title
stringlengths
2
223
body
stringlengths
496
195k
summary
stringlengths
34
1.83k
type
stringlengths
4
98
tags
stringlengths
2
1.52k
url
stringlengths
27
112
บิ๊กตู่ โต้รูปหมู่ ไร้ดีลการเมือง ถ่ายกับสะสมทรัพย์
บิ๊กตู่ แจงรูปคู่ตระกูล สะสมทรัพย์ ไร้นัยการเมือง แค่ถ่ายรูปกันธรรมดาทั่วไป ขออย่าตั้งแง่หวาดระแวง บิ๊กฉัตร ระบุไปตีกอล์ฟแล้วเจอโดยบังเอิญ ด้าน เผดิมชัย เผยไม่ได้ร่วมก๊วนหวดกอล์ฟ แค่เลี้ยงข้าวตามธรรมเนียมในฐานะเจ้าบ้าน ชี้ไม่มีอะไรผิดปกติอย่าคิดให้เครียด วัชระ ปูดเปิดดีลกวาด ส.ส.ยกจังหวัดแลกเก้าอี้ รมต. แชร์ว่อนภาพ ปู โผล่อังกฤษ คสช.แจ้นสอบข้อเท็จจริง บิ๊กป้อม ส่งหนังสือชี้แจงแหวน-นาฬิกาหรูแล้ว ป.ป.ช.ยังอุบไต๋ รอเรียกบุคคลที่ 3 แจงปีหน้า,กลายเป็นประเด็นการเมือง หลังจากนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ภาพถ่าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ร่วมกับตระกูลสะสมทรัพย์ นักการเมืองชื่อดัง จ.นครปฐม โดยนักการเมืองตั้งข้อสังเกตว่าเป็นดีลทางการเมืองในอนาคต หลังจากที่ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้ไปพูดคุยกับนักการเมืองชื่อดังมาแล้วหลายกลุ่ม ระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ (ครม.สัญจร),เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. เวลา 08.45 น. ที่ทำเนียบ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวอวยพรเนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ให้สื่อมวลชนทำเนียบรัฐบาลว่า ขอทุกคนประสบความสุขความเจริญ สำเร็จในอาชีพการงานตลอดไป ต้องตระหนักว่าสื่อมวลชนมีความสำคัญต่อประเทศชาติ ประชาชน ในการทำหน้าที่ถ่ายทอดสิ่งดีๆ ระหว่างประชาชนกับรัฐบาล ส่วนเรื่องใดที่ยังไม่เรียบร้อยหรือมีปัญหา รัฐบาลพร้อมรับฟังและพูดคุยกัน ยืนยันไม่ต้องการให้สื่อทำอะไรเพื่อตน แต่ขอให้ทำเพื่อประชาชน ขอให้ประสบความสำเร็จ วันนี้อาจต้องลำบากกว่าเดิม แต่ทุกอย่างจะดีขึ้นหากเราตั้งมั่นในความดี,จากนั้นสื่อมวลชนได้มอบ ส.ค.ส.เป็นรูปยักษ์ยิ้มให้กับนายกฯ พร้อมอธิบายว่า เป็นรูปของพญายักษ์ที่มีหลายหน้า เปรียบเสมือนการทำงานของนายกฯในหลายหน้าที่ และยังสื่อถึงความอดทน เพราะยักษ์เก็บดวงใจของตนเองไว้หลายที่ จึงไม่มีใครสามารถฆ่ายักษ์ได้ นายกฯจึงกล่าวว่า หัวใจตนอยู่กับประชาชนทุกคน และอยู่กับสื่อมวลชนด้วย ขอบคุณทุกคนที่เข้าอวยพร วันนี้ถือเป็นความสุขอีกหนึ่งวันที่ได้มาพูดคุยกัน ตนกับสื่อมวลชนไม่มีปัญหาอะไรกัน สิ่งใดไม่ถูกหรือไม่ชอบกัน วันหน้าต่างคนต่างก็ต้องก็ปรับตัว รู้ว่าสื่อมวลชนมีเจตนาดี ทุกคนต้องทำหน้าที่ ดังนั้น เราจึงต้องทำให้ไปด้วยกันได้ ไม่ใช่ให้หน้าที่ของแต่ละฝ่ายมาตีกัน แต่ต้องมาดูแลตักเตือนซึ่งกันและกัน ขณะเดียวกัน นายกฯได้ส่งการ์ดอวยพรปีใหม่ ด้านหน้าเป็นภาพตึกไทยตู่ฟ้า ส่วนด้านในเป็นภาพตึกภักดีบดินทร์ พร้อมข้อความทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ได้โปรดดลบันดาลให้ท่านและครอบครัวประสบแต่ความสุขความเจริญ ในสิ่งอันพึงปรารถนาทุกประการ เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2561 พร้อมทั้งมอบกระเป๋าอเนกประสงค์ให้สื่อเป็นที่ระลึก,พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ภาพถ่ายนายกฯร่วมกับคนในตระกูลสะสมทรัพย์ผ่านเฟซบุ๊กว่า ตนไปไหนมาไหนก็ได้ในทุกจังหวัดและทุกที่ หรือใครมาพบตนก็พร้อม แต่มาแล้วไม่ใช่มองว่าพบเพื่อการเมือง และจำไม่ได้แล้วว่าถ่ายเมื่อไหร่เพราะนานแล้ว ไปเล่นกอล์ฟเพราะมีคนบอกสนามกอล์ฟดีได้รับรางวัลมา พื้นที่ใครยังไม่รู้เลย ตอนจองก็คนอื่นจอง ความจริงคนกลุ่มนี้มาอยู่แล้ว ดูเหมือนเขาเป็นเจ้าของ สัปดาห์นั้นเขามานั่งสนามกอล์ฟตนก็ไม่รู้ ก็ถ่ายรูปได้กับทุกคนไม่เห็นหรือ ถ่ายไม่รู้กี่รูปแล้ว ทุกคนขอถ่ายตนก็ให้ถ่าย จะรังเกียจเขาได้หรือไม่ ถ้าเขาไม่ขอแล้วตนไปเสนอตัวไปให้เขาถ่ายก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ตนไม่เคยไปเสนอตัว เขาขอตนให้ถ่าย และไม่ว่าใครจะมาขอถ่ายตนก็ให้ถ่ายร่วมได้ทั้งนั้น อย่างไป จ.สุโขทัย เขามารับจะให้ทำอย่างไร จะให้ไล่เหรอ,อย่าไปมองว่าเป็นการตกลงหรือดีลกันถ้าเป็นเช่นนั้นผมคงไม่ต้องไปไหนกันแล้ว แหม่คนตั้งเยอะตั้งแยะจะไปดีลยังไง ยืนยันว่าไม่ได้ดีลอะไรกับใคร ทุกวันนี้ผมมีหน้าที่ทำให้ประเทศมั่นคงแข็งแรง วันข้างหน้าใครจะอยู่พรรคไหน จะอยู่กับใคร จะอยู่ฝ่ายรัฐบาลหรืออยู่กับฝ่ายค้าน เป็นเรื่องของท่าน เพราะผมยังไม่ได้เข้าไปอยู่ตรงนั้นเลย แล้วผมจะไปดีลอะไรกับใครได้ แต่สิ่งที่ผมพูดกับพวกเขาคือ วันข้างหน้าช่วยดูแลประเทศชาติหน่อย ไม่ว่าใครเข้ามาสู่การเมืองต้องทำให้ประชาชนมีความสุข เพราะวันนี้เป็นปัญหาของนักการเมือง ไม่ใช่ปัญหาของผม และยิ่งมาว่าผมมากๆเข้า ผมก็ว่าเขาไม่มีอะไรจะดีขึ้น และเขาต้องไปแก้ที่ตัวของเขาเอง ไม่ใช่มาโจมตีผม ถ้าวันข้างหน้ากลับเข้ามาสู่การเมือง ต้องเป็นการเมืองที่มีธรรมาภิบาล ผมพูดกับทุกคนที่เป็นนักการเมือง พูดแค่นี้ผิดตรงไหน นายกฯกล่าว ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่บังเอิญช่วงนี้มีข่าวตั้งพรรคใหม่หนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯต่อ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า อย่าระแวงสิ บอกแล้วตนเป็นรัฐบาลไปที่ไหนก็ได้ ยิ่งวันนี้ไม่มี ส.ส. ตนก็ต้องไปให้ถึงประชาชน,พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ทำงานหนัก ก็อยากหาโอกาสได้ผ่อนคลายบ้าง จึงชวนไปตีกอล์ฟ เพราะเวลาอยู่ในสนามกอล์ฟมีโอกาสพูดคุยภาษาเพื่อน ทำให้ท่านได้หัวเราะสนุกสนาน ปีใหม่ยังไม่มีแผนจะไปตีกอล์ฟกันที่ไหน เพราะนายกฯมีงานให้ทำอยู่ ถ้ามีโอกาสก็อยากให้ท่านนายกฯได้พักผ่อนอีก สำหรับภาพดังกล่าวถ่ายเมื่อประมาณเดือนที่ผ่านมา ระหว่างการพบไม่เห็นว่ามีการพูดคุยอะไร เป็นการพบโดยบังเอิญ เราไปตีกอล์ฟก็ไม่อยากให้ใครรู้ และได้ใช้ชื่อคนอื่นในการจองสนาม ส่วนที่ถูกหยิบโยงเป็นประเด็นการเมืองนั้น คนที่เห็นภาพคงคิดกันไป ผู้สื่อข่าวถาม ในการตีกอล์ฟวันดังกล่าว พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้ช่วย ผบ.ทบ.ไปด้วยหรือไม่ พล.อ.ฉัตรชัยตอบว่า ตนไม่เห็น เพราะ พล.อ.อภิรัชต์ไม่เล่นกอล์ฟ และส่วนใหญ่คนในก๊วนก็เป็นเพื่อนรุ่นเดียวที่เล่นกันมานานแล้ว ส่วนการถ่ายรูปดังกล่าวไม่ทราบว่าเขามาขอถ่ายรูปหรืออย่างไร เพราะตนเดินมาทีหลังแล้วนายกฯชวนมาถ่ายรูปด้วยกัน,นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ อดีต รมว.แรงงาน ให้สัมภาษณ์กรณีมีการเผยแพร่ภาพคู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจมีดีลการเมืองว่า ดีลการเมืองที่ว่าคืออะไรตนยังไม่รู้ ขณะนี้แม้แต่กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญก็ยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี แล้วจะไปดีลอะไรกัน เป็นสิทธิที่จะคิดกันได้แต่คงเป็นไปไม่ได้ และการมาสนามกอล์ฟของนายกฯมาแบบเปิดเผยไม่ได้ปกปิด ผู้ว่าฯและตำรวจย่อมรู้กำหนดการล่วงหน้า เป็นการมาเล่นกอล์ฟตามปกติเนื่องจากวันอาทิตย์เป็นวันหยุดไม่ได้มีอะไรพิเศษ ปกติแล้วครอบครัวตนจะทานข้าวเช้ากันตามประสาครอบครัวที่สนามกอล์ฟ เพียงแต่วันนั้นเห็นว่าผิดปกติเพราะมีรถเข้ามาในสนามเป็นขบวน 2-3 คัน เมื่อไปดูก็พบว่านายกฯมาเล่นกอล์ฟ ตนในฐานะเจ้าของสนามต้องเลี้ยงข้าวเป็นธรรมเนียม แต่คงไม่ได้มีเวลามานั่งพูดคุยดีลการเมืองอะไรกัน เล่นกอล์ฟใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงจะเอาเวลาที่ไหนมาคุยการเมือง เล่นกอล์ฟก็ยังไม่ได้เล่นด้วยกัน อย่างไรก็ตามที่นายกฯเดินทางมา อาจเป็นไปได้ว่าเดือน พ.ย. สนามตนได้รางวัลสนามยอดเยี่ยมที่ประเทศเวียดนาม เมื่อนายกฯเห็นคงอยากจะมาลองเล่นก็ได้,เรื่องรูปถ่ายนั้น เป็นธรรมดาเมื่อคนระดับนายกฯ มาที่สนามกอล์ฟของเราก็ต้องมีการถ่ายรูปเพื่อเป็นเกียรติกับสนาม เหมือนกับผู้นำหรือวีไอพีคนอื่นๆ ที่มา ตรงนี้ถือเป็นการให้เกียรติสนามแห่งนี้มากกว่า และรูปคู่กับนายกฯ ก็แค่เพียงรูปเดียวไม่ได้มีอะไรที่ผิดแปลกอะไรเลย นายกฯ ก็เป็นคนธรรมดา ออกกำลังกายก็เป็นเรื่องปกติ ท่านยังบอกว่าสนามของเราดี ไม่เห็นจะต้องไปเล่นที่ต่างประเทศเลย ยังบอกด้วยว่าควรจะโน้มน้าวให้ต่างประเทศหนีหนาวมาเล่นที่บ้านเราจะดีกว่าด้วยซ้ำ วันนี้บ้านเราเรื่องการเมืองเครียดกันจนเกินไป อย่าไปคิดอาฆาตกัน ตรงไหนไม่ดีก็บอกท่านไป ถ้ามาตั้งแง่กันว่าพวกคุณ พวกเขา มันก็คงไม่ดี วันนี้ผมอายุมากแล้ว ผมลงทุนสร้างสนามกอล์ฟแห่งนี้ก็เพื่อไม่ให้ต่างประเทศเขาดูถูกบ้านเรา เป็นการทำธุรกิจ ไม่ได้มีอะไรที่ผิดปกติเลย นายเผดิมชัยกล่าว,ด้านนายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงภาพถ่าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.ยืนใส่รองเท้าแตะในชุดลำลองกับอดีตนักการเมืองอาวุโสจังหวัดนครปฐม พร้อมกับ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ ว่าทราบจากคนในพื้นที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์หัวหน้า คสช.เดินทางไปพบอดีตรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยแบบลับๆ โดยไม่มีรถนำขบวน ที่สนามกอล์ฟนิกันติของตระกูลสะสมทรัพย์ เมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา เป็นการพบกันที่ไม่ธรรมดาและเป็นเรื่องที่ต้องมีการตกลงทางการเมืองเป็นพิเศษแน่ ทราบว่ามีเงื่อนไขให้เข้าพรรคแล้วทำให้ได้ ส.ส.ยกจังหวัดนครปฐม เอาไปเลยหนึ่งเก้าอี้รัฐมนตรี มีการส่งภาพนี้เพื่อสร้างความมั่นใจในหมู่ลูกน้อง ข้าราชการในพื้นที่ และมีการโยกย้ายข้าราชการบางคนในเวลาต่อมา,ประชาชนอาจมีคำถามกับ พล.อ.ประยุทธ์ว่า แล้วนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพล นโยบายปราบปรามยาเสพติด การปฏิรูปการเมืองท่านจะดำเนินการตรงไปตรงมา เด็ดขาด มีมาตรฐานเดียวหรือไม่ ภาพอันยิ้มแย้มแจ่มใสของผู้มีอำนาจนี้หรือคือของขวัญปีใหม่ เป็นการส่งสัญญาณว่านี่คือการปฏิรูปประเทศของ คสช.ในอนาคตใช่หรือไม่ ที่ท่านบอกสื่อมวลชนให้กลับมาถามผมเรื่องที่ออกมาเปิดเผยเรื่องพรรคทหาร ท่านควรตอบตรงไปตรงมาว่าที่ผ่านมาดำเนินการไปถึงขั้นตอนใดแล้ว ได้กี่กลุ่ม กี่พรรคแล้ว ความจริงเป็นเช่นไรท่านก็รู้ดีแก่ใจ ท่านแอบจัดตั้งกองหนุนเพิ่มเติมทีละมุ้งๆ แบบนี้ ในขณะที่เป็นหัวหน้า คสช.และนายกฯ พร้อมทุ่มงบประมาณของทางราชการให้หาเสียงและโยกย้ายข้าราชการให้ไปรับใช้เต็มที่ ถือเป็นการเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นหรือไม่ นายวัชระกล่าว,วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานีโทรทัศน์นิวส์ทีวีเผยแพร่ภาพที่อ้างว่าเป็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ตกเป็นผู้หลบหนีคดีกรณีไม่มารับฟังคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคดีจำนำข้าว โดยอ้างว่าภาพดังกล่าวเป็นภาพขณะ น.ส.ยิ่งลักษณ์กำลังช็อปปิ้งอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังคนใกล้ชิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้รับคำตอบว่า ยังไม่ทราบที่มาที่ไปของภาพดังกล่าวเช่นกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าภาพดังกล่าวมาจากไหน และข้อเท็จ จริงเป็นอย่างไร,นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ตั้งแต่มีการอ่านคำพิพากษาลับหลังยังไม่สามารถติดต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เลย รูปที่บอกว่าอยู่ที่ประเทศใดนั้นก็ทราบจากการรายงานข่าวของสื่อมวลชน ส่วนคดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ในขณะนี้ถือว่าสิ้นสุดตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ลงโทษจำคุก 5 ปีไปเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากทางอัยการโจทก์ไม่ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาและไม่ได้ขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ออกไป เมื่อครบกำหนด 30 วัน คดีจึงถือเป็นที่สิ้นสุด,พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผบ.มทบ.11 ในฐานะทีมงานโฆษก คสช.กล่าวว่า เรื่องนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คงต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง และพิจารณาดำเนินการตามขอบเขต อำนาจหน้าที่อย่างเหมาะสม,น.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ทราบเพียงจากข่าวที่ปรากฏในสื่อเท่านั้น ในชั้นนี้กระทรวงการต่างประเทศยังไม่มีข้อมูลใดๆเพิ่มเติม,เมื่อเวลา 08.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จ.นนทบุรี พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. รายงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้ส่งหนังสือชี้แจงกรณีที่มาของแหวนเพชรและนาฬิกาหรูมายัง ป.ป.ช.แล้ว ขณะนี้อยู่ในกระบวนการตรวจสอบของสำนักงาน ป.ป.ช.,นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรส่งหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อสงสัยเรื่องการครอบครองนาฬิกาหรูและแหวนเพชรมาให้ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา ขั้นตอนหลังจากนี้ ป.ป.ช.ต้องตรวจสอบยืนยันข้อมูลและข้อเท็จจริงต่างๆ ซึ่งเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับบุคคลที่สาม จึงต้องเรียกมาชี้แจงข้อเท็จจริงในช่วงต้นปี 2561 อย่างไรก็ตาม ไม่ขอเปิดเผยคำชี้แจงของ พล.อ.ประวิตร เพราะเป็นเรื่องรายละเอียดที่เจ้าหน้าที่ต้องไปตรวจสอบ และไม่ขอตอบว่า พล.อ.ประวิตรชี้แจงเฉพาะนาฬิกายี่ห้อริชาร์ด มิลล์ เพียงเรือนเดียวหรือไม่ อย่างไรก็ตามในนาฬิกาหรูเรือนอื่นๆที่ปรากฏเป็นข่าวว่า พล.อ.ประวิตรไม่ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.ด้วยนั้น ถือเป็นประเด็นเกี่ยวข้องที่ ป.ป.ช.ต้องไปตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่ ป.ป.ช.จะต้องดูทุกเรื่องที่ปรากฏและไม่ปรากฏในสื่อ คดีนี้อยู่ในความสนใจของประชาชน เมื่อได้ผลอย่างไร จะแถลงข่าวให้ทราบ คาดว่าใช้เวลาตรวจสอบไม่นาน เพราะเรื่องไม่ซ้ำซ้อน,ผู้สื่อข่าวถามว่า คำชี้แจงของ พล.อ.ประวิตรระบุหรือไม่ว่านาฬิกาเรือนดังกล่าวเป็นของเพื่อนที่เสียชีวิต นายวรวิทย์ตอบว่า อย่าเพิ่งไปคาดเดาอะไรทั้งสิ้น ขณะนี้ให้เป็นเรื่องการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ก่อน เมื่อถามว่า สังคมสงสัยเรื่องสายสัมพันธ์ระหว่างประธาน ป.ป.ช. กับ พล.อ.ประวิตร อาจมีการช่วยเหลือกัน นายวรวิทย์ตอบว่า ป.ป.ช.มีหน้าที่ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ขอให้ประชาชนมั่นใจการทำงานของ ป.ป.ช. เพราะมีคำขวัญการทำงานว่า ซื่อสัตย์ เป็นธรรม และมืออาชีพ,พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เตรียมส่งร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาให้ ป.ป.ช.เพื่อพิจารณาว่าจะตั้ง กมธ.ร่วมทบทวนร่างกฎหมายหรือไม่ว่า ขณะนี้ ป.ป.ช.ยังไม่ได้รับร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวจาก สนช. คาดว่าคงใช้เวลาไม่นานที่ สนช.จะส่งมาให้ เบื้องต้นหลังจากที่ได้พูดคุยกับคณะกรรมการ ป.ป.ช.แล้ว ไม่มีประเด็นใดที่ ป.ป.ช.จะโต้แย้ง และไม่ติดใจเนื้อหาที่ สนช.ได้ปรับปรุงแก้ไข โดยตัดเนื้อหามาตรา 37/1 เรื่องการให้อำนาจ ป.ป.ช.ดักฟังข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ทิ้งไป เพราะ ป.ป.ช.พยายามชี้แจงเหตุผลความจำเป็นของมาตราดังกล่าวให้ สนช.เข้าใจถึงความจำเป็นและกลไกที่ใช้ตรวจสอบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ไม่มีเจตนาล่วงเกินสิทธิเสรีภาพประชาชน แต่เมื่อ สนช.ยังไม่มีความมั่นใจ เราก็ไม่ขัดข้อง อย่างน้อยถือว่าได้ชี้แจงต่อสังคมด้วยความบริสุทธิ์ใจ,ขณะเดียวกัน ที่สำนักงาน ป.ป.ช. มีการเปิดบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ของอดีตผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จำนวน 3 ราย ประกอบด้วย 1.พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ยื่นบัญชีทรัพย์สินกรณีพ้นจากตำแหน่ง รมว.แรงงาน แจ้งว่ามีทรัพย์สิน 108,750,517 บาท เมื่อเทียบกับตอนเข้ารับตำแหน่ง รมว.แรงงานพบว่ามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 16.6 ล้านบาท ในส่วนของบ้านย่านคันนายาว ที่เพิ่งสร้างเสร็จปี 2558 นอกจากนี้ ยังมีทรัพย์สินอื่นที่น่าสนใจอาทิ พระเครื่อง 150 รายการ มูลค่า 8.3 ล้านบาท นาฬิกา 12 เรือน มูลค่า 5.4 ล้านบาท โดยบางเรือนมีมูลค่า สูงถึง 1.8 ล้านบาท ส่วน พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล ยื่นบัญชีทรัพย์สินกรณีพ้นจากตำแหน่งสมาชิก สนช. แจ้งว่า มีทรัพย์สิน 30,384,578 บาท เมื่อเทียบกับตอนเข้ารับตำแหน่ง สนช. พบว่ามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 3.7 ล้านบาท โดยทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นมีการซื้อรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ e350 ราคา 3.2 ล้านบาท เมื่อช่วงเดือน ต.ค.2560 ขณะที่ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ยื่นบัญชีทรัพย์สินกรณีหลังพ้นตำแหน่ง สนช. 1 ปี พบว่ามีทรัพย์สิน 77,663,350 บาท เมื่อเทียบกับกรณีพ้นจากตำแหน่ง สนช. พบว่ามีทรัพย์สินลดลง 10.6 ล้านบาท,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเปิดเผยบัญชีแสดงทรัพย์สินและหนี้สินครั้งนี้ ได้ห้ามสื่อมวลชนบันทึกภาพรายละเอียดของทรัพย์สินในเอกสารประกอบการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สิน ให้ตรวจสอบด้วยตาเปล่าเท่านั้น โดยเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ชี้แจงว่าการห้ามดังกล่าวเพื่อปกปิดทรัพย์สินส่วนบุคคลของผู้ยื่นบัญชีแสดงทรัพย์สิน ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน และการขอปกปิดข้อมูลหรือรายละเอียดเอกสารในการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ที่ ป.ป.ช.ประกาศไว้ก่อนหน้านี้,นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ยื่นชี้แจงการครอบครองนาฬิกาหรูต่อ ป.ป.ช. ตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค. แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดออกมาว่า เรื่องนี้คนทั้งประเทศต่างให้ความสนใจ และกำลังรอข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร เมื่อ พล.อ.ประวิตรยื่นชี้แจงต่อ ป.ป.ช.แล้ว แต่ ป.ป.ช.ยังไม่ยอมบอกรายละเอียดต่อสังคม คนก็ยังสงสัยในเรื่องดังกล่าวต่อไป และจะสงสัยต่อไปถึงการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.ว่าเป็นกลางหรือไม่ อย่างไร เพราะการดำเนินคดีกับฝ่ายการเมือง ป.ป.ช.เดินหน้าเต็มที่ แต่กับผู้มีอำนาจ ป.ป.ช.จะทำหน้าที่เต็มที่เป็นมาตรฐานเดียวกันหรือไม่ ดังนั้น อยากให้ ป.ป.ช.ออกมาเปิดเผยข้อมูลเพื่อให้ประชาชนคลายสงสัยและไม่ต้องระแวงการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.,นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความคืบหน้าการเตรียมยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 ที่อาจขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 26 เรื่องสิทธิของประชาชนว่า ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ประกอบด้วยตน นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรค นายถวิล ไพรสณฑ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกพรรค และนายณัฐนันท์ กัลยาศิริ ผู้ช่วยเลขาผู้ว่าฯ กทม. ได้รับมอบหมายจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคให้รับผิดชอบ จะนัดหารือถึงข้อกฎหมายที่จะยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ วันที่ 4 ม.ค.2561 เมื่อได้ข้อยุติที่ถูกต้องตามข้อเท็จจริง จะนำเสนอนายอภิสิทธิ์ ถ้านายอภิสิทธิ์มีความเห็นแย้งหรือความเห็นชอบอย่างไรต้องว่ากันต่อไป ถ้าตกผลึกเรียบร้อยแล้วจะส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญทันที,นายชูศักดิ์ ศิรินิล ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. ระบุบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญคุ้มครองการออกคำสั่ง คสช.ว่า ประธาน สนช.เป็นหนึ่งในแม่น้ำ 5 สาย จึงไม่แปลกที่พูดปกป้อง คสช. แต่รัฐธรรมนูญให้ สนช.เป็นผู้ตรากฎหมาย การใช้คำสั่ง คสช.มายกเลิก ทำให้เห็นว่า สนช.ไม่มีความหมาย กฎหมายที่ตราขึ้นสามารถยกเลิกได้ด้วยคำสั่งของคนที่ทำรัฐประหาร จากคำสั่งล่าสุดของ คสช. มีรายละเอียดชัดเจนที่ขัดรัฐธรรมนูญ นอกจากเรื่องอำนาจตรากฎหมายแล้ว ยังมีเรื่องอำนาจ กกต. ที่กฎหมายเขียนให้ กกต.เป็นผู้จัดการเลือกตั้ง แต่คำสั่งให้ คสช.เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเรื่องนี้ หลังกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ประกาศใช้ แสดงว่า คสช.จะมีส่วนชี้นำการเลือกตั้ง แม้บทเฉพาะการให้อำนาจ คสช.ไว้ แต่การใช้อำนาจนั้นต้องไม่ใช่อำนาจที่หน่วยงานอื่นมีอยู่ บทเฉพาะกาลไม่ได้ให้อำนาจทับซ้อนหน่วยงานอื่น เรามองว่าช่องทางยื่นศาลรัฐธรรมนูญเป็นช่องทางหนึ่งในการปกป้องรัฐธรรมนูญ คงต้องดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชนนักการเมืองหรือไม่,พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 33/2560 เรื่อง มาตรการชั่วคราวเพื่อแก้ไขข้อขัดข้องการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ที่ผ่อนปรนให้แรงงานต่างด้าวอยู่ในประเทศและทำงานได้จนถึง 31 ธ.ค.60 โดยต้องพิสูจน์สัญชาติให้แล้วเสร็จในช่วงดังกล่าวนั้น รัฐบาลทราบความจำเป็นที่ต้องผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวราว 900,000 คน ที่กำลังพิสูจน์สัญชาติแต่ยังไม่แล้วเสร็จ และแรงงานที่ไม่มีเอกสารให้ขึ้นทะเบียนประวัติ และพิสูจน์สัญชาติให้เรียบร้อย จึงขยายเวลาดำเนินการอีก 6 เดือน ถึงวันที่ 30 มิ.ย.61 ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.60 อยู่ระหว่างที่ คสช.พิจารณาใช้มาตรา 44 ผ่อนผัน โดยต้องขึ้นทะเบียนที่ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จแต่ละจังหวัดใน 31 มี.ค.61 และพิสูจน์สัญชาติให้แล้วเสร็จวันที่ 30 มิ.ย.61,เมื่อเวลา 20.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. กล่าวในรายการ ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ถึงการลงพื้นที่และประชุม ครม.สัญจรที่ จ.สุโขทัยว่า ได้หารือกับผู้ว่าราชการจังหวัด 17 จังหวัดภาคเหนือ เพื่อรับทราบความต้องการของชุมชน จัดลำดับความเร่งด่วนโครงการ ก่อนสิ้นปีตนและ ครม.ได้ลงพื้นที่ครบทุกภาค ยังเหลือโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี ซึ่งต้องไปอีกสักครั้ง รัฐบาลพยายามทำโครงการที่เป็นประโยชน์กับประชาชนและพื้นที่ให้ได้มากที่สุด บ้านเมืองเรายังมีปัญหาอีกมากมายที่รอแก้ไข อย่ามาทะเลาะกันเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เรื่องใหญ่กว่านั้นคือเรื่องคนไทยของเรา ความยากจนของเรา ที่ต้องแก้ไขงบประมาณในการพัฒนาประเทศ เราต้องเจอภาระมากกว่านี้ ต้องคิดกันวันนี้ อย่ามัวติดขัดในเรื่องเดิมๆ อีกเลย เพราะความเป็นอยู่ของประชาชนสำคัญกว่าอย่างอื่น วันนี้หลายคนมาเร่งรัดรัฐบาลให้แก้ แต่ที่ผ่านมาทำอะไรไปย้อนคิดก็แล้วกัน มาตรการสำคัญคือลดความยากจนทุกจังหวัด แต่มีหลายโครงการติดปัญหาเพราะไม่เข้าใจ อีกส่วนหนึ่งคือยังไม่เห็นประโยชน์,พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า 3 ปีที่ผ่านมา เราคงสัมผัสความเปลี่ยนแปลงของประเทศ นอกจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแล้ว อาจรับรู้ว่าบ้านเมืองสงบเป็นอย่างไร คนไทยไม่ตีกัน ทะเลาะเบาะแว้งกัน ไม่วุ่นวาย การหยุดทุจริต และสานพลังประชารัฐในแหล่งท่องเที่ยว ช่วยให้กรมอุทยานแห่งชาติจัดเก็บรายได้มากขึ้นจาก 600 ล้านบาทต่อปี เป็น 2,400 ล้านบาทต่อปี แล้วบอกรัฐบาลนี้ไม่ทำอะไร ตนว่าบางเรื่องมันก็ดีอยู่เยอะ ลองรับทราบและสื่อให้เห็นว่าอะไรมันดีๆ บ้าง อะไรที่ไม่ดีก็บอกมาจะได้แก้ไข และมีหลายเรื่องกำลังทำ อาทิ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีที รวมทั้งปัญหาหนี้สินของเกษตรกรรายย่อย อีกไม่กี่วันจะก้าวเข้าสู่ปีใหม่ ตนคาดหวังเหมือนทุกคน คือเห็นบ้านเมืองมีความสุขขึ้น รัฐบาลพยายามมองไปข้างหน้าโดยประเมินสถานการณ์คาดการณ์ล่วงหน้าในหลายมิติ อยากให้ชาวไทยรวมกันมองเห็นภาพอนาคต ขอให้ทุกคนมีความสุขในช่วงวันหยุดเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่
บิ๊กตู่ แจงรูปคู่ตระกูล สะสมทรัพย์ ไร้นัยการเมือง แค่ถ่ายรูปกันธรรมดาทั่วไปขออย่าตั้งแง่หวาดระแวง บิ๊กฉัตร ระบุไปตีกอล์ฟแล้วเจอโดยบังเอิญ ด้าน เผดิมชัย เผยไม่ได้ร่วมก๊วนหวดกอล์ฟ แค่เลี้ยงข้าวตามธรรมเนียมในฐานะเจ้าบ้าน
ข่าว,การเมือง
สะสมทรัพย์,ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร,บิ๊กป้อม,บิ๊กตู่,ข่าวหน้า1,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/politic/1165787
หนุ่มใหญ่ลงซ่อมเครื่องปั๊มน้ำ ขาดอากาศหายใจ ดับคาบ่อบาดาล
 ,เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 10 กันยายน ร.ต.ท.เจริญฤทธิ์ โทนสิงห์ พงส.สภ.นางลือ อ.เมืองชัยนาท รับแจ้งเหตุชาวนาเสียชีวิตในบ่อบาดาลข้างนาข้าว บริเวณ ม.6 ต.นางลือ อ.เมืองชัยนาท รุดตรวจสอบ พร้อมเจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิร่วมกตัญญู จังหวัดชัยนาท,ที่เกิดเหตุ พบศพนายสมหมาย ยิ้มศิลป์ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31 ม.15 ต.นางลือ อ.เมืองชัยนาท ไม่สวมเสื้อ ใส่กางเกงขาสั้น ตกอยู่ใต้บ่อบาดาลลึกกว่า 8 เมตร เจ้าหน้าที่ต้องใช้ผ้าผูกกับตัว แล้วลงไปนำร่างไร้วิญญาณของนายสมหมายขึ้นมา แต่ไม่สามารถนำขึ้นมาได้ เนื่องจากลงไปแล้วไม่มีอากาศหายใจ จึงต้องรีบช่วยกันดึงเจ้าหน้าที่ขึ้นมาก่อน แล้วทำการขออุปกรณ์โรยตัว และถังออกซิเจนจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 16 เพื่อนำศพผู้เสียชีวิตขึ้นมา ใช้เวลารวมกว่า 4 ชั่วโมง จึงสามารถนำศพขึ้นมาได้ ชันสูตรเบื้องต้นไม่พบร่องรอย หรือบาดแผล คาดเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ ,นางวรรณา ยิ้มศิลป์ อายุ 45 ปี ภรรยา เปิดเผยว่า ผู้ตายมีนากว่า 20 ไร่ ซึ่งปกติในทุกๆเช้ามืด เวลา 05.00 น. จะเดินทางมาทำนา และกลับบ้านในช่วงเย็นหรือค่ำประจำทุกวัน โดยในช่วงเช้าก่อนที่ผู้ตายจะออกมาทำนา ได้พูดกับตน และชาวบ้านข้างเคียงไว้แล้วว่า จะลงมาซ่อมปั๊มน้ำ ที่บ่อบาดาลภายในนาข้าว เนื่องจากปั๊มน้ำเสีย น้ำเริ่มไหลไม่เป็นปกติ จึงจะรีบลงไปซ่อม เพราะเมื่อไม่กี่วันที่่ผ่านมา มีประกาศจากกรมชลประทานว่า ปริมาณน้ำจะไม่เพียงพอต่อการทำนา เลยอยากจะตุนน้ำไว้ในนาให้ได้มากที่สุด จากนั้นช่วงเย็นได้ทำการโทรศัพท์ไปหาผู้ตาย แต่ผู้ตายไม่รับสาย จึงรีบเดินทางมาดูที่นาข้าว แล้วพบนายสมหมายอยู่ที่ใต้บ่อบาดาล จึงรีบโทรศัพท์หาเจ้าหน้าที่ตำรวจ,ทั้งนี้ ญาติไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต เจ้าหน้าที่จึงมอบศพให้ญาติ นำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป.
ดวงถึงฆาต!! หนุ่มใหญ่ชัยนาท ลงซ่อมเครื่องปั๊มน้ำ ในบ่อบาดาล หลังกรมชลประทานแจ้งเรื่องการขาดแคลนน้ำ เพื่อกักตุนน้ำไว้ใช้ยามแล้ง เกิดลงไปในบ่อที่ลึกกว่า 8 เมตร แล้วขาดอากาศหายใจ เสียชีวิตคาบ่อ
ข่าว,ทั่วไทย
ดับคาบ่อบาดาล,ซ่อมเครื่องปั้มน้ำขาดอากาศดับ,สมหมาย ย้ิมศิลป์,ดับคาบ่อบาดลลึก8ม.,วรรณา ยิ้มศิลป์,จริญฤทธิ์ โทนสิงห์,พงส.สภ.นางลือ,นาข้าว ม.6 ต.นางลือ ชัยนาท,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวทั่วไทย
https://www.thairath.co.th/news/local/524411
โค้ชอั๋น รับสมุทรปราการ ซิตี้ กำลังเร่งปิดดีลแข้งต่างชาติ
วันที่ 3 ธ.ค.61 ที่สนามเกียรติธานี สนามซ้อมของทีมสมุทรปราการ ซิตี้ ได้เรียกนักเตะของทีม กลับมาเข้าแคมป์ฝึกซ้อมเป็นครั้งแรก เพื่อเตรียมความพร้อมในช่วงปรีซีซั่น ก่อนลุยศึกฟุตบอลโตโยต้าไทยลีก 2019,โดยบรรยากาศในการฝึกซ้อมวันแรก นำโดย เป้ นพพล พลคำ ดาวเตะตัวใหม่ของทีม พร้อมด้วย นิว พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี, พิชา อุทรา, ศุภนันท์ บุรีรัตน์, สราวุธ กัลยาณบัณฑิต, ชญาวัต ศรีนาวงษ์, ภูมินทร์ แก้วตา, นพรัตน์ สกุลอ๊อด, ธีระพล เยาะเย้ย, ไกรลาศ ปัญญาโรจน์ ,ด้าน โค้ชอั๋น สุรพงษ์ คงเทพ กุนซือใหญ่ เปิดเผยว่า สำหรับวันนี้ถือเป็นวันแรกที่เราได้เรียกนักเตะเข้ามาเก็บตัว เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับฤดูกาล 2019 ซึ่งชุดนี้จะมีเพียงนักเตะตัวเก่าเป็นส่วนใหญ่และนักเตะใหม่บางคนเท่านั้น ส่วนนักเตะต่างชาติและนักเตะใหม่จะเข้ามาฝึกซ้อมในวันที่ 15 ธ.ค. ส่วนการฝึกซ้อมในช่วงแรก น่าเป็นเน้นเรื่องการฟื้นฟูสภาพร่างกายเป็นหลัก คาดว่าจะใช้เวลาราวหนึ่งเดือนเพื่อให้นักเตะกลับมามีสภาพร่างกายพร้อมสมบูรณ์ และพร้อมที่ปรีซีซั่นเพื่อแมตช์อุ่นเครื่องต่อไป,ด้านตัวผู้เล่นใหม่ เวลานี้เราได้นักเตะไทยมา 2 คน แต่นักเตะพลังหนุ่มเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่แข้งต่างชาติเราเหลือนักเตะใหม่ 2 คน คือ คาร์เลา และ คิม แท ยอน ทำให้เรากำลังหานักเตะโควตาต่างชาติ ตำแหน่งกองหลัง และกองหน้า รวมถึงนักเตะโควตาอาเซียนอีก 1 ราย เข้ามาเสริมซึ่งคาดว่าน่าจะได้บทสรุปในเร็วๆ นี้,ส่วนเป้าหมายของเราในฤดูกาลนี้ แน่นอนทุกทีมตั้งเป้าหมายทำผลงานให้ดีกว่าเดิม เราก็เช่นกัน เพราะใน 2 ปีที่ผ่านมาสามารถทำผลงานจบอันดับ 8 ทำให้ในฤดูกาลนี้เราหวังที่จะทำผลงานจบอันดับที่ดีกว่านี้ ,ทั้งนี้ สโมสรฟุตบอลสมุทรปราการซิตี้ จะทำการเปิดตัว เป้ นพพล พลคำ มิดฟิลด์ดีกรีทีมชาติไทย ชุดแชมป์เกมหนล่าสุด ที่ย้ายมาจาก โปลิศ เทโร เอฟซี อย่างเป็นทางการภายในสัปดาห์นี้.
ขุนพลนักเตะตัวหลัก สมุทรปราการซิตี้ ตบเท้าเข้ารายงานตัวฝึกซ้อมครั้งแรกพร้อมหน้า เพื่อเตรียมความพร้อมช่วงปรีซีซั่นก่อนลุยศึกไทยลีก ฤดูกาล 2019
กีฬา,ฟุตบอลไทย
สมุทรปราการ ซิตี้,ไทยลีก,โค้ชอั๋น,สุรพงษ์ คงเทพ
https://www.thairath.co.th/sport/thaifootball/1436180
ปลุกไม่ตื่นนอนยาวคาพงหญ้า โจ๋เมาหนักซิ่งแมงกะไซค์ ย้อนศร เสยเสาไฟ
ให้ตื่น,เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 16 ก.พ. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางปะกง รับแจ้งเหตุรถจักรยนต์ชนเสาไฟส่องทาง ริมถนนเทพรัตน (บางนา-ตราด) กม.37-38 ช่องคู่ขนาน ขาเข้าชลบุรี หมู่ 5 ต.บางสมัคร อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา จึงประสานหน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทราตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีดำ-บรอนซ์ ทะเบียน ขคค 219 ระยอง พลิกคว่ำอยู่ข้างทาง โดยด้านหน้าพังเสียหาย ส่วนบริเวณพงหญ้าพบชายวัยรุ่นอายุ 20 ปี นอนหลับ มีบาดแผลถลอกตามร่างกาย ในสภาพมึนเมาอย่างหนัก โดยเจ้าหน้าที่พยายามปลุกให้ตื่น แต่ไม่เป็นผล,จากการสอบถามผู้พบเห็น เล่าว่า ชายคนดังกล่าวขี่รถจักรยานยนต์ย้อนศร และประสบอุบัติเหตุตั้งแต่เวลา 03.00 น. โดยมีการโทรแจ้งกู้ภัยให้มาช่วยเหลือ แต่ถูกชายดังกล่าวด่าโวยวายใส่ จึงต้องปล่อยให้นอนต่อไป ก่อนจะมีคนมาพบอีก และแจ้งกู้ภัยรอบที่ 2 กระทั่งประสานไปยัง ร.ต.อ.วินทร์ทัย ภูริวัฒน์ธานนท์ รองสวป.สภ.บางปะกง ให้มาปลุก และเมื่อชายดังกล่าวตื่นขึ้นมาพบตำรวจถึงกับสร่างเมา ก่อนช่วยกันพยุงร่างขึ้นมาล้างหน้าล้างตา และเรียกวินรถจักรยานยนต์ให้พากลับที่พักในทันที.
หนุ่ม 20 เมาหนัก ขี่รถจักรยานยนต์ย้อนศร ชนเสาไฟส่องทาง ร่างกลิ้งตกพงหญ้า หลับยาวตั้งแต่ตี 3 ใครมาปลุกไม่สน อาละวาดด่ากราด ก่อนช่วงเช้ามีคนมาพบอีก ยังนอนหลับสนิทที่เดิม เดือดร้อนตำรวจมาปลุก
ข่าว,ทั่วไทย
นอนหลับกลางพงหญ้า,ปลุกไม่ตื่นหลับในพงหญ้า,ชนเสาไฟส่องทาง,หนุ่ม 20 เมาหนัก,เมาหนักขี่ย้อนศร,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/central/1497600
บรรยากาศวันวิสาขบูชาหลายจังหวัดคึกคัก
พุทธศาสนิกชนจำนวนมากในจังหวัดพะเยาร่วมกันตักบาตรข้าวเหนียว พระสงฆ์ 86 รูป บริเวณกว๊านพะเยา โดยในปีนี้ ได้จัดกิจกรรมนั่งเรือพายตักบาตรข้าวเหนียว เพื่อแสดงออกถึงวิถีของชาวบ้านในพื้นที่ ที่อาศัยอยู่บริเวณริมน้ำ และเป็นการเฉลิมฉลองเนื่องในพุทธชยันตีครบ 2600 ปี และเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาสที่ทรงมีพระชนมายุครบ 84 พรรษาเช่นเดียวกับชาวจังหวัดสุโขทัยที่ร่วมถวายเครื่องสักการะแด่พระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันต์ธาตุ 40 องค์ ที่เกาะกลางแผ่นดินรูปหัวใจ ทุ่งทะเลหลวง อำเภอเมืองสุโขทัย รวมทั้งยังได้จัดพิธีปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งเป็นต้นโพธิ์จากการขยายพันธุ์จากต้นแม่พระศรีมหาโพธิ์รุ่นที่ 4 ณ เมืองพุทธคยา ประทศอินเดีย เพื่อถวายสักการะแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขณะที่พุทธศาสนิกชนในหลายจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้งจังหวัดบุรีรัมย์ ยโสธร ศรีสะเกษ และหนองบัวลำภูร่วมพิธีทำบุญตักบาตร โดยเฉพาะประชาชนที่อาศัยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ต่างร่วมกันเขียนข้อความทำความดีลงบนกระดาษ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เนื่องในวันวิสาขบูชาส่วนที่จังหวัดลพบุรี ชาวบ้านหนองจาน ตำบลหัวลำ อำเภอท่าหลวง ร่วมกันแห่พระบรมสารีริกธาตุ ที่ได้รับพระราชทานจากวัดบวรนิเวศน์วิหาร กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็น 1 ใน 25 วัด ทั่วประเทศ ที่ให้นำมาประดิษฐานที่วัดหนองจาน เพื่อให้พุทธศาสนิกชนมาสักการะบูชา เนื่องในโอกาสเทศกาลวันวิสาขบูชา และครบรอบพุทธชยันตี 2600 ปีที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ บรรดาวัดต่างๆ นอกจากจะจัดพิธีทำบุญแล้ว ยังได้ร่วมกันยังได้จัดนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติวันวิสาขบูชา และกิจกรรมทางพุทธศาสนา เพื่อระลึกถึงพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเช่นเดียวกับวัดพระบรมธาตุวรวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช พุทธศาสนิกชนกว่า 1000 คน ร่วมตักบาตรพระสงฆ์ โดยช่วงเย็นจะมีการแห่ผ้าพระบฏ พระราชทานสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ขึ้นห่มองค์พระบรมธาตุเพื่อความเป็นสิริมงคล
บรรยากาศเนื่องในวันวิสาขบูชา และการเฉลิมฉลองพุทธชยันตีครบ 2600 ปี หลายจังหวัดเป็นไปอย่างคึกคัก ท่ามกลางพุทธศาสนิกชนที่เข้าร่วมพิธีจำนวนมาก
ภูมิภาค
พุทธชยันตี,พุทธศาสนิกชน,วิสาขบูชา
https://news.thaipbs.or.th/content/89128
หลับให้สบายนะ สุดเศร้า เพื่อนโพสต์อาลัย นิสิตแพทย์จุฬาฯ เหยื่อรถตู้มรณะ
จากกรณีเหตุการณ์โศกนาฏกรรมสยองรับปีระกา รถตู้โดยสาร กรุงเทพฯ-จันทบุรี เสียหลักตกร่องกลางถนน ก่อนเหินข้ามฝั่งเสยรถกระบะเต็มแรง ไฟลุกท่วมไหม้รถทั้ง 2 คัน คลอกร่างผู้โดยสารดับทุรนรวม 25 ศพ บนถนนสาย 344 บ้านบึง-แกลง ฝั่งมุ่งหน้าเข้าระยอง หมู่ 1 บ้านหนองขนุน ต.หนองอิรุณ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 2 ม.ค.60 ที่ผ่านมา,บรรยากาศในสังคมออนไลน์ได้มีบรรดาเพื่อนๆ ร่วมแชร์ภาพและโพสต์ข้อความไว้อาลัย แสดงความเสียใจให้กับการจากไปของ กันต์-นายพรหมพต กอศิริวรานนท์ นิสิตคณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิตที่โดยสารมากับรถตู้คันเกิดเหตุ,-ข่าวที่เกี่ยวข้อง-,ดับ 25 ศพ รถตู้ประสานงาปิกอัพท่ีบ้านบึง ไฟลุกท่วมคลอกสยอง (ชมคลิป),สยองรับปีระกา เซ่น 25 ศพ ตู้เหินซัดปิกอัพ ถังก๊าซรั่วไฟลุกท่วมคลอก,ลำเลียงร่าง 25 เหยื่อรถตู้ชนกระบะ พิสูจน์อัตลักษณ์ ญาติเศร้า รอรับศพ,เปิดวงจรปิดหน้าคิวรถตู้ ให้ญาติเช็กรูปพรรณผู้โดยสารเที่ยวมรณะ,แม่ใจสลาย ลูกสาวคนเดียวตายในรถตู้ โพสต์สุดท้ายเป็นลาง ไม่อยากกลับกทม.
สังคมออนไลน์สุดเศร้า เพื่อนของเหยื่อรถตู้ กรุงเทพฯ-จันทบุรี ชนรถกระบะ แห่โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความอาลัยต่อการจากไป
null
ข่าวรถตู้,รถตู้,รถตู้ชนรถกระบะ,จันทบุรี,ตาย 25 ศพ
https://www.thairath.co.th/content/826985
เด้ง5เสือโรงพัก ปล่อยโจ๋เสพยาในผับ
ย่านถนนข้าวสารเจอฉี่ม่วง66 ไม่มีใบอนุญาตเปิด-ขายสุรา จ่อเสนอคสช.ปิดร้านยาว5ปี,ผู้การ 1 เด้ง 5 เสือโรงพักชนะสงคราม พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเอาผิด หลังถูกชุดเฉพาะกิจกรมการปกครองลุยย่านถนนข้าวสาร ตรวจ แซดคลับ พบนักเที่ยวแน่นร้านราว 200 คนเปิดเกินเวลา ยาเสพติดเกลื่อนร้าน ตรวจปัสสาวะพบฉี่ม่วงอื้อ 66 คน แถมมีเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปีอีก 59 คน อายุน้อยสุดแค่ 16 ปี,ฉก.กรมการปกครองลุยจับผับย่านข้าวสาร เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 6 พ.ค. นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผอ.ส่วนกำกับสืบสวนและปราบปราม สำนักงานสอบสวนและนิติกร กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย พร้อมชุดเฉพาะกิจกรมการปกครองกว่า 50 นาย เข้าตรวจร้านแซดคลับ (Zad Club) ถนนตานี แขวงตลาดยอด เขตพระนคร กทม. ภายในร้านพบกลุ่มวัยรุ่นราว 200 คน กำลังดื่มกินและเต้นรำอย่างสนุกสนาน ท่ามกลางเสียงเพลงดังกระหึ่ม เจ้าหน้าที่สั่งให้ปิดเพลงและเปิดไฟเพื่อตรวจค้น พบยาเสพติดทั้งยาเค ยาไอซ์ และอุปกรณ์การเสพจำนวนหนึ่งทิ้งอยู่ตามพื้นทางเดิน โต๊ะวางเหล้า และภายในห้องน้ำจึงยึดไว้เป็นหลักฐาน และให้เจ้าหน้าที่คัดแยกเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปีกับผู้ใหญ่ออกจากกัน และตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดนักเที่ยวทั้งหมด,นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครองว่า บุตรหลานอายุต่ำกว่า 20 ปี อ้างว่าไปติวหนังสือ แต่ปรากฏว่าหนีมาเที่ยวสถานบริการแห่งนี้ เจ้าหน้าที่จึงวางแผนเข้าตรวจค้นตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 22/2558 เรื่องสถานบริการและการปล่อยปละละเลยให้เยาวชนเข้ามาใช้บริการ จากการตรวจปัสสาวะนักเที่ยว 200 คนพบมีสารเสพติด 66 คน เป็นชาย 47 คน และหญิง 19 คน มีเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี 34 คน และอายุต่ำกว่า 18 ปี 25 คนอายุต่ำสุดคือ 16 ปี นอกจากนี้ยังพบสารเสพติดหลายชนิด จากการตรวจสอบร้านนี้เปิดโดยไม่มีใบอนุญาต จะหาตัวเจ้าของร้านเพื่อแจ้งข้อหาเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต จำหน่ายสุราให้เยาวชน และจำหน่ายสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต หากตรวจสอบพบความผิดเพิ่มเติมจะแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป,ต่อมาเวลา 15.00 น. พ.ต.อ.พิทักษ์ สุทธิกุล ผกก.สน.ชนะสงครามกล่าวว่า เจ้าหน้าที่แจ้งดำเนินคดีกับผู้ประกอบการข้อหาตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต ข้อหาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินเวลาที่กฎหมายกำหนด ข้อหาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ ข้อหาจำหน่ายสุราโดยไม่มีใบอนุญาต ข้อหาจำหน่ายสุราเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด ข้อหาโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ข้อหาจัดโปรโมชั่นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และข้อหายุยงส่งเสริมหรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร นอกจากนี้ ดำเนินคดีการ์ดประจำร้านข้อหาพาอาวุธเข้าไปในสถานที่จัดการรื่นเริง ข้อหาใช้คลื่นความถี่โดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาใช้วิทยุโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ เตรียมเสนอคำสั่งปิดร้าน 5 ปี ตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 22/2558 ส่วนเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปีจะถูกทำประวัติ โดยจะมีเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ไปตรวจเยี่ยมที่บ้านและพบผู้ปกครอง ส่วนคนที่มีสารเสพติดกองอาสารักษาดินแดนจะจัดทำประวัติส่งให้ ป.ป.ส.นำตัวไปรับการบำบัด,เย็นวันเดียวกัน พล.ต.ต.วัชรพงศ์ ดำรงค์ศรี ผบก.น.1 กล่าวว่า สั่งการให้ พ.ต.อ.พิทักษ์ สุทธิกุล ผกก.สน.ชนะสงคราม รายงานเรื่องดังกล่าวมาแล้ว เบื้องต้นสั่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบ 5 นาย ระหว่างนี้สั่งการให้ทั้งหมดมาปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 (ศปก.บก.น.1) เป็นเวลา 30 วัน หรือจนกว่าสอบสวนข้อเท็จจริงแล้วเสร็จ ให้ พ.ต.อ.มนต์ชัย ศรีประเสริฐ รอง ผบก.น.1 มารักษาการตำแหน่ง ผกก.สน.ชนะสงคราม ส่วนตำแหน่งอื่นๆยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ทั้งนี้ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น.และตนมีความเห็นตรงกัน สั่งกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด บก.น.1 ว่า เนื่องจากในท้องที่มีสถานบริการจำนวนมาก ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกวดขันดูแลสถานบริการ อย่าให้พบว่าใช้สารเสพติดหรือปล่อยปละละเลยให้มีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าไปใช้บริการ,มีรายงานข่าวว่า พล.ต.ต.วัชรพงศ์ลงนามคำสั่งให้ พ.ต.อ.พิทักษ์ สุทธิกุล ผกก.สน.ชนะสงคราม พ.ต.ท.กฤตภาส กิตติรัฐกรณ์ รอง ผกก.ป.สน.ชนะสงคราม พ.ต.ท.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ รองผกก.สส.สน.ชนะสงคราม พ.ต.ท.รุ่งโรจน์ อำรุงแคว้น สวป.สน.ชนะสงคราม และ พ.ต.ท.ปิติพันธ์ กฤดากร ณ อยุธยา สว.สส.สน.ชนะสงคราม ไปช่วยราชการที่ ศปก.บก.น.1 เป็นเวลา 30 วัน พร้อมสั่งการให้ พ.ต.อ.มนต์ชัย ศรีประเสริฐ รอง ผบก.น.1 ไปรักษาราชการแทนตำแหน่ง ผกก.สน.ชนะสงคราม พ.ต.ท.สนธยา อายุโย สวป.สน.ชนะสงคราม รักษาราชการแทนตำแหน่งรอง ผกก.ป.สน.ชนะสงคราม พ.ต.ท.พรเลิศ รัตนคาม สว.สส.สน.ชนะสงคราม รักษาราชการแทนตำแหน่งรอง ผกก.สส.สน.ชนะสงคราม ร.ต.อ.ทรงฤทธิ์ นามมนตรี รอง สวป.สน.ชนะสงคราม รักษาราชการแทนตำแหน่ง สวป.สน.ชนะสงคราม และ ร.ต.อ.กิตติศักดิ์ จันทร์ทอง รอง สว.สส.สน.ชนะสงคราม รักษาราชการแทนตำแหน่ง สว.สส.สน.ชนะสงคราม จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงต่อไป
ผู้การ 1 เด้ง 5 เสือโรงพักชนะสงคราม พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเอาผิด หลังถูกชุดเฉพาะกิจกรมการปกครองลุยย่านถนนข้าวสาร ตรวจ แซดคลับ พบนักเที่ยวแน่นร้านราว 200 คนเปิดเกินเวลา
null
เด็กเที่ยวผับ,ข้าวสาร,เด้งตำรวจ,Zad Club,ข่าวหน้า1
https://www.thairath.co.th/content/933685
ท็อปส์ จัดเอ็กซ์คลูซีฟ ทริป ที่ดอยอินทนนท์
โดย ภัทรพร เพ็ญประพัฒน์ ผู้บริหารท็อปส์ เป็นหัวหน้าทีมพาสมาชิก สปอต รีวอร์ด การ์ด ไปสัมผัสวิถีชีวิตเกษตรกรและชาวบ้าน พร้อมเยี่ยมชมแหล่งผลิตสินค้าโครงการหลวงกันถึงถิ่น ที่สถานีเกษตรหลวงดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ เมื่อเร็วๆนี้,เส้นทางการเดินทางได้ทั้งความสนุกและความรู้ โดยชาวคณะได้เยี่ยมชมศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย (ม่อนแจ่ม) แหล่งส่งเสริมและถ่ายทอดเทคโนโลยีแก่เกษตรกร เพื่อเพิ่มความรู้และทักษะในการประกอบอาชีพทางการเกษตร, เยี่ยมชมแปลงวิจัยและสาธิตผักไฮโดรโปนิกส์ และชิมสตรอเบอรี่พันธุ์พระราชทาน 80 สดๆ จากไร่ รวมทั้งชมความงามของดอกกุหลาบนานาชนิดกว่า 200 สายพันธุ์ ที่ม่อนกุหลาบห้วยผักไผ่ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งเริง เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้อิ่มบุญกับการร่วมกันทำกิจกรรมในโครงการ ไร่นี้ คือ การ ฮัก ปีที่ 2 โดยมอบเสื้อกันหนาว, ขนม พร้อมร่วมบริจาคเงินเป็นทุนการศึกษาแก่นักเรียนและครู โรงเรียนนิยมไพรผาหมอน และสร้างโรงเรือนเพาะเห็ด ,ส่วนไฮไลต์ในทริปนี้ คือ ดินเนอร์มื้อพิเศษในบรรยากาศสวยงาม ที่สโมสรอินทนนท์ ชิมอาหารสุดเอ็กซ์คลูซีฟ จากฝีมือ เชฟเอียน-พงษ์ธวัช เฉลิมกิตติชัย คุกกิ้งกูรูของท็อปส์ ที่บินขึ้นมาปรุงอาหารด้วยตนเอง โดยคัดสรรวัตถุดิบชั้นยอดจากโครงการหลวงมาสร้างสรรค์เมนูพิเศษถึง 5 คอร์ส อาทิ สลัดปลาเทราต์ รมควัน ครีมเปรี้ยว คาเวียร์ และน้ำสลัดเชอวิลวินเนกาเร็ต, ซุปกุ้งแยบบี้บูยาเบส เคลฟิชครีมบรั่นดี เป็นต้น.
มอบประสบการณ์ดีๆให้กับสมาชิกอย่างต่อเนื่อง เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จัดกิจกรรมตามรอยพระราชา ปีที่ 5 ด้วยทริป ท็อปส์เอ็กซ์คลูซีฟ ทริป แอท ดอยอินทนนท์
ไลฟ์สไตล์,ผู้หญิง
ท็อปส์,เอ็กซ์คลูซีฟ ทริป,ดอยอินทนนท์,ภัทรพร เพ็ญประพัฒน์,ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย,ม่อนแจ่ม,เชฟเอียน,พงษ์ธวัช เฉลิมกิตติชัย,ข่าว,ไทยรัฐฉบับพิมพ์,ข่าวฉบับพิมพ์,ข่าวสตรี
https://www.thairath.co.th/lifestyle/woman/487667
กทม.เตรียมจัดระเบียบทางเท้า ถ.ราชดำเนิน-จากสภาจรดสนามหลวง
ขณะเดียวกัน 18-20 ก.ค. นี้มีงาน มหกรรมความสุขของคนกรุงเทพ17 ก.ค. 2557 - เวลา 08.30 น. วันนี้ (17 ก.ค.) รายงานว่า พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจการจัดระเบียบทางเท้าบริเวณถนนราชดำเนิน ตั้งแต่ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ถึง สี่แยกคอกวัว ร่วมกับสำนักเทศกิจ สำนักงานเขตพระนคร และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า จากการลงพื้นที่พบว่าร้านค้าสลากส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยได้ย้ายแผงค้าเข้าไปขายภายในร้าน มีเพียงบางส่วนที่ยังไม่ให้ความร่วมมือไม่ดำเนินการเคลื่อนย้ายแผงค้าออกไป ซึ่งการตั้งแผงค้า ในพื้นที่สาธารณะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย รวมทั้งทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับความเดือดร้อนในการใช้ทางเท้า หากผู้ค้ารายใดฝ่าฝืนกรุงเทพมหานครจะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งตามกฎหมายอาคารที่สร้างก่อน พ.ศ. 2522 ให้นับจากเสา ถ้าสร้างหลัง พ.ศ. 2522 ให้นับจากชายคา สำหรับอาคารในถนนราชดำเนินนั้นสร้างก่อน พ.ศ. 2522 จึงให้นับจากเสา เพราะฉะนั้นแผงค้าที่รุกล้ำออกมาจะต้องเข้าไปขายในอาคารทั้งหมด ทั้งนี้กรุงเทพมหานครได้ดำเนินการจัดระเบียบทางเท้าถนนราชดำเนิน ตลอดทั้งสายตั้งแต่รัฐสภาจนถึงสนามหลวง รวมทั้งปรับภูมิทัศน์ ตกแต่งต้นไม้ ทำความสะอาดถนนและทางเท้า เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และความสวยงามของบ้านเมืองต่อไปขณะเดียวกัน สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย รายงานว่า นายสุวพร เจิมรังษี รองผู้อำนวยการสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว โดยกองการสังคีต กำหนดจัดกิจกรรม มหกรรมความสุขของคนกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 18-20 กรกฎาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 15.00-20.00 น. ที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เพื่อสร้างรอยยิ้ม ความรักความสามัคคีให้กับชาวกรุงเทพฯโดยภายในงานได้จัดกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ การประกวดแต่งเพลงและร้องเพลง ปลุกจิตสำนึกรักชาติ รักแผ่นดิน การแสดงดนตรีของวงดนตรีจากกลุ่มงานดุริยางค์สากล ดุริยางค์ไทย นักเรียนโครงการโรงเรียนหลักสูตรการดนตรีกรุงเทพมหานคร วงดนตรีจากกองดุริยางค์ทหารบก กองดุริยางค์ทหารเรือ กองดุริยางค์ทหารอากาศ และการจำหน่ายสินค้าของดี 50 เขต ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมและซื้อสินค้าของดีกรุงเทพมหานครได้ตามวัน เวลา สถานที่ดังกล่าว
พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ตรวจทางเท้า ถ.ราชดำเนิน ขอให้แผงค้าถอยเข้าไปในอาคาร จากนั้น กทม. จะเริ่มจัดระเบียบทางเท้าตลอด ถ.ราชดำเนิน ทั้งสายตั้งแต่รัฐสภาจนถึงสนามหลวง ปลูกต้นไม้ พร้อมปรับภูมิทัศน์ -
คุณภาพชีวิต
ชุมชน,กทม.,กรุงเทพมหานคร,กองสลาก,ทางเท้า,ท้องถิ่น,ราชดำเนิน,วิชัย สังข์ประไพ
https://prachatai.com/journal/2014/07/54619
โดนด่าทุกวัน น้องชายฆ่าพี่ชายในสายเลือด ดับอนาถ
เมื่อเวลา 09.40 น. วันที่ 25 พ.ย. 57 พ.ต.ท.อุบล โนนตูม สารวัตรหัวหน้าสถานีตำรวจภูธรโคกจาน จ.อุบลราชธานี รับแจ้งเหตุ มีคนถูกยิงเสียชีวิตบ้านเลขที่ 126 หมู่ 4 บ้านสะพือ ต.สะพือ อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี หลังรับแจ้งเร่งนำกำลังตำรวจ เดินทางไปที่เกิดเหตุ พบว่า บ้านหลังเกิดเหตุ เป็นบ้าน 2 ชั้น ตั้งอยู่กลางหมู่บ้าน พบชาวบ้านกำลังจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ มุงดูกันเต็มบริเวณบ้าน จากการตรวจสอบพบผู้ตาย ชื่อ นายสงกรานต์ สาทรราช อายุ 37 ปี เจ้าของบ้านหลังดังกล่าว สภาพศพนอนหงายเลือดไหลออกจากบริเวณศีรษะนองพื้น อยู่บริเวณชั้นล่างของตัวบ้าน พบบาดแผลถูกยิงด้วยปืนไทยประดิษฐ์ จำนวน 1 นัด ที่กลางหน้าผาก บริเวณใกล้เคียงไม่พบร่องรอยการต่อสู้ จึงมอบศพให้หน่วยกู้ชีพสะพือ ทำการพิมพ์ลายนิ้วมือก่อนนำส่งโรงพยาบาลตระการพืชผล เพื่อชันสูตรต่อไป,ส่วนมือปืนผู้ก่อเหตุทราบว่า เป็นนายสำราญ สาทรราช อายุ 34 ปี น้องชายร่วมบิดา-มารดาเดียวกันกับผู้ตาย และอาศัยอยู่ที่บ้านหลังเกิดเหตุด้วยกันกับผู้ตาย หลังก่อเหตุได้เก็บเสื้อผ้าหลบหนีออกจากหมู่บ้าน มุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ เจ้าหน้าที่เร่งจัดกำลังออกไล่ล่า จนสามารถจับกุมตัวนายสำราญได้ในเวลาต่อมา บริเวณกระท่อมนาของนายสำราญ ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านไปทางทิศเหนือประมาณ 1 กิโลเมตร พร้อมของกลางปืนไทยประดิษฐ์ จำนวน 1 กระบอก,จากการสอบสวนนายสำราญทราบว่า ทั้ง 2 เป็นพี่-น้องกัน และทะเลาะเบาะแว้งกันบ่อยครั้ง จนชาวบ้านในละแวกเห็นเป็นประจำ บางครั้งถึงกับลงไม้ลงมือกันก็มี เป็นเช่นนี้เรื่อยมา โดยผู้ตายมักจะบ่นว่าน้องไม่ค่อยช่วยทำงาน เอาแต่เที่ยวเตร่ วันๆ ไม่ทำอะไร ส่วนนายสำราญ จะโต้เถียงตลอดเวลา จนกระทั่งก่อนเกิดเหตุในวันนี้ ทั้งสองได้ปะทะคารมกันอย่างรุนแรง ที่บริเวณใต้ถุนบ้าน โดยนายสำราญถูกดุด่าต่อว่าอย่างรุนแรงมาก ด้วยความโกรธ เกิดบันดาลโทสะเพราะทนไม่ไหว จึงใช้อาวุธปืนที่เตรียมไว้ ยิงใส่พี่ชาย 1 นัด ในระยะใกล้ ทำให้ลูกกระสุนพุ่งเจาะกะโหลกพี่ชายหงายล้มลงพื้น สิ้นใจคาใต้ถุนบ้านทันที เบื้องต้นตำรวจ ได้แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนเวร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
น้องชายเบื่อโดนด่าทุกวัน หมดความอดทน ใช้ปืนยิงกะโหลกพี่ชายแท้ๆ ดับอนาถคาบ้านพักที่ อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี
null
สารวัตรหัวหน้าสถานีตำรวจภูธรโคกจาน,จ.อุบลราชธานี,บ้านสะพือ,ต.สะพือ,อ.ตระการพืชผล,ปืนไทยประดิษฐ์,ปืนยิง,ยิงตาย,ทั่วไทย,น้องฆ่าพี่
https://www.thairath.co.th/content/465477
200สปช.เลี้ยงอำลาเก้าอี้วันนี้ ล่องเรือชมวิวเจ้าพระยา ดินเนอร์มื้อค่ำ
เมื่อวันที่ 7 ก.ย.58 นายบุญเลิศ คชายุทธเดช อดีต สปช. กล่าวว่า หลังจากที่ สปช.ลงมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญไปแล้วในวันที่ 7 ก.ย.นี้ จะมีการจัดเลี้ยงอำลาตำแหน่ง สปช. โดยจะจัดงานเลี้ยงลงเรือรับประทานอาหารเย็นล่องแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อแสดงความยินดีกับผู้ที่เกิดเดือน ก.ย. มีการมอบช่อดอกไม้ให้ สปช.สายทหาร ที่ได้เลื่อนยศจาก พล.ท. เป็น พล.อ. จำนวน 4 คน และมีการร้องเพลงสังสรรค์ด้วย โดยให้ตัวแทนของแต่ละคณะกรรมาธิการปฏิรูปทั้ง 18 ด้าน ส่งมาตัวแทนมาคณะละ 1 คน โดยจะลงเรือที่ท่าเรือศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ ถ.เจริญกรุง ในเวลา 18.00 น. ออกจากท่าเรือริเวอร์ซิตี้ ไปสะพานพระราม 8 คาดว่าใช้เวลา 3 ชั่วโมง ขณะนี้มี สปช.ลงชื่อร่วมงานแล้วร่วม 200 คน และอาจจะมีมาเพิ่มเติมในภายหลังได้ แต่มีอดีต สปช.บางส่วนไม่มาร่วมงาน เนื่องจากติดภารกิจ และบางส่วนที่ลงมติสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญอาจไม่เดินทางมาร่วมงาน เพราะยังทำใจไม่ได้ ส่วน นายเทียนฉาย กีระนันทน์ อดีตประธาน สปช. และ น.ส.ทัศนา บุญทอง อดีตรองประธาน สปช. ตอบรับว่าจะมาร่วมงานแต่ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ยังไม่ยืนยันว่าจะมาลงเรือด้วยหรือไม่.
200 สปช.วางคิวเลี้ยงอำลาเก้าอี้ 7 ก.ย.นี้ นัดล่องเรือชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา จัดงานสังสรรค์จากท่าเรือริเวอร์ซิตี้ ล่องไปถึงสะพานพระราม 8
null
อำลาตำแหน่ง,เลี้ยงอำลาตำแหน่ง,สปช.นัดเลี้ยงอำลาตำแหน่ง,บุญเลิศ คชายุทธเดช,จัดเลี้ยงอำลาตำแหน่งสปช.,สปช.,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวการเมือง,ลงมติไม่รับร่าง รธน.,ท่าเรือริเวอร์ซิตี้,สะพานพระราม8,ล่องเรือ,ดินเนอร์,ถนนเจริญกรุง
https://www.thairath.co.th/content/523535
เกาหลีเหนือเตรียมฉลองใหญ่ 60 ปีชนะสงครามเกาหลี
ขบวนรถไฟนำทหารผ่านศึกเข้ามายังกรุงเปียงยาง ซึ่งทางการก็ได้จัดต้อนรับอย่างอบอุ่นและสมเกียรติ ทั้งนี้ วีรบุรุษและวีรสตรีชาวเกาหลีเหนือเหล่านี้คือนักรบที่รอดชีวิตจากสงครามเกาหลี ระหว่างปี 1950-1953 โดยการเดินทางเข้ามายังกรุงเปียงยางครั้งนี้ก็เพื่อเตรียมร่วมฉลอง 60 ปีสิ้นสุดการสู้รบที่จะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้ ซึ่งจะมีเพื่อนทหารผ่านศึกอีกหลายพันคนสบทบกับผู้ร่วมงานนับแสนคนสงครามเกาหลียุติลงด้วยการพักรบ ไม่ใช่สนธิสัญญาสันติภาพ โดยทางการเกาหลีเหนือมองว่าการลงนามพักรบเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ปี 1953 นั้นคือความพ่ายแพ้ของกองกำลังพันธมิตรสหประชาชาติที่นำโดยสหรัฐฯ ซึ่งเข้ารบในฝ่ายเกาหลีใต้ ทั้งนี้ สงครามเกาหลีนับว่าเป็นสมรภูมิที่มีการสู้รบกันอย่างดุเดือดมาก โดยขณะที่แนวรบเคลื่อนขึ้นลงไปมาระหว่างดินแดนของทั้ง 2 ประเทศนั้น ก็ได้มีการทิ้งระเบิดปูพรมทางอากาศอย่างหนักหน่วงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสงครามยุคใหม่ ซึ่งยังผลให้ทั้งทหาร และพลเรือนเสียชีวิตไปนับล้านคน
ทหารผ่านศึกเกาหลีเหนือทยอยเดินทางเข้ามายังกรุงเปียงยาง ทั้งนี้เพื่อเตรียมร่วมฉลอง 60 ปีสิ้นสุดการสู้รบของสงครามเกาหลี ซึ่งฝ่ายเกาหลีเหนือนั้นมองว่าเป็นผู้ชนะกองกำลังพันธมิตรของสหประชาชาติที่เข้ารบในฝ่ายเกาหลีใต้
ต่างประเทศ
ทหารผ่านศึก,สงครามเกาหลี,สหประชาชาติ,เกาหลี,เกาหลีเหนือ,เปียงยาง
https://news.thaipbs.or.th/content/185780
ก.คลังชงครม.แจกเงิน คนจน-ขรก.ต่ำกว่าซี7 จ่ายคนละพัน กระตุ้นเศรษฐกิจ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงการคลังว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 29 มี.ค.นี้ กระทรวงการคลังจะเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและช่วยเหลือบุคลากรภาครัฐ เนื่องจากกรมบัญชีกลางสามารถประหยัดเงินงบประมาณรายจ่ายปี 2559 จากการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) และการประมูลด้วยวิธีตลาดอิเล็กทรอนิกส์ (e-market) ได้มากกว่า 30,000 ล้านบาท จึงมีเงินเหลือมากเพียงพอที่รัฐบาลจะสามารถนำไปกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อบรรเทาผลกระทบจากภัยแล้ง,ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะเสนอให้ ครม.เห็นชอบเพิ่มเงินค่าครองชีพข้าราชการผู้ดำรงตำแหน่งประเภททั่วไป ระดับอาวุโส ระดับชำนาญงานและระดับปฏิบัติ หรือข้าราชการตั้งแต่ระดับ 7 (ซี 7) ลงไป รวมถึงลูกจ้างประจำ พนักงานราชการและลูกจ้างชั่วคราว ได้รับค่าครองชีพคนละ 1,000 บาท โดยกรมบัญชีกลางจะจ่ายเงินเข้าบัญชีเพียงครั้งเดียว ซึ่งคาดว่าการจ่าย,เงินค่าครองชีพในครั้งนี้ จะใช้เงินงบประมาณ 1,570 ล้านบาท,สำหรับวงเงิน 1,570 ล้านบาทนั้น จะกระจายครอบคลุมไปถึงข้าราชการทั่วประเทศที่ได้รับสิทธิ์ 1,018,000 คน ลูกจ้างประจำ 126,000 คน พนักงานราชการ 122,000 คน ลูกจ้างชั่วคราว เงินในงบประมาณ 186,000 คน และเงินนอกงบประมาณอีก 118,000 คน โดยจะจ่ายเงินดังกล่าวภายในเดือน เม.ย.นี้,นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังเสนอให้กรมบัญชีกลางทำหน้าที่เป็นนายทะเบียนรับลงทะเบียนคนจนทั่วประเทศผ่านคลังจังหวัดทุกแห่งทั่วประเทศ และรวมถึงสาขาของธนาคารเฉพาะกิจ เช่น ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อนำไปสู่การช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรม โดยขีดเส้นความยากจนเอาไว้ที่รายได้ขั้นต่ำไม่เกิน 300 บาทต่อวัน หรือเดือนละไม่เกิน 9,000 บาท ซึ่งคาดว่า จะมีคนจนมาลงทะเบียนประมาณ 17-18 ล้านคน โดยกระทรวงการคลังจะแจกเงินช่วยเหลือคนละ 1,000 บาท,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การลงทะเบียนเพื่อแจกเงินให้แก่คนจนทั่วประเทศดังกล่าว คาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการดำเนินประมาณ 1-2 เดือน เนื่องจากตัวเลขคนจนของประเทศที่แท้จริง ยังไม่มีการลงทะเบียนหรือเก็บข้อมูลเป็นหลักฐานที่ชัดเจน ทำให้ตัวเลขคนจน 17-18 ล้านคนเป็นการคาดการณ์ ทั้งนี้ เมื่อกระทรวงการคลังได้จำนวนคนจนที่ชัดเจนแล้ว จะนำระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-payment เพื่อจ่ายเงินถึงคนจนที่แท้จริง,นอกจากนี้ในการประชุม ครม.วันที่ 5 เม.ย.นี้ กระทรวงการคลังจะเสนอมาตรการกิน-เที่ยวช่วยชาติ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์รวมระยะเวลา 8 วัน ตั้งแต่วันที่ 10-17 เม.ย.59 เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยประชาชนสามารถนำค่าใช้จ่ายจากค่าอาหาร ค่าที่พักและค่าแพ็กเกจทัวร์ มาหักค่าลดหย่อนภาษีได้จำนวนไม่เกิน 15,000 บาท.
กระทรวงการคลังชง ครม.ไฟเขียวแจกเงินข้าราชการตั้งแต่ซี 7 ลงไปคนละ 1 พันบาท พร้อมเปิดลงทะเบียนคนจนทั่วประเทศ รับเงิน 1 พันบาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน
null
กระทรวงการคลัง,แจกเงินข้าราชการ,ลงทะเบียน,งบประมาณ,แจกเงิน,คนจน,ข่าว,ไทยรัฐฉบับพิมพ์
https://www.thairath.co.th/content/597161
สำรวจคดี 112 ที่ไม่จบแค่คำพิพากษา กรณีไม่ให้พักโทษไผ่และสมยศ
ขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนมติของคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษที่มีมติไม่เห็นชอบพักการลงโทษจตุภัทร์-ผู้ฟ้องคดี ในการประชุมพิจารณาพักการลงโทษ ครั้งที่ 5/2562 เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 62 อันเป็นมติที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเป็นการใช้ดุลพินิจที่ผิดพลาดของคณะอนุกรรมการฯ และขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ฟ้องคดีเป็นเงินจำนวน 56172.84 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีโดยกรมราชทัณฑ์ เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษ เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (ดูองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการฯ พักโทษ)มติของคณะอนุกรรมการฯ พักโทษ ซึ่งไม่อนุมัติให้จตุภัทร์ได้รับการพักโทษดังกล่าว ด้วยเหตุผลว่า นั้น มีขึ้นขณะจตุภัทร์รับโทษจำคุกแล้วกว่า 2 ปี 2 เดือน จากคำพิพากษาของศาลจังหวัดขอนแก่น ซึ่งพิพากษาจำคุก 2 ปี 6 เดือน ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จากกรณีแชร์บทวิเคราะห์ พระราชประวัติกษัตริย์พระองค์ใหม่ของไทย ของเว็บข่าว BBC ไทย ลงบนเฟซบุ๊คส่วนตัว โดยเหลือโทษจำคุกอีก 111 วันคดีดังกล่าวของไผ่หรือจตุภัทร์เป็นที่สนใจ รวมถึงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เป็นธรรมที่เขาได้รับจากการดำเนินคดีซึ่งไม่เป็นไปตามกฎหมาย (ดูเพิ่มเติมเหตุการณ์นอกกระบวนการปกติในคดีนี้ที่ ) จนกระทั่งปลายทางของกระบวนการยุติธรรมเมื่อไผ่ถูกพิพากษาจำคุก และถูกคุมขังมาแล้วใกล้ครบกำหนดโทษ เขาก็ยังถูกปฏิเสธให้ได้พักโทษ หรือได้ปล่อยตัวก่อนกำหนดเช่นนักโทษเด็ดขาดตามปกติก่อนหน้านี้ สมยศ พฤกษาเกษมสุข นักโทษคดี 112 ก็ถูกคณะกรรมการพักโทษปฏิเสธให้พักโทษมาแล้วเช่นกัน ในวันที่เขาถูกคุมขังเกือบ 6 ปี 8 เดือน อีก 4 เดือนจะครบโทษ 7 ปีที่ศาลพิพากษา ด้วยเหตุผลว่า ขาดองค์ประกอบที่จะสนับสนุนให้พักการลงโทษ แม้สมยศจะอุทธรณ์คำสั่งแต่ไม่มีผล ทำให้เขาตัดสินใจฟ้องศาลปกครองขอให้ศาลเพิกถอนมติของคณะกรรมการพักการลงโทษที่ไม่เห็นชอบพักโทษ และชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่เขาเหตุการณ์เหล่านี้ชวนให้เกิดคำถามว่า อะไรคือวัตถุประสงค์ของการพักโทษ มีกฎหมายอะไรบ้างที่เกี่ยวข้อง การเป็นนักโทษ 112 เป็นเหตุให้ไม่อนุมัติให้พักโทษได้จริงหรือ สอดคล้องกับกฎหมายที่มีอยู่และวัตถุประสงค์ในเรื่องนี้หรือไม่ รวมถึงจตุภัทร์และสมยศมีข้อโต้แย้งมติของคณะกรรมการพักโทษอย่างไร รายงานชิ้นนี้จะไล่เรียงประเด็นต่างๆ เหล่านี้ โดยส่วนหนึ่งอ้างอิงคำฟ้องศาลปกครองที่จตุภัทร์และสมยศเป็นผู้ฟ้องคดีการพักการลงโทษ หรือเรียกสั้นๆ ว่า การพักโทษ หมายถึง การปล่อยนักโทษออกจากเรือนจำก่อนครบกำหนดโทษตามคำพิพากษาของศาลภายใต้เงื่อนไขคุมประพฤติที่กำหนด จนกว่าจะครบกําหนดโทษจริง หากผู้ได้รับการพักโทษฝ่าฝืนเงื่อนไขคุมประพฤติ ก็จะถูกสั่งเพิกถอนการพักโทษ และถูกจับตัวกลับไปจําคุกต่อจนกว่าจะครบกําหนดโทษ โดยไม่ต้องมีหมายจับอีกทั้งนี้ การพักโทษมีวัตถุประสงค์หลัก 3 ประการ คือ1. เพื่อระบายนักโทษออกจากเรือนจํา ลดความแออัดและลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐ2.เพื่อช่วยให้ผู้ต้องขังสามารถปรับตัวเข้ากับสังคมได้โดยง่าย และลดการกระทำผิดซ้ำ โดยมีพนักงานคุมประพฤติคอยช่วยเหลือแนะนำ ทั้งเพื่อเป็นการจูงใจให้ผู้ต้องขังประพฤติดี ตั้งใจศึกษาอบรมและฝึกวิชาชีพ เพื่อจะได้รับการปล่อยตัวเร็วขึ้น3.เพื่อป้องกันสังคม เนื่องจากพนักงานคุมประพฤติยังคงติดตามดูแล สอดส่อง ควบคุมพฤติกรรมของผู้ที่ได้รับการพักโทษ และนำกลับเข้าจำคุกหากมีการฝ่าฝืนเงื่อนไข จึงเป็นการป้องกันสังคมโดยทางอ้อม19 พ.ค. 60 มีผลบังคับใช้แทน ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการพักโทษ ปรากฏอยู่ในส่วนที่ 3 ของพระราชบัญญัติฯ ซึ่งกล่าวถึง ประโยชน์ของผู้ต้องขัง โดยมาตรา 52 ระบุว่า นักโทษเด็ดขาดคนใดแสดงให้เห็นว่ามีความประพฤติดี มีความอุตสาหะ ความก้าวหน้าในการศึกษา และทําการงานเกิดผลดี หรือทําความชอบแก่ทางราชการเป็นพิเศษ อาจได้รับประโยชน์อย่างหนึ่งอย่างใด เช่น เลื่อนชั้น ลดวันต้องโทษจำคุก หรือพักการลงโทษ เป็นต้น โดยให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ที่กําหนดในกฎกระทรวงอย่างไรก็ตาม จนถึงปัจจุบันยังไม่มีการออกกฎกระทรวงในเรื่องดังกล่าวตามความใน พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ฉบับใหม่ ทำให้ระเบียบ ข้อบังคับ ที่ออกตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ฉบับเก่า ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับ พ.ร.บ.ฉบับใหม่เมื่อสำรวจดูระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวกับประโยชน์ที่ผู้ต้องขังจะได้รับ ซึ่งใช้อยู่ตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ฉบับเก่า พบที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ และประกาศกรมราชทัณฑ์ เรื่องหลักเกณฑ์การพิจารณาพักการลงโทษ พ.ศ. 2560ระเบียบกระทรวงยุติธรรมฯ 2559 ข้อ 60-65 กำหนดคุณสมบัติของนักโทษเด็ดขาดที่อยู่ในข่ายได้รับการพิจารณาพักการลงโทษ ดังนี้ระเบียบกระทรวงยุติธรรมฯ ยังระบุว่า นักโทษเด็ดขาดที่ได้รับการพิจารณาให้พักโทษ อาจได้พักโทษไม่เกิน 1 ใน 3 ของโทษที่ศาลตัดสิน กรณีเป็นนักโทษชั้นเยี่ยม ไม่เกิน 1 ใน 4 กรณีเป็นนักโทษชั้นดีมาก และไม่เกิน 1 ใน 5 กรณีเป็นนักโทษชั้นดี ซึ่งหมายความว่า คณะกรรมการจะต้องคัดเลือกจากนักโทษเด็ดขาดที่เหลือโทษจำคุกใกล้เคียงกับเกณฑ์ดังกล่าวนอกจากกำหนดคุณสมบัติเบื้องต้นดังกล่าวแล้ว ระเบียบกระทรวงยุติธรรมฯ ยังให้อำนาจอธิบดีในการกำหนดหลักเกณฑ์การพักโทษ โดยคำนึงถึงปัจจัยอื่น ๆ ด้วย เช่น ความประพฤติขณะถูกคุมขัง ระยะเวลาคุมประพฤติ ประวัติการต้องโทษ พฤติการณ์ก่อนมาต้องโทษ พฤติการณ์การกระทำผิด ความน่าเชื่อถือของผู้อุปการะ ผลกระทบด้านความปลอดภัยของสังคม ซึ่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้ออกเป็นประกาศกรมราชทัณฑ์ เรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาพักการลงโทษ พ.ศ. 2560 โดยในข้อ 1 นอกจากระบุคุณสมบัตินักโทษที่จะได้รับพิจารณาพักโทษตามที่กำหนดไว้แล้วใน พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 และระเบียบกระทรวงยุติธรรมฯ พ.ศ. 2559 แล้ว ยังกำหนดคุณสมบัติบางประการเพิ่มเติม เช่น ไม่เคยถูกลงโทษทางวินัยเกี่ยวกับยาเสพติดหรือเครื่องมือสื่อสาร ไม่เคยถูกลงโทษทางวินัยกรณีอื่นภายในระยะเวลา 2 ปี มีระยะเวลาคุมประพฤติไม่เกิน 5 ปี ไม่มีคดีอายัดหรือหมายจับ เป็นต้นประกาศกรมราชทัณฑ์ฯ ข้อ 2 ยังกำหนดคุณสมบัติในส่วนพฤติการณ์ของนักโทษเด็ดขาดเป็นเกณฑ์ไว้อย่างกว้าง ๆ โดยให้อำนาจคณะกรรมการคัดเลือกฯ และคณะกรรมการพักโทษใช้ดุลพินิจในการพิจารณาให้ความเห็นชอบ เช่นนอกจากนี้ ยังกำหนดลักษณะความผิดบางประการ ได้แก่ ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ฯ ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ ความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งเป็นผู้กระทำผิดรายสำคัญ ความผิดที่เป็นที่สนใจของสังคมหรือรายสำคัญ เป็นต้น ซึ่งหากนักโทษเด็ดขาดต้องโทษจากการทำความผิดเหล่านี้ จะได้รับการพิจารณาผ่อนปรนจากคณะกรรมการให้พักโทษได้ ต้องมีเหตุผลพิเศษอย่างใดอย่างหนึ่งสนับสนุน เช่น ขณะกระทำผิดมีอายุไม่เกิน 20 ปี หรือมีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป หรือเหลือโทษจำคุกต่อไปไม่เกิน 1 ปี เป็นต้นคณะกรรมการคัดเลือกฯ นักโทษเด็ดขาดเพื่อพิจารณาพักการลงโทษ จะใช้เกณฑ์เหล่านี้ในการพิจารณา เมื่อได้รายชื่อนักโทษที่ผ่านเกณฑ์ ตามระเบียบกระทรวงยุติธรรมฯ ต้องส่งให้คณะกรรมการกลั่นกรอง ซึ่งมีรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์เป็นประธาน และเสนอคณะกรรมการพักการลงโทษ ซึ่งมีปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธาน (หรือคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษ ตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 ซึ่งมีองค์ประกอบคล้ายกัน) พิจารณาอนุมัติโดยใช้เกณฑ์เหล่านี้เช่นกันกรณีการพิจารณาพักโทษของไผ่ เรื่องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการคัดเลือกฯ และคณะกรรมการกลั่นกรอง นำเสนอให้คณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษพิจารณาแล้ว แสดงว่า กรรมการสองชุดแรกเห็นว่าไผ่มีคุณสมบัติครบถ้วน แต่กลับติดขัดอยู่ที่คณะอนุกรรมการฯ พักโทษ ซึ่งในการพิจารณาครั้งแรกยังไม่มีมติ โดยให้ทัณฑสถานฯ ติดตามผลคดีของไผ่ที่ยังไม่ถึงที่สุดอีก 3 คดี เป็นข้อมูลเพิ่มเติม ()อย่างไรก็ตาม คดีทั้งสามไม่ได้เป็นเหตุตามกฎหมายให้ไม่อนุมัติพักโทษ เนื่องจากไม่ใช่คดีที่มีหมายจับหรือคดีที่พิพากษาลงโทษแล้ว แต่ในการนำเรื่องเข้าพิจารณาเป็นครั้งที่ 2 คณะอนุกรรมการฯ พักโทษก็มีมติไม่อนุมัติให้ไผ่ได้พักโทษโดยให้เหตุผลว่า เห็นได้ว่า คณะอนุกรรมการฯ ใช้ลักษณะความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อันเป็นความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ฯ เป็นเหตุผลที่ไม่ให้พักโทษ ทั้งที่ตามประกาศกรมราชทัณฑ์ฯ ลักษณะความผิดดังกล่าว ไม่ใช่เหตุที่จะไม่อนุมัติให้พักโทษ เพียงแต่ต้องมีเหตุผลพิเศษอย่างใดอย่างหนึ่งสนับสนุน ซึ่งกรณีไผ่ในวันที่คณะอนุกรรมการฯ พิจารณา เขาเหลือโทษจำคุกอีก 111 วัน หรือ 3 เดือนกว่า ไม่ถึง 1 ปี อันเป็นเหตุผลหนึ่งตามที่ประกาศกรมราชทัณฑ์กำหนดไว้ ที่สนับสนุนให้คณะอนุกรรมการฯ สามารถใช้ดุลพินิจผ่อนปรนให้ไผ่พักโทษได้ยิ่งเมื่อกลับไปพิจารณาถึงวัตถุประสงค์ของการพักโทษซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งต่อรัฐ ผู้ต้องขัง และสังคม โดยเฉพาะวัตถุประสงค์ในการช่วยให้ผู้ต้องขังสามารถปรับตัวเข้ากับสังคมได้โดยง่าย การไม่พักโทษให้ไผ่จึงเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุผล เพราะนอกจากจะไม่เป็นไปตามกฎหมายแล้ว ยังไม่เกิดประโยชน์อันใดด้วยเหตุดังกล่าว ไผ่จึงใช้สิทธิในการฟ้องศาลปกครอง คำฟ้องของไผ่ระบุว่า ในหมายเหตุท้าย พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 แสดงให้เห็นว่ากฎหมายมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมประโยชน์ของนักโทษเด็ดขาดให้ได้รับสิทธิประโยชน์มากขึ้น การตีความกฎหมายตลอดจนการมีคำสั่งทางปกครองใดในเรื่องการพักโทษจึงต้องตีความเพื่อส่งเสริมสิทธิประโยชน์มากยิ่งกว่าตีความกฎหมายตลอดจนการมีคำสั่งทางปกครองไปในทางลดทอนสิทธิประโยชน์ของนักโทษเด็ดขาดคำฟ้องยังอธิบายว่า ผู้ฟ้องคดีมีคุณสมบัติครบถ้วนตามข้อ 1 ของประกาศกรมราชทัณฑ์ เรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาพักการลงโทษ พ.ศ.2560 กล่าวคือ เป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นดี ต้องโทษจำคุกครั้งแรก ไม่เคยถูกลงโทษทางวินัยใด ๆ และไม่มีคดีอายัดหรือหมายจับ เป็นต้นนอกจากนี้ ไผ่ยังระบุในคำฟ้องว่า พนักงานคุมประพฤติ สำนักงานคุมประพฤติ จังหวัดชัยภูมิ สาขาภูเขียว (ภูมิลำเนาที่ไผ่จะไปอยู่ในช่วงคุมประพฤติ) ได้จัดทำรายงานสืบเสาะข้อเท็จจริงพักการลงโทษและมีความเห็นว่า เห็นสมควรปล่อยนักโทษรายนี้เพื่อคุมความประพฤติเนื่องจากมีมารดารับเป็นผู้อุปการะ ผู้อุปการะมีที่พักอาศัยเป็นหลักแหล่งแน่นอน ไม่เคยมีความประพฤติใดเสียหายมาก่อน ผู้อุปการะมีการวางแผนให้นักโทษภายหลังปล่อยด้วย และผู้นำชุมชนให้ความเห็นว่าควรปล่อยคุมประพฤติ เนื่องจากมีมารดารับเป็นผู้อุปการะที่ดูแลนักโทษได้เกี่ยวกับคุณสมบัติด้านพฤติการณ์ คำฟ้องก็ได้อธิบายว่า ผู้ฟ้องคดีมีคุณสมบัติครบถ้วนทั้งตามระเบียบกระทรวงยุติธรรมฯ และตามข้อ 2 ของประกาศกรมราชทัณฑ์ฯ กล่าวคือ มีความประพฤติดี เห็นได้จากการได้เลื่อนชั้นนักโทษด้วยคะแนนเต็มในทุกมิติ มีความอุตสาหะ โดยสมัครเข้าศึกษาต่อชั้นปริญญาตรีคณะรัฐศาสตร์ สาขาการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และสอบผ่านในรายวิชาปรัชญาการเมือง ทำงานเป็นผู้ช่วยพยาบาล ให้รักษาพยาบาลเบื้องต้นแก่ผู้ต้องขัง ผ่านการฝึกอบรมวิชาชีพระยะสั้น และหลักสูตรสัคคสาสมาธิ ซึ่งเป็นหลักสูตรพัฒนาพฤตินิสัยของกรมราชทัณฑ์ รวมทั้งไม่เคยมีประวัติการต้องโทษ ทั้งยังเป็นนักศึกษา/นักกิจกรรมเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย/นักปกป้องสิทธิมนุษยชนก่อนมาต้องโทษ ซึ่งหากผู้ฟ้องคดีได้รับการปล่อยตัวก็มีแผนการทำงานเกี่ยวกับวิชาชีพกฎหมายและศึกษาต่อคำฟ้องคดีสรุปว่า เมื่อพิจารณาคุณสมบัติตามกฎหมายและหลักเกณฑ์การพิจารณาพักการลงโทษแล้ว ย่อมจะเห็นได้ว่า ผู้ฟ้องคดีสมควรอย่างยิ่งที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ในการพักโทษแต่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (คณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษ) กลับใช้ดุลพินิจพิจารณาโดยอาศัยเพียงลักษณะความผิด ทั้งที่ต้องนำพฤติการณ์ ลักษณะความผิด และองค์ประกอบอื่น มาพิจารณาชั่งน้ำหนักประกอบให้รอบด้านเสียก่อนจะมีมติไปทางใดทางหนึ่ง อีกทั้ง ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ก็มิได้นำข้อเท็จจริงที่ว่า ผู้ฟ้องคดีเหลือโทษจำคุกต่อไปไม่เกิน 1 ปี อันเป็นเหตุตามประกาศกรมราชทัณฑ์ฯ มาพิจารณาผ่อนปรนให้ผู้ฟ้องคดีได้รับการพักโทษ จึงทำให้มติไม่เห็นชอบพักการลงโทษผู้ฟ้องคดี เป็นการใช้ดุลพินิจที่ผิดพลาดของผู้ฟ้องคดีที่ 2 ส่งผลให้คำสั่งไม่อนุญาตพักโทษดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย และชอบที่ศาลจะพิพากษาเพิกถอนมติดังกล่าวได้การไม่อนุมัติให้พักโทษสมยศ พฤกษาเกษมสุขก็เช่นกัน ขั้นตอนไปติดขัดอยู่ที่คณะกรรมการพักการลงโทษ คณะกรรมการให้เหตุผลว่า สมยศ (ซึ่งมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112) ยังขาดองค์ประกอบที่จะสนับสนุนให้พักโทษ ในส่วนของพฤติการณ์กระทำผิด อายุขณะกระทำผิด อายุขณะที่เข้าเกณฑ์พักการลงโทษ ประวัติการเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรงระยะอันตรายอาจถึงแก่ชีวิตหรือพิการที่ช่วยเหลือตังเองไม่ได้ หรือช่วยเหลือตัวเองได้น้อยสมยศได้ยื่นฟ้องศาลปกครองเมื่อวันที่ 16 มี.ค. 61 โต้แย้งมติดังกล่าวของคณะกรรมการพักโทษว่า แม้ผู้ฟ้องคดีเป็นนักโทษเด็ดขาดในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 แต่ก็มีเหตุผลพิเศษสนับสนุนให้คณะกรรมการพักโทษใช้ดุลพินิจพิจารณาผ่อนปรนให้ได้รับการพักโทษ กล่าวคือเหลือโทษจำคุกต่อไปไม่เกิน 1 ปี หรือเพียง 4 เดือน 5 วัน ณ วันที่คณะกรรมการพักโทษพิจารณา อันเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในประกาศกรมราชทัณฑ์ฯ แล้ว โดยไม่จำเป็นต้องมีองค์ประกอบอื่นแต่อย่างใด ประกอบกับพฤติการณ์แห่งคดีไม่ได้ร้ายแรง โดยผู้ฟ้องคดีเป็นเพียงบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ ไม่ได้เป็นผู้กระทำผิดเองโดยตรง รวมทั้งในระหว่างถูกคุมขังมีความประพฤติดี โดยได้รับคะแนนความประพฤติเต็ม 100 คะแนน ทำให้ผู้ฟ้องคดีมีคุณสมบัติครบถ้วนตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 ที่จะได้รับการพักโทษคำฟ้องของสมยศจึงขอให้ศาลปกครองกลางมีคำสั่งเพิกถอนมติคณะกรรมการพักการลงโทษที่ไม่เห็นชอบการพักโทษผู้ฟ้องคดีดังกล่าว เนื่องจากมีความผิดพลาดอย่างชัดแจ้ง จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขอให้มีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และ 2 (กระทรวงยุติธรรม และกรมราชทัณฑ์) ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ฟ้องคดีเป็นเงิน 64569.28 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี เนื่องจากทำให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเสียหายต่อเสรีภาพในร่างกายนอกจากนี้ สมยศยังขอให้ศาลปกครองกลางเพิกถอนประกาศกรมราชทัณฑ์ เรื่องหลักเกณฑ์การพิจารณาพักการลงโทษ พ.ศ. 2560 ข้อ 2 (ข) และข้อ 3 ซึ่งให้อำนาจคณะกรรมการคัดเลือกฯ และคณะกรรมการพักโทษ พิจารณาให้ความเห็นชอบการพักโทษโดยคำนึงถีงลักษณะความผิด รวมทั้งให้อำนาจผ่อนปรนให้พักโทษหากมีเหตุผลพิเศษสนับสนุน เนื่องจากหลักเกณฑ์ข้อดังกล่าวขัดหรือแย้งกับระเบียบกระทรวงยุติธรรมฯ พ.ศ. 2559 และรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560คำฟ้องอธิบายเหตุผลว่า ตามระเบียบกระทรวงยุติธรรมฯ ข้อ 65 ให้อำนาจอธิบดีกำหนดหลักเกณฑ์การพักโทษ โดยคำนึงถึงพฤติการณ์ของนักโทษเด็ดขาดและปัจจัยอื่น ๆ แต่ไม่ได้กำหนดเรื่องลักษณะความผิดไว้ การออกประกาศกรมราชทัณฑ์ฯ โดยกำหนดลักษณะความผิดจึงเป็นการกระทำโดยไม่มีอำนาจหรือนอกเหนืออำนาจที่กฎหมายกำหนด ทั้งยังถือว่าเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมในการบังคับตามคำพิพากษาต่อนักโทษที่ถูกศาลพิพากษาให้ต้องรับโทษจำคุกตามอัตราโทษที่ศาลเห็นว่าเหมาะสมแก่คดีไปแล้ว อันขัดต่อหลักความเสมอภาคที่ได้รับการรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญการไม่ได้พักโทษของนักโทษ 112 สองคนในเวลาห่างกันไม่นาน เป็นการใช้ดุลพินิจพิจารณาลงมติของคณะกรรมการในระดับกระทรวงซึ่งไม่ได้เป็นไปตามกฎหมาย และหากพิจารณาวัตถุประสงค์ของการพักโทษ ก็อาจกล่าวได้ว่า คณะกรรมการพักโทษไม่ได้ยึดกุมวัตถุประสงค์เป็นหลักในทั้งสองกรณี ซึ่งถือเป็นการเลือกปฏิบัติต่อนักโทษทางการเมืองที่ต้องโทษจำคุกจากการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นโดยเฉพาะในความผิดตามมาตรา 112 นำมาสู่การฟ้องคดีต่อศาลปกครอง แม้คำพิพากษาในทั้งสองคดีจะไม่มีผลให้ทั้งสองคนออกมาจากที่คุมขังทันทีเนื่องจากพ้นโทษก่อน แต่จะถือเป็นบรรทัดฐานสำหรับนักโทษ 112 คนอื่น ๆ อาจรวมถึงนักโทษเด็ดขาดในคดีอื่นซึ่งถูกเลือกปฏิบัติด้วยนอกจากสะท้อนปัญหาการใช้ดุลพินิจอย่างไม่เป็นธรรมแล้ว กรณีทั้งสองยังสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของประกาศกรมราชทัณฑ์ เรื่องหลักเกณฑ์การพิจารณาพักการลงโทษ พ.ศ. 2560 ซึ่งอาจออกโดยนอกเหนืออำนาจที่กฎหมายกำหนด และขัดต่อหลักความเสมอภาคในรัฐธรรมนูญ แม้ว่าประกาศดังกล่าวจะถูกยกเลิกไปในเวลาไม่นาน เนื่องจากจะต้องมีการออกกฎกระทรวงที่กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการดำเนินการเรื่องการพักโทษ ซึ่งออกตามความใน พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 แต่คำพิพากษาของศาลปกครองในเรื่องนี้ก็จะเป็นบรรทัดฐานสำหรับกฎกระทรวงดังกล่าวที่กำลังจะออกมาด้วยศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน จากชื่อบทความเดิม
เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 62 ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากจตุภัทร์ ไผ่ บุญภัทรรักษา เข้ายื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลาง เป็นคดีหมายเลขดำที่ 805/2562
การเมือง,สิทธิมนุษยชน
ม.112,ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุยชน,ไผ่ ดาวดิน,จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา,สมยศ พฤกษาเกษมสุข,การพักโทษ
https://prachatai.com/journal/2019/05/82356
เจ้าตู้ ควายไทยที่บุรีรัมย์ มี เขาอุ้มบุญ รูปทรงโค้งงอมารอบลำคอ
เมื่อวันที่ 7 ม.ค.2562 ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่ ต.เจริญสุข อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ พบควายเขาแปลกโค้งลงพันรอบลำคอ,นายอุทัย ศิลอนันต์ ประธานสภา อบต.เจริญสุข อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 48 หมู่ 9 ต.เจริญสุข อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า ควายเขาแปลกเป็นของครอบครัวตนเอง ชื่อ เจ้าตู้ ขณะนี้ อายุ 16 ปี เป็นควายเพศเมีย พันธุ์ไทยแท้ เมื่อเจ้าตู้อายุได้ 1 ปี ออกไปกินหญ้ากับแม่ของมัน ตนสังเกตุเห็นอุจจาระของมันเป็นสีขาว ผิดปกติ ดูร่างกายมันไม่แข็งแรง จึงดูแลรักษาหายาให้กิน เมื่อเจ้าตู้อายุได้ 2 ปี เริ่มมีเขางอกออกมา ก็ดูเหมือนเขาควายปกติ แต่พอเขาเริ่มยาวขึ้นกลับโค้งลงล่าง และสามารถโยกได้ แต่ละปีเขายาวขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาโค้งคล้องรอบลำคอ ,เจ้าของควาย กล่าวอีกว่า ผู้พบเห็นเจ้าตู้ก็อยากถ่ายรูปด้วย เนื่องจากนิสัยเจ้าตู้ไม่ดุร้าย เป็นควายใจดี เมื่อเจ้าของผูกไว้ให้กินหญ้าจะมีคนจอดรถมาขอถ่ายรูปด้วยตลอดเวลา ขณะนี้ เจ้าตู้กำลังเป็นแม่ควายท้องแก่ คาดว่าจะคลอดลูกออกมาภายในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ มีคนที่สนใจควายแปลกมาขอซื้อเจ้าตู้ในราคาหลายแสน แต่ตนไม่ขาย เพราะเลี้ยงดูกันมานานผูกพันกัน มีควายเขาแปลก คนในหมู่บ้านเชื่อว่าเป็นควายค้ำควายคูณ,นายอัมพล พัวพัฒนกุล ปศุสัตว์ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงลักษณะของเขาควาย ตามตำราควาย ว่าเขาควายแบบนี้เรียก เขาอุ้มบุญ หรือ อุ้มบาตร หากมีควายที่มีเขาลักษณะนี้จะมีแต่เรื่องดีๆ จะอุ้มเงินอุ้มทอง,ส่วนนักท่องเที่ยวที่อยากชมและถ่ายรูปกับ เจ้าตู้ ควายพันธุ์ไทยหายาก สามารถขับรถมาทางถนนสายนางรอง-ประโคนชัย ขากลับจากเที่ยวปราสาทพนมรุ้ง มุ่งเข้า อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เลี้ยวซ้ายเข้า ต.เจริญสุข อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ 
เจ้าตู้ควายไทยเพศเมียวัย 16 ปี เขาโค้งลงพันรอบลำคอ ดูมีความแปลกหายาก เผยนิสัยใจดีไม่ดุร้าย ตอนนี้กำลังท้องแก่ใกล้คลอด คนแห่ดูกันตลอด แม้มีคนมาขอซื้อก็ไม่ขาย
ข่าว,ทั่วไทย
เจ้าตู้,ควายไทย,ควายเขาประหลาด,บุรีรัมย์,เขาอุ้มบุญ,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/1463726
หนุ่มคลั่งยา หลอนแม่พาคนมาฆ่า คว้าเสียม-อีโต้ ตีดับ อ้างป้องกันตัว
เมื่อวันที่ 12 มี.ค.63 ร.ต.อ.สุรเชษฐ มาตย์นอก สว.สอบสวน สภ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่า มีเหตุลูกทำร้ายแม่ ที่บ้านศุภชัย ม.5 ต.คึมชาด อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่สายตรวจตำบล เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัย เข้าช่วยเหลือคนเจ็บที่เกิดเหตุอยู่ที่บ้านเลขที่ 14 ซึ่งเป็นบ้านของ นางป้อน บุราณศรี อายุ 78 ปี และเป็นคนเจ็บที่ถูกลูกชายทำร้าย ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ชีพได้นำตัวส่ง รพ.หนองสองห้อง และส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.ขอนแก่น แล้ว ในบ้านที่เกิดเหตุจึงพบเพียงกองเลือด อยู่บริเวณลานดินหน้าบ้าน และมีเสียงลูกชาย ซึ่งเป็นคนก่อเหตุตะโกนโวยวายอยู่ในบ้าน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงเข้าควบคุมตัวไว้ ทราบชื่อคือ นายไพบูลย์ บุราณศรี อายุ 49 ปี ซึ่งหลังถูกควบคุมตัว ยังพูดจาวกไปวนมาต่อมาผู้สื่อข่าวได้สอบถามรายละเอียดจาก พ.ต.อ.ปรเมศร์ สายคำ ผกก.สภ.หนองสองห้อง ทราบว่า จากการสอบสวนพี่ชายและเพื่อนบ้านทราบว่า นายไพบูลย์ เสพยาเสพติดและมีอาการหลอนเป็นบางครั้ง ซึ่งก่อนเกิดเหตุนั้นเพื่อนบ้านเห็นตอนนายไพบูลย์คลั่ง ลากแม่ออกมาจากภายในบ้าน มาทำร้ายที่หน้าบ้านพร้อมกับเสียงเอะอะโวยวาย และเสียงร้องขอความช่วยเหลือของผู้เป็นแม่ ชาวบ้านจึงรีบแจ้งตำรวจขณะลงพื้นที่เกิดเหตุพบมีดพร้าและด้ามเสียมเปื้อนเลือดวางอยู่ในบริเวณบ้าน ซึ่งนายไพบูลย์ยอมรับว่า เป็นอาวุธที่ใช้ทำร้ายแม่ตัวเอง โดยอ้างว่าลงมือทำร้ายแม่ เพราะแม่พาคนจำนวนมากจะมาฆ่า จึงต้องใช้ด้ามเสียมกับมีดอีโต้ต่อสู้ป้องกันตัว ซึ่งจริงๆ แล้วเกิดจากอาการประสาทหลอนจากการเสพยาบ้าเท่านั้น เพราะในความเป็นจริงในบ้านหลังเกิดเหตุมีเพียงแม่กับลูก 2 คนเท่านั้น และในช่วงบ่ายวันเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจก็รับแจ้งจาก รพ.ว่าผู้เป็นแม่เสียชีวิตแล้ว จึงได้แจ้งข้อหา ฆ่าบุพการี ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 289 (1) จากนั้นก็ควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ และควบคุมไว้ในห้องขังเพื่อส่งฝากขังในวันต่อไปผกก.สภ.หนองสองห้อง กล่าวอีกว่า นอกจากจะจับกุมลูกชายที่ก่อเหตุทำร้ายแม่จนตายแล้ว ยังตรวจพบปัสสาวะเป็นสีม่วง จึงแจ้งข้อหา เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย รวมถึงจะสอบปากคำญาติพี่น้องว่าผู้ต้องหามีอาการป่วยทางจิตเวชหรือไม่ เบื้องต้นไม่พบประวัติว่าเคยถูกจับในคดียาเสพติด แต่เคยถูกจับเกี่ยวกับการขับรถบรรทุกน้ำหนักเกิน อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพแล้วว่า ทำร้ายแม่ตัวเองจริง ซึ่งก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
หนุ่มใหญ่คลั่งยา ลากแม่ทุบตีบาดเจ็บสาหัส ก่อนสิ้นใจคา รพ. ตำรวจหิ้วสอบ ยอมรับสารภาพ อ้างป้องกันตัว หลอนแม่พาคนมาฆ่า โดนแจ้งข้อหาหนักดำเนินคดี
ข่าว,ทั่วไทย
ลูกฆ่าแม่,หนุ่มคลั่งยา,หนุ่มหลอนยา,เสพยาบ้า,ฆ่าแม่ตาย,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/1793726
ศิษย์แห่ร่วมพิธีบรรจุสรีระหลวงพ่อแช่มวัดสำนักตะคร้อ เกจิดังสายตะกรุด
แห่งวัดบ้านไร่  ,เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 27 ธ.ค.59 ที่ศาลาการเปรียญวัดสำนักตะคร้อ ต.สำนักตะคร้อ อ.เทพารักษ์ จ.นครราชสีมา พระธรรมเจดีย์เจ้าคณะภาค 11 วัดทองนพคุณ กทม. ประธานฝ่ายสงฆ์ และนายมุรธาธีร์ รักชาติเจริญรอง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ประธานฝ่ายฆราวาส ร่วมกันประกอบพิธีบรรจุสรีระสังขาร พระครูวิภัชธรรมสาร (แช่มกิตฺติสาโร) อดีตเจ้าคณะอำเภอเทพารักษ์ และอดีตเจ้าอาวาสวัดสำนักตะคร้อ ลงในโลงแก้วบนศาลาการเปรียญวัดสำนักตะคร้อ โดยมีพระสงฆ์สมณศักดิ์จากวัดต่างๆ และคณะสงฆ์ใน อ.เทพารักษ์ กว่า 600 รูป และนายสนอง มะลัยขวัญ นายอำเภอเทพารักษ์ ข้าราชการ กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน นักเรียนนักศึกษา ศิษยานุศิษย์จากทั่วสารทิศกว่า 1,000 คน ร่วมงานจนแน่นศาลาการเปรียญ ซึ่งหลังเสร็จพิธีได้มีการนำเหรียญหลวงพ่อแช่ม รุ่นที่ระลึกยกช่อฟ้าอุโบสถ วัดสำนักตะคร้อปี 47 มาแจกผู้ร่วมงานด้วยทุกคน,สำหรับประวัติของหลวงพ่อแช่ม มีนามเดิมว่าแช่ม พิขุนทดเกิดเมื่อ 4 ก.พ. 2488 ที่บ้านสำนักตะคร้อ เป็นบุตรคนที่ 9 ในจำนวน 10 คน ของนายถึก-นางเล็ก พิขุนทด เมื่ออายุ 20 ปี จึงได้อุปสมบทเมื่อวันที่ 12 ก.พ. 2508 ที่วัดสำนักตะคร้อ ได้ฉายาว่า กิตฺติสาโร โดยได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของเจ้าอธิการผ่องมหินธโร เจ้าอาวาสวัดสำนักตะคร้อ ในขณะนั้นซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องตะกรุดโทนยันต์หัวใจ 108 ยันต์หัวใจเศรษฐี จากนั้นไปฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงพ่อแดง ชินปุตโต และหลวงพ่อคง พุทธสโร ที่มีชื่อเสียงทางด้านเดียวกันและทั้งสองท่านยังเป็นอาจารย์ของพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณปริสุทฺโธ) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 11 และอดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา อีกทั้งหลวงพ่อแช่มยังเคยไปสนทนาธรรม และช่วยงานกับหลวงพ่อคูณเป็นประจำ,นอกจากนี้หลวงพ่อแช่มยังได้ธุดงค์ไปหลายที่ จนถึงประเทศกัมพูชา และได้วิชาทำนายทายทักดูฤกษ์ยาม มาจากพระชาวกัมพูชาด้วย โดยตลอดระยะเวลาในชีวิตสมณเพศ 51 พรรษา หลวงพ่อแช่มได้นำญาติโยมพัฒนา ก่อสร้างกุฏิสงฆ์ โบสถ์ ศาลา ศาสนถาวรวัตถุมากมาย ซึ่งท่านมีลูกศิษย์ลูกหามากมายทั้งในและต่างประเทศ ท่านละสังขารด้วยอาการสงบเมื่อเวลา 15.15 น. วันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา สิริอายุ 71 ปี.,ข่าวที่เกี่ยวข้อง,สิ้นหลวงพ่อแช่ม วัดสำนักตะคร้อ เกจิสายเหนียวอาจารย์เดียวกับหลวงพ่อคูณ
ศิษยานุศิษย์แห่ร่วมพิธีบรรจุสรีระสังขาร พระครูวิภัชธรรมสาร หรือ หลวงพ่อแช่ม อดีตเจ้าอาวาสวัดสำนักตะคร้อ และอดีตเจ้าคณะอำเภอเทพารักษ์ จ.นครราชสีมา เกจิชื่อดังสายตะกรุด และยังเป็นศิษย์อาจารย์เดียวกับ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ
null
หลวงพ่อแช่ม,วัดสำนักตะคร้อ,เกจิดัง,พระครูวิภัชธรรมสาร,เกจิโคราช
https://www.thairath.co.th/content/822921
ปนัดดา VS สาวตรี เก็บตกเสวนา ข่มขืน = ประหาร ?
7 เม.ย.2559 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดงานเสวนาหัวข้อ ข่มขืน = ประหาร? ณ อาคารเรียนรวมสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อตั้งคำถามว่า การรณรงค์ให้ประหารคนร้ายคดีข่มขืนนั้นจะช่วยให้ปัญหาการข่มขืนในสังคมไทยน้อยลงจริงหรือ?ปัจจุบันโทษข่มขืนในประเทศไทยได้บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา ให้มีโทษจำคุก 4-20 ปี หรือประหารชีวิตในกรณี ข่มขืนฆ่ามาตรา 276 วรรคแรกบัญญัติว่า ผู้ใดข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้ผู้อื่นนั้นเข้าใจผิดว่าเป็นบุคคลอื่น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่แปดพันบาทถึงสี่หมื่นบาทมาตรา 277 ทวิ บัญญัติว่า ถ้าการกระทำผิดตามมาตรา 276 วรรค 1 หรือมาตรา 277 วรรค 1 หรือวรรค 3 เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำ (2) ถึงแก่ความตาย ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิตแต่คำถามที่เกิดขึ้นก็คือการเรียกร้องให้มีการเพิ่มโทษเพื่อให้ผู้กระทำผิดเกรงกลัวต่อโทษ และไม่กล้ากระทำความผิดนั้นได้ผลจริงหรือไม่ หรือจะทำให้การฆ่าผู้เสียหายมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นสาวตรี สุขศรี อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ก่อนปี 2550 การกระทำชำเราไม่ถือเป็นความผิดตามมาตรา 276 หลังจากนั้นจึงได้นิยามการกระทำชำเราว่าถือเป็นความผิดฐานข่มขืนด้วย รวมทั้งเพิ่มโทษเป็นจำคุก 4-20 ปี และไม่ว่าจะเป็นเพศหญิง ชาย หรืออื่นๆ อีกทั้งคู่สมรสก็สามารถเป็นผู้เสียหายได้ และหากในกรณีที่ข่มขืนบุคคลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ จะไม่มีการพิจารณาว่าเหยื่อนั้นมีความยินยอมหรือไม่ เพราะถือเป็นความผิดในทุกกรณี ในบางเคสที่เหยื่อเสียชีวิต ไม่ว่าจะเกิดจากความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจของผู้กระทำความผิดก็ตาม จะเข้าข่ายความผิดในมาตรา 277 ทวิทันที ทั้งนี้ก็ยังต้องดูบทลงโทษตามพฤติการณ์ประกอบ ซึ่งอาจทำให้ผู้กระทำผิดนั้นต้องจำคุกตลอดชีวิต หรือต้องโทษประหารในที่สุดสาวตรีกล่าวว่า ในต่างประเทศโทษจำคุกของคดีข่มขืนจะกำหนดตามพฤติการณ์ที่มีความหลากหลาย เช่น อายุของเหยื่อ ความสัมพันธ์ระหว่างเหยื่อและผู้กระทำความผิด จำนวนของผู้กระทำความผิด หรือผลกระทบที่เหยื่อได้รับ เช่น บาดแผล ตั้งครรภ์หรือเสียชีวิต หรือในบางประเทศบทลงโทษอาจรุนแรงถึงขั้นตัดอัณฑะ (การใช้ยาเคมีเพื่อทำให้หมดฮอร์โมนและความรู้สึกทางเพศ)ในบางประเทศเช่น จีน อัฟกานิสถาน อาหรับ อิหร่าน อินเดีย ซาอุดิอาระเบีย เกาหลีเหนือ ฯลฯ ยังมีการใช้โทษประหารอยู่ แต่จะต้องขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงที่เกิดขึ้น เช่น อินเดียจะประหารผู้กระทำความผิดก็ต่อเมื่อทำให้เหยื่อเสียชีวิต หรือตกอยู่ในสภาพ ผัก ไร้การรับรู้ หรือกระทำการข่มขืนซ้ำซากหลายครั้ง ส่วนในอิหร่านผู้เสียหายมีสิทธิที่จะยุติการประหารผู้กระทำความผิดได้เพื่อเปลี่ยนเป็นการจำคุกหรือเฆี่ยนตีแทน อย่างไรก็ตาม สำหรับสหรัฐอเมริกา หลังจากการตัดสินคดีข่มขืนหลายต่อหลายครั้งในสหรัฐอเมริกา ศาลสูงก็ได้มีคำวินิจฉันคำพิพากษาตรงกันว่า การประหารเป็นการลงโทษที่รุนแรงเกินไปสาวตรีสะท้อนว่า บทลงโทษที่เกิดขึ้นจะต้องคำนึงถึงหลักความได้สัดส่วน คือต้องมีความเหมาะสมกับเหตุที่เกิดขึ้นจริง ตามกระบวนการอาชญาวิทยา อีกทั้งนอกจากจะเยียวยาผู้เสียหายแล้ว ยังต้องบำบัดผู้ที่กระทำผิดด้วย เพราะบางคนต้นเหตุของการกระทำนั้นเกิดจากปัญหาทางจิต การลงโทษประหารในทุกกรณีจึงอาจไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องนัก ซ้ำอาจเพิ่มความเสี่ยงของการฆ่าข่มขืนให้กับเหยื่อ หรือหากในกรณีข่มขืนเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ที่ทุกกรณีถือเป็นการข่มขืนนั้น อาจทำให้เกิดปัญหาอย่างมากหากเด็กก็เป็นผู้ยินยอมเพราะต้องยอมรับว่าสังคมในปัจจุบัน วัยรุ่นมีแฟนกันเร็วขึ้น แต่ผู้ปกครองกลับเอาความว่านี่คือการข่มขืน หรือในกรณีของคู่สมรส การไม่ยินยอมที่จะมีความสัมพันธ์ทางเพศนั้นเกิดขึ้นได้ แต่โทษของมันควรจะต้องถึงขั้นการประหารเลยหรือไม่สาวตรีเสนอว่า การตัดสินโทษต่างๆ จะต้องดูในทุกมิติเพราะแค่โทษที่รุนแรงอย่างเดียวอาจไม่ช่วยให้การข่มขืนนั้นหมดไปได้ อีกทั้งเรื่องการจับกุมที่ต้องกระทำการอย่างรัดกุมเพื่อไม่ให้เกิดการจับแพะ รวมทั้งต้องบังคับให้มีการใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นมากขึ้น อาจต้องมีการกำหนดโทษพิเศษสำหรับการทำผิดซ้ำซาก หรืออาจต้องพิจารณาโทษจากปัจจัยที่หลากหลายมากขึ้น เช่น หากการกระทำนั้นทำให้เหยื่อเสียสุขภาพ เป็นโรคจิต ติดโรค หรือท้อง พร้อมยกตัวอย่างประเทศสแกนดิเนเวีย ซึ่งลดและยกเลิกโทษประหาร แต่กลับพบว่า จำนวนอาชญากรรมในประเทศนั้นลดลงบัณฑิต แป้นวิเศษ จากมูลนิธิเพื่อนหญิง กล่าวว่า ปัญหาการข่มขืนเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อเรื้อรังซึ่งทุกรัฐบาลควรให้ความสำคัญ ปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากการแต่งตัวล่อแหลม หรือพฤติกรรมที่สุ่มเสียงแต่อย่างใด คนทุกวัยตั้งแต่เด็ก ผู้ใหญ่ คนแก่ก็ล้วนตกเป็นเหยื่อของการข่มขืนได้ทั้งสิ้นเขากล่าวว่า ด้วยกระแสสังคมในปัจจุบันทำให้คนอินกับเหยื่อมาก คำพูดที่รุนแรงอย่าง ข่มขืน = ประหาร จึงโด่งดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่ผ่านมาผู้กระทำความผิดส่วนมากมักยอมจำนนด้วยหลักฐาน ไม่ได้จำนนด้วยจิตสำนึก การประหารจึงไม่น่าจะช่วยให้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเบาบางลงในฐานะเอ็นจีโอคนหนึ่งเขามองว่า การให้โอกาสคนเป็นสิ่งสำคัญ เขาเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนมีด้านดีและไม่ดีอยู่ในตัว ผู้ที่กระทำผิดเขาอาจจะมีด้านที่ไม่ดีเยอะกว่าจึงอาจไขว้เขวได้ การตัดสินโทษจึงควรทำอย่างยุติธรรม เจ้าหน้าที่ควรทำงานแบบ ป่าล้อมเมือง คือการเข้าให้ความรู้แก่คนในชุมชน ทั้งแกนนำสตรี และบุคคลอื่นๆด้วยเขาเสนอแนะว่า ควรมุ่งเน้นกระบวนการติดตามหลังจากผู้ต้องหาออกมาจากสถานที่คุมขังอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากในหลายๆ กรณีผู้ต้องหาเหล่านั้นมักกลับมาทำผิดซ้ำ และมักจะรุนแรงกว่าเดิมปนัดดา วงศ์ผู้ดี ประธานองค์กรทำดี กล่าวว่า สืบเนื่องจากกรณีน้องแก้ม ตนเองในฐานะแม่ที่มีลูกสาวคนหนึ่ง รู้สึกว่าต้องลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม จึงเสนอให้มีการลงรายชื่อ 100000 รายชื่อเพื่อเรียกร้องให้มีโทษประหารในคดีข่มขืน โดยมีจุดมุ่งหมาย 3 ประการคือ เพื่อให้เรื่องถูกรับรู้ในวงกว้าง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเห็นถึงความสำคัญ และเพื่อให้คนที่ไม่เคยมีความรู้ด้านนี้มาก่อน สนใจ และเกิดการแลกเปลี่ยนกันมากขึ้นเธอกล่าวถึงปัญหาของตำรวจและโรงพักว่า ในแต่ละโรงพักจะมีเจ้าหน้าที่ไม่เกิน 6 คน ร้อยเวรที่ประจำการไม่มีลูกน้อง และต้องทำหน้าที่ทุกอย่าง ห้องที่ปิดมิดชิดก็ไม่มี ไม่มีการแยกสัดส่วนให้เป็นที่เป็นทาง หากโดนข่มขืน เหยื่อจะต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะเดินเข้าไปเพื่อเล่าเรื่องของตนเองให้กับตำรวจฟังเธอชี้เพิ่มว่า ปัจจุบันยังไม่มีการเยียวยาเหยื่ออย่างแท้จริง เพราะไม่มีกองทุนเพื่อสนับสนุนงานตรงส่วนนี้ อย่างกรณีคู่สามี-ภรรยาที่เกิดขึ้นที่พัทลุง ฝ่ายชายเสียชีวิตและได้รับเงินเยียวยา 150000บาท กลับกันจนปัจจุบันฝ่ายหญิงยังไม่ได้เงินเยียวยา เนื่องจากต้องรองบประมาณจากส่วนกลาง และยังต้องย้ายที่อยู่ไปเรื่อยๆ เพราะหวาดระแวงที่โดนขู่ฆ่าสาวตรีเสริมว่า ตนเองเห็นด้วยกับการรณรงค์ต่างๆ แต่จะต้องมองให้รอบด้านด้วยว่า การกระทำนี้ เผ็ดร้อน เกินกฎหมายที่มีอยู่หรือไม่ เพราะมักนำพาให้เกิดความรุนแรงในรูปแบบอื่นต่อไปเสมอ เช่น มีการบอกให้ช่วยกันรุมยำถ้าหากพบเจอนักโทษข่มขืน ซึ่งเธอกล่าวว่า นี่ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง สังคมควรมีเหตุผลและต้องไม่ขับเคลื่อนด้วยดราม่า
7 เม.ย.2559 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดงานเสวนาหัวข้อ ข่มขืน = ประหาร? ณ อาคารเรียนรวมสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อตั้งคำถามว่า
สิทธิมนุษยชน
ข่มขืน,ข่มขืน=ประหาร,ปนัดดา วงษ์ผู้ดี,สาวตรี สุขศรี,เสวนา,โทษประหารชีวิต
https://prachatai.com/journal/2016/04/65144
ประชุมพิจารณาค่าโดยสารรถสาธารณะทุกประเภท 21 มี.ค.นี้
นายศรศักดิ์ แสนสมบัติ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง เปิดเผยว่า วันที่ 21 มี.ค.นี้ คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง จะมีการประชุมพิจารณาเรื่องค่าโดยสารรถโดยสารสาธารณะทุกประเภท ที่กระทรวงคมนาคม ตามที่ผู้ประกอบการร้องขอ หลังจากที่ราคาพลังงาน ซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการประกอบธุรกิจได้มีการปรับราคาขึ้น โดยในปัจจุบันราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ราคาลิตรละ 32.33 บาท ส่วนราคาก๊าซเอ็นจีวี อยู่ที่กิโลกรัมละ 9 บาทด้าน นายวิทยา เปรมจิตร์ นายกสมาคมพัฒนารถร่วมบริการเอกชน กล่าวว่า จะขอปรับขึ้นค่าโดยสารระยะละไม่ต่ำกว่า 2 บาท หากราคาก๊าซเอ็นจีวีปรับเพิ่มเป็นลิตรละ 10 บาท จาก 8.50 บาท เนื่องจากทำให้ค่าเชื้อเพลิงเพิ่มรถธรรมดา หรือ รถร้อน เพิ่มขึ้นวันละ 250 บาท รถปรับอากาศเพิ่มขึ้นวันละ 350 บาทขณะที่นายฉัตรชัย ภู่อารีย์ ประธานชมรมผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทางหมวด 4 เอกชนกรุงเทพมหานคร (รถสองแถวในซอย) เปิดเผยว่า ได้ยื่นหนังสือขอปรับราคาค่ารถโดยสารสองแถวทุกประเภทไปยังกระทรวงคมนาคมแล้ว ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยเสนอขอปรับค่าโดยสารรถสองแถว 3 ประเภท คือ รถสองแถว ขนาด 4 ล้อ และ 6 ล้อ ขอปรับจากอัตราเดิม 5.50 บาท เป็น 8 บาท รถสองแถวขนาดใหญ่ (บัส) ปรับอากาศ ขอปรับจากอัตราเดิม 10 บาทตลอดสาย เป็น อัตรา 13-21 บาท คิดตามระยะทาง และรถสองแถวขนาดใหญ่ (บัส) ไม่ปรับอากาศ ขอปรับจากอัตราเดิม 8 บาท เป็น 10 บาท เนื่องจากผู้ประกอบการไม่ได้ปรับราคามาตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งราคาน้ำมันดีเซลขณะนั้นอยู่ที่ลิตรละ 20 บาท แต่ปัจจุบัน ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 32.33 บาท ทำให้ต้นทุนในการดำเนินงานสูงขึ้นมาก ซึ่งหากการประชุมในวันที่ 21 มี.ค.นี้ ที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง ไม่อนุมัติให้ปรับราคา ทางชมรมฯ จะนำรถสองแถว 1000 คันไปปิดกระทรวงคมนาคมในวันที่ 22 มี.ค. เพื่อแสดงให้เห็นว่า ผู้ประกอบการเดือดร้อนจริงส่วนนายวิฑูรย์ แนวพานิช ประธานเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ในเขตกรุงเทพฯ กล่าวว่า เห็นด้วยกับแนวทางการปรับขึ้นค่าแท็กซี่มิเตอร์ของกระทรวงคมนาคม คือ ให้คงค่าอัตรามิเตอร์แรก 35 บาท และให้ขึ้นค่าโดยสารตามระยะทางอีก 50 สตางค์ โดยไม่ควรปรับราคาเกินร้อยละ 5-7 ตามราคาก๊าซเอ็นจีวี ที่ปรับเพิ่มขึ้น
กระทรวงคมนาคม เตรียมประชุมพิจารณาค่าโดยสาร รถโดยสารสาธารณะทุกประเภท วันที่ 21 มีนาคมนี้ หลังจากที่ราคาพลังงานซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการประกอบธุรกิจปรับตัวสูงขึ้น
เศรษฐกิจ
กระทรวงคมนาคม,ค่าโดยสาร,รถโดยสารสาธารณะ,ราคาพลังงาน
https://news.thaipbs.or.th/content/73419
ตร.จับคนงานก่อสร้างฆ่าเจ้าของสวนที่จันทบุรีดับได้ 1 อีกคนผูกคอตายหนีผิด
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 13 ส.ค. 60 ที่บ้านพักกลางสวนผลไม้ เลขที่ 48 ม.7 ต.เขาบายศรี อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี พล.ต.ต.จรัล จิตเจือจุน ผบก.ภ.จว.จันทบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.เชษฐา กีชวรรณ ผกก.สภ.ท่าใหม่, พ.ต.ท.ธีรวัฒน์ ชุมจันทร์ พนักงานสอบสวน นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุด นปพ.ภ.จว.จันทบุรี และตำรวจสืบสวน ร่วมกันควบคุมตัว นายศักดิ์พล หรือ หลุย การุนัง อายุ 21 ปี ชาวบ้าน ม.4 ต.บางกะจะ อ.เมือง จ.จันทบุรี หนึ่งในผู้ต้องหาคดีร่วมกันฆ่าชิงทรัพย์ มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ,ทั้งนี้ สืบเนื่องจากได้ก่อเหตุ เมื่อเวลา 17.40 น. เย็นวันที่ 12 ส.ค. 2560 ที่ผ่านมา นายศักดิ์พล หรือ หลุย ผู้ต้องหา ได้ร่วมกับ นายอรรถพล หรือ อัด รอดแก้ว อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาอีกคนที่ยังหลบหนี ก่อเหตุร่วมกันใช้อาวุธซึ่งเป็นคราดเหล็กใช้ทำสวน และอาวุธมีด ทำร้าย นางองุ่น ศรีคงรักษ์ อายุ 67 ปี เจ้าของสวนผลไม้ และเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ จนเสียชีวิต พร้อมกับขังหลานสาวผู้ตายวัย 2 ขวบ ไว้ในห้อง จากนั้นได้ทำการลักเอาทั้งเงินสดและทรัพย์สินของผู้ตายไปจำนวนหนึ่ง ซึ่งขณะก่อเหตุ ได้มี น.ส.สุภาพร ศรีคงรักษ์ อายุ 32 ปี ลูกสาวของนางองุ่น ผู้ตาย ได้กลับมาเห็นเหตุการณ์พอดี จึงถูกผู้ต้องหาทั้งสองคน ทำร้ายร่างกายจนรับบาดเจ็บสาหัส ก่อนทั้งสองจะได้พากันหลบหนีไป,ซึ่งในการทำแผนครั้งนี้ มีญาติพี่น้องของผู้ตาย ตลอดจนชาวบ้านที่ทราบข่าวหลายร้อยคนมารอดูโฉมหน้าผู้ต้องหากันเนืองแน่น จนเจ้าหน้าที่ ชุด นปพ. และตำรวจสืบสวน ต้องกระจายกำลังคุมเข้มรีบนำผู้ต้องหาขึ้นรถตู้นำตัว ฝากขังที่ศาลจังหวัดทันที หลังเสร็จสิ้นการทำแผน เกรงจะถูกรุมประชาทัณฑ์,จากการสอบสวนเบื้องต้น นายศักดิ์พล หรือ หลุย ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่าได้ทำการฆ่าชิงทรัพย์ นางองุ่น จริง โดยใช้คราดเหล็กทุบตี จากนั้น นายอรรถพล ผู้ต้องหาอีกคน ได้ใช้อาวุธมีดแทงซ้ำ นางองุ่น จนเสียชีวิต และใช้อาวุธชนิดเดียวกัน ทำร้าย น.ส.สุภาพร ลูกสาวผู้ตาย ที่กลับมาเห็นเหตุการณ์ เพื่อฆ่าปิดปาก จากนั้นได้นำทรัพย์สินมาแบ่งกันและแยกย้ายกันหลบหนี,ขณะที่ พล.ต.ต.จรัล จิตเจือจุน ผบก.ภ.จว.จันทบุรี เปิดเผยว่า สาเหตุและแรงจูงใจ ทำให้ผู้ต้องหาตัดสินใจก่อเหตุ สืบเนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสองคน ได้มาทำงานเป็นคนงานรับเหมาก่อสร้างต่อเติมบ้านของ นางองุ่น ผู้ตาย และทราบว่าผู้ตายมีทั้งเงินและทรัพย์สินที่ได้จากการขายผลไม้ เก็บไว้ในบ้าน จึงเกิดความโลภ อาศัยช่วงเวลาที่นายจ้างให้หยุดทำงานในวันแม่ พากันย้อนกลับมาเพื่อหวังลักขโมยทรัพย์สิน แต่พบว่ามี นางองุ่น อยู่บ้าน จึงได้ลงมือทำร้ายจนเสียชีวิต,โดยหลังเกิดเหตุ ทางตำรวจชุดสืบสวนได้สอบปากคำพยาน จนสามารถสืบทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นใคร จากนั้นจึงได้ขอศาลอนุมัติหมายจับและตามไป จับกุมตัว นายศักดิ์พล หรือ หลุย ได้ที่บ้านพัก พร้อมกับสร้อยคอทองคำของผู้ตายเป็นของกลางจำนวน 1 เส้น ส่วน นายอรรถพล หรือ อัด ผู้ต้องหาอีกคนยังหลบหนี อยู่ในระหว่างติดตามของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เบื้องต้น ได้แจ้งข้อหาร่วมกันก่อเหตุชิงทรัพย์ และทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย,อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ตำรวจนำตัว นายศักดิ์พล หรือ หลุย ผู้ต้องหา ทำแผนอยู่นั้น ทางเจ้าหน้าชุดสืบสวนได้รับรายงานว่า พบตัว นายอรรถพล หรือ อัด ผู้ต้องหาที่หลบหนีแล้ว เบื้องต้น ได้ก่อเหตุผูกคอตายในป่าละเมาะติดกับบ่อพลอย พื้นที่ ม.4 ต.บางกะจะ อ.เมืองจันทบุรี จึงได้นำกำลังไปตรวจสอบ พร้อมกับแพทย์เวร รพ.พระปกเกล้าฯ เมื่อเดินทางไปถึง พบศพของ นายอรรถพล หรือ อัด ผู้ต้องหา ใช้เลือกไนล่อนสีเขียว ผูกคอห้อยกับกิ่งต้นกระถินเทพา ห่างจากบ่อพลอยเอกชนประมาณ 100 เมตร สภาพศพสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนส์ขาสามส่วน สีน้ำเงิน เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 10-12 ชั่วโมง ตรวจสอบเบื้องต้น พบมีบาดแผลที่บริเวณง่ามนิ้วเท้าด้านซ้าย คาดว่าน่าจะเกิดจากถูกไม้แหลมทิ่มตำ ระหว่างทิ้งตัวห้อยลงมากับเชือกผูกคอ หลังจากนั้นจึงได้ประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างผู้เสียชีวิตส่งให้แพทย์นิติเวช ตรวจชันสูตรบาดแผล ในการยืนยันสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดอีกครั้ง และนำผลการชันสูตรมาประมวล สรุปสำนวนคดีต่อไป.
ตำรวจภูธรจันทบุรี ล่าตัวคนร้ายที่เป็น 2 คนงานก่อสร้าง ก่อเหตุบุกชิงทรัพย์ใช้คราดทุบ มีดแทง เจ้าของสวนผลไม้ดับสยอง ส่วนลูกสาวเจ็บสาหัส โดยตามรวบได้ 1 อีก 1 คนชิงผูกคอตายหนีความผิด ก่อนนำตัวไปทำแผนฯ
ข่าว,อาชญากรรม
ฆ่าเจ้าของสวนผลไม้,ฆ่าชิงทรัพย์,อ.ท่าใหม่,จันทบุรี,เจ้าของสวนผลไม้,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/crime/1036817
อดีตผู้ช่วยพิเศษของ ปธน.เรแกน แนะสหรัฐฯ จำกัดความร่วมมือกับไทยโดยเฉพาะกองทัพ
เป็นเสื้อดำหนุนฟาสซิสม์สมัยมุสโสลินี21 ก.พ. 2558 ดัง บานโดว นักวิชาการอาวุโสจากสถาบันคาโตซึ่งเป็นกลุ่มนักวิจัยนโยบายเพื่อเสรีภาพส่วนบุคคลอีกทั้งยังเป็นอดีตผู้ช่วยพิเศษสมัยประธานาธิบดี โรนัลด์ เรแกน ของสหรัฐฯ เขียนบทความในนิตยสารฟอร์บส์ วิพากษ์วิจารณ์การกระทำของรัฐบาลเผด็จการทหารที่มาจากการรัฐประหารครั้งล่าสุดบานโดวระบุถึงคำอ้างของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่อ้างว่าตนเองเป็น ทหารผู้มีหัวใจประชาธิปไตย แต่การกระทำของประยุทธ์ที่ถึงแม้ว่าอาจจะ ไม่เข้าขั้นเลวร้ายเท่าฮิตเลอร์ แต่จากการที่ฟรีดอมส์เฮาส์จัดอันดับให้ไทยมีเสรีภาพอยู่ในระดับ ไม่เสรี และการที่กลุ่มสิทธิมนุษยชนระบุว่าประชาธิปไตยและเสรีภาพขั้นพื้นฐานดิ่งลงเหวหลังรัฐประหารก็ทำให้ไทยมีเสรีน้อยกว่าพม่าแล้วตอนนี้เคยมีนักเขียนชื่อมอง ปาลาติโน ทำบัญชีรายการสิ่งที่รัฐบาลไทยสั่งห้ามหลังการรัฐประหาร พ.ค. 2557 ซึ่งส่วนมากเป็นการกระทำกิจกรรมปกติทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการชูสามนิ้ว การถือป้ายเปล่า การสวมเสื้อที่มีข้อความการเมืองหรือมีรูปของอดีตนายกทักษิณ การจัดเสวนาวิชาการ หรือแม้กระทั่งการทานแซนด์วิชในที่สาธารณะ ปาลาติโนมองว่าเป็นการสะท้อนความหวาดระแวงของผู้นำเผด็จการทหาร ในขณะเดียวกันก็ทำให้ผู้คนเดือดร้อนนอกจากนี้ในบทความยังระบุถึงสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนที่เลวร้ายจากการกระทำของเผด็จการทหารไทยอย่างการจับกุมผู้คน ใช้กำลังทุบตี ทารุณกรรม มีการข่มขู่คุกคาม และพยายามฆ่าด้วยทำให้การขาดอากาศหายใจ และบังคับให้ผู้คนเซ็นสัญญาว่าได้รับการปฏิบัติที่ดีถึงจะยอมปล่อยตัวบทความของบานโดวยังระบุถึงการลิดรอนเสรีภาพสื่อที่เบียดบังกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย เช่นการปิดสถานีวิทยุและสถานีโทรทัศน์จำนวนมาก ปิดกั้นเว็บไซต์และหนังสือพิมพ์ที่วิพากษ์วิจารณ์ ส่งคำขอไม่ให้จัดงานเกี่ยวกับการปิดกั้นสื่อ อีกทั้งยังอ้างใช้คดีหมิ่นประมาทเพื่อปิดปากนักกิจกรรมและนักข่าว นอกจากนี้ยังมักจะข่มขู่จะเรียกรายงานตัวผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์พวกตนบานโดววิจารณ์อีกว่ารัฐบาลเผด็จการชุดนี้น่าจะเป็นรัฐบาลที่ มีลับลมคมใน ในการใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมากที่สุดแล้ว โดยริชาร์ด เบนเนตต์ จากองค์กรแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชันแนล กล่าวว่ามีการใช้กฎหมายนี้เพื่อกักขังนักกิจกรรมการเมืองและไม่ยอมให้มีพื้นที่ในการถกเถียง เบนเนตต์บอกอีกว่ารัฐบาลเผด็จการบิดเบือนอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อใช้ทำลายเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นในขณะที่พยายามปิดกั้นความเห็นต่างและพยายามลบภาพของอดีตนายกฯ ฝ่ายพรรคเพื่อไทย รัฐบาลเผด็จการนำโดยประยุทธ์ยังพยายามโฆษณาชวนเชื่อด้วย ค่านิยม 12 ประการ รวมถึงมีการโฆษณาแนวคิดตัวเองผ่านเพลง ภาพยนตร์ และรายการโทรทัศน์ ซึ่งบานโดวมองว่าคล้ายการโปรโมทด้วยภาพยนตร์ Triumph of the Will ของผู้นำนาซี อีกทั้งยังคล้ายกับยุคหนึ่งของจีนที่ต้องให้ทุกคนพกหนังสือสรรนิพนธ์ของผู้นำเหมาเจ๋อตุงบานโดวระบุว่าในช่วงปฎิวัติวัฒนธรรมโดยทหารเรดการ์ดมีการบังคับให้คนที่ถูกจับกุมตัวสารภาพว่าตนมีแนวคิดทางการเมืองอย่างไร ซึ่งกลุ่มเจ้าหน้าที่ในนามของประยุทธ์ก็ทำอย่างเดียวกันในปัจจุบันจากการเรียกรายงานตัวเพื่อ ปรับทัศนคติ ทั้งฝ่ายต่อต้าน นักวิชาการ และนักวิจารณ์รัฐประหาร อย่างน้อย 300 คน และใช้กลุ่มที่แต่งตั้งขึ้นมาเองเพื่อดำเนินคดีกับยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และส.ส. รายอื่นๆบานโดวระบุว่า สิ่งที่คล้ายกับยุคของเหมาเจ๋อตุงผสมกับเผด็จการในนิยาย 1984 คือการที่คณะรัฐประหารเรียกตนเองว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและอ้างว่าพวกตนไม่ได้ทำ รัฐประหาร แต่เป็นการปฏิวัติเพื่อคืนเสถียรภาพ นอกจากนี้บานโดวยังวิจารณ์ความลำเอียงที่เห็นได้ชัดเจนในการดำเนินคดีกับนักการเมืองและประชาชนฝ่ายต่อต้านด้วยในบทความยังมีการเปรียบเทียบประยุทธ์กับผู้นำเกาหลีเหนือจากลักษณะที่พยายามสร้างความเป็น ยอดผู้นำ ให้กับตัวเองโดยอ้างว่าตัวเองทำให้ประชาชนมีความสุขได้ แต่การกดขี่ข่มเหงของรัฐบาลเผด็จการก็ทำให้ถ้าหากว่าประชาชนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากลุกฮือขึ้นต่อต้านพวกเขาก็จะไม่มีใครเหลือให้โบ้ยความผิดให้นอกจากตัวพวกเขาเองบทความของบานโดวอ้างรายงานขององค์ดรฟรีดอมเฮาส์ที่วิพากษ์วิจารณ์การร่างรัฐธรรมนูญเฉพาะกาลที่ไม่มีการถามความเห็นชอบจากประชาชนอันเป็นไปเพื่อสร้างอำนาจที่ไม่มีการตรวจสอบ ไม่มีการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน พยายามกีดกันคนส่วนมากในสังคม เนื่องจากกลุ่มชนชั้นนำทั้งสายทหารและสายธุรกิจต่างก็ต้องการกำจัดทักษิณ และแม้จะมีการวิพากษ์วิจารณ์ฝ่ายพรรคเพื่อไทยในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน แต่ผู้สังเกตการณ์การเมืองไทยก็ระบุว่าการทุจริตในไทยจริงๆ มีอยู่ทุกระดับของฝ่ายรัฐ รวมถึงกองทัพและฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ที่อาศัยทหารเป็นเครื่องมือเข้าสู่อำนาจบานโดวระบุว่าที่ชนชั้นนำไทยเกลียดตระกูลชินวัตรเพราะพวกเขาทำให้โครงสร้างอำนาจของชนชั้นนำเหล่านั้นที่คาดเดาความเป็นไปได้ง่ายถูกพลิกแพลง จากการที่ทักษิณชนะใจประชาชนที่ก่อนหน้านี้เป็นคนที่ถูกลืมและถูกเมิน นิตยสารดิอิโคโนมิสต์ระบุว่า ชนชั้นนำเก่าต้องการคงลำดับชั้นทางสังคมตามจารีตเดิมที่พระมหากษัตริย์ทรงอยู่ในลำดับสูงสุด โดยมีชนชั้นล่าง (ไพร่) ในลำดับล่างสุดเป็นผู้รองรับและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ คนที่สนับสนุนการรัฐประหารส่วนมากก็อยากให้คนจนกลับไปอยู่ในที่ๆ ถูกลืมและถูกเมินเหมือนเดิมบานโดวเสนอว่าถ้าหากต้องการปฏิรูปรัฐธรรมนูญจริงๆ ควรมีการจำกัดอำนาจของรัฐบาล ควรเน้นการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นมีความสามารถสั่งการในเชิงรับใช้ชุมชนได้มากเท่ากับรัฐบาลส่วนกลาง สถาบันอิสระอย่างศาลรัฐธรรมนูญและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติควรถูกชำระเพื่อให้ปราศจากความลำเอียง ทั้งนี้ยังต้องยกเลิกกฎหมายที่กดขี่ข่มเหงประชาชนเช่น กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพบานโดวเสนออีกว่าการสร้างความปรองดองทางการเมืองควรเปลี่ยนแปลงโดยการกำจัดฝ่ายผู้นำพรรคประชาธิปัตย์ออกไปจากการเมืองไทยเช่นเดียวกับครอบครัวชินวัตร เนื่องจากผู้นำพรรคประชาธิปัตย์เคยสั่งฆ่าผู้ประท้วงสนับสนุนทักษิณและละเลยการเมืองในระบบเลือกตั้งนอกจากนี้บานโดวยังเทียบกลุ่มผู้ประท้วงที่นำโดยสุเทพ เทือกสุบรรณ ทำตัวไม่ต่างจาก กลุ่มเสื้อดำ ของ เบนิโต มุสโสสินี ผู้นำเผด็จการอิตาลีสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ใช้วิธี ยึดครองหรือสร้างความเสียหาย เพื่อทำลายประชาธิปไตย จากกรณีที่นำกลุ่มอันธพาลขัดขวางการเลือกตั้ง และที่อันตรายกว่าคือพวกนัการเมืองสายทหารที่เรียกร้องรัฐประหารกลุ่มเสื้อดำในอิตาลีที่กล่าวถึงในบทความหมายถึงกลุ่ม Milizia Volontaria per la Sicurezza Nazionale หรือ กองกำลังติดอาวุธอาสาเพื่อความมั่นคงในชาติ จัดตั้งขึ้นในปี 2465 ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความภักดีต่อมุสโสลินี ผู้ก่อตั้งกลุ่มมาจากอดีตเจ้าหน้าที่ทหารและชนชั้นนำที่ต่อต้านกลุ่มชาวบ้านและสหภาพแรงงาน พวกเขาใช้วิธีการแบบอันธพาล คือใช้ความรุนแรงและการข่มขู่คุกคามฝ่ายตรงข้าม จนกระทั่งในปี 2486 ก็มีการรวมกลุ่มเสื้อดำเข้ากับกองทัพอิตาลี จัดตั้งเป็น หน่วยพิทักษ์สาธารณรัฐแห่งชาติ (Guardia Nazionale Repubblicana)บานโดวเสนอว่าทางการสหรัฐฯ ควรสั่งสอนเผด็จการทหารเพื่อให้พวกเขารู้ตัวว่ากำลังมีการละเมิดเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน โดยทางการสหรัฐฯ ควรจำกัดความร่วมมือกับทางการไทยโดยเฉพาะกองทัพLiberty Dies As Thailands Military Monopolizes Power: Junta Dispenses Repression Instead Of Happiness Doug Bandow Forbes 18-02-2015ข้อมูลเพิ่มเติมจาก
นักวิชาการอาวุโสจากองค์กรนักวิจัยนโยบายเพื่อเสรีภาพส่วนบุคคลและอดีตผู้ช่วยพิเศษของโรนัลด์ เรแกน วิพากษ์รัฐบาลเผด็จการทหารไทยเทียบกับเผด็จการเกาหลีเหนือ จีนยุคเหมาเจ๋อตุง และเปรียบม็อบ สุเทพ
การเมือง,ต่างประเทศ,สิทธิมนุษยชน
รัฐประหาร 2557,สหรัฐอเมริกา,ไทย
https://prachatai.com/journal/2015/02/58040
11 ปี 3 เดือนคดีอุ้มหายทนายสมชาย DSI เผยไม่พบตัวผู้กระทำผิด
หลังผ่านไป 11 ปี 3 เดือน DSI แจ้งผลคดีอุ้มหายทนาชสมชาย นีละไพจิตร มีความเห็นควรงดการสอบสวน เนื่องจากไม่ปรากฏตัวผู้กระทำผิด13 ต.ค. 2559 วานนี้ เวลา 18.31 น. อังคณา นีละไพจิตร ภรรยาของสมชาย นีละไพจิตร ภาพหนังสือแจ้งผลการดำเนินคดีจากสำนักคดีอาญาพิเศษ 1 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ลงนามโดย พันตำรวจโท พเยาว์ ทองเสน ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 1 ลงวันที่ 5 ต.ค. 2559 แจ้งว่าตามที่มีการร้องทุกข์ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษขอให้สืบสวนสอบสวนกรณีการหายตัวไปของนายสมชาย นีละไพจิตร โดยคณะกรรมการคดีพิเศษได้มีมติเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2548 ให้กรณีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษนั้น บัดนี้ การสอบสวนได้เสร็จสิ้นแล้ว โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษมีความเห็นควรงดการสอบสวน เนื่องจากไม่ปรากฏตัวผู้กระทำผิด และส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาขณะที่ อังคณา แสดงความเห็นว่า #คดีตำรวจอุ้มฆ่าสมชายนีละไพจิตร DSI ใช้เวลาสอบสวนทั้งสิ้น 11 ปี 3 เดือน ก่อนสรุปว่าควรงดการสอบสวน เนื่องจากไม่พบตัวผู้กระทำผิด ถ้าคดีที่พยานหลักฐานมากมายเช่นคดีสมชาย DSI ยังทำไรไม่ได้ แล้ว DSI จะทำคดีเจ้าหน้าที่รัฐ ทรมาน อุ้มหาย อุ้มฆ่า ตาม พรบ ทรมาน -สูญหาย ได้อย่างไร - #วัฒนธรรมผู้กระทำผิดลอยนวล #CultureOfImpunityวันนี้ รายงานว่า พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ชี้แจงกรณีที่ พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 1 เสนอความเห็นขอให้ยุติการสอบสวนคดีการหายตัวของนายสมชาย นีละไพจิตร ว่า ตามมติคณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษ (กคพ.) ที่มีมติให้กรณีการหายตัวไปของนายสมชาย เป็นคดีพิเศษที่ 52/2548 ซึ่งต่อมาสำนักคดีอาญาพิเศษ 1 ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบการสอบสวนคดีนี้ และใช้เวลานานกว่า 11 ปี เมื่อพิจารณาทางการสอบสวนเห็นว่า ได้สอบสวนพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องในประเด็นต่างๆ และรวบรวมพยานเอกสารที่เกี่ยวข้องหมดแล้ว และในทางสืบสวน ฝ่ายสืบสวนก็ได้สืบสวนจนสุดความสามารถแล้ว จนทราบแหล่งที่เชื่อว่าเป็นจุดเผาร่างนายสมชาย ซึ่งเมื่อนักนิติวิทยาศาสตร์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ไปตรวจเก็บตัวอย่างดินที่จุดดังกล่าวมาตรวจก็พบว่ามีสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ซึ่งเป็นสารประกอบน้ำมันเชื้อเพลิง แต่ก็เป็นเพียงหลักฐานประกอบสำนวน ซึ่งยังระบุตัวบุคคลไม่ได้พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวอีกว่า ดีเอสไอยังได้สนธิกำลังกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ทหารเรือสัตหีบ และกองโบราณคดีใต้น้ำ ตรวจค้นหากระดูกในแม่น้ำแม่กลอง ซึ่งสืบสวนทราบว่าเป็นจุดทิ้งกระดูก พบถังแดง 1 ใบ (ถังน้ำมันขนาดความจุ 200 ลิตร เจาะรูโดยรอบ) และพบกระดูกจำนวนหนึ่ง แต่ผลการตรวจพิสูจน์พบว่า ทั้งถังแดงและกระดูกผ่านการถูกความร้อนอย่างสูงมาก่อน จึงตรวจหาดีเอ็นเอไม่ได้ จากนั้นดีเอสไอได้ส่งกระดูกไปตรวจที่ห้องแล็บของเอฟบีไอ สหรัฐอเมริกา ก็ตรวจหาสารพันธุกรรมไม่ได้ ที่สำคัญในคดีของ สน.หัวหมาก ที่ดำเนินคดีกับ พ.ต.อ.ชัดชัย เลี่ยมสงวน กับพวกรวม 5 คน กลุ่มตำรวจกองปราบปราม ข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิด และร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดหรือไม่กระทำการใด โดยใช้กำลังประทุษร้าย ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องทุกคน คดีจึงถึงที่สุดแล้ว พนักงานสอบสวนจึงเห็นว่า การสืบสวนสอบสวนพอควรแล้ว สรุปสำนวนมีความเห็นเสนออัยการ เพื่อขอให้งดการสอบสวนทั้งนี้ สมชาย นีละไพจิตร เป็นอดีตประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม ซึ่งว่าความให้ผู้ต้องหาคดีในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เขาถูกอุ้มหายเมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2547 และไม่มีใครพบร่างของเขาอีกเลยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2558 ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ยกฟ้องจำเลยซึ่งเป็นตำรวจทั้ง 5 คน ในความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ และร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพโดยใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้กระทำการใดหรือไม่กระทำการใดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 และ 391 โดยประเด็นว่าจำเลยทั้ง 5 คนมีความผิดหรือไม่ ศาลระบุว่ามูลเหตุว่าจำเลยไม่พอใจสมชายนั้น ไม่มีความน่าเชื่อถือ ส่วนพยานบุคคลให้การสับสน และพยานเอกสารขาดความสมบูรณ์ นอกจากนี้ยังมีการยกคำร้องขอเป็นโจทก์ร่วมของอังคณาและบุตรรวม 5 คน เนื่องจากไม่มีพยานหลักฐานว่าผู้สูญหายได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจนมิอาจดำเนินการได้ด้วยตนเอง
หลังผ่านไป 11 ปี 3 เดือน DSI แจ้งผลคดีอุ้มหายทนาชสมชาย นีละไพจิตร มีความเห็นควรงดการสอบสวน เนื่องจากไม่ปรากฏตัวผู้กระทำผิด 13 ต.ค. 2559 วานนี้ เวลา 18.31 น. อังคณา นีละไพจิตร ภรรยาของสมชาย
การเมือง,สิทธิมนุษยชน
กรมสอบสวนคดีพิเศษ,คดีอุ้มหาย,สมชาย นีละไพจิตร,อังคณา นีละไพจิตร
https://prachatai.com/journal/2016/10/68332
เก๋งวิ่งกินเลน เสียหลักประสานงารถอีกคัน คนขับดับคาซากทั้งคู่
เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 7 ม.ค. 2563 พ.ต.ท.สราวุธ สุกก่ำ สารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรแปลงยาว รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนประสานงา มีผู้เสียชีวิต จำนวน 2 ราย บริเวณถนนสาย บางคล้า-แปลงยาว ใกล้เคียงโรงแรมลิรพล พื้นที่ ม.7 ต.แปลงยาว อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา จึงประสานกำลังอาสาสมัครหน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา รุดเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถยนต์เก๋ง จำนวน 2 คัน ลักษณะชนประสานงาฝั่งคนขับ ซึ่งจากแรงกระแทกทำให้รถทั้ง 2 คัน กระเด็นขวางเต็มถนน โดยคันแรกเป็นรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า วีออส สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน กค 3431 ฉะเชิงเทรา ภายในรถบริเวณที่นั่งคนขับ พบร่างผู้เสียชีวิต เพศชาย ทราบชื่อต่อมาคือ นายไพโรจน์ ตันเจริญ อายุ 42 ปี อยู่ ต.คลองขุด อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ในสภาพถูกอัดติดคาพวงมาลัยส่วนรถยนต์อีกคันเป็นรถยนต์ยี่ห้อ นิสสัน อัลเมร่า สีแดง หมายเลขทะเบียน 8 กธ 9320 กรุงเทพมหานคร ภายในรถพบร่างผู้เสียชีวิต เพศชาย ทราบชื่อต่อมาคือ นายเอกพล ศรีสนทอง อายุ 32 ปี อยู่ ต.เขมราฐ อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้อุปกรณ์ตัดถ่างนำร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ออกมาจากตัวรถจากการตรวจสอบของ พ.ต.ท.สราวุธ สุกก่ำ สารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรแปลงยาว เบื้องต้น พบรอยเบรกของรถยนต์โตโยต้า วีออส ที่มีนายไพโรจน์ เป็นคนขับ บริเวณเส้นแบ่งจราจรกลางถนน ส่วนรถยนต์ของนายเอกพล มีรอยเบรกอยู่ ภายในเลนของตนเอง เบื้องต้นจึงสันนิษฐานว่ารถยนต์ของนายไพโรจน์ ขับกินเลนเข้ามา ก่อนพุ่งชนประสานงาเข้ากับรถของนายเอกพล จนเป็นเหตุให้ผู้ขับขี่ทั้ง 2 เสียชีวิตคาที่อย่างไรก็ตาม ตำรวจจะนำภาพจากกล้องหน้ารถทั้ง 2 คัน มาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อสรุปหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่แท้จริงต่อไป
รถยนต์เก๋งขับสวนเลนเสียหลักพุ่งเข้าชนรถยนต์ที่วิ่งสวนมา จนกระเด็นขวางถนน ทำให้ผู้ขับขี่ทั้ง 2 ราย เสียชีวิต อัดติดคาพวงมาลัย
ข่าว,ทั่วไทย
วิ่งกินเลน,ชนประสานงา,อุบัติเหตุ,ฉะเชิงเทรา,กล้องหน้ารถ,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/east/1742370
ข่าวดี แมทธิว-ลีเดีย หายป่วย COVID-19
จากกรณีแมทธิว ดีน พิธีกรและนักแสดง และลีเดีย ศรัณย์รัชต์ภรรยาที่ป่วยติดเชื้อไวรัส COVID-19 เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลตั้งแต่ช่วงกลางเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ตรวจเชื้อหลายรอบแต่ผลออกมาเป็นบวก หรือยังพบเชื้อล่าสุดวันที่ 18 เม.ย.2563ลีเดียเผยแพร่ข่าวดีผ่านอินสตาแกรมว่า ทั้ง 2 คน ปลอดภัย และได้กลับไปอยู่ที่บ้านแล้วขณะที่แมทธิว ระบุว่าจะปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยยังคงเว้นระยะห่างทางสังคม เพื่อความปลอดภัยของทุกคนแมทธิว ดีน ได้โพสต์ข้อความพร้อมวีดิโอผ่านอินสตาแกรม matthew.deane1 ระบุว่าติดเชื้อ COVID-19 เมื่อวันที่ 13 มี.ค.2563 จากนั้นเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ต่อมาลีเดีย ภรรยา ได้แจ้งผ่านอินสตาแกรมแจ้งว่า ผลตรวจเชื้อไวรัส COVID-19 เป็นบวก คาดติดเชื้อไวรัสจากแมทธิวขณะที่ นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค เคยให้สัมภาษณ์ว่า แมทธิวเป็นหนึ่งในผู้ที่ติดเชื้อจากสนามมวยลุมพินี ไม่ใช่ผู้แพร่เชื้อสำหรับตัวเลขผู้ติดเชื้อในสนามมวยราชดำเนิน ลุมพินี อ้อมน้อย รวมทั้งผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยก่อนหน้านี้ หรือเกี่ยวข้องสถานที่ทั้งหมด 174 คนอ่าน
แมทธิว ดีน และลีเดีย ศรัณย์รัชต์ แจ้งข่าวดีว่าทั้งคู่ปลอดภัยและกลับบ้านได้แล้ว หลังเข้ารักษาตัวจากการติดเชื้อ COVID-19 นาน 30 วัน แต่ยังคงปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทางสังคม
สังคม
COVID-19,ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่2019,COVID19,โควิด-19,โควิด19,ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่,ปอดอักเสบ,ไวรัสโคโรนา,ไวรัสโคโรนา 2019,สนามมวย,สนามมวยลุมพินี,แมทธิว ดีน,แมทธิว,ลีเดีย
https://news.thaipbs.or.th/content/291359
กระบะหลับในพุ่งชนท้ายมอเตอร์ไซค์ แม่หนุ่มกู้ภัยบางปะกง ดับคาที่
เมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 6 พ.ค.62 ร.ต.ท.ณรงค์ศักดิ์ กันจิน๊ะ รองสว.(สอบสวน) สภ.บางปะกง พร้อมหน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา ตรวจสอบเหตุรถชนกัน บริเวณหน้าศูนย์อีซูซุ แสงหงส์ ถนนเทพรัตน(บางนา-ตราด) กม.42 ช่องคู่ขนาน ขาเข้ากทม. หมู่ 2 ต.บางสมัคร อ.บางปะกง พบรถกระบะมิตซูบิซิ ไทรทัน สีขาว ทะเบียน กน 13 ชลบุรี ที่มี นายสหรัฐ ธรรมวิฤทธิ์กุล อายุ 31 ปี เป็นคนขับ จอดอยู่ด้านหน้าพังเสียหาย ใต้ท้องรถพบร่าง นางบุญนภัส ศรีหลายเกตุ อายุ 60 ปี ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สกู๊ปปี้ไอ สีขาว ทะเบียน 2 กด 3190 กรุงเทพมหานคร นอนเสียชีวิตติดอยู่ใต้ท้องรถ,ส่วนรถจักรยานยนต์ถูกชนอัดติดไปกับท้ายรถกระบะนิสสัน นาวาร่า สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน บษ 7099 เชียงราย ของ นายสุภาพ รัตนเพ็ชร อายุ 29 ปี จนพังเสียหายทั้งสองคัน โดยผู้เสียชีวิตเป็นมารดาของ นายสมชาย ศรีหลายเกตุ อายุ 32 ปี อาสาสมัครหน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทราจุดบางปะกง,ขณะที่ก่อนเกิดเหตุ นางบุญนภัส ศรีหลายเกตุ อายุ 60 ปี จะขี่รถจักรยานยนต์ไปทำงาน โดยมีเพื่อนที่ทำงานกู้ภัยโทรไปบอกว่าแม่โดนรถชนจึงรีบออกมาดู แต่มาพบว่าแม่นั้นเสียชีวิตจึงร้องไห้ ด้าน นายสหรัฐ คนขับรถกระบะที่ชนท้ายให้การว่าขณะที่กำลังขับรถกลับชลบุรี พอมาถึงที่เกิดเหตุเกิดหลับใน ทำให้รถเสียหลักไปชน แต่ทีแรกไม่รู้ว่าชนอะไร มาสะดุ้งตื่นรู้สึกตัวหลังจากชนรถคู่กรณีไปแล้ว ทำให้ต้องรีบลงมาดู ก็พบว่ามีคนติดอยู่ใต้ท้องรถตัวเอง,ทางด้าน นายสุภาพ ให้การว่าขณะที่กำลังขับรถอยู่เลนซ้าย โดยเห็นว่ามีรถจักรยานยนต์ของผู้ตายขี่ตามหลัง พอมาถึงที่เกิดเหตุ จู่ๆ ก็มีรถกระบะของนายสหรัฐ ขับมาด้วยความเร็วแล้วชนท้ายรถตนเต็มแรง เบื้องต้นทางตำรวจนำตัวนายสหรัฐไปตรวจหาแอลกอฮอลล์ในเลือดต่อไป.
เกิดอุบัติเหตุ คนขับกระบะหลับในพุ่งชนท้ายจักรยานยนต์ แม่หนุ่มกู้ภัยฉะเชิงเทราจุดบางปะกง อัดท้ายกระบะอีกคัน นอนเสียชีวิตคาที่
ข่าว,ทั่วไทย
อุบัติเหตุ,รถชน,กระบะชนจักรยานยนต์,กู้ภัยบางประกง,ฉะเชิงเทรา,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/central/1561178
รวบโจ๋วัยแค่ 19 ปี จี้รถขนเงิน 7.2 ล้าน เร่งล่าอดีตพนักงาน ก่อคดี 2 หนซ้อน (คลิป)
หลังตำรวจซุ่มรวบรวมหลักฐานออกหมายจับ ตามลากคอได้ถึงบ้านห่างจากที่เกิดเหตุไม่ถึง 5 กม. สารภาพซัดหัวโจกที่ยังหลบหนี ทักษ์ดนัย หรือกอล์ฟ เหนี่ยวรั้งใจ อดีตพนักงานบริษัทบริงค์ส รู้วิธีปฏิบัติและขั้นตอนของรถขนเงินเป็นอย่างดี พาไปค้นห้องเช่าที่ใช้เก็บเงินของกลางพบ 3.6 ล้านบาทซุกในเป้ ส่วนที่เหลือ เชื่อ ไอ้กอล์ฟ หิ้วไปเป็นทุนหลบหนี บิ๊กแป๊ะ เค้นสอบเอง สารภาพสิ้นไส้เคยร่วมก่อเหตุฉกเงินสดกว่า 6 ล้านบาทจากรถขนเงินบริษัทบริงค์สที่จอดในห้างเซ็นทรัล เวสต์เกต เมื่อปี 60 ตั้งรางวัลนำจับ 50,000 บาท ให้ผู้แจ้งเบาะแส กำชับชุดล่าตัวให้ระมัดระวัง หากขัดขืนการจับกุมให้ตอบโต้ทันที เพราะผู้ต้องหาพกปืนตลอด,กรณีคนร้าย 2 คนควงปืนบุกชิงเงินสด ขณะพนักงานขนเงินบริษัทรักษาความปลอดภัย บริงค์ส (ประเทศไทย) จำกัด 2 คนกำลังขนเงิน 7.2 ล้านบาทที่เพิ่งจัดเก็บมาจากธนาคารภายในห้างบิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า สาขาพุทธมณฑลสาย 3 ไปขึ้นรถ หลังก่อเหตุขี่รถ จยย.หลบหนี ชุดสืบสวน บก.สส.บช.น. กก.สส.บก.น.9 และชุดสืบสวน สน.หนองค้างพลู เข้าสืบสวนคลี่คลายคดี เบื้องต้นเชื่อว่า คนร้ายน่าจะเป็นคนในหรือรู้ขั้นตอนการขนเงินเป็นอย่างดี และน่าจะเกี่ยวข้องกับการลักเงินสดจากรถขนเงินบริษัทเดียวกัน 6 ล้านบาท ที่ห้างเซ็นทรัล เวสต์เกต เมื่อวันที่ 7 พ.ย.60 ด้วย,ความคืบหน้าจาก สน.หนองค้างพลู เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 27 ก.พ. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น. พล.ต.ต.นิตินันท์ เพชรบรม รอง ผบช.น. พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.กัมปนาท โสภโณดร ผบก.น.9 และ พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบก.สส.บช.น. นำกำลังจับกุมนายจิรายุส หรือแบงก์ สวนมิ อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลตลิ่งชันที่ จ.79/2562 ลงวันที่ 27 ก.พ.62 ข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีและใช้อาวุธฯ ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และข้อหายิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน จับกุมตัวบริเวณถนนบางบอน 4 แยกซอยประสิทธิ์ 4/3 แขวงและเขตบางบอน กทม.,การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก หลังจากคนร้ายทั้ง 2 คนก่อเหตุจี้ชิงเงิน 7,270,000 บาท จากรถขนเงินภายในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า สาขาพุทธมณฑลสาย 3 ตำรวจชุดคลี่คลายคดีได้หลักฐานสำคัญเป็นภาพจากกล้องหน้ารถพลเมืองดี ประกอบกับแนวทางการสืบสวนแกะรอยหาเบาะแสคนร้ายจากกล้องวงจรปิด ตั้งแต่บริเวณห้าง ถนนที่เป็นเส้นทางที่คนร้ายใช้เดินทางและหลบหนี จนทราบว่า คดีนี้มีอดีตพนักงานขับรถบริษัทบริงค์สฯที่ออกจากงานมาหลายปีแล้วเป็นผู้ก่อเหตุคือ นายทักษ์ดนัย หรือกอล์ฟ เหนี่ยวรั้งใจ อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลตลิ่งชันที่ จ.79/2562 ลงวันที่ 27 ก.พ.62 ร่วมกับนายจิรายุสเพื่อนรุ่นน้องวางแผน,ก่อเหตุจนสำเร็จ จากการไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่าทั้ง 2 คนขี่รถ จยย.มาสำรวจเส้นทางก่อเหตุและหลบหนีหลายครั้ง เลือกใช้เส้นทางลัดเลาะตามถนนเพชรเกษม ถนนเลียบคลองภาษีเจริญฝั่งใต้ ถนนบางบอน 4 รัศมีจากบ้านถึงที่เกิดเหตุไม่เกิน 5 กม. ชุดคลี่คลายคดีจึงรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ ก่อนติดตามจับกุมนายจิรายุสได้ ส่วนนายทักษ์ดนัยยังหลบหนี,สอบสวนนายจิรายุสให้การว่า ปัจจุบันเป็นลูกจ้างร้านคาร์แคร์ ก่อนเกิดเหตุนายทักษ์ดนัยชักชวนให้มาร่วมก่อเหตุชิงทรัพย์รถขนเงินบริษัทเก่าที่เคยทำงานตำแหน่งคนขับรถ นายทักษ์ดนัยเป็นผู้จัดหาปืนลูกโม่ไม่ทราบขนาด และรถจักรยานยนต์ฮอนด้า พีซีเอ็กซ์ สีน้ำเงิน ไม่ทราบทะเบียน ก่อนก่อเหตุนำไปติดสติกเกอร์พรางตาเป็นสีดำด้าน ขณะก่อเหตุนายทักษ์ดนัยให้ตนเป็นคนขี่รถ จยย.เข้าไปประกบรถขนเงิน เมื่อถึงที่หมายนายทักษ์ดนัยที่ซ้อนท้ายกระโดดลงจากรถ จยย.ยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อข่มขู่พนักงานขนเงิน 1 นัดให้โยนถุงเงินลงพื้น,นายจิรายุส กล่าวอีกว่า เมื่อช่วยกันชิงถุงเงินสด 7,270,000 บาท มาได้ จึงสลับหน้าที่กัน นายทักษ์ดนัยเป็นผู้ขี่รถ จยย.หลบหนี นำถุงเงินไปเก็บไว้ที่ห้องเช่าย่านถนนเลียบคลองภาษีเจริญฝั่งใต้ที่เช่าไว้เก็บของกลาง หลังจากนั้นนายทักษ์ดนัยให้เงินสดตนมาเพียง 5,000 บาท บอกเอาไว้ใช้หลบหนีก่อน รอเรื่องเงียบเดี๋ยวจะโทรศัพท์นัดให้ย้อนกลับมาแบ่งเงินกัน จากนั้นแยกย้ายกันหลบหนี ตนจึงกลับไปพักอยู่กับย่าที่บ้านในชุมชนบางบอน 4 แยกซอยประสิทธิ์ 4/3 ตามปกติ และไม่ได้เจอหน้านายทักษ์ดนัยอีกเลย,ต่อมาเมื่อเวลา 11.30 น. หลังจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.และ พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น. ร่วมกันสอบปากคำนายจิรายุสนานกว่า 2 ชม. ผู้ต้องหาให้การเป็นประโยชน์ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 60 นายทักษ์ดนัยเคยชวนไปก่อเหตุลักถุงใส่เงิน 2 ถุง มีเงินรวม 6,030,000 บาท ด้วยการไขประตูรถขนเงินบริษัทบริงค์สฯ ที่จอดอยู่ในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เวสต์เกต ท้องที่ สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ครั้งนั้นนายทักษ์ดนัยให้เงินมาจำนวนหนึ่ง ส่วนนายทักษ์ดนัยเอาเงินไปซื้อบ้านด้วยเงินสด 1 หลัง และออกรถกระบะใหม่มา 1 คัน หลังใช้เงินกันจนหมดจึงวางแผนก่อเหตุครั้งล่าสุด,หลังจากนั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พ.ต.อ.นภดล กาญจนพันธุ์ ผกก.สน.หนองค้างพลู พ.ต.อ.ธีรศักดิ์ ภิญโญ ผกก.สส.บก.น.9 พ.ต.ท.วิเชียร เพชรเสนา รอง ผกก.สส.บก.น.9 และ พ.ต.ท.กฤติเดช จันทร์เพชร รอง ผกก.สส.สน.หนองค้างพลู พร้อมกำลังหน่วยสวาท ชุดปฏิบัติการพิเศษ บก.สปพ.191 ควบคุมตัว นายจิรายุส ไปชี้จุดเก็บเงินที่นายทักษ์ดนัยเช่าไว้ บ้านหลังที่นายทักษ์ดนัยใช้เงินสดจากการลักทรัพย์ครั้งที่แล้วไปซื้อ และชี้บ้านที่นายจิรายุสและนายทักษ์ดนัยอาศัยอยู่ใกล้กันภายในชุมชนบางบอน 4 แยกซอยประสิทธิ์ 4/3 ท่ามกลางการอารักขาเข้มงวดจากหน่วยงานสนับสนุนทั้งตำรวจ สน.หนองแขม และเจ้าหน้าที่ทหารสังกัด พล.ร.9,ระหว่างตำรวจคุมตัวนายจิรายุสออกไปชี้จุดก่อเหตุ นางขนิษฐา นาถะภักฏิ อายุ 35 ปี แม่ของนายจิรายุสเดินทางมาหาพอดี พอเห็นหน้าลูกถึงกับโผเข้ากอดลูกน้ำตานองหน้าพูดว่า ถ้าลูกทำผิดจริงให้ยอมรับสารภาพ ชดใช้กรรมไป แม่จะคอยเป็นกำลังใจให้ ตำรวจจึงพาตัวออกมาสงบสติอารมณ์ นางขนิษฐา เล่าว่า ตนกับพ่อของนายจิรายุสเลิกรากันตั้งแต่ลูกอายุ 6 ขวบ นายจิรายุสไปอยู่กับย่าที่ชุมชนบางบอน 4 จนโต ที่ผ่านมามีโอกาสเจอลูกบ้างเดือนละครั้ง ลูกยังขอเงินตนอยู่เนืองๆ เนื่องจากทำงานคาร์แคร์เงินไม่พอใช้ ลูกชายเป็นคนหัวอ่อน ใครชักชวนไปทำอะไรก็ไป เชื่อว่าการลงมือก่อเหตุทั้ง 2 ครั้งน่าจะถูกนายทักษ์ดนัยชักจูง แต่ไม่โทษใครเนื่องจากตนดูแลลูกไม่ดีเอง หลังจากนั้นนางขนิษฐาตามไปดูลูกชายชี้จุดด้วย,จุดแรก ตำรวจพาตัวนายจิรายุสไปชี้จุดซุกซ่อนเงิน ในห้องเช่าเลขที่ 316 ชั้น 2 หอพักป้าต้อย ซอย เลียบคลองภาษีเจริญฝั่งใต้ 4/1-1 พบกระเป๋าบรรจุเงินสด 2 ใบ ภายในมีเงินรวม 3,600,000 บาท คาดว่าเงินที่หายไปอีกกว่า 3,670,000 บาท นายทักษ์ดนัยน่าจะนำติดตัวไปเพื่อใช้หลบหนี สอบสวนผู้ดูแลหอพักเล่าว่า นายทักษ์ดนัยมาเปิดห้องเช่าตั้งแต่ วันที่ 25 ก.พ. คิดค่าเช่าเดือนละ 1,300 บาท ทำสัญญาวางเงินสดเป็นค่าประกันไว้ 2,000 บาท แต่ ไม่เคยเห็นนายทักษ์ดนัยย้ายข้าวของเข้ามาอยู่เหมือน ผู้เช่ารายอื่น,จุดที่ 2 เจ้าหน้าที่นำกำลังไปตรวจสอบบ้านพักเลขที่ 171/46 หมู่บ้านตะวันทอง 3 ฝั่งตรงข้ามกับห้องเช่าที่ใช้เก็บเงินห่างกันเพียง 600 เมตร ลักษณะเป็นทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น เนื้อที่ประมาณ 20 ตารางวา รั้วรอบขอบชิด จากแนวทางการสืบสวนพบว่าบ้านหลังดังกล่าวนายทักษ์ดนัยนำเงินสด 1,850,000 บาท มาซื้อต่อจากเจ้าของเก่า ใช้ชื่อมารดาเป็นผู้ครอบครอง ตรวจสอบในบ้านไม่พบนายทักษ์ดนัย และไม่พบรถกระบะอีซูซุ ดีแมคซ์ ไม่ทราบทะเบียน ที่นายจิรายุสให้การว่า เป็นรถที่นายทักษ์ดนัยซื้อ หลังก่อเหตุลักทรัพย์ครั้งแรกสำเร็จ,ส่วนจุดที่ 3 และจุดที่ 4 เป็นบ้านพักของผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับบ้านเลขที่ 37/14 หมู่ 2 ถนนบางบอน 4 แยกซอยประสิทธิ์ 4/3 แขวง และเขตบางบอน กทม. เบื้องต้นไม่พบตัวนายทักษ์ดนัยเช่นกัน ชุดคลี่คลายคดีจะสรุปผลการตรวจค้นเป้าหมายทั้ง 4 จุดอีกครั้งในช่วงเย็นวันนี้ ก่อนประสาน พนักงานสอบสวน สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เดินทางมาอายัดตัวนายจิรายุสไปดำเนินคดีที่เคยก่อไว้ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เวสต์เกต เมื่อวันที่ 7 พ.ย.60 และร่วมสืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมตัวนายทักษ์ดนัยมาดำเนินคดีอย่างเร่งด่วน,พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า หลังเกิดเหตุตำรวจสืบทราบว่า ก่อนหน้านี้ นายทักษ์ดนัยเข้าไปเซ็นสัญญาเช่าห้องเอาไว้เพื่อเก็บของกลาง ตั้งแต่วันที่ 25 ก.พ. จากการตรวจค้นภายในห้องพบกระเป๋าเป้สีดำ 2 ใบ ภายในมีเงินสดซุกซ่อนอยู่ 3,600,000 บาท แต่ไม่พบปืน ส่วนจุดที่เข้าตรวจค้นอื่นยังไม่มีรายงานว่า พบสิ่งผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นสั่งการให้หาอาวุธปืนโดยเร็ว เกรงว่าคนร้ายที่ยังหลบหนีจะคิดสู้ จึงกำชับให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการด้วยความระมัดระวัง หากขัดขืนการจับกุมให้ชุดจับกุมตอบโต้ได้ทันที,ด้าน พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า ผบ.ตร.เน้นย้ำให้เร่งติดตามจับกุมนายทักษ์ดนัยที่ยังหลบหนีให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากคนร้ายมีอาวุธปืน สำหรับคนร้ายรายนี้ชอบแต่งตัวใส่กางเกงขาสามส่วน และใส่รองเท้าแตะ สะพายกระเป๋าข้าง ตำรวจตั้งรางวัลผู้ให้เบาะแส 50,000 บาท หากใครพบเจอตัวสามารถโทรศัพท์มาแจ้งได้ที่หมายเลข 06-2879-2453 ตลอด 24 ชม.
ลากคอได้แล้ว 1 ใน 2 โจรชิงเงินสด 7.2 ล้านบาท หลังตำรวจซุ่มรวบรวมหลักฐานออกหมายจับ ตามลากคอได้ถึงบ้านห่างจากที่เกิดเหตุไม่ถึง 5 กม.
ข่าว,ทั่วไทย
แบงก์ สวนมิ,ศาลตลิ่งชัน,ควงปืนชิงเงินสด,ปล้นรถขนเงิน,ชิงทรัพย์,บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า,ข่าวหน้า1
https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1507881
ขอบคุณ ลูกศิษย์3พันคน ร่วมกราบครูในวันเกษียณราชการ
เมื่อวันที่ 14 ก.ย.58 นายประสิทธิ์ เหลืองทอง ผู้อำนวยการโรงเรียนสิงห์สมุทร เป็นประธานในพิธีอำลาครูเกษียณอายุราชการประจำปี 2558 จำนวน 15 คน บริเวณ สนามกีฬาฝั่งม.ปลาย โรงเรียนสิงห์สมุทร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยมี คณะผู้บริหาร ครูอาจารย์ นักเรียน และศิษย์เก่าโรงเรียนสิงห์สมุทรกว่า 3,000 คน เข้าร่วมในพิธีเพื่อเป็นการเทิดทูนครูผู้เกษียณอายุ,สำหรับในปี 2558 นี้ โรงเรียนสิงห์สมุทร มีข้าราชการครูที่เกษียณอายุราชการจำนวน 15 คนได้แก่ 1. ครูเสาวนิตย์ อรุณ 2. ครูประภาพรรณ บุณยโสภณ 3.ครูสำเนียง ตีรณานนท์ 4.ครูวงวิวัฒน์ เจนกิติวรพงศ์ 5.ครูนิวัฒน์ รัตนใหม่ 6. ครูนภาดล ตันยุกูล 7. ครูโสภณ เกิดภู่ 8.ครูนงลักษณ์ รามัญวงศ์ 9.ครูอ้อมจิต นุ่นสังข์ 10.ครูกัญญา ฟองวารี 11.ครูสมพร ถนอมรอด 12. ครูรุ่งทิวา ม่วงศิริ 13. ครูทัศนีย์ อ้วนคำ 14.ครูวีณา ศิริวรรณ และ15.ครูภัณฑ์ธิมา ภูรีโรจน์ ทางคณะผู้บริหารของทางโรงเรียน จึงได้จัดให้มีพิธีอำลาครูเกษียณอายุราชขึ้นอย่างสมเกียรติ,ในโอกาสนี้ ตัวแทนนักเรียน และตัวแทนศิษย์ของโรงเรียนสิงห์สมุทร ได้นำพวงมาลัยดอกไม้มามอบให้กับครูที่เกษียณอายุราชการ พร้อมทั้งร่วมร้องเพลงครู เพื่อเป็นการเทิดทูนคณะครูผู้เกษียณอายุราชการ ซึ่งสร้างความซาบซึ้งใจ และปลื้มปีติ ให้กับคณะครูที่เกษียณอายุราชการเป็นอย่างมาก,นายประสิทธิ์ เหลืองทอง ผู้อำนวยการโรงเรียนสิงห์สมุทร กล่าวว่า การเกษียณอายุราชการ เป็นที่ทราบกันดีว่า เมื่อถึงเวลาข้าราชการครูทุกคนก็ต้องเกษียณอายุเหมือนกัน ซึ่งทางโรงเรียน ต้องขอแสดงความดีใจกับครูทุกท่านที่ได้ร่วมกันปฏิบัติงานมาจนครบอายุราชการ จนถึงเวลาที่ทุกท่านจะต้องได้พักผ่อนหลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการอบรมสั่งสอนลูกศิษย์มายาวนาน,ซึ่งการเกษียณอายุราชการของทุกท่าน ทางโรงเรียนก็รู้สึกเสียใจ ที่ต้องขาดบุคลากรที่ดี มีความรู้ความสามารถในการอบรมสั่งสอนไป แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ทุกท่านก็ยังเป็นบุคลากรที่ทรงคุณค่าแก่ทางโรงเรียนสิงห์สมุทรเป็นอย่างยิ่ง ทางโรงเรียนจะขอจดจำสิ่งที่คุณครูทุกท่านที่ได้ร่วมกันสร้างความเจริญ และความตั้งใจในการสั่งสอนนักเรียน เพื่อให้ทุกคนเป็นคนดี เพียบพร้อมไปด้วยความรู้ ความสามารถ จนเป็นที่ประจักษ์ต่อสังคม และประเทศชาติ ผอ.ประสิทธิ์กล่าว
ปาเจราจริยาโหนติครูอาจารย์เป็นผู้ทรงคุณอันประเสริฐยิ่ง ศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันโรงเรียนในสัตหีบร่วม 3 พันคน มอบพวงมาลัยพร้อมกราบขอบคุณครู 15 คน ที่เกษียณอายุราชการในปีเดียวกัน บรรยากาศสุดซาบซึ้ง
ข่าว,ทั่วไทย
กราบครู,ครูเกษียณ,ลูกศิษย์กราบครู,โรงเรียนสิงห์สมุทร,มอบดอกไม้,สัตหีบ,ชลบุรี,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวทั่วไทย
https://www.thairath.co.th/news/local/525161
6 ข้อน่ารู้เกี่ยวกับ โบ.ลาน ร้านอาหารรักษ์โลก
ก่อนที่กระแสรักษ์โลกในวงการอาหารจะจุดติดในเมืองไทยอย่างทุกวันนี้ ซึ่งร้านอาหารและบรรดาเชฟชั้นนำต่างก็หันมาให้ความสำคัญกับเรื่อง Sustainability หรือความยั่งยืน ก็มีร้านอาหารไทย อย่าง โบ.ลาน (ที่ติดอันดับทั้ง Asias 50 Best Restaurants และ Michelin Guide Bangkok) นี่แหละ ที่ดำเนินกิจการตามแนวทางรักษ์โลกมาตั้งแต่เนิ่น ในวันที่แต่ละภาคส่วนต่างหันมาให้ความสำคัญและใส่ใจต่อประเด็นดังกล่าวกันมากขึ้น (แต่ก็ยังไม่มากพอ) THE STANDARD ขอช่วยส่งเสียงให้ดังขึ้นอีกนิด ด้วยการนำเสนอเรื่องราว โดยเราได้คุยกับ 2 เจ้าของร้าน เชฟดีแลน โจนส์ และเชฟโบ-ดวงพร ทรงวิศวะ และต่อไปนี้คือ 6 ข้อควรรู้เกี่ยวกับร้านอาหารรักษ์โลกแห่งนี้ 1. จุดเริ่มต้นของ ร้านอาหารรักษ์โลกเราเปิดร้าน โบ.ลาน เมื่อ 9 ปีก่อน ตอนนั้นเราสนใจในเรื่องวัตถุดิบเกษตรอินทรีย์ ในแง่ที่ว่ามีผลต่อร่างกายและสุขภาพของผู้บริโภค การได้พบกับทั้งเกษตรกรและคนของภาครัฐ ได้พบกับคนที่อยู่ในกระบวนการผลิตอาหาร ทำให้เรามีความเข้าใจมากขึ้นถึงระบบการผลิตอาหารและการบริโภคว่ามีผลกระทบต่อคนเราและโลกใบนี้อย่างไร จากเดิมที่สนใจเฉพาะเรื่องเกษตรอินทรีย์ โฟกัสของเราจึงเปลี่ยนไป กลายเป็นเรื่องของความยั่งยืนซึ่งใหญ่และครอบคลุมกว่านั้น ออร์แกนิกสำคัญ แต่ ความยั่งยืน (Sustainability) สำคัญกว่า ซึ่งเราก็พยายามที่จะหาวิธีของเราเอง ที่จะทำให้ร้านของเราดำเนินกิจการด้วยความยั่งยืนมากขึ้น2. วิธีการที่ โบ.ลาน ดำเนินกิจการ เพื่อให้เกิดความยั่งยืน ที่ โบ.ลาน เราทำหลายอย่างด้วยกัน อย่างแรกเลยเราพยายามที่จะลดปริมาณขยะ เพราะว่าในแวดวง Sustainability ตอนนี้พูดถึงขยะและอาหารเหลือทิ้งกันมาก ซึ่งนอกจากจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการกำจัดแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อสภาวะแวดล้อมอีก ถ้าอย่างที่ โบ.ลาน ทำเนี่ย เรามีพวกเศษพืชผักผลไม้เยอะมากทุกวัน เราจะเก็บพวกเศษเหลือเหล่านี้ไว้ในกล่อง และทุกคืนเราจะนำมาหมักกับน้ำตาลทำเป็น EM (Effective Microorganisms) เพื่อใช้รดน้ำพืชผัก ด้านการทำความสะอาดร้าน เราล้างครัวและทุกอย่างภายในร้านโดยใช้สบู่ที่ทำเองจากน้ำมันที่นำไปทอด Deep Fried ซึ่งตามปกติน้ำมันที่ใช้แล้วจากร้านอาหารแบบนี้มักจะมีคนมารับซื้อไปเพื่อที่จะไปขายถูกให้กับร้านทอดอาหารข้างถนน และหลังจากที่เขาใช้รอบนั้นเสร็จแล้ว ก็จะมีคนมารับซื้อซ้ำอีกรอบเพื่อที่จะนำส่งให้กับบริษัทผลิตอาหารสัตว์ เช่น หมูก็จะกินสิ่งนี้เข้าไป คำถามคือแล้วใครกินหมู? ซึ่งตรงนี้มันน่ากลัวมาก นี่เป็นสิ่งที่ทำให้เราตัดสินใจที่จะเลิกทำสิ่งนี้ เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เลยทำสบู่ใช้กันเองภายในร้านเพื่อที่จะเป็นการ Break the Chain และที่นี่เรายังพยายามลดการใช้พลาสติกสำหรับแรปอาหาร อย่างที่เราทราบกันดีว่าทั้งที่บ้านและร้านอาหารต่างก็มีการใช้แรปพลาสติกกันเยอะมาก ซึ่งใช้เพียงครั้งเดียวแล้วก็ทิ้ง ร้านเราจึงเปลี่ยนวิธีการโดยใช้ผ้าเส้นใยจากธรรมชาติทาขี้ผึ้งลงไปบางๆ ก็สามารถนำมาใช้แทนกันได้ ทั้งยังไม่ต้องใช้รอบเดียวแล้วก็ทิ้งอีก เพราะสามารถนำมาทำความสะอาดและใช้ได้ใหม่ ซึ่งถ้าคุณรู้ว่าทุกวันนี้ปัญหาขยะพลาสติกในทะเลนั้นเป็นปัญหาใหญ่ซึ่งมีถึง 8 ล้านตันในทะเล และทุกๆ 1 กิโลเมตรของทะเลนั้นจะสามารถพบถุงพลาสติกได้เฉลี่ย 16 ถุง และภายในถุงนั้นก็เต็มไปด้วยขยะพลาสติกอีกด้วย เพราะเหตุนี้ที่ โบ.ลาน เราจึงไม่ใช้หลอดพลาสติกเลย ถ้ามีอะไรที่ต้องใช้ก็จะใช้หลอดไม้หรือหลอดโลหะแทน ซึ่งทำความสะอาดได้ ที่ผ่านมาก็มีลูกค้าที่ถามหาต้องการหลอดพลาสติก ซึ่งเราก็จะบอกกับเขาไปว่าไม่มี และอธิบายให้เขาฟังว่าร้านเรามีแนวทางแบบนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะเข้าใจกัน3. โบ.ลาน เป็นพันธมิตรทำงานร่วมกับผู้ผลิตอาหารที่จริงจังในเรื่องนี้ที่สำคัญคือผู้ผลิตอาหาร ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกร ชาวประมง หรือคนที่ทำปศุสัตว์ ผู้ผลิตวัตถุดิบต่างๆให้กับ โบ.ลาน ล้วนเป็นคนที่ใส่ใจในเรื่องของความยั่งยืน เขาทำตามวิถีออร์แกนิก คือดูแลดินได้ ดูแลทะเลได้ ดูแลสัตว์ได้ เขามีความเคารพและรับผิดชอบต่อสิ่งที่เขาแวดล้อมด้วย ซึ่งไม่ใช่ว่าเกษตรกรทั้งหมดจะคิดแบบนี้ เพราะคนจำนวนไม่น้อยก็อาจจะเห็นว่าเป็นเรื่องลำบากที่จะทำแบบนี้ จะให้คนทั้งโลกเป็นแบบนี้ได้อย่างไร นั่นก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน แต่สำหรับเราคิดว่า นี่คือสิ่งที่ถูกต้องและดีที่สุดทั้งต่อสุขภาพและชีวิตของเรารวมถึงสิ่งที่แวดล้อม 4. ความคิดเห็นเกี่ยวกับกระแส Food Waste และความยั่งยืนซึ่งมาแรงมากในวงการอาหารช่วงหลังๆ จริงอยู่ที่กระแสรักษ์โลกมาแรงมากๆ ในช่วงหลังนี้ ดังที่เราจะได้เห็นผู้ประกอบการหันมาแสดงความใส่ใจเรื่องความยั่งยืนกันมากขึ้น และคนกินก็เห็นถึงความสำคัญตรงนี้กันมากขึ้น ส่วนสำคัญอย่างหนึ่งเราคิดว่าเป็นเพราะเรื่องของการให้การศึกษาซึ่งทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงตรงนี้ ซึ่งนั่นก็เพราะว่ามีทั้ง 1. ผู้ผลิต 2. คนทำธุรกิจ F&B (Food & Beverage) ไปจนถึงโรงแรม และ 3. ลูกค้า ซึ่งเป็นผู้ใช้จ่ายเงิน ทั้ง 3 ฝ่ายต่างก็มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มากขึ้น จนทำให้เกิดความตระหนักรู้ที่จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ซึ่งเราคิดว่าเป็นสัญญาณที่ดี แต่ก็ยังไม่มากพอ เราคิดว่าทั้ง 3 ฝ่ายนี้ต้องมีการศึกษาในเรื่องนี้ถึงจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง เพราะถ้าคนผลิตอาหารสนใจความยั่งยืน แต่คนที่อยู่ตรงกลางอย่างร้านอาหารไม่สนใจ หรือคนที่อยู่ส่วนปลายสุดอย่างลูกค้าไม่สนใจ ความเปลี่ยนแปลงก็จะไม่เกิด มันจึงเป็นเรื่องของความรับผิดชอบของทุกคนที่อยู่ในวงจรหรือระบบ 5. ผู้ริเริ่มจัดงาน {Re} Food Forum งานเสวนาอาหารรักษ์โลกจากคนในวงการอาหารเอเชียและทั่วโลกหลังจากที่เราทำงานด้วยวิถียั่งยืนอย่างจริงจังมาได้สักระยะ เราก็เกิดการตั้งคำถามว่า ทำไมคนเอเชียจึงไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องตรงนี้สักเท่าไร เราจึงจัดงาน {Re} Food Forum ขึ้นมา เพราะอยากจะช่วยสร้างความตระหนักรู้ให้เกิดขึ้น จะว่าคนเอเชียไม่ให้ความสำคัญด้านนี้ก็อาจจะไม่ถูกต้องนัก คือทุกคนที่นี่คนพูดถึงปัญหา Climate Change พูดถึงความยั่งยืน แต่ไม่มีคนที่สามารถชี้ให้เห็นถึงปัญหาและวิธีการแก้ไขได้ และแม้ว่ามันจะเป็น Global Issue ก็จริง แต่ถ้าอยากจะดีลกับเรื่องปัญหาความยั่งยืนก็ต้องเน้นที่การดีลกับปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมหรือชุมชนของเรา ไม่ใช่ปัญหาของสังคมหรือชุมชนอื่นส่วนสำคัญที่เป็นเนื้อหาของงาน {Re} Food Forum มีอยู่ 3 อย่าง ได้แก่ 1. ความยั่งยืน 2. ขยะอาหาร 3. วัตถุดิบท้องถิ่นพื้นบ้านในเอเชีย โดยเราจะเชิญทั้งเชฟและคนที่อยู่ในแวดวงอาหาร ไม่ว่าจะเป็นนักวิทยาศาสตร์อาหาร เกษตรกร นักธุรกิจเพื่อสังคม ฯลฯ กว่า 40 คนมาแชร์ประสบการณ์ของเขาเกี่ยวกับ 3 เสาดังกล่าว เพื่อจะได้ทราบถึงทั้งวิธีการและแรงบันดาลใจ เราอยากจะให้งานนี้เป็น บทสนทนา เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นในเชิงความคิดหรือพฤติกรรมของคนในแวดวงอาหาร และผู้บริโภคในเอเชีย เราอยากจะให้งานนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงของระบบ ถ้าเรามาช่วยกันคิด มา Redesign มันก็จะเปลี่ยน งานนี้จึงได้มีชื่อว่า {Re} Food Forumนอกจากกิจกรรมต่างๆ ทั้งสัมมนาและ Forum แล้ว เรายังจัดให้มีงานดินเนอร์ด้วย คนอาจจะคิดว่าเราจัดดินเนอร์เพื่อที่จะหารายได้หรือกำไร แต่ความจริงแล้วเป็นเพราะว่าเราพยายามแล้วแต่เราไม่สามารถหาสปอนเซอร์ได้เลย ทั้งนี้รายได้จากดินเนอร์ทั้ง 7 จะถูกนำมาเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับทั้งเชฟและวิทยากรรับเชิญที่เราเชิญมา โดยพวกเขาแทบจะไม่ได้รับอะไรตอบแทนกลับไปเลย แต่มาด้วยใจกันจริงๆ ทั้งนี้เราได้รับความช่วยเหลือจากหลายฝ่าย ทั้งร้านของเพื่อนๆ เชฟ ซึ่งอนุญาตให้เราจัดอีเวนต์ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และอีกหลายๆ คนที่ให้ความช่วยเหลือ อีกอย่างหนึ่งที่น่าพูดถึงก็คือในการจัดดินเนอร์ครั้งนี้เราได้มีตั้งกฎขึ้นมาถึงประมาณ 20 กฎ ซึ่งเชฟที่มาทำดินเนอร์กับเราสามารถทำอะไรได้หรือไม่สามารถทำอะไรได้บ้าง เช่น สมัยนี้ในการทำอาหารโมเดิร์น เชฟหลายๆ คนชอบทำซูวี ซึ่งเป็นการปรุงเนื้อสัตว์ใส่ถุงพลาสติกสุญญากาศที่ใช้ครั้งเดียวแล้วก็ทิ้ง อันนี้เราก็ห้าม ห้ามใช้วัตถุดิบที่ทำให้สัตว์ทรมานอย่างฟัวกราส์หรือหูฉลาม และหลังจากทุกดินเนอร์ เราก็จะมีองค์กร SOS (Scholars Of Sustenance) ซึ่งเขาดีลกับเรื่อง Food Waste มาชั่งปริมาณขยะ ว่าเรามีขยะอาหารเหลือทิ้งเท่าไร 6. สิ่งที่ร้านอาหารรักษ์โลกอย่าง โบ.ลาน ฝากบอกกับทุกคนIgnorance is Bliss จริงอยู่ว่าการเพิกเฉยมันทำให้คุณยังคงเป็นสุข แต่ถ้าเราไม่เปลี่ยนแปลงก็จะไม่มีอะไรดีขึ้น การที่เราจัดงาน {Re} Food Forum ขึ้นมา โดยพยายามที่จะดึงให้คนที่อยู่ในวงการอุตสาหกรรม F&B และ Hospitality เข้ามาเกี่ยวข้องก็เพราะว่า พวกเราที่ทำงาน ทำมาหากินทางด้านนี้ล้วนเป็นคนที่ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรอาหาร เพราะฉะนั้นในฐานะที่เราเองก็เป็นหลักหนึ่งที่ใช้ประโยชน์จากมัน เราก็ควรจะเป็นแนวหน้าในการที่จะรักษามันเอาไว้และไม่ใช่แค่คนในวงการหรอก ตราบใดที่คนเรายังกินข้าว กินปลา กินอาหาร เราก็ควรจะเชื่อว่ามันก็ควรที่จะเป็นหน้าที่ของคนที่ยังกินอาหารอยู่ ที่คุณควรตระหนักรู้และใส่ใจกับเรื่องนี้ ตราบใดที่เรายังกิน ยังบริโภคกันอยู่ เราก็ต้องมีความรับผิดชอบ แต่เมื่อไรที่คุณหยุดกินแล้วจะไม่ทำอะไรมันก็โอเค
ดำเนินกิจการในแนวทางยั่งยืน ร้านอาหารไทย โบ.ลาน ไม่เพียงแต่ทำงานร่วมกับผู้ผลิตอาหารออร์แกนิก แต่ยังงดเว้นการใช้ทั้งหลอดพลาสติกและฟิล์มแรปอาหาร รวมถึงทำความสะอาดร้านโดยใช้สบู่ซึ่งทำจากน้ำมันทอด Deep Fried ฯลฯ งาน {Re} Food Forum คือ งานเสวนาอาหารรักษ์โลกจากคนในวงการอาหารเอเชียและทั่วโลก ซึ่ง โบ.ลาน ริเริ่มจัดขึ้นเป็นปีแรก งานนี้เปิดพื้นที่ให้กับการคุย ถกเถียง และแบ่งปันเรื่องราวของอาหารจากมุมมองที่หลายหลาก ไม่จำกัดเฉพาะแค่การทำและการกินอาหาร แต่มองย้อนไปถึงระบบการผลิตอาหารของประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
null
null
https://thestandard.co/bolan-refoodforum/
ผงะ ทุจริตจัดซื้อจัดจ้าง เจอกว่าร้อย ล. กรมบัญชีกลาง เล็งเพิ่มโทษ
นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า กรมบัญชีกลางจะเร่งสรุปพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐให้เร็วที่สุด เพื่อนำเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยในการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) ที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีข้อเสนอให้เพิ่มโทษสำหรับผู้กระทำผิด ทั้งในส่วนของข้าราชการระดับล่าง และในส่วนของผู้บังคับบัญชา จากขณะนี้การทุจริตเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างถูกลงโทษตามกฎหมายอาญา มาตรา 157 ที่ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เพราะลำพังเพียงพนักงานระดับล่างคงไม่กล้าทำผิดเพียงคนเดียว,ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสแรก ปีงบ 2558 (ต.ค.-ธ.ค.57) เกิดความเสียหายเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างที่ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง 92 สำนวน มูลค่าความเสียหาย 147 ล้านบาท แยกเป็น 1.ความเสียหายที่เกิดจากการทุจริตหรือการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือระเบียบจำนวน 57 สำนวน เสียหายกว่า 131 ล้านบาท 2.ทรัพย์สินสูญหาย อาคารสถานที่ถูกเพลิงไหม้ คนร้ายโจรกรรมและยานพาหนะเกิดอุบัติเหตุ 35 สำนวน เสียหายกว่า 16 ล้านบาท ซึ่งผลการพิจารณาได้มีมติให้เจ้าหน้าที่ชดใช้ความเสียหายคืนแก่หน่วยงานของรัฐเป็นเงินกว่า 101 ล้านบาทซึ่งกรณีที่เรียกชดใช้จะเป็นกรณีที่กระทำโดยจงใจ หรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเท่านั้น.
ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1ปีถึง 10ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000บาทถึง 20,000บาท
null
มนัส แจ่มเวหา,กรมบัญชีกลาง,จัดซื้อ,จัดจ้าง,ทุจริต,เพิ่มโทษ,ผู้กระทำผิด
https://www.thairath.co.th/content/476080
วอชิงตันโพสต์สัมภาษณ์ 14 ชั่วโมง สโนว์เดน เผย ภารกิจของผมสำเร็จลุล่วงแล้ว
รวมถึงมีการนำเสนอบริบทแวดล้อมที่เกิดขึ้นหลังการเผยแพร่ข้อมูล ที่ส่งผลสะเทือนให้มีการถกเถียงเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลอินเทอร์เน็ต24 ธ.ค. 2556 สำนักข่าววอชิงตันโพสต์นำเสนอบทสัมภาษณ์ล่าสุดของเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตคนทำงานหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ผู้ทำการเปิดโปงโครงการสอดแนมของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (NSA) และหน่วยงานข่าวกรองที่เกี่ยวข้องด้วยวิธีการเผยแพร่เอกสารลับออกสู่สาธารณชนผ่านสื่อเช่น วอชิงตันโพสต์ เดอะการ์เดียน และสปีเกล ตั้งแต่เมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา จนเกิดการถกเถียงกันเรื่องจุดที่เหมาะสมระหว่างสิทธิความเป็นส่วนตัวกับเรื่องความมั่นคงวอชิงตันโพสต์ระบุว่า นับตั้งแต่มีการเปิดโปงในเดือน มิ.ย. เป็นต้นมา สื่อหลายแห่งก็เริ่มให้ความสนใจและมีการเปิดเผยข้อมูลต่อเนื่องมาเรื่อยๆ อีกหลายครั้ง จนรัฐสภาสหรัฐฯ ถูกกดดันให้ออกมาอธิบายในเรื่องนี้ มีหลักฐานของคดีเก่าถูกรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ รัฐบาลโอบามาก็โดนบีบให้เปิดเผยข้อมูลเอกสารลับที่พยายามปกปิดเป็นความลับมาตลอด และการเผยแพร่เอกสารลับยังเป็นการตีแผ่ในเรื่องระบบการสอดแนมทั่วโลกหลังยุค 9/11ในการสัมภาษณ์สโนว์เดนกล่าวถึงเรื่องส่วนตัวเพียงเล็กน้อย คือด้านการงานด้านหน่วยข่าวกรองในอดีตของเขาและเรื่องชีวิตปัจจุบันที่ได้รับอนุญาตให้ลี้ภัยในรัสเซียเป็นเวลา 1 ปี เขาพยายามวกกลับมาพูดเรื่องการสอดแนม ประชาธิปไตย และสิ่งที่อยู่ในเอกสารที่เขาเปิดโปงมากกว่า โดยยังบอกอีกว่านับตั้งแต่ 6 เดือนที่ผ่านมา เขาถือว่าภารกิจของเขาสำเร็จลุล่วงแล้วสำหรับตัวผมเองในแง่ความพึงพอใจส่วนตัว ผมถือว่าภารกิจของผมสำเร็จลุล่วงแล้ว สโนว์เดนกล่าวในการให้สัมภาษณ์ล่าสุด ผมชนะมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว นับตั้งแต่ที่นักข่าวสามารถทำงานได้ ทุกอย่างที่ผมพยายามทำมาถูกสานต่อจนสมบูรณ์ เพราะถ้าหากพวกคุณจำได้ ผมเคยบอกว่าผมไม่อยากจะเปลี่ยนแปลงสังคม ผมต้องการให้โอกาสสังคมในการตัดสินกันเองว่าควรจะเปลี่ยนหรือไม่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมต้องการคือการให้สาธารณชนมีโอกาสเสนอว่าพวกเขาอยากได้รับการปกครองอย่างไร สโนว์เดนกล่าว นั่นเป็นหลักไมล์สำคัญที่เราผ่านมานานแล้ว ในตอนนี้สิ่งที่พวกเราทุกคนกำลังมองหาคือเป้าหมายที่ถูกขยายออกไปสโนว์เดนซึ่งเป็นคนมีวิธีคิดแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบมองว่าการสอดแนมหมู่แบบครอบคลุมซึ่งเป็นอันตรายเริ่มถูกตรวจสอบน้อยลงเรื่อยๆ เขาบอกว่าการควบคุมดูแลโดยรัฐสภาสหรัฐฯ และศาลสืบราชการลับโดยไม่มีการเปิดเผยต่อประชาชนเป็นการทำให้ฝ่ายตรวจสอบถูกชักใยโดยองค์กรที่พวกเขาต้องการตรวจสอบได้ และการทำให้เป็นความลับก็ปิดกั้นไม่ให้มีการถกเถียงสำหรับสาธารณชนผู้ที่พยายามทำลายกำแพงการปิดกั้นนี้ได้ก็จะกลายเป็นการรุกล้ำต่อบรรทัดฐานขององค์กรภายในเหล่านั้น คนผู้นั้นจะต้องผ่านระบบความปลอดภัย นำสิ่งที่เป็นความลับออกมา และต้องติดต่อกับนักข่าวโดยไม่ให้ถูกจับได้ เพื่อมอบสิ่งที่เป็นหลักฐานในการรายงานข่าวเรื่องเหล่านี้สโนว์เดนบอกว่า การกระทำของ NSA เป็น การมีอำนาจเหนือกว่าด้วยข้อมูล ซึ่งพวกเขาสามารถใช้ความลับของประชาชนคนอื่นในการเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ไปในทางที่พวกเขาต้องการได้ขณะเดียวกัน สโนว์เดนก็รู้สึกว่าหากเขาเปิดโปงเรื่องการสอดแนม เขาก็ไม่รู้ว่าสาธารณชนจะเห็นด้วยกับเขาหรือไม่ แต่หลังจากลองชั่งน้ำหนักเปรียบเทียบระหว่างการทำกับการไม่ทำแล้ว เขาก็ตัดสินใจออกมาเปิดโปงในที่สุด เพราะอย่างน้อยข้อมูลของเขาจะได้รับการวิเคราะห์และตัดสินเองแต่เมื่อคุณชั่งน้ำหนักกับอีกทางเลือกหนึ่งคือการไม่ทำแล้ว คุณก็ตระหนักว่า การวิเคราะห์บ้างย่อมดีกว่าการที่ไม่วิเคราะห์เลย เพราะแม้ว่าการวิเคราะห์ของคุณเองอาจจะเห็นว่ามันเป็นเรื่องผิด แต่ตลาดทางความคิดจะเป็นคนยืนยันในเรื่องนี้เอง ถ้าหากคุณมองมันในมุมแบบวิศวกร มุมมองจากการทำซ้ำ (iterative) ก็เห็นได้ชัดว่าคุณควรจะลองทำบางอย่างแทนที่จะไม่ทำอะไรการกระทำของสโนว์เดนถือว่าประสบความสำเร็จกว่าที่เขาคาดเอาไว้ ฝ่าย NSA ซึ่งเคยชินกับการเป็นผู้เฝ้ามองคนอื่นอยู่ฝ่ายเดียวโดยไม่มีการตรวจสอบก็ถูกตรวจสอบอย่างละเอียด ทั้งยังส่งผลตกทอดต่อไปยังรัฐสภาสหรัฐฯ ศาลสหรัฐฯ วัฒนธรรมร่วมสมัย เหล่าบริษัทไอทีแห่งซิลิคอนวัลเลย์ รวมถึงเหล่าผู้นำโลก แม้กระทั่งโครงสร้างพื้นฐานของอินเทอร์เน็ตเองก็ถูกตั้งคำถาม โดยในช่วงปีที่ผ่านมานี้ บราซิลและประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปก็กำลังพิจารณาดำเนินมาตรการทำให้ข้อมูลของตนปลอดภัยจากการสอดแนมของสหรัฐฯ บริษัทไอทียักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ ก็พยายามต่อต้านการเก็บข้อมูลจากรัฐบาลขณะที่เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลโอบามากล่าวโจมตีสโนว์เดนมาโดยตลอดทั้งในแง่แรงจูงใจและกล่าวหาว่ามีการบิดเบือนและตีความข้อมูลของ NSA ผิดไปเนื่องจากยกมานำเสนอเพียงบางส่วน แต่อย่างไรก็ตามการเปิดโปงเรื่องการสอดแนมก็ทำให้คดีความของแลร์รี่ เคลย์แมน นักกิจกรรมอนุรักษนิยมที่ฟ้องร้องเรื่องรัฐบาลเก็บข้อมูลโทรศัพท์ของเขาปิดคดีลงได้โดยผู้พิพากษาศาลแขวง ริชาร์ด เจ ลีออน ตัดสินว่าการดักฟังโทรศัพท์ถือว่าผิดหลักการปกป้องสิทธิความเป็นส่วนตัวต่อการค้นโดยไม่มีเหตุผลในบทแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 4 ของรัฐธรรมนูญสหรัฐฯผู้พิพากษากล่าวอีกว่า ลักษณะการเก็บข้อมูลโทรศัพท์ของผู้อาศัยในสหรัฐฯ ทีละมากๆ มีลักษณะ แทบจะเหมือนกับนิยายของจอร์จ ออร์เวล (almost Orwellian) ซึ่งสื่อถึงนิยายเรื่อง 1984 ที่มีการสอดแนมและบิดเบือนข้อมูลจากฝ่ายรัฐการทักท้วงจากบริษัทโทรศัพท์และบริษัทไอทีว่าการสอดแนมของ NSA เป็นภัยต่อเศรษฐกิจข้อมูลข่าวสารของสหรัฐฯ ทำให้ไม่กี่วันต่อมาโอบามาได้แต่งตั้งคณะกรรมการให้คำปรึกษาเพื่อเสนอแนวทางจำกัดอำนาจของ NSA รวมถึงยกเลิกโครงการดักฟังโทรศัพท์ภายในประเทศสโนว์เดนถูกฟ้องร้องในข้อหาจารกรรมและขโมยทรัพย์สินราชการในวันที่ 22 มิ.ย. 2556 มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพสหรัฐฯ กล่าวต่อนักข่าวถึงความสำคัญของโครงการสอดแนม โดยบอกว่ามันทำให้ไม่เกิดเหตุการณ์อย่างการโจมตี 9/11 ขึ้นอีก เพราะข้อมูลข่าวกรองทำให้ทหารสามารถหาตัวศัตรูได้ก่อนที่จะเกิดเหตุร้ายแรง ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองกล่าวถึงสโนว์เดนด้วยวลีที่สื่อไปในเชิงเห็นว่าสโนว์เดนทรยศต่อพวกเขา เช่นบอกว่าเขาละเมิดคำปฏิญาณเรื่องการรักษาความลับในการให้สัมภาษณ์ต่อวอชิงตันโพสต์ สโนว์เดนกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เขาเซ็นสัญญาข้อตกลงเรื่องการปกปิดข้อมูลที่เป็นความลับก็จริง แต่ให้สัตย์ปฏิญาณต่อสิ่งอื่น คือการปฏิญาณต่อรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ และคนที่กล่าวหาว่าเขาไม่ภักดีต่อองค์กรก็เข้าใจวัตถุประสงค์ของเขาผิดไปผมไม่ได้ต้องการทำลาย NSA ผมกำลังทำงานเพื่อพัฒนา NSA สโนว์เดนกล่าว ผมกำลังทำงานเพื่อ NSA อยู่ในตอนนี้ เป็นพวกเขาเองที่ไม่ได้คำนึงถึงเรื่องนี้สโนว์เดนยอมรับว่า พนักงานของ NSA ส่วนมากเชื่อมั่นในภารกิจของตัวเองและไว้ใจให้องค์กรจัดการกับความลับที่พวกเขาล้วงมาจากประชาชนทั่วไป แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดที่จะยอมรับปฏิบัติการขององค์กร โดยสโนว์เดนบอกว่าเขาทราบเรื่องนี้จากการเริ่มทดลองหยั่งเชิงความคิดของเขาเมื่อปีที่แล้ว (2555) โดยการพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชาส่วนหนึ่งสโนว์เดนเล่าว่าในช่วงเดือน ต.ค. 2555 เขาเริ่มนำสิ่งที่เขาคลางแคลงใจไปรายงานต่อผู้บังคับบัญชา 2 คนในหน่วยงานด้านเทคโนโลยีของ NSA และอีก 2 คนในศูนย์ปฏิบัติการต่อภัยคุกคามที่มีสถานบัญชาการในฮาวาย เขาสาธิตด้วยการเปิดเครื่องมือค้นหาที่เรียกว่า BOUNDLESSINFORMANT ให้แก่ผู้บังคับบัญชาเหล่านั้นรวมถึงเพื่อนร่วมงานอีก 15 คนดู เครื่องมือค้นหาดังกล่าวสามารถแสดงผลด้วยความเข้มของสีในการระบุจำนวนข้อมูลบนแผนที่ว่ามีปริมาณข้อมูลที่ถูกดักโดย NSA มากน้อยเพียงใดการสาธิตของเขาทำให้เพื่อนร่วมงานหลายคนประหลาดใจเมื่อทราบว่าพวกเขาดักเก็บข้อมูลของชาวอเมริกันในสหรัฐฯ มากกว่าชาวรัสเซียในรัสเซีย มีส่วนมากที่บอกว่าพวกเขารู้สึกแย่ที่ทราบเรื่องนี้ และมีบางคนที่บอกว่าพวกเขาไม่อยากรู้ไปมากกว่านี้ผมถามคนเหล่านี้ว่า พวกคุณคิดอย่างไรถ้าเกิดสาธารณชนเห็นเรื่องนี้บนหน้าแรกของหนังสือพิมพ์ สโนว์เดนกล่าว นักวิจารณ์มักจะกล่าวหาว่าเขาไม่ใช้วิธีการทักท้วงผ่านช่องทางภายในองค์กรก่อน แต่คำบอกเล่าของสโนว์เดนก็ได้ตอบคำถามต่อข้อวิจารณ์นี้ไปแล้ววอชิงตันโพสต์เปิดเผยว่า สโนว์เดนเริ่มติดต่อกับผู้สื่อข่าวตั้งแต่ปลายเดือน ธ.ค. 2555 แต่ก็ยังไม่ได้ส่งผ่านข้อมูลลับใดๆ สโนว์เดนบอกว่าเขายังคงทดสอบเพื่อนร่วมงานของเขาโดยการพูดถึงเรื่อง จะเป็นอย่างไรถ้าเรื่องนี้ปรากฏบนหน้าแรกของหนังสือพิมพ์ ไปจนถึงเดือน เม.ย.เมื่อวอชิงตันโพสต์ถามถึงเรื่องการสนทนาที่สโนว์เดนพูดถึง โฆษก NSA ตอบกลับเป็นคำแถลงที่เตรียมไว้แล้วระบุว่า หลังจากการสอบสวนอย่างครอบคลุม รวมถึงการสัมภาษณ์อดีตเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชาของสโนว์เดน พวกเราไม่พบหลักฐานใดๆ ที่สนับสนุนว่าสโนว์เดนได้กล่าวถึงข้อโต้แย้งของตนให้ผู้ใดรับรู้สโนว์เดนยังได้กล่าวย้อนหลังไปเมื่อ 3 ปีที่แล้วตอนที่เขาถูกฝ่ายเทคโนโลยีของ NSA ส่งไปช่วยเหลือปฏิบัติการที่ฐานสังเกตการณ์ในประเทศญี่ปุ่น ในฐานะผู้บริหารระบบทำให้เขาสามารถเข้าถึงระบบความปลอดภัยและระบบควบคุมได้ทำให้เขาเห็นข้อบกพร่องร้ายแรงในเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล ทำให้เขาแนะนำผู้บังคับบัญชาให้มีการจัดคนควบคุมเพิ่มเป็น 2 คนเพื่อช่วยตรวจสอบปฏิบัติการที่มีความเสี่ยงเนื่องจากไม่เพียงแค่ ผู้เปิดโปง จะสามารถนำข้อมูลมาใช้ได้ แต่สายลับก็อาจกระทำได้เช่นกันสโนว์เดนเล่าต่อว่า ช่วงก่อนที่จะมีการเผยแพร่เอกสารออกมาเขาได้ประเมินความเสี่ยงเป็นครั้งสุดท้าย เขาพยายามเอาชนะสิ่งที่เขาเรียกว่าเป็น ความหวาดกลัวอย่างเห็นแก่ตัว ต่อผลที่จะเกิดกับเขาหลังจากนั้น แต่เขาก็บอกว่าความกลัวอย่างสุดท้ายที่เหลืออยู่น่าจะเป็นความไม่ยินดียินร้าย (apathy) ของผู้คนที่ไม่สนใจสิ่งที่เขาเสนอแต่เอกสารที่รั่วไหลออกมาสู่สายตาสาธารณชนก็ได้รับความสนใจอย่างมาก เพราะมันเป็นสิ่งที่เปิดเผยหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ต่อชาวอเมริกันโดยที่พวกเขาไม่เคยรับรู้มาก่อนวอชิงตันโพสต์ระบุว่าเอกสารต่างๆ ของ NSA ใช้ชื่อที่แสดงให้เห็นการอวดอ้างพลังอำนาจขององค์กรตนเองเช่น MUSCULAR TUMULT TURMOIL และจากความร่วมมือของบริษัทเอกชนบางแห่งทำให้ NSA สามารถดักข้อมูลผ่านใยแก้วนำแสงได้ ทำให้สามารถดักข้อมูลได้ทั้งจากอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์ พวกเขาเก็บข้อมูลบัญชีรายชื่ออีเมล ตำแหน่งการใช้โทรศัพท์มือถือ และข้อมูลการโทรภายในประเทศ ไว้ได้จำนวนมาก และส่วนใหญ่แล้วเป็นข้อมูลของคนธรรมดาที่ไม่ได้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในเรื่องใดแต่การสอดแนมและการได้รับข้อมูลข่าวกรองจากสัญญาณสำหรับ NSA แล้วเป็นเรื่องของความเป็นความตาย ในเอกสารนำเสนอภายในองค์กรเมื่อช่วงสัปดาห์แรกของเดือน ต.ค. 2544 ระบุว่า ถ้าไม่มีสิ่งนี้ (การสอดแนม) อเมริกาจะจบสิ้นลงอย่างที่เรารู้กัน ซึ่งการนำเสนอดังกล่าวนี้เป็นการโต้ตอบต่อเหตุการณ์โจมตีตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์และเพนตากอนโดยกลุ่มอัล-เคด้า หรือที่เรียกว่าเหตุการณ์ 9/11จากนั้น NSA ก็ปฏิบัติตามคำสั่งของประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช ในการเก็บข้อมูลภายในประเทศโดยไม่ผ่านอำนาจของรัฐสภาและศาลสหรัฐฯ ต่อมา NSA ก็ได้รับมอบอำนาจจากองค์กรเหล่านี้ แต่ส่วนหนึ่งก็มาจากการแอบตีความกฎหมายที่ผ่านร่างโดยรัฐสภาในช่วงปี 2550 -2555แต่วอชิงตันโพสต์ก็เชื่อว่ามีปฏิบัติการบางอย่างของ NSA ที่ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบจากสภาหรือศาล เช่น โครงการ MUSCULAR ที่ใช้ฐานปฏิบัติการนอกพื้นที่อาณาเขตสหรัฐฯ ในการดักข้อมูลของบริษัทในสหรัฐฯ ซึ่งในเรื่องนี้ทำให้ผู้บริหารบริษัทไอทีสหรัฐฯ ไม่พอใจอย่างมาก แบรด สมิธ ที่ปรึกษาของไมโครซอฟท์ถึงขั้นเขียนในบล็อกของบริษัทว่า NSA เป็นภัยคุกคามต่อเนื่องขั้นสูง (Advanced Persistent Threat หรือ APT) ซึ่งถือเป็นคำในแง่ลบมากในวงการความปลอดภัยด้านไอทีแม้สมิธจะเคยให้สัมภาษณ์ยอมรับว่าการเคลื่อนไหวต่อต้านองค์กรข่าวกรองสหรัฐฯ โดยกลุ่มบริษัทไอทีจะมาจากความกังวลเรื่องภัยต่อธุรกิจของพวกเขาเอง แต่พวกเขาเองก็ยึดในหลักการอย่างหนึ่งคือการทำให้แน่ใจว่าข้อมูลของลูกค้าพวกเขาจะตกไปอยู่ในมือของผู้ยื่นคำร้องจากรัฐบาลโดยเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย และสอดคล้องกับหลักการของรัฐธรรมนูญเท่านั้นจากข้อถกเถียงเรื่องที่ว่าการสอดแนมควรมีอยู่หรือไม่ ควรเป็นไปในระดับใดถึงจะไม่ขัดแย้งกับสิทธิความเป็นส่วนตัวของประชาชนทั่วไป ในเรื่องนี้สโนว์เดนแสดงความคิดเห็นไว้ตั้งแต่ต้นและยังคงเน้นย้ำว่า NSA ควรเน้นสอดแนมแบบระบุเป้าหมายชัดเจนเมื่อ 6 เดือนก่อนหน้านี้ผู้สื่อข่าวเคยถามเขาผ่านอีเมลที่ถูกเข้ารหัส (encrypted) ว่ามีเหตุผลใดไหมที่ชาวอเมริกันจะอยากให้ NSA เลิกเก็บข้อมูลแบบเหมารวมจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นการใช้อุปกรณ์ดักเก็บข้อมูลข่าวกรองได้ไม่เต็มประสิทธิภาพสโนว์เดนตอบว่า การเปิดให้มีการถกเถียงสาธารณะเกี่ยวกับอำนาจของรัฐบาลย่อมดีกว่าการปล่อยให้มีอันตรายจากการอนุญาตให้อำนาจเหล่านี้เติบโตขึ้นอย่างลับๆ ซึ่งสโนว์เดนบอกว่าการเติบโตของอำนาจอย่างลับๆ ถือเป็น ภัยโดยตรงต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยขณะเดียวกันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสำหรับเทคโนโลยีในยุคนี้ไม่เพียงรัฐเท่านั้นที่จะสอดแนม แต่ก็เป็นไปได้ที่บริษัทเอกชนจะสอดแนมหรือกุมข้อมูลของลูกค้าพวกเขาเองเช่นกัน โดยสโนว์เดนกล่าวถึงประเด็นนี้ว่า ความแตกต่างระหว่างการสอดแนมของบริษัทเอกชนกับขององค์กรรัฐคือการที่รัฐมีอำนาจในการลิดรอนเสรีภาพหรือเอาชีวิตของผู้คนได้ สโนว์เดนกล่าวว่าขณะที่เขาอยู่ที่ NSA เคยมีคนพูดติดตลกว่า เราจะเอาหัวรบขีปนาวุธยิงใส่หน้าผากเลย แต่บริษัทอย่างทวิตเตอร์จะไม่เอาอาวุธไปยิงใส่หัวใครประเด็นเรื่องสิทธิความเป็นส่วนตัวของสโนว์เดนถือเป็นสิทธิสากล ไม่ว่าจะทั้งชาวอเมริกันหรือชาวต่างประเทศก็มีสิทธินี้ผมไม่สนใจว่าคุณจะเป็นพระสันตปาปาหรือโอซามา บิน ลาเดน สโนว์เดนกล่าว ตราบใดที่มีเหตุผลมากพอในการตั้งเป้าหมายอย่างเจาะจงชัดเจนในแง่ข่าวกรองต่างชาตินั่นถือเป็นเรื่องที่กระทำได้ ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นการหนักหนาสาหัสอะไรที่จะถามหาเหตุผลความเป็นไปได้ เพราะคุณต้องเข้าใจว่าเมื่อคุณมีเครื่องมือในการเข้าถึงข้อมูลแบบที่ NSA มีแล้ว เรื่องเหตุผลก็ถูกละทิ้งไปนอกจากบริษัทไอทีแล้ว ผู้นำต่างชาติหลายคนแสดงความไม่พอใจเมื่อมีการเปิดโปงเรื่องการสอดแนมพวกเขาเช่น แองเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และดิลมา รุสเซฟฟ์ ประธานาธิบดีบราซิล ทำให้เกิดปัญหาด้านความสัมพันธ์แม้ในหมู่ประเทศพันธมิตรด้วยกันเองสโนว์เดนกล่าวในเรื่องการเปิดโปงการสอดแนมต่างชาติว่ามันไม่ใช่เป็นการแสดงให้เห็นเรื่องการสอดแนมแต่อย่างเดียว แต่ยังแสดงให้เห็นการหลอกลวงของรัฐบาลโอบามาที่เคยให้คำมั่นว่าพวกเขาไม่เคยมีปฏิบัติการสอดแนมชาวเยอรมัน เมื่อเรื่องนี้ปรากฏออกมา ทำให้เห็นว่าเขาโกหกต่อคนทั้งประเทศทางด้านเจ้าหน้าที่ทางการสหรัฐฯ มักจะบอกว่าการเปิดโปงของสโนว์เดนสร้างความเสียหายต่อการเก็บรวบรวมข้อมูลข่าวกรอง เพราะการเปิดเผยวิธีการที่ใช้ทำให้ศัตรูสามารถเรียนรู้ที่จะหลีกเลี่ยงการถูกดักเก็บข้อมูลได้แมทธิว โอลเซน ผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายแห่งชาติสหรัฐฯ และอดีตที่ปรึกษาของ NSA กล่าวว่าในตอนนี้กลุ่มอัล-เคด้า และกลุ่มก่อการร้ายที่เกี่ยวข้องเริ่มมองหาวิธีการปรับเปลี่ยนการสื่อสารของพวกเขาใหม่ เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ก็บอกว่าเขาเห็นว่ามีเป้าหมายการสอดแนมบางคนที่เปลี่ยนช่องทางการสื่อสารต่างออกไปจากเดิม แต่คำกล่าวนี้ก็ทำให้มองเห็นในอีกแง่คือ NSA สามารถทราบเรื่องการเปลี่ยนวิธีการสื่อสารได้ด้วยวอชิงตันโพสต์ระบุว่า เจมส์ แคลปเปอร์ จูเนียร์ ผู้อำนวยการด้านข่าวกรองแห่งชาติมักจะกล่าวย้ำต่อสาธารณะว่าการรั่วไหลของข้อมูลสร้างความเสียหายมาก แต่ในที่ประชุมประเมินความเสียหายจากกรณีจารกรรมก่อนหน้านี้ แคลปเปอร์กล่าวในที่ประชุมว่าความเสียหายที่คาดการณ์ไว้แทบจะไม่เกิดขึ้นจริง ผู้เข้าร่วมประชุมคนหนึ่งบอกกับวอชิงตันโพสต์ว่ายังไงผู้คนก็ต้องสื่อสาร พวกเขาจะทำผิดพลาดและหน่วยข่าวกรองก็จะใช้ประโยชน์จากตรงนั้นสิ่งที่ทำให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยข่าวกรองเป็นกังวลมากกว่าในตอนนี้คือ รัสเซีย หรือจีน ได้นำข้อมูลออกไปจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของสโนว์เดนหรือไม่ พวกเขายังไม่มีหลักฐานยืนยันความกังวลนี้ ส่วนสโนว์เดนเองก็บอกว่าเขาไม่ได้เผยแพร่ไฟล์เอกสารต่อทางการจีนและไม่ได้นำไปยังรัสเซียด้วย แต่เขาไม่ขอเปิดเผยว่าในตอนนี้ไฟล์เอกสารอยู่ที่ใด เขาเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์แลปทอปให้ผู้มาเยือนดูแล้วบอกว่าฮาร์ดไดร์ฟเก็บข้อมูลในเครื่องเขาว่างเปล่าอีกคำถามหนึ่งคือสโนว์เดนนำข้อมูลออกไปมากเท่าใด ซึ่งล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้เจ้าหน้าที่คนสำคัญของ NSA ริค เล็ดเก็ทกล่าวให้สัมภาษณ์ต่อ CBS ว่าอาจจะมีเอกสารมากถึง 1.7 ล้านฉบับ ที่สโนว์เดนนำไป และเขาบอกว่าอาจจะมีการเจรจาเพื่อขอเอกสารคืนแลกกับการนิรโทษกรรมสโนว์เดน แต่ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของรัฐบาลโอบามาก็ไม่ยอมรับในเรื่องนี้วอชิงตันโพสต์ระบุอีกว่าตลอดระยะเวลารวม 14 ชั่วโมงที่นักข่าวสัมภาษณ์สโนว์เดนครั้งล่าสุดนี้ เขาแทบไม่ยอมพูดเรื่องชีวิตส่วนตัวเลยและไม่ยอมปล่อยให้ถูกหลอกถามในเรื่องนี้ได้ เขาบอกเพียงแค่ว่าเขาเป็นคนถือสันโดษ เขาดำรงชีวิตอยู่ด้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและมันฝรั่งทอด มีคนมาเยี่ยมเขาบ้างและหลายคนก็นำหนังสือมาให้ มีหนังสือกองอยู่มากมายโดยที่เขาไม่ได้อ่าน สำหรับสโนว์เดนแล้วอินเทอร์เน็ตเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่และเป็นหน้าต่างที่ใช้มองดูความคืบหน้าของเป้าหมายเขาในเรื่องที่ NSA กล่าวโจมตีตัวเขา สโนว์เดนบอกว่าเขาไม่สนใจในเรื่องนี้บอกให้เขาพูดสิ่งที่อยากพูดไป สโนว์เดนกล่าว นั่นไม่เกี่ยวกับตัวผมอย่างไรก็ตามสโนว์เดนรู้ดีว่าการที่ตัวเขาอยู่ในรัสเซียทำให้กลายเป็นเรื่องที่ถูกนำมาวิจารณ์ได้ แต่ตัวเขาก็ไม่ได้เลือกให้มอสโกเป็นแหล่งลี้ภัยแหล่งสุดท้าย เขาบอกว่าเมื่อรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้หนังสือเดินทางของเขาเป็นโมฆะแล้วเขาก็ต้องเปลี่ยนเส้นทางไปอยู่ที่ละตินอเมริกาโดยไม่มีทางเลือกอื่นเป็นเรื่องน่าแปลกที่ทางการรัสเซียไม่จับตาดูเขา ไม่มีใครคอยติดตามตัวสโนว์เดน และคนที่มาเยี่ยมก็ไม่เห็นใครอยู่ในละแวกใกล้เคียง สโนว์เดนเองก็ยังใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ ยังคงสามารถพูดคุยกับทนายและนักข่าวได้นับตั้งแต่วันแรกที่เขาออกจากห้องรับรองผู้โดยสารในสนามบินเชเรเมทเยโวไม่มีหลักฐานสำหรับคำกล่าวอ้างว่าผมมีความภักดีต่อรัสเซีย หรือจีน หรือประเทศอื่นๆ นอกจากสหรัฐฯ สโนว์เดนกล่าว ผมไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ กับรัฐบาลรัสเซีย ผมไม่ได้ทำข้อตกลงใดๆ กับพวกเขาถ้าหากผมจะเป็นผู้แปรพักตร์ ผมก็เป็นผู้ที่แปรพักตร์จากฝ่ายรัฐบาลมาสู่ฝ่ายประชาชน สโนว์เดนกล่าว* ภาษาเทคนิคด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ หมายถึงการวางแผนแก้ไขปัญหาโดยใช้โปรแกรมประยุกต์ได้รับการพัฒนาในส่วนเล็กๆ เรียกว่า iterative แต่ละ iterative จะได้รับการทบทวนและวิเคราะห์โดยทีมงานซอฟต์แวร์และผู้ใช้ขั้นปลายศักยภาพ ข้อมูลเชิงลึกที่ได้รับจากการวิจารณ์ iterative จะใช้ในการกำหนดขั้นตอนต่อไปในการพัฒนา (ข้อมูลจาก http://www.widebase.net/knowledge/itterm/it_term_desc.php?term_id=iterative) 24-12-2013 Washington Post 17-12-2013จาก
ในบทสัมภาษณ์ล่าสุด เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน ผู้เปิดโปงโครงการสอดแนมสหรัฐฯ บอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาสำหรับเขาแล้วถือเป็นความสำเร็จ
ต่างประเทศ,ไอซีที,ความมั่นคง
9/11,NSA,PRISM,การก่อการร้าย,การสอดแนมออนไลน์,ความเป็นส่วนตัว,รัสเซีย,สหรัฐอเมริกา,เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน
https://prachatai.com/journal/2013/12/50651
ทดลองก่อน
แต่มีประเทศหนึ่งทดลองทำจริงจังหาผลดี-ผลเสีย ควรจะทำต่อไม่รอแล้วหรือจะแค่ทดลองไม่ (เอา) อีกแล้ว,ฟินแลนด์ ทดลองโครงการรายได้พื้นฐานทั่วไป (Universal basic income:UBI) เริ่ม ม.ค.2560-ธ.ค.2561 สุ่มเลือกผู้เข้าร่วมเป็นคนว่างงาน 2,000 คน ใช้งบประมาณ 20 ล้านยูโร (ราว 711 ล้านบาท),สวัสดิการจากยูบีไอ ฟินแลนด์ประเทศในยุโรปที่มีประชากร 5,503,347 คน ช่วยค่าเช่าที่พักเดือนละ 560 ยูโร (เกือบ 20,000 บาท) และสวัสดิการอื่นๆ เป้าหมายคืออยากรู้ว่าคนตกงานที่ได้รับเงินช่วยค่าที่พักจะหางานทำได้หรือไม่ และให้การสนับสนุน ถ้าใครต้องการทำงานกิ๊กอีโคโนมี (การจ้างงานระยะสั้นหรือจ้างงานชั่วคราว) ที่ไม่มั่นคง,ผลเบื้องต้นที่ได้คืออัตราการจ้างงานไม่ค่อยดีขึ้น แต่ผู้เข้าร่วมมีความสุขและรู้สึกกดดันน้อย,ย้อนกลับไปตอนแรกเริ่มโครงการทดลอง ฟินแลนด์ถือเป็นประเทศยุโรปชาติแรกที่ทดสอบแนวคิด รายได้พื้นฐาน แบบไม่มีเงื่อนไข ดำเนินการโดยสถาบันประกันภัยสังคม (Kela) หน่วยงานรัฐบาลฟินแลนด์,ฟินแลนด์หยิบยืมแนวคิดจากงานเขียนเรื่องยูโทเปียของเซอร์ โธมัส มอร์ ตีพิมพ์เมื่อปี ค.ศ.1516 หรือ 503 ปีก่อน เป็นแนวคิดที่ถูกนำมาทดลองทำทั่วโลก เช่น คนวัยผู้ใหญ่ใน,หมู่บ้านแห่งหนึ่งในทางตะวันตกของเคนยา จะได้เงินช่วยเดือนละ 22 ดอลลาร์ (ราว 704 บาท) นาน 12 ปี จนถึงปี 2571 รัฐบาลอิตาลีกำลังเร่งผลักดันโครงการ รายได้พลเมือง (citizens income) และเมืองอูเทรชต์ในเนเธอร์แลนด์ กำลังศึกษา รายได้พื้นฐาน ที่เรียกว่า โนว์ วอต เวิร์กส (Know What Works) จนถึง เดือน ต.ค.,ทีมนักวิจัยจาก Kela คาดหวังผลไม่ใช่แค่สำเร็จหรือล้มเหลว แต่อยากรู้ด้านอื่นๆของโครงการนี้ด้วย เช่น การใช้รายได้พื้นฐานและข้อบกพร่อง เรื่องนี้จึงเป็นข้อเท็จจริงและเป็นข้อมูลใหม่ที่ไม่เคยรู้มาก่อนจะเริ่มทดลองโครงการ,รายงานสรุปผลขั้นสุดท้ายจะออกมาในปี 2563 ตอนนั้นจึงจะรู้ผลชัด การทดลองทำโครงการนี้ของฟินแลนด์จะได้ผลดีหรือไม่คุ้ม.,เกรียงศักดิ์ จุนโนนยางค์
นโยบายประชานิยมมักถูกมองด้านลบ ใครหรือรัฐบาลไหนทำเป็นต้องถูกเหมาว่าหวังผลทางการเมือง แต่มีประเทศหนึ่งทดลองทำจริงจังหาผลดี-ผลเสีย ควรจะทำต่อไม่รอแล้วหรือจะแค่ทดลองไม่ (เอา) อีกแล้ว
null
นโยบายประชานิยม,ประชานิยม,หวังผลทางการเมือง,หน้าต่างโลก,เกรียงศักดิ์ จุนโนนยางค์,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/foreign/1495043
ออกหมายจับอดีต อนุ กมธ.ศาสนาสมัยรบ. ยิ่งลักษณ์ ทวีตหมิ่น ประยุทธ์
ฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ปลอมทวิตเตอร์ หมิ่นประมาท พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านโปรแกรมทวิตเตอร์แล้ว โดยศาลอาญาได้ออกหมายจับที่ 620/2560 ลง 7 มี.ค. 2560 ตามที่ พล.ต.ต.ศุภเศรษฐ์ โชคชัย ผบก.ปอท. และพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ผู้ร้องได้รวบรวมพยานหลักฐานอันสมควรเชื่อว่า ธรรศ วันพฤหัส เป็นผู้ที่นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ และดูหมิ่นโดยการโฆษณาผู้ร้องได้รวบรวมพยานหลักฐานอันสมควรเชื่อว่า ธรรศ วันพฤหัส เป็นผู้ที่นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ และดูหมิ่นโดยการโฆษณา ในบัญชี Twitterของตนที่ใช้ชื่อว่าUNLIMITEDHEART @Unlimitedheartซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ดูหมิ่นโดยได้การโฆษณา เพราะฉะนั้นให้ท่านจับตัว ธรรศ วันพฤหัส ที่อยู่3/156ถนนพหลโยธิน ซอยอารีย์2แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม.ไปส่งที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายในอายุความ10ปี นับตั้งแต่วันที่28ก.พ. 2560ถึง28ก.พ. 2570 การออกหมายจับดังกล่าวสืบเนื่องมาจากกรณีที่มีบุคคลใช้งาน Twitterชื่อUNLIMITEDHEART @Unlimitedheartโพลต์ข้อความที่มีเนื้อหาด่าว่า พล.ต.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และข้อความต่อต้านการทำงานของรัฐบาลมาอย่างอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่28กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา พล.ต.ต.ศุภเศรษฐ์ โชคชัย ผบก.ปอท. ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.โอฬาร สุขเกษม ผกก.กก.3บก.ปอท. ดำเนินการเฝ้าระวังตรวจสอบการกระทำผิดดังกล่าว จนเมื่อวันที่5มีนาคม ชุดปฏิบัติการเฝ้าระวังสังคมออนไลน์ บก.ปอท.ได้ตรวจพบข้อความผ่านทวิตเตอร์ บัญชีUNLIMITEDHEART @Unlimitedheart ได้โพสต์ข้อความต่อว่า ด่าทอ พล.อ.ประยุทธ์ มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่โพสต์ภาพทหารช่วยงานศพ ลุงอนุวัช ธนเจริญณัฐ ผู้เสียชีวิตจากการผูกคอประท้วงกรณีที่รัฐบาลใช้มาตรา 44 กับวัดพระธรรมกาย แต่กลับเอาภาพไปบิดเบือนหาว่าทหารรื้องานศพ ทั้งนี้ ข้อความที่ทวิตฯ ออกไปเข้าข่ายตำหนิต่อว่าอาฆาตมาดร้าย นายกฯพล.ต.ต.ศุภเศรษฐ์ ผบก.ปอท. ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนประสานกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมทำการสืบสวนสอบสวนตรวจสอบหาบุคลที่ใช้บัญชีทวิตเตอร์ชื่อUNLIMITEDHEART @Unlimitedheartจนทราบว่า ธรรศ วันพฤหัส เป็นบุคคลที่เป็นเจ้าของบัญชีทวิตเตอร์ดังกล่าว ก่อนให้ พ.ต.อ.โอฬาร ผกก.กก.3รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับบุคคลดังกล่าวมาดำเนินคดีในความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550มาตรา14 (1) (5)และความผิดฐานดูหมิ่นผู้อื่นด้วยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา393จนกว่าคดีจะถึงที่สุดรายงานข่าวยังระบุด้วยว่า ธรรศ วันพฤหัส เคยเป็นอนุกรรมาธิการ (กมธ.) และเลขานุการคณะอนุกรรมาธิการพระพุทธศาสนา ในกรรมาธิการการศาสนา สภาผู้แทนราษฎรสมัยรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ ยังเคยถูกศาลฎีกานักการเมือง สั่งปรับพร้อม ม.ล.มิ่งมงคล โสณกุล หรือ หม่อมเต่านา คนละ 500 บาท คดีละเมิดอำนาจศาล โดยเข้าไปยืนระยะประชิดและจ้องหน้าพนักงานอัยการ ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่ในคดีไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวที่มา และ
เมื่อวันที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมา รายงานข่าวระบุว่าว่า ศาลอาญาอนุมัติหมายจับบุคคลตามที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ร้องขอ
การเมือง,ไอซีที
การนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ,ทวิตเตอร์,ธรรศ วันพฤหัส,พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์,พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา,หมิ่นประมาท,โอฬาร สุขเกษม
https://prachatai.com/journal/2017/03/70514
ย้าย รอง ผกก.สภ.ช้างเผือก เหตุคดีทำร้ายลูกชาย ผบ.มทบ.38 ไม่คืบ
วานนี้ (8 ธ.ค.2559) ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 มีคำสั่งให้ พ.ต.ท.สิทธิพร บัวสุข รองผู้กำกับการสืบสวน สถานีตำรวจภูธรช้างเผือก จ.เชียงใหม่ ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 5 โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 14 มาตรา 73 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พุทธศักราช 2547 และระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปฏิบัติราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พุทธศักราช 2552หลังเกิดคดีทำร้ายร่างกายที่ร้านมาลิน สกาย ในโครงการเดอะเชียงใหม่ คอมเพล็กซ์ ซึ่งทำให้นายอิศราชนุวัฒภ์ วรรคาวิสันต์ บุตรชายผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 38 บาดเจ็บ และคดีอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของสถานีตำรวจภูธรช้างเผือกพล.ต.ต.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 กล่าวถึงสาเหตุที่มีคำสั่งย้ายรองผู้กำกับการสืบสวน เพราะทำงานค่อนข้างล่าช้า และไม่ค่อยเห็นความคืบหน้าของคดีประกอบกับในวันเกิดเหตุ รองผู้กำกับการสืบสวนลาพัก หรือมีพฤติกรรมไม่กระตือรือร้นในการติดตามความคืบหน้าเท่าที่ควร
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เผยว่า ได้สั่งย้าย รองผู้กำกับการสืบสวน สถานีตำรวจภูธรช้างเผือก ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบคดีดังกล่าว เนื่องจากคดีไม่มีความคืบหน้า
อาชญากรรม
ผบ.มทบ.38,มาลินสกาย,เชียงใหม่,สถานีตำรวจภูธรช้างเผือก,ThaiPBSnews,ไทยพีบีเอส,ข่าวไทยพีบีเอส
https://news.thaipbs.or.th/content/258543
คนกรุงเทพฯเตรียมรับมือน้ำท่วมฝั่งตะวันออก
เครือข่ายสภาองค์กรชุมชนโซนศรีนครินทร์ ซึ่งเป็นตัวแทนชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ กทม.ฝั่งตะวันออก ทั้ง 4 เขต ประกอบไปด้วย หนอกจอก มีนบุรี คลองสามวา และลาดกระบัง ร่วมแสดงความคิดเห็นในวงเสวนา เพื่อเตรียมพร้อมรับมือ เนื่องจากพื้นที่ฝั่งตะวันออกถูกกำหนดให้เป็นจุดรับน้ำจากการผันน้ำของกรุงเทพมหานครในช่วงวันที่ 16-18 ตุลาคมนี้ทั้งนี้เครือข่ายจะจัดตั้งศูนย์ประสานงานพื้นที่ฝั่งตะวันออกที่ดำเนินการโดยภาคประชาชน และยังมีข้อเสนอไปยังกรุงเทพมหานคร 7 ข้อ หลักๆคือ พื้นที่ฝั่งตะวันออกพร้อมรับน้ำ แต่ กทม.ต้องเร่งผันน้ำลงทะเลให้เร็วที่สุด ร่วมกันกำหนดทิศทางการป้องกันและการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม โดยให้ชุมชนมีส่วนร่วม เพราะชุมชนรับทราบปัญหาดีที่สุด ชาวบ้านต้องสามารถเข้าถึงข้อมูลการเตือนภัยได้เร็วกว่านี้ และต้องเป็นข้อมูลที่เข้าใจง่าย กทม.ต้องหาจุดอพยพ ที่พักพิงชั่วคราว หากต้องมีการลำเลียงผู้ประสบภัยออกจากพื้นที่ และขอให้กทม.วางแผงผังเมืองเพื่อการแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างถาวรนอกจากนี้เสนอให้ภาครัฐศึกษาผลกระทบร่วมกันเฝ้าระวังตั้งศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ และจัดตั้งองค์กรอิสระ ติดตามการดำเนินงานแก้ไขปัญหาร่วมกับภาคประชาชน ขณะที่นายรอยล จิตดอน นักวิชาการจากสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เสนอว่าภาครัฐความให้ข้อมูลที่ชัดเจนและรอบด้านกับชาวบ้าน เพื่อให้รับมือได้ทันสำหรับพื้นที่ฝั่งตะวันออกของ กทม.ทั้ง 4 เขต ซึ่งอยู่นอกแนวคันกั้นน้ำ มีลักษณะเป็นแอ่งกระทะ และเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก โดยกว่า 1 เดือนแล้วที่น้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่กว่าร้อยละ 40 ของพื้นที่ทั้งหมด โดยเฉพาะชาวบ้านที่อยู่ริมน้ำ เดือดร้อนเกือบ 2000 คน และกำลังประสบปัญหาคูคลองตื้นเขิน กระสอบทรายมีไม่เพียงพอ ขณะที่พื้นที่แห่งนี้ถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่รับน้ำในแผนระบายน้ำของ กทม. แต่จนถึงขณะนี้ ชาวบ้านในพื้นที่ก็ยังไม่ทราบข้อมูลที่ชัดเจน ถึงปริมาณน้ำที่จะผันลงมาในพื้นที่
กรมชลประทานคาดว่าจะมีน้ำเหนือไหลมาถึง กทม.ในสัปดาห์หน้า ซึ่ง กทม.มีแผนพร่องน้ำออกทางพื้นที่ฝั่งตะวันตกและตะวันออก ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่เขตตะวันออกกังวลมีข้อเสนอแนะไปยังภาครัฐ และ กทม.
สังคม
กทม.,คลองสามวา,ตะวันออก,น้ำท่วม,ผันน้ำ,มีนบุรี,ลาดกระบัง,หนอกจอก,เครือข่ายสภาองค์กรชุมชนโซนศรีนครินทร์
https://news.thaipbs.or.th/content/38670
จิรภพ ภูริเดช สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก่อนนั่งรักษาราชการแทน ผบก.ป.
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 4 ต.ค. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รรท.ผบก.ป. พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาระดับสูงใน บก.ป. ประกอบด้วย รอง ผบก.ป., ผกก.1-6 และ ผกก.ฝอ.บก.ป. ร่วมกันกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกองบังคับการปราบปราม ได้แก่ องค์พระพุทธพิทักษ์ธรรมนำชัย ซึ่งเป็นพระพุทธรูปประจำกองปราบ ศาลสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) และศาลพระภูมิเจ้าที่และศาลตายาย เพื่อความเป็นสิริมงคล ในการเข้ารับตำแหน่งในหน้าที่ใหม่ของรักษาราชการแทน ผบก.ป.,ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับ พ.ต.อ.จิรภพ นับเป็นรักษาราชการแทน ผบก.ป.คนที่ 36 รับตำแหน่งต่อจาก พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. คนที่ 35 โดยการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำ บก.ป.นั้น นับว่าเป็นพิธีการที่ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมาอย่างต่อเนื่อง ในการเข้ารับตำแหน่ง ผบก.ป. เปรียบเสมือน ผู้การประเทศไทย เนื่องจากมีขอบเขตอำนาจหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวนจับกุมทั่วราชอาณาจักร.,ข่าวที่เกี่ยวข้อง,- ,สมศักดิ์ศรี ผู้นำกองปราบ จิรภพ ภูริเดช โปรไฟล์เด่น มือวางอันดับ1, บช.ก.
จิรภพ ภูริเดช กราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนเข้าทำงานตำแหน่งใหม่ รักษาราชการแทน ผบก.ป.
ข่าว,ทั่วไทย
จิรภพ ภูริเดช,รักษาราชการแทน ผบก.ป.,กองบังคับการปราบปราม,สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์,ผู้การประเทศไทย,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1389974
ราคาน่ารัก มิตซูบิชิ แอททราจ รุ่นปรับปรุงใหม่
บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) แนะนำ มิตซูบิชิ แอททราจ รุ่นปรับปรุงใหม่ ยกระดับด้วยการปรับรูปลักษณ์ใหม่ทั้งภายนอกและภายใน เพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายด้วยราคาเริ่มต้น 483,000 บาท,มิตซูบิชิ แอททราจ ใหม่ มาพร้อมกับกระจังหน้าดีไซน์ฮันนี่โคมบ์ พร้อมคิ้วฝากระโปรงท้ายตกแต่งโครเมียมรมดำ และยังสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยล้ออัลลอยดีไซน์สีดำขนาด 15 นิ้ว ด้วยการทำตัวเป็นรถซิตี้คาร์ที่มีคุณสมบัติรอบด้าน ตั้งแต่การออกแบบและเทคโนโลยีไปจนถึงความปลอดภัยและสมรรถนะ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มองหารถยนต์คันเล็ก โดยได้รับความนิยมในกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบรถซิตี้คาร์ในประเทศไทยพอสมควร,มิตซูบิชิ แอททราจ ปรับปรุงภายนอก ภายใน และเสริมอุปกรณ์ต่างๆ เพิ่มเติม ทั้งเซ็นทรัลล็อก พร้อมปุ่มล็อกและปลดล็อก แผงบังแดดคู่หน้าพร้อมกระจกส่องหน้าและฝาปิด ที่พักแขนบริเวณเบาะคนขับ และเบาะคนขับปรับสูง-ต่ำได้ สำหรับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมีทั้งกระจกมองหลังปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ พร้อมปรับระดับสูง-ต่ำได้ และช่องเก็บของด้านหลังเบาะที่นั่งคู่หน้า และมือจับเหนือศีรษะแบบพับได้ เพิ่มสัมผัสเหนือระดับด้วยเบาะหนังสีดำ (เฉพาะรุ่น GLS-LTD),มิตซูบิชิ แอททราจ รุ่นปรับปรุงติดตั้งเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัย เช่น กุญแจอัจฉริยะพร้อมปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ พวงมาลัยหุ้มหนังแบบมัลติฟังก์ชั่นพร้อมระบบครูสคอนโทรล ระบบเอ็นเตอร์เทนเมนท์รองรับ Apple CarPlay1 พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง SIRI1 และสามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์บลูทูธแบบไร้สาย พร้อมจอแสดงภาพระบบสัมผัสรองรับ DVD/MP3,ระบบความปลอดภัยในเชิงป้องกันและปกป้องใน มิตซูบิชิ แอททราจ มีระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็วที่ความเร็วต่ำ (FCM-LS) ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว (RMS-FORWARD) ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC) ระบบป้องกันการลื่นไถล (TCL) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) และระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS) รวมถึงกล้องมองภาพหลังขณะถอยจอด ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS) ระบบเสริมแรงเบรก (BA) ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD),มิตซูบิชิ แอททราจ รุ่นปรับปรุงใหม่ ออกจำหน่าย 4 รุ่น ได้แก่,รุ่น GLX (เกียร์ธรรมดา 5 สปีดหรือเกียร์อัตโนมัติ), รุ่น GLS ,รุ่น GLS-LTD ,สีตัวถังมีให้เลือก 6 สี ได้แก่ ,สีแดง Wine Red ,สีขาวมุก White Pearl ,สีดำ Pyreness Black ,สีเมทัลลิก ,สีฟ้า Cerulean Blue Mica, สีเงิน Cool Silver ,สีเทา Titanium Gray,อาคม รวมสุวรรณ,E-Mail ,[email protected],Facebook ,https://www.facebook.com/chang.arcom,https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/
มิตซูบิชิ แอททราจ รุ่นปรับปรุงใหม่ ยัดอุปกรณ์และระบบความปลอดภัยเพียบ ปล่อยราคาน่ารัก เริ่มต้นที่ 483,000 บาท
ข่าว,ยานยนต์
ยานยนต์,รถยนต์,มิตซูบิชิ แอททราจ รุ่นปรับปรุงใหม่,อาคม รวมสุวรรณ
https://www.thairath.co.th/news/auto/news/1405800
มูรินโญ บอกก็อยากชนะแต่ทำไงได้กลางมันห่วย ชมกุนฉลาดยุฟูจนโดนแดง
โชเซ มูรินโญ กุนซือของ ผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้สัมภาษณ์กวนโอ๊ยเหมือนเดิมยอมรับอยากจะทำให้มันดีกว่านี้ แต่ทำไงได้กองกลางไร้ประสิทธิภาพ อีกทั้งยังกล่าวชม เซร์คิโอ อเกวโร ประสบการณ์และความฉลาดยั่วยุจนมารูยาน เฟลไลนี โดนใบแดง,สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันที่ 27 เม.ย. ว่า โชเซ มูรินโญ นายใหญ่ของ ผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พอใจกับผลเสมอต่อ เรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-0 โดยชี้ว่าการขาดนักเตะที่มีคุณภาพในแดนกลางจนโดนพับสนามบุกเสมอได้ก็โอเคแล้ว,ผีแดง ครองบอลได้เพียง 31 เปอร์เซนต์น้อยสุดตั้งแต่ อ็อพต้า จดสถิติในปี 2003 หรือเมื่อ 14 ปีที่แล้วโดย มูรินโญ ให้สัมภาษณ์หลังเกมยอมรับว่าก็อยากทำให้มันดีกว่านี้แต่ทำไงได้การขาดกองกลางที่มีคุณภาพทำให้ต้องสู้อย่างหนักเพื่อคว้า 1 แต้มกลับออกมาแทน,เราก็อยากทำให้มันดีกว่านี้แหละในเรื่องของเกมรุกและจังหวะสวนกลับให้มันดีมากขึ้น มูรินโญ กล่าว ในครึ่งแรกเราควบคุมเกมได้ดีเชียวนะแต่ครึ่งหลังมันเริ่มเจองานยากขึ้น เราต้องตัดสินใจว่าจะเล่นเพื่อเสมอและต้องต่อสู้อย่างหนักเพื่อคว้าแต้มกลับออกมา,พวกเขาเริ่มได้อย่างแข็งแกร่ง กดดันหนักและผมเคยสัญญาไว้ว่าจะไม่บอกเรื่องนักเตะที่ไม่ได้ลงเล่นดังนั้นผมจึงไม่พูด แต่เราขาดนักเตะที่มีคุณภาพในแดนกลาง เราขาดคุณภาพที่ตรงนั้น,ในครึ่งแรกเราสร้างอันตรายได้เสมอและมีหลานครั้งที่การเคลื่อนที่ของเราสามารถเริ่มจากบางอย่างได้ซึ่งมันเป็นเรื่องสำคัญแต่เราเสียบอลมากเกินไป,นอกจากนี้ มูรินโญ ยังพูดถึงประเด็นที่ เฟลไลนี ถูกเซร์คิโอ อเกวโร ยั่วยุจนโดนไล่ออกว่า ผมไม่เห็นเหตุการณ์เฟลไลนีในจอทีวีแต่ผมได้คุยกับเฟลไลนีแล้ว เขาคิดว่ามันเป็นใบแดงเพราะเขาคือเฟลไลนี,ผมเดินเข้าไปคุยกับมาร์ติน แอตกินสัน ผู้ตัดสินในเกมนี้มาล่ะ เขาคิดว่ามันเป็นใบแดง ผมเดาได้เลยว่ามันก็คงเป็นใบแดงนั่นแหละและมันก็เป็นเรื่องฉลาดและประสบการณ์ของนักเตะชาวอาร์เจนตินาผู้นี้
โชเซ มูรินโญ กุนซือของ ผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้สัมภาษณ์กวนโอ๊ยเหมือนเดิมยอมรับอยากจะทำให้มันดีกว่านี้ แต่ทำไงได้กองกลางไร้ประสิทธิภาพ อีกทั้งยังกล่าวชม เซร์คิโอ อเกวโร ประสบการณ์และความฉลาดยั่วยุจนมารูยาน เฟลไลนี แดง
กีฬา,ฟุตบอลยุโรป
พรีเมียร์ลีก,แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด,โชเซ มูรินโญ,เซร์คิโอ อเกวโร,แมนเชสเตอร์ ซิตี้
https://www.thairath.co.th/sport/eurofootball/premiereleague/925272
แนะเทคนิคขับพ้น ช้างป่า เขาอ่างฤาไน ดักโบก-ขวาง-ค้นรถ
วานนี้ (14 ธ.ค.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊กกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เผยแพร่ข้อความของเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนการใช้เส้นทาง โดยระบุว่า เนื่องจากตอนนี้ใกล้เข้าสู่เทศกาลปีใหม่ ประชาชนเริ่มเดินทางกลับบ้าน ไปท่องเที่ยว หรือไปทำธุระต่างๆ เส้นทางสาย 3076 หรือ ถนน 3259 เดิม เป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่ประชาชนส่วนใหญ่ใช้สัญจรเพื่อเดินทางไปยังจุดหมายประกอบกับเป็นช่วงฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตร มีรถบรรทุกพืชผลเกษตรใช้เส้นทางนี้เพื่อขนส่งพืชเกษตรสู่โรงงานแปรรูป เส้นทางช่วงผ่านป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤๅไน ระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร จะมีรถยนต์สัญจรไปมามากกว่าปกติโดยช้างป่า ก็ออกตรวจตราเก็บค่าผ่านทางจากรถบรรทุกพืชเกษตรแบบไม่มีกำหนดเวลา ปัญหาเกิดสำหรับประชาชนผู้ใช้เส้นทางสายนี้เป็นประจำ อาจพอรู้ทางหนีทีไล่ สามารถผ่านเอาตัวรอดไปได้แบบมีสกิลภาพ:เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอางฤาไน แต่ประชาชนผู้ใช้เส้นทางสายนี้แบบนานๆ มาครั้ง ก็จะกล้าๆ กลัวๆ หรือไม่กล้าเลย หากไปพบเจอเจ้าถิ่นกำลังตั้งด่านเรียกเก็บค่าผ่านทางเกิดปัญหารถติด 2 ฝั่ง บางคันไม่ไปยังกั๊กทาง แต่บางคันก็ตกใจจนไม่รู้จะไปทางไหน เลยเกิดปัญหารถเต็มถนนทั้ง 2 ฝั่ง โดยมีช้างป่าเป็นศูนย์กลางหากท่านที่ใช้เส้นทางช่วงผ่านป่าพบเหตุการณ์รถติดยาวๆ แบบนี้ ขอแนะนำว่าไม่ต้องแซงขึ้นไปเพื่อไปดูเหตุการณ์ข้างหน้าว่ามีอะไร ปล่อยให้เลนขวาว่างไว้อย่างนั้น เพราะเมื่อรถฝั่งใดฝั่งหนึ่งได้โอกาสเคลื่อนตัวออกไป จะได้ไม่ไปติดรถที่สวนเลนมา และกั๊กกันไว้ตรงที่ช้างป่ายืนรอท่าอยู่พอดี อาจทำให้ช้างป่าหงุดหงิด และเป็นอันตรายต่อผู้ใช้เส้นทางได้ขอให้ทุกคนะขับรถอย่างมีน้ำใจและเดินทางปลอดภัย โดยเปิดการจราจรเส้นทาง 3076 ช่วงผ่านป่า1 ม.ค.- 30 เม.ย.ของทุกปี ในช่วงเวลา 05.00 - 21.00 น.ภาพ:เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอางฤาไน อ่าน
เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน แจ้งประชาสัมพันธ์คนใช้เส้นทางถนนสาย 3076 หรือ ถนน 3259 ที่ผ่านป่าระยะทาง 15 กม. มีโอกาสเจอช้างป่าออกตรวจตราช่วงเวลา 15.00-20.00 น. มีพฤติกรรม โบก -ขวาง-รื้อค้น-ขนลง แนะอย่าขับแซง ให้ปล่อยเลนขวาให้ว่าง
สิ่งแวดล้อม
ช้างป่า,เขาอ่างฤาไน,ขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน,กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช
https://news.thaipbs.or.th/content/287062
ดุงก้า โวลั่น บราซิลคืนฟอร์มเก่ง หลังบุกอัด ฝรั่งเศส คาบ้าน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันที่ 27 มี.ค. ว่า คาร์ลอส ดุงก้า นายใหญ่ของทีมชาติบราซิล ออกมาชี้ว่า บรรดานักเตะของทีมกลับมาคืนฟอร์มเก่งอีกครั้ง หลังบุกไปเอาชนะอดีตแชมป์โลกและแชมป์ยุโรปอย่างฝรั่งเศสได้ถึงถิ่น 3-1 ในเกมนัดกระชับมิตรเมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา,โดยในเกมดังกล่าว ทีมตราไก่ เจ้าถิ่น ได้ประตูนำไปก่อนในครึ่งแรก จาก ราฟาเอล วาราน ก่อนที่ขุนพลบราซิเลียน จะมาทวงคืน 3 ประตูรวดในครึ่งเวลาหลัง จาก ออสการ์ ห้องเครื่องจากทีมเชลซี เนย์มาร์ และ หลุยส์ กุสตาโว,หลังจบเกม อดีตแบ็กขวาทีมชาติบราซิล วัย 51 ปี กล่าวว่า บรรดาขุนพลเซเลเซา กำลังกลับสู่ความมั่นใจและกระหายต่อชัยชนะอีกครั้ง หลังทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ในศึกฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิลเป็นเจ้าภาพ เมื่อปี 2014 โดยเฉพาะการถูกทีมชาติเยอรมนีเขี่ยตกรอบรองชนะเลิศ ด้วยสกอร์มโหฬารถึง 7-1,เราเล่นกันได้อย่างดี และพยายามต่อบอลเร็วได้อย่างแม่นยำ เพื่อลบข้อด้อยในเรื่องของรูปร่างที่เสียเปรียบคู่แข่ง ถึงแม้บางจังหวะอาจมีผิดพลาดให้เห็นบ้าง แต่โดยรวมสมดุลของเกมเริ่มกลับมาแล้ว และเราก็สมควรที่จะเป็นผู้ชนะในเกมนี้ อดีตกัปตันทีมชุดแชมป์โลกปี 1994 กล่าว.
คาร์ลอส ดุงก้า นายใหญ่ของทีมบราซิลชมเปาะ! ลูกทีมกลับมาสู่ฟอร์มเก่งอีกครั้ง หลังเสียศูนย์จากการตกรอบรองชนะเลิศในศึกฟุตบอลโลกเมื่อปีที่ผ่านมา พร้อมเชื่อว่า ชัยชนะเหนือทีมตราไก่ 3-1 ในเกมอุ่นเครื่อง สมควรเป็นของขุนพลแซมบ้า
null
ทีมชาติบราซิล,ทีมแซมบ้า,คาร์ลอส ดุงก้า,ทีมชาติฝรั่งเศส,ทีมตราไก่,นัดอุ่นเครื่อง,ฟุตบอลนัดกระชับมิตร,ข่าว,ข่าวกีฬา,ไทยรัฐออนไลน์
https://www.thairath.co.th/content/489469
ช็อกคาตา นาทีหนุ่มพม่าโดนลิฟต์มรณะทับหัว หลังชะโงกเข้าไปในปล่อง
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 12 ก.ค.61 ร.ต.อ.มัสโจน์ เมฆวิเชียรเจริญ รอง สว.(สอบสวน) สน.วัดพระยาไกร ได้รับแจ้งเหตุลิฟต์ขนของทับศรีษะเสียชีวิต ภายในบริษัท เชลซี แคร์ จำกัด เลขที่ 626/2 ซอย เจริญกรุง 109 แยก 16 แขวงบางคอแหลม เขตบางคอแหลม กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อมหน่วยกู้ชีพ รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ แพทย์นิติเวช รพ.จุฬาฯ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน มูลนิธิร่วมกตัญญู,ที่เกิดเหตุเป็นตึกสูง 5 ชั้น ทำกิจการเกี่ยวกับผลิตวัสดุประเภทเส้นด้าย มีรั้วรอบขอบชิด ห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่ บริเวณชั้น 4 พบศพนายเคียว ซู คาเลน (Kyaw Sue Khalane) อายุ 30 ปี ชาวพม่า เป็นลูกจ้างของบริษัทดังกล่าว สภาพศพสวมเสื้อยืด คอกลม สีน้ำเงิน กางเกงขาสั้นสีดำ ใส่รองเท้าแตะ นอนคว่ำหน้า ถูกลิฟต์ขนของทับศรีษะเสียชีวิต,จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตายได้ชะโงกหัวเข้าไปภายในปล่องลิฟต์ขนของที่มีประตูบานพับเปิดปิดด้วยมือ ขณะนั้นมีคนกดลิฟต์จากชั้นล่าง ก่อนที่ลิฟต์จะเลื่อนลงมาจากด้านบน ทำให้ทับบริเวณศีรษะถึงกลางอก ทำให้หายใจไม่ออก และเสียชีวิตในจุดเกิดเหตุ,ร.ต.อ.มัสโจน์ กล่าวว่า เบื้องต้นจะเรียกพยานที่เกี่ยวข้องไปสอบปากคำโดยละเอียด ก่อนจะส่งศพไปยังสถาบันนิติเวชจุฬาฯ เพื่อสรุปหาสาเหตุการเสียชีวิตต่อไป.
หนุ่มพม่าอยู่ดีๆ ชะโงกเข้าไปในปล่องลิฟต์ขนของ พอดีจังหวะมีคนเรียกลิฟต์ ถูกทับเสียชีวิตคาที่ ตำรวจ สน.วัดพระยาไกร เตรียมเรียกสอบพยานโดยละเอียด
ข่าว,ทั่วไทย
ลิฟต์,ลิฟต์ทับคน,ลิฟต์ทับหัว,หนุ่มพม่า,สน.วัดพระยาไกร,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1333357
ไปดูกัน ทุเรียนยักษ์200ปี ต้นเดียวทำเงินเท่ากับทั้งสวน
 ,เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 58 หลังจากชาวบ้านร่ำลือกันว่า มีต้นทุเรียนอายุกว่า 200 ปีที่บ้านหัวกาหมิง ที่ ต.ทุ่งนุ้ย อ.ควนกาหลง จ.สตูล ทำเงินให้เจ้าของปีละกว่า 3 หมื่นบาท ออกลูกครั้งละกว่า 1 พันลูก ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ บ้านหัวกาหมิง หมู่ 3 ต.ทุ่งนุ้ย อ.ควนกาหลง พบกับนางอรัญนาถ ฉลาดเลิศ เจ้าของสวน ซึ่งเป็นแพทย์ประจำตำบลทุ่งนุ้ย พาไปดูต้นทุเรียนดังกล่าว,พบว่าเป็นต้นทุเรียนขนาดใหญ่ยักษ์ ลำต้นขนาดไม่ต่ำกว่า 5 คนโอบ สูงเท่าตึก 10 ชั้น แผ่กิ่งก้านสาขากินเนื้อที่เกือบ 1 ไร่ บริเวณโคนต้นโล่งเตียน เพราะเจ้าของดูแลประคบประหงมอย่างดี เป็นทุเรียนพื้นเมือง หรือทุเรียนบ้านเพียงต้นเดียวของสวนแห่งนี้ อยู่ท่ามกลางต้นทุเรียนพันธุ์หมอนทอง,นางอรัญนาถ กล่าวว่า มีทุเรียนพื้นบ้านต้นนี้เพียงต้นเดียว ออกลูกปีละกว่าพันลูก ขายได้ปีละกว่า 3 หมื่นบาท เท่ากับสวนอื่นๆ ทั้งสวน สำหรับความพิเศษของทุเรียนต้นนี้ซึ่งเป็นพันธุ์ซุ้มหมู คือเนื้อมาก รสชาติหวานมัน เมล็ดลีบ หากมีรอยหนอนไชก็จะไม่ลามไปพูอื่น ลักษณะเนื้อคล้ายกับทุเรียนพันธุ์ ทางเกษตรอำเภอเห็นว่าน่าจะมีการขยายพันธุ์แต่ไม่สามารถขยายทางเมล็ดได้เพราะเมล็ดลีบ จึงต้องใช้วิธีหาต้นอื่นมาติดตาเพื่อขยายพันธุ์,นางอรัญนาถ เจ้าของสวนทุเรียน กล่าว.
ชาวสวนที่สตูล ได้รับมรดกตกทอดมาจนถึงรุ่นที่ 3 เป็นทุเรียนพื้นบ้านต้นมหึมา สูงเท่าตึก10ชั้น อายุกว่า200ปี ออกลูกครั้งละเป็นพันลูก ต้นเดียวขายได้เงินเท่ากับสวน1สวน ใช้วิธีติดตาขยายพันธุ์ เพราะเมล็ดลีบเพาะไม่ได้
ข่าว,ทั่วไทย
ทุเรียน200ปี,ทุเรียนยักษ์,ทุเรียนโบราณ,ต้นทุเรียน,ควนกาหลง,สตูล,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวสังคม,ข่าวออนไลน์,ทุเรียน,ราชาแห่งผลไม้,ต้นทุเรียนยักษ์
https://www.thairath.co.th/news/local/510309
โฆษกประธานสภาฯ ชี้แก้ ม. 112 ขัดรัฐธรรมนูญ วอนหยุดแสดงความเห็นหวั่นประชาชนเข้าใจผิด
พร้อมวอนให้บุคคลที่ออกมาแสดงความคิดเห็นหยุดการแสดงความคิดเห็นในลักษณะผิดๆ เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด5 พ.ย. 55 - นายวัฒนา เซ่งไพเราะ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนที่ระบุว่า นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ตีตกกฎหมายมาตรา 112 ที่ประชาชนร่วมกันเข้าชื่อกว่า 40000 คนเพื่อขอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า หลังข่าวเกิดขึ้นมีอาจารย์และนักวิชาการจำนวนหนึ่งออกมาให้ข้อมูลในลักษณะคลาดเคลื่อนทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดในระบบและกระบวนการของรัฐสภา ซึ่งในกรณีนี้ตนยืนยันได้ว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎรตัดสินใจในเรื่องนี้เพียงตัวคนเดียวไม่ได้ ข้อสรุปที่เกิดขึ้นผ่านการพิจารณาจากฝ่ายข้าราชการประจำอีกทั้งนายนิคม ไวรัชพาณิช ในฐานะรองประธานรัฐสภา ได้เขียนความเห็นว่ากรณีดังกล่าวไม่เข้าข่ายหมวด 3 และ หมวด 5 ในการเข้าชื่อเสนอกฎหมายตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดสิทธิให้ประชาชนสามารถกระทำได้ ดังนั้นการเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จึงไม่สามารถกระทำได้เนื่องจากมาตรา 112 เป็นมาตราที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์อยู่ในรัฐธรรมนูญในหมวดที่ 2 นายวัฒนากล่าวยืนยันอีกว่า หากในกรณีนี้นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ในฐานะประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎรรับเรื่องไว้ก็จะถือได้ว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ตนจึงอยากเรียกร้องให้บุคคลที่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะชนหยุดการแสดงความคิดเห็นในลักษณะผิดๆ เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดและขาดความศรัทธาในระบบรัฐสภาของไทย
วัฒนา เซ่งไพเราะ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร ระบุ การขอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจากขัดรัฐธรรมนูญ
การเมือง
มาตรา 112,วัฒนา เซ่งไพเราะ
https://prachatai.com/journal/2012/11/43489
มะกันชี้ บักห์ดาดี หัวหน้าไอซิสเป็นเบาหวาน บาดเจ็บซ้ำซากจนเดินไม่ได้
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานอ้างการเปิดเผยของหน่วยข่าวกรองของสหรัฐอเมริกาว่า นาย อาบู บาคาร์ อัล-บักห์ดาดี ชายผู้เป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดในโลก ทำหน้าที่หัวหน้าใหญ่ของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอซิส) ไม่ได้นานถึง 5 เดือน หลังจากได้รับบาดเจ็บสาหัสในการโจมตีทางอากาศเมื่อเดือนพ.ค.ปีก่อน,หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ อ้างว่า นายบักห์ดาดีกระดูกหักและได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังถูกโจมตีทางอากาศในเมืองรักกา อดีตเมืองหลวงไอซิสในซีเรีย เมื่อเดือนพ.ค. 2560 นอกจากนี้ บักห์ดาดียังป่วยเป็นโรคเบาหวาน และไม่สามารถเดินได้เองโดยปราศจากความช่วยเหลือนับตั้งแต่ได้รับบาดเจ็บในปฏิบัติการบุกโจมตีเมื่อปี 2558,การโจมตีทางอากาศเมื่อเดือนพ.ค. 2560 ทำให้อาการบาดเจ็บของบักห์ดาดีแย่ลง จนไม่สามารถทำหน้าที่ผู้นำไอซิสได้นานกว่า 5 เดือน,อนึ่ง ก่อนหน้านี้เคยมีรายงานหลายต่อหลายครั้งว่านานบักห์ดาดีเสียชีวิตแล้ว เช่นเดียวกับการโจมตีเมื่อเดือนพ.ค. 2560 แต่ในท้ายที่สุดนายบักห์ดาดีก็มักออกแถลงการณ์ยืนยันว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่ และเขายังคงซ่อนตัวอยู่ในสถานที่ที่ไม่มีใครหาพบมาจนถึงตอนนี้
หน่วยข่าวกรองมะกันเผย อาบู บาคาร์ อัล-บักห์ดาดี ทำหน้าที่บัญชาการกลุ่มไอซิสไม่ได้นานถึง 5 เดือนเมื่อปีก่อน หลังได้รับบาดเจ็บหนักหลายครั้ง จนทำให้เดินไม่ได้
ข่าว,ต่างประเทศ
อาบู บาคาร์ อัล บักห์ดาดี,รัฐอิสลาม,เบาหวาน,บาดเจ็บ,เดินไม่ได้
https://www.thairath.co.th/news/foreign/1203738
ท้ากฎหมายนั่งนับยาบ้าหน้าบ้าน
เมื่อวันที่ 18 ส.ค. ตามนโยบายของ พล.ต.ต.กษณะ แจ่มสว่าง ผบก.ภ.จ.สุพรรณบุรี ในการระดมกวาดล้างยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง ต่อมาจากการสืบทราบของ ร.ต.อ.สนิทพงษ์ อินทรกำแหง รอง สว.สส.ภ.จ.สุพรรณบุรี ว่า ที่บ้านเลขที่ 139/15 หมู่ 6 ต.สระแก้ว อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี เป็นเอเย่นต์ค้ายาบ้ารายใหญ่ให้กับลูกค้าในพื้นที่เขต อ.เมือง และ อ.ดอนเจดีย์ ตัวการใหญ่มีฉายาว่า ไก่ สระแก้ว จึงได้สนธิกำลังร่วมกับ ร.อ.สุชาติ กลิ่นพุดตาล หน.ฉก.มทบ.17 นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว ขณะที่เจ้าหน้าที่บุกเข้าตรวจค้นพบนายกิตติ คำหยุก หรือนายไก่ อายุ 33 ปี เจ้าของบ้าน นั่งนับยาบ้าซึ่งบรรจุอยู่ในถุงซิปสีน้ำเงินอยู่ที่โต๊ะหน้าบ้าน โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ซึ่งนายไก่เมื่อเห็นหน้าชุดจับกุมก็ถึงกับตกใจและเตรียมจะวิ่งหนี และเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมไว้ได้ พร้อมยาบ้า 200 เม็ด ถุงยาพลาสติกถุงละ 10 และ 20 เม็ด ใส่เตรียมส่งขายให้กับลูกค้ารายย่อย,ในเวลาเดียวกัน เจ้าหน้าที่อีกทีมก็ได้เข้าตรวจค้นภายในบ้านพบ น.ส.วราภรณ์ หรือตุ๊กตา ชุ่มเพ็งพันธ์ อายุ 32 ปี ซึ่งเป็นแฟนสาวของนายไก่ นั่งอยู่ที่โต๊ะรับแขกกลางบ้าน มียาบ้า และยาไอซ์จำนวนมากกองอยู่บนโต๊ะ เจ้าหน้าที่จับกุมตรวจสอบพบยาบ้าบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีน้ำเงิน 2 ถุง รวมจำนวน 400 เม็ด และพบยาไอซ์บรรจุในถุงยาพลาสติกขุ่นจำนวน 20 ถุง น้ำหนักรวม 28.9 กรัม พร้อมอุปกรณ์การเสพยาไอซ์ครบชุดอีกจำนวนหนึ่ง สอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพว่า เพิ่งรับยาเสพติดทั้งหมดมาจากเอเย่นต์ใหญ่ที่ กทม. เมื่อมาถึงก็ได้แบ่งยาใส่ถุงเพื่อเตรียมจำหน่ายให้กับลูกค้ารายย่อยในเขตสุพรรณบุรี จนกระทั่งมาถูกบุกจับได้ดังกล่าว จึงได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองส่งพนักงานสอบสวน สภ.สระแก้ว เพื่อดำเนินคดีต่อไป.
ตัวการใหญ่มีฉายาว่า ไก่ สระแก้ว จึงได้สนธิกำลังเข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว ขณะที่เจ้าหน้าที่บุกเข้าตรวจค้นพบนายกิตติ คำหยุก หรือนายไก่ เจ้าของบ้าน นั่งนับยาบ้าซึ่งบรรจุอยู่ในถุงซิปสีน้ำเงินอยู่ที่โต๊ะหน้าบ้าน โดยไม่เกรงกลัว
ข่าว,ทั่วไทย
ยาบ้า,สุพรรณบุรี,เอเยนต์ยาบ้า,ไก่ สระแก้ว,นับยาบ้าหน้าบ้าน,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/central/1042920
เยี่ยมชมชีวิตคนจิ๋ว ผลงานของทานากะ ทัตสึยะ ในนิทรรศการ Miniature Life Exhibition ที่ไทเป
เคยรู้สึกว่าผักใบเขียวอย่างบร็อกโคลีมีหน้าตาเหมือนต้นไม้ไหม? แล้วเคยรู้สึกว่าชามข้าวหน้าตาเหมือนยูเอฟโอหรือเปล่า? หรือมีบ้างไหมที่มองเห็นฟองน้ำสก๊อตช์ไบรต์สีเหลือง-เขียวแล้วนึกถึงทะเลทราย? หรือสนามหญ้า? ถ้าเคย คุณไม่ใช่คนแรกและไม่ใช่คนเดียวที่คิดแบบนี้ แต่ทานากะ ทัตสึยะอาจเป็นคนเดียวที่เอาไอเดียซนๆ แบบนี้มาทำให้เป็นรูปถ่ายจริงๆ ลงในโซเชียลเน็ตเวิร์ก และลงรูปต่อเนื่องทุกวันมาตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2011 เป็นที่รู้กันว่าแฟนเพจเฟซบุ๊ก Miniature Calendar ทานากะ ทัตสึยะ โพสต์รูปหุ่นโมเดลคนจิ๋วทำกิจวัตรธรรมดาร่วมกับสิ่งของธรรมดาที่เราหาได้ในชีวิตประจำวันลงในเพจทุกๆ วัน จนทุกวันนี้เขามีผลงานรูปมนุษย์จิ๋วเหล่านี้มากกว่า 2000 รูป กลายเป็นผลงานโฟโต้บุ๊ก 2 เล่ม คือ Miniature Life และ Miniature Life 2 และเล่มล่าสุด Small Wonders – Life Portrait in Miniature ที่กำลังจะวางขายในนิทรรศการครั้งใหม่ของเขา Miniature Life Exhibition ณ กรุงไทเป นับเป็นครั้งแรกที่ทานากะนำนิทรรศการของเขาออกแสดงนอกประเทศญี่ปุ่น ผลงานคนจิ๋วที่จัดแสดงภายในห้องนิทรรศการใต้ฐานรูปปั้นของเจียงไคเช็ก มีทั้งแบบปรินต์ออกมาเป็นภาพบนผ้าแคนวาส ใส่กรอบสวยงาม และตัวโมเดลคนจิ๋วของจริง ที่วางในกล่องใส ให้เราแสดงฝีมือถ่ายชีวิตคนจิ๋วให้ไม่แพ้เจ้าของผลงานอย่างทานากะ ซึ่งไม่ต้องกลัวว่าจะเบื่อ เพราะทุกภาพล้วนสร้างอารมณ์ เอออออ ก็คิดได้นะ ให้กับเราอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นคอขวดที่กลายเป็นบ่อน้ำ ฟองน้ำที่กลายเป็นชายหาด ยางรถยนต์ที่กลายเป็นสนามฟุตบอล ฟองเบียร์ที่กลายเป็นหิมะที่ปูพรมอยู่บนผืนดิน ไปจนถึงแผงวงจรไฟฟ้าที่กลายเป็นนาข้าว และเสื่อทาทามิที่กลายเป็นทุ่งนากว้างสุดลูกหูลูกตา แต่ละห้องในนิทรรศการแบ่งออกเป็นหมวดของรูปภาพอย่างง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นหมวดของกิน หมวดกลางคืน หมวดเมืองท่องเที่ยวชื่อดัง หมวดถ่ายกับสัตว์ ไปจนถึงหมวดความรัก ที่ขนเอาผลงานของทานากะทั้งแบบภาพและแบบโมเดลมาโชว์อย่างเต็มที่ ความสนุกของนิทรรศการครั้งนี้คงเป็นโซนพิเศษที่ให้เราได้กลายเป็นมนุษย์จิ๋วกับเขาบ้าง ด้วยต้นบร็อกโคลียักษ์ และฉากจากภาพถ่ายของทานากะขนาดใหญ่เท่ากำแพงที่ปรินต์ออกมาแปะฝานิทรรศการ พร้อมคอสตูมให้เล่นกับความจิ๋วให้รู้สึกตัวเล็กกันไปข้าง นิทรรศการ Miniature Life Exhibition จะจัดแสดงที่ Chiang Kai-shek Memorial Hall กลางกรุงไทเป ไต้หวัน ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 10 กันยายน 2560 บัตรเข้างานราคา 280 ดอลลาร์ไต้หวัน หรือราว 315 บาทไทย ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม จะมี Small Wonders – Life Portrait in Miniature โฟโต้บุ๊กเล่มใหม่เอี่ยมของทานากะมาวางขายด้วยนะ ติดตามรูปมนุษย์จิ๋วใหม่ๆ และข่าวคราวของ Miniature Calendar ได้ที่ และ miniature-calendar.comนอกจากภาพปรินต์แคนวาสและโมเดลแล้ว ในนิทรรศการยังมีจัดแสดงงานเคลื่อนไหวแบบสตอปโมชันและโมเดลเคลื่อนที่ด้วย โดยเฉพาะไฮไลต์ที่โปรโมตกันอย่างแรงกล้าคือ รถไฟขนมปังที่วิ่งได้จริงๆ
Miniature Calendar คือเพจของทานากะ ทัตสึยะ ช่างภาพชาวญี่ปุ่นจากคุมาโมโตะ ที่ลงรูปคนจิ๋วอย่างต่อเนื่องทุกวันมาตั้งแต่ปี 2011เสน่ห์ในผลงานของทานากะคือการเชื่อมโยงเอาของที่เห็นในชีวิตประจำวันมาบิดมุมมองเป็นสิ่งใหม่ เช่น คอขวดกลายเป็นบ่อน้ำ ฟองน้ำที่กลายเป็นชายหาด ฟองเบียร์ที่กลายเป็นทุ่งหิมะ หรือแม้แต่แผงวงจรไฟฟ้าที่กลายเป็นนาข้าวนิทรรศการ Miniature Life Exhibition ของทานากะจัดขึ้นนอกประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกที่เมืองไทเป ประเทศไต้หวัน ณ Chiang Kai-shek Memorial Hall
null
null
https://thestandard.co/culture-art-and-design-taipei-miniature-life-exhibition/
ชัย ศิษย์อาจารย์บี้ ฟันธงทีเด็ดศึกยอดมวยไทยรัฐ 7 พ.ค.
ศึกยอดมวยไทยรัฐ สัปดาห์ที่ 35 ประจำวันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม 2559 ชัย ศิษย์อาจารย์บี้ จากคอลัมน์ชี้มวยเด็ด หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ กลับมาประจำหน้าที่ฟันธงมวยเด็ดสัปดาห์นี้เช่นเคย,ยอดภูหลวง ฮั้วโรงน้ำแข็ง มวยจังหวะเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตีรุนแรงการเตรียมตัวดีกว่า จะชนะ มังกรเพชร สก.สุไหงยิมส์ 105 ป.,ยอดขุนพล ว.ยืนยง มวยจังหวะฝีมือเตะต่อยหมัดแทงเข่าแม่นยำรุนแรงฉลาดกว่า จะชนะ พยัคฆ์หิรัญ ช.ห้าพยัคฆ์ มวยจังหวะเตะต่อยหมัดแทงเข่าศอกรุนแรงมีฮึดตลอดแต่ช้ากว่า 112 ป.,ช้างศึก เกียรติทรงฤทธิ์ มวยสูงยาวจังหวะเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตีรุนแรงแต่เสียดสีมียุบ จะแพ้ โบวี่ ลูกเมืองเพชร มวยทรหดเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตีรุนแรงมีฮึดตลอดชนิดสนุก 128 ป.,ฉลามศึก สข.วานิชสังข์รอด มวยจังหวะเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตีรุนแรงมีฮึดตลอดการเตรียมตัวดีกว่า จะชนะ แปดแสนเล็ก ราชานนท์ มวยทรหดเตะต่อยหมัดหนักหน่วงแต่ยืดเยื้อแรงปลายเป็นรองแถมมาเข้าเวรแทน 134 ป.,อ๊อดน้อย เกียรตินครชล มวยแข็งแกร่งเตะแทงเข่าปล้ำตีรุนแรงกว่า จะชนะ อนุวัฒน์ ส.มังกร 104 ป.,คีรีหลวง ช.ห้าพยัคฆ์ มวยทรหดเตะต่อยหมัดแทงเข่าปล้ำตีเหนียวแน่นมีฮึดตลอด จะชนะ แทนคุณ ดวงใจพ่อ 100 ป.,สำหรับศึกยอดมวยไทยรัฐ ประจำวันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคมนี้ สถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ถ่ายทอดสดให้ชมกันตั้งแต่เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป
ชัย ศิษย์อาจารย์บี้ วิเคราะห์วิจารณ์และฟันธง ศึกยอดมวยไทยรัฐ สัปดาห์ที่ 35 ประจำวันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม คู่เอกเป็นการพบกันระหว่าง ฉลามศึก สข.วานิชสังข์รอด พบกับ แปดแสนเล็ก ราชานนท์ ใครจะชนะใครจะแพ้ น่ารักน่าลุ้นทั้งคู่จริงๆ
null
ศึกยอดมวยไทยรัฐ,ไทยรัฐทีวี,ชัย ศิษย์อาจารย์บี้,ชี้มวยเด็ด,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวกีฬา
https://www.thairath.co.th/content/616416
เกิดเหตุแก๊งมอเตอร์ไซค์รุมทุบรถยนต์ในสหรัฐฯ
มีการเผยแพร่ภาพในอินเตอร์เนต ซึ่งเป็นภาพเหตุการณ์กระทบกระทั่งกันระหว่างแก๊งมอเตอร์ไซค์ที่ขี่กันมาเป็นขบวน 20-30 คันกับรถอเนกประสงค์เอสยูวี โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นบนทางหลวงเวสต์ไซด์ ในย่านแมนฮัตตันของสหรัฐฯ ในภาพจะเห็นว่ารถเอสยูวีถูกแก็งมอเตอร์ไซค์ขับล้อมหน้าล้อมหลังจนต้องหยุดรถ โดยที่ไม่รู้ว่ามีเรื่องกระทบกระทั่งอะไรกัน ก่อนที่คนขับรถเอสยูวีจะขับฝ่าวงล้อมมอเตอร์ไซค์ออกไป ทำให้คนมอเตอร์ไซค์ถูกชนได้รับบาดเจ็บ 2 คน หนึ่งในนี้ได้รับบาดเจ็บหนักเพราะถูกรถแล่นทับแต่เหตุการณ์ไม่ได้จบเพียงเท่านี้ เพราะแก็งมอเตอร์ไซค์ได้ขี่ติดตามรถยนต์เอสยูวี ซึ่งขับหนีมาติดอยู่บนถนนในเขตเมืองที่มีการจราจรคับคั่ง ทำให้แก็งมอเตอร์ไซค์ตามมาทัน ก่อนที่หนึ่งในแก็งมอเตอร์ไซค์จะใช้หมวกกันน๊อคทุบไปที่กระจกด้านคนขับ และเปิดประตูลากคนขับรถเอสยูวีลงมาทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บทั้งนี้ตำรวจแมนฮัตตันได้รับแจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเปิดเเผยว่า คนขับรถเอสยูวีเป็นชายอายุ 33 ปี ซึ่งเดินทางมากับภรรยา และลูกเล็ก โดยตำรวจได้ติดตามจับกุมคนขี่มอเตอร์ไซค์ที่ทำร้ายคนขับรถเอสยูวีไว้ได้ และแจ้งข้อหาทำร้ายผู้อื่น ขับรถด้วยความประมาท และคุกคามเด็ก โดยตำรวจระบุว่าคนขี่มอเตอร์ไซค์ที่ถูกจับกุมเป็นหนึ่งในแก็งมอเตอร์ไซค์ฮอลลีวู้ด สตั้นทซ์ (Hollywood Stuntz) ซึ่งมีแผนจัดงานชุมนุมกันในย่านไทม์สแควร์ในวันเกิดเหตุ แต่ถูกตำรวจห้ามจึงไปจัดกันนอกย่านแมนฮัตตัน
เกิดเหตุกระทบกระทั่งกันระหว่างแก๊งมอเตอร์ไซค์กับรถยนต์บนท้องถนนในเมืองแมนฮัตตัน ของสหรัฐฯ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวมีการแพร่ภาพในอินเตอร์เนต
ต่างประเทศ
มอเตอร์ไซค์,รถยนต์,สหรัฐฯ
https://news.thaipbs.or.th/content/199081
ศธ.ประเมินภาษาอังกฤษแบบออนไลน์
จัดทำหลักสูตรควบคู่การพัฒนาครู เล็งยกมาตรฐานขึ้นระดับสากล,เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ที่กระทรวงศึกษาธิการ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ตนได้หารือร่วมกับคณะทำงานจากบริติช เคานซิล และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ถึงการประเมินคุณภาพความรู้ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของนักเรียนระดับต่างๆ ตามข้อเสนอของคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ.) ซึ่งมี ศ. นพ.จรัส สุวรรณเวลา เป็นประธาน ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นโครงการใหญ่ และหากจะทำให้เกิดการประเมินทั้งนักเรียนและครูก็ต้องอาศัยสื่อเทคโนโลยีเข้ามาช่วย โดยจะทำในรูปแบบออนไลน์ ซึ่งจากการหารือ สพฐ.ก็ได้รับรายงานว่า ที่ผ่านมา สพฐ.ได้มีการดำเนินการเรื่องการศึกษาของผู้เรียนในรูปแบบออนไลน์ไว้อยู่แล้ว ดังนั้น ตนจึงเห็นว่า สพฐ.น่าจะดำเนินการประเมินภาษาอังกฤษของนักเรียนไปพร้อมกันได้เลย และอยากให้การประเมินภาษาออนไลน์นี้ทำควบคู่ไปกับการจัดอบรมพัฒนาครูด้านการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ (Boot camp) ด้วย ทั้งนี้ การประเมินความสามารถภาษาอังกฤษออนไลน์จะดำเนินการให้สอดคล้องกันทั้งกับหลักสูตรการเรียนการสอนและกิจกรรมของบูธแคมป์,ที่ผ่านมาการประเมินวัดความรู้ทางภาษาเราต้องใช้งบประมาณเพื่อจัดซื้อแบบทดสอบการประเมินจากหน่วยงานภาษาจากที่อื่นๆ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก และส่วนใหญ่ชอบเรียกเก็บค่าต๋ง แต่ครั้งนี้ผมต้องการพัฒนาการประเมินขึ้นมาเอง และรับรองการประเมินด้วยหน่วยงานของเราเองเทียบเท่าระดับสากล ซึ่งผมจะทำให้เกิดมาตรฐานด้านการประเมินอย่างแท้จริง โดยการให้ บริติช เคานซิล เข้ามาช่วยเป็นที่ปรึกษาพร้อมช่วยพัฒนาศักยภาพในการประเมินแบบออนไลน์ให้ด้วย อย่างไรก็ตาม การประเมินความรู้ด้านภาษาของนักเรียนและครูคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในปีการศึกษา 2561 ภาคเรียนที่ 1 นี้ได้ทันที รมว.ศึกษาธิการ กล่าว.
สพฐ.น่าจะดำเนินการประเมินภาษาอังกฤษของนักเรียนไปพร้อมกันได้เลย และอยากให้การประเมินภาษาออนไลน์นี้ทำควบคู่ไปกับการจัดอบรม
ข่าว,สังคม
ประเมินภาษาอังกฤษ,ครู,นักเรียน,ออนไลน์,ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์,การศึกษา
https://www.thairath.co.th/news/society/1202637
ตะลึงน้ำศักดิ์สิทธิ์ ใต้ฐานเจดีย์ 200 ปี
และคณะกรรมการของวัดพระธาตุสิริมงคล จึงร่วมใจกันบูรณะโดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจากกรมศิลปากรรวมประมาณ 65 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือชาวบ้านได้พร้อมใจกันจัดทำบุญทอดผ้าป่าสามัคคีและสร้างวัตถุมงคล เหรียญของครูบาแก้ว กาวิโร วัดดอยทีมู เพื่อสมทบทุนในการบูรณะ,ล่าสุด เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรได้มีการขุดบริเวณฐานพระธาตุปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ขุดพบไหโบราณเก่าแก่ และมีน้ำซึมออกจากฐานพระธาตุ โดยชาวบ้านเชื่อว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่เดินทางมาที่วัดเพื่อตักน้ำดังกล่าวกลับไปบ้านบางคนตักน้ำลูบตามลำตัว แขนขา พร้อมตั้งจิตอธิษฐานซึ่งเชื่อว่าสามารถรักษาโรคได้ต่างๆนาๆ ช่วยแก้ปวดขา ปวดเข่า เป็นต้น,นายสิงห์คำ อุษา กำนันตำบลแม่ปะ เปิดเผยว่า หลังจากเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรได้มีการขุดบริเวณฐานเพื่อทำการบูรณะพระธาตุปรากฏว่าพบไหโบราณ ซึ่งภายในมีเหรียญโบราณและกระดูกซึ่งมีการคาดเดาว่าอาจเป็นของผู้ที่มีส่วนก่อสร้างพระธาตุพญาหน่อกวิ้น นอกจากนี้ ยังพบน้ำที่ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์จึงทำให้มีชาวบ้านที่ทราบข่าวแห่มาตักน้ำดังกล่าวเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ในส่วนของวัตถุโบราณเก่าแก่ที่ขุดพบในครั้งนี้จะนำไปรวบรวมเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ของตำบลแม่ปะต่อไป.
ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 25 ธ.ค. ว่า หลังจากพระธาตุพญาหน่อกวิ้น พระธาตุเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของชาว ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก มีความทรุดโทรม นายสิงห์คำ อุษา กำนันตำบลแม่ปะ พร้อมชาวบ้าน
ข่าว,ทั่วไทย
น้ำศักดิ์สิทธิ์,น้ำใต้ฐานพระธาตุ,พระธาตุพญาหน่อกวิ้น,ไหโบราณ,ตาก
https://www.thairath.co.th/news/local/821382
เข้มยื่นขอใบอนุญาต โรงเรียนกวดวิชาทุกแขนง
ผู้ว่าฯ สั่งล้อมคอกให้สถาบันกวดวิชาทุกแห่งยื่นขออนุญาตให้ถูกต้องเพื่อป้องกันการทำร้ายเด็กเหมือน บ้านครูพี่ณัฐ เนื่องจากเป็นโรงเรียนเถื่อน ไม่มีระบบประกันคุณภาพ ถ้าตรวจพบจะมีโทษทั้งจำและปรับ ส่วนเรื่องคดีตำรวจส่งไม้เบสบอล 8 อันตรวจพิสูจน์เพื่อใช้เป็นหลักฐานมัดตัวผู้ต้องหา,ภายหลังการจับกุมนายณัฐพล ถาวรพิบูลย์ อายุ 27 ปี เจ้าของสถาบันกวดวิชาเตรียมทหาร บ้านครูพี่ณัฐ เลขที่ 999/33 หมู่บ้านไอซ์แลนด์ 6 ต.วัดไทร อ.เมืองนครสวรรค์ น.ส.พีรญา พละแสน ภรรยา และนางนงลักษณ์ พละแสน แม่ยาย ข้อหาร่วมกันทำร้ายนายฐปกร หรือน้องชายแดน ทรัพย์สิน อายุ 15 ปี นักเรียนที่เข้ามาเรียนกวดวิชาจนถึงแก่ความตายพร้อมยึดหลักฐานไม้เบสบอล 8 อัน ที่ใช้ตีเด็กจนเสียชีวิต ต่อมาพนักงานสอบสวนได้นำตัวฝากขังต่อศาลจังหวัดนครสวรรค์พร้อมคัดค้านการประกันตัวและเกรงจะไปข่มขู่พยาน ศาลจึงมีคำสั่งไม่ให้ประกันตัวก่อนส่งเข้าเรือนจำกลางนครสวรรค์นั้น,ต่อมาเช้าวันที่ 20 มิ.ย. นายอรรถพร สีหวิชัย ผวจ.นครสวรรค์ เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าประชุมที่ศาลากลางจังหวัดนครสวรรค์เพื่อวางมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุลักษณะเดียวกันกับสถาบันกวดวิชาเตรียมทหาร บ้านครูพี่ณัฐ อีกทั้งสถาบันกวดวิชาแห่งนี้ไม่ได้ขอจดทะเบียนจัดตั้งโรงเรียนอย่างถูกต้องกับกระทรวงศึกษาธิการ ผ่านสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครสวรรค์ทำให้เป็นโรงเรียนเถื่อน ไม่มีระบบประกันคุณภาพการตรวจนิเทศจากสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครสวรรค์แต่อย่างใด ซึ่งสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครสวรรค์ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับสถาบันกวดวิชาแห่งนี้แล้วที่ สภ.เมืองนครสวรรค์,นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังกล่าวถึงในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ เปิดสอนกวดวิชา ภาษาต่างประเทศ ดนตรี ศิลปะ จำนวนมากแต่ไม่ได้ขออนุญาต นายอรรถพรจึงสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแนะนำประชาสัมพันธ์ให้โรงเรียนหรือสถาบันเหล่านั้นรีบติดต่อสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครสวรรค์เพื่อขออนุญาตจัดตั้งโรงเรียนให้ถูกต้อง ถ้าตรวจพบจะมีโทษทั้งจำและปรับ หากเจ้าของเป็นข้าราชการจะมีโทษทางวินัยหรือหากเป็นข้าราชการครูจะมีผลถึงใบประกอบวิชาชีพครูด้วย,ส่วนเรื่องของคดี พ.ต.อ.สุทธินันท์ คงแช่มดี ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ได้เรียกประชุมทีมสืบสวนและสอบสวนพร้อมนำหลักฐานไม้เบสบอลทั้ง 8 อันที่งมพบบริเวณใต้สะพานเลี่ยงเมืองข้ามแม่น้ำปิงส่งตรวจพิสูจน์ สำหรับไม้เบสบอลที่ค้นพบทราบจากพยานว่าถูกนำไปทิ้ง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกหลังจากทำร้ายน้องชายแดนจนหัวแตก แขนหักแล้ว นายณัฐพลนำไปทิ้งก่อน 4 อัน ภายหลังได้ลงมือทำร้ายน้องชายแดนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้รุนแรงกระทั่งน้องชายแดนเสียชีวิต ที่โรงพยาบาล นายณัฐพลได้ให้เด็กที่เป็นนักเรียนคนสนิทนำไม้เบสบอลที่เหลือไปทิ้งเพื่อทำลายหลักฐาน นายณัฐพลเป็นคนขับรถพาไปทิ้งบริเวณใต้สะพานเลี่ยงเมืองข้ามแม่น้ำปิงซึ่งเป็นที่เปลี่ยวและไม่มีกล้องวงจรปิด,ส่วนประเด็นร่องรอยอวัยวะเพศของน้องชายแดนที่มีรอยไหม้นั้น พยานซึ่งเป็นเด็กในสถาบันเผยว่า ได้รับคำสั่งจากนายณัฐให้ไปบังคับให้เพื่อนนักเรียนที่เรียนด้วยกันร่วมกันจับขึงน้องชายแดนไม่ให้ดิ้นได้ จากนั้นจุดไฟลนบริเวณอวัยวะเพศ ต่อหน้าเพื่อนหลายคนทั้งที่ไม่เต็มใจจะทำร้ายแต่เพราะถูกบังคับ หากไม่ร่วมมือจะถูกทำร้ายด้วย พยานยังระบุด้วยว่า สถาบันกวดวิชาแห่งนี้ เมื่อเข้าไปอยู่แล้วไม่ต่างอะไรไปจากสถานที่ถูกจองจำเพราะเด็กจะถูกยึดโทรศัพท์ แม้แต่ผู้ปกครองจะมาเยี่ยมหาต้องนัดวันล่วงหน้า กรณีของน้องชายแดนเคยถูกรุมทุบตีหลายครั้งแต่ครั้งนี้รุนแรงเพียงเพราะไปขอโทรศัพท์คืนจากแม่ยายของนายณัฐเพื่อติดต่อกับทางบ้านแต่ไม่ได้ เลยทำให้น้องชายแดนหลุดพูดคำที่ไม่พอใจออกไปจนนำไปสู่การทำร้าย และนายณัฐพลยอมรับเองว่าใช้ไม้เบสบอลตีน้องชายแดนไปกว่า 20 ครั้ง โทษฐานต่อว่าแม่ยาย
ผู้ว่าฯสั่งล้อมคอกให้สถาบันกวดวิชาทุกแห่งยื่นขออนุญาตให้ถูกต้องเพื่อป้องกันการทำร้ายเด็กเหมือน บ้านครูพี่ณัฐ เนื่องจากเป็นโรงเรียนเถื่อน ไม่มีระบบประกันคุณภาพ
ข่าว,ทั่วไทย
คุมเข้ม,สถาบันกวดวิชา,บ้านครูพี่ณัฐ,โรงเรียนเถื่อน,ไม้เบสบอล,น้องชายแดน,ข่าวหน้า1
https://www.thairath.co.th/news/local/central/1596731
นายกฯ มาเลเซียยืนยันสอบปมสังหาร คิม จอง นัม อย่างยุติธรรม
วันนี้ (21 ก.พ.2560) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เปิดเผยว่า การสืบสวนกรณีการลอบสังหารนายาคิม จอง นัม พี่ชายต่างมารดาของนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ จะดำเนินไปอย่างยุติธรรมถ้อยแถลงของผู้นำมาเลเซียมีขึ้นหลังจากที่มาเลเซียได้เรียกตัวเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำกรุงเปียงยางกลับประเทศ รวมทั้งเรียกตัวเอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือประจำกรุงกัวลาลัมเปอร์เข้าพบ เมื่อวานนี้ขณะที่นายคัง โชล เอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือ ได้ตั้งข้อกังขาเกี่ยวกับกระบวนการสืบสวนที่ไม่ชอบมาพากลของทางการมาเลเซีย พร้อมทั้งระบุว่า ผู้เสียชีวิตไม่ใช่นายคิม จอง นัม เนื่องจากไม่มีหลักฐานชัดเจนด้านสื่อท้องถิ่นมาเลเซีย รายงานว่า นายคิม ฮัน โซล บุตรชายของนายคิม จอง นัม วัย 22 ปี ได้เดินทางจากมาเก๊าไปยังมาเลเซียแล้ว หลังจากทางการมาเลเซีย ระบุว่า จะคืนศพของนายคิม จอง นัม ให้กับคนในครอบครัวก่อนหน้านี้ มีการเผยแพร่ภาพจากกล้องวงจรปิดภายในสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ที่บันทึกภาพเหตุการณ์ขณะที่ผู้หญิง 2 คน เข้ามาประกบทางด้านหลังของนายคิม จอง นัม ก่อนที่จะก่อเหตุอย่างอุกอาจ ภายในเวลาไม่ถึง 3 วินาทีเท่านั้น
บุตรชายนายคิม จอง นัม พี่ชายต่างมารดาของผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือออกเดินทางไปมาเลเซียแล้ว ขณะที่ผู้นำมาเลเซียยืนยันกระบวนการสืบสวนหาปมการลอบสังหารนายคิม จอง นัม จะตั้งอยู่บนความยุติธรรม
ต่างประเทศ
null
https://news.thaipbs.or.th/content/260358
หนุ่มไทใหญ่คลั่ง แทงเมียสาหัส-เผาบ้าน ต้องฉีดน้ำใส่ กว่าจะสิ้นฤทธิ์ (คลิป)
วันที่ 2 ธ.ค. ร.ต.อ.ธนัช ต๊ะพรม รอง สวป.สภ.สารภี จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งว่า เกิดเหตุคนคลุ้มคลั่งเผาบ้านพักคนงาน เลขที่ 125 หมู่ที่ 3 ต.ดอนแก้ว และใช้อาวุธมีด แทงเมียจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงนำกำลังเข้าไประงับเหตุพร้อมกับกู้ภัยเทศบาลดอนแก้ว และกู้ภัยเทศบาลหนองแฝก และรถดับเพลิงจำนวน 2 คัน,ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นหญิง 1 ราย คือนางปากจา ลุงทุน อายุ 40 ปี ชาวไทใหญ่ ถูกอาวุธมีดปลายแหลมแทงเข้าที่ซี่โครงด้านซ้ายบาดเจ็บสาหัส ได้ตะเกียกตะกายมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน แจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยมารับไปส่งโรงพยาบาลสารภีแล้ว ส่วนผู้ก่อเหตุคือ นายลุงแดง ลุงทุน อายุ 40 ปี ชาวไทใหญ่ เป็นสามี หลังจากที่แทงภรรยาแล้ว เกิดเหตุคลุ้มคลั่งไม่ให้ชาวบ้านเข้าไปพร้อมกับใช้หนังสติ๊กยิงเข้าใส่ชาวบ้านและได้จุดไฟเผาห้องพักตนเอง,จากนั้น รถดับเพลิงคันแรกของเทศบาลดอนแก้ว ได้รุดมาดับเพลิง ขณะที่นายฐิติพงศ์ ขันสุยะ อายุ 21 ปี กำลังจะเปิดหัวฉีดน้ำดับเพลิงก็ถูกนายลุงแดงใช้หนังสติ๊กยิงออกมาใส่โหนกแก้มใต้ตาด้านขวา หวิดโดนตาบอด ได้รับบาดเจ็บ,ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สารภี และกู้ภัยพยายามจะเข้าไปจับกุม นายลุงแดง ซึ่งพยายามขัดขืนต่อสู้ โดยยิงหนังสติ๊กออกมาใส่เจ้าหน้าที่เป็นระลอกๆ ทางเจ้าหน้าที่จึงพยายามเจรจาให้มอบตัวแต่ไม่ยอม จึงใช้น้ำรถดับเพลิงฉีดเข้าไปในห้องพัก จนผนังไม้อัดล้ม ส่วนผู้ต้องหาพยายามสู้ แต่สู้แรงดันของน้ำรถดับเพลิงไม่ได้จนล้มลงไป เจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยได้เข้าชาร์จจับกุมอย่างทุลักทุเล โดยใช้เวลายาวเกือบ 3 ชั่วโมง ก่อนที่จะนำตัวมาใส่กุญแจมือและนำตัวไปดำเนินคดีในข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส วางเพลิง และต่อสู้ขัดขวางการจับกุมของเจ้าหน้าที่ต่อไป,อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามเพื่อนคนงาน เผยว่า นายลุงแดง มักจะมีอารมณ์โมโห ทะเลาะกับภรรยาอยู่เป็นประจำเรื่องภายในครอบครัว เมื่อโมโหก็จะอาละวาดอย่างหนัก จนกระทั่งในวันนี้เกิดอาการคลุ้มคลั่งมากจึงลงมือก่อเหตุดังกล่าว.
ระทึก! เจ้าหน้าที่รุมจับหนุ่มไทใหญ่คลุ้มคลั่ง แทงเมียเจ็บสาหัส ซ้ำจุดไฟเผาบ้าน ขณะเข้าจับกุมคนร้ายขัดขวางต่อสู้ โดยยิงหนังสติ๊กใส่เป็นระลอก ด้านเจ้าหน้าที่ฉีดน้ำรถดับเพลิงโต้กลับจนล้ม ก่อนเข้าชาร์จจับกุมนำตัวไปดำเนินคดี
ข่าว,ทั่วไทย
หนุ่มไทใหญ่,แทงเมีย,เผาบ้าน,เชียงใหม่,คลุ้มคลั่ง,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/north/1142360
ก่อเหตุ 2 ปี 40 ครั้ง รวบ 3 เขมร 2 ไทย แก๊งกรีดกระเป๋าย่านประตูน้ำ
เวลา 13.30 น. วันที่ 21 พ.ค. 60 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ. พร้อมด้วย พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.ทท. พ.ต.อ.นิติวัฒน์ แสงสิ่ง ผกก.สน.พญาไท ร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง แถลงการจับกุม น.ส.ดวง ธิดา อายุ 35 ปี สัญชาติกัมพูชา, นายฐเดช นิธิธัชชัย อายุ 45 ปี ชาวไทย สามี น.ส.ดวง, น.ส.เม อายุ 28 ปี สัญชาติกัมพูชา น.ส.อ้อย อายุ 32 ปี สัญชาติกัมพูชา และนายสมปอง บุตรี อายุ 70 ปี ชาวไทย พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ 8 เครื่อง เงินสด 74,790 บาท สร้อยข้อมือชุบทองคำ 1 เส้น สร้อยคอชุบทองคำ 1 เส้น ใบมีดโกน 2 ใบ จับกุมได้บริเวณตลาดผ้าประตูน้ำข้างตึกใบหยก จากนั้นขยายผลไปยังอพาร์ตเมนต์ใน ซ.เจริญกรุง 77,พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีเหตุคนร้ายก่อเหตุกรีดกระเป๋าคนไทย นักท่องเที่ยว ในย่านประตูน้ำและพื้นที่สำคัญใจกลางเมืองบ่อยครั้ง ชุดจับกุมจึงสนธิกำลังสืบหาเบาะแสรวมถึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดจนทราบว่าคนร้ายเป็นชาวกัมพูชาและชาวไทย มีการทำกันเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่การลงมือก่อเหตุอย่างชัดเจน จึงจัดกำลังเฝ้าสังเกตการณ์ กระทั่งพบกลุ่มผู้ต้องหากำลังก่อเหตุจึงแสดงตัวจับกุม แต่ผู้ต้องหาไหวตัวทัน จับกุมได้เพียง น.ส.ดวง และนายสมปอง จากนั้นขยายผลตรวจค้นอพาร์ตเมนต์ซึ่งเป็นที่กบดานของกลุ่มคนร้าย พบ นายฐเดช น.ส.เม และ น.ส.อ้อย ตรวจค้นพบเงินสดและโทรศัพท์มือถือ จึงตรวจยึดก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาสอบสวนต่อที่ สน.พญาไท,สอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพ โดย น.ส.ดวง ให้การว่า ตนพร้อมพวกเดินทางมาจากประเทศกัมพูชา ด้านตะเข็บชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว นั่งรถตู้มาที่ย่านประตูน้ำ เพื่อมาก่อเหตุ ก่อนหลังก่อเหตุเสร็จจะเดินทางกลับทันที ทำมาแล้ว 30-40 ครั้ง นานกว่า 2 ปี เน้นพื้นที่ตลาดประตูน้ำ เนื่องจากมีความคุ้นเคยและชำนาญพื้นที่ เลือกเหยื่อที่เป็นผู้หญิงสะพายกระเป๋าไว้ด้านข้าง ตนมีหน้าที่กรีดกระเป๋าและเก็บทรัพย์สิน ส่วน น.ส.เม และ น.ส.อ้อย เป็นคนบัง แต่หากใครพร้อมลงมือก็จะกรีดกระเป๋าเหยื่อทันที ส่วน นายฐเดช สามีของตน เป็นผู้คอยอำนวยความสะดวกในการเดินทาง จัดหาที่พัก และพาผู้ร่วมขบวนการนำทรัพย์สินที่ได้ไปขาย ส่วน นายสมปอง ดูต้นทาง เคยก่อเหตุได้ทรัพย์สินสูงสุด 7-8 หมื่นบาทต่อครั้ง โดยวิธีการกรีดกระเป๋าศึกษามาจากเพื่อนชาวเวียดนาม,ด้าน นายสมปอง ให้การว่ารู้จักกับผู้ต้องหากลุ่มนี้มา 2 ปี ก่อนหน้านี้เป็นคนรับรถให้กับบ่อนการพนันบาคาร่าแห่งหนึ่งย่านฝั่งธน ต่อมาบ่อนปิดตัวทำให้ตนขาดรายได้ จึงมารับจ้างเข็นเสื้อผ้าที่ตลาด ก่อนจะมารู้จักกับขบวนการกรีดกระเป๋า ได้รับค่าจ้างครั้งละ 500 บาท,ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะประสานไปยัง ปปง. เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินว่ามีความเชื่อมโยงเข้าข่ายการกระทำผิดฐานฟอกเงินหรือไม่ และหากประชาชนท่านใดที่เคยถูกกระทำในลักษณะดังกล่าว ให้มาแจ้งความเพิ่มเติมที่ สน.พญาไท เพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติม เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหา น.ส.ดวง น.ส.เม น.ส.อ้อย นายสมปอง ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ ส่วน นายฐเดช ข้อหาสนับสนุนให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานลักทรัพย์และให้ที่พักพิงบุคคลต่างด้าว ก่อนส่งตัว น.ส.ดวง น.ส.เม น.ส.อ้อย นายสมปอง ให้พนักงานสอบสวน สน.พญาไท ดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนนายฐเดช จะดำเนินการให้ พงส.สน.วัดพระยาไกร ดำเนินคดี.
ผบก.สปพ. นำแถลงจับ 5 ผู้ต้องหา 3 หญิงเขมร 2 ชายไทย เป็นแก๊งกรีดกระเป๋าย่านประตูน้ำ สารภาพ ทำมานาน 2 ปี ก่อเหตุ 40 ครั้ง
ข่าว,อาชญากรรม
กรีดกระเป๋า,แก๊งกรีดกระเป๋า,กรีดกระเป๋านักท่องเที่ยว,ประตูน้ำ,โดนกรีดกระเป๋า
https://www.thairath.co.th/news/crime/948115
เก๋งพุ่งชน จยย. ล้ม รถตามหลังทับ ดับ 1 เจ็บ 1 ราย
เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 15 พฤศจิกายน 2557 ร้อยตำรวจโทไสว เพ็ชรสมบัติ ร้อยเวรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรบ้านสร้าง ได้รับแจ้งจากหน่วยกู้ภัยสว่างบำเพ็ญธรรมสถาน ว่ามีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ถูกเฉี่ยวชนบริเวณใกล้เคียงโครงการส่วนพระองค์ หมู่ที่ 10 ตำบลบางแตน อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และได้รับบาดเจ็บ 1 ราย หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรุดไปตรวจสอบ,ที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ฮอนด้า สเปซี่ไอ สีแดง-ดำ หมายเลขทะเบียน 1 กข 3542 ฉะเชิงเทรา ล้มตะแคงอยู่บนถนน ใกล้กันพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นหญิง ทราบชื่อ ด.ญ.ไอรดา สุภาพร อายุ 14 ปี บ้านเลขที่ 2/9 หมู่ที่ 9 ตำบลบางกระเจ็ด อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย ทราบชื่อ นางอรนันท์ สุภาพร อายุ 41 ปี ซึ่งเป็นมารดาของผู้เสียชีวิต บาดเจ็บแขนหัก และมีบาดแผลตามร่างกาย หน่วยกู้ภัยได้ช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลบ้านสร้าง เพื่อให้แพทย์ทำการรักษา,สอบถามชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ ทราบว่า ทั้งสองแม่ลูกขับขี่รถจักรยานยนต์ไปซื้อของที่ตลาด ขณะขับรถกลับบ้าน เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ มีรถยนต์เก๋งสีขาว ไม่ทราบยี่ห้อ และหมายเลขทะเบียน พุ่งเข้าชนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิต ทำให้รถล้มลง ขณะนั้นมีรถที่ขับตามมา เหยียบเข้าที่บริเวณศีรษะของเด็กหญิง ก่อนขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ติดตามผู้ขับรถคันที่ก่อเหตุ มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
เก๋งพุ่งชน จยย. 2 แม่ลูกล้ม ก่อนถูกรถที่ตามหลังมาทับศีรษะลูกสาววัย 14 ปี ดับสยอง ที่ปราจีนบุรี จากนั้นซิ่งหายไปในความมืด ตร.เร่งติดตามดำเนินคดีตามกฎหมาย
null
เก๋งชนจยย.,รถชน จยย.,รถตามหลัง,รถทับหัว,บ้านสร้าง,เด็กหญิง,อุบัติเหตุ,ปราจีนบุรี,ข่าวภูมิภาค
https://www.thairath.co.th/content/463659
จังหวัดน่านเร่งรณรงค์ให้ปชช.เลิกกินอาหารดิบ
ชาวเขาเผ่าม้ง บ้านสองแคว หมู่ที่ 5 และบ้านใหม่เจริญสุข หมู่ที่ 14 ต.สะเนียน ที่ล้มป่วยด้วยอาการท้องเสียรุนแรง และ อาเจียน หลังกินหมูดิบ และ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลน่าน 21 คนขณะนี้มีอาการดีขึ้นตามลำดับ ส่วนผู้ป่วยอาการหนัก 2 คน ได้พ้นขีดอันตรายแล้วเช่นกัน แต่แพทย์ก็ยังไม่อนุญาตให้กลับบ้าน เพราะต้องรอผลการตรวจพิสูจน์เนื้อหมูที่ส่งไปตรวจที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ จ.ลำปาง ซึ่งจะทราบผลไม่เกิน 7 วันน.พ.พิษณุ ขันติพงษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลน่าน เชื่อว่า สาเหตุเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ซิลมอแนล่า หรืออีโคลา ที่อาจติดมากับตัวหมู หรือ ระหว่างการชำแหละ รวมถึงภาชนะที่ใช้ปรุงอาหารไม่สะอาดจึงเร่งรณรงค์ให้ให้ประชาชนตระหนักถึงอันตรายจากการกินอาหารดิบโดยเฉพาะพวก ลาบ หลู้ ทั้งนี้เริ่มที่โรงพยาบาลน่านก่อนเข้าหารือผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เพื่อที่จะรณรงค์ครั้งใหญ่
โรงพยาบาลน่านเตรียมรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงอันตรายจากการกินอาหารประเภท ลาบ หลู้ ขณะที่ชาวเขาเผ่าม้งที่ล้มป่วยหลังกินเนื้อหมูดิบ ล่าสุดมีอาการดีขึ้น
ภูมิภาค
##@น่าน,ลาบ,หมูดิบ,อาหารดิบ,แบคทีเรีย,โรงพยาบาลน่าน,drought,น่าน
https://news.thaipbs.or.th/content/140544
พาณิชย์สุ่มตรวจข้าวปนเปื้อนต่อเนื่อง
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้าข้าวเสื่อมคุณภาพชี้แจงผลตรวจข้าวถุง 11 ยี่ห้อ ที่สุ่มตัวอย่างตรวจเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา เบื้องต้น ไม่พบว่าสารรมยา เมทิล โบรไมด์ อยู่ในระดับอันตราย แต่คณะกรรมการฯ จะขอให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. เพิ่มการสุ่มตรวจข้าวถุง หลังการหุงต้ม เพื่อดูปริมาณคงเหลือของสารเมทิล โบรไมด์ด้วยนายยรรยง พวงราช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้เพิ่มตัวแทนอีก 3 หน่วยงาน ร่วมในคณะกรรมการ เพื่อเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบสารตกค้างในข้าว ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ขณะที่การตรวจสอบสต็อกข้าวในโกดังของเอกชนที่มีทั้งหมดเกือบ 200 ราย ขณะนี้ตรวจสอบแล้วประมาณ 30 ราย พบว่าหลายรายจัดเก็บข้าวน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด 500 ตัน ซึ่งหากมีเจตนาไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 5000 บาท หรือทั้งจำและปรับ
หลังเกิดกรณีข้าวสารปนเปื้อนสารรมยา รวมถึงปัญหาข้าวเสื่อมสภาพ กระทรวงพาณิชย์ตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบ ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่พบการใช้สารรมยาเกินมาตรฐาน
เศรษฐกิจ
ข้าว,ปนเปื้อน,พาณิชย์,สารรมยา,สุ่มตรวจ
https://news.thaipbs.or.th/content/188945
ชีวิตออนไลน์แบบปลอดภัย AIS ผุด Safe & Care แอพคุมเด็กคนชราใช้มือถือ
นายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานการตลาดและการขาย บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่า เอไอเอสมุ่งพัฒนาแอพพลิเคชั่นหลากหลายรูปแบบ เพื่อนำเสนอเทคโนโลยีสำหรับยกระดับการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในปัจจุบันภายใต้การเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิตอลของสังคมไทยผ่านเครือข่ายเอไอเอส ล่าสุด จึงมีการพัฒนาแอพพลิเคชั่นในชื่อ Safe & Care เพื่อดูแลการใช้งานมือถือของเยาวชนและผู้สูงอายุ ด้วยจุดเด่นในการรวมฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครันเอาไว้ในแอพพลิเคชั่นเดียว ทำให้ติดตามผู้ที่รักและห่วงใยได้อย่างสะดวกแม้จะอยู่ห่างไกลกันโดยไม่จำเป็นต้องซื้อหรือติดตั้งอุปกรณ์เสริม,ปัจจุบันเอไอเอสมีจำนวนลูกค้าใช้งานสมาร์ทโฟนราว 61% ของลูกค้าทั้งหมด ซึ่งมีจำนวนกว่า 38.9 ล้านเลขหมาย อย่างไรก็ตาม บริษัทตั้งเป้าผู้ใช้บริการแอพพลิเคชั่นดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 2-3 แสนราย และมีผู้สมัครใช้แพ็กเก็จบริการดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 1 แสนราย,นายสุวิทย์ อารยะวิไลพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานบริหารผลิตภัณฑ์ เอไอเอส กล่าวว่า แอพพลิเคชั่น Safe & Care สามารถแบ่งการใช้งานออกเป็น 2 ด้าน คือ Parental Controls และ Family Location ซึ่งเปิดให้ลูกค้าเอไอเอสสามารถสมัครแพ็กเก็จใช้บริการได้ตั้งแต่วันนี้ พร้อมรับสิทธิ์ใช้งานฟรีเดือนที่ 2 และ 3 พิเศษสำหรับลูกค้าเซเรเนดรับสิทธิ์ใช้งานฟรี 2 เดือนแรกทันทีที่สมัครแพ็กเกจ,สำหรับฟังก์ชั่น Parental Controls เหมาะสำหรับการดูแลสมาชิกในครอบครัว โดยเฉพาะเด็กๆ เนื่องจากสามารถกำหนดเบอร์โทร รวมถึงวันและเวลาในการโทรออก-รับสาย รวมทั้งกำหนดการใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ เพื่อให้เนื้อหาและระยะเวลาในการใช้งานเหมาะสมกับอายุของเด็ก ส่วนฟังก์ชั่น Family Location เป็นการดูแลความปลอดภัยในการใช้ชีวิตของสมาชิกในครอบครัวทั้งเด็กและผู้สูงอายุ อาทิ การบอกตำแหน่งของสมาชิกในครอบครัวได้แบบทุกที่ทุกเวลา การกำหนด Safe Zone และแจ้งเตือนเมื่อออกนอก Safe Zone รวมถึงการ Check In เพื่อแจ้งตำแหน่งของตนเองให้สมาชิกในครอบครัวทราบ หรือ Family Alert ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน และ Phone Security แสดงตำแหน่งล่าสุดของเครื่องมือถือ พร้อมสั่งล็อกและล้างข้อมูลเมื่อโทรศัพท์สูญหาย เป็นต้น.
เอไอเอส เปิดตัวแอพพลิเคชั่น Safe & Care ให้ลูกค้าสามารถดูแลการใช้งานมือถือของคนที่รักและห่วงใย เน้นกลุ่มเยาวชนและผู้สูงอายุ ผ่านสมาร์ทโฟน
ข่าว,ไอที
แอพ Safe&Care,แอพ ดูแลลูก,แอพ กำจัดการใช้มือถือ เด็ก,แอพ ดูแลคนในบ้าน,แอพ,แอพพลิเคชั่น,แอพ AIS,AIS,เอไอเอส,แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส,ฐิติพงศ์ เขียวไพศาล,สุวิทย์ อารยะวิไลพงศ์,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวไลฟ์สไตล์,ข่าวไอที
https://www.thairath.co.th/news/tech/648421
พิษ COVID - 19 ทำ F-1 สูญเสียรายได้มหาศาล
การแข่งขันฟอร์มูล่าวัน ที่ถือเป็นเบอร์ 1 ของวงการมอเตอร์สปอร์ตของโลก เป็นอีกหนึ่งชนิดกีฬาที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสCOVID - 19 โดยขณะนี้ ได้มีการประกาศเลื่อนการแข่งออกไปแล้วถึง 6 สนามยกเลิกอีก2 สนาม และไม่แน่ว่าในศึกแคนาเดียน กรังปรีซ์ ที่จะแข่งในเดือน มิ.ย.จะถูกเลื่อนออกไปอีกหรือไม่ทำให้ฤดูกาลนี้ถือเป็นวิกฤตใหญ่ของวงการ เอฟวันอย่างแท้จริงจากการที่เอฟวัน ต้องเลื่อนการแข่งขันออกไปแล้วถึง 6 สนาม และยกเลิกอีก 2 สนาม มีการคาดการณ์ว่าฟอร์มูล่าวัน หรือ เอฟวัน จะสูญเสียรายได้ตกสนามละ 45 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1400 ล้านบาทซึ่งรวม 6 สนามที่ถูกเลื่อนไป และ 2 สนามที่ถูกยกเลิก ฟอร์มูล่าวันสูญเสียรายได้มากกว่า 10000 ล้านบาทไปแล้ว และถ้าหากมีการยกเลิกอีกในภายหลังตัวเลขความเสียหายจะมากกว่านี้เป็นเท่าตัวนอกจากนี้ทันทีที่ประกาศเลื่อนการแข่งขันตั้งแต่สนามแรก หุ้นของ ฟอร์มูลา วัน ในตลาดแนสแด็ก ที่มีมูลค่ารวมสูงถึง1.1 หมื่นล้านสหรัฐ หรือราว 342500 ล้านบาท ก็ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง และทำจุดต่ำสุดลดลงมากกว่า 50 เปอร์เซนต์ โดยที่มูลค่าของหุ้นเอฟวันปัจจุบันหายไปประมาณ 5000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 160000 ล้านบาทแต่ทาง เอฟวัน ยืนยันว่า พวกเค้ายินดีจะเสียรายได้มากกว่าจะให้นักแข่ง บุคลากร ทีมงาน รวมไปถึงแฟนเอฟวัน ทั่วโลก ติดเชื้อไวรัสโควิด-19เพิ่มเติมวิกฤติของโควิด-19 ยังรวมไปถึง ทีมแข่งเอฟวัน ที่ต้องปรับแผนค่าใช้จ่ายรับมือโดยด่วนซึ่งรวมถึงแผนการปรับลดวงเงินการทำทีมให้เร็วขึ้นเพื่อไม่ให้สถาณการณ์ด้านเศรษฐกิจแย่ไปกว่านี้เดิมแผนการปรับวงเงินการทำทีม จะไม่เกิน 175 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 5700 ล้านบาท จะนำมาใช้ในปี 2564 แต่เนื่องจากทุกทีมกำลังได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 เพราะไม่สามารถแข่งขันได้ในขณะนี้ทำให้ทุกทีมต้องหารือปรับแผนการใช้งบประมาณเร่งด่วนเพื่อไม่ให้ตกอยู่ในสถาณการณ์ที่เปราะบางไปมากกว่านี้โดยคาดว่าเอฟวันจะปรับลดงบประมาณทำทีมไม่เกิน 150 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่ แซค บราวน์ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของทีม แมคลาเรน เสนอปรับลดวงเงินไม่เกิน 100 ล้านเหรียญสหรัฐอย่างไรก็ตามบรรดาทีมเล็กๆหลายทีมยังไม่เห็นประโยชน์จากการเสนอปรับลดงบประมาณมากนักเพราะปัจจุบันทีมเหล่านี้ไม่ใช้งบประมาณมากนักในการทำทีม
จากสถานการณ์ COVID - 19 ที่ทำให้การแข่งขัน ฟอร์มูล่าวัน หรือ เอฟวัน เลื่อนการแข่งขันออกไป ถือเป็นวิกฤติใหญ่ของวงการ เอฟวันอย่างแท้จริง
กีฬา
COVID-19,F-1,ฟอร์มูล่าวัน
https://news.thaipbs.or.th/content/290867
ระเบิดสุไหงโกลก จ.นราฯ 3 จุด ตายเจ็บ 3 เจ็บอีกจำนวนมาก
เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมาวานนี้ ( 16 ก.ย.) ได้เกิดเหตุระเบิดที่อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส ในเวลาไล่เลี่ยกัน 3 ครั้งซ้อนบริเวณย่านธุรกิจและสถานบันเทิงในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก โดยระเบิดสองลูกแรก ถูกซุกซ่อนไว้ในรถจักรยานยนต์ บริเวณหน้าสมาคมแต้จิ๋ว และหน้าโรงแรมปาร์คสัน ส่วนลูกที่สามซุกซ่อนไว้ในรถยนต์บริเวณปากซอยเจริญเขต 3 หน้าร้านอ้อยบะกุ๊ตเต๋ ซึ่งคนร้ายกดชนวนระเบิดในแต่ละจุดห่างกันเพียง5 นาที ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโกลาหล เพราะเป็นช่วงที่ประชาชน และ นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียจะเดินทางออกไปเดินเที่ยวและรับประทานอาหารตามร้านค้าต่าง ๆ ในพื้นที่นี้ สำหรับผู้เสียชีวิตเบื้องต้น 3 คน ทราบชื่อ 1 คนคือ นายเสกสรร โรจนพนาสิริ เป็นเจ้าหน้าที่มูลนิธิสมาคมแต้จิ๋วขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงและชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ แต่เกรงว่า จะมีระเบิดหลงเหลืออยู่จึงได้สั่งตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือ และ ห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปบริเวณจุดเกิดเหตุอย่างเด็ดขาด และ จะตรวจสอบหาข้อมูลจากกล้องวงจรปิดในบริเวณจุดเกิดเหตุ
เกิดเหตุระเบิดกลางเมืองสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส 3 จุดในเวลาไล่เลี่ยกันเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา โดยคนร้ายวางระเบิดในรถจักรยานยนต์ 2 คัน และ และรถยนต์อีก 1 คันทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 คน บาดเจ็บอีกจำนวนมาก
ภูมิภาค
นราธิวาส,ลอบวางระเบิด,สถานการณ์ใต้,อ.สุไหงโกลก
https://news.thaipbs.or.th/content/34151
บี แค้นจัดโดนเท บุกไปแช่ง สน ถึงบ้าน
สน-ยุกต์, ในละคร ,แต่ปางก่อน, น่ะซี้ ไปทำให้ ,บี-น้ำทิพย์, โกรธ งานนี้เลยได้เห็นฤทธิ์ยาม ,ตัวแม่, อย่าง ,บี, โกรธแล้วจะเป็นยังไง? โดยเป็นฉากที่ ,หญิงแต้ (บี), โกรธแค้นที่ ,ท่านชายใหญ่ (สน), ปฏิเสธรักตนจนหัวใจสลาย จึงบุก ไปแช่งถึงบ้าน,ฉากนี้ดราม่าหนัก เลย ผกก. สันต์ ศรีแก้วหล่อ เรียก สน กับ บี มาซ้อมเข้มเลย บี นี่เครื่องติดตั้งแต่ตอนซ้อมร้องไห้ก่อนเลย ผกก.กลัวน้ำตาจะแห้งบ่อซะก่อนเลยรีบถ่ายจริง เริ่มที่ สน นั่งมองรูป วิว แล้วน้ำตาไหลด้วยความคิดถึง อันนี้น้ำตาไหลจริงๆซะด้วย จากนั้น เปิ้ล-จารุณี ก็เดินมาพร้อมกับ บี แล้ว บี ก็ขอคุยกับ สน แบบส่วนตัว,เมื่ออยู่ลำพังสองคน บี ก็ชักสีหน้าพูดจาถากถางและสาปแช่ง สน ด้วยถ้อย คำรุนแรง น้ำตาไหลด้วยความแค้นที่ถูกปฏิเสธรัก สน ทนฟังไม่ไหวเลยตอกกลับแบบไม่มีเยื่อใย บี ยิ่งแค้นเลยเดินรุกเข้าไปหา สน ถอยหลังหนีจนสะดุดล้ม บี มองสะใจก่อนจะเดินสะบัดหน้าออกไป สน มองตาม บี ไปด้วยสายตาที่เจ็บปวดเพราะไม่คิดว่า บี จะร้ายขนาดนี้ตามชมได้ คืนวันพฤหัสฯนี้ ทางช่องวัน 31.
อย่าทำ ให้ แม่ โกรธ! ก็ สน-ยุกต์ ในละคร แต่ปางก่อน น่ะซี้ ไปทำให้ บี-น้ำทิพย์ โกรธ งานนี้เลยได้เห็นฤทธิ์ยาม ตัวแม่ อย่าง บี โกรธแล้วจะเป็นยังไง?! โดยเป็นฉากที่ หญิงแต้ (บี) โกรธแค้นที่ ท่านชายใหญ่ (สน) ปฏิเสธรักตน
ข่าว
ละคร,แต่ปางก่อน,บี น้ำทิพย์,สน ยุกต์,ช่องวัน 31
https://www.thairath.co.th/news/891650
เห่าดง ตัวดำมะเมื่อม เลื้อยซุกชั้นวางรองเท้า ด.ญ.เห็นร้องลั่น
อยู่,วันที่ 16 ก.ค. หน่วยกู้ภัยนทีธรรมได้รับแจ้งจาก สภ.เมืองบึงกาฬ ว่ามีงูเห่าเลื้อยเข้ามาในโกดังเก็บไม้ชื่อ หจก.สหทรัพย์ทวีค้าไม้ เลขที่ 110 หมู่ 10 ถนนบึงกาฬ-หนองคาย บ้านแสนเจริญ ต.วิศิษฐ์ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ จึงนำอุปกรณ์จับงูเดินทางไปที่โกดังหลังดังกล่าว,พบเจ้าของโกดังคือ นายธีรวุฒิ บุญยะกานต์ อายุ 43 ปี ได้พาทีมกู้ภัยและผู้สื่อข่าวเข้าไปชี้ให้ดูชั้นเก็บรองเท้าวางอยู่หน้าห้องนอน ติดกำแพงบ้านเมื่อเจ้าหน้าที่ก้มลงไปดู เห็นว่าเป็นงูเห่าดงสีดำมะเมื่อม ขนาดยาวเกือบ 2 เมตรซ่อนตัวอยู่ใต้ชั้นวางรองเท้า ชูคอแผ่แม่เบี้ยขู่เสียงดังฟ่อๆ จึงนำไม้มาแหย่ให้งูเลื้อยออกมาจากใต้ชั้นวางรองเท้า ซึ่งเป็นสถานที่คับแคบ ใช้เวลากว่า 30 นาที งูก็ไม่ยอมเลื้อยออกมา จึงได้นำแหมาวางครอบเอาไว้ป้องกันไม่ให้งูเลื้อยหนี และป้องกันอันตรายจากพิษงู,จนกระทั่ง งูยอมเลื้อยออกมา จึงใช้ไม้กดที่หัวงูเอาไว้ แล้วใช้บ่วงสอดคล้องหัวงู จึงสามารถจับงูเห่าตัวนี้ยัดเข้ากระสอบไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ,นายธีรวุฒิ เสี่ยเจ้าของโรงไม้เล่าว่า ขณะที่ลูกสาวคนเล็กชื่อ น้องปลาย วัย 4 ขวบดูกล้องทีวีวงจรปิดอยู่ในห้อง ก็ร้องเสียงดังลั่นว่าเห็นงูเลื้อยเข้ามาในบ้าน เมื่อตนเปิดประตูออกไปดูพบว่างูเห่าดงตัวนี้กำลังเลื้อยออกจากที่ซ่อนใต้กองไม้เข้าไปอยู่ใต้ที่เก็บร้องเท้า คาดว่าคงหนีฝนเข้ามาหาที่อบอุ่น จึงได้แจ้งให้ตำรวจและหน่วยกู้ภัยมูลนิธินทีธรรม มาจับไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ.
งูเห่าดงของแท้ ตัวเป็นๆ สีดำมะเมื่อมสะท้อนแสงไฟ หลบอยู่ใต้ที่เก็บร้องเท้า เด็กหญิงวัย 4 ขวบ เป็นคนเห็นจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งในบ้านว่ามีงูเลื้อยเข้ามา เรียกพ่อมาดูก่อนแจ้งกู้ภัยจับใส่กระสอบ คาดหนีฝนมาหาไออุ่นในที่ที่มีคน
null
งูเห่าดง,จับงู,งูเห่า,งูเข้าบ้าน,งูซุกชั้นวางรองเท้า,กู้ภัยจับงู,บึงกาฬ,ข่าว,ข่าวทั่วไทย,ข่าวสังคม,ไทยรัฐออนไลน์
https://www.thairath.co.th/content/665171
อดีตลูกจ้าง นางไก่ โร่เข้าขอความคุ้มครองกรมสิทธิฯ หวั่นไม่ปลอดภัย
เมื่อวันที่ 21 ก.ค.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อดีตลูกจ้างนางมณตา หยกรัตนกาญ หรือนางไก่ ประกอบด้วย 1. น.ส.ดาริน วัฒนานนทกุล บ้านเลขที่ 121 หมู่ 5 ต.ท่าผาปุ้ม อ.แม่ลาน้อย 2. น.ส.กาญจนา สกุลดง บ้านเลขที่ 61/1 หมู่ 9 ต.แม่ลาหลวง อ.แม่ลาน้อย 3. น.ส.กรุณา เชาว์ปัญญา บ้านห้วยหมากหนุน ต.แม่ลาน้อย อ.แม่ลาน้อย 4 น.ส.ขวัญจิรา จิระสกุลโชคชัย บ้านห้วยหมากหนุน ต.แม่ลาน้อย อ.แม่ลาน้อย ได้เข้าพบ น.ส.พัชรีรัตน์ จิรสถิตสิน พนักงานกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน สำนักงานยุติธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน กระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากกรมทหารพรานที่ 36 นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ปลัดอำเภอแม่สะเรียง และประธานสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย (ส.ปอ.ท.) เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอแม่ลาน้อย มาขอความคุ้มครองพยาน ที่ สภ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน เพราะกังวลว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย เพราะเครือข่ายของนางไก่ ยังมีอยู่อีกจำนวนมาก,ด้าน น.ส.พัชรีรัตน์ จิรสถิตสิน พนักงานกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า ทั้งนี้สืบเนื่องจากผู้เสียหายทั้ง 4 คน เผยว่า ได้มีเครือข่ายนางไก่ เคยเดินทางเข้ามาในพื้นที่ จึงทำให้เกิดความกังวลและหวาดกลัว ว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยในชีวิต อดีตลูกจ้าง ทั้ง 4 คน และเป็นผู้เสียหาย จึงได้เข้าขอรับการคุ้มครองแบบทั่วไป คือขอให้มีเจ้าหน้าที่เข้าไปเยี่ยมเยือน และดูแลที่บ้านตามความเหมาะสม,ขณะที่ นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ปลัดอำเภอแม่สะเรียง ได้กล่าวถึงความคืบหน้าของคดีว่า 1. ภายหลังจากที่ชุดสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล นำโดย พ.ต.อ.แบงค์ บัวนวล ผกก.กลุ่มงานสอบสวนกองบังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล และคณะได้ประสานขอข้อมูลข้อเท็จจริงผู้เสียหายทั้ง 4 ราย ในพื้นที่อำเภอแม่ลาน้อย เมื่อวันที่ 8 ก.ค.59  หลังจากนั้น พ.ต.อ.แบงค์ จึงได้ร้องทุกข์ นางไก่ ในข้อหาค้ามนุษย์ กับพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น เลขคดีอาญา 895 ลงวันที่ 12 ก.ค. 2559 โดย พ.ต.ท.ไมตรี สามาอาภัตร์ เป็นเจ้าของคดี  ,2. ภายหลังจากการร้องทุกข์กับหญิงไก่ ในข้อหาค้ามนุษย์ เมื่อ 13 ก.ค.59 ร.ต.อ.รัถย์ศานต์ ประจิตร รอง สว.(สอบสวน) สน.ประชาชื่น จึงได้เดินทางมาสอบสวนผู้เสียหายในพื้นที่แม่ลาน้อย จำนวน 4 ราย เพื่อเตรียมออกหมายจับและส่งฟ้องคดี 3. ผลคดีล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ก.ค.59 ศาลได้อนุมัติหมายจับ หญิงไก่ ในข้อหาค้ามนุษย์ ที่ 1411/2559 ลว.21 ก.ค.59 ส่วนความช่วยเหลือทางจังหวัดแม่ฮ่องสอน จะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปให้ความช่วยเหลือต่อไป.
4 อดีตลูกจ้าง นางไก่ โร่วิ่งเข้าหา พนง.คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เพื่อเข้าขอความคุ้มครองพยาน เผยอดีตลูกจ้างต่างหวาดหวั่นอิทธิพลนางไก่แม้จะถูกคุมขัง แต่เครือข่ายยังมีอยู่มากหวั่นชีวิตไม่ปลอดภัย
ข่าว,ทั่วไทย
นางไก่,หญิงไก่,มณตา หยกรัตนกาญ,4อดีตลูกจ้าง,ดาริน วัฒนานนทกุล,กาญจนา สกุลดง,ขวัญจิรา จิระสกุลโชคชัย,กรุณา เชาว์ปัญญา,พัชรีรัตน์ จิรสถิตสิน,กรมคุ้มครองสิทธิ,สำนักงานยุติธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน,เครือข่ายนางไก่,บุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์,ปลัดอำเภอแม่สะเรียง,ค้ามนุษย์,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวทั่วไทย
https://www.thairath.co.th/news/local/669387
มะกันรวบฆาตกรต่อเนื่อง ตชด.เท็กซัสฆ่าโสเภณี 4 ศพ รายที่ 5 หวิดดับ
สำนักข่าวต่างประเทศ,รายงานว่า ตำรวจเริ่มตามล่าหาตัวเจ้าหน้าที่ตระเวนชายแดนชื่อ ฮวน ดาวิด ออร์ติซ ในเมืองลาเรโด รัฐเท็กซัส หลังจากหญิงซึ่งเกือบตกเป็นเหยื่อรายที่ 5 ของเขาหนีรอดมาขอความช่วยเหลือกับตำรวจท้องถิ่น ก่อนที่ตำรวจจะตามจับกุมตัวชายคนนี้ได้ที่ลานจอดรถของโรงแรมแห่งหนึ่ง,ตำรวจไม่เปิดเผยชื่อของเหยื่อทั้ง 4 รายของนายออร์ติซ แต่ระบุว่าพวกเธอเป็นหญิงขายบริการ และเชื่อว่านายออร์ติซก่อเหตุเพียงคนเดียว ชาวเมืองสามารถวางใจได้ เราควบคุมตัวฆาตกรต่อเนื่องเอาไว้แล้ว นายมาร์ติน คูเอลลาร์ นายอำเภอเขตเวบบ์ เคาน์ตี กล่าว,ทั้งนี้ เหยื่อ 2 รายแรกของนายออร์ติซ ถูกพบเมื่อช่วงต้นเดือนกันยายน ในพื้นที่ชนบทใกล้ถนนเชื่อมรัฐหมายเลข 35 ส่วนรายที่ 3 และ 4 ถูกพบในพื้นที่เดียวกันเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยรายที่ 4 ถูกพบในสภาพบาดเจ็บสาหัสเมื่อ 13 ก.ย. ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตที่โรงพยาบาล,ด้าน นายอิซิโดร อลานิซ อัยการศาลแขวงระบุว่า นี่เป็นคดีฆาตกรรมที่น่ากลัว และยืนยันว่า นายออร์ติซจะถูกฟ้องร้องในข้อหาฆาตกรรม 4 กระทง และลักพาตัวอีก 1 กระทง โดยตำรวจกำลังสืบสวนหามูลเหตุจูงใจของชายคนนี้
ตำรวจรัฐเท็กซัส ตามจับกุมตัวเจ้าหน้าที่ตระเวนชายแดนนายหนึ่งได้สำเร็จ ฐานเป็นฆาตกรต่อเนื่อง สังหารหญิงขายบริการไปถึง 4 ราย
ข่าว,ต่างประเทศ
สหรัฐ,ตชด.,ฆาตกรต่อเนื่อง,โสเภณี,หญิงขายบริการ
https://www.thairath.co.th/news/foreign/1377559
ราเมศ สวน ปึ้ง ย้ำ ทักษิณ สารภาพผิดเอง ใช้กำปั้นเหล็กแก้ไฟใต้
วันที่ 28 เม.ย. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีต รมว.ต่างประเทศ ระบุพาดพิง นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ว่า เป็นคนใต้แก้ปัญหาภาคใต้ไม่ได้อย่าโทษผู้อื่นนั้น ว่า คนเคยเป็นถึง รมว.ต่างประเทศ ควรใช้คำพูด ความคิดให้ดีกว่านี้ เพราะนายชวน กล่าวบรรยายเรื่องธรรมาภิบาล ให้นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ฟัง เป็นการพูดเชิงวิชาการ ที่ยกปัญหาตัวอย่างของการละเมิดหนึ่งในหลักธรรมาภิบาล คือ หลักนิติธรรม โดยการไม่เคารพกฎหมายของผู้ออกนโยบาย และผู้ปฏิบัติในรัฐบาลทักษิณ ทั้งนโยบายแก้ปัญหายาเสพติด ที่คนตายถึง 2,500 คน เหตุการณ์กรือเซะ และตากใบ ที่นายทักษิณ ยอมรับสารภาพกับหนังสือพิมพ์สเตรทไทมส์ของมาเลเซียเอง ว่า การใช้ความรุนแรงต่อมุสลิมภาคใต้เป็นความผิดพลาดของตนเอง,การกล่าวหาว่า คนใต้แบบนายชวนยังแก้ปัญหาภาคใต้ไม่ได้นั้น นายสุรพงษ์ ควรย้อนดูสถิติจะรู้คำตอบ และไม่ว่าปัญหาใดของประเทศ ถ้าได้คนดีมาเป็นนายกรัฐมนตรีที่ตั้งใจแก้ปัญหาชาติโดยเสมอภาคกัน โดยไม่เลือกปฏิบัติ แบบจังหวัดไหนเลือกเราก็พัฒนาจังหวัดนั้น ทุกปัญหาจะดีขึ้นตามลำดับ เว้นแต่มีนายกรัฐมนตรี ที่ไม่มีเวลาให้กับปัญหาภาคใต้ คิดนโยบายเอื้อประโยชน์ให้ตนและพวก ทุจริตบ้านเมืองจนไม่มีแผ่นดินอยู่ นายสุรพงษ์ คงเห็นตัวอย่างของอดีตนายกฯ ประเภทนี้ดี ถ้ายังมีคนแบบนายสุรพงษ์ จากนี้ไปผมจะสื่อสารกับประชาชนวันละเรื่องเพื่อให้เห็นความจริงของระบบทักษิณที่ทำไว้กับประเทศชาติ นายราเมศ กล่าว.
ราเมศ สวน ปึ้ง ย้ำ ทักษิณ สารภาพผิดเอง ใช้กำปั้นเหล็กแก้ไฟใต้ ตอกกลับ ถ้าได้นายกฯ ดี แก้ปัญหาชาติโดยไม่เลือกปฏิบัติ คงดีกว่านี้
null
ราเมศ,ปึ้ง,ทักษิณ,แก้ไฟใต้,ราเมศ รัตนะเชวง,รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์,สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล,รมว.ต่างประเทศ,ชวน หลีกภัย,นิติธรรม,นายกรัฐมนตรี,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวการเมือง
https://www.thairath.co.th/content/612505
เผย เป๊ป รู้แล้วใครคือกุนซือคนใหม่ของ เสือใต้
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันที่ 3 ต.ค. ว่า บิลด์ สื่อดังเมืองเบียร์โหมข่าวว่า อูลี ฮอเนสส์ ประธานของ เสือใต้ บาเยิร์น มิวนิก ได้แจ้งชื่อกุนซือคนใหม่ของทีมให้กับ เป๊ป กวาร์ดิโอลา อดีตกุนซือของพวกเขารับทราบแล้ว,เป๊ป เคยทำงานในถิ่นอัลลีอันซ์ อารีนา 3 ปีก่อนจะย้ายมาคุมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อซัมเมอร์ปีที่แล้ว แต่ถึงอย่างไรความสัมพันธ์ของเขากับเสือใต้ยังสนิทชิดเชื้อซึ่งทางประธานของเสือใต้ก็ได้แจ้งถึงข่าวคราวกุนซือคนใหม่กับเขาเมื่อวานนี้หลังจากที่ทั้งคู่นัดพบปะรับประทานอาหารกันที่ ออสเตเรีย อิตาเลียนา ในกรุงมิวนิกเป็นเวลา 2 ชั่วโมง,โดยคาดกันว่าตัวเต็งที่มีโอกาสมาคุมทีมเสือใต้มี 5 คนประกอบด้วย ยูเลียน นาเกลส์มันน์ กุนซือจากฮอฟเฟนไฮม์, หลุยส์ เอ็นริเก อดีตกุนซือของบาร์เซโลนา, หลุยส์ ฟานกัล กุนซือจอมเก๋าชาวดัตช์, เยอร์เกน คลอปป์ บิ๊กบอสของลิเวอร์พูล และ โธมัส ทูเคิล อดีตกุนซือจากดอร์ทมุนด์,อย่างไรก็ตามจากรายงานดังกล่าวยังระบุอีกว่า เป๊ป กวาร์ดิโอลา นั้นเห็นด้วยกับการตัดสินของ ฮอเนสส์ ที่เตรียมจะแต่งตั้ง โธมัส ทูเคิล อดีตกุนซือดอร์ทมุนด์ไปคุมทีม ซึ่งกุนซือรายนี้ก็ถือเป็นเพื่อนสนิทของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ด้วย
อูลี ฮอเนสส์ ประธานของ เสือใต้ บาเยิร์น มิวนิก ประกาศว่าเขาได้แจ้งกับทาง เป๊ป กวาร์ดิโอลา กุนซือของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ว่าใครจะเป็นกุนซือคนใหม่ของทีม
กีฬา,ฟุตบอลยุโรป
เป๊ป กวาร์ดิโอลา,บาเยิร์น มิวนิก,แมนเชสเตอร์ ซิตี้,อูลี ฮอเนสส์
https://www.thairath.co.th/sport/eurofootball/1089104
สภาอุตฯหารือกระทรวงแรงงานชะลอขึ้นค่าแรง 300 บาทออกไปปี 2558
บ่ายวันนี้ ( 20 เม.ย.) กระทรวงแรงงานเชิญตัวแทนภาคเอกชนให้คิดเห็นเพื่อกำหนดมาตรการรองรับการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเตรียมเสนอ 9 แนวทางลดผลกระทบจากการขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ เช่น ให้ชะลอการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทในอีก 70 จังหวัดออกไปเป็นปี 2558 จากเดิมที่รัฐบาลกำหนดจะเริ่มในวันที่ 1 มกราคม 2556รวมถึงการตั้งกองทุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำวงเงิน 10000 -200000 ล้านบาทรวมถึงลดภาษีเงินได้นิติบุคคล และลดการส่งค่าประกันสังคม เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดย่อมและขนาดกลางที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการปรับค่าแรงขั้นต่ำนายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาคเอกชนไม่ต้องการกดดันภาครัฐ แต่อยากให้ทุกฝ่ายหาทางออกร่วมกัน เพราะการปรับค่าจ้างขั้นต่ำจะช่วยเหลือรายได้ให้แรงงานด้วยขณะที่นายบัณฑูร ลำซ่ำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เห็นนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น แต่ขณะเดียวกันเป็นการเพิ่มต้นทุนผู้ประกอบการด้วย ดังนั้นจึงต้องมีการบริหารจัดการให้ดี และต้องประเมินว่า ภาคธุรกิจจะรับมือไหวหรือไม่ คาดว่า 6 เดือน ถึง1 ปี น่าจะเห็นผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวได้ชัดเจน แต่ภาคธุรกิจเองควรปรับตัวด้วยการยกระดับทักษะแรงงาน และ ราคาสินค้า รวมทั้งการนำเอาเครื่องจักรมาใช้ทดแทน
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเตรียมหารือกับกระทรวงแรงงานเพื่อขอให้พิจารณาชะลอปรับค่าจ้างขั้นต่ำในอีก 70 จังหวัดออกไปเป็นปี 2558 เนื่องจากผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดย่อมได้รับความเดือดร้อน ทั้งนี้ผู้บริหารธนาคารกสิกรมีความเห็นว่า จะต้องมีการบริหารจัดการให้ดี เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจไทยต้องสะดุด ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงหลายเรื่อง
เศรษฐกิจ
300 บาท,กระทรวงแรงงาน,ค่าแรง,ผู้ประกอบการ,ส.อ.ท.,สภาอุตฯ,เอสเอ็มอี
https://news.thaipbs.or.th/content/79990
อุดรฯ จัดวิ่งมาราธอนครั้งใหญ่ ยูนิค รันนิ่ง บ้านเชียงมาราธอน 2019
วันที่ 1 ก.พ.62 จังหวัดอุดรธานี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานอุดรธานี และกู๊ดสปอร์ต ซึ่งดำเนินงานภายใต้บริษัท ได-อิจิ คิคากุ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมจัดกิจกรรมวิ่งเพื่อมรดกโลก ยูนิค รันนิ่ง บ้านเชียงมาราธอน 2019 ปีที่ 3 ในวันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์นี้ ที่ลานกิจกรรมชุมชนบ้านเชียง ต.บ้านเชียง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี,ยูนิค รันนิ่ง บ้านเชียงมาราธอน ถือเป็นงานวิ่งประจำปีที่สำคัญของจังหวัดอุดรธานี ซึ่งจัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 3 โดยปีที่แล้วได้รับการตอบรับเป็นอย่างดียิ่ง มีนักวิ่งทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติร่วมวิ่งกว่า 2,000 คน ถือได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างงดงาม จึงขอเชิญชวนนักวิ่งทุกท่านได้ร่วมวิ่งสัมผัสบรรยากาศท่ามกลางแหล่งโบราณคดี,โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมนโยบาย Sport Touring Full service วิ่ง เที่ยว พัก เพลิน คือ วิ่ง บนเส้นทางสายอารยธรรมบ้านเชียง 5,000ปี วิถีไทพวน เที่ยว สถานที่ต่างๆ ที่ตื่นตาตื่นใจของบ้านเชียง และ จ.อุดรธานี พัก โฮมสเตย์ สัมผัสใกล้ชิดกับบรรยากาศท้องถิ่นวิถีชาวไทพวน เพลิน ในวันเสาร์ที่ 16 ก.พ. กับกิจกรรม Street Art of Ban Chiang โดยมีบ้านต้นแบบจำนวน 3 หลัง นั่นก็คือ ถนนหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง-วัดโพธิ์ศรีใน ตำบลบ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี โดยร่วมกับสถาบันการศึกษาในท้องถิ่น ออกแบบวาดลายอัตลักษณ์บ้านเชียง เช่น ลายก้านขด ลายก้นหอย ลงบนผนังบ้านในชุมชนบ้านเชียง ซึ่งจะทำให้เกิดจุดถ่ายภาพและจุดเช็กอินแห่งใหม่ เป็นการเชื่อมต่อแหล่งท่องเที่ยวในชุมชน และกิจกรรมสาธิตอาหารถิ่น จัดโซนสาธิตอาหารถิ่นของบ้านเชียง ให้นักวิ่งและนักท่องเที่ยวได้ลิ้มลอง ประกอบด้วย ข้าวผัดข่าแจ่วหอมหวานบ้านเชียง และ ข้าวปาด โดยนำเสนอรูปแบบบนแคร่อีสานย้อนยุค,โดยการแข่งขัน ยูนิค รันนิ่ง บ้านเชียงมาราธอน 2019 ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ มาราธอน 42.195 กม. ฮาล์ฟมาราธอน 21.1 กม. มินิมาราธอน 10 กม. และ เดิน-วิ่ง เพื่อสุขภาพ 4.8 กม. โดยใช้ชิพจับเวลาตามมาตรฐานการแข่งขันวิ่งระดับสากลทั้ง 3 ระยะ คือ มาราธอน ฮาล์ฟมาราธอน และมินิมาราธอน ทั้งนี้ผู้สมัครจะได้รับเสื้อวิ่ง 1 ตัว พร้อมกระเป๋าใส่รองเท้า และเหรียญที่ระลึกสำหรับนักวิ่งทุกท่านที่เข้าเส้นชัย สำหรับถ้วยรางวัลยังคงมีลวดลายที่สื่อถึงความเป็นอัตลักษณ์ของแหล่งมรดกโลกบ้านเชียง โดยจะแบ่งรางวัลตามกลุ่มช่วงอายุ แยกชาย–หญิง และมีถ้วยรางวัลพิเศษสำหรับชมรมที่ส่งสมาชิกร่วมวิ่งมากที่สุด รางวัลแต่งกายแฟนซี และรางวัลขวัญใจครอบครัวอีกด้วย,สำหรับงานวิ่ง ยูนิค รันนิ่ง บ้านเชียงมาราธอน 2019 จัดโดยทีมงาน กู๊ดสปอร์ต ภายใต้บริษัท ได-อิจิ คิคากุ (ประเทศไทย) จำกัด โดยได้รับการสนับสนุนจากจังหวัดอุดรธานี ททท.สำนักงานอุดรธานี รวมถึงองค์กรภาครัฐและเอกชนหลากหลายหน่วยงาน อาทิ อีซูซุ, โรซ่า, เกเตอเรด, อควอฟิน่า, ยูนิเรน สเปรย์ บรรเทาอาการปวด, แอร์เอเชีย, ศูนย์การค้ายูดี ทาวน์, โมโน 29, MTHAI, โซกู๊ด วิสาหกิจเพื่อสังคม สินค้าออร์แกนิค, คลับไทยแลนด์ และอื่นๆ อีกมากมาย สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสมัครเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่ โทร.0-2949-2855 หรือ WWW.GOODSPORTSTHAILAND.COM หรือ FB/INSTAGRAM: UNIQUERUNNING หรือ LINE@GOODSPORTSTHAILAND.
จ.อุดรธานีเตรียมจัดศึกมาราธอนที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง ในศึก ยูนิค รันนิ่ง บ้านเชียงมาราธอน 2019 วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์นี้
กีฬา,กีฬาอื่นๆ
วิ่งมาราธอน,บ้านเชียง,อุดรธานี,ยูนิค รันนิ่ง บ้านเชียงมาราธอน 2019
https://www.thairath.co.th/sport/others/1485515
ชาวเน็ตชื่นชม รอง ผบ.ตร.วิระชัย กินนอนในป่า ตามหา 13 ชีวิตติดถ้ำหลวง
เครดิตภาพ เฟซบุ๊ก คุณพรทิพา สุพัฒนกุล,ชาวโซเชียลต่างชื่นชม พล.ต.อ.วิระชัย นอนกลางดินกินกลางป่า ใช้ขนมปังแผ่นแทนหมอนหนุน ลุยงานเคียงข้างลูกน้อง ทุ่มเทเพื่อภารกิจนำหมูป่าทั้ง 13 ชีวิตกลับบ้าน,เมื่อวันที่ 2 ก.ค. 61 ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ พรทิพา สุพัฒนุกุล ได้นำเอาภาพ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. ในอิริยาบถตอนกำลังพักผ่อนนอนหลับ โดยมีการสวมผ้ายางกันฝนผืนบางและใช้ขนมปังแผ่นวางเป็นหมอนหนุน โดยระบุว่าภาพดังกล่าวเป็นของหนึ่งในชุดอาสาที่ขึ้นไปสำรวจหาโพรงเข้าถ้ำบนดอยผาหมีพร้อมกับรอง ผบ.ตร. ก็เลยถ่ายเก็บไว้ เพราะประทับใจในการทุ่มเททำงาน ความไม่ถือตัว เป็นแบบอย่างกับลูกน้องหรือแม้กระทั่งผู้ที่ได้ร่วมงานด้วย โดยโพสต์ดังกล่าวมีเนื้อความว่า,13ชีวิต ###มาดูที่นอนของผู้มีจิตที่เป็นห่วง 13 ชีวิตถ้ำหลวง เชียงราย โดยส่วนตัวไม่เคยรู้จักท่านเลย แต่พอหลังจากที่ได้ติดตามข่าว ที่ท่านได้ลงพื้นที่ เพื่อที่จะลงไปช่วย 13 ชีวิต ให้ได้กลับมาสู่อ้อมอกพ่อแม่ให้ไวที่สุด เลยแอบตามดูชมเบื้องหน้าทางทีวี ก็แอบชื่นชมท่านแล้ว แต่พอมาเห็นเบื้องหลังท่าน วันนี้ทำให้ซาบซึ้งกับการที่ได้เห็นความทุ่มเทของท่านทั้งแรงกายแรงใจ ตั้งใจทำเต็มที่อดหลับอดนอน และสู้เพื่อจะได้ 13 ชีวิตกลับมาไวไว และลงมือทำให้ลูกน้องเห็นได้มีกำลังใจ,ทนหนาวทนหิวทนเหนื่อย กินง่ายนอนง่าย ทนลำบาก เพราะสิ่งหนึ่งท่านพูดว่า 13 ชีวิตติดในถ้ำลำบากกว่านัก คนอยู่ข่างนอกต้องทำให้สุดชีวิต ภาพที่ได้มาคือความจริงไม่ใช่การสร้างภาพ เพราะเราไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับเรื่องนี้ แต่ที่ต้องมาลงและบอกต่อ เพื่อชื่นชมคนทำดี และอยากให้ผู้นำทุกคน เห็นใจลูกน้องชั้นผู้น้อยกว่าบ้าง และไม่ถือตัวกับชาวบ้าน เพื่อให้ชาวบ้านได้มีกำลังใจด้วย ลงพื้นที่แล้วต้องได้กลับมาคือความชื่นชม ไม่ใช่ลงไปให้แล้ว กลับมามีแต่คนด่าตามหลัง,อีกอย่างคนที่แอบเก็บมุมน่ารักน่ารัก และมุมดีๆ ของผู้นำคนหนึ่ง ที่ชื่อว่า ท่านรอง ผบ.ตร.พล.ต.อ.ดร.วิระชัย ทรงเมตตา ที่ได้ภาพเบื้องหลังอันนี้คือคุณต๊อกซึ่งอยู่ในทีมค้นหา ซึ่งจิตอาสาที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเช่นกัน ที่ได้ลงพื้นที่ด้วย และได้เก็บภาพเบื้องหลัง ซึ่งได้มีอีกมุมของคนระดับนี้ ที่ทำให้เราได้สะท้อน อีกมุมที่เราคนไทยแทบจะไม่เคยได้เห็นกันเลยแบบนี้ มาให้ได้เห็นกับความตั้งใจ ของท่านที่ผู้นำคนอื่นควรเอาแบบอย่าง และไม่ถือตัว ไม่ทำร้ายจิตใจผู้น้อย และยังทำแบบอย่างให้ลูกน้องได้ทำตาม คุณต๊อกลงพื้นที่จริงแอบเก็บเลยทำให้เราได้รู้จักท่านที่ชื่อว่า ท่านรอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ดร.วิระชัย ทรงเมตตา มากขึ้น ขอบคุณภาพดีดีให้เราได้ชมกัน รอ 13 ชีวิตกลับมาไวไว,ซึ่งมีผู้เข้ามาแสดงความเห็นด้วยจำนวนมาก และต่างก็ให้กำลังใจกับพล.ต.อ.วิระชัย และทีมค้นหาทุกคน พร้อมยกย่องทุกคนเป็นฮีโร่ ขอให้หา 13 หมูป่าเจอโดยเร็ว  ,เกาะติดภารกิจช่วย 13 ชีวิตออกจากถ้ำหลวง,พร้อมช่วย 13 ชีวิต รพ.เชียงรายฯ ห้ามสื่อถ่ายภาพ ผู้ป่วยอยู่ที่มืดนาน,ใกล้เจอเข้าไปทุกที เกาะติดภารกิจค้นหา ทีมหมูป่า ติดถ้ำหลวง,วันนี้ต้องเจอ หลายหน่วยงาน เร่งภารกิจค้นหา 13 ชีวิต ติดถ้ำหลวง,เชฟปัดรู้จัก ครูบาบุญชุ่ม ยันไม่ได้เกาะกระแสดัง เชื่อกรรมใครกรรมมัน (คลิป),พร้อมช่วย 13 ชีวิต รพ.เชียงรายฯ ห้ามสื่อถ่ายภาพ ผู้ป่วยอยู่ที่มืดนาน
ชาวโซเชียลต่างชื่นชม พล.ต.อ.วิระชัย นอนกลางดินกินกลางป่า ใช้ขนมปังแผ่นแทนหมอนหนุน ลุยงานเคียงข้างลูกน้อง ทุ่มเทเพื่อภารกิจนำหมูป่าทั้ง 13 ชีวิตกลับบ้าน
ข่าว,สังคม
ถ้ำหลวง,เด็กติดถ้ำ,13 ชีวิต,หมูป่าอะคาเดมี,วิระชัย ทรงเมตตา,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/society/1325453
กองทัพไทยเชิญร่วมถวายราชสดุดีวันเฉลิมฯ และชมการสวนสนาม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2557 ที่จะถึงทางกรมกิจการพลเรือนทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย และทหารจากทุกเหล่าทัพซึ่งในนาม กองทัพไทย ขอเชิญชวนประชาชนทุกหมู่เหล่า ร่วมถวายราชสดุดี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา และชมขบวนเดินแถวของทหารรักษาพระองค์ รวมทั้งกิจกรรมต่างๆ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง หรือเชิญรับชมการถ่ายทอดสดผ่านทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ในวันที่ 2 ธันวาคม 2557 ตั้งแต่เวลา 15.30 นาฬิกา เป็นต้นไป,ขณะที่ กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ได้เตรียมจัดขบวนซักซ้อมให้กับกำลังพล ในพิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณตนของทหารรักษาพระองค์ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 87 พรรษา 5 ธันวาคมนี้ โดยจะมีพิธีจริงในวันที่ 2 ธันวาคม ที่พระบรมมหาราชวัง ,  ,ทั้งนี้พิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณของทหารรักษาพระองค์ ปีนี้จะจัดกำลังพลทหารรักษาพระองค์ 12 กองพัน และ 1 กองพันทหารม้ารักษาพระองค์ ใช้เวลา 30 นาที ในการสวนสนามจากบริเวณหน้าหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน สวนเจ้าเชตุ ไปยังพระบรมมหาราชวัง ซึ่ง พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด จะเป็นผู้ถวายพานพุ่ม พร้อมกล่าวนำสดุดีหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์ และถวายสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล และในปีนี้จะให้นายทหารพิเศษชั้นยศ พลตรี ถึง พลเอก เข้าร่วมพิธีถวายสัตย์ด้วย,ด้าน พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองทัพบกจะทำการซักซ้อมในกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ ของทหารรักษาพระองค์ ประจำปี 2557 ระหว่างวันที่ 28 - 29 พ.ย. 57 บริเวณสนามหลวง กทม. ซึ่งเป็นการซ้อมตามลำดับพิธีและใช้เส้นทางเสมือนจริง โดยในวันดังกล่าวจะมีการปิดเส้นทางการจราจร ดังนี้ วันที่ 28 พ.ย. 57 ปิดการจราจรตั้งแต่ เวลา 12.00 - 16.00 น. บริเวณถนนพระจันทร์ และถนนมหาราชฝั่งราชนาวีสโมสร,ส่วนวันที่ 29 พ.ย. และ 2 ธ.ค. 57 จะปิดการจราจรตั้งแต่เวลา 04.00 - 16.00 น. บริเวณ ถนนหลักเมือง - ถ.กัลยาณไมตรี - ถ.เจริญกรุง - ซ.สราญรมย์ - ถ.พระพิพิธ - ซ.เศรษฐการ - ถ.เชตุพน - ถ.ท้ายวัง - ถ.มหาราช ข้างมหาราชวัง - ถ.มหาราช ข้างวัดมหาธาตุ - ถ.พระจันทร์ - ซ.พระยาเพชร - ถ.หน้าพระลาน - ถ.หน้าพระธาตุ - ถ.ราชินี - ถ.พระอาทิตย์ และในเวลา 08.00 - 16.00 น. ปิดเส้นทางการจราจรบริเวณ ถ.สนามไชย - ราชดำเนินใน จึงขออภัยในความไม่สะดวก และขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าวในวันและเวลาที่แจ้งไว้ข้างต้นด้วย
กองทัพไทย เชิญชวน ปชช.ร่วมถวายราชสดุดี วันเฉลิมพระชนมพรรษาองค์จอมทัพไทย 2 ธันวานี้ โดย ทบ.จัดกำลังทหารรักษาพระองค์จำนวน 13กองพัน พร้อมปิดการจราจรช่วงวันซ้อม และพิธีจริง
null
พิธีสวนสนาม,สวนสนามทหารรักษาพระองค์,วันเฉลิมพระชนมพรรษา,5ธันวาคม,13กองพัน,กองทัพไทย
https://www.thairath.co.th/content/465954
เหนือ-อีสานยังได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม
แม่น้ำยมจากจังหวัดแพร่ที่เพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเข้าท่วมบ้านปากแคว ตำบลปากแคว อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย เป็นรอบที่ 4 ในปีนี้ โดยน้ำที่ไหลเชี่ยวได้กัดเซาะกำแพงและตัวบ้านพังจนเสี่ยงต่อการทรุดตัว เจ้าหน้าที่ต้องใช้กระสอบทรายลดความแรงของน้ำ ขณะที่โรงเรียนอย่างน้อย 2 แห่งต้องหยุดการเรียนการสอน ส่วนฝนที่ตกหนักในคืนที่ผ่านมาทำให้หลายพื้นที่ภาคเหนือเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะบ้านพะมอลอ ตำบลบ้านกาศ อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ระดับน้ำสูงกว่าครึ่งเมตร และพัดคอสะพานบ้านแม่ทะลุ ตำบลแม่คะตวนขาดส่วนเทศบาลนครเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เตรียมเสริมกระสอบทรายริมแม่น้ำปิง บริเวณบ้านป่าพร้าวนอก และ บ้านป่าแดด หลังระดับน้ำเลยจุดวิกฤตที่ 3.70 เมตร ทำให้น้ำเข้าท่วมชุมชนริมน้ำ ขณะที่หมู่บ้านจัดสรรหลายแห่งในตำบลสันนาเม็ง อำเภอสันทราย ก็ถูกน้ำจากลำน้ำเหมืองห้าไหลเข้าท่วมสูงเกือบ 1 เมตร ส่วนที่จังหวัดน่าน น้ำจากลำห้วยลี่ไหลท่วมขังถนนสายต่าง ๆ ในเขตเทศบาลเมืองน่าน ทำให้ถนนทรุดตัวหลายจุด ส่วนการรถไฟยังคงหยุดเดินรถในเส้นทางสายเหนือเป็นวันที่ 2 เนื่องจากรางรถไฟบางจุดยังถูกน้ำท่วมสูง ขณะที่เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองนครพนม จังหวัดนครพนมเร่งสูบน้ำที่ท่วมขังในย่านเศรษฐกิจลงสู่แม่น้ำโขง หลังระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และใกล้จุดวิกฤตส่วนจังหวัดอุดรธานี สถานการณ์น้ำป่าจากเทือกเขาคีรีวงกตที่ไหลหลากเข้าท่วมขังบ้านเรือนและพื้นที่เกษตรของชาวบ้านวังเลา ตำบลโนนทอง อำเภอนายูง ยังคงทรงตัวอยู่ที่ 1.50 เมตร ขณะที่สถานการณ์น้ำจากลำน้ำโสมที่เอ่อท่วมบ้านนาเก็น ตำบลหนองแวง อำเภอน้ำโสม ระดับน้ำเริ่มลดลงแล้ว ด้านจังหวัดสกลนครแม้สถานการณ์น้ำท่วมในหลายอำเภอที่อยู่ใกล้กับทะเลสาบหนองหานและเทือกเขาภูพาน จะเริ่มคลี่คลายลง แต่อิทธิจากพายุนกเตน ก็ได้สร้างความเสียให้แก่สวนยางพารากว่า 6000 ไร่ ผู้ได้รับผลกระทบต้องรวมตัวกัน เพื่อเรียกร้องให้ทางจังหวัดช่วยเหลือ
หลายพื้นที่ของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมจากฝนที่ตกต่อเนื่อง ขณะที่ปริมาณน้ำที่ท่วมในจังหวัดแพร่ ได้ส่งผลกระทบถึงอำเภอเมือง จังหวัดพะเยา
ภูมิภาค
น้ำท่วม,พะเยา,สกลนคร,สุโขทัย,อีสาน,อุดรธานี,เหนือ,แพร่
https://news.thaipbs.or.th/content/26171
โปรดเกล้าทำประวัติ เจ้าคุณพระสินีนาฏ
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้า เจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้,จัดทำประวัติ, เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี โดยพระบรมราชานุญาตให้เผยแพร่เป็นทางการ พร้อมพระบรมฉายาลักษณ์และภาพถ่าย โดยจบการศึกษาระดับปริญญาตรี พยาบาลศาสตรบัณฑิต วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก รุ่นที่ 41 และวิริยะอุตสาหะ จนศึกษาจบหลักสูตรทางทหาร และหลักสูตรพิเศษและการบินจากสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ปัจจุบันปฏิบัติหน้าที่ราชองครักษ์ในพระองค์ฯ,เมื่อวันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่า พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดทำพระประวัติ เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี พร้อมกับทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระบรมฉายาลักษณ์ และภาพถ่าย ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราชานุญาตทรงฉายพระรูปคู่กับเจ้าคุณ พระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี รวมทั้งภาพถ่ายของคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณีในโอกาสต่างๆ โดยพระบรมราชานุญาต เผยแพร่ลงในเว็บไซต์ ,www.royaloffice.th, ,ทั้งนี้ เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็นเจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาส กัลยาณี เมื่อวันที่ 28 ก.ค.2562 เกิดเมื่อวันที่ 26 ม.ค.2528 ที่ จ.น่าน จบการศึกษาระดับประถมศึกษา ที่โรงเรียนราชปิโยรสา ยุพราชานุสรณ์ (ริม-ป่าคาประชานุเคราะห์) ต.ท่าวังผา อ.ท่าวังผา จ.น่าน ระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนท่าวังผาพิทยาคม ต.ท่าวังผา อ.ท่าวังผา จ.น่าน โดยในปี 2551 สำเร็จการศึกษาระดับชั้นปริญญาตรี พยาบาลศาสตรบัณฑิต วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก รุ่นที่ 41,ประวัติด้านการศึกษาหลักสูตรทางทหารสำเร็จหลักสูตรทหารอาสามหาดเล็กราชวัลลภ มวก.หญิง รักษาพระองค์ ปี พ.ศ.2557 สำเร็จฝึกหลักสูตรหน่วยทหารทรหด ปี พ.ศ.2557 สำเร็จการฝึกหลักสูตร Combat Qualifying Course Jungle Warfare ของหน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ปี พ.ศ.2558 สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตร ชั้นนายร้อย หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ของโรงเรียนทหารราบ ศูนย์การ ทหารราบ ปี พ.ศ.2558 สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตร ชั้นนายพัน หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ของโรงเรียนทหารราบ ศูนย์การทหารราบ ปี พ.ศ.2558 สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรหลักประจำ โรงเรียนเสนาธิการทหารบก ชุดที่ 95 ปีการศึกษา2560,ประวัติด้านการศึกษาหลักสูตรพิเศษและการบิน สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตร ส่งกำลังทางอากาศของโรงเรียนสงครามพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ รุ่นที่292 ปี พ.ศ.2558 การศึกษาดีเด่น ประกอบด้วย กระโดดร่มตัวเปล่าและกระโดดร่มประกอบเครื่องสนามในเวลากลางวัน สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตร ส่งกำลังทางอากาศนาวิกโยธิน ของโรงเรียนทหารนาวิกโยธิน ปี พ.ศ.2560 (กระโดดร่มในเวลากลางคืน) ทบทวนหลักสูตร ส่งกำลังทางอากาศ ของโรงเรียนสงครามพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ ปี พ.ศ.2562 (กระโดดร่มในเวลากลางคืน) ศึกษาภาควิชาการบิน ของโรงเรียนการบิน กองทัพอากาศไทย (กำแพงแสน) และทำการฝึกบินกับเครื่องบิน บ.ฝ.16 ก. ปี พ.ศ.2561 ศึกษาหลักสูตร Private Pilot License (PPL) ณ โรงเรียนการบิน Jesenwang สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี,ประวัติการรับราชการและการถวายงาน พ.ศ. 2551 พยาบาลประจำแผนกห้องฉุกเฉิน กองการพยาบาล โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า พ.ศ.2551-2555 พยาบาลประจำแผนกอายุรกรรมหญิง กองการพยาบาล โรงพยาบาลอานันทมหิดล พ.ศ.2555 ดำรงตำแหน่ง เจ้าพนักงานในพระองค์ ประเภททั่วไป ระดับชำนาญงาน งานศิลปาชีพ 904 ฝ่ายกิจการพิเศษ ประจำราชสำนัก โครงการในพระองค์ และการพระราชกุศล ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สำนักพระราชวัง พ.ศ.2557 ดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานในพระองค์ ประเภททั่วไประดับอาวุโส งานพระราชกุศลและพระราชานุเคราะห์ โครงการในพระองค์ ฝ่ายราชเลขานุการ กองกิจการในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยาม มกุฎราชกุมาร สำนักพระราชวัง พ.ศ.2558 ดำรงตำแหน่ง รองผู้บังคับกองร้อยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (3) ศูนย์ฝึกทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ โรงเรียนทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ (อัตราพันตรี) พ.ศ.2558 ดำรงตำแหน่ง เจ้าพนักงานในพระองค์ ประเภททั่วไประดับอาวุโส งานพระราชกุศลและพระราชานุเคราะห์ โครงการในพระองค์ ฝ่ายราชเลขานุการ กองกิจการในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎ ราชกุมาร สำนักพระราชวัง,พ.ศ.2559 ดำรงตำแหน่ง ประจำหน่วยทหารมหาดเล็ก ราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ (อัตราพันโท) พ.ศ.2559 ดำรงตำแหน่ง ประจำหน่วยหน่วย ทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ (อัตราพันเอก) พ.ศ.2561 ดำรงตำแหน่ง ผู้บังคับกองพันราชสำนัก กรมทหารรักษาวังมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กองบัญชาการทหารมหาดเล็กราช วัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ (อัตราพันเอกพิเศษ) พ.ศ.2561 ดำรงตำแหน่ง รองผู้บังคับการกรมทหารรักษาวังมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ (อัตราพันเอกพิเศษ) ปฏิบัติหน้าที่ผู้บังคับกองพันราชสำนัก กรมทหารรักษาวังมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ (อัตราพันเอกพิเศษ),พ.ศ.2562-ปัจจุบัน ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการกิจการราชสำนัก กรมกิจการวัง (อ) ทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กรมฝ่ายเสนาธิการ กองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ (อัตราพลตรี), ปฏิบัติหน้าที่รองผู้บังคับการกรมทหารรักษาวังมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ปฏิบัติหน้าที่ผู้บังคับกองพันราชสำนัก กรมทหารรักษาวังมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ และ พ.ศ.2560-ปัจจุบัน ปฏิบัติหน้าที่ราชองครักษ์ในพระองค์พระบาท สมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว,ด้านเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ.2556 เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นตริตาภรณ์มงกุฎไทย (ต.ม.) พ.ศ.2559 เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นตริตาภรณ์ ช้างเผือก (ต.ช.), เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย (ท.ม.) พ.ศ.2560 เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นทวีติยาภรณ์ช้างเผือก (ท.ช.) พ.ศ.2562 เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุดมหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.), เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุดมหาปรมาภรณ์ ช้างเผือก (ม.ป.ช.), เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า (ฝ่ายใน) ชั้นที่ 1 ปฐมจุลจอมเกล้า (ป.จ.), เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 10 ชั้นที่ 1 (ว.ป.ร.1), เข็มราชวัลลภทองคำลงยา,ด้านราชการและภารกิจพิเศษ พ.ศ.2559-ปัจจุบัน ปฏิบัติหน้าที่ถวายงานการพระราชกุศลในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายเสนาธิการ โครงการพระราชดำริในพระบาทสมเด็จ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้านประสบการณ์ในการปฏิบัติหน้าที่ พ.ศ.2560 ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้บังคับแถวแซงเสด็จขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ในการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร, ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งองครักษ์คู่เคียงพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร, ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งยามถวายพระเกียรติพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระบรม ชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรม นาถบพิตร, ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งแถวรับเสด็จ ขบวนพระบรมราชสรีรางคารพระบาท สมเด็จพระบรม ชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถ บพิตร ณ วัดบวรนิเวศวิหาร,โอกาสเดียวกันนี้ ในอินสตาแกรม our_ beloved_queensirikit ได้นำข้อความของท่านหญิงประภาพันธุ์ กรโกสียกาจ พระราชปนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ที่โพสต์ชื่นชมคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี มาโพสต์ลง ใจความตอนหนึ่งว่า ดิฉันนั่งอยู่ด้านหลังท่าน บนพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ได้เห็นกริยาอันงดงามของท่านเจ้าคุณพระอย่างน่าชื่นชม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการถวายความเคารพตามพระราชนิยม ท่านเจ้าคุณพระทำได้อย่างงดงามที่สุด ดิฉันนึกชื่นชมอยู่ในใจ ครั้นลงมาจากพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย หลังเสร็จการพระราชพิธีแล้ว ได้มีโอกาสพบและกล่าวแสดงความยินดีกับท่านเจ้าคุณพระ ท่านเจ้าคุณพระยังมีน้ำใจเดินประคองดิฉันลงมาส่ง ด้านนอกพระที่นั่งถึงสองครา เพราะดิฉันจำได้ว่า เมื่อช่วงพระราชพิธีช่วงเช้า ท่านก็มีน้ำใจกับดิฉัน เดินประคองดิฉันเพื่อเข้าร่วมงานพระราชพิธี หลังเสร็จพิธี ท่านลงมาส่งดิฉันแล้ว จึงได้มีโอกาสถ่ายภาพร่วมกับท่าน,หลังได้รับสถาปนาขึ้นเป็นเจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี ได้ออกงานอย่างเป็นทางการครั้งแรก เมื่อวันที่ 1 ส.ค. โดยสวมใส่ชุดไทยสีงาช้างอย่างงดงาม เพื่อบำเพ็ญกุศลและเข้าเฝ้าสนทนาธรรมกับสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และถวายสักการะพระราชสรีรางคาร พระสรีรางคาร พระอัฐิพระบรมวงศานุวงศ์ ในมหาจุฬาลงกรณราชสันตติวงศ์ ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม,ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2562 ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 136 ตอนที่ 41 ข เผยแพร่ประกาศ เรื่อง สถาปนาเจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี มีข้อความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า โดยที่ทรงพระราชดำริว่า พลตรีหญิง ท่านผู้หญิงสินีนาฏ วงศ์วชิราภักดิ์ ปฏิบัติราชการ ในตำแหน่งผู้อำนวยการกองปฏิบัติการ กิจการราชสำนัก กรมกิจการวัง ทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กรมฝ่ายเสนาธิการ กองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ปฏิบัติหน้าที่ รองผู้บังคับการ กรมทหารรักษาวังมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กองบัญชาการ ทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ และผู้บังคับกองพันราชสำนัก กรมทหารรักษาวังมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กองบัญชาการ ทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ได้ปฏิบัติหน้าที่ ฉลองพระเดชพระคุณในราชการในพระองค์ด้วยความเรียบร้อยและแบ่งเบาพระราชภาระได้เป็นอันมาก จนเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย สมควรจะยกย่องให้มีเกียรติยศสูงขึ้นตามโบราณราชประเพณี,จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรด กระหม่อมให้สถาปนา พลตรีหญิง ท่านผู้หญิงสินีนาฏ วงศ์วชิราภักดิ์ขึ้นเป็น เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี ตามที่จารึกลงในสุพรรณบัฏ,จงเจริญด้วยอายุ พรรณ สุข พล ปฏิภาณ คุณสารสมบัติ สรรพสิริสวัสดิ์ พิพัฒนมงคล ทุกประการ,ประกาศ ณ วันที่ 28 กรกฎาคม พุทธศักราช 2562 เป็นปีที่ 4 ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้า เจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้จัดทำประวัติ เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี โดยพระบรมราชานุญาตให้เผยแพร่เป็นทางการ พร้อมพระบรมฉายาลักษณ์และภาพถ่าย
ข่าว,พระราชสำนัก
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว,จัดทำประวัติ,เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี,พระบรมฉายาลักษณ์,สำนักพระราชวัง,ข่าวหน้า1,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/royal/1646616
ปารีณา เผยยินดีพ้น กมธ. ป.ป.ช. ท้า เสรีพิศุทธ์-วัฒนา ต้องลาออกด้วย
18 ม.ค. 2563 หลายสื่ออาทิ | | รายงานตรงกันว่า น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการทำหน้าที่กรรมาธิการว่ามีหลายท่านต้องการให้ตนลาออกจากคณะกรรมาธิการดังกล่าว เนื่องจากมีคดีที่ดิน ภบท.5 ที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งตนเองยืนยันด้วยความบริสุทธิ์ว่าไม่ได้บุกรุกและพร้อมจะสู้คดีจนถึงที่สุด เพราะมั่นใจว่าประชาชนทุกคนที่อาศัยและทำกินอยู่บนที่ดิน ภบท.5 ตั้งตารอดูคดีนี้ เพราะถ้าตนติดคุกก็จะมีประชาชนที่อาศัยอยู่และทำกินบน ภบท.5 ต้องมาติดคุกทั่วแผ่นดินพร้อมกันนี้ น.ส.ปารีณา ยกกรณีเช่นเดียวกันกับ นายวัฒนา เมืองสุข ที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการชุดนี้ ซึ่งอยู่ระหว่างการต่อสู้คดีทุจริตบ้านเอื้ออาทร และเช่นเดียวกันกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และประธานคณะกรรมาธิการ ที่มีคดีหมิ่นเบื้องสูง ถูกร้องเรียนที่คณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. 2 คดี และคดีทุจริตอีกประมาณ 5 คดี ไม่รวมคดีต่างๆ ที่อยู่ที่ศาลถ้าเพื่อความยุติธรรมดิฉันยินดีลาออก แต่ต้องออกพร้อมกับคุณเสรีพิศุทธ์ และคุณวัฒนา ดิฉันขอท้าไปยังทั้ง 2 ทั้งว่าพร้อมที่จะลาออกหรือไม่ หากทั้ง 2 คนพร้อม ดิฉันก็พร้อม
น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (แฟ้มภาพ)18 ม.ค.
การเมือง
คณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร,วัฒนา เมืองสุข,เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส,ปารีณา ไกรคุปต์
https://prachatai.com/journal/2020/01/85991
ประธานฟีฟ่าร่วมลงนามเอ็มโอยู อาเซียนจัดบอลโลก
เป็นเจ้าภาพร่วมกันปี 2034 เสรีฯ สั่งสอนสิระอย่ากร่าง เต้ตั้งตัวเป็นผู้นำค้านอิสระ,เวทีอาเซียนซัมมิต 2019 เริ่มขึ้นแล้ว ผู้นำชาติสมาชิกและประเทศคู่เจรจาเข้าร่วมคึกคัก บิ๊กตู่ โชว์วิชันต่อหน้านักธุรกิจอาเซียนบนเวที ABIS 2019 ปลุกทุกชาติต้องพร้อมเข้าสู่โลกดิจิทัล แข่งขันกันได้แต่ต้องทำเพื่อทุกคน ในประชาคม จับเข่าถก กุแตเรช ไทยพร้อมมีส่วนร่วมกับยูเอ็น สมคิด ขอญี่ปุ่นช่วยดัน RCEP ดิสทัต ลั่นประชุมอาเซียนสำคัญกว่าเรื่องอื่น วันนอร์ ฉะ ปธ.วิปรัฐบาลจ้องปิดปากฝ่ายค้านซักฟอก สุทิน ฟุ้งข้อมูลเด็ดทำรัฐบาลถึงช็อกแน่ เจ๊หน่อย ขู่ถล่มปมโกง-บริหารไร้น้ำยา ธนาธร ลุยแหลกต้องแก้ รธน.ฉบับอำนาจเหนือเลือกตั้ง ต้องคิดทะเยอทะยานเพื่อคนรุ่นต่อไป จุรินทร์ ย้ำขอสะเดาะกุญแจด่านแรกแก้ไข รธน. เป็นฉันทามติพรรคร่วมรัฐบาล เต้ ไม่เข็ดตั้งตนผู้นำฝ่ายค้านอิสระ,วาระสำคัญของประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพ จัดประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 2-4 พ.ย.เริ่มขึ้นแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานอาเซียน ขึ้นโชว์วิชันกล่าวเปิดงาน ASEAN Business and Investment Summit 2019 (ABIS 2019),บิ๊กตู่ โชว์วิชันนักธุรกิจอาเซียน,เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 2 พ.ย. ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานอาเซียน กล่าวปาฐกถาพิเศษและเป็นประธานเปิดงาน ASEAN Business and Investment Summit 2019 (ABIS 2019) โดยมีผู้เข้าร่วมรับฟัง 800 คน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ได้แก่ สภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย เข้าร่วมรับฟัง 800 คน พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลแล้ว มีนวัตกรรมในโลกปัจจุบันเป็นตัวช่วยยกระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ สิ่งที่รัฐบาลไทยและภาคธุรกิจเอกชนร่วมกันดำเนินการอยู่ขณะนี้ มีทั้งมิติด้านความมั่นคง สังคม และเศรษฐกิจ การลงทุนร่วมระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน (พีพีพี) ถือว่ามีความโดดเด่นในขณะนี้,การผลักดันโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) มีโครงการร่วมลงทุนขนาดใหญ่ 4 โครงการ ได้แก่ การพัฒนาท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก โครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อมสามสนามบิน โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 และโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด เป็นตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม โดยมีอุตสาหกรรมเป้าหมายเป็นแกนหลักขับเคลื่อน,ปลุกพร้อมเข้าสู่โลกดิจิทัล,พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ทั้งหมดนี้จะสำเร็จไม่ได้หากขาดความร่วมมือจากภาคเอกชน ทั้งในด้านการค้า การลงทุน การเงิน และการธนาคาร โดยเฉพาะในศตวรรษที่ 21 ที่ความเชื่อมโยงเป็นไปอย่างรวดเร็วและไร้รอยต่อ การเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคดิจิทัลของประเทศสมาชิกอาเซียน จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่ทุกประเทศจะต้องเตรียมความพร้อม ไม่ว่าจะเป็นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล การเชื่อมโยงทางดิจิทัล การพัฒนากำลังคนเพื่อรองรับสังคมดิจิทัล และการส่งเสริมภาคธุรกิจ ซึ่งนักธุรกิจในอาเซียนนั้นแข่งขันกันได้ แต่ต้องมีเป้าหมายร่วมกันทำเพื่อประชาคมอาเซียนแห่งนี้,แข่งขันได้แต่ต้องทำเพื่อ ปชช.,นายกฯกล่าวทิ้งท้ายว่า หากกำหนดเป้าหมายไปคนละอันสองอันมันไปไม่ได้ ส่วนของธุรกิจก็เป็นเรื่องธุรกิจ การแข่งขันกันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ต้องมีส่วนร่วมทำเพื่อประชาชน เมื่อประชาชนได้ประโยชน์ ประเทศชาติก็ได้ประโยชน์ ธุรกิจเราก็เจริญเติบโต ต้องคำนึงถึงสิทธิมนุษยชน ต้องเคารพ เยียวยา มีหลักการ และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม โดยทุกคนทำความเข้าใจไปด้วยกันเพื่อเรียนรู้ว่ารัฐบาลเดินหน้าไปอย่างไร และรัฐบาลจะเรียนรู้ภาคธุรกิจเดินหน้าอย่างไร นำมาปรับเดินหน้าไปด้วยกัน เราไม่สามารถแก้ปัญหาได้เพียงลำพัง ขอการประชุมครั้งนี้ประสบความสำเร็จและเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อเสริมสร้างอาเซียนเข้มแข็ง,เน้นสินค้าจีไอเพิ่มมูลค่าส่งออก,จากนั้นนายกฯเยี่ยมชมนิทรรศการผลงานภาคเอกชน อาทิ กระเป๋าที่ทำจากถุงปูนซีเมนต์ของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือเอสซีจี โดยนายกฯอยากให้รณรงค์ใช้กระเป๋าแบบนี้กันมากๆ รวมถึงได้ทดลองการยืนยันตัวตนด้วยการสแกนเส้นเลือดในฝ่ามือ (Palm Vein) ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ที่บูธธนาคารไทยพาณิชย์ ก่อนชมนิทรรศการ อาเซียน สไตล์ จัดโดยกระทรวงพาณิชย์ ที่นำศิลปวัฒนธรรมไทย สินค้าหัตถกรรมจากภูมิภาคต่างๆของไทย สินค้าจากกลุ่มประเทศอาเซียนมาแสดง โดยนายกฯอยากให้ไทยให้ความสำคัญสินค้าถิ่นกำเนิด (จีไอ) เพื่อสร้างรายได้และเพิ่มมูลค่าสินค้าส่งออก,ไทยพร้อมมีส่วนร่วมกับยูเอ็น,ต่อมาเวลา 15.40 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ได้พบหารือกับนายอันโตนิอู กุแตเรช เลขาธิการสหประชาชาติ โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวขอบคุณนายอันโตนิอู กุแตเรช ที่เดินทางมาร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหประชาชาติ ครั้งที่ 10นี้ พร้อมยืนยันว่าไทยให้ความสำคัญกับการสร้างหุ้นส่วนการพัฒนาที่ยั่งยืนระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน และระหว่างอาเซียนกับกลุ่มภูมิภาคต่างๆ ยินดีเพิ่มบทบาท และมีส่วนร่วมในกรอบสหประชาชาติมากขึ้นในการจัดกิจกรรมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ด้านเลขาธิการสหประชาชาติกล่าวชื่นชมไทยและนายกฯที่มีบทบาทในเวทีระหว่างประเทศ ทั้งการจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน และการแสดงวิสัยทัศน์ในประเด็นท้าทายในโลก ชื่นชมบทบาทไทยที่โดดเด่นในเรื่องการดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ พร้อมขอให้ไทยช่วยเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันเพื่อแก้ปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม ในตอนท้าย พล.อ.ประยุทธ์ย้ำนโยบายของไทย ที่สอดคล้องกับแนวทางความร่วมมือกับสหประชาชาติ อาทิ การแก้ไขปัญหาการประมง IUU การต่อต้านการค้ามนุษย์ และยินดีสนับสนุนคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก (ESCAP) และทีมงานสหประชาชาติในการจัดงานครบรอบ 75 ปี ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก,เห็นพ้องแก้ปัญหาใต้อย่างสันติ,จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์หารือทวิภาคีกับนายมหาธีร์ บิน โมฮัมหมัด นายกฯมาเลเซีย โดยนายกฯขอบคุณมาเลเซียที่เชิญหัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนใต้ไปพบปะหารือ และสนับสนุนความพยายามของไทยในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้โดยสันติวิธี โดยนายกฯมาเลเซียกล่าวย้ำถึงการสนับสนุนการแก้ปัญหาของไทย และเห็นพ้องว่าแบ่งแยกดินแดนจะต้องไม่เกิดขึ้น พร้อมทั้งแสดงความยินดีกับความสำเร็จการเป็นประธานอาเซียนของไทย และทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องเร่งเสริมสร้างความเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานชายแดน ผลักดันการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการขนส่งสินค้าทางถนนข้ามพรมแดน รวมถึงการร่วมมือแก้ปัญหาลักลอบขนสินค้าผิดกฎหมายตามแนวชายแดน และปัญหาการจัดเก็บภาษี เพื่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์หวังว่ามาเลเซียจะสนับสนุนการนำเข้าสินค้าจากไทยเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชนในภาคใต้ของไทย และเป็นปัจจัยสนับสนุนการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ในมิติด้านเศรษฐกิจด้วย,ประชุมสุดยอดผู้นำเต็มคณะ,กระทั่งเวลา 17.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และผู้นำ 10 ประเทศสมาชิกอาเซียนได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 แบบเต็มคณะ (Plenary) นายกฯกล่าวว่า เชื่อว่าความเป็นหุ้นส่วนและการเป็นมิตรกับประเทศต่างๆนอกภูมิภาคจะช่วยประชาคมอาเซียนให้ขับเคลื่อนแนวคิดหลักของอาเซียนเกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืน ในโอกาสนี้มีการแลกเปลี่ยนมุมมอง 3 ประเด็นที่อาเซียนควรร่วมกันผลักดัน 1.การส่งเสริมความมั่นคงที่ยั่งยืน เพื่อรักษาและเพิ่มพูนสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค 2.การเสริมสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ความตกลง RCEP คือหัวใจสำคัญจะช่วยรองรับผลกระทบจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างคู่ค้าที่สำคัญของอาเซียน เพิ่มประโยชน์ด้านการค้าและการลงทุน 3.การส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน อาทิ จัดตั้งเครือข่ายอาเซียนเพื่อแก้ไขปัญหาการประมงไอยูยู การแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดน ตลอดจนส่งเสริมการพัฒนาทุนมนุษย์ครอบคลุมทุกช่วงวัย,ชงช่วยแก้ปัญหามนุษยธรรมรัฐยะไข่,พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อาเซียนต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ต้องกระชับความร่วมมือกับหุ้นส่วนนอกภูมิภาคอย่างมียุทธศาสตร์ เพื่อประโยชน์สูงสุด อาเซียนควรเตรียมความพร้อมให้ดีสำหรับการประชุมกับประเทศคู่เจรจาที่เกี่ยวข้อง และการประชุมสุดยอดอาเซียนสาธารณรัฐเกาหลีสมัยพิเศษครั้งที่ 3 ในปลายเดือน พ.ย.นี้ โดยตอนท้ายนายกฯเสนอความเห็นว่าอาเซียนควรมีบทบาทให้ความช่วยเหลือพม่าในการแก้ปัญหาด้านมนุษยธรรมในรัฐยะไข่ ผ่านเลขาธิการอาเซียนร่วมมือกับมิตรประเทศที่พม่าสะดวกใจ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในประเด็นเฉพาะ ขอบคุณการสนับสนุนการเป็นประธานอาเซียนของไทย ส่งผลให้อาเซียนได้ต่อยอด,ลงเอ็มโอยูหนุนจัดบอลโลก 2034,ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการประชุมผู้นำชาติสมาชิกทั้งหมดได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามเอ็มโอยู ระหว่างนายจันนี อินฟันติโน ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือประธานฟีฟ่า กับดาโต๊ะ ปาดูกา ลิม จ๊อก ฮอย เลขาธิการอาเซียน เพื่อส่งเสริมฟุตบอลในอาเซียน และสนับสนุนความปรารถนาร่วมกันของอาเซียนที่จะเสนอตัวร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกในปี 2034 โดยมีผู้นำอาเซียนเป็นสักขีพยาน โดยประธานฟีฟ่าได้มอบเสื้อกีฬาฟุตบอลสีน้ำเงิน สกรีนชื่อผู้นำแต่ละประเทศพร้อมหมายเลข โดยส่วนใหญ่ได้เบอร์ 9 รวมถึง พล.อ.ประยุทธ์ที่ได้เบอร์ 9 และมีผู้ที่ได้เบอร์ 10 คือนายโรดรีโก ดูแตร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ สมเด็จพระราชาธิบดี ฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ มูอิซซัดดิน วัดเดาละห์ แห่งบรูไนดารุสซาลาม ขณะที่นายโจโก วีโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซียได้เสื้อหมายเลข 21,จับมือเวียดนามดันการค้าทะลุเป้า,ต่อมาเวลา 19.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ได้หารือกับนายเหวียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยไทยพร้อมสนับสนุนการเป็นประธานอาเซียนของเวียดนามในปี 2563 ขณะที่นายกฯเวียดนามกล่าวชื่นชมบทบาทการเป็นประธานอาเซียนของไทย ส่งผลให้อาเซียนมีพัฒนาการในเชิงสร้างสรรค์ ทำให้มูลค่าการค้าระหว่างทั้งสองประเทศเพิ่มมากขึ้น พร้อมกันนี้ทั้งไทยและเวียดนามหวังเพิ่มมูลค่าการค้าจะบรรลุเป้าหมาย 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปี ค.ศ.2020 โดยผู้นำทั้งสองยินดีพร้อมอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุน ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ขอให้เวียดนามพิจารณาขยายเวลาข้อกำหนดการนำเข้าชิ้นส่วนยานยนต์ ที่อาจส่งผล กระทบต่อการนำเข้าชิ้นส่วนจากไทย และยืนยันกับเวียดนามว่าไทยยินดีแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาการประมง IUU เพื่อเป็นผลดีต่อการยกระดับมาตรฐานการประมงเวียดนาม,ผู้นำชาติสมาชิกทยอยถึงไทย,ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศวันแรกของการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 2-4 พ.ย. ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพภายใต้แนวคิด ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน ใช้รูปแบบเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือ green meeting นอกเหนือจากประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ ประกอบด้วย ไทย เวียดนาม กัมพูชา เมียนมา มาเลเซีย ลาว บรูไน ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย ยังมีผู้นำหรือผู้แทนจากประเทศคู่เจรจา 8 ประเทศ ประกอบด้วย จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ นิวซีแลนด์ รัสเซีย ออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกา รวมถึงองค์การระหว่างประเทศ 3 แห่ง คือ องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) เข้าร่วมประชุมในกรอบที่เกี่ยวข้องด้วย โดยตลอดทั้งวันนี้ มีผู้นำประเทศต่างๆทยอยเดินทางถึงประเทศไทย อาทิ นายอันโตนิอู กุแตเรช เลขาธิการสหประชาชาติ, นายทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว, สมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา,นายโจโค วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย นายลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์, นางคริสตินา จอร์เจียวา กรรมการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ,ดอน คุมถกการเมือง–มั่นคง,เมื่อเวลา 09.00 น. นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมคณะมนตรีประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน ครั้งที่ 20 ที่ประชุมได้หารือถึงความคืบหน้าการขับเคลื่อนความร่วมมือภายใต้แนวคิด ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน และติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานในประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน รวมถึงความคืบหน้าแผนงานประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน ค.ศ.2025 (APSC Blueprint 2025 จากนั้นนายดอนเป็นประธานการประชุมคณะมนตรีประสานงานอาเซียน ครั้งที่ 24 เพื่อเตรียมการสำหรับการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 ติดตามผลการดำเนินงานจากการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 และหารือเรื่องการเสริมสร้างประสิทธิภาพสำนักเลขาธิการอาเซียน การส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างวิสัยทัศน์อาเซียน ค.ศ.2025 และวาระการพัฒนาอย่างยั่งยืน ค.ศ.2030 ของสหประชาชาติ,ยินดีบาห์เรนเป็นภาคีอาเซียน,ขณะที่ช่วงบ่าย นายดอน พร้อม รมว.ต่างประเทศ จากประเทศสมาชิกอาเซียน ร่วมในพิธีที่ เชค คาหลิด บิน อาเหม็ด บิน โมฮัมเหม็ด อัล คอลิฟะห์ รมว.ต่างประเทศ บาห์เรน และนาย Peter Schoof เอกอัครราชทูตสหพันธรัฐเยอรมนีประจำอินโดนีเซีย อาเซียน และติมอร์เลสเตในฐานะผู้แทน รมว.ต่างประเทศเยอรมนี ลงนามภาคยานุวัติสารเข้าเป็นอัครภาคีสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (TAC) จากนั้นนายดอนได้พบและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับ รมว.ต่างประเทศ บาห์เรน พร้อมแสดงความยินดีที่บาห์เรนได้เข้าเป็นอัครภาคีของสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้,สมคิด ขอญี่ปุ่นช่วยดัน RCEP,ช่วงเช้าวันเดียวกันที่ทำเนียบเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย นายฮิเดกิ มากิฮาระ รมช.เศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมญี่ปุ่น (METI) ได้พบหารือกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายก รัฐมนตรี ในโอกาสเดินทางเยือนไทยเพื่อร่วมการประชุมรัฐมนตรีความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) เป็นแผนความตกลงเกี่ยวกับเขตการค้าเสรี ระหว่าง 10 ชาติสมาชิกอาเซียน และ 6 ชาติคู่เจรจา ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ นายสมคิดกล่าวหลังการหารือว่า ได้ขอให้ญี่ปุ่นผลักดัน RCEP ให้คืบหน้าให้ได้ เพราะจวนจบแล้ว นายฮิเดกิจะเป็นสักขีพยานการลงนามความตกลงระหว่างเอกชนไทย-ญี่ปุ่น ในด้านความร่วมมือเพื่อนำไปสู่การลงทุนของสตาร์ตอัพ ภายใต้โครงการอินโนเวชาน โคลัมบัส ซึ่งกระทรวงเศรษฐกิจฯ ญี่ปุ่นดำเนินการในไทยเป็นแห่งแรก และจะมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ 6 ฉบับ ระหว่างบริษัทขนาดใหญ่และสตาร์ตอัพของไทยกับญี่ปุ่น เชื่อมั่นว่าความร่วมมือนี้จะต่อยอดไปสู่ความร่วมมือในอนาคต,หลี่ เค่อเฉียงถึงเมืองไทย,ช่วงค่ำวันเดียวกัน นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ เป็นผู้แทนรัฐบาลไทยให้การต้อนรับนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่เดินทางเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ณ ห้องรับรองพิเศษ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ โดยมีนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมต้อนรับด้วย,ดิสทัต ลั่นอาเซียนสำคัญที่สุด,ด้านนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ออกหนังสือเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม เป็นครั้งที่ 2 ให้ไปชี้แจงกรณีเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 และกรณีการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญว่า ขณะนี้ขอให้ความสนใจกับการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 35 ก่อน เรื่องอื่นยังมีเวลายังไม่ทราบว่านายกฯจะไปชี้แจงด้วยตัวเอง หรือส่งหนังสือชี้แจงไป เอาไว้จะแจ้งให้ทราบ ขณะนี้การประชุมอาเซียนสำคัญกว่าเรื่องอื่น,ยอ สมพงษ์ คุมเกมฝ่ายค้านดี,นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีพรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า เท่าที่ทราบยังไม่ได้กำหนดชัดเจนว่าจะอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ ต้องชื่นชมการทำงานของพรรคฝ่ายค้านภายใต้การนำของนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้าน ที่ทำงานสร้างสรรค์เป็นฝ่ายค้านยุคใหม่ ฝ่ายค้านคงต้องดูข้อมูลว่ามีน้ำหนักหลักฐานเพียงพอสามารถยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจได้หรือไม่ หากข้อมูลไม่เพียงพอและไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน สู้ไม่ยื่นดีกว่า ทั้งนี้ รัฐบาลพร้อมชี้แจงทุกเรื่องที่ถูกอภิปราย มั่นใจว่าบริหารงานด้วยความโปร่งใส ยึดประโยชน์ประชาชนประเทศชาติเป็นหลัก แต่ยังนึกไม่ออกว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายเรื่องอะไร ขณะที่แกนนำหลักอย่างพรรคอนาคตใหม่คงไม่ค่อยพร้อม เพราะต้องเอาเวลาไปแก้ปัญหาความขัดแย้งภายในพรรค รวมถึงแก้ต่างในคดีต่างๆด้วย,เทวัญ รอฝ่ายค้านเคาะให้ชัด,นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาวิปรัฐบาล กล่าวว่า ต้องรอให้ฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อน ยังไม่รู้จะยื่นจริงหรือเปล่า อาจไม่ยื่นก็ได้ แต่หากยื่นจริงเรื่องเวลาอภิปรายต้องไปตกลงกัน อย่างการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ตอนแรกขอ 2 วัน ตอนหลังเป็น 3 วัน จึงเป็นเรื่องที่ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน รวมถึงคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้ง 3 ฝ่ายตกลงกันถึงกรอบเวลาที่เหมาะสม และต้องดูว่าจะยื่นอภิปรายใครบ้าง ยังไม่ทราบว่าจะอภิปรายทั้งคณะ หรือเป็นรายบุคคล ต้องรอดูความชัดเจนของฝ่ายค้านก่อนถึงจะกำหนดเวลาที่เหมาะสมได้,วันนอร์ ฉะประธานวิปรัฐบาล,ขณะที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวตามที่นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ตีกรอบเวลาให้ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจเพียง 2 วันว่า เวลาการอภิปรายขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ และประเด็นสาระในการอภิปราย ถ้ายื่นอภิปรายรัฐมนตรี 4-5 คน ต้องใช้อย่างน้อย 2 วัน ถ้ายื่นอภิปรายนายกฯ คนเดียว เวลา 1 วันก็อาจไม่เพียงพอ อาจต้องใช้ 2 วันอยู่ดี ที่ผ่านมาไม่เคยมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งใดน้อยกว่า 3 วัน และประธานในที่ประชุมสามารถเร่งเวลาอภิปรายได้หากเห็นว่าพูดเนื้อหาซ้ำๆ แต่ตราบใดที่ยังอภิปรายไม่ครบถ้วน และประเด็นยังไม่จบ ฝ่ายรัฐบาลจะเสนอปิดการอภิปรายไม่ได้ ในส่วนของพรรคประชาชาติ จะเน้นเนื้อหาความด้อยประสิทธิภาพการบริหารโดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ บุคลากรที่เข้ามาทำงานไร้ความรู้ความสามารถ ยืนยันว่าจะมีการอภิปรายก่อนสิ้นปีนี้แน่,สุทิน ฟุ้งมีข้อมูลทำรัฐบาลช็อก,นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า การที่ประธานวิปรัฐบาลออกมาพูดว่าจะให้เวลาอภิปรายกี่วัน พูดตอนนี้ไม่ได้ ยังไม่รู้ว่าฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายเป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะ หากยื่นเป็นรายบุคคล จะยื่นกี่คน กี่ข้อหา ทำให้มอง เห็นเจตนาของรัฐบาลว่าเป็นการใช้เทคนิคเรื่องเวลามาบีบการทำงานของฝ่ายค้าน และรัฐบาลทำเช่นนี้ มาตลอด ยิ่งการอภิปรายไม่ไว้วางใจยิ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลวิตกเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย เพราะรู้ดีว่าล้มเหลวในการบริหารบ้านเมือง ยืนยันว่ามีข้อมูลความผิดที่เหนือความคาดหมายของรัฐบาล ทำให้ถึงกับช็อกแน่ และเราไม่หวังว่ามือในสภาฯจะล้มรัฐบาลได้ แต่มือนอกสภาฯต่างหากที่รัฐบาลไม่ควรมองข้าม บอกเลยว่ามือนอกสภาฯไม่ใช้ม็อบอย่างที่คิดแน่ การอภิปรายครั้งนี้อาจเป็นแค่การเปิดแผล แต่แผลจะมาเน่าข้างนอกสภาฯจนติดเชื้อ,ขู่ซักฟอกแน่ปมโกง–ไร้น้ำยา,คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การเตรียมข้อมูลอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะพิจารณายึดสาระเป็นหลัก โดยเฉพาะพฤติกรรมหรือการดำเนินการที่ก่อให้เกิดความเสียหาย ทั้งแง่ความล้มเหลวในการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ การคอร์รัปชันเชิงนโยบายเพื่อเอื้อกลุ่มทุนขนาดใหญ่ และเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันโครงการต่างๆที่ส่งผลเสียหายต่อประเทศ ส่วนจะอภิปรายเป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะ ต้องพิจารณาอีกครั้งว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว หรือนายกฯและรัฐมนตรีรายบุคคล หรือจะทั้งคณะ,จี้นายกฯรีบเคลียร์สหรัฐฯด่วน,คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวอีกว่า ส่วนการที่สหรัฐอเมริการะงับจีเอสพีสินค้าไทย จะมีผลกระทบต่อภาคธุรกิจส่งออกโดยเฉพาะ ขณะนี้ส่งออกติดลบกว่าร้อยละ 3 แล้ว อาจส่งผลให้คนตกงานเพิ่มขึ้น คาดการณ์ว่าปีหน้าจะมีคนตกงานสูงกว่า 500,000 คน รัฐบาลต้องเร่งเจรจาเพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจส่งออก และต้องรู้ให้แน่ชัดว่าถูกตัดสิทธิเพราะเหตุใด หากเป็นเรื่องการแก้ไขปัญหาแรงงานที่ยังไม่ได้มาตรฐาน รัฐบาลต้องตอบให้ได้ว่าทำไม เพราะที่ผ่านมารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้มาตรการเด็ดขาดแบบทุบโต๊ะแก้ไขปัญหาแรงงาน จนกระทบธุรกิจประมงของไทยต้องเจ๊งอย่างหนักมาแล้ว แต่กลับมาถูกยกเลิกจีเอสพีด้วยเหตุผลเรื่องปัญหาแรงงานอีก นอกจากนี้รัฐบาลต้องเร่งเจรจาต่อรองในฐานะคู่ค้าที่มีความทัดเทียม โดยรักษาศักดิ์ศรีของประเทศ,เสรีพิศุทธ์ เตือน สิระ อย่ากร่าง,พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีนายพยม พรหมเพชร ส.ส.สงขลา พรรคพลังประชารัฐ ขอลาออกจาก กมธ.เพราะอึดอัดใจที่มีการใช้ กมธ.เป็นเครื่องมือทางการเมืองทำลายความน่าเชื่อถือของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าการพิจารณาของ กมธ.เป็นไปตามขั้นตอนตามลำดับ เรื่องที่เข้าสู่วาระไม่ใช่ตั้งเรื่องแบบเจาะจง การเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ มาชี้แจงไม่ได้ใช้อำนาจโดยพลการ นายพยมอยู่ในที่ประชุมตลอด หากไม่เห็นด้วยควรโต้แย้งตั้งแต่ก่อนลงมติ เชื่อว่าการลาออกของนายพยมน่าจะมาจากภาระงานใน กมธ.ที่มีข้อร้องเรียนทั้งเก่าใหม่เข้ามามาก นายพยมไม่มีความรู้ข้อกฎหมายจึงอึดอัดใจ ส่วนพรรคพลังประชารัฐจะส่งนายสิระ เจนจาคะ ส.ส. กทม. มาแทน ไม่มีปัญหา แต่เตือนว่าจะกร่างกับคนอื่นได้ แต่อย่ามากร่างกับตน,รธน.ฉบับอำนาจเหนือเลือกตั้ง,ที่โรงแรมชัยคณาธานี จ.พัทลุง เครือข่ายภาคประชาสังคมกลุ่มต่างๆในพื้นที่ภาคใต้ ร่วมจัดเวทีเสวนา แก้ปัญหาปากท้องประชาชน ต้องแก้รัฐธรรมนูญ? นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวในเวทีเสวนาว่า รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ผ่านมา มีการใช้มาตรา 44 ไปลดค่าสัมปทานให้กับทุนคมนาคมแล้วกว่า 2 หมื่นล้านบาท ซื้อเรือดำน้ำไป 3 หมื่นล้านบาท นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนของอำนาจที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ความจนหรือรวยในประเทศนี้ไม่ใช่เรื่องของบุญทำกรรมแต่ง เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ยังยากจนเป็นเพราะพวกเขาไม่มีอำนาจ สิ่งที่เรามาพูดกันวันนี้คือเรื่องของอำนาจที่จะเอางบจากภาษีประชาชนกว่า 3.2 ล้านล้านบาท จะเอาไปใช้เพื่อใคร ในข้อเท็จจริงมันถูกนำไปใช้ในสิ่งที่คนทั้งห้องนี้ไม่ได้เลือก คำตอบเพราะอำนาจไม่ได้อยู่ที่ประชาชน และรัฐธรรมนูญ 60 บอกว่าอำนาจที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งสูงส่งกว่าอำนาจที่มาจากการเลือกตั้ง นี่คือรัฐธรรมนูญที่ไม่มีอำนาจของประชาชนอยู่ในนั้น คนที่มีอำนาจในปัจจุบันคือคนกลุ่มเดียวกับที่รัฐประหารปี 2557 มาจากระบบราชการ กลุ่มทุน ปืน และรถถัง พวกเขาจึงออกแบบงบประมาณไปอุ้มกลุ่มทุน หล่อเลี้ยงระบบราชการที่ใหญ่เทอะทะ,คิดทะเยอทะยานเพื่อคนรุ่นต่อไป,นายธนาธรกล่าวอีกว่า ถ้าเราอยากเห็นสังคมไทยเดินไปข้างหน้า โดยที่ดอกผลของการพัฒนาได้รับการแจกจ่ายอย่างถ้วนหน้า ถ้าเราอยากเห็นสังคมไทยอยู่ในโลกาภิวัตน์ได้อย่างเต็มภาคภูมิ ถ้าเราอยากเห็นงบประมาณถูกนำไปใช้เพื่อประชาชน ถ้าเราอยากเห็นสิ่งเหล่านี้เราต้องแก้รัฐธรรมนูญ นี่คือโจทย์ใหญ่ว่าตกลงอำนาจในประเทศนี้เป็นของใคร อำนาจในการจัดสรรงบประมาณ 3.2 ล้านล้านบาท ใครควรได้เป็นคนจัดสรร นี่คือเวลาที่เราต้องคิดอย่างทะเยอทะยานเพื่อคนรุ่นต่อไป เพื่อให้ปัญหานี้จบในคนรุ่นเรา ว่าอำนาจในการจัดสรรทรัพยากรในประเทศนี้ควรอยู่ที่ประชาชน และเพื่อแก้ปัญหานี้เราต้องทำให้ประเทศนี้เป็นประชาธิปไตย ยุติระบบราชการรวมศูนย์ที่ส่วนกลาง การลดบทบาทของกองทัพ มีแต่การทำ 3 อย่างนี้เท่านั้น ประเทศไทยถึงจะเดินไปข้างหน้าได้ จะทำอย่างนี้ได้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าก้าวแรกคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ,จุรินทร์ ยันเดินหน้าแก้ไข รธน.,ที่อิมแพคเมืองทองธานี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการบรรจุวาระพิจารณาญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ว่า เรื่องนี้เป็นนโยบายที่พรรคประชาธิปัตย์มีส่วนผลักดันตั้งแต่ต้น เป็นหนึ่งใน 3 เงื่อนไขที่กำหนดไว้ตอนเข้าร่วมรัฐบาล พรรคมีแนวทางชัดเจนว่าเราอยากเริ่มต้นที่หมวดว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญนี้ แก้ไขยากมาก อยากเริ่มที่การสะเดาะกุญแจให้เปิดประตูไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยให้ได้เสียก่อน,เป็นฉันทามติพรรคร่วมรัฐบาล,เมื่อถามว่าเหมือนมีประชาธิปัตย์พรรคเดียวในพรรคร่วมรัฐบาลที่เดินหน้าเรื่องนี้ นายจุรินทร์ตอบว่า เรื่องนี้ชัดเจนในตัวอยู่แล้ว ในนโยบายที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภา แปลว่าพรรคร่วมรัฐบาลเห็นร่วมกันอยู่แล้ว ไม่น่ากังวลอะไร คุยกันในวิปรัฐบาลมีการประสานงานกันดี และต้องเป็นความเห็นร่วมของทั้งสภาฯ เพราะการแก้ไขได้ต้องใช้เสียงจำนวนมาก ลำพังซีกรัฐบาลอย่างเดียวไม่สำเร็จ ต้องรอฝ่ายค้านและวุฒิสมาชิกด้วย ส่วนที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจประเด็นเรื่องเศรษฐกิจนั้น ไม่มีความเห็น คงต้องถามฝ่ายค้านจะยื่นเมื่อไหร่อย่างไร,หนุน มาร์ค นั่ง กมธ.ศึกษา รธน.,ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะ ผู้เสนอญัตติขอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหา และแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 กล่าวว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์คงต้องรอให้วิปรัฐบาลพิจารณาอีกครั้งว่า จะใช้ กมธ.ในสัดส่วนเท่าไหร่ และพรรคได้กี่ที่นั่ง หากยึดตามสัดส่วนเดิมพรรคจะมีโควตาจำนวน 4 คน ซึ่งมีตน แน่นอนในฐานะผู้นำเสนอญัตติ ส่วนจะมีชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมเป็น กมธ.ด้วยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับที่ประชุมพรรคจะพิจารณาว่าเห็นกันอย่างไร แต่ส่วนตัวเห็นว่านายอภิสิทธิ์เหมาะสมที่จะนั่ง กมธ.วิสามัญชุดนี้ เพราะมีความรอบรู้เรื่องรัฐธรรมนูญ มีจุดยืนเรื่องประชาธิปไตยชัดเจน หากที่ประชุมพรรคมีมติจริงก็ต้องมีการทาบทาม ที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์ไม่เคยขัดมติพรรค เชื่อว่าถ้าพรรคประชาธิปัตย์มีมติให้ช่วยในเรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์จะปฏิบัติอย่างที่ผ่านมา,ปชป.โวผลงานทำได้ไวทำได้จริง,นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเดินหน้านโยบายประกันรายได้เกษตรกรว่า นับแต่วันที่พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาล รัฐมนตรีของพรรคได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเราตั้งใจทำงานให้กับประชาชน โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกร นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ เร่งทำงาน ให้ประชาชนได้รับประโยชน์เร็วที่สุด ตามนโยบายประกันรายได้ที่พรรคให้คำมั่นสัญญาไว้ตั้งแต่ช่วงรณรงค์หาเสียง และบรรจุเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เพราะเห็นถึงปัญหาความเดือดร้อนของราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ ส่งผลกระทบต่อรายได้ของเกษตรกรท่ามกลางสภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทั้งนี้ นโยบายประกันรายได้เกษตรกรที่ได้ดำเนินการจ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรไปแล้ว 3 ชนิดพืชจาก 5 ชนิด คือ ข้าว ปาล์มน้ำมัน ยางพารา เสียงสะท้อนของเกษตรกรฝากขอบคุณพรรคประชา-ธิปัตย์ นายจุรินทร์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ และคณะ ที่ร่วมกันผลักดันช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพรรคประชาธิปัตย์ทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ว่า เราทำได้ไว และทำได้จริง,เต้ ไม่เข็ดตั้งตนผู้นำฝ่ายค้านอิสระ,อีกเรื่อง นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ โพสต์ลงเฟซบุ๊กโชว์หนังสือคำสั่งแต่งตั้งตัวเองเป็นผู้นำฝ่ายค้านอิสระระบุว่า พรรคไทยศรีวิไลย์ และพรรคประชาธรรมไทยได้แถลงออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ตัดสินใจมาทำงานร่วมกันในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้านอิสระ ดังนั้นเพื่อให้การทำหน้าที่ ส.ส.พรรคฝ่ายค้านอิสระจำนวน 2 เสียงให้เกิดประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนเต็มที่ พร้อมเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาบ้านเมืองต่อฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านอย่างสร้างสรรค์ จึงขอแต่งตั้งผู้บริหารฝ่ายค้านอิสระ ดังนี้ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เป็นผู้นำฝ่ายค้านอิสระ นายพิเชษฐ สถิรชวาล เป็นประธานที่ปรึกษาฝ่ายค้านอิสระ นายธรรมรัตน์ สุวรรณโพธิ์ศรี เป็นโฆษกฯ น.ส.เยาวเรศน์ ชินภักดี เป็นรองโฆษกฯ นายบุญถาวร ปัญญาสิทธิ์ เป็นประธานที่ปรึกษาด้านกฎหมายฯ และนายนักบุญ อรรคบุตร เป็นผู้อำนวยการสำนักงานฯ
เวทีอาเซียนซัมมิต 2019 เริ่มขึ้นแล้ว ผู้นำชาติสมาชิกและประเทศคู่เจรจาเข้าร่วมคึกคัก บิ๊กตู่ โชว์วิชันต่อหน้านักธุรกิจอาเซียนบนเวที ABIS 2019
ข่าว,การเมือง
ประชุมสุดยอดอาเซียน,ประยุทธ์ จันทร์โอชา,จันนี อินฟันติโน,ประธานฟีฟ่า,เอ็มโอยู,ฟุตบอลโลก 2034,ข่าวหน้า1,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/politic/1695626
โจรใต้กลับมาก่อเหตุ ดักบึมทหารพรานที่ระแงะ หน.ชุดพลีชีพ บาดเจ็บ 3
เวลา 08.45 น. วันที่ 13 ส.ค. 63 พ.ต.ท.วรพล สุขแก้ว สารวัตรสอบสวน สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารพรานชุดลาดตระเวนเส้นทาง รปภ.ครู สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 4508 กรมทหารพรานที่ 45 ที่บริเวณคอสะพานบ้านกาลิซา ม.2 ต.กาลิซา ส่งผลทำให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 3 นาย จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.กมล ณ นรงค์ ผกก.สภ.ระแงะ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองกำกับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่ง รุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบที่บริเวณราวเหล็กกั้นคอสะพานถูกอานุภาพของระเบิดได้รับความเสียหาย และมีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่อง ที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในกล่องเหล็ก หนัก 15 กก. จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร และเศษกระสอบปุ๋ยจำนวนหนึ่ง ตกกระจายเกลื่อนพื้นถนนและพงหญ้ารกทึบริมทาง พร้อมกองเลือดและหมวกเหล็กของเจ้าหน้าที่ทหาร วางอยู่ 1 ใบ เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐานส่วนผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ เพื่อนทหารได้นำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลระแงะ ไปก่อนหน้าแล้ว โดยผู้เสียชีวิต คือ ส.ท.บึงกาฬ หารสาร อายุ 32 ปี หัวหน้าชุด ซึ่งถูกแรงระเบิดจนขาทั้ง 2 ข้างขาด ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ประกอบด้วย 1. อส.ทพ.ฐิติพงษ์ ยอดทอง อายุ 23 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดขาซ้ายหัก 2. อส.ทพ.รุสมาน นาเดวี อายุ 32 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดที่สะโพกขวา 3. อส.ทพ.ยงยุทธ์ ทิพย์พาหล มีอาการแน่นหน้าอกและหูอื้อ หลังจากแพทย์ทำการปฐมพยาบาลในเบื้องต้น ได้ส่งตัว อส.ทพ.ฐิติพงษ์ ยอดทอง และ อส.ทพ.รุสมาน นาเดวี ส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ส.ท.บึงกาฬ หารสาร หน.ชุด ได้นำกำลังรวม 7 นาย เดินเท้าตรวจสอบความเรียบร้อยเส้นทางให้กับคณะครูโรงเรียนบ้านกาลิซา ขณะนำกำลังเดินเท้าเพื่อกลับฐาน เมื่อถึงที่เกิดเหตุคนร้ายได้ลอบนำระเบิดแสวงเครื่องที่บรรจุใส่ไว้ในกระสอบปุ๋ย ไปวางไว้แบบเร่งด่วนที่บริเวณราวเหล็กคอสะพาน เมื่อคนร้ายที่แฝงตัวอยู่ในป่ารกทึบริมทางเห็น ส.ท.บึงกาฬ หน.ชุด อส.ทพ.ฐิติพงษ์ อส.ทพ.รุสมาน และ อส.ยงยุทธ์ เดินผ่าน คนร้ายได้ใช้วิทยุสื่อสารจุดชนวนระเบิดที่ลอบนำไปวางไว้เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ส่งผลทำให้ ส.ท.บึงกาฬ เสียชีวิตคาที่ อส.ทพ.ฐิติพงษ์ อส.ทพ.รุสมาน และ อส.ทพ.ยงยุทธ์ ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นาย ส่วนอีก 3 นายปลอดภัยส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่คาดว่าเป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ไม่หวังดี โดยพื้นที่เกิดเหตุ มีนายอารง ดือราโพ และนายอารีย๊ะ เจ๊ะเต๊ะ 2 แกนนำระดับปฏิบัติการนำกำลังเคลื่อนไหวในพื้นที่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้าวันเดียวกัน ได้เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิด กำลังพลชุด ร้อย ทพ.4305 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 จำนวน 6 นาย เดินลาดตระเวนเส้นทางเพื่อดูแลความปลอดภัยให้ครูโรงเรียนบ้านปะกาลือสงหมู่ 6 บ.ปะกาลือสง ต.ตุยง ริมถนนสายบ้านท่ายาบอ-บ้านปะกาลือสง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เป็นเหตุให้ อส.ทพ.เอ็มลุกมาน หะยีสะแม เสียชีวิต
โจรใต้นัดกันก่อเหตุ จากหนองจิก ปัตตานี มาที่ระแงะ นราธิวาส เวลาไล่เลี่ยกันวางระเบิดทหารพราน ชุดดูแลความปลอดภัยครู ส.ท.หัวหน้าชุดขาขาดทั้ง 2 ข้าง พลีชีพในที่เกิดเหตุ บาดเจ็บอีก 3 นาย
ข่าว,ทั่วไทย
โจรใต้,โจรใต้วางระเบิด,วางระเบิดทหารพราน,วางระเบิด นราธิวาส,สถานการณ์ใต้,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/south/1909467
ไก่อู ย้ำตั้ง Single Gateway ผลักดัน ศก.ดิจิตอล ไม่แฝงละเมิดสิทธิ
เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 58 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ประชาชนกลุ่มหนึ่งคัดค้านและแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ต่อเรื่อง Single Gateway ส่งผลให้เว็บไซต์ของหน่วยงานภาครัฐล่มว่า ขอเน้นย้ำให้สังคมเกิดความเข้าใจที่ถูกต้องว่านโยบายดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษา ยังไม่มีข้อสั่งการให้ดำเนินการอื่นใด เป็นเพียงแนวคิดการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศภายใต้เศรษฐกิจดิจิตอล (Digital Economy) ที่รวมหลายประเด็นเข้าด้วยกัน ทั้งความปลอดภัย ความมั่นคง การค้าขาย การลงทุน การใช้ข้อมูลเพื่อการศึกษาและบริการ เป็นต้น,โดยกระบวนการในขณะนี้เป็นขั้นตอนปกติ ที่ต้องศึกษาหาแนวทางที่เหมาะสมว่าควรทำอย่างไร จึงจะทำให้การเดินหน้าเศรษฐกิจดิจิตอลบรรลุเป้าหมาย รัฐบาลได้นำข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาทางไซเบอร์ ซึ่งมีทั้งวิกฤติและโอกาสจากต่างประเทศมาศึกษาด้วย เพราะเราจำเป็นต้องเตรียมข้อมูลไว้เพื่อพูดคุยหารือกับมิตรประเทศ ให้เขาเกิดความเชื่อมั่นในประเทศไทยที่กำลังจะสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ โดยใช้เทคโนโลยีดิจิตอลเป็นฐาน ทั้งเรื่องการพัฒนาช่องทางที่จะช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้งาน และการป้องกันการโจรกรรมข้อมูลและอาชญากรรมทางไซเบอร์ แต่ทั้งนี้ต้องไม่ไปกระทบสิทธิส่วนบุคคลของประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญอย่างมาก,นายกฯ อยากให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา เฝ้าระวัง และแจ้งเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ตามกฎหมาย เมื่อพบสิ่งผิดปกติจากการใช้งานโลกไซเบอร์ เพราะหากไม่ช่วยกัน อาจเกิดผลเสีย โดยเฉพาะปัจจุบันมีการกระทำความผิด โจรกรรมข้อมูลและอาชญากรรมทางไซเบอร์ทั่วโลก ขณะนี้รัฐบาลยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้นในเรื่อง ซิงเกิลเกตเวย์ และขอให้เข้าใจว่า รัฐบาลไม่ได้มุ่งหวังจะปิดหูปิดตาประชาชน เว้นแต่ผู้กระทำความผิดตามกฎหมายที่กำหนดไว้แล้วเท่านั้น และอย่าหลงเชื่อการปลุกระดมใดๆ ที่ทำให้เกิดความสับสนวุ่นวาย เพราะประเทศกำลังเดินหน้าไปในทางที่ดีขึ้น รัฐบาลจะไม่สร้างปัญหาใหม่ แต่ต้องการความเข้าใจและความร่วมมือจากทุกฝ่าย พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
สรรเสริญ ย้ำ Single Gateway เป็นเพียงการศึกษาข้อมูล ระบุ รัฐพร้อมผลักดันเศรษฐกิจด้วยดิจิตอล ไม่มีเจตนาแอบแฝงละเมิดสิทธิบุคคล วอนทุกฝ่ายทำความเข้าใจ ย้ำ อย่าหลงเชื่อผู้ไม่หวังดี
null
ซิงเกิลเกตเวย์,เกตเวย์,singlegateway,อินเทอร์เน็ต,เน็ต,isp,ค้านซิงเกิลเกตเวย์,DDOS,ไอซีที,กสทช.,ชาวเน็ต,สรรเสริญ แก้วกำเนิด,Single Gateway,เศรษฐกิจดิจิตอล,คัดค้าน Single Gateway,ศึกษาข้อมูล Single Gateway,ป้องกันการโจรกรรมข้อมูล,รัฐบาลชี้แจง Single Gateway,คัดค้านการตั้ง Single Gateway,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวการเมือง
https://www.thairath.co.th/content/529474
วิเคราะห์ 3 ตำแหน่งที่หงส์แดงควรเสริมทัพ ม.ค. นี้
1. ผู้รักษาประตู,ซิมง มินโญเลต์ กับ โลริส คาริอุส ยังไม่ใช่ผู้รักษาประตูที่ดีพอสำหรับการเป็นมือ 1 ของทีมทั้ง 2 คน หลายครั้งที่ความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ของพวกเขา ทำให้ลิเวอร์พูลไม่ได้รับผลการแข่งขันอย่างที่สมควรจะได้รับ ดังนั้นตำแหน่งนี้ควรจะเป็นตำแหน่งที่ทุกคนในทีมไว้วางใจได้มากที่สุด โดยนักเตะที่มีข่าวกับหงส์แดงอยู่ในตอนนี้ก็คือ เควิน แทร็ปป์ จอมหนึบฝีมือดีของ ปารีส แซงต์ แชร์แมง ที่ก่อนหน้านี้เป็นมือ 1 ของยอดทีมแห่งศึก ลีก เอิง ฝรั่งเศส มาตลอด ก่อนจะเสียตำแหน่งไปให้กับ อเรโอลา ในซีซั่นนี้ และการที่เอเย่นต์ของนักเตะให้สัมภาษณ์ว่านักเตะในความดูแลอาจย้ายทีมในช่วงปีใหม่ถ้ามีโอกาส นั่นยิ่งทำให้ลิเวอร์พูลมีลุ้นคว้าตัวเขามากขึ้น แถมก่อนหน้านี้ตัวนักเตะเองก็เคยออกมาพูดชื่นชมสโมสรลิเวอร์พูล และเยอร์เกน คลอปป์ มาแล้ว,2. กองหลัง,ตำแหน่งนี้แฟนบอลหงส์แดงหรือแฟนบอลทีมอื่นๆ ทั้งโลกคงเห็นเหมือนกันหมดว่า ยังไม่ดีพอ ทั้ง รักนาร์ คลาวาน ที่ฟอร์มดูจะดีที่สุดแต่ก็ยังมีข้อผิดพลาดให้เห็น รวมทั้ง เดยัน ลอฟเรน ที่ก่อความผิดพลาดสำคัญๆ มาหลายครั้ง ดังนั้นนี่คือตำแหน่งที่ คลอปป์ ควรเสริมทัพเป็นอย่างยิ่ง โดยตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุดคงหนีไม่พ้น เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กองหลังของเซาแธมป์ตัน ที่น่าจะตอบโจทย์ได้ดีที่สุด และมีข่าวกับทีมมาตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์แล้ว ถ้าช้าอาจจะโดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือ บาร์เซโลนา ปาดหน้าไปได้,3. กองกลางตัวรับ,ฤดูกาลนี้สังเกตได้ว่า เวลาทีมลิเวอร์พูลโดนโต้กลับ ฝั่งตรงข้ามจะเจาะแดนกลางของพวกเขาได้ง่ายมาก และกระโจนเข้ามาหาแนวรับที่ไม่ค่อยแข็งแกร่งของพวกเขาได้อย่างรวดเร็ว เนื่องทั้ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เอ็มเร ชาน หรือ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม เวลาตัดบอลได้ชอบดันขึ้นสูง พอโดนโต้ก็ลงกันไม่ค่อยทัน ดังนั้นถ้า คลอปป์ ได้นักเตะในแบบ เนมันยา มาติช ที่สามารถเล่นเกมรับได้ดี และเปลี่ยนจากรับเป็นรุกได้อย่างรวดเร็ว มาร่วมทีมก็คงจะดีไม่น้อย,PUNABBEYROAD:)
ตลาดซื้อขายนักเตะเดือนมกราคม ใกล้จะเปิดขึ้นอีกครั้งในไม่กี่อึดใจ และนี่อาจเป็น 3 ตำแหน่งที่ หงส์แดง ลิเวอร์พูล ควรเสริมทัพเพื่อล่าความสำเร็จในช่วงที่เหลือของฤดูกาล
null
ลิเวอร์พูล,หงส์แดง,พรีเมียร์ลีก,ซื้อตัวนักเตะ
https://www.thairath.co.th/sport/eurofootball/premiereleague/1162315
นัดใส่แดง ทหาร-ตร.เข้าเยี่ยมหลายที่ - เรียกคุยในค่ายหลังใส่เข้าบิ๊กซีเชียงราย
2 พ.ย.2558 รายงานว่า ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 จังหวัดเชียงราย ได้เรียกตัวคนเสื้อแดง 4 ราย ที่ใส่เสื้อแดงไปรวมกลุ่มนั่งคุยกันที่ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี เชียงราย วานนี้ ไปพูดคุยที่ค่ายเม็งรายมหาราช โดยเจ้าหน้าที่สอบถามถึงสาเหตุการทำกิจกรรมใส่เสื้อแดง และขอความร่วมมือให้ดำเนินการต่างๆ โดยอยู่ในกรอบกฎหมายปัจจุบันจากกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงมีการนัดหมายกันใส่เสื้อสีแดงในวันที่ 1 พ.ย. เพื่อให้กำลังน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากการถูกดำเนินคดีในโครงการรับจำนำข้าวในช่วงสายวานนี้ (1 พ.ย.58) ที่จังหวัดเชียงราย นายสมชัย แสงทอง และคนเสื้อแดงอีก 3 คน ได้นัดหมายใส่เสื้อสีแดงไปนั่งพูดคุยกันบริเวณฟู้ดคอร์ท ที่ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี เชียงราย โดยไม่ได้เป็นการนัดชุมนุมหรือมีการแสดงป้ายข้อความทางการเมืองใดๆแต่เมื่อไปถึง ได้มีผู้สื่อข่าวพร้อมกับเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายข่าวจากมทบ.37 ในชุดนอกเครื่องแบบรออยู่แล้ว จากนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ทหารนอกเครื่องแบบ 2 นาย และเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลอีก 1 นาย เดินทางตามมา ก่อนมีการนั่งพูดคุยและสอบถามชื่อเจ้าหน้าที่ทหารได้แจ้งว่าช่วงนี้ยังไม่อยากให้มีกิจกรรมนัดรวมกลุ่มใดๆ เพราะเหตุการณ์ได้สงบดีอยู่แล้ว การมาแสดงออกในเรื่องเสื้อสีลักษณะนี้ จะทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นอีก โดยเมื่อพูดคุยทำความเข้าใจแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้แยกย้ายกลับไปจากนั้นคนเสื้อแดงกลุ่มดังกล่าว ได้ร่วมกันปล่อยนกบริเวณลานจอดรถห้างสรรพสินค้า เป็นสัญลักษณ์ของการปลดปล่อยเพื่อเสรีภาพ ก่อนแยกย้ายกันกลับ แต่ในช่วงบ่าย เจ้าหน้าที่ทหารได้ติดต่อมาอีกครั้ง โดยแจ้งว่าทางผู้บังคับบัญชาอยากจะนัดหมายพูดคุย จึงได้เชิญตัวทั้งสี่คนไปที่ค่ายในวันรุ่งขึ้นในเช้าวันนี้ นายสมชัยและกลุ่มเสื้อแดง ทั้ง 4 คน ได้เดินทางเข้าไปยังห้องประชุมภายในค่ายเม็งรายมหาราช โดยมีพล.ต.พิศาล นาคผจญ ผบ.มทบ.37 และเจ้าหน้าที่ทหารอีก 3 นาย ร่วมพูดคุยด้วย เจ้าหน้าที่ได้สอบถามถึงสาเหตุการนัดกันไปใส่เสื้อแดงเมื่อวานนี้ และสอบถามความคิดเห็นเรื่องการดำเนินคดีต่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พร้อมกับเตือนว่าการเคลื่อนไหวใดๆ ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมายในตอนนี้การพูดคุยใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง โดยทั่วไปเป็นการพูดคุยสอบถามความเห็นต่อสถานการณ์ทางการเมือง และมีการขอเบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ของคนเสื้อแดงทั้งสี่รายเอาไว้ เจ้าหน้าที่ยังแจ้งด้วยว่าอาจจะมีการเชิญมาพูดคุยแลกเปลี่ยนในโอกาสต่อไปวานนี้(1 พ.ย.58) เฟซบุ๊กแฟนเพจ รายงานว่าตำรวจและทหารเข้าตรวจสอบการนัดรวมตัวใส่เสื้อสีแดงที่ห้องสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์เพื่อประชาชน ชั้น 5 ศูนย์การค้าและเมื่อทราบว่าเป็นการนัดรวมตัวร้องเพลง จึงอนุญาตพร้อมสั่งห้ามแสดงกิจกรรมหรือสัญลักษณ์ทางการเมืองโดยเด็ดขาดนายพลท เฉลิมแสน กล่าวว่ากิจกรรมนี้เป็นการรวมตัวของสมาคมฌาปนกิจซึ่งจัดปกติทุกอาทิตย์ ส่วนการนัดสวมเสื้อแดงให้กำลังใจอดีตนายกยิ่งลักษณ์ทางโซเซียลนั้นตนไม่ทราบว่าใครเป็นผู้นัด ส่วนตนมองว่าการรวมตัวกันให้กำลังใจแบบนี้เป็นการยกระดับมวลชน เจ้าหน้าที่ไม่ต้องวิตกกังวลเพราะเป็นการรวมตัวในที่เฉพาะไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใครและไม่ได้ทำลายความสามัคคีจนจะต้องปิดประเทศ จะแค่ร้องรำทำเพลงเพื่อคลายเครียดเท่านั้นรายงานด้วยว่า พล.ต.ต.พีระพงษ์ วงศ์สมาน ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาได้มีการร่วมประชุมกับฝ่ายทหารและฝ่ายปกครอง เพื่อร่วมกันสืบสวนหาข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่ ก่อนหน้านี้ได้เชิญแกนนำบุคคลสำคัญของกลุ่มคนเสื้อแดง มาพูดคุยทำความเข้าใจกันแล้ว ซึ่งทุกๆ คนรับปากที่จะไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ในพื้นที่ขณะที่ หรือ นายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ นักกิจกรรมเสื้อแดง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวในลักษณะสาธารณะ วานนี้(1 พ.ย.58) ระบุว่า พี่น้องจากสันติบาลมาหาที่บ้านอีกรอบ ให้ข้อมูลไปว่าไม่ได้ออกไปไหน อยู่บ้านใส่เสื้อแดงขายเสื้อหาเงินให้พี่น้องในเรือนจำ วันนี้มาสองรอบเช้าบ่าย เลยขอเซลฟี่มาฝากให้กำลังใจนายกยิ่งลักษณ์ รวมทั้งผู้ใช่เฟซบุ๊กว่า โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวแบบสาธารณะด้วยว่า ที่อำนาจเจริญ ใส่แดงอยู่ในบ้าน ยังเข้าไปเยี่ยมเลย(พร้อมมีรูปทหารประกอบ)วันนี้(2 พ.ย.58) รายงานด้วยว่า มีนายทหารเดินทางเข้าพบ น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) โดย น.ส.ขัตติยา ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเข้าพบ ว่า ที่เขามาคือเขามาแนะนำตัว เพราะคนเก่าลาไปเรียน เขาก็เลยเอาคนใหม่มาแนะนำตัว พร้อมกับขอดื่มกาแฟกับเรา ซึ่งเขาก็ไม่ได้คอมเม้นต์เรื่องอะไร และไม่ได้พูดไม่ดี แต่เขาก็ขอความร่วมมือ ซึ่งเราก็ขอให้เขาเข้าใจ ว่าเราเป็นนักการเมือง เป็น อดีต ส.ส. เมื่อเห็นอะไรที่เป็นประเด็นที่เราไม่เห็นด้วยเราก็ต้องแสดงความคิดเห็น เพราะเราก็มีจุดยืน ที่สำคัญคือถ้าไม่มีใครกล้าออกมาพูดอะไรเลยประชาชนก็จะรู้สึกว่าไม่มีใครเป็นปากเป็นเสียงให้เขาเลย ซึ่งเรื่องนี้เขาก็เข้าใจ นอกจากนี้ ด้วยความที่เขาเป็นทหารม้า และพ่อเราเองก็เป็นทหารม้าเหมือนกัน เลยคุยกันเข้าใจ แต่เราก็รู้สึกว่าบังเอิญจัง เพราะเขามาหลังจากที่เราเพิ่งแสดงความคิดเห็นเรื่อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ พูดเรื่องปิดประเทศ และแต่งชุดแดงเพื่อให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ
2 พ.ย.2558 เว็บไซต์ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 จังหวัดเชียงราย ได้เรียกตัวคนเสื้อแดง 4 ราย ที่ใส่เสื้อแดงไปรวมกลุ่มนั่งคุยกันที่ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี เชียงราย
การเมือง,สิทธิมนุษยชน
ทหาร,ปรับทัศนคติ,เสื้อแดง,แต่งแดง
https://prachatai.com/journal/2015/11/62226
พายุนากรี กระทบอีสาน-ตะวันออก 10 จังหวัด 11-13 พ.ย.
วันนี้ (11 พ.ย.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศ พายุระดับ 3 (โซนร้อน) นากรี (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 11-13 พฤศจิกายน 2562) ฉบับที่ 22 ลงวันที่ 11 พ.ย.2562 โดยระบุว่า พายุระดับ 3 (โซนร้อน) นากรี ได้เคลื่อนขึ้นฝั่งแล้วบริเวณเมืองนาตรัง ประเทศเวียดนาม เมื่อคืนนี้เวลาประมาณ 01.00 น. (11 พ.ย. 2562) และเมื่อเวลา 04.00 น. มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 12.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 109.0 องศาตะวันออกแนะตรวจสอบสภาพอากาศก่อนไปเวียดนามพายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางตะวันตกด้วยความเร็ว 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 75 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันและหย่อมความกดอากาศต่ำอย่างรวดเร็วบริเวณตอนใต้ของประเทศลาว สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปประเทศเวียดนามและลาว ขอให้ตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางด้วยโดยพายุนี้จะส่งผลกระทบต่อลักษณะอากาศของประเทศไทยในช่วงวันที่ 11-13 พ.ย. 2562 ทำให้มีฝนเล็กน้อยถึงปานกลางบางพื้นที่บริเวณ จ.มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ สระแก้ว ระยอง จันทบุรี และตราด13-15 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองก่อนอากาศหนาวอนึ่ง ในช่วงวันที่ 13-15 พ.ย. 2562 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงอีกระลอกจากประเทศจีน จะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นในระยะแรก โดยจะเริ่มจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกก่อน ส่วนภาคกลางและภาคเหนือจะได้รับผลกระทบในระยะต่อไปหลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลงกับมีลมแรง โดยบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวอุณหภูมิต่ำสุด 8-12 องศาเซลเซียส ส่วนภาคกลางและภาคตะวันออกมีอากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลสุขภาพเนื่องจากอากาศที่หนาวเย็นลงในช่วงเวลาดังกล่าวไว้ด้วยภาคใต้มีฝนตกหนักบางพื้นที่-เลี่ยงเดินเรือสำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้ มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ส่วนบริเวณอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดต่อไป ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือ สายด่วนพยากรณ์อากาศ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนพายุโซนร้อน นากรี เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งบริเวณเมืองนาตรัง เวียดนาม แล้ว ทำให้ประเทศไทยมีฝนเล็กน้อยถึงปานกลางบางพื้นที่ใน 10 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันออก ตั้งแต่ 11-13 พ.ย.นี้
สังคม
พายุนากรี,นากรี,พายุ,พายุโซนร้อน,กรมอุตุนิยมวิทยา,เวียดนาม
https://news.thaipbs.or.th/content/285958
พมจ.นครพนม ช่วยยายโดนฟ้องภาษี 11 ล้าน พบโดนแอบอ้างเอาเอกสารไปจดบริษัท
เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2561 นายอติชาต อุณหเลขกะ นายอำเภอธาตุพนม จ.นครพนม พร้อมด้วย นางอภิญญา ชมภูมาศ เจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.นครพนม มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้กับ นางนุ้ย พรมราช อายุ 57 ปี ชาวบ้าน หมู่ 6 บ้านนาทาม ต.พระกลางทุ่ง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม หลังได้รับความเดือดร้อน กรณีถูกกรมสรรพากรฟ้องร้องดำเนินคดี เรียกเก็บเงินภาษีรายได้นิติบุคคล เป็นวงเงินสูงถึง 11 ล้าน 8 แสนบาท ทั้งที่มีฐานะยากจน และไม่มีอาชีพ ทำงานแค่รับจ้างรายวัน มีรายได้ วันละ 100-200 บาท จากการรับจ้างทั่วไป ,นางนุ้ย กล่าวว่า ได้รับหมายศาลเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 จึงทราบว่าถูกกรมสรรพากรเป็นโจทย์ยื่นฟ้อง บริษัท รุ่งรุจี ซัพพลาย จำกัด ซึ่งได้มีการจดทะเบียนเปิดบริษัทไว้ตั้งแต่ 24 ธันวาคม 2556 ทำให้ตนตกเป็นจำเลยที่ 2 ฐานความผิดเกี่ยวกับภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่มและละเมิด เนื่องจาก บริษัท รุ่งรุจี ซัพพลาย จำกัด เลี่ยงชำระภาษี หลังมีการแจ้งแสดงบัญชีรายได้จากการประกอบกิจการ ระหว่างปี 2556-2557 มีรายได้สูงกว่า 36 ล้านบาท แต่มีการเลี่ยงชำระภาษีตามกฎหมาย จนกระทั่ง มีการแจ้งขอยกเลิกจดทะเบียนบริษัท เมื่อ 7 สิงหาคม 2557 ทำให้กรมสรรพากรฟ้องร้องต่อศาลภาษีอากรกลาง ให้ชำระภาษี เป็นเงิน 11 ล้าน 8 แสนบาท ซึ่งในเอกสารได้ระบุ วันนัดสืบพยานและไกล่เกลี่ย คือวันที่ 23 เมษายน 2561 เจ้าตัวจึงได้ออกมาร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมผ่านสื่อ เนื่องจากเป็นคนมีฐานะยากจน ไม่มีธุรกิจส่วนตัว ทำงานรับจ้าง ยืนยันว่าถูกหลอกเอาเอกสารไปทำนิติกรรมแทน,ด้าน นายอติชาต กล่าวว่า ล่าสุด ได้เร่งให้การช่วยเหลือนางนุ้ยเกี่ยวกับคดีความ พร้อมเร่งรวบรวมเอกสารหลักฐาน สรุปคำให้การเพื่อยื่นต่อศาลพิจารณาต่อไป หลังตรวจสอบเชื่อว่า นางนุ้ย พรมราช ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นในการทำการเปิดบริษัท ประกอบธุรกิจ อีกทั้งสภาพความเป็นอยู่ยังมีฐานะยากจน มีรายได้น้อย และยังมีภาระหนี้สินอีกจำนวนมาก โดยในการต่อสู้คดีทางยุติธรรมจังหวัดจะใช้เงินจากกองทุนยุติธรรมดูแลช่วยเหลือในการต่อสู้คดี เพื่อให้พ้นจากความผิด และตรวจสอบเอาผิดกับบุคคลเกี่ยวข้องต่อไป,นายอำเภอธาตุพนม กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในการดูแลช่วยเหลือเกี่ยวกับความเป็นอยู่ ทางด้าน สำนักงาน พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์นครพนม ได้มีการมอบเงินเป็นค่าใช้จ่ายเบื้องต้น 2,000 บาท และได้ช่วยเหลือรับอุปการะเลี้ยงดู หลานชาย วัย 10 ขวบ ที่นำมาเลี้ยง เนื่องจากพ่อแม่แยกทางกัน จึงได้มีการรับดูแลในเรื่องค่าเล่าเรียน เดือนละ 2,000 บาท เป็นการแบ่งเบาภาระ แก้ปัญหาความเดือดร้อน, ,ส่วน นางอภิญญา กล่าวว่า ในส่วนของพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.นครพนม ได้มีการตรวจสอบช่วยเหลือคุณยายตามอำนาจหน้าที่ ทั้งนี้ ได้มอบเงินให้คุณยาย เบื้องต้น 2,000 บาท แต่ส่วนหนึ่งทราบว่า มีหลานชาย อายุ 10 ขวบ ที่ต้องดูแล จึงได้รับไว้อุปการะดูแลช่วยค่าใช้จ่าย เดือนละ 2,000 บาท เป็นค่าใช้จ่ายทุนการศึกษา และจะคอยดูแลสภาพความเป็นอยู่ รวมถึงให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง เพราะถือว่าเป็นผู้มีรายได้น้อย และประสบปัญหาทางสังคม.
พมจ.นครพนม เร่งช่วยเหลือยายถูกฟ้องภาษี 11 ล้าน พร้อมอุปการะหลาน ด้านยุติธรรมเร่งสรุป พบถูกหลอกนำเอกสารไปจดบริษัท เชื่อไม่มีส่วนรู้เห็น อีกทั้งสภาพความเป็นอยู่ก็ยากจน
ข่าว,ทั่วไทย
ยายนครพนม,ฟ้องภาษี 11 ล้าน,นุ้ย พรมราช,นครพนม,หลอกจดทะเบียนบริษัท,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/1205927
ห้าม สผ.แถลงหนอนเอเลียน-เบรกสื่ออ้างรอพร้อม 2 กระทรวง
กรณีโดยพบระบาดในกว่า 20 จังหวัดแล้ววันนี้ (14 พ.ย.2560) นายวิจารย์ สิมาฉายา ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ ทส. กล่าวว่า หนอนตัวแบนนิวกินี ถูกจัดอยู่ในบัญชี 4 ชนิดพันธุ์ต่างถิ่น หรือเอเลียนสปีชีส์ แต่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีรายงานการค้นพบมาก่อน เบื้องต้นได้ส่งหนังสือถึงกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้เฝ้าระวังแล้วขณะเดียวกันยังได้พูดคุยนอกรอบ กับปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเตรียมจะแถลงข่าวปัญหาหนอนตัวแบนนิวกินี เอเลียนสปีชีส์ พร้อมกันภายในสัปดาห์นี้ เพราะไม่อยากให้มีเพียงหน่วยงานใดที่ออกมาพูดกับสื่อ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และเป็นเรื่องทางวิชาการ ไม่อยากให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน รวมทั้งจำเป็นต้องมีแผนแก้ปัญหาร่วมกัน หากพบมีการระบาดในประเทศไทยจริงผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากการตรวจสอบข้อมูลการค้นพบหนอนเอเลียนผ่านทาง เฟซบุ๊ก siamensis.org ซึ่งหลังจากมีรายงานแห่งแรกที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี ล่าสุดมีผู้แจ้งข้อมูลการเจอตัวหนอนเอเลียนในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศไทยผ่านทางเฟซบุ๊กกลุ่ม siamensis.org เบื้องต้น 20 จัง หวัดแล้ว เช่น จาก อ.สารภี จ.เชียงใหม่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ขอนแก่น จันทบุรี ชัยภูมิ อุบลราชธานี เลย ชลบุรี ปทุมธานี ชุมพร แถวกรุงเทพกรีฑา -มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน เขตห้วยขวาง ดอนเมือง กทม. เพชรบุรี นนทบุรี พระนครศรีอยุธยา ราชบุรี สระบุรี ภูเก็ต ปราจีนบุรี นราธิวาส เป็นต้นผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ ทีมข่าวไทยพีบีเอสออนไลน์ ยังถูกยกเลิกนัดสัมภาษณ์นางอัษฎาพร ไกรพานนท์ รองเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ สผ.ที่ขอนัดสัมภาษณ์พิเศษนโยบายการแก้ปัญหาเอเลียนสปีชีส์ในภาพรวมของประเทศ และการปรับบัญชีใหม่ โดยเจ้าหน้าที่ขอยกเลิกกะทันหันหลังทีมข่าวไปรอสัมภาษณ์ตามนัดหมายนานกว่า 1 ชั่วโมง โดยระบุว่าผู้บริหารระดับสูง ขอให้รอผู้ใหญ่ในกระทรวงที่จะมีการแถลงข่าวภาพรวมทั้งหมดเองนอกจากนี้ เฟชบุ๊กของYingyod Lapwong ยังนำเสนอข้อคิดเห็นผ่านทางโซเชียล หลังจากพบว่ามีการทำลายหนอนเอเลียน โดยระบุว่าขออนุญาตเสนอให้หยุดการกำจัดหนอนตัวแบนนิวกีนี ไม่ว่าจะด้วยการใช้น้ำร้อน หรือใช้เกลือ ด้วยเหตุผล1. เอเลียนไม่ได้ร้ายไปซะทุกตัว เราอาจได้ยินข่าวเรื่องสัตว์ต่างถิ่นที่เข้ามาทำอันตรายระบบนิเวศในบ้านเราอยู่บ่อยๆ แต่อันที่จริงแล้วเอเลี่ยนไม่ได้ร้ายไปซะทุกตัว มีสัตว์เอเลียนจำนวนไม่น้อยที่สร้างผลกระทบในเชิงบวกให้กับบ้านใหม่ของพวกมัน ในกรณีนี้ทราบกันดีว่ามันสามารถกำจัดหอยทากที่เป็นศัตรูพืช2. เอเลียนรุกรานที่หนึ่ง อาจไม่ได้รุกรานอีกที่หนึ่ง เนื่องจากระบบนิเวศแต่ละที่มีความต้านทานต่างกัน ซึ่งจากข้อมูลพบว่า แม้หนอนชนิดนี้จะถูกพบแล้วในหลายพื้นที่ของโลก แต่รายงานผลกระทบรุนแรงมาจากหมู่เกาะแปซิฟิกเท่านั้น เป็นที่ทราบกันดีว่าพื้นที่หมู่เกาะมีความเปราะบางกว่าพื้นที่อื่น เนื่องจากมีสัตว์เฉพาะถิ่นจำนวนมาก และไม่เคยมีผู้ล่า ทำให้การปรับตัวมีน้อย ดังนั้นมีความเป็นไปได้ที่สัตว์ชนิดนี้จะไม่สร้างผลกระทบในทางลบในบ้านเรา3. การกำจัดสัตว์เอเลียนอย่างไม่เป็นระบบ อาจไปเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพวกมันเสียอีก ในทางนิเวศวิทยาแล้ว หากประชากรสิ่งมีชีวิตถูกกดดัน มันจะมีวิวัฒนการเพื่อตอบสนองต่อแรงกดดันนั้นๆเพื่อให้อยู่รอด และแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ในบางกรณี ข้อจำกัดในการรุกรานของสัตว์ต่างถิ่น คือการแข่งขันระหว่างกันเอง การแข่งขันที่รุนแรงจะทำให้ประชากรอ่อนแอ และทำความเสียหายได้น้อยลง การลดปริมาณแต่น้อย จะไปลดการแข่งขันนั้น ทำให้ประชากรมีความแข็งแรงขึ้น การกำจัดด้วยมือนั้น จะได้ผลในกรณีที่สัตว์ดังกล่าวเพิ่งเข้ามา หรือในพื้นที่จำกัด โดยจะต้องมีการวางแผนการกำจัดที่เข้มข้น และอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ การกำจัดด้วยมือแบบนี้ไม่ได้ทำเพื่อลดปริมาณโดยตรง แต่เพื่อลดความหลากหลายทางพันธุกรรม จนทำให้ประชากรอ่อนแอลง4. ผลกระทบต่อระบบนิเวศท้องถิ่น เนื่องจากว่าบุคคลทั่วไปอาจไม่มีความสามารถในการจัดจำแนกชนิดของสิ่งมีชีวิต การกำจัดผิดตัวจึงเกิดขึ้นได้ และเมื่อประกอบกับความวิตกกังวล ยิ่งทำให้เกิดความตื่นตระหนก สิ่งมีชีวิตท้องถิ่นอาจจะตกอยู่ในอันตราย สุดท้ายแล้วผลกระทบจากการกำจัดผิดตัวโดยมนุษย์อาจรุนแรงกว่าที่เกิดจากสัตว์เอเลียนเสียอีกหากลองสังเกตดู จะทราบว่าแม้แต่ในที่ที่มีการระบาด และเกิดผลกระทบรุนแรง ก็ไม่มีการใช้วิธีการกำจัดด้วยมือ การโรยเกลือ หรือใช้น้ำร้อน ด้วยเหตุผลที่ว่าการใช้วิธีการกำจัดด้วยมือ ไม่เคยประสบความสำเร็จ ไม่ว่าในการจัดการชนิดพันธุ์ต่างถิ่นใดๆ
ปลัดกระทรวง ทส.ระบุทำหนังสือถึงกรมวิชาการเกษตร เฝ้าระวังหนอนตัวแบนนิวกินีแล้ว พร้อมเตรียมตั้งโต๊ะแถลงสื่อร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สั่งเบรก สผ.สัมภาษณ์สื่ออ้างละเอียดอ่อน ขณะที่มีรายงานพบระบาด 20 จังหวัดทั่วไทย
สิ่งแวดล้อม
ThaiPBSnews,ข่าวไทยพีบีเอส,ไทยพีบีเอส,หนอนตัวแบนนิวกินี,กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม,เอเลียนสปีชีส์
https://news.thaipbs.or.th/content/267706
ประจักษ์ชัย: กว่าสี่ปีรอไม่ไหว เขาจากไปก่อนได้ฟังคำพิพากษา
ไม่แม้แต่จะหันกลับมามองผู้คนและสถานที่ที่เขาวนเวียนเข้าออกอยู่นานกว่าสี่ปี แต่ในการจากไปของเขาก็มีแง่ดีอยู่บ้าง เมื่อเขาจะไม่ต้องกลับมาเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายอีกต่อไปเพราะเขาได้จากโลกนี้ไปแล้วเขาจากไปก่อนที่จะได้รับรู้ว่า คนอื่นจะตัดสินการกระทำของเขาเป็นเรื่องผิดหรือถูกประจักษ์ชัย เป็นจำเลยคดีมาตรา 112 อายุสุดท้ายของเขา คือ 45 ปี เขาถูกจับกุมตั้งแต่ปี 2558 ขณะอายุได้ 41 ปีประจักษ์ชัย เป็นชาวจังหวัดศรีสะเกษ ผิวคล้ำกร้านแดด ขอบตาคล้ำและลึก สีหน้าว่างเปล่า แววตาเหม่อลอย เขาตัวผอมเล็กแต่ท้องใหญ่เนื่องจากความเจ็บป่วยทางร่างกาย ประจักษ์ชัยเป็นโรคตับเรื้อรังจากการดื่มสุรามากมาตลอดชีวิต ในช่วงที่อาการกำเริบ จะส่งผลให้ท้องบวมใหญ่ผิดปกติ ประจักษ์ชัยเป็นผู้ป่วยทางจิต มีอาการหลงผิด ทุกครั้งเวลาพูดเขาจะมีร้อยยิ้มกว้างเห็นฟันขาว เขาพูดด้วยถ้อยคำช้าๆ ทีละคำๆ แต่การพูดของเขาวกไปวนมา คนฟังจับใจความได้ยาก19 กุมภาพันธ์ 2558 ประจักษ์ชัยนั่งรถเมล์ไปที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อบอกกับรปภ.ว่า จะมายื่นหนังสือร้องเรียน เหมือนกับที่เขาเคยทำเป็นประจำ แต่วันนี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับอนุญาตให้เข้าไปข้างในบริเวณศูนย์รับเรื่องร้องเรียนที่มีทหารและตำรวจหญิงประจำอยู่หลายคน เจ้าหน้าที่เอากระดาษให้เขาเขียนเรื่องร้องเรียนด้วยลายมือ เขาเขียนข้อความยาวหนึ่งบรรทัดจากความต้องการตามความเชื่อของเขาเอง ลงท้ายว่า ขอบคุณ ขอบคุณ พร้อมกับลงชื่อ เหล็ง อันเป็นชื่อเล่น แล้วทันใดนั้น ตำรวจกว่าสิบนายก็ล้อมเข้ามาจับกุมเขาถูกตั้งข้อกล่าวหาตามมาตรา 112 ฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ พนักงานสอบสวนสังเกตเห็นแล้วว่า ประจักษ์ชัยมีอาการพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่เนื่องจากเห็นว่า ยังพอถามตอบเรื่องทั่วๆ ไปได้อยู่ จึงตัดสินใจดำเนินคดีแล้วส่งเขาไปส่งศาลตามลำพังเพื่อขอฝากขัง ศาลทหารกรุงเทพสั่งให้ฝากขังและเขาต้องถูกส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพเริ่มแรกเขาอยู่ข้างในเรือนจำโดยที่ไม่รู้จักใคร และไม่สามารถติดต่อใครได้ จนกระทั่งนักโทษการเมืองที่ถูกคุมขังอยู่ด้วยกันทราบว่า เขาถูกคดีฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ จึงแจ้งขอความช่วยเหลือออกมาและมีทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเข้าเยี่ยม ระหว่างถูกคุมขังอาการโรคตับของเขากำเริบเข้าขั้นน่าเป็นห่วงและบางช่วงต้องไปนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์หลายวันประจักษ์ชัย ไม่เคยฝักใฝ่กลุ่มการเมืองสีเสื้อไหน แต่เขามีความคิดเกี่ยวกับการเมืองในแบบของตัวเองที่รุนแรง และนอกกรอบ คนรอบข้างไม่เข้าใจเขาน้องสาวของประจักษ์ชัยซึ่งเปิดร้านขายกาแฟอยู่ที่กรุงเทพ เดินทางไปเยี่ยมประจักษ์ชัยที่เรือนจำเป็นครั้งคราวและพยายามติดต่อกับทนายความเพื่อประสานงานเรื่องการดำเนินคดี และด้วยความช่วยเหลือจากกองทุนเพื่อการเข้าถึงความยุติธรรมของนักโทษการเมือง กับผู้คนอีกหลายฝ่าย ประจักษ์ชัยจึงได้รับการส่งไปตรวจอาการทางจิตที่สถาบันกัลยาราชนัครินทร์ก่อนที่แพทย์จะลงความเห็นว่า เขาป่วยหนัก ต้องได้รับการรักษา ซึ่งการอยู่นอกเรือนจำจะเป็นประโยชน์กับการรักษามากกว่า จนเขาได้รับการประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ 100000 บาท และได้รับการปล่อยตัวเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2558 รวมเวลาที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำประมาณ 8 เดือนก่อนถูกจับกุม ประจักษ์ชัยมีงานทำเป็นช่างขัดอลูมิเนียม อยู่ที่โรงงานของเพื่อน แต่หลังได้ประกันตัวเขาไม่มีที่ไปต่อ จึงกลับไปอยู่บ้านเกิดที่จังหวัดศรีษะเกษ อยู่กับแม่ซึ่งชรามากแล้วและพี่สาว แต่ที่บ้านเขาไม่มีงานทำ และไม่มีรายได้ตั้งแต่ต้นปี 2559 เป็นต้นมา ศาลทหารกรุงเทพก็นัดสืบพยานคดีของประจักษ์ชัยมาเรื่อยๆ โดยกระบวนการของศาลทหารจะนัดสืบพยานแบบไม่ต่อเนื่อง เมื่อสืบพยานเสร็จปากหนึ่งก็จะเลื่อนคดีไปอีก 2-3 เดือนจึงสืบปากต่อไป บางครั้งเมื่อจำเลยเดินทางมาศาลแล้วพบว่า พยานที่นัดไว้ในวันนั้นไม่สะดวกมาศาล ศาลก็จะเลื่อนการสืบพยานออกไปอีก 2-3 เดือน เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆแม้ทางอัยการทหารที่ทำหน้าที่เป็นโจทก์เองจะเห็นว่า คดีนี้มีสาระที่เป็นประเด็นให้ศาลต้องวินิจฉัยไม่มากนัก จึงพยายามขอนัดสืบพยานวันละสองปาก หรือบางครั้งขอวันนัดติดต่อกันเพื่อให้คดีเดินหน้าไปได้เร็ว แต่ในความเป็นจริงก็ทำได้ไม่เร็วนัก ประจักษ์ชัยต้องเดินทางจากบ้านที่จังหวัดศรีษะเกษมาที่ศาลทหารกรุงเทพเพื่อเข้าฟังการพิจารณาคดีทั้งหมด 15 ครั้งในระยะสามปีเศษ โดยสืบพยานโจทก์ไปได้แปดปาก และมีนัดที่เดินทางมาถึงแล้วแต่ศาลกลับสั่งเลื่อน 6 ครั้ง ด้วยเหตุว่า พยานป่วยบ้าง ติดต่อพยานไม่ได้บ้าง หรือพยานไม่สามารถมาได้เพราะติดธุระอื่นบ้างตลอดเวลาที่พยานแต่ละคนซึ่งส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐเข้าเบิกความและทนายความลุกขึ้นถามค้าน ประจักษ์ชัยจะนั่งเงียบๆ อยู่ที่ม้านั่งของจำเลย ด้วยแววตาเหม่อลอย เขาไม่ได้จ้องมองที่พยานหรือสนใจคำตอบของพยานแต่ละคนด้วยซ้ำ ครั้งหนึ่งเมื่อเขาถูกถามว่า เขาเข้าใจกระบวนการทั้งหมดที่เกิดขึ้นหรือไม่ เขาเพียงมองกลับมาด้วยแววตาสดใสและฉีกยิ้มกว้างทุกครั้งที่ต้องมาศาล ประจักษ์ชัยจะเดินทางมาจากบ้านที่ศรีษะเกษโดยรถทัวร์ เขาจะออกเดินทางมาตอนกลางคืน มาลงที่สถานีขนส่งหมอชิตตอนเช้าตรู่ และค่อยๆ นั่งรถเมล์มาถึงยังศาลทหาร ที่ตั้งอยู่ข้างสนามหลวงในช่วงเวลาประมาณแปดโมงเศษ เขาเดินทางมาตัวเปล่า ไม่มีกระเป๋าเสื้อผ้าหรือกระเป๋าใส่ของใดๆ เขาใส่ชุดคล้ายเดิมเป็นประจำ คือ เสื้อยืดคอกลมสีขาวไม่มีลาย และกางเกงยีนส์เก่าๆ กับรองเท้าแตะสีดำ จนเป็นเครื่องแบบประจำตัวของเขา และเนื่องจากเขาไม่มีบ้านอยู่ในกรุงเทพ เมื่อการพิจารณาคดีเสร็จลงในช่วงเวลาใกล้เที่ยงเขาก็จะขึ้นรถเมล์ไปหมอชิตอีกครั้ง และหาตั๋วรถทัวร์เดินทางกลับบ้านในช่วงบ่ายของวันเดียวกันทันทีช่วงแรกๆ ของการเดินทางมาศาล ประจักษ์ชัยจะมากับแม่บ้าง มากับพี่สาวบ้าง หรือบางครั้งน้องสาวที่อยู่กรุงเทพก็จะมาศาลเป็นเพื่อนเขามีครั้งหนึ่งที่เขาถูกเจ้าหน้าที่ศาลห้ามเข้าห้องเพราะใส่รองเท้าแตะมาศาล เมื่อเจ้าหน้าที่ถามว่า เป็นใครและมาทำอะไร เขาเพียงนิ่งเฉยและตอบคำถามไม่ได้ จนคนอื่นต้องช่วยพูดแทนว่า เป็นจำเลยในคดี เจ้าหน้าที่จึงสั่งให้เขาถอดรองเท้าไว้นอกห้องและเข้าไปนั่งในห้องพิจารณาด้วยเท้าเปล่า หลังจากนั้นเมื่อมาถึงศาลบางวันเขาก็ถอดรองเท้าวางไว้หน้าห้องด้วยตัวเองมีครั้งหนึ่งที่ระหว่างการเดินทางฝนตก และเมื่อการพิจารณาเริ่มขึ้น จำเลยต้องปรากฏตัวต่อศาล เขาจึงต้องเดินเข้าไปนั่งในห้องพิจารณาคดีที่เปิดแอร์ทั้งที่เสื้อและกางเกงยังเปียกชุ่มอยู่ แต่เขาก็ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นเฉยๆ ด้วยแววตาเหม่อลอยเหมือนเช่นเคย จนทนายความต้องขออนุญาตศาลหาเสื้อคลุมให้เขาใส่ระหว่างการสืบพยานมีครั้งหนึ่งเขามาสาย เกือบไม่ทันการพิจารณาคดี เนื่องจากเป็นช่วงที่พื้นที่รอบสนามหลวงใช้จัดพระราชพิธีสำคัญ และมีการตรวจตรารักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด รวมทั้งการตรวจเรื่องเครื่องแต่งกาย เขาบอกเพียงว่า ต้องเดินอ้อมไปไกลมากกว่าจะเข้ามาได้ แต่คำอธิบายของเขาทำให้คนอื่นเข้าใจไม่ได้ว่า เขาต้องเดินอ้อมไปไกลขนาดไหน เพียงใดแต่เมื่อถามว่า เขาทราบไหมว่า คดีนี้จะต้องใช้เวลาไปอีกนานเท่าไร เขาไม่ได้ตอบอะไรในการเดินทางมาศาลครั้งหลังๆ เขาเริ่มพูดจากับคนที่มาสังเกตการณ์การพิจารณาคดีน้อยลง เขายังมีแววตาเหม่อลอยแต่ว่า มีรอยยิ้มน้อยลง เมื่อสืบพยานเสร็จและศาลลงจากบัลลังก์ เขาจะเดินออกจากห้องพิจารณาคดีทันที จนเคยลืมลงชื่อในรายงานกระบวนพิจารณาและต้องตามตัวกลับมาอีกครั้ง ครั้งหนึ่งเมื่อเสร็จการพิจารณาเขาก็เดินลงจากชั้นสองของศาลทหาร และเดินตรงกลับไปขึ้นรถเมล์ทันที โดยไม่ได้บอกลา และไม่พูดกับใครสักคำเดียว จนทนายความต้องหันมาถามหาว่า มีใครเห็นตัวจำเลยบ้างหรือไม่ เพราะหายไปเร็วอย่างผิดปกติในช่วงต้นปี 2562 การสืบพยานโจทก์ปากสุดท้ายสิ้นสุดลง หลังจากนี้ไปก็จะเป็นการสืบพยานจำเลย โดยแม่ของประจักษ์ชัยจะมาเบิกความถึงอาการป่วยของประจักษ์ชัยในนัดต่อไป คือ วันที่ 19 กรกฎาคม 2562 และต่อจากนั้นก็จะขอให้แพทย์ที่ตรวจรักษามาเบิกความในฐานะจำเลยที่เป็นผู้ป่วยทางจิตและเรียบเรียงเหตุผลให้คนอื่นฟังไม่ได้ การไม่ได้พูดอะไรเลยอาจจะเป็นประโยชน์กับคดีมากกว่าหลังคดีนี้ใช้เวลาพิจารณาที่ศาลทหารกรุงเทพมาสี่ปีกว่า วันที่ 9 กรกฎาคม 2562 เมื่อจัดตั้งรัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้งได้แล้ว คสช. ก็ออกคำสั่ง 9/2562 ยกเลิกการเอาพลเรือนขึ้นศาลทหาร และสั่งให้โอนคดีกลับไปศาลปกติ ซึ่งในกระบวนการของศาลพลเรือน จะนัดสืบพยานอย่างต่อเนื่องและไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีง่ายๆ เมื่อคดีถูกโอนไปแล้ว ประจักษ์ชัยอาจจะต้องเดินทางมาศาลอีกเพียง 1-2 ครั้งเท่านั้น และไม่น่าจะมีเหตุให้คดีต้องช้าออกไปอีกแต่ก่อนถึงวันนัดที่ทุกคนเตรียมจะเดินทางไปเพื่อรอฟังว่า ศาลทหารสั่งให้โอนคดีกลับศาลปกติได้แล้ว พี่สาวของประจักษ์ชัยโทรศัพท์มาแจ้งกับทนายความสั้นๆ เพียงว่า ประจักษ์ชัยและแม่จะไม่ได้มาตามนัดศาลในครั้งนี้ เพราะเขาเสียชีวิตแล้วด้วยโรคตับที่เขาเป็นมาเรื้อรังอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับส่งหลักฐานมาให้เป็นใบมรณบัตรลงวันที่ 12 กรกฎาคม 2562 ระบุว่า ประจักษ์ชัยเสียชีวิตเนื่องจากเลือดออกในกระเพาะอาหารเขาจากไปก่อนที่ศาลทหารจะพิจารณาคดีเสร็จ หรือได้สั่งให้โอนกลับศาลปกติเขาจากไปก่อนที่จะได้รับรู้ว่า คนอื่นจะตัดสินการกระทำของเขาเป็นเรื่องผิดหรือถูกภาพสุดท้ายที่เราจำเขาได้ เขาทำสีหน้าเหนื่อยหน่าย เบื่อเซ็ง ไม่พูดไม่จาสักคำ เขาหันหลังให้กับศาลทหาร เจ้าหน้าที่ศาล ทนายความ และผู้สังเกตการณ์ แล้วเขาก็เดินจากไป เดินไกลออกไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ ไม่แม้แต่จะหันกลับมามองผู้คนและสถานที่ที่เขาวนเวียนเข้าออกอยู่นานกว่าสี่ปี.
ภาพสุดท้ายที่เราจำเขาได้ เขาทำสีหน้าเหนื่อยหน่าย เบื่อเซ็ง ไม่พูดไม่จาสักคำ เขาหันหลังให้ทุกคนแล้วเดินจากไป เดินไกลออกไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ
การเมือง,สิทธิมนุษยชน
ผู้ป่วยทางจิต,ประจักษ์ชัย สงวนนามสกุล,ม.112
https://prachatai.com/journal/2019/07/83585
คู่รักสายบุญ ณเดชน์-ญาญ่า ทอดกฐินเข้าวัดได้เงิน 4 ล้านบาท
เป็นคู่รักสายบุญที่ขยันทำบุญอยู่ตลอด ล่าสุด ณเดชน์ คูกิมิยะ และ ญาญ่า อุรัสยา พร้อมด้วยครอบครัวและเหล่าบรรดาแฟนคลับ ที่ร่วมใจกันไปทำบุญทอดกฐินที่วัดบูรพาทิศ บ้านหนองปิง ต.สาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น งานนี้คนแน่นวัดเพื่อมาร่วมทำบุญและมาดูพระ-นางคนดัง,เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 3 พ.ย.2561 ที่วัดบูรพาทิศ บ้านหนองปิง ต.สาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น สองพระนางคู่ขวัญ NY ณเดชน์ คูกิมิยะ และ ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์ ได้นั่งเกวียนนำขบวนแห่องค์กฐินสามัคคีจากทางเข้าหมู่บ้านมายังวัดระยะทางประมาณ 1 กม. โดยมี แม่แก้ว สุดารัตน์ คูกิมิยะ แม่ปลา อุไร เสปอร์บันด์ และ เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร ร่วมนั่งเกวียนในขบวนด้วย,ตลอดระยะทางที่ขบวนแห่องค์กฐินเข้ามาถึงในวัด ก่อนที่ทุกคนในขบวนจะลงมากราบสักการะองค์พระประธานที่ประดิษฐานอยู่ภายในศาลา และขึ้นไปยังโบสถ์เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา โดยมีพระสงฆ์ 9 รูป ร่วมกันประกอบพิธี นอกจากนี้ยังมีการขึ้นเวทีต่อยอดเงินกฐินโดยมีแฟนคลับรวมทั้งชาวบ้านในพื้นที่และใกล้เคียงต่างร่วมสมทบเงินทำบุญอีกเป็นจำนวนมาก รวมยอดสุทธิเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 4,091,701.50 บาท,สำหรับกฐินสามัคคี ณเดชน์ ญาญ่า ที่นำมาทอดถวายที่วัดบูรพาทิศบ้านหนองปิง ในครั้งนี้ เป็นการร่วมทอดกฐินที่ทำขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยปีนี้เพื่อเป็นการร่วมทำบุญ สร้างอุโบสถ ที่ทางวัดกำลังมีการสร้าง และต้องการปัจจัยจากผู้มีจิตศรัทธา ร่วมสมทบทำบุญสร้างกุศล เพื่อให้การก่อสร้างอุโบสถ เสร็จสมบูรณ์ เป็นศาสนสถานให้ชาวชุมชน จัดงาน และประกอบพิธีทางศาสนาตามประเพณี รวมทั้งการทำบุญต่างๆเพื่อให้เกิดกุศลบุญตลอดไป.
ณเดชน์-ญาญ่า คู่รักสายบุญ ควงคู่ทอดกฐินที่วัดบูรพาทิศ ที่ จ. ขอนแก่น ได้เงินเข้าวัดกว่า 4 ล้านบาท ฟนคลับชาวบ้าน ร่วมงานบุญวัดแทบแตก
บันเทิง,ข่าวบันเทิง
ณเดชน์ คูกิมิยะ,ญาญ่า อุรัสยา,ณเดชน์ ญาญ่า,คู่รักสายบุญ,คู่รักดารา,ดารา
https://www.thairath.co.th/entertain/news/1410871
ประสานอินเตอร์โพลจับนายทุนอุ้มบุญข้ามชาติ
วันนี้ (18 มิ.ย.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบภายในบ้านพักหลังหนึ่งย่านห้วยขวาง พบทารกเพศชายวัย 1 เดือน 3 คน ถูกนำมาเลี้ยงดูภายในบ้าน เด็กทั้งหมดเกิดจากแม่อุ้มบุญ ซึ่งทำคลอดที่คลีนิกย่านถนนรัชดาภิเษก แต่เพราะนโยบายปิดสนามบินจากสถานการณ์ COVID-19 ทำให้แม่อุ้มบุญไม่สามารถเดินทางไปส่งทารกให้นายจ้างที่ประเทศจีนได้ ขณะนี้ทารกอยู่ในความดูแลของสถานสงเคราะห์เด็กอ่อนรังสิต จ.ปทุมธานีทั้งหมดนี้เป็นการขยายผลจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายอุ้มบุญข้ามชาติได้ 5 คน เมื่อวานนี้ (17 มิ.ย.) ตำรวจสอบสวนพยานซึ่งเป็นหญิงที่รับจ้างอุ้มบุญ 2 คนจนทราบว่า เครือข่ายอุ้มบุญกลุ่มนี้มีนายทุนใหญ่เป็นชายสัญชาติจีน จัดหาหญิงชาวไทยหลายคนมารับจ้างอุ้มท้องมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ในข้อมูลของพยานระบุว่า มีหญิงรับจ้างอุ้มบุญราว 12 คน แต่ละคนต้องผ่านการตรวจร่างกาย จากนั้นจะมีผู้ดูแลพาไปฝังตัวอ่อนที่ประเทศกัมพูชา แล้วจะกลับเข้ามาพักฟื้นในกรุงเทพฯ และชลบุรีหากฝังตัวอ่อนติดจะได้รับเงินตอบแทนทันที 10000 บาท จากนั้นจะได้รับเงินค่าจ้างเดือนละ 30000 บาททุกเดือนจนกว่าจะคลอด และหากคลอดเด็กชาย ร่างกายสมบูรณ์ดี มีน้ำหนักตั้งแต่ 3 กิโลกรัมขึ้นไปจะได้โบนัสพิเศษเป็นทองคำ โดยแม่อุ้มบุญบางคนที่คลอดเด็กทันก่อนการปิดสนามบิน หลังส่งเด็กทารกให้กับนายจ้างที่ประเทศจีนสำเร็จ จะได้รับค่าจ้างรวมทั้งหมด 450000 บาทพล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เปิดเผยว่า เครือข่ายนี้เป็นเครือข่ายใหญ่ เชื่อมโยงกันระหว่างคนไทยและชาวต่างชาติ สำหรับนายทุนชาวจีนพบว่าเดินทางออกนอกประเทศไทยไปแล้วตั้งแต่เดือน ก.พ.ที่ผ่านมา จึงเตรียมประสานตำรวจสากลช่วยจับกุมส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในไทยผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ยืนยันว่ามีผู้ร่วมกระทำผิดอยู่ในไทยอีกหลายคน เป็นเครือข่ายใหญ่ทั้งในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำหน้าที่จัดหาหญิงสาวที่รับจ้างอุ้มบุญ ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามผู้หญิงกลุ่มนี้มาสอบสวนเพื่อขยายผลจับกุมผู้ที่ร่วมกระทำความผิดให้ได้ทั้งเครือข่าย
เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือทารกอุ้มบุญ 3 คนไม่ให้ถูกส่งตัวไปประเทศจีน พร้อมสืบทราบมีนายทุนชาวจีนอยู่เบื้องหลัง เตรียมประสานตำรวจสากลติดตามจับกุม พร้อมเชื่อมโยงมาถึงนายหน้าคนไทยในภาคเหนือและภาคอีสาน
อาชญากรรม
อุ้มบุญ,รับจ้างอุ้มบุญ,ตำรวจสากล,ชาวจีน
https://news.thaipbs.or.th/content/293770
ผ่าพิสูจน์ มาเรียม ผนังช่องท้องช้ำ พบพลาสติก ต้นเหตุทำช็อกตาย
มาเรียม, พบผนังช่องท้องช้ำ คาดกระแทกหินขณะเกยตื้น เศษพลาสติกขวางลำไส้ จนอุดตัน เกิดแก๊ส ส่งผลให้ติดเชื้อในกระแสเลือด ต้นเหตุทำช็อกตาย,จากกรณี น้อง ,มาเรียม, พะยูนน้อยเพศเมีย เสียชีวิตเมื่อเวลา 00.09 น. วันที่ 17 ส.ค. หลังเกิดอาการช็อก จากการถูกพะยูนไล่เมื่อหลายวันก่อน ,ต่อมา เฟซบุ๊กของ ,Nantarika Chansue, ซึ่งเป็นหนึ่งในสัตวแพทย์ ของจุฬาฯ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หลังจากทำการผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิตของ มาเรียม โดยระบุว่า เศร้ามาก ที่พบว่า มาเรียม เสียชีวิต โดยมีสาเหตุจากการช็อก เนื่องจาก มีเศษพลาสติกเล็กๆ หลายชิ้นขวางลำไส้ จนมีอาการอุดตันบางส่วน และอักเสบ จนทำให้มีแก๊สสะสมเต็มทางเดินอาหาร มีการติดเชื้อในกระแสเลือด ปอดเป็นหนอง ตามมา,ช่วงแรกของการรักษา สามารถลดการติดเชื้อในระบบหายใจลงได้บางส่วน แต่ในทางเดินอาหารที่มีขยะพลาสติกนั้น ไม่สามารถรักษาได้ จึงลุกลามไปจนช็อก เสียชีวิตในที่สุด,รอยโรคอีกส่วนหนึ่งที่พบคือ มีรอยช้ำเลือดในกล้ามเนื้อ และผนังช่องท้องด้านใน ซึ่งอาจเกิดจากการกระแทกกับของแข็ง เช่น หิน ขณะที่เกยที่ตื้น,(อ่านโพสต์ต้นฉบับ ,ที่นี่,),ที่มาจาก เฟซบุ๊ก Nantarika Chansue,ข่าวที่เกี่ยวข้อง,- ,เศร้า พะยูนน้อย มาเรียม ตายแล้ว ทีมแพทย์สุดยื้อ หลังพยายามเต็มที่,- ,มาเรียม เครียดจัดหลังออกทะเลเจอ พะยูน ไล่คุกคาม ทีมแพทย์ดูแล 24 ชม.,- ,มาเรียม ช็อกรอบ 2 ตกใจตัวสั่นไม่กินนม ทีมแพทย์เฝ้าระวังใกล้ชิด 24 ชม.
สัตวแพทย์ ทำการผ่าพิสูจน์ มาเรียม พบผนังช่องท้องช้ำ คาดกระแทกหินขณะเกยตื้น เศษพลาสติกขวางลำไส้ จนอุดตัน เกิดแก๊ส ส่งผลให้ติดเชื้อในกระแสเลือด ต้นเหตุทำช็อกตาย
ข่าว,สังคม
มาเรียม,พะยูนน้อย,เสียชีวิต,ช็อก,ผ่าพิสูจน์,ชันสูตร,พลาสติก,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/society/1639540
อภิสิทธิ์ หวั่นสังคมขัดแย้ง หากเร่งสรุปพ.ร.บ.ปรองดอง
ข้อสังเกตจากประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 291 เพื่อยกร่างใหม่ทั้งฉบับ การผลักดันเสนอร่างพ.ร.บ.ปรองดอง รวมถึงการขยายเวลาสมัยประชุมนิติบัญญัติ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เชื่อว่าเป็นกระบวนการเร่งรัดและเดินเกมให้สอดคล้องกัน ซึ่งไม่ใช่การสร้างความปรองดอง แต่เป็นไปตามความต้องการของรัฐบาลที่เชื่อมโยงกัน โดยมุ่งไปสู่การลบล้างความผิดให้พ.ตท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และด้วยเหตุนี้อาจนำมาซึ่งสถานการณ์บ้านเมืองเหมือนในอดีต โดยเฉพาะเมื่อปี 2547 ถึง 2549ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ปฏิเสธการขยายเวลาสมัยประชุมนิติบัญญัติจากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 18 เมษายนไปเป็นวันที่ 30 เมษายน เกี่ยวข้องกับการผลักดันให้พ.ต.ท.ทักษิณ กลับไทย โดยย้ำว่าการแก้รัฐธรรมนูญและการเสนอร่างพ.ร.บ.ปรองดอง คือภารกิจสร้างความปรองดองในบ้านเมือง และแม้จะมีหลายช่องทางในการเสนอร่างกฎหมาย แต่เลือกที่จะเสนอร่างพ.ร.บ.ปรองดองผ่านช่องทางของส.ส.เช่นเดิมสำหรับรายงานสรุปแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวันที่4 เมษายนนี้ ศาสตราจารย์กิตติคุณบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า เปิดเผยว่า คณะผู้ทำการวิจัยฯ จะหารือแนวทางยับยั้งกรรมาธิการฯ ที่จะอ้างอิงรายงานการวิจัยฯพร้อมจะแถลงท่าทีในวันอังคารที่ 3 เมษายนนี้
สถาบันพระปกเกล้าเห็นต่างกันในการหารือเพื่อกำหนดท่าทีต่อผลการวิจัยการสร้างความปรองดอง หลังศาสตราจารย์กิตติคุณบวรศักดิ์ อุวรรณโณ นัดหารือและแถลงข่าวในวันที่ 3 เมษายนนี้ ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะแสดงความเป็นห่วงอาจนำไปสู่ความขัดแย้งข้างถนน
การเมือง
พ.ร.บ.ปรองดอง,สถาบันพระปกเกล้า,อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ,เฉลิม อยู่บำรุง
https://news.thaipbs.or.th/content/76332
สุรพศ ทวีศักดิ์: กรรมแบบพุทธ (ตามความเข้าใจของผม)
หรือความหมายเชิง คุณค่า (value) กรรมในความหมายเชิงข้อเท็จจริง เช่นที่พุทธศาสนาพูดถึงว่า คนมีสถานะต่างกันเพราะ กรรม หรือการกระทำการงาน อาชีพ หรือมีบทบาทหน้าที่ต่างกัน เช่น คนทำโครักขกรรม ก็คือคนมีอาชีพเลี้ยงโค คนทำเกษตรกรรม ก็คือคนมีอาชีพเป็นเกษตรกร หรือคนใช้แรงงานคือศูทร ค้าขายคือแพศย์ สอนศาสนาคือพราหมณ์ เป็นนักรบคือกษัตริย์ ฉะนั้น สถานะทางสังคมที่ต่างกัน จึงเกิดจาก กรรมเชิงข้อเท็จจริง หรือการทำอาชีพการงาน หรือทำบทบาทหน้าที่แตกต่างกัน ไมใช่เกิดจากการกำหนดโดยพระพรหม (หรือ กรรมทางศีลธรรม) พุทธศาสนาโต้แย้งความเชื่อที่ว่ามนุษย์เกิดจากพระพรหมโดยอ้างข้อเท็จจริงตรงๆ และ แรง ว่า คนทุกวรรณะล้วนแต่เกิดจากโยนีของมารดา นี่มันเป็นการอ้างข้อเท็จจริงที่ตรงไปตรงมาง่ายๆ เหมือนกับบอกว่า คนเรามีสถานะทางสังคมต่างกันเพราะทำกรรมหรือการงานต่างกัน ฉะนั้นการเกิดมาเป็นมนุษย์เป็นข้อเท็จจริงทางชีวภาพ และความแตกต่างของสถานะทางสังคมก็เป็นข้อเท็จจริงทางสังคม (เช่นอาชีพการงาน ระบบ ฯลฯ) ไม่เกี่ยวกับ สิ่งที่อยู่นอกเหนือข้อเท็จจริง เช่น พระพรหม เป็นต้น ส่วนกรรมในความหมายทางศีลธรรมหรือความหมายเชิงคุณค่า คือการกระทำที่มีความหมาย ดี-ชั่ว ตามเกณฑ์ทางศีลธรรมบางอย่าง เช่น พุทธศาสนาพูดถึงการกระทำที่เป็นกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริตว่าเป็นการกระทำที่ดี เรียกกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริตว่าเป็นการกระทำที่ชั่ว จะเห็นว่าความหมายของ ดี-ชั่ว ไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่จับต้องมองเห็นได้ แต่เป็นคุณค่าเชิงนามธรรมที่จับต้องมองเห็น หรือพิสูจน์ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้าไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้การตัดสินดี-ชั่วทางศีลธรรม จึงไม่อาจใช้วิธีอ้างอิงข้อเท็จจริงเชิงรูปธรรมเป็นเกณฑ์ตัดสินได้อย่างสมเหตุสมผล เช่น เราไม่อาจอ้างอิง ข้อเท็จจริง ว่า จน รวย ความแตกต่างทางชนชั้นในสังคมเป็นต้นเกิดจากกรรมในความหมายทางศีลธรรม เพราะโดยทางศีลธรรมแล้วพุทธศาสนาพูดไว้ชัดว่า กษัตริย์ทำชั่วก็เป็นคนชั่ว พราหมณ์ทำชั่วก็เป็นคนชั่ว แพศย์ ศูทรทำชั่วก็เป็นคนชั่ว ในทางตรงข้ามถ้าคนในวรรณะต่างกันเหล่านี้ทำดีเขาก็เป็นคนดีเสมอเหมือนกัน ดี-ชั่วในทางศีลธรรมจึงไม่เกี่ยวกับสถานะทางสังคม ฉะนั้น กรรมในความหมายเชิงข้อเท็จจริงเป็นสิ่งสะท้อนความแตกต่างทางสังคมของมนุษย์ แต่กรรมในความหมายทางศีลธรรมสะท้อน ความเท่าเทียมทางศีลธรรม ของมนุษย์ คือไม่ว่าคุณจะเป็นใคร มีสถานะทางสังคมเช่นไร เมื่อทำดีการกระทำของคุณก็มีความหมายเป็นความดี เมื่อทำชั่ว การกระทำของคุณก็มีความหมายเป็นความชั่ว หรือทำดี-ดี ทำชั่ว-ชั่วเสมอภาคกัน เช่นกษัตริย์ฆ่าคนและกรรมกรฆ่าคนก็ผิดศีลห้าข้อที่ 1 เสมอภาคกัน เป็นต้น ความเสมอภาคทางศีลธรรมดังกล่าวนี้สะท้อนถึง ความเสมอภาคในความเป็นคน สองความหมาย คือ 1) ทุกคนมีเสรีภาพที่จะเลือกการกระทำทางศีลธรรม 2) ทุกคนมีธรรมชาติที่ดีงามหรือ โพธิปัญญา หรือที่เรียกกันว่า พุทธภาวะ อยู่ในตัวเอง หมายถึงทุกคนมีศักยภาพพ้นทุกข์ในตัวเอง ฉะนั้น จากความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมนี้ จึงทำให้มนุษย์มีความเท่าเทียมทางศีลธรรม กรรมในความหมายทางศีลธรรมจึงเป็นสิ่งบ่งบอกความเท่าเทียมทางศีลธรรม และความเท่าเทียมในความเป็นมนุษย์ คำถามคือ เราจะเข้าในความสัมพันธ์ระหว่างกรรมในความหมายทางศีลธรรมกับข้อเท็จจริงทางสังคมอย่างไร? ผมคิดว่ามีวิธีอธิบายได้สองแบบคือ 1) นำหลักคิดเรื่องความเท่าเทียมทางศีลธรรมและความเท่าเทียมในความเป็นมนุษย์ตามความหมายของกรรมทางศีลธรรมไปเป็นพื้นฐานของการออกแบบกติกาทางสังคม เราก็จะเห็นข้อเท็จจริงทางสังคมที่คนอยู่ร่วมกันภายใต้กติกาที่ยุติธรรมซึ่งยึดเสรีภาพและความเสมอภาคเป็นหลัก 2) อธิบายว่าข้อเท็จจริงที่เป็นความแตกต่างทางสังคมเป็นผลของการกระทำกรรมในความหมายทางศีลธรรม จะเห็นว่า วิธีอธิบายแบบข้อ 2) ทำให้ความคิดเรื่องกรรมในพุทธศาสนาเป็นเรื่องไร้เหตุผล น่าหัวเราะขึ้นมาทันที เพราะเมื่อเราอ้าง ข้อเท็จจริง อย่างเช่น จน รวย สวย ไม่สวย โง่ ฉลาด สถานะสูง-ต่ำทางสังคม อกหัก ถูกหวย ทำธุรกิจรุ่ง ไม่รุ่ง ฯลฯ ว่า เป็นผลของกรรมดี กรรมชั่วในอดีต มันจะเกิดปัญหาตามมาว่า ความคิดเรื่องกรรมในความหมายทางศีลธรรมของพุทธศาสนามีเป้าหมายอย่างไรกันแน่ หรือการกระทำดี-ชั่ว ตามทัศนะของพุทธศาสนามีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนความดีงามทางสังคม สันติภาพ ความพ้นทุกข์ หรือมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนแม้กระทั่งเรื่องสวย หล่อ รวย ทำธุรกิจรุ่งเรือง บริโภคนิยม วัตถุนิยม ฯลฯ กลายเป็นว่า แม้แต่สิ่งซึ่งอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อความดีงามทางสังคม สันติภาพ และความพ้นทุกข์ก็ยังถือเป็นผลของกรรมดี หรือผลของการกระทำที่ดีทางศีลธรรมได้ด้วย เพราะเราอ้างข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความเป็นไปในชีวิตของปัจเจกบุคคล และความเป็นไปทางสังคมโดยโยงไปหากรรมที่เป็นการกระทำทางศีลธรรม จึงเกิดข้อสรุปประเภท เกิดแต่กรรม หรือเกิด ลัทธิแก้กรรม ที่ตอบโจทย์ความเป็นไปในชีวิตและสังคมได้ทุกเรื่องด้วยการประกอบพิธีกรรมเชิงไสยศาสตร์ต่างๆ ทำให้ความคิดเรื่องกรรมในพุทธศาสนาไม่เกี่ยวอะไรเลยมิติทางสังคม หรือไม่เกี่ยวอะไรเลยกับความคิดเรื่องความเป็นธรรม การสร้างกติกาที่ยุติธรรมทางสังคม ยิ่งกว่านั้นความเชื่อเรื่องกรรมแบบนี้ยังทำให้คนเราขาดจิตสำนึกรับผิดชอบต่อการกระทำทางศีลธรรมของตนเอง เพราะถึงคุณจะทำผิดศีลธรรมลงไป คุณก็สามารถแก้ความผิดนั้นๆ ได้ด้วยการทำพิธีกรรมบางอย่าง หรือทำให้คนยอมจำนนต่อต่อชะตากรรมเช่น ที่เกิดมาจน ที่ทำอะไรๆ ไม่ประสบผลสำเร็จเป็นต้น เพราะกรรมเก่า หรือทำให้สยบยอมต่อความไม่เท่าเทียมทางสังคมเช่น ยอมจำนนต่ออำนาจของอภิสิทธิชนเพราะเชื่อว่าคนเราทำกรรมาไม่เท่ากัน ฯลฯ แต่หากมองตามทัศนะของพุทธศาสนาที่ว่า ข้อเท็จจริงในชีวิตและข้อเท็จจริงที่เป็นความแตกต่างทางสังคมเกิดจากกรรมในความหมายเชิงข้อเท็จจริง ส่วนเรื่องเป็นคนดี คนชั่วเกิดจากกรรมในความหมายทางศีลธรรม เราจะเห็นความมีเหตุผลตรงไปตรงมาของหลักคิดเรื่องกรรมที่ว่า ทำดีได้ (ความ) ดี ทำชั่วได้ (ความ) ชั่ว อย่างชัดเจน หากจะนำความหมายของกรรมในทางศีลธรรมมา ปรับใช้ ให้เกิดข้อเท็จจริงในชีวิตและข้อเท็จจริงทางสังคมที่พึงประสงค์ ก็สามารถทำได้ด้วยการนำหลักคิดเรื่องความเสมอภาคทางศีลธรรมและความเสมอภาคในความเป็นคนมาสนับสนุนหลักการ กติกาในการอยู่ร่วมกันทางสังคมที่ส่งเสริมเสรีภาพและความเสมอภาคในด้านต่างๆ แต่มันน่าเศร้าไหมครับ ที่ชาวพุทธบ้านเราดันไปนำหลักกรรมในความหมายทางศีลธรรมมาสนับสนุนให้เกิดข้อเท็จจริงทางสังคม หรือกติกาการอยู่ร่วมกันทางสังคมที่ยอมรับระบบชนชั้น และ/หรือระบบซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการมีเสรีภาพและความเสมอภาคในด้านต่างๆ มาตลอด
ตามที่อ่านใน อัคคัญญสูตร (พระไตรปิฏกเล่ม 11) ผมเข้าใจว่าพุทธศาสนาพูดเรื่องกรรมในสองความหมายหลักๆ คือ อย่างแรกกรรมในความหมายเชิง ข้อเท็จจริง (fact) อย่างที่สองกรรมในความหมายทางศีลธรรม
การเมือง,วัฒนธรรม
กรรม,ความเสมอภาค,พุทธศาสนา,สุรพศ ทวีศักดิ์,เสรีภาพ
https://prachatai.com/journal/2011/07/35900
ธนกร โว พปชร.ฟิต เรียก ส.ส.ติวเข้ม ก่อนลุยงานสภาฯ ยังมั่นใจตั้งรบ.ได้
วันที่ 22 พ.ค. นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ในวันที่ 23 พ.ค. พรรคพลังประชารัฐจะจัดปฐมนิเทศและเสริมสร้างศักยภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่พรรคพลังประชารัฐ โดยมีนายอุตตม สาวนายน ห้วหน้าพรรค และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค เข้าร่วมงาน โดยการสัมมนาครั้งนี้เป็นการเตรียมความพร้อมของส.ส.ในการทำหน้าที่ในสภาฯ สำหรับการเปิดประชุมสภาฯ นัดแรก ทั้งนี้ พรรคมีส.ส.ใหม่มากถึง 70 คน ซึ่งแต่ละคนมีความมุ่งมั่น ไฟแรง และตั้งใจทำงานมาก อีกทั้งยังมีส.ส.เก่าซึ่งเป็นผู้มีความรู้ความสามารถและมีประสบการณ์คอยเป็นพี่เลี้ยง ทำให้พรรคพลังประชารัฐแข็งแกร่งมากในการทำงานเพื่อประชาชน,นายธนกร กล่าวอีกว่า สำหรับการจัดตั้งรัฐบาลนั้น ตนเป็นห่วงข้อมูลข่าวสารที่พี่น้องประชาชนได้รับว่าอาจจะทำให้พี่น้องประชาชนเครียด วิตกกังวลบ้าง เพราะพรรคการเมืองบางพรรคพยายามทำให้ประชาชนจิตตก ทั้งๆ ที่พี่น้องประชาชนส่วนใหญ่อยากให้พรรคพลังประชารัฐจัดตั้งรัฐบาลได้ และอยากให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ เพื่อจะได้สานงานต่อก่อนจะเริ่มงานใหม่ ตนจึงอยากจะฝากถึงพี่น้องประชาชนทั่วประเทศว่า อย่ากังวล ตนมั่นใจว่าพรรคจะจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างแน่นอน เพราะพรรคการเมืองที่จะมาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐนั้นต่างอยากเห็นบ้านเมืองสงบ และอยากเห็นประชาชนมีความสุข
ธนกร เผย พปชร.ฟิตจัด เรียก ส.ส.ติวเข้ม 23 พ.ค. เตรียมความพร้อมก่อนลุยงานสภาฯ ฝากประชาชนอย่าวิตก มั่นใจ ตั้งรัฐบาลได้แน่
เลือกตั้ง
เลือกตั้ง62,พปชร.,ธนกร วังบุญคงชนะ,ติวเข้มส.ส.,ลุยงานสภา,ตั้งรัฐบาลได้,พลังประชารัฐ,เลือกตั้ง
https://www.thairath.co.th/news/politic/1573233
ชาวบ้านเผาถ่านไม้ เซ่นไหว้ แมงสี่หูห้าตา ได้เลขเด็ดสมใจโผล่ที่มูลทองคำ (คลิป)
ชาวบ้านแห่จุดถ่านไม้จนเป็นสีแดง เซ่นไหว้ขอโชคลาภกับแมงสี่หูห้าตา หรือ องค์สี่หูห้าตา ภายในวัดป่าสักคำ จ.พะเยา หลายคนได้เลขเด็ดสมใจ หวังนำไปเสี่ยงโชคงวด 16 มิ.ย.63วันที่ 11 มิถุนายน 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านได้นำดอกไม้ธูปเทียนและถ่านไม้ มาเผาไฟจนแดง เซ่นไหว้ขอโชคลาภ กับ แมงสี่หูห้าตา ที่ตั้งอยู่ในบริเวณ วัดป่าสักคำ บ้านหนองหวี ม.8 ต.ท่าวังทอง อ.เมืองพะเยาสำหรับ แมงสี่หูห้าตาหรือ องค์สี่หูห้าตา มีความเชื่อว่า มีลักษณะเหมือนหมีสีดำตัวอ้วน หรือ ลักษณะคล้ายลิง มีหูสองคู่และตาห้าดวง รับประทานถ่านไฟร้อนเป็นอาหาร และถ่ายมูลเป็นทองคำ ซึ่งแมงสี่หูห้าตาภายในวัดป่าสักคำนี้ มีลักษณะคือนั่งอยู่บนแท่น ลำตัวยาวประมาณ 1 เมตร สีดำทมิฬ หางม้วน ใบหน้าตา 5 ดวง และมีหูข้างละ 2 หู บริเวณก้นจะมีมูลสีทองติดอยู่ และปากจะทาสีแดง เหมือนกินก้อนไฟอยู่ในปากและหลังจากชาวบ้านได้เซ่นไหว้บูชา แมงสี่หูห้าตา แล้วต่างก็ไม่ผิดหวัง เนื่องจากสังเกตเห็นเลขเด็ดบริเวณก้อนมูลทองคำ 542-52 ซึ่งหลายคนหวังนำเลขดังกล่าวไปเสี่ยงโชคจากในงวด 16 มิ.ย.63ด้านพระครูไพศาลพนารักษ์ เจ้าอาวาสวัดป่าสักคำกล่าวว่า แมงสี่หูห้าตา ตามความเชื่อของชาวล้านนา มีความเชื่อว่าพระอินทร์แปลงกายลงจากสวรรค์เพื่อมาช่วยเหลือคนยากไร้ เมื่อใครบูชาด้วยถ่านไฟแดงๆ พรที่ขอก็จะสมหวังตามที่ขอ ซึ่งการขอโชคลาภต้องถวายด้วยถ่านไฟแดงๆ เพราะตามตำนานมีความเชื่อว่า แมงสี่หูห้าตา กินถ่านไฟแล้วถ่ายออกมาเป็นทองและคนที่มาที่นี้ก็จะจุดไฟถวายด้วยถ่านไฟแดงๆ ให้ได้โชคลาภตามที่ตนขอ บางคนก็จะได้เลขเด็ด กลับไปและมีโชค ก็กลับมาแก้บนด้วยถ่านไฟแดงๆ เป็นอย่างนี้ ประจำ ซึ่งทางวัดก็ไม่ได้ห้ามแต่อย่างใดถือว่าเป็นความเชื่อของบุคคล.
ชาวบ้านแห่จุดถ่านไม้จนเป็นสีแดง เซ่นไหว้ขอโชคลาภกับ แมงสี่หูห้าตา หรือ องค์สี่หูห้าตา ภายในวัดป่าสักคำ จ.พะเยา หลายคนได้เลขเด็ดสมใจ หวังนำไปเสี่ยงโชคงวด 16 มิ.ย.63
ข่าว,สังคม
หวยไทยรัฐ16-6-63,หวยไทยรัฐ,เลขเด็ดไทยรัฐ,เลขเด็ดไทยรัฐ 16-5-63,เลขเด็ด,แมงสี่หูห้าตา,หวย
https://www.thairath.co.th/news/society/1865868
วัฒนธรรม รวยไม่ติดคุก ของเกาหลี
อัยการยื่นฟ้องว่านายลีจ่ายสินบนให้นางพัค กึน-ฮเย อดีตประธานาธิบดีและนางชอย ซุน-ซิล เพื่อนหญิงคนสนิทของนางพัค เพื่อแลกกับสิทธิพิเศษจากรัฐบาล ศาลชั้นต้นตัดสินจำคุกนายลี 5 ปี โดยนายลีเดินเข้าคุกตั้งแต่กุมภาพันธ์ปีที่แล้ว,5 กุมภาพันธ์ 2561 ศาลอุทธรณ์เกาหลีใต้พลิกคำพิพากษาของศาลชั้นต้น โดยยกฟ้องความผิดหลายข้อหา ศาลให้เหตุผลในการกลับคำพิพากษาว่า การที่บริษัทซัมซุงยอมจ่ายเงินให้นางพัคและนางชอยนั้น เป็นเพราะถูกบังคับ ศาลพิเคราะห์แล้วไม่พบหลักฐานว่านายลีและบริษัทซัมซุงเรียกร้องสิทธิพิเศษทางการเมืองใดๆ เป็นการตอบแทนอย่างชัดแจ้ง,เงินสินบนที่อัยการบอกว่านายลีและบริษัทซัมซุงจ่ายไปถึง 7,200 ล้านวอนนั้น ข้อเท็จจริงก็ไม่ใช่ เพราะมีการจ่ายจริงเพียง 3,600 ล้านวอน หรือเพียง 105 ล้านบาทเท่านั้น,ตัวการของแท้ของคดีติดสินบนนี้ ไม่ใช่นายลี แต่เป็นนางพัคและนางชอย ศาลอุทธรณ์จึงยกฟ้องความผิดข้อหาติดสินบนเกือบทั้งหมด ส่วนโทษจำคุกที่ศาลชั้นต้นตัดสินจำคุกไป 5 ปีนั้น ศาลอุทธรณ์ให้ลดและให้รอลงอาญา 2 ปีครึ่ง,นอกจากนายลีแล้ว ยังมีผู้บริหารอาวุโสของบริษัทซัมซุมอีก 4 คนโดนข้อหาและศาลชั้นต้นตัดสินจำคุกเช่นเดียวกัน ศาลอุทธรณ์กลับพิพากษาให้พ้นความผิดในคราวนี้ด้วย,ผู้อ่านท่านยังจำเหตุการณ์เมื่อปีที่แล้วได้ไหมครับ คนเกาหลีใต้ออกมาประท้วงกล่าวหาว่าซัมซุงเป็นกลุ่มบริษัทที่บริจาคเงินให้แก่มูลนิธิไม่แสวงผลกำไร 2 แห่งที่นางชอยดูแล แต่นางชอยนำเงินบริจาคพวกนี้ไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว,การประท้วงยาวนานจนกระทั่งศาลรัฐธรรมนูญสั่งถอดถอนนางพัคจากตำแหน่งประธานาธิบดีและสั่งให้เอาผิดบรรดาเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ที่จ่ายสินบนให้นางชอย,แม้ว่าจะมีกระแสให้เอาความผิดคนที่มาจากตระกูลที่รวยเป็นอันดับ 1 ของทวีปเอเชียอย่างนายลี ซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่ 3 ของกลุ่มบริษัทซัมซุง แต่อีกกระแสหนึ่งก็มีผู้คนออกมากดดันว่า กลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทครอบครัวหรือแชโบลมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ ดังนั้น เพื่อเห็นเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม ควรมีการผ่อนปรนทางกฎหมายให้แก่พวกผู้นำแชโบลทั้งหลาย,ผู้อ่านท่านครับ แชโบลคือกลุ่มธุรกิจครอบครัวขนาดยักษ์ที่เป็นธุรกิจเรือธงของเกาหลีใต้ แชโบลทั้งหมดมีรายได้รวมกันประมาณร้อยละ 80 ของสาธารณรัฐเกาหลี หรือเกาหลีใต้ ผู้อ่านท่านที่เคารพอาจจะคุ้นชื่อแชโบลพวกนี้ ซัมซุง แอลจี ฮุนได อะไรนี่ใช้ทั้งหมด แชโบลผลิตสินค้าที่ทุกครอบครัวต้องใช้และมีอิทธิพลทำให้เกาหลีใต้กลายเป็นประเทศยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ,สำหรับผม ผมว่าแชโบลทำให้คนเกาหลีใต้ส่วนใหญ่หมดโอกาสทำมาหากินมากกว่า เพราะแชโบลเอาทุกอย่างไปทำซะหมด แชโบลเป็นยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลเกาหลีใต้ใช้เพื่อพัฒนาตัวเองจากประเทศด้อยพัฒนามาเป็นประเทศพัฒนาแล้ว รัฐบาลให้โอกาสอุตสาหกรรมที่มีความแข็งแกร่งพอที่จะขับการพัฒนาประเทศไปข้างหน้าได้ ตอนแรกๆ ก็ให้โอกาสพวกอุตสาหกรรมเหล็ก เพราะรัฐบาลเกาหลีใต้คิดว่า จะต้องมีเหล็กที่ดีมาใช้ผลิตรถยนต์ ต่อเรือ จึงหนุนแดวูให้เป็นเจ้าอุตสาหกรรมเหล็กครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ,ฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ของเกาหลีใต้ในคดีของนายลี แจ-ยอง ครั้งนี้ ทำให้ผมนึกถึงพ่อของแก คือนายลี คุน-ฮี ที่เมื่อ 10 ปีก่อน ก็เคยถูกฟ้องคดีเลี่ยงภาษีและความผิดทางอาญาอีกเยอะแยะและโดนศาลลงโทษจำคุก 3 ปี ทว่าให้รอลงอาญา,ปู่ของนายลี แจ-ยอง คือนายลี บยุง-ชุล ก็เคยโดนเรื่องที่บริษัทปุ๋ยของแกแอบขนน้ำตาลเทียม แต่สุดท้ายก็ไม่ต้องรับโทษเช่นเดียวกัน,เกาหลีใต้มีวัฒนธรรม รวยไม่ติดคุก,นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย,[email protected]
กุมภาพันธ์ 2560 นายลี แจ-ยอง รองประธานกลุ่มบริษัทซัมซุงของเกาหลีใต้ ถูกศาลชั้นต้นพิพากษาให้มีความผิดติดสินบน ฉ้อโกง ฟอกเงิน และให้การเท็จต่อรัฐสภา
null
เปิดฟ้าส่องโลก,นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย,รวยไม่ติดคุก,เกาหลีใต้,ลี แจ-ยอง
https://www.thairath.co.th/news/foreign/1201237
ลุงตู่ ไม่ได้พูดเกินจริง
หนูเปล่านา เขามาเอง หนูเปล่าชวนนา เขามาเอง,เนื้อเพลงที่น่าจะเข้ากับอารมณ์มั่นอกมั่นใจของ นายกฯลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ที่ออกลีลาตีกรรเชียงเบี่ยงตัว เล่นกับกระแสโจมตีเกมดูด ส.ส.ของพรรคทหาร,ไม่ปฏิเสธ แถมเบิ้ลกลับเป็นเชิงตอบรับ,ยืนยันพรรคที่มีข่าวจะสนับสนุนให้ตีตั๋วนายกฯต่อ ไม่ได้ไปเสนอผลประโยชน์ล่อใคร แต่งานนี้นั่งอยู่เฉยๆก็มีคนติดต่อขอพบหารือ ถือเป็นเรื่องธรรมดาในการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง,และ พล.อ.ประยุทธ์ก็กั๊กไว้แค่ ทุกอย่างยังไม่ไปสู่ขั้นตอนอะไรสักอย่าง ยังไม่ชัดเจน,ผมยังไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง,ท่วงทำนองเดียวกับ จอมยุทธ์กวง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ที่พูดกับนักข่าวสั้นๆถึงข่าวการเตรียมการตั้งพรรคการเมืองเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์,ผมจำได้ว่า ผมยังไม่ได้พูดอะไรมากเลย พูดแค่ประโยคสองประโยค ว่า ผมสนับสนุนท่านประยุทธ์ แล้วผมก็คิดว่าท่านเหมาะสม ถ้าท่านจะทำต่อนะ พอพูดแค่นั้นเอง พวกคุณโอเวอร์รีแอ็กเกินไปหรือไม่ ผมยังงงอยู่เลย,สมคิด ก็ยังไม่ขยับอะไรเกินกว่าเส้นที่ขีดไว้ แค่พูดว่าหนุน ลุงตู่ ตีตั๋วต่อเท่านั้น,มันคือความ ชัดเจน ที่แฝงอยู่ในความไม่ชัดเจน,ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์ยากๆแบบที่มวยเชิงสูงอย่างนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย ต้องออกลีลาพลิ้วกับคำถามการทำงานการเมืองกับ พล.อ.ประยุทธ์ถ้าตีตั๋วต่อ ไม่ขอตอบเรื่องนี้ดีกว่า ถ้าบอกว่าไม่สนับสนุนจะกลายเป็นปรปักษ์ แต่ถ้าบอกสนับสนุนก็ต้องเข้ามาช่วยทำงาน,เรื่องนี้ผมมีวิธีดูแลตัวเองอยู่แล้ว,เอาเป็นว่า ตามแนวโน้มสถานการณ์ ณ จุดนี้ก็ยังเป็นแค่จังหวะเปิดไฟเขียวให้ป้อมค่ายเก่าปรับฐานสมาชิก เคลียร์คนย้ายเข้า ย้ายออก แสดงตัวแสดงตนใครอยู่ใครไป,แต่ปรากฏทั้งเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ ต้องผวาอาการ เลือดไหล,แค่โดนเขย่าเบาๆ นอตหลวม ไปตามๆกัน,นั่นก็ไม่ต้องพูดถึงจังหวะสำคัญ ตามดีเดย์ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แสดงความชัดเจนในการลงสนามการเมืองอย่างชัดเจนในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้,การันตีพรรคที่จะเป็นฐานการเมือง โชว์สังกัดชัดๆ,คนการเมืองที่แทงกั๊กไม่รายงานตัวกับต้นสังกัด คงตัดสินใจขยับเขยื้อนกันอีกเยอะ,เพราะมีทางเลือกเพิ่มจากการเสี่ยงลุยสุดซอย ท้าเป็นท้าตายกับ นายใหญ่ หรือรอตายซากอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้การนำของคนชื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ,แทงหวย ลุงตู่ น่าจะมีอนาคตกว่า,อย่างน้อยก็ได้ลุ้นเกมยาวๆ ไม่ใช่แค่เทอมสั้นๆ กลับไปตีกันแล้วโดนยึดสภา,และโดยสถานการณ์มาถึงวันนี้ ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่ไฟต์บังคับตามสูตรอำนาจเปลี่ยนผ่านที่ล็อกไว้ในบทเฉพาะกาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น,ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ คือผู้ที่เหมาะสมที่สุดกับสถานการณ์,แต่จุดสำคัญมันคือความเป็นตัวตนของ ลุงตู่,ธรรมชาติ พล.อ.ประยุทธ์ที่กลายเป็นจุดขาย ฉายความเป็นนักการเมืองอาชีพเต็มตัวมากขึ้นทุกวัน,เอาแค่ขายออปชั่นความต่อเนื่องในการบริหารต่อจากที่วางฐานมา 4 ปี,ยี่ห้อ นายกฯลุงตู่ ที่ทำให้ประเทศสงบ เอื้อต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจ เปรียบเทียบกับการเสี่ยงให้นักการเมืองพาประเทศย้อนกลับไปตกเหววิกฤติความขัดแย้ง,แค่นี้ยังทำให้ ลุงตู่ ออกตัวได้แรง แซงขึ้นอันดับหนึ่งตัวเต็งนายกฯทุกโพล,นี่ขนาดยังไม่ได้ ปล่อยของ นโยบายลดแลกแจกแถมที่โดนใจ,ประชารัฐดัดแปลงล้อประชานิยม ดึงแต้มประชาชนฐานราก,แน่นอนมันไม่ใช่ของยาก จากประสบการณ์ในอดีต มันก็อยู่ในวิสัยที่ยี่ห้อ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เคยทำสำเร็จอย่างงดงามมาแล้วในช่วงก่อกำเนิดพรรคไทยรักไทย,เห็นๆกันอยู่ สิ่งที่ ลุงตู่ บอกไม่ได้ดูด แต่คนวิ่งเข้าหาเอง ไม่ได้เกินเลยความจริง,ตรงกันข้าม คนประชาธิปัตย์ คนเพื่อไทยที่ยังตั้งหน้าตั้งตาอยู่กับการผลิตวาทกรรมดูด ตีปี๊บตกเขียว,ลอยหน้าลอยตาด่า รถดูดฝุ่น รถดูดส้วม,วนอยู่กับการเมืองเน่าๆที่คุ้นชิน จมปลักเสียเอง.,ทีมข่าวการเมือง
ยืนยันพรรคที่มีข่าวจะสนับสนุนให้ตีตั๋วนายกฯต่อ ไม่ได้ไปเสนอผลประโยชน์ล่อใคร แต่งานนี้นั่งอยู่เฉยๆก็มีคนติดต่อขอพบหารือ ถือเป็นเรื่องธรรมดา
เลือกตั้ง
ประชารัฐ,ประชานิยม,ลดแลกแจกแถม,ประยุทธ์ จันทร์โอชา,วิเคราะห์การเมือง,เลือกตั้ง
https://www.thairath.co.th/news/politic/1271531
หากสยบไวรัสได้ในไตรมาส 2 คาดเศรษฐกิจปีนี้ติดลบ 5.3%
ระบุไวรัสนี้ทำเศรษฐกิจไทยปักหัวดิ่ง คาดปีนี้เศรษฐกิจติดลบ 5.3% จากปีก่อนหน้า นักท่องเที่ยวเหลือ 15 ล้านคนทั้งปี ส่งออกติดลบ 8.8% มองยังมีโอกาสดิ่งต่อได้ หากไทยเดินตามรอยการระบาดของอิตาลีนายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สายนโยบายการเงิน ในฐานะเลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กล่าวว่า ผลการประชุม กนง.ในวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา กรรมการมีมติ 4 ต่อ 2 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.75% ต่อปี หลังจากลดลง 2 ครั้งในการประชุมวันที่ 5 ก.พ.และประชุมนัดพิเศษวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมากนง.มองว่า แม้ว่าการระบาดไวรัสโควิด-19 จะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้หดตัวลงแรงจากปีก่อนมาก ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มติดลบ แต่ระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพ ตลาดการเงินได้เริ่มกลับมาทำงานปกติแล้ว และการระบาดของโควิด-19 จะมีความรุนแรงมากขึ้นก่อนที่จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งมาตรการดูแลผู้ได้รับผลกระทบของรัฐบาลที่ได้ประกาศไปแล้ว และเร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ โดยเฉพาะครัวเรือนและธุรกิจเอสเอ็มอี ที่เกิดผลชัดเจนเป็นรูปธรรมจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้นอีกครั้งในปี 64 และมาตรการด้านการคลังจะต้องเป็นกลไกหลักในการบรรเทาผลกระทบต่อเศรษฐกิจนายทิตนันทิ์ กล่าวต่อว่า กนง.ให้ติดตามความเสี่ยงจากเศรษฐกิจต่างประเทศ ผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 และประสิทธิผลของมาตรการดูแลและเยียวยาของภาครัฐ รวมถึงการช่วยเหลือลูกหนี้ของสถาบันการเงินอย่างใกล้ชิด โดยขณะนี้เสถียรภาพของตลาดตราสารหนี้ปรับดีขึ้นหลัง ธปท.ออกมาตรการสนับสนุนสภาพคล่อง อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ธนาคารพาณิชย์ปรับลดลง ซึ่งมีส่วนช่วยลดภาระดอกเบี้ยของลูกหนี้ สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทมีแนวโน้มผันผวน โดย กนง.จะนำพัฒนาการของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ และเสถียรภาพระบบการเงิน รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงต่างๆ โดยเฉพาะผลกระทบจากการระบาด เพื่อประกอบการดำเนินนโยบายการเงินในระยะต่อไป โดยพร้อมใช้เครื่องมือเพิ่มเติม ทั้งดอกเบี้ยนโยบายและมาตรการการเงินอื่นที่จะช่วยเสริมกลไกการส่งผ่านอัตราดอกเบี้ยและการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินให้ตรงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างเหมาะสมและทันการณ์นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค สายนโยบายการเงิน ธปท. กล่าวว่า หากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะควบคุมได้ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ กนง. คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะหดตัว หรือติดลบ 5.3% อย่างไรก็ตาม การทรุดตัวลงของเศรษฐกิจจะไม่เกิดต่อเนื่องเป็นระยะสั้น โดยจะลดลงรุนแรงที่สุดในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ก่อนจะดีขึ้นบ้างในครั้งปีหลังและกลับมาขยายตัวเป็นบวกที่ 3.0% ในปี 2564 หากสถานการณ์การแพร่ระบาดคลี่คลาย อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เศรษฐกิจไทยขณะนี้ยังมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนตัวไปทางต่ำลงได้ หากเกิดกรณีเลวร้ายที่ไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ เช่นเดียวกับในประเทศอิตาลี แต่ยังมีปัจจัยบวกที่จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นได้ เพราะประมาณการนี้ยังไม่รวมมาตรการทางการคลังที่จะออกมาเพิ่มเติมอีกสำหรับปัจจัยหลักที่มีผลต่อการหดตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะหดตัวราว 60% ในปีนี้ โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะลดลงจาก 41.7 ล้านคนในปีที่แล้ว เหลือเพียง 15 ล้านคนในปีนี้ ขณะที่เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าทั่วโลกจะชะลอตัวแรง หรืออาจถึงขั้นหดตัวในหลายประเทศ โดย ธปท.คาดการณ์ว่า การส่งออกไทยในปีนี้จะหดตัว 8.8% และการนำเข้าจะหดตัว 15%.
กนง.มีมติ 4 ต่อ 2 คงดอกเบี้ยไว้ที่ 0.75% ชี้การระบาดโควิด-19 ยังมีช่วงรุนแรงและยาวนาน ช่วงนี้ควรเน้นอัดมาตรการการคลังและลดภาระหนี้ก่อน
ข่าว,เศรษฐกิจ
โควิด-19,ไวรัสโคโรนา,ผลกระทบเศรษฐกิจ,ผลกระทบโควิด-19,อัตราดอกเบี้ยนโยบาย,เศรษฐกิจ,กนง.,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/business/1804353
ดีเจแมน เผยเคยติดยาจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ชีวิตเปลี่ยนเพราะแม่และธรรมะ
รายการ แฉ ทางช่อง GMM25 โดย 3 พิธีกรดัง มดดำ คชาภา น็อต วรฤทธิ์ เอมมี่ มรกต พูดคุยกับ 2 แม่ลูกวงการบันเทิง แม่ป๋อง พิมพ์แขกุญชร ณ อยุธยา และ ดีเจแมน พัฒนพล กุญชร ณ อยุธยา ถึงวันวานที่กว่าจะเป็น ดีเจแมน ในทุกวันนี้ เจ้าตัวเคยเกเรหนัก แข่งรถซิ่ง ติดยาหนักจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่ชีวิตเปลี่ยนเพราะแม่และการบวช ซึ่งเหตุผลที่เจ้าตัวตัดสินใจมาเล่าเพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจโดย แม่ป๋อง พิมพ์แข เล่าว่า ลูกแม่เกือบตาย 2-3 รอบ คิดเสมอว่าไม่รู้ว่าลูกจะตายเมื่อไหร่ ปลงวันที่ลูกเข้าไปไอซียู อันนั้นแรงสุด ชาจนไม่รู้จะคิดอะไรแล้ว เพราะหมอให้เซ็นแล้วว่าถ้าเป็นอะไรไปก็ต้องยอมรับ วันนั้น ณ โรงพยาบาล แม่นึกว่าลูกจะไปนะ ด้วยอาการเหมือนคนดิ้นรน ถีบบนเตียง เรียกแม่ตลอด แม่สวดมนต์ตลอด ตอนนั้นลูกยังไม่ได้เป็นดีเจ เป็นนักแสดงบ้างประปราย มีรายการไปออกบ้างเมื่อถามว่าตอนเด็ก ดีเจแมน เป็นคนยังไง แม่ป๋อง พิมพ์แข เล่าว่า ก็เฮี้ยวมาแต่เด็ก แต่เขาเป็นคนอารมณ์ดีนะ เป็นคนพูดตลก ไม่รู้ว่าได้มาจากใคร ตอนนั้นสัก 10 ขวบ ไปร้านอาหารที่เซ็นทรัลลาดพร้าว คนต่อคิวกันยาวมาก แมนก็เดินเข้าไปถามว่าที่นี่แ-กฟรีเหรอ คนถามว่าหนูหน้าตาน่ารักจังเลย อยู่ ป. อะไร มันบอก ป.กุ้งเผา เป็นคนกวนๆ ตั้งแต่เด็กพอมาถึงช่วงวัยรุ่น มีวันนึงแม่เคยไปถ่ายละครช่อง 3 ที่พัทยา ตอนนั้นไป 3 วัน ก็มีโทรศัพท์มากลางดึก เขาแอบเอารถแม่ไป ตอนนั้นอายุประมาณ 15-16 เขาแอบเอารถแม่ไปรับเพื่อนแล้วไปงานวันเกิดเพื่อน แล้วเอารถไปชน รถพังยับเยิน เพื่อนนี่เข้าไอซียูเลยนะ แล้วรุ่งขึ้นแม่ยังต้องอยู่ถ่ายละครต่อตอนเช้า ก็รีบถ่ายแล้วรีบกลับมา แต่ตอนนั้นโทรศัพท์ให้คุณยายกับพ่อเขาเป็นคนจัดการเรื่องเอาเพื่อนเขาเข้า รพ. เอารถไปเข้าโรงพัก แล้วรถคันนั้นเป็นรถป้ายแดงด้วย ดีที่เขาไม่เป็นอะไร แต่ตอนนั้นเขาคิดว่าเขาจะตายเพราะเห็นเพื่อนเลือดอาบด้าน ดีเจแมน เล่าเสริมว่า ตอนนั้นนึกว่าเราตายไปแล้ว เพราะพอหันไปแล้วเขาร้องโอย แล้วเลือดออกแบบเหมือนเปิดก๊อก หน้าเต็มไปด้วยกระจก แล้วสปอยเลอร์รถเมล์อยู่ตรงหน้าผม แล้วชนตรงๆ ด้วยนะ แต่เราก็ไม่เป็นอะไร แค่เจ็บหน้าอก ก่อนจะเล่าต่อว่าเคยแข่งรถแถวเลียบทางด่วนวิภาวดี กลับมาก็มีรูกระสุน มีหลายครั้งที่ขับปาด ยิงกัน แต่ตอนนั้นอะดรีนาลีนเราหลั่ง ถ้าตอนนี้เราคงไม่ทำเพราะมันเสี่ยง ตายอย่างนี้ไม่ได้ เพราะมีหลายอย่างต้องดูแล ก็เลยจะมีทั้งคนเกลียดและคนรักเมื่อถูกถามว่าเคยถลำลึกเรื่องติดยาเสพติดมาแล้ว ดีเจแมน พัฒนพล เล่าว่า ผมถลำลึกมาตั้งแต่เรียน ม.2 แล้ว โดยเริ่มจากสิ่งเสพติดที่หาได้ง่ายในตอนนั้นคือยาม้า ตอนนั้นแพร่กระจายมากในยุคนึง มันหาง่าย เริ่มจากตามเพื่อน แล้วคราวนี้มันหยุดไม่อยู่ อารมณ์ฉุนเฉียวขึ้น จากที่เคยเป็นนักกีฬาโรงเรียน ผมว่ายน้ำได้ที่ 1 เหรียญทองตลอด เริ่มพังลงไปเรื่อยๆ ต้องไปบำบัดที่คล้ายๆ คุกที่มีคนที่มีคดีฆ่า คดียาเสพติด แต่เป็นเยาวชน ซึ่งแม่เป็นคนส่งไป ทุกครั้งผมได้ยินเสียงสวดมนต์แล้วรู้สึกว่าถ้าไม่มีใครเบรก เราต้องแย่แน่ แม่ป๋อง พิมพ์แข เล่าเสริมว่า ตอนนั้นสวดมนต์ให้ลูกทุกวัน ส่วนสาเหตุที่รู้ว่าลูกติดยาเพราะกิริยาเปลี่ยนไป ดูโทรมมาก ตอนที่เขาติดหนักๆ ก็มาคุยปรึกษาดีเจแมน เล่าต่อว่า ที่เล่าให้แม่ฟังเพราะรู้สึกว่าพอเวลาขาดมันไม่ได้ มันจะสูญเสียหลายอย่างมาก แม้กระทั่งสุขภาพจิตผม คนรอบข้าง อารมณ์ความรู้สึก ผมจะถามตัวเองตลอดว่าเฮ้ย กูเป็นคนยังไงวะ ทำไมกูต้องมาอยู่อะไรแบบนี้ แต่ทุกครั้งที่เวลาฤทธิ์ยามันต้องการ เราจะเปลี่ยนเลย เราก็จะไปอีก เพราะฉะนั้นมีทางเดียวคือบอกแม่ว่าทำยังไงก็ได้ แม่ต้องช่วยผม ผมไม่ไหวแล้ว ทำยังไงก็ได้ให้ผมเลิกแม่ป๋อง พิมพ์แข เผยว่า ตอนที่พาลูกไปเลิกยา แม่ก็วางแผนกับน้องสาวและน้องเขยที่เป็นตำรวจว่าให้มีตำรวจมาที่บ้านเลย และขอมาเจอตัวแมนเลย แล้วเอารถตู้มาจอดหน้าบ้าน เขาก็ตกใจวิ่งขึ้นไปหาแม่ ตำรวจก็มาพูดดีๆ ว่าไปบำบัดเถอะ เขาก็ยอมขึ้นรถไปด้วยกัน พอขึ้นรถไปเขาไม่ยอมมองหน้าแม่เลย ไม่พูดกับแม่สักคำตั้งแต่จากบ้านจนถึงที่บำบัด พอลงจากรถไปก็มีพี่เลี้ยงมารับไปเลย แล้วไม่หันกลับมามองแม่ด้วยซึ่ง ดีเจแมน บอกว่า ตอนนั้นไม่ได้โกรธ แต่กำลังเตรียมตัวว่าจะเจออะไรบ้าง ก็คิดมากไปหมด เราไม่เคยต้องมาอยู่ที่แบบนี้ ก็ลำบากมากจริงๆ วันดีคืนดีนั่งกินข้าวอยู่ คนที่เสพยาเยอะแล้วสติไม่ดีเอามีดแทงคอกัน ตอนที่เข้าไปอยู่ในนั้นต้องใช้สมองมากกว่ากำลัง เพราะไม่มีทางจะอยู่รอดวันต่อวันได้โดยใช้กำลัง ก็เข้าไปอยู่ในนั้น 8 เดือน ซึ่งเขาห้ามติดต่อกับแม่จนกว่าจะทำตัวดีขึ้น มีครั้งนึงเคยคิดจะหนี แต่ผมบอกตัวเองว่าถ้าผมออกไป แล้วผมยังเหมือนเดิม ผมไม่หนีดีกว่า ถ้าเราหนีก็แพ้ใจตัวเอง มันไม่ตาย ถ้าตายก็ตายตั้งแต่วันแรกแล้วแต่พอออกมาแล้วก็เลิกยาตัวนั้น แต่พอเข้าวงการมันมียาอีกตัวนึงซึ่งกินได้นอนหลับ แต่ใช้แค่ตอนทานเหล้า ซึ่งไม่ได้ติดงอมแงม ปรากฏว่าต้องเข้าไอซียูเพราะว่าโอเวอร์โดส พักผ่อนน้อย ดื่มเยอะ กินยานอนหลับเพราะเป็นคนหลับยาก รวมกับสิ่งต่างๆ ที่สะสมมาด้วย มันก็เลยทำให้ต้องเข้าไอซียู แต่วันนั้นก็เป็นอีกวันนึงที่เปลี่ยนชีวิต เพราะตอนบำบัดอายุ 18-19 ส่วนตอนที่เข้าไอซียูอายุ 26 ตอนนั้นแม่ต้องเซ็นรับทราบว่าอาการ 50-50 หากเป็นอะไรก็ไม่สามารถฟ้อง รพ. ได้ส่วนเรื่องที่บวช มาจากตอนที่อาการหนัก หัวใจเต้น 200 นอนอยู่บนเตียงแล้วดิ้นพล่าน มันเหมือนจะดับแล้ว ทุกอย่างมันขึ้นฮีตมาก แต่ตอนนั้นเหมือนได้ยินเสียงสวดมนต์ เห็นห้องพระ เห็นสิ่งที่คุณแม่ทำมาตลอด ก็อธิษฐานในใจว่าถ้าพุทธศาสนามีจริง ผมขอรอดในวันนี้ ผมขออยู่ต่อ ผมจะเลิกยาเสพติดทั้งหมด ผมจะทำเพื่อคนอื่นและพุทธศาสนา แล้วผมจะบวช จากนั้นประมาณ 5 นาทีก็กลับมาเป็นปกติ หมอก็งงเพราะหัวใจกลับมาเต้นปกติ ส่วนแม่นั่งสวดมนต์อยู่ข้างนอกโดยที่เขาทำใจว่าผมต้องเสียชีวิตหลังจากหายดีผมก็บวช ก็เจอเรื่องแปลกๆ เยอะ เลยรู้สึกว่าเขามีจริง สิ่งที่ผมมองไม่เห็นมีจริง พุทธศาสนาคือวิทยาศาสตร์ พิสูจน์ได้ด้วย ไม่ใช่แค่ฟังจากเรื่องเล่า เพราะฉะนั้นชีวิตเปลี่ยนหลังจากที่บวชจริงๆ ซึ่งก่อนหน้าจะบวชก็หยุดมานานแล้ว แต่แค่ติดละครและหาเวลาบวชที่เหมาะที่สุด เพราะอยากบวช 30 วัน ด้าน แม่ป๋อง พิมพ์แขบอกว่า ชีวิตเขาเปลี่ยนไปเลย รับผิดชอบทุกอย่างในบ้าน นิสัยเปลี่ยนไปเลย เดี๋ยวนี้สวดมนต์ยิ่งกว่าแม่อีกนอกจากนี้ ดีเจแมน บอกว่า ที่อยากเล่าเพราะว่าเผื่อเด็กที่ดูอยู่จะกลับตัวได้ ผมเคยเป็นหนักกว่าเยอะ วันนี้กล้าพูดได้เต็มปากว่า 8-9 ปีที่ผ่านมาไม่แตะสิ่งเสพติดเลย ยกเว้นดื่มบ้างเวลาละครปิดกล้อง ไปเที่ยวกับแก๊งฮาร์เล่ย์ ทุกวันนี้ไม่แตะอะไรทั้งนั้นเลย (ชมคลิป คลิกที่นี่ ตั้งแต่นาทีที่ 27 เป็นต้นไป).
ดีเจแมน พัฒนพล และแม่ป๋อง พิมพ์แข เล่าถึงวันวานที่กว่าจะเป็นดีเจแมนในทุกวันนี้ เจ้าตัวเคยเกเรหนัก แข่งรถซิ่ง ติดยาหนักจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่ชีวิตเปลี่ยนเพราะแม่และการบวช
บันเทิง,ข่าวบันเทิง
ดีเจแมน พัฒนพล,แมน พัฒนพล กุญชร ณ อยุธยา,พิมพ์แข กุญชร ณ อยุธยา,แมน พัฒนพล เคยติดยา,ดาราเคยติดยา,ข่าวบันเทิง,ดารา
https://www.thairath.co.th/entertain/news/1793159
จาตุรนต์ สับ ม.44 แก้ก.ม.ลูกพรรคการเมือง สมคบคิด เพื่อสืบทอดอำนาจ
เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจมาตรา 44 แก้ไข พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองว่า 1.คำสั่งนี้ไม่ใช่คำสั่งปลดล็อกพรรคการเมือง คำสั่งนี้อาจมีวัตุประสงค์อย่างหนึ่ง คือ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่พรรคการเมืองที่ตั้งใหม่ แต่วัตถุประสงค์หลักและผลที่จะตามมา คือ การทำลายพรรคการเมืองทั้งหลายให้อ่อนแอ การกำหนดให้สมาชิกพรรคยืนยันการเป็นสมาชิกพรรคพร้อมแสดงหลักฐานยืนยันคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามใน 30 วัน คือ การทำลายฐานสมาชิกพรรคให้เหลือน้อยที่สุดนั่นเอง นอกจากนี้ การเลื่อนการประชุมใหญ่เพื่อเลือกหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค การประกาศอุดมการณ์ทางการเมืองและนโยบายพรรคการเมืองออกไปอย่างไม่มีกำหนด ย่อมเป็นอุปสรรคต่อการหาสมาชิก และที่สำคัญจะเป็นปัญหาต่อการจัดทำนโยบายที่จะเสนอในการเลือกตั้งให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน,2.คำสั่งนี้จะทำให้เกิดความไม่แน่นอนว่าจะมีการเลือกตั้งตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ เนื่องจากความลักลั่นของกฎหมาย ที่อาจทำให้พรรคการเมืองต่างๆ ไม่มีคุณสมบัติที่จะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งและถูกใช้เป็นข้ออ้างในการเลื่อนการเลือกตั้งออกไป 3.การออกคำสั่งนี้ ยืนยันว่า คสช.มีอำนาจเหนือรัฐธรรมนูญ ขัดเจตนารัฐธรรมนูญทั้งโดยกระบวนการออกคำสั่งและเนื้อหาของคำสั่ง กล่าวคือ การออก พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญมาใช้นั้น เมื่อ สนช. พิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ และ กรธ.พิจารณาว่า เป็นไปตามเจตนาของรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองได้ผ่านกระบวนการนี้มาแล้ว แต่กลับมาแก้โดยคำสั่ง คสช.ตามอำเภอใจ โดยไม่ได้ให้ศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ หรือ กรธ.ได้พิจารณาอีกเลย,นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ในส่วนของเนื้อหาก็ขัดเจตนาของรัฐธรรมนูญอย่างชัดแจ้ง เนื่องจากรัฐธรรมนูญกำหนดให้ กกต.ซึ่งเป็นองค์กรอิสระ ดูแลให้พรรคการเมืองทำตามกฎหมาย และ กกต.ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งและให้เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด แต่ คสช.กลับออกคำสั่งให้ คสช.ใช้อำนาจเหล่านั้นแทน กกต.เสียเอง 4.การออกคำสั่งนี้ทำให้เห็นเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า การเลือกตั้งที่ไม่ทราบว่าจะมีขึ้นเมื่อใดนี้ เป็นการเลือกตั้งภายใต้การกำกับแทรกแซง โดย คสช.ตั้งแต่ต้น และไม่มีหลักประกันใดๆ ว่า คสช.จะไม่แทรกแซงมากกว่าที่ได้ทำไปแล้ว,นายจาตุรนต์ กล่าวอีกว่า 5.การออกคำสั่งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของแผนสมคบคิดเพื่อให้ คสช.ครองอำนาจต่อเนื่อง จะเห็นได้ว่า การเสนอรีเซตสมาชิกพรรคการเมือง รีเซตพรรคการเมือง การตั้งพรรคการเมืองใหม่ๆ และการเสนอหรือสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ หลังการเลือกตั้ง ล้วนมาจากกลุ่มคนกลุ่มเดียวกันกับที่เคยสมคบกันเสนอให้ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง จนทำให้เกิดการรัฐประหารในเวลาต่อมา ดังนั้นจึงน่าเชื่อได้ว่าคนกลุ่มเดียวกันนี้กำลังสมคบคิดกันเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการและจุดมุ่งหมายที่มีมาแต่ต้น คือ ให้ผู้มีอำนาจที่ไม่ได้มาจากประชาชนครองอำนาจให้นานที่สุด.
จาตุรนต์ ยก 5 ข้อ อัดยับ ม.44 แก้ก.ม.ลูกพรรคการเมือง สมคบคิดสืบทอดอำนาจ ขัดรธน.เต็มๆ ชี้มาจากการสมคบคิดของกลุ่มคนเดิมๆ เพื่อเป้าหมายให้ผู้มีอำนาจที่ไม่ได้มาจากประชาชน ครองอำนาจให้นานที่สุด
ข่าว,การเมือง
จาตุรนต์ ฉายแสง,แก้ม.44,สืบทอดอำนาจ,พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง,ปลดล็อกพรรคการเมือง,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/politic/1161333
นักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์สุดบูม
นางฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมสินค้าการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ที่ได้เก็บสถิติตัวเลขปี 60 มีนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการราว 66,492 คน คิดเป็นมูลค่าตลาด 23,128 ล้านบาท โดยผู้ประกอบการกลุ่มนี้คาดการณ์รายได้ปี 61 เพิ่มขึ้น 13.9% หรือ 26,436 ล้านบาท ส่วนการใช้จ่ายของกลุ่มนักท่องเที่ยวเฉลี่ยที่ 234,923-700,000 บาทต่อคน และเข้ามารับบริการเฉลี่ย 5 วัน ขณะที่การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการรักษาผู้มีบุตรยาก พบว่าใช้จ่าย 200,000-400,000 บาท ในส่วนของรีสอร์ตและศูนย์สำหรับการบำบัด ผู้ติดแอลกอฮอล์และติดยา มีการใช้จ่ายเฉลี่ย 230,000-440,000 บาท และจากข้อมูลรีสอร์ตสุขภาพชั้นนำพบนักท่องเที่ยวใช้จ่าย 37,000-160,000 บาท,ส่วนผลสำรวจพฤติกรรมเชิงลึกความพึงพอใจผู้มาใช้บริการจากเมียนมา ลาว ตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย สหรัฐฯ จีน และรัสเซีย พบว่า ส่วนใหญ่รู้จักและหาข้อมูลจากเพื่อนหรือญาติมากที่สุด ตามด้วยเอเจนซีท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ ส่วนปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจใช้บริการคือ คุณภาพของสถานประกอบการ, อัตราความสำเร็จในการรักษาและชื่อเสียงสถานประกอบการ และ 80% เลือกพักในโรงแรมระดับ 3 ดาว มีเวลาพำนักเฉลี่ย 3-5 วัน ส่วนใหญ่มีผู้ร่วมเดินทางมาด้วย กิจกรรมที่ทำมากที่สุดคือ ช็อปปิ้ง และสปา โดยมีความพึงพอใจ 100% จะกลับมาใช้บริการอีกแน่นอน นอกจากนี้ การสำรวจศักยภาพและความพร้อมของบริการสุขภาพด้านต่างๆ พบว่า ไทยมีโรงพยาบาลและคลินิกที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน JCI จากองค์กรรับรองมาตรฐานทางการแพทย์ระดับโลก 64 แห่ง มากที่สุดในภูมิภาค AEC และมากเป็นอันดับ 4 ของโลก.
ททท.ได้สำรวจสถิติและการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ที่มาใช้บริการสุขภาพด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยและความงามในไทย จากผู้ประกอบการทั่วประเทศ 220 ราย
ข่าว,เศรษฐกิจ
ททท.,นักท่องเที่ยว,นักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์,สถิตินักท่องเที่ยว,ตัวเลขนักท่องเที่ยว
https://www.thairath.co.th/news/business/1448618
ช็อก พี่ชาย คิม จอง-อึน ถูกลอบสังหารที่สนามบินในกัวลาลัมเปอร์
สำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนักรายงานเมื่อวันที่ 14 ก.พ. ว่า แหล่งข่าวชาวมาเลเซียและเกาหลีใต้เปิดเผยว่า นาย คิม จอง-นัม วัย 45 ปี พี่ชายต่างมารดาของ คิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของประเทศเกาหลีเหนือ ถูกลอบสังหารที่สนามบินในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของประเทศมาเลเซีย,ตามรายงานของสำนักข่าวบีบีซี แหล่งข่าวที่มีความใกล้ชิดกับสำนักงานนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย บอกกับพวกเขาว่า นายคิมถูกฆ่าตายในกรุงกัวลาลัมเปอร์ และเจ้าหน้าที่กำลังชันสูตรศพของเขา ขณะที่ตำรวจมาเลเซียยืนยันกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า ชายชาวเกาหลีเหนือผู้เสียชีวิตระหว่างถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลจากสนามบินในกัวลาลัมเปอร์เมื่อวันจันทร์ที่ 13 ก.พ. คือนายคิม,เจ้าหน้าที่ตำรวจชื่อ ฟาดซิล อาห์หมัด บอกกับรอยเตอร์สด้วยว่า คิม จอง นัม รู้สึกเหมือนมีคนมาจับหน้าเขาจากข้างหลัง ก่อนเกิดอาการมึนงง จึงไปขอความช่วยเหลือที่เคาน์เตอร์เจ้าหน้าที่ และเสียชีวิตระหว่างส่งตัวไปโรงพยาบาล,ด้านสถานีโทรทัศน์ ทีวี โชซุน (TV Chosun) ในเกาหลีใต้ รายงานว่า นายคิมถูกฆ่าด้วยเข็มพิษที่สนามบินกรุงกัวลาลัมเปอร์ด้วยฝีมือผู้หญิง 2 คน ซึ่งเชื่อว่าเป็นสายลับของเกาหลีเหนือ และยังคงลอยนวล ส่วนแหล่งข่าวชาวสหราชอาณาจักรคนหนึ่ง ผู้มีความใกล้ชิดกับครอบครัวของผู้นำคิมบอกกับบีบีซีว่า มียาพิษเกี่ยวข้องกับการตายของนายคิมผู้พี่ด้วย,ทั้งนี้ คิม จอง-นัม เป็นบุตรชายคนโตของ คิม จอง-อิล ผู้นำสูงสุดคนก่อนของเกาหลีเหนือ เคยถูกมองว่าจะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งจากบิดาของเขา อย่างไรก็ตาม เชื่อกันว่าตำแหน่งดังกล่าวถูกเปลี่ยนไปให้ คิม จอง-อึน แทน หลังนายคิมไปก่อเรื่องเมื่อปี 2001 ซึ่งเขาถูกจับกุมขณะเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นด้วยหนังสือเดินทางปลอม โดยบอกกับเจ้าหน้าที่ว่าเขาต้องการไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ในกรุงโตเกียว,ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นายคิม จอง-นัม ลดบทบาทของตัวเองและใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในต่างประเทศ โดยเฉพาะมาเก๊า, สิงคโปร์ และจีน เขาเคยบอกกับสื่อญี่ปุ่นเมื่อปี 2011 ว่าเขาต่อต้านการสืบทอดอำนาจผ่านทางสายเลือด ขณะที่หนังสือเล่มหนึ่งที่เผยแพร่เมื่อปี 2012 อ้างว่านายคิมพูดว่า คิม จอง-อึน น้องชายของเขาขาดคุณภาพความเป็นผู้นำ ซึ่งเกาหลีเหนือจะเข้าสู่ภาวะไม่แน่นอน และต้องใช้การปฏิรูปเศรษฐกิจแบบจีน,ในอดีตเคยมีข่าว คิม จอง-นัม ตกเป็นเป้าลอบสังหารมาก่อน โดยมีรายงานว่า สายลับเกาหลีเหนือคนหนึ่งที่ถูกเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้จับกุมตัวเมื่อปี 2012 ยอมรับสารภาพว่าพยายามจัดฉากชนแล้วหนีเพื่อสังหารนายคิม.
สื่อหลายสำนักตีข่าว คิม จอง-นัม พี่ชายของ คิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือ ถูกลอบสังหารที่สนามบินในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ของมาเลเซีย เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา คาดว่าถูกวางยาพิษ
null
ลอบสังหาร,พี่ชายคิม จอง อึน,คิม จอง นัม,คิม จอง อึน,เข็มพิษ
https://www.thairath.co.th/content/858640
ภาพบรรยากาศครั้งแรกในเมืองไทย กับ Secret Event ระดับโลก ‘Le Diner en Blanc’
Le Dîner en Blanc งานอีเวนต์ที่โดดเด่นและสร้างความประทับใจให้กับฟู้ดดี้ทั่วโลกกว่า 100000 คนมาแล้วตลอดระยะเวลา 30 ปี ได้ถูกจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ เป็นครั้งแรกในวันนี้ (8 ธ.ค.) โดยงานนี้ยังคงคอนเซปต์ลึกลับและเต็มไปด้วยความเซอร์ไพรส์เหมือนเช่นเคย โดยผู้เข้าร่วมงานทุกคนที่ต้องการจะเข้าร่วมงานนี้เพิ่งทราบเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าว่าจะต้องมายังจุดนัดพบ คือ ราชนาวีสโมสร เพื่อที่จะขึ้น Shuttle Boat เดินทางไปยังสถานที่จัดงาน ซึ่งเพิ่งได้รับการเปิดเผยกันสดๆ ร้อนๆ ว่าคือ หอประชุมกองทัพเรืองานปิกนิกดินเนอร์ในชุดขาวนี้ถือกำเนิดขึ้นที่ปารีสเมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้ว โดย François Pasquier และกลุ่มเพื่อนๆ ปัจจุบัน อีเวนต์นี้เติบโตและได้รับความสนใจจากบุคคลทั่วไปโดยเฉพาะกลุ่มฟู้ดดี้ จนขยายไปจัดทั่วโลกกว่า 80 เมือง 30 ประเทศ ในแต่ละครั้งที่จัดงานก็มักจะมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการสร้างงานอีเวนต์ให้น่าสนใจ ทำให้ผู้คนต่างยินดีมาร่วมกันค้นหาสถานที่สวยงามใหม่ๆ ในเมืองต่างๆ พร้อมกับการแบ่งปันมื้ออาหารรสเลิศร่วมกับเพื่อนๆ ทำให้เป็นค่ำคืนที่น่าประทับใจ สำหรับงานปิกนิกดินเนอร์สีขาวซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ เป็นครั้งแรกในปีนี้ มีผู้คนเข้าร่วมเกือบ 1000 คน ซึ่งทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎของผู้จัดอย่างเคร่งครัด บ้างก็นำอาหารและเครื่องดื่มรวมถึงอุปกรณ์รับประทานอาหาร โต๊ะ เก้าอี้ หรือผ้าปู ฯลฯ มากันเอง หรือไม่ก็ใช้บริการของผู้จัดงาน ซึ่งได้มอบหมายให้เชฟชั้นนำของเมืองไทย อย่าง เชฟปิง-สุรกิจ เข็มแก้ว เชฟชุมพล แจ้งไพร เชฟอาร์ต-ศุภมงคล ศุภพิพัฒน์ เชฟแนตตี้ นภาวดี พยัคฆโส และเชฟต๊อด-ปิติ ภิรมย์ภักดี จัดเตรียมตะกร้าปิกนิกอย่างดีเอาไว้ให้ ทั้งผู้เข้าร่วมงานยังได้เพลิดเพลินกับการแสดงดนตรีสดหลากหลายสไตล์ และโชว์ดีเจ โดยนาตาลี เกลโบวา อดีตนางงามจักรวาลและเพื่อรักษาความสะอาดให้กับพื้นที่จัดงานซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะ แขกทุกคนจึงต้องช่วยกันทำความสะอาดและนำของที่เอามากลับไปด้วยตัวเอง
งานอีเวนต์ปิกนิกดินเนอร์ในชุดขาวที่จัดขึ้นในกว่า 80 เมือง ใน 30 ประเทศทั่วโลก จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในเมืองไทย ณ หอประชุมกองทัพเรือ
null
null
https://thestandard.co/le-diner-en-blanc-secret-event/
พายุคืออะไร ทำความเข้าใจกายวิภาคของพายุหมุนเขตร้อน
ไม่ใช่เรื่องปกตินักที่จะมีพายุเข้าไทยในช่วงเดือนมกราคม แต่นี่น่าจะเป็นคร้ังแรกๆ ที่เกิดพายุใหญ่อย่าง ปาบึก ในยุคที่การสื่อสารก้าวหน้ามาก เราจึงเห็นภาพการ ตื่นตัว อย่างจริงจังของทั้งภาครัฐและประชาชน เห็นการรายงานข่าว การอพยพผู้คนออกจากพื้นที่ การให้ข้อมูลเรื่องศูนย์อพยพ หรือ Shelter ต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดีในเรื่องร้ายเรื่องดีในเรื่องร้ายอีกอย่างหนึ่งคือ พายุปาบึกเป็นภัยธรรมชาติที่ไม่ได้เกิดขึ้นปุบปับฉับพลัน แต่สามารถเตือนภัยล่วงหน้าได้ ไม่เหมือนแผ่นดินไหวที่เตือนล่วงหน้าไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ต้องบอกว่าในระยะหลังนักวิทยาศาสตร์หลายคนเริ่มบอกว่า ภัยธรรมชาติอย่างพายุใหญ่ๆ อย่างนี้ อาจให้นิยามว่าเป็นภัยธรรมชาติ หรือ Natural Disaster ได้ไม่เต็มปากนัก เพราะมันอาจเป็นภัยที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ก็ได้ เนื่องจากมนุษย์ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศขนานใหญ่ จนโลกอาจก้าวเข้าสู่ยุคที่เรียกว่า Anthropocene คือยุคที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเกิดจากน้ำมือมนุษย์ หลายคนจึงเรียกภัยแบบนี้ว่าเป็น Anthropogenic Disaster หรือบางทีก็เรียกว่า Technological Disaster หรือถ้าเรียกให้ง่ายหน่อยก็คือ Man-Made Disaster แต่ก็ยังเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันอยู่ เพราะในทางวิทยาศาสตร์ไม่มีใครบอกได้แบบฟันธงจริงๆ หรอกครับ ว่าพายุขนาดใหญ่แต่ละลูกเกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือเกิดขึ้นเพราะผลจากการกระทำของมนุษย์แม้แต่คำถามธรรมดาสามัญที่ว่า พายุใหญ่ๆ แบบนี้เกิดขึ้นเพราะอะไร เอาเข้าจริงก็ยังไม่มีใครแน่ใจได้นักหรอกครับ แม้ว่านักวิทยาศาสตร์จะบอกว่ามีอยู่ 6 ปัจจัย ที่เมื่อประกอบเข้าด้วยกันแล้วจะทำให้มีโอกาสเกิดพายุเช่นนี้ขึ้นมา ซึ่งปัจจัยสำคัญที่สุดก็คือ อุณหภูมิพื้นผิวทะเลที่จะต้อง ร้อน มากพอ (ร้อนที่ว่าคือ ปกติแล้วควรจะอยู่ที่ราว 26.5 องศาเซลเซียส) แล้วก็ต้องมีพื้นที่กว้างและลึกมากพอด้วยแต่แค่ร้อนยังไม่พอ ยังต้องมีปัจจัยอื่นๆ ประกอบอีก เช่น ความชื้นสูง (ซึ่งปกติถ้าร้อน ความชื้นก็มักจะสูงอยู่แล้ว เนื่องจากน้ำระเหยขึ้นมามาก) แล้วอย่างที่เราเรียนกันมาตั้งแต่เด็กๆ ว่าอากาศร้อนจะยกตัวขึ้นสูง กรณีนี้ก็เหมือนกันนั่นแหละครับ พออุณหภูมิสูงขึ้น อากาศก็จะยกตัวสูงขึ้น พออากาศตรงจุดหนึ่งยกตัวสูงขึ้น อากาศตรงที่อื่นๆ ก็ต้องไหลเข้ามาแทนที่ใช่ไหมครับแต่ปัญหาคือ เราอยู่บนโลกที่มันกำลัง หมุน อยู่ เพราะฉะนั้นเวลาที่อากาศไหลเข้ามาแทนที่ มันก็เลยไม่ได้ไหลตรงๆ แต่มีการไหลแบบโค้งๆเรื่องการไหลแบบโค้งๆ ที่ว่านี้ไม่ใช่เรื่องใหม่เลยนะครับ แต่มีการค้นพบและพูดถึงเอาไว้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 แล้ว โดยในตอนโน้น นักวิทยาศาสตร์อิตาลี จิโอวานนี บาตติสตา ริชชิโอลี กับผู้ช่วย ได้เขียนเล่าว่า เวลาที่มีการยิงปืนใหญ่ (ซึ่งแปลว่ายิงไปไกลๆ หน่อยนะครับ) สมมติเรายิงตรงๆ จากจุด A ไปจุด B เราจะพบว่า กระสุนมันจะไม่ตกที่จุด B เป็นเส้นตรง แต่มันจะเบี่ยงเบนไปทางทิศตะวันออกนิดหน่อย ซึ่งต่อมาก็มีอีกคนหนึ่งคือ คล็อด ดีชาเลส อธิบายปรากฏการณ์นี้เอาไว้ว่า น่าจะเกิดขึ้นเพราะการหมุนของโลก (ซึ่งที่จริงก็ย้อนแย้งดี เพราะข้อเสนอนี้ของทั้งสองคนเป็นไปเพื่อต่อต้านข้อเสนอของโคเปอร์นิคัสที่บอกว่า ดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของจักรวาล อันแสดงให้เราเห็นว่า ความคิดทางวิทยาศาสตร์นั้นมันค่อยๆ เคลื่อน ค่อยๆ ก่อรูปขึ้นมาทีละน้อย)อย่างไรก็ตาม คนที่อธิบายเรื่องนี้ได้จริงจัง และตีพิมพ์งานวิชาการออกมาอธิบายเป็นเรื่องเป็นราวก็คือ แกสปาร์ด-กุสตาฟ คอริโอลิส เราก็เลยเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า แรงคอริโอลิส (Coriolis Force) ซึ่งถ้าพูดง่ายๆ ก็คือ โลกหมุน ดังนั้น เวลาลมพัดรี่เข้ามาหา เพื่อแทนที่อากาศร้อนที่ยกตัวขึ้น มันก็เลยไหลเข้ามาแบบโค้งๆ จากทุกทิศทุกทาง ให้ลองนึกภาพแบบกังหันหรือวังน้ำวนดูนะครับ มันก็จะไหลเข้ามาวนๆ อยู่ทำนองนั้น ซึ่งตรงศูนย์กลางที่ลมมาวนๆ แล้วก็ยกตัวขึ้นไป (เพราะในที่สุดก็จะมีอุณหภูมิสูงกว่าบริเวณรอบๆ) นี้ เราเรียกว่า เป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ ซึ่งจะเกิดขึ้นในชั้นบรรยากาศโทรโพสเฟียร์แล้วก็เป็นเจ้าหย่อมความกดอากาศต่ำนี่แหละครับ ที่สามารถพัฒนาความรุนแรง จนกระทั่งกลายเป็นพายุหมุนเขตร้อนขึ้นมาได้ ซึ่งก็มีชื่อเรียกต่างๆ กันไป ทั้งตามภูมิภาคและตามระดับความรุนแรง เช่น พายุดีเปรสชัน พายุไซโคลน พายุโซนร้อน พายุไต้ฝุ่น พายุเฮอริเคน ฯลฯแต่ที่น่าสังเกตคือ ถ้าเป็นซีกโลกเหนือ พายุพวกนี้จะหมุนรอบหย่อมความกดอากาศต่ำแบบทวนเข็มนาฬิกา เพราะแรงคอริโอลิสทำให้ลมในซีกโลกเหนือเบี่ยงเบนไปทางขวา แต่ถ้าเป็นซีกโลกใต้ ลมจะเบี่ยงเบนไปทางซ้าย พายุในซีกโลกใต้จึงหมุนรอบหย่อมความกดอากาศต่ำตามเข็มนาฬิกาทีนี้ลองมาดูกายวิภาคของพายุกันดูบ้างดีไหมครับหลายปีก่อน ผมเคยไปเจอพายุไต้ฝุ่นเข้าเต็มๆ ที่เกาะโอกินาวาของญี่ปุ่น ตอนแรกพักอยู่โรงแรมริมทะเล แล้วมีกำหนดว่าจะขับรถข้ามไปอีกฟากของเกาะ เพื่อพักอีกโรงแรมหนึ่งในวันรุ่งขึ้น แต่ปรากฏว่ามีพยากรณ์อากาศว่าไต้ฝุ่นจะเข้าแรกทีเดียว ในตอนกลางคืนลมเริ่มแรงเป็นระยะๆ แต่ก็ยังไม่แรงมาก ทว่า พอตื่นขึ้นมาตอนเช้าเท่านั้นแหละครับ ต้องตกใจเลย เพราะทุกอย่างมืดฟ้ามัวดินไปหมด ลมแรงมากกว่า 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และในบางช่วงที่เป็นลมกระโชก (Gust) พยากรณ์อากาศของญี่ปุ่นก็บอกว่า อาจแรงได้ถึง 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งแปลว่าไม่มีทางเลยที่จะขับรถฝ่าออกไปได้ มีแต่ตายกับตายลูกเดียวแต่พอตกสายๆ จู่ๆ ทุกอย่างก็สงบนิ่ง ฟ้าใส ฝนขาดเม็ด ถึงขั้นแดดออกด้วยซ้ำ นกร้อง ทุกอย่างแจ่มใส ผมนึกว่าพายุสงบแล้ว จึงขับรถออกไปเที่ยวเล่นตามจุดหมายต่างๆ ใช้เวลาไปราวสองสามชั่วโมง ก่อนจะขับรถไปโรงแรมที่หมายแต่พอถึงโรงแรมปลายทางเท่านั้นแหละครับ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ อากาศเปลี่ยนแปลงอีกแบบกะทันหัน ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก อยู่ๆ ลมก็พัดอีกหน คราวนี้ดูรุนแรงยิ่งกว่าเดิมอีก แม้แต่จะวิ่งจากรถเข้าไปในโรงแรมก็ยังทำได้ยาก โชคดีมากที่มาถึงโรงแรมก่อน ไม่อย่างนั้นถ้าติดอยู่บนถนนขณะที่ลมพัดมาอีกรอบคงเป็นเรื่องยากบรรยายคำถามก็คือ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?ใช่ครับ ความสงบที่ผมได้เจอก็คือ ตาพายุ หรือศูนย์กลางของพายุนั่นเองถ้าเราดูภาพถ่ายทางอากาศของพายุหมุนเขตร้อน เราจะพบว่า ตรงกลางของพายุแต่ละลูกจะมีลักษณะกลมๆ ดูโล่งๆ ไม่มีเมฆขาวๆ อยู่ ตรงนั้นแหละครับที่เรียกว่าเป็น Eye หรือ Storm Center ซึ่งก็คือจุดศูนย์กลางของพายุตาพายุนั้นมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางราวๆ 30-65 กิโลเมตร แต่ก็เคยพบที่มีขนาดเล็กแค่ 3 กิโลเมตร และที่มีขนาดใหญ่ถึง 370 กิโลเมตรด้วยเหมือนกัน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของพายุ ในพายุที่มีความรุนแรงน้อย เราอาจไม่ค่อยเห็นตาพายุเท่าไร เพราะอาจมีเมฆมาบดบัง แต่ถ้าเป็นพายุหมุนเขตร้อนที่ แรง ได้ที่ ตรงกลางของมันจะเป็นจุดที่มีความกดอากาศต่ำที่สุด อาจจะต่ำกว่าด้านนอกได้มากถึง 15% เลยทีเดียว โดยตาพายุนี้อาจเป็นรูปกลมก็ได้ รูปไข่ก็ได้ แล้วขนาดก็จะเปลี่ยนแปลงไปได้เรื่อยๆ ด้วยเช่นกันการที่ตรงกลางของพายุมันโล่งๆ ไม่มีเมฆ ก็เป็นเพราะตรงกลางมันทำหน้าที่คล้ายๆ เครื่องจักร ที่ดูดอากาศขึ้นมา แล้วก็พ่นกระจายออกไปรอบๆ อากาศที่อยู่ตรงกลางจะหมุนวนคล้ายๆ เป็นแท่งอากาศ แล้วพอขึ้นมาถึงด้านบน มันก็จะถูกเหวี่ยงให้กระจายออกไป (ในซีกโลกเหนือคือ ถูกเหวี่ยงแบบทวนเข็มนาฬิกา) แล้วพอมันขึ้นไปสูงขนาดนั้น มันก็จะเย็นตัวลง ก็เลยกลายเป็นเมฆ เราจึงเห็นพายุหมุนเขตร้อนเหล่านี้จากภาพถ่ายทางอากาศในรูปลักษณ์ของเมฆสีขาวขนาดใหญ่แลดูน่ากลัวนั่นเองครับแต่กายวิภาคของพายุหมุนเขตร้อนไม่ได้มีแค่ตาของมันเท่านั้น ทว่า ยังมีสิ่งที่เรียกว่า Eyewall หรือ กำแพงตา ที่อยู่รอบๆ ตาพายุอีก เจ้ากำแพงตาพวกนี้ คือเมฆประเภทคิวมูโลนิมบัส (Cumulonimbus) ที่เป็นกำแพงทะมึน แล้วก็เป็นหมู่เมฆที่มีพายุฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นอย่างรุนแรงด้วย บริเวณนี้นี่แหละครับ คือบริเวณที่อันตรายที่สุดของพายุ เพราะลมจะพัดแรงมากดังนั้น ตอนที่ผมเจอไต้ฝุ่นที่โอกินาวานั้น ตอนอยู่ที่โรงแรมแรก ผมได้เจอกับกำแพงตาแรกของพายุ จากนั้นก็เข้าสู่ช่วงสงบนิ่งสดใสแจ่มจ้าของตาพายุ แต่เมื่อตาพายุผ่านไป คราวนี้ก็ถึงครากำแพงตาที่สองผมกลับไปค้นข้อมูลคราวที่พายุแฮเรียตถล่มแหลมตะลุมพุก (ซึ่งคราวนั้นเป็นพายุโซนร้อน) พบว่า เกิดคลื่นยักษ์และแรงลมพัดเข้าใส่ แต่แล้วก็เกิดความสงบขึ้นช่วงหนึ่ง ทำให้ชาวบ้านออกมาดูความเสียหาย ทว่า ไม่นานนัก ก็เกิดลมพัดแรงอีกระลอกหนึ่ง พัดบ้านเรือนพังหมด ว่ากันว่าคลื่นยักษ์สูงเท่ายอดมะพร้าวนั่นเลยทีเดียวสิ่งที่เกิดขึ้นกับแหลมตะลุมพุกก็คือ เรื่องของกำแพงตาที่หนึ่ง ตามด้วยความสงบของตาพายุ แล้วก็กำแพงตาที่สองนั่นเองครับถัดจากกำแพงตาแล้ว ยังมี แถบฝน หรือ Rainband อีก ซึ่งถ้าเราคิดว่าตัวตาพายุและกำแพงตาเป็นเหมือน นิวเคลียส ของพายุ แถบฝนก็เป็นเหมือนสิ่งที่ล้อมรอบนิวเคลียสอยู่ ซึ่งแถบฝนนี้ก็ตรงตามชื่อนั่นแหละครับ คือเป็นบริเวณที่ฝนตกและมีลมแรงอยู่ แต่ว่าโดยทั่วไปจะน้อยกว่าแถบกำแพงตาของพายุ ทว่า ก็ประมาทไม่ได้นะครับ เพราะแถบฝนพวกนี้สามารถก่อให้เกิดฝนตกหนักได้เป็นบริเวณกว้างเมื่อพายุหมุนเขตร้อนเหล่านี้ขึ้นฝั่ง มันมักจะอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็ว เพราะว่าไม่มีน้ำอุ่นคอยเติมพลังงานให้ แล้วลักษณะของแผ่นดิน (หรือเกาะแก่งต่างๆ) ก็จะทำให้เกิดการกีดขวางการหมุนของลม ส่วนใหญ่ก็เลยอ่อนกำลังลงแล้วสลายตัวได้ แต่ในบางกรณี ถ้ามันเคลื่อนตัวลงไปในมหาสมุทรใหม่ ก็อาจทวีความรุนแรงขึ้นมาได้อีกเช่นกันประเทศไทยตั้งอยู่ในภูมิภาคที่ไม่ค่อยได้เจอกับพายุหมุนเขตร้อนที่รุนแรงเท่าไร เพราะส่วนใหญ่พายุจะเข้าทางด้านเหนือ จึงต้องผ่านประเทศเวียดนามและลาวเสียก่อน พายุจึงมักอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันหรือหย่อมความกดอากาศต่ำ แต่แค่นั้นก็สร้างความเสียหายได้ไม่น้อยทีเดียวอย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก จะทำให้รูปแบบการเกิดพายุหมุนเขตร้อนเป็นเรื่องที่ทำนายได้ยากขึ้น มีความแน่นอนน้อยลง พายุอาจรุนแรงขึ้น หรือมีเส้นทางการเคลื่อนที่ที่ประหลาดและทำนายได้ยากขึ้น บางทีก็มีการหมุนวนอยู่กับที่ หรือเคลื่อนไปแล้วเคลื่อนกลับมาอีกก็มี ดังนั้น การเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำทั้งในระดับรัฐและระดับปัจเจกพิสูจน์อักษร:
ถ้าเราดูภาพถ่ายทางอากาศของพายุหมุนเขตร้อน เราจะพบว่า ตรงกลางของพายุแต่ละลูกจะมีลักษณะกลมๆ ดูโล่งๆ ไม่มีเมฆขาวๆ อยู่ ตรงนั้นแหละที่เรียกว่าเป็น Eye หรือ Storm Center ซึ่งก็คือจุดศูนย์กลางของพายุกายวิภาคของพายุหมุนเขตร้อนไม่ได้มีแค่ตาของมันเท่านั้น ทว่า ยังมีสิ่งที่เรียกว่า Eyewall หรือ กำแพงตา ที่อยู่รอบๆ ตาพายุอีกด้วย ซึ่งบริเวณนี้นี่แหละ คือบริเวณที่อันตรายที่สุดของพายุ เพราะลมจะพัดแรงมากสิ่งที่เกิดขึ้นกับแหลมตะลุมพุกก็คือ เรื่องของกำแพงตาที่หนึ่ง ตามด้วยความสงบของตาพายุ แล้วก็กำแพงตาที่สองนั่นเอง
null
null
https://thestandard.co/tropical-cyclone/
สลดชายขี่จยย.เสียหลัก ชนเสาไหล่ทาง ศพขึ้นอืด คาด ดับอนาถ มา 3 วัน
เมื่อวันที่ 30 ก.ค.60 ร.ต.อ.ดนัย ถือดียิ่ง รอง สว. (สอบสวน) สภ.ปลวกแดง จ.ระยอง ได้รับแจ้งจากหน่วยกู้ภัยปลวกแดง ว่า มีหญิงชื่อ นางประนอม บุญประคม อายุ 45 ปี อาชีพหาหอย พบศพชาย ขี่รถจยย.ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟ 110 สีน้ำเงิน ทะเบียน 1กภ 3558 ชลบุรี แหกโค้งชนกับเสาไฟทางจนหัก คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน เหตุเกิดที่ถนนในหมู่บ้านพัง 1 ริมอ่างเก็บน้ำดอกกราย ท้องที่หมู่ 4 ต.แม่น้ำคู้ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง,จากการสอบสวนทราบว่า ศพชายดังกล่าว ชื่อ นายจีรพัฒน์ จันทคัด อายุ 41 ปี พักอยู่บ้านเลขที่ตามบัตรประชาชน 99 หมู่ 7 ตำบลโพธ์ศรี อำเภอโพธิ์ชัย จังหวัดร้อยเอ็ด สภาพศพขึ้นอืดส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งแมลงวันตอมเต็มไปหมดทั้งร่าง คาดว่า ตายมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุดังกล่าวเป็นทางโค้ง มีร่องรอยของหญ้าข้างทางแหวกเป็นช่อง และพบเสาหลักริมถนนหัก จึงคาดว่า ผู้ตายคงขี่รถ จยย.แหกโค้งชนหลักข้างทางและเสียชีวิตในพงหญ้าที่รก บดบังสายตาผู้คน และตรงจุดเกิดเหตุเป็นทางเปลี่ยวไม่ค่อยมีใครผ่านไปมา จึงไม่มีใครเห็น เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงมอบศพให้กู้ภัยปลวกแดง นำศพไปเก็บไว้เพื่อจะได้ติดต่อให้ญาติทราบ เพื่อมารับศพไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี ต่อไป ทั้งนี้ ยังไม่มีใครแจ้งคนหายไว้ที่ สภ.ปลวกแดง ส่วนรถ จยย.ให้ยกขึ้นกระบะหลังรถร้อยเวรฯ นำไปเก็บรักษาไว้ที่ สภ.ปลวกแดง และจะได้ติดต่อญาติต่อไป…
ชาวบ้านระยอง งมหอยขมผ่านทางโค้งได้กลิ่นเหม็นเน่า มองข้างทางเห็นรถจยย.อยู่ในพงหญ้า วกรถกลับมาดูพบศพชาย คาด ขี่จยย.เสียหลักชนเสาไหล่ทางหัก ตายมาแล้วอย่างน้อย 3 วัน
ข่าว,ทั่วไทย
ชายขี่จยย.,ชนเสาไหล่ทางดับอนาถ,ดับอนาถ,3 วัน,ระยอง,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/east/1020914
นรข.นครพนมจับกัญชาลอตใหญ่กว่า 10 ล้าน ขนใส่เรือกีบข้ามโขง
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 9 ม.ค.นายสมชาย วิทย์ดำรงค์ ผวจ.นครพนม น.อ.ชาญชัยยศ อัฑฒสวีร์ รองผบ.นรข. พ.ต.อ.ธีรัต อิ่มทั่ว รองผบก.ภ.จว.นครพนม พ.อ.เสรี วีชาชัย เสนาธิการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายสถาพร วงศรีลา อายุ 20 ปี พร้อมของกลางกัญชาอัดแท่ง 518 แท่ง น้ำหนัก 518 กก. มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ได้ที่บริเวณริมแม่น้ำโขง บ้านเวินพระบาท ต.ท่าอุเทน จ.นครพนม หลังรับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลักลอบนำยาเสพติด เข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน,ทั้งนี้ น.ต.บุญเชิด กุลอำภา หน.สน.เรือนครพนม สนธิกำลังกับกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ตำรวจน้ำนครพนม ปกครอง จ.นครพนม ตชด.237 จัดชุดลาดตระเวน เข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว จนกระทั่งเวลาตี 1 คืนที่ผ่านมา พบเรือกีบเพลายาวแล่นมาจากฝั่งสปป.ลาว เข้ามายังริมฝั่งแม่น้ำโขงฝั่งไทยและมีบุคคลจำนวนหนึ่งช่วยกันลำเลียงวัตถุสีดำออกจากเรือกีบเพลายาวขึ้นมาใส่ในรถเข็นสองล้อบนฝั่ง เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าตรวจค้น คนร้าย 2 ใน 3 ไหวตัวทันหลบหนีไปในความมืดเหลือเพียงนายสถาพร ที่ถูกจับกุมพร้อมของกลางดังกล่าว,สอบสวนเบื้องต้น นายสถาพร ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่าร่วมกับพวกที่หลบหนี ได้รับค่าจ้างคนละ 1,500 บาท ให้ขนกัญชาที่มาจาก สปป.ลาว ขึ้นมาจากริมฝั่งแม่น้ำโขง เพื่อไปเก็บไว้ยังป่าช้าวัดบ้านพระบาทเวินปลา แต่ยังไม่ทันขนกัญชาไปเก็บที่ซ่อนก็มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมเสียก่อน จึงแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันนำเข้ามาในราชอาณาจักร ยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) โดยผิดกฎหมาย ก่อนจะขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป.
นรข.นครพนม สนธิกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจยึดกัญชาอัดแท่งกว่า 518 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ที่คนร้ายขนข้ามน้ำโขงมาพักไว้ พร้อมจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 หนีไป 2 ราย เตรียมขยายผล
null
จับกัญชา,ยึดกัญชา,ลักลอบขนยาเสพติด,นรข.นครพนม,กัญชาลอตใหญ่,กัญชาริมโขง,ริมแม่น้ำโขง,กัญชา,ยาเสพติด,ชุดลาดตระเวน,ขนกัญชา,ข่าว,ข่าวทั่วไทย,ไทยรัฐออนไลน์,นครพนม
https://www.thairath.co.th/content/560481
อั้ม ยอมรับขยับสัมพันธ์กับ พก ดีขึ้น (คลิป)
ปัดฉลอง 1 ปี เพราะเพื่อนแนะนำให้คุยกันเดือน ธ.ค.,แฮปปี้กันขึ้นทุกวัน หลังซุปตาร์สาว ,อั้ม–พัชราภา ไชยเชื้อ, ร่วมทริปเที่ยวยุโรปกับหนุ่มไฮโซ ,พก–ประธานวงศ์ พรประภา, มีแต่ความสุขและความหวานแล้วยังได้ฉลองครบรอบ 1 ปีด้วย เจอ, อั้ม, ร่วมงาน ,THAITHAI Flash Market by Ab Fab, ณ บริเวณโซน THAI THAI ชั้น 2 ห้างเซ็นทรัลชิดลม เลยถามเรื่องล่าสุดที่,เพิ่งพาครอบครัวและเพื่อนๆไปเที่ยวเกาหลีว่าเป็นยังไงบ้าง? ,สนุกค่ะก็เหมือนเดิมไปดูใบไม้เปลี่ยนสี เจอไม่กี่ต้น ไม่ว่าอั้มจะไปดูอะไร อั้มก็ไม่เจอเหมือนเดิม เจอน้อยค่ะ เจอแค่ต้นสองต้น,คุณพ่อคุณแม่ก็ไปด้วย? ,ใช่ค่ะ เพื่อนๆก็ไปเยอะ,ทริปนี้ล้มเหลวอีกแล้ว? ,ค่ะ แต่ได้ทุ่งดอกไม้ ทั้งๆที่เราไม่ได้ตั้งใจจะไปทุ่งดอกไม้,หลายคนชมคลิปที่เต้นกับพ่อ บอกว่าน่ารัก? ,คุณพ่อเป็นคนขี้เล่นอยู่แล้วค่ะ ก็สนุกสนานค่ะ ไปกับเพื่อนเยอะด้วย คุณพ่อคุณแม่ก็สนุกอารมณ์ดี,ทำไมถึงเกิดโมเมนต์เต้นกับคุณพ่อ? ,คือเค้ามีเปิดเพลงเหมือนออกกำลังกายกันค่ะ ทุกคนก็จะเฮฮากันอยู่อีกมุมหนึ่ง เราก็เลยเต้นกันเล่นๆ,ขอย้อนถึงทริปก่อนหน้านี้ที่ไปกับหนุ่มพก? ,จำไม่ได้เลย (ยิ้ม) ทริปที่ปุ๊กลุกไปด้วยใช่มั้ยคะ สนุกดีค่ะ,มีทำขนมด้วยกันด้วย? ,จริงๆ อั้มก็ไม่ได้ทำอาหารขนาดนั้น เราก็จะอู้ตลอด แค่นวดแป้งเราก็เหนื่อยแล้วสุดท้ายพกเป็นคนทำ,แต่ก็ได้ชิมฝีมือกัน? ,ของอั้มก็มีค่ะ คือเตรียมของ ตอนหลังอยู่ไม่ถึงแล้วค่ะ ตอนปรุง ปรุงไม่เป็น ให้พกทำไป,แต่ดูไปกันเป็นคู่ๆ ,เหรอคะ มีแหวนแหวน-ปวริศาด้วยค่ะ,หลายคนชมภาพในทริปนี้สวย หนุ่มพกเป็นคนลั่นชัตเตอร์ให้รึเปล่า? ,ใช่ แต่อั้มถ่ายรูปสวยนะ ไม่ค่อยเบลอแล้ว พัฒนาขึ้น,รูปที่ไปทานข้าวกันแล้วถือดอกกุหลาบ พกเป็นคนให้เราหรือเปล่า? ,ที่ร้านให้ค่ะ ปุ๊กลุกก็ได้ค่ะ,ก่อนหน้านี้เพิ่งฉลองครบรอบหนึ่งปี? ,จริงๆคือวันที่รู้จักกัน ไม่ใช่หนึ่งปีครบที เดียว ต้อง ธ.ค. ที่เหมือนเพื่อนแนะนำว่าคุยกันมั้ย แต่จริงๆแล้วเรารู้จักกันมาหลายปีแล้ว ไปเที่ยวด้วยกันบ่อยแล้ว ไม่ได้หนึ่งปีซะทีเดียว,บรรยากาศวันนั้นเป็นยังไงบ้าง มีความพิเศษอะไรมั้ย? ,ไม่มีค่ะ เหมือนเดิม,แต่ในคลิปดูหวานมาก ,ไม่หวานหรอกค่ะ (หัวเราะ),ความสัมพันธ์ขยับขึ้นมั้ย ,ดีขึ้นค่ะ เราก็พยายามให้มันดีที่สุด ไม่อยากพูดอะไรเลยเนอะ,ตอนนี้ใช้คำว่าสนิทที่สุดได้ ,ยังไม่รู้ ไม่อยากพูดอะไรเลยค่ะ (ยิ้ม) ก็สนิทกันอะแหละค่ะ,มีอะไรต้องปรับอีกมั้ย? ,โอ้ยต้องปรับกันเยอะมากเลยค่ะ ก็เอาเท่าที่ได้ค่ะไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ ก็ต้องปรับทั้งคู่อ่ะเนอะ,เราเห็นความตั้งใจการปรับตัวของเค้ามั้ย ,ก็ไม่ได้ปรับอะไร มันก็ดีขึ้นแค่นั้นเอง (ยิ้ม),เรียกได้ว่ากระชุ่มกระชวยหัวใจ ,ค่ะ (ยิ้ม).
แฮปปี้กันขึ้นทุกวัน หลังซุปตาร์สาว อั้ม–พัชราภา ไชยเชื้อ ร่วมทริปเที่ยวยุโรปกับหนุ่มไฮโซ พก–ประธานวงศ์ พรประภา มีแต่ความสุขและความหวานแล้วยังได้ฉลองครบรอบ 1 ปีด้วย
บันเทิง,ข่าวบันเทิง
อั้ม พัชราภา,ไฮโซพก,ประธานวงศ์ พรประภา,ความสัมพันธ์,ความรักดารา,เที่ยวกับครอบครัว,ฉลองครบรอบหนึ่งปี,ดารา
https://www.thairath.co.th/entertain/news/1691385