องจากชนเสาไฟฟ้าหัก แล้วกระเด็นตกลงไปในคูน้ำ หงายท้องครอบแรงงานอยู่ในน้ำ หน่วยกู้ภัยสว่างจุดวัฒนานคร และหน่วยกู้ภัยเที่ยงธรรมสถานอรัญประเทศ และชาวบ้านกำลังช่วยกันดึงร่างของแรงงานชาวกัมพูชา ที่ถูกรถทับอยู่ในน้ำขึ้นมา สภาพสยดสยอง บางคนชูมือขอความช่วยเหลือ แต่ไม่สามารถดึงเอาขึ้นมาจากน้ำได้ เนื่องจากถูกรถกระบะทับร่างเอาไว้ ส่วนกู้ภัยทั้งวัฒนานคร และอรัญประเทศ ก็ต้องเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วย เนื่องจากรถกระบะ ชนเสาไฟฟ้าหักสะบั้น สายไฟฟ้ารั่ว ไฟฟ้าช็อต ไฟลุกไหม้อยู่ใกล้กับจุดลงไปช่วยคนเจ็บและผู้เสียชีวิตตลอดเวลา โดยทีมกู้ภัยต้องลงไปในน้ำเพื่อช่วยน้ำร่างผู้บาดเจ็บออกมาจากซากรถ ,หลังจากนำแรงงานชาวกัมพูชาที่บาดเจ็บขึ้นมาได้แล้ว ทีมกู้ภัยต่างรีบนำร่างผู้บาดเจ็บส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลวัฒนานคร รวม 12 คน เป็นหญิง 5 ชาย 7 และโรงพยาบาลอรัญประเทศ หญิง 6 คน ชาย 6 คน ในที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิตรวม 6 คน เป็นหญิง 3 ศพ ชาย 3 ศพ หลังนำศพออกมาจากซากรถหมดแล้ว พ.ต.ท.กตัญญู จึงได้ให้ชาวบ้าน และตำรวจช่วยกันออกค้นหาตามชายป่า จึงไปพบคนขับคลานหลบหนีมานอนสลบอยู่ที่ชายป่า ตำรวจจึงนำตัวส่งโรงพยาบาลวัฒนานคร อาการสาหัส ทราบชื่อในเวลาต่อมา ชื่อนายใส เฉลิมศรี อายุ 43 ปี ชาวบ้าน ม.4 ต. โนนหมากเค็ง อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ,พ.ต.ท.กตัญญู กล่าวว่า นายใส หลังตะเกียกตะกายออกมาได้แล้วก็พยายามคลานเข้าไปในป่าข้างทางเพื่อที่จะหลบหนี แต่เนื่องจากบาดเจ็บสาหัส จึงหมดสติเสียก่อน,ด้าน นายสุขเพียบ สอน อายุ 30 ปี ชาวเขมรอยู่ที่จังหวัดโพธิสัตว์ ประเทศกัมพูชา กล่าวว่า ขณะตนเองกับเพื่อนชาวเขมรขึ้นรถจากตลาดโรงเกลือ บ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ มาได้ประมาณ 7 กม.ได้มีรถเจ้าหน้าที่ขับตามมาทำให้คนขับได้เร่งความเร็วเพื่อหลบหนี จนกระทั่งเกิดเสียหลักก็ได้ยินเสียงดังโครม เห็นไฟฟ้าช็อตมีไฟลุกไหม้ เห็นคนคลานออกมาจากซากรถ ขึ้นมานอนแผ่หรา ตนก็คลานออกจากซากรถเพื่อหนีตาย แต่มีบางคนขึ้นมาไม่ไหวก็ร้องโหยหวนให้ช่วย ตนเองและชาวบ้านในที่เกิดเหตุจึงรีบไปช่วยลากคนเจ็บที่คลานขึ้นมาไม่ไหวมานอนรวมไว้ที่หน้าบ้าน แต่ยังได้ยินเสียงคนร้องให้ช่วยอยู่ในรถอีก แต่ช่วยไม่ได้เนื่องจากถูกรถทับอยู่ จากนั้นได้มีเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมาช่วยส่ง รพ.อรัญประเทศและวัฒนานครดังกล่าว,เบื้องต้น จากการสอบปากคำผู้ที่ได้รับบาดเจ็บให้การว่า รถกระบะคันดังกล่าว มีคนขับเป็นชาวไทย บรรทุกผู้โดยสารชาวกัมพูชามา ทั้งหมด 29 คน ขับมาด้วยความเร็วสูง ก่อนที่รถจะเสียหลักพุ่งชนกับเสาไฟฟ้าจนเกิดเหตุสลดขึ้น ส่วนรายละเอียดเจ้าหน้าที่จะสอบปากคำและหาสาเหตุ พร้อมสอบสวนว่า เป็นกลุ่มแรงงานต่างด้าวเข้าไทยโดยผิดกฎหมายหรือไม่. | โชเฟอร์คนไทย ควบกระบะ ขนแรงงานต่างด้าว สัญชาติกัมพูชา ถึง กม.195 ตรงข้าม อบต.ผักขะ อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว เสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้าจนหัก เบื้องต้นเสียชีวิตแล้ว 6 ศพ บาดเจ็บกว่า 20 ราย นำส่ง รพ.ใกล้เคียง | null | ต่างด้าว,แรงงานต่างด้าว,ซิ่งวีโก้,กระบะขนแรงงานเขมร,กัมพูชา,ขนแรงงานเขมรเข้าไทย,เสียชีวิต 6 ราย,บาดเจ็บ20ราย,ผักขะ,วัฒนานคร,สระแก้ว,ชนเสาไฟฟ้า,อุบัติเหตุ,ข่าว,ไทยรัฐ,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวทั่วไทย | https://www.thairath.co.th/content/634236 |
มาไม่ยั้ง แพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจ | เนื่องเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ และเกิดการจับจ่ายใช้สอยในประเทศ มาตรการ 2 คือการลงทุนในระดับพื้นที่หรือชุมชน โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในชุมชน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาว รวมทั้งการดูแลเกษตรกรผ่านมาตรการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวนาปี ปีการผลิต 62/63 ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.),ขณะที่มาตรการ 3 การดูแลให้ประชาชนเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้มากขึ้น โดยจะดึงธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ เช่น ธนาคารออมสิน, ธ.ก.ส., ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ร่วมด้วย ส่วนรายละเอียดจะเปิดเผยอีกครั้งหลังจาก ครม.เห็นชอบแล้ว หวังว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนี้จะช่วยดูแลเศรษฐกิจในขณะนี้ให้มีแรงขับเคลื่อนท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก และยังเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจไทยในระยะยาว,ส่วนกองทุนรวมใหม่เพื่อทดแทนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) ที่จะหมดสิทธิประโยชน์ปี 62 สั่งให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) สภาตลาดทุนไทยและกรมสรรพากร หาข้อสรุปร่วมกัน โดยเบื้องต้นกองทุนใหม่จะมีระยะการออมที่ยาวกว่า เพื่อจูงใจให้คนซื้อมากขึ้น รวมถึงอาจกำหนดให้ประชาชนสามารถซื้อกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) รวมกับกองทุนใหม่ได้ไม่เกิน 500,000 บาท คาดจะเสนอให้ ครม.พิจารณาได้ก่อนสิ้นปี 62,ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงสิ้นปีนี้ว่า ขณะนี้การดูแลเศรษฐกิจเหลืออยู่ขาเดียว คือกระทรวงการคลังจากเมื่อก่อนมี 4 สาขา ขณะที่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจมีกลไกที่เกี่ยวข้องมาก ทั้งเรื่องการส่งออก ค่าครองชีพ การเบิกจ่ายภาครัฐ การดูแลภาคเกษตร ดังนั้น กระทรวงต่างๆซึ่งเปรียบเสมือนเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ต้องเดินหน้าไปด้วยกัน กระทรวงการคลังก็ทำในส่วนที่ตัวเองทำได้ คือกระตุ้นการบริโภคให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยเกิดเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้นและดึงเอกชนมาลงทุน ส่วนเรื่องอื่นๆอย่างการส่งออก ฯลฯ ต้องถามผู้ที่รับผิดชอบในแต่ละกระทรวงเอง แต่ผมคิดว่าเขาก็พยายามทำให้ดีอยู่แล้ว. | นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยว่า วันที่ 26 พ.ย.62 กระทรวงการคลังจะเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา 3 มาตรการ ได้แก่ มาตรการแรก เป็นมาตรการที่ดำเนินการต่อ | ข่าว,เศรษฐกิจ | อุตตม สาวนายน,กระทรวงการคลัง,มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ,กองทุนรวมใหม่,แอลทีเอฟ,สมคิด จาตุศรีพิทักษ์,อาร์เอ็มเอฟ | https://www.thairath.co.th/news/business/market-business/1712066 |
ชีวิตล่าสุดลูกทุ่งดัง แสงสุรีย์ รุ่งโรจน์ หลัง บิณฑ์-เอกพันธ์ เจอโดยบังเอิญ | ยังคงเดินหน้าลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง สำหรับบิณฑ์ และ เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ ที่พาเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ลงพื้นที่แจกเงินช่วยเหลือชาวบ้านและล่าสุดต้องทำเอา บิณฑ์ และ เอกพันธ์ ต่างก็แปลกใจเมื่อได้บังเอิญไปเจอกับ อดีตนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง แสงสุรีย์ รุ่งโรจน์ ระหว่างเคาะประตูบ้านในชุมชนแห่งหนึ่ง ซึ่ง แสงสุรีย์ นั้นคืออดีตนักร้องลูกทุ่งที่เป็นขวัญใจของ บิณฑ์และเอกพันธ์ทั้ง 3 คนต่างก็ร้องเพลงดังในอดีตอย่าง รักสาวเสื้อลาย กันหน้าประตูบ้าน ด้าน แสงสุรีย์ ก็ปลื้มใจสุดๆ ที่มีคนจำตนเองได้ และร่วมร้องเพลงกันอีกด้วย อีกทั้ง 2 พี่น้อง บิณฑ์และเอกพันธ์ ก็ได้เผยความลับเมื่อ 40 ปีที่แล้วให้ฟังว่า เคยชวนกันหนีเรียนไปดูคอนเสิร์ตของ แสงสุรีย์ รุ่งโรจน์และจากนั้นได้เข้าไปสำรวจภายในบ้าน ที่มีสภาพทรุดโทรมตามกาลเวลา และ แสงสุรีย์ ก็ยังได้โชว์ลูกคอให้พี่น้องทั้ง 2 คนได้ฟัง แม้เสียงจะไม่เหมือนเดิม แหบแห้งไปบ้าง แต่ยังมีเสน่ห์ทั้ง บิณฑ์กับเอกพันธ์ ก็ได้มอบเงินสดให้นักร้องลูกทุ่งคนดังกล่าว เอาไว้ใช้ในช่วงโควิด-19 กำลังระบาดเป็นเงิน 10000 ไว้กินไว้ใช้ในครอบครัวอีกด้วย. | บิณฑ์-เอกพันธ์ ลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้านในชุมชน ไปเจอ แสงสุรีย์ รุ่งโรจน์ อดีตลูกทุ่งดังโดยบังเอิญ มอบเงินช่วยเหลือ 10000 บาท | บันเทิง,ข่าวบันเทิง | บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์,เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์,บิณฑ์ เอกพันธ์,แสงสุรีย์,แสงสุรีย์ รุ่งโรจน์,นักร้องลูกทุ่ง,ข่าวบันเทิง,ดารา | https://www.thairath.co.th/entertain/news/1842503 |
กรมบังคับคดีเปิดประมูล แอร์บัส 30 ล้านบาท นัดแรกยังไม่มีคนสนใจ | วันนี้ (6 ก.ย.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมบังคับคดีเปิดประมูลขายทอดตลาดทรัพย์สินในคดีแพ่ง กรุงเทพมหานคร 1 หมายเลขแดงที่ ผบ.4820/2557 ประเภทอากาศยาน คือเครื่องบิน AIRBUS COMPANY 1Round point Maurice BellonteBlagnac-FRANCE A-310 -222 สัญชาติและเครื่องหมายทะเบียน HS PCC หมายเลขชุดของอากาศยาน 419 จำนวน 1 ลำ ที่ท่าอากศยานดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ราคาเริ่มต้นที่ 30 ล้านบาท โดยมีนางเพ็ญรวี มาแสง ผู้เชี่ยวชาญด้านการบังคับคดีล้มละลาย และนายศรัณย์ ปัญญาดิลก ผู้อำนวยการสำนักงานบังคับคดีแพ่งกรุงเทพมหานคร 1 ร่วมดูแลการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ภายในงาน ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถนำสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและภาพถ่ายยื่นต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี ที่สำนักงานบังคับคดีแพ่งกรุงเทพมหานคร 1 ในวันและเวลาราชการ ก่อนวันขายทอดตลาดแต่ละนัดไม่น้อยกว่า 7 วัน เนื่องจากพื้นที่จอดอากาศยานเป็นพื้นที่หวงห้ามเฉพาะ และผู้ที่สนใจจะแข่งขันต้องวางหลักประกันการเข้าสู้ราคาต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี เป็นเงินสด หรือแคชเชียร์เช็คสั่งจ่าย สำนักงานบังคับคดีแพ่งกรุงเทพมหานคร เป็นผู้รับเงิน หรือหนังสือค้ำประกันของธนาคารโดยไม่มีเงื่อนไข หรือใช้วิธีทำรายการผ่านระบบ EDC (Electronic Data Capture) เป็นเงินจำนวน 2500000 บาท สำหรับผู้ที่ประมูลทรัพย์ได้จะต้องชำระค่าบริการที่เกี่ยวกับอากาศยาน ต่อบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) โดยมียอดค่าใช้จ่าย ณ วันที่ 6 ก.ย.2560 เป็นเงินจำนวน 4266666 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) และคิดเป็นรายวันๆ ละ 10700 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) ส่วนผู้ที่เข้าสู้ราคาที่ประมูลซื้อทรัพย์ไม่ได้ สามารถขอรับเงินสดหรือแคชเชียร์เช็คที่วางเป็นหลักประกันไว้รับคืนได้ทันทีสำหรับกำหนดการขายทอดตลาดอากาศยาน 6 นัด โดยนัดที่ 2 ในวันที่ 27 ก.ย.2560 นัดที่ 3 วันที่ 18 ต.ค.2560 นัดที่ 4 วันที่ 8 พ.ย.2560 นัดที่ 5 วันที่ 29 พ.ย.2560 และนัดที่ 6 วันที่ 20 ธ.ค.2560 เวลา 10.00 น ที่หลุมจอดที่ 104 ท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพฯ ซึ่งผลการขายทอดตลาดอากาศยานในวันนี้ มีผู้สนใจเข้าชมและมีผู้แทนฝ่ายโจทก์มาดูแลการขาย แต่ยังไม่มีผู้สนใจในการวางหลักประกันเข้าสู้ราคา ซึ่งจะมีการขายในนัดที่ 2 ด้วยราคาเริ่มต้นที่ร้อยละ 90 จากราคาประเมินของเจ้าพนักงานบังคับคดี นัดที่ 3 ด้วยราคาเริ่มต้นที่ร้อยละ 80 นัดที่ 4 ด้วยราคาเริ่มต้นที่ร้อยละ 70 และจะมีราคาคงที่ที่ร้อยละ 70 ในนัดถัดไปจนถึงนัดที่ 6 | กรมบังคับคดี เปิดประมูลทรัพย์สินจากการขายทอดตลาด เครื่องบินแอร์บัส AIRBUS A310 - 222 ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง นัดแรกวันนี้ (6 ก.ย.) ยังไม่มีผู้เข้ามาประมูล ราคาประเมินเริ่มต้น 30 ล้านบาท | สังคม | ข่าวไทยพีบีเอส,ไทยพีบีเอส,ThaiPBSnews,ThaiPBS,แอร์บัส,ขายทอดตลาด,แอร์บัสA310,A310,ขายเครื่องบิน,กรมบังคับคดี | https://news.thaipbs.or.th/content/265854 |
22 บริษัทโรดโชว์สิงคโปร์-สหรัฐฯ | นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ปีนี้ตลาดหุ้นไทยได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบันต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น ซึ่ง 6 เดือนแรกของปีนี้ นักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 19.5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และมีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยวันละ 11,758 ล้านบาท เทียบกับมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยของทั้งตลาด ที่วันละ 46,669 ล้านบาท คิดเป็น 25.2% หรือเพิ่มจาก 22.2% ของปีที่ผ่านมา มูลค่าซื้อขายสะสมของนักลงทุนต่างประเทศ ครึ่งปีแรกเป็นการซื้อรวม 35,978 ล้านบาท และเมื่อครึ่งปีแรกตลาดหุ้นไทยก็สามารถให้ผลตอบแทนสูงที่สุดในเอเชีย,ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงจะจัดเดินสายจัดโรดโชว์ในต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนที่มีศักยภาพ มีโอกาสนำเสนอข้อมูลและพบนักลงทุนต่างประเทศ โดยการไปโรดโชว์ฮ่องกงและญี่ปุ่นเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดีมาก เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และความแข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ที่มีผลประกอบการในระดับที่ดี,สำหรับแผนโรดโชว์เดือน ก.ค.นี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯได้ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส จำกัด (ประเทศไทย) จัดงาน Thailand Corporate Access Day พบผู้ลงทุนสถาบันที่ประเทศสิงคโปร์ วันที่ 12 ก.ค.นี้ เพื่อนำเสนอข้อมูลภาพรวมเศรษฐกิจประเทศไทย และศักยภาพการเติบโต ในการดำเนินธุรกิจของ 11 บจ.ขนาดกลาง รวมถึงกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด รวมกัน 570,000 ล้านบาท และวันที่ 18-21 ก.ค.ได้ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง จำกัด (ประเทศไทย) จัดงาน SET US Roadshow: Thailand Conference 2016 พบผู้ลงทุนสถาบันที่สหรัฐฯ เพื่อนำ บจ.ไทย 11 บริษัท ที่มีศักยภาพและแนวโน้มการเติบโต ไปโรดโชว์. | ปีนี้ตลาดหุ้นไทยได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบันต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น ซึ่ง 6เดือนแรกของปีนี้ นักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 19.5%เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และมีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยวันละ 11,758ล้านบาท | null | ข่าวเศรษฐกิจ,เกศรา มัญชุศรี,ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย,ตลาดหุ้นไทย,นักลงทุน,มูลค่าซื้อขาย,เดินสายจัดโรดโชว์,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ,ไทยรัฐ | https://www.thairath.co.th/content/661297 |
ลุ้นขาดใจ คุณยายเชียร์ เจ้าดุ่ย คว้าเหรียญทองแดงโอลิมปิก จนช็อกดับ | คุณยายสุบิน ดีใจจนช็อกเสียชีวิต หลังหลานชายแท้ๆ เจ้าดุ่ย สินธุ์เพชร์ กรวยทอง นักยกน้ำหนักไทย คว้าเหรียญทองแดงโอลิมปิกสำเร็จ ท่ามกลางความเศร้าสลดของคนในครอบครัวและชาวบ้านคุ้มโนนระเวียงสามัคคี ต.ไพรขลา อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ ,เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 8 ส.ค.2559 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศหลังเสร็จสิ้นการแข่งขันยกน้ำหนักทีมชาติไทย รุ่น 56 กก. ซึ่งมี เจ้าดุ่ย สินธุ์เพชร์ กรวยทอง ลงชิงชัย ท่ามกลางความตื่นเต้นลุ้นระทึกของคนไทยทั้งประเทศ ณ นครริโอ เด จาเนโร ประเทศบราซิล เวลา 05.00 น.(เช้าวันจันทร์) ขณะเดียวกัน บรรยากาศที่บ้านเลขที่ 291 บ้านคุ้มโนนระเวียงสามัคคี ต.ไพรขลา อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ เพื่อนบ้านในหมู่บ้านเกือบ 100 คน ต่างมาเฝ้าลุ้นและส่งกำลังใจเชียร์กันอย่างคึกคักตลอดการแข่งขันร่วมกับครอบครัว โดยมีการนำกล้วย 2 เครือมาแขวนใต้ถุนบ้านใกล้กับที่นั่งเชียร์ เพื่อเป็นเคล็ด เชื่อว่าจะทำให้การยกน้ำหนักเป็นเรื่องกล้วยๆ และได้รับชัยชนะ และผู้ที่มาเชียร์ยังพากันเด็ดกินกล้วยกันอย่างเอร็ดอร่อยอีกด้วย ,ทันทีที่นักกีฬาทีมชาติไทย รวมถึง สินธุ์เพชร์ กรวยทอง ทำการแข่งขันเพื่อลุ้นเหรียญ บรรดาญาติและผู้ที่มาร่วมเชียร์ได้ส่งเสียงเชียร์กันอย่างคึกคัก ในขณะที่นางจันทร์ กรวยทอง แม่ของสินธุ์เพชร์ ได้ทำการเซ่นไหว้บอกกล่าวศาลพระภูมิหน้าบ้าน เพื่อให้ช่วยสินธุ์เพชร์ประสบผลสำเร็จได้รับเหรียญ และเมื่อรู้ผลทุกคนต่างดีใจกันสุดขีด ส่งเสียงเชียร์สนั่น โดยเฉพาะนางจันทร์ ผู้เป็นแม่ แทบเป็นลม ทุกคนต่างช่วยกันประคองและให้กำลังใจจนอาการดีขึ้น,แต่ในช่วงของการแข่งขันในท่าแรกท่าสเน็ก ทุกคนต่างลุ้นและเชียร์อยู่นั้น อยู่ๆ คุณยายสุบิน คงทัพ อายุ 82 ปี คุณยายของสินธุ์เพชร์ หรือ เจ้าดุ่ย ซึ่งเป็นคุณยายที่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กเกิดเป็นลมหมดสติไป ญาติๆ และชาวบ้านที่มาร่วมเชียร์ต่างตกใจและช่วยกันปั๊มหายใจ จนคุณยายฟื้นขึ้นมา ญาติรีบหามนำส่งโรงพยาบาลอำเภอชุมพลบุรี แต่ต่อมาประมาณ 1 ชั่วโมง ญาติมาแจ้งว่าคุณยายเสียชีวิตแล้ว ทำให้บรรยากาศของการเชียร์หยุดชะงักไปพักหนึ่ง ด้วยความเศร้าเสียใจ เมื่อทุกคนตั้งสติได้ ก็ได้ร่วมใจกันเชียร์สินธุ์เพชร์ หรือเจ้าดุ่ย กันอย่างคึกคักจนถึงท่าสุดท้ายของการแข่งขันและได้รับเหรียญทองแดง ต่างแสดงความดีใจกับแม่และพ่อ รวมถึงญาติๆ ของเจ้าดุ่ย,นางจันทร์ กรวยทอง แม่ของสินธุ์เพชร์ หรือเจ้าดุ่ย เปิดเผยว่า รู้ยินดีที่ลูกได้รับเหรียญในครั้งนี้ และขอขอบคุณคนไทยทุกคนที่เป็นกำลังให้กับเจ้าดุ่ย และสนับสนุนจนประสบผลสำเร็จ สิ่งที่อยากได้จากส่วนราชการคือถนนเข้าหมู่บ้านที่ยังไม่สะดวก ที่ผ่านมาไม่ได้บนบานอะไรมากมาย เพียงแต่จะเซ่นไหว้ไก่และหมูถวายศาลปู่ตา และเจ้าที่เจ้าทางเจ้าบ้านเจ้าเรือนเท่านั้น และเมื่อเจ้าดุ่ยกลับมาจะไปรับที่สนามบินสุวรรณภูมิ และเมื่อกลับมาบ้านจะทำอาหารที่ลูกชอบทุกอย่างให้กิน โดยเฉพาะน้ำพริกปลาทูที่เจ้าดุ่ยชอบเป็นพิเศษ,อย่างไรก็ตาม หลังจากจบการแข่งขัน บรรยากาศที่บ้านก็ยังคงมีผู้คนมาแสดงความยินดี ขณะที่ทางบ้านได้จัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่มไว้เตรียมต้อนรับ แม้ว่ายายจะเสียชีวิตลงก็ตาม ญาติๆ มีทั้งดีใจและเสียใจ โดยศพของคุณยายจะตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านโพนม่วง ตำบลไพรขลา อำเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์ต่อไป. | คุณยายสุบิน ดีใจจนช็อกเสียชีวิต หลังหลานชายแท้ๆ เจ้าดุ่ย สินธุ์เพชร์ กรวยทอง นักยกน้ำหนักไทย คว้าเหรียญทองแดงโอลิมปิกสำเร็จ ท่ามกลางความเศร้าสลดของครอบครัวและชาวบ้านคุ้มโนนระเวียงสามัคคี ต.ไพรขลา อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ | null | โอลิมปิกเกมส์ 2016,เจ้าดุ่ย,โอลิมปิก,สินธุ์เพชร์ กรวยทอง,นักยกน้ำหนักไทย,เหรียญทองแดงโอลิมปิก,คุณยายช็อกดับ,ช็อกหมดสติ,คุณยายสุบิน คงทัพ,สุบิน คงทัพ,เชียร์จนช็อก,คว้าเหรียญทองแดง,สุรินทร์,ข่าว,ไทยรัฐ,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวทั่วไทย | https://www.thairath.co.th/content/684447 |
ประชาธิปัตย์เล็งฟ้องหมิ่นประมาท โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม | วันนี้ (19 ต.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ รมต.ประจำสำนักนายกฯเงา ที่ตั้งโดยพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหลังการประชุม ครม.เงาของพรรคว่า ที่ประชุมครม.เงา มีมติให้คณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะที่พรรคเป็นนิติบุคคลให้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษ นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความส่วนตัวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ทำให้พรรคเสื่อมเสียโดยการกล่าวหาว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคทหาร นายเทพไทกล่าวว่า ทั้งที่ข้อเท็จจริงพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคการเมืองของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็น ประมุข โดยมอบอำนาจให้นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรค ให้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบในเวลา 10.00 น.ของวันที่ 20 ต.ค. นี้ ในข้อหาหมิ่นประมาทตามมาตรา 326 ประกอบ มาตรา 328 ของประมวลกฎหมายอาญา เพื่อให้เจ้าพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อนายโรเบิร์ต และพรรคจะใช้ช่องทางยื่นฟ้องในนามพรรคต่อศาลในภายหลังอีกด้านหนึ่งด้วย ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์ | \เทพไท เสนพงศ์\ เผยพรรคประชาธิปัตย์เล็งฟ้อง \โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม\ ฐานหาว่าพรรคเป็น \พรรคทหาร\ ถือเป็นการทำให้พรรคเสื่อมเีสีย โดยฝ่ายกฎหมายพรรคจะเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษวันที่ 20 ต.ค.นี้ที่กองปราบ | การเมือง | คดีหมิ่นประมาท,พรรคประชาธิปัตย์,เทพไท เสนพงศ์,โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม | https://prachatai.com/journal/2011/10/37493 |
จับ 3 คนหมิ่นเบื้องสูง ลวงชาวอีสาน อ้างโครงการพระราชดำริช่วยเหลือ | เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 59 ร.ต.อนุกูล นนทะดี ผบ.ชป.มวลชน พร้อมด้วยกำลังพล ชปพท.ร.23 พัน.4, สห.มทบ.26 สนธิกำลังร่วมกับ นายเพชร สุพพัตกุล นายอำเภอนางรอง และตำรวจ สภ.นางรอง รวม 30 นาย สนับสนุนภารกิจให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) นำโดย พ.ต.ท.บรรจบ อยู่ยืนยง ในการตรวจค้นและจับกุมแกนนำกลุ่มโครงการธนาคารหมู่บ้านไบโอดีเซลและสหกรณ์พลังงานเพื่อไทย ตามแนวทางพระราชดำริ ตามหมายค้นศาลจังหวัดนางรอง และหมายจับศาลทหารกรุงเทพ ข้อหาหมิ่นเบื้องสูง ม.112 จำนวน 3 เป้าหมายในพื้นที่ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์,เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นและจับกุม นายสุรัตน์ สิงห์วงศ์ อายุ 60 ปี บ้านเลขที่ 29 ม.10 ต.สะเดา อ.นางรอง หนึ่งในแกนนำโครงการฯ และพวกอีก 2 คน คือ นายอุทร ลัทธิกุล อายุ 61 ปี บ้านเลขที่ 71 ม.3 ต.หนองกง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ และ นายธิราช ผาดี อายุ 53 ปี บ้านเลขที่ 4 ม.10 ต.ท่ากูบ อ.ซับใหญ่ จ.ชัยภูมิ แต่จับกุมได้ที่บ้านพักใน อ.นางรอง ซึ่งทั้ง 3 คน เป็นเครือข่าย นางนารา น้อยโสภา ประธานโครงการ โดยชักชวนชาวบ้านให้สมัครเข้าเป็นสมาชิกโครงการ เป็นค่าเอกสารดำเนินการ และจะได้รับความช่วยเหลือจากโครงการพระราชดำริ,ผลการตรวจค้น พบเอกสารการรับสมัครสมาชิก สมุดบัญชีรายชื่อคณะกรรมการในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ และจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คอมพิวเตอร์ เครื่องถ่ายเอกสาร รวมทั้งบัญชีการรับเงิน-จ่ายเงินสมาชิกจำนวนหนึ่ง จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาและของกลางมาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ณ ที่ว่าการอำเภอนางรอง ก่อนส่งตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ต่อไป. | ทหาร ตร. ฝ่ายปกครองบุรีรัมย์ ร่วมดีเอสไอ จับกุมแกนนำพร้อมพวกรวม 3 คน ลวงชาวอีสาน สมัครสมาชิกโครงการ อวดอ้างจะได้รับความช่วยเหลือจากโครงการพระราชดำริ เจอข้อหาหมิ่นเบื้องสูง | null | หมิ่นเบื้องสูง,ม.112,ลวงคนเข้าโครงการ,อ้างโครงการพระราชดำริ,บุรีรัมย์,อ้างเบื้องสูง | https://www.thairath.co.th/content/737296 |
อภิสิทธิ์ เชื่อปชช.ไม่ยอมรับแผนนิรโทษกรรม ทักษิณ | ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ แกนนำของพรรคชาติไทยพัฒนา นำโดย พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ขึ้นรถแห่หาเสียงกับช่วกรุงเทพมหานคร บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ตลาดนัดจตุจักร และ สวนวชิรเบญจทัศน์หรือสวนรถไฟ พร้อมปั่นจักรยานสามล้อขนาด 7 เบาะสั่งทำเป็นพิเศษโดยใช้ชื่อว่าจักรยานปรองดอง โดย พล.ต.สนั่น กล่าว่า พร้อมเป็นพรรคที่ 3 จัดตั้งรัฐบาลหากพรรคที่ได้เสียงอันดับ1 และ 2 จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ แต่ยังมองว่าความปรองดองจะเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริงหากสองพรรคใหญ่ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการนำพรรคที่ 3 มาเป็นนายกรัฐมนตรีว่าคงไม่จำเป็น เนื่องจากพรรคไหนมีคะแนนมากที่สุดสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ และใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาพร้อมขอบคุณผลสำรวจว่า มีคุณสมบัติภาวะผู้นำเพิ่มขึ้นพร้อมจะนำข้อมูลไปปรับปรุงตัวเองขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางไปช่วยผู้สมัครหาเสียงที่จังหวัดสุโขทัย และพิษณุโลก พร้อมชูนโยบายโครงการการประกันรายได้เกษตรกรนายอภิสิทธิ์ ยังได้ปฏิเสธความเกี่ยวข้องระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อหลากสีซึ่งได้ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กรณีการถือหุ้นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ กล่าวถึงแผนบันได 4 ขั้นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในเรื่องนิรโทษกรรม โดยไม่เชื่อว่าประชาชนจะยอมให้ พ.ต.ท.ทักษิณใช้เป็นบันไดในการนิรโทษกรรมส่วนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั่วประเทศที่ลงทะเบียนใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตนั้น นายประพันธ์ นัยโกวิท เปิดเผยว่า มีจำนวนผู้ไปลงทะเบียนแล้วประมาณ 2800000 คน พร้อมกันนี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ได้เลือกนายธงไชย แมคอินไตย์ เป็นตัวแทนประชาสัมพันธ์การเลือกตั้ง ส.ส. ที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 กรกฎาคม โดยจะนำทีมศิลปินร่วมประชาสัมพันธ์ผ่านสปอตโทรทัศน์ความยาว 30 วินาที เพื่อเชิญชวนคนไทยออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งและให้ความรู้การเลือกตั้ง | หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เชื่อว่า ประชาชนจะไม่ยอมรับแผนนิรโทษกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขณะที่ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา มองว่า ความปรองดองจะเกิดขึ้นได้หากพรรคเพื่อไทย และ พรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน | การเมือง | Election54,ทักษิณ ชินวัตร,นิรโษกรรม,สนั่น ขจรประศาสน์,อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ | https://news.thaipbs.or.th/content/14296 |
รับมือสังคมผู้สูงอายุ บิ๊กฉัตร สั่งทบทวนแผนผู้สูงอายุฯ ฉบับ 2 | บิ๊กฉัตร ชู โรงเรียนผู้สูงอายุ กลไกยกระดับคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุเป็นพลังของสังคม มีคุณค่า ไม่ถูกลืม ตั้งเป้าผุดโรงเรียนผู้สูงอายุ 2,600 แห่งทั่วประเทศภายใน 3 ปี สั่งทบทวนแผนผู้สูงอายุแห่งชาติ ฉบับที่ 2 ให้ทันสมัยรับสังคมผู้สูงอายุ สสส.ลุยต่อยอดพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุทั้งในชุมชนท้องถิ่นและชุมชนเขตเมืองกว่า 300 แห่ง,เมื่อวันที่ 18 ม.ค.61 ที่ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ร่วมกับมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย(มส.ผส.) จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ : โรงเรียนผู้สูงอายุและกิจกรรมเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุ โดย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) เป็นประธานในการเปิดกิจกรรม และกล่าวปาฐกถา นโยบายพัฒนาศักยภาพผู้สูงวัย เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ โดยมีแกนนำผู้สูงอายุ ผู้รับผิดชอบโรงเรียนผู้สูงอายุ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นักวิชาการ ภาคีเครือข่ายด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ และพื้นที่ที่ดำเนินงานด้านผู้สูงอายุและโรงเรียนผู้สูงอายุ 55 ชุมชน กว่า 200 คน,พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายและมาตรการ เพื่อรองรับสถานการณ์สังคมสูงวัยที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ สำหรับ โรงเรียนผู้สูงอายุ ที่มีการดำเนินการในพื้นที่ทั่วประเทศกว่า 1,100 แห่ง เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาศักยภาพแกนนำผู้สูงอายุ และชมรมผู้สูงอายุให้สามารถดำเนินกิจกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผู้สูงอายุได้มีพื้นที่ทำกิจกรรม เกิดการพึ่งพาตนเอง สามารถพัฒนาศักยภาพและเรียนรู้สิ่งต่างๆ เพื่อใช้ในการดำเนินชีวิตที่มีคุณภาพได้ ที่สำคัญคือช่วยลดภาวะการกลายเป็นผู้สูงอายุที่ติดบ้าน ติดเตียง รวมถึงลดภาระการดูแลผู้สูงอายุของครอบครัวด้วย ซึ่งรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนการดำเนินงานจัดตั้งโรงเรียนผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นความร่วมแรงร่วมใจจากภาคส่วนต่างๆ ในสังคม ทั้งในส่วนของกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.), องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, สสส. และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันให้เกิด โรงเรียนผู้สูงอาย ในพื้นที่ต่างๆ 2,600 แห่งทั่วประเทศ ในระยะเวลา 3 ปี,นอกจากนั้นได้สั่งการให้มีการทบทวนแผนผู้สูงอายุแห่งชาติ ฉบับที่ 2 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันของผู้สูงอายุ และสอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งจะเป็นการปรับแผนเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้สูงอายุ โดยเร็วๆ นี้ ตนจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ พม.ร่วมหารือและกำหนดเป้าหมายในการยกระดับคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุร่วมกัน,ด้าน ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ กล่าวว่า ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สถานการณ์สังคมผู้สูงอายุมาตั้งแต่ปี 2548 และมีอัตราการเพิ่มของประชากรผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว ข้อมูลสถานการณ์ผู้สูงอายุในปี 2559 มีจำนวนผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 10.9 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 16 ของประชากรทั้งหมด ซึ่งคาดว่าประเทศไทยจะเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Complete Aged Society) ในปี 2564 หรือ อีก 3 ปีข้างหน้า จากรายงานการสำรวจสุขภาพประชากรไทยโดยการตรวจร่างกายครั้งที่ 5 พ.ศ. 2557 พบว่ากว่าร้อยละ 87.4 ในช่วงอายุ 60-69 ปี ที่ดูแลตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้อื่น ถือเป็นกำลังสำคัญของสังคม สามารถพัฒนาศักยภาพและเรียนรู้สิ่งต่างๆ เพื่อใช้ในการดำเนินชีวิตที่มีคุณภาพได้ สสส. จึงสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมในโรงเรียนผู้สูงอายุ ภายใต้แนวคิดการพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุ เปลี่ยนภาระให้เป็นพลัง ลดการพึ่งพิง เสริมการทำงานของภาครัฐ ภายใต้หลักสูตรการเรียนรู้สำหรับโรงเรียนผู้สูงอายุในประเด็นที่จำเป็นต้องรู้ เช่น การดูแลสุขภาพร่างกาย สิทธิประโยชน์ต่างๆ ของผู้สูงอายุ ประเด็นที่ควรรู้ เช่น การใช้เทคโนโลยี และประเด็นที่อยากรู้ เช่น กิจกรรมนันทนาการต่างๆ ดนตรี เป็นต้น ทำให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดี เป็นพลังของสังคม และเกิดการเรียนรู้ตลอดช่วงชีวิตอย่างแท้จริง,การจัดกิจกรรมครั้งนี้ เป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์การดำเนินงานโรงเรียนผู้สูงอายุที่เป็นตัวอย่างที่ดีกับพื้นที่ต่างๆ ที่มีการดำเนินงาน รวมถึงนำเสนอรูปแบบกิจกรรมที่จะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนของโรงเรียนผู้สูงอายุได้ เช่น กิจกรรมทางกาย โภชนาการสำหรับผู้สูงอายุ กิจกรรมดนตรี และนันทนาการ ต่างๆ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการทำงานร่วมกับภาคนโยบาย และการทำงานเชิงพื้นที่ร่วมกับชุมชนท้องถิ่น และชุมชนเมืองในกรุงเทพมหานคร ซึ่งในปัจจุบันมีพื้นที่ต้นแบบเพื่อการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยการใช้ชุมชนเป็นฐาน กว่า 300 แห่ง ดร.สุปรีดา กล่าว,พญ.ลัดดา ดำริการเลิศ เลขาธิการมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (มส.ผส.) กล่าวว่า การศึกษาวิจัย เรื่อง การถอดบทเรียนตัวอย่างที่ดีของโรงเรียนและชมรมผู้สูงอายุที่มีกิจกรรมถ่ายทอดความรู้ โดย ศาสตราจารย์ศศิพัฒน์ ยอดเพชร และคณะ มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาผู้สูงอายุให้เป็น ผู้สูงอายุที่มีศักยภาพหรือมีภาวะพฤฒิพลัง (Active Aging) เพื่อเสริมสร้างการเตรียมความพร้อมสำหรับสังคมสูงอายุของประเทศ ซึ่งเป็นการพัฒนาคลอบคลุมบริบททั้ง กาย จิต เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ค่านิยม ปัญญา และความสุข อย่างไรก็ตามพบว่าปัจจุบันมีโรงเรียนผู้สูงอายุจำนวนมากทั่วประเทศ ที่มีความหลากหลายทั้งสถานที่ รูปแบบ และวิธีการ ขึ้นอยู่กับบริบทพื้นที่และความต้องการของผู้สูงอายุในแต่และแห่ง โดยเริ่มจากกระบวนการศึกษา ถอดบทเรียน แลกเปลี่ยนเรียนรู้จากโรงเรียนผู้สูงอายุที่มีการดำเนินงานประสบความสำเร็จ และนำมาต่อยอดดำเนินงาน เพื่อพัฒนาเป็นกรอบการดำเนินงานสำหรับโรงเรียนผู้สูงอายุที่เหมาะสมต่อไป | บิ๊กฉัตร ชู โรงเรียนผู้สูงอายุ กลไกยกระดับคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุเป็นพลังของสังคม มีคุณค่า ไม่ถูกลืม ตั้งเป้าผุดโรงเรียนผู้สูงอายุ 2,600 แห่งทั่วประเทศภายใน 3 ปี สั่งทบทวนแผนผู้สูงอายุแห่งชาติ ฉบับที่ 2 ให้ทันสมัยรับสังคมผู | ข่าว,การเมือง | สสส.,ผู้สูงอายุ,แผนพัฒนาผู้สูงอายุ,สังคมผู้สูงอายุ,คนชรา,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/politic/1180767 |
แชร์ไว้เลย รวม 8 เพลงเปิดสนั่น เต้นยับทั่วไทย ฉลองปีใหม่ 2018 | เหนื่อยล้ากันมาทั้งปี ขอฉลองกันสักหน่อย เทศกาลปีใหม่แบบนี้ เราเชื่อว่าทุกบ้านต้องมีการเฉลิมฉลองเกิดขึ้น ให้รางวัลกับตัวเอง บ้างก็แพลนไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน บ้างก็อยู่บ้านทำกับข้าว เปิดเพลงร้องคาราโอเกะ เคาต์ดาวน์กับครอบครัว ,ช่วงเทศกาลแบบนี้มีหรือเราจะพลาด ไทยรัฐออนไลน์ จึงขอรวบรวมเพลงฮิตในช่วงนี้ที่เรารับรองว่าเปิดแล้วมันแน่นอน ให้ได้แชร์ ได้โหลดกันไปร้อง เล่น เต้นกันให้ยับไปเลย,เพลง Panama ศิลปิน Matteo ,บอกเลยว่าเพลงนี้เปิดกันทั่วบ้านทั่วเมืองอย่างแน่นอน เพลงนี้เป็นเพลงจากศิลปิน MATTEO ประเทศโรมาเนีย ซึ่งรู้หรือไม่ว่าเพลงนี้ไม่ได้เพิ่งปล่อยมา แต่มีมาแล้วตั้งแต่ปี 2556 แล้ว แต่จู่ๆ เพลงนี้ก็กลับมาโด่งดังอีกครั้ง เรียกได้ว่าเต้นกันทั้งประเทศ ปีใหม่นี้ก็คงจะไม่พลาดอีกเช่นกัน,เพลง Burn it Down ศิลปิน Ahzee & Faydee,เป็นอีกหนึ่งเพลงที่นิยมเปิดในผับบาร์ หลังจากเกิดกระแสสาวน่ารัก เอ่ยปาก ขอเพลงที่มันมีงูออกมา ซึ่งแท้จริงแล้วคือเพลง Burn It Down ของศิลปิน AHZEE & FAYDEE เขาคนนี้เป็น DJ เพื่อความบันเทิงในสถานที่เที่ยว,เพลง Tak Tun Tuang ศิลปิน Upiak,Tak Tun Tuang หรือ ต๊ะ ตุง ตวง เพลงของศิลปินชาวอินโดนีเซียที่ชื่อว่า Upiak Isil เป็นทั้งนักร้อง และนักแต่งเพลงนี้เอง คนไทยหลายคนทำคลิปร้องคัฟเวอร์ และเต้นกันอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะสายย่อ เด็กแว้นทั้งหลาย จะต้องมีเพลงนี้เก็บไว้อย่างแน่นอน,เพลง Baby Shark Dance,เบบี้ ชาร์ค ดู๊ด ดู ดู่ ดุด ~ จู่ๆ เพลงนี้ก็โด่งดังขึ้นมาในไทย หลายคนนำมาเต้นน่ารักๆ เกรียนๆ ก็มี ซึ่งเพลง Baby Shark Dance หรือเพลงฉลามแดนซ์ เป้นเพลงของเด็ก เพลงนี้มีต้นกำเนิดมาจาก ประเทศเกาหลี เพลงนี้ไม่ได้โด่งดังแค่ไทยแต่ดังไปทั่วอาเซียนเลยทีเดียว โดยเริ่มมาจากเด็กๆ ในเกาหลี จากนั้นบรรดานักร้องไอดอลเกาหลีได้เอามาร้อง-เต้นทั้งในรายการโทรทัศน์ และในคอนเสิร์ต,เพลง คนละชั้นชั้นชั้น Remix ศิลปิน เจ้านาย ,หลังจากเพลง คนละชั้น ของหนุ่มเจ้านาย ลูกชายสุดหล่อของ เจ เจตริน ทะลุ 70 ล้านวิว พ่อเจ จึงขอมอบของขวัญขอบคุณแฟนๆ กับเพลง คนละชั้น ชั้น ชั้น remix version เรียกได้ว่าเอาใจสะใภ้มโนอย่างเต็มที่ ซึ่งเว่อร์ชั่นนี้ก็มีความมันส์ไม่เบา ฟังแล้วเหมาะที่จะเปิดในปีใหม่นี้,เพลง Koisuru Fortune Cookie คุกกี้เสี่ยงทาย ศิลปิน BNK48,เป็นอีกหนึ่งเพลงที่มาแรงในช่วงนี้ เรียกได้ว่าแค่ฟังรอบเดียวก็ติดหูกันยาวๆ กันตั้งแต่ท่อนแรก แอบมองเธออยู่นะจ๊ะแต่เธอไม่รู้บ้างเลย แอบส่งใจให้นิดนิดแต่ดูเธอช่างเฉยเมย เอาล่ะเตรียมใจไว้หน่อยมันจะหัวก้อยต้องเสี่ยงกันYeah Yeah Yeah ทั้งยังมีสาวๆ BNK48 กับท่าเต้นสุดน่ารักอีกด้วย ปีใหม่นี้ลองเอาไปเปิดเต้นกันดูนะจ๊ะ,เพลง ผู้สาวขาเลาะ ศิลปิน ลำไย ไหทองคำ ,เพลงฮิตยาวนานสำหรับ ผู้สาวขาเลาะ ร้องกันทั่วบ้านทั่วเมืองทั้งเด็กเล็ก วัยรุ่น คนเฒ่าคนแก่ แล้วปีใหม่นี้จะไม่มีเพลงนี้ได้อย่างไรจริงมั้ยล่ะ,เพลง มือลั่น ศิลปิน แจ๊ส สปุ๊กนิค ปาปิยอง กุ๊กกุ๊ก [ JSPKK ],เป็นเพลงช้าเพลงเเรก ของวง แจ๊ส สปุ๊กนิค ปาปิยอง กุ๊กกุ๊ก ที่แต่งกันเอง โดยสมาชิกในวง ซึ่งถึงแม้เพลงนี้จะเป็นเพลงช้าแต่เราขอนำมารวบรวมไว้ด้วย เพราะเห็นแล้วว่าเปิดแทบจะทุกร้านผับ บาร์,เป็นยังไงกันบ้างกับเพลงที่เรารวบรวมไว้ให้ อ่อ แต่ขอเตือนนิดนึงนะจ๊ะว่า เมาแค่ไหน สนุกแค่ไหนก็ได้ แต่เมาไม่ขับ ดูแลตัวเองดีๆ อย่าให้มีเรื่องทะเลาะวิวาทกันนะคะ | ช่วงเทศกาลแบบนี้มีหรือเราจะพลาด ไทยรัฐออนไลน์ จึงขอรวบรวมเพลงฮิตในช่วงนี้ที่เรารับรองว่าเปิดแล้วมันแน่นอน ให้ได้แชร์ ได้โหลดกันไปร้อง เล่น เต้นกันให้ยับไปเลย | ไลฟ์สไตล์,ไลฟ์ | ปีใหม่,ปีใหม่2561,ฉลองปีใหม่,เพลงปีใหม่,รวมเพลงฮิตปีใหม่ | https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/1163287 |
สมาพันธ์เกษตรปลอดภัยขอบคุณ 3 กระทรวงฯ ไม่แบนพาราควอต | และคลอร์ไพรีฟอส จนกว่าจะมีสารทดแทนหรือนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพหรือประสิทธิผลที่ดีกว่าและไม่สร้างความเดือดร้อนให้เกษตรกรเมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2562 นายสุกรรณ์ สังข์วรรณะ เลขาธิการสมาพันธ์เกษตรปลอดภัย ผู้แทนคณะเกษตรกร 3 หมื่นราย เปิดเผยว่าเกษตรกร 5.7 ล้านครัวเรือน หรือ 25 ล้านคน มีความยินดีดำเนินการตามมาตรการต่างๆ ที่ภาครัฐกำหนดโดยยึดหลักพื้นฐานความจริงที่เกษตรกรสามารถปฏิบัติได้ เพื่อประโยชน์ต่อภาคเศรษฐกิจ สังคม สุขภาพทุกคน และสิ่งแวดล้อม ในด้านความปลอดภัย ด้วยประสบการณ์ตรงของครอบครัว และคนใกล้ชิดภาคการเกษตร ตลอดระยะเวลา 50 ปี ไม่มีผู้ได้รับผลกระทบจากพาราควอตตามข้อกล่าวอ้างต่าง ๆ ทั้งเนื้อเน่า พาร์กินสัน ขี้เถาในทารก มะเร็ง หรือต่าง ๆ สอดคล้องกับ ผลการประชุมของกลุ่มนักวิชาการและแพทย์จำนวน 15 ราย เกี่ยวกับผลกระทบพาราควอตในด้านเศรษฐกิจ สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมี ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร. นายแพทย์สมชัย บวรกิตติ ราชบัณฑิตแห่งสำนักงานราชบัณฑิตยสภา เป็นประธาน ได้ข้อสรุปชัดเจนแล้วว่า สารกำจัดวัชพืชพาราควอตที่เกษตรกรไทยได้นำมาใช้ เป็นประโยชน์ ถ้านำไปใช้ตรงจุดประสงค์และปฏิบัติถูกต้องตามข้อแนะนำ หากใช้ผิด ก็ไม่ต่างไปจากสารพิษที่แพทย์นำไปใช้บำบัดโรคและรักษาผู้ป่วย พาราควอตก็ยังเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรไทยต่อไปจนกว่าจะมีสารกำจัดวัชพืชที่ดีกว่ามาใช้นอกจากนี้ ยังมีรายงานด้านระบาดวิทยา ประเทศออสเตรเลีย พ.ศ. 2559 พบว่าไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะสรุปว่า การสัมผัสพาราควอตมีส่วนสัมพันธ์กับพาร์กินสัน และสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อม สหรัฐอเมริกา ศึกษาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 2546 2549 และ 2555 พบว่า พาราควอต ไม่เป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ ไม่มีผลต่อระบบสืบพันธุ์หรือตัวอ่อน ไม่ทำให้เกิดการกลายพันธุ์ ไม่มีผลต่อระบบประสาท ไม่เกี่ยวข้องกับการยับยั้งการทำงานของต่อมไร้ท่อ ไม่ยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์โคลีนเอสเตอเรส และไม่มีผลทำให้ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง สอดคล้องกับผลการศึกษาขององค์กรอนามัยโลก และการศึกษาภายในประเทศไทยของโดยแพทย์ในหลายสถาบัน รวมทั้งมีรายงานจากหน่วยงานของออสเตรเลียว่ามีการใช้พาราควอตในอีก 80 ประเทศนางสาวอัญชุลี ลักษณ์อำนวยพร ประธานเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลอง กล่าวเสริมว่า ปัจจุบัน ยังไม่มีสารใดมาทดแทนพาราควอตได้ และสารชีวภัณฑ์บางยี่ห้อที่มีจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไป ไม่มีการขึ้นทะเบียนที่ถูกต้อง และมีการผสมของสารเคมี ไม่ได้เป็นสารธรรมชาติตามที่กล่าวอ้าง โดยมีผลการตรวจสอบล่าสุดเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาจากกรมวิชาการเกษตร จากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และประสบการณ์ตรง ทั้งในเรื่องผลกระทบต่อสุขภาพ สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจและสังคม จึงเป็นเหตุให้คณะกรรมการฯ จึงได้ตัดสินใจ ไม่ให้ยกเลิกการใช้ 3 สารเคมี ในขณะที่ข้อกล่าวอ้างต่าง ๆ นั้น ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนสุดท้ายนี้ อยากให้ผู้ต่อต้านพาราควอต รณรงค์ยกเลิกห้ามจำหน่ายบุหรี่และสุราในประเทศไทย เพราะอันตรายมากกว่าพาราควอต 300 เท่า ซึ่งมีการเสียชีวิตจากบุหรี่ต่อปีมากกว่า 100000 ราย นางสาวอัญชุลี ลักษณ์อำนวยพร กล่าวสรุปอนึ่งมูลนิธิชีววิถี (BIOTHAI) เคยได้ออกมาตั้งข้อสังเกตการเคลื่อนไหวของ สมาพันธ์เกษตรปลอดภัย ว่าเป็นองค์กรที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นหลังจากการมีข้อเสนอให้มีการแบนพาราควอต โดยผู้ก่อตั้งมักปรากฎตัวและทำกิจกรรมร่วมกับ สมาคมอารักขาพืช ซึ่งเป็นสมาคมการค้าที่จัดตั้งขึ้นโดยบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายพาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส รายใหญ่ในประเทศไทย | สมาพันธ์เกษตรปลอดภัย นำรายชื่อเกษตรกร 3 หมื่นราย ขอบคุณ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงสาธารณสุข สำหรับมติคณะกรรมการวัตถุอันตรายเห็นชอบมาตรการจำกัดการใช้วัตถุอันตราย พาราควอต ไกลโฟเซต | สังคม,คุณภาพชีวิต,สิ่งแวดล้อม | สมาพันธ์เกษตรปลอดภัย,พาราควอต,คลอร์ไพริฟอส,ไกลโฟเซต,คณะกรรมการวัตถุอันตราย,สุกรรณ์ สังข์วรรณะ,เครือข่ายอาสาคนรักแม่กลอง,อัญชุลี ลักษณ์อำนวยพร | https://prachatai.com/journal/2019/02/81168 |
ตร.ภูเก็ตบุกค้นบริษัททัวร์จีนหลังพบเบาะแสส่อเป็นนอมินี-เลี่ยงภาษี | เมื่อวันที่ 15 มิ.ย เจ้าหน้าที่ตร.สภ.ภูเก็ต พร้อมด้วยตร.ท่องเที่ยว รวมถึงเจ้าหน้าที่สรรพากรภูเก็ต พาณิชย์ จ.ภูเก็ต และสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้า จ.ภูเก็ต เข้าตรวจสอบเอกสารการประกอบธุรกิจของบริษัท ทรานลี่ทราเวิล จำกัด ซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายต้องสงสัยประกอบธุรกิจในลักษณะเป็นการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง,สำหรับการดำเนินการในครั้งนี้ได้แบ่งกำลังเจ้าหน้าที่ออกเป็น 3 ชุด โดยชุดแรกเข้าตรวจสอบอาคารเลขที่ 29/42 หมู่ 1 ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัท ทรานลี่ ทราเวิล จำกัด ภายในอาคารดังกล่าวยังมีบริษัทเกี่ยวกับธุรกิจนำเที่ยวอื่นๆ อีก 7 บริษัท โดยเจ้าหน้าที่ได้นำหมายศาลจังหวัดภูเก็ตแสดงต่อผู้จัดการบริษัท เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบเอกสารการประกอบธุรกิจของบริษัท โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี,นอกจากนี้ยังได้มีการเข้าตรวจสอบเอกสารของบริษัท ทีแอลเบทเตอร์เวย์ จำกัด ซึ่งให้บริการรถนำเที่ยว ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับบริษัทดังกล่าวด้วย ส่วนอีก 2 จุด เป็นที่ตั้งของท่าเทียบเรือภายในคลองท่าจีน ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต และบริษัทนำเที่ยวภายในโครงการพูนผลไนท์พลาซ่า อ.เมืองภูเก็ต,พ.ต.อ.สมาน ชัยณรงค์ รองบก.ภ.จว.ภูเก็ต กล่าวว่า การเข้าตรวจสอบบริษัทนำเที่ยวดัง สืบเนื่องจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 ก.พ.59 ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตรวจสอบและควบคุมการประกอบกิจการของคนต่างด้าวในประเทศไทยอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะบริษัทนำเที่ยวเกี่ยวกับธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ในเมืองท่องเที่ยวสำคัญ,ทั้งนี้ จ.ภูเก็ต เป็นหนึ่งในพื้นที่เป้าหมาย โดยรมว.ท่องเที่ยวและกีฬาได้ลงพื้นที่มาประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเร่งรัดดำเนินการในเรื่องดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับที่ผ่านมาได้มีการร้องเรียนเกี่ยวกับการธุรกิจนอมินีเป็นจำนวนมาก ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจึงได้มีการตรวจสอบบริษัทที่มีพฤติกรรมต้องสงสัยว่าเข้าข่ายเป็นนอมินี,กรณีการเข้าตรวจค้นบริษัทดังกล่าว เนื่องจากมีการตรวจสอบพบว่า หุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทจำนวน 2 คนเป็นต่างด้าว ใช้บัตรประชาชนคนไทยนำมายื่นจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท เพื่อให้สามารถถือหุ้นได้ 51 % และพบว่าในเครือข่ายนี้มีประมาณ 17-18 บริษัท ทั้งหมดเป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น เรือและรถรับส่งนักท่องเที่ยว โรงแรม เป็นต้น ตั้งมาเป็นเวลาร่วม 10 ปีแล้ว มีนายวีระชัย คำไผ่ประพันธ์กุล กับนายกฤชกร รุ่งมงคลนาม เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่,พ.ต.อ.สมาน กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ได้มีการสืบเสาะเก็บหลักฐานมาก่อนล่วงหน้าแล้ว ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่และเชียงราย ซึ่งบุคคลที่ถูกอ้างชื่อเป็นบิดา-มารดาระบุว่า ชื่อดังกล่าวไม่ใช่บุตรของเขา รวมทั้งได้มีการตรวจสอบไปยังฝ่ายปกครองแล้วเช่นกัน จนทราบว่าทั้งสองคนเป็นต่างด้าว จึงได้ขอออกหมายจับในข้อหาแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานในการนำเอกสารไปยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท โดยพบว่าบัตรประชาชนที่เขานำมาใช้เป็นบัตรปลอม ซึ่งบัตรออกที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย และนายกฤชกร รุ่งมงคลนามนั้น ได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อยู่ระหว่างการสอบสวน ขณะที่อีกคนได้หลบหนีไปแล้ว,ในการตรวจสอบเอกสารของบริษัทต่างๆ นั้น เพื่อตรวจสอบว่ามีการเสียภาษีถูกต้องหรือไม่อย่างไร เพราะเบื้องต้นพบว่าน่าจะมีการหลบเลี่ยงภาษี โดยมีการแจ้งยอดการจ่ายภาษีปีละประมาณ 200,000 บาทเท่านั้น จึงต้องให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทำการตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อหาความเชื่อมโยงว่าจะเกี่ยวข้องกับการเป็นนอมินีหรือไม่อย่างไร ซึ่งต้องรอผลจากการตรวจสอบเอกสารก่อน นอกจากการเข้าตรวจสอบบริษัทดังกล่าวแล้ว ยังจะมีการตรวจสอบบริษัทต้องสงสัยอีกจำนวนร่วม 50 บริษัท พ.ต.อ.สมาน กล่าว | ตำรวจภูเก็ตสนธิกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจค้นบริษัททัวร์จีน หลังพบเบาะแสอาจเป็นนอมินีและเลี่ยงภาษี ขณะที่ผู้จดทะเบียนบริษัทใช้บัตรประชาชนคนไทยปลอมเข้ามอบตัวแล้ว 1 อีก 1 อยู่ระหว่างการติดตามตัว | null | บริษัททัวร์จีน,ค้นบริษัททัวร์จีน,ปลอมแปลงบัตรประชาชน,ยื่นจดทะเบียนบริษัท,หลบเลี่ยงภาษี,แต่งตั่งนอมินี,ผู้ถือหุ้น,ปลอมแปลงเอกสาร,หมายศาล,ตร.ภูเก็ต,ข่าว,ทั่วไทย,ไทยรัฐ,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/content/639644 |
สมคิด ประกาศจุดยืนไทย ศูนย์กลางเชื่อมอาเซียน-จีน | สานฝันหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง,ท่ามกลาง สงครามการค้า ระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาที่ปะทุขึ้นทุกขณะ การแสวงหาความร่วมมือทางการค้าการลงทุนระหว่างประเทศเพื่อให้เกิดการรวมเป็นกลุ่มก้อนที่มีความเหนียวแน่นก็ดูจะยิ่งมีความจำเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อเป็นเครื่องมือในการคัดคานอำนาจกันของทั้ง 2 ฝ่าย,ฝ่ายหนึ่งมีสหรัฐอเมริกา จับมือกับญี่ปุ่น และอินเดีย เดินหน้าความร่วมมืออินโด-แปซิฟิก ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามมีจีนเป็นพี่ใหญ่ชูยุทธศาสตร์ หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง หรือ Belt and Road Initiative (บีอาร์ไอ) ที่ครอบคลุมกว่า 70 ประเทศ แยกเป็นเส้นทางบนบกและทางทะเล,การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ของจีน ใช้ส่วน หัวมังกร หรือที่เรียกว่า Greater Bay Area ประกอบด้วย ฮ่องกง มาเก๊า และกวางตุ้ง เป็นหัวหอกที่จะทะลุทะลวง แผ่อิทธิพลการค้าการลงทุนของจีนไปยังส่วนต่างๆของโลก เพราะมีความทันสมัยและความพร้อมทั้งด้านการเงิน เทคโนโลยี ระบบการบริหารจัดการ ที่สามารถเชื่อมการค้าการลงทุนกับโลกได้,ขณะที่ประเทศไทยมีความจำเป็นที่จะต้องสร้างตัวตนให้อยู่ในสายตาของนักลงทุน เพราะมีโครงการสำคัญอย่างโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่รอคอยเม็ดเงินลงทุนจากทุกมุมโลก เพื่อสานฝันโครงการให้สำเร็จตามเป้าหมาย,หากแต่ว่าถ้าประเทศไทยชูตัวตนขึ้นมาแบบโดดๆคงไม่เป็นที่สนใจ เพราะจำนวนประชากรแค่ 70 ล้านคน เป็นขนาดตลาดที่เล็กมาก จึงได้เกาะขบวนยุทธศาสตร์ หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง โดยวางตำแหน่งตัวเองเป็นตัวเชื่อมสำคัญให้กับ ภูมิภาคอาเซียน พร้อมๆไปกับสร้างความสัมพันธ์อันดีกับ จีนและฮ่องกง,ล่าสุดในการประชุม Belt and Road Summit 2018 ที่ฮ่องกงเมื่อช่วงปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจของไทย ได้รับคำเชิญจาก นางแคร์รี แลม ผู้บริหารสูงสุดเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ให้ขึ้นกล่าวปาฐกถาพิเศษในพิธีเปิดการประชุมร่วมกับคีย์แมนสำคัญจากจีนแผ่นดินใหญ่และฮ่องกง ซึ่งการประชุมครั้งนี้มีนักลงทุนและนักธุรกิจเข้าร่วมฟังกว่า 5,000 คน,คำกล่าวของ ดร.สมคิด บนเวทีครั้งนี้ได้ประกาศชัด เสนอให้ไทยเป็นตัวเชื่อมระหว่าง ACMECS หรือ ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี–เจ้าพระยา–แม่โขง กับ Greater Bay Area เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางให้เชื่อมต่อโดยสมบูรณ์ ซึ่งมีหลายประเด็นที่น่าสนใจ,ทีมเศรษฐกิจ ซึ่งเดินทางเข้าร่วมทำข่าวในการประชุมครั้งนี้ด้วยที่ฮ่องกง จึงได้เรียบเรียงนำมาเสนอ เพื่อให้เห็นทิศทาง และภาพความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคตระหว่าง 2 ภูมิภาคนี้ต่อไป,ยก ฮ่องกง เสือติดปีกทรงพลัง,รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจของไทยได้ใช้โอกาสนี้กล่าวชื่นชมฮ่องกง ว่า ในวันนี้ฮ่องกงไม่ใช่เป็นเพียงประเทศผู้ส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมรายใหญ่ ไม่ใช่เพียงเมืองท่าและศูนย์กลางการเงินที่ยิ่งใหญ่แห่งภูมิภาค แต่ฮ่องกงเป็นหัวใจสำคัญที่มีส่วนผลักดันให้เอเชียเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของโลกและเป็นหัวหอกสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนให้เกิดความร่วมมือทางการค้าการลงทุนเคียงคู่ขนานกับการเชื่อมโยงเส้นทางยุทธศาสตร์ ตามแนวนโยบายหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ไม่เพียงกับประเทศในเอเชียแต่กับพันธมิตรในภูมิภาคอื่นของโลกด้วย,ในความเห็นของผม ฮ่องกงนั้นเป็นเสือเศรษฐกิจแห่งเอเชียที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ แต่ ณ วันนี้ เสือตัวนี้ได้รับการติดปีกให้เป็นเสือทรงพลังที่บินได้และปีกนั้นก็คือบทบาทที่ได้รับการคาดหวังและมอบหมายจาก Belt and Road Initiative ที่ลือลั่นของจีนนั่นเอง,ทั้งนี้บทบาทของฮ่องกงและ Greater Bay Area มีความสำคัญกับยุทธศาสตร์หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ด้วยศักยภาพทั้งการเป็นฐานการผลิตที่ยิ่งใหญ่ ด้วยจำนวนผู้ประกอบการขนาดใหญ่ที่เข้มแข็งและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่มากด้วยความสามารถในหลากหลายอุตสาหกรรม รวมทั้งศักยภาพของบริการทางการเงินระดับโลก,ฮ่องกง มาเก๊า และกวางตุ้งในฐานะหัวหอกของพีพีอาร์ดี (เขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำจูเจียง Pan Pearl River Delta) มีขนาดจีดีพีถึง 1.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ จึงเหมาะสมที่สุดแล้วที่จะต้องเข้ามามีบทบาทที่สำคัญเป็น super connector ทั้งระหว่างรัฐต่อรัฐและเอกชนกับเอกชน ถักทอให้เกิดสายสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ ในทุกเส้นทางที่บีอาร์ไอพาดผ่าน,สร้างรถไฟเชื่อมทุกเส้นทาง,ดร.สมคิด กล่าวถึงยุทธศาสตร์หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางด้วยว่า ขณะนี้โครงการความเชื่อมโยงที่เกี่ยวข้อง กำลังคืบหน้าไปด้วยดี ทั้งเส้นทางรถไฟยุทธศาสตร์เป้าหมายหลายเส้นทางก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว โครงการรถไฟเชื่อมจีนสู่ยุโรปก็กำลังไปได้ดี เส้นทางรถไฟ Transcontinental Rail เชื่อมโยงจีนผ่านมองโกเลียก็กำลังถูกขับเคลื่อนพร้อมๆไปกับโครงการสร้างท่าเรือตามเส้นทางเลียบมหาสมุทรอินเดีย,ในขณะเดียวกัน งานก่อสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมจีนตอนใต้ผ่านลาวและไทยลงใต้สู่อาเซียนล้วนอยู่ในระหว่างก่อสร้างหรือในขั้นตอนที่กำลังวางแผนร่วมกัน เส้นทางสู่ลาวกำลังคืบหน้าไปมากในขณะที่โครงการเฟสแรกของเส้นทางรถไฟไทย-จีนก็กำลังก่อสร้างและจะไปบรรจบกับลาวในไม่ช้า,ในส่วนของประเทศไทยนั้น ความเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง นั้นมิใช่อยู่ที่ความร่วมมือในการสร้างรถไฟความเร็วสูงอย่างเดียว แต่ขณะนี้ ไทยกำลังเร่งสร้างทางรถไฟทางคู่ คู่ขนานกับเส้นทางรถไฟความเร็วสูงจากอีอีซีคู่ขนานไปสู่ลาว และยังจะเชื่อมไปถึงกัมพูชาในทิศตะวันออกและไปยังเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายที่พม่า เพื่อรองรับทั้งการขนส่งประชาชน นักท่องเที่ยวและสินค้าระหว่างกัน,ในอนาคตเราจะเห็นการเชื่อมโยงทั้งการค้าการลงทุนและนักท่องเที่ยวระหว่างจีนกับประเทศในอาเซียนโดยรวม ความเชื่อมโยงนี้ยังครอบคลุมถึงเส้นทางถนนที่กำลังเร่งเชื่อมโยงผ่านลาว สู่จีนตอนใต้ และผ่านพม่าสู่อินเดียและบังกลาเทศ,ชูเศรษฐกิจไทยมีเสถียรภาพ,นอกจากนี้ ดร.สมคิด ได้โชว์ศักยภาพของเศรษฐกิจไทยให้นักลงทุนว่า ประเทศไทยค่อนข้างโชคดีที่ขณะนี้เศรษฐกิจได้กลับฟื้นตัวและเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ ไต่ระดับจากที่เติบโตได้ 0.9% เมื่อ 4 ปีที่แล้ว มาสู่ระดับ 4.8% เมื่อไตรมาสที่ผ่านมา การส่งออกฟื้นตัว เติบโต 9% เมื่อปีที่ผ่านมา และใน 5 เดือนแรกของปีนี้ ส่งออกเติบโตได้ 11.5%,ในขณะที่การท่องเที่ยวเติบโตอย่างน่าประทับใจ ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวปีละ 35 ล้านคน และมีรายได้จากการท่องเที่ยว ครอบคลุม 15-20% ของจีดีพี นอกจากนี้ การลงทุนจากต่างประเทศก็เป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง โดยที่มูลค่าคำขอส่งเสริมการลงทุนในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาเติบโตสูงขึ้นกว่าปีที่แล้วถึง 34%,การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมีผลทำให้ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจฟื้นคืนกลับมา ซึ่งเปิดโอกาสให้รัฐบาลสามารถทุ่มเทให้กับการปฏิรูปประเทศตามแนวนโยบายประเทศไทย 4.0 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน มูลค่านับล้านๆบาท หลังจากที่หยุดชะงักไปนานและการลงทุนเพื่อสร้างอุตสาหกรรมและการบริการแห่งอนาคต ในอาณาบริเวณอีอีซี,ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้ ได้เกิดโครงการร่วมลงทุนกับนักลงทุนต่างประเทศในหลากหลายอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะโครงการลงทุนในอีอีซี ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนเพิ่มสูงขึ้น 49% ในปีที่ผ่านมาโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานก็คืบหน้าไปด้วยดีโดยเฉพาะโครงการรถไฟรางคู่ โครงการรถไฟฟ้าในเมืองหลายเส้นทางที่กำลังก่อสร้าง,ส่วนโครงการลงทุนด้านเทคโนโลยีดิจิทัล โดยเฉพาะในโครงการอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ทุกหมู่บ้านทั่วประเทศที่ใกล้สมบูรณ์ จะเป็นพื้นฐานการเปลี่ยนผ่านและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่ยุคดิจิทัล,Belt and Road ได้แสดงให้เห็นผลอย่างชัดเจนในการสร้างประโยชน์เศรษฐกิจร่วมกัน คณะนักลงทุนไม่ว่าจากแผ่นดินใหญ่ หรือจากฮ่องกง ได้หลั่งไหลตามเส้นทาง Belt and Road เข้ามาติดต่อ ประสาน และลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง เพราะเล็งเห็นโอกาสใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นตามมาในอนาคต ประโยชน์ทางเศรษฐกิจเหล่านี้ย่อมมิได้จำกัดอยู่ที่ประเทศไทยเท่านั้น แต่จะขยายตัวครอบคลุมสู่ทั้งภูมิภาคเพราะความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ,ขณะเดียวกัน หากเส้นทางรถไฟและเส้นทางคมนาคมอื่นๆเสร็จสมบูรณ์ การเชื่อมโยงของทั้งคน และสินค้าจะทวีขึ้นอย่างมหาศาล รวมถึงการเชื่อมโยงทางอินเตอร์เน็ตที่จะนำไปสู่การค้าอี-คอมเมิร์ซ การขยายตัวของโลจิสติกส์ ที่จะตามมา ยังผลให้เกิดการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจอย่างกว้างขวาง อันจะส่งผลให้เกิดการเติบโตและการกระจายรายได้ทางเศรษฐกิจของทั้งภูมิภาคอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน,ไทยอาสาเชื่อม ACMECS,ก่อนจบการกล่าวปาฐกถาพิเศษ ดร.สมคิดได้ทิ้งท้ายประเด็นสำคัญไว้ว่า ประเทศไทยเพิ่งจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมผู้นำ 5 ชาติแห่งลุ่มน้ำอิรวดี เจ้าพระยาและลำน้ำโขง ที่เรียกว่าการประชุม ACMECS ประกอบด้วยกัมพูชา ลาว เมียนมา ไทย และเวียดนาม และเป็นครั้งแรกที่มีการประกาศแผนแม่บทของภูมิภาคหรือ Master Plan ในการพัฒนาร่วมกัน,ในแผนแม่บทของ ACMECS นี้ ได้กำหนดเป้าหมายในการขับเคลื่อนใน 3 เสาหลัก เสาหลักที่หนึ่งได้แก่ 1.การเชื่อมโยงแบบไร้รอยต่อ (Seamless Connectivity) ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐานและในด้านดิจิทัลเทคโนโลยี,2.การสอดประสานด้านเศรษฐกิจ (Synchronized Economies) เป็นการร่วมวางยุทธศาสตร์ร่วมกันของ 5 ประเทศสมาชิก ทั้งในเชิงการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และ 3.การพัฒนาอย่างยั่งยืนและมีนวัตกรรม (Smart and Sustainable) โดยการสร้างทรัพยากรมนุษย์และสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน,ในด้านศักยภาพของ ACMECS นั้นไม่ใช่เพียงเพราะมีขนาดประชากรกว่า 230 ล้านคน และจำนวนแรงงานมากกว่า 130 ล้านคนเป็นทั้งตลาดและห่วงโซ่อุปาทานที่สำคัญยิ่งในเอเชีย แต่ในห้วงเวลาที่ยุทธศาสตร์หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางกำลังเชื่อมโยงจีนลงใต้สู่อาเซียน,และในห้วงเวลาที่แนวคิดความร่วมมืออินโด-แปซิฟิกกำลังได้รับการผลักดัน อาเซียนโดยเฉพาะอาเซียนตอนบน หรือ ACMECS ได้กลายเป็นดินแดนที่อยู่ใจกลางที่ถือว่าเป็นจุดตัดหรือ Crossroad ที่สำคัญยิ่งทั้งทางเศรษฐกิจและความมั่นคงในภูมิภาค,ทั้งนี้ Greater Bay Area เป็นภูมิภาคที่อยู่ติดกับ ACMECS โดยตรง หากมีความร่วมมือที่ใกล้ชิดระหว่างกันในระหว่าง 2 อนุภูมิภาค นั่นย่อมหมายถึงพลังร่วมที่ยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้นต่อ 2 อนุภูมิภาคอย่างแน่นอน,********************,การเดินเกมเสนอความสำคัญของประเทศไทยในฐานะข้อต่อที่สำคัญในครั้งนี้ มีข้อเสนอผ่านผู้บริหารสูงสุดเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ไปด้วยว่า ถ้ามีการเชื่อมโยงยุทธศาสตร์การพัฒนาระหว่าง Greater Bay Area โดยเริ่มจากฮ่องกง มาเก๊า และกวางตุ้งในฐานะส่วนหัวของพีพีอาร์ดี ทางไทยจะอาสาเป็นผู้ประสานผ่าน ACMECS,ยุทธศาสตร์เช่นนี้จะทำให้จีนตอนใต้และอาเซียนตอนเหนือสามารถเชื่อมโยงประสานพลังกันได้ สมดังเจตนารมณ์ของยุทธศาสตร์หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง และเป็นจุดเริ่มต้นที่จีนจะเชื่อมโยงไปถึงอาเซียนโดยรวมได้ด้วย.,ทีมเศรษฐกิจ | ท่ามกลาง สงครามการค้า ระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาที่ปะทุขึ้นทุกขณะ การแสวงหาความร่วมมือทางการค้าการลงทุนระหว่างประเทศเพื่อให้เกิดการรวมเป็นกลุ่มก้อนที่มีความเหนียวแน่นก็ดูจะยิ่งมีความจำเป็น | ข่าว,เศรษฐกิจ | สงครามการค้า,สมคิด จาตุศรีพิทักษ์,ประกาศจุดยืน,สกู๊ปเศรษฐกิจ,ทีมเศรษฐกิจ | https://www.thairath.co.th/news/business/1329967 |
สนามบินหาดใหญ่คุมเข้ม เฝ้าระวัง ไวรัสเมอร์ส | เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ท่าอากาศยานหาดใหญ่ วางมาตรการในการเฝ้าระวังโรคติดเชื้อไวรัสเมอร์ส หรือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2012 (Middle East Respiratory Syndrome Coronavirus MERS-Cov) ซึ่งพบการแพร่ระบาดในประเทศเกาหลีใต้ ทำให้มีผู้เสียชีวิต,สำหรับในส่วนของท่าอากาศยานหาดใหญ่ ได้ประสานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ได้วางมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังในเรื่องดังกล่าว ทำการตรวจสอบนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ที่เดินทางผ่านเข้ามาในท่าอากาศยานหาดใหญ่ ซึ่งตั้งแต่เดือน มกราคม-พฤษภาคม พบว่ามีจำนวนผู้โดยสารขาเข้าเพียง 67 คน และขาออก จำนวน 212 คน รวม 279 คน,สำหรับผู้โดยสารกลุ่มเสี่ยงของท่าอากาศยานหาดใหญ่ จะอยู่ในกลุ่มผู้เดินทางกลับจากประกอบพิธีฮัจญ์ ดังนั้นทางด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ได้ร่วมกับด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานหาดใหญ่ ได้เฝ้าระวังผู้เดินทางกลับจากการประกอบพิธีฮัจญ์ ณ นครมักกะห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ทำการตรวจวัดอุณภูมิร่างกาย ทุกรายรวมทั้งบริการเจลล้างมือทำความสะอาดตั้งไว้ตามจุดต่างๆ และจัดวางแผ่นพับเกี่ยวกับโรคติดต่อเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ และให้คำแนะนำผู้เดินทางกลับจากพิธีฮัจญ์ทุกราย เบื้องต้นจากข้อมูลของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่ปี 2555 ถึงปัจจุบัน ยังไม่พบผู้ป่วยโรคติดต่อเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2012 ในประเทศไทย,นายขันติ ศรีดามา รอง ผอ.ท่าอากาศยานหาดใหญ่ กล่าวว่า ในส่วนของท่าอากาศยานหาดใหญ่ ได้บูรณาการร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ วางมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยจัดพื้นที่สำหรับตรวจสอบผู้โดยสารที่มาจากพื้นที่เสี่ยง สำหรับในส่วนของผู้โดยสารผ่านทางท่าอากาศยานหาดใหญ่ และเดินทางออกนอกประเทศส่วนใหญ่จะผ่านการตรวจเข้มจากต้นทางสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ แล้ว ส่วนทางท่าอากาศยานหาดใหญ่ เพียงเฝ้าระวังเท่านั้น,ด้าน พ.ต.ท.สุริยะ เสริมวิทยวงศ์ สว.ด่าน ตม.ทอ.หาดใหญ่ เปิดเผยว่า ในส่วนของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ได้บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อ และทางท่าอากาศยาน เฝ้าระวังตรวจคัดกรองบุคคลที่เดินทางเข้ามาในประเทศ โดยให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะบุคคลเป้าหมายมาจากพื้นที่เสี่ยงเช่นเกาหลีใต้ และผู้ที่กลับจากไปประกอบพิธีฮัจญ์ ณ นครมักกะห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ทำการตรวจวัดอุณภูมิทุกราย หากตรวจพบก็จะบันทึกประวัติการเดินทางและติดตามในเรื่องสุขภาพต่างๆ ที่เกี่ยวกับการควบคุมโรคต่อไป | สนามบินหาดใหญ่ร่วมกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ดำเนินมาตรการคุมเข้มเฝ้าระวังโรคไวรัสเมอร์ส จัดพื้นที่สำหรับตรวจสอบผู้โดยสารที่เดินกลับจากประกอบพิธีฮัจญ์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย และพื้นที่เสี่ยง | ข่าว,ทั่วไทย | ไวรัสเมอร์ส,โรคไวรัสเมอร์ส,สนามบินหาดใหญ่,หาดใหญ่,ท่าอากาศยาน,ไวรัสสายพันธุ์ใหม่,สงขลา,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ประกอบพิธีฮัจญ์,เชื้อโคโรนา | https://www.thairath.co.th/news/local/504657 |
แพทย์เตรียมย้ายหมอมุกออกจากห้องไอซียู | ร.อ.เปรมกมล พิทักษ์วงศ์ นักกายภาพบำบัด กองเวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าฯ ทำกายภาพให้กับ พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือ หมอมุก อีกครั้ง โดยแพทย์ระบุว่าการทำกายภาพบำบัดดีขึ้นต่อเนื่อง หมอมุกสามารถที่จะยืนได้นานขึ้น และก้าวขาเองได้ สามารถยืนได้นานขึ้นประมาณ 15 นาที กล้ามเนื้อด้านขวาที่เคยอ่อนแรง มีกำลังมากขึ้น หยิบจับสิ่งของ กำมือ และพยุงตัวเองได้ ซึ่งในสัปดาห์หน้า นักกิจกรรมบำบัด จะให้ฝึกพูด และกลืนอาหารสำหรับการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด พญ.พรรณกร มารดาของหมอมุก กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของตำรวจ แต่จะไม่มีการยอมความอย่างแน่นอน และขอให้ตำรวจดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนที่ผู้ใจบุญติดต่อเข้ามาบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือหมอมุกนั้น ในส่วนนี้จะมอบให้กับมูลนิธิผู้ป่วยอุบัติเหตุด้านสมอง โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยอุบัติเหตุทางสมอง เพราะว่าผู้ป่วยที่มีอาการลักษณะนี้มีค่าใช้จ่ายจำนวนมากส่วนความคืบหน้าทางด้านคดีตำรวจเตรียมจำลองเหตุการณ์ นาทีชนหมอมุก เพื่อประเมินเจตนา ในการประกอบการตั้งข้อหา หากคนขับซึ่งชัดเจนว่าเป็นผู้ชายขับรถด้วยความเร็วสูงจะถูกตั้งข้อหาพยายามฆ่าแต่หากพิสุจน์ได้ว่าขับด้วยความเร็วไม่มากจะเป็นข้อหาขับรถโดยประมาท | แพทย์ที่รักษาอาการของ พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือ หมอมุกระบุว่า อาการหมอมุกดีขึ้นทุกวัน โดยวันนี้จะสามารถออกจากห้องไอซียูเพื่อไปอยู่ห้องผู้ป่วยทั่วไป ตึกเฉลิมพระเกียรติ | อาชญากรรม | ย้าย,หมอมุก,ห้องไอซียู,แพทย์ | https://news.thaipbs.or.th/content/19806 |
ไพบูลย์ รับเป็นไปได้แปรญัตติร่าง รธน.มากกว่า 150 มาตรา | 182 ทิ้ง 8 มิ.ย. เริ่ม พิจารณาคำขอแก้ไขเพิ่มรายมาตรา ชี้ หาก รธน.ไม่ผ่าน ยุบแค่ กมธ.ยกร่างฯ คง สปช.ไว้ แต่ทั้งหมด ครม.ให้ตัดสินใจ ,วันที่ 22 พ.ค. 58 นายไพบูลย์ นิติตะวัน คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงความคืบหน้า ในการส่งคำแปรญัตติเพื่อแก้ไขปรับปรุงร่างรัฐธรรมนูญ ว่า จะครบกำหนดในวันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม นี้ จึงเชื่อว่า คำขอจากทุกภาคส่วนน่าจะส่งมายังเจ้าหน้าที่ในช่วงตอนเย็น ของวันดังกล่าว ซึ่งจะทำให้พอเห็นภาพรวมว่า มีการแปรญัตติกี่มาตรา โดยยอมรับว่า มีความเป็นไปได้ที่จะมีคำขอแก้ไขมากกว่า 150 มาตรา เพราะในแต่ละส่วนไม่ใช่เรื่องการตัดทิ้งทั้งมาตรา แต่มีเรื่องการปรับปรุงถ้อยคำด้วย ยังเตือน สปช.ที่จะลงนามสนับสนุนคำแปรญัตติว่า ให้อ่านอย่างละเอียด เพราะเมื่อส่งคำขอมาแล้วจะถอนชื่อไม่ได้ ดังนั้น สปช.ที่ร่วมลงชื่อต้องมีเจตจำนงที่ชัดเจน ในการแก้ไขมาตราเหล่านั้น ไม่เช่นนั้นอาจมีข้อครหาตามมาว่า ลงรายชื่อโดยไม่ได้ดูรายละเอียด แต่ไม่สามารถถอนชื่อออกในภายหลังได้,ผมเชื่อว่า จะมีการแก้ไขเยอะมาก มาตรา 181-182 โดยส่วนตัวเห็นด้วยให้ตัดทิ้งไปเลย เชื่อว่า กมธ.ยกร่างฯ จะรับฟัง เพราะเป็นการทักท้วงจากหลายฝ่าย ณ วันนี้ยังไม่มีมติหรือความเห็นของกรรมาธิการฯ เพราะจะเริ่มประชุม ตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย. หากไม่มีการแก้รัฐธรรมนูญชั่วคราวเพื่อขยายเวลาจาก 60 วัน เป็น 90 วัน กรรมาธิการฯ ก็ต้องทำงานถึงเที่ยงคืนทุกวัน ไม่มีวันหยุด แต่ถ้าขยายเป็น 90 วัน ก็อาจได้หยุดวันเสาร์หนึ่งวัน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับ ครม.จะพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวให้มีการขยายเวลาหรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าว,นายไพบูลย์ กล่าวต่อถึง กระบวนการพิจารณาของ กมธ.ยกร่างฯ หลังจากได้รับคำแปรญัตติว่า จะเปิดโอกาสให้ผู้ยื่นคำขอแปรญัตติเข้าชี้แจงต่อ กมธ.ยกร่างฯ ในวันที่ 1-6 มิถุนายน และวันที่ 7 มิถุนายน จะเป็นวันสุดท้ายในการรับฟังความเห็นนักการเมือง ซึ่ง พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษก กมธ.ยกร่างฯ เป็นผู้ประสานเรื่องนี้ โดยยังไม่ทราบว่า จะเป็นการเชิญบุคคลที่เป็นตัวแทนพรรคมาหรือให้ส่งมาเป็นเอกสาร จากนั้นตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน เป็นต้นไป จะเริ่มพิจารณาคำขอแก้ไขเพิ่มเติมเป็นรายมาตรา ไล่ตั้งแต่มาตรา 1 เป็นต้นไป,ส่วนกระแสข่าวที่ระบุ ว่า สปช.เตรียมคว่ำร่างรัฐธรรมนูญนั้น นายไพบูลย์ กล่าวว่า เร็วเกินกว่าจะพูดอย่างนั้น เพราะยังไม่เห็นร่างสุดท้ายที่ กมธ.ยกร่างฯ จะปรับปรุง เพราะอาจถูกใจ สปช.ก็ได้ แต่ถ้าไม่ถูกใจ สปช.จะคว่ำก็เป็นสิทธิที่กำหนดไว้ตามรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ยังเห็นว่า แนวคิดที่มีการเสนอว่า ถ้ารัฐธรรมนูญไม่ผ่านให้ยุบแค่ กมธ.ยกร่างฯ แต่ยังคง สปช.เอาไว้ ว่า เป็นเรื่องที่มีเหตุผลอธิบายได้ แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับ ครม.จะตัดสินใจ เพราะจะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะปัจจุบันกำหนดว่า หากร่างไม่ผ่านให้ยุบไปพร้อมกัน และไม่คิดว่า จะเป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน เนื่องจากทำให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ ถึงความต้องการของสังคม แต่ยังไม่อยากให้ด่วนสรุป โดยขอให้รอดูร่างสุดท้ายก่อน และถ้าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน ก็ไม่ได้หมายความว่า เลวทั้งฉบับเพราะมีหลายเรื่องเป็นสิ่งที่ดี | ไพบูลย์ รับเป็นไปได้แปรญัตติมากกว่า 150 ม. หนุนตัด ม.181, 182 ทิ้ง 8 มิ.ย. เริ่ม พิจารณาคำขอแก้ไขเพิ่มรายมาตรา ชี้ หาก รธน.ไม่ผ่าน ยุบแค่ กมธ.ยกร่างฯ คง สปช.ไว้ แต่ทั้งหมด ครม.ให้ตัดสินใจ | null | 'อภิปรายร่าง รธน.',ร่าง รธน.,ร่างรัฐธรรมนูญ,สภาปฏิรูปแห่งชาติ,สปช.,กมธ.ยกร่าง,รัฐธรรมนูญ,อภิปราย,สาระสำคัญ,ไพบูลย์,แปรญัตติ,มากกว่า150มาตรา,ร่างรธน.,กมธ.ยกร่างฯ,ไพบูลย์ นิติตะวัน,ม.181-182,รธน.,ขอแก้ไขเป็นรายมาตรา,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวการเมือง | https://www.thairath.co.th/content/500474 |
ตม.ดอนเมืองจับผู้ต้องหาขนยาบ้า | ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองยึดของกลางเป็นยาบ้ากว่า 5900 เม็ดได้จาก น.ส.กัลยา และ น.ส.อาเหมย มาเยอะ ชาวอำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ที่ลักลอบขนยาเสพติดผ่านทางเครื่องบินมาที่ท่าอากาศยานกรุงเทพพล.ต.ต.สุวิชญ์พล อิ่มใจรัชต์ ผู้บังคับการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 2 ท่าอากาศยานกรุงเทพ เปิดเผยว่า ตำรวจได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีผู้ลักลอบขนยาเสพติดเข้ามาในกรุงเทพมหานครผ่านทางเครื่องบิน โดยเดินทางมาจากท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง มาลงที่ท่าอากาศยานกรุงเทพ เวลาประมาณ 15.00 น. เมื่อผู้ต้องหาเดินทางมาถึงท่าอากาศยานกรุงเทพ ตำรวจจึงแสดงตัวขอตรวจค้น และพบว่าทั้ง 2 คนซ่อนยาบ้าทั้งหมดไว้ในช่องคลอด และกางเกงชั้นใน จากการสอบสวนทั้ง 2 คนสารภาพว่ามีผู้ว่าจ้างให้นำยาบ้าจากอำเภอแม่ฟ้าหลวงไปส่งในกรุงเทพมหานคร และทำมาแล้วประมาณ 5 ครั้ง โดยมาส่งให้กับนายยี่ ตาสามปือ ซึ่งรอรับยาบ้าอยู่ภายในท่าอากาศยานกรุงเทพ และตำรวจสามารถจับนายยี่ได้ที่บริเวณจุดนัดส่งยาบ้าอีกด้วยเบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย พร้อมกับส่งผู้ต้องหาทั้ง 3 คนให้สถานีตำรวจนครบาลดอนเมืองดำเนินคดี | ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานกรุงเทพจับผู้ต้องหาลักลอบขนยาบ้าเกือบ 6000 เม็ด ขณะเตรียมไปส่งให้กับเครือข่ายในกรุงเทพมหานคร | อาชญากรรม | ขน,จับ,ดอนเมือง,ตม.,ตำรวจ,ผู้ต้องหา,ยาบ้า | https://news.thaipbs.or.th/content/131586 |
คลอปป์ พอใจฟอร์มดาวรุ่งหงส์แดง เกมบุกเจ๊าแบ็กกีส์ | สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน วันที่ 15 พ.ค. ว่า เยอร์เกน คลอปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน ของทีม หงส์แดง ลิเวอร์พูล ระบุ พอใจกับฟอร์มการเล่นของบรรดานักเตะดาวรุ่งที่ส่งลงสนามในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดสุดท้ายของฤดูกาล ที่บุกไปเสมอ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน 1-1 เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา,เกมที่สนาม เดอะ ฮอว์ธอร์นส์ เป็นเจ้าบ้าน เวสต์บรอมวิช ที่ได้ประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0 จาก ซาโลมอน รอนดอน ในนาทีที่ 13 แต่ จอร์ดอน ไอบ์ ก็มายิงตีเสมอให้ลิเวอร์พูลในนาทีที่ 23 ส่งผลให้จบเกมแบ่งกันไปทีมละแต้ม ทำให้หงส์แดงจบฤดูกาลนี้ด้วยอันดับ 8 โดยหลังจบเกม คลอปป์ ก็แสดงความพอใจกับผลของบรรดานักเตะดาวรุ่งที่เขาส่งลงเป็นตัวจริงในเกมนี้ ไม่ว่าจะเป็น แบรด สมิธ, คาเมรอน แบรนนาแกน, เควิน สจ๊วต และ เชย์ยี โอโจ,ผมปลาบปลื้มกับฟอร์มการเล่นของเราอย่างมาก เพราะมันเป็นเรื่องยากมากสำหรับนักเตะดาวรุ่ง เรารู้ว่า เวสต์บรอมวิช มีความเชี่ยวชาญในการเล่นลูกตั้งเตะ ซึ่งคุณต้องเก็บบอลให้ได้มากที่สุด และไม่ให้พวกเขาได้ลูกตั้งเตะบ่อยนัก เราสูญเสียความอดทนซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับเด็กหนุ่มเหล่านี้ เวสต์บรอมวิชมีช่วงเวลาที่มีโอกาสทำประตูไม่มากนัก เราตีเสมอได้และทุกอย่างมันก็โอเค คลอปป์ กล่าว | เยอร์เกน คลอปป์ กุนซือทีมลิเวอร์พูล เป็นปลื้มกับฟอร์มการเล่นของบรรดานักเตะดาวรุ่ง ที่ส่งลงสนามในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดสุดท้ายของฤดูกาล ที่บุกไปเสมอ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน 1-1 | null | พรีเมียร์ลีก,ลิเวอร์พูล,เวสต์บรอมวิช อัลเบียน,เยอร์เกน คลอปป์,ข่าวกีฬา,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์ | https://www.thairath.co.th/content/620827 |
ชุมพร พบ ผู้ป่วยรายที่ 2 เป็นพาหะขณะนอนรพ. ทำติดโควิดเพิ่มอีก 2 | ชุมพรพบผู้ป่วยเพิ่มรายที่ 4 ผลสอบสวนโรค ติดเชื้อโควิด-19 จากผู้ป่วยที่รักษาในรพ.เดียวกันที่เสียชีวิตไปแล้ว 1 ราย โดยก่อนหน้านี้ มีพยาบาลที่สัมผัสใกล้ชิด ติดเชื้อด้วย 1 รายวันที่ 13 เม.ย.63 ที่ห้องประชุมสำนักงานสาธารณสุข จ.ชุมพร นายวิบูลย์ รัตนาภรวงศ์ ผวจ.ชุมพร นพ.จิรชาติ เรืองวัชรินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชุมพร จัดแถลงข่าวกรณีพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รายที่ 4 ของจังหวัดชุมพร เป็นเพศหญิง อายุ 63 ปี เป็นผู้ป่วยที่อยู่ในระบบเฝ้าระวังควบคุมโรคที่สัมผัสกับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รายที่ 2 โดยผลการตรวจผู้ป่วยรายที่ 4 พบเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 12 เม.ย.63ประวัติการสอบสวนโรคเบื้องต้นผู้ป่วยรายที่ 4 นั้น ระหว่างวันที่ 19 มี.ค. -1 เม.ย. 63 เข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยวิกฤติ (ICU) ในโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ด้วยภาวะลิ่มเลือดอุดตันในช่องปอดวันที่ 2-5 เม.ย.63 ผู้ป่วยรายนี้มีอาการดีขึ้นจึงย้ายมาที่ตึกอายุรกรรมหญิงตึกเดียวกับผู้ป่วยรายที่ 2 ซึ่งผู้ป่วยรายที่ 2 นั้นวันที่ 6 เม.ย.63 มีผลการตรวจยืนยันพบเชื้อโควิด-19วันที่ 6-11 เม.ย.63 ผู้ป่วยต้องเข้าสู่ระบบการเฝ้าระวังควบคุมโรค 14 วัน ในวันที่ 9 เม.ย.63 มีไข้ ไอเล็กน้อย วันที่ 10 เม.ย. 63 เก็บตัวอย่างส่งตรวจ วันที่ 12 เม.ย.63 ผลการตรวจพบเชื้อโควิด-19 เวลา 20.00 น. และได้ส่งผู้ป่วยรายที่ 4 ไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานีนพ.จิรชาติ เรืองวัชรินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชุมพร กล่าวว่าที่ต้องส่งตัวผู้ป่วยรายที่ 4 ไปรักษาต่อที่ รพ.สุราษฎร์ธานีก็เพื่อได้พบแพทย์เฉพาะด้านมากกว่า เนื่องจากผู้ป่วยมีอาการป่วยหลายโรค ส่วนอาการเชื้อโควิด-19 ไม่รุนแรงมากนักผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับ จ.ชุมพร ขณะนี้มีผู้ป่วยสะสมจำนวน 4 ราย โดยผู้ป่วยรายที่ 1 เป็นนักศึกษาหญิงอายุ 21 ปี เรียนอยู่ที่กรุงเทพฯ กลับมาบ้านที่ อ.หลังสวน จ.ชุมพร ตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 27 มีนาคม เวลา 22.00 น. แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคโควิด-19 สอบสวนโรคติดเชื้อจากสถานบันเทิงในกรุงเทพฯ ขณะนี้อาการหายเป็นปกติแพทย์โรงพยาบาลหลังสวนอนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วผู้ป่วยรายที่ 2 เป็นชาวบ้านเพศหญิงอายุ 65 ปี เช่าบ้านอยู่ตำบลวังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร สุขภาพไม่ดี น้ำหนักตัวมากเดินไม่ค่อยได้ ป่วยด้วยโรคประจำตัวหลายอย่างช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมาเข้าออกรักษาตัวที่โรงพยาบาลตลอดไม่เคยไปต่างจังหวัดและต่างประเทศ ติดเชื้อโควิด-19 ช่วงระหว่างเข้าออกรักษาตัวที่โรงพยาบาลระหว่างวันที่ 20 มีนาคม-5 เมษายน 63 ผลตรวจยืนยันติดเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 6 เมษายน 63 และได้เสียชีวิตแล้วเมื่อบ่ายวันที่ 11 เมษายน ที่ผ่านมาผู้ป่วยรายที่ 3 เป็นพยาบาล อายุ 42 ปี ประจำตึกอายุรกรรมหญิง โรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ติดเชื้อสัมผัสจากผู้ป่วยหญิงรายที่ 2 ขณะผู้ป่วยรายที่ 2 นอนรักษาตัวอยู่ที่ตึกอายุรกรรมหญิงของโรงพยาบาล ผลตรวจยืนยันผู้ป่วยพยาบาลรายที่ 3 นี้ติดเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2563ผู้ป่วยรายที่ 4 เพศหญิงอายุ 63 ปี เป็นชาวบ้านเข้ารักษาอาการด้วยโรคประจำตัวที่ตึกอายุรกรรมหญิง โรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ระหว่างวันที่ 19 มีนาคม-11 เมษายน 63 ผลตรวจยืนยันติดเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2563 เวลา 20.00 น. สอบสวนโรคสัมผัสติดเชื้อจากผู้ป่วยรายที่ 2 ขณะนอนรักษาตัวอยู่ภายในตึกของโรงพยาบาลเดียวกันสำหรับผู้ป่วยรายที่ 2 นั้นได้เสียชีวิตเมื่อบ่ายวันที่ 11 เมษายน 2563 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประสานลูกและญาติ ทำการฌาปนกิจในช่วงเย็นวันเดียวกันที่วัดแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลเมืองชุมพร โดยจัดการตามมาตรฐานทางการแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุข ด้วยการเผาในถุงพลาสติกปลอดเชื้อ 3 ชั้น และใช้ความร้อนสูง | ชุมพรพบผู้ป่วยเพิ่มรายที่ 4 ผลสอบสวนโรค ติดเชื้อโควิด-19 จากผู้ป่วยที่รักษาในรพ.เดียวกันที่เสียชีวิตไปแล้ว 1 ราย โดยก่อนหน้านี้ มีพยาบาลที่สัมผัสใกล้ชิด ติดเชื้อด้วย 1 ราย | ข่าว,ทั่วไทย | โควิด-19,ไวรัสโคโรนา,COVID-19,โควิด-19 ชุมพร,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/south/1819543 |
อรรถวิชช์ หนุนส่งศาลชี้ขาด ก.ม.ขบเหลี่ยม ติงระบบ ลต.ใหม่มีข้อกังขา | เกิดข้อกังขา ย้ำของเก่าดีอยู่แล้ว,เมื่อวันที่ 13 เม.ย.62 นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณี กกต.ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ การคำนวณผลคะแนน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ว่า ถือว่า กกต.ส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญ น่าจะเหมาะสมที่สุดในสถานการณ์ ณ เวลานี้ เพราะเห็นชัดเจนว่า ผู้ร่างรัฐธรรมนูญกับคนที่ร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ที่เกี่ยวข้องกับระบบเลือกตั้งใหม่ เป็นคนละส่วนกัน และไม่มีความรอบคอบ บางมาตราขบเหลี่ยมขัดกันเอง ตีความก็ไม่ชัดเจน เป็นไปอย่างที่เคยพูดไว้ตามคาดหมายว่า ความไม่ชัดเจนนี้ต้องไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ ความวุ่นวายจะเกิดขึ้นตามรูปมวยในสองเดือนนี้แน่นอน ทั้งๆ ที่เอาเข้าจริงจากผลเลือกตั้งที่ออกมา ต่อให้ไม่ว่าจะใช้สูตรคำนวณว่า ฐานคะแนน 7 หมื่น ได้ ส.ส.1 คน หรือใช้ฐานคะแนนต่ำกว่า 7 หมื่น ได้ ส.ส.1 คน สองสูตรนี้ไม่มีผลแตกต่างมากนักกับการจับขั้วรัฐบาล,นายอรรวิชช์ กล่าวต่อว่า น่าจะมานั่งขบคิดว่า ตอนที่ร่างทำไมไม่คิดว่าปัญหานี้มันจะเกิด ระบบเลือกตั้งเดิมไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ระบบเลือกตั้งใหม่จัดสรรปันส่วนผสมเกิดข้อกังขามาก เกาผิดที่คันของเก่าดีอยู่แล้วกลับไปแก้ ที่น่าตกใจ คือ ไม่น่าเชื่อว่าผู้ร่างไม่ได้ใช้ความระมัดระวัง สถานการณ์แบบนี้ ณ วันนี้ ต่อให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นใหม่ในอนาคต โอกาสที่จะมีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพก็จะน้อยไปอีกอยู่ดี การที่ กกต.ยอมรับว่าถึงทางตันเรื่องข้อกฎหมายนั้น เป็นบทเรียนให้ผู้ร่างได้รู้ว่า ระบบเลือกตั้งใหม่มีปัญหาหรือไม่ | อรรถวิชช์ หนุน กกต.ส่งศาล รธน.ตีความสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ติงคนร่างกฎหมายขบเหลี่ยมกันเอง ตีความไม่ชัด ชี้เลือกตั้งใหม่อย่างไร ก็ได้รัฐบาลไร้เสถียรภาพ เผยระบบเลือกตั้งใหม่มีปัญหา | เลือกตั้ง | เลือกตั้ง62,ประชาธิปัตย์,ปชป.,อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี,เลือกตั้ง | https://www.thairath.co.th/news/politic/1544121 |
จีนขาดนักข่าวสืบสวน เหตุรัฐบาลคุกคามหนัก รายงานภัยพิบัติ-คอร์รัปชันก็ไม่ได้ | นักข่าวในจีนกำลังถูกคุกคามเพราะรายงานความจริงเพราะรัฐบาลสีจิ้นผิงใช้อำนาจคุกคามสื่ออย่างหนักในหลายๆ ทางเพื่อไม่ให้สื่อสืบสวนสอบสวนมีที่ทางในการรับรู้ทั้งยังให้สื่อสร้างแต่ภาพลักษณ์ที่ดีกับรัฐบาล ผนวกกับปัญหาเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมสื่อทำให้งานข่าวสืบสวนสอบสวนมีน้อยลง16 ก.ค. 2562 จางเหวินหมิน เคยเป็นนักข่าวที่ผู้คนยำเกรงมากที่สุดในจีน เธอเดินสายไปทั่วประเทศเพื่อทำข่าวเรื่องราวเกี่ยวกับความรุนแรงจากตำรวจ การตัดสินคดีแบบผิดๆ และภัยพิบัติจากสิ่งแวดล้อม แต่ในปัจจุบันนี้เธอต้องดิ้นรนเพื่อให้เป็นที่รับรู้นิวยอร์กไทม์รายงานเรื่องที่เจ้าหน้าที่รัฐของจีนข่มเหงและคุกคามนักข่าวสืบสวนสอบสวนแบบอ่อนๆ ด้วยวิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการข่มขู่คุกคามแหล่งข่าวของจาง สั่งปิดโซเชียลมีเดียของเธอ และทำให้เธอไม่สามารถหาสื่อที่จะตีพิมพ์เผยแพร่งานข่าวของเธอได้ สภาพความเป็นอยู่ของจางในตอนนี้เธอต้องใช้ชีวิตอยู่กับเงินเก็บที่เธอมี จางถึงขั้นบอกว่ามันอันตรายที่จะบอกว่าตัวเองเป็นนักข่าวอิสระในตอนนี้และพื้นที่เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นก็มีจำกัดมากก่อนหน้านี้นักข่าวสืบสวนสอบสวนในจีนเป็นผู้ที่ตรวจสอบถ่วงดุลและวิพากษ์วิจารณ์สังคมที่ถูกควบคุมอย่างเข้มงวดโดยรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีน เช่นการเปิดโปงเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับเด็กทารกป่วยจากโครงการซึ่งได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐมาก่อน แต่นักข่าวเหล่านี้เริ่มหายไปในช่วงยุคสมัยของรัฐบาลสีจิ้นผิง พวกเขาถูกคุกคามหรือไม่ก็ถูกจับกุมคุมขัง สื่อต่างๆ ในจีนก็มีรายงานข่าวเชิงลึกน้อยลง การฟื้นคืนการเมืองแบบอำนาจนิยมเผด็จการเน้นตัวบุคคลของสีจิ้นผิงทำให้สื่อในตอนนี้แทบจะไม่มีการรายงานข่าวเชิงวิพากษ์ มีแต่ข่าวในเชิงส่งเสริมภาพลักษณ์จีนจนนักวิจารณ์เรียกมันว่าเป็น ยุคสมัยการเซนเซอร์เต็มรูปแบบมีนักข่าวที่ชื่อหลิวหูจากมณฑลเสฉวนเคยถูกสั่งจำคุกหนึ่งปีจากการทำข่าวสืบสวนนักการเมืองทุจริตคอร์รัปชันมาก่อน เขาบอกว่านักข่าวสืบสวนในจีนตอนนี้แทบจะไม่มีอยู่แล้ว ไม่มีใครที่จะเหลือเป็นคนเปิดโปงความจริงอีกต่อไป หลิวหูกล่าวนิวยอร์กไทม์ระบุว่านับตั้งแต่สีจิ้นผิงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2555 เป็นต้นมา เขาก็พยายามฟื้นฟูระบบแบบเน้นให้มีเฉพาะสื่อของรัฐและปิดปากสื่ออิสระ ทำให้สื่อในตอนนี้เหลือแต่การนำเสนอภาพลักษณ์ทางบวกของรัฐทางเดียว โดยไม่มีการโต้แย้งอภิปรายเกี่ยวกับสถาบันการเมืองเลย นั่นทำให้หลิวบอกว่ารัฐบาลจีนกำลังทำให้ประชาชนขาดความรู้ ไม่สามารถรับรู้สิ่งต่างๆ และไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้แม้แต่ข่าวจากต่างประเทศก็ถูกปิดกั้น เวลาที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์วิพากษ์วิจารณ์อะไรจีนก็มีน้อยครั้งมากที่จะไปปรากฏในสื่อจีน และยังมีอีกหลายประเด็นที่สำคัญและเป็นที่พูดถึงในโลกก็มีการเซนเซอร์ไม่นำเสนอในสื่อรัฐบาลจีน เช่นประเด็นสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ การเคลื่อนไหว #MeToo ที่เกี่ยวกับการเปิดโปงการล่วงละเมิดทางเพศ การตัดต่อพันธุกรรมเด็กทารก และกรณีการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรเคลย์ตัน ดูเบ ผู้อำนวยการสถาบันความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีนของมหาวิทยาลัยเซาธ์เทิร์นแคลิฟอร์เนีย วิเคราะห์ว่ามันเป็นการส่งสัญญาณของสีจิ้นผิงว่าเฉพาะพรรคคอมมิวนิสต์เท่านั้นที่วิจารณ์เขาได้ อีกทั้งแทนที่สีจิ้นผิงจะมองว่าข่าวสืบสวนสอบสวนเป็นเครื่องมือที่ช่วยแก้ไขปัญหาสังคมและพัฒนาการปกครองของตัวเองได้เขากลับมองว่ามันเป็น ภัยต่อเสถียรภาพทางสังคมแม้แต่นักข่าวที่เคยทำงานให้กับสื่อรัฐบาลจีนอย่าง เซว เหลย ก็ลาออกจากงานเพราะไม่อยากทนอยู่กับคำสั่งเซนเซอร์และการกดดันให้สร้างข่าวแบบล่อให้คนคลิก (clickbait) แทนที่จะเป็นข่าวเชิงสืบสวนสอบสวน เรื่องที่เคยทำข่าวได้ก็ถูกจำกัด และพวกเขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าคำสั่งขอให้เซนเซอร์มาจากไหน ถึงแม้ว่าจะมีบางครั้งที่สามารถรายงานเรื่องนักการเมืองคอรัปชันได้บ้างแต่ก็มักจะเป็นกรณีที่กำลังอยู่ภายใต้การไต่สวนของรัฐบาลจีนอยู่แล้ว แทนที่จะให้นักข่าวทำงานเปิดโปงกรณีคอร์รัปชันใหม่ๆ ได้ยิ่งไปกว่านั้น ในบางกรณีที่มีการเปิดเผยความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่รัฐจนเป็นเหตุให้เกิดวินาศภัยจนทำให้ผู้คนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ฝ่ายโฆษณาชวนเชื่อของพรรคคอมมิวนิสต์จีนก็ปิดกั้นไม่ให้มีการรายงานเรื่องความผิดพลาดนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวคือเหตุการณ์เรือเฟอร์รีล่มที่แม่น้ำแยงซีในปี 2558 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 442 รายนอกจากเรื่องการเซนเซอร์จากภาครัฐแล้ว เรื่องทางเศษฐกิจก็ส่งผลให้การรายงานข่าวเชิงลึกหดหายไปด้วยจากการที่หน้าข่าวต่างๆ ต้องกระเสือกกระสนหาโฆษณาและจำเป็นต้องลดทีมรายงานข่าวสืบสวนสอบสวนซึ่งเป็นงานข่าวที่อาศัยเวลาและทรัพยากรในการผลิตมากแต่มีชิ้นออกมาจำนวนน้อยกว่าแต่เรื่องนี้เป็นปัญหาที่พบเจอในธุรกิจสื่อทั่วโลกไม่เพียงแค่จีนสื่อดั้งเดิมที่หดตัวลดลงเคยมีความหวังว่าพื้นที่ใหม่อย่างสื่อออนไลน์จะทำให้อนาคตของการข่าวดีขึ้นบ้าง แต่สีจิ้นผิงก็สั่งปิดและสั่งเซนเซอร์สื่อออนไลน์ที่เป็นที่พึ่งของประชาชนไปด้วย เช่น สื่อคิวเดลี (Q Daily) สื่อจากเมืองเซี่ยงไฮ้ที่ก่อตั้งเมื่อปี 2557 ที่นำเสนอเรื่องราวปัญหาสังคมต่างๆ รวมถึงปัญหาที่คนในชนบทต้องอพยพมาทำงานในเมือง แต่รัฐบาลจีนก็สั่งปิดสื่อแห่งนี้อยู่เป็นประจำในช่วงปีที่ผ่านมา หยางหยิ่ง หัวหน้ากองบรรณาธิการของเว็บไซต์คิวเดลีกล่าวว่าการถูกแทรกแซงซ้ำๆ เช่นนี้ทำให้เกิดปัญหาทางธุรกิจต่อเว็บไซต์ และถึงแม้ว่าเว็บไซต์จะพยายามทำตามกฎข้อบังคับของรัฐบาลในเรื่องประเด็นอ่อนไหวอย่างการเมืองและการทหาร แต่ส่วนใหญ่แล้วก็ไม่ชัดเจนว่าเรื่องไหนบ้างที่อาจจะทำให้เกิดความไม่พอใจต่อทางการจีนนิวยอร์กไทม์ระบุว่าก่อนหน้าการควบคุมของสีจิ้นผิงนั้น งานข่าวของจีนกำลังเข้าสู่ยุคทอง มีการรายงานเรื่องเกี่ยวกับวัคซีนที่ผิดพลาด สิ่งก่อสร้างคุณภาพต่ำที่ถล่มลงมาเพราะแผ่นดินไหว แต่ในยุคสีจิ้นผิงมีการคุกคามนักข่าวมากขึ้น องค์กรคณะกรรมการคุ้มครองผู้สื่อข่าว (CPJ) ระบุว่ามีนักข่าวอย่างน้อย 48 รายที่ต้องติดคุกในจีนจากการสำรวจถึงช่วงเดือน ธ.ค. 2561 แต่ก็มีคนเตือนว่าการที่สีจิ้นผิงทำเช่นนี้เสี่ยงต่อการปิดช่องทางไม่ให้ประชาชนแสดงความไม่พอใจได้หลิว นักข่าวที่เคยถูกคุมขังในปี 2556 กล่าวว่า นอกประเทศจีน นักข่าวจะถูกไล่ออกถ้าหากเขียนรายงานข่าวเท็จ แต่ในจีนพวกเขาจะถูกไล่ออกเพราะรายงานความจริง หลังจากที่หลิวออกมาจากคุกแล้ว เขาก็ยังคงทำงานข่าวสืบสวนเรื่องฆาตกรรมต่อเนื่องและปัญหากระบวนการยุติธรรมต่อไปถึงแม้บรรยากาศทางการเมืองจะบีบเค้น แต่นักข่าวสืบสวนสอบสวนกลุ่มเล็กๆ ก็พยายามต่อสู้ยืนหยัดให้งานข่าวเชิงสืบสวนสอบสวนยังคงอยู๋รอดด้วยการนำเสนอเรื่องราวออกมาผ่านโซเชียลมีเดียและสื่อในต่างประเทศ ทั้งนี้จางผู้เป็นนักข่าวที่มีประสบการณ์ยังพยายามถ่ายทอดวิถีการข่าวสืบสวนสอบสวนให้กับนักศึกษารุ่นใหม่ เธอบอกว่าเธอเชื่อใน พลังแห่งการยืนหยัดท้าทาย | นักข่าวในจีนกำลังถูกคุกคามเพราะรายงานความจริงเพราะรัฐบาลสีจิ้นผิงใช้อำนาจคุกคามสื่ออย่างหนักในหลายๆ ทางเพื่อไม่ให้สื่อสืบสวนสอบสวนมีที่ทางในการรับรู้ ทั้งยังให้สื่อสร้างแต่ภาพลักษณ์ที่ดีกับรัฐบาล | สิทธิมนุษยชน,ต่างประเทศ,ไอซีที | เสรีภาพสื่อ,ข่าวสืบสวนสอบสวน,การคุกคามสื่อ,สีจิ้นผิง,จีน,สื่อสารมวลชน | https://prachatai.com/journal/2019/07/83442 |
อพยพ43นศ.ไทยจากเยเมนถึงไทย โดยสวัสดิภาพแล้ว | วันที่ 15 เม.ย. นักศึกษาไทยจำนวน 43 คน ที่อพยพจากเยเมน โดยการช่วยเหลือของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมัสกัต และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร ได้เดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแล้ว โดยสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส เที่ยวบินที่ คิวอาร์ 830 เมื่อเวลา 07.35 น. และสายการบินเอธิโอเปียแอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ อีที 618 เมื่อเวลา 13.20 น. ตามลำดับ โดยมีนายโวสิต วรทรัพย์ รองอธิบดีกรมการกงสุล เจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงศึกษาธิการ ให้การดูแลและอำนวยความสะดวกที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และมีคนในครอบครัวมารอรับอย่างอบอุ่น,นายโวสิต วรทรัพย์ รองอธิบดีกรมการกงสุล เปิดเผยว่า ในจำนวนนักศึกษา 43 คน ที่ทางกระทรวงการต่างประเทศ ให้การช่วยเหลืออพยพกลับประเทศไทย ในจำนวนนี้เป็นการอพยพออกจากเมืองตาริม ประเทศเยเมน 40 คน โดยทางรถยนต์มายังกรุงมัสกัต ประเทศโอมาน โดย สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมัสกัต และนักศึกษาอีก 3 คน อพยพจากเมืองเอเดน โดยทางเรือมายังประเทศจิบูตี ด้วยการให้ความช่วยเหลือจากสถานเอกอัครราชทูตอินโดนีเซียในเยเมน กาชาดสากล และกงสุลกิตติมศักดิ์ไทยประจำจิบูตี คอยอำนวยความสะดวกแก่นักศึกษาไทยดังกล่าว ทำให้กระทรวงการต่างประเทศ สามารถอพยพ 125 คนไทยและนักศึกษาไทย ที่แจ้งความจำนงขออพยพต่อสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมัสกัต ออกจากเยเมน ได้โดยสวัสดิภาพทั้งหมด แต่ยังคงมีนักศึกษาไทยสมัครใจไม่อพยพออกจากเยเมน จำนวน 68 คน โดยอยู่ในเมืองตาริม 67 คน และในเมืองมูคัลลา 1 คน,ขณะนี้ สถานการณ์การสู้รบในเยเมนมีความรุนแรงและขยายตัว ซึ่งจะส่งผลให้การอพยพในโอกาสต่อไปมีความลำบากและเสี่ยงต่อความปลอดภัยมากขึ้นโดยหน่วยปฏิบัติการส่วนหน้าชายแดนเยเมน – โอมาน สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมัสกัต ยังคงติดต่อกับกลุ่มนักศึกษาเหล่านี้อย่างต่อเนื่องและพร้อมให้ความช่วยเหลือต่อไป รองอธิบดีกรมการกงสุล กล่าว,ด้าน นายอานิส มินา นักศึกษาชั้นปี 2 ม.ดารุสมุสตอฟา 1ใน 40 นักศึกษาชาวไทย ที่อพยพออกออกจากเยเมนกกลับประเทศไทย กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้กลับบ้าน แม้ว่าเมืองตาริมที่ตนอยู่จะยังปลอดภัยจากการสู้รบ แต่การพักอยู่อาศัยก็ลำบาก เนื่องจากเริ่มพบภาวะขาดแคลนอาหารแล้ว. | กระทรวงการต่างประเทศ อพยพ125คนไทยและนักศึกษาไทยออกจากเยเมนกลับประเทศ โดยสวัสดิภาพ แต่ยังมีนักศึกษาอีก 68 คน ยังไม่ยอมอพยพ ขณะ นศ.ไทยรายหนึ่ง เผย เริ่มมีภาวะขาดแคลนอาหารแล้ว | ข่าว,ทั่วไทย | อพยพ,นักศึกษาไทย,เยเมน,กลับประเทศ,ไทย,กระทรวงต่างประเทศ,สวัสดิภาพ,ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ,ภาวะขาดแคลนอาหาร,สถานเอกอัครราชทูต,กรุงมัสกัต,กรุงไคโร,โวสิต วรทรัพย์ รองอธิบดีกรมการกงสุล,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวสังคม,ภูมิภาค,สถานการณ์สู้รบ,นศ.ไทยในเยเมน,สงครามเยเมน,กต.,รับคนไทยกลับบ้าน | https://www.thairath.co.th/news/local/493206 |
รัสเซีย ส่งเจ้าหน้าที่สำรวจอุกกาบาต | เจ้าหน้าที่จากกระทรวงฉุกเฉิน และตำรวจเข้าควบคุมพื้นที่บริเวณทะเลสาบบนเทือกเขา อูราล ซึ่งเป็นจุดที่อุกกาบาตตกลงไปในทะเลสาบ และนักดำน้ำ 6 คน ลงไปสำรวจใต้ทะเลสาบในแคว้น เชลยาบินส์ ถึงผลกระทบที่เกิดจากอุกกาบาต ซึ่งคาดว่ามีน้ำหนักมากถึง 10 ตันชิ้นส่วนอุกกาบาตที่ตกลงไปในทะเลสาบน้ำแข็ง ทำให้เกิดหลุมกว้างประมาณ 8 เมตร คาดว่าชิ้นส่วนอุกกาบาตที่ตกในรัสเซียครั้งนี้ มีน้ำหนักประมาณสิบตันพุ่งเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกที่ระดับความสูง 30-50 กิโลเมตรเหนือพื้นโลก พุ่งด้วยความเร็ว 30 กิโลเมตรต่อวินาทีกระทรวงฉุกเฉินของรัสเซียประกาศเตือนประชาชนให้อยู่ในความสงบ และการตรวจสอบสารกัมมันตรังสียังไม่พบามผิดปกติ ทางการได้ส่งเจ้าหน้าที่ 20000 นายไปที่เทือกเขาอูราลแล้ว เพื่อช่วยเหลือประชาชน และเคลียร์พื้นที่ที่เสียหายจากอุกกาบาตแล้วคลื่นกระแทก หรือช็อคเวฟ ที่เกิดจากอุกกาบาตสร้างความเสียหายให้กับอาคารเกือบ 3000 หลัง ซึ่งมีตั้งแต่บ้านเรือนประชาชน โรงเรียน โรงพยาบาล และโรงงานอุตสาหกรรมที่ทำให้กระจกหน้าต่างและตัวอาคารได้รับความเสียหาย และมีผู้บาดเจ็บประมาณ 1200 คน ส่วนใหญ่บาดเจ็บเพราะถูกกระจกบาดแคว้น เชลยาบินส์ อยู่ห่างจากกรุงมอสโคว์ไปทางตะวันออกประมาณ 1500 กิโลเมตร เป็นเมืองอุตสาหกรรมซึ่งมีโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ และโรงเก็บกากนิวเคลียร์รวมอยู่ด้วย ซึ่งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใดนักวิทยาศาสตร์ขององค์การนาซ่าระบุว่าอุกกาบาตที่ตกในรัสเซีย ไม่มีความเกี่ยวข้องกับดาวเคราะห์น้อย 2012ดีเอ14 (2012 DA14) ที่พุ่งเฉียดโลกแต่อย่างใดที่เมืองนานกิง มณฑลเจียงซูของจีน นักดาราศาสตร์ได้เฝ้าดูดาวเคราะห์น้อย 2012เอดี14 ที่เฉียดเข้าใกล้โลกในระยะ 28000 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าเฉียดใกล้โลกที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกมา โดยนักดาราศาสตร์ได้เฝ้ามองผ่านกล้องโทรทรรศน์ และสังเกตเห็นดาวเคราะห์น้อยเมื่อเวลา 3.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเป็นช่วงที่ดาวเคราะห์น้อยส่องแสงสว่างมากที่สุดโดยมองเห็นประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนจะหายลับไป นักดาราศาสตร์คาดว่าดาวเคราะห์ดวงนี้จะโคจรเฉียดเข้าใกล้โลกอีกครั้งในปี 2589 | ทางการรัสเซียส่งนักดำน้ำลงไปในทะเลสาบเพื่อตรวจสอบผลกระทบที่เกิดจากอุกกาบาตซึ่งพุ่งผ่านชั้นบรรยากาศโลก และตกลงไปในทะเลสาบ โดยมีประชาชนได้รับบาดเจ็บจากคลื่นกระแทก หรือ ช็อคเวฟ ประมาณ 1200 คน | ต่างประเทศ | รัสเซีย,สำรวจ,อุกกาบาต,เจ้าหน้าที่ | https://news.thaipbs.or.th/content/147573 |
แม่ไม้เซียนทุเรียน เก็งพลาดก็ขาดทุน | อายุ 36 ปีเท่านั้น,อายุ 20 ก็ต้องตามพ่อเข้าสวนทุเรียน พ่อสอนตั้งแต่การปลูก แต่งกิ่ง รดน้ำใส่ปุ๋ย ดูอ่อนแก่ ทุเรียนแก่ลายหนาม ร่องหนาม ต้องแห้ง, ขั้วแข็งและใหญ่, ผิวด้าน สากมือ หรือจะเคาะ ใช้ด้ามมีดหรือไม้เคาะ ฟังเสียงก็ได้,ถ้าไม่มั่นใจ ก็ใช้วิธีผ่าแล้วดมกลิ่น ดูเนื้อและเปรียบเทียบในกิ่งเดียวกัน ทุเรียนแก่จัดเนื้อจะหลวม ถ้าทุเรียนอ่อนกลิ่นจะเหมือนกลิ่นแตงโมหรือกลิ่นดอกบัว,โตบอกว่า ทุเรียนฉีดยาเร่งสี เร่งให้แก่ จะไม่มีความหวาน,การดูทุเรียนจะดูแค่สีเปลือกไม่ได้ ถ้าต้นไหนใบน้อย ทุเรียนโดนแดดมาก สีเหมือนแก่จัด แต่จริงๆอาจไม่แก่ แค่ผิวแห้งเท่านั้น หากต้นไหนใบเต็มต้น สีเปลือกทุเรียนจะเป็นสีเขียวเหมือนอ่อน แต่จริงๆ ทุเรียนอาจแก่,ฝึกฝนวิชาทุเรียนแก่กล้า อายุ 23-24 โตขยับมาเป็นพ่อค้ารับซื้อทุเรียน เริ่มต้นด้วยการไปกับอา อาเป็นคนซื้อ ส่วนโตรับหน้าที่คนตัด,แรกๆก็มีพลาดบ้าง ตัดแล้วเป็นทุเรียนอ่อน,บางที่ไปเหมาทุเรียนทั้งแปลง เจ้าของแอบมาขโมยตัดไปขาย ตอนเหมา นับลูกได้ 2,000 ลูก เวลาไปตัดเหลือแค่ 1,500 ลูก ผ่านประสบการณ์นี้แล้ว การเหมาทุเรียนครั้งต่อๆมา แก้ปัญหาด้วยการออกหนังสือสัญญากำหนดว่าหาย 1 ลูกปรับกี่เท่า,การตัดทุเรียนดูการแก่ของทุเรียน เป็นเปอร์เซ็นต์ มักเลือกตัดระหว่าง 60-80% ถ้าเนื้อทุเรียน 80% 2 วันก็กินได้ โตว่า ส่วนทุเรียนที่ตัดส่งออก ต้องตัดที่ 70% รอเวลา 4-5 วันถึงจะกินได้,ทุเรียนส่งออก ส่วนใหญ่ประเทศจีนและอินโดนีเซีย น้ำหนักอยู่ที่ 2-6 กิโลต่อลูก ทรงกลม พูต้องเท่าๆกัน ราคาหน้าแผง 42-62 บาทต่อกิโล,โตได้ค่าจ้างตัดทุเรียน คิดเป็นกิโล กิโลละ 2 บาท แต่ถ้าตัดแล้วเอาไปขายให้ด้วย จะคิดเป็นกิโล กิโลละ 3 บาท ราคาอาจเพิ่มขึ้นตาม ระยะทางที่ไป เวลาโตไปตัดทุเรียนจะมีทีม นั่งรถกระบะไปด้วย 5-6 คน,อุปกรณ์ตัดทุเรียน มีดตัดทุเรียน กระสอบป่าน ถุงมือ และตะขอเกี่ยว,มีดตัดทุเรียนเป็นความถนัดของแต่ละคน ของโตเป็นมีดพับ ถ้ามีดใหญ่จะตัดไม่ถนัด เพราะใช้มือเดียวทั้งตัดและจับทุเรียน,โตมีมีดเป็น 100 เล่ม ทุกเล่มทำเอง คุณสมบัติสำคัญต้องคมมาก เหตุที่ต้องใช้มีดมาก เปลี่ยนบ่อย เพราะด้ามจับแตกหรือใบมีดเหี้ยน,กระบวนการตัดทุเรียน โตขึ้นไปบนต้น เพื่อนอีกคนรอรับอยู่ด้านล่าง มีกระสอบป่านพับ 1 ใน 4 เอาด้านที่พับเข้าหาตัว โตใช้มือหนึ่งจับมีดเลือกลูกที่ต้องการแล้วตัดเหนือขั้วทุเรียน จากนั้นส่งสัญญาณเสียงบอกเพื่อนที่รอรับอยู่ข้างล่าง,ถ้าทุเรียนอยู่สูงหรือปลายกิ่ง ต้องดูว่าจะเดินออกไปจากต้นยังปลายกิ่งได้แค่ไหน ให้ดูเชือกที่เจ้าของแปลงเขาโยงเอาไว้ เราจะออกได้แค่ปลายเชือกโยง ถ้าเกินกว่านั้นอันตราย,ต้องระวัง ไม่ให้ทุเรียนตกพื้น ถ้าตกแล้วหนามช้ำ กลายเป็นทุเรียนตกเกรด,แต่ถ้าพลาดจริงๆ โตบอกว่าก็ยังขายได้ มีโรงงานรับซื้อไปทำไอศกรีม หรือแม่ค้าเอาไปทอดหรือกวน,ทุเรียนแก่ใช้ได้หมด เว้นแต่ทุเรียนอ่อน ต้องทิ้งอย่างเดียว โตว่า,ทุเรียนที่รับตัด มีพันธุ์หมอนทอง ชะนี และก้านยาว บางต้นมี 30-300 ลูกต่อต้น แล้วแต่ขนาด ความสูงประมาณ 8-12 เมตร ข้อห้าม เวลาฝนตกต้องหยุดตัด เพราะน้ำฝนจะเข้าตา คนรับจะรับยาก,ฤดูกาลตัดทุเรียน เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-กันยายน พอช่วงตุลาคม-มีนาคม จะเป็นทุเรียนทวาย ฟังชื่อเหมือนทุเรียนพม่า แต่ความจริง ทวาย เป็นชื่อเรียกทุเรียนนอกฤดูกาล,ราคาทุเรียนทวาย กิโลกรัมละ 125 บาท ราคาตัดกิโลกรัมละ 3 บาท แพงกว่าทุเรียนพันธุ์อื่น,นี่เป็นเหตุหนึ่ง ทำให้เจ้าของสวนหวงทุเรียนทวายมาก,รถกระบะหนึ่งคันสามารถบรรทุกได้ 3.5-4.2 ตัน รถบรรทุกทุเรียนใช้ได้ทุกยี่ห้อ แต่ต้องมีการปรับแต่ง ใส่แหนบเพิ่ม ใส่รั้วเหล็ก เปลี่ยนยาง เปลี่ยนกระทะล้อ และจะต้องดูแลรถเป็นอย่างดี,โตชี้ไปที่รถ คันนี้ อายุงาน 18 ปีแล้ว,โดยปกติโตใช้รถกระบะคันเดียว แต่ถ้าต้องแยกทุเรียนส่งออก ก็ต้องใช้รถสองคัน เอาขึ้นรถแล้ว ก็จัดเรียงทุเรียน คัดแยกเบอร์ที่ส่งออกได้ไปคันหนึ่ง เบอร์ที่ขายในไทยก็ไปอีกคันหนึ่ง,การวาง ก็ต้องวางนอน เพื่อไม่ให้ขั้วหัก ไม่ให้ผลเป็นรอย,ด้านข้างรถต้องรองกระสอบ พื้นรถก็รองกระสอบกันกระแทก เหนื่อยตอนเรียง แต่พอวางเสร็จหนามทุเรียนจะล็อกตัวมันเอง,ถึงเวลาไปส่ง คนซื้อเขาจะดูทุกลูก น้ำหนักลูก 2–6 กิโล ส่วนทุเรียนที่ตกไซส์อาจจะเล็กหรือใหญ่เกินไป จะขายแม่ค้าที่มารับซื้ออีกที,ตอนนี้ ผมตัดให้กับแผงเฮียหมา (ส่งออก) ที่แยกเขาปีบ ชุมพร โตบอก,เก่งเรื่องทุเรียน จนเป็นเซียนทุเรียน ถามว่าเป็นความสามารถเฉพาะตัวได้ไหม โตตอบแบบถ่อมตัวว่าไม่น่าใช่ เดี๋ยวนี้คนทำเยอะ แค่ขึ้นต้นไม้เป็นก็ทำได้,การดูทุเรียนแก่อ่อน ไม่ต้องมีทักษะอะไร เจ้าของสวนเองก็แค่นับวันครบ 120 วันหลังจากดอกบาน พ่อค้าก็เข้าไปตัดได้ บางทีทุเรียนราคาดี 100 หรือ 110 วัน เจ้าของก็ตัดแล้ว,ตั้งแต่เริ่มอาชีพรับตัดทุเรียนมา เคยขาดทุนบ้างไหม โตบอกว่า เคยเหมือนกันแต่ไม่บ่อย,ไปเหมาสวนเขาไว้ พอถึงเวลาไปตัดทุเรียนราคาลง เราเหมาราคา 50 บาท พอถึงวันตัดเหลือแค่ 30 บาท อย่างนี้ก็ขาดทุน,แต่ขาดทุนยังไงก็ต้องยอม เวลาเป็นตัวกำหนด ถ้าไม่ตัดทุเรียนจะสุกและร่วง ถ้าปล่อยให้ร่วงจะไม่มีราคา ทำได้อย่างเดียวคือเข้าโรงกวนทุเรียน,อุบัติเหตุมีบ้างเล็กๆน้อยๆ แค่มีดบาด รับพลาดโดนหน้าแข้งตัวเอง,ตั้งแต่เริ่มตัดทุเรียนมา ยังไม่เคยตกต้นทุเรียน ทุเรียนบนเขาบางต้นสูง ถ้าตกเมื่อไหร่ ก็คงต้องหยุด,พ้นหน้าตัดทุเรียน เดือนเมษายนถึงมิถุนายน โตจะได้หยุดพัก แต่ไม่ได้พักจริง เพราะโตต้องเข้าสวนตัวเอง มีงานมากมายรออยู่ แต่งกิ่ง รดน้ำใส่ปุ๋ย,ถามถึงรายได้ โตบอกก็พอกินพอใช้ อาชีพตัดทุเรียนไม่ถึงกับร่ำรวย แต่ก็ไม่ยากจน,ตลอดเวลาทั้งวัน ใช้กับการตัดทุเรียน 1 รอบ เหนื่อยมาก ถ้าทุเรียนเยอะ ออกตัดตั้งแต่เช้าราว 9 โมง ตัดเสร็จบ่าย 3 ขึ้นรถ กว่าจะไปถึงแผงก็ทุ่ม ถ้ามีคิวก็ต้องรอ กว่าจะได้ลงตีสี่ตีห้า กลับถึงบ้าน 6 โมงเช้า,มีลูกชาย 2 คน ดูจากอาการแล้ว ไม่มีใครชอบทำอาชีพนี้ โตว่า,ดีแล้ว ทำงานอื่นดีกว่า,เคยมีข่าวบางภาค ตัดทุเรียนอ่อนหลอกขาย โตตัดทุเรียนมานาน ยืนยันทางภาคใต้ไม่ค่อยมี,พวกที่ตัดทุเรียนอ่อนขาย เป็นพวกทำยอด รีบตัดเพื่อให้ได้ราคา ผลที่ตามมา ถึงปลายทางเขาจะไม่รับซื้อ ชื่อเสียงเสียหายทำให้ราคาทุเรียนตก ลงท้ายชาวสวนทุเรียนก็รับกรรมไปด้วยกัน,คำถามสุดท้าย กับลูกผู้ชายชื่อโต ชอบกินทุเรียนแบบไหน,คำตอบจากเซียนทุเรียน,ทุเรียนสุกไม่กินเลย เห็นอยู่ทุกวัน ถ้าเลือกได้ก็เลือกกินทุเรียนทอด. | คนที่ขึ้นชื่อ ลือชา ว่าเก่งทุก เรื่องที่เกี่ยวกับทุเรียน รู้จักกันในจังหวัดชุมพร ไปไกลถึงสุราษฎร์ธานี จนถูกเรียกว่า เซียนทุเรียน ชื่อเล่น โต ชื่อจริง วันชัย แซ่ลิ้ม วันนี้อยู่บ้านเลขที่ 42/3 หมู่ 6 ตำบลเขาทะลุ อำเภอสวี | null | สกู๊ปหน้า1,เซียนทุเรียน,วันชัย แซ่ลิ้ม,สวนทุเรียน,วิธีดูทุเรียน,ปลูกทุเรียน,ตัดทุเรียน,เก็บทุเรียน | https://www.thairath.co.th/content/527807 |
เชื่อโดนของ สาว26 เพิ่งกลับจากพม่า ตาขวาง ก่อนโดดคอนโดฯ ดับ | เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 3 เม.ย. ร.ต.อ.พีรวิชญ์ จันทร์โรจนธาดา รองสว.(สอบสวน) สน.ห้วยขวาง รับแจ้งเหตุผู้โดดตึกเสียชีวิตบริเวณคอนโดฯ ที่พัก ถนนอโศก-ดินแดง แขวงและเขตดินแดง กรุงเทพฯ จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.รามาธิบดี เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู,ที่เกิดเหตุอยู่ภายในคอนโดสูง 16 ชั้น บริเวณด้านหลังอาคาร พื้นด้านล่างพบศพ น.ส.ดาว (นามสมมติ) อายุ 26 ปี ประกอบธุรกิจส่วนตัว สภาพศพสวมเสื้อกล้ามสีขาว กางเกงขาสั้นสีดำ แขนขาผิดรูป เสียชีวิตจมกองเลือด เจ้าหน้าที่อาคารกันบุคคลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องห้ามเข้าจุดเกิดเหตุโดยเด็ดขาด,จากการสอบสวน น.ส.เอ (นามสมมติ) เพื่อนผู้ตายให้การว่า ผู้ตายเพิ่งจะเดินทางกลับมาจากประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ก่อนจะมาพักอยู่ห้องของตนที่อาคารดังกล่าว ซึ่งโดยปกติผู้ตายจะมีนิสัยร่าเริง อารมณ์ดี แต่เมื่อกลับมามีอาการผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งตาลอยไม่สุงสิงกับใคร จนเมื่อคืนที่ผ่านมาตนบอกให้ผู้ตายไปอาบน้ำ แต่ผู้ตายนั่งเหม่อลอยไม่ยอมขยับตัว พอถามชื่อก็ล้มไปนอน ทำตาเหลือก มีอาการหอบ ก่อนจะลงไปนั่งกราบเพื่อน ไม่ยิ้มแย้มเหมือนเคย,ผู้ตายจะมีอาการแปลกๆ อย่างอื่นด้วย เช่น ยืนปัสสาวะ เพื่อนไปเจอก็สงสัยว่าทำไมไม่นั่งดีๆ ดูมีอาการคล้ายคนถูกผีเข้า โดนของ จนเมื่อช่วงเช้าวันนี้ผู้ตายพูดเปรยกับเพื่อนว่าอยากกินหมูกระทะ ก็งงมาก เพราะมีอาการแตกต่างจากเดิมมาก แต่ได้ให้ผู้ตายพักในห้องแล้วออกไปทำงาน ก่อนจะเกิดเหตุสลดดังกล่าว,เบื้องต้น เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าผู้ตายน่าจะกระโดดตึกฆ่าตัวตายเอง ซึ่งจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าผู้ตายได้เดินออกจากห้องพักของเพื่อน ก่อนจะขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น 16 และดันหน้าต่างทางเดินก่อนจะปีนไปนั่งอยู่ตรงริมกระจกแล้วกระโดดลงมา ส่วนศพจะนำส่งชันสูตรที่นิติเวช รพ.รามาฯ ก่อนประสานญาติให้มารับศพนำไปบำเพ็ญกุศลต่อไป | สาววัย 26 ปี ไปเที่ยวพม่า กลับมาพักอยู่คอนโดฯเพื่อน พบเปลี่ยนจากร่าเริงอารมณ์ดี มีอาการคล้ายผีเข้า หรือโดนของ ตาขวาง ยืนฉี่ ล่าสุดบ่นอยากกินหมูกระทะ พอตอนเย็นกดลิฟต์ขึ้นชั้น 16 โดดลงมาดับ | ข่าว,ทั่วไทย | โดดตึก,โดดคอนโด,ผีเข้าโดดตึก,สาวกระโดดตึก,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1536636 |
โอนเงินเยียวยากลุ่มเปราะบาง 3000 บาท วันนี้ | วันนี้ (20 ก.ค.2563) น.ส.วิลาวรรณ พยาน้อย รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง ระบุว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ช่วยเหลือและเยียวยากลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 คือ เด็กที่ได้รับเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และคนพิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการ ขณะนี้ได้ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลเเล้วโดยวันนี้ กรมฯ จะโอนไปยังบัญชีของผู้มีสิทธิที่เคยได้รับเงินอุดหนุนรายเดือน ส่วนกรณีผู้มีสิทธิที่เคยรับเงินอุดหนุนเป็นเงินสด กรมบัญชีกลางจะโอนเงินไปยังหน่วยงานเดิมที่เคยจ่ายเงินอุดหนุนรายเดือน เพื่อให้หน่วยงานนั้นนำเงินไปจ่ายให้แก่ผู้มีสิทธิต่อไป โดยผู้มีสิทธิจะได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยาเดือนละ 1000 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งเเต่ พ.ค.-ก.ค.2563 รวมจำนวน 3000 บาทต่อคน โดยจะเป็นการจ่ายครั้งเดียวสำหรับผู้ที่จะได้รับเงินเยียวยาต้องเป็นผู้ที่ไม่เคยได้รับสิทธิการช่วยเหลือเยียวยาจากมาตรการช่วยเหลือเยียวยาของกระทรวงการคลังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงแรงงาน (สำนักงานประกันสังคม)เกษตรกร 1.2 เเสนคน เร่งเเจ้งบัญชีรับเงินเยียวยานายกษาปณ์ เงินรวง รองผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ระบุว่า เมื่อวานนี้ (19 ก.ค.) ธนาคารได้โอนเงินเยียวยาให้แก่เกษตรกรในงวดที่ 3 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. จนถึงปัจจุบัน รวมแล้ว 4990000 คน วงเงินกว่า 24999 ล้านบาทส่วนเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนการทำเกษตรไว้แต่ยังไม่ได้แจ้งเลขบัญชีมายังธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 128539 คน ขอให้เร่งแจ้งบัญชีธนาคารของตัวเอง ที่ www.เยียวยาเกษตรกร.com โดยด่วนภายในวันที่ 25 ก.ค. เพื่อให้ ธ.ก.ส.สามารถจ่ายเงินทั้ง 3 งวด ให้ภายในเดือน ก.ค.นี้ ไม่เช่นนั้นจะได้เงินล่าช้าออกไปสำหรับการโอนเงินให้เยียวยาให้เกษตรกรทีผ่านมา ในงวดที่ 1 เดือน พ.ค. มีการโอนเงินให้เกษตรกร จำนวน 7460000 คน วงเงิน 37305 ล้านบาทส่วนงวดที่ 2 เดือน มิ.ย. จ่ายเงินให้เกษตรกร รวม 7440000 คน วงเงิน 37217 ล้านบาท และงวดที่ 3 เดือน ก.ค. จ่ายเงินให้เกษตรกรแล้ว 4990000 คน วงเงิน 24999 ล้านบาท รวมทั้ง 3 งวด จ่ายเงินเยียวยาให้เกษตรกรแล้ว 99521 ล้านบาท | กรมบัญชีกลาง จ่ายเงินเยียวยาช่วยเหลือ กลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากการระบาด COVID-19 คนละ 3000 บาท โดยจ่ายครั้งเดียวผ่านบัญชีธนาคารที่เคยได้รับเงินอุดหนุนรายเดือน | สังคม | เงินเยียวยา,กลุ่มเปราะบาง,กรมบัญชีกลาง,เกษตรกร | https://news.thaipbs.or.th/content/294739 |
อนุทิน สวนพวกหนุนสารพิษ หวังผลการเมือง ใช้ชีวิตคนเดิมพันผลประโยชน์ | เมื่อวันที่ 13 ต.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่โลกโซเชียลสนับสนุนคณะกรรมการวัตถุอันตรายใช้,สารพิษ,ต่อ เพื่อให้รัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทยลาออก อันจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลนั้น,นายอนุทิน ชาญวีรกูล, รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า หัวใจทำด้วยอะไร เอาการเมืองมาเดิมพันกับชีวิตคนไทย การเมืองเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา วันหนึ่งฝ่ายท่านย่อมมีโอกาสขึ้นมาทำงาน ฝ่ายรัฐบาลปัจจุบันมีโอกาสตกลงไปเป็นฝ่ายค้าน มันเป็นวิถีการเมืองตามธรรมชาติ แต่หากปล่อยให้ใช้สารพิษต่อไป สุขภาพของคนไทยทั้งประเทศจะยิ่งแย่ลงไปเรื่อยๆ,นายอนุทิน กล่าวต่อว่า วิญญูชนไม่สมควรสนับสนุนการใช้สารพิษ เพียงเพราะหวังเอาชนะทางการเมือง อยากฝากตรงนี้ไว้ให้คิด หากต้องการทำงานรับใช้ประชาชน ให้เอานโยบายมาแข่งกัน ระหว่างนี้ก็หาทางทำประโยชน์แก่บ้านเมือง ให้ประชาชนเลือก หรือหากการสนับสนุนสารพิษ คือนโยบายก็ประกาศมาตรงๆ เลยว่า ตัวท่านพรรคท่านสนับสนุนสารพิษ แล้วเอาข้อมูลมาคานกันหรือยื่นให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายพิจารณาเป็นข้อมูลก่อนลงมติ,แต่อย่าเชียร์เพราะความสะใจ เนื่องจากสารพิษภาคเกษตรได้ทำลายชีวิตพี่น้องคนไทยมามากแล้ว นี่คือโอกาสที่ใกล้เคียงที่สุดที่เราจะล้างสิ่งเหล่านี้ออกจากประเทศ ขอให้ท่านคิดอย่างรอบคอบ นายอนุทิน กล่าว,นอกจากนี้ นายอนุทิน ยังกล่าวถึงกระแสข่าวว่า รัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยประกาศพร้อมลาออกทั้งคณะ หากผู้ใต้บังคังคับบัญชาซึ่งเป็นคณะกรรมการวัตถุอันตราย โหวตสวนนโยบายพรรค หันไปสนับสนุนให้ใช้สารพิษทางการเกษตรว่า เป็นการสื่อสารกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา ขณะลงพื้นที่ จ.พัทลุง แต่น่าจะมีการตีความกันคลาดเคลื่อนไปมาก เพราะที่ต้องการนำเสนอ คือ หากรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทยของกระทรวงไหน คุมผู้ใต้บังคับบัญชาไม่อยู่ ก็สมควรแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก แต่หากใครจัดการเรื่องของตัวเองได้ ผู้ใต้บังคับบัญชาไม่โหวตสวน ถือว่าท่านทำงานได้มีประสิทธิภาพ จบแล้ว ท่านก็อยู่ในตำแหน่ง ทำงานรับใช้บ้านเมืองต่อไป,จากนี้เป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีของพรรคแต่ละคน ที่ต้องไปกำกับดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาของท่าน ซึ่งสำหรับกระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการในสัดส่วนของกระทรวงมีเลขาธิการ อย. และปลัดกระทรวงสาธารณสุข ทั้ง 2 ท่านประกาศชัดเจนแล้ว จึงไม่เป็นห่วง ส่วนท่านอื่นเชื่อมั่นว่าจะไม่มีปัญหา เพราะตอนนี้สังคมก็บีบ หลายหน่วยงานก็บีบ ทุกคนเป็นห่วงสุขภาพคนไทย ใครจะหนุนต้องตอบสังคมให้ได้ จึงเชื่อว่าจะไม่มีใครกล้าฝืนความต้องการของประชาชน เพราะนี่เป็นเรื่องที่มีผลกระทบต่อสุขภาพคนไทยเป็นเดิมพัน นายอนุทิน กล่าว. | อนุทิน สวนขบวนการหนุนสารพิษ หวังแลกชีวิตคนไทย ปลุกสังคมช่วงนี้ดีสุดขจัดภัยร้ายออกจากประเทศ ย้ำ รมต.ภูมิใจไทย ลาออก หากผู้ใต้บัญชาในสังกัด นั่งควบ กก.วัตถุอันตราย หักหลังนโยบายแบนสารพิษพรรค | ข่าว,การเมือง | อนุทิน ชาญวีรกูล,ภูมิใจไทย,สารพิษ,สารเคมีพิษ,แบนสารเคมีพิษ,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/politic/1681308 |
คลังประชุมปฏิรูปภาษีนัดแรก 30 ส.ค.นี้ | สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (26 ส.ค.2562) นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ประชุมมอบนโยบายต่อกรมจัดเก็บรายได้ครั้งแรกโดยนายอุตตม กล่าวว่า ได้มอบหมายปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานคณะทำงานศึกษาแนวทางปฏิรูปโครงสร้างภาษี รวมทั้งศึกษาความเป็นไปได้ ในการผลักดันนโยบายภาษีตามที่พรรคพลังประชารัฐเคยหาเสียงไว้ ทั้ง การลดบุคคลธรรมดา ร้อยละ 10 การลดภาษีผู้ค้าออนไลน์ 2 ปี และยกเว้นการจัดเก็บภาษีผู้สำเร็จการศึกษาใหม่ 5 ปี ซึ่งจะประชุมนัดแรก ในวันศุกร์ที่ 30 สิงหาคมนี้นายอุตตม กล่่าวอีกว่า รัฐบาล จำเป็นต้องปฏิรูปโครงสร้างภาษี เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ แต่ขอเวลาศึกษาแนวทางดำเนินการ ผลกระทบ หากผลักดันนโยบายหาเสียงทั้งหมด และต้องตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ประเทศด้วยนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส อธิบดีกรมสรรพากร ยืนยันว่า การลดภาษีบุคคลธรรมดา ร้อยละ 10 ทันที จะกระทบการจัดเก็บรายได้ และเสถียรภาพทางการคลัง เพราะรายได้จากภาษีบุคคลธรรมดา คิดเป็นร้อยละ 17 ของรายได้ทั้งหมด หรือประมาณ 4 แสนล้านบาทพร้อมตั้งข้อสังเกตว่า การลดภาษีบุคคลธรรมดา จะต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง เพราะทุกวันนี้ รายได้จากภาษีบุคคลธรรมดา ส่วนใหญ่มาจาก คนรวยสุดของประเทศ ร้อยละ 3 คิดเป็นร้อยละ 72 ของผู้เสียภาษีบุคคลธรรมดาทั้งหมดขณะที่ ยอดผู้เสียภาษีบุคคลธรรมดาจริงๆ มีประมาณ 4 ล้านคน จากจำนวนผู้ยื่นแบบเสียภาษี 10.7 ล้านคนแต่ตามนโยบายที่รัฐมนตรีว่าากระทรวงการคลังระบุนั้น จึงต้องมองมิติการหารายได้จากกรมจัดเก็บภาษีอื่นประกอบด้วย เพื่อให้เห็นภาพโครงสร้างและผลกระทบที่ชัดเจนมากขึ้นนายเอกนิติ ยังกล่าวถึงการผลักดันการเก็บภาษี การเก็บภาษีแพลทฟอร์มออนไลน์ ต่างประเทศ เช่น เฟสบุ็ค / ยูทูป / กูเกิล หรือ อี บิซเนสว่า อยู่ระหว่างเตรียมชี้อจงรายละเอียดรายมาตราต่อคณะกรรมการกฤษฎีกา คาดว่า จะเข้าสภาฯ ทันปีนี้ และบังคับใช้ปีหน้าส่งผลให้ แพลทฟอร์ทต่างประเทศ ต้องจดทะเบียนและเสัยภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้กับไทย แต่กฎหมายฉบับนี้ อาจไม่เพียงพอต่อการจัดเก็บภาษีแพลทฟอร์ม หรือ ธุรกิจออนไลน์ขนาดกลางและขนาดเล็กจึงเตรียมร่างกฎหมาย รองรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลสากล หรือ Exchange force information ซึ่งเป็นระเบียบมาตรฐานสากลของ โออีซีดี ตามโมเดลที่ 20 ประเทศใช้ดำเนินการเก็บรายได้ธุรกรรมออนไลน์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มบนแพลทฟอร์มออนไลน์รวมทั้ง ศึกษาการเก็บภาษีบริการดิจิทัล หรือ Digital tax service ของฝรั่งเศส ซึ่งได้บังคับใช้เพื่อเก็บภาษีนิติบุคคล ร้อยละ3 ต่อธุรกรรม ก่อนนำมาวิเคราะห์ความเหมาะสม หากประยุกต์ใช้ในไทยได้หรือไม่ | รมว.กระทรวงการคลัง ตั้งปลัดกระทรวงการคลัง ประธานคณะทำงานศึกษาลดภาษีบุคคลธรรมดา 10% ประชุมนัดแรก ศุกร์นี้ ขณะที่ อธิบดีกรมสรรพากร ตั้งข้อสังเกต การลดภาษีอาจเพิ่มความเหลื่อมล้ำ หากไม่ปฏิรูปโครงสร้้างภาษีทั้งระบบ | เศรษฐกิจ | ภาษี,คนรวย,มนุษย์เงินเดือน,กรมสรรพากร | https://news.thaipbs.or.th/content/283394 |
สเปอร์ส สั่งปรับเงิน-แบน แฟนบอลป่วนเกมยูโรปาลีก | สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานวันที่ 19 ธ.ค. ว่า สโมสรทอตแนม ฮอตสเปอร์ ลงโทษแบน 3 แฟนบอลที่ก่อความวุ่นวายในแข่งขันฟุตบอลยูโรปาลีก รอบแบ่งกลุ่ม เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้แก่ เนธาเนียล ธอมป์สัน อายุ 23 ปี, เฮลเดอร์ โกเมส อายุ 22 ปี และ เดเนียล จาร์วิส อายุ 26 ปี ซึ่งทั้งหมดได้วิ่งลงไปในสนาม ทำให้ผู้ตัดสินต้องสั่งระงับการแข่งขันชั่วคราว ก่อนจะกลับมาเตะกันต่อจนจบครึ่งแรก,หลังการจับกุม แฟนบอลทั้ง 3 คนให้การรับสารภาพกับผู้พิพากษา ที่ศาลแขวงไฮบิวรี ชานกรุงลอนดอน จากการก่อเหตุความวุ่นวายโดยไม่มีข้อแก้ตัว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะใส่เสื้อยืดที่มีข้อความว่า Bassbuds ซึ่งเป็นชื่อ หูฟัง ยี่ห้อดังก็ตาม,ด้าน อัลทาฟ โมฮัมเหม็ด ทนายฝ่ายจำเลย พยายามแก้ต่างว่า ทั้ง 3 คน ทำไปเพียงเพราะได้รับการจ้างวานจากผู้ผลิตหูฟังชื่อดังในการเข้าทำกิจกรรมเพื่อโปรโมตสินค้า และรู้สึกละอายใจกับการกระทำดังกล่าว,สำหรับแฟนบอลทั้งหมด จะโดนลงโทษเป็นการปรับเงินคนละ 155 ปอนด์ ในเบื้องต้น และโดนสั่งห้ามเข้าสนามเป็นเวลา 3 ปี ไปจนถึงปี 2018 ซึ่งมีผลครอบคลุมในเขตอังกฤษและเวลส์ | ไก่เดือยทอง ทอตแนม ฮอตสเปอร์ เอาจริง ลงโทษสถานหนักกับแฟนบอลตัวป่วนที่ลงไปก่อความวุ่นวายกลางสนาม ในศึกฟุตบอลยูโรปาลีก ที่พบกับทีมปาร์ติซาน เบลเกรด เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา | null | ไก่เดือยทอง,ทอตแนม ฮอตสเปอร์,ลงโทษแฟนบอล,ยูโรปาลีก,ปาร์ติซาน เบลเกรด,ข่าวกีฬา | https://www.thairath.co.th/content/470054 |
มุมข้าราชการ : มีพระบรมราชโองการแต่งตั้ง ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ เป็น ราชบัณฑิต | ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์, เป็น ,ราชบัณฑิต, รายล่าสุดในประเภทวิชาสถาปัตยศิลป์ สาขาวิชาสถาปัตยกรรม สำนักศิลปกรรม ส่วนผู้ที่เพิ่งเกษียณอายุราชการจากตำแหน่งเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นได้เดือนเศษ คือ ,บรรสาน บุนนาค, ได้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน 2562 ตามมติ ครม.เมื่อวันอังคารก่อนโน้น เป็น อดีตข้าราชการ ที่เป็นที่ประจักษ์ในความรู้ความสามารถและอัธยาศัย,คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ,สุเทพ แก่งสันเทียะ, รองศึกษาธิการภาค 14 เป็น รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ,สุทิน แก้วพนา, ผู้ช่วยปลัดกระทรวงเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง ,วีระ แข็งกสิการ, รองศึกษาธิการภาค 1 เป็น ผู้ตรวจราชการกระทรวง ,มณฑล ภาคสุวรรณ์, รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง ,สุรินทร์ แก้วมณี, รองศึกษาธิการภาค 17 เป็น ศึกษาธิการ ภาค 5 ,ยศพล เวณุโกเศศ, รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เป็น ศึกษาธิการภาค 8,กระทรวงอุตสาหกรรม, ย้ายข้าราชการตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 2 รายคือ ,วรวรรณ ชิตอรุณ, เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เป็นรองปลัดกระทรวง และ ,เอกภัทร วังสุวรรณ, ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็น เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ส่วนกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแต่งตั้ง ,นุชนภา รื่นอบเชย, ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานและประเมินผลอุดมศึกษา สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็น ที่ปรึกษาด้านมาตรฐานการศึกษา สำนักงานปลัดกระทรวง และกระทรวงยุติธรรมแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จำนวน 3 คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี ดังนี้ ,1.รองศาสตราจารย์วีริศ อัมระปาล 2.นายธนพล คงเจี้ยง 3.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์,ในระยะเวลาใกล้เคียงกัน ข้าราชการพลเรือนสามัญหลายตำแหน่ง เช่น ,สุพล บริสุทธิ์, พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็น ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ,สาโรช งามขำ, ปศุสัตว์พื้นที่กรุงเทพมหานครเป็นนายสัตวแพทย์ทรงคุณวุฒิกรมปศุสัตว์ ,ทรงธรรม สุขสว่าง, ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็น ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม,ในแวดวงกระทรวงสาธารณสุข มี ,นพ.ไพโรจน์ บุญลักษณ์ศิริ, เป็น นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กลุ่มงานกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลหาดใหญ่ ,พญ.วนิดา สาดตระกูลวัฒนา, เป็น นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาล สิงห์บุรี ร้อยตำรวจเอก ,นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ, เป็น นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กลุ่มที่ปรึกษาระดับกระทรวง ,นพ.ธีรเดช ศรีกิจวิไลกุล, เป็น นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กลุ่มงานประสาทศัลยศาสตร์ กลุ่มภารกิจด้านวิชาการและการแพทย์สถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ ,นพ.สธน บุญลิขิต, เป็น นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ ,นพ.ไพศาล ร่วมวิบูลย์สุข, เป็น นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์,กลุ่มสาธารณสุขนิเทศก์ ได้แก่ ,นพ.อุดม ภู่วโรดม, เป็น สาธารณสุขนิเทศก์ สำนักงานปลัดกระทรวง ร้อยเอก ,นพ.ภูรีวรรธน์ โชคเกิด, เป็น สาธารณสุขนิเทศก์ สำนักงานปลัดกระทรวง ,นพ.สวัสดิ์ อภิวัจนีวงศ์, เป็น สาธารณสุขนิเทศก์ สำนักงานปลัดกระทรวง และ ,พญ.พรทิพย์ ศิริภานุมาศ, ผู้อำนวยการกองแผนงาน กรมควบคุมโรค เป็น นักวิชาการสาธารณสุขทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค,ซี.12 | มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ เป็น ราชบัณฑิต รายล่าสุดในประเภทวิชาสถาปัตยศิลป์ | null | ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์,ราชบัณฑิต,พระบรมราชโองการ,สำนักศิลปกรรม,สถาปัตยกรรม,มุมข้าราชการ,ซี.12 | https://www.thairath.co.th/news/politic/1704920 |
อุทยานฯรวยอู้ฟู่ รายได้จ่อ2พันล. | บาท ล้มแชมป์เก่าปี 2558 อุทยานฯเอราวัณ ที่หล่นไปอยู่อันดับ 4 ได้กว่า 99 ล้านบาท ส่วน อุทยานฯลันตา มาแรงเบียดขึ้นติด 1 ใน 10 เก็บได้กว่า 28 ล้านบาท อุทยานฯเขาใหญ่ 88 ล้านบาท ด้านอธิบดีอุทยานฯ ระบุจะนำเงินรายได้ยกระดับการบริหารจัดการอุทยานทั่วประเทศให้ดีขึ้น,กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดเก็บรายได้จากอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ ได้มากเป็นประวัติการณ์ โดยเมื่อวันที่ 10 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักอุทยานแห่งชาติ เผยแพร่สถิติเงินรายได้ของอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ 147 แห่ง ประจำปี 2559 ตั้งแต่เดือน ต.ค.2558-ส.ค.2559 ปรากฏว่าอุทยานฯที่มีรายได้อันดับ 1 คือ อุทยานฯ หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ จัดเก็บได้ 502,780,516 บาท อันดับ 2 อุทยานฯอ่าวพังงา จ.พังงา เก็บได้ 336,601,100 บาท อันดับ 3 อุทยานฯ หมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา 185,937,416.81 บาท อันดับ 4 อุทยานฯเอราวัณ จ.กาญจนบุรี 99,003,185.21 บาท อันดับ 5 อุทยานฯเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา 88,474,479.87 บาท,อันดับ 6 อุทยานฯดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ 66,884,425 บาท อันดับ 7 อุทยานฯเขาสก จ.สุราษฎร์ธานี 46,950,929.46 บาท อันดับ 8 อุทยานฯ หมู่เกาะช้าง จ.ตราด 28,941,273 บาท อันดับ 9 อุทยานฯลันตา จ.กระบี่ 28,829,850 บาท และอันดับ 10 อุทยานฯหมู่เกาะอ่างทอง จ.สุราษฎร์ธานี 27,975,951.86 บาท โดยทั้ง 10 อุทยานฯมีรายได้รวมกันกว่า 1,400 ล้านบาท แต่ถ้านับเงินรายได้รวมกันทั้ง 147 อุทยานฯ มีจำนวนมากถึง 1,821,052,660.18 บาท มากกว่าการจัดเก็บรายได้ประจำปี 2558 ที่ได้จำนวน 896,829,343.39 บาท เกือบ 1 พันล้านบาท และถือว่ามากที่สุดนับตั้งแต่มีการจัดเก็บเงินรายได้อุทยานฯ,สำหรับอันดับ 11-20 ประกอบด้วย อุทยานฯ น้ำตกพริ้ว จ.จันทบุรี 23,776,375 บาท อุทยานฯ เขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด จ.ระยอง 21,915,550 บาท อุทยานฯตะรุเตา จ.สตูล 20,472,651.97 บาท อุทยานฯแก่งกระ จาน จ.เพชรบุรี 19,854,925 บาท อุทยานฯธารโบกขรณี จ.กระบี่ 18,575,520 บาท อุทยานฯภูหินร่องกล้า จ.เพชรบูรณ์ 15,419,626 บาท อุทยานฯตาดโตน จ.ชัยภูมิ 15,360,850 บาท อุทยานฯห้วยน้ำดัง จ.เชียงใหม่ 14,804,879 บาท อุทยานฯภูกระดึง จ.เลย 14,549,740 บาท และอุทยานฯดอยสุเทพ-ปุย จ.เชียงใหม่ 13,443,097 บาท,ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สถิติการจัดเก็บเงินรายได้ประจำปี 2559 ของแต่ละอุทยานฯ มีการเปลี่ยนแปลงอันดับจากปี 2558 โดยสามารถล้มแชมป์การจัดเก็บเงินรายได้ปี 2558 ได้อย่างสิ้นเชิง โดยในปี 2558 อุทยานฯ ที่จัดเก็บเงินรายได้อันดับ 1 คือ อุทยานฯเอราวัณ จำนวน 90,603,396.65 บาท อันดับ 2 อุทยานฯ เขาใหญ่ จำนวน 88,769,209.30 บาท อันดับ 3 อุทยานฯ หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จำนวน 84,948,280 บาท อันดับ 4 อุทยานฯอ่าว,พังงา จำนวน 62,754,434 บาท อันดับ 5 อุทยานฯ อินทนนท์ จำนวน 49,992,515.55 บาท ทั้งนี้ อุทยานฯ ที่สามารถแทรกขึ้นมาติด 1 ใน 10 ที่สามารถจัดเก็บเงินรายได้มากที่สุดคือ อุทยานฯ ลันตา จ.กระบี่ โดยมาแทนที่อุทยานฯน้ำตกพริ้ว จ.จันทบุรี ที่ตกไปอันดับ 11 นอกจากนี้ ในแต่ละอุทยานฯ ทั่วประเทศ สามารถจัดเก็บเงินรายได้ ได้เพิ่มขึ้นเกือบทุกอุทยานฯ แม้แต่อุทยานฯ ที่กรมอุทยานฯ ลุยตรวจสอบเอกสารสิทธิที่ออกโดยมิชอบอย่างหนัก เช่น อุทยานฯสิรินาถ จ.ภูเก็ต 11 เดือนเก็บได้มากกว่า 2 ล้านบาท เป็นต้น,ทั้งนี้ นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯ เปิดเผยว่า การจัดเก็บเงินรายได้ถือว่าน่าพอใจ สาเหตุมาจากการวางแผนที่รอบคอบรัดกุมไม่ให้รั่วไหล รวมทั้งการจัดวางบุคลากรลงไปเป็นหัวหน้าอุทยานฯ ที่คัดเลือกคนที่มีความสามารถ จนทำงานออกมาจนประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง โดยเฉพาะอุทยานฯ หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ทั้งนี้ เหลือระยะเวลาอีก 1 เดือนจะหมดปีงบประมาณ คาดว่ารายได้รวมกันน่าจะมากกว่า 1,900 ล้านบาท โดยเงินรายได้จะนำมายกระดับการบริหารจัดการอุทยานฯทั่วประเทศ ให้ดีขึ้น ด้วยงบประมาณ 500 ล้านบาท หรือมากกว่า รวมทั้งนำรายได้ไปช่วยเหลืออุทยานฯที่มีรายได้น้อยตามแผนปฏิรูปอุทยานฯที่กำลังดำเนินการ | อู้ฟู่ รายได้อุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ ประจำปี 2559 เฉียด 2 พันล้านบาท มาก กว่าปี 2558 เกือบพันล้านบาท มากที่สุดในประวัติศาสตร์การจัดเก็บเงินรายได้ โดย อุทยานฯ หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ที่เดียวเก็บค่าเข้าได้ถึง 502 ล้าน | null | ข่าวหน้า1,รายได้อุทยานแห่งชาติ,หาดนพรัตน์ธารา,หมู่เกาะพีพี,อุทยานแห่งชาติ | https://www.thairath.co.th/content/718645 |
หนุ่มนักเรียนนอก ควบซุปเปอร์ไบค์ขึ้นทางด่วน อ้างไม่รู้กฎหมาย (ชมคลิป) | ตำรวจ สน.ทางด่วน ศูนย์ควบคุมจราจรด่วน 1 จับกุมตัววัยรุ่นชาย อายุ 26 ปี หลังซิ่งจักรยานยนต์ซุปเปอร์ไบค์ ขึ้นทางโยธินพัฒนา ถ.เลียบทางด่วนรามอินทรา อ้างเพิ่งเรียนจบจากต่างประเทศ ไม่รู้กฎหมาย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้ง 2 ข้อหา,เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 2 มิ.ย. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.อดุล เวปุลานนท์ พงส.ผนพ.งานศูนย์ควบคุมจราจรด่วน 1 รับแจ้งเหตุรถจักรยานยนต์ซุปเปอร์ไบค์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นอาร์ 1 สีขาว ไม่สวมหมายเลขทะเบียน ลักลอบขี่ขึ้นทางโยธินพัฒนา ถนนเรียบทางด่วนรามอินทรา แขวงและเขตลาดพร้าว กทม. จึงประสานห้องวิทยุของจราจร ห้องวิทยุของทางด่วน และมูลนิธิร่วมกตัญญู เพื่อเร่งปิดการจราจรและสกัดจับช่วงด่านประชาอุทิศช่วงขาเข้า เนื่องจากเกรงว่าผู้ขับขี่อาจหลบหนีและเกิดอุบัติเหตุ,ที่เกิดเหตุเป็นทางร่วมระหว่างทางขึ้นด่วนประชาอุทิศและทางพิเศษฉลองรัช ด้านขาเข้ามุ่งหน้าพระราม 9 เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ขับขี่ทราบชื่อต่อมาคือนายสิทธิโชค เสรีธรรมกุล อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11/126 แขวงรามคำแหง เขตสะพานสูง กทม. สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ ใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาว สีดำลายจุด นุ่งนางเกงยีนส์ขายาว ก่อนเชิญตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่งานศูนย์ควบคุมจราจรด่วน 1 (สน.ทางด่วน 1),จากการสอบสวนนายสิทธิโชค ให้การอ้างว่า ก่อนเกิดเหตุตนขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าว ออกมาจากบ้านพักย่านรามคำแหง เพื่อมุ่งหน้าไปทำธุระส่วนตัวที่พระราม 9 ขณะขี่มาช่วงจุดเกิดเหตุตนได้เลี้ยวรถเข้าช่องทางด่วนอีซี่พาส ตามรถยนต์คันหน้าเข้าไป โดยไม่คิดว่าผิดกฎหมาย เนื่องจากเพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศสหรัฐอเมริกาได้เพียง 4 เดือน หลังเรียนจบ กระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมได้ดังกล่าว ,เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าหน้าที่จราจร (ขี่จักรยานยนต์บนทางพิเศษ) ปรับ 1,000 บาท และไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ปรับ 1,000 บาท ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ทางด่วน 1 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป | ตำรวจ สน.ทางด่วน ศูนย์ควบคุมจราจรด่วน 1 จับกุมตัววัยรุ่นชาย อายุ 26 ปี หลังลักลอบซิ่งจยย.ซุปเปอร์ไบค์ ขึ้นทางโยธินพัฒนา ถ.เลียบทางด่วนรามอินทรา อ้างเพิ่งเรียนจบจากต่างประเทศ ไม่รู้กฎหมาย เบื้องต้น จนท.แจ้ง 2 ข้อหา | ข่าว,ทั่วไทย | ขี่จยย.บนทางด่วน,นักเรียนนอก,ซุปเปอร์ไบค์ขึ้นทางด่วน,ขี่ซุปเปอร์ไบค์,ทางโยธินพัฒนา,ช่องทางด่วนอีซี่พาส,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,เลียบทางด่วนรามอินทรา,อ้างไม่รู้กฎหมาย | https://www.thairath.co.th/news/local/502573 |
วงเสวนาสื่อสาธารณะ: ปกป้อง จันวิทย์ เสียงแห่งความเงียบของไทยพีบีเอส | เสนอ ควรทบทวนระบบบริหารงานภายใน ทำไมคนมีศักยภาพไม่อาจอยู่ในองค์กร พบ รายงานการประชุมนโยบายไม่ถูกนำเสนอในเว็บไซต์ตั้งแต่ปี 57ปกป้อง จันวิทย์: รูปจากเพจวงเสวนาเวทีเสวนาแลกเปลี่ยนเชิงสร้างสรรค์ The Creative Forum วงแชร์ : สังคมไทยประมาณนี้ สื่อสาธารณะประมาณไหน ร่วมมองอนาคตใหม่สื่อสาธารณะ วันที่ 5 ก.ค. 2560 ณ ไทยพีบีเอส Convention Hall 2 อาคาร D ชั้น 2 ดำเนินรายการโดย หทัยรัตน์ พหลทัพ และ โกวิท โพธิสารปกป้อง จันวิทย์ บรรณาธิการร่วม the101.world และผู้วิจัย โครงการประเมินผลการดำเนินงานไทยพีบีเอสประจำปี 2552 กล่าวว่า10 ปีของไทยพีบีเอสเป็นการทำงานที่ท้าทายและเต็มไปด้วยความคาดหวัง ผมอยากเห็นเหมือนหลายๆ คน ที่อยากเห็นสื่อมืออาชีพที่ทำงานเพื่อประโยชน์สาธารณะ ไม่ขึ้นต่ออำนาจรัฐและทุน มีพื้นที่ให้กับประเด็นและผู้คนที่ไร้อำนาจต่อรองหรือเห็นต่างจากรัฐ และมีพื้นที่ให้ประเด็นและผู้คนที่ตลาดไม่สนใจ ที่มีค่าแต่ไม่มีมูลค่าตลาด เราต้องการสื่อที่ให้ปัญญาความรู้แก่สังคม ทำหน้าที่ตลาดวิชาที่เข้าถึงคนวงกว้างที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทำรายการดีที่มีคนดู ซึ่งยาก ต้องอาศัยองค์ความรู้ในวิชาชีพสื่อมาแปลงความรู้ไปสู่สังคมได้อย่างมีพลังWในช่วงวิกฤตเรายิ่งต้องการสื่อที่ทำหน้าที่รายงานความจริงแต่ละชุดอย่างรอบด้านครบถ้วน เปิดพื้นที่ให้ความจริงหลากหลายคนทำสื่อต้องเก่งพอที่จะขุดความจริงมาตีแผ่และมองเห็นถึงความสัมพันธ์และเชื่อมโยงความจริงแต่ละชุด กล้าหาญพอที่จะเอาความจริงที่ไม่มีใครกล้าพูดหรือผู้มีอำนาจไม่อยากฟังออกมารายงานสู่สาธารณะแม้ว่าต้องชนกับรัฐบาลก็ตามถ้าสื่อสาธารณะทำหน้าที่ได้ดีก็จะมีศักยภาพที่จะกำหนดหรือชี้นำทั้งวาระ ทิศทาง ผลลัพธ์ในเรื่องสำคัญของสังคมได้ ต้องถามตัวเองว่าเราสามารถ ask the right question ในประเด็นถกเถียงสำคัญหรือยัง บทบาทที่ถ้าเราทำได้เต็มที่เราคงมีโอกาสผลักดันนโยบายสาธารณะที่ดี สร้างพลังทางการเมืองและปัญญาความรู้ให้พลเมือง สร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตย และช่วยทำหน้าที่กำกับทางสังคม ให้สังคมข้ามพ้นวิกฤตเปลี่ยนผ่านได้อย่างสันติ มีสติ และมีปัญญา ถ้าทำหน้าที่ให้ดีแล้วก็จะเป็นตัวแบบที่กำหนดมาตรฐานวิชาชีพสื่อในเมืองไทยให้สูงขึ้นได้ในช่วงหลังรัฐประหารสังคมไทยอาจต้องการสื่อสาธารณะมากที่สุด ในการรายงานความจริงชุดที่แตกต่างจากความจริงของรัฐ ในการเป็นธงนำส่งเสียงปกปักษ์รักษาเสรีภาพของทั้งสื่อและพลเมือง และในการติดตามตรวจสอบรัฐบาลที่ตรวจสอบไม่ได้เพื่อรักษาผลประโยชน์สาธารณะ แต่คนจำนวนมากในสังคมได้ยินแต่เสียงแห่งความเงียบของไทยพีบีเอสถ้าเงียบจริงก็เป็นปัญหาใหญ่ว่าไทยพีบีเอสมีไว้ทำไมถ้าส่งเสียงแล้วคนไม่ได้ยินก็เป็นปัญหาอีกแบบหนึ่งที่ต้องทบทวนว่าพลังของไทยพีบีเอสหายไปไหน ทั้งที่มีคนทำงานภายใน มีผู้ผลิตภายนอก และมีเครือข่ายคนทำงานที่ตั้งใจดีมีคุณภาพ และมีสำนึกของคนทำสื่อสาธารณะอยู่เต็มไปหมด คำถามคือพลังของคนเหล่านี้ไม่ส่งผ่านไปสร้างพลังที่หน้าจอ ในช่วงสามปีหลังพลังของเราในการเขย่าสังคมลดน้อยถอยลงไปอย่างน่าใจหาย และคนรับรู้ถึงการมีอยู่ของเราน้อยลงเรื่อยๆ จากเรตติ้งที่เคยอยู่อันดับ 4 ของฟรีทีวี เดี๋ยวนี้ลงไปอยู่ต่ำกว่าที่ 15 ทั้งที่เราไม่ต้องลงสนามแข่งขันทางธุรกิจเหมือนอย่างช่องทีวีดิจิทอลส่วนใหญ่ที่ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดกันเราได้รับเงินที่ส่งมาสร้างสรรค์ผลงานปีละ 2000 ล้านทุกปี ไม่ต้องออกแรง หรือการไม่ต้องออกแรงนี่เองที่ทำให้เราเฉื่อย ไม่ต้องปรับตัว แต่น่าสนใจว่าทรัพยากรที่ลงไปกับผลลัพธ์ที่ออกมาทำไมห่างไกลจากความคาดหวังของเรามาก กระบวนการบริหารจัดการภายในองค์กรมีปัญหาอะไร ถึงเราไม่ต้องแข่งขันในสนามธุรกิจแต่เราต้องแข่งขันในหน้าจอ เพราะคนมีทางเลือกมาก เราต้องปรับตัวให้เป็นทางเลือกที่โดดเด่นแก่คนดูได้วิธีคิดของบางคนที่นี่ เราทำของดีไปไม่ต้องสนใจเรตติ้ง หรือโทษคนดูเป็นหลัก จึงไม่ใช่ ผมเชื่อว่าหน้าที่ไทยพีบีเอสคือทำรายการที่ดีมีคุณภาพนั้นเป็นเงื่อนไขจำเป็นแต่ยังไม่เพียงพอ ถ้าเพียงพอต้องสู้กับคนดู ดึงคนดูให้กว้างที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่เป็นคนละเรื่องกับการ ประนีประนอม (compromise) บทบาทหน้าที่ของไทยพีบีเอสนี่คือความท้าทายใหญ่ ถ้าคนไม่ดูเราต้องโทษตัวเอง ต้องเพิ่มการเข้าถึง (reach) ให้คุ้มกับเงินภาษีประชาชนและคุ้มกับความตั้งใจของทีมงานถ้าเราโทษระบบเรตติ้งที่มีอยู่ ไม่ต้องสนใจ ใช้ไม่ได้ ไม่ดี ก็ต้องออกแบบเรตติ้งของตัวเองที่คิดว่ามันสะท้อนการทำงานของสื่อสาธารณะได้ดีแล้วใช้ประเมินตัวเอง แต่ก็ไม่ใช่ไม่ผูกตัวเองกับการประเมินใดๆเลย แม้เรตติ้งจะมีข้อจำกัด มันก็เหมือน GDP ที่บอกอะไรเราหลายอย่าง และทำให้เราเทียบเคียงกับเพื่อนร่วมวงการได้ และมีประโยชน์ในการวางแผนการทำงานของเรา เราอยู่กับเรตติ้งที่เราเข้าใจข้อจำกัดของมัน แต่ไม่ใช่ใช้มันเป็นเป็นข้ออ้างในการไม่ต้องลงแรงในยุคที่มีการแข่งขันทางทีวีมากที่สุดและไทยพีบีเอสได้แต้มต่อจากเงิน 2000 ล้าน เรากลับไม่มีความสามารถไปแข่งกับเพื่อนๆ ในการสร้างสรรค์หน้าจอคุณภาพ ยกระดับวงการทีวีต้องหันมาทบทวนว่าปัญหาอยู่ตรงไหน เพราะระบบราชการที่ผลิตสร้างกันเองภายในที่ฉุดการเติบโตไปข้างหน้าและความคิดสร้างสรรค์ในองค์กรไหม เรายังจัดซื้อจัดจ้างรายการเหมือนซื้อโต๊ะซื้อเก้าอี้กันอยู่ไหม หรือเป็นเพราะการกำกับดูแล (governance) ขององค์กรที่ถูกกำหนดมาตามกฎหมาย ซึ่ง 10 ปีแล้วอาจต้องมาคิดจริงจังว่ามันเหมาะกับการบริหารองค์กรสื่อไหม เช่น การมีผอ.และบอร์ดบริหาร มีคณะกรรมการ 9 คนซ้อนกัน มันเหมาะกับการบริหารองค์กรสื่อขนาดใหญ่ไหม องค์ประกอบของกรรมการนโยบายถ้าคิดว่ายังต้องมีอยู่เหมาะสมไหม คนเยอะไปไหม บทบาทหน้าที่ควรจะเป็นอย่างไร หรือไม่ต้องมีเลย ถ้าไม่ต้องมีแทนที่ด้วยอะไร ถ้ามี คนที่รู้เรื่องสื่อจริง ๆ มีน้อยเกินไปไหม คนที่เป็นมืออาชีพมีประสบการณ์การบริหารองค์กรขนาดใหญ่ที่มือถึงมีน้อยไปไหม รูปแบบการสรรหาเพื่อให้ได้คนที่หลากหลายจะเป็นอย่างไร ในที่สุดอาจถึงเวลาที่ต้องทบทวนเรื่องเหล่านี้เรื่องสำคัญอีกเรื่องคือการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในองค์กร โดยเฉพาะพนักงาน มีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจและกระบวนการตรวจสอบฝ่ายบริหารมากน้อยแค่ไหน นอกจากนั้นผู้ชมทั่วไปที่ต้องเป็นเจ้าของไทยพีบีเอส มีส่วนร่วมในการแนะนำและตรวจสอบไทยพีบีเอสอย่างไร ประชาชนกับไทยพีบีเอสจะสัมพันธ์กันอย่างไรเพราะเราใช้เงินภาษีประชาชนผมเข้าไปในเว็บไซต์พยายามดูว่าเดี๋ยวนี้กรรมการนโยบายเขาประชุมอะไรกัน ซึ่งแต่ก่อนมีการลงรายงานการประชุมนโยบายให้คนทั่วไปดูได้ ตอนนี้รายงานการประชุมล่าสุดที่ลงในเว็บไซต์คือ 19 มิถุนายน 2557 เราไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นในนั้น มีข้อมูลอะไรที่ต้องเปิดเผยต่อสาธารณะบ้างหรือเพราะการเมืองภายในองค์กรที่ฉุดรั้งไม่ให้เราไปข้างหน้า องค์กรไม่สามารถประสานคนจากหลากหลายที่มา หลากหลายความคิด ให้ทำงานร่วมกันและเห็นคุณค่าร่วมขององค์กรสื่อสาธารณะได้ กลับตีกันเอง ชิงอำนาจกันไปมา ไม่รู้บทบาทหน้าที่ของแต่ละคนที่ควรจะทำหรือเปล่า?หรือเพราะการบริหารคน ทำไมคนที่มีจิตสำนึกสาธารณะด้วย เก่งด้วย มีวิสัยทัศน์ด้วย ถึงไม่เลือกมาทำงานที่นี่ ทำไมคนที่มีจิตสำนึกสาธารณะมีคุณภาพในไทยพีบีเอส ไม่สามารถใช้ศักยภาพในตัวเขาได้อย่างเต็มที่ ทำไมเรารักษาคนเหล่านี้ในองค์กรไม่ได้ ถ้าองค์กรไม่สามารถรักษาคนเหล่านี้ได้ แสดงว่าองค์กรมีปัญหาจริง ๆ เพราะสำหรับเขาเท่าที่ผมรู้จัก ใจเขาอยู่ที่นี่ จิตวิญญาณเขาอยู่ที่นี่ แต่เขาเหนื่อยและท้อจนสุดท้ายต้องลาออกไปสังคมไทยประมาณนี้ สื่อสาธารณะก็ประมาณนี้แหละ จะเอาอะไรมาก ยังดีไม่พอ เราไม่ได้เทียบกับช่องอื่น เราต้องเทียบกับอุดมคติที่เราอยากไปถึงต่างหาก การมีอยู่ของสื่อสาธารณะต้องเพื่อผลักดันวงการสื่อและเคลื่อนสังคมไปข้างหน้า ไม่ใช่ย่ำอยู่กับที่ อยู่ตรงที่สังคมหยุดนิ่งสื่อสาธารณะต้องอยู่ข้างๆ กับสังคม แต่ต้องมีส่วนในการเคลื่อนสังคมให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน ถ้าล้ำหน้าสังคมได้ก็ดี แต่ต้องไม่ลืมที่จะพาสังคมให้ยกระดับตามไปด้วย ถ้าสังคมถอยหลังเราไม่ต้องถอยหลังตาม เป็นหน้าที่เราที่ต้องดึงรั้งสังคมไว้ แต่เมื่อไหร่ที่สื่อสาธารณะตามสังคมไม่ทัน ตามความเป็นจริงของสภาพของการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม วัฒนธรรมทั้งไทยและโลกไม่ทัน อาจรวมถึงการตามวงการสื่อไม่ทัน ยิ่งน่าเป็นห่วงไทยพีบีเอสต้องกล้าพูดความจริง กล้าวิจารณ์รัฐบาลแบบไม่กลัวถูกยุบ วัตถุประสงค์ของไทพีบีเอสก็กำหนดให้มีส่วนในการสร้างสังคมประชาธิปไตย ถ้าทำหน้าที่สื่อสาธารณะเต็มที่คนก็จะเห็นคุณค่าและปกป้องเวลาที่รัฐจะเข้ามารังแกหรือแทรกแซง แต่ถ้ากล้าๆ กลัวๆ ไม่แตกต่างอย่างชัดเจน คนก็ไม่รู้สึกหวงแหน ไม่เห็นความหมายของการมีอยู่ของไทยพีบีเอส ยิ่งถ้าคิดไปตามใจรัฐสุดท้ายโดนยุบด้วย แทรกแซงด้วย คนก็จะยิ่งหัวเราะเยาะแทนที่จะเข้ามาช่วยปกป้องผมในฐานะคนรักไทยพีบีเอส รักมากก็ต้องวิจารณ์หนักมาก ผมหวังจะเห็นการเปลี่ยนแปลงทั้งหน้าจอ ข่าว สารคดี และรายการ ที่ทำให้พวกเรากลับมาตื่นเต้นกับไทยพีบีเอสได้อีกครั้ง ซึ่งจะเป็นอย่างนั้นได้หน้าจอและหลังจอต้องถูกปฏิรูปใหญ่ไปพร้อมกัน และที่สำคัญต้องกลับมายืนนิ่งๆ แน่นๆ ในจุดยืนที่สื่อสาธารณะควรตั้งมั่นอยู่ เชื่อว่าคนในที่นี้รู้อยู่แล้ว ปัญหาคือคิดจะทำรึเปล่า ยอมเหนื่อยไหม และกล้ารึเปล่าเท่านั้นเอง | ปกป้อง ชี้ หลังรัฐประหาร ไทยพีบีเอสควรกล้าชนกับฝ่ายรัฐ เปิดพื้นที่ให้ความจริงหลากหลาย ต้องแก้โจทย์ ทำรายการดีที่มีคนดู ให้คุ้มเงินภาษี 2000 ล้าน หากประชาชนเห็นคุณค่าก็จะปกป้องหากรัฐเข้าแทรกแซง | การเมือง,คุณภาพชีวิต,วัฒนธรรม,ไอซีที,เศรษฐกิจ,สังคม | ปกป้อง จันวิทย์,สื่อสาธารณะ,ไทยพีบีเอส | https://prachatai.com/journal/2017/07/72297 |
ชุมพล เร่ง กกท.ทำแผนกีฬาพัฒนาสู่จ้าวอาเซียน | หลังจากทัพนักกีฬาไทยสร้างผลงานในช่วงหลังได้ไม่ค่อยดีนัก ทั้งการเสียตำแหน่งเจ้าเหรียญทองซีเกมส์ให้กับอินโดนีเซีย รวมทั้งการแข่งขันโอลิมปิกที่กรุงลอนดอนเมื่อกลางปีที่ผ่านมาเป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปีที่ทัพนักกีฬาไทยไม่สามารถคว้าเหรียญทองมาครองได้ ทำให้นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก และได้สั่งการให้การกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท. เร่งจัดทำแผนพัฒนานักกีฬา โดยไม่เพียงการสนับสนุนงบประมาณในการพัฒนาเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น แต่ กกท.จะเข้าไปประสานงานกับสมาคมกีฬาอย่างใกล้ชิดกว่าเดิม เพื่อเน้นให้นักกีฬาไทยกลับมาประสบความสำเร็จ โดยวางเป้าหมายให้ในการแข่งขันซีเกมส์ที่ประเทศพม่าในปีหน้าไทยจะต้องกลับมาครองเจ้าเหรียญทองให้ได้อีกครั้ง และการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ที่เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ในปี 2014 ไทยจะต้องเป็นชาติอันดับหนึ่งของอาเซียน และการแข่งขันโอลิมปิก 2016 ที่เมืองริโอ เดอ จาไนโร ประเทศบราซิล นักกีฬาไทยจะต้องกลับมาคว้าเหรียญทองให้ได้อีกครั้งผู้ว่าการ กกท. ยังบอกอีกว่า นอกจากกีฬาความหวังในโอลิมปิกทั้งเทควันโด มวยสากลสมัครเล่น และยกน้่ำหนักแล้ว กกท.จะพยายามร่วมกับสมาคมกีฬาต่างๆ เพื่อพัฒนานักกีฬาขึ้นมามีความหวังในโอลิมปิกเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มโอกาสคว้าเหรียญของนักกีฬาไทยให้เพิ่มมากขึ้นสำหรับโอลิมปิก2012 ที่กรุงลอนดอน ไทยคว้ามาได้เพียง 2 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดงเท่านั้น ซึ่งต่างจากการแข่งขันโอลิมปิก 2008 ที่กรุงปักกิ่งที่ไทยคว้ามาได้ถึง 2 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน | กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามอบหมายการกีฬาแห่งประเทศไทยจัดทำแผนพัฒนากีฬาเพื่อนำไทยกลับคืนสู่ความเป็นมหาอำนาจกีฬาในภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งประสบความสำเร็จในการแข่งขันระดับนานาชาติ โดยเฉพาะโอลิมปิกเกมส์ปี 2016 ที่ไทยจะต้องกลับมาคว้าเหรียญทองให้ได้อีกครั้ง | กีฬา | กกท,กีฬา,ชุมพล,ซีเกมส์,อาเซียน,โอลิมปิก | https://news.thaipbs.or.th/content/127338 |
แต่งไทยไปสาดน้ำ สงกรานต์บ้านเรา | เพราะทุกจังหวัดต่างจัดงานเทศกาลสงกรานต์ชุ่มฉ่ำกันถ้วนหน้า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ : Amazing Songkran 2018 เพื่อสืบสานประเพณี อัตลักษณ์วิถีไทย สร้างความโดดเด่นและกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวภายในประเทศ แถมพ่วงด้วยการจัดงานเทศกาลสงกรานต์ใน 5 เมืองรอง เชิญชวนให้คนไทยแต่งชุดไทยไปเที่ยว,เริ่มกันที่ สิงห์บุรี ที่มาในธีม เชิญชวนนักท่องเที่ยวร่วม นุ่งโจง ห่มสไบ เล่นน้ำแบบไทยๆ ณ สิงห์บุรี โดยแต่งกายแบบบ้านบางระจัน พร้อมกิจกรรมในรูปแบบประเพณีโบราณ ตลาดย้อนยุค เล่นน้ำสงกรานต์โดยใช้กะลา และชมการแสดง น้ำทิพย์ศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน สู่มหาสงกรานต์บ้านระจัน ส่วน จันทบุรี จัดงาน มหาสงกรานต์ตะปอน ตำนานแห่เกวียนผ้าพระบาท จันทบุรี เชิญชวนนักท่องเที่ยวชมพิธีโบราณการสวดและขบวนแห่เกวียนผ้าพระบาทที่สวยงาม กิจกรรมชักเย่อเกวียนผ้าพระบาท ก่อเจดีย์ทรายและชิมอาหาร ร้อยรส-พันอย่าง,ขึ้นไปภาคอีสาน เปิดตำนาน สงกรานต์ ดีโน่สินธุ์ถิ่นคน น่ารัก ในแนวคิด น้ำมีวันหมด ใช้ทุกหยดอย่างรู้ค่า-ซิด แทน สาด ที่ กาฬสินธุ์ พบกับศิลปิน วงแพรวา จีจี้ ลูกหลานชาวกาฬสินธุ์ ที่มาช่วยสร้างสีสันให้กับงานสงกรานต์ปีนี้ ขึ้นเหนือไปที่ กำแพงเพชร จัดงาน สงกรานต์มงคล ก่อพระทรายน้ำไหล ยิ่งใหญ่พวงมโหตร เชิญชวนนักท่องเที่ยวชมเกาะกลางแม่น้ำปิง และร่วมชมความงามพวงมโหตรที่ตกแต่งสะพานสู่เกาะกลาง ยังมีอุโมงค์มงคล ซึ่งมีน้ำ มนต์ศักดิ์สิทธิ์จาก 9 วัดสำคัญ ส่วนภาคใต้ เชิญไป นครศรีธรรมราช ร่วมงาน เทศกาลมหาสงกรานต์ แห่นางดานเมืองนครศรีธรรมราช ชมความงาม ตระการตา แสง สี เสียงในขบวนแห่นางดาน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของพิธีโล้ชิงช้า และร่วมชมความงามการรำเสนง ฟ้อนรำที่หาชมได้ยาก มีเฉพาะที่นครศรีธรรมราชเท่านั้น พร้อมเสริมสิริมงคลในพิธีปลุกเสกน้ำพระพุทธมนต์ จากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ 6 แหล่ง,ส่วนในจังหวัดอื่นๆ ก็มีกิจกรรมงานสงกรานต์กันแบบเก๋ไก๋ ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลแห่ค้างดอกไม้ ที่ อ.บ้านไร่ อุทัยธานี งานสงกรานต์ นครสวรรค์ ที่มีทั้งงานบุญข้าวแช่ งานประเพณีบุญสงกรานต์เมืองสี่แคว วิถีไทย วิถีพุทธ ส่วนที่ บุรีรัมย์ จัดงาน บุรีรัมย์ สงกรานต์ คานิวัล วกกลับเข้า เพชรบูรณ์ มีงานแต่งกายไทย พูดโบราณ เล่นสงกรานต์เพชรบูรณ์,ขึ้นเหนือไป ลำปาง งาน สลุงหลวง กลองใหญ่ ปีใหม่เมือง ก็สนุกสนานไม่แพ้ที่อื่น เช่นเดียวกับสงกรานต์เมือง แพร่ สงกรานต์ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย เน้นแต่งกายหม้อห้อม เล่นน้ำทั้งเมือง จังหวัด เลย จัดประเพณีสงกรานต์งานแห่ต้นดอกไม้บ้านแสงภา ส่วนที่ น่าน เมืองครีเอทีฟ ทัวริสซึม จัดงานแต่งไทยไปเที่ยวน่าน และอีกหลากหลายกิจกรรมทั่วไทย ในเทศกาลสงกรานต์ปีใหม่ไทย ซึ่งแต่ละภาคก็จะธำรงไว้ซึ่งอัตลักษณ์และวัฒนธรรมท้องถิ่น อย่างสงกรานต์ล้านนา ที่เรียกว่า ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง สงกรานต์อีสาน หรือ งานบุญเดือนห้า สงกรานต์ภาคกลาง นับวันที่ 13 เป็น วันมหาสงกรานต์ วันที่ 14 เป็น วันกลาง หรือ วันเนา ส่วนวันที่ 15 ก็เป็น วันเถลิงศก ในสามวันนี้ผู้คนจะทำบุญตักบาตร สรงน้ำพระ ก่อเจดีย์ทราย รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ และทำความสะอาดบ้านเรือนต้อนรับปีใหม่,ที่น่าสนใจคือประเพณี อุ้มสาวลงน้ำ ที่เกาะสีชังและเกาะขามใหญ่ ชลบุรี เลยไปถึงวันไหลที่บางแสน ส่วน สงกรานต์พระประแดง ที่สมุทรปราการก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะเป็นสงกรานต์ตามวิถีชาวมอญ มีทั้งการกวนกะละแม การทำข้าวแช่ การเล่นสะบ้า และการแห่ปลา สุดท้าย สงกรานต์ภาคใต้ วันส่งเจ้าเมืองเก่า จะมีการลอยเคราะห์ลงแม่น้ำ,ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นวิถีแห่งความเป็นไทยที่เป็นเอกลักษณ์ยิ่งใหญ่ไม่เหมือนชาติใดในโลก. | ดูเหมือนจะอิงกระแส ออเจ้ากันทั่วทุก หัวระแหง จนแทบจะกลายเป็น สงกรานต์ออเจ้า ไปเสียแล้วสงกรานต์นี้ไปไหนกันดี? | null | เทศกาลสงกรานต์,วันสงกรานต์,การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย,ท่องเที่ยว,ที่เที่ยว,วัฒนธรรม | https://www.thairath.co.th/lifestyle/travel/thaitravel/1255304 |
การประชุมสุดยอด คิมจองอึน-ปูติน กับมรดกรุ่นปู่ ความร่วมมืออันยาวนาน และสเต๊กสานสัมพันธ์ | แม้ว่าบทบาทของเกาหลีเหนือจะอึกทึกครึกโครมในช่วงปีสองปีที่ผ่านมา อันเนื่องจากการเดินสายเจรจาเรื่องอาวุธนิวเคลียร์ของ คิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือกับผู้นำประเทศต่างๆ แต่ฟังดูไม่น่าเชื่อว่า ในการเจรจาเรื่องความมั่นคงในคาบสมุทรเกาหลีเช่นหลายครั้งที่ผ่านมา ทั้งในสองเกาหลี ที่จีน สิงคโปร์ และเวียดนาม ชื่อของประเทศรัสเซียกลับหายไปอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่สองประเทศมีพรมแดนติดกัน และมีความสัมพันธ์ที่ต่อเนื่องยาวนาน แต่ท้ายที่สุด รัสเซียก็มีบทบาทในประเด็นความมั่นคงบนคาบสมุทรเกาหลีอีกครั้ง เมื่อการประชุมสุดยอดระหว่าง คิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ และ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ได้เปิดฉากขึ้นเมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา ณ บริเวณมหาวิทยาลัยตะวันออกไกล (Far Eastern Federal University) มหาวิทยาลัยหลักของรัสเซียทางฝั่งตะวันออกไกลบนเกาะรุสกี้ เมืองวลาดิวอสตอค ประเทศรัสเซียการประชุมนี้แม้จะไม่ได้มีการประกาศล่วงหน้ายาวนานมากนัก สื่อเริ่มระแคะระคายว่าจะมีการจัดประชุมก็เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา และทางการรัสเซียเพิ่งประกาศว่าจะมีการจัดประชุมครั้งนี้เมื่อวันที่ 16 เมษายนเท่านั้น แต่สื่อต่างๆ บนโลกต่างก็ให้ความสนใจ ประเด็นหนึ่งที่กล่าวกันมากคือ การประชุมครั้งนี้เป็นผลโดยตรงจากความล้มเหลวในการประชุมสุดยอดระหว่างคิมกับ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เวียดนาม เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และการประชุมครั้งนี้มีผลดีทั้งกับรัสเซียและเกาหลีเหนือ ฝั่งเกาหลีเหนือได้แสดงให้โลกเห็นว่า ตนเองมีคู่เจรจาที่มากกว่าเพียงสหรัฐอเมริกาหรือจีน รวมถึงอาจใช้โอกาสนี้หาทางผ่อนคลายจากมาตรการลงโทษของนานาชาติ อันเป็นผลมาจากโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ขณะที่ฝั่งรัสเซียก็ได้แสดงบทบาทของตนในการดำรงสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลีและฝั่งแปซิฟิก หลังจากที่บทบาทนี้เลือนหายไปภายหลังการประชุมสุดยอดของผู้นำเกาหลีเหนือกับชาติต่างๆ ตลอดปีที่ผ่านมา การมาเยือนวลาดิวอสตอคของ วลาดิเมียร์ ปูติน นั้นเจาะจงเพียงการมาเจรจากับ คิมจองอึน ในวันที่ 25 เมษายนเท่านั้น ก่อนที่เขาจะไปเยือนจีนในการประชุมกับ ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ในประเด็นโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (One Belt One Road) หรือเส้นทางสายไหมใหม่ต่อไป ขณะที่ คิมจองอึน ได้ข้ามฝั่งมารัสเซียด้วยรถไฟส่วนตัวตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน และตั้งใจจะอยู่ที่วลาดิวอสตอคต่อในวันที่ 26 เมษายน ก่อนจะกลับเกาหลีเหนือคิมจองอึน เริ่มการเยือนรัสเซียโดยการเยี่ยมหมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่ใกล้ชายแดนระหว่างรัสเซียและเกาหลีเหนือที่สุดอย่างเมืองคาซาน เมืองซึ่งมีรัฐมนตรีที่รับผิดชอบกิจการตะวันออกไกลของรัสเซียคอยต้อนรับอยู่ ในเมืองแห่งนี้มี เรือนมิตรภาพรัสเซีย-เกาหลี อาคารที่พักบริเวณสถานีรถไฟประจำหมู่บ้าน ซึ่งเคยใช้รับรอง คิมอิลซอง ผู้นำคนแรกของเกาหลีเหนือ และปู่ของผู้นำคนปัจจุบัน เห็นได้ชัดว่า การเยือนรัสเซียของผู้นำเกาหลีเหนือไม่ได้มีลักษณะเป็นธุระทางการเมืองระหว่างประเทศแต่เพียงอย่างเดียว หากแต่เป็นการเยือนส่วนตัว เพื่อตามรอยปู่ ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากรัฐบาลสหภาพโซเวียตด้วย คิมอิลซอง เป็นผู้นำเกาหลีเหนือคนแรกภายหลังการสถาปนารัฐบาลคอมมิวนิสต์เกาหลีเมื่อปี 2491 ด้วยแรงสนับสนุนจากผู้นำทางทหารของสหภาพโซเวียตในเขตเกาหลีอย่าง พล.อ. ทีเรนที ชตึกคอฟ แม้ในทางปฏิบัติ รัฐบาลของ คิมอิลซอง ช่วงแรกๆ จะยังตกอยู่ใต้อิทธิพลของชตึกคอฟเป็นอย่างมาก แต่ภายหลังบทบาทของชตึกคอฟและสหภาพโซเวียตลดลง อันเนื่องมาจากความล้มเหลวในสงครามเกาหลี คิมอิลซอง ก็เริ่มสถาปนาระบอบของตนเองผ่านทั้งการกวาดล้างศัตรูทางการเมืองในช่วงทศวรรษ 2490-2500 และทศวรรษ 2510 และการสร้างประดิษฐกรรมทางอุดมการณ์ของตนเอง ซึ่งได้รับการพัฒนาเป็นลัทธิ จูเช ลัทธิคอมมิวนิสต์ที่เน้นการพึ่งพาตนเองอันโด่งดังของเกาหลีเหนือในเวลาต่อมา แม้กระนั้นเกาหลีเหนือก็ยังพึ่งพาสหภาพโซเวียตอย่างมาก ท่ามกลางวาทกรรมพึ่งพาตนเองของเกาหลีเหนือ ซึ่งอันที่จริงเน้นการเสริมฐานอำนาจให้ระบอบการปกครองของ คิมอิลซอง ตัวผู้นำทั้งของเกาหลีเหนือและโซเวียตก็ยังเยือนกันและกันอยู่เสมอ ยังคงมีการแลกเปลี่ยนทั้งทางนวัตกรรมและทางวัฒนธรรม มรดกของการแลกเปลี่ยนทางนวัตกรรมที่เห็นชัดเจนที่สุดในขณะนี้คงหนีไม่พ้นความช่วยเหลือด้านพลังงานนิวเคลียร์จากสหภาพโซเวียต ซึ่งต่อมาได้พัฒนาเป็นการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และจรวดโดยเกาหลีเหนือเอง ที่ทั้งสร้างความอกสั่นขวัญแขวนให้กับชาติในภูมิภาคเอเชียตะวันออก และเป็นหลักประกันในการเจรจาของเกาหลีเหนือกับชาติต่างๆ ในประเด็นความมั่นคงเสมอมาแม้ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและเกาหลีเหนือจะลดลงหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต พร้อมๆ กับการเข้ามามีบทบาทในเกาหลีเหนือของจีนที่มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ความสัมพันธ์ของทั้งรัสเซียและเกาหลีเหนือก็เริ่มกระเตื้องขึ้นบ้าง เมื่อ วลาดิเมียร์ ปูติน ขึ้นเป็นผู้นำรัสเซียในปี 2543 มีการลงนามสนธิสัญญาสันติภาพระหว่างกันฉบับใหม่ ปูตินเองเลือกที่จะเยือนเกาหลีเหนือเป็นประเทศแรกๆ ภายหลังการรับตำแหน่ง ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างรัสเซียและเกาหลีเหนือก็มีมากขึ้น เช่น การส่งออก และนำเข้าแร่ธาตุ เช่น น้ำมันและถ่านหิน การค้าระหว่างกันผ่านท่าเรือเมืองวอนซัน เมืองท่าตะวันออกของเกาหลีเหนือ หรือเขตเศรษฐกิจพิเศษราจินที่ตั้งติดกับรัสเซีย หรือการส่งออกแรงงานเกาหลีเหนือมายังรัสเซีย แม้การค้าแรงงานนี้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์มาก เนื่องจากสภาพความเป็นอยู่ที่แร้นแค้นของแรงงานเกาหลีเหนือ ไม่นับว่าเงินที่ได้จากการทำงานก็ต้องหักส่วนแบ่งให้รัฐบาลเกาหลีเหนือ ถือเป็นการ หมุนเวียน เงินระหว่างเกาหลีเหนือและโลกภายนอกอีกทางหนึ่ง แรงงานเหล่านี้ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงโครงการอสังหาริมทรัพย์และเมกะโปรเจกต์ของรัสเซีย เช่น การสร้างสนามเพื่อใช้แข่งขันฟุตบอลโลกเมื่อปี 2561 ที่ผ่านมาด้วย แม้ความเป็นอยู่ในฐานะแรงงานในรัสเซียจะแร้นแค้น แต่แรงงานเกาหลีเหนือหลายคนก็ต่างแย่งกันมาทำงานหาเงิน เพื่อชีวิตที่ดีกว่าของตนเอง ความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างรัสเซียและเกาหลีเหนือก็ยังคงแน่นแฟ้น มีการแลกเปลี่ยนนักศึกษากันเสมอ ฝั่งรัสเซียนั้นมีความเคลื่อนไหวทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจยิ่ง ศูนย์รุสกีมีร์ที่เป็นศูนย์เผยแพร่วัฒนธรรมรัสเซีย ซึ่งรัฐบาลรัสเซียให้การสนับสนุนได้จัดแข่งขันทักษะทางภาษารัสเซียในหมู่นักเรียนนักศึกษาของเกาหลีเหนือเป็นประจำ ในหัวข้อทั้งที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวัน ความสัมพันธ์กับรัสเซีย และความยิ่งใหญ่ของเกาหลีเหนือและตัวผู้นำ ทางการเกาหลีเหนืออนุญาตถึงขั้นให้ศาสนจักรคริสต์ออร์โธดอกซ์รัสเซียสร้างโบสถ์ในเกาหลีเหนือ เพื่อสนองความต้องการทางจิตวิญญาณของชาวรัสเซียที่นับถือนิกายออร์โธดอกซ์ในเกาหลีเหนือ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาเกาหลีเหนือชื่อดังของรัสเซีย ที่เติบโตมาจากความร่วมมือทางวัฒนธรรม มีทั้งนักการทูตชื่อดังที่ใกล้ชิดกับชนชั้นนำเกาหลีเหนืออย่าง อันเดรย์ คาร์ลอฟ เอกอัครรัฐทูตรัสเซียประจำเกาหลีเหนือปี 2544-2549 (ต่อมาเสียชีวิตจากการถูกยิงสังหารขณะปฏิบัติหน้าที่เอกอัครรัฐทูตรัสเซียประจำตุรกีในปี 2559) หรือนักวิชาการด้านเกาหลีเหนือชื่อดังของโลกอย่าง อันเดรย์ ลันคอฟ ซึ่งเคยมาแลกเปลี่ยนที่มหาวิทยาลัยคิมอิลซอง มหาวิทยาลัยแห่งชาติเกาหลีเหนือ ในช่วงโซเวียต ส่วนฝั่งเกาหลีเหนือมีการส่งนักศึกษามาเรียนรัสเซียอย่างต่อเนื่อง เฉพาะที่มหาวิทยาลัยตะวันออกไกล มีนักศึกษาเกาหลีเหนือที่กำลังศึกษาอยู่ 49 คน ไม่นับสถาบันการศึกษาอื่นทั่วรัสเซียอีกมาก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมชาวเกาหลีเหนือกว่า 30000 คนในรัสเซียด้วยการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำรัสเซียและเกาหลีเหนือในวันที่ 25 เมษายน จบลงด้วยมิตรภาพ แม้ไม่มีการออกแถลงการณ์ร่วมใดๆ ออกมาก็ตาม แต่ทั้งสองชาติต่างก็ได้รับประโยชน์จากการจัดประชุมครั้งนี้ รัสเซียและเกาหลีเหนือได้แสดงบทบาทของทั้งสองชาติบนเวทีโลก และพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างกันให้ดียิ่งขึ้น สิ่งที่อาจจะย้ำเตือน คิมจองอึน และบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงของเกาหลีเหนือ ในเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและเกาหลีเหนือที่มีมาอย่างยาวนานที่ดีที่สุด อาจจะวางไว้ในจุดเล็กๆ อย่างอาหาร หนึ่งในเมนูอาหารจัดเลี้ยงรับรองในการประชุมสุดยอดครั้งนี้คือ สเต๊กเนื้อจากเมืองฮาบารอฟสก์ แม้ฮาบารอฟสก์จะเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเขตตะวันออกไกลของรัสเซีย และวัตถุดิบหลายอย่างก็อาจจะจัดเตรียมมาจากที่นี่ แต่ก็ลืมไม่ได้เช่นกันว่า ตามเอกสารของฝั่งรัสเซีย คิมจองอิล ผู้นำเกาหลีเหนือคนก่อน และบิดาของผู้นำคนปัจจุบันนั้นเกิดที่ค่ายทหารของนักรบคอมมิวนิสต์เกาหลี ใกล้กับเมืองฮาบารอฟสก์ในสหภาพโซเวียต (แม้ในประวัติทางการของเกาหลีเหนือจะบอกว่า คิมจองอิล เกิดที่ค่ายทหารบริเวณภูเขาแพกตู ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของชาวเกาหลีทั้งมวลก็ตาม) การเตรียมเมนูอาหารด้วยวัตถุดิบส่วนหนึ่งจากฮาบารอฟสก์นั้นอาจจะย้ำเตือนให้ คิมจองอึน และบรรดาชนชั้นนำเกาหลีเหนือยังระลึกเสมอว่า รัสเซียมีความสำคัญกับชาติตนเองมาเสมอ นับแต่ช่วงเวลาสถาปนาระบอบคอมมิวนิสต์ในเกาหลีเหนือ และจะยังคงบทบาทที่สำคัญนี้ต่อไปในอนาคต พิสูจน์อักษร: อ้างอิง: | การประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำรัสเซียและเกาหลีเหนือที่เมืองวลาดิวอสตอค เมื่อวันที่ 25 เมษายน จบลงด้วยมิตรภาพ แม้ไม่มีการออกแถลงการณ์ร่วมใดๆ แต่ทั้งสองชาติต่างก็ได้รับประโยชน์จากการจัดประชุมครั้งนี้ซัมมิตระหว่าง คิมจองอึน-วลาดิเมียร์ ปูติน ถือเป็นการสืบทอดมรดกความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติ ที่ปูมาตั้งแต่ยุคปู่ของ คิมจองอึน เมื่อครั้งที่รัสเซียยังเป็นสหภาพโซเวียตการเตรียมเมนูสเต๊กเนื้อจากเมืองฮาบารอฟสก์ในงานเลี้ยงรับรอง คิมจองอึน เป็นการย้ำเตือนให้ คิมจองอึน และบรรดาชนชั้นนำเกาหลีเหนือ ระลึกเสมอว่า รัสเซียมีความสำคัญกับชาติตนเองมาเสมอนับแต่ช่วงเวลาสถาปนาระบอบคอมมิวนิสต์ในเกาหลีเหนือ และจะยังคงบทบาทที่สำคัญนี้ต่อไปในอนาคต เพราะ คิมจองอิล ผู้นำเกาหลีเหนือคนก่อนและบิดาของผู้นำคนปัจจุบันเกิดที่ค่ายทหารของนักรบคอมมิวนิสต์เกาหลี ใกล้กับเมืองฮาบารอฟสก์ในสหภาพโซเวียต | null | null | https://thestandard.co/kim-jong-un-vladimir-putin-summit-3/ |
ฆ่ายัดศพบ่อเกรอะ อดีตครูสารภาพแค้นสาวตีตัวจาก ทนคบเพราะเงิน | วันที่ 18 พ.ย. 58 พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ ผบช.ภ.4 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.สส.1 บก.ภ.4 ร่วมแถลงผลการจับกุม นายสมาน นิลพิมาย อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2 หมู่ 3 ต.นาโป่ง อ.เมืองเลย ซึ่งถูกจับในข้อหาฆ่าผู้อื่น สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 24 ต.ค. 58 มีผู้เข้าแจ้งความกับ พงส.สภ.เมืองเลย ว่า นางมณีวรรณ ไมล์โพธิ์ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81 หมู่ 13 ต.นาโป่ง อ.เมืองเลย ขณะขี่รถจักรยานยนต์ไปเก็บดอกเบี้ยลูกค้าแล้วหายตัวไป ตำรวจ สภ.เมืองเลย ลงพื้นที่สืบสวนหาตัวพบรถจักรยานยนต์จอดอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อตรงข้าม รพ.เลย สอบสวนพยานแวดล้อมทราบว่า นางมณีวรรณ ซื้อสิ่งของมากมายแล้วเดินไปขึ้นรถกระบะที่มีชายอายุประมาน 55-60 ปี เป็นคนขับ เชื่อว่าคนขับน่าจะมีส่วนรู้เห็น จึงประสานชุดสืบสวน กก.สส.1 บก.สส.ภ.4 ร่วมสืบสวนหาตัวคนร้าย,จากการสืบสวนทราบว่าเป็นรถกระบะอีซุซุ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กค 8062 เลย มี นายสมาน เป็นเจ้าของ และเป็นอดีตครู เกษียณราชการแล้ว 2 ปี หลังการหายตัวไปไม่นาน พบตัว นายสมาน ที่บ้านพัก จึงเชิญตัวไปสอบปากคำ ขณะนั้น นายสมาน กล่าวว่ารู้จักและคบหากับ นางมณีวรรณ ได้ปีกว่าแล้ว และวันที่ 23 ก.ค. 58 ไปขับรถกระบะไปรับ นางมณีวรรณ จริง จากนั้นพากันไปเที่ยวที่ภูหลวง ซึ่งหลังสอบปากคำแล้วปล่อยตัวไป หลังจากนั้น 2 วัน นายสมาน เข้าพบ พงส. พร้อมทนายความ ขอเปลี่ยนคำให้การใหม่ว่า พา นางมณีวรรณ ไปเที่ยวที่ภูเรือ ไม่ใช่ภูหลวง และพูดจาวกวน เจ้าหน้าที่ปล่อยตัวไปอีกครั้ง แต่เฝ้าดูพฤติกรรมอยู่ตลอดเวลา,เมื่อชุดสืบสวนภาค 4 ลงพื้นที่สืบสวนทราบว่า นายสมาน และ นางมณีวรรณ มักจะพากันไปพักที่บ้านสวนเลขที่ 178 หมู่ 3 บ้านกลาง ต.ปลาบ่า อ.ภูเรือ จ.เลย เจ้าหน้าที่จึงไปตรวจสอบที่บ้านหลังดังกล่าว พบว่าหลังบ้านมีการเทพื้นปูนทับบ่อเกรอะ จึงเชื่อว่าน่าจะมีการฆ่ายัดบ่อ จึงแบ่งกำลังออกตาหัวตัว นายสมาน และจับกุมได้ขณะขับรถกระบะบนถนนสายด่านซ้าย- เลย จึงนำตัวไปยังบ้านสวน,นายสมาน ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดี ทั้งยังพาไปขุดศพ นางมณีวรรณ ที่บ่อเกรอะหลังบ้าน โดยสารภาพว่า ที่ลงมือฆ่า นางมณีวรรณ กิ๊กตัวเอง เพราะคับแค้นใจที่ฝ่ายหญิงหักหาญน้ำใจ โดยอ้างว่าขณะคบกันดูแลฝ่ายหญิงมาตลอด ให้เงินใช้ครั้งละหลายหมื่นบาท แต่กลับถูกฝ่ายหญิงพูดจาดูหมิ่นความเป็นชาย และพูดว่าไม่เคยรัก ที่ทนคบเพราะเงินเท่านั้น ครั้งนี้ขอ 500,000 บาท ถ้าไม่ให้ก็เลิกคบ จึงโมโหและบันดาลโทสะยิง นางมณีวรรณ 1 นัดที่ศีรษะ จากนั้นใช้ผ้าห่มห่อศพไปทิ้งลงบ่อเกรอะ แล้วเทถ่านดับกลิ่นแล้วปิดฝาบ่อ วันต่อมาจ้างคนงานมาเทปูนทับ ส่วนปืนโยนทิ้งระหว่างทางจำไม่ได้ว่าจุดใด,ทั้งนี้ ตำรวจจะตรวจสอบตามเส้นทางที่ผู้ต้องหาขับรถผ่านเพื่อหาอาวุธปืนของกลางต่อไป หลังการแถลงข่าวส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่เกิดเหตุนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย. | ผบช.ภ.4 นำแถลงรวบอดีตครูเมืองเลย วัย 62 ปี ยิงสาวใหญ่ยัดศพในบ่อเกรอะโบกปูนทับ สารภาพ โมโหและแค้นใจโดนดูหมิ่นความเป็นชาย เตรียมตีตัวออกห่าง ทนคบเพราะเงิน | null | ฆ่ายัดศพบ่อเกรอะ,บ่อเกรอะ,ฆ่าสาวยัดบ่อเกรอะ,บุญเลิศ ใจประดิษฐ,ฆ่ายัดบ่อ,ศพซุกบ่อ,ทิ้งศพบ่อเกรอะ,ฆาตกรรม,เลย,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวทั่วไทย | https://www.thairath.co.th/content/540355 |
กทม.ชุ่มฉ่ำแต่เช้า หลายพื้นที่รถมาก จราจรติดขัด แนะเผื่อเวลาเดินทาง | เช้าวันนี้ (11 ต.ค. 60) มีฝนตกในหลายพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร ทำให้การจราจรบางจุดเคลื่อนตัวได้ช้า ปริมาณรถมาก และติดขัด ขณะที่ ,จส.100, รายงานว่า ตั้งแต่เวลา 06.16 น. มีอุบัติเหตุ ทางด่วน 1 ช่วงทางลงท่าเรือ มุ่งหน้าต่างระดับท่าเรือ จุดเกิดเหตุโค้งมหาวิทยาลัยกรุงเทพ รถชนกัน 4 คัน ขวางช่องทางขวา การจราจรเคลื่อนตัวช้า เวลา 06.23 น. ถนนวิภาวดีรังสิต ช่วงแยกหลักสี่ มุ่งหน้าแยกบางเขน จุดเกิดเหตุเลยแยกหลักสี่ 300 เมตร มีอุบัติเหตุรถชนกัน 3 คัน ขวางช่องทางขวา ของทางด่วน การจราจรเคลื่อนตัวช้า ส่วนเวลา 06.51 น. ถนนทางด่วนบูรพาวิถี ช่วงทางด่วนขั้นที่ 1 มุ่งหน้าด่านบางจาก จุดเกิดเหตุทางโค้งจุดเชื่อมต่อเอส 1 มีอุบัติเหตุรถยนต์ชนกับรถปิกอัพ ทำให้รถปิกอัพพลิกตะแคง ขวางช่องทางซ้าย,ทางด้าน ,สวพ.FM91, รายงานว่า เมื่อเวลา 07.15 น. ถนนวิภาวดี-รังสิต ขาเข้า มุ่งหน้ามาทางแยกใต้ด่วนดินแดง เคลื่อนตัวช้า สลับหยุดนิ่ง ท้ายสะสมอยู่ที่แยกสุทธิสาร ขณะที่การจราจรถนนลาดพร้าว ขาเข้า มุ่งหน้าแยกรัชดาลาดพร้าว ท้ายสะสมปากซอยลาดพร้าว 80 ส่วนการจราจรถนนประดิษฐ์มนูธรรม ขาเข้า มุ่งหน้าลาดพร้าว พระราม 9 ท้ายสะสมไปทางแยกตัดประเสริฐมนูกิจ,และเวลา 07.21 น. ถนนรัชดาภิเษก ขาเข้า วงศ์สว่าง-ประชานุกูล-รัชวิภา เคลื่อนตัวได้ช้า สลับหยุดนิ่ง ท้ายสะสมทางลงสะพานพระราม 7 และที่ถนนวิภาวดีรังสิต ขาเข้า ไปใต้ด่วนดินแดง ในช่องทางด่วน ท้ายหน้าศูนย์ฝึก รด. ส่วนช่องทางขนาน ท้ายหน้าบริษัท การบินไทย ส่วนถนนวิภาวดีรังสิต ขาเข้า จากหลักสี่ มุ่งหน้าแยกบางเขน ปริมาณรถมากหนาแน่น ,07.26 น. น้ำท่วมขัง ถ.พหลโยธิน ขาเข้า บริเวณหน้า ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ หลังจากฝนตกหนัก น้ำก็เริ่มท่วมขัง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเช้าวันนี้มีฝนตก จึงขอแนะนำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเผื่อเวลาในการเดินทางด้วย,08.45น.มีรายงานฝนตกหนักที่ถนนกาญจนาภิเษกตัดกับถนนนครอินทร์ สภาพการจราจรยังเคลื่อนตัวได้เรื่อยๆ. | ฝนตกในพื้นที่ กทม. ตั้งแต่ช่วงเช้า การจราจรหลายพื้นที่หนาแน่นติดขัด เคลื่อนตัวได้อย่างช้า บางจุดมีอุบัติเหตุ แนะเผื่อเวลาเดินทาง | ข่าว,ทั่วไทย | ฝนตก,รถติด,ฝนตกรถติด,จราจร,อุบัติเหตุ,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1095510 |
กปปส. ติงสูตร ลต.ใหม่ หวั่น นายทุนครอบงำ-ล้วงลูกพรรคการเมือง | เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 58 นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการ เลขานุการมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย และโฆษกคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ปรับเปลี่ยนวิธีการนับคะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่ ในลักษณะคล้ายกับระบบสัดส่วนผสมของคณะ กมธ.ยกร่างฯ ชุดที่ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธานว่า เราได้มีข้อเสนอไปยัง กรธ.ชุดใหม่เรื่องระบบเลือกตั้งแล้วว่า ระบบต้องบริสุทธิ์ ยุติธรรม เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน สะท้อนเจตนารมณ์ประชาชนมากที่สุด ระบบใหม่ของ กรธ.นั้นเห็นในทิศทางดี เข้าใจง่ายให้กาบัตรใบเดียว มีจุดแข็งทุกคะแนนเสียงจะไม่ตกน้ำ ทำให้พรรคการเมืองต่อไปนี้ต้องเห็นความสำคัญทุกคะแนน แก้ปัญหาในอดีตเรื่องเขตไหนไม่ได้เลือกมาเป็นรัฐบาล จะไม่จัดสรรงบประมาณลงไปให้ แต่ยังมีปัญหาเรื่อง จำนวน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อที่มีถึง 150 คน ซึ่งเป็นหลักคิดที่ดี มีไว้ให้ผู้มีความรู้แต่ไม่ถนัดเลือกตั้งได้เข้ามาทำงาน แต่พอในอดีตการนำมาใช้จริง กลับเว้นที่ให้นายทุนผู้มีอิทธิพลใช้แรงเงินเข้ามาครอบงำ ล้วงลูกการทำงานพรรคการเมือง ทำให้ ส.ส.บัญชีรายชื่อที่ผ่านมาไม่ใช่ตัวแทนประชาชนอย่างแท้จริง,กรธ.จึงต้องชั่งน้ำหนักว่า จะตัดสัดส่วนของ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อออกไปหรือไม่ เพื่อแก้ปัญหานายทุนเข้ามาล้วงลูก หรือ จะให้มี ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อต่อไปเพื่อให้ทุกคะแนนเสียงของประชาชนมีความหมาย ซึ่งถ้า กรธ.เลือกวิธีหลัง จะต้องหาแนวทางกีดกันนายทุนเข้ามาล้วงลูกการทำงานของพรรคการเมืองผ่าน ระบบส.ส.แบบบัญชีรายชื่อให้ได้ นายเอกนัฏ กล่าว. | เอกนัฏ เผย กปปส. อวยระบบเลือกตั้งใหม่ กรธ.เข้าใจง่าย ชี้ทำให้ทุกคะแนนเสียงไม่ตกน้ำ แก้ปัญหาเขตไหนไม่เลือกเป็นรบ.ไม่จัดสรรงบให้ ติงจุดอ่อนนายทุนครอบงำล้วงลูกพรรคการเมือง ผ่าน ส.ส.บัญชีรายชื่อ | เลือกตั้ง | เอกนัฏ พร้อมพันธุ์,กล่าวถึงร่างรัฐธรรมนูญ,ปรับเปลี่ยนวิธีนับคะแนน,ระบบเลือกตั้งใหม่,ระบบเลือกตั้งสูตรผสม,ระบบเลือกตั้ง,กปปส. หนุน ระบบเลือกตั้งใหม่,กปปส. ติง นายทุนล้วงลูกพรรคฯ,กปปส.,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวการเมือง,เลือกตั้ง,เลือกตั้งแบบใหม่,ระบบเยอรมัน,เลือกตั้งสูตรผสม | https://www.thairath.co.th/content/538000 |
6 คนอยากเลือกตั้งหน้า ม.เชียงใหม่ รายงานตัวอัยการ - ทหารบุกไปถึงบ้าน 2 นักศึกษาผู้ต้องหา | ขณะที่ทหารบุกเข้าไปที่บ้านของสองนักศึกษา มช. ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีนี้ โดยรายหนึ่ง ทหารและสันติบาลได้เข้าพูดคุยกับพ่อแม่ขออย่าออกมาทำกิจกรรม11 เม.ย.2561 รายงานว่า วันนี้ เมื่อเวลา 13.30 น. ที่สำนักงานอัยการคดีศาลแขวงเชียงใหม่ 6 ผู้ต้องหากรณีร่วมกิจกรรมการชุมนุม รวมพลคนอยากเลือกตั้ง ใน เทศกาลแห่งความหมดรัก เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ทหารแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/2558 เรื่องการชุมนุมทางการเมือง และข้อหาใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ได้เข้ารายงานตัวเพื่อฟังคำสั่งของอัยการแขวงตามที่ได้นัดหมาย หลังจากพนักงานสอบสวนสภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ ส่งสำนวนคดีให้อัยการเมื่อวันจันทร์ที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยมีความเห็นสั่งฟ้องคดีผู้ต้องหาทั้ง 6 คนจึงได้เข้ารายงานตัวตามนัดหมาย โดยอัยการแขวงระบุว่ายังไม่มีคำสั่งทางคดีในวันนี้ จึงให้ผู้ต้องหาทั้ง 6 ทำการเซ็นรับทราบนัดหมายและให้มารายงานตัวอีกครั้งในวันที่ 20 เม.ย. 61 เวลา 13.30 น. ทางด้านผู้ต้องหาภายหลังจากได้เซ็นรับทราบนัดของอัยการแล้ว ได้ทำการยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด ผ่านอธิบดีอัยการภาค 5 เพื่อขอให้มีคำสั่งไม่ฟ้องคดี เนื่องจากการฟ้องคดีต่อผู้ต้องหาทั้ง 6 จะไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ พร้อมกับได้ยื่นหนังสืออีกหนึ่งฉบับเพื่อแจ้งแก่อัยการแขวง ให้ทราบว่าขณะนี้ผู้ต้องหาทั้ง 6 ได้ทำการยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมฉบับดังกล่าวต่ออัยการสูงสุดผ่านอธิบดีอัยการภาค 5แล้ว โดยบรรยายกาศการรายงานตัววันนี้ได้มีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบกว่า 6 นาย คอยติดตามสังเกตการณ์ถ่ายภาพผู้ต้องหาและทนายความอย่างใกล้ชิดด้วยศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ยังรายงานด้วยว่า ในวันเดียวกัน เวลาประมาณ 10.00 น. ได้มีเจ้าหน้าที่ทหารในเครื่องแบบจำนวน 3 นาย ระบุว่ามาจากหน่วยในพื้นที่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สันติบาลนอกเครื่องแบบ 2 นาย เดินทางเข้าไปยังบ้านที่จังหวัดเชียงรายของ จตุพล คำมี นักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หนึ่งในผู้ต้องหาคดีนี้ เจ้าหน้าที่ได้สอบถามหาจตุพล ระบุว่าได้รับคำสั่งจาก นาย ให้มาพูดคุยปรับความเข้าใจ โดยสอบถามจากพ่อแม่ของจตุพลว่าเหตุใดจึงออกมาทำกิจกรรมคนอยากเลือกตั้งที่เกิดขึ้น และมีการพูดคุยขอให้พ่อแม่ของจตุพลตักเตือนอย่าให้จตุพลออกมาทำกิจกรรมอีกภายหลังจากการพูดคุยประมาณ 30 นาที ได้มีการขอถ่ายรูปภาพของจตุพลในวัยเด็กไปด้วย พร้อมขอเบอร์โทรศัพท์ติดต่อเอาไว้ ด้านพ่อแม่ของจตุพลได้ขอถ่ายรูปเจ้าหน้าที่ทั้งหมดที่มาในวันนี้เพื่อเก็บไว้ เจ้าหน้าที่ทหารได้ระบุว่า ไม่ต้องถ่ายก็ได้ เพราะพวกตนไม่ได้มาคุกคามอะไร เพียงแต่มาปรับความเข้าใจกันเท่านั้น ก่อนที่จะเดินทางกลับไป | 6 ผู้ต้องหาคนอยากเลือกตั้ง หน้า มช. รายงานตัวอัยการเพื่อฟังคำสั่งอัยการ หลังจากตำรวจส่งสำนวนคดีให้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา อัยการนัดให้มารายงานตัวอีกครั้งในวันที่ 20 เม.ย.นี้ | การเมือง,สิทธิมนุษยชน | คนอยากเลือกตั้ง,คสช.ที่ 3/2558,จตุพล คำมี,ทหาร,นักศึกษา,มหาวิทยาลัยเชียงใหม่,สิทธิเสรีภาพในการแสดงออก | https://prachatai.com/journal/2018/04/76348 |
ประมงยืนยัน เต็กเล้ง ไม่ใช่ปลาอันตราย | วันนี้ (13 ธ.ค.2561) นายอรุณชัย พุทธเจริญ รองอธิบดีกรมประมง กล่าวถึงกรณีจ่าโทเกรียงศักดิ์ เพ่งพินิจ สังกัด พัน.ส.พล.นย. นักเรียนหลักสูตรหน่วยรบพิเศษของนาวิกโยธินแห่งกองทัพเรือ (รีคอน) ถูกปลาเต็กเล้ง หรือปลากระทุงเหวทะเล พุ่งชนและเสียชีวิต โดยยืนยันว่าปลาชนิดนี้ไม่ใช่ปลาอันตราย หรือมีความน่ากลัว ลักษณะลำตัวมีขนาดใหญ่ ปากแหลมยาวทั้งบนและล่าง คาดว่ากรณีดังกล่าวเป็นอุบัติเหตุ เนื่องจากพฤติกรรมของปลาที่มีนิสัยตกใจง่าย แม้แต่คลื่นทะเลก็ตกใจ โดยจะกระโดดบนผิวน้ำและว่ายน้ำไวมากนายอรุณชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ปลาเต็กเล้งเป็นปลาที่ไม่นิยมบริโภค พบในน่านน้ำไทยทั้งอันดามันและอ่าวไทย โดยหากินใกล้ชายฝั่งไม่เกิน 5 เมตร มีตัวขนาดใหญ่ได้ถึง 1 เมตร และจะกินเนื้อปลาขนาดเล็กเป็นอาหาร แต่ไม่ได้ใช้การไล่ล่าเหยื่อขณะที่นางพรรณี เพ่งพินิจ มารดา เปิดเผยว่า มีบุตรชาย 2 คน สามีเป็นทหารและเสียชีวิตตั้งแต่ปี 2553 ส่วนจ่าโทเกรียงศักดิ์ เป็นคนดี มีความฝันอยากเป็นทหารตามพ่อ ก่อนเกิดเหตุได้โทรมาบอกว่า จะกลับบ้านและได้ซื้อแกงของโปรดรอไว้ แต่ทราบข่าวเสียชีวิตเมื่อช่วงสายวานนี้ (12 ธ.ค.2561) เบื้องต้นกำหนดพิธีบำเพ็ญกุศล 5 วัน จากนั้นจะทำพิธีฌาปนกิจ วันที่ 18 ธ.ค.นี้ ที่ฌาปนสถานกองทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี | รองอธิบดีกรมประมง ยืนยันปลาเต็กเล้ง ไม่ใช่ปลาอันตรายและขี้ตกใจ แต่เหตุพุ่งชนทหารเรือเสียชีวิต คาดว่าเป็นอุบัติเหตุและปลามีขนาดใหญ่ 1 เมตร ทำให้เสียเลือดมาก | สิ่งแวดล้อม | เต็กเล้ง,ปลาเต็กเล้ง,ทหารเรือ,ปลาพุ่งชนทหารเรือ,รีคอน,ทหาร,ปลา,ThaiPBSnews,ข่าวไทยพีบีเอส,ไทยพีบีเอส,ThaiPBS | https://news.thaipbs.or.th/content/276292 |
บริษัทไทยพรีเมียร์ลีกหามาตรการลงโทษสโมสร หากเบี้ยวค่าจ้างนักเตะ | ที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบริษัทไทยพรีเมียร์ลีกได้จัดประชุมเพื่อหารือแก้ไขปัญหานักเตะ ที่มักได้รับค่าเหนื่อยไม่ตรงตามกำหนดจนประสบปัญหากับการเล่น และ อาจพ่วงไปถึงการล้มบอลทั้งนี้บริษัทฯ ได้วางแนวทางแก้ไขคือ จ้างผู้ตรวจสอบบัญชีให้กับทุกสโมสร และ ให้ทุกสโมสรต้องมีทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาทโดยชำระเต็มวงเงิน และ มีสถาบันการเงินการันตีในวงเงิน 2 ล้านบาท ซึ่งช่วงแรกบริษัทฯจะออกค่าใช้จ่ายให้กับสโมสรที่ยังไม่มีความพร้อมแล้วค่อยมาหักกับเงินบำรุงทีมภายหลังอีกทั้งได้กำหนดบทลงโทษ สำหรับสโมสรที่มีปัญหาด้วยการตัดแต้มไปจนถึงปรับตกชั้นส่วนเรื่องสิทธิในการทำทีมของผู้บริหารสงขลาเอฟซี ที่ซื้อหุ้นของทีม บุรีรัมย์เอฟซี จนนำไปสู่การเปลี่ยนชื่อเป็น วัวชนยูไนเต็ด รวมถึงเรื่องของสนามแข่งขันนั้น ประธานบริษัทไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ได้ให้สภากรรมการของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยเป็นผู้พิจารณาว่าสามารถกระทำได้หรือไม่ | ประธานบริษัทไทยพรีเมียร์ลีก เตรียมมาตรการป้องกันการเบี้ยวค่าจ้างของนักเตะจากสโมสรต้นสังกัดด้วยการนำระบบการค้ำประกันวงเงินจากธนาคารมาใช้ รวมถึงการออกบทลงโทษถึงขั้นปรับตกชั้นสำหรับทีมที่มีปัญหา | กีฬา | ค่าจ้าง,ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง,นักเตะ,วัวชน,สงขลา,ไทยพรีเมียร์ลีก | https://news.thaipbs.or.th/content/69359 |
ทหารพม่าคุมเข้มชายแดน หลังเกิดเหตุบึ้มใกล้ตลาดบุเรงนอง | ทหารพรานหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 35 อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เพิ่มความเข้มงวดตามแนวชายแดนมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มต่อต้านรับบาลพม่าใช้ไทยเป็นพื้นที่เคลื่อนไหว หลังเมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) เกิดเหตุระเบิดบริเวณหลังค่ายทหารพม่า จังหวัดเมียวดี ใกล้กับตลาดบุเรงนองทำให้อาคารบริเวณดังกล่าวเสียหาย โดยทางการพม่า ได้สั่งให้ทหาร ตำรวจ และกองกำลังอาสาพิทักษ์ชายแดน หรือ บีจีเอฟ. เข้มงวดกวดขันบริเวณแนวชายแดน เพื่อสกัดคนร้ายที่อาจจะเก็บตัวอยู่ในจังหวัดเมียวดี ไม่ให้หนีเข้ามาในเขตไทย ด้านอำเภอแม่สอด ทั้งนี้ ทางการพม่า ได้ส่งรูปถ่ายของคนร้ายที่วางระเบิดเมืองเนปีดอ เมืองหลวงของพม่า มาให้ตำรวจภูธรแม่สอด ให้ช่วยติดตามตัว โดยพ.ต.อ.เดชชาติ วัฒนพนม ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรแม่สอด ได้จัดชุดสายสืบออกหาข่าวแหล่งซุกซ่อนของกลุ่มต่อต้านฝ่ายพม่าแล้ว แต่ยังไม่พบเบาะแส | ทางการพม่าสั่งคุมเข้มพื้นที่ชายแดน หลังเกิดเหตุระเบิดใกล้ตลาดบุเรงนอง แต่ไม่มีผู้บาดเจ็บ โดยทางการพม่า ได้ส่งรูปถ่ายของคนร้ายให้ตำรวจไทยช่วยติดตามตัวแต่ยังไม่พบเบาะแส | ต่างประเทศ | ชายแดน,ทหาร,พม่า,ระเบิดฅตลาดบุเรงนอง | https://news.thaipbs.or.th/content/22455 |
กระบี่ ออกประกาศใครเป็น COVID-19 ไม่ปกปิดรับเงินค่าดูแลวันละ 500 บาท | แล็บคู่ขนานเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2563 พ.ต.ท.หม่อมหลวงกิติบดี ประวิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ได้โพสต์ผ่านเฟสบุ๊คชื่อ กิติบดี ประวิตร Official เกี่ยวกับการออกประกาศจังหวัดกระบี่ เรื่องแสดงตัวตนกรณีติดเชื้อโรคไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดกระบี่ใจความว่า ตามที่ ได้เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโรคไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้แพร่ระบาดในหลายพื้นที่ของจังหวัดกระบี่ และจากการติดตามสถานการณ์กาติดเชื้อโรคไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้พบว่ามีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้จังหวัดกระบี่ได้มีมาตรการ หลายมาตรการเพื่อป้องกันการติดเชื้อและการแพร่ระบาดของเชื้อโรคไปแล้ว นั้นดังนั้น เพื่อให้การเตรียมความพร้อมในการป้องกัน และการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในพื้นที่จังหวัดกระบี่ เพิ่มเติมจากที่จังหวัดกระบี่ไต้คำเนินการไปแล้วนั้น จึงได้ประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า ตั้งแต่วันที่ 10-30 เม.ย. 2563 นี้ หากบุคลใดที่มีอาการคล้ายกับผู้ที่ติดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้แสดงตัวตนต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่ (นายอำเภอ สาธารณสุขอำเภอ เจ้าหน้ที่สาธารณสุข กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ )โดยไม่ปกปิดอาการและหลังจากเข้ารับการตรวจพบว่าได้ติดเชื้อไวสโคโรนา 2019 (COVID-19) จริง จะได้รับเงินค่าดูแลผู้ปวยเป็นเงินจำนวน 500 บาท/วัน ขณะนอนพักรักษาตัวในสถานพยาบาล จนกว่าจะหายป่วยและออกจากสถานพยาบาลประกาศ ณ วันที่ 10 เม.ย. พ.ศ. 2563 ลงชื่อ พ.ต.ท.ม.ล.กิติบดี ประวิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2563 นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ลงพื้นที่ติดตามความพร้อม การเปิดศูนย์คัดกรอง COVID-19 และโรงพยาบาลสนามที่โรงแรมแกรนด์ เบลล่า พัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยมี นพ.อภิรัต กตัญญุตานนท์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วยนายอำเภอบางละมุง และผอ.โรงพยาบาลบางละมุง ร่วมติดตามสถานการณ์ขณะที่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ตั้งแต่เวลา 08.00 - 12.00 น. มีประชาชนในพัทยาทยอยเดินทางมาตรวจแล้วเกือบ 100 คน โดยเจ้าหน้าที่กำหนดให้ตรวจวันละ 200 คน เพื่อลดความแออัด พร้อมจัดเก้าอี้ และเต๊นท์พักคอยแบบเว้นระยะเก้าอี้ ให้นั่งห่างกันผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า จังหวัดชลบุรีโดยเฉพาะเมืองพัทยา จำเป็นต้องสแกนพื้นที่เพื่อหาบุคคลกลุ่มที่อาจไม่แสดงอาการเพิ่มเติม หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในพัทยา มีตัวเลขเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ และยืนยันว่าผู้ติดเชื้อในพัทยา ไม่ใช่ติดจากในพื้นที่ แต่ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติที่อยู่ในเมืองพัทยา และคนไทยที่ไปสัมผัสกลุ่มคนต่างชาติกลุ่มนี้จึงทำให้ติดเชื้อตามมาทางจังหวัดชลบุรี จึงหารือกับนายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา และสาธารณสุขเพื่อวางแนวทางการสแกนพื้นที่เพิ่มเติมโดยเน้นเมืองพัทยา ซึ่งขณะนี้ได้รับชุดตรวจ COVID-19 จากกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 2000 ชุด และมีเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางและโรงพยาบาลบางละมุงมาช่วยคัดกรอง เพื่อทำให้กระบวนการคัดกรองเดินหน้าได้รวดเร็วมากขึ้น และต้องขอบคุณคนในพื้นที่ ที่เข้าใจและร่วมมือกันในการออกมาตรวจคัดกรอง เพื่อความชัดเจนของพัทยาทั้งนี้ หลังตรวจคัดกรองครบ 2000 คนแล้ว พบว่า ไม่มีผู้ติดเชื้อก็จะทำให้เมืองพัทยามีภาพที่ชัดเจนมากขึ้นว่า ไม่ได้มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากตามที่เคยตั้งสมมติฐานหรือหลายคนกังวล การคลายกฎเหล็กต่างๆ ก็อาจพิจารณาทำได้ในบางเรื่องในเวลาที่เร็วขึ้น แต่ทั้งหมดก็ต้องขึ้นสำหรับภาพรวม สถานการณ์ COVID-19 จังหวัดชลบุรี พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 3 คน อยู่ใน อ.บางละมุง 2 คน ในจำนวนนี้เป็นพื้นที่พัทยา 1 คน และ อ.ศรีราชา 1 คน ขณะที่พบผู้ติดเชื้อในพัทยาแล้วสะสม 27 คนใช้ชุดตรวจรู้ผลใน 1 ชั่วโมง พร้อมส่งตรวจแล็บยืนยันนอกจากนี้ นพ.อภิรัต ยังระบุว่า การตรวจคัดกรองในกลุ่ม 2000 คน เป็นคนทั่วไปที่อาศัยและทำงานอยู่ในเมืองพัทยา เป็นกลุ่มที่มีประวัติความเสี่ยงใกล้ชิดกับคนต่างชาติ ทั้งเป็นคนอยู่ในครอบครัวของผู้ติดเชื้อ บุคคลที่ทำงานร่วมกับชาวต่างชาติที่ติดเชื้อ และเป็นคนทั่วไปในพัทยา รวมถึงเป็นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพัทยา ที่ทำงานใกล้ชิดกับกลุ่มเสี่ยงส่วนผลการตรวจเนื่องจากชุดตรวจนี้ เป็นแบบใหม่ รู้ผลเร็วภายในระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง และส่งตรวจที่ Lamp Lab ซึ่งจะมีที่ รพ.บางละมุง จ.ชลบุรี แต่เพื่อให้เกิดความมั่นใจ ของชุดอุปกรณ์ที่นำมาใช้ก็จะส่งผลตรวจของวันนี้ทั้งหมดไปที่ห้องปฏิบัติการของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จ.ชลบุรี เพื่อดูผลตรวจเชื้อคู่ขนานไปอีกทางหนึ่งด้วยสำหรับการตรวจกลุ่มประชาชนพัทยา ทางสาธารณสุขได้ร่วมกับจังหวัดและเมืองพัทยาเพื่อวางแผนงานร่วมกันโดย ที่ศูนย์ตรวจ COVID-19 จะมี 2 แห่ง คือ โรงพยาบาลบางละมุง และ ที่โรงแรมแกรนด์ เบลล่า | กระบี่ ออกประกาศใครเป็น COVID-19 ไม่ปกปิดรับเงินค่าดูแลวันละ 500 บาท | พัทยา สแกนพื้นที่ชวนเข้าคัดกรองตรวจ COVID-19 ฟรี ตั้งเป้า 2000 คน ทดสอบกับชุดตรวจแบบใหม่ของ สธ.รู้ผลใน 1 ชม. พร้อมส่งตรวจอีก 2 | สังคม,คุณภาพชีวิต | COVID-19,สุขภาพ,สาธารณสุข,กระบี่,ชลบุรี,พัทยา | https://prachatai.com/journal/2020/04/87163 |
สุดหวาน เจ้าชายแฮร์รี่ ฉีกกฎ ทรงจับมือ เมแกน มาร์เคิล ออกงานครั้งแรก | เมื่อ 26 ก.ย.60 เว็บไซต์ มิร์เรอร์รายงานครึกโครม รักสุดหวานของเจ้าชายแฮร์รี่ แห่งอังกฤษ พระชนม์พรรษา 33 ปี กับแฟนสาว เมแกน มาร์เคิล ดาราสาวชาวอเมริกัน วัย 36 ปี ที่ทรงคบหาดูใจกันมานับปี ว่า ในที่สุด เจ้าชายแฮร์รี่ ทรงเปิดเผยความสัมพันธ์ครั้งนี้อย่างเป็นทางการแล้ว ด้วยการพามีแกน ออกงานร่วมกับพระองค์อย่างเป็นทางการครั้งแรก ในการเสด็จไปทอดพระเนตรการแข่งขันเทนนิส ในงานกีฬา Invictus Game ที่นาธาน ฟิลิปส์ สแควร์ ในนครโตรอนโต ประเทศแคนาดา เมื่อวันจันทร์ที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งงาน Invictus Game (อินวิคตัส เกมส์)นี้ เป็นงานแข่งขันกีฬาทหารผ่านศึกพิการทุพพลภาพ ที่เจ้าชายแฮร์รี่ทรงจัดขึ้น ในขณะที่ช่วงนี้ เมแกน มาร์เคิล อยู่ที่แคนาดาเพื่อถ่ายละครซีรีส์ เรื่อง Suits,แน่นอนว่า เจ้าชายแฮร์รี่ทรงพาเมแกน มาร์เคิล เสด็จออกงานร่วมกับพระองค์อย่างเป็นทางการครั้งแรก ทำให้นักข่าวและประชาชนพากันถ่ายรูปและบันทึกคลิปวิดีโอกันอย่างคึกคัก ขณะที่เจ้าชายแฮร์รี่ทรงจูงมือแฟนสาวของพระองค์เกือบตลอดเวลา และทรงแสดงความรักที่มีต่อกันอย่างเปิดเผยต่อสาธารณชน,ด้านเว็บไซต์ มิร์เรอร์ ชี้ว่า การที่เจ้าชายแฮร์รี่ทรงพาเมแกน มาร์เคิล ออกงานแล้วนั้น นับเป็น การฉีกกฎของราชวงศ์อังกฤษ อีกทั้ง ที่ผ่านมา เจ้าชายวิลเลียม พระเชษฐาในเจ้าชายแฮร์รี่ ทรงไม่เคยจับพระหัตถ์เจ้าหญิงแคทเธอรีน ในที่สาธารณะ ก่อนที่จะทรงหมั้นหมายกันอย่างเป็นทางการเลย. | หวานหนักมากเจ้าชายแฮร์รี่ ฉีกกฎราชวงศ์ ทรงควงเมแกน มาร์เคิล ออกงานร่วมกับพระองค์อย่างเป็นทางการครั้งแรก และทรงจูงมือแฟนสาวอย่างเปิดเผย แตกต่างจากเจ้าชายวิลเลียม ที่ไม่เคยจับพระหัตถ์เจ้าหญิงเคทในที่สาธารณะก่อนทรงหมั้นเลย | ข่าว,ต่างประเทศ | เจ้าชายแฮร์รี่,มีแกน มาร์เคิล,เจ้าชายแฮร์รี่ พาแฟนออกงานครั้งแรก,อังกฤษ,ราชวงศ์อังกฤษ | https://www.thairath.co.th/news/foreign/1080964 |
ไม่ได้รวย สภาพบ้าน กิ๊ก ไอ้เก่ง ฆ่าหมอปอ ปิดเงียบ เพราะอายคน | เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ได้ควบคุมตัว น.ส.นฤมล หรือ สาว ช่วยสมบัติ อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาร่วมกับ นายรณชัย หรือ เก่ง ปานชาติ ว่าที่เจ้าบ่าว ฆ่าว่าที่เจ้าสาว น.ส.นนทิญา ครัวจัตุรัส หรือ หมอปอ อายุ 25 ปี เจ้าพนักงานทันตสาธารณสุข โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสลุย ไปฝากศาลจังหวัดชุมพร โดยพบว่าไม่มีญาติมายื่นขอประกันตัวแต่อย่างใด,ขณะที่ บ้านพ่อแม่ใน อ.หลังสวน ของ น.ส.นฤมล กิ๊กของนายรณชัย พบว่า ไม่ได้ร่ำรวยอย่างที่เป็นข่าวก่อนหน้า โดยเป็นบ้านไม้สองชั้น สภาพเก่าทรุดโทรม ตั้งอยู่ริมถนนลาดยางในหมู่บ้าน ต.บ้านควน อ.หลังสวน ซึ่งพ่อแม่มีอาชีพขายไก่ย่าง และหมูย่าง บริเวณเพิงริมถนน และภายหลังเกิดเหตุ บ้านได้ปิดเงียบเป็นเวลา 5 วัน เนื่องจากครอบครัวถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากโลกโซเชียลอย่างหนัก รวมทั้งสังคมภายนอกกดดันอย่างรุนแรง ภายหลัง น.ส.นฤมล ตกเป็นผู้ต้องหาร่วมฆ่าหมอปอ จนครอบครัวต้องปิดบ้านเงียบ ไม่พบปะกับใคร,สำหรับครอบครัวของ น.ส.นฤมล อยู่ด้วยกัน 5 คน มีพ่อ แม่ และลูก 3 คน เป็นชาย 1 คน หญิง 2 คน โดย น.ส.นฤมล เป็นลูกสาวคนกลาง ครอบครัวมีฐานะไม่สู้ดีมากนัก. | ลือกันสะพัด! บ้าน กิ๊ก ไอ้เก่ง ร่วมฆ่าหมอปอ รวยมาก มาเจอของจริงกับตรงกันข้าม เป็นบ้านไม้สองชั้นสภาพเก่าใน อ.หลังสวน พ่อแม่ขายไก่ย่าง-หมูย่าง ริมถนน ตอนนี้ต้องปิดบ้านเงียบ โดนสังคมกดดันหนัก | ข่าว,ทั่วไทย | หมอปอ,กิ๊กไอ้เก่ง,บ้านกิ๊กไอ้เก่ง,สภาพบ้านกิ๊กไอ้เก่ง,ฆ่าหมอปอ,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/south/1160840 |
เมียนมา ปล่อยตัวนักโทษการเมืองก่อนรัฐบาลใหม่บริหารประเทศ 1 ก.พ.นี้ | วันนี้ (22 ม.ค.2559) รัฐบาลเมียนมาอภัยโทษให้นักโทษการเมืองและนักโทษอื่นทั่วประเทศรวม 102 คน การประกาศอภัยโทษในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เสร็จสิ้นการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 8 พ.ย.2558 ซึ่งในจำนวนนี้มีนักโทษการเมือง รวมอยู่ด้วย 52 คนสำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า วันนี้มีการปล่อยตัวนักโทษการเมืองที่เรือนจำอินเส่ง ซึ่งเป็นเรือนจำที่ใหญ่ที่สุดและมีสภาพความเป็นอยู่ที่ย่ำแย่ที่สุดในประเทศ จำนวน 18 คน จากที่มีอยู่ทั้งหมด 21 คน แต่คาดว่านักโทษที่เหลืออีก 3 คน จะได้รับการปล่อยตัวภายในวันนี้เช่นเดียวกันนอกจากนี้ รัฐบาลเมียนมายังได้ปล่อยตัวนายฟิลิป แบลควูด ชาวนิวซีแลนด์ วัย 32 ปี หลังจากถูกศาลตัดสินจำคุกเป็นเวลา 2 ปี เมื่อเดือน มี.ค.2558 ในข้อหาดูหมิ่นศาสนาพุทธ จากการนำมาใช้โฆษณาร้านอาหารในย่างกุ้งนอกจากการปล่อยตัวนักโทษแล้ว รัฐบาลเมียนมายังได้ลดหย่อนโทษของผู้ถูกคุมขังอีกประมาณ 80 คน จากโทษประหารชีวิตเป็นจำคุกตลอดชีวิต ซึ่งการปล่อยตัวนักโทษในครั้งนี้มีขึ้นก่อนหน้าที่พรรคเอ็นแอลดีของนางออง ซาน ซู จี จะเข้าทำหน้าที่บริหารประเทศในวันที่ 1 ก.พ.นี้ ขณะที่องค์กรความช่วยเหลือนักโทษการเมือง ระบุว่า ล่าสุดยังมีนักโทษการเมืองถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำเมียนมาอีก 537 คน | รัฐบาลเมียนมาอภัยโทษให้นักโทษการเมืองและนักโทษอื่นรวม 102 คน ก่อนที่พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) จะเข้าทำหน้าที่บริหารประเทศเป็นรัฐบาลชุดใหม่ในวันที่ 1 ก.พ.นี้ | ต่างประเทศ | เมียนมา,นักโทษการเมือง,นักโทษ,เอ็นแอลดี | https://news.thaipbs.or.th/content/7492 |
อีกแล้ว เด็กติดในรถ 1ขวบปู่พาเที่ยว คาดเดินเหยียบปุ่มล็อกข้างเกียร์ | เมื่อเวลา 08.20 น. วันที่ 1 ก.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คูคต จ.ปทุมธานี ได้รับแจ้งมีเด็กติดอยู่ภายในรถเก๋ง เหตุเกิดที่หน้าบ้านเลขที่ 59/499 ต ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี หลังรับแจ้งจึงรีบประสานช่างกุญแจเข้าช่วยเหลือ,ในที่เกิดเหตุ พบรถยนต์เก๋งยี่ห้อ BMW สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ศฐ 5229 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ที่หน้าบ้านหลังดังกล่าว โดยรถสตาร์ตเครื่องยนต์และเปิดแอร์ไว้ ภายในรถเก๋งพบเด็กชายอายุ 1 ขวบ 1 เดือน ชื่อ ด.ช.กวิน หรือ น้องกล้า จันทร์สีดา ยืนเกาะที่เบาะรถด้านหน้าฝั่งคนขับรถร้องไห้งอแง และพยายามเกาะที่กระจกประตูรถเพื่อต้องการจะออกจากรถ ท่ามกลางชาวบ้านมามุงดูกันเป็นจำนวนมาก พร้อมช่วยกันพยายามบอกให้เด็กกดตัวล็อกที่ประตูรถ ขณะเดียวกันช่างกุญแจได้ใช้อุปกรณ์เปิดประตูรถฝั่งคนขับ ใช้เวลานานเกือบ 1 ชั่วโมง จึงสามารถช่วยเหลือน้องกล้าออกมาได้อย่างปลอดภัย โดยน้องกล้าร้องไห้อยู่ตลอดเวลาด้วยความตกใจ,นายธีระศักดิ์ จุมบุตร อายุ 59 ปี ผู้เป็นปู่ของน้องกล้า เปิดเผยว่า ตนเองจะออกไปทำธุระข้างนอกบ้าน โดยนำหลานไปด้วย จึงได้อุ้มหลานขึ้นรถจากนั้นได้ขับรถออกมาจอดที่หน้าบ้าน เพื่อลงไปปิดประตูรั้วบ้าน แต่เมื่อกลับมา พบว่าเปิดประตูรถไม่ได้แล้ว เนื่องจากประตูรถทุกบานถูกล็อกหมด ซึ่งคาดว่าหลานอาจจะเดินไปเหยียบตัวล็อกประตูที่อยู่บริเวณเกียร์รถ ทำให้รถล็อกประตูอัตโนมัติ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ขอความช่วยเหลือ ซึ่งสามารถช่วยเหลือน้องกล้าออกมาได้อย่างปลอดภัย,อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ครั้งนี้ ถือเป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ปกครอง โดยเฉพาะผู้ใช้รถยนต์ที่มีปุ่มล็อกอัตโนมัติอยู่ที่บริเวณเกียร์ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เด็กก้าวเหยียบได้พอดี แต่ยังโชคดีที่ครั้งนี้มีการสตาร์ตเครื่องรถยนต์ไว้ ทำให้อากาศภายในรถไม่ร้อนอบอ้าว เด็กจึงไม่เป็นอะไรมากเพียงแต่มีอาการตื่นตกใจเท่านั้น . | ปู่พาหลานชาย 1 ขวบ นั่งรถไปด้วย จอดปิดประตูบ้าน กลับไปที่รถพบประตูถูกล็อกทุกด้านด้วยระบบล็อกอัตโนมัติ เด็กติดอยู่ร่วมชั่วโมงกว่าจะตามช่างมางัดกุญแจออกได้ ยังดีที่รถติดเครื่องเปิดแอร์ คาดเด็กเดินไปเหยียบตัวล็อกข้างเกียร์ | null | เด็กติดในรถ,รถล็อก,เด็กวัย 1 ขวบ,ช่วยเด็ก,เด็ก1ขวบ,เหยียบปุ่มล็อก,สภ.คูคต,ปทุมธานี,ข่าวทั่วไทย,ข่าวสังคม,ไทยรัฐออนไลน์,ล็อกอัตโนมัติ,ธีระศักดิ์ จุมบุตร | https://www.thairath.co.th/content/652249 |
ขาดเคน ขาดใจ(ตาย) | หลังจากเหมายิงไปแล้ว 13 ประตู จาก 2 รายการ โดยยิงในพรีเมียร์ลีก 8 ลูก และยิงในยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 5 ลูก ทำให้ดาวยิงวัย 24 ปี ถูกจับตามองว่าจะเป็นผู้นำทัพ ไก่เดือยทอง ลุ้นแชมป์ทุกรายการในฤดูกาลนี้,แต่พอเคนเดี้ยง เจ็บกล้ามเนื้อต้นขา ลงสนามไม่ได้ ทำให้ 2 นัดล่าสุดของสเปอร์ส ถึงกับแพ้รวดทั้ง 2 นัด เลยทีเดียว เริ่มจากเกมคาราบาว คัพ รอบ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เปิดสนามเวมบลีย์ ทำศึกลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ได้ 2 ประตูนำห่างในครึ่งแรก ใครๆ ก็คิดว่าชนะแน่,แต่พอกลับมาเล่นในครึ่งหลัง แข้งขุนค้อนได้ยาดี อัดคืนรวดเดียว 3 ประตู แซงชนะ 3-2 หน้าตาเฉย ทิ้งปริศนาธรรมให้โปเชตติโนต้องเอาไปขบคิดว่า แพ้เพราะอะไร,มาถึงนัดล่าสุด เป็นศึกพรีเมียร์ลีก เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ไก่เดือยทอง ยกพลบุกขึ้นมาเยือนรังโอลด์ แทรฟฟอร์ด ของ ปิศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คู่แข่งแย่งแชมป์ลีกในฤดูกาลนี้,นัดนี้ เคนยังไม่ฟิตพอที่จะลงสนามได้ ทำให้สเปอร์สพ่ายไปหวุดหวิด 0-1 เกมรุกที่นำโดย ซอน เฮือง มิน ไม่ประสบผลสำเร็จ และเมื่อเปลี่ยน เฟร์นันโด ยอเรนเต ลงไปแทนในช่วงต้นครึ่งหลัง ก็ไม่ได้ช่วยให้เกมรุกของทีมดีขึ้นมากนัก,ถึงตอนนี้ สาวกไก่เดือยทอง คงได้แต่ลุ้นให้เคนกลับมาลงสนามได้อีกครั้ง เพื่อนำชัยชนะมาสู่ทีม ไม่อย่างนั้นแย่แน่ๆ,ที่สำคัญ นัดต่อไปจะเป็นศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่ 4 ซึ่งจะพบกับทีมเรอัล มาดริด ในถิ่นตัวเอง วันพุธที่ 1 พฤศจิกายน ที่จะถึงนี้,ถ้าหากเคนกลับมาลงสนามได้ สเปอร์สมีลุ้นแต้มแน่นอน แต่ถ้าไร้เงาของเคนเป็นนัดที่ 3 ติดต่อกัน ไม่รู้ว่าผลการแข่งขันจะลงเอยเหมือน 2 นัดที่ผ่านมาหรือเปล่า,JUPITER | 2 นัดล่าสุดของ ไก่เดือยทอง ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ที่ปราศจาก แฮร์รี เคน ดาวยิงคนสำคัญ ที่ถูกโรคเดี้ยงถามหา ส่งผลให้ทีมแพ้ติดกัน 2 นัดทันที หรือนี่คือสัญญาณเตือนภัยที่ เมาริซิโอ โปเชตติโน ต้องเร่งแก้ไข | null | แฮร์รี เคน,ไก่เดือยทอง,ทอตแนม ฮอตสเปอร์,สเปอร์ส,พรีเมียร์ลีก | https://www.thairath.co.th/sport/eurofootball/premiereleague/1110584 |
พลิกปมข่าว : ใครชี้ชะตาพลังงานทางเลือก | รัฐบาลก็ประกาศชัดแล้วว่า ยังไงก็ต้องเดินหน้าก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ประเด็นนี้ กำลังเป็นคำถามของภาคประชาชนที่ร่วมเป็นคณะกรรมการไตรภาคี เนื่องจากการประชุมคณะกรรมการไตรภาคีหลายหรือครั้งล่าสุด ก็ยังไม่มีข้อสรุปผลการศึกษาศักยภาพพลังงานทางเลือกที่ชัดเจน แม้ว่าคณะอนุกรรมการศึกษาการใช้พลังงานทดแทน พลังงานทางเลือกของจังหวัดกระบี่ จะเสนอไปแล้ว แต่ก็ยังมีความเห็นไม่ตรงกัน กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยหรือ กฟผ.อยู่ดี สรุปท้ายการทำงานของคณะกรรมชุดนี้ ผ่านไป 8 เดือนตามกรอบเดิมที่วางไว้ ก็ยังไม่ได้ข้อยุติแต่การออกมาประกาศชัดของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ว่า ถึงอย่างไร ก็ต้องเดินหน้าทุกโครงการตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือ แผนพีดีพี 2015 กำหนดไว้ว่าจะลดการพึ่งพาใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้า และเดินหน้าใช้เชื้อเพลิงถ่านหินเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 -25 ทำให้จำเป็นต้องผลักดันโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่ และโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา จ.สงขลาเหตุผลของกฟผ. เห็นว่า พลังงานไฟฟ้าในภาคใต้ที่มีอยู่ ยังมีความเสี่ยง และไม่มีความมั่นคงเพียงพอต่อความต้องการใช้ไฟฟ้าในอนาคต ที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน มีการใช้ไฟฟ้าสูงสุด หรือ พีกสุดในภาคใต้ 2713 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 6 ต่อปี และมีแนวโน้นเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจทำให้เมื่อเทียบกับกำลังผลิตไฟฟ้าติดตั้งภาคใต้ ณ ปัจจุบันจากโรงไฟฟ้าทั้งหมดรวมแล้ว 3054 เมกะวัตต์ ยังไม่มั่นคงเพียงพอ เนื่องจากตัวเลขนี้เป็นตัวเลขที่พึ่งพาไฟฟ้าจากภาคกลาง และประเทศมาเลเซียเป็นเหตุผลที่ กฟผ.บอกมาตลอดว่า จำเป็นต้องเพิ่มศักยภาพผลิตพลังงานไฟฟ้าในภาคใต้ตามแผนที่กำหนดไว้ คือต้องสร้างท่าเทียบเรือขนถ่ายถ่านหิน และสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่ ให้ทันจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบจำนวน 860 เมกะวัตต์ให้ได้ภายในปี 2562 และโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา จ.สงขลา เฟส 1 ต้องจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบให้ได้ 1000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2564ขณะข้อเสนอของเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหินมองว่า ในพื้นที่ภาคใต้มีศักยภาพผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทางเลือกอื่นๆ ได้เพียงพอ หากมีการบริหารจัดการรวมกับโรงไฟฟ้าหลักที่มีอยู่ ให้มีประสิทธิภาพ ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการนำเข้าเชื้อเพลิงถ่านหินนี่จะเป็นหนึ่งในข้อเรียกร้องของภาคประชาชนในจังหวัดกระบี่ ซึ่งคณะอนุกรรมการการศึกษาการใช้พลังงานทดแทน พลังงานทางเลือกของจังหวัดกระบี่ ยืนยันผลการศึกษาความสามารถในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทางเลือกภายใน 3 ปี หรือภายในปี 2562 ของจังหวัดกระบี่ เช่น ใช้เชื้อเพลิงจากชีวมวล ชีวภาพ ขยะชุมชน แสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำขนาดเล็ก รวมแล้วสามารถผลิตไฟฟ้าได้ถึง 287 เมกะวัตต์ และในระยะยาว 10 ปี สามารถผลิตไฟฟ้าได้เพิ่มถึง 1411 เมกะวัตต์ ซึ่งศักยภาพที่กำหนดเป็นเป้าหมายไว้ จะต้องขึ้นอยู่กับภาครัฐบาลด้วย ที่จะต้องขจัดปัญหาอุปสรรคที่ยังไม่รองรับหลายประเด็นนายกิตติชัย เอ่งฉ้วน คณะอนุกรรมการศึกษาการใช้พลังงานทดแทน พลังงานทางเลือกของจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ต้องขจัดปัญหาอุปสรรค หลายประเด็น เช่น 1.เรื่องของระบบสายส่งที่รองรับการผลิตกระแสไฟฟ้าในภาคส่วนต่าง ๆ 2.ในเรื่องการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ลงทุน คือการเปิดรับซื้อกระแสไฟฟ้า เพราะจู่ ๆ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศหยุดรับซื้อกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทางเลือกอื่น ๆ ทำให้ผู้ที่จะมาลงทุน เกิดความไม่มั่นใจขณะเดียวกันก็มีหลายส่วนที่ลงทุนไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้ทำสัญญาผูกมัดเพื่อขายกระแสไฟฟ้า เมื่อลงทุนไปแล้วก็สร้างโรงงานเสร็จแล้วก็มี แต่ไม่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าขายได้ ก็สร้างความไม่มั่นใจให้กับเอกชนที่จะลงทุนได้ 3.เรื่องการให้การสนับสนุนของภาครัฐ โดยรัฐจะต้องมีนโยบายที่ชัดเจนในเรื่องของการผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังงานทดแทนและจะต้องให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องลงมาดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจังปัจจุบันพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จากพลังงานทางเลือกอย่างไบโอแก๊ส และไบโอแมส ซึ่งใช้เชื้อเพลิงผลผลิตทางการเกษตร สามารถขายไฟฟ้าเข้าระบบการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ 42 เมกะวัตต์ แต่สัญญาการซื้อขายไฟฟ้าที่หยุกชะงัก ทำให้ต้องเผาแก๊สที่ผลิตได้ทิ้งไป ทั้งที่มีความพร้อมที่จะผลิตกระแสไฟฟ้าแล้ว | หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งให้ชะลอการเดินหน้าโครงการเอาไว้ก่อน และตั้งคณะกรรมการศึกษาการดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินจังหวัดกระบี่ หรือ คณะกรรมการไตรภาคี ซึ่งมีตัวแทนภาคประชาชน ร่วมศึกษาศักยภาพและความเป็นไปได้ของพลังงานทางเลือก ตามข้อเสนอของเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน โดยขอเวลา 3 ปี เพื่อพิสูจน์ว่าศักยภาพพลังงานทางเลือกในจังหวัดกระบี่ มีมากเพียงพอกับความต้องการใช้ไฟฟ้าในอนาคต แต่ยังไม่ทันมีข้อสรุปจากคณะกรรมการไตรภาคี | สิ่งแวดล้อม | ThaiPBSnews,ข่าวไทยพีบีเอส,พลิกปมข่าว,พลังงานทางเลือก,โรงไฟฟ้าถ่านหิน,โรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่,กระบี่,โรงไฟฟ้าเทพา | https://news.thaipbs.or.th/content/255367 |
ตูน วิ่งวันที่ 4 กลางสายฝน ขาเริ่มเจ็บ แต่พร้อมไปต่อ | เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 4 พ.ย. นายอาทิวราห์ คงมาลัย หรือ ตูน บอดี้สแลม พร้อมทีมงาน ได้เริ่มออกวิ่งวันที่ 4 โครงการ ก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ โดยจุดเริ่มต้นที่ สถานสงเคราะห์เด็กชายจังหวัดยะลา วิ่งผ่านศาลหลักเมือง โรงพยาบาลศูนย์ยะลา ต่อไปยังโรงไฟฟ้ากัลฟ์ ยะลา กรีน จำกัด ถือเป็นการวิ่งวันสุดท้ายในเขตยะลา,โดยเมื่อเช้านี้ ตูน พร้อมคณะ ออกวิ่งจากสถานสงเคราะห์เด็กชายจังหวัดยะลา ไปตามถนน ผ่าน ศอ.บต. วงเวียนศาลหลักเมืองยะลา เลี้ยวซ้ายออกถนนเทศบาล 1 ผ่านสำนักงานอัยการจังหวัดยะลา ผ่าน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ผ่านสี่แยกไฟแดง โรงพยาบาลศูนย์ยะลา จุดตรวจท่าสาป แวะทำกิจกรรมที่โรงไฟฟ้ากัลฟ์ ยะลากรีน จำกัด,จากนั้นเวลา 13.40 น. ตูน บอดี้สแลม ได้วิ่งถึงเขตตำบลใหม่ ก่อนจะเข้าเขตบ้านปากล่อ ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี อีกไม่ถึง 5 กิโลเมตร ตูนต้องเข้าพักชั่วคราวที่ทำการไปรษณีย์ตำบลลำใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา ชั่วคราว เนื่องจาก ตูน มีอาการเจ็บขา เนื่องจากเอ็นยึดและมีอาการปวดเอวเล็กน้อย โดยใช้เวลาพักกว่า 50 นาที จึงได้วิ่งต่อไปท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาและก็ยังคงมีประชาชน นักเรียน ออกมาให้กำลังใจพร้อมบริจาคเงินเป็นจำนวนมาก ซึ่งยอดเงินรับบริจาคขณะนี้ได้ทั้งสิ้น 71 ล้านบาท,และหลังจากนี้หนุ่มตูน จะหยุดพัก 1 วัน ตามกำหนดเมื่อวิ่งครบ 4 วัน ต้องหยุดพัก 1 วัน แต่สภาพร่างกายที่วิ่งมา 4 วัน ทำให้สภาพร่างกายของ ตูน เริ่มมีความอิดโรย แต่เชื่อว่าความมุ่งมั่นและกำลังใจที่ยังมีเต็มร้อยของหนุ่ม ตูน จะสามารถวิ่งต่อไปได้อย่างแน่นอน. | ตูน บอดี้สแลม ออกวิ่งวันที่ 4 ท่ามกลางสายฝน พ้นเขตพื้นที่ยะลาแล้ว มุ่งหน้าปัตตานี ขณะที่ขาเริ่มเจ็บ เนื่องจากเอ็นยึดและมีอาการปวดเอว แต่หลังจากพัก 50 นาที ก็พร้อมไปต่อ รวมยอดบริจาคถึงขณะนี้ 71 ล้านบาท | ข่าว,ทั่วไทย | ตูน บอดี้สแลม,ก้าวคนละก้าว,ยะลา,เจ็บขา,ยอดบริจาค,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/south/1116937 |
รมว.สธ เผย ทีมหมูป่ากลับบ้านได้ 19 ก.ค. นี้ | วันนี้ (14 ก.ค.2561) ศ.คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เดินทางมาเยี่ยมทีมหมูป่า 13 คน พร้อมกับเผยอาการของผู้ป่วยว่าขณะนี้ทั้งหมดแข็งแรงปลอดภัยดี ไม่มีอาการน่าเป็นห่วงจะได้กลับบ้านพร้อมๆ กัน ในวันพฤหัสบดีนี้ (19 ก.ค.)ขณะที่ผลการรักษา กลุ่มที่ 1 ผู้ป่วยไม่มีไข้ สัญญาณชีพปกติ ผลการตรวจตาจักษุแพทย์อยู่ในเกณฑ์ปกติ ส่วน 2 คนที่ปอดติดเชื้ออาการดีขึ้น รอให้ยาปฎิชีวนะครบ 7 วันกลุ่มที่ 2 ผู้ป่วยไม่มีไข้ สัญญาณชีพปกติ ทานอาหารได้แล้ว รอให้ยาปฎิชีวนะครบ 7 วันกลุ่มที่ 3 ผู้ป่วยยังมีไข้ต่ำๆ สัญญาณชีพปกติ ทานอาหารได้ดี ส่วน 1 คนที่ปอดติดเชื้ออาการดีขึ้น อาการหูอื้อของทั้ง 3 คนดีขึ้น รอให้ยาปฎิชีวนะครบ 7 วันจากการติดตามการรักษาน้ำหนักตัวสมาชิกหมูป่าบางคนลดลงมากที่สุด 5 กิโลกรัม แต่หลังจากได้รับการรักษาทานอาหารได้แล้ว ทำให้ทุกคนน้ำตัวขึ้น 1-2 กิโลกรัม ผลตรวจเลือดไม่พบการติดต่อโรคร้ายแรงใดๆ ทำให้ทั้งหมดถอดหน้ากากอนามัยได้แล้วนายแพทย์ปิยะสกล กล่าวว่า มี 2 เรื่องที่เป็นห่วงคือ เมื่อทีมหมูป่ากลับไปอยู่บ้าน ต้องระวังการติดเชื้อจากคนหมู่มากที่เข้าไปเยี่ยม เนื่องจากทีมหมูป่ายังอยู่ในระยะพักฟื้นอาจจะติดเชื้อได้ง่าย และเรื่องที่สองคือ ทีมหมูป่าอาจจะถูกเชิญไปสัมภาษณ์หรือออกรายการต่างๆ โดยทีมจิตแพทย์ได้แนะนำให้ทีมหมูป่าได้รับการฟื้นฟูจิตใจอย่างน้อย 1 เดือน ให้เขาได้อยู่กับครอบครัวและเพื่อนก่อน ให้พ้นช่วงรักษาบาดแผลทางใจ ซึ่งทีมแพทย์ยังคงดูแลอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ขอความร่วมมือสื่อมวลชนไม่ควรถามคำถามที่ไม่สร้างสรรค์และขอให้คำนึงถึงจิตใจเด็กเป็นสำคัญ | รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยอาการทีมหมูป่า 13 คน แข็งแรงปลอดภัยดี ไม่มีอาการน่าเป็นห่วง จะกลับบ้านพร้อมๆ กันในวันพฤหัสบดีนี้ | สังคม | สธ.,นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร,รมว.สธ.,หมูป่า,ทีมหมูป่า,กลับบ้าน,แข็งแรง,ปลอดภัย,ไทยพีบีเอส,ข่าวไทยพีบีเอส,ThaiPBSnews,ThaiPBS | https://news.thaipbs.or.th/content/273368 |
เผยเจ้าคณะชุมแพ มรณภาพที่แพร่ พระนักการศึกษา ด็อกเตอร์2ปริญญาเอก | จากอุบัติเหตุ ช่วงเช้าวันที่ 12 ส.ค. รถกระบะสองตอน อีซูซุ สีขาว ทะเบียน กษ 5376 ขอนแก่น พลิกคว่ำ บนถนนสายแพร่-น่าน ระหว่างช่วงก่อนถึงป่าช้าบ้านห้วยแกต ต.ไผ่โทน อ.ร้องกวาง จ.แพร่ มีผู้บาดเจ็บเป็นสามเณรอีก 3 รูป และพระมรณภาพในที่เกิดเหตุ 1 รูป คือพระครูสโมธานเขตคณารักษ์ หรือพระอาจารย์สมเกียรติ วีรญาโณ อายุ 53 ปี เจ้าคณะอำเภอชุมแพ เจ้าอาวาสวัดแจ้งสว่างนอก,ทั้งนี้ ก่อนเกิดเหตุ คณะของพระอาจารย์สมเกียรติ เดินทางไปทำบุญที่จังหวัดเชียงใหม่ พะเยา ออกจากพะเยาประมาณ 04.00 น. จะไปยังจังหวัดน่าน ถึงที่เกิดเหตุ ฝนตกถนนลื่น คนขับไม่ชำนาญทาง รถเกิดเสียหลักพลิกคว่ำจนทำให้เจ้าคณะอำเภอชุมแพมรณภาพ ส่วนคนขับบาดเจ็บสาหัสรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแพร่,สำหรับการเตรียมการรับศพ เจ้าคณะอำเภอชุมแพ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ตอนเย็นวันที่ 12 ส.ค. นางสุภาวดี ศรีสุขวัฒน์ นายอำเภอชุมแพ นายสมคิด ชำนิกุล ปลัดอำเภอ นางสุกานดา เดชวิชิตชัย วัฒนธรรมอำเภอ พระโสภณพัฒนบัณฑิต รองเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น รองอธิการบดี ม.มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ได้เดินทางมาที่วัดแจ้งสว่างนอก เพื่อหารือเตรียมการบำเพ็ญกุศลศพพระครูสโมธานเขตคณารักษ์ ที่ประสบอุบัติเหตุมรณภาพ โดยมีชาวบ้านและพระสงฆ์ลูกศิษย์จากวัดต่างๆ เดินทางมายังวัด โดยทางคณะทำงานได้กำหนดการตั้งศพบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมศพระหว่างวันที่ 13-21 ส.ค.2562 และในบ่ายวันที่ 22 ส.ค.2562 ทำพิธีบรรจุศพโลงแก้วเพื่อรอกำหนดการพิธีพระราชทานเพลิงศพ,จากนั้นกลางดึก ศพของเจ้าคณะอำเภถอชุมแพ ได้มาถึงโรงพยาบาลชุมแพ รอกำหนดเวลา 13.00 น.วันที่ 13 ส.ค. เพื่อเคลื่อนศพจากโรงพยาบาลชุมแพไปยังศาลาการเปรียญวัดแจ้งสว่างนอก เพื่อประกอบพิธีน้ำหลวงอาบศพ และเปิดให้พระสงฆ์ลูกศิษย์ ญาติโยม ได้สรงน้ำศพในบ่ายวันเดียวกัน,ประวัติพระครูสโมธานเขตคณารักษ์ ชื่อเดิมสมเกียรติ น้อยวัน ปัจจุบันอายุ 53 ปี ภูมิลำเนาเดิมเป็นชาวบ้าน ต.ขามป้อม อ.พระยืน จ.ขอนแก่น สำเร็จการศึกษา น.ธ.เอก, ปธ.4, พธ.บ., M.A. (Phil.), ปร.ด., Ph.D(So.Sic.) เป็นผู้มีความรู้เชี่ยวชาญภาษาบาลีอย่างแตกฉาน ปริญญาตรี พุทธศาสตรบัณฑิต(เกียรตินิยมอันดับ 2) จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยวิทยาเขตขอนแก่น ปริญญาโท(M.A.Ist class) (วิชาเอกปรัชญาเกียรตินิยมอันดับ 1) จาก UNIVERSITY OF MADRAS, INDIA. ปริญญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา จากมหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขอนแก่น ปริญญาเอก Ph.D. (Social Sicience) จาก MAGAHD UNIVERSITY, INDIA. เป็นพระนักพัฒนาด้านการศึกษาให้กับโรงเรียนวัดแจ้งสว่างนอก จนเป็นที่เลื่อมใสแก่พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย นับเป็นการสูญเสียบุคลากรทางศาสนาพุทธที่มีคุณภาพอย่างน่าเสียดายยิ่ง | เผย พระครูสโมธานเขตคณารักษ์ เจ้าคณะอำเภชขุมแพ จ.ขอนแก่น ที่มรณภาพจากอุบัติเหตุทางถนนรถคว่ำที่ จ.แพร่ เป็นพระนักการศึกษารูปสำคัญ ปริญญาโทเกียรตินิยมอันดับ 1 จากอินเดีย ด็อกเตอร์ 2 ปริญญาเอก | ข่าว,ทั่วไทย | พระมรณภาพ,เจ้าคณะอำเภอชุมแพ,พระดอกเตอร์,พระครูสโมธานเขตคณารักษ์,ข่าวทั่วไป | https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/1636495 |
โยเวติช ชี้ เปเยกรินี ฆ่ากันทั้งเป็นเหตุตัดชื่อลุย ชปล. | สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานวันที่ 16 ก.พ. ว่า สเตวาน โยเวติช กองหน้าจอมอาภัพ ชาวมอนเตเนโกร ของทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ออกโรงจวก มานูเอล เปเยกรินี กุนซือใหญ่ของทีม กำลังฆ่ากันทั้งเป็น หลังจากตัดชื่อออกจากขุนพลชุดลุยศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย เพื่อหลีกทางให้กับ วิลเฟรด โบนี หัวหอกคนใหม่ที่เพิ่งเข้ามาสู่ทีมในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา,โยเวติช เผยว่า คนชอบพูดกันว่าผมเป็นผู้เล่นที่ดี แต่มันค่อนข้างชัดเจนว่าผู้จัดการทีมไม่ได้คิดเช่นนั้น ผมผิดหวังเป็นอย่างมากและเชื่อว่านั่นไม่ใช่การตัดสินใจที่ดีแน่นอน ผมควรได้เล่นในแชมเปียนส์ลีก เจ้านายกำลังฆ่าผมทั้งเป็น เขาบอกกับผมด้วยตัวเองแต่กลับไม่ยอมฟังคำพูดของผมบ้างเลย และผมจะตัดสินใจอีกครั้งเกี่ยวกับอนาคตของตัวเองหลังจบฤดูกาล ,ด้าน มานูเอล เปเยกรินี ได้ปฏิเสธที่จะพูดถึงเรื่องดังกล่าว พร้อมทั้งเผยเพียงสั้นๆ ว่า โยเวติชจะยังเป็นส่วนหนึ่งของทีมในฤดูกาลหน้า,ในช่วงท้ายฤดูกาลเราจะมาวิเคราะห์กันอีกครั้ง ไม่ใช่แค่เพียงโยเวติชแต่สำหรับผู้เล่นทุกคน ดังนั้น สิ่งที่ผมจะพูดคือว่าเขาจะยังคงอยู่กับเราต่อในฤดูกาลหน้า,ทั้งนี้ โยเวติช ย้ายจากทีมฟิออเรนตินา ในอิตาลี มาอยู่กับทีมแชมป์พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2013 ด้วยค่าตัว 22 ล้านปอนด์ | สเตวาน โยเวติช จวก มานูเอล เปเยกรินี นายใหญ่ทีมเรือใบสีฟ้า หลังตัดชื่อออกจากทีมชุดลุยศึกฟุตบอลสโมสรยุโรป เพื่อหลีกทางให้กับ วิลเฟรด โบนี หัวหอกรายใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้าสู่ทีม | null | มานูเอล เปเยกรินี,แมนเชสเตอร์ ซิตี้,เรือใบสีฟ้า,วิลเฟรด โบนี,ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก,ฤดูกาล 2014-15,ยูซีแอล 2014-15,ข่าว,ข่าวกีฬา,ไทยรัฐออนไลน์,สเตวาน โยเวติช | https://www.thairath.co.th/content/481617 |
Subsets and Splits
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.