title
stringlengths
2
223
body
stringlengths
496
195k
summary
stringlengths
34
1.83k
type
stringlengths
4
98
tags
stringlengths
2
1.52k
url
stringlengths
27
112
มะเร็งรุกหนัก สายัณห์อาการทรุดไม่สามารถขึ้นคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายในชีวิตได้
การแถลงอาการประจำวัน สร้างความตกใจให้สื่อมวลชนจำนวนมาก เพราะ สายัณห์ สัญญา อาการทรุดหนัก มีไข้ขึ้นสูง เซื่องซึม อ่อนเพลีย และพูดตอบโต้ได้น้อยลง เนื่องจากเชื้อมะเร็งได้ลุกลาม ไปยังตับ และม้าม ทำให้ตับทำงานบกพร่อง และอาจต้องเตรียมทำสแกนสมอง เพื่อตรวจว่าเชื้อขึ้นสมองหรือไม่ ซึ่งตอนนี้ทางครอบครัวใช้วิธีการรักษาสอง ทาง คือ แพทย์แผนปัจจุบันร่วมกับแพทย์ทางเลือก อาการที่ทรุดลงอย่างน่าใจหาย เป็นสาเหตุให้ต้องยกเลิกการทัวร์คอนเสิร์ตที่บ้านเกิดจังหวัดสุพรรณบุรี ที่มีขึ้นในช่วงเย็นที่ 16 สิงหาคมนี้ ทำได้เพียงส่งคลิปวิดิโอขอบคุณทุกกำลังใจให้มิตรรักแฟนเพลงด้านงานคอนเสิร์ตอำลาขวัญใจคนเดิมครั้งที่ 2 จัดขึ้นที่ ลานพระบรมราชาอนุสรณ์ดอนเจดีย์ มีการเตรียมเวที และเครื่องเสียงกันตั้งแต่ช่วงบ่าย มีแฟนเพลงจำนวนมากที่ติดตามข่าวและเป็นห่วงนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง ขณะที่แฟนเพลงจำนวนหนึ่งก็ยังปักใจเชื่อว่าจะได้พบหน้านักร้องในดวงใจ โดยค่าบัตรคอนเสิร์ตที่นั่งละ 200 บาท จะนำมาเป็นค่ารักษาพยาบาลต่อไป
มะเร็งที่ลุกลามไปทั่วตับ ส่งผลให้วันนี้อาการป่วยของนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง สายัณห์ สัญญา ทรุดหนัก ทำให้บรรดาแฟนๆ อดพบหน้านักร้องในดวงใจในคอนเสิร์ตอำลาขวัญใจคนเดิม ครั้งที่ 2 ซึ่งจัดขึ้นที่ จ.สุพรรณบุรี ขณะเดียวกันนักร้องดัง ก็ผิดหวังไม่ต่างกันส่งคลิปวิดีโอเพื่อขอโทษแฟนเพลง
ศิลปะ-บันเทิง
คอนเสิร์ต,มะเร็ง,สายัณห์ สัญญา,สุพรรณบุรี
https://news.thaipbs.or.th/content/190171
นายกฯ ไม่คาดหวังส่งตัว ยิ่งลักษณ์ กลับไทย ชี้เป็นดุลพินิจของอังกฤษ
เมื่อวานนี้ (9 ม.ค.2561) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งหลบหนีคดีรับจำนำข้าวไปพำนักที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ว่า แม้จะมีภาพถ่าย หรือคลิปวิดีโอของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ระบุว่าอยู่ที่อังกฤษ แต่ต้องรอการยืนยันจากอังกฤษอย่างเป็นทางการตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนการดำเนินการทางกฎหมาย เพื่อติดตามตัวเป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งไม่ได้สั่งการใดๆ เป็นพิเศษ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอนนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ยังไม่มีข้อมูลว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ อยู่ในอังกฤษในสถานะใดและใช้หนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ประเทศใด เพราะหนังสือเดินทางที่ออกโดยประเทศไทยถูกยกเลิกทั้งหมดแล้ว แต่กรณีนี้ไม่กระทบความสัมพันธ์ พร้อมยอมรับว่ารับรู้ตั้งแต่เดือนกันยายน 2560 จากรัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษ ซึ่งเล่าให้ฟังว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ อยู่ที่กรุงลอนดอน ของอังกฤษ ส่วนการที่ตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) ระบุไม่พบรายชื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในระบบการขอตัวส่งกลับมาดำเนินคดีนั้นเป็นเรื่องของตำรวจสากล ซึ่งเป็นผู้ถือกฎหมาย ซึ่งมีการประสานกันอยู่แล้วพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจกำลังส่งหนังสือสอบถามถิ่นที่อยู่ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปยังสำนักงานใหญ่ของตำรวจสากล ที่ฝรั่งเศส หลังจากมีภาพถ่ายคู่กับหญิงในต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา กองการต่างประเทศได้ติดต่อกับตำรวจสากลอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่สามารถชี้ชัดหรือระบุได้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ พำนักอยู่ที่ใด
นายกรัฐมนตรียอมรับไม่คาดหวังจะมีการส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะนอกจากเรื่องข้อกฎหมายแล้ว ยังขึ้นกับดุลพินิจของแต่ละประเทศ ขณะที่ รมว.ต่างประเทศ ยืนยันได้รับข้อมูลจากอังกฤษว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ อยู่ที่กรุงลอนดอนจริง ตั้งแต่เดือน ก.ย.2560
การเมือง
ยิ่งลักษณ์,ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร,กรุงลอนดอน,อังกฤษ,ตำรวจสากล,จำนำข้าว,รับจำนำข้าว,ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน,คดีจำนำข้าว,คดีรับจำนำข้าว,ThaiPBSnews,ThaiPBS,ไทยพีบีเอส,ข่าวไทยพีบีเอส
https://news.thaipbs.or.th/content/269230
เฟซบุ๊กขน AI ปกป้องโรฮีนจาในเมียนมา
ถูกใช้เป็นช่องทาง ในการเผยแพร่ข้อความที่สร้างความจงเกลียดจงชัง ดูหมิ่นเหยียดหยามชาวโรฮีนจา จนถูกกดดันจากทั่วโลก นอกจากเฟซบุ๊ก จะส่งคนลงพื้นที่เพื่อแก้ปัญหา รวมทั้งเพิ่มทีมงานตรวจตราคอนเทนต์แล้ว ล่าสุดยังได้ทดลองใช้ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ในการช่วยกวาดล้างข้อความที่สร้างความเกลียดชังในสังคมเมียนมาด้วย,วอชิงตัน โพสต์ รายงานว่า เฟซบุ๊กได้ว่าจ้างชาวเมียนมา ที่เชี่ยวชาญด้านภาษา เพิ่มอีก 60 คน เพื่อช่วยในการตรวจตราข้อมูล กำจัดข้อความที่สร้างความเกลียดชังและตั้งเป้าจะจ้างเพิ่มให้เป็นถึง 100 คนภายในสิ้นปี,อย่างไรก็ตาม ซาร่า ซู ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ของเฟซบุ๊ก เปิดเผยว่า ลำพังเฉพาะแรงงานมนุษย์ คงไม่สามารถช่วยกำจัดคอนเทนต์ไม่ดี ให้หมดไปได้โดยง่าย เฟซบุ๊กจึงนำปัญญาประดิษฐ์หรือ AI (Artificial Intelligence) เข้าไปทดลองใช้ในเมียนมาด้วย โดย ณ ปัจจุบัน AI สามารถตรวจสอบคอนเทนต์ที่ก่อให้เกิดปัญหาและลบออกได้ถึง 52% ของคอนเทนต์ที่ถูกลบหรือถอดออกทั้งหมด,ทั้งนี้ เฟซบุ๊กตกเป็นเป้าโจมตีของบรรดานักสิทธิมนุษยชน นักเคลื่อนไหว ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ตลอดจนองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) หลังปล่อยให้แพลตฟอร์มของตัวเอง กลายเป็นสื่อในการสร้างความเกลียดชัง ดูหมิ่น เหยียดหยามชาวโรฮีนจา,ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์ ตรวจพบเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า มีข้อความแสดงความเกลียดชังชาวโรฮีนจามากกว่า 1,000 ข้อความบนแพลตฟอร์มของเฟซบุ๊ก เช่น การใช้คำหยาบคายเรียกชาวโรฮีนจา เปรียบเทียบพวกเขาว่าเป็นสุนัขและหนอน รวมทั้งการเรียกร้อง ปลุกระดมให้กวาดล้างชาวโรฮีนจาให้หมดไปจากเมียนมา อันถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง โดยบางข้อความถูกโพสต์มานานกว่า 6 ปี และยังไม่ถูกลบออก,เฟซบุ๊ก ยังเรียกร้องให้รัฐบาลเมียนมา กำหนดมาตรฐานของการโพสต์ข้อความ ให้สามารถลบคอนเทนต์ที่อาจนำไปสู่เหตุการณ์ความรุนแรงและการทำร้ายร่างกายได้,วอชิงตัน โพสต์ ระบุว่า สำหรับเมียนมา ดูเหมือนว่าเฟซบุ๊ก จะตั้งใจแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับชาวโรฮีนจาอย่างจริงจัง เมื่อเปรียบเทียบกับความพยายามที่จะกำจัดข่าวลวง ซึ่งถือเป็นวาระแห่งชาติของเฟซบุ๊กเช่นกัน,เฟซบุ๊ก ระบุเพิ่มเติมว่า จะดำเนินการอย่างเข้มข้นกับสถานการณ์ในศรีลังกา อินเดีย แคเมอรูน และสาธารณรัฐแอฟริกากลาง เช่นเดียวกับที่ทำในเมียนมา.
วอชิงตัน โพสต์ รายงานว่า เฟซบุ๊กได้ว่าจ้างชาวเมียนมา ที่เชี่ยวชาญด้านภาษา เพิ่มอีก 60 คน เพื่อช่วยในการตรวจตราข้อมูล กำจัดข้อความที่สร้างความเกลียดชังและตั้งเป้าจะจ้างเพิ่มให้เป็นถึง 100 คน
ข่าว,ไอที
เฟซบุ๊ก,เมียนมา,บทความไซเบอร์เน็ต,นักสิทธิมนุษยชน,ยูเอ็น
https://www.thairath.co.th/news/tech/1357167
เปิดโมเดลรัฐธรรมนูญฉบับนิติราษฎร์ ร่างใหม่คาดใช้เวลา 9 เดือน
2550 นั้นมีคนได้ประโยชน์จากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ในช่วงร่างรัฐธรรมนูญก็มีการบอกให้รับไปก่อนแก้ทีหลัง พอจะแก้ก็บอกไม่ให้แก้ บ้านเราจะแก้อะไรก็ยากเหลือเกิน อาจจะถูกขู่ว่า อย่าแก้นะ เดี๋ยวปฏิวัติ ผมว่าเราเป็นอารยะมากพอ เราไม่ได้อยู่กันแบบอันธพาล ไม่ใช่ว่าไม่ได้ดั่งใจแล้วก็ใช้กำลังห้ำหั่นกัน วรเจตน์อธิบายต่อไปว่า ข้อเสนอของนิติราษฎร์เพื่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มี 2 ประเด็น คือ หนึ่ง วิธีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และสอง คือ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ควรจะมีหน้าตาอย่างไร จะตอบคำถามแก้ปัญหาการเมืองการปกครองของไทยอย่างไรเพื่อให้เราพ้นไปจากวงจรที่เกิดขึ้นมาหลายสิบปีเสียที วิธีการจัดทำรัฐธรรมนูญ วรเจตน์ กล่าวถึงวิธีการจัดทำว่า ให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2550 และจัดทำขึ้นมาใหม่ ซึ่งการใช้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเข้าสู่ปีที่ 5 แล้ว และสร้างปัญหาหลายประการ การเนิ่นช้าต่อไปเท่าไรยิ่งส่งผลเสียต่อสาธารณะมากขึ้นเท่านั้น อีกประการคือ ต้องการให้รัฐธรรมนูญใหม่นั้นมีความชอบธรรมสูงสุด คือ ให้ประชาชนออกเสียงประชามติ แต่การออกเสียงประชามติที่จะทำ จะไม่เป็นการออกเสียงแบบกำมะลออย่างทาผ่านมา ที่ว่าเป็นกำมะลอนั้นเพราะประชาชนที่ไปออกเสียงประชามตินั้นเขาไม่มีทางเลือก เพราะมีการเขียนไว้ว่า ถ้าไม่เอา คมช. กับครม. จะไปปรึกษากันว่าจะเอาอะไรมาใช้ เราเป็นสุภสาพบุรุษพอ เราไม่ทำแบบนั้น วรเจตน์กล่าวพร้อมระบุว่า การออกเสียงประชามติจะเป็นการเอาร่างฯ ไปให้ประชาชนเลือกระหว่าง รัฐธรรมนูญ 2550 กับรัฐธรรมนูญที่ทำขึ้นใหม่ว่าจะเอาอันไหน แล้ววัดกันโดยประชามติ กระบวนการจัดทำ ในส่วนของกระบวนการจัดทำ เขาเสนอในเบื้องต้นให้แก้ไขรัฐธรรมนูญปัจจุบันเพื่อเปิดทางให้มีการตั้งองค์กรที่จัดทำรัฐธรรมนูญ เรียกว่าคณะจัดทำรัฐธรรมนูญนิติรัฐและประชาธิปไตย ประกอบด้วยกรรมการ 25 คนให้สภาผู้แทนเลือก 20 คน วุฒิสภาเลือก 5 คน ในส่วนของสภาผู้แทนฯ ให้แบ่งโควต้ากันไปตามสัดส่วนผู้แทน พรรคที่มีส.ส. มากได้โควต้ามาก พรรค ส.ส. น้องก็โควต้าน้อย ในส่วนขอวุฒิสมาชิก ก็อยากให้วุฒิสมาชิกที่มาจาการเลือกตั้งเท่านั้นที่มีสิทธิเลือก แต่ก็เพื่อให้วุฒิสมาชิกจากการสรรหามีส่วนร่วมด้วยและมองในแง่ควาเมป็นไปได้ จึงแบ่งเป็นสองส่วน คือ ส.ว.จากการเลือกตั้งให้ตั้งได้ 3 คน ส่วน ส.ว.จากการแต่งตั้งที่ไม่มีความชอบธรรมตามระบอบประชาธปิไตยก็ให้เลือกได้ 2คน คุณสมบัติคือ ต้องไม่เป็น ส.ส. หรือ ส.ว. หรือข้าราชการการเมือง การกำหนดแบบนี้เกิดจากการศึกษาเปรียบเทียบกับรัฐธรรมนูญที่โดดเด่นของโลกหลายฉบับ ในส่วนของการมีส่วนร่วมของประชาชนก็กำหนดว่า เมื่อได้ตัวกรรมการแล้วก็มีการกำหนดกรอบการทำรัฐธรรมนูญ 30 วัน เมื่อกำหนดกรอบแล้ว กรรมการฯ มีหน้าที่ไปรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เสร็จแล้วก็ยกร่างฯ หลังจากนั้นนำร่างฯ นั้นเข้าสู่รัฐสภาเพื่อรับฟังความคิดเห็น และนำร่างฯ ไปพิจารณาแก้ไข ซึ่งป็นอำนาจของคณะกรรมการ สุดท้ายก็ได้เป็นตัวร่างฯ ฉบับใหม่ แล้วให้ประชาชนลงประชามติ และให้ประกาศเป็นรัฐธรรมนูญ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 9 เดือน ทั้งนี้วรเจตน์กล่าวว่า แน่นอนว่าจะมีบางฝ่ายจะเริ่มสกัด คือให้ยุบสภาไปเสีย แต่การยุบสภาจะไม่เป็นอุปสรรคต่อคณะกรรมการชุดนี้ วรเจตน์กล่าวว่า โดยกระบวนการนี้ ประชาชนมีส่วนร่วมได้สองส่วน คือขั้นตอนประชาพิจารณ์ รับฟังความคิดเห็นและขั้นตอนลงประชามติ ปิยบุตร แสงกนกกุล กล่าวเสริมว่า รูปแบบที่นิติราษฎร์เสนออาจจะไม่ถูกใจคนที่คาดหวังเรื่องการมีส่วนร่วมขนาดใหญ่ หรือรูปแบบสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ปี 2540 แต่รูปแบบที่นิติราษฎร์เสนอนั้น เป็นการศึกษาจากการร่างฯ ทั่วโลกซึ่งยอมรับว่า คณะกรรมการขนาดใหญ่ไม่สามารถดำเนินการร่างฯ รัฐธรรมนูญได้สัมฤทธิ์ผล ถึงที่สุดก็ต้องมีการจัดทำโดยคณะทำงานที่เป็นกลุ่มย่อยลงไปอีก ไอเดียสภาร่างฯ แบบไทยเกิดขึ้นเพราะรังเกียจนักการเมือง เป็นมายาคติที่เกลียดนักการเมือง บอกว่าเดี๋ยวเขียนเองก็เข้าข้างนักการเมือง และอีกประการหนึ่งคือ ต้องการถ่วงเวลา ปิยบุตรกล่าวและว่าเขาเห็นว่าโมเดลแบบสภาร่างรัฐธรรมนูญนั้นมีจุดอ่อนคือความล่าช้า ถูกเตะถ่วงเวลาไปเรื่อยๆ เขาย้ำว่าข้อเสนอการตั้งกรรมการชุดนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานสองข้อ คือความชอบธรรมทางประชาธิปไตยและประสิทธิภาพของการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ 00000000 ข้อเสนอคณะนิติราษฎร์ เรื่อง รูปแบบองค์กรยกร่างและจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ และกระบวนการยกร่างและจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ให้คณะรัฐมนตรีเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม หมวด 16 การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ โดยมีสาระสำคัญ ดังต่อไปนี้ ชื่อองค์กรผู้มีหน้าที่ยกร่างและจัดทำรัฐธรรมนูญ คณะจัดทำรัฐธรรมนูญนิติรัฐและประชาธิปไตย สถานะ เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ องค์ประกอบ ประกอบไปด้วยกรรมการ 25 คน ที่มา สภาผู้แทนราษฎร เลือกกรรมการ 20 คน โดยแบ่งตามอัตราส่วนของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของแต่ละพรรคการเมืองและกลุ่มพรรคการเมืองที่มีอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา เลือกกรรมการ 5 คน โดย 3 คนมาจากการเลือกของสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการเลือกตั้ง และ 2 คนมาจากสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการสรรหา การแบ่งให้สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเลือกกรรมการตามสัดส่วนจำนวนดังกล่าว คำนวณจากฐานจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 500 คน และสมาชิกวุฒิสภา 150 คน โดยให้ความสำคัญกับสภาผู้แทนราษฎรมากกว่าวุฒิสภา และให้ความสำคัญสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการเลือกตั้งมากกว่าสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการสรรหา ลักษณะต้องห้าม กรรมการต้องไม่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาหรือข้าราชการการเมือง ระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง หลังจากออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จ ให้คณะจัดทำรัฐธรรมนูญนิติรัฐและประชาธิปไตยพ้นจากตำแหน่ง ในกรณีที่มีการยุบสภาผู้แทนราษฎร ไม่กระทบกระเทือนถึงการดำรงอยู่และการปฏิบัติหน้าที่ของคณะจัดทำรัฐธรรมนูญนิติรัฐและประชาธิปไตย กระบวนการยกร่างและจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ การยกร่างและจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้คณะจัดทำรัฐธรรมนูญนิติรัฐและประชาธิปไตยดำเนินการตามกระบวนการและขั้นตอนภายในระยะเวลา ดังต่อไปนี้ กำหนดกรอบการยกร่างรัฐธรรมนูญ - 30 วัน รับฟังความคิดเห็น - 60 วัน ยกร่างรัฐธรรมนูญรายมาตรา - 60 วัน นำร่างรัฐธรรมนูญเข้าสู่รัฐสภาเพื่อรับฟังความเห็นและอภิปรายรายมาตรา แต่ไม่อาจแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติในร่างรัฐธรรมนูญได้ ในกรณีที่มีการยุบสภาผู้แทนราษฎร ให้วุฒิสภาทำหน้าที่เป็นรัฐสภา - 60 วัน นำความเห็นของรัฐสภากลับไปพิจารณาแก้ไข - 30 วัน นำร่างรัฐธรรมนูญให้ประชาชนศึกษาและรณรงค์ก่อนออกเสียงประชามติ - 30 วัน ประชาชนออกเสียงประชามติ ในฐานะประชาชนเป็นผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ ผลการออกเสียงประชามติให้ถือเป็นเด็ดขาด พระมหากษัตริย์ทรงประกาศใช้รัฐธรรมนูญ โดยมีประธานรัฐสภาเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ รวมระยะเวลาทั้งสิ้นประมาณ 9-10 เดือน
22 ม.ค.55 ที่หอประชุมศรีบูรพา (หอประชุมเล็ก) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ท่าพระจันทร์ วรเจตน์ ภาคีรัตน์ ตัวแทนนักวิชาการกลุ่มนิติราษฎร์ เสนอโมเดลการจัดำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยวิจารณ์ว่า รัฐธรรมนูญฉบับ
การเมือง,สิทธิมนุษยชน
คณะจัดทำรัฐธรรมนูญนิติรัฐและประชาธิปไตย,นิติราษฎร์,รัฐธรรมนูญฉบับนิติราษฎร์,โมเดล
https://prachatai.com/journal/2012/01/38874
สรุปสำนวนบิ๊กกิ๊ก10ธ.ค.-ลุยตรวจภาพวาด ร.3
เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.เผยถึงการดำเนินคดีกับเครือข่ายอดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ว่าได้สั่งการให้ชุดสืบสวนเร่งติดตามผู้ต้องหา 3 ราย ที่ยังหลบหนีอยู่ ประกอบด้วย นายปรีชา ดาราไตร, นายไพเชษฐ์ เมธีสริยพงศ์ ผู้ต้องหาตามหมายศาลจังหวัดพระโขนง คดีทวงหนี้ และ นายนพพร ศุภพิพัฒน์ หรือ เสี่ยนิค ผู้ต้องหาตามหมายศาลทหารกรุงเทพ ซึ่งคาดว่าจะสรุปสำนวนได้ทันภายในวันที่ 10 ธันวาคมนี้ เมื่อสรุปสำนวนเสร็จแล้ว ก็จะส่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พิจารณาสั่งคดีต่อไป,ผบช.น.กล่าวอีกว่า ส่วนในกรณีของ นาวาโท ปริญญา รักวาทิน หรือ เสธ.เจี๊ยบ ผู้บริหาร บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา ที่เข้ามอบตัวตั้งแต่วันที่ 6 ธันวาคม ที่ผ่านมานั้น ได้ทำการสอบปากคำเบื้องต้นแล้ว และในกรณีที่ นายนพพร พาดพิงถึงตำรวจสถานีตำรวจนครบาล วัดพระยาไกร อ้างว่าปิดบังหลักฐานทำให้ต้องตกเป็นเหยื่อนั้น ก็ได้เรียก พล.ต.ต.ชวลิต ประสพศิลป ผบก.น.5 และ พ.ต.อ.เกียรติณรงค์ เฉลิมสุข ผกก.สน.วัดพระยาไกร และหัวหน้างานทั้งหมด มาชี้แจงแล้ว ทุกคนยืนยันว่าไม่มีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้น,สำหรับการติดตามจับกุมตัว นายนพพร นั้น ล่าสุด ตำรวจยังคงกระจายกำลังค้นหาแหล่งหลบซ่อนอยู่ ซึ่งตำรวจย้ำว่า ผู้ต้องหาทุกคนจะไม่มีสิทธิ์ต่อรองใดๆ ทั้งสิ้น เพราะทุกอย่างต้องดำเนินการตามกฎหมาย,ส่วนความคืบหน้ากรณีพบภาพวาดสีน้ำมันพุทธประวัติ ฝีมือช่างหลวงสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ที่ถูกพบในร้านสวงค์ แอนทีค ย่านปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งเป็น 1 ในเครือข่าย อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางนั้น นายสหภูมิ ภูมิธฤติรัฐ ผอ.สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร กล่าวว่า ในวันที่ 11 ธ.ค. กรมศิลปากรจะนำนายทะเบียน และผู้เชี่ยวชาญด้านการคัดแยกโบราณวัตถุเข้าตรวจสอบ อย่างละเอียดอีกครั้ง รวมถึงเสาหินทรายแกะสลักเทวรูปสมัยลพบุรี ที่มีอายุนับพันปี และพระพุทธรูปสำริด ปางประทานอภัยสมัยอยุธยาที่คาดว่าน่าจะเป็นโบราณวัตถุล้ำค่าของประเทศ ซึ่งจากการตรวจสอบด้วยสายตา คาดว่าน่าจะมาจากพระอารามหลวงจากภาคกลาง ซึ่งต้องมีการตรวจสอบอีกครั้งอย่างละเอียด เนื่องจากตัวภาพชำรุดตามกาลเวลาและถูกซ่อมแซมไปแล้วบางส่วน.
ผบช.น.สรุปสำนวนคดีเครือข่ายอดีต ผบช.ก.ส่งให้ ตร.ในวันที่ 10 ธ.ค. เพื่อเสนอพิจารณาสั่งคดีต่อไป ขณะที่ ผอ.สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร เตรียมเข้าตรวจสอบภาพวาดสีน้ำมันสมัย ร.3 อีกครั้ง เตรียมขึ้นทะเบียนโบราณวัตถุ
ข่าว,ทั่วไทย
บิ๊กกิ๊ก,ภาพวาด ร.3,ฉ้อโกง,อาชญากรรม,ผบช.น.,ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล,ม.112,มาตรา112,เสธ.เจี๊ยบ,พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์,โบราณวัตถุ,ภาพวาดสีน้ำมัน
https://www.thairath.co.th/news/local/468078
โสมชบาจ๊ะจ๋า 13/02/62
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯทอดพระเนตรโครงการเลี้ยงแพะพันธุ์แบล็กเบงกอล ที่ อ.แม่ฟ้าหลวง ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ และศูนย์วิจัยฯชาน้ำมัน พืชน้ำมัน ที่ อ.แม่สาย เชียงราย 13 ก.พ. ตั้งแต่ 08.10 น.,เจ้าสัว เจริญ สิริวัฒนภักดี และ ไพรัช บูรพชัยศรี ปลื้มมาก เพราะลูกเขยของแต่ละคน โสมพัฒน์ ไตรโสรัส และ อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ได้เป็นศิษย์เก่าดีเด่นเซนต์คาเบรียล ซึ่งหล่อสุดในบรรดาศิษย์เก่าที่ได้รางวัลปีนี้,เพราะคนอื่นๆ มีอาทิ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ศุภชัย พานิชภักดิ์ พล.ต.อ.นพ.จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ พล.อ.อ.โยธิน ประยูรโภคราช พล.ร.ท.วศินสรรพ์ จันทวรินทร์ เสรี จินตนเสรี ดร.วาชิต รัตนเพียร เอกพันธ์ุ คุปตวัช,หญิงเหล็ก พญ.นลินี ไพบูลย์ หน้าตาสวยสดใส เพราะมีแต่เรื่องแสนสุข หลังลูกแต่งงาน ก็ฉลองครบ 23 ปีอาณาจักรกิฟฟารีน ที่ปั้นมาเหนื่อยยากจนยิ่งใหญ่ โดยได้ วัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ ไปเล่าประสบการณ์ให้สมาชิกขายตรงฟัง ซึ่ง คุณเผือก-วัฒน์ชัย ตื่นเต้นมากที่มีคนฟังเป็นหมื่น,ได้เครื่องวัดฝุ่น PM2.5 Airmon ที่เพื่อนนักธุรกิจใหญ่ในโตเกียว ให้มาก่อนหน้าที่เมืองไทยจะเจอฝุ่น นพ. สมโภช นิปกานนท์ ซึ่งวางทิ้งขว้าง รีบค้นมาแจกจ่ายเพื่อนๆที่มีลูกเล็ก และผู้สูงวัย แต่ไม่พอ จึงไปขอแบ่งมาอีก เที่ยวนี้เพื่อนๆเกรงใจ จึงขอจ่ายค่าชิปปิ้งและภาษี,คลุกคลีธุรกิจความ งามมานาน อลิสา อินทเสนี ระดมนวัตกรรมสวยๆงามๆจากทั่วโลก ที่ลองเองทุกทรีตเมนต์ จนได้ผิวสวยหุ่นเป๊ะ,มาเปิด Alanis Innovative Beauty Center ที่เกษรวิลเลจ วันที่ 15 ก.พ. เวลา 18.00 น.,มีคอนโดฯและบ้านหลายแห่ง ทั้งกรุงเทพฯ ระยอง พัทยา เขาใหญ่ และลอนดอน วันทนา มาดามของ พงษ์ชัย อมตานนท์ บิ๊กบอส Forth วิ่งไปมาดูแลไม่ได้หยุด ล่าสุด บินไปทำชาวเวอร์ที่บ้านลอนดอน--คอนโดฯ 1 ใน 10 ที่กรุงเทพฯ เลยถูกการไฟฟ้าถอดเครื่องวัด ตัดไฟ เพราะ คุณนายแป้น-วันทนา ลืมไปจ่าย.,โสมชบา
ได้เครื่องวัดฝุ่น PM2.5 Airmon ที่เพื่อนนักธุรกิจใหญ่ในโตเกียว ให้มาก่อนหน้าที่เมืองไทยจะเจอฝุ่น นพ. สมโภช นิปกานนท์ ซึ่งวางทิ้งขว้าง รีบค้นมาแจกจ่ายเพื่อนๆ
null
PM 2.5,สมโภช นิปกานนท์,ฝุ่นละออง,โสมชบาจ๊ะจ๋า,โสมชบา
https://www.thairath.co.th/lifestyle/woman/hisoceleb/1494355
เปิดใจไบเกอร์ ช่วยเด็กป่วยฝ่ารถติด ส่ง รพ. ตั้งใจช่วย ไม่ได้อยากเท่
จากกรณี โลกโซเชียลมีการแชร์คลิป ไบเกอร์หนุ่ม ช่วยนำเด็กป่วย ตาค้าง น้ำลายฟูมปาก ฝ่ารถติด ส่งโรงพยาบาลในพื้นที่ อ.เมืองพิษณุโลก ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น (,ชื่นชม ไบเกอร์ รับเด็กป่วยตาค้าง น้ำลายฟูมปาก ฝ่ารถติดส่ง รพ. (คลิป),),ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ไปพบกับ นายอิทธิพล เพชรพิบูลย์พงศ หรือติ๊ก อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นพนักงานของร้านสอาดอีเล็คทริค ถ.มิตรภาพ ต.ในเมือง อ.เมืองพิษณุโลก ได้รับการเปิดเผยว่า คลิปที่เกิดขึ้นนั้นเป็นช่วงเวลา 17.00 น. ของวันที่ 23 พ.ค. ที่ผ่านมา ตนเพิ่งกลับมาจาก จ.สุโขทัย และกำลังขับรถมุ่งหน้าไปทางสี่แยกวัดคูหาสวรรค์ ได้สังเกตเห็นมีรถจักรยานยนต์คันอื่นๆ ขี่ชะลอดูรถเก๋งสีดำคันหนึ่ง แล้วก็ขับผ่าน พอตนขับรถมาถึงรถยนต์เก๋งคันดังกล่าวก็เห็นว่า มีเด็กหญิงสวมชุดนักเรียน นอนไม่ได้สติอยู่บริเวณเบาะที่นั่งข้างคนขับที่เอนไว้อยู่ โดยมีผู้ชายที่เป็นคนขับ และทราบภายหลังว่าเป็นพ่อของเด็กคนดังกล่าว กำลังเขย่าตัวลูกสาวและร้องเรียกอยู่ตลอดเวลา ด้วยท่าทางที่กระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก เพราะว่าขณะนั้นรถติดและไม่มีใครทราบว่า ภายในรถมีเด็กช็อกอยู่,ตนจึงตัดสินใจจอดรถลงไปเคาะประตูรถ บอกให้คนขับช่วยเคลื่อนรถไปข้างหน้า เพื่อให้พ่อของเด็กขับรถไปชิดเกาะกลางถนน แล้วจึงให้พ่อเด็กอุ้มลูกสาวซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของตน เพื่อนำไปส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ระหว่างทางได้บีบแตรให้สัญญาณรถยนต์คันอื่นๆ เพราะเป็นช่วงเวลาหลังเลิกเรียน ที่มีรถติดมากทุกแยกที่มีสัญญาณไฟเขียวไฟแดง และสามารถนำเด็กไปส่งให้แพทย์ทำการรักษาที่โรงพยาบาลรวมแพทย์ได้ในที่สุด วันนี้ทราบว่าเด็กหญิงที่ป่วยนั้นมีโรคประจำตัว และอาการปลอดภัยดี พ่อและแม่ได้ย้ายไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลพุทธชินราชแล้ว,นายอิทธิพล กล่าวต่อว่า พ่อของเด็กได้โทรศัพท์มาขอบคุณตน ที่ได้ช่วยเหลือลูกสาวจนพ้นขีดอันตราย เหตุที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเพราะลูกสาวมีโรคประจำตัว คืออาการชักเกร็ง สำหรับสาเหตุที่ตนเองตัดสินใจช่วยเหลือในครั้งนี้ เพราะว่าตนเองเข้าใจหัวอกของคนเป็นพ่อ เนื่องจากตนเองก็มีลูกสาวที่อยู่ในวัยน่ารักน่าชังเช่นกัน และไม่ได้ช่วยเพราะอยากจะทำเพื่อความเท่ แต่ตั้งใจช่วยเหลือจากใจจริง ตนรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ที่รู้ข่าวว่าเด็กหญิงที่อยู่ในคลิปนั้นปลอดภัยดี และตนก็จะขอทำความดีเป็นคนดีของครอบครัว เป็นคนดีของสังคมตลอดไป.
เปิดใจ ไบเกอร์หนุ่ม ช่วยเด็กป่วย ชักเกร็งภายในเก๋ง ซ้อนท้ายฝ่ารถติด ส่ง รพ. บอกตั้งใจช่วย ไม่ได้อยากเท่ แต่เข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อ และดีใจมาก ที่รู้ว่าเด็กปลอดภัย
ข่าว,สังคม
ช่วยเด็กป่วย,ช่วยเด็กส่ง รพ.,พิษณุโลก,ชักเกร็ง,รถติด,ไบเกอร์,ไบค์เกอร์,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/society/1575175
ญาติตามหาหนุ่มเจ้าของร้านพรีเวดดิ้งนาน 4 วัน พบอีกทีเป็นศพดับปริศนาคารถ
เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 61 พ.ต.ต.จรูญ สังขารา สารวัตรเวร (สอบสวน) สภ.เมืองตรัง รับแจ้งเหตุพบศพคนในรถเก๋ง บริเวณสนามกีฬาเทศบาลนครตรัง 2 (ทุ่งแจ้ง-ไสลาว) จึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบ,ทั้งนี้ พบรถเก๋ง ยี่ห้อซูซูกิ รุ่นสวิฟท์ สีขาว หมายเลขทะเบียน กร 499 ภูเก็ต ภายในรถตรงเบาะด้านหลังคนขับ พบศพชายสภาพเปลือยกาย มีกางเกงขาสั้นสวมครอบศีรษะอยู่ โดยมีเข็มขัดนิรภัยพาดทับคออยู่ ทราบชื่อผู้ตายคือ นายภาคิน หรือกานต์ ศรนารายณ์ อายุ 32 ปี เจ้าของร้านภาคินเวดดิ้ง ,แพทย์ชันสูตรพลิกศพ พบรอยบาดแผลบริเวณลำคอ สภาพตามร่างกายทั่วไปไม่พบบาดแผล ประกอบกับสภาพศพขึ้นอืดผิวหนังเปื่อยยุ่ย คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 4 วัน ต้องส่งศพไปผ่าตรวจพิสูจน์ที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เพื่อรอผลพิสูจน์ทางนิติเวชยืนยันสาเหตุที่แน่ชัดอย่างละเอียดอีกครั้ง,จากการสอบถามญาติผู้ตาย ทราบว่า ทรัพย์สินในตัวผู้ตายหายไป เบื้องต้นมีสร้อยคอทองคำหนัก 7 บาท สร้อยข้อมือ แหวนทอง 2 วง และเงินสด 50,000 บาท และไอโฟน 1 เครื่องหายไป,ส่วนกระเป๋าเงิน นาฬิกาข้อมือ และกุญแจรีโมท ตกอยู่ในรถ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ทั้งนี้ทราบว่าก่อนหน้าญาติและกลุ่มเพื่อนได้โพสต์ประกาศตามหาแจ้งคนหายผ่านทางเฟซบุ๊ก,พ.ต.อ.เอกณรงค์ สวัสดิกานนท์ ผกก.สภ.เมืองตรัง ได้รับรายงานว่า ผู้ตายเป็นเจ้าของร้านภาคินเวดดิ้งชื่อดังในตัวเมืองตรัง คลุกคลีอยู่ในกลุ่มชายรักชาย ก่อนหายตัวไปขณะไปรับเพื่อนที่สนามบินตรังอย่างไร้ร่องรอย,เบื้องต้นยังไม่ระบุแน่ชัดว่าเป็นการฆาตกรรมจากร่องรอยบาดแผลบริเวณลำคอว่าเกิดจากการรัดคอหรือไม่ เพราะศพขึ้นอืดและพุพอง หรือประเด็นเล่นพิสดารจนถึงขั้นเสียชีวิตระหว่างคู่ขาภายในรถ ก่อนฉกทรัพย์สินมีค่าหลบหนีไป,อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่จะต้องรอผลผ่าพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ยืนยันและติดตามแกะรอยภาพจากกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ รวมทั้งประจักษ์พยานกลุ่มเพื่อนของผู้ตายเพื่อสืบสวนขยายผล เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดโดยเร็ว ซึ่งข่าวคืบหน้าจะรายงานต่อไป.
ญาติและเพื่อนประกาศตามหา หนุ่มเจ้าของร้านพรีเวดดิ้งชื่อดังในเมืองตรังนาน 4 วัน พบอีกทีเป็นศพเสียชีวิตภายในรถคู่ใจ ตร.ตั้งปมฆ่าชิงทรัพย์
ข่าว,ทั่วไทย
ฆ่าชิงทรัพย์,ฆ่าเจ้าของร้านพรีเวดดิ้ง,ฆ่าเปลือย,ฆ่าโหด,ตรัง,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/south/1167153
นาทีชีวิต เต่าออมสิน
วันนี้ (21 มี.ค.2560) รศ.สพ.ญ.นันทริกา ชันซื่อ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคสัตว์น้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ภาพและข้อมูลผ่านเฟซบุ๊ก Nantarika Chansue ภายหลังการแถลงข่าว เต่าออมสิน ตายแล้วในวันนี้ เวลา 10.10 น.โดยระบุว่า ออมสินจากไปแล้วทุกคนช่วยกันอย่างเต็มที่ แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตเธอไว้ได้เดือนกว่าที่ผ่านมา เรากลายเป็นเพื่อนที่นึกถึงกันตลอดเวลาตั้งแต่เห็นออมสินแช่น้ำนิ่งว่ายน้ำยากลำบาก จนเห็นเธอว่ายน้ำร่าเริง กินอาหารได้ และแล้วโชคร้ายก็มาถึง เมื่อลำไส้เกิดรัดพันกัน ผ่าตัดแก้ไขแล้ว ร่างกายที่อ่อนแอเพราะเสียโปรตีนมากมายจากน้ำในช่องท้อง พิษจากโลหะหนักที่มีสูงถึง 200 เท่าของเต่าปกติ และความอ่อนล้าจากการขาดอาหารมาเนิ่นนาน และพิษจากเชื้อในลำไส้ ความเครียด รวมกันกดภูมิคุ้มกันและทำให้ร่างกายไม่สามารถฟื้นคืนมาได้10.10 น. วันอังคารที่ 21 มีนาคม 2560ออมสินจากไปอย่างสงบนอนหลับให้สบายนะคะ Thank you for being my friend Bank RIP
ผอ.ศูนย์วิจัยโรคสัตว์น้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ภาพและข้อความแสดงความเสียใจต่อการจากไปของเต่าออมสิน ระบุ หนึ่งเดือนกว่าที่ผ่านมาเรากลายเป็นเพื่อนที่นึกถึงกันตลอดเวลา
สิ่งแวดล้อม
ไทยพีบีเอส,ThaiPBSnews,ข่าวไทยพีบีเอส,ThaiPBS,เต่าออมสิน
https://news.thaipbs.or.th/content/261036
ออมสิน โยน ผอ.พศ.ฟันวินัย ขรก.อมเงินทอนวัด
เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.60 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ทีมกฎหมายของวัดพนัญเชิง จ.พระนครศรีอยุธยา แถลงข่าวยืนยันว่า มีข้าราชการระดับสูงของ พศ.เรียกรับเงินทอนจากเงินอุดหนุนวัดจำนวน 2 ครั้ง รวมเป็นเงิน 10 ล้านบาท ว่า ตนทราบจากข่าวเหมือนกัน ยังไม่ทราบรายละเอียด ซึ่งเรื่องเงินทอนได้มอบให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ไปขอสรุปสำนวนจากกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ที่ได้แจ้งข้อกล่าวหากับข้าราชการของ พศ.ว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ดังนั้นบุคคลที่ถูกกล่าวหาต้องไปมอบตัว เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาต่อไป,เมื่อถามถึงการทำงานของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการทุจริตเงินอุดหนุนวัด มีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง นายออมสิน กล่าวว่า ต้องสอบถามจาก พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมเสน่ห์ ผอ.พศ.ในเรื่องนี้อีกครั้ง เนื่องจากยังไม่ส่งรายงานความคืบหน้าเข้ามาที่ตน แต่หากมีความคืบหน้าจะเรียกให้ทาง ผอ.พศ.มารายงานอีกครั้ง,นายออมสิน กล่าวต่อว่า วันนี้เรื่องต่างๆ มีความชัดเจนมากขึ้น โดยตำรวจเป็นคนแถลงเองว่า นางประนอม คงพิกุล รอง ผอ.พศ.มีส่วนเกี่ยวข้อง ขณะที่การดำเนินการกับ นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีต ผอ.พศ.ที่ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องนั้น คงต้องดำเนินคดีอาญาไปตามกฎหมายบ้านเมือง ซึ่งไม่เกี่ยวกับการสอบสวนทางวินัยเนื่องจาก นายนพรัตน์ เกษียณอายุราชการไปแล้ว ส่วนกรณีของนางประนอม ควรสั่งพักราชการทันทีหรือไม่ เนื่องจากทางตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาแล้วนั้น นายออมสิน กล่าวว่า ขอให้เป็นอำนาจของ ผอ.พศ.ซึ่งคงพิจารณาไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
ออมสิน ชี้ ขรก.พศ.ถูกแจ้งข้อกล่าวหาต้องมอบตัว โยน ผอ.พศ.ฟันเอาผิดวินัย
ข่าว,การเมือง
ออมสิน ชีวะพฤกษ์,เงินทอนวัด,เงินอุดหนุนวัด,พศ.,ศาสนา,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/politic/986523
ลอบโค่น พะยูง 150 ปี บนที่ดินดอนปู่ตา ชาวบ้านรุมสาปแช่ง
ชาวบ้านเสียใจ เฝ้าปกป้องรักษาต้นพะยูงใหญ่อายุ 150 ปี ที่ดอนปู่ตา มานานถึง 3 ปี จัดเวรยามเฝ้าทุกคืน แต่ยังถูกแก๊งค้าไม้ลอบเข้ามาตัดจนได้ ได้ยินเสียงล้มดังครืน รีบมาดู แต่คนร้ายหนีไปได้เห็นแต่ไฟท้ายรถ       ,เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 58 ที่ดอนปู่ตา ป่าชุมชนบ้านหนองแวง หมู่ 6 ต.โพนเขวา อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นายสมาน พรมสี ผู้ใหญ่บ้านหนองแวง หมู่ 6 นำเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ 28 ศรีสะเกษ - สุรินทร์ สำนักป้องกันและปราบปรามภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจปราบปรามยาเสพติดทรัพยากรธรรมชาติบ่อนการพนันฯ จ.ศรีสะเกษ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพนเขวา พร้อมด้วยกรรมการหมู่บ้านหนองแวง เข้าตรวจยึดไม้พะยูงขนาดใหญ่ สูงกว่า 15 เมตร อายุกว่า 150 ปี ที่ถูกกลุ่มขบวนการค้าไม้ ลักลอบตัดโค่นเพื่อนำส่งขายนายทุน แต่ไม่สามารถนำออกไปได้เพราะชาวบ้านมาพบก่อน,นายสมาน พรมสี ผู้ใหญ่บ้านหนองแวง หมู่ 6 กล่าวว่า พวกตนชาวบ้านหนองแวง ได้ช่วยกันปกป้องรักษาไม้พะยูงต้นนีมานานหลายปีแล้ว เพราะรู้ว่าเป็นที่ต้องการของกลุ่มขบวนการค้าไม้ โดยได้นำชาวบ้านจัดเวรยามมาเฝ้ากันตลอดทั้งคืน มาเป็นเวลาร่วม 3 ปี แต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะที่ชาวบ้านที่จะมานอนเฝ้ายังไม่ทันได้ออกจากบ้าน คนร้ายก็มาลักลอบตัดโค่นไม้พะยูงต้นขนาดใหญ่ล้มลง เมื่อชาวบ้านที่อยู่ใกล้ดอนปู่ตาได้ยินเสียงต้นไม้ล้ม จึงได้แจ้งตนพาชาวบ้านออกมา ส่งเสียงดังขับไล่คนตัดต้นไม้จนรีบขึ้นรถหนีไป เห็นเพียงแสงไฟท้ายรถ แต่ไม่รู้ว่าเป็นรถสี ยี่ห้อ และทะเบียนอะไร พวกตนจึงได้นอนเฝ้าไม้ไว้ทั้งคืน เพราะเกรงว่าคนร้ายจะย้อนกลับบมาขโมยเอาไป,อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ชาวบ้านรู้ข่าวต้นพะยูงที่พวกเขาช่วยกันปกป้องรักษาไว้ ถูกกลุ่มขบวนการค้าไม้ลักลอบตัดโค่น ต่างพากันเสียใจและสาปแช่งคนร้าย ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดไม้พะยูง พร้อมแจ้งความร้องทุกข์เพื่อให้พนักงานสอบสวน สภ.โพนเขวา ดำเนินการสืบสวนสอบสวนติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป.
ชาวบ้านเสียใจ เฝ้าปกป้องรักษาต้นพะยูงใหญ่อายุ 150 ปี ที่ดอนปู่ตา มานานถึง 3 ปี จัดเวรยามเฝ้าทุกคืน แต่ยังถูกแก๊งค้าไม้ลอบเข้ามาตัดจนได้ ได้ยินเสียงล้มดังครืน รีบมาดู แต่คนร้ายหนีไปได้เห็นแต่ไฟท้ายรถ
ข่าว,ทั่วไทย
ไม้พะยูง,พะยูง150ปี,พะยูง,ดอนปู่ตา,บ้านหนองแวง,ศรีสะเกษ,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวสังคม,ข่าวภูมิภาค
https://www.thairath.co.th/news/local/499697
คอมวยต้องรู้ วิเคราะห์ชิงเข็มขัด 51 กก. ยอดดอย-เพชรดำ มวย The Hero
วันเสาร์ที่ 26 พ.ค.นี้ เวลา 16.00-18.00 น. ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32,ยอดดอย แก้วสัมฤทธิ์ ยอดมวยจากบนดอย ที่ฟอร์มมวยกำลังสด เพราะมีพลังกำปั้นที่หนักหน่วงรุนแรง ที่สำคัญนั้น เพิ่งครองแชมป์เดอะฮีโรในพิกัดรุ่น 51 กิโลกรัม หลังจากระดมต่อยหมัดส่งร่างของ ยุทธพร สุธน ทนายความคู่ชิงแชมป์ว่าง ชนิดนับสั้นนับยาว พร้อมกับสำเร็จโทษเอาชนะน็อกลงมาในยกที่สอง ซิวแชมป์มาคาดเอวสวยหรู ซึ่งเป็นเกมการชกนัดชิงแชมป์ที่สนุกดุเดือด แต่บทสรุปไม่มีพื้นที่ให้ผู้แพ้ยืน เสาร์ที่ 26 พฤษภาคม ยอดดอย ได้คิวป้องแชมป์กับคู่ปรับเก่า เพชรดำ เด๋อแดนลำดวล หรือ เพชรนพเก้า ซึ่งเป็นคู่มวยในฝันของแฟนๆ มวย,หลังจากซิวแชมป์แล้ว ยอดดอย ก็เตรียมตัวที่จะขึ้นป้องกันแชมป์ในครั้งแรก โดยรอทางโปรโมเตอร์ได้ตัดสินใจเลือกคู่ชกที่ดีที่สุดมาเป็นผู้ท้าชิง ซึ่งทางทีมงานโปรโมเตอร์ ได้ลงมติอย่างเป็นทางการด้วยการดึงเอา เพชรดำ เด๋อแดนลำดวล หรือ เพชรนพเก้า ซึ่งเป็นคู่ปรับเก่าของ ยอดดอย ที่เคยประฝีมือกันมาแล้วในอดีต ชนิดดุเดือดเร้าใจแฟนๆ มวย เพราะ ต้นๆ ยอดดอย เดินหน้าต่อยหมัดเร่งที่จะน็อก เพชรดำ ให้ได้ แต่ เพชรดำ ก็เก๋าพอ ก่อนที่จะพลิกเกมหลังจากตั้งรับแล้วรอลุ้นให้ ยอดดอย เร่งเครื่อง พอปลายๆ เพชรดำ ก็เร่งเครื่อง เดินหน้าท้าดวลเข่า บดเบียดตีกระทุ้งหนักๆ แลกกับหมัดของ ยอดดอย ที่อ่อนแรงลง แลกกันชนิดที่แฟนๆ มวยยืนลุ้นเพราะนั่งไม่ติดเก้าอี้ ก่อนที่ครบยก เพชรดำ จะเฉือนเอาชนะคะแนนลงมาดุเดือดคว้ารางวัลซุปเปอร์โบนัสมาครอง แต่ครั้งนั้นเป็นอดีต,เสมือนคำกล่าวที่ว่า สถิติมีไว้ทำลาย ประวัติศาสตร์มีไว้ให้เตือนความทรงจำของคนรุ่นหลังและพร้อมที่จะแก้ไขไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิม ในวันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม มาพิสูจน์กันว่า ยอดดอย ที่ระยะนี้กำลังสด จะขึ้นป้องกันแชมป์พิกัด 51 กิโลกรัม กับคู่ปรับเก่า ที่เพชรดำ ตัวเองเคยแพ้คะแนนลงมาดุเดือด ว่าจะแก้มือล้างตาได้สำเร็จหรือไม่ แถมครั้งนี้มีแชมป์เป็นเดิมพัน จึงเป็นคู่ป้องกันแชมป์ที่น่าติดตามที่สุด เป็นคู่มวยในฝันที่แฟนๆ มวยต้องการชม
บรรดาแฟนหมัดมวยห้ามพลาดกับบทวิเคราะห์วิจารณ์คู่ระหว่าง ยอดดอย แก้วสัมฤทธิ์ กับ เพชรดำ เด๋อแดนลำดวล มวยคู่เอก ชิงเข็มขัด 51 กิโลกรัม ในศึกมวย The Hero
กีฬา,ไทยรัฐเชียร์ไทยแลนด์
ยอดดอย แก้วสัมฤทธิ์,เพชรดำ เด๋อแดนลำดวล,มวยไทย,เดอะ ฮีโร แชมเปียน แชลเลนจ์
https://www.thairath.co.th/sport/trcheerthai/1291432
มาเร็ว ทักษิณ อวยพรปีใหม่ 59 ส่งกำลังใจคนไทยฝ่าวิกฤติ
วันที่ 1 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มคนเสื้อแดง ได้โพสต์คลิป นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวอวยพรปีใหม่คนไทย ปี 2559 ว่า ปีใหม่ปีนี้ เป็นปีที่ต้องการกำลังใจเป็นพิเศษ เพราะสภาพบ้านเมืองวันนี้หลายคนยังวิตก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเมือง สังคม เศรษฐกิจ เพราะเป็นช่วงที่ถือว่า ค่อนข้างจะวิกฤติร้ายแรงมากที่สุด ตนอยู่ไกล ไม่รู้ว่าจะส่งอะไรมาให้นอกจากกำลังใจ คนเรามีมืด-มีสว่าง มีขึ้น-มีตก ใครที่ลำบากอยู่อดทนสักนิด แล้วก็จะผ่านไปได้ เพราะทุกวิกฤติมีโอกาส,       ,นายทักษิณ กล่าวต่อว่า ตนเชื่อว่าเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นของประเทศไทย หรือทั่วโลก ปัญหาด้านความไม่มั่นคงในทุกๆ ประเทศ ยังเป็นปัญหาสำคัญที่มีผลต่อเศรษฐกิจ วันนี้บ้านเรายังคงสภาพไม่เป็นประชาธิปไตย การที่สนใจจะมาลงทุน อยากค้าอยากขาย ก็คงต้องลดน้อยลงไป อดใจรอกันอีกนิดนึงครับ เพราะว่าไม่มีใครฝืนประชาธิปไตยได้ คนไทยเรามีสิทธิเสรีภาพมาโดยตลอด จะบังคับให้เราไม่มีสิทธิเสรีภาพ ก็คงทำได้ในระยะเวลาสั้นๆ และในที่สุดก็ต้องคืนสิทธิเสรีภาพให้เรา เพราะพวกเรามีศักยภาพในการทำมาหากินด้วยตัวเอง แต่อย่างไปสร้างสิ่งแวดล้อมที่เลวร้ายให้เราก็แล้วกัน,       ,นายทักษิณ กล่าวอีกว่า หวังว่าปีใหม่ปีนี้คงเห็นการเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะได้ประชาธิปไตยกลับคืนมา สังคมแห่งความสามัคคีจะกลับคืนมา เศรษฐกิจฟื้นตัว แต่คงใช้เวลาไปถึงครึ่งปีหลังโน่น ครึ่งปีแรกยังคงหนัก ให้อดทน ให้กำลังใจกันและกัน ขอให้ทุกคนพ้นทุกข์พ้นภัย มีสุขภาพที่ดี มีความมั่งคั่งในชีวิตต่อไป โชคดีปีใหม่ครับ
มาเร็ว! ทักษิณ อวยพรปีใหม่ 59 บอก ขอส่งกำลังใจให้คนไทยฟันฝ่าวิกฤติ เชื่อ ครึ่งปีหลังเศรษฐกิจฟื้นตัว ขอให้อดทน หวังปีใหม่เห็นการเปลี่ยนแปลง ได้ ปชต.-ความสามัคคี กลับคืนมา
null
ทักษิณ ชินวัตร,อวยพรปีใหม่,ส่งกำลังใจให้คนไทย,คลิปทักษิณ,ปีใหม่,ฝ่าวิกฤติ,ประชาธิปไตย,คนเสื้อแดง,ความสามัคคี,เศรษฐกิจดีขึ้น,เศรษฐกิจ,ไทย,ทั่วโลก,อดีตนายกรัฐมนตรี,กลุ่มคนเสื้อแดง,ข่าว,ข่าวการเมือง,ไทยรัฐออนไลน์
https://www.thairath.co.th/content/543307
ปส.เผย ปิยะณัฐ ให้การเป็นประโยชน์ จ่อออกหมายจับเพิ่ม
นายทหารพระธรรมนูญเดินทางมายังกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เพื่อขอสำนวนการตรวจสอบป้ายทะเบียนรถกงจักรที่พบในบ้านเช่าของหมู่บ้านสัมมากร จังหวัดปทุมธานี ที่นายนิพนธ์ กันตชาติ ผู้ต้องหาคดียาเสพติดมูลค่ากว่าพันล้านบาท เช่าไว้ส่วนการสอบปากคำ พ.ต.ปิยะณัฐ เจตน์จำรัส ทหารช่างสังกัดที่ 302 กองทัพภาคที่ 3 ค่ายบรมไตรโลกนาถ จังหวัดพิษณุโลก ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดียาเสพติด และถูกควบคุมตัวมากองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดตั้งแต่เมื่อวานนี้ (26 ม.ค.) พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดเผยว่า พ.ต.ปิยะณัฐ ให้การสอดคล้องกับนายนิพนธ์ที่ถูกจับกุมได้ก่อนหน้านี้ และเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีที่สามารถนำไปสู่การจับกุมผู้ร่วมขบวนการ ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างเตรียมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับเพิ่มอีก 2-3 คนขณะที่การติดตามตัว จ.ส.อ.วีนัส ศรีใจ คนสนิท พ.ต.ปิยะณัฐ ซึ่งอยู่ระหว่างการหลบหนี จากการสืบสวนพบว่ายังคงอยู่ในประเทศส่วนกรณีนักโทษชายพรียุทธ์ แพศย์ศกล หรือตี๋ ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำบางขวาง ที่นายนิพนธ์ให้การซัดทอดว่าเป็นหัวหน้าเครือข่ายและเป็นนายทุนในการสั่งยาเสพติดจากอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงรายนั้น เบื้องต้นได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันท์ชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ว่า ได้ทำการตรวจค้นแดนที่คุมขังนักโทษชายพรียุทธ์แล้ว พบว่ามีการเชื่อมโยงกับขบวนการค้ายาเสพติดจริงขณะที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า มีแนวคิดให้แยกหัวหน้าเครือข่ายกลุ่มผู้ค้าที่มีอำนาจสั่งการ ออกจากเรือนจำต่างๆ ไปคุมขังในพื้นที่ห่างไกลจากชุมชน เช่น เกาะ เพื่อให้ยากในการติดต่อสื่อสารขณะที่อีก 1 คดี ตำรวจปราบปรามยาเสพติดสามารถตรวจยึดยาไอซ์ได้ 5 กิโลกรัม และยาบ้าได้กว่า 380000 เม็ด จากขบวนการยาเสพติดภาคใต้ การเข้าจับกุมและตรวจยึดในครั้งนี้สามารถจับผู้ต้องหาได้ 3 คน ซึ่งมีหน้าที่ลำเลียงยาเสพติดจากตลาดไท มายังปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งย่านถนนพระราม 2 จังหวัดสมุทรสาคร ก่อนนำไปส่งพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งผู้ต้องหาสารภาพว่าได้ค่าจ้างในการขนส่งยาเสพติดครั้งละ 50000 บาท ส่วนผู้สั่งการจะติดต่อผ่านทางโทรศัพท์เท่านั้น
ตำรวจ ปส.เผย การสอบปากคำ พ.ต.ปิยะณัฐ เจตน์จำรัส หนึ่งในขบวนการคดียาเสพติดมูลค่ากว่าพันล้าน ถือเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และทำให้ตำรวจเตรียมขออนุมัติออกหมายจับเพิ่มอีก 2-3 คน
อาชญากรรม
นายทหารพระธรรมนูญ,นิพนธ์ กันตชาติ,ปส.,พ.ต.ปิยะณัฐ เกตุจำรัส,พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช
https://news.thaipbs.or.th/content/62304
ใบเตย ไม่หวง ปั๊บ รับได้แฟนคลับใกล้ชิด ต่างคนต่างใจกว้างจะได้ทำงานเต็มที่
ใบเตย-สุวพิชญ์ ไตรพรวรกิจ, ปลื้มได้รับบทบาทใหม่ๆใน ซีรีส์ ,Bangkok รัก Stories, ตอน Please ค่าย GMM BRAVO ช่อง GMM 25 เรื่องราวแก๊งเพื่อน 3 สาวโสดที่ต้องเจอเรื่องวุ่นๆของหัวใจว้าวุ่นมีรักที่ไม่ควรรัก ตรงกัน ข้ามกับรักในชีวิตจริงกับนักร้องหนุ่ม ,ปั๊บ วงโปเตโต้, ที่ขยันเติมหวานแถมเข้าอกเข้าใจกันดีทุกเรื่อง ใบเตย เล่าเรื่องรักเริ่มจากบทในจอว่า,เรื่องนี้ต่างจากที่เคยเล่นๆมา ชัดเจนเลย คือคาแรกเตอร์อาจารย์เพียงฟ้าจะเรียบร้อย มีความเป็นผู้หญิงแบบเชยๆไม่แต่งตัว ชอบผู้ชายฉลาด รักการอ่าน ต้องดูแลเขาได้ ต้องรักเดียวใจเดียว เค้าหลงรักอาจารย์คนนึงก่อนจะมาเป็นครู แต่เค้ากำลังจะแต่งงาน และยังมีลูกศิษย์มาช่วยเราตลอด เลยเกิดความสับสน,แต่ความรักชีวิตจริงดูกุ๊กกิ๊กกับพี่ปั๊บตลอด?,ก็เรื่อยๆค่ะ พี่เค้าก็ทำงานหนัก เราก็ถ่ายซีรีส์หนักเหมือนกัน เราโชคดีตรงที่พี่เค้าโตและทำงานตรงนี้มาก่อนเรานาน เค้าเลยรู้ว่าการที่ทำงานวงการบันเทิงมันเป็นไง ต้องรับมือกับอะไรหลายอย่าง เค้าก็มีแนะนำเราบ้าง เราเองก็บอกว่าไม่ต้องห่วงเลยทำงานไปเลย ไม่มีมางอแง,มีใครบอกมั้ยว่ายิ่งคบกันแล้วปั๊บยิ่งดูเด็กลง?,(หัวเราะ) เค้าก็เคยพูดนะคะว่าเหมือนเตยมาเติมบางสิ่งที่เค้าอาจลืมไปแล้ว เค้าทำงานตั้งแต่วัยรุ่นด้วยเลยต้องจริงจังตั้งแต่วัยรุ่น บางทีก็ขาดความสนุกสนานบางอย่าง ตอนนี้เค้าก็ได้กลับคืนมาเหมือนเป็นพลังดีๆกลับมา บางทีคิดเยอะไปไม่ดี ไม่คิดเลยก็ไม่ดี,คิดว่าคู่เราหวานมั้ย?,เตยมองว่าคู่เราสนุกสนานมากกว่า ไม่ได้หวาน ไม่ได้ตัวติดกันมุ้งมิ้ง ไม่ได้วันครบรอบวันพิเศษต้องซื้ออะไร เราใช้ชีวิตสนุกและพยายามเรียนรู้ซึ่งกัน และกัน, เวลาเค้าทัวร์คอนเสิร์ตมีไปดูบ้างมั้ย?,ถ้ามีโอกาสเราก็ไปค่ะ ผับบางที่น่าไปก็จะชวนค่ะ,เวลาเห็นสาวๆกรี๊ดเข้ามาเรารู้สึกยังไง? ,เรายืนไกลๆ เอาจริงๆเวลาพี่เค้ามีคนมาชอบมาขอถ่ายรูป หนูรู้สึกดีใจ มีความสุขนะ เพราะการที่เราทำงานตรงนี้สิ่งที่เป็นกำลังใจของเราคือแฟนคลับ เป็นแรงขับเคลื่อนที่อยากจะทำผลงานต่อๆไป ไม่ ค่อยเป็นห่วงเพราะพี่เค้าเป็นคนค่อนข้างระวังตัวเองอยู่เหมือนกัน,เราหวงหรือห่วงอะไรเค้ามั้ย? ,เอาว่าเป็นห่วงสุขภาพเค้าดีกว่าว่านอนพอมั้ย ถ้าเรื่องหวงหนูไม่อยากโฟกัสตรงนั้น เพราะเราก็ทำงานตรงนี้ เค้าก็ต้องใจกว้างกับเราเหมือนกัน ไม่งั้นการทำงานเรา 2 คนก็จะไม่เต็มที่,เค้างานเยอะเราก็งานเยอะมีทะเลาะกันไม่เข้าใจกันบ้างมั้ย?,ไม่มีทะเลาะกันรุนแรงค่ะ เราเด็กกว่าเยอะ ถ้ามีก็มีแต่เรามานั่งคุยกันเรื่องความเป็นเหตุเป็นผลนะ ถึงแม้จะเป็นเรื่องของความรู้สึก ก็ต้องอยู่กับเหตุผลค่ะ.
ทำเอานางเอกสาว ใบเตย-สุวพิชญ์ ไตรพรวรกิจ ปลื้มได้รับบทบาทใหม่ๆใน ซีรีส์ Bangkok รัก Stories ตอน Please ค่าย GMM BRAVO! ช่อง GMM 25
บันเทิง,ข่าวบันเทิง
ใบเตย สุวพิชญ์,ความรักดารา,แฟนปั๊บ,Bangkok รัก Stories,ปั๊บ โปเตโต้,ดารา
https://www.thairath.co.th/entertain/news/1021787
นักกิจกรรมจับเข่าคุย 19 กันยา 49 ถึง 19 พฤษภา 53 เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
พวกเขามาถึงจุดนี้ได้อย่างไรวานนี้ (18 ก.ย.2553) เครือข่ายนักกิจกรรมทางสังคมเพื่อประชาธิปไตย (คกป.) จัดสัมมนาถอดบทเรียน 19 กันยา 49 ถึง 19 พฤษภา 53 ณ ห้องเรียน 102 อาคาร 1 คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หัวข้อหนึ่งในการเสวนา กลุ่มนักเคลื่อนไหวทางการเมืองมาบอกเล่าว่า เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไรรัชพงษ์ โอชาพงษ์ ตัวแทนกลุ่มประกายไฟ กล่าวว่า หลังการรัฐประหาร19 กันยา 2549ประเด็นถกเถียงที่สำคัญของฝ่ายก้าวหน้าในช่วงเวลาที่ผ่านมาคือการตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ(นปก.) หรือไม่ จนกระทั่ง นปก.เปลี่ยนชื่อเป็นกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) การถกเถียงก็ยังไม่จบ โดยมีความคิดแบ่งเป็น 2 แนวทาง คือกลุ่มหนึ่งเข้าร่วมกับ นปช. เพราะเห็นว่ามวลชนที่เข้าร่วมกับกลุ่มเสื้อแดงมีความก้าวหน้า สามารถเข้าไปผลักดันประเด็นให้เห็นผลได้ ส่วนกลุ่มที่ไม่เข้าร่วมนั้นคำนึงถึงพื้นที่ในการทำงานที่ไม่ใช่ทั้งสีเหลืองและสีแดง สำหรับกลุ่มประกายไฟ ที่ผ่านมาไม่ได้เข้าร่วมกับฝ่ายไหนอย่างชัดเจนรัชพงษ์ กล่าวต่อมาถึงบทเรียนในการทำงานร่วมกับกลุ่มคนเสื้อแดงว่า จากช่วงที่สถานการณ์ความรุนแรงในการชุมนุมครั้งล่าสุดเริ่มเข้มข้นขึ้น ทางกลุ่มฯ ได้ประชุมหาทางออกกันแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร รู้สึกมืดมน เพราะในแง่หนึ่งรู้สึกว่าไม่สามารถเข้าไปมีส่วนผลักดัน หรือเข้าไปเคลื่อนไหวในขบวนการได้ ซึ่งอาจเป็นเพราะไม่ได้เข้าร่วมกับเสื้อแดงตั้งแต่แรกจึงทำให้ไม่มีพื้นที่ในกลุ่มคนเสื้อแดงเพื่อผลักดันประเด็นต่างๆ นอกจากนั้นบทเรียนที่สำคัญคือ หลายองค์กรที่เข้าร่วมก็ไม่ได้กำหนดจุดยืนที่ชัดเจนว่าจะไปผลักดันหรือทำงานเรื่องอะไรในกลุ่มคนเสื้อแดง หลายองค์กรเข้าร่วมโดยบอกว่าสนับสนุนการทำงานของแกนนำ แต่คำถามคือแกนนำเสนออะไรแล้วต้องเห็นด้วยทุกอย่างหรือไม่ตัวแทนกลุ่มประกายไฟ กล่าวด้วยว่า หลังการเฝ้าดูการเคลื่อนไหวขบวนการภาคประชาชนที่ตื่นตัวในยุคพันธมิตรฯ แต่ในช่วงหลัง เน้นเรื่องความหลากหลายมากเกินไป ทำให้เกิดปัญหาสำคัญเมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือก ยกตัวอย่างในกรณีของพันธมิตรฯ เพื่อนของเขาซึ่งอยู่ในภาคประชาชนไปร่วมกับพันธมิตรฯ ด้วยแบบไม่ยอมถอย ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ในแง่หนึ่งทำให้ตอนนี้คำว่าขบวนการภาคประชาชนและเอ็นจีโอ ในสายตาคนเสื้อแดงย่ำแย่ เกิดการตั้งกำแพงกับเอ็นจีโอโดยเหมาร่วมว่าเป็นพันธมิตรฯ ตัวอย่างเช่น การนัดหยุดงานของสหภาพแรงงานการรถไฟเพื่อคัดค้านการแปรรูป ถูกคนเสื้อแดงส่วนหนึ่งมองว่าเป็นการเคลื่อนของกลุ่มพันธมิตรฯ จึงไม่สนใจ โดยไม่ได้ดูถึงเรื่องเนื้อหาที่คัดค้าน แต่เคลื่อนไหวตรงข้ามไว้ก่อนบางครั้งเราอาจต้องตั้งคำถามว่า คำว่า เรา ในขบวนการเคลื่อนไหวที่มักเป็นฝ่ายก้าวหน้า เป็นหัวหอก เอาเข้าจริงแล้วมันควรมีลักษณะแบบไหน ใครที่เราควรคบเป็นมิตร ใครที่เราควรจะกันออกไป ใครที่เราควรจะมองว่าเป็นศัตรูเรา ตัวแทนกลุ่มประกายไฟ ตั้งคำถามและอธิบายว่าในการต่อสู้มักจะมีประเด็นที่แอบแฝงเข้ามา เช่น การต้านทุนนิยม แต่ต้านทุนนิยมแล้วจะเอาอะไร หากเลือกชุมชนนิยมแล้วสุดท้ายการขับเคลื่อนในแนวนี้จะนำไปสู่ชัยชนะอะไร แค่ไหนในขณะเดียวกัน ขบวนการคนเสื้อแดงที่บอกว่าต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยนั้น ประชาธิปไตยของคนเสื้อแดงจะเป็นเช่นไร จินตนาการปลายทางของการเข้าร่วมขบวนการจะนำไปสู่ตรงไหน เมื่อในกลุ่มแดงตั้งสมมติฐานขึ้นมาว่า ถ้ารัฐบาลมาจากการเลือกตั้งไม่มีสิทธิ์ไปไล่เขา เรื่องนี้ถูกต้องหรือเปล่า หากการเลือกตั้งเท่ากับความชอบธรรม แล้วประชาชนไม่มีสิทธิ์ไล่เขาจริงหรือนอกจากนี้ รัชพงษ์ ยังตั้งคำถามต่อมาถึงการล่มสลายขบวนการภาคประชาชนว่า จากพื้นที่ที่ได้ลงไปทำงาน พบว่าคนงานเวลามีประท้วงนัดหยุดงานของโรงงานมาบ้างไม่มาบ้าง แต่เมื่อคนเสื้อแดงนัดชุมชุมที่ผ่านฟ้ากลับไปกินไปนอนอยู่ที่นั่นทุกวัน ทำให้เกิดคำถามว่าวันนี้องค์กรแบบสหภาพแรงงาน องค์กรเรียกร้องผลประโยชน์มีปัญหาตรงไหน ทำไมจึงถูกมองข้าม แล้วทำไมแรงงานจึงเข้าร่วมกับเสื้อแดงมากกว่าการที่จะเข้าไปร่วมกับสหภาพแรงานวิภา ดาวมณี ตัวแทนกลุ่มเลี้ยวซ้าย กล่าวว่า มองจากประวัติศาสตร์สังคมไทยมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจุดที่เปลี่ยนมากคือในช่วง 6 ต.ค.19 มีแนวคิดต่างๆ เกิดขึ้นในสังคมไทยโดยแนวคิดที่สำคัญที่สุดคือแนวคิดสังคมนิยมหรือมาร์กซ และมีพรรคใต้ดินคือพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ถือเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่ประชาชนและนักศึกษาเปลี่ยนการต่อสู้จากเมืองสู่ป่า เข้าสู่การต่อสู้ในแนวทางของเหมาเจ๋อตง คือใช้ชนบทล้อมเมือง แต่ผลสรุปคือมันไม่ใช่สิ่งที่แก้ปัญหาได้ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสังคมไทยได้ อดีตคนที่เคยเข้าป่าส่วนหนึ่งกลับมาทำมาหากิน ส่วนหนึ่งไปทำงานในสิ่งที่คิดว่าสร้างประโยชน์แก่สังคมที่ดีงามโดยไปเป็นเอ็นจีโอวิภา กล่าวต่อมาว่าสาเหตุหนึ่งที่ประเทศไทยไปไม่ถึงไหน เพราะเอ็นจีโอหรือภาคประชาสังคมไทยได้แปรตัวเองไปรับใช้รัฐ ไปรับทุนจากภาครัฐ ไม่เชื่อมั่นในการเปลี่ยนแปลงอย่างถอนรากถอนโคนอีกต่อไป แต่เชื่อมั่นในแนวทางปฏิรูป ทำตัวเป็นหลุมเพาะของระบบทุนนิยม คือต้องการทุนนิยมนั่นเอง มาถึงปัจจุบันสิ่งที่พิสูจน์ได้ดีคือกลุ่มเอ็นจีโอได้เปลี่ยนไปเชื่อมั่นในการเปลี่ยนแปลงจากบนลงล่างและการเข้าถึงกลุ่มอำนาจหรือพรรคการเมืองเพื่อล็อบบี้ ซึ่งนี่คือจุดอ่อนของสังคมไทย และจุดอ่อนอีกอันหนึ่งคือทฤษฎีทางด้านเศรษฐศาสตร์การเมืองไทยในการเปลี่ยนแปลงสังคมไทยไม่มีความชัดเจน ขาดการพัฒนาและวิเคราะห์สำหรับองค์กรเลี้ยวซ้ายเราถือว่าตรงนี้เป็นโอกาสที่จะต้องกลับมารื้อฟื้นความคิดความเข้าใจเกี่ยวกับทฤษฏีมาร์กซ ทฤษฎีสังคมนิยมในสังคมไทย วิภากล่าวสำหรับองค์กรเลี้ยวซ้าย วิภา กล่าวว่ามาจากองค์กร กลุ่มประชาธิปไตยแรงงาน ก่อตั้งโดยกลุ่มผู้นำสหภาพแรงงาน 30 คน ซึ่งมีสมศักดิ์ โกศัยสุข หนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ร่วมด้วย ต่อมามีนักวิชาการคือ ใจ อึ๊งภากรณ์ เข้าร่วม หลังจากนั้นก็มีกลุ่มนักศึกษาเข้าร่วม แต่ตอนนี้หากกลับไปถามว่าคนที่เคยเข้าร่วมกับกลุ่มประชาธิปไตยแรงงานหรือองค์กรเลี้ยวซ้ายในปัจจุบันว่าเขาไปอยู่ที่ไหนกัน ตรงนี้อาจเพราะแนวทางของกลุ่มที่ไม่ชัดเจนในช่วงของการเปลี่ยนผ่านระหว่างจากเสื้อเหลืองเป็นเสื้อแดง หรืออาจเรียกว่าก่อนและหลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549วิภา กล่าวถึงการเป็นกลุ่ม สองไม่เอา ก่อนหน้านี้ว่า ก่อนการรัฐประหารมีการเคลื่อนไหวของมวลชนเสื้อเหลือง กลุ่มก็ไปตามกระแสมวลชน แต่เมื่อนานเข้าเจตนารมณ์และสิ่งที่นำมายึดเป็นหลักนั้นต่างไปจากจุดยืนขององค์กรเลี้ยวซ้าย คือมีการเชิดชูสถาบันสูงสุดแล้วเอามาใช้เป็นเครื่องมือในการประณามคนอื่น จึงพยายามอธิบายว่านี่เป็นความขัดแย้งของชนชั้นปกครอง 2 กลุ่ม แต่ในที่สุดก็ได้เรียนรู้ว่ามวลชนเสื้อแดงเป็นมวลชนที่มาจากชนชั้นล่างจริงๆ เป็นคนรากหญ้าผู้เดือดร้อน ในขณะที่มวลชนในกลุ่มเสื้อเหลืองส่วนหนึ่งเป็นคนชั้นกลาง และส่วนหนึ่งเป็นแม่บ้านที่ติดตามเอเอสทีวีที่รู้สึกว่า ทำให้เขากลายเป็นคนสำคัญ กลายเป็นคนที่สามารถเปลี่ยนแปลงสังคมไทยได้กลุ่มเลี้ยวซ้ายเรารู้เลยว่าควรเข้าข้างใคร และเรามีบทเรียนที่ว่าคนที่ไม่ได้ยืนอยู่เคียงข้างประชาชนมักจะเป็นผู้พ่ายแพ้ในที่สุด เราไม่สามารถเป็นสองไม่เอา หรือเอาทั้งสองได้ ในที่สุดเราจึงเชิดชูจิตใจที่กล้าหาญของมวลชน วิภากล่าวไชยวัฒน์ ตระการรัตน์สันติ ตัวแทนสมัชชาสังคมก้าวหน้า กล่าวว่า สมัชชาสังคมก้าวหน้าเป็นส่วนที่แตกออกมาจากกลุ่มองค์กรเลี้ยวซ้าย เพื่อทำงานกับคนเสื้อแดง โดยคิดว่าคนเสื้อแดงก้าวหน้า ทั้งนี้จากเหตุการณ์เดือนเมษายนเมื่อปี 52 ก็ได้เปลี่ยนมาใช้ชื่อสมัชชาสังคมก้าวหน้าซึ่งใช้อยู่ในปัจจุบัน ดังนั้นทางกลุ่มจึงไม่มีข้อลังเลเรื่องการเลือกข้าง เพราะได้เลือกข้างไปแล้ว และจากการชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อเดือนเม.ย.-พ.ค.ที่ผ่านมา ทางกลุ่มได้ยืนหยัดต่อสู้อย่างเต็มที่จนถึงวันเกือบสุดท้ายซึ่งเป็นเรื่องที่หนักและเป็นสิ่งที่ไม่ปรารถนา ทำให้ต้องกลับมาทบทวนยุทธศาสตร์การต่อสู้ที่เลือกสนับสนุนว่าถูกต้องหรือไม่ไชยวัฒน์ กล่าวต่อว่า จากการกลับไปทบทวน พบว่า ผู้ที่ต่อต้านทักษิณซึ่งคืออำมาตยาธิปไตย แต่ไหนแต่ไรมาจะกำจัดศัตรูแบบสุขุมและเยือกเย็น รอบคอบ แต่การจัดการทักษิณครั้งนี้กลับรุนแรงและใช้รูปแบบวิธีการที่ไม่เคยมีมาก่อน นั่นเพราะเหลือเวลาอยู่น้อยเต็มที จึงต้องพยายามสกัดอย่างสิ้นเชิงเพื่อให้ระบบดำรงอยู่ได้โดยไม่ถูกท้าทาย ตรงนี้ทำให้กลับมานั่งทบทวนว่าเมื่อเวลาของคนเสื้อแดงมีมาก ตั้งคำถามว่าการรุกเร้าให้ยุบสภาทันที ทั้งที่เมื่อยุบแล้วเลือกตั้งแล้วเพื่อไทยจะได้เป็นรัฐบาลจริงหรือไม่ หรือจะมีนายกฯ ที่เข้าสู่ตำแหน่งโดยไม่สามารถเข้าทำเนียบได้อีกหรือเปล่า ข้อเรียกร้องอย่างเอาเป็นเอาตายนั้นจำเป็นจริงหรือไม่ หรือจะใช้ยุทธวิธีที่ดีกว่าในการลดความสูญเสียเมื่อเดือนพฤษภาเรามีความเชื่อเรื่องทหารแตงโม แต่ถามจริงๆ ถ้ามีจริง เราจะมีสักเท่าไหร่ จะมีมากถึง 2 แสนคนที่จะรบกับกองทัพเขาหรือเปล่า อะไรพวกนี้มันเป็นคำถามที่จริงๆ แล้วในข้อจำกัดของคนอย่างพวกเรา มันมีเงื่อนไขการต่อสู้ที่ไม่เยอะ และมีปัจจัยที่เป็นทุน เราน่าจะกำหนดยุทธศาสตร์กันใหม่ นี่คือสิ่งที่พวกเราคุยกันว่าเราน่าจะเคลื่อนไหวยืดเยื้อยาวนาน และทำให้สีแดงมีความแข็งแกร่งและดำรงอยู่ โดยหลีกเลี่ยงการสูญเสีย ส่วนวิธีการยังไงเป็นเรื่องที่กำลังมองหาอยู่ ตัวแทนสมัชชาสังคมก้าวหน้ากล่าวสำหรับการปฏิรูปองค์กรคนเสื้อแดง ไชยวัฒน์กล่าวว่าเนื่องจากการมีมวลชนเข้ามาร่วมจำนวนมาก และเป็นมวลชนจริงๆ ซึ่งขีดความสามารถทางการเงินไม่สูง ในตัวองค์ความรู้ก็ไม่มาก เมื่อเผชิญหน้ากับคนแปลกหน้าก็จะไม่กล้าที่จะไปชี้แจงว่าทำอะไร เพื่ออะไร และยังต้องต่อสู้ทางความคิดกับคนอื่นๆ เพื่อชักจูงเข้ามาร่วม ทั้งนี้แม้มวลชนเสื้อแดงจะมีจำนวนมาก แต่มีอำนาจทางเศรษฐกิจต่ำ ทำอย่างไรที่ทำให้คนมีอำนาจทางเศรษฐกิจมากมาเข้าร่วม โดยการสร้างองค์ความรู้ วาทกรรมเพื่อทำให้คนเหล่านั้นมาสนับสนุนมากขึ้น เช่น กรณีสองมาตรฐานซึ่งแทงใจกลุ่มชุมชนนิยม แต่เรายังไม่สามารถทำให้เขาเห็นว่าการต่อสู้นี้เป็นการต่อสู้ที่ถูกต้องและเข้ามาร่วม หรือกรณีเขายายเที่ยง น่าจะได้ขยายฐานแนวร่วมไปยังคนที่มีปัญหาเรื่องที่ดิน ให้เห็นว่าสังคมไม่เป็นธรรม ไม่ใช่แค่ประเด็นความขัดแย้งระหว่าง นปช. กับพวกอำมาตยาธิปไตย รวมทั้งเรื่องรัฐสวัสดิการด้วยผมมีความเชื่อว่าการที่จะชนะกับคนที่มีอำนาจรัฐได้ เราต้องมีมวลชนจำนวนมาก ชัยชนะของคนเสื้อแดง เราไม่สามารถเอาชนะโดยอาศัยเพียงคนเสื้อแดง 60-70 เปอร์เซ็นต์ อาจไม่เพียงพอ เราต้องการคนทั้งหมดที่ต้องการเปลี่ยนระบบนี้ และเราจะทำอย่างไรให้คนจำนวนมากเข้าร่วมกับเรา ไชยวัฒน์กล่าว โดยยกตัวอย่างของมาร์กซที่สามารถเสนอแนวคิดสังคมนิยมให้คนยอมรับหลายล้านคนและเกิดการเคลื่อนไหวเพียงคำ ประดับความ ตัวแทนกลุ่มกวีตีนแดงหรือชื่อเป็นทางการคือ วรรณกรรมตีนแดง กล่าวว่าช่วงที่ผ่านมาในแวดวงวรรณกรรมมีความขัดแย้งทางความคิดทางจุดยืน การเลือกข้างกันค่อนข้างสูง และในส่วนตัวคิดรู้สึกเจ็บปวดมาก เมื่อกลุ่มคนในแวดวงวรรณกรรมแนวกระแสหลักที่มีในบ้านเราวันนี้เป็นกลุ่มคนที่ตื่นช้าที่สุด ที่ผ่านมาคนเสื้อแดงแพ้วาทกรรมในโลกวรรณกรรม หนึ่งเพราะนักเขียนวรรณกรรมกวีกลุ่มอำมาตย์ทำงานและทำงานได้ผล มีสื่อกระแสหลักขานรับ แต่นักเขียนกวีที่เลือกมาอยู่ฝ่ายเสื้อแดงถูกจัดให้เป็นชายขอบ เขียนแล้วไม่รู้จะเอาไปลงที่ไหนวันนี้เราแตกหักกับบางสิ่งบางอย่าง แล้วความแตกหักนี้มันดีตรงที่ว่ามันเป็นพลังให้เราคิดจะทำโน่นทำนี่ และที่เรามองเห็นความสำคัญของวรรณกรรม ก็เพราะคิดว่าวรรณกรรมมันรับผิดชอบเรื่องวาทกรรม เพราะสงครามที่ผ่านมาอย่างหนึ่งที่เราต้องสู้คือเรื่องของวาทกรรมด้วย มันเป็นสงครามวาทกรรม ยกตัวอย่างเช่นคำว่า ผู้ก่อการร้าย โจรแดง ต่ำ ถ่อย ทราม นี่คือการผลิตวาทกรรมขึ้นมาสู้กัน แล้วบังเอิญมันได้ผล ตัวแทนกลุ่มกวีตีนแดงบอกเล่าถึงความคิดเห็นหลังเปลี่ยนจากกวีสายลมแสงแดด มาต่อสู้เรื่องประชาธิปไตยหลังเกิดการรัฐประหาร 2549เพียงคำ กล่าวต่อมาว่า ถ้าจะวิเคราะห์กันเหมือนที่เอ็นจีโอพูด กวีก็อาจไม่ต่างกัน ส่วนตัวมองว่าคนที่ทำงานวรรณกรรมในบ้านเราช่วงเวลาที่ผ่านมายาวนาน ทั้งนักเขียน-กวีถูกผูกติดอยู่กับคุณธรรมจริยธรรม กลุ่มคนเหล่านี้คิดเหมือนกันหมดคือไม่เอาทุนนิยม ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นทุนนิยมในความหมายไหน แต่จุดที่ทำให้ทนไม่ไหวคือการที่กวีที่พอจะมีชื่อเสียงคนหนึ่งเขียนงานในช่วงเวลาที่มีการเข้ากระชับพื้นที่ที่แยกราชประสงค์โดยบอกว่า คนเสื้อแดงโง่ ถูกทักษิณหลอกมา สมควรแล้วที่จะต้องตาย และมีคนที่ยืนยันความคิดนี้ไม่น้อย ซึ่งเป็นการยากที่จะเปลี่ยนความคิดของคนเหล่านี้ ดังนั้นจึงคิดว่าต้องสร้างกวีนักเขียนของเราเองขึ้นมาหากคุณมาบอกว่าคนบางพวกที่คิดไม่เหมือนคุณมันสมควรตาย ไอ้การที่คุณเรียกร้องจากสังคม ว่าสังคมที่ดีงาม แล้วนักเขียนถูกผูกกับจริยธรรม ทำตัวเสมือนต่อมจริยธรรมของสังคม คุณต้องทบทวนแล้วว่า การที่คุณอยากเห็นคนตายเพราะคุณไม่ชอบเขาได้ มันเกิดอะไรขึ้นกับต่อมจริยธรรมของคุณทำไมดิฉันจึงต้องมาเคร่งเครียด กับคนที่เป็นนักเขียน เป็นกวีด้วย ทั้งๆ ที่เขาก็เป็นปัจเจกคนหนึ่งเหมือนเหมือนกับทุกคน นั่นเพราะคนพวกนี้เชื่ออย่างไรแล้วก็เขียน แต่พอเขียนออกไปแล้วมีคนอ่าน มีคนเชื่อ มีคนฟังเขา เพียงคำ ประดับความ กล่าวและว่า เมื่อมาถึงตรงนี้ได้สรุปกับตัวเองว่าอาจทำงานน้อยเกินไป ทั้งตัวเอง ทั้งกลุ่มปัญญาชน ซึ่งต่อไปคงต้องทำงานหนักให้มากขึ้น และอยากทำงานสุดเพดานของตนเอง ถ้าทุกคนช่วยกัน คิดว่าเราอาจจะมีอนาคตทั้งนี้ เพียงคำ ประดับความ ได้ประชาสัมพันธ์ว่า ยินดีร่วมทำงานกับชมรมวรรณศิลป์ ในมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อสนับสนุนกวีรุ่นใหม่ที่จะมาสร้างงานรับใช้ประชาธิปไตย นอกจากนี้ ทางกลุ่มฯ ได้จัดการประกวด Free Write Award ครั้งที่ 1 โดยเชิญชวนร่วมประกวดบทกวีเพื่อเสรีภาพ ความเท่าเทียม และศักดิ์ศรีแห่งมนุษย์ โดยต้องเป็นบทกวีที่มีจุดยืนสนับสนุนประชาธิปไตย ซึ่งไม่เคยเผยแพร่ที่ใดมาก่อน ไม่จำกัดฉันทลักษณ์ และจะประกาศผลในวันที่ 10 ต.ค.53 โดยในงานมอบรางวัล ผู้ได้รับรางวัลจะได้ร่วมอ่านกวีกับกวีรุ่นพี่ เช่น ประกาย ปรัชญา วัฒน์ วรรลยางกูร เดือนวาดพิมวนา รางชางมโนมัย ฯลฯสุญญาตา เมี้ยนละม้าย โฆษกสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมา สนนท.เคลื่อนไหวตามประเด็น จนเมื่อเกิดรัฐประหาร 2549 สนนท.แตกออกเป็น 2 กลุ่มคือมีทั้งสนับสนุนและไม่สนับสนุน ทั้งนี้ในช่วงเริ่มต้นของพันธมิตรฯ ที่มีการเคลื่อนไหวต่อต้านกลุ่มทุน สนนท.เข้าร่วมด้วยจนกระทั่งมีการเรียกร้องขอนายกพระราชทาน โดยอ้างมาตรา 7 และเริ่มมีการสนับสนุนรัฐประหาร สนนท.จึงแยกตัวออกมา ส่วนการที่ประกาศเข้าเป็นแนวร่วมกับกลุ่มคนเสื้อแดง ด้วยเหตุผลว่าคนเสื้อแดงเป็นกลุ่มของภาคประชาชนที่มีข้อเรียกร้องที่เป็นประชาธิปไตยสุญญาตา กล่าวแสดงความคิดเห็นทางการเมืองว่า นับตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ประชาธิปไตยไม่ได้ก้าวไกลไปกว่าจุดเดิมสักเท่าไร โดยเปรียบเทียบว่าประชาธิปไตยไทยเหมือนบูมเมอแรงที่ขว้างออกไปไกลแล้วก็กลับมาหาคนที่ขว้าง และคนกลุ่มนั้นคือคนที่มากะเกณฑ์แนวทางทางการเมืองและสังคมทุกอย่าง ยกตัวอย่างที่เห็นชัดเจนในยุครัฐบาลทักษิณ มีรัฐธรรมนูญปี 40 ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นประชาธิปไตย และบ้านเมืองมีความเจริญก้าวหน้ามาก แต่สุดท้ายบูมเมอแรงมันก็ย้อนกลับไปสูคนกลุ่มเดิมที่บงการสังคม สังคมไทยจึงไม่ได้เกิดการเรียนรู้ว่าประชาธิปไตยคืออะไร การรัฐประหารนั้นดีหรือไม่ดีอย่างไร เพราะปล่อยให้คนกลุ่มหนึ่งมาคอยบงการและสอนเราอยู่ตลอดสังคมไม่เคยเกิดการเรียนรู้ สังคมไม่เคยรู้สึกว่าเราเจ็บปวดจากนักการเมือง เจ็บปวดจากการบริหารประเทศที่ไม่เป็นสับปะรด แต่เราคอยปล่อยให้คนกลุ่มหนึ่งมาทำรัฐประหารให้เราตลอด แต่หลังจากที่เราได้เรียนรู้ ได้สัมผัสกับประชาธิปไตยที่กินได้ จับต้องได้จริง แต่เมื่อสิ่งที่เรากินได้จับต้องได้นั้นมันถูกโค่นล้มลงไป ตรงนี้สังคมจึงเริ่มเจ็บปวด เริ่มเรียนรู้ และลุกขึ้นมาต่อสู้ สุญญาตากล่าวสุญญาตา กล่าวต่อมาว่า จากเหตุการณ์ทางการเมือง เหลือง-แดง ที่ผ่านมาได้กระชากหน้ากากของสังคมไทยออกในหลายมิติ เช่น แนวคิดรักสงบของสังคมไทย ซึ่งความจริงคือการปฏิเสธการต่อสู้เรียกร้องของประชาชน คิดว่าเป็นการสร้างความรุนแรง แต่ไม่เคยมองลึกลงไปว่าคนเหล่านั้นมาต่อสู้เรียกร้องอะไร จึงเกิดวัฒนธรรมการเมินเพิกเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนที่มีความเห็นต่างจากเรา อีกทั้งความเชื่อทางศาสนาพุทธที่มองว่าคนเราเกิดมาสูงต่ำไม่เท่ากัน การเทิดทูนคนดี คนที่อยู่สูงส่งกว่าให้เป็นผู้นำ ให้เป็นผู้ปกครอง ทั้งที่หลักศาสนาพุธสอนว่ามนุษย์เท่ากันและยึดมั่นในหลักประชาธิปไตยทั้งนี้ในส่วนของคนเสื้อแดงเอง ยังไม่ได้มีการวิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อนอย่างชัดเจน เช่น จุดอ่อนที่ถูกมองว่าเป็นคนรากหญ้า ไร้การศึกษา แต่ความจริงเป็นคนเสื้อแดงเป็นกลุ่มคนที่มีความแตกต่างหลากหลาย ควรสื่อสารให้สังคมได้รู้ว่าคนเสื้อแดงเป็นองค์กรที่ก้าวหน้า มีความแตกต่างหลากหลาย เป็นประชาชนที่แท้จริง ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าปัญหาของคนเสื้อแดงคือคบอยู่แต่กับกลุ่มตัวเอง ขาดการหามิตร ตรงนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ ต้องเปิดกว้างกว่านี้ นอกจากนั้นปัญหาเรื่องการนำก็เป็นสิ่งที่เราต้องกลับมาวิพากษ์วิจารณ์เชื่อว่าการที่เรามาจุดนี้ ถือเป็นนิมิตรหมายอันดีของประเทศไทย มันแสดงให้เห็นว่าสังคมได้เรียนรู้ เพราะหากเราไม่เรียนรู้เราคงยอมรับการรัฐประหาร และคงอยู่กันแบบสงบสันติ แต่เชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดีแล้ว แม้จะมีการสูญเสียเกิดขึ้น ก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นบทเรียนที่เจ็บปวด ต้องจดจำเอาไว้ เพื่อที่จะไม่เดินซ้ำบทเรียนเดิมแต่เราจะร่วมกันสร้างบทเรียนใหม่ให้กับประชาชน และเยาวชนรุ่นต่อไปได้เรียนรู้ต่อไปนี้จะเห็นนักศึกษาในมาดใหม่ เราจะอยู่เคียงข้างประชาชน ตัวแทน สนนท.กล่าวลงท้ายปราศรัย เจตสันต์ ตัวแทนกลุ่มประชาคมจุฬาเพื่อประชาชน กล่าวแนะนำกลุ่มว่า เป็นกลุ่มใหม่ที่เริ่มก่อตั้งขึ้นในช่วงที่เกิดเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่ผ่านมา เกิดจากการรวมกลุ่มกันผ่านทางเฟซบุ๊คของนิสิตจุฬาฯ ที่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง และมองเห็นความผิดของรัฐบาลที่สั่งฆ่าประชาชนกลางถนน ส่วนผลงานที่ผ่านมายังไม่มาก มีกรณีการล่ารายชื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวนายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งถูก ศอฉ. ควบคุมตัวด้วยข้อหาผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ นอกจากนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกิจกรรมในวงเสวนา เพื่อหาแนวร่วม และรวมกลุ่มความคิดเห็นเดียวกันในจุฬาฯ ที่ผ่านมามีกิจกรรมดูหนังที่เกี่ยวกับการเมือง การเปลี่ยนแปลงสังคม โดยเชิญนักวิชาการมาสะท้อนความคิดปราศรัย กล่าวด้วยว่า นักศึกษาถือเป็นคนรุ่นใหม่ที่ต้องศึกษาเรียนรู้ หาประสบการณ์จากอดีต และมองว่าการเรียนรู้ควรเป็นการเสริมปัญญา เพราะในขบวนการเคลื่อนไหวไม่ว่าเหลืองหรือแดงไม่ค่อยมีนักศึกษา แต่กลับเป็นคนที่เคยต่อสู้มาแล้วตั้งแต่เหตุการณ์ 6 ตุลาซึ่งก็ยังต้องมาสู้อีก อย่างไรก็ตาม นักศึกษาในปัจจุบันไม่ได้เกิดมาภายใต้การกดดันของรัฐบาลเผด็จการเช่นในอดีต แต่เป็นเผด็จการซ่อนรูปที่แนบเนียน และสภาพสังคมที่เป็นทุนนิยมก็มีผลอย่างมากต่อการเข้ามาร่วมเคลื่อนไหวของนักศึกษาซึ่งจะไม่โดดเด่นเหมือนในอดีตแล้ว อย่างไรก็ตามส่วนตัวมองว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะการทำให้สังคมทังสังคมขยับขยาย เคลื่อนตัวได้เอง ดีกว่าการฝากความหวังกับใครกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่มันคือทุกกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคม โดยทุกคนเห็นปัญหาเหมือนกันปราบ เลาหะโรจนพันธ์ เลขาธิการกลุ่มประชาคมธรรมศาสตร์คัดค้านอำนาจนอกระบบ กล่าวถึงที่มาว่า กลุ่มฯ เริ่มต้นอย่างไม่เป็นทางการเมื่อปี 2551 โดยใช้ชื่อนี้ในการลงชื่อท้ายแถลงการณ์คัดค้านอำนาจนอกระบบ และมอบพวงหรีดให้กับ นายสุรพล นิติไกรพจน์อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ร่วมมือกับกองทัพกดดันรัฐบาลที่นำโดยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ให้ลาออก หลังจากนั้น ทางกลุ่มก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร แต่จับกลุ่มกันอยู่หลวมๆ และในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาก็ได้เริ่มมีการพูดคุยและทำกิจกรรมขึ้นอีกครั้ง โดยมีการแจกประกาศคณะราษฎร ในกิจกรรมวันแรกพบของธรรมศาสตร์ การร่วมล่ารายชื่อในแถลงการณ์ให้ปล่อยตัวนายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และแถลงการณ์เรียกร้องให้ปล่อยตัวนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุดเมื่อสมาชิกกลุ่มทำกิจกรรมก่อนหน้านี้จบการศึกษาไป คนที่เหลือจึงรวมตัวและก่อตั้งกลุ่มอย่างเป็นทางการ โดยมีคณะกรรมการราว 20 คน และวางแผนการทำกิจกรรมต่างๆ ล่วงหน้าเอาไว้ ยกตัวอย่างกิจกรรมที่ผ่านมา เช่น กิจกรรม กรวดน้ำ-คว่ำขัน-รักกัน-ชาติเดียว จากใจนักศึกษาถึงอธิการบดี ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ ซึ่งกำลังจะพ้นตำแหน่งอธิการบดี และล่าสุดคือกิจกรรมวันที่ 19 กันยานี้ ซึ่งจะมีการรวมตัวกับ กลุ่มประชาคมจุฬาเพื่อประชาชน ที่ลานประติมากรรม มธ.เพื่อเดินขบวนมาร่วมกิจกรรมที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในช่วงเช้าปราบ กล่าวถึงการถอดบทเรียนกิจกรรมทางการเมืองของนักศึกษาว่า จากการพูดคุยได้สมมติฐานที่ว่าการทำกิจกรรมที่ดูเหมือนเป็นการออกตัวแรง ทำให้กลายเป็นพวกฮาร์ดคอร์ พวกหัวรุนแรงในสายตากลุ่มนักศึกษาและประชาชนทั่วไป แม้ด้านหนึ่งอาจได้คนที่คิดเหมือนกันเข้ามาร่วมกลุ่ม แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้ระยะห่างกับนักศึกษาทั่วๆ ไปมีมากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัญหาในการดึงให้เขาเข้ามาร่วมกิจกรรมทางการเมือง ดังนั้นจึงมีแนวทางว่า จะจัดกิจกรรมด้วยความระมัดระวัง เช่น ชื่อกิจกรรมล่าสุด 4 ปี รัฐประหาร ประเทศชาติไม่ดีขึ้น ซึ่งคิดว่าเป็นความเห็นร่วมของคนแทบทุกกลุ่มผมต้องการคนที่อยู่ตรงกลางตรงนี้เข้ามาอยู่ในกลุ่ม ให้เขาเข้ามาเรียนรู้วิธีคิดของเรา เข้ามาแลกเปลี่ยนความรู้ เมื่อถึงจุดจุดหนึ่งถ้าเขาต้องการไปร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่มการเมืองระดับประเทศ นั่นก็เป็นสิทธิเสรีภาพของเขา ตัวแทนกลุ่มประชาคมธรรมศาสตร์คัดค้านอำนาจนอกระบบกล่าวปราบ กล่าวด้วยว่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ถูกเชิดชูว่าเป็นมหาวิทยาลัยของประชาชน เพราะธรรมศาสตร์รักประชาชน แต่นักศึกษาปีหนึ่งที่เข้ามากลับไม่มีใครจัดกิจกรรมทางการเมืองเพื่อให้พวกเขาได้เรียนรู้ แล้วคนที่เข้ามาในธรรมศาสตร์แล้วอยากเห็นภาพการเมืองในธรรมศาสตร์จะทำอย่างไร นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่มีการตั้งกลุ่มนี้ขึ้นมาเพื่อรองรับ ดังนั้นนักศึกษาปีหนึ่งในกลุ่มจึงมีจำนวนมากธรรมศาสตร์อยู่ในช่วงยุคสายลมแสงแดดมาแล้ว ต่อไปคนก็จะเข้าสู่ยุคแสวงหา ผมเชื่อว่าในตอนนี้ ในช่วงที่มีประเด็น 91 ศพนี้ การรับผิดชอบในชีวิต ผมคิดว่าคน นักเรียน นักศึกษาจะเข้ามาสนใจในเรื่องนี้มากขึ้น ปราบแสดงความเห็น
กลุ่มนักกิจกรรม นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และนักศึกษา มาบอกเล่าแนวความคิด การทำงาน ประสบการณ์และถอดบทเรียน หลังการรัฐประหาร 19 กันยา 49 และเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อ 19 พฤษภา 53 ที่ผ่านมาว่า
การเมือง,คุณภาพชีวิต,สิทธิมนุษยชน,การศึกษา,สังคม
กลุ่มกวีตีนแดง,กลุ่มประกายไฟ,กลุ่มประชาคมจุฬาฯ เพื่อประชาชน,กลุ่มประชาคมธรรมศาสตร์คัดค้านอำนาจนอกระบบ,คนเสื้อแดง,นักกิจกรรม,นักศึกษา,ภาคประชาชน,สนนท.,สมัชชาสังคมก้าวหน้า,สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย,องค์กรเลี้ยวซ้าย
https://prachatai.com/journal/2010/09/31154
โสมชบาจ๊ะจ๋า 26/09/61
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯเปิด นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก กับการสาธารณสุขไทย ที่สยามพารากอน วันที่ 29 ก.ย. เวลา 14.00 น.,พระราชทานเพลิงศพ อัครวัฒน์ โอสถานุเคราะห์ ที่วัดมกุฏกษัตริย์ 30 ก.ย. เวลา 14.00 น.,ไปเยี่ยมชมทำเนียบทูตไทย ณ กรุงโตเกียว จีรานุช ภิรมย์ภักดี เห็นภาพวาดสวยๆ ฝีมือดีระดับมืออาชีพ ผลงานของ ยุพดี มาดามท่านทูต บรรสาน บุนนาค ที่ประดับทั่วทำเนียบแล้ว ถึงทราบว่าต่างเป็นลูกศิษย์ศิลปินคนเดียวกัน คือ อาจารย์ อดิศร พรศิริกาญจน์,เคยได้รางวัล อาจารย์ผู้สอนดีเลิศของศศินทร์ (Teaching Excellence Award) มาแล้วถึง 3 ครั้ง ในปี 2553 2557 และ 2558 ล่าสุด รศ.ดร.กฤษติกา คุณนายคนเก่งของ พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ได้ของปี 2560 มาอีก ในโอกาสครบ 36 ปีการก่อตั้งสถาบันศศินทร์,คุณย่าคนสวย ยุพาพร สหวัฒน์ ชื่นใจมาก เพราะเพื่อนชมว่า น้องกันนี่ ลูกชายคนโตของ ภัทรนีนา เป็นหนุ่มน้อยวัยรุ่นที่น่ารัก มีสัมมาคารวะกับผู้ใหญ่ และไม่ติดหรูแบบลูกหลานมหาเศรษฐีบางคน เพราะปิดเทอม ก็ไปเรียนรู้งานของ วนชัย กรุ๊ป กับคุณลุง วรรธนะ เจริญนวรัตน์ ที่ถ่ายทอดวิชาให้หลาน จะได้ทำงานแทน ให้ ลุงรัก-วรรธนะ วางมือเที่ยวเล่นเต็มที่บ้าง,ช่วงนี้ นันทวัลย์ เหล่าสินชัย สลัดรองเท้าส้นสูงปรี๊ด มาใส่สนีกเกอร์เก๋ เพื่อให้เข้ากับงาน Central | ZEN Sneaker Mania เอาใจคนรักสนีกเกอร์ โดยมีแบรนด์ดังคอลเลกชันล่าสุด อาทิ Adidas, Nike, Puma, Reebok ฯลฯ มาให้เลือก ตั้งแต่ 26 ก.ย.-10 ต.ค. ที่เซ็นทรัล ชิดลม,เทพรักษ์ เหลืองสุวรรณ ประธานใจดี วตท.19 จัดทริปพาไปจางเจี่ยเจี้ย ตามที่เพื่อนๆเรียกร้อง โดยบอกให้ทุกคนฟิตแข้งขาให้แข็งแรง เพราะวัยเกิน 60 หลายคน และต้องเดินชมวิวกันแบบอึดถึกมาก,หลังกลับมาใช้นามสกุลเดิมกว่าปี พรทิวา ศักดิ์ศิริเวทย์กุล ก็มีกิจกรรมมากมาย จนไม่มีเวลาเหงา ทั้งแนววิชาการและสนุกกับหลักสูตร tepcot รุ่น 11 และปฏิบัติสมาธิอย่างเคร่ง--จน โสมชบา ซึ่งตื่นมากลางดึก เคยตกใจ เมื่อเห็น คุณวา ซึ่งไปดูงานเมืองนอกด้วยกัน และนอนห้องเดียวกัน นั่งเป็นเงาทะมึนในความมืด เพราะตื่นมาทำสมาธิตอนตี 2,ไปทำบ้านพักผ่อนให้บุพการี พลเอกจิรพงศ์-บุญเสริม วรรณรัตน์ ที่เขาใหญ่ แต่ อัครรัฐ วรรณรัตน์ ยังไม่เคยไปเลย แต่ที่ขำกว่า คือมารดา บุญเสริม เองไปอยู่มาหลายปีแล้ว แต่ไม่เคยเดินทั่วบริเวณบ้านและลงไปชมสวน เพราะมีอุปกรณ์ทุ่นแรง คือกล้องส่องทางไกล เอาไว้ดูรอบบ้าน พาโนรามา เพื่อสั่งงานคนสวนและแม่บ้าน.,โสมชบา
ไปเยี่ยมชมทำเนียบทูตไทย ณ กรุงโตเกียว จีรานุช ภิรมย์ภักดี เห็นภาพวาดสวยๆ ฝีมือดีระดับมืออาชีพ ผลงานของ
null
จีรานุช ภิรมย์ภักดี,บรรสาน บุนนาค,อดิศร พรศิริกาญจน์,โสมชบาจ๊ะจ๋า,โสมชบา
https://www.thairath.co.th/lifestyle/woman/hisoceleb/1383458
นายกฯ มาสภา ยัน เคารพทุกความเห็น อยากให้ช่วยกันฟังที่มีเหตุผล
นายกฯ เข้าสภา 4 วันติด ยัน เคารพทุกความเห็น อยากให้ช่วยกันฟังที่มีเหตุผล ชี้ มีแต่คนพูด แต่ไม่มีคนฟัง ขณะเสนอตั้ง กมธ.ติดตามใช้เงิน พ.ร.ก.เงินกู้ ระบุ มีกลไกอยู่ข้างนอก แต่เขาไปเสนอกันเองในห้องวันที่ 30 พ.ค. ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เดินทางร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณา พ.ร.ก.ในวันที่ 4 โดยกล่าวถึงบรรยากาศการประชุมตลอดทั้ง 4 วัน ว่า ทุกครั้งก็เหมือนกันอย่างนี้ ซึ่งพูดคล้ายๆ ของเดิม มีแต่คนพูด แต่ไม่มีคนฟัง และถามคนตอบคนแต่ไม่มีคนฟัง เก้าอี้เยอะแยะแต่ว่างหมดเลย ดังนั้นให้ช่วยกันฟังอะไรที่มีเหตุมีผลแล้วกัน ซึ่งตนก็เคารพทุกความเห็นผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ฝ่ายค้านระบุว่า รัฐบาลยังไม่รับฟังความคิดเห็นในการเสนอตั้งกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ ตรวจสอบการใช้งบประมาณของ พ.ร.ก.กู้เงิน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขาเสนอกันในห้อง แล้วก็ตอบรับกันเองในห้องไม่ใช่เหรอ ผมว่าไม่ใช่มั้ง และกลไกข้างนอกก็มีอยู่เยอะผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเข้าร่วมการประชุมสภาในเวลาไล่เลี่ยกันกับนายกฯโดยขึ้นลิฟต์จากลานจอดรถไปยังห้องประชุมทันที
นายกฯ เข้าสภา 4 วันติด ยัน เคารพทุกความเห็น อยากให้ช่วยกันฟังที่มีเหตุผล ชี้ มีแต่คนพูด แต่ไม่มีคนฟัง ขณะเสนอตั้ง กมธ.ติดตามใช้เงินพ.ร.ก.เงินกู้ ระบุ มีกลไกอยู่ข้างนอก แต่เขาไปเสนอกันเอง
ข่าว,การเมือง
อภิปราย พ.ร.ก. เงินกู้,พ.ร.ก. เงินกู้,ประชุมสภา,เงินกู้ 1.9 ล้านล้าน,ประยุทธ์ จันทร์โอชา,มีแต่คนพูดไม่มีคนฟัง,ประชุมสภาผู้แทนราษฎร,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/politic/1857464
สุเทพ คารวะแผ่นดิน ชาวตลาดเมืองเพชรต้อนรับดี ไร้เงา คน ปชป.มาร่วม
เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 27 พ.ย. คาราวานรถยนต์หาเสียงพรรครวมพลังประชาชาติไทย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ออกนำเดินเท้าลงพื้นที่พบปะประชาชนชาวเพชรบุรี เชิญชวนสมัครสมาชิกพรรค ตามถนนพานิชเจริญ และถนน 18 เมตร ต.ท่าราบ อ.เมือง จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจการค้า กลางเมือง,นายสุเทพ เดินทักทายพี่น้องชาวเพชรบุรี เดินเข้าไปในตลาดสดเทศบาลเมืองเพชรบุรี โดยมีแม่ค้า ประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของต้อนรับนายสุเทพ ด้วยการนำอาหารที่เอามาขายมามอบให้นายสุเทพ พร้อมมีการขอถ่ายรูปร่วมกับนายสุเทพหรือลุงกำนันให้สู้ๆ และแฟนคลับลุงกำนันสุเทพ ต่างขอถ่ายภาพและไลฟ์สดวิดีโอตลอดทาง ซึ่งนายสุเทพฝากให้ช่วยหาสมาชิกพรรคให้ลุงด้วย,พรุ่งนี้จะเดินในพื้นที่ จ.ราชบุรี ก็ถือว่าเดินครบทุกจังหวัดในภาคใต้แล้ว หลังจากที่ไปเดินพื้นที่ภาคตะวันออกมาครบถ้วนแล้ว และลงมาภาคใต้ครบแล้วเช่นกัน จากนั้นก็จะขยับขึ้นไปเดินในพื้นที่ภาคกลางต่อไป ส่วนกระแสตอบรับที่ จ.เพชรบุรี ถือว่าสุดยอดมาก ที่มีการขอถ่ายรูปกัน ให้ดอกไม้ อาหารและเครื่องดื่มมาเป็นระยะๆ นับว่าดีที่สุด ,การเดินคารวะแผ่นดินในครั้งนี้ของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่มี ส.ส.จากพรรคประชาธิปัตย์ มีแต่ประชาชนที่เป็นเครือข่าย กปปส.ที่เคยร่วมชุมนุมมากับนายสุเทพ ให้การต้อนรับ และทักทายเป็นอย่างดี.
สุเทพ นำทีมพรรครวมพลังประชาชาติไทย เดินคารวะแผ่นดินมาจนถึงที่จังหวัดเพชรบุรี โดยเยี่ยมทักทายชาวบ้านที่ตลาดสดเทศบาลเมืองเพชรบุรี ก่อนเตรียมลุยภาคกลาง โดยพรุ่งนี้เข้าราชบุรี
ข่าว,ทั่วไทย
สุเทพ เทือกสุบรรณ,เดินคารวะแผ่นดิน,เพชรบุรี,พรรครวมพลังประชาชาติไทย,ตลาดสดเทศบาลเมืองเพชรบุรี,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/central/1430976
ย้อนเหตุน้ำท่วม เพชรบุรี เสี่ยงประสบภัย 3 ปีติด
ชาวเมืองเพชรบุรี ต้องเผชิญกับน้ำท่วมต่อเนื่องกันมากว่า 2 ปีติดต่อ และต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในปี 61 เนื่องจากปริมาณน้ำในเขื่อนแก่งกระจานที่เพิ่มสูงขึ้นจนเต็มความจุเขื่อน 710 ล้าน ลบ.ม. และล้นสปิลเวย์แล้วฝนตกต่อเนื่องปี 59 ลุ่มน้ำประจันต์น้ำมากช่วงวันที่ 25 ต.ค. -1 พ.ย.59 เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่โดยเฉพาะบริเวณภาคกลางตอนล่างและภาคใต้ตอนบน จากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณ จ.เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และพื้นที่ใกล้เคียงฝนที่ตกหนักทำให้ในวันที่ 1 พ.ย.59 ปริมาณน้ำในลุ่มน้ำแม่ประจันต์มีปริมาณมาก เนื่องจากมีน้ำจาก จ.ราชบุรี เข้ามาสมทบเพิ่มมากขึ้น ทำให้อ่างเก็บน้ำแม่ประจันต์ น้ำเต็มอ่างเกินจำนวนที่จะรับได้ จึงมีการระบายน้ำจากห้วยแม่ประจันต์ลงในแม่น้ำเพชรบุรีมากขึ้น ส่งผลทำให้เขื่อนเพชรต้องเปิดการระบายน้ำในอัตรา 190 ลบ.ม./วินาที และต้องเร่งผลักดันน้ำระบายออกทะเลโดยเร็วเหตุน้ำท่วมดังกล่าวส่งผลกระทบในพื้นที่รวมกว่า 42536ไร่ใน 5 อำเภอ ได้แก่อ.ท่ายางอ.บ้านลาดอ.บ้านแหลมอ.เขาย้อย และอ.เมืองเพชรบุรี ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 736 หลังคาเรือน อำเภอที่มีพื้นที่ถูกน้ำท่วมมากที่สุดคือ อำเภอเมืองเพชรบุรีปี 60 อิทธิพลพายุ คีโรกีปี 60 ช่วงปลายเดือน พ.ย. - ธ.ค.60 จากอิทธิพลของพายุ คีโรกี (KIROGI) ที่อ่อนกำลังลง เข้าปกคลุมภาคใต้ทำให้มีฝนตกหนักในและน้ำท่วมในช่วงวันที่ 20-21 พ.ย.ในหลายพื้นที่ และในครั้งที่ 2 ของปี 60 ในช่วงวันที่ 30 พ.ย. - 1 ธ.ค.เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมใน จ.เพชรบุรีจากฝนตกหนักทำให้น้ำจากแม่น้ำเพชรบุรีล้นตลิ่งไหลท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำท้ายเขื่อนเพชร ตั้งแต่พื้นที่ อ.ท่ายาง อ.บ้านลาด และ อ.เมืองเพชรบุรี และ อ.บ้านแหลม ไปจนถึงปากแม่น้ำเพชรบุรี โดยเฉพาะเขตพื้นที่เขตเทศบาลเมืองเพชรบุรี น้ำท่วมสูงกว่า 50 ซม.ท่วมถนนเพชรเกษม สูง 40 ซม.สามารถสัญจรได้เพียง 1 ช่องทาง
สถานการณ์น้ำที่เต็มความจุเขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ที่ล่าสุดน้ำล้นสปิลเวย์ แล้ว และคาดว่าน้ำจะไหลเข้าท่วมพื้นที่เขตตัวเมืองเพชรบุรีในช่วง 1-2 วันนี้ ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรกที่ชาวเพชรบุรีจะได้ต้องเผชิญกับน้ำท่วมโดยในปี 59 และ ปี 60 ก็ได้รับผลกระทบมาแล้ว
ภัยพิบัติ
น้ำท่วม,เพชรบุรี,บ้านลาด,บ้านแหลม,แก่งกระจาน,คีโรกี,เขื่อนประจันต์,แม่น้ำเพชร,ข่าวไทยพีบีเอส,ไทยพีบีเอส,ThaiPBSnews,ThaiPBS
https://news.thaipbs.or.th/content/273833
หัวหน้า คสช.ใช้ ม.44 เร่งสร้างรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-นครราชสีมา
มีความจําเป็นต้องพัฒนาระบบคมนาคมให้ก้าวหน้า ทันสมัย และสอดคล้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ของประเทศ โดยเฉพาะการขนส่งทางราง ซึ่งรวมถึงโครงการรถไฟความเร็วสูง ตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐ ประชาชนจีน ภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของประเทศไทยในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ.2558-2565 แต่การดําเนินการดังกล่าวยังมีปัญหาและอุปสรรคหลายประการ โดยเฉพาะข้อจํากัดตามกฎหมาย ซึ่งมีผลกระทบต่อการขับเคลื่อนโครงการและกรอบระยะเวลาการดําเนินการ และด้วยเหตุที่การดําเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงนี้เป็นการดําเนินการในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล ซึ่งโดยสภาพของข้อเท็จจริงย่อมจําเป็นต้องยกเว้นการปฏิบัติตามกฎระเบียบบางเรื่อง ในขณะที่จะต้องดําเนินการด้วยความรอบคอบรัดกุม โปร่งใส มีประสิทธิภาพ และสามารถเร่งรัดการดําเนินโครงการให้แล้วเสร็จได้โดยเร็ว จึงจําเป็นต้องกําหนดขั้นตอนและหลักเกณฑ์วิธีการไว้เป็นกรณีพิเศษ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ผู้ใช้บริการ รวมทั้งเป็นการรักษาประโยชน์ของรัฐ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูประบบคมนาคมของประเทศ นําไปสู่การพัฒนาโครงข่ายรถไฟความเร็วสูง ซึ่งเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมเพื่อเชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจ ยกระดับศักยภาพการแข่งขัน และลดความเหลื่อมล้ำตามยุทธศาสตร์ของประเทศ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 264 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับ มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคําสั่ง ดังต่อไปนี้ข้อ 1 ในคําสั่งนี้ คณะกรรมการบริหารการพัฒนาโครงการความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน หมายความว่า คณะกรรมการบริหารร่วมฝ่ายไทย เพื่อกํากับดูแลการดําเนินการตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของประเทศไทยในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ.2558-2565 โครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา หมายความว่า โครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ที่ดําเนินการตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของประเทศไทยในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ.2558-2565ข้อ 2 ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยทําสัญญาจ้างรัฐวิสาหกิจซึ่งเป็นตัวแทนแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนที่มีประสบการณ์ตรงด้านการพัฒนารถไฟความเร็วสูงที่ได้รับการรับรองคุณภาพและ ประสิทธิภาพจาก National Development and Reform Commission แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อดําเนินการโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา ดังต่อไปนี้ (1) งานออกแบบรายละเอียดโครงสร้างพื้นฐานด้านโยธา (2) งานที่ปรึกษาควบคุมงานการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านโยธา (3) งานระบบราง ระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมทั้งจัดหาขบวนรถไฟและจัดฝึกอบรมบุคลากรรัฐวิสาหกิจตามวรรคหนึ่งและบุคลากรของรัฐวิสาหกิจนั้นทั้งที่เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล หากต้องดําเนินการในลักษณะของการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมหรือวิชาชีพสถาปัตยกรรม ให้ได้รับยกเว้น ไม่อยู่ในบังคับมาตรา 45 มาตรา 47 และมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติวิศวกร พ.ศ.2552 และ มาตรา 45 มาตรา 47 และมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติสถาปนิก พ.ศ.2543 และเพื่อประโยชน์ในการควบคุมคุณภาพและประสิทธิภาพ ให้กระทรวงคมนาคมประสานให้สภาวิศวกรและสภาสถาปนิกจัดให้มีหลักสูตรฝึกอบรมและทดสอบแก่บุคลากรดังกล่าวตามความเหมาะสม ในการกําหนดมูลค่าโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา ค่าจ้าง ค่าใช้จ่าย ที่เกี่ยวข้อง การจัดทําร่างสัญญาจ้างและเงื่อนไขอื่นในการทําสัญญาจ้างตามวรรคหนึ่ง ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยใช้ผลการเจรจาต่อรองของคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย รวมทั้งมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และผลประชุมของคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย - จีน มาเป็นกรอบในการพิจารณา โดยจะต้องดําเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 120 วันนับแต่วันที่คําสั่งนี้มีผลใช้บังคับ ทั้งนี้ ให้วงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติสําหรับโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา ถือเป็นราคากลางตามมาตรา 103/7 วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 ในกรณีที่ไม่อาจดําเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาตามวรรคสาม ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย รายงานผลการดําเนินการ รวมทั้งสาเหตุของความล่าช้าไปยังกระทรวงคมนาคม เพื่อเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณา ในการนี้ นายกรัฐมนตรีอาจพิจารณาขยายระยะเวลาออกไปได้อีกตามที่เห็นสมควร หากนายกรัฐมนตรีไม่พิจารณาให้มีการขยายระยะเวลาออกไปตามวรรคสี่ ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย ยุติการดําเนินการ และให้กระทรวงคมนาคมรายงานผลการดําเนินการไปยังคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป การดําเนินการตามข้อนี้ให้คํานึงถึงประโยชน์ของประชาชนผู้ใช้บริการ ประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการดําเนินกิจการและการใช้ทรัพยากรของรัฐ ทั้งนี้ ให้นําหลักเกณฑ์ วิธีการ และแนวทางในการใช้ระบบข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 ม.ค.2558 มาใช้กับการดําเนินการด้วยข้อ 3 ในการดําเนินการโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา และการทําสัญญาจ้างตามข้อ 2 ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบ ดังต่อไปนี้ (1) กฎหมายว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการจัดหาผู้ประกอบการและการเสนอราคา (2) กฎหมายว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ (3) คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 11/2560 เรื่อง การกํากับการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานของรัฐ ลงวันที่ 23 ก.พ.2560 (4) ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (5) ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2549 (6) ระเบียบการรถไฟแห่งประเทศไทยว่าด้วยการจ้าง พ.ศ.2544 (7) ระเบียบการรถไฟแห่งประเทศไทยว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2544ข้อ 4 เมื่อการรถไฟแห่งประเทศไทยจัดทําร่างสัญญาจ้างตามข้อ 2 วรรคสามเสร็จแล้ว ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยส่งข้อตกลงการจ้างและร่างสัญญาจ้างให้รัฐมนตรีกระทรวงเจ้าสังกัดพิจารณา เห็นชอบก่อนส่งให้สํานักงานอัยการสูงสุดตรวจพิจารณา โดยให้สํานักงานอัยการสูงสุดตรวจพิจารณาร่างสัญญาจ้างให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับร่างสัญญาจ้าง และเมื่อสํานักงานอัยการสูงสุดตรวจ จารณาร่างสัญญาจ้างเสร็จแล้ว ให้กระทรวงเจ้าสังกัดนําเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป ในกรณีที่คณะรัฐมนตรีไม่เห็นชอบกับร่างสัญญาจ้างตามวรรคหนึ่ง ให้ส่งเรื่องคืนไปยังรัฐมนตรี กระทรวงเจ้าสังกัดเพื่อพิจารณาทบทวนและเสนอความเห็นประกอบเรื่องทั้งหมดต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ทั้งนี้ ในกรณีที่ต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมร่างสัญญาจ้าง ให้ส่งร่างสัญญาจ้างให้สํานักงานอัยการสูงสุดตรวจพิจารณาก่อนนําเสนอคณะรัฐมนตรีด้วย โดยให้นําความในวรรคหนึ่งมาใช้บังคับ โดยอนุโลมเมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสองแล้วแต่กรณี ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยลงนามในสัญญาจ้างต่อไปข้อ 5 ในกรณีที่มีปัญหาหรืออุปสรรคในการดําเนินงานตามคําสั่งนี้และการรถไฟแห่งประเทศไทย ไม่สามารถหาข้อยุติได้ ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยรายงานปัญหาหรืออุปสรรคดังกล่าวให้คณะกรรมการบริหารการพัฒนาโครงการความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน เพื่อพิจารณาหาข้อยุติต่อไป หากคณะกรรมการบริหารการพัฒนาโครงการความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ไม่อาจหา ข้อยุติได้ ให้ประธานคณะกรรมการบริหารการพัฒนาโครงการความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน เสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อวินิจฉัยปัญหาหรือสั่งการตามสมควรข้อ 6 ในกรณีเห็นสมควรหรือมีปัญหาขัดข้องในการดําเนินการ หรือกรณีมีข้อจํากัดทางกฎหมายอื่นใด นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีอาจเสนอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติแก้ไขเปลี่ยนแปลง คําสั่งนี้ได้ข้อ 7 คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 15 มิ.ย.2560 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
วันที่ 15 มิ.ย.2560 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 30/2560 เรื่องมาตรการเร่งรัดและเพิ่มประสิทธิภาพการดําเนินการโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา โดยมีรายละเอียดดังนี้
การเมือง
ไทยพีบีเอส,ข่าวไทยพีบีเอส,ThaiPBSnews,ThaiPBS,คสช.,ม.44,สร้างรถไฟฟ้า,รถไฟฟ้าความเร็วสูง
https://news.thaipbs.or.th/content/263513
มือปืนคนรู้จัก จ่อยิงหัวหนุ่มสามร้อยยอด เข้าหน้าผาก ดับคาอ่างล้างจาน
(ภาพจากตำรวจ),หนุ่มเจ้าของร้านของชำในหมู่บ้าน ที่สามร้อยยอด ล้างจานไปด้วยคุยธุระกับคนรู้จักไปด้วย แต่ตกลงกันไม่ได้ อีกฝ่ายชักปืนเดินมาจ่อยิงเข้าหน้าผาก ตายคาอ่างล้างจาน คาดเจรจาผลประโยชน์บางอย่างไม่ลงตัว หรืออาจเป็นเรื่องชู้สาว,
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 9 ส.ค. พ.ต.อ.ชนะ สุวรรณโกมล รอง ผบก.ภ.จ. ประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.บุญเลิศ บวรมหาชนก ผกก.สภ.สามร้อยยอด พ.ต.อ.ชินวร เจียร์สกุล ผกก.สส.ภ.จ.ประจวบคีรีขันธ์ ร.ต.ท.ณัฐพล ผิวผาด ร้อยเวร สภ.สามร้อยยอด เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานประจวบคีรีขันธ์ แพทย์เวรโรงพยาบาลสามร้อยยอด และอาสาสมัครกู้ภัยเมธีพิทักษ์ชีพ ไปตรวจสอบคนถูกยิงตายที่บ้านเลขที่ 244/1 หมู่ 5 ต.ไร่เก่า อ.สามร้อยยอด ,พบผู้เสียชีวิตคือ นายสมชาย เอี่ยมสะอาด อายุ 46 ปี นอนคว่ำอยู่บริเวณที่ล้างจาน สวมเสื้อยืดคอกลมสีน้ำเงิน กางเกงขาสั้นสีส้มลายดอกไม้ ถูกยิงกระสุนทะลุเข้าที่แขนซ้าย 3 นัด และเข้ากลางหน้าผาก 1 นัด เสียชีวิตทันที ในมือขวายังกำฟองน้ำล้างจานอยู่ ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนขนาด .45 จำนวน 4 นัด และหัวกระสุนเป็นหัวระเบิด 45 จำนวน 1 หัว ส่วนที่โต๊ะปูนพบซองกาแฟ 3 ซอง ขวดน้ำที่เปิดดื่มแล้ว 1 ขวด ปิ่นโต 1 เถา วางอยู่บนโต๊ะ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน 
,จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ คนร้ายซึ่งคาดว่าเป็นคนรู้จักกัน ได้นั่งที่ม้านั่งปูน ขณะที่ผู้ตายกำลังล้างจานในคอกที่มีชั้นวางของก่ออิฐขวางกั้นอยู่ คาดว่าคนร้ายเจรจากับผู้ตายไม่ลงตัว จึงถือปืนเดินเข้าหาก่อนจ่อยิงเข้าหน้าผากจนเสียชีวิต ส่วนสาเหตุการตาย คาดว่าเป็นเรื่องชู้สาว หรือธุรกิจที่ไม่เผิดเผย สำหรับผู้ตายมีประวัติถูกจำคุก และพ้นโทษจากเรือนจำมาได้ 2 ปี คนร้ายน่าจะเป็นคนรู้จักกันมาก่อน,ล่าสุด ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และชุดสืบสวน สภ.สามร้อยยอด ได้ลงพื้นที่กระจายกำลังสืบสวน อาศัยภาพจากกล้องวงจรปิดในละแวกใกล้เคียงที่เกิดเหตุ ปรากฏภาพชายต้องสงสัย ขณะขี่รถจักรยานยนต์ไปยังที่เกิดเหตุก่อนเวลา 08.00 น. และหลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาที ก็พบชายคนเดิมขี่รถออกไปอย่างรวดเร็วและมีท่าทีรุกรี้รุกร้น ตรงตามที่พยานที่เห็นบริเวณที่เกิดเหตุให้การกับพนักงานสอบสวน ว่าได้ยินเสียงดัง 3 ครั้งและเห็นรถจักรยานยนต์ขับขี่ไปอย่างรวดเร็ว โดยชายผู้ก่อเหตุ พยานเห็นว่าเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันนี้ และอาศัยอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ,พ.ต.อ.บุญเลิศ บวรมหาชนก ผกก.สภ.สามร้อยยอด เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แบ่งกำลังออกติดตาม ทั้งผู้ต้องสงสัยและเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำ ไปแล้วหลายปาก ล่าสุด ได้เชิญตัวพ่อแม่ของชายต้องสงสัยที่ชื่อ ว่า นายพล (นามสมมุติ) ซึ่งมีพยานใกล้ชิดระบุว่า คืนก่อนเกิดเหตุ นายพลทะเลาะกับภรรยา ปมหึงหวงที่ทราบข่าวว่า ภรรยาและนายสมชาย ผู้ตาย สนิทสนมกันเป็นพิเศษ ทำให้เกิดความหึงหวง โดยนายพลได้ต่อว่าและมีปากเสียงกับภรรยา กระทั่งช่วงเช้า นายสมชาย ถูกยิงเสียชีวิต และล่าสุด ไม่สามารถติดต่อ นายพลได้ และปรากฏว่าหายออกไปจากบ้านพัก รวมทั้งปิดโทรศัพท์มือถือด้วย ขณะที่พ่อแม่ของชายต้องสงสัย ระบุว่า ไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น ในเบื้องต้นไม่คิดว่าลูกชายจะก่อเหตุฆ่าใครตายได้ แต่หากสามารถติดต่อลูกชายได้ จะขอให้ นายพล มามอบตัวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและสู้คดี ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังติดตามและเชิญตัวภรรยาของ นายพล ซึ่งขณะนี้ไปอยู่กับญาติที่จังหวัดเพชรบุรี กลับมาสอบปากคำเพิ่มเติมด้วย,อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ถือว่าคดีมีความคืบหน้าไปมากแล้ว โดยพนักงานสอบสวนกำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติ ศาลจังหวัดหัวหิน ออกหมายจับต่อไป.
หนุ่มเจ้าของร้านของชำในหมู่บ้าน ที่สามร้อยยอด ล้างจานไปด้วยคุยธุระกับคนรู้จักไปด้วย แต่ตกลงกันไม่ได้ อีกฝ่ายชักปืนเดินมาจ่อยิงเข้าหน้าผาก ตายคาอ่างล้างจาน คาดเจรจาผลประโยชน์บางอย่างไม่ลงตัว หรืออาจเป็นเรื่องชู้สาว
ข่าว,อาชญากรรม
ฆ่าหนุ่มร้านชำ,จ่อยิง,ยิงคาอ่างล้างจาน,สามร้อยยอด,ประจวบคีรีขันธ์,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/crime/1032979
งานวิจัย MIT และฮาร์วาร์ดย้ำสวัสดิการและเงินช่วยคนจน ไม่ได้ทำให้คนขี้เกียจ
และฮาร์วาร์ด ที่ศึกษาโครงการในเม็กซิโก นิคารากัว ฮอนดูรัส ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย อูกันดา โมร็อกโก และไนจีเรีย พบว่าข้ออ้างจากฝ่ายต่อต้านสวัสดิการไม่เป็นความจริง25 พ.ย. 2558 - เมื่อไม่นานมานี้เว็บไซต์ Vox เผยแพร่เนื้อหาการวิจัยของนักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) เรื่องการสำรวจเกี่ยวกับโครงการด้านสวัสดิการและความช่วยเหลือทางการเงิน โดยมีการวิเคราะห์ข้อมูลจากงานวิจัยหลายชิ้นในหลายประเทศพบว่าโครงการด้านสวัสดิการและความช่วยเหลือทางการเงินไม่ได้ทำให้ผู้คนขี้เกียจมากขึ้นงานวิจัยที่ถูกนำมาวิเคราะห์ข้อมูลในครั้งนี้ส่วนใหญ่ทำการสำรวจ โครงการให้เงินช่วยเหลือแบบมีเงื่อนไข (Conditional Cash Transfer หรือ CCT) ซึ่งแต่ละครอบครัวจะได้รับเงินช่วยเหลือในเงื่อนไขพิเศษ เช่น การให้ลูกของพวกเขาเข้าโรงเรียน หรือการให้ลูกของพวกเขารับวัคซีน พบว่าแนวคิดโครงการเช่นนี้สามารถช่วยเหลือคนจนได้ทั้งในแง่การได้รับสิ่งบรรเทาทุกข์และในแง่การส่งเสริมยกระดับพวกเขาจากการได้รับสวัสดิการด้านการศึกษาและการสาธารณสุขได้เดิมทีนั้น โครงการเหล่านี้ถูกริเริ่มนำมาใช้ในละตินอเมริกาซึ่งการวิจัยในครั้งนีทำการวิเคราะห์ข้อมูลการศึกษาโครงการส่วนหนึ่งจตากประเทศละตินอเมริกาอย่างนิคารากัว เม็กซิโกและฮอนดูรัส รวมถึงโครงการเม็กซิกันโปรแกรมซึ่งให้เงินช่วยเหลือ 13 ดอลลาร์ต่อเดือน (ราว 400-500 บาท) แก่ครอบครัวยากจนอย่างไม่มีเงื่อนไข นอกจากนี้ยังทำการศึกษาโครงการจากฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย อูกันดา และโมร็อกโกการศึกษาโครงการเหล่านี้พบว่าสวัสดิการและการให้เงินช่วยเหลือไม่มีผลต่อความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญทั้งเรื่องระดับการจ้างงานหรือชั่วโมงการทำงานแต่อย่างใดในทางตรงกันข้ามข้อมูลการศึกษาบางชิ้นพบว่าการแจกเงินยิ่งช่วยส่งเสริมให้มีการทำงานมากขึ้นด้วยโดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนาบางแห่ง เช่นโครงการให้เงินทุนการศึกษาแก่ชาวอูกันดาที่ยากจนทำให้พวกเขาได้เรียนรู้พัฒนาทักษะฝีมือทำให้พวกเขามีชั่วโมงทำงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 และสร้างรายได้ให้ตัวเองมากขึ้นร้อยละ 38 ขณะที่ในงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งระบุถึงโครงการของไนจีเรียที่ให้เงินช่วยเหลือฝึกทักษะด้านธุรกิจแก่หญิงชาวอูกันดาพบว่าทำให้ชั่วโมงทำงานของพวกเขาเพิ่มมากขึ้นร้อยละ 61Vox ระบุว่าโครงการช่วยเหลือทางการเงินในประเทศแอฟริกา 2 โครงการนี้มีการเน้นย้ำในเรื่องการส่งเสริมธุรกิจโดยให้ผู้ที่ต้องการรับทุนเข้าร่วมอบรมต้องระบุว่าพวกเขาจะใช้เงินพัฒนาทักษะด้านนี้ไปปรับปรุงธุรกิจของตัวเองอย่างไร และนอกจากนี้ยังมีการให้เงินทุนตั้งต้นธุรกิจแบบให้ครั้งเดียวด้วย อย่างไรก็ตามฝ่ายต่อต้านสวัสดิการยังสงสัยว่าการให้เงินก้อนใหญ่แก่คนจนเพื่อเอาไปตั้งตัวทางธุรกิจอาจจะทำให้คนจนเหล่านั้นเอาเงินไปใช้เสียเองแทนที่จะตั้งตัวทางธุรกิจได้ไม่เพียงแค่โครงการในประเทศกำลังพัฒนาเท่านั้น Vox ยังระบุถึงโครงการของสหรัฐฯ คือการเครดิตภาษีเงินได้เนื่องจากการทำงาน (Earned Income Tax Credit หรือ EITC) ซึ่งเป็นการคืนเงินภาษีให้กับบุคคลหรือครอบครัวผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางขึ้นอยู่กับจำนวนลูกที่พวกเขาต้องเลี้ยงดูด้วย แต่หลักฐานต่างๆ ก็ชี้ให้เห็นว่า EITC ซึ่งเป็นนโยบายแก้ไขความยากจนยิ่งส่งเสริมให้เกิดการสร้างงานมากขึ้นและสิ่งที่จะเป็นข้อถกเถียงต่อฝ่ายต่อต้านสวัสดิการที่กลัวการเอาเงินไปใช้ส่วนตัวได้คืองานวิจัยหลายชิ้นที่ศึกษาโครงการภาษีเงินได้แบบติดลบ (Negative income tax หรือ NIT) ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นโครงการให้เงินกับครอบครัวผู้มีรายได้ต่ำ ส่งผลให้เกิดการสร้างงานลดลงน้อยมากซึ่งมาจากปัจจัยที่ผู้คนใช้เวลาพิจารณาหางานนานขึ้นเพราะต้องการเลือกงานที่ดีทำ และในบางงานวิจัยที่มาจากการวิเคราะข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ยิ่งพบว่ามันแทบจะไม่มีผลกระทบต่อเรื่องปริมาณงานเลยทั้งนี้ยังมีกรณีการวิจัยโครงการของแคนาดาที่มีลักษณะแบบเดียวกับ NIT ของสหรัฐฯ พบว่าโครงการช่วยเหลือด้านการเงินกระทบเรื่องปริมาณงานน้อยยิ่งกว่ากรณีสหรัฐฯ เสียอีก โดยส่งผลลดปริมาณงานของแม่มือใหม่ที่ต้องดูแลลูกกับประชากรวัยรุ่นเท่านั้นVox ระบุอีกว่าการส่งผลกระทบต่อปริมาณการทำงานจะเกิดกับนโยบายสวัสดิการที่ออกแบบมาไม่ดีเท่านั้นเช่นกรณีโครงการให้ความช่วยเหลือแก่ครอบครัวที่ภาระบุตรพึ่งพิง (Aid to Family with Dependent Children - AFDC) ส่งผลให้เกิดชั่วโมงทำงานลดลงร้อยละ 10-50 แต่นั่นเป็นเพราะ AFDC ให้ความช่วยเหลือมากเท่ากับเงินรายได้จากการทำงานทำให้กลายเป็นการลดแรงจูงใจ อย่างไรก็ตามโครงการสวัสดิการส่วนใหญ่ก็ออกแบบมาได้ดีกว่า AFDC ทำให้ไม่เกิดการลดปริมาณการทำงานลง
มีการถกเถียงกันอยู่เสมอระหว่างฝ่ายสนับสนุนกับฝ่ายต่อต้านสวัสดิการซึ่งฝ่ายต่อต้านมักจะอ้างว่าการมีสวัสดิการหรือนโยบายช่วยเหลือคนจนจะทำให้พวกเขาขี้เกียจไม่ยอมทำงาน แต่จากการวิเคราะห์งานวิจัยของ MIT
คุณภาพชีวิต,ต่างประเทศ,เศรษฐกิจ
ชุมชน,การวิจัย,คนจน,นโยบายสาธารณะ,ประชานิยม,ฟิลิปปินส์,รัฐสวัสดิการ,ละตินอเมริกา,สวัสดิการ,อินโดนีเซีย,เม็กซิโก,เอเชียตะวันออกเฉียงใต้,แอฟริกา,โครงการช่วยเหลือคนจน,โมร็อกโก,ไนจีเรีย
https://prachatai.com/journal/2015/11/62642
สนธิ ลิ้มทองกุลยื่นหนังสือเลื่อนรับทราบข้อหากบฏ
29 ม.ค.56 รายงานว่า นางสาวพวงทิพย์ บุญสนอง ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รองผู้บังคับการปราบปราม เพื่อขอเลื่อนการรับทราบข้อกล่าวหาในคดีที่นายคารม พลพรกลาง ทนายความกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. แจ้งความดำเนินคดีข้อหายุยงให้ราษฎรเป็นกบฏออกไปก่อน กรณีที่ให้สัมภาษณ์ที่สหรัฐอเมริกา ในทำนองล้มล้างรัฐบาลที่เกี่ยวเนื่องการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม โดยนายสนธิแจ้งขอเลื่อนออกไปโดยไม่มีกำหนด เนื่องจากติดภารกิจสำคัญพ.ต.อ.ประสพโชค เปิดเผยว่า คดีนี้เป็นคดีที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักรดังนั้นการสอบสวน พนักงานสอบสวนจะต้องส่งหนังสือไปยังอัยการสูงสุด เพื่อเชิญมาร่วมการสอบสวนด้วย จึงต้องอนุญาตให้นายสนธิเลื่อนการรับทราบข้อกล่าวหาออกไปก่อน ส่วนวันนัดรับทราบข้อกล่าวหาจะแจ้งให้ทางทนายความทราบอีกครั้ง
29 ม.ค.56 มติชนออนไลน์ รายงานว่า นางสาวพวงทิพย์ บุญสนอง ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล
การเมือง
ข้อหากบฏ,สนธิ ลิ้มทองกุล
https://prachatai.com/journal/2013/01/44978
เสียรถเบนซ์ สำนึก-ขอโทษ หวังสังคมอภัย ยินดีรับเลี้ยงดูลูกๆ รองผกก. (คลิป)
พร้อมรับผิดชอบดูแลลูกสาว 2 ผัวเมียเหยื่อเมาขับอย่างดีที่สุด รวมทั้งทำหน้าที่เสมือนพ่อและแม่ให้กับเด็กทั้ง 2 คนที่ต้องสูญเสียพ่อและแม่ไปจากการเมาขับครั้งนี้,กรณีนายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ อายุ 57 ปี เจ้าของบริษัท ไทยคาร์บอนแอนด์กราไฟต์ จำกัด ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ เมาซิ่งรถเบนซ์พุ่งชนรถยนต์ซูซูกิ สวิฟท์ ของ พ.ต.ท.จตุพร หรือตี๋ งามสุวิชชากุล อายุ 48 ปี รอง ผกก. (สอบสวน) กก.2 บก.ป. จนเสียชีวิตพร้อมภรรยาคือ นางนุชนาฎ งามสุวิชชากุล อายุ 44 ปี ส่วน ด.ญ.พิชญาภา หรือน้องแพรว งามสุวิชชากุล อายุ 12 ปี ลูกสาวบาดเจ็บสาหัส รอดูอาการจะต้องผ่าตัดสมองหรือไม่ เหตุเกิดบนสะพานคลองตาปุ้น ถนนทวีวัฒนา-กาญจนาภิเษก เมื่อตี 1 วันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. รุดคุมคดีให้พนักงานสอบสวน สน.ศาลาแดง คุมผู้ต้องหาส่งฟ้องศาลข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนาและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามนโยบายรัฐบาล แต่ศาลจังหวัดตลิ่งชันให้กลับมาแก้สำนวนใหม่ ตัด 2 ข้อหาหนักออก เป็นข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และให้ประกันตัวเสี่ยเบนซ์ไปด้วยหลักทรัพย์ 2 แสนบาท ขณะที่อัยการเตรียมเสนอแก้กฎหมาย เพิ่มโทษเมาแล้วขับจนมีผู้เสียชีวิต ให้มีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต,ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อเวลา 12.40 น. วันที่ 15 เม.ย. ที่ สน.ศาลาแดง นายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ อายุ 57 ปี ผู้ต้องหาในคดีนี้ เข้าพบ พ.ต.อ.กฤตินาท ตุลยลักษณ์ ผกก.สน.ศาลาแดง และ พ.ต.ท.ศิริพงษ์ เพื่อนสงคราม รอง ผกก.หัวหน้างานสอบสวน สน.ศาลาแดง เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม หลังศาลให้ประกันตัวชั่วคราว,นายสมชายเปิดเผยว่า ได้เดินทางไปเยี่ยม ด.ญ.พิชญาภา งามสุวิชชากุล หรือน้องแพรว อายุ 12 ปี ลูกสาวคนเล็กของผู้ตายที่โรงพยาบาลกรุงเทพแล้ว ขณะนี้อาการดีขึ้น หลังจากนี้ยินดีรับผิดชอบทุกอย่าง สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนที่สาหัสที่สุดในชีวิต ตั้งใจไว้จะต้องรีบแก้ไข และจะเลิกดื่มไปตลอดชีวิต ขอโอกาส ขอโทษประชาชนกับสิ่งที่ตนเองได้กระทำผิดพลาดไป หวังว่าจะได้รับการให้อภัยและอโหสิกรรม ยืนยันจะดูแลเด็กๆทั้งสองคนคือ น.ส.ศุภาพิชญ์ หรือน้องพลอย งามสุวิชชากุล อายุ 16 ปี และ ด.ญ.พิชญาภา ลูกสาวของผู้ตายทั้งคู่อย่างดีที่สุด โดยรับปากกับญาติของผู้เสียหายไว้แล้ว จะส่งเสียให้ถึงที่สุดตามที่พ่อกับแม่เขาปรารถนา ทั้งค่าเล่าเรียน และค่ารักษาพยาบาลทุกอย่าง จะทำหน้าที่เสมือนพ่อและแม่ให้กับน้องทั้งสองที่ต้องสูญเสียพ่อและแม่ไปกับการกระทำของตนเองในครั้งนี้,สำหรับศพ พ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล รอง ผกก. (สอบสวน) กก.2 บก.ป. และนางนุชนาฎ งามสุวิชชากุล อายุ 44 ปี ภรรยานั้น ญาติๆได้ประสานกับนิติเวช รพ.ศิริราช จะนำศพออกในวันที่ 17 เม.ย.นี้ เนื่องจากติดปัญหาของทางวัด ซึ่งอยู่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยจะนำศพไปไว้ที่วัดตรีทศเทพ ศาลา 5/1 กำหนดสวดอภิธรรมศพในคืนวันที่ 17 เม.ย. ถึง วันที่ 19 เม.ย. และจะฌาปนกิจในวันที่ 20 เม.ย.,ขณะที่นายโกศลวัฒน อินทุจันทร์ยง รองโฆษก สนง.อัยการสูงสุดเผยว่า ในวันที่ 16 เม.ย. ตำรวจนัดนายสมชายมาเจรจาค่าเสียหายกับลูกสาวคนโตที่เดินทางมาจากสหรัฐอเมริกา และญาติ เรื่องนี้ตนทราบและจะประสานอัยการ สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนและการบังคับคดีจังหวัด (สคช.) ไปทำสัญญากันต่อหน้าอัยการ การตกลงยอมใช้ค่าเสียหายจะเป็นหลักฐานว่านายสมชายยอมบรรเทาผลร้าย และจะเป็นประโยชน์ในชั้นศาล เรื่องนี้มีพฤติการณ์ร้ายแรง ความเสียหายสูง สะเทือนสังคม เมื่อชีวิตเอาคืนมาไม่ได้ก็ต้องเยียวยาคนที่ยังอยู่ การที่นายสมชายบอกว่าสำนึกผิดแล้วจะเลิกเหล้าตลอดชีวิต นับว่าดี การเยียวยาที่เร็วและถูกต้องสมควร เป็นสิ่งที่ต้องทำ
เสี่ยเบนซ์ ชน พ.ต.ท.ดับพร้อม เมีย 2 ศพ เข้าให้ปากคำเพิ่มเติม ตำรวจ สน.ศาลาแดง วอนสังคมให้อภัย รับเป็นบทเรียนสาหัสที่สุด ขอเลิกดื่มตลอดชีวิต
ข่าว,ทั่วไทย
สมชาย เวโรจน์พิพัฒน์,เมาแล้วขับ,เมาชนคนตาย,จตุพร งามสุวิชชากุล,ชนคนตาย,อุบัติเหตุ,ข่าวหน้า1,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1545445
อย.ออกคำเตือน ยาเสียสาว 30 นาทีออกฤทธิ์
วันนี้ (23 พ.ย.61) นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวถึง กรณีโซเชียลออกมาเตือนภัยสาวๆ นักเที่ยวให้ระวังโดนยาเสียสาวที่มีอันตรายถึงชีวิตทำให้มึนงง ง่วงซึม ไม่มีสติเกิดขึ้น โดยระบุว่ากลุ่มยาที่หลายคนมักเรียกว่ายาเสียสาว ไม่ใช่ยาที่กินแล้วจะทำให้รู้สึกมีอารมณ์ทางเพศ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการผสมกันของสิ่งอื่น โดยเฉพาะผสมในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยยาชนิดนี้ ไม่ใช่ยาที่ขึ้นทะเบียนกับ อย. เนื่องจากไม่มีสรรพคุณทางยา หรือประโยชน์ทางการแพทย์ แม้แต่ขึ้นทะเบียนสัตว์ก็ไม่ได้ แต่มีการลักลอบใช้ในม้า เพื่อช่วยให้มีอาการติดสัด แต่ก็ถือว่ามีความผิด เพราะไม่ได้ขึ้นทะเบียน หากมีการครอบครองจะมีโทษเกี่ยวกับยาไม่ขึ้นทะเบียนตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510 มีความผิดกรณีผลิตยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา โทษปรับ 5000 บาท จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับนอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)ให้ความรู้เกี่ยวเรื่องภัยร้ายรู้เท่าทันยาเสียสาว โดยระบุว่าคือยาเสียสาว คือสารเคมีที่ถูกนำมาใช้ในทางที่ผิด โดยผู้ประสงค์ร้ายแอบลักลอบใช้กับเหยื่อ หวังก่ออาชญากรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเพื่อรูดทรัพย์ หรือล่วงละเมิดทางเพศ โดยมักใช้สารเคมี ดังต่อไปนี้ยามิดาโซแลม (Midazolam) หรือชื่อการค้า โดมิคุม (Dormicum)ยาอัลปราโซแลม (Alprazolam)ยาฟลูไนตราซีแปม (Flunitrazepam) หรือชื่อการค้า โรฮิบนอล (Rohypnol)สารจีเอชบี (GHB = gamma-hydroxybutyrate)ยาเค หรือ เคตามีน (ketamine)เนื่องจากเป็นยาที่ละลายได้ดีในน้ำ ทำให้มีการนำยาเหล่านี้ไปละลายในเครื่องดื่มต่าง ๆ ให้คนดื่มไปโดยที่ไม่รู้ว่ามีการผสมยาลงไป หากใส่ไปในเครื่องดื่มพวกแอลกอฮอล์ จะยิ่งเพิ่มการออกฤทธิ์ของยาเหล่านี้ แต่มีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการสูญเสียความทรงจำไปชั่วขณะ ทำให้เหยื่อไม่สามารถจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อาการเตือนที่บ่งบอกว่าอาจได้รับสารเหล่านี้คือ คลื่นไส้ อาเจียน มึนงง เดินเซ หายใจลำบาก มีอาการคล้ายเมาสุรา แม้ไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์ หรือดื่มไปเพียงเล็กน้อย และสารเหล่านี้ไม่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป เนื่องจากเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภทที่มีการควบคุมการซื้อขาย แต่ในปัจจุบันพบว่ามีการลักลอบนำมาขายผิดกฎหมาย โดยเฉพาะทางอินเทอร์เน็ต หากพบเห็นมาช่วยกันแจ้งเบาะแสกับทาง อย. ได้ที่สายด่วน อย. 1556อ่าน
อย.เตือนภัย ยาเสียสาว ลักลอบใช้ก่ออาชญากรรม - ล่วงละเมิดทางเพศ ระบุคุณสมบัติทำให้เกิดอาการมึนงง ง่วงซึม สามารถละลายน้ำได้ดีส่วนใหญ่ใช้ผสมกับแอลกอฮอล์ และออกฤทธิ์เร็วภายในครึ่งชั่วโมง ชี้ไทยไม่เคยขึ้นทะเบียนตำรับยา
สังคม
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา,อย.,ยาเสียสาว,เหล้า,ผู้หญิง,ยาอันตราย,แอลกอฮอล์,ข่าวไทยพีบีเอส,ไทยพีบีเอส,ThaiPBSnews
https://news.thaipbs.or.th/content/275884
จาตุรนต์ ฉายแสง: จาก 6 ตุลา 19 ถึงรายงาน คอป.
จากหัวข้อ จาก 6 ตุลา 19 ถึงรายงาน คอป. จะเน้นที่รายงาน คอป. เรื่องเกี่ยวกับความขัดแย้ง ปรองดอง ยังเป็นเรื่องใหญ่ เป็นปัญหาใหญ่ต่อไปแน่ๆ ไม่ช้าก็เร็วเรื่องนี้จะมีการหยิบยกขึ้นมาอีก แต่ว่าที่มาพูดในวันนี้ ในวันที่ 7 ตุลา เมื่อวานนี้เป็นครบรอบ 36 ปีของเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ซึ่งผมก็เป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบ ได้รับความเสียหายโดยตรงด้วยคนหนึ่งทำให้นึกถึงเหตุการณ์ 6 ตุลา จึงเห็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับรายงาน คอป.ค่อนข้างมากขอชี้แจงก่อนว่า การให้ความเห็นในวันนี้ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง วิกฤต การปรองดองและตัวรายงาน คอป.เองมีแง่มุมที่ต้องพูดกันอีก ความเห็นวันนี้จึงยังไม่สมบูรณ์ครบถ้วน จะต้องแสดงความเห็นเพิ่มเติม และหวังว่าหลายฝ่ายจะได้แสดงความในเรื่องนี้ต่อไปอีกด้วยบทเรียนจาก 6 ตุลา 2519 ในส่วนที่สำคัญ ทำให้ควรพูดถึงรายงาน คอป. คือ การที่ชนชั้นนำใช้ความรุนแรงเข้าจัดการกับประชาชนที่มีความเห็นแตกต่าง พบว่ายังเกิดขึ้นซ้ำๆ สังคมไทยยังไม่มีข้อสรุปที่จะทำให้มีการป้องกันไม่ให้เกิดการใช้ความรุนแรงต่อประชาชนที่สำคัญในเหตุการณ์ 6 ตุลา การวางแผนอย่างเป็นระบบ เพื่อปราบเพื่อฆ่าประชาชนอย่างโหดเหี้ยมและการรัฐประหาร ได้รับการนิรโทษตัวเองไปหมด ไม่มีการตรวจสอบค้นหาความจริงว่า รัฐได้ทำผิดอย่างไร ใครควรรับผิดชอบ ใครควรขอโทษประชาชนอาจเป็นเพราะว่าฝ่ายต่างๆ ได้นิรโทษตัวเองไปแล้ว ประชาชนแม้จะได้รับประโยชน์จากการนิรโทษกรรมอยู่บ้าง ก็ไม่ได้รับความยุติธรรม ประชาชนได้โอกาสร่วมอยู่ในสังคมต่อไปก็ต่อเมื่อการต่อสู้ของประชาชนพ่ายแพ้แล้ว นี่คือบทเรียนจาก 6 ตุลาจากบทเรียน 6 ตุลา ทำให้นึกถึงรายงาน คอป.ที่จะต้องตั้งคำถามว่า รายงานนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรง การเข่นฆ่ากันของคนในชาติและการที่ชนชั้นนำปราบปรามเข่นฆ่าประชาชนได้หรือไม่ หรือพูดอีกแบบหนึ่งก็คือ รายงาน คอป.จะช่วยให้เกิดการปรองดองได้หรือไม่ซึ่งโดยรวมแล้ว รายงานของ คอป.มีข้อดีและเป็นประโยชน์อยู่ไม่น้อย เช่น คอป.ได้รับการสนับสนุนทั้งจากรัฐบาลที่แล้วและรัฐบาลปัจจุบัน โดยไม่ปรากฏแรงบีบคั้นใดๆ จากทั้ง 2 รัฐบาลหรือองค์กรอื่นใด มีการรับฟังข้อมูลและความคิดเห็นจากฝ่ายต่างๆ ในสังคมไทยอย่างกว้างขวาง ทั้งยังได้รับความร่วมมือจากบุคคลและองค์กรจากต่างประเทศด้วย มีหลักการพอสมควร มีข้อเสนอที่ดีและเป็นประโยชน์อยู่แต่รายงาน คอป.เมื่อศึกษาแล้วพบว่ามีข้อจำกัด มีข้อผิดพลาดในสาระสำคัญอยู่หลายประการ จนทำให้รายงาน คอป.นี้ไม่อาจนำพาประเทศไปสู่การปรองดองได้ทั้งนี้ เนื่องจาก คอป.ไม่ได้ค้นพบ ความจริงต้องบอกว่า ไม่ได้ค้นหาความจริงที่จำเป็นต่อการสรุปบทเรียนของสังคม ไม่สามารถเสนอให้เห็นสาเหตุ รากเหง้าของความขัดแย้งที่ตรงประเด็น ที่เป็นปัญหาใจกลางของวิกฤตที่สำคัญที่สุด คือ ปัญหาความไม่เป็นประชาธิปไตยนั่นเองรายงานของ คอป.ชิ้นนี้ จึงไม่ใช่ชิ้นสุดท้ายที่สังคมจะสามารถฝากความหวังว่า จะทำให้เกิดการปรองดองผมขอขยายความดังนี้ ข้อจำกัดของรายงาน คอป. การสอบถามข้อมูลและความเห็นยังไม่ครอบคลุมในหลายๆ ส่วน เสียงสะท้อนจากผู้ที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ ผู้เสียหายในเหตุการณ์ ก็สะท้อนอย่างนี้อยู่ข้อเท็จจริงและความคิดเห็นจำนวนมากไม่ถูกเปิดเผย ไม่มีช่องทางให้คนเข้าถึง ทำให้สังคมได้รับข้อมูลเพียงบางส่วน ที่ คอป.เลือกมาให้รับรู้ ทั้งข้อเท็จจริงและความเห็นในส่วนที่เกี่ยวกับการตรวจสอบและค้นหาความจริงเกี่ยวกับความรุนแรง คอป.ไม่ได้ค้นหาความจริงที่สำคัญ จำเป็นต่อการทำให้เกิดความยุติธรรม การสรุปบทเรียน การป้องกันความรุนแรง การใช้ความรุนแรงของรัฐประชาชน การขอโทษ การให้อภัยถ้าเทียบกับ 6 ตุลา คอป.ทำการค้นหาความจริง โดยได้งดเว้นที่จะหาความจริงสำคัญๆ เหล่านี้ เหมือนกับว่า กรณีเหตุการณ์ความรุนแรง เมื่อเมษา-พฤษภา 2553 ได้มีการนิรโทษกันไปหมดแล้ว โดยไม่จำเป็นต้องหาว่า ใครผิดอีกต่อไปความจริงประเด็นสำคัญที่ไม่ได้มีการค้นหา คือ ความรุนแรงเกิดจากใคร ใครผิดมากผิดน้อย การใช้มาตรการรุนแรงของรัฐเกินกว่าเหตุ หรือไม่ เป็นไปตามหลักสากลหรือไม่ ซึ่งความจริงลักษณะนี้เป็นประเด็นมาตรฐานทั่วไป ควรจะต้องมีการค้นหาในกรณีที่รัฐเข้าไปในกรณีของความรุนแรงและเกิดเป็นความสูญเสียของชีวิตประชาชนขึ้นจำนวนมากรายงานนี้จึงไม่ได้ตอบสิ่งที่เรียกว่า ประเด็นข้อสงสัยที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งคำนี้เป็นถ้อยคำที่อยู่ในคำสั่งแต่งตั้ง คอป. เป็นเหตุให้มีการตั้ง คอป. ประเด็นข้อสงสัยที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ต่างๆ ปรากฏว่าประเด็นเหล่านี้ ไม่มีคำตอบ คอป.ไม่ได้ค้น เพราะ คอป.ไปทำน้อยกว่าที่ได้รับมอบหมาย น้อยกว่าวัตถุประสงค์ของการตั้ง คอป. โดยให้เหตุผลว่า ไม่ต้องการหาว่าใครผิดแต่ก็มีความขัดแย้งในตัวเอง คอป.บอกว่า ไม่ต้องการหาว่าใครผิด แต่ คอป.กลับบันทึกไว้ในรายงานและจากคำแถลงข่าวของ คอป. กลับเน้น ชายชุดดำ โดยไม่ได้บอกว่า คือใคร อยู่ฝ่ายไหนกันแน่และใช้ความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน แต่การพูดถึงชายชุดดำ เสนอข้อมูลเกี่ยวกับชายชุดดำ โดยให้น้ำหนักอย่างมาก มีผลเท่ากับลดความชอบธรรมการชุมนุมของประชาชน และเพิ่มความชอบธรรมให้กับรัฐในการจัดการกับผู้ชุมนุมทั้งๆ ที่โดยหลักการแล้ว แม้มีชายชุดดำจริง ชายชุดดำเป็นใคร ยังไม่ได้ค้นหา เรื่องนี้มีคนวิจารณ์เยอะแล้ว แต่หลักการสำคัญคือว่า แม้มีชายชุดดำจริง รัฐก็ไม่มีความชอบธรรม ที่จะใช้ความรุนแรงต่อประชาชน แล้วก็เกิดความเสียหายมากอย่างที่เกิดขึ้นในส่วนต่อไปที่เป็นปัญหาคือ ชุดความจริงเกี่ยวกับสาเหตุ รากเหง้าความขัดแย้ง คอป.ได้กล่าวถึงสาเหตุรากเหง้าความขัดแย้ง เน้นปัญหาเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ สังคม ซึ่งเป็นการวิเคราะห์อย่างกว้าง และไม่ตรงจุดพอพูดถึงระยะความขัดแย้งปรากฏ และระยะความขัดแย้งในระดับการช่วงชิงอำนาจ คอป.ได้ใช้วิธีนำประเด็นมาเรียงต่อกัน แล้วบอกว่าปัจจัยเหล่านี้มีผลเชื่อมโยงกันแล้วส่งผลกระตุ้นซ้ำกัน ความรุนแรงไม่ได้เกิดจากปัจจัยใดปัจจัยหนึ่ง ฟังดูเหมือนกับจะเป็นอย่างนั้น แต่ว่าจากการนำมาเรียงกัน แล้วไม่มีข้อสรุปว่าประเด็นไหนสำคัญกว่าประเด็นไหน โดยตัวมันเองได้ลดน้ำหนักเรื่องที่สำคัญ เพิ่มน้ำหนักเรื่องที่ไม่สำคัญโดยตรง เพราะว่าเอาเรื่องเล็กเรื่องใหญ่มารวมกันหมดแล้วบอกว่า มันเท่าๆ กัน กลายเป็นการเพิ่มน้ำหนักบางเรื่องลดน้ำหนักบางเรื่องไปในตัวนอกจากนั้นการเพิ่มน้ำหนักลดน้ำหนักในรายงานนี้ ทำให้มีปัญหาอย่างมาก ก็คือ คอป.เน้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนการรัฐประหารอย่างหนักแน่น ใช้เนื้อที่ยาวมาก พอมาถึงการรัฐประหาร คอป.พูดถึงเพียงไม่กี่คำ สั้นๆ และที่สำคัญคือ การพูดถึงการรัฐประหารว่า เป็นปัจจัยหนึ่งที่กระตุ้นให้เกิดความรุนแรงเช่นกัน เพราะรัฐประหารเป็นกระบวนการที่อาจขัดขวางการแก้ไขปัญหาตามหลักประชาธิปไตยและขัดต่อหลักนิติรัฐด้วย ข้อความนี้เป็นข้อความที่พูดถึงการรัฐประหารได้เบามากพอพูดถึงกระบวนการยุติธรรม พูดถึงตุลาการภิวัฒน์ว่า ฝ่ายตุลาการเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการถ่วงดุลอำนาจ ทำให้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ในลักษณะการไม่ยอมรับกลไกของกระบวนการยุติธรรม ทำให้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์หมายความว่า คอป.ไม่ได้เห็นเป็นปัญหาด้วยตัวเอง พูดถึงกระบวนการยุติธรรมมีสองมาตรฐาน ซึ่งคนทั้งสังคมเห็นปัญหานี้ชัดเจนอยู่แล้ว แต่ คอป.บอกว่า มีการกล่าวอ้างว่ามีการแทรกแซง กระบวนการยุติธรรม และการทำหน้าที่องค์กรอิสระทำให้มีความเคลือบแคลงต่อหลักนิติธรรม เป็นการลดน้ำหนักเรื่องที่มีน้ำหนักพอพูดถึงองค์กรอิสระจะพบว่าอธิบายถึงปัญหาองค์กรอิสระ แต่อ่านแล้วจะไม่ทราบว่าหมายถึงช่วงไหนกันแน่ ทั้งๆ ที่องค์กรอิสระในช่วงหลังการรัฐประหารอยู่ในลักษณะที่ไม่เป็นอิสระเลย ตั้งโดยคณะรัฐประหารหลายคณะ แต่ว่า คอป.พูดถึงองค์กรอิสระแบบคลุมเครือ ทำให้ไม่เห็นชัดว่า ปัญหาขององค์กรอิสระอยู่ที่ไหนเรื่องรัฐธรรมนูญ ฉบับ 2550 พบว่า คอป.ไม่ได้เห็นรัฐธรรมนูญปี 2550 เป็นปัญหาอะไร โดยบอกว่า รัฐธรรมนูญและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจากคนบางส่วนยังให้ความสำคัญกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับ 2540 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน จึงมีทัศนคติทางลบกับรัฐธรรมนูญปี 2550 คือ ไม่ได้วิเคราะห์เลยว่า รัฐธรรมนูญปี 2550 มีปัญหาอย่างไรการที่ คอป.มีความเห็นไปอย่างหนึ่ง ไม่เห็นตรงกับสิ่งที่ผมพูด ไม่ได้เป็นปัญหา เพราะถือว่ามีสิทธิคิดอย่างนั้น เพียงแต่ว่า คอป.ได้ใช้วิธีไปเน้น ไปให้น้ำหนักอย่างที่ตนต้องการ แล้วก็ไม่ได้กล่าวถึงความเห็นของฝ่ายต่างๆ ถ้าบอกว่าต้องการเป็นกลางจริงๆ แต่ก็ไม่ได้ยกเอาความเห็นของฝ่ายต่างๆ มานำเสนอคอป.บอกว่า ต้องการเป็นกลางจึงไม่ต้องการสรุป แต่การลดน้ำหนักเพิ่มน้ำหนักอย่างที่ผมกล่าวไป กลายเป็นคล้ายกับสรุป อาจจะพูดได้ว่า เอียงไปทางใดทางหนึ่งอย่างมาก ทำให้สิ่งที่เรียกว่าชุดความจริงเกี่ยวกับสาเหตุ รากเหง้าความขัดแย้ง ไม่ใช่ชุดความจริงร่วมกันอย่างที่ คอป.บอกว่าจะทำคอป.บอกว่ามีชุดความจริงได้หลายชุด คอป.ต้องการทำชุดความจริงร่วมกัน แต่ปรากฏว่าชุดความจริงนี้ ในที่สุดก็เป็นชุดความจริงที่ค่อนข้างจะคล้ายกัน หรือสอดคล้องกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไป และชุดความจริงนี้ จึงไม่ควรจะเรียกว่า ชุดความจริง ควรจะเรียกว่า ชุดข้อมูลที่ประกอบด้วยข้อเท็จจริงและความเห็น ซึ่งไม่เพียงพอที่จะทำให้เห็นพ้องต้องกันของสังคมสิ่งที่เป็นปัญหาสำคัญที่สุด ในการนำเอาเหตุการณ์ต่างมาเรียงกัน คือ ในการมองปัญหาของ คอป. ไม่มีเส้นแบ่งประชาธิปไตยกับเผด็จการ ไม่เห็นความต่างระหว่างระบอบประชาธิปไตยที่มีปัญหาแต่สามารถแก้ไขในระบบและตรวจสอบได้ กับการรัฐประหารและระบบที่ต่อเนื่องจากการรัฐประหารซึ่งขัดกับหลักประชาธิปไตย ขัดหลักนิติธรรมและตรวจสอบไม่ได้เมื่อไม่เห็นความแตกต่างนี้ ทำให้เป็นปัญหาใหญ่ปัญหาสำคัญในการวิเคราะห์ของ คอป. การไม่เห็นความแตกต่างนี้ไปสะท้อนที่ความเห็นประธาน คอป.ที่ว่า ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าจะไม่เห็นพ้องด้วยกับการยึดอำนาจรัฐไม่ว่าในครั้งใด แต่เผด็จการทางรัฐสภากับเผด็จการทหารดูจะไม่แตกต่างกัน ข้าพเจ้าจึงเห็นว่าเผด็จการทั้งสองรูปแบบต่างทำลายการพัฒนาประชาธิปไตยด้วยกันทั้งสิ้นเมื่อพูดถึงเหตุการณ์ก่อนการรัฐประหาร หลังการรัฐประหาร แล้วรวมไปทำให้คนเข้าใจว่า ก่อนการรัฐประหารคือเผด็จการรัฐสภา หลังการรัฐประหารคือเผด็จการทหาร เลยกลายเป็นว่ามีปัญหาเท่าๆ กันคอป.แบ่งความแตกต่างทางความเชื่อในเรื่องประชาธิปไตยเป็นสองแบบอย่างไม่ชัดเจน คือประชาธิปไตยแบบเลือกตั้ง ไม่ต้องตรวจสอบ กับแบบคนดี มีคุณธรรม ตรวจสอบได้ ซึ่งไม่ตรงกับความเข้าใจของฝ่ายต่างๆ ที่มีการพูดการแสดงความเห็นกันอยู่ฉะนั้น ในการวิเคราะห์จึงทำให้ไม่เห็นปัญหาใหญ่ของประเทศ คือ การที่คนไม่เชื่อการเลือกตั้ง ไม่เชื่อว่าประชาชนจะปกครองบ้านเมืองได้ และการใช้ความรุนแรงเข้ายึดอำนาจรัฐ ทำลายหลักนิติรัฐ นิติธรรมอย่างต่อเนื่อง คือ ปัญหาใจกลางของวิกฤตพอมาถึงข้อเสนอ เมื่อ คอป.ไม่เข้าใจปัญหาวิกฤตของประเทศ แม้จะมีข้อเสนอที่ดีหลายๆ ข้อ ทำให้ข้อเสนอของ คอป.ในส่วนที่สำคัญมากๆ จึงขาดน้ำหนัก ไม่ตรงจุดคอป.เสนอได้ชัดเจนว่า จะต้องไม่ทำรัฐประหาร แต่เนื่องจากไม่ได้เน้นความเลวร้ายของการรัฐประหารมาตั้งแต่ต้น ความสำคัญของประเด็นนี้จึงลดน้อยลงไปคอป.เสนอว่า ต้องไม่เร่งแก้รัฐธรรมนูญ และเสนอให้เป็นมาตรการระยะยาว ทั้งๆ ที่ปัญหารัฐธรรมนูญเป็นปัญหาใหญ่มาก ทำให้เกิดวิกฤตอย่างต่อเนื่องคอป.เสนอให้ปรับกระบวนการยุติธรรม แต่ในข้อเสนอจะพบว่า ทั้งการวิเคราะห์และข้อเสนอไม่ได้เน้นชัดเจน โดยเฉพาะในส่วนที่พูดถึงตุลาการก็จะเป็นเพียงข้อเรียกร้อง แต่จะไปเรียกร้องให้ปรับปรุงกระบวนการยุติธรรมในส่วนที่เกี่ยวกับฝ่ายบริหารมากกว่าและเมื่อไม่เร่งแก้รัฐธรรมนูญ การจะปรับกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ ก็ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ เพราะสองเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันนอกจากนั้น ในการกล่าวถึงการคืนความยุติธรรมแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการกระทำที่ไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม คอป.พูดถึงอยู่บ้าง แต่พอถึงบทสรุป ในตารางข้อเสนอต่างๆ ไม่ปรากฏอีก แล้วจะมีการคืนความยุติธรรมแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการกระทำที่ไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรมอย่างไร หรือไม่แต่ คอป.กลับเรียกร้องให้ผู้ได้รับผลกระทบจากการผิดหลักนิติธรรมต้องเสียสละเมื่อข้อเสนอ คอป.ไม่เพียงพอที่จะทำให้สังคมไทยพ้นจากวิกฤต หรือทำให้เกิดการปรองดองได้ จะทำอย่างไรกับข้อเสนอของ คอป. ผมมีความเห็นอย่างนี้ คือ ข้อเสนอของ คอป.จำนวนมาก นำไปปฏิบัติแล้วจะเป็นประโยชน์ แต่ถ้าทำตาม คอป.ทุกข้อโดยไม่แยกแยะ อาจไม่เป็นประโยชน์ หรือเป็นอุปสรรคต่อการปรองดอง หรือทำให้ประเทศพ้นวิกฤต ผมเห็นว่าผู้เกี่ยวข้องไม่จำเป็นต้องทำตามข้อเสนอ คอป.ทุกข้อ แล้วการปฏิบัติตามเพียงบางส่วน ไม่หมายความว่า ทำไปเพื่อประโยชน์ของตนเอง เพราะว่าผู้เกี่ยวข้องสามารถใช้วิจารณญาณ คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมแล้ว ก็ยังสามารถเห็นต่างจาก คอป.ได้ เนื่องจากการวิเคราะห์ของ คอป.มีข้อจำกัดและจุดผิดพลาดอยู่ข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมขึ้น คือข้อเสนอแรก เมื่อ คอป.ยังค้นหาความจริงได้ไม่พอ ควรส่งเสริมให้มีการค้นคว้า ค้นหาความจริงเพิ่มเติมต่อไป ทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ความรุนแรง ทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับรากเหง้า สาเหตุความขัดแย้งในสังคม การค้นหาความจริงนี้ อาจจะทำเหมือน คอป. แต่เพิ่มเติมข้อมูล ข้อเท็จจริง ข้อเสนอ หรือทำนองเดียวกับที่ ศปช. หรือศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุมเดือน เม.ย-พ.ค. 53 (ศปช.) ทำมาแล้วนอกจากนั้น อาจส่งเสริมให้หลายๆ ฝ่ายที่สนใจได้ทำการค้นหาความจริงได้ทำมากขึ้น โดยฝ่ายรัฐส่งเสริม สนับสนุน ให้ความร่วมมือ และนำเอาข้อค้นพบ ความจริงที่ค้นพบเหล่านั้นมารวบรวม รวมทั้งเปิดโอกาสให้ประชาชนรับรู้ที่ผมเสนออย่างนี้ คือ จะหวังจากรายงานชิ้นเดียว แล้วเป็นข้อสรุปไม่ได้แล้ว หาคนกลางที่เป็นที่ยอมรับมากๆ ไม่ได้แล้ว ควรจะเปลี่ยนแนวมาให้หลายฝ่ายค้นหาความจริง แล้วให้สังคมได้ศึกษา เรียนรู้ หากเป็นเรื่องการเมืองก็ให้ประชาชนใช้วิจารณญาน ตัดสินใจข้อเสนอที่ 2 ข้อเสนอใดที่เป็นประโยชน์ ซึ่งมีอยู่จำนวนมาก และมีความเห็นแตกต่างน้อย ควรจะดำเนินการไปเลย ซึ่งดูจากบทเรียน จากเหตุการณ์ 6 ตุลาแล้ว เพียงประเด็นหนึ่งเท่านั้น นอกนั้นก็ให้ฝ่ายรับผิดชอบพิจารณากันไปเอง คือ การนิรโทษกรรม ซึ่งผมคิดว่าขณะนี้ ทาง คอป.และหลายฝ่ายคงไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมผู้ที่เป็นแกนนำ ผู้ที่เป็นตัวการสำคัญทั้งหลายแต่สิ่งที่น่าสนใจ คือ จากเหตุการณ์ 6 ตุลา ถึงแม้จะมีการนิรโทษกรรมตัวเองของผู้มีอำนาจ แต่ผู้ที่ได้รับอานิสงส์ไปด้วย คือ ประชาชนทั่วๆ ไป เพราะฉะนั้นในขณะนี้ หากจะศึกษาในกรณี 6 ตุลาและนำแง่มุมที่เป็นประโยชน์มาใช้คือ ควรจะมีการนิรโทษประชาชนที่ไม่ใช่แกนนำทุกฝ่ายไปก่อน ส่วนกระบวนการศึกษาที่จะนิรโทษส่วนอื่นอย่างไร ต้องใช้เวลาข้อเสนอที่ 3 ในกรณีที่เห็นว่า มีเรื่องที่จำเป็นต้องทำ แต่ยังเห็นแตกต่างกัน เช่น การแก้รัฐธรรมนูญ รวมถึงการปรับปรุงกระบวนการยุติธรรม ปรับปรุงบทบาทองค์กรอิสระ เมื่อยังมีความเห็นต่างกัน ควรมีกระบวนการรับฟัง แลกเปลี่ยนความเห็น และอาศัยประชามติมาหาข้อยุติ แต่ที่ผมเห็นต่างจาก คอป.เรื่องที่จำเป็นต้องทำและความเห็นต่างกันนี้ ควรจะเร่งดำเนินการให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว ไม่ใช่เรื่องระยะยาว ไม่รู้ว่ากี่ปีจะทำ ซึ่งจะทำให้ความขัดแย้งและวิกฤตปะทุขึ้นมาได้อีก
หมายเหตุ: จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย แถลงข่าว จาก 6 ตุลา 19 ถึงรายงาน คอป. ที่โรงแรมอมารี เอเทรียม ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2555 จากหัวข้อ จาก 6 ตุลา 19
การเมือง
6 ตุลาคม 2519,จาตุรนต์ ฉายแสง
https://prachatai.com/journal/2012/10/43050
หลวงพ่ออลงกตขอกลับวัด บอกเกรงใจลูกศิษย์แห่เยี่ยม โยมคนไข้ไม่ได้พักผ่อน (คลิป)
จากที่หลวงพ่ออลงกตประสบอุบัติเหตุ รถตู้ที่นั่งมาชนกับรถยนต์กระบะที่กลับรถกลางถนนกะทันหันอย่างแรง จนคู่กรณีเสียชีวิต 2 ศพ และตัวหลวงพ่อเข้าพักรักษาตัวที่ โรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย. 62 ที่ผ่านมา ,วันนี้ (2 ต.ค.) นพ.ไพโรจน์ สุรัตนวานิช นายแพทย์สาธารณสุข จ.ลพบุรี พร้อมด้วย นพ.สมศักดิ์ สุทธิพงศ์เกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช ได้ร่วมกันแถลงอาการพระราชวิสุทธิประชานาถ หรือ หลวงพ่ออลงกต ขณะที่หลวงพ่ออลงกตมีอาการบาดเจ็บกระดูกสะโพกด้านขวา เลือดกำเดาออก นพ.นิติพล นวลสาลี ศัลยแพทย์กระดูกและข้อจึงได้ผ่าตัดใส่เหล็กดามกระดูกเรียบร้อยแล้ว ผลการผ่าตัดเป็นที่น่าพอใจส่วนบาดแผลฉีกขาดที่บริเวณใต้เข่าด้านขวาลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อ ยาวประมาณ 10 ซม. ได้รับการผ่าตัดตกแต่งบาดแผล ส่วนผลเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ สมอง กะโหลกศีรษะและกระดูกส่วนคอ พบเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองเล็กน้อย  ,นพ.ไพโรจน์ กล่าวต่อว่า จากการตรวจรักษาโดย พญ.ณิชา ระดมสุทธิกุล ประสาทศัลยแพทย์ พบว่า หลวงพ่อยังไม่ต้องผ่าตัด ได้ให้ยาป้องกันการชักและสังเกตอาการทางระบบประสาทอย่างใกล้ชิด ปัจจุบันท่านรู้สึกตัวดี สัญญาณชีพปกติ ไม่มีอาการปวดแผลผ่าตัด และอาการแทรกซ้อน พักผ่อนได้ตามปกติ หลังจากบาดแผลหายแล้ว ระยะแรกการเดินของหลวงพ่ออลงกตคงไม่สะดวกนัก เพราะต้องใช้เครื่องพยุงตัว ซึ่งกิจนิมนต์ที่ใช้การเดินคงต้องงดไประยะหนึ่ง ทั้งนี้ โรงพยาบาลได้จัดสมุดเซ็นเยี่ยมไว้ที่ชั้น 4 พิเศษศัลยกรรม ในระหว่างที่หลวงพ่อรักษาตัวและช่วงงดเยี่ยม เพราะท่านต้องพักผ่อนมาก,ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากที่ประชาชนและบรรดาลูกศิษย์ที่ทราบข่าวการเกิดอุบัติเหตุ ต่างแสดงความเป็นห่วงหลวงพ่ออลงกตเป็นอย่างมาก ลูกศิษย์ได้เดินทางมาทั่วสารทิศ จนแน่นขนัดโรงพยาบาลเพื่อที่จะเข้าเยี่ยมหลวงพ่อให้ได้ ซึ่งหลวงพ่อเองรู้สึกเป็นกังวลที่อาจทำให้ผู้ป่วยตามตึกต่างๆ ไม่ได้พักผ่อน ลูกศิษย์ที่ตั้งใจมาเยี่ยมแต่ก็ไม่สามารถเยี่ยมได้ ซึ่งตนเองก็มีอาการดีขึ้นตามลำดับ จึงได้ปรึกษากับทีมแพทย์ รพ.พระนารายณ์มหาราช จะขอไปพักฟื้นที่วัดพระบาทน้ำพุ เนื่องจากมีที่จอดรถมากมาย สามารถรองรับลูกศิษย์ที่จะเดินทางมาเยี่ยมได้ไม่จำกัด แต่แพทย์ยังเห็นว่าหลวงพ่อยังอยู่ในช่วงการผ่าตัด จึงขอนิมนต์ให้อยู่ รพ.ต่อเพื่อดูอาการสักระยะก่อน และจะอนุญาตให้หลวงพ่อไปพักฟื้นที่วัดพระบาทน้ำพุได้ในวันเสาร์ที่ 7 ต.ค. 62 นี้,บรรยากาศทั้งวันก็ยังมีลูกศิษย์ คนสนิท ผู้นำท้องถิ่น ผบ.เหล่าทัพต่างๆ ขอเข้าเยี่ยมเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งแพทย์ก็ได้อนุญาตเป็นการชั่วคราวเพียงระยะเวลาสั้นๆ เพื่อให้หลวงพ่อได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ซึ่งทุกคนเข้าใจปฏิบัติตามคำสั่งของแพทย์ ซึ่งหลวงพ่อเองก็ได้กล่าวขอบใจลูกศิษย์ทุกคนทั้งประเทศที่เป็นห่วง ขอให้อดใจรอไปเยี่ยมที่วัดพระบาทน้ำพุจะดีกว่า เกรงใจหมอ เกรงใจผู้ป่วย โดยก่อนที่จะงดเยี่ยมในช่วงเวลา 15.00 น. พล.ต.ชัชชัย เต็มยอด ผอ.รพ.อานัทมหิดล พร้อมคณะได้เดินทางมาเยี่ยมเป็นชุดสุดท้าย,หลวงพ่ออลงกต กล่าวว่า นอกจากกังวลเรื่องการเยี่ยมที่อาจรบกวนผู้ป่วยในโรงพยาบาลแล้ว ยังเป็นห่วงผู้ที่เสียชีวิตและครอบครัวทั้ง 2 ราย ซึ่งวันนี้เวลาประมาณ 18.30 น. หลวงพ่อได้ให้ลูกศิษย์ไปนิมนต์ พระครูภัทรปัญญาวุธ เจ้าคณะอำเภอโคกสำโรง เป็นตัวแทนมอบเงินให้กับญาติของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายที่ สภ.โคกสำโรง และร่วมในการฟังพระสวดพระอภิธรรมศพทุกคืนทั้งสองวัด จนกว่าจะทำการฌาปนกิจ ซึ่งทางญาติขาดเหลืออะไรให้ช่วยเหลืออย่างดีที่สุด.,กับ หลวงพ่ออลงกต,เปิดคลิปนาทีอุบัติเหตุ รถตู้ หลวงพ่ออลงกต ชนสนั่นกระบะ ดับ 2 ราย,ญาติรับศพ 2 บ่าวสาวคู่กรณีหลวงพ่ออลงกต เผยจะผูกข้อมือเช้านี้แต่มาตายก่อน,หลวงพ่ออลงกต ห่วงชน 2 ศพ ปิกอัพบ่าวสาว ตัดหน้ากระชั้น รถตู้ขยี้คาซาก
หลวงพ่ออลงกต อาการดีขึ้นขอหมอกลับวัดแต่ทีมแพทย์ให้ดูอาการถึง 7 ต.ค.ขณะที่ลูกศิษย์แห่เยี่ยม หลวงพ่อห่วงคนไข้ไม่ได้พักบอกไปรอเจอที่วัดดีกว่า ขณะที่ ห่วงญาติคู่กรณี 2 ศพ สั่งลูกศิษย์ช่วยดูแลแทน
ข่าว,ทั่วไทย
หลวงพ่ออลงกต,หลวงพ่ออลงกตถูกรถชน,โรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช,ลพบุรี,รถตู้ชนกระบะ,ตาย 2 ศพ,วัดพระบาทน้ำพุ,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/central/1673718
เที่ยวเชิงเกษตรสวนมาลัย บัววิคตอเรีย
จุดเด่นคือบัวกระด้งที่มีลักษณะใบที่ใหญ่และแข็งแรง ดอกสามารถเปลี่ยนสีไปตามช่วงเวลาของวัน,ปัจจุบันทางกลุ่มพัฒนาต่อยอดเปิดเป็นที่พักโฮมสเตย์ ให้นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชม ได้พักผ่อน และดื่มด่ำบรรยากาศธรรมชาติที่เงียบสงบ พร้อมเรียนรู้วิถีชีวิตคนเมืองนนท์,นางมาลัย มณีดำ ประธานกลุ่ม หรือเกษตรกรเจ้าของสวนมาลัย บัววิคตอเรีย บอกว่า มีความชอบและรักการปลูกต้นไม้มาตั้งแต่เด็ก จนในปี 2541 มีโอกาสไปเที่ยวงานพืชพรรณไม้,แล้วพบเห็นต้นกล้าบัวกระด้งที่วางจำหน่ายอยู่ในงาน รู้สึกชอบใบบัวที่มีขนาดใหญ่ มีความสวยงาม จึงสั่งซื้อมาในราคาต้นละ 1,500 บาท นำมาปลูกภายในบ่อบริเวณรอบบ้านและเริ่มขยายพันธุ์ได้มากขึ้น,จึงนำต้นกล้าบัวกระด้งไปฝากขายหน้าร้านจำหน่ายพรรณไม้ แรกๆก็ขายไม่ดี เพราะยังไม่เป็นที่รู้จัก จนปี 56 มีการเผยแพร่รูปภาพคนลงไปยืนบนใบบัวกระด้งในสื่อออนไลน์ สวนมาลัยบัวกระด้ง จึงเป็นที่รู้จัก,การปลูกบัววิคตอเรีย หรือบัวกระด้ง ไม่แตกต่างกับการปลูกพืชบนดิน เพียงแค่เลี้ยงในบ่อหรือสระน้ำ โดยจะมีการเสริมปุ๋ยสูตรเสมอหรือ 16-16-16 เป็นธาตุอาหารอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง,หากบัวกอไหนมีลักษณะไม่สมบูรณ์ ต้องคอยเก็บทิ้ง ในส่วนของก้านใบที่หักบางส่วนนำมาล้างทำความสะอาด ตัดแต่งส่วนที่ไม่ดีออก แล้วนำมาทำเป็น ขนมบัววิคตอเรีย เป็นขนมที่หาทานได้ที่นี่ที่เดียว,ส่วนต้นกล้าบัวกระด้ง จะขายตามความยาวของใบบัว หากเป็นขนาดเล็ก หรือเส้นผ่าศูนย์กลางใบบัว 10-12 นิ้ว ราคาขายอ่างละ 500 บาท,ถ้าเป็นขนาดใหญ่หรือเส้นผ่าศูนย์กลางใบบัว 1 เมตร ราคาขายเมตรละ 5,500 บาท ตามแต่ขนาดใบบัว อีกทั้งที่สวนยังมีการจำหน่ายเมล็ด ราคาขายเมล็ดละ 10 บาท,ปัจจุบันทางกลุ่มฯมีลูกค้ากระจายอยู่ทั่วประเทศ สามารถสร้างรายได้เดือนละ 2-3 หมื่นบาท,นับเป็นการบริหารจัดการท่องเที่ยวเชิงเกษตรตามวิถีชีวิตชุมชนคนเมืองนนท์ที่น่าสนใจอีกแห่ง,อำพล จิรัฐติกาลนนท์
กลุ่มวิสาหกิจชุมชนมาลัย บัววิคตอเรีย หรือบัวกระด้ง ตั้งอยู่ที่ 66/1 ต.ละหาร อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน
ข่าว,ทั่วไทย
บัววิคตอเรีย,บัวกระด้ง,นนทบุรี,โฮมสเตย์,มาลัย มณีดำ,มองทั่วทิศเมืองไทย,อำพล จิรัฐติกาลนนท์,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/central/1593813
เปิดตัวคณะอำนวยความสะดวกปชช. ชุมนุมต้านระบอบทักษิณ
นายทหารนอกราชการซึ่งประกอบด้วย พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรคพล.ร.อ.ชัย สุวรรณพล.อ.ชูเกียรติ ตันสุวัฒน์พล.อ.ท.วัชระ ฤธาคณี และนายพิเชษฐ์ พัฒนโชติ อดีตสมาชิกวุฒิสภา นายไทกร พลสุวรรณ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง แถลงเปิดตัวและแสดงเจตนาที่จะทำหน้าที่เป็นคณะอำนวยการความสะดวกให้ประชาชน ที่ออกมาชุมนุมแสดงจุดยืนต่อต้านรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ด้วยเหตุที่เชื่อตรงกันว่ามีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อยู่เบื้องหลังและกำหนดแนวทางการบริหารบ้านเมือง โดยนิยามและเรียกว่าระบอบทักษิณพล.อ.ปรีชา กล่าวชี้แจงการอาสาเข้ามาให้ความสะดวกกับประชาชน โดยไม่มีเจตนาที่จะแสดงตัวเป็นแกนนำ ขณะที่พล.อ.ชูเกียรติกล่าวเรียกร้องขอให้ทหารแสดงเจตนาร่วมกับประชาชน ส่วนนายพิเชษฐ์กล่าวย้ำว่าถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว ที่ประชาชนจะออกมาแสดงจุดยืนคัดค้านการบริหารบ้านเมืองของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยขณะเดียวกันก็แถลงเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงจุดยืนในการเคารพและดำเนินการกับผู้ละเมิดสถาบันและขอให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ลาออกจากตำแหน่ง การเร่งแก้ปัญหาเศรษฐภาพรวมและเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน และยุติการกู้เงิน รวมถึงถอนร่างพ.ร.บ.ปรองดอง และนิรโทษกรรมออกจากสภาผู้แทนราษฎร ตลอดจนการดำเนินคดีกับผู้ทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ภายใน 7 วัน ก่อนที่ประชาชนจะพิจารณาความคืบหน้าและนัดหมายการชุมนุมกัน ในวันที่ 4 สิงหาคมนี้ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายณัฏฐ์ บรรทัดฐานและนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต แถลงเรียกร้องรัฐบาลแถลงผลการดำเนินงานรัฐบาลในรอบปีที่ 1 และ 2 รวมถึงการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 และร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ก่อนการพิจารณาร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมและร่างพ.ร.บ.ปรองดองในสภาผู้แทนราษฎร ที่อาจนำมาซึ่งเหตุความวุ่นวายทางการเมือง พร้อมระบุส.ส.พรรคประชาธิปัตย์จะให้การสนับสนุนร่างกฎหมายที่มีเนื้อหาของการยกเว้นความผิดในการชุมนุมทางการเมืองของประชาชนทั้งนี้มีรายงานจากหน่วยข่าวสันติบาลว่า มีการประเมินการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ในกรุงเทพมหานครแล้ว หน่วยงานด้านความมั่นคงต่างกำชับที่จะดูแลและเข้มงวดการชุมนุมอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีท่าทีของการชุมนุมต่อเนื่องและยืดเยื้อ และมีแนวโน้มเป็นไปได้ว่า จะสมทบกับการชุมนุมคัดค้านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมของกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง รวมถึงกลุ่มประชาชนที่ไม่เห็นด้วย ที่น่าจะมีการนัดหมายชุมนุมในช่วงสัปดาห์ก่อนเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยสามัญทั่วไป หรือวันที่ 1 สิงหาคมนี้
พรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องรัฐบาลแถลงผลการดำเนินงาน ในรอบปีที่ 1 และ 2 ก่อนพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 และร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท แทนการเดินหน้าพิจารณาร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ตามวาระเรื่องด่วนที่ค้างอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร ขณะที่นายทหารนอกราชการแถลงเปิดตัว ร่วมเป็นคณะอำนวยการความสะดวก ให้ประชาชนที่ออกมาชุนนุมแสดงจุดยืนคัดค้านระบอบทักษิณ ในช่วงต้นเดือนสิงหาคม
การเมือง
ชุมนุม,ทหาร,ยิ่งลักษณ์,ระบอบทักษิณ,รัฐบาล
https://news.thaipbs.or.th/content/185279
บางกอกมอเตอร์โชว์กระหึ่ม
พร้อมจะกระหึ่มแล้ว สำหรับงานมอเตอร์โชว์ที่ยิ่งใหญ่สุดในภูมิภาคอาเซียน,นั่นคือ งานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2019 จัดโดยค่ายกรังด์ปรีซ์อินเตอร์เนชั่นแนล หนึ่งในเจ้าพ่อสื่อยานยนต์ของบ้านเรา ที่มี ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา เจ้าพ่อมอเตอร์โชว์เมืองไทย เป็นบิ๊กบอส,ดร.ปราจิน ประกาศลั่นว่างานบางกอกมอเตอร์โชว์ปีนี้จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 27 มี.ค.-7 เม.ย.นี้ ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี,งานบางกอกมอเตอร์โชว์ปีนี้ ถือว่ามีความพิเศษกว่าทุกปี เพราะยังเป็นการ ฉลองครบรอบ 40 ปีของงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์,นอกจากผู้เข้าร่วมชมงานจะได้พบกับกองทัพยนตรกรรมรุ่นใหม่ๆที่ค่ายรถยนต์และค่ายรถจักรยานยนต์ได้นำมาจัดแสดงเพื่อร่วมฉลองครบรอบ 40 ปีภายในงานอย่างมากมายแล้ว,ค่ายกรังด์ปรีซ์อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นผู้จัดงานนี้ยังเตรียมพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการพาทุกท่านย้อนรำลึกไปยังอดีตเพื่อสัมผัสกับบรรยากาศบอกเล่าความเป็นมาและการเติบโตของการจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ตั้งแต่ครั้งแรก ณ สวนลุมพินี ในปี พ.ศ.2522 จนมาถึงปัจจุบัน,สำหรับแนวคิดการจัดงานบางกอกมอเตอร์โชว์ในปีนี้ จะจัดภายใต้แนวคิด สุนทรียภาพทางอารมณ์ โดยต้องการสื่อสารให้ผู้เข้าร่วมชมงานได้สัมผัสถึงการออกแบบของยนตรกรรมยุคใหม่ผ่านอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายต่างๆ ที่ต้องการเชื่อมต่อระหว่างนวัตกรรมยานยนต์และผู้ขับขี่เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีร่วมกัน,มีแบรนด์รถยนต์ ชั้นนำจำนวน 33 ราย และแบรนด์รถจักร-ยานยนต์อีกจำนวน 14 ราย,งานบางกอกมอเตอร์โชว์ปีนี้จะมีการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ไม่น้อยกว่า 10 รุ่น โดยเฉพาะในกลุ่มรถพลังงานทางเลือก เช่น รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV), รถยนต์ไฮบริด, รถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ที่จะถูกนำมาจัดแสดงจากหลายค่ายเพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางการสนับสนุนของภาครัฐที่ต้องการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า,สิ่งนี้ยืนยันได้ถึงความสำคัญของงานบางกอกมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 40 ในการเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมภาพลักษณ์ รวมถึงผลักดันให้เกิดการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในระดับภูมิภาคได้เป็นอย่างดี,พร้อมกันนี้ จากการที่ค่ายกรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้รุกเข้าสู่ธุรกิจจัดการแข่งขัน eRacing Sport,ดังนั้นภายในงานนี้ยังเตรียมเปิดตัวการแข่งขันเกมแข่งรถออนไลน์ GT Sport ซึ่งจำลองสนามแข่งขันจริงมาอยู่ในเกม,ค่ายกรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้วางแผนจัดการแข่งขันประเภทนี้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีเพื่อค้นหาแชมป์ประเทศไทยเป็นตัวแทนแข่งขันระดับทวีปและชิงแชมป์โลก,คาดว่าผู้มาชมงานบางกอกมอเตอร์โชว์ในปีนี้จะใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ซึ่งมีผู้เข้าร่วมชมงานถึง 1,620,000 คน,หลับตาก็รู้ว่าจะมียอดจับจองรถใหม่ในงานนี้กันล้นทะลัก,ช่วยหนุนส่งให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยได้เพิ่มความคึกคัก,ทั้งยังปลุกเศรษฐกิจไทยให้เพิ่มความสดใสซาบซ่า,อัลคาโปน,[email protected]
หลับตาก็รู้ว่าจะมียอดจับจองรถใหม่ในงานนี้กันล้นทะลัก ช่วยหนุนส่งให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยได้เพิ่มความคึกคัก ทั้งยังปลุกเศรษฐกิจไทยให้เพิ่มความสดใสซาบซ่า!!!
ข่าว,ยานยนต์
ค่ายกรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล,มอเตอร์วอร์ส,อัลคาโปน,บางกอกมอเตอร์โชว์ 2019,งานมอเตอร์โชว์,ปราจิน เอี่ยมลำเนา
https://www.thairath.co.th/news/auto/1515000
รักสุกงอม เปปเปอร์ UHT คุกเข่าขอแฟนสาวนอกวงการแต่งงาน (คลิป)
หลังจากที่คบหาดูใจกับแฟนสาวนอกวงการ สาวครีม มานานหลายปี งานนี้หลายคนก็ลุ้นว่าเมื่อไหร่ อดีตนักร้องชื่อดัง เปปเปอร์ รัฐศาสตร์ กรสูต หรือ เปปเปอร์ UHT จะมีข่าวดีสักที และล่าสุดเจ้าตัวได้ทำเซอร์ไพรส์คุกเข่าขอแฟนสาวแต่งงานเป็นที่เรียบร้อยแล้วซึ่งหนุ่ม เปปเปอร์ ได้เผยคลิปของวันสำคัญผ่านทางอินสตาแกรมของตัวเอง พร้อมแคปชั่นว่า ผมได้ฤกษ์จากผู้ใหญ่มาตั้งแต่ต้นปี ในขณะที่วางแผนไปก็รอดูสถานการณ์ Covid-19 และประกาศจากทางราชการมาเรื่อยๆ จนในที่สุดเมื่อพิจารณาจากปัจจัยหลายๆ ด้านแล้วจึงมาลงตัวในการทำสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผม ณ สถานที่ที่คุ้นเคยที่สุด บ้านของเราเอง ซึ่งมีมาตรการป้องกันสูงสุด ประกอบกับการคัดเลือกทีมงานด้วยความระมัดระวังที่สุดผมขอขอบคุณทุกคนที่มีส่วนร่วมให้งาน surprise เล็กๆ นี้ สำเร็จลุล่วงไปอย่างอบอุ่น จึงอยากแชร์โมเม้นต์นี้ และเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่มีความรักหรือกำลังตามหาความรักนะครับหลังจากที่หนุ่มเปปเปอร์ประกาศข่าวดีนี้ออกไป ก็มีเพื่อนๆ ทั้งในและนอกวงการ รวมไปถึงแฟนๆ เข้ามาแสดงความยินดีกันอย่างมากมาย
เปปเปอร์ UHT อดีตนักร้องบอยแบนด์ชื่อดัง คุกเข่าขอแฟนสาวนอกวงการแต่งงาน
บันเทิง,ข่าวบันเทิง
เปปเปอร์ UHT,เปปเปอร์ รัฐศาสตร์,เปปเปอร์ รัฐศาสตร์ ขอแฟนแต่งงาน,เปปเปอร์ UHT ขอแฟนแต่งงาน,ดาราคุกเข่าขอแต่งงาน,ข่าวดารา,อินสตาแกรมดารา
https://www.thairath.co.th/entertain/news/1842689
สุเทพ อวยร่าง มีชัย ปลื้มปมปฏิรูป ตร.เสร็จใน 1 ปี
เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.59 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. ในฐานะประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย กล่าวผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์โดยใช้เวลา 7.56 นาที ว่า เรื่องการปฏิรูปตำรวจ มวลมหาประชาชนเรียกร้องต้องการเห็นการปฏิรูปในทันที เพราะตำรวจเป็นต้นน้ำกระบวนการยุติธรรม เป็นผู้รักษากฎหมาย ประชาชนจึงคาดหวังเห็นตำรวจเป็นตำรวจของประชาชน ไม่ใช่ตำรวจของผู้มีอิทธิพล ผู้มีอำนาจ ซึ่งร่างรัฐธรรมนูญของ นายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธาน กรธ. มีการเขียนเรื่องการปฏิรูปตำรวจถูกใจพวกเราเป็นอย่างยิ่ง โดยในมาตรา 258 และมาตรา 260 ที่กำหนดว่าจะต้องมีคณะกรรมการ ที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งขึ้นมา ทำหน้าที่แก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวกับตำรวจภายใน 1 ปี โดยคณะกรรมการนั้น จะต้องเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ มีความรู้ความสามารถ มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ยอมรับ เป็นประธาน และมีกรรมการทั้งจากตัวแทนจากตำรวจ และคนที่ไม่เคยเป็นตำรวจมาก่อน โดยต้องดำเนินการแก้ไขกฎหมายว่าด้วยอำนาจหน้าที่ และภารกิจของตำรวจให้เหมาะสม และเขียนว่าต้องให้กฎหมายเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของตำรวจได้รับการปรับปรุงแก้ไขเป็นเรื่องแรก และเป็นหลักประกันว่าตำรวจจะได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสม นอกจากนั้นยังกำหนดว่าในกฎหมายว่าด้วยการบริหารงานบุคคล ต้องมีหลักประกันว่าตำรวจต้องได้รับความเป็นธรรมในเรื่องโยกย้ายแต่งตั้ง โดยต้องใช้หลักคุณธรรม คำนึงความรู้ความสามารถ ตำรวจเองที่ได้อ่านรัฐธรรมนูญแล้วก็น่าจะชื่นใจว่าไม่ต้องวิ่งเต้น เสียเงินเสียทองอีกแล้ว,นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ในรัฐธรรมนูญยังกำหนดวิธีปฏิบัติในการปฏิรูปตำรวจ ให้มีคณะกรรมการที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งขึ้นทำหน้าที่แก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยคณะกรรมการนั้นจะต้องมีคนที่มีความรู้ความสามารถ มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ยอมรับเป็นประธาน และมีตัวแทนจากตำรวจ และคนที่ไม่เคยเป็นตำรวจมาก่อน และยังมีปลัดกระทรวงการคลัง กระทรวงยุติธรรม โดยจะต้องแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับตำรวจภายใน 1 ปี,                ,เฉพาะเรื่องตำรวจเรื่องเดียวผมก็ปลื้มใจแล้ว เพราะจะมีตำรวจของประชามชนที่ทำงานรับใช้ประชาชนอย่างซื่อสัตย์สุจริต และได้รับค่าตอบแทนที่คุ้มค่า ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความภาคภูมิใจ ซึ่งขอแสดงความยินดีกับพี่น้องตำรวจไว้ล่วงหน้า นายสุเทพ กล่าว.
สุเทพ จ้อชมร่าง รธน. มีชัย ถูกใจมวลมหาประชาชน โดยเฉพาะปมปฏิรูปตำรวจ ที่ต้องเสร็จใน 1 ปี เพื่อความเป็นธรรม ป้องวิ่งเต้นตำแหน่ง
null
ร่างรัฐธรรมูณ,เฟซบุ๊กไลฟ์,สุเทพ เทือกสุบรรณ,ปฏิรูป คตร.,แต่งตั้งโยกย้าย,ปนะชามติ,เรียนฟรี 15,ค่าตอบแทน,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวการเมือง
https://www.thairath.co.th/content/648616
ตร.ตม.ประสานเขมรไล่ล่า อาร์ตูร์ ผู้ต้องสงสัยฆ่าหั่นศพ นักธุรกิจสเปน
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 ก.พ. 2559 ความคืบหน้าการติดตามตัว นายอาร์ตูร์ เซการ์รา ปรินเซป อายุ 37 ปี ชาวสเปน ผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ นายเดวิด แบร์นาต อายุ 39 ปี นักธุรกิจชาวสเปน ทิ้งในแม่น้ำเจ้าพระยา พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) ประสานประเทศเพื่อนบ้านช่วยไล่ล่า ผู้ต้องสงสัยฆ่าหั่นศพ,พล.ต.ท.ณัฐธร เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ร่วมกำลังกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนดำเนินการค้นหาผู้ต้องสัยสัยนอกจากนี้ยังได้ประสานไปยังอธิบดีตรวจคนเข้าเมืองประเทศกัมพูชา เพื่อร่วมกันติดตามจับกุมผู้ต้องสงสัย หากมีการพบว่าได้หลบหนีข้ามชายแดนไปยังประเทศกัมพูชา ขณะเดียวกัน ทางเจ้าหน้าหที่ยังไม่มั่นใจว่า นายอาร์ตูร์ ได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้วหรือไม่ แต่หากสามารถหลบหนีออกไปได้ต้องไปทางเส้นทางตามธรรมชาติและมีคนช่วยเหลือในการหลบหนีแน่นอน,เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงควบคุมตัว น.ส.ปริศนา แสนอุบล อายุ 22 ปี ผู้ต้องสังสัยที่อาจร่วมการฆ่าหั่นศพนายเดวิด เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีเพิ่ม ซึ่งยังคงให้การปฏิเสธไม่มีส่วนรู้เห็นในการฆ่าครั้งนี้ พร้อมให้ความร่วมมือในการสอบปากคำเต็มที่ พล.ต.ท.ณัฐธร กล่าว.
ผบช.สตม. ประสานกัมพูชา ร่วมล่าอาร์ตูร์ชาวสเปน ผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ เดวิด แบร์นาต นักธุรกิจชาวสเปน เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคุมเข้ม น.ส.ปริศนา เพื่อนคนสนิทผู้ต้องสงสัย เพื่อให้ข้อมูลคดีเพิ่ม ยังคงปฏิเสธไม่มีส่วนร่วมฆ่า
null
ฆ่าหั่นศพ,ฆ่าหั่นศพโยนแม่น้ำ,โยนแม่น้ำเจ้าพระยา,ประสานเขมรไล่ล่า,หลบหนีออกนอกประเทศ,อาร์ตูร์ เซการ์รา ปรินเซป,ผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ,เดวิด แบร์นาต,สตม.,ตม.,ตรวจคนเข้าเมือง,ณัฐธร เพราะสุนทร,ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง,ข่าว,ไทยรัฐ,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวทั่วไทย,หั่นศพทิ้งแม่น้ำ,ชิ้นส่วนศพ,ฆาตกรรมอำพราง,ฆาตกร,หั่นศพ
https://www.thairath.co.th/content/574003
ชาวบ้านผวา พบมอเตอร์ไซค์จอดทิ้งในป่ายาง 3 วัน รีบแจ้ง ตร.เข้าตรวจสอบ
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 29 ส.ค. 60 พนักงานวิทยุประจำ สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 จังหวัดนครศรีธรรมราช ว่า มีรถจักรยานยนต์ถูกนำมาจอดทิ้งไว้ในสวนยางพารา ม.4 บ้านตาราง ต.ทุ่งใหญ่ นาน 3 วัน ขอให้ตำรวจไปตรวจสอบ,ทั้งนี้ ร.ต.อ.ธีรโชติ ณ พัทลุง สายตรวจรถยนต์ได้นำกำลังไปยังจุดรับแจ้ง พบรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีแดงดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนถูกนำมาจอดทิ้งไว้ในสวนยางพาราของ นางยินดี เนตรเจริญ ทางเข้าถนนสายเข้าหลัก-วัดขนาน จึงเข้าตรวจสอบอย่างละเอียด ไม่พบว่ามีสิ่งผิดกฎหมายซุกซ่อนอยู่ จึงนำขึ้นรถสายตรวจมาตรวจสอบที่โรงพัก เพื่อติดตามหาเจ้าของมารับคืน,จากการสอบสวน นายเลิศชาย ชูชาติ ผู้ใหญ่บ้าน ม.4 กล่าวว่า ขณะที่ตนพร้อมลูกบ้านออกตรวจเยี่ยมชาวบ้านในพื้นที่ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีคนไปพบรถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ไม่ทราบว่าเป็นของผู้ใดถูกนำมาจอดทิ้งไว้นาน 3 วัน เกรงว่าจะมีสิ่งผิดกฎหมายซุกซ่อนอยู่ ชาวบ้านที่พบเห็นจึงไม่กล้าเข้าไปแตะต้อง ก่อนจะโทรศัพท์แจ้งไปยังศูนย์วิทยุ 191 จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อขอให้เข้าตรวจสอบ,เบื้องต้น สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นรถที่ถูกขโมยมาจากที่อื่น คนร้ายเห็นท่าไม่ดีเกรงว่าจะมีความผิด จึงนำมาจอดทิ้งไว้ในสวนยางก่อนจะหลบหนีไป 
ตำรวจเข้าตรวจสอบรถจักรยานยนต์ปริศนา จอดทิ้งในป่ายางพารานาน 3 วัน ชาวบ้านกลัวมีสิ่งผิดกฎหมายซ่อนอยู่ ไม่กล้าแตะต้อง คาดเป็นรถถูกขโมยมาจอดทิ้งไว้
ข่าว,ทั่วไทย
รถจักรยานยนต์,จอดทิ้งในป่ายาง,ป่ายาง,รถถูกขโมย,นครศรีธรรมราช,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/south/1053637
ปิยบุตร ชี้ คดีความอนาคตใหม่ เรื่องขี้ปะติ๋ว ไม่ถึงยุบพรรคแน่
วันที่ 8 มี.ค. ที่ จ.กระบี่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ พร้อมด้วย นายสุนทร บุญยอด กรรมการบริหารปีกแรงงาน นายเจนวิทย์ ไกรสินธุ์ กรรมการบริหารสัดส่วนภูมิภาค ภาคใต้ ร่วมเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่จังหวัดกระบี่ทั้ง 2 เขต โดยเขต 1 ได้แก่ นายยุทธนา อ่าวลึกน้อย และเขต 2 นายประพันธ์ แก้วทอง,โดยนายปิยบุตร ขึ้นเวทีปราศรัยกล่าวว่า กระแสของพรรคอนาคตใหม่ตอนนี้มาแรงมากๆ จนถูกขบวนการนักร้อง นักสร้างข่าวลวงต่างๆ พยายามทำลาย จ้องเตะสกัดขา ด้วยการเมืองแบบเดิมๆ กลเม็ดแบบเดิมๆ ซึ่งเรื่องนี้ตั้งแต่ก่อตั้งพรรคขึ้นมา ตนเชื่อว่าสักวันหนึ่งอย่างไรก็เราต้องเจอ แต่ไม่คิดว่าจะมาเร็วขนาดนี้ นั่นแสดงว่าเรามาถูกทางแล้ว แสดงว่ากระแสเรามาแรง อย่างคดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ การจัดรายการของคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ หลายคนก็มองว่า ถูกเร่งรัดคดีในช่วงนี้หรือไม่ กรณีเขียนประวัติผิด ก็มีผู้หอบเอกสารไปร้องเรียนยุบพรรค ซึ่งตนเองของยืนยันตรงนี้ สร้างความมั่นใจกับพี่น้องทุกคนว่า ไม่มีคดีไหนที่มีความผิดไปถึงขั้นยุบพรรคได้ ข้อร้องเรียนต่างๆ ล้วนเป็นเรื่องขี้ปะติ๋ว ไม่ต้องกังวลใจ พรรคอนาคตใหม่ไม่มีทางถูกยุบอย่างแน่นอน เราจะเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง และจะเป็นพรรคทางหลักของประเทศที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศนี้,ข้อกล่าวหา การโจมตีพรรคอนาคตใหม่ ผมมั่นใจว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้ผู้สมัครของพรรคอนาคตใหม่ยิ่งเข้มแข็งและฮึกเหิม มุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับการเมืองแบบเก่า ขณะเดียวกัน พ่อแม่พี่น้องที่สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ทุกคน อยากจะบอกว่า อย่ากลัว วันที่ 24 มีนาคมที่จะถึงนี้ต้องออกไปเลือกตั้งให้มากที่สุด ใช้การเลือกตั้งเป็นเครื่องมือป้องกันไม่ให้เขาทำลายเราได้สำเร็จ คสช.เขาต้องการใช้การเลือกตั้งครั้งนี้เพื่อการสืบทอดอำนาจ แต่เราจะใช้การเลือกตั้งครั้งนี้เพื่อเป็นเครื่องมือในการกำจัด คสช.ยุติการสืบทอดอำนาจ ยุติวงจรการรัฐประหาร และยุติการเมืองแบบเก่า ดังนั้นต้องเลือกพรรคอนาคตใหม่ทุกคนทุกเขต ให้พรรคอนาคตใหม่มี ส.ส.มากที่สุด เพื่อที่จะเข้าไปยุติทั้ง 3 ยุติที่ผมกล่าวมา นายปิยบุตร กล่าว,นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า สำหรับผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดกระบี่ทั้ง 2 คน จากการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา เราพบว่าได้รับความนิยมสูงมาก นั่นเพราะคนใต้ คนกระบี่ อยู่กับการเมืองแบบเดิมมานาน เลือก ส.ส.เข้าสภาไปกี่ครั้ง ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไม่มีอะไรดีขึ้น โดยเฉพาะการที่พรรคอนาคตใหม่ มีนโยบายยุติรัฐราชการรวมศูนย์ คืนอำนาจให้ท้องถิ่นจัดการตนเอง เป็นสิ่งที่โดนใจคนกระบี่มาก เพราะกระบี่สร้างรายได้ให้กับประเทศ จัดเก็บภาษีได้เป็นลำดับต้นๆ นโยบายของเราจะจัดแบ่งภาษีแบบใหม่ 50 ต่อ 50 ให้ท้องถิ่นมีงบประมาณ มีบุคลากร และมีอำนาจกำหนดว่าคนกระบี่ต้องการอะไร ซึ่งคุณยุทธนา อ่าวลึกน้อย ผู้สมัครเขต 1 ของเราเคยทำงานกับ อบจ.กระบี่ รู้เรื่องนี้ดี เข้าใจความสำคัญเรื่องนี้ เข้าใจปัญหา สามารถงานได้ทันที เรามั่นใจผู้ทั้ง 2 คน เราเช่ือว่าคนกระบี่ต้องการความเปลี่ยนแปลง ดังนั้นเราจะมี ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่จาก จ.กระบี่ เข้าสภาอย่างแน่นอน.
ปิยบุตร ชี้ คดีความพรรคอนาคตใหม่ เรื่องขี้ปะติ๋ว ไม่ถึงยุบพรรคแน่ ปลุก 24 มี.ค.ปชช.ออกมามากๆ เพื่อยุติการสืบทอดอำนาจ คสช. เปิดตัว 2 ผู้สมัคร กระบี่ มั่นใจได้ ส.ส.เข้าสภาฯ
เลือกตั้ง
เลือกตั้ง62,อนาคตใหม่,เรื่องขี้ปะติ๋ว,ปิยบุตร แสงกนกกุล,เปิดตัวผู้สมัครส.ส.กระบี่,เลือกตั้ง
https://www.thairath.co.th/news/politic/1514643
เปลี่ยนลุคก็ไม่รอด รวบโจรควงปืนปลอมชิงเงินแบงก์ดัง เมืองกระบี่
เวลา 14.00 น.วันที่ 19 พ.ค.61 พ.ต.อ.สมเด็จ สุขการ ผกก.สภ.เมืองกระบี่ พ.ต.ต.นพดล กล่อมพงษ์ สารวัตรสืบสวน ภ.จว.กระบี่ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เข้าทำการจับกุมนายอรรถสิทธิ์ ศรีวรรธนะ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56/245 ม.2 ต.ศีรษะจรเข้น้อย อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ที่หอพักแห่งหนึ่ง ถนนมหาราช ต.ปากน้ำ อ.เมืองกระบี่ ,แม้ว่าภายหลังก่อเหตุ คนร้ายได้เข้าร้านทำผม เพื่อเปลี่ยนลุคใหม่หวังหลบสายตาเจ้าหน้าที่ แต่ได้มีชาวบ้านแจ้งเบาะแส ระบุเป็นผู้ต้องหาคดีชิงเงินสดจากธนาคารกรุงเทพ สาขาห้างบิ๊กซี กระบี่ ได้เงินไปจำนวน 119,781 บาท นอกจากนี้ยีงตรวจค้นพบเงินสดที่ชิงมาได้คืน 101,800 บาท พร้อมด้วยเสื้อผ้าที่ใช้ก่อเหตุ จากนั้นนำตัว มาสอบสวนที่ ภ.จว.กระบี่ โดยมี พล.ต.ต.บุญทวี โตรักษา ผบก.ภ.จว.กระบี่ สอบปากคำด้วยตนเอง ,ขณะที่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือก่อเหตุดังกล่าวจริง สาเหตุที่ทำไปนั้น เนื่องจากขณะนี้ตกงาน เดิมทำงานเป็นช่างหล่อปูนที่โรงงานแห่งหนึ่งแล้วตกงาน ไม่มีเงินใช้ ได้นำรถและทรัพย์สินต่างๆ ไปจำนำ จนรู้สึกเครียดเลยวางแผนใช้ปืนปลอมไปก่อเหตุชิงทรัพย์ดังกล่าว,ภายหลังจากจับกุมและสอบสวนเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ห้างบิ๊กซี จุดเกิดเหตุ และบริเวณหน้าห้างที่ผู้ต้องหาถอดเสื้อทิ้ง ท่ามกลางชาวบ้านประชาชนที่มามุงดูเหตุการณ์จำนวนมาก.
จับแล้วโจรชิงเงินแบงก์กรุงเทพ สาขาห้างบิ๊กซี กระบี่ สารภาพตกงานเครียดไม่มีเงินใช้ วางแผนใช้ปืนปลอมจี้ธนาคาร หลังก่อเหตุ เข้าร้านเสริมสวยเปลี่ยนทรงผม หวังตบตาเจ้าหน้าที่
ข่าว,ทั่วไทย
โจรจี้แบงค์,จี้ธนาคาร,เปลี่ยนทรงผม,ชิงเงินแบงก์กรุงเทพ,กระบี่,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/south/1286117
สภาพ่นสเปรย์ฆ่าเชื้อโควิด-19 ก่อนลงมติไว้วางใจ นายกฯ-5 รัฐมนตรี หรือไม่
วันที่ 28 ก.พ. 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อาคารรัฐสภาในเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่สวมชุดป้องกันเข้าฉีดพ่นสเปรย์ฆ่าเชื้อทั้งในห้องประชุมและบริเวณโดยรอบรัฐสภา เพื่อป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 (COVID 19) ซึ่งวันนี้จะเป็นการลงมติรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ประกอบด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ภายหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจจบลงไปเมื่อค่ำที่ผ่านมาด้วยความไม่สวยงามเท่าใดนัก โดยฝ่ายค้านเดินออกจากที่ประชุมสภาฯ เนื่องจากขอขยายเวลาในการอภิปรายเพิ่มเติมไม่ได้ ทำให้ 5 ส.ส. หมดโอกาสในการอภิปรายในสภาฯ จากนั้นสมาชิกที่เหลือได้ลงมติเพื่อปิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยมติ 251 เสียง.
เจ้าหน้าที่พ่นสเปรย์ฆ่าเชื้อโดยรอบรัฐสภา ก่อนเปิดให้ ส.ส. ลงมติว่าจะไว้วางใจ นายกฯ และ 5 รัฐมนตรี ที่ถูกอภิปราย 4 วันที่ผ่านมาหรือไม่
ข่าว,การเมือง
อภิปรายไม่ไว้วางใจ,อภิปรายไม่ไว้วางใจ 2563,ประชุมสภา,อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล,โควิด-19,ไวรัสโคโรนา,ไวรัสโคโรน่า
https://www.thairath.co.th/news/politic/1782545
บิ๊กป๊อก ย้ำ มท.พร้อมหนุนเลือกตั้ง กำชับ ขรก.ต้องวางตัวเป็นกลาง
เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.61 พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการเตรียมการเลือกตั้งของกระทรวงมหาดไทย สำหรับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า ว่า ความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทยมีหน้าที่สนับสนุนการทำงานของ กกต. เช่น การจัดเตรียมข้อมูลทะเบียนราษฎร รายชื่อผู้มีสิทธิ์ ข้อมูลในการที่จะนำไปแบ่งเขตเลือกตั้ง จำนวนประชากรอีกส่วน คือ การรักษาความสงบเรียบร้อยทั่วๆ ไป โดยในคูหาเลือกตั้งจะเป็นหน้าที่ของ กกต.ในการอำนวยการ อาจจะมีการขอข้าราชการจากหน่วยใดมาทำหน้าที่ ดูแลความสงบเรียบร้อยในคูหาเลือกตั้ง แต่ในพื้นที่ทั่วๆ ไปเป็นความรับผิดชอบของท้องถิ่น และเป็นความรับผิดชอบโดยพื้นฐานของกระทรวงมหาดไทย นอกจากนี้ ยังมีหน้าที่รณรงค์ให้คนออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง และการให้ข้อมูลแก่ประชาชนในการกาบัตรเลือกตั้งเพื่อไม่ให้บัตรเสีย,เมื่อถามว่า พรรคการเมืองกังวลเรื่องที่ กกต.จะมอบหมายให้ท้องถิ่นเป็นผู้จัดสถานที่ในการติดป้ายหาเสียง รวมไปถึงการจัดเวทีปราศรัย โดยกังวลว่าท้องถิ่นจะทำได้ไม่ครอบคลุม พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า คิดว่าสามารถทำได้ครอบคลุม เพราะแต่ละพื้นที่ก็มีกระจายงานกันออกไป โดยให้แต่ละพื้นที่รับผิดชอบงานของตัวเอง ซึ่งภาระงานตรงนั้นก็ไม่ได้มากนักก็น่าจะสนับสนุนได้ สิ่งที่กังวลคือการจะต้องทำให้อยู่ในกรอบกฎหมาย อย่าให้เกิดความเหลื่อมล้ำ หรือเกิดความรู้สึกที่ไม่เป็นธรรม รวมไปถึงการไปให้คุณให้โทษกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ตนคิดว่าที่ต้องระวังคือตรงนี้ แต่อย่างไรก็ตาม กระทรวงมหาดไทยได้กำชับข้าราชการทุกฝ่ายแล้วว่า ให้วางตัวเป็นกลาง เพื่อที่จะไม่ให้เกิดความวุ่นวายในการเลือกตั้ง เพราะหากประชาชนรู้สึกว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐทำตัวไม่ดี จะทำให้การเลือกตั้งไม่เรียบร้อย ซึ่งตนเชื่อมั่นว่าเจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติงานเกิดความเรียบร้อย
บิ๊กป๊อก ย้ำ มท.พร้อมสนับสนุนดูแลการเลือกตั้ง กำชับข้าราชการต้องวางตัวเป็นกลาง ป้องกันความวุ่นวาย เชื่อ จนท.ปฏิบัติงานเรียบร้อย
เลือกตั้ง
เลือกตั้ง62,มท.,จัดเลือกตั้ง,อนุพงษ์ เผ่าจินดา,เลือกตั้ง
https://www.thairath.co.th/news/politic/1458028
สมศักดิ์ แจงรัฐเข้มมาตรการปราบยา ชี้เหตุเพิ่มขึ้น เพราะต้นทุนถูกลง
สมศักดิ์ แจงรัฐมีมาตรการเข้มปราบยาเสพติด ชี้เหตุจำนวนเพิ่มขึ้นเพราะต้นทุนถูกลง เผย ยอดผู้เสพ-ผู้ค้า-พื้นสีแดง ลดลงเทียบ รบ.ชุดก่อน ทวงสัญญาฝ่ายค้านอย่าคืนคำ หากนายกฯทำได้ให้อยู่ 100 ปีเมื่อวันที่ 26 ก.พ.63 ที่รัฐสภานายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กล่าวชี้แจงว่า กรณีการจัดการปัญหายาเสพติดและที่พักในเรือนจำ ตนไม่ได้ปล่อยปละละเลยให้มียาบ้าเต็มเรือนจำ ส่วนที่ถามว่าทำไมไม่พูดคุยกับเพื่อนบ้านเพื่อลดการระบายของยาเสพติด ในทางปฏิบัติไม่ได้ง่ายแบบนั้น หลังจากที่ตนมาเป็นรัฐมนตรีได้คุยกันแล้ว 2 ครั้ง โดยจะมีข้อมูลยืนยันส่วนเรื่องของรางวัลนำจับที่กล่าวหาว่าใช้เงินสูงถึง 400 ล้านบาทนั้น เราจะเน้นเรื่องการจับจุม เนื่องจากการจับกุมมีราคาต่ำและท่านต้องไม่คืนคำว่า หากนายกฯปราบปรามยาเสพติดได้ดี จะให้เป็นนายกฯสักร้อยปี สิ่งที่ท่านพูดไปเรามั่นใจว่าเราจะทำได้แน่นอน และที่บอกว่ารัฐบาลนี้ไม่ได้เผาหรือทำลายยาเสพติดนั้น ตนต้องเรียนว่าปี 62 เราเผาทำลาย 3 ครั้ง โดยครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.62 ครั้งที่ 2 วันที่ 5 ก.ค.62 และครั้งที่ 3 วันที่ 26 ธ.ค. 62 เป็นยาบ้า 12.3 ตัน ยาไอซ์ 480 กิโลกรัม เฮโลอีน 143 กิโลกรัม และกัญชา 10 ตัน ส่วนข่าวที่ว่ามีแม่บังคับเด็ก 8 ขวบเสพยาบ้านั้น ไม่เป็นความจริง ป.ป.ส.ลงพื้นที่ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร และไปตรวจปัสสาวะปรากฎว่า ไม่มีสิ่งที่บ่งบอกว่ามีสารเสพติดสำหรับตัวเลขการจับกุมและบำบัดเทียบตัวชี้วัดปี 56 กับปี 62 นั้น ปี 56 มีผู้เสพ 3.6 แสนราย ผู้บำบัดมี 3.2 แสนราย ปี 62 ผู้เสพมี 2.8 แสนราย ผู้บำบัดมี 2.2 แสนราย เป็นข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ซึ่งเป็นความเข้าใจว่ามียาบ้าเต็มบ้านเต็มเมือง แต่ส่วนหนึ่งที่ท่านบอกว่าระบาดเต็มบ้านเมืองนั้น ก็ไม่ผิดเพราะตอนนี้ต้นทุนการผลิตต่ำมาก เมื่อเทียบจำนวนผู้เสพรัฐบาลนี้กับรัฐบาลในอดีต สูงสุดคือปี 55 มีจำนวน 2.5 แสนราย ปี 62 รัฐบาลนี้มีแค่ 1.4 แสนราย เป็นตัวเลขที่ชัดเจนสามารถตรวจสอบได้ นายสมศักดิ์ กล่าวนายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่กล่าวหาว่ายาบ้ามากขึ้นนั้น มันก็อาจจะเป็นอย่างนั้น เพราะมีดัชนีชี้ว่าต้นทุนยาบ้ามันถูกมาก ดูข้อมูลปี 53-56 ซึ่งเป็นข้อมูลของรัฐบาลเก่า โดยปี 53 มีจำนวน 3.5 ล้านเม็ด ปี 56 มีเพิ่มขึ้นถึง 360% ถ้าเทียบกับรัฐบาล คสช.จนถึงปี 56 จนถึงปี 61 เพิ่มขึ้น 269% อัตราส่วนน้อยกว่าเกือบ 100% เพราะรัฐบาลช่วงนั้นมีการตั้งด่านกวดขัน ดังนั้นถ้าจะมาบอกว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา มียาบ้าออกมามากมายเป็นความเท็จนายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า สาเหตุที่ทำให้ต้นทุนการผลิตยาบ้าลดลงนั้น เพราะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งในช่วงปี 37-53 มีต้นทุนคงที่ ยาบ้าเม็ดละ 1 บาท ถึง 1.25 บาท ยาไอซ์กิโลกรัมละ 50000-53000 บาท แต่หลังจากปี 59 ต้นทุนยาบ้าเหลือ 0.55-0.60 บาท ส่วนไอซ์เหลือ 26000 หมื่นบาท ดังนั้นการจะมาขายเม็ดละ 20 บาท ง่ายมากเพราะต้นทุนถูกนอกจากนี้เครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตยังทำให้การผลิตยาบ้าสามารถทำได้ง่ายขึ้น ดังนั้นเมื่อต้นทุนถูกผลิตได้เร็วก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะขายราคาถูก และยิ่งผลิตออกมามากราคาก็ยิ่งถูก ขณะเดียวกันยอดผู้เสพก็ลดลง จึงทำให้มียาบ้าอยู่ในตลาดจำนวนมากนายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามเราไม่สามารถควบคุมการผลิตได้ มันอยู่นอกประเทศ ส่วนที่บอกว่าเป็นเพราะตนไม่มีความสัมพันธ์ที่ดีนั้น ตนไปมาแล้วสองครั้ง ครั้งแรกไปประเทศเวียดนามแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ปราบปรามสารตั้งต้น ครั้งที่สองที่เจอกับผู้นำประเทศเพื่อนบ้านในประเทศไทยมีมาตรการ 1511 ล่าสุดมีรายงานผลการทำลายแหล่งผลิตเพิ่งส่งมาเมื่อว้นที่ 20 ก.พ.63 ที่รัฐฉานเหนือ ยึดเครื่องโรตารี่ได้ 8 เครื่อง ซึ่งเครื่องหนึ่งสามารถผลิตได้วันละ 3.5 ล้านเม็ดนายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนการประเมินสถานะหมู่บ้านทั่วประเทศที่เกี่ยวข้องยาเสพติดนั้น จากปี 57 มีประมาณ 4.7 หมื่นหมู่บ้าน คิดเป็น 59.5% ปี 62 เหลือแค่ 2.4 หมื่นหมู่บ้าน ลดลงถึง 30%ยาเสพติดราคาถูกและอยู่ใกล้บ้านเรา UNODC ประเมินแล้วว่าปีหนึ่งในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ มีการผลิตยาเสพติดมีมูลถึง 6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้นเราต้องไม่ประมาทในการแก้ปัญหาในพื้นที่บ้านเรา และมีนโยบายจัดตั้งศูนย์ ศอกส.นายสมศักดิ์ กล่าวนายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนการยึดทรัพย์เรายึดตั้งแต่รายเล็กถึงรายใหญ่ ตนมั่นใจว่าดำเนินการได้แน่เพราะเริ่มทำพื้นที่ปลอดภัยก็จะรู้ว่าผู้เสพคือใคร ทำให้สาวไปถึงผู้บ่งการใหญ่ๆเหล่านั้นได้ โดยใช้เทคโนโลยีในการสืบค้นเพื่อขยายผล เครือข่ายยาเสพติดที่สมคบเกี่ยวข้องทั้งหมด และยังใช้ big data มาเป็นฐานข้อมูลผู้เสพผู้ค้าทั้งหมด ที่เป็นรายย่อยกว่า 4 แสนราย
สมศักดิ์ แจงรัฐมีมาตรการเข้มปราบยาเสพติด ชี้เหตุจำนวนเพิ่มขึ้นเพราะต้นทุนถูกลง เผย ยอดผู้เสพ-ผู้ค้า-พื้นสีแดง ลดลงเทียบ รบ.ชุดก่อน ทวงสัญญาฝ่ายค้านอย่าคืนคำ หากนายกฯทำได้ให้อยู่ 100 ปี
ข่าว,การเมือง
อภิปรายไม่ไว้วางใจ,อภิปรายไม่ไว้วางใจ 2563,ประชุมสภา,อภิปราย,สมศักดิ์ เทพสุทิน,ยาเสพติด,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/politic/1781280
กต.เตือนคนไทยในฟิลิปปินส์ เลี่ยงเข้าใกล้ภูเขาไฟตาอัลปะทุ เตือนระดับ 4
จากกรณี สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า ภูเขาไฟตาอัล (Taal Volcano) ทางใต้ของกรุงมะนิลา บนเกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์ ปะทุครั้งใหม่ พ่นเถ้าถ่าน กลุ่มควันขึ้นสู่ท้องฟ้า สูงถึงประมาณ 1 กิโลเมตร พร้อมกันนั้นยังได้ยินเสียงภูเขาไฟคำรามกึกก้องและเกิดการสั่นสะเทือนของผืนดินโดยรอบอีกด้วย ขณะที่ทางการฟิลิปปินส์ได้ออกคำสั่งให้ประชาชนราว 8000 คน ที่พำนักอาศัยอยู่ใกล้กับภูเขาไฟตาอัลรีบอพยพโดยด่วนล่าสุด เมื่อวันที่ 13 ม.ค.63 สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ฟิลิปปินส์ รายงานทางการได้ยกระดับการเตือนภัย เป็นในขั้นที่ 4 และมีแนวโน้มอาจจะเป็นขั้นที่ 5 สั่งอพยพประชาชนใน 3 เมือง ใกล้ภูเขาไฟตาอัล ห่างจากกรุงมะนิลาไปทางใต้ 60 กิโลเมตร นอกจากนี้ สนามบินนานาชาติมะนิลายังประกาศหยุดให้บริการทั้งขาเข้าและขาออกชั่วคราว โดยมีเที่ยวบินอย่างน้อย 286 เที่ยวบินต้องถูกระงับการเดินทางด้าน กระทรวงการต่างประเทศ ได้รับแจ้งจาก สถานเอกอัคราชทูตไทยประจำกรุงมะนิลา (สอท.มะนิลา) ประเทศฟิลิปปินส์ เกี่ยวกับการปะทุของ ภูเขาไฟตาอัล ว่าทางการฟิลิปปินส์ ได้ยกระดับการเตือนภัยเป็นระดับ 4 คือ อาจเกิดการปะทุที่รุนแรงและอันตรายได้ในไม่ช้า ขอให้คนไทยติดตามสถานการณ์และข้อควรปฏิบัติจากช่องทางต่างๆ ของ สอท. ฉุกเฉินติดต่อ hotline +63-917-806-3977.
กระทรวงการต่างประเทศ รับแจ้งจาก สอท.มะนิลา เตือนคนไทยในฟิลิปปินส์ หรือที่จะเดินทาง ระวังเหตุภูเขาไฟตาอัลปะทุรุนแรง หลังทางการท้องถิ่นเตือนภัยขั้นที่ 4 โดยขอให้ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด
ข่าว,ต่างประเทศ
ภูเขาไฟตาอัลปะทุ,ภูเขาไฟตาอัล,ฟิลิปปินส์,สถานทูตไทยในฟิลิปปินส์,เตือนภัยขั้นที่ 4,Taal Volcano,Taal Eruption,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/foreign/1746166
รีวิวเมนูเก๋ ราคาเบา เหมือนกินหลังบ้าน Backyard Grill by Crave
หลังเลิกงานหาอะไรกินดีๆ บรรยากาศสบายๆ ไปที่ไหนดี? ไทยรัฐออนไลน์ ขอแนะนำ Backyard Grill by Crave ร้านอาหารในแบบป็อปอัพที่ตั้งอยู่กลางแจ้ง ซึ่งวางแนวความคิดเป็นแบบ live grill โดยชื่อของร้านนั้นได้มาจากตัวสถานที่เอง ซึ่งตั้งอยู่ที่ Outdoor ของห้องอาหารหลักของโรงแรม Aloft Bangkok - Sukhumvit 11,คอนเซปต์ของร้านอยู่ภายใต้แนวคิด The East Meets West โดยจะเป็นการผสมผสานกันระหว่างเครื่องเทศของไทยและเอเชียบนเนื้อและผักที่นำไปย่างบนเตาและเสิร์ฟใน Rustic Style ให้อารมณ์ประมาณทานข้าวที่สวนหลังบ้าน เป็นเมนูง่ายๆ ที่สามารถทำกินเองได้ที่บ้าน อารมณ์เหมือนการปิกนิคอยู่หลังบ้าน เริ่มต้นราคาที่ไม่แพงมาก 100 - 300 กว่าบาท แล้วแต่เมนู สามารถมาทานได้ช่วงเย็นๆ 18.00-22.00 น.,เมนูต้องลอง,เมนูแรก : The Bourbon Burger (ราคา 350),เป็นเมนูที่ค่อนข้างหาทานยาก ของที่นี่จะใช้เนื้อและซอสสูตรพิเศษ แต่ของที่อื่นจะผสมมันเพื่อให้ความนุ่ม เวลาเสิร์ฟเชฟบอกกับเราว่าก็อยากให้ลูกค้าได้รู้สึกถึงความแตกต่าง ดังนั้นเราก็จะเสิร์ฟเบอร์เกอร์ พร้อมสลิง สามารถฉีดซอสเพิ่มได้แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนว่าชอบรสชาติอย่างไร,เมนู 2 : BBQ Pork Spare Ribs (ราคา 370),เมนูนี้จะไม่ได้ตุ๋น หรือต้ม เชฟบอกว่าจะเฮิร์ปขึ้นมาก่อน ส่วนผสมก็เป็นสูตรของทางร้าน เอาเนื้อหมู ซี่โครงหมูไปอบให้สุกพอประมาณ และเราก็เอามา rub หมักกับผงที่ผสมไว้ พอเสร็จเราก็จะนำไปอบแบบผนึกฟอยล์ทุกชิ้น ใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง สิ่งที่ได้คือ หมูที่นุ่มละลายในปากพร้อมกับซอส bbq รสชาติจัดจ้าน ถูกปากคนไทยและก็จะมีข้าวโพดย่างอยู่ในเมนูนี้อีกด้วย,เมนู 3 : Lamb Skewers (ราคา 300),เป็นเมนูที่คนไทยกำลังฮิตกัน กับเมนูหมาล่า ได้แรงบันดาลใจจากนักท่องเที่ยวจีน เป็นเมนูที่ปรุงเครื่องเทศหลายๆ อย่าง คนไทยที่ไม่เคยทานหมาล่าก็จะรู้สึกแปลก เพราะมันมีรสชาติของพริกเสฉวน พริกชนิดนี้ทำให้ลิ้นเราชาได้ เราก็เลือกเป็นเนื้อแกะ เพราะว่าหมาล่าค่อนข้างจะมีกลิ่นที่รุนแรง สามารถกลบกลิ่นของเนื้อแกะได้ เนื้อแกะที่ทางร้านใช้คือเนื้อจากออสเตรเลียเลย ก็จะนุ่ม อร่อย รับรองถูกปากใครหลายๆ คน,เมนู 4 : ส้มตำไก่ย่าง (ราคา 350),เมนูที่หลายๆ คนชื่นชอบ แต่ส้มตำของทางร้านจะรสชาติไม่จัดจ้านมาก เป็นรสที่กลมกล่อมมากกว่า ฝรั่งทานได้ คนไทยทานดี และมีไก่ย่างอยู่ในเซตนี้อีกด้วย สะโพกกับน่องที่ติดกัน หมักโดยใช้เฮิร์ปเยอะ เพื่อสุขภาพ เป็นตะไคร้ รากผักชี และไก่ก็จะนุ่ม อร่อย รสชาติดีทีเดียว,เมนู 5 : Chicken Souvlaki (ราคา 250),และตัวสุดท้าย อยากจะแนะนำมาก เป็นไก่อีก 1 ตัว แต่เป็นไก่ Chicken Souvlaki เป็นอาหารของประเทศกรีซ เป็นอาหารที่มีประโยชน์ มีโยเกิร์ตด้วย แต่ทานที่นั่นจะต้องห่อ แต่พอมาที่ไทย ทางร้านก็มีการปรับเปลี่ยน ซึ่งใช้แป้งพิต้า และก็ใช้ไก่ที่หมักกับกรีกโยเกิร์ตบวกกับเครื่องเทศ หมักไว้ 1 คืน ไก่ก็จะนุ่ม เสิร์ฟคู่กับหอมแดง ผักกาด สอดเข้าไปในแป้งพิต้า ทานคู่กับกรีกโยเกิร์ตอีกทีหนึ่ง ก็จะได้ความรู้สึกเปรี้ยวๆ เค็มๆ,เมนู 6 : Seafood Platter (ราคา 360),ตัวนี้จะเป็น Seafood Platter เป็นซีฟู้ดของไทยนี่แหละ ซึ่งซีฟู้ดของไทยอร่อยที่สุดแล้ว ประเทศไทยติดทะเลเกือบ 50% ดังนั้นทางร้านก็เลยเลือกปลากะพงและกุ้งขาว กุ้งชีแฮ้จากอันดามัน หอยตลับแถวระยอง แล้วเราก็เอามารวมกัน เรียกได้ว่ามาจากของดีทั่วประเทศ ส่วนน้ำจิ้มนี่เด็ดสุด เพราะค่อนข้างจะรสจัด ถ้าเป็นชาวต่างชาติอาจจะต้องสั่งแบบไม่เผ็ด หรือเผ็ดน้อยหน่อย แต่รับรองทานแล้วต้องติดใจกับความแซ่บนี้,นอกจากนี้เราก็จะมีเมนูสลัด เป็นเมนูเพื่อสุขภาพ 2 ตัว คือ The Green Salad และ Salmon Quinoas Salad ซึ่งเป็นเมนูที่ฮิตมาก เป็นเมนูที่ให้สารอาหารที่สูง แคลลอรี่ต่ำ และมีวิตามินเยอะมากทานคู่กับซอสแซลมอนพันด้วยแตงกวา และยังมีของหวานคือ พานาคอตต้ากีวี่ให้ความสดชื่นเช่นกัน.
ไทยรัฐออนไลน์ ขอแนะนำ Backyard Grill by Crave ร้านอาหารในแบบป็อปอัพที่ตั้งอยู่กลางแจ้ง อารมณ์เหมือนการปิกนิคอยู่หลังบ้าน
ไลฟ์สไตล์,อาหาร
Backyard Grill by Crave,รีวิวอาหาร,ร้านอาหาร อร่อย,ร้านอาหารโรงแรม,Aloft Bangkok Sukhumvit 11
https://www.thairath.co.th/lifestyle/food/review/1216038
มะเดื่อหวานญี่ปุ่น บรรจุถุงขายคุ้ม
มีลักษณะประจำพันธุ์คือ ผลจะมีขนาดใหญ่มาก น้ำหนักเฉลี่ยระหว่าง 200 กรัมต่อผล สีสันของผลสุกจะเป็นสีแดงสวยงามน่าชมมาก เนื้อในสุกเป็นสีน้ำผึ้ง หรือสีเหลืองอมส้มอย่างชัดเจน รสชาติหวานหอมมีความมันจากเมล็ดเจือปน ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของผู้รับประทานอย่างกว้างขวาง,มะเดื่อหวานญี่ปุ่น หรือ FICUS RACEMOSA FIG, FICUS CARICA อยู่ในวงศ์ MORACEAE มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์เหมือนกับต้นมะเดื่อหวานทั่วไปเกือบทุกอย่างคือ เป็นไม้ยืนต้นสูง 5-7 เมตรเท่านั้น ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับรูปแฉก 3 แฉก เหมือนกับใบของต้นเมเปิล แต่จะมีขนาดใหญ่กว่าเทียบกันดูได้เลย ดอก เป็นดอกแยกเพศอยู่บนต้นเดียวกัน กลีบดอกเป็นสีขาวแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีแดง หรือสีส้มตามลำดับ ทำให้เวลามีดอกบานพร้อมกันทั้งต้นดูงดงามยิ่ง,ผล รูปทรงกลมมน หรือกลมรี ก้นผลตัดตรงเป็นรูปหยดนํ้าหรือคล้ายผลนํ้าเต้า ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อผลสุกหรือแก่จัดจะเป็นสีแดงอมม่วง เนื้อผลหนามีเมล็ดขนาดเล็กจำนวนมาก เนื้อสุกฉ่ำนํ้า รสชาติหวานหอมรับประทานอร่อยมาก ผลสุกนิยมนำไปแปรรูปได้หลายอย่าง เช่น เอาไปอบแห้งแล้วบรรจุเป็นแพ็กๆ ขายได้ราคาดีมาก มีผู้ซื้อไปรับประทานอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ซึ่ง มะเดื่อหวานญี่ปุ่น จะมีดอกและติดผลดกได้ตลอดทั้งปี ขยายพันธุ์ด้วยการตอนกิ่งและเสียบยอด,มีกิ่งตอน หรือต้นพันธุ์แท้ขายเพียงแห่งเดียวคือ ติดต่อ คุณวิเชียร บุญเกิด บ้านเลขที่ 161/2 หมู่ 1 ต.อ่างทอง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร โทร. 08-5244-1699 สามารถเดินทางไปชมต้นจริงและทดลองชิมผลสุกได้ที่สวนโดยตรง ส่วนสนนราคาต้องสอบถามกันเอง ปลูกได้ในดินทุกพื้นที่ของประเทศไทย เหมาะจะปลูกเพื่อเก็บผลกินในครัวเรือนและเก็บผลนำไปอบแห้งบรรจุเป็นแพ็กๆ วางขายหรือส่งไปขายในตลาดทั่วไปมีราคาสุดคุ้มครับ.,นายเกษตร
มะเดื่อชนิดนี้ มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมจากประเทศญี่ปุ่น ถูกนำเข้ามาปลูกและขยายพันธุ์ในประเทศไทยนานแล้ว สามารถเจริญเติบโตมีดอกและติดผลดกเป็นธรรมชาติได้ในทุกพื้นที่ของบ้านเรา
ข่าว,ทั่วไทย
มะเดื่อหวานญี่ปุ่น,เกษตรกรบนแผ่นกระดาษ,นายเกษตร,เกษตร
https://www.thairath.co.th/news/local/1407453
แผ่นดินไหวเอกวาดอร์ทำไฟไหม้เมืองกัวยากิล-ยอดผู้เสียชีวิตพุ่ง 272 คน บาดเจ็บ 2527 คน
วันนี้ (18 เม.ย. 2559) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าเหตุแผ่นดินไหวที่ประเทศเอกวาดอร์ว่า ล่าสุดเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นในเมืองกัวยากิล ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวานนี้ (17 เม.ย.) เบื้องต้น เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าสาเหตุของเพลิงไหม้อาจเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เนื่องจากเหตุแผ่นดินไหว ขณะที่หลายภูมิภาคของประเทศ ยังคงประสบปัญหาไม่มีไฟฟ้าและขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคด้าน นายราฟาเอล กอร์เรีย ประธานาธิบดีเอกวาดอร์ กล่าวหลังจากลงพื้นที่ประสบเหตุแผ่นดินไหวในเมืองมันตาว่า การปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตที่คาดว่ายังคงติดอยู่ภายใต้ซากอาคารเป็นสิ่งสำคัญที่สุดนายกอร์เรีย กล่าวต่ออีกว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวล่าสุดเพิ่มขึ้นเป็น 272 คน ยอดผู้ได้รับบาดเจ็บอยู่ที่ 2527 คน ทั้งนี้คาดว่ายอดผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ทางการเอกวาดอร์ส่งทหารอีกหลายพันนายเข้าช่วยเหลือประชาชนในหลายพื้นที่ของประเทศที่ได้รับผลกระทบ
ประธานาธิบดีเอกวาดอร์พร้อมกำลังทหารลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในหลายพื้นที่ ล่าสุดเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นในเมืองกัวยากิล คาดสาเหตุมาจากไฟฟ้าลัดวงจรจากแผ่นดินไหว ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตพุ่ง 272 คน บาดเจ็บ 2527 คน
ต่างประเทศ
แผ่นดินไหวเอกวาดอร์,คืบหน้าแผ่นดินไหวเอกวาดอร์,ราฟาเอล กอร์เรีย,ประธานาธิบดีเอกวาดอร์,ไฟไหม้ในเอกวาดอร์จากแผ่นดินไหว,เมืองกัวยากิล,ThaiPBSnesws,ThaiPBS,ไทยพีบีเอส
https://news.thaipbs.or.th/content/251757
น็อต หยอดหวาน ชมพู่ วันละนิด ถึงถ่ายรูปไม่ค่อยเก่ง แต่รักหมดใจนะแม่
ยกครอบครัวไปเที่ยวช่วงปีใหม่กันอย่างพร้อมหน้าพ่อแม่ลูก สำหรับ ชมพู่ อารยา กับ น็อต วิศรุต ที่ได้พาแฝดหนุ่มน้อย สายฟ้า-พายุ ไปเที่ยวสัมผัสอากาศหนาวที่ประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับมีภาพสุดคูลมาฝากแฟนๆ ในอินสตาแกรมซึ่ง แม่ชม ได้ลงภาพที่สามีถ่ายกับตัวเองถ่าย พร้อมกับเขียนแคปชั่นว่า รูปที่เเม่ถ่าย vs รูปที่พ่อถ่าย ซึ่งมีแฟนๆ เข้ามาคอมเมนต์และกดไลค์เป็นจำนวนมาก โดยแต่ละคนต่างบอกว่า รูปนี้น่ารัก บ้างก็ถามว่า พ่อโฟกัสที่ไหน ซึ่งตัว พ่อน็อต เอง ก็ได้เข้ามาคอมเมนต์ตอบกลับภาพนี้ของแม่ว่า ถ่ายรูปไม่ค่อยเก่ง แต่รักหมดใจ และตัวแม่ชมเองก็ได้เข้ามาคอมเมนต์ตอบกลับพ่อเป็นรูปอิโมจิเอามือกุมหัว ซึ่งแฟนๆ ที่ติดตามต่างก็เข้ามาแซวในความหยอดหวานของพ่อน็อตกันเป็นแถว
ชมพู่ อารยา โพสต์ภาพถ่ายสุดเบลอฝีมือของ พ่อน็อต วิศรุต ด้าน พ่อ รีบมาคอมเมนต์กลับ ถึงถ่ายรูปไม่ค่อยเก่ง แต่รักหมดใจ แฟนๆ เข้ามาแซวในความหวานกันเป็นแถว
บันเทิง,ข่าวบันเทิง
ชมพู่ อารยา,ชมพู่ น๊อต,น๊อต วิศรุต,ดารา
https://www.thairath.co.th/entertain/news/1745221
หวิดตาบอด เจ้าแดง หมาโดนธนูยิงปลอดภัยแล้ว แต่ยังหวาดกลัวคน (คลิป)
จากกรณี ,คนใจเหี้ยมใช้ธนูยิงใส่หมาจรจัดปักเข้าตาทะลุแก้ม, นานกว่า 5 วัน ที่สวนสาธารณะหนองตะไก้ อ.เมือง จ.อุดรธานี ทำให้คนรักสุนัขพยายามนำตัวไปรักษา แต่เจ้าแดงไม่ยอมให้จับและวิ่งหนีไปหลบซ่อนตัว จนมีผู้รักสุนัขบินมาจากเชียงใหม่ เป่าลูกดอกยาสลบจนสามารถจับตัวได้ แล้วส่งรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์,ขณะที่ล่าสุด วันที่ 1 เม.ย.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงพยาบาลสัตว์บำรุงรักษ์ เทศบาลนครอุดรธานี นางนภัสสร และ นายแรนดี้ ฮ็อดเจส 2 สามีภรรยารักสุนัข ได้เดินทางมาดูอาการเจ้าแดง หลังนำมารักษาตัว โดยนำข้าวคลุกตับไก่มาให้ หลังฟื้นจากฤทธิ์ยาสลบ โดยเจ้าแดงยังมีอาการหวาดกลัว แต่ไม่แสดงความดุร้าย นั่งนิ่งอยู่ในกรง มองคนที่มาเยี่ยมดู,นายสัตวแพทย์ จิราวัฒน์ พาลี ได้ติดผ้ากอซที่บริเวณบาดแผลเหนือตาซ้าย ที่ลูกตาที่น้ำตาไหลออกมา สภาพทั่วไปแข็งแรงดี หมอสันนิษฐานว่าจากการดูฟันของเจ้าแดง คาดว่ามีอายุประมาณ 7-8 ปี ตรวจสอบบริเวณที่ถูกยิงไม่เข้าที่ลูกตา เพียงเฉียดเหนือหนังตาทะลุเท่านั้น ดีที่ตาไม่บอด เพียงแต่ตอนนี้ต้องรักษาบาดแผล และให้เจ้าแดงปรับตัวให้คุ้นเคยกับคนเท่านั้น,นางนภัสสร เผยว่า ดีใจที่เจ้าแดงมีอาการดีขึ้นและตาไม่บอด จากนี้จะให้เจ้าแดงพักฟื้นที่โรงพยาบาลสัตว์ไปจนอาการดีขึ้น ระหว่างนี้ต้องมาสร้างความคุ้นเคยกับเจ้าแดง เพราะยังตื่นคนไม่ยอมกินข้าว คงต้องใช้เวลาสักพัก เพราะถูกคนทำร้ายมาและยังต้องมาถูกวิ่งไล่จับมารักษา ต้องขอบคุณ นายบัณฑิต ที่เดินทางจากเชียงใหม่มาเป่าลูกดอกยาสลบ รวมทั้งหมอที่รักษาตัวเจ้าแดง โดยคิดค่าผ่าตัดทำแผลเพียง 1,000 บาท เท่านั้น.
เจ้าแดง สุนัขจรจัด ถูกคนใจเหี้ยมยิงธนูใส่ตาทะลุแก้ม หลังชาวบ้านเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลสัตว์ ล่าสุดฟื้นแล้ว อาการปลอดภัยแล้ว แต่ยังมีอาการหวาดกลัวผู้คน
ข่าว,สังคม
ยิงธนูใส่หมา,หมาโดนธนูยิงเข้าตา,ลูกธนูยิงตาหมา,อุดรธานี,ข่าวโซเชียล,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/society/1244354
จัดรำลึกสึนามิ ครบรอบ 13 ปี ถล่มอันดามัน ทำบุญ 3 ศาสนา ปชช.ร่วมอาลัย
จัดพิธีรำลึก 13 ปีสึนามิ โศกนาฏกรรมสลดคลื่นยักษ์ซัดถล่มจังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน เมื่อปี 47 คร่าชีวิตผู้คนหลายพันศพ จัดงานหลายจุดทั้งที่สวนอนุสรณ์สึนามิบ้านน้ำเค็ม-บริเวณเรือ ต.813 จ.พังงา กำแพงรำลึกคลื่นยักษ์สึนามิ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต และลานประติมากรรมปลาใบเกาะพีพี ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ นักประดาน้ำนำพวงมาลาสเตนเลสลงไปวางที่อนุสรณ์สถานสึนามิใต้ทะเลลึก ชาวบ้านในพื้นที่พร้อมญาติผู้สูญเสียร่วมพิธีไว้อาลัยแก่ผู้ล่วงลับ มีพิธีกรรมทางศาสนาทั้งพุทธ อิสลาม และคริสต์,ผ่านไปแล้ว 13 ปีกับโศกนาฏกรรมสุดสลดจากมหาภัยพิบัติ สึนามิ คลื่นยักษ์ที่ซัดถล่มชายฝั่งทะเลอันดามันพื้นที่หลายจังหวัดภาคใต้ของไทยเมื่อปี 47 คร่าชีวิตผู้คนไปหลายพันคน ในวันที่ 26 ธ.ค.ของทุกปีรัฐบาลกำหนดให้เป็นวันป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ มีการจัดงานรำลึกเพื่อไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิต ที่สวนอนุสรณ์สึนามิ บ้านน้ำเค็ม อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ช่วงเช้าวันที่ 26 ธ.ค. นายสราวุธ ธนาเจริญกุล นอภ.ตะกั่วป่า พร้อมชาวบ้านน้ำเค็ม และญาติผู้เสียชีวิต เดินทางมาร่วมพิธีรำลึก 13 ปีเหตุการณ์สึนามิ มีพิธีกรรมทางศาสนาทั้ง 3 ศาสนาคือ พุทธ อิสลาม และคริสต์ ญาติผู้เสียชีวิตนำดอกไม้ไปวางที่กำแพงอนุสรณ์สถาน ร่วมกันวางช่อกุหลาบขาวหน้ารูปคุณพุ่ม เจนเซ่น พระโอรสในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี จากนั้นยืนไว้อาลัยแก่ผู้ล่วงลับ,เช่นเดียวกับที่บริเวณเรือ ต.813 นายสิทธิชัย ศักดา ผวจ.พังงา พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ประชาชน และญาติผู้สูญเสียทั้งชาวไทยและต่างชาติ ร่วมกันวางดอกไม้หน้ารูปคุณพุ่ม พระโอรสในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ พร้อมอ่านสาร วันป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ จากนายกรัฐมนตรี มอบเกียรติบัตรแก่ผู้ทำคุณประโยชน์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ร่วมพิธีไว้อาลัยและพิธีกรรมทางศาสนาทั้ง 3 ศาสนา,ส่วนที่ลานประติมากรรมปลาใบเกาะพีพี ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ นายสมควร ขันเงิน รอง ผวจ. กระบี่ เป็นประธานจัดงานรำลึก 13 ปีสึนามิ ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้เสียชีวิต มีผู้เข้าร่วมพิธีกว่า 500 คน นายพันคำ กิตติธรกุล นายก อบต.อ่าวนาง กล่าวว่า จัดงานทำบุญอุทิศกุศลและไว้อาลัยผู้เสียชีวิต มีพิธีกรรมทางศาสนาทั้ง 3 ศาสนา วางช่อดอกไม้หน้าภาพถ่ายผู้เสียชีวิต พร้อมจัดนิทรรศการให้ความรู้แก่ประชาชนเพื่อเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน หลังเสร็จพิธี รอง ผวจ.กระบี่ และนายก อบต.อ่าวนาง ส่งมอบพวงมาลาสเตนเลสให้นักประดาน้ำชมรมวิทยุสมัครเล่นเกาะพีพีนำไปวางที่อนุสรณ์สถานสึนามิใต้น้ำ อยู่ใต้ทะเลลึก 20 เมตรหน้าอ่าวต้นไทรห่างจากฝั่ง 1 กม.,ก่อนลงไปใต้น้ำ นักประดาน้ำร่วมกันไว้อาลัย โปรยดอกไม้ จากนั้นนำพวงมาลาสเตนเลสลงไปใต้ทะเล วันนี้สภาพน้ำไม่ขุ่นมากนักสามารถมองเห็นอนุสรณ์สถานในปีก่อนๆ ได้เป็นอย่างดี แม้ว่าบางส่วนจะผุพังไปตามกาลเวลา แต่หลายชิ้นยังคงสภาพอยู่ จากนั้นนำพวงมาลาไปวางไว้ ร่วมกันยืนไว้อาลัยใต้น้ำ และร่วมกันทำความสะอาดอนุสรณ์สถานใต้น้ำด้วย,ที่สุสานไม้ขาวหรือกำแพงรำลึกคลื่นยักษ์สึนามิ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นางอรนงค์ ทิมบัว ปลัดอำเภอถลาง เป็นประธานเปิดงานรำลึก 13 ปีสึนามิ มีชาวบ้านและญาติผู้สูญเสียเข้าร่วมพิธี มีการบำเพ็ญกุศลทั้ง 3 ศาสนา ร่วมกันวางดอกไม้ที่กำแพงรำลึกที่ประดับธงชาติ 45 ประเทศที่มีผู้สูญเสีย บรรยากาศยังเป็นไปด้วยความโศกเศร้าถึงแม้จะผ่านมากว่า 13 ปีแล้วก็ตาม สำหรับที่สุสานไม้ขาว อดีตเคยเป็นสุสานฝังศพชาวไทยใหม่หรือชาวเล ก่อนถูกใช้เป็นหนึ่งในสถานที่เก็บและพิสูจน์อัตลักษณ์ศพผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ภัยพิบัติสึนามิเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.47 จากนั้นได้สร้างกำแพงรำลึกสึนามิเป็นอนุสรณ์สถานและจัดพิธีรำลึกทุกวันที่ 26 ธ.ค.ของทุกปี
จัดพิธีรำลึก 13 ปีสึนามิ โศก นาฏกรรมสลดคลื่นยักษ์ซัดถล่มจังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน เมื่อปี 47 คร่าชีวิตผู้คนหลายพันศพ จัดงานหลายจุดทั้งที่สวนอนุสรณ์สึนามิบ้านน้ำเค็ม-บริเวณเรือ ต.813 จ.พังงา กำแพงรำลึกคลื่นยักษ์สึนามิ
ข่าว,ทั่วไทย
สึนามิ,รำลึก 13 ปีสึนามิ,คลื่นยักษ์,กระบี่,ข่าวหน้า1,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/south/1163493
ลูกเขยพลาด จะปาดคอเมีย ไปปาดเอาแม่ยาย ย่องดับไฟดันเดินมาพอดี
เวลา 12.30 น. วันที่ 7 มี.ค. พ.ต.อ.สมโชค ตาผล ผกก.สภ.เมืองชลบุรี พร้อมด้วย ร.ต.อ.วุฒิพงษ์ ตาลำ รอง สว. (สอบสวน) สภ.เมืองชลบุรี ร่วมกันสอบสวน นายอำพล ปะมา อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 148 ม.17 ต.เสือโก้ก อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม อาชีพรับจ้างทำงานก่อสร้าง หลังก่อเหตุใช้มีดปาดคอ นางพัฒนา เกษมสุข อายุ 42 ปี ที่บ้านเลขที่ 38 ม.2 ต.คลองตำหรุ อ.เมืองลชลบุรี ที่เปิดเป็นร้านขายของชำ,นายอำพล ที่เข้ามอบตัวพร้อมมีดปอกผลไม้ปลายแหลม ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริง อ้างว่าได้คบหากับ นางสาวปัทมา ยุติธรรม อายุ 22 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวของ นางพัฒนา เกษมสุข ผู้บาดเจ็บมาได้ราวปีเศษ ต่อมาตนจับได้ว่า นางสาวปัทมา แอบติดต่อพูดคุยโทรศัพท์ และวิดีโอคอลล์กับชายอื่น บางครั้งมีการพูดคุยกันต่อหน้าตน เหมือนเป็นการหยาม จนมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง กระทั่งวันเกิดเหตุทะเลาะกันอีก ตนจึงออกจากบ้านไปดื่มสุราจนเมา ช่วงระหว่างนั้นได้พยายามโทรหานางสาวปัทมา แต่ก็ไม่ยอมรับสาย ตนจึงย้อนกลับมางัดหน้าต่างหลังบ้านปีนเข้าไปกลางดึก จากนั้นหยิบมีดปอกผลไม้ยาวประมาณ 10 ซม. ที่วางอยู่บนโต๊ะกินข้าว แล้วเดินไปปิดสวิตช์ไฟภายในบ้าน,ขณะนั้น นางพัฒนา ผู้เป็นแม่ยาย ได้เดินออกมาจากห้อง ด้วยความมืดไม่รู้ว่าเป็นใคร จึงเข้าล็อกคอทางด้านหลัง แล้วเอามีดปาดเข้าที่คอ เป็นแผลลึกยาวกว่า 3 นิ้ว เกือบตัดหลอดลม พอได้ยินเสียงว่านางพัฒนาร้อง ถึงรู้ว่าปาดคอผิดคน จึงรีบทิ้งมีดแล้ววิ่งหลบหนีออกทางหน้าต่างที่แอบเข้ามา แล้วไปหลบซ่อนตัวในละแวกใกล้ที่เกิดเหตุ กระทั่งเกิดสำนึกผิดจึงเดินทางมาเข้ามอบตัว,ทั้งนี้ นายอำพล กล่าวด้วยว่า เคยทำงานรับจ้างเชือดหมูจึงรู้วิธีเชือดคอ ฉะนั้นขอกราบขอโทษ นางพัฒนา ผู้เป็นแม่ยายและนางสาวปัทมา แฟนสาวด้วย ที่ก่อเหตุไปด้วยความเมามายไร้สติ ต่อจากนี้ไปจะขอรับโทษชดใช้ความผิดที่ก่อขึ้น เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา บุกรุกเคหสถานในยามวิกาล และพยายามฆ่าผู้อื่น จึงควบคุมตัวดำเนินคดีต่อไป.
ลูกเขยหึงแฟนสาว คุยวิดีโอคอลล์กับชายอื่น ทะเลาะกันออกจากบ้านดื่มเหล้าเมา กลับไปกะจะปาดคอแก้แค้น งัดหน้าต่างบ้าน คว้ามีดปอกผลไม้ ย่องดับไฟ มีคนเดินมาพอดีเลยล็อกคอเชือดเกือบถึงหลอดลม ปรากฏว่าเป็นแม่ยาย สำนึกผิดเข้ามอบตัว
null
ปาดคอแม่ยาย,ลูกเขยพลาด,ปาดคอผิดคน,ชลบุรี
https://www.thairath.co.th/content/877170
30 สาวผู้เข้ารอบสุดท้าย มิสทิฟฟานี่ 2017 นุ่งบิกินีพาทะเลร้อนระอุ
เมื่อเวลา 12.30 น. ของวันที่ 24 มิ.ย.60 ที่โรงแรม Mövenpick Siam Hotel Na Jomtien Pattaya ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี สาวงามทั้ง 30 คนในชุด BSC Swimwear ผู้เข้ารอบสุดท้ายมิสทิฟฟานี่ ยูนิเวิร์ส 2017 Miss Tiffanys Universe 2017 ในรายการ Miss Tiffanys Universe ครั้งที่ 20 เพื่อถ่ายทำวิดีโอสำหรับรายการประกวดแบบ reality show ที่ไม่เคยมีที่ใดมาก่อน เป็นครั้งแรกที่กองประกวดมิสทิฟฟานี่ยูนิเวิร์สให้ผู้ชมได้ติดตามเบื้องหลัง ความมุ่งมั่นเกาะติดความฝันของสาวๆ ทั้ง 30 คน และเพื่อรับการประกวดมิสทิฟฟานี่ยูนิเวิร์สครบ 20 ปี ด้วยรางวัลสุดพิเศษมูลค่าร่วมสามล้านบาท พร้อมรถเบนซ์ GLA 200 Urban เป็นประกันความงาม,สำหรับวันนี้เป็นการถ่ายทำวิดีโอสำหรับรายการประกวดแบบ Reality Show ในชุดว่ายน้ำสุดแซ่บ หลังจากซุ่มเก็บตัวทำกิจกรรมพัฒนาตัวเองในเวิร์กช็อปจนสวยเป๊ะหุ่นปัง,ล่าสุดทางกองประกวดเตรียมปล่อยภาพชุดว่ายน้ำของ 30 สาวงามออกมาเรียกน้ำย่อย ก่อนที่พวกเธอจะขึ้นเวทีเดินโชว์โฉมในชุดว่ายน้ำให้คณะกรรมการทำการเฟ้นหาสาวงามที่หุ่น ดี ที่สุดเพื่อครองตำแหน่ง Miss Fit & Firm 2017 โดยจะเก็บตัวไปเรื่อยๆ และจะประกวดรอบสุดท้ายในวันที่ 25 สิงหาคม ปีนี้ ที่โรงละครทิฟฟานี่โชว์ พัทยา.
ผู้เข้ารอบสุดท้าย Miss Tiffanys Universe 2017 ทั้ง 30 ราย ร่วมถ่ายวีทีอาร์ชุดว่ายน้ำที่ ที่โรงแรม Mövenpick Siam Hotel Na Jomtien Pattaya ต.นาจอมเทียน โดยในปีนี้จะเป็นการประกวดแบบเรียลลิตี้โชว์
ข่าว,ทั่วไทย
มิสทิฟฟานี่ 2017,ชุดว่ายน้ำ,นางงาม,สาวงาม,หาดจอมเทียน,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/east/982738
วันชนะ โดดป้อง น้าแอ๊ด สุดโดนใจ วิจารณ์ พุทธะอิสระ อย่างคนกล้า
โดนถล่มหนักหน่วงสำหรับแอ๊ด คาราบาว ภายหลังออกความคิดเห็นกรณี พุทธะอิสระ โดยน้าแอ๊ด คาราบาว หรือ นายยืนยง โอภากุล ระบุข้อความว่า ,พุทธะอิสระ กล้าทำในสิ่งที่ผิดๆ เอาธรรมะมาแสดง ก็แสดงแบบผิดๆ แปลกตรงที่บุคคลที่ไปกราบไหว้ ล้วนเป็นปัญญาชนแถวหน้าของประเทศไทย,ความคิดเห็นดังกล่าว ทำให้น้าแอ๊ด ถูกโจมตีจากกลุ่มบุคคลที่เคารพนับถือพระพุทธะอิสระ ระบุว่า คำพูดแบบนี้ ถือเป็นคำพูดที่ไม่เหมาะสม และไม่สมควรจะออกมาจากปากศิลปินนักร้องอาวุโส ที่มีแฟนคลับมากมายมหาศาล ถือเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีในสังคมประเทศไทย ขณะเดียวกัน ,นายวันชนะ เกิดดี, อดีตนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง ออกมาโพสต์หน้าเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว มีใจความว่า ,ผมขอชื่นชม แอ๊ด คาราบาว กรณีที่กล้าวิจารณ์พุทธะอิสระอย่างตรงไปตรงมา เห็นภาพได้อย่างชัดเจน เป็นเหตุทำให้ปัญญาชนแถวหน้าของประเทศ ดิ้นกันเป็นแถว เหมือนโดนข้าวสารเสกจากพี่แอ๊ด เพราะรับไม่ได้กับคำวิจารณ์ เป็นคนมันต้องมีสำนึก รู้ผิด รู้ถูกบ้าง มิใช่มืดบอดตลอดกาล ผมเองก็สงสัยและอยากถามไปถึงหัวใจ พวกปัญญาชนแถวหน้าของประเทศ ปากก็บอกปกป้องสถาบัน แล้วท่านพุทธะอิสระ ที่พวกปัญญาชน คนแถวหน้าของประเทศ ยกย่อง บอกกราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ เขาโดนคดีอะไรหรือครับ ดังนั้นผมว่า แอ๊ด คาราบาว วิจารณ์ถูกต้องแล้ว สังคมต้องมีคนกล้าแบบนี้บ้าง
โดนถล่มหนักหน่วงสำหรับแอ๊ด คาราบาว ภายหลังออกความคิดเห็นกรณี พุทธะอิสระ โดยน้าแอ๊ด ระบุข้อความว่า พุทธะอิสระ กล้าทำในสิ่งที่ผิดๆ เอาธรรมะมาแสดง ก็แสดงแบบผิดๆ
ข่าว,ทั่วไทย
วันชนะ เกิดดี,ยืนยง โอภากุล,แอ๊ด คาราบาว,พุทธะอิสระ,ข่าวร้อน,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1297219
ตายยกคัน 3 ศพ เก๋งหลุดโค้งกระแทกเนินดิน สะพานข้ามคลองที่ราชบุรี
เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 28 พ.ย.59 ร.ต.อ.ชัชวาลย์ จันทะวงษ์ รอง สว. (สอบสวน) สภ.โพธาราม จ.ราชบุรี รับแจ้งอุบัติเหตุรถเก๋งแหกโค้งตกข้างทาง มีผู้เสียชีวิตหลายราย บริเวณสะพานข้ามคลองบางสองร้อย หมู่ 9 ต.ท่าชุมพล ไปตรวจสอบพร้อมแพทย์เวร รพ.โพธาราม หน่วยกู้ภัยสว่างราชบุรี ,ที่เกิดเหตุเป็นทางโค้งก่อนขึ้นสะพาน บนถนนมีรอยเบรกของรถเป็นทางยาวกว่า 100 เมตร ห่างออกไปพบรถเก๋งโตโยต้า สีแดง ทะเบียน 1 อ 9143 กทม. สภาพพังยับ อยู่บนคันดินริมคลอง ใกล้กันพบศพ นายตระการ เลือนเลอะ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 109 หมู่ 1 ต.เตาปูน อ.โพธาราม และ น.ส.อรอนงค์ อินโต อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64 หมู่ 7 ต.หาดท่าเสา อ.เมืองชัยนาท จ.ชัยนาท กระเด็นตกออกมานอกรถ ส่วนนายอำพล แก้วผกา อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 79 หมู่ 7 ต.ห้วยเกตุ อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร เสียชีวิตติดอยู่ในซากรถ ,สอบสวนทราบว่า ผู้เสียชีวิตทั้ง 3 มีอาชีพเป็นช่างก่อสร้างโบสถ์ ก่อนเกิดเหตุได้ชวนกันไปนั่งดื่มกินที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในเขตเทศบาลเมืองโพธาราม ขากลับขับมาด้วยความเร็ว เมื่อถึงที่เกิดเหตุเป็นทางโค้งขึ้นสะพาน คนขับเหยียบเบรกกะทันหันทำให้รถหลุดโค้งพลิกคว่ำตกลงไปกระแทกกับเนินดินข้างสะพานข้ามคลอง เป็นเหตุให้ทั้งหมดเสียชีวิตดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะได้เร่งสอบสวนหาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง.
เกิดเหตุรถเก๋งเสียหลัก หลุดโค้งตกลงไปกระแทกกับเนินดินข้างสะพานข้ามคลอง ในพื้นที่ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ดับยกคัน 3 ศพ เร่งสอบสาเหตุ
null
รถแหกโค้ง,ราชบุรี,คันดินสะพานข้ามคลอง,รถชนตาย 3 ศพ,โพธาราม
https://www.thairath.co.th/content/795752
ศาลจำคุก3ปี ลูกเทพเทือก รุกป่าเขาแพง
ทั้งหมด ศาลอนุมัติ ตีราคาลูกชาย เทพเทือก 5 แสนบาท พร้อมเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาต ขณะที่เจ้าตัวลั่นเตรียมยื่นอุทธรณ์สู้คดีตามขั้นตอน,ที่ห้องพิจารณา 902 ศาลอาญา วันที่ 21 ก.ย. ศาลอ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้องนายพงษ์ชัย ฟ้าทวีพร อายุ 51 ปี ผจก.ห้างหุ้นส่วนเรืองปัญญาคอนสตรัคชั่น นายสามารถ หรือโกเข็ก เรืองศรี อายุ 59 ปี หุ้นส่วน หจก.เรืองปัญญาคอนสตรัคชั่น เป็นนายหน้าค้าที่ดิน นายแทน เทือกสุบรรณ อายุ 35 ปี บุตรชายนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ แกนนำ กปปส. และนายบรรเจิด เหล่าปิยะสกุล อายุ 61 ปี อดีตเลขานุการส่วนตัวนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถางป่า หรือเผาป่า กระทำด้วยประการใดๆอันเป็นการทำลายป่า เข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองและผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต และเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ก่อสร้าง หรือเผาป่าในที่ดินของรัฐ โดยไม่มีสิทธิครอบครองหรือไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่รัฐ ตามประมวลกฎหมายที่ดินและ พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2518,โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 27 ก.ย.43-5 ต.ค.44 เวลากลางวัน จำเลยที่ 1-2 ร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ทำลาย แผ้วถางป่าเขาแพง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เนื้อที่ 31 ไร่ 2 งาน 97 ตร.วา ส่วนจำเลยที่ 3-4 ร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ทำลาย แผ้วถางป่าเขาแพง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เนื้อที่ 14 ไร่ ด้วยการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุเกิดที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ,ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ส่วนพยานหลักฐานจำเลยมีน้ำหนักน้อย ไม่สามารถนำมาหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่าจำเลยทั้งหมด ทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษาให้จำคุกนายพงษ์ชัยและนายสามารถ หรือโกเข็ก จำเลยที่ 1-2 คนละ 5 ปี ส่วนนายแทนและนายบรรเจิด จำเลยที่ 3-4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดินและ พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2518 เป็นความผิดกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษความผิดตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ฯ ที่มีบทลงโทษหนักสุด จำคุกจำเลยคนละ 3 ปี ทั้งนี้ สภาพความผิดของจำเลยทั้ง 4 เป็นเรื่องร้ายแรง เนื่องจากป่าไม้เป็นทรัพยากรธรรมชาติสำคัญ การกระทำของจำเลยมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาวะแวดล้อมทั้งทางตรงและทางอ้อม เป็นต้นเหตุของความแห้งแล้งและภัยพิบัติน้ำป่าไหลหลาก จึงไม่มีเหตุรอการลงโทษและให้จำเลยทั้งหมด คนงาน ผู้รับจ้าง ผู้แทน บริวารออกจากที่ดินที่เกิดเหตุ,ต่อมาทนายความจำเลยยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ อาทิ สมุดเงินฝากธนาคาร หนังสือ น.ส.3 ก. เพื่อขอปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยในระหว่างอุทธรณ์คดี ศาลพิจารณาคำร้องและหลักทรัพย์แล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้งหมด ตีราคาประกันนายพงษ์ชัย นายสามารถ หรือโกเข็ก จำเลยที่ 1-2 คนละ 800,000 บาท ส่วนนายแทนและนายบรรเจิด จำเลยที่ 3-4 ตีราคาประกันคนละ 500,000 บาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยทั้งหมดเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล,ขณะที่นายแทน เทือกสุบรรณ บุตรชายนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. ให้สัมภาษณ์สั้นๆผ่านโทรศัพท์ว่า หลังจากนี้จะให้ทนายความทำเรื่องเพื่อขออุทธรณ์ต่อสู้คดีตามกระบวนการ หลังศาลอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวแบบมีเงื่อนไข
ศาลอาญาพิพากษาจำคุก แทน เทือกสุบรรณ ลูกชาย สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการกปปส. 3 ปี ในคดีร่วมกับพวกอีก 3 ราย บุกรุกแผ้วถางป่าเขาแพง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ภายหลังทนายยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราวจำเลย
null
ข่าวหน้า1,ศาลจำคุก,แทน เทือกสุบรรณ,บุกรุกแผ้วถางป่า,เกาะสมุย,สุราษฎร์ธานี,สุเทพ เทือกสุบรรณ,ศาลอาญา รัชดา
https://www.thairath.co.th/content/730325
คนทำงาน: มองการประท้วงเรียกร้องของ กำนันผู้-ใหญ่บ้าน ในมุมมอง สวัสดิการ คนทำงานภาครัฐ
มากเกินไปเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมากำนันผู้ใหญ่บ้านจากทั่วประเทศนับหมื่นคนจากทั่วประเทศ ได้ออกมาชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อ คัดค้านร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ฉบับใหม่ ที่มีการกำหนดให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน มาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนและดำรงตำแหน่ง วาระ 5 ปี จากเดิมให้อยู่จนถึงเกษียณอายุ 60 ปีซึ่งหากเราตามข่าวความเคลื่อนไหวในเรื่องกำนันผู้ใหญ่บ้านมาอย่างต่อเนื่อง จะพบว่าไม่ใช่แค่เรื่องการปรับเปลี่ยนวาระการดำรงตำแหน่งเท่านั้น ที่พวกเขาออกมาเรียกร้อง โดยในปีที่แล้ว (พ.ศ.2554) มีการผลักดันเรื่องการเพิ่มเงินเดือนตอบแทน ต่อเนื่องมาจากหลังจากปี พ.ศ.2551 ที่ได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกฎหมายให้กำนันผู้ใหญ่บ้านดำรงตำแหน่งได้ถึง 60 ปี อีกครั้งหนึ่งวันนี้เราลองมามองเรื่องการประท้วงของกลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้านในมิติเรื่องเศรษฐกิจ ค่าตอบแทนและความมั่นคงของคนทำงานภาครัฐกันดู …พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ ร.ศ.116 นั้นถูกประกาศใช้ในปี พ.ศ. 2440 อันเป็นต้นฉบับแรกที่ว่าด้วยการจัดการเรื่องผู้ใหญ่บ้านและกำนันครั้งแรกในสังคมไทย ซึ่งเป็นระยะเวลา 115 ปีมาแล้ว ทั้งนี้เราต้องเข้าใจช่วงประวัติศาสตร์ที่สำคัญในช่วงนั้น นั่นก็คือความสำเร็จในการรวมศูนย์อำนาจของรัชกาลที่ 5 คือจำกัดอำนาจเจ้าเมืองและขุนนางแบบเดิมออกไป หลังจากความสำเร็จของการปฏิรูปการปกครอง (Governance Reform) ในส่วนกลางเมื่อปี พ.ศ. 2435จากนั้นกลไกของส่วนกลางเองก็ได้คืบคลานเข้าไปสู่ต่างจังหวัด โดยมีกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงธรรมการ (กระทรวงศึกษาธิการ) ผ่านเข้าไปจัดตั้งระบบอำนาจใหม่ ซึ่งทำให้เจ้าเมืองที่สืบทอดอำนาจกันแบบในสมัยโบราณ ถูกแทนที่ด้วยคนจากส่วนกลางเพื่อสร้างความภักดีให้กับกรุงเทพฯ และองค์พระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นประมุขส่วนกลางโดยในกลไกระดับหมู่บ้านนั้น พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ ร.ศ.116 (พ.ศ. 2440) เป็นเครื่องมือหนึ่งที่ต่อยอดมาจากการปฏิรูปการปกครอง พ.ศ. 2435 (ออกมาหลังการปฏิรูปการปกครองเป็นระยะเวลา 5 ปี) โดยกฎหมายฉบับนี้ได้เข้าไปจัดการถึงระดับรากของหมู่บ้าน คือเปลี่ยนตัวผู้นำชุมชน ให้ภักดีต่อกรุงเทพฯ มากที่สุด โดยการตั้งกำนันผู้ใหญ่บ้านขึ้นมาทั้งนี้ก่อนหน้านั้นผู้นำชุมชนทั้งในทางวัฒนธรรม ประเพณี หรือจารีตต่างๆ ในหลายท้องที่ที่มีอำนาจบารมีในชุมชน ไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือ อิสาน หรือใต้ ต่างก็มีการเรียกชื่อที่ต่างกันไป แต่ พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ ร.ศ.116 ได้เข้ามาจัดระบบใหม่ ให้เรียกว่า ผู้ใหญ่บ้าน และ กำนัน โดยกฎหมายฉบับนี้ให้มีการเลือกผู้ใหญ่บ้าน ให้ชาวบ้านเข้ามาชุมนุมกันเพื่อเลือกผู้ใหญ่บ้าน ที่น่าสนใจคืออายุของคนที่สามารถเป็นผู้ใหญ่บ้านนั้นมีเพียง 21 ปี ซึ่งอาจตั้งข้อสังเกตุคร่าวๆ ตรงนี้ได้ว่า คนที่มีอายุมากๆ นั้นมักจะติดอยู่กับโลเก่า ส่วนคนที่มีอายุน้อยนั้นอาจจะมีความสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงเข้าสู่โลกใหม่ได้ซึ่งการเลือกผู้ใหญ่บ้านตาม พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ ร.ศ.116 ให้นายอำเภอเป็นประธาน และวิธีการลงคะแนนสามารถใช้ทั้งวิธีเปิดเผย หรือใช้วิะกระซิบเพื่อลงคะแนนลับได้ทั้งสองวิธี ทั้งนี้ผู้ช่วยศาสตราจารย์ธำรงศักดิ์มองว่ารัชกาลที่ 5 ได้ใช้วิธีการเลือกตั้งเข้ามากระชับอำนาจ คือยอมให้มีการเลือกตั้งกำนันและผู้ใหญ่บ้าน แต่ก็ยอมเพียงในระดับท้องถิ่นแบบนี้เท่านั้น และใน พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ ร.ศ.116 ฉบับนี้ก็ไม่ได้กำหนดวาระการดำรงตำแหน่ง ซึ่งเข้าใจได้ว่าอาจจะให้อยู่ในตำแหน่งตลอดชีพทั้งนี้ในร้อยกว่าปีที่ผ่านมานี้เราใช้ฐานของ พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ ร.ศ.116 ตลอดมา และใน พ.ร.บ. ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 ก็ใช้ฐานคำต่างๆ ของ พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ ร.ศ.116 เพียงแต่ปรับปรุงให้ดูรัดกุมขึ้น ซึ่งกฏหมายฉบับนี้ก็กลายเป็นฐานสืบต่อเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งถึงแม้จะมีการแก้ไขต่างๆ (12 ครั้ง) ส่วนใหญ่ก็เป็นเพียงการแก้ไขเรื่องวรรค หรือถ้อยคำตามกาลเวลา โดยการแก้ไข พ.ร.บ. ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 ครั้งที่สำคัญๆ ได้แก่ เหตุผลในการแก้ไขครั้งนี้ คือ กระทรวงมหาดไทยได้พิจารณาเห็นว่า หน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยและปราบปรามโจรผู้ร้ายภายในเขตหมู่บ้าน เป็นหน้าที่สำคัญประการหนึ่งของผู้ใหญ่บ้าน แต่ในปัจจุบันผู้ใหญ่บ้านยังมีหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติในด้านอื่น ๆ ตามอำนาจหน้าที่ที่มีตามกฎหมายอย่างกว้างขวางและผู้ใหญ่บ้านก็มีแต่เพียงผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเท่านั้นที่มีหน้าที่ช่วยเหลือผู้ใหญ่บ้านในกิจการต่าง ๆ ตามที่ผู้ใหญ่บ้านจะมอบหมายให้ ผู้ใหญ่บ้านยังไม่มีเจ้าหน้าที่ผู้ทำหน้าที่ช่วยเหลือในด้านการรักษาความสงบเรียบร้อยและปราบปรามโจรผู้ร้ายโดยตรง จึงทำให้การปฏิบัติหน้าที่ในด้านรักษาความสงบเรียบร้อยและปราบปรามโจรผู้ร้ายยังไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร จึงเห็นสมควรกำหนดให้มี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ ขึ้นเพื่อทำหน้าที่เกี่ยวกับการรักษาความสงบเรียบร้อยและปราบปรามโจรผู้ร้าย และเพื่อให้เห็นความแตกต่างกับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านปัจจุบัน จึงได้เปลี่ยนชื่อผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านปัจจุบันเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครองโดยให้กำนันและผู้ใหญ่บ้านร่วมกันพิจารณาคัดเลือกได้ไม่เกิน 5 คน เหตุผลในการแก้ไขครั้งนี้ คือ เนื่องจากพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่พระพุทธศักราช 2457 ที่ใช้บังคับในปัจจุบัน กำหนดคุณสมบัติเกี่ยวกับอายุของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ไว้ว่า ต้องมีอายุตั้งแต่ยี่สิบห้าปีบริบูรณ์ แต่ไม่เกินหกสิบปีบริบูรณ์ ซึ่งมีระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งนานที่สุด ถึงสามสิบห้าปี ประกอบกับการกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ยังไม่เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบัน สมควรกำหนดระยะเวลาการอยู่ในตำแหน่งของผู้ใหญ่บ้านเป็นวาระ คราวละห้าปี และกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามเพิ่มขึ้นอีก จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้โดยการแก้ไขครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่นายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ การแก้ไขครั้งนั้นได้กำหนดให้กำนันผู้ใหญ่บ้านมีวาระ 5 ปี จากที่เป็นได้ถึงอายุ 60 ปี (ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่าหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬก็ได้มีแนวคิดที่จะลดทอนอำนาจของกำนันและผู้ใหญ่บ้าน) เหตุผลในการแก้ไขครั้งนี้ คือ เนื่องจากการใช้สิทธิเลือกตั้งบุคคลให้ทำหน้าที่แทนราษฎรควรมีหลักเกณฑ์ที่สอดคล้องกัน ทั้งนี้ โดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๐๕ บัญญัติให้ผู้มีอายุไม่ต่ำกว่าสิบแปดปีบริบูรณ์ในวันที่ 1 มกราคม ของปีที่มีการเลือกตั้ง เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ ซึ่งต่อมาได้มีการแก้ไขสิทธิเลือกตั้งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ ให้เป็นไปตามเกณฑ์ดังกล่าวแล้ว สมควรแก้ไขอายุของผู้มีสิทธิเลือกผู้ใหญ่บ้านให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญด้วย และโดยที่การกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ที่จะได้รับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้าน ผู้มีสิทธิจะได้รับคัดเลือกเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครองหรือผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ ว่าที่ผู้ใหญ่บ้าน และกรรมการหมู่บ้าน ผู้ทรงคุณวุฒิ ตลอดจนการออกจากตำแหน่งของผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครองและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ และกรรมการหมู่บ้านผู้ทรงคุณวุฒิยังบัญญัติไว้ไม่สอดคล้องกัน รวมทั้งยังไม่มีบทบัญญัติให้ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครองและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบต้องออกจากตำแหน่งเมื่อผู้ใหญ่บ้านต้องออกจากตำแหน่งไว้ด้วย เพื่อให้ผู้ใหญ่บ้านที่เข้ารับตำแหน่งใหม่สามารถคัดเลือกตัวบุคคลมาร่วมปฏิบัติงานในท้องที่ในฐานะผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านได้ตามความต้องการแก่การบริหารและการปกครองท้องที่ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ เหตุผลในการแก้ไขครั้งนี้ คือ เนื่องด้วยปัจจุบันได้มีการปรับปรุงการบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปโดยรวดเร็ว คล่องตัว และมีประสิทธิภาพ แต่โดยที่กระบวนการเข้าสู่ตำแหน่งระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง และบทบาทและอำนาจหน้าที่ของกำนันและผู้ใหญ่บ้านตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พระพุทธศักราช 2457 ยังมิได้มีการปรับปรุงให้เหมาะสมทำให้การปฏิบัติงานของกำนันและผู้ใหญ่บ้านไม่เกิดประสิทธิภาพเท่าที่ควร ประกอบกับอำนาจหน้าที่ยังมีความซ้ำซ้อนกับภารกิจและอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมควรที่จะได้มีการปรับปรุงกระบวนการเข้าสู่ตำแหน่ง ระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง และบทบาทและอำนาจหน้าที่ของกำนันและผู้ใหญ่บ้าน รวมถึงบทบาทและการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการหมู่บ้าน ให้สอดคล้องกับการปรับปรุงการบริหารราชการแผ่นดินและอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้อนึ่งการแก้ไขครั้งนี้มีผลสืบเนื่องจากเหตุการทางการเมืองก็คือการรัฐประหารในปี พ.ศ. 2549 โดยการแก้ไขเริ่มในช่วงปี พ.ศ. 2550 ที่รัฐบาลจากคณะรัฐประหารมีความพยายามดึงอำนาจต่างๆ กลับมาสู่มือข้าราชการประจำเพื่อสนับสนุนพลังอนุรักษ์นิยมอีกครั้งเหตุผลในการแก้ไขครั้งนี้ คือ โดยที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เป็นบุคคลในพื้นที่ที่มีความใกล้ชิดกับราษฎรในการปฏิบัติงานตามกฎหมายและแนวนโยบายของรัฐ เป็นผู้ช่วยเหลือนายอำเภอซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของราชการบริหารส่วนภูมิภาคมีบทบาทอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พระพุทธศักราช 2457 ที่ได้แก้ไขเพิ่มเติมถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะในการเป็นผู้ประสานงานระหว่างราชการส่วนภูมิภาคกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การรักษาความสงบเรียบร้อย การป้องกันและแก้ไขปัญหากรณีต่าง ๆ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ย ประนีประนอมและจัดการระงับปัญหาความขัดแย้งในท้องที่ และยังมีฐานะเป็นตัวแทนของรัฐ ตัวแทนของราษฎรเกี่ยวกับเรื่องร้องทุกข์ ความเดือดร้อนของราษฎรเพื่อนำเสนอต่อส่วนราชการ เพื่อให้คงมีตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในทุกตำบล หมู่บ้านต่อไป จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้อนึ่งในการแก้ไขครั้งนี้ เกิดในช่วงที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในปี พ.ศ. 2552 เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น มีการแก้มาตราสั้นๆ อันหนึ่งที่น่าสนใจก็คือการระบุไว้ว่า ห้ามมิให้ยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งถึงแม้พรรคประชาธิปัตย์จะอยู่ในปีกของการที่จะลดทอนอำนาจของกำนันผู้ใหญ่บ้าน แต่การขึ้นมาเป็นรัฐบาลครั้งล่าสุดของพรรคประชาธิปัตย์นั้นอยุ่ภายใต้พลังของฝ่ายอนุรักษ์นิยม จึงต้องเติมท่อนนี้เข้าไปลักษณะงาน (อำนาจและหน้าที่) ของกำนันผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านนั้น มีลักษณะ ครอบจักรวาล ทั้งนี้มีการมองว่าบางงานของกำนันผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านนั้นซ้อนทับกับองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณูปโภคต่างๆ ขององค์การบริหารส่วนท้องถิ่น รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ในความเป็นจริงแล้วพบว่าในหลายพื้นที่ของประเทศ ระบบการใช้กำนันผู้ใหญ่บ้าน ยังคงเป็น ฟันเฟือง พื้นฐานในการบริการด้านสาธารณะภายในท้องที่ มากกว่าสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (ที่มีความเป็นนักการเมืองมากกว่าพนักงานของรัฐ) หรือเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณูปโภคต่างๆ ขององค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ก็มักจะมีการแปรผันไปเรื่องจำนวนและประสิทธิภาพตาม ขนาด และ การจัดเก็บรายได้ ของท้องที่นั้นๆรวมถึงเรื่องรายได้ที่ปัจจุบัน กำนันมีเงินเดือน 10000 บาท ต่อเดือน ผู้ใหญ่บ้าน 8000 บาท ต่อเดือน แพทย์ประจำตำบลและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน 5000 บาท ต่อเดือน โดยในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมานี้พึ่งมีการปรับฐานเงินเดือนกำนันผู้ใหญ่บ้านเพียง 3 ครั้งเท่านั้น คือในปี พ.ศ. 2539 พ.ศ. 2552 และ พ.ศ. 2553ดังที่ได้กล่าวไปตั้งแต่ตอนต้นแล้วว่ากระแสการขอเพิ่มค่าแรงนั้นมีมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่หลังจากที่ในปี พ.ศ.2551 ที่ได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกฎหมายให้กำนันผู้ใหญ่บ้านดำรงตำแหน่งได้ถึง 60 ปี อีกครั้งหนึ่ง และมีการเรียกร้องให้เพิ่มค่าแรงครั้งล่าสุดคือในปี พ.ศ. 2554 โดยเรียกร้องให้ขยับค่าแรงกำนันจาก 10000 บาท เป็น 15000 บาท และผู้ใหญ่บ้านจาก 8000 บาท เป็น 10000 บาทแน่นอนว่าภาพของ กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน อาจจะติดเรื่องของ ผู้มีอิทธิพล ในสังคมไทย แต่กระนั้นเมื่อเราพิจารณาถึงเรื่องการเป็นตัวจักรหนึ่งของงานด้านบริการประชาชนแล้ว ความมั่นคงและรายได้ในการทำงานก็เป็นสิ่งสำคัญ ที่จะทำให้กำนันผู้ใหญ่บ้าน (รวมถึงผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน) สามารถปฏิบัติหน้าที่ของพวกเขาได้อย่างเต็มกำลัง มากกว่าการมุ่งสู่การเป็น ผู้มีอิทธิพล เพื่อหารายได้จาก บารมี ดั่งเช่นในอดีตและที่สำคัญ สังคมไทยก็ไม่ได้เป็น หนังหรือละครไทย ที่ ผู้มีบารมี ไม่กี่คนในชุมชน จะสามารถชี้เป็นชี้ตายใครได้ เราก้าวข้ามยุคมืดแบบนั้นมาแล้ว.
ลองมามองเรื่องการประท้วงของกลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้านในมิติเรื่องเศรษฐกิจ ค่าตอบแทนและความมั่นคงของคนทำงานภาครัฐ นอกเหนือจากเรื่อง อำนาจการเมือง? แบบ หนังหรือละครไทย ที่ยึดติดกับภาพ ผู้มีบารมี
การเมือง,คุณภาพชีวิต,แรงงาน,สังคม
กำนัน,คนทำงาน,คนทำงานภาครัฐ,ผู้ใหญ่บ้าน,วิทยากร บุญเรือง
https://prachatai.com/journal/2012/12/44291
ระเบิดสนั่น ร้านรับซื้อของเก่าที่กระบี่ ฉีกของรักกระจุย สาหัส 2
เวลา 15.30 น.วันที่ 18 ก.พ.61 พ.ต.ต.ไพโรจน์ ชนะชัย สารวัตรสอบสวนสภ.เหนือคลอง จ.กระบี่ รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีเหตุระเบิดที่บริเวณร้านรับซื้อของเก่า ชื่อร้าน วงษ์พาณิชย์ กระบี่ สาขาเหนือคลอง เลขที่ 313 ม.3 ต.เหนือคลอง หลังรับแจ้ง จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าอีโอดี ตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ หน่วยกู้ชีพเทศบาลตำบลเหนือคลอง,ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณลานกองของเก่าที่รับซื้อมา ข้างร้านพบผู้บาดเจ็บ รายแรกเป็นชายชาวพม่า ทราบชื่อคือ นายโกโก๊ะ ตัน อายุ 24 ปี ได้รับบาดเจ็บ บริเวณท่อนแขนขวาแหลกชิ้นเนื้อกระจัดกระจายเกลื่อน รวมถึงอวัยวะเพศแหลกละเอียด ขาขวาเป็นแผลฉกรรจ์ อาการสาหัส อีกรายทราบชื่อนายธัวชชัย ชูยงค์ อายุ 27 ปี บ้านอยู่ อ.เหนือคลอง ได้รับบาดเจ็บเบ้าตาขวาแตก ตามร่างกายมีบาดแผลฉกรรจ์ เจ้าหน้าที่รีบนำส่ง รพ.เหนือคลอง,สอบสวนทราบว่า ขณะเกิดเหตุนายโกโก๊ะ ชาวพม่า ได้หยิบวัตถุออกมาจากกระสอบปุ๋ย เป็นลักษณะกลมๆ ขนาดเท่ากำปั้นขึ้นสนิม จึงใช้ค้อนเคาะดู จังหวะนั้นได้เกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นเป็นเหตุให้ทั้ง 2 ได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นชุดเจ้าหน้าที่ชุดอีโอดี ตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ ได้เข้าตรวจสอบหาชิ้นส่วนวัตถุดังกล่าว เพื่อทำการตรวจสอบ,ทั้งนี้ จากคำให้การเบื้องต้น คาดว่าน่าจะเป็นระเบิดชนิด มินิ วี 40 ซึ่งจะได้มีการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง.
เกิดระเบิดตูมสนั่น ในร้านรับซื้อของเก่า อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ สาหัส 2 คน พม่า 1 คนไทย 1 สาเหตุจากคนงานพม่านำแท่งกลมๆขนาดเท่ากำปั้นมาเคาะ ก่อนระเบิดตูม ฉีกเป้ากางเกงของรักกระจุย อาการสาหัส
ข่าว,ทั่วไทย
ระเบิด,ร้านรับซื้อของเก่า,ระเบิดในร้าน,ร้านรับซื้อของเก่าระเบิด,กระบี่,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/south/1207508
พล.ต.ต.ปวีณ ยืนยันผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์เป็นผู้มีอิทธิพล ใช้อำนาจข่มขู่พยาน
ผู้ต้องหาในคดีค้ามนุษย์เป็นกลุ่มคนที่มีสมัครพรรคพวก มีกำลังทรัพย์ และมักใช้อำนาจต่างๆ ในทุกรูปแบบ มีการรับแจ้งความร้องทุกข์เกี่ยวกับการข่มขู่พยาน พล.ต.ต.ปวีณกล่าว เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าตำรวจโดนข่มขู่ด้วยหรือไม่ พล.ต.ต.ปวีณไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธแต่ระบุว่าตำรวจต้องป้องกันและระวังตัวคดีนี้มีผู้ต้องหาจำนวนมาก มีสมัครพรรคพวกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ต้องระมัดระวังไม่ให้ตกเป็นเป้า ต้องระวังตัวเองอย่างเต็มที่พยานสำคัญของเราในคดีนี้ก็ถูกข่มขู่ ถ้าพยานหวาดกลัวหรือกลับคำให้การในชั้นศาลจะเสียหายต่อพยานหลักฐานที่เรารวบรวมมาทั้งสิ้น พล.ต.ต.ปวีณกล่าวเพิ่มเติมสำหรับคดีนี้มีผู้ต้องหาที่เป็นทหาร ตำรวจ และกลุ่มนักการเมืองท้องถิ่นหลายคน เช่น พล.ท.มนัส คงแป้น ผู้ทรงคุณวุฒิ นายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือ โกโต้ง อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล /นายประสิทธิ์ เหล็มแหล๊ะ อดีตรองนายกเทศมนตรีปาดังเบซาร์ นายมาเลย์ โต๊ะดิน อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบลปูยู รวมถึงตำรวจชั้นสัญญาบัตรและประทวนรวม 4 นายส่วนการปรับย้ายตนให้ไปดำรงตำแหน่งรองผบช.ศชต.ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้บังคับบัญชา เป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือหน้าที่ของตน
พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ หัวหน้าชุดคลี่คลายคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญาเปิดเผยว่าผู้ต้องหาในคดีนี้เป็นผู้มีสมัครพรรคพวกและมีกำลังทรัพย์ มักใช้อำนาจข่มขู่พยาน ในส่วนการโยกย้ายตนไปไปทำงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้นั้นถือเป็นดุลยพินิจของผู้บังคับบัญชา ขณะเดียวกัน ในวันนี้ (3 พ.ย.2558) คณะทำงานของอัยการสูงสุดและพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮิงญาประชุมตรวจสอบสำนวน ก่อนนัดตรวจพยานหลักฐานในสัปดาห์หน้า ส่วนผู้ต้องหาที่เป็นทหารพยายามขอยื่นประกันตัวไปยังกระทรวงยุติธรรม แต่ศาลยังไม่ให้ประกันตัว
อาชญากรรม
กระทรวงยุติธรรม,ค้ามนุษย์,ทหาร,ประกันตัว,ศาล,สำนวนคดี,อัยการสูงสุด,โรฮิงญา
https://news.thaipbs.or.th/content/5755
มติศาลรธน.ไม่รับคำร้องจำนำข้าว ชี้ไม่อยู่ในอำนาจศาล
คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาไม่รับคำร้องโครงการรับจำนำข้าวของอาจารย์นิด้า เนื่องจากไม่อยู่ในอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ร้องไม่ใช่ผู้เสียหายวันนี้ (10 ต.ค.55) เผยแพร่ผลการพิจารณาพิพากษาอรรถคดีที่สำคัญของศาลรัฐธรรมนูญ ประจำวันพุธที่ 10 ตุลาคม 2555 ระบุไม่รับคำร้อง กรณีที่ รศ.ดร.อดิศร์ อิศรางกูร ณ อยูธยา กับคณะ ยืนหนังสือขอให้ศาลรัฐธรรมนูญใช้อำนาจตามกฎหมาย เพื่อยับยังหรือยุติโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลอันเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญโดยได้ระบุถึงคำร้องนี้ว่า ผู้ร้องเรียนกับคณะ ซึ่งประกอบด้วยคณาจารย์ บุคลากรและนักศึกษารวมทั้งสิ้น 146 รายชื่อ เห็นว่าโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลจากเกษตรกรหรือผู้ที่มีสิทธิ์ ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการมาแล้วและจะเริ่มรอบใหม่ ได้ใช้เงินไปแล้วจำนวนหลายแสนล้านบาทและมีต้นทุนอีกมากมาย โดยปกติหลักของการจำนำ คือ การให้ราคาจำนำที่ต่ำกว่าราคาตลาดในระดับที่เหมาะสม เพื่อเปิดโอกาสให้เกษตรกรมาไถ่ถอนเพื่อนำไปขายในตลาดเมื่อข้าวราคาสูงขึ้น แต่โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลจงใจตั้งราคารับจำนำให้สูงกว่าราคาตลาดอย่างชัดแจ้ง โดยมิได้มีเจตจำนงให้เกษตรกรไถ่ถอนคือแต่อย่างใด การกระทำของรัฐบาลจึงมิใช่การรับจำนำแต่กลายเป็นพ่อค้าข้าวรายใหญ่ที่สุดรายเดียวของประเทศ อันเป็นการผูกขาดตัดตอน ทำลายระบบการค้าของไทย และส่งผลต่อระบบการผลิตข้าวที่บิดเบือนกลไกการตลาด ซึ่งประโยชน์ที่เกษตรกรได้รับไม่คุ้มกับทรัพยากรส่วนรวมของชาติที่เสียไป การกระทำของรัฐบาลในโครงการดังกล่าวจึงเป็นการกระทำที่ขัดต่อแนวนโยบายด้านเศรษฐกิจ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 84(1) ผู้ร้องเรียนกับคณะจึงขอยื่นหนังสือต่อศาลรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 202 ของให้ใช้อำนาจตามกฎหมายเพื่อยับยั้งหรือยุติโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลผลการพิจารณา ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องใดไว้พิจารณาวินิจฉัยจะต้องมีบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมายให้อำนาจไว้ แต่ตามคำร้องนี้เป็นการขอให้ศาลรัฐธรรมนูญยับยั้งหรือยุติโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ซึ่งเป็นกรณีที่ไม่อยู่ในอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบกับผู้ร้องยังมิใช่เป็นบุคคลซึ่งถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพอันสืบเนื่องมาจากบทบัญญัติแห่งกฎหมาย และมิใช่เป็นการขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมายขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ คำร้องนี้จึงไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยรายงานว่า ด้าน นายอดิศร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อาจารย์นิด้า กล่าวว่า จะทำงานวิชาการตามปกติ จะหารือกับอาจารย์เครือข่าย เป็นงานทางวิชาการ ส่วนตัวจะไม่ไปยื่นหน่วยงานใดแล้ว ส่วนนักวิชาการคนอื่น จะยื่นช่องทางอื่นก็ไม่เป็นปัญหาผมพอใจในสิ่งที่ทำ วิเคราะห์ข้อมูล ผ่านสื่อและให้ประชาชนเข้าใจมากขึ้น ในกระบวนการส่งออกข้าวของไทย พอใจและเคารพคำตัดสินของศาล ไม่ใช่คนที่ไม่ยอมรับคำตัดสินของผู้อื่นแม้ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้อง จะเดินหน้าศึกษาทางวิชาการต่อไป หากจะเสียใจ อยู่บ้าง เพราะไม่อยากให้ความเสียหายรุนแรงไปมากกว่า
คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาไม่รับคำร้องโครงการรับจำนำข้าวของอาจารย์นิด้า เนื่องจากไม่อยู่ในอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ร้องไม่ใช่ผู้เสียหาย วันนี้ (10 ต.ค.55) ข่าวสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ
เศรษฐกิจ
จำนำข้าว,นโยบายรัฐ,ศาลรัฐธรรมนูญ,อดิศร์ อิศรางกูร ณ อยูธยา
https://prachatai.com/journal/2012/10/43089
สมบูรณ์ กำแหง เปิดปฏิบัติการเพชรเกษม 41
คำถามที่ว่า ปฏิบัติการเพชรเกษม 41 มีที่มาที่ไปอย่างไร สมบูรณ์ กำแหง แกนนำเครือข่ายประชาชนติดตามแผนพัฒนาจังหวัดสตูล ในฐานะผู้ประสานงานแผนปฏิบัติการเพชรเกษม 41 มีคำตอบ เชิญอ่าน ณ บัดนี้ …………………………………………………… ปฏิบัติการเพชรเกษม 41 มีที่มาที่ไปอย่างไร ที่มาที่ไปเพชรเกษม 41 เกิดจากการสุมหัวของพวกเรา ที่เคลื่อนไหวคัดค้านโครงการขนาดใหญ่ในภาคใต้ เรามานั่งคุยกันว่าจะขยับเรื่องพวกนี้อย่างไร พอดีกำลังจะได้รัฐบาลใหม่ด้วย ก็เลยมานั่งประมวลเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น ที่จริงเรื่องพวกนี้เราทำกันมาเยอะ ที่ผ่านมาต่างที่ต่างคนต่างทำ ต่างที่ต่างเคลื่อนไหว เลยหารูปแบบการเคลื่อนไหวร่วมกันให้เป็นเรื่องเป็นราว ก็เลยคิดเรื่องเพชรเกษม 41 ขึ้นมา เป็นการเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ ถ้าเปรียบเทียบ ภาคใต้เป็นภาคที่เส้นทางการเดินทางยาว มีถนนสายหลักคือถนนเพชรเกษม 4 อีกสายคือเพชรเกษม 41 เลยคิดง่ายๆ ว่า ถ้าอะไรที่จะมาลงบ้านเรา ผ่านมาทางเพชรเกษม 41 มันจะต้องสะอาดบริสุทธิ์ ก็เลยเกิดปฏิบัติการเพชรเกษม 41 ทำไมถึงต้องมีปฏิบัติการเพชรเกษม 41 เพชรเกษม 41 จริงๆ แล้วไม่ใช่องค์กร ไม่ได้เป็นกลไกอะไร เราทำให้มันสัญลักษณ์ของขบวนการคนใต้ ที่จะออกมาบอกว่า เราอยากจะเป็น อยากจะได้อะไร ไม่ต้องการอะไร พอเอาวิธีคิดนี้เข้ไปจับเราก็พบว่า ขบวนการเพชรเกษม 41 มันเริ่มมานานแล้ว น่าจะเริ่มจากจุดที่พี่น้องจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ออกมาปกป้องบ้านตัวเอง เพชรเกษม 41 พูดอีกทีก็คือ ประตูลงสู่ภาคใต้ เมื่อลงไปทางใต้เรื่อยๆ ก็จะเริ่มเห็นคนใต้เริ่มออกมาปกป้องบ้านตัวเอง เริ่มมีข้อเสนอว่า เขาต้องการ หรือไม่ต้องการอะไร เอาเข้าจริงขบวนการนี้ได้เริ่มมานานแล้ว ถ้าเราย้อนไป การเคลื่อนไหวร่วมกันคราวนี้ เราจึงใช้สัญลักษณ์เพชรเกษม 41 ในการปฏิบัติการ เพื่อดึงภาพความต้องการของคนสองฟากทางเพชรเกษม 41 ออกมาให้เห็นชัดเจนขึ้น เราคิดว่าจังหวะที่รัฐบาลใหม่กำลังร่างนโยบายน่าจะเหมาะที่สุดในการออกมาแสดงท่าทีของเรา เพราะจากการติดตามการหาเสียงในช่วงเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยยืนยันว่า มีนโยบายสนับสนุนและผลักดันโครงการขนาดใหญ่ในภาคใต้ ไม่ใช่เฉพาะรัฐบาลนี้ รัฐบาลที่ผ่านๆ มา ก็ผลักดันโครงการนี้มาตลอด แต่รัฐบาลนี้ค่อนข้างประกาศชัดเจนว่าจะหนุนเมกะโปรเจ็ต์ทุกโครงการในภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็นสะพานเศรษฐกิจ หรือ Land bridge เชื่อมจังหวัดสงขลากับจังหวัดสตูล เรื่องพลังงานที่กำลังผลักดันให้เกิดโรงไฟฟ้าถ่านหินในหลายจังหวัด หรือโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เพราะถ้าต้องการผลักดันให้ภาคใต้เป็นเขตอุตสาหกรรม มันต้องหาพลังงานรองรับ หลังจากนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดเต็มขยายตัวไม่ออก เขาก็พยายามขนอุตสาหกรรมหนักลงภาคใต้ เราเลยต้องสื่อสารกับรัฐบาลให้เขารู้ให้ได้ว่า สิ่งเราไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ เราจึงต้องออกมาทักท้วงผ่านปฏิบัติการเพชรเกษม 41 ไม่ใช่ครั้งเดียวจบ ปฏิบัติการนี้เราทำเป็นกระบวนการ ตามจังหวะเวลาที่เหมาะสม หลังจากนี้ไปน่าจะสนุกขึ้น รูปแบบการเคลื่อนไหวจะเป็นอย่างไร ที่จริงเราทำไปแล้ว 2–3 จังหวะ ก่อนหน้านี้ ช่วงเดือนกรฎาคม 2554 จะเห็นว่ามีเวทีของบริษัทที่ปรึกษา ที่สำนักคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จัดขึ้นมาทบทวนแผนพัฒนาภาคใต้ 7 เวที 7 จังหวัด ซึ่งเป็นเรื่องที่เราไม่เห็นด้วยมาตลอด เขาพยายามถามคนใต้ว่า จะเอาอย่างไรกับการพัฒนาชายฝั่งภาคใต้ ตอนนั้นเราก็มีปฏิบัติการของเราในแต่ละจังหวัด เราเข้าไปร่วมแสดงความคิดเห็น ถ้าเห็นท่าไม่ดี ก็ต้องพูดความจริงกันในเวที จนเวทีล้มไป 2–3 เวที นี่เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการเพชรเกษม 41 แล้วเวทีของสถาบันวิจัย จุฬามหาวิทยาลัย ที่เข้ามาศึกษาเรื่อง Land Bridge หรือสะพานเศรษฐกิจสงขลา–สตูล เราเห็นกระบวนการที่เขามาทำตลอดหนึ่งปี เราไม่ชอบ เพราะไม่เคยถามชุมชนหลังท่าเรือปากบาราเลย ไม่เคยไปถามคนในพื้นที่ที่จะถูกเวนคืนที่ดิน หรือถูกไล่ออกจากที่ดินทำกิน ถ้าปล่อยให้โครงการนี้เกิดขึ้น อยู่ๆ คุณจะมาสรุปแล้วถามภาคีที่ไม่มีส่วนได้เสีย เรารู้สึกว่ามองข้ามหัวคนที่เดือดร้อนจากโครงการนี้ กระบวนการแบบนี้ เราไม่เห็นด้วย เราไปร่วมเวทีแล้วประกาศบนเวทีว่า เวทีนี้เป็นเวทีที่ไม่ชอบธรรม อันนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติการเพชรเกษม 41 อาจจะเรียกว่าบทเรียนบทที่ 1 ก็ได้ ส่วนวันที่ 21–22 สิงหาคม 2554 คนจากหลายจังหวัดในภาคใต้ จะมารวมตัวกันที่จังหวัดชุมพร เพราะจุดนี้ถือว่าเป็นประตูสู่ภาคใต้ เพื่อจะบอกกับรัฐบาลว่า อะไรที่ควรจะเอาเข้ามาในภาคใต้ หรือไม่ควรเอาเข้ามาในภาคใต้ หลังจากนี้ก็เป็นจังหวะของแต่ละพื้นที่ ที่เคลื่อนไหวต่อไป ภาคีเครือข่ายที่เข้าร่วมมาจากไหนบ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ที่โครงการขนาดใหญ่จะลง ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดสงขลา จังหวัดสตูล จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดชุมพร จังหวัดสุราษฎร์ธานี วันก่อนเพื่อนๆ จากจังหวัดตรังก็มานั่งคุย จังหวัดตรังเป็นพื้นที่ที่โรงไฟฟ้าถ่านหินจะขยับมาลง แล้วก็มีพี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มาพูดคุยด้วย เพราะพื้นที่นี้จะมีอุตสาหกรรมถลุงเหล็กไปลงที่อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี คนในพื้นที่นี้เพิ่งรู้เรื่องจากเวทีสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตินั่นแหละ เพราะฉะนั้น กำลังหลักๆ ก็จะมาจากกลุ่มที่เจออุตสาหกรรมหนักลงพื้นที่ ส่วนอื่นก็จะมีกลุ่มภาคีเครือข่ายต่างๆ ที่เป็นเพื่อนพ้องกัน บางส่วนที่ทำงานจัดการตัวเองอยู่แล้ว เช่น เครือข่ายปฏิรูปที่ดินอะไรพวกนี้ ผมคิดว่านี่แหละคือภาคีของคนใต้ ที่รักและหวงแหนภาคใต้ ซึ่งมีทะเลสองฝั่งอ่าวไทยกับอันดามัน เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ทุกคนจึงมีสิทธิ์เข้าร่วมปฏิบัติการเพชรเกษม 41 ตามความเข้าใจของคนทั่วไป คนมักจะมองว่าเราเป็นพวกค้านทุกเรื่อง แต่จริงๆ แล้ว ถ้าพูดโดยทั่วไป โครงการต่างๆ เหล่านี้เป็นการพัฒนาก็จริง แต่ขณะเดียวกัน กลุ่มเครือข่ายพวกเราไม่ต้องการการพัฒนาแบบนี้ มีข้อเสนอหรือทางเลือกอื่น ในการพัฒนาภาคใต้หรือไม่ จะอธิบายเบื้องต้น เพื่อความเข้าใจก่อนว่า เราเองค่อนข้างระวังนะ ภาคใต้ไม่ได้เป็นภาคที่เลือกพรรคเพื่อไทย แกนนำจัดตั้งรัฐบาลชุดปัจจุบัน เราจึงถูกจับตาพอสมควร ใครที่ออกมาเคลื่อนไหวดีไม่ดี จะถูกมองว่า เป็นเรื่องการเมือง เราจึงระวังจุดนี้มาก เราอยากบอกว่า ในขบวนการตรงนี้มีทั้งเสื้อเหลืองเสื้อแดงนะ และอาจจะมีเสื้อเขียวเสื้อหลากสี อันนี้เราไม่รู้ เรื่องสีเสื้อนี่ เรามองข้ามไปแล้ว เพราะเรื่องของเราไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องของคนใต้ที่ออกมาปกป้องตัวเอง คนที่รักทะเล รักป่าไม้ รักความเป็นปักษ์ใต้ กำลังพูดเรื่องการปกป้องบ้านตัวเอง ไม่ว่าคุณจะอยู่ส่วนไหน เราจะสื่อสารบอกเขาว่า ขออย่าเอาเรื่องสีเสื้อเข้ามา เพราะมันควรข้ามพ้นได้แล้ว ในส่วนของการอธิบายเรื่องของการพัฒนา จริงๆ เราก็มีปัญหากับคำนี้พอสมควร เคยมานั่งถกกันว่า มีคนกลุ่มหนึ่งในภาคใต้ ที่ไม่เอาแผนพัฒนาภาคใต้เอาเสียเลย ที้งที่จริงๆ แล้วความหมายของเราเนี่ย เราหมายถึงโครงการที่ไม่เหมาะสม เป็นโครงการขนาดใหญ่ โครงการที่ใหญ่โตเกินเหตุเข้ามาแย่งชิงทรัพยากรไปจากคนท้องถิ่น หลายโครงการ เช่น ท่าเรือน้ำลึกสองฝั่ง โรงไฟฟ้า อะไรแบบนี้ แม้กระทั่งนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีแผนจะเอาลงมาภาคใต้หลายจุด เกือบทั้งหมดก็เป็นพื้นที่ชายฝั่งทะเล เราไม่อยากให้มันเกิดขึ้น เพราะมันขัดแย้งกับความเป็นภาคใต้ ที่อุดสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนก็แล้วแต่ ต้องกำหนดทิศทางการพัฒนาภาคใต้ให้ชัดเจน แต่ไม่ใช่แนวอุตสาหกรรมหนักแบบนี้ การถามคนใต้แบบเป็นเรื่องเป็นราว ควรจักกระบวนการที่เหมาะสม เราไม่ได้ปฏิเสธการพัฒนา เราเห็นด้วยกับการพัฒนา เราเห็นด้วยกับการทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น ขณะเดียวกันเราก็เชื่อว่าภาคใต้มีวิธีของตัวเองในการทำให้เศรษฐกิจแข็งแกร่งได้ ที่ผ่านมาคนทั้งประเทศก็เชื่อว่า ภาคใต้เป็นภาคที่มีทรัพยากรและก็มีรายได้ต่อหัวสูง พอนำตัวเลขมาเฉลี่ยดู เป็นรองก็แค่กรุงเทพมหานครเท่านั้น ถ้ารัฐบาลพัฒนาทรัพยากรพวกนี้ให้ดี พัฒนาการเกษตรให้มีคุณภาพ พัฒนาการประมง ดูแลทะเลทั้งสองฝั่งที่คุณปล่อยปละละเลยมาตลอด ไม่เคยดูแลรักษาปล่อยให้ใช้เครื่องมือผิดกฎหมายเต็มทะเลไปหมด ถ้าคุณกลับมาทบทวน คุณก็สามารถกลับมาจับสัตว์น้ำในทะเลได้เพียงพอ เรื่องการท่องเที่ยวภาคใต้มีจุดเด่นเยอะ ทะเลสองฝั่งพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวได้หมด คุณยกระดับมันให้ดี สนับสนุนการท่องเที่ยวให้ดี สิ่งเหล่านี้มันเลี้ยงคนใต้ได้ ไม่จำเป็นต้องมีโครงการที่มันไม่สอดคล้องกับพื้นที่ออกมา นอกจากไม่จำเป็นจะต้องมีโครงการพัฒนาขนาดใหญ่แล้ว คนใต้ยังกลัวผลกระทบจากมลพิษอุตสาหกรรมด้วยใช้หรือไม่ มันปฏิเสธไม่ได้ว่า ตอนนี้กระแสมันแตกกระจายออกไปหลายเรื่อง อย่างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่จะมาตั้งที่ชุมพรบ้าง สุราษฎร์ธานีบ้าง พอเจอสถานการณ์สึนามิที่ญี่ปุ่น จนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มีปัญหา ผมว่าตรงนี้ชาวบ้านแทบไม่ต้องพูด รัฐบาลอ้าปากไม่ได้แล้ว นี่คือรูปธรรมของผลกระทบ ซึ่งคนในประเทศญี่ปุ่นเองก็ซึ้งกับสิ่งที่เขาเจอ จริงๆ แล้ว ตอนนี้โรงไฟฟ้าถ่านหินกำลังจะลงมาหลายพื้นที่ในภาคใต้ ผมว่ากรณีแม่เมาะ จังหวัดลำปาง มันตอบคำถามได้ดี โรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะเป็นปัญหามลพิษอยู่หลายปี ขณะที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ก็พยายามสื่อสารผ่านสื่อว่า แม่เมาะสะอาดแล้ว ทั้งๆ ที่คนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เขาก็รับไม่ได้ ผลกระทบอื่นๆ ผมว่าตามมาเต็มเลย นิคมอุตสาหกรรมที่มาบตาพุด ถามว่าที่ผ่านมาแก้ปัญหาได้แค่ไหน เอาเข้าจริงระบบการจัดการของประเทศไทย ก็ยังไม่ดีพอเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ผมว่าเรื่องพวกนี้มันทำให้คนไทยตั้งข้อสังเกตุกับตรงนี้เยอะ พออุตสาหกรรมเต็มพื้นที่มาบตาพุด โรงงานก่อมลพิษจนคนในพื้นที่อยู่ไม่ได้ เขาก็เลือกที่จะให้อุตสาหกรรมหนักลงมาอยู่ภาคใต้ คิดไปได้ล่วงหน้าเลยว่า ถ้าเกิดอุตสาหกรรมหนักในภาคใต้ เราจะอยู่กันอย่างไร ภาคใต้เป็นภาคที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ มีสิ่งแวดล้อมที่ดี ถ้าอุตสาหกรรมสกปรกเข้ามามันขัดแย้งกัน นี่คือสิ่งที่พวกเรากังวลนะ ถ้าดูในแผนที่ภาคใต้ เราจะเห็นจุดต่างๆ กระจายเต็มภาคใต้ โครงการต่างๆ เต็มไปหมดเลย ถ้ามันเกิดขึ้นจริงตามนั้น อีกสิบปี ยี่สิบปีข้างหน้า ความเป็นภาคใต้นี่มันคืออะไร จะเป็นอะไร แม้กระทั่งที่สตูลจังหวัดที่ผมอยู่ จังหวัดเล็กๆ นี่แหละ ประชากรสองแสนกว่าคน เนื้อที่ก็ไม่เยอะ อยู่ตรงชายแดนภาคใต้ พอเราไปดูโครงการที่กำลังจะลงมา ในตัวแผนเนี่ยมันมีตั้ง 6–7 เรื่องใหญ่ๆ ทั้งนั้น ท่าเรือน้ำลึกขนาดใหญ่ คลังน้ำมันขนาดใหญ่ 5 พันไร่ ต่อไปก็จะมีโรงกลั่นด้วย นิคมอุตสาหกรรมที่คุณบอกในผลการศึกษาความเหมาะสมว่า มีพื้นที่เหมาะที่เป็นนิคมอตสาหกรรม 150000 ไร่ คุณจะทำไม่ทำ การเวนคืนที่ดินสร้างท่าเรือ เวนคืนที่ดินตามแนวเส้นทางรถไฟ ชาวบ้านต้องสูญเสียที่ดินทำกินตั้งเยอะแยะ ต้องสร้างเขื่อนใช้เนื้อที่เกือบสองพันไร่ อะไรแบบนี้ จะเจาะอุโมงค์ เจาะภูเขาอีก ผมว่าอะไรใหญ่ๆ พวกนี้มาลงในพื้นที่เล็กๆ มันเป็นรูปธรรมของผลกระทบ คนที่รู้ข้อมูลเขาไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ อันนี้เราต้องคิดกันเยอะพอสมควร ผมเคยได้รับเชิญไปสัมมนากับหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ เรื่องท่าเรือน้ำลึกปากบาราเศรษฐกิจไทยได้หรือเสีย กลุ่มที่มีส่วนได้เสียที่เข้าร่วมสัมมนา ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนอุตสาหกรรม นักเดินเรือเพื่อการขนส่ง ข้าราชการจากกรมเจ้าท่า จากกระทรวงคมนาคม เขาเชิญผมไปร่วมคุย มีนักธุรกิจคนหนึ่งพูดน่าสนใจมาก รู้สึกจะเป็นนายกสมาคมการเดินเรืออะไรนี่แหละ เขาทำธุกิจขนส่งสินค้าทางเรือระหว่างประเทศ ขณะที่คนอื่นเห็นด้วยกับการสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา เขากลับบอกว่าไม่จำเป็นต้องสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา โดยเฉพาะฝั่งอันดามันไม่ควรสร้างท่าเรืออีกแล้ว ดูท่าเรือที่ระนองตอนนี้ก็ร้างอยู่ เอาเข้าจริงนักเดินเรือเขาก็ไม่ใช้ จะไปสร้างขนาดใหญ่ๆ ทำไม ท่าเรือที่ระนองมูลค่าไม่กี่ร้อยล้าน แต่พอไปที่ปากบารา รวมทั้งสามเฟส มูลค่าสามหมื่นล้าน เป็นท่าเรือขนาดใหญ่มาก ยิ่งไม่ควรไปลงทุน เพราะยิ่งลงทุนโอกาสเป็นท่าเรือร้างสูงมาก เขาบอกว่าการขนส่งสินค้าของประเทศไทยหลักๆมันจะอยู่ฝั่งอ่าวไทย มันจะไปทางอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น จึงไม่มีทางเลยที่ลงทุนผลิตสินค้าฝั่งอันดามัน แล้วอ้อมไปฝั่งอ่าวไทย ต้องไปข้ามช่องแคบมะละกา เขาบอกว่าท่าเรือเหล่านี้ ควรอยู่ฝั่งอ่าวไทย คนที่ทำธุรกิจด้านนี้ เขาพูดชัดว่าท่าเรือปากบารา สร้างแล้วไม่คุ้มค่า อีกคนเป็นอาจารย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นผู้ชำนาญเรื่องการออกแบบ มานั่งดูแบบแล้วบอกว่า ท่าเรือนี้เป็นท่าเรือเพื่อการขนส่งน้ำมันคือ รูปแบบโครงสร้าง ส่วนหนึ่งเป็นการออกแบบรองรับการขนถ่ายน้ำมันหรือของเหลว และบอกว่าที่นี่ต้องเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมแน่นอน เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่คนสตูลจะต้องรู้ คนสตูลจะต้องคิดให้หนัก เพราะถ้าคนสตูลเข้าใจว่าเป็นแค่ท่าเรือธรรมดา มันไม่ใช่แล้ว ท่าเรือนี้เป็นท่าเรืออุตสาหกรรม ที่มีเรื่องอุตสาหกรรมปิโตรเคมีเข้ามาด้วย อันนี้เป็นมุมมองของคนสองคน ที่คอมเมนต์เรื่องของท่าเรือน้ำลึกปากบาราในวันั้น ผมว่าอันนี้น่าสนใจ มองทั้งภาคใต้ มันมีอะไรขึ้นเต็มไปหมด ปฏิบัติการนี้จะมีช่วยอธิบายคนทั่วไปให้เข้าใจได้อย่างไร ตอนนี้ที่เราเอาวลี เพชรเกษม 41 มาใช้สื่อสารได้ ก็ไม่ได้สื่อสารกันในวงกว้างมาก อาจจะสื่อสารผ่านสื่อออนไลน์บ้าง เฟซบุ๊คบ้าง มันก็ทำให้คนหันมาสนใจเยอะขึ้น ผมมั่นใจว่า ถ้าเรามีวิธีสื่อสารกับคนวงกว้างที่ดี เราจะมีช่องทางอธิบายคนในสังคมได้เยอะขึ้น ตอนนี้มันมีปัญหาเรื่องการรับรู้ ถ้ามีคนรับรู้มากขึ้น ถ้าคนสตูลรู้มากที่สุด เห็นข้อเท็จจริงจากเอกสารหลักฐานจากราชการด้วย มันจะทำให้คนสตูลตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ผมว่าการสื่อสารแบบนี้ทำให้คนคิด คนใต้จะได้รู้ว่า สิ่งที่จะลงมาในภาคใต้ในเวลาสิบยี่สิบปีข้างหน้ามันมีอะไรบ้าง แต่มันไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องหารูปแบบการสื่อสารหลายๆ รูปแบบ ตอนนี้ใครนึกอะไรได้ก็ทำไปก่อน การสร้างกระแสอะไรพวกนี้ มันต้องใช้เวลา และต้องมีจังหวะที่เหมาะสม เล่นกับสาธารณะได้ อันนี้ก็เป็นความท้าทายของพวกผม ของทีมงานที่รวมตัวกันหลายจังหวัด โดยมีเป้าหมายเดียวกันคือ สื่อสารให้คนรู้ว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นในภาคใต้คืออะไร หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ตอนนี้รูปแบบหลักสองรูปแบบ หนึ่ง แยกกันทำกับรวมกันตี มันมีจังหวะของมันอยู่ หมายถึงว่าจังหวะไหนรวมกันได้ก็รวม สร้างประเด็นร่วมขึ้นมา แล้วก็เคลื่อนไหวร่วมกัน การแยกกันทำหมายถึง แต่ละจังหวัดสถานการณ์ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้น จังหวัดไหนพื้นที่ไหนที่มีเรื่องจำเป็น ขับเคลื่อนได้ก็ขับเคลื่อนภายใต้ปฏิบัติการเพชรเกษม 41 ในส่วนของรัฐบาลตอนนี้ ยังไม่รู้ว่าจะเอาอย่างไรใช่ เพียงแต่บอกว่าขอถนน แต่ไม่รู้ธีการประเมินว่า จะประเมินอย่างไร เจตนาเราตอนนี้ไม่มีอะไร เราเพียงแต่จะสื่อสารว่า รัฐบาลควรทำอะไรและไม่ควรทำอะไรในภาคใต้แค่นั้นเอง เรากำลังจะบอกว่าเราอยากจะกำหนดอนาคตของเราเอง พี่น้องเครือข่ายปฏิรูปที่ดินเขาก็เสนอโฉนดชุมชน ถือเป็นทางออกของคนใต้อีกด้านหนึ่ง เรื่องของพี่น้องสามจังหวัดที่พยายามจะพูดเรื่องปัตตานีมหานคร การกระจายอำนาจ เราคนใต้โครงการขนาดใหญ่เราไม่เอา นี่จะเป็นปรากฎการณ์ที่เราแสดงความต้องการว่า จะขอกำหนดตัวเราเอง เพราะฉะนั้นรัฐบาลจะต้องเอื้อและเปิดพื้นที่ให้กับกลุ่มคนเหล่านี้ หรือให้คนใต้ได้ตัดสินใจเรื่องพวกนี้ โดยเฉพาะเรื่องข้อมูล ควรจะมีกระบวนการสื่อสารถ่ายทอดกันให้ทั่วถึง
อีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ปฏิบัติการเพชรเกษม 41 ก็จะอุบัติขึ้นที่จังหวัดชุมพร เพื่อประกาศว่า คนภาคใต้ไม่ต้องการอุตสาหกรรมหนัก อุตสาหกรรมสกปรก เมกะโปรเจ็กต์ ที่จะเข้าพร่าผลาญทรัพยกากรของคนภาคใต้
คุณภาพชีวิต,เศรษฐกิจ,สิ่งแวดล้อม
ถ่านหิน,นิวเคลียร์,สมบูรณ์ กำแหง,เพชรเกษม41,แผนพัฒนาภาคใต้,แลนบริดจ์สงขลา-สตูล
https://prachatai.com/journal/2011/08/36522
แห่งเดียวในไทย เพชรบูรณ์ เตรียมจัดงานลอยกระทงรอบโบสถ์ สร้างบนเนินเขา
เมื่อวันที่ 1พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่วัดบรรพตตาราม หมู่ 4 ต.ซับสมอทอด อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์เตรียมจัดงานลอยกระทงรอบโบสถ์ที่สร้างอยู่บนเนินเขา เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ สร้างสีสัน ดึงดูดนักท่องเที่ยว ให้มาเที่ยวชมความสวยงาม และดึงทำผู้สนใจมาลอยกระทง โดยจะนำต้นดอกดาวเรือง จำนวนกว่า 2,000 ต้น มาประดับตกแต่งที่บริเวณด้านหน้าพระอุโบสถที่ใช้ในการลอยกระทง ชาวบ้าน คณะกรรมการวัด และพระสงฆ์ ต่างพร้อมใจกันเตรียมจัดงานสืบสานประเพณีลอยกระทงรอบอุโบสถ ซึ่งเป็นแห่งแรกของจังหวัดเพชรบูรณ์ และเป็นแห่งแรกของประเทศไทย ที่สร้างอยู่บนเนินเขา โดยจัดสืบเนื่องติดต่อกันมาอย่างยาวนาน เป็นปีที่ 38,ซึ่งในช่วงเทศกาลวันลอยกระทงของทุกปี จะมีประชาชนและบรรดานักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศ หลั่งไหลกันเดินทางมาเที่ยวชมความสวยงาม และร่วมลอยกระทงรอบพระอุโบสถที่สร้างอยู่บนเนินเขา ที่วัดบรรพตาราม หรือวัดใต้ กันเป็นจำนวนมาก นับหมื่นคน เพราะนอกจากจะแปลกไม่เหมือนที่ใด เนื่องจากจัดให้มีการลอยกระทงกันรอบพระอุโบสถที่สร้างอยู่บนเนินเขา ซึ่งนอกจากจะแปลกและเป็นการสร้างสีสันให้สวยงามตื่นตาตื่นใจแล้ว ยังสามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวชมความสวยงาม และทำให้มีผู้สนใจเดินทางมาลอยกระทง เพื่อขอขมาพระแม่คงคา และชมความสวยงามกันมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญการลอยกระทงรอบโบสถ์ นอกจากจะเป็นการช่วยลดมลภาวะสิ่งแวดล้อม ไม่ทำให้แม่น้ำลำคลองเน่าเสียแล้ว ยังง่ายต่อการเก็บทำลาย รวมทั้งยังเป็นที่ชื่นชอบสร้างสีสัน ไม่แพ้การลอยกระทงในแม่น้ำลำคลองอีกด้วย,สำหรับการจัดงานลอยกระทงรอบโบสถ์ของวัดบรรพตาราม ในปีนี้ ได้กำหนดจัดขึ้น 2 วัน คือ วันที่ 2-3 พฤศจิกายน โดยภายในงานนอกจาก จะมีมหรสพสมโภชมากมาย อาทิ รำวงย้อนยุคแล้ว ในปีนี้ทางคณะกรรมการจัดงาน ได้เตรียมนำต้นดอกดาวเรือง จำนวนกว่า 2,000 ต้น มาประดับตกแต่งที่บริเวณด้านหน้าพระอุโบสถที่ใช้ในการลอยกระทง เพื่อเป็นการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช บรมนาถบพิตร ด้วย.
เพชรบูรณ์ วัดบรรพตตาราม เตรียมจัดงานลอยกระทงรอบโบสถ์ ที่สร้างอยู่บนเนินเขา แห่งเดียวและแห่งแรกในประเทศไทย มั่นใจ ดึงดูดนักท่องเที่ยว ชี้ ข้อดีเป็นการลดมลภาวะสิ่งแวดล้อม ไม่ทำให้แม่น้ำเน่าเสีย
ข่าว,ทั่วไทย
ลอยกระทงรอบโบสถ์,งานลอยกระทง,โบสถ์สร้างบนเนินเขา,วัดบรรพตตาราม,เพชรบูรณ์,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/north/1114285
หลี่ นา ชนะ อซาเรนกา คว้าแชมป์เทนนิสที่หัวหิน
การแข่งขันเทนนิสรายการพิเศษหัวหิน เวิลด์ เทนนิส อินวิเทชันแนล ที่เซนเทนเนียล พาร์ค อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วานนี้ (29 ธ.ค.) วิคตอเรีย อซาเรนก้า นักเทนนิสหญิงมือ 1 ของโลกจากเบลารุส และแชมป์เก่า พบ หลี่ นา นักเืทนนิสมืออันดับ 7 ของโลกจา่กจีน ปรากฏว่า หลี่ นา ชนะ อซาเรนกา 2-1 เซต 6-3 2-6 และซูเปอร์ไทเบรก 10-7หลังจากนั้นอซาเรนก้า และหลี่ นา ได้ลงเล่นประเภทคู่ พบกับ ณิชาต์ พิทักษ์สินชัย กับ เพียงธาร ผลิพืช นักเทนนิสดาวรุ่งไทย โดยใช้ระบบการเล่นเพียงเซตเดียว ซึ่งปรากฎว่า คู่ของอซาเรนก้า กับ หลี่ นา ชนะ ณิชาต์ พิทักษ์สินชัย กับ เพียงธาร ผลิพืช 6-0 เกมขณะที่หลังการแข่งขันหลี่ นา ออกจากสนามแข่งขันทันที เนื่องจากต้องรีบเดินทางไปขึ้นเครื่องบินกลับประเทศจีน โดยให้สัมภาษณ์สั้นๆว่า พร้อมจะกลับมาเล่นรายการนี้อีกครั้งในปีหน้า โดยหลังจากนี้จะเดินทางไปแข่งขันที่บริสเบน ประเทศออสเตรเลีย ก่อนลงแข่งขันเทนนิสออสเตรเลียน โอเพ่น แกรนด์สแลมรายการแรกของปีส่วนอซาเรนก้า ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่เสียใจกับผลการแข่งขันในนัดนี้ และเป็นเรื่องปกติที่ตัวเองจะเล่นผิดพลาดในการแข่งขัน แต่หลังจากนี้จะพยายามฝึกซ้อม เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับฤดูกาลที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น โดยเป้าหมายสำคัญคือ การป้องกันแชมป์ออสเตรเลียน โอเพ่น ให้ได้
หลี่ นา นักเทนนิสหญิงมือ 7 ของโลกชาวจีน ชนะ วิคตอเรีย อซาเรนกา นักเทนนิสมือ 1 ของโลก จากเบลารุส คว้าแชมป์เทนนิสรายการพิเศษหัวหิน เวิลด์ เทนนิส อินวิเทชันแนล
กีฬา
null
https://news.thaipbs.or.th/content/136331
สวนเมตตาธรรมไม่ได้หวงที่ดิน พร้อมให้ที่ทำป่าชุมชน
ศูนย์ข่าวภาคเหนือ-4 ก.ค.48 พระประจำสำนักปฏิบัติธรรมสวนเมตตาธรรม เผยว่า ไม่เคยคิดยึดครองพื้นที่ทั้งหมด พร้อมที่จะยกให้เป็นป่าชุมชน หากมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาพิสูจน์สิทธิให้ถูกต้องและชัดเจน พระกิตติศักดิ์ กิตติโสภโณ จริงๆ แล้ว ไม่เคยคิดจะครอบครองพื้นที่ แต่อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาทำการตรวจสอบรังวัด เพื่อพิสูจน์สิทธิที่ดินในแต่ละแปลงว่าเป็น นส.3 ก. หรือ สปก.4-01 และให้อยู่ในสภาพที่คล้ายให้อายัดพื้นที่ตรงนี้เอาไว้ก่อน เพื่อไม่ให้มีกลุ่มทุนใดเข้ามาจัดการบุกรุกเข้ามาในช่วงนี้ และอยากจะบอกให้ทุกฝ่ายรับรู้ว่า ทางสำนักปฏิบัติธรรมสวนเมตตาธรรมไม่ได้หวงที่ดินผืนนี้ แต่ที่ต้องรักษาเอาไว้ก็เพราะเป็นพื้นที่ของ พระดร.สิงทน คำซาว ได้มอบให้สำนักปฏิบัติธรรมดูแล ซึ่งหากมีการพิสูจน์สิทธิให้ชัดเจนแล้ว ในอนาคต ชุมชนต้องการจะนำไปใช้ประโยชน์เป็นพื้นที่ป่าชุมชน ก็พร้อมที่จะยกให้ ไม่ได้หวง แต่จะต้องมีการทำระเบียบให้ชัดเจน ถูกต้องเหมาะสมกับการใช้ประโยชน์จากป่าได้ เช่น ชาวบ้านสามารถเข้าไปเก็บเห็ด หน่อไม้ ของกินในป่าได้ ไม่ใช่ป่าชุมชนที่รัฐจัดกรอบให้ไว้ว่า ห้ามชาวบ้านเข้าไปใช้ประโยชน์จากป่า ซึ่งมันผิดหลักของป่าชุมชน พระกิตติศักดิ์ กล่าว ด้านนางสุนี ไชยรส ประธานอนุกรรมการสิทธิในการจัดการป่าไม้และที่ดิน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า จากการที่ได้ลงตรวจสอบพื้นที่ในความดูแลรับผิดชอบสวนเมตตาธรรมแล้ว พบว่า พื้นที่ทั้งหมดประมาณ 1500 ไร่นั้น ได้แบ่งออกเป็นพื้นที่ที่มีหนังสือแสดงสิทธิ นส.3 ก. ซึ่งใช้เป็นเขตสังฆาวาสจำนวน 5 แปลง ประมาณ 79 ไร่ นอกจากนั้น เป็นที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ สปก.4-01 ในนามคนงานและชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียงซึ่งเคยทำงานกับ พระดร.สิงห์ทน ซึ่งเป็นพื้นที่มาก่อน ทางพระกิตติศักดิ์ บอกว่า พื้นที่ที่เป็นเอกสารสิทธิ สปก.4-01 ทั้งหมดนั้น แต่เดิมนั้น พระ ดร.สิงห์นทน มีความคิดที่จะให้เป็นสถานที่ตั้งมหาวิทยาลัยสงฆ์ และสถานที่เผยแผ่ธรรม แต่เพราะที่ดินแต่ละแปลงนั้นเป็นพื้นที่ทำเลดี จึงเป็นที่หมายตาของกลุ่มนายทุนที่จะเข้ามาทำเกษตรเชิงเดี่ยวในพื้นที่ดังกล่าว และมีการพยายามส่งผู้มีอิทธิพลเข้ามาข่มขู่คุกคามและพยายามจะฮุบที่ดินผืนนั้นมาโดยตลอด ทางสำนักปฏิบัติธรรมสวนเมตตาธรรมจึงหาวิธีการว่า ทำอย่างไรจะรักษาเอาไว้ มีการยกที่ดินจำนวน 800 ไร่ให้กับชาวบ้านเพื่อทำเป็นป่าชุมชน แต่ก็ยังมีการพยายามเข้ามาบุกรุกคุกคามอยู่อย่างต่อเนื่อง นางสุนี กล่าว ประธานอนุกรรมการสิทธิในการจัดการป่าไม้และที่ดิน กล่าวในตอนท้ายว่า ทางผู้ดูแลสถานปฏิบัติธรรมสวนเมตตาธรรม ยืนยันว่า ไม่ได้คิดอยากครอบครองที่ดินเหล่านี้ไว้ เพราะทุกวันนี้ ก็เหมือนเป็นปู่โสมทรัพย์ และเต็มใจที่จะมอบให้เป็นพื้นที่ป่าชุมชน หากมีการพิสูจน์สิทธิตรวจสอบรังวัดให้ชัดเจนเสียก่อน ให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมจัดการดูแลรักษาป่า ซึ่งเชื่อว่า จะเป็นการชะลอต่อการบุกรุกของกลุ่มนายทุนได้
ศูนย์ข่าวภาคเหนือ-4 ก.ค.48 พระประจำสำนักปฏิบัติธรรมสวนเมตตาธรรม เผยว่า ไม่เคยคิดยึดครองพื้นที่ทั้งหมด พร้อมที่จะยกให้เป็นป่าชุมชน หากมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาพิสูจน์สิทธิให้ถูกต้องและชัดเจน
สิ่งแวดล้อม
null
https://prachatai.com/journal/2005/07/4734
หญิงสาวที่หมดสติจากการฉีดฟิลเลอร์อาการยังคงทรงตัว
นายธนัช ณัชวีระกุล หรือ ป๊อบ อดีตผู้ช่วยแพทย์ในสถานเสริมความงามแห่งหนึ่ง ผู้ฉีดสารคอลลาเจนและฟิลเลอร์ที่สะโพก นางสาวอาทิตยา เอี่ยมใหญ่ หรือน้องกระแต จนทำให้หมดสติกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา นำดอกไม้เข้าเยี่ยมอาการของน้องกระแตที่โรงพยาบาลพร้อมยอมชดใช้ค่าสินไหมทดแทน พร้อมดูแลเรื่องค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด และรู้สึกเป็นห่วงอาการของน้องกระแตเป็นอย่างมาก เพราะช่วงแรกๆนั้น ยังคงมีอาการตอบสนองบ้าง สามารถกระพริบตาได้แต่ตอนนี้ไม่รู้สึกตัวส่วนคดีความได้เข้าให้ปากคำ และรับทราบข้อหาประกอบโรคศิลป์โดยไม่ขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาต และประกอบกิจการและดำเนินสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต และกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัสสำหรับอาการของน้องกระแต แพทย์บอกว่า ยังไม่รู้สึกตัว อาการตอบสนองน้อย ต้องให้ยากระตุ้นสมองหลายชนิด ทั้งนี้สมองยังมีอาการบวมอยู่ ส่วนอาการความดันกับเลือดนั้นปกติ แนวทางการรักษาขณะนี้ ทำได้เพียงประคับประคอง และยอมรับว่า มีความกังวลว่าคนไข้จะฟื้นหรือไม่ เพราะไม่รู้สึกตัวมาเกิน 3 วันแล้ว
แพทย์ระบุหญิงสาวที่ได้รับผลกระทบจากการฉีดสารคอลลาเจนและฟิลเลอร์ จนไม่ได้สติอาการยังคงทรงตัว ขณะที่อดีตผู้ช่วยแพทย์ซึ่งเป็นผู้ต้องหา ได้เข้าเยี่ยมอาการและพร้อมให้ความช่วยเหลือค่าใช้จ่ายทั้งหมด
สังคม
กระแต,ฉีดฟิลเลอร์,อดีตผู้ช่วยแพทย์,อาการทรงตัว
https://news.thaipbs.or.th/content/113607
กระทรวงพลังงาน เตรียมหนุนก๊าซชีวภาพ ลดปัญหาขาดแคลนเอ็นจีวี
กระทรวงพลังงาน ตั้งเป้าจะนำก๊าซชีวภาพสำหรับยานยนต์ หรือ ซีบีจี ซึ่งผลิตจากหญ้าและมูลสัตว์ โดยนำมาหมักเพื่อให้เกิดก๊าซชีวภาพจากนั้นนำมาผ่านกระบวนการผลิตเป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์ มาใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนก๊าซเอ็นจีวี ที่คาดว่าในอีก 13 ปี ก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยจะหมดลง ทำให้ต้องพึ่งพาการนำเข้าการผลิตซีบีจี ยังส่งเสริมเป้าหมายในการลดการใช้น้ำมันดีเซลลงครึ่งหนึ่ง หรือประมาณ 25 ล้านลิตร ภายในปี 2564 ตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก ซึ่งหากได้แผนส่งเสริมซีบีจี ก็จะนำเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานพิจารณา ก่อนส่งต่อให้คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ยังระบุว่าจะเร่งจัดแผนการส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพสำหรับยานยนต์ หรือ ซีบีจี ให้แล้วเสร็จช่วงต้นปี 2556 โดยราคาจำหน่ายก๊าซซีบีจีที่เหมาะสมอยู่ที่ 12-13 บาทต่อกิโลกรัม แต่ทั้งนี้ราคาจริงจะขึ้นอยู่กับการทำสัญญาระหว่างบริษัทผู้ผลิต และ บริษัท ปตท. อีกครั้งคาดว่าโรงงานผลิตก๊าซซีบีจีเชิงพาณิชย์แห่งแรกในไทย จะเริ่มจำหน่ายก๊าซได้ในเดือนกันยายนนี้
กระทรวงพลังงาน เตรียมจัดทำแผนส่งเสริมผลิตก๊าซชีวภาพสำหรับยานยนต์ให้แล้วเสร็จภายในต้นปีหน้า เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนก๊าซเอ็นจีวี ขณะที่โรงผลิตก๊าซชีวภาพสำหรับยานยนต์แห่งแรกของไทย พร้อมจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในอีกหนึ่งเดือนเศษข้างหน้า
วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี
ก๊าซชีวภาพ,ซีบีจี,พลังงาน,เอ็นจีวี
https://news.thaipbs.or.th/content/99999
ปชป.ดาหน้าฉะ หวั่นมี อีแอบ ซ่อนในบัญชีรายชื่อ
เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. นายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมาชี้แจงรัฐบาลจะทำอะไรก็ได้ ระหว่างการเลือกตั้งที่จะถึง โดยทั้ง 4 รัฐมนตรี และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังทำงานได้ปกติ อยากให้นายวิษณุกลับไปดูคำแนะนำที่เคยพูดไว้เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2561 ว่า เมื่อรัฐมนตรีสังกัดพรรคการเมืองแล้ว ถ้าจะทำงานการเมืองก็ให้ลาออกไป และห้ามทำ 3 ข้อ 1. ใช้เวลาหลวง 2. ใช้ของหลวง และ 3. ใช้คนหลวง แต่วันนี้กลับมาพูดใหม่ว่า คนของรัฐบาล ย่อมมีโอกาสได้เปรียบ ยังสามารถทำทุกเรื่องได้ตามปกติ,สิ่งที่หลายฝ่ายยังกังวล คือ การนำทรัพยากรของหลวงมาใช้ โดยแยกไม่ออกระหว่างการหาเสียงส่วนตัว หรือทำงานในฐานะรัฐบาล การนำของหลวงมาใช้ก็มีความผิด เช่น รถหลวง มีข้าราชการบางท่านนำมาใช้แล้วโดนฟ้องถึงกับติดคุก ติดตะราง จึงมีคำถามว่าถ้าเป็นกรณีแบบนี้รัฐบาลเองจะนำของหลวงมาใช้ได้หรือไม่ แล้วทำไมมาตรฐานในการปฏิบัติตามกฎหมายถึงกลับไปกลับมาได้ในทัศนะของนายวิษณุ นายจุฤทธิ์ กล่าว,ส่วนเรื่องระเบียบการหาเสียงในการเลือกตั้งเรื่องการจัดทำแผ่นป้าย ที่ กกต. กำหนด บางเรื่องชัด แต่บางประเด็นกลับไม่ชัดเจน เช่น เรื่องจำนวนป้ายมีการกำหนดจำนวนชัดเจน แต่สาระหรือภาพในป้ายกลับมีความคลุมเครือ เช่น กำหนดให้มีรูปเฉพาะผู้สมัคร ส.ส. เขตแต่ละเขต หัวหน้าพรรค และว่าที่นายกรัฐมนตรี ตามที่พรรคการเมืองเสนอเท่านั้น ห้ามใช้รูปบุคคลอื่น จึงมีคำถามว่า แล้วทำไมไม่อนุญาตให้ใส่ภาพผู้สมัครบัญชีรายชื่อทั้ง 150 คน ของแต่ละพรรคด้วย เพราะคะแนนที่ประชาชนเลือก จะนำไปสู่การคำนวน ส.ส. บัญชีรายชื่อของแต่ละพรรค ไม่ใช่ย้อนยุค ปิดบังบัญชีรายชื่อ เป็นระบบอีแอบ ประชาชนไม่รู้ว่ามีใครแอบอยู่ในบัญชีรายชื่อแต่ละพรรคบ้าง และตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นการเลือก 1 ใบ 2 ระบบ ประชาชนก็ควรทราบข้อมูลทุกด้าน,เช่นเดียวกับ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกรณีรัฐบาลมีแนวคิดห้ามองค์กรต่างประเทศเข้ามาสังเกตการณ์เลือกตั้ง ซึ่งรัฐบาล และ กกต. ควรเปิดโอกาสให้สังเกตการณ์ได้เหมือนที่นานาอารยประเทศกระทำกัน ถ้าเรามั่นใจว่าการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรม ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปห้าม การที่รัฐบาลมีท่าทีห้ามปรามต่างชาติไม่ให้เข้ามาสังเกตการณ์ จะยิ่งทำให้เกิดความสงสัย มีข้อครหานินทาว่าจะมีลับลมคมใน หรือความไม่ชอบมาพากลอะไรเกิดขึ้นหรือไม่,ถ้าผู้มีอำนาจและรัฐบาลไม่คิดจะทุจริตเลือกตั้ง จะไปกลัวอะไร ทางที่ดีควรสนับสนุนให้ต่างชาติเข้ามาดูได้เต็มที่ว่าการเลือกตั้งบ้านเราโปร่งใส ขอฝากให้ผู้มีอำนาจและรัฐบาลพิจารณาเรื่องการห้ามต่างชาติเข้ามาสังเกตการณ์เลือกตั้งในไทยให้รอบคอบ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติโดยรวม นายองอาจ กล่าว
ปชป.ดาหน้าฉะ หวั่นมี อีแอบ ซ่อนในบัญชีรายชื่อ จี้ อย่าขวางต่างชาติสังเกตการณ์ ถ้าไม่จ้องโกงเลือกตั้ง ซัด วิษณุ กลับไปกลับมามาตรฐานกฎหมาย อุ้ม 4 รมต.-บิ๊กตู่ ไม่ต้องลาออก
เลือกตั้ง
4 รมต.,ประชาธิปัตย์,บิ๊กตู่ไม่ออก,หาเสียง,เลือกตั้ง
https://www.thairath.co.th/news/politic/1446406
กิน-อยู่-เรียนรู้ กับคนในชุมชนบ้านโคกเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ [Advertorial]
บุรีรัมย์อาจเป็นจังหวัดที่อยู่นอกสายตาเรา ยิ่งเฉพาะด้านการท่องเที่ยว เพราะเวลาจะเที่ยวไทยทั้งที เรามักนึกถึงภูเขา ป่าไม้ หรือน้ำทะเลมากกว่า แต่ที่ตกลงปลงใจไปเที่ยวทริปนี้ เพราะคำว่า ท่องเที่ยวโดยชุมชน ได้ไปกิน ไปนอนบ้านชาวบ้านจริงๆ เรียนรู้วัฒนธรรม ภูมิปัญญา และงานฝีมือของชุมชนชาวบ้านโคก จังหวัดบุรีรัมย์ โอกาสแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆสายการบิน AirAsia พาเราบินตรงถึงสนามบินบุรีรัมย์แต่เช้า และนั่งรถไปต่อเกือบ 60 กิโลเมตร เราก็ถึงชุมชนบ้านโคกเมือง คนแรกที่เจอคือ แม่น้อย-ส้มเกลี้ยง สืบวัน ประธานโฮมสเตย์โคกเมือง และประสานงาน และพาไปเจอบ้านพี่ควร บ้านที่เราจะพักในคืนนี้บ้านพักชุมชนบ้านโคกเมือง เช่น บ้านโคกเมือง อําเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นชุมชนเก่าแก่ที่มีวัฒนธรรมและภูมิปัญญาเป็นของตัวเอง มีโบราณสถานที่สําคัญคือ ปราสาทขอมโบราณเมืองตํ่าที่มีอายุมากกว่า 1400 ปี และบารายเมืองตํ่า บริเวณนี้เป็นพื้นที่ราบดินแดนภูเขาไฟที่มีความอุดมสมบูรณ์ปั่นจักรยานภายในชุมชนบ้านโคกเมืองภายในชุมชนนั้นเต็มไปด้วยความน่ารักของชาวบ้าน มีฐานการเรียนรู้ต่างๆ ที่เป็นอาชีพ ภูมิปัญญาที่แตกต่างกันไป ซึ่งแม่น้อยพาเราไปเรียนรู้และลงมือทำจริงๆ โดยมีโอกาสยากมากที่เราจะได้ทำอย่างนั้นว่าแล้วเราก็ปั่นจักรยานไปหมู่บ้านใกล้ๆ เพื่อเรียนรู้ภูมิปัญญาแรก การทำผ้าหมักโคลนบาราย 1000 ปี กับ แม่ทองสุข พลหนองหลวง เพราะที่ชุมชนบ้านโคกเมืองนั้นใกล้กับปราสาทเมืองต่ำมาก ที่นี่จึงมีภูมิปัญญาในการย้อมสีผ้าด้วยดินภูเขาไฟจากปราสาทหินเมืองต่ำมีอายุนับพันปี ขั้นตอนคือ นำผ้าฝ้ายไปชุบโคลนที่กรองเศษหินต่างๆ แล้ว เพียงไม่นานผ้าฝ้ายก็จะเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาลอ่อนๆ แบบธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีการใช้สีจากธรรมชาติอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสีเหลืองจากขมิ้น สีน้ำเงินจากดอกอัญชัญผ้าย้อมสีด้วยดินภูเขาไฟจากปราสาทหินเมืองต่ำเราปั่นต่อไปที่บ้าน ยายที บุญประดิษฐ์ ซึ่งเป็นคนเก่าคนแก่ในหมู่บ้านของชุมชนทอผ้าไหม เปรียบเสมือนปราชญ์ของชุมชนที่คอยสอนความรู้เรื่องการทอผ้าไหม ความพิเศษของลายผ้าทอที่นี่คือ ได้แรงบันดาลใจมาจากลายซุ้มประตูของปราสาทเมืองต่ำอีกด้วยลายผ้าไหมที่ได้แรงบันดาลใจจากลายซุ้มประตูของปราสาทเมืองต่ำหลังจากลองทอผ้าไหมที่บ้านคุณยายที ก็ถึงเวลาเปลี่ยนสถานีไปเรียนรู้การทำเสื่อกกของ แม่ยุพิน เบ้าทอง เสื่อกกทำมาจากต้นกกที่นำไปตากแห้งและผ่าให้เป็นเส้นเล็กๆ ใช้วิธีการทอแบบผ้าไหม ผ้าฝ้ายทุกประการ แต่เปลี่ยนจากด้ายไหมหรือฝ้ายเป็นเส้นต้นกก ย้อมสีธรรมชาติ และบ้างก็มีสีฉูดฉาดแบบสังเคราะห์ เพื่อทำให้สีโดดเด่นขึ้น นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเสื่อกกอีกมากบ้านเสื่อกกระหว่างทาง เราปั่นจักรยานไปปราสาทเมืองต่ำ ที่อยู่ใกล้หมู่บ้านแบบยังไม่เสียเหงื่อด้วยซ้ำ ปราสาทเมืองต่ำเป็นปราสาทหินอายุพันปี มากกว่าปราสาทหินพนมรุ้งเสียอีก แม่น้อยเล่าว่า ที่นี่ถูกบูรณะเป็น 10 ปี ตั้งแต่ปี 2530-2539 กว่าจะสวยงามและสมบูรณ์ ก่อนหน้านี้ต้นไม้รอบปราสาทยุ่งเหยิงมาก ปราสาทก็ทรุดโทรมเสียหาย แต่พอบูรณะจนเสร็จสมบูรณ์แล้ว จึงกลายเป็นสถานที่พักผ่อนที่เงียบสงบของคนในหมู่บ้าน ทุกปีจะมีการจัดการแสดงแสง สี เสียง ที่กำแพงของปราสาทหินอีกด้วยปราสาทเมืองต่ำและน้องไกด์โชคดีที่เจอกับ น้องเปีย-โสภิตนภา ยังวารี นักเรียนโรงเรียนวัดบ้านเมืองต่ำ น้องทำหน้าที่เป็นไกด์พิเศษ คอยบอกเล่าเรื่องราวของประสาทให้เราฟังมากมาย ไม่ว่าจะเป็นประวัติความเป็นมา เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการบูรณะที่นี่ ฯลฯ พี่น้อยเล่าว่า ถ้าอยากให้น้องๆ มาเป็นไกด์พิเศษ ก็สามารถบอกแม่น้อยได้เลย เดี๋ยวแม่น้อยจะติดต่อเด็กๆ ไว้ให้แดดร่มลมตก เราปั่นจักรยานไปบารายหรือทะเลเมืองต่ำ เป็นสระน้ำขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในการอุปโภคบริโภค และการเกษตรกรรมของชุมชน โดยบารายแห่งนี้รับน้ำมาจากเขาพนมรุ้งและเขาไปรบัด บรรยากาศสวยงามมาก แดดเย็นสะท้อนพื้นน้ำ เงียบสงบแบบที่คนเมืองอย่างเราหาไม่ได้บารายความพิเศษของทริปโดยชุมชนคือ แม่น้อยชวนชาวบ้านหลายคนมาร่วมพิธีสู่ขวัญให้กับเรา พิธีบายศรีนั้นเป็นประเพณีสำคัญอย่างหนึ่งของชาวอีสาน ซึ่งสามารถทำได้ในหลายๆ โอกาสณ บ้านพี่ควร ชาวบ้านมาล้อมวงกันหมดแล้ว พ่อใหญ่เริ่มทำพิธีเพื่อรับขวัญ จากนั้นชาวบ้านก็ล้อมกันเข้ามาผูกสายสิญจน์ที่ข้อมือ พร้อมกับอวยพรเป็นภาษาอีสาน ถึงขั้นตอนนี้ก็ยิ่งรู้สึกดีที่ได้มาที่นี่เลยพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า แม่น้อยชวนเรากลับไปกินข้าวเย็นฝีมือเชฟชุมชน เราสงสัยว่าที่นี่มีเชฟชื่อดังอาศัยอยู่ในหมู่บ้านด้วยเหรอ ปั่นจักรยานกลับเข้าชุมชนก็เจอกับ พี่เพ็ง โคกเมือง เชฟผู้ปรุงอาหารเย็นของเราในวันนี้พี่เพ็งและแม่น้อยเล่าว่า มีโครงการ Local Chef เชฟชุมชนเพื่อท่องเที่ยวไทยอย่างยั่งยืน ที่หลายหน่วยงานจัด จึงส่งพี่เพ็งไปอบรมจนกลายเป็น เชฟชุมชน กลับมาทำอาหารท้องถิ่นให้นักท่องเที่ยวอย่างเรากิน เมนูวันนี้นำเสนอของดีของเด็ดของชาวบุรีรัมย์ ได้แก่ ผัดกุ้งจ่อมทรงเครื่อง ต้มยำไก่บ้านยอดหม่อนและยอดมะขาม มาพร้อมกับน้ำจิ้มไก่แซ่บเวอร์ และกับข้าวที่ชาวไทยขาดไม่ได้คือ ไข่เจียวและกะหล่ำปลีผัดน้ำปลาอรรถรสการกินข้าวมื้อนี้จึงไม่เหมือนมื้อไหนๆ ที่เรากินในเมือง ด้วยกับข้าวและผักชนิดที่หากินไม่ได้ในเมืองแล้ว การได้คุยกับแม่น้อยและพี่เพ็งเรื่องชุมชนและการทำโฮสเทลชุมชนก็สนุกจนลืมเวลาอาหารฝีมือเชฟชุมชนนี่คือประสบการณ์การท่องเที่ยวที่พิเศษมาก เรียกว่าท่องเที่ยวอาจจะเป็นคำอธิบายที่ไม่ตรงเสียทีเดียว แต่มันคือการสร้างเสริมประสบการณ์ หลีกหนีความวุ่นวายในเมืองที่เราเจออยู่ทุกวัน ได้มาเรียนรู้ชีวิตของชุมชน ได้เลิกก้มหน้าดูมือถือบ่อยๆ และได้หลงรักชุมชนเล็กๆ อย่างบ้านโคกเมืองและตระหนักว่า ในทุกๆ ที่ ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดเล็กหรือใหญ่ เป็นเมืองท่องเที่ยวหรือไม่ ทุกที่มีความงามในตัวของมันเอง คนในชุมชนและการใช้ชีวิตเหล่านี้คือเสน่ห์ที่หาไม่ได้จากที่ไหน ถ้าถูกทำลายด้วยฝีมือนักท่องเที่ยว คงหาอะไรมาทดแทนได้ยากพิสูจน์อักษร:
บันทึกการเดินทางไปกิน อยู่ และเรียนรู้ชีวิตคนในชุมชนบ้านโคกเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ทริปท่องเที่ยวกับชุมชน 2 วัน 1 คืน ที่ที่ได้เรียนรู้วัฒนธรรม ภูมิปัญญา งานฝีมือของชาวบ้านโคกเมือง ท่องเที่ยวแลนด์มาร์กสุดใกล้ ปราสาทเมืองต่ำ ปราสาทหินอายุพันปีที่เก่าแก่กว่าปราสาทพนมรุ้งหลายเท่าJourney D เป็นโครงการของ AirAsia ที่ทำงานร่วมกับชุมชน เพื่อส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชน ที่มีคนในพื้นที่เป็นคนจัดการเอง ดูแลกันเอง และทำให้รายได้หมุนเวียนอยู่ในชุมชนตัวเอง
null
null
https://thestandard.co/journey-d-buriram/
ผสานวัฒนธรรม ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงนายกฯ ตรวจสอบ ตร.ซ้อมทรมานผู้ต้องสงสัย สภ.ปะแต จังหวัดยะลา
เพื่อให้ตรวจสอบตำรวจซ้อมทรมานผู้ต้องสงสัย สภ.ปะแต จังหวัดยะลา มีรายละเอียดดังนี้มูลนิธิผสานวัฒนธรรมได้รับเรื่องร้องเรียนกรณีผู้ต้องสงสัยถูกซ้อมทรมานใน สถานีตำรวจปะแต อ. ยะหา จ.ยะลา เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2552 จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่านายชมาน ปะแตบือแน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่งกายชุดเครื่องแบบอยู่ในสภาพที่เมาเหล้าและมีกลิ่น เหล้าติดตัว เข้าไปเปิดห้องขังแล้วถามนายชมานว่า มึงเป็นครูฝึกใช่ไหม นายชมานตอบว่า ไม่ จากนั้นก็ถูกทำร้ายร่างกาย เช่น เจ้าหน้าที่ใช้เท้าที่ยังสวมรองเท้าขยี้ไปที่บริเวณแก้มและกกหูด้านซ้าย ประมาณ 2-3 ครั้ง ทำให้มีรอยช้ำและรอยถลอก จากนั้นก็เตะที่บริเวณแผ่นหลัง คอ และศีรษะอีกนับสิบครั้ง แผ่นหลังของนายชมานยังคงมีร่องรอยถูกทำร้ายร่างกายมีอาการบาดเจ็บบริเวณหลัง จากการถูกเหยียบทำร้าย และบริเวณใบหน้าด้านซ้ายมีร่องรอยการถูกทำร้ายเป็นรอยแดง ขณะนี้ถูกฝากขังครั้งที่ 1 ที่เรือนจำจังหวัดยะลา กรณีนายสมาน ปะแตบือแน นับเป็นกรณีที่ 18 จากการตรวจสอบและการรับเรื่องร้องเรียนเรื่องการซ้อมทรมานนับแต่เดือนมกราคม พ.ศ. 2552 และนับเป็นกรณีที่สองที่การทำร้ายร่างกายผู้ต้องสงสัยเกิดขึ้นในสถานีตำรวจ ปะแต อ. ยะหา จ.ยะลาเมื่อระหว่างวันที่ 30 มีนาคม -2 เมษายนพ.ศ. 2552 มีหลักฐานเชื่อได้ว่ามีผู้ต้องสงสัยอีกหนึ่งรายคือนายมะคอเซ็ง เปาะแต ถูกซ้อมทำร้ายร่างกายอาการสาหัส ขณะที่ถูกควบคุมตัวและถูกสอบสวนที่สถานีตำรวจปะแต อ. ยะหา จ.ยะลา และต้องได้รับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล ปัจจุบันถูกควบคุมตัวที่เรือนจำยะลา โดยทางมูลนิธิฯได้ทำเรื่องร้องเรียนไปยังท่านแล้วเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ตามเอกสารที่แนบมาด้วยนี้โดยระหว่างเดือนมกราคม พ.ศ. 2552 – เดือนเมษายน พ.ศ. 2552 ที่ผ่านมาศูนย์ทนายความมุสลิมและหน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนได้รับการร้อง เรียนจากประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้กว่า 17 กรณี กรณีการทรมานและทำร้ายร่างกายผู้ต้องสงสัยว่าจะเกี่ยวข้องกับความไม่สงบใน สามจังหวัดภาคใต้ ซึ่งมีสถิติลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับเหตุการณ์ใน 4 -5 ปีที่ผ่านๆ มา เนื่องจากการกำกับดูแลและการเอาผิดเอาโทษกับเจ้าหน้าที่ที่กระทำความผิด อย่างจริงจังโดยมีสองกรณีที่เจ้าหน้าที่ทหารได้ตรวจสอบและลงโทษทางวินัยเจ้าหน้าที่ผู้ เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอย่างจริงจัง แต่ก็มีหลายกรณีที่ทางราชการไม่สามารถดำเนินการตรวจสอบและลงโทษอย่างจริงจัง และผู้เสียหายก็ไม่สามารถจะดำเนินคดีได้ด้วยตนเอง เนื่องจากผู้เสียหายและพยานเกิดความหวาดกลัวว่าตนเอง ครอบครัวและชุมชนมักจะตกอยู่ในอันตราย มูลนิธิผสานวัฒนธรรมมีความห่วงใยเป็นอย่างยิ่งว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ หรือการรู้เห็นเป็นใจของเจ้าหน้าที่ในลักษณะดังกล่าวนี้จะส่งผลกระทบที่เกิด ขึ้นต่อการสร้างความสมานฉันท์ บั่นทอนหลักนิติธรรมของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการทำลายความไว้วางใจที่สังคมมีต่อเจ้าหน้าที่และ หน่วยงานของรัฐในสามจังหวัดภาคใต้โดยตามรัฐธรรมนูญปีพ.ศ. 2550 ได้รับรองสิทธิในชีวิตและร่างกาย และห้ามไม่ให้มีการทรมาน อีกทั้งประเทศไทยได้เข้าเป็นรัฐภาคีอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัต ิหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยี ศักดิ์ศรี (Convention against Torture and Other Cruel Inhuman or Degrading Treatment or Punishment- CAT) ซึ่งมีผลให้ประเทศไทยมีพันธกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศที่ต้องปฏิบัติ ตามอนุสัญญาฉบับดังกล่าวอย่างเคร่งครัดตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2550ดังนั้นจึงเรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีและท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้โปรดดำเนินการให้มีการทำการ สอบสวนโดยทันทีและดำเนินการกำกับดูแลการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บังคับ กฎหมายอย่างเคร่งครัดให้เคารพต่อหลักสิทธิมนุษยชน ห้ามการซ้อมทรมานโดยเด็ดขาด กรณีพบว่ามีหลักฐานเชื่อได้ว่ามีการกระทำจริงขอให้โปรดย้ายหรือลงโทษทาง วินัย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าจะไม่เกิดหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกโดยจะต้องดำเนิน การเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด ทั้งทางวินัยและทางอาญา รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือและเยียวยา ปกป้องคุ้มครองความปลอดภัยแก่เหยื่อและผู้ได้รับผลกระทบจากการละเมิดสิทธิ มนุษยชนขั้นร้ายแรงดังกล่าวอย่างเหมาะสมที่มา : ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ (Deep South Watch)
เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ทางโครงการเข้าถึงความยุติธรรมและการคุ้มครองทางกฎหมาย ภายใต้มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ได้ทำหนังสือเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
การเมือง,สิทธิมนุษยชน,ความมั่นคง
การซ้อมทรมาน,มูลนิธิผสานวัฒนธรรม,ศูนย์ทนายความมุสลิม,โครงการเข้าถึงความยุติธรรมและการคุ้มครองทางกฎหมาย
https://prachatai.com/journal/2009/06/24765
ทำไมไม่ควรวิ่งเลียนแบบ ตูน บอดี้สแลม
ผู้เขียนกล่าวถึงการวิ่งการกุศลของนายอทิวาราห์ คงมาลัย หรือ ตูน บอดี้สแลม นักร้องชื่อดังที่อยู่ระหว่างการวิ่งการกุศลระหว่างกรุงเทพฯ ถึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทางรวม 400 กิโลเมตร เพื่อหารายได้ในการซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้กับโรงพยาบาลบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ผู้เขียนระบุว่าการวิ่งระยะทางไกลขนาดนี้มีความเสี่ยง 4 ประการ พร้อมกับเตือนว่าผู้ที่ไม่ได้ฝึกซ้อมและเตรียมร่างกายมาอย่างยาวนานไม่สมควรวิ่งระยะไกลเช่นนี้เด็ดขาดทั้งนี้นับตั้งแต่ ตูน บอดี้สแลม เริ่มออกวิ่งตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2559 ได้มีนักวิ่งมาร่วมให้กำลังใจและบริจาคเงินจำนวนมาก อย่างไรก็ตามแอดมินเพจเฟซบุ๊ก RUNNINGNING แนะนำว่าการวิ่งระยะไกลโดยที่ไม่ได้ฝึกซ้อมมาก่อนอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ จึงควรร่วมช่วยเหลือ ตูน บอดี้สแลม ได้ด้วยการเชิญชวนเพื่อนหรือคนรู้จักมาร่วมบริจาคหรือ วิ่งในระยะที่เหมาะสมกับสุขภาพของตนเองทีแรกว่า จะไม่เขียนเรื่องนี้ แต่เปลี่ยนใจ เขียนเก็บไว้ดีกว่าครับ เผื่อคนที่ยังวิ่งไม่ชำนาญได้มาอ่าน หลายคนที่เพิ่งหัดวิ่งกันอาจจะนึกภาพไม่ออกถึงความโหดเหี้ยมของระยะทางที่พี่ตูนวิ่ง ซึ่งเป็นเหตุผลหลักๆ ที่ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะไปทำตามพี่ตูนเทียบง่ายๆ Mo Fara ได้เหรียญทองโอลิมปิก 5 Km. 2 สมัยติด Paula Radcliffe นักวิ่งมาราธอนหญิงสถิติโลก ช่วงพีคของทั้งสองคนวิ่งสัปดาห์ละประมาณ 230 Km.พี่ตูนวิ่ง 5 วัน ซัดไป 200 Km. แล้วยังวิ่งอีก 4 วัน 200 Km. คือระยะรวม ระดับเดียวกับนักวิ่งระดับโลกแต่ปกติ ด้วยหน้าที่การงาน พี่ตูนมีเวลาซ้อมแค่ ครั้งละ 10Km. ระดับความฟิตต่างกันมากอย่างผม อาทิตย์ไหนวิ่งได้เกิน 50 Km. ถือว่าประสบความสำเร็จมากและ เหนื่อยมาก เริ่มเสี่ยงมีอาการบาดเจ็บ ซึ่งผมกล้าพูดว่าผมฟิตกว่าพี่ตูน แต่ไม่กล้า ทำแม้สัก 50% ของพี่ตูน วิ่งวันละ 20Km. 3 วัน ผมก็ตายแล้วผู้เขียนยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า ความเสี่ยงที่ ตูน ต้องเจอในการวิ่งครั้งนี้มี 4 เรื่องหลักๆ คือ1.การบาดเจ็บทั่วไปจากการวิ่ง: การวิ่งเป็นกลไก รับแรงกระแทก ปริมาณมาก ยิ่งระยะทางเยอะ ยิ่งเสี่ยงต่อการบาดเจ็บเป็นปกติ2.Repetitive Motion Syndrome อาการจากการเคลื่อนไหวซ้ำๆ: ต่อให้ไม่เคยวิ่งเยอะq มาก่อน แต่ใครเคยเป็น Office Syndrome จนจับเมาส์ไม่ได้ ปวดข้อมือใจจะขาดจะเข้าใจดี การวิ่งเป็นการกระทำ ซ้ำๆ ต่อให้วิ่งช้าแรงกระแทกน้อย แต่ทำซ้ำทุกวันเยอะขนาดนี้ โอกาสเกิดปัญหามีแน่นอน3.Over training Syndrome: การฝีกหนักเกินจะกระตุ้นฮอร์โมนหลายตัวในร่างกายให้สูงขึ้น ยิ่งทำบ่อยโอกาสที่ฮอร์โมนจะ ค้าง ไม่ยอมลงจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ทั้งร่างกายและจิตใจไม่ปกติ อ่อนแรง เมื่อยล้า หงุดหงิดง่าย นอนแล้วตัวร้อนผ่าว หลับไม่ลง4.ปัญหาโภชนาการและความสมดุลย์ของสารอาหารและพลังงาน: การวิ่งระยะไกลขนาดนี้ต้องกินเยอะมากและสมดุลย์ดีมาก พลังงานที่ถูกใช้ไปกับการวิ่ง มหาศาล ยังมีข้อกังวลเรื่องน้ำและเกลือแร่อีก ซึ่งไปมีผลต่อตับ ไต สารพัดถ้าคุณไม่ได้อยากจะเป็นนักวิ่งทีมชาติ ถ้าไม่ใช่นักกีฬาที่ฝึกซ้อมมายาวนาน ความหนักขนาดนี้ ห้ามไปคิดทำเองเด็ดขาดอย่างไรก็ตาม เจ้าของเพจสรุปว่าแม้จะมีความเสี่ยง แต่ ตูน บอดี้สแลม ยอมเอาสุขภาพมาเสี่ยงขนาดนี้ก็เพื่อระดมทุนเพื่อช่วยโรงพยาบาลบางสะพานให้ได้มากที่สุด โดยเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด ซึ่งเงินบริจาคที่ได้จะช่วยเหลือผู้คนใน อ.บางสะพาน และพื้นที่ใกล้เคียงได้มหาศาลเพราะฉะนั้น ถ้าอยากช่วยพี่ตูน ไม่ต้องไปวิ่งตามพี่ตูนมากมาย วิ่งเท่าที่เราซ้อม เท่าที่เรามีเป้าหมาย เท่าที่เราสุขภาพดีสำคัญกว่า คือ ช่วยเป็นกระบอกเสียงให้พี่ตูน บอกเพื่อนให้กดส่ง SMS บอกญาติพี่น้องที่มีกำลังทรัพย์ ให้ช่วยกันบริจาค เผยแพร่ไปให้คนเข้าใจว่าหัวใจพี่ตูนใหญ่โตขนาดไหน ผมมั่นใจว่าพี่ตูนและทีม จะวิ่งได้ครบ 400K ตอนนี้ อยากอวยพรขอให้ไปถึง 40 ล้านมากกว่าครับ ช่วยๆกัน
วันนี้ (7 ธ.ค.2559) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊ก RUNNINGNING ซึ่งเป็นเพจที่ให้ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการวิ่ง ได้เผยแพร่ข้อเขียนเรื่อง ทำไมไม่ควรวิ่งเลียนแบบพี่ตูน และสิ่งที่ควรทำ
สังคม
วิ่ง,ตูน บอดี้สแลม,บางสะพาน,ThaiPBSnews,ไทยพีบีเอส,ข่าวไทยพีบีเอส,ThaiPBS,ก้าวคนละก้าว,เฟซบุ๊ก,RUNNINGNING,บาดเจ็บ,ความเสี่ยง
https://news.thaipbs.or.th/content/258486
จีน พอใจผลรายงานเรือล่มและกู้ซากฟีนิกซ์
เมื่อวานนี้ (5 ธ.ค.2561) พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เข้าพบนายลี ชุน ลิน ที่ปรึกษาสถานทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเข้าพูดคุยและรายงานเหตุการณ์สำคัญที่เกี่ยวข้องกับคนจีน กับเหตุการณ์ที่ผ่านมา เช่น เหตุเรือล่ม และการกู้ซากเรือฟีนิกซ์ที่ จ.ภูเก็ต โดยได้มีการแจ้งถึงขั้นตอนในการดำเนินการในการกู้ซากเรือ และการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องที่ได้กระทำความผิด อันเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก พร้อมทั้งหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องการยกระดับความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยอย่างยั่งยืนต่อไปพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ในส่วนคดีของ นางเทียน ไหล ที่เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่ไปเสียชีวิตที่บริเวณแอ่งน้ำชั้น 1 ของน้ำตกโตนงาช้าง ต.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการรายงานรายละเอียดของคดี และรายงานผลการสืบสวนในคดีที่เป็นสาเหตุที่ทำให้นางเทียน ไหล เสียชีวิต รวมทั้งมีการพูดคุยให้ทางสถานทูตได้ประสานกับทางตำรวจจีน เพื่อเข้ามาร่วมในการสืบสวนและตรวจสอบในคดีนี้เพื่อมีความเป็นธรรมและโปร่งใส โดยการเข้าพบในครั้งนี้ทางสถานทูตมีความพอใจเป็นอย่างมากและจะได้มีการประสานงานเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปนอกจากนี้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวถึงตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศผ่านสนามบินต่างๆ หลังจากที่ทางรัฐบาลยกเลิกค่าธรรมเนียมวีซ่านักท่องเที่ยว 21 ประเทศว่า ขณะนี้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 โดยเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนร้อยละ10 จึงมองว่าสถานการณ์การท่องเที่ยวเริ่มดีขึ้น
ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เผยทางการจีนค่อนข้างพอใจผลรายงานเหตุเรือล่มและการกู้ซากเรือฟีนิกซ์ที่ทางการไทยจริงใจในการแก้ปัญหา การหาตัวผู้กระทำผิด และเยียวยาผู้เสียชีวิต
อาชญากรรม
เรือล่ม,เรือฟีนิกซ์,กู้ซากเรือ,ภูเก็ต,จีน,นักท่องเที่ยวจีน,ฟรีวีซ่า,นักท่องเที่ยว,น้ำตกโตนงาช้าง,ThaiPBSnews,ThaiPBS,ไทยพีบีเอส,ข่าวไทยพีบีเอส
https://news.thaipbs.or.th/content/276143
เปิดข้อมูล ก่อการร้ายกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ
IEP เป็นองค์กรอิสระที่ไม่หวังผลกำไร มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย เน้นการทำงานด้านการพัฒนาตัวชี้วัดของการวิเคราะห์สันติภาพ และการคำนวณมูลค่าทางเศรษฐกิจ โดยการพัฒนาดัชนีระดับโลกและระดับชาติ คำนวณต้นทุนทางเศรษฐกิจที่เกิดจากความรุนแรง การวิเคราะห์ความเสี่ยงในระดับประเทศ และการทำความเข้าใจถึงสันติภาพในเชิงบวกรายงานผลกระทบจากการก่อการร้ายตั้งแต่ปี 2543 จนถึงปี 2558 ระบุว่า จำนวนการก่อการร้ายมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และประเทศที่ได้รับผลกระทบมาก ที่สุดคือประเทศในพื้นที่ขัดแย้ง โดยเหตุการณ์สำคัญที่เกี่ยวข้องได้แก่ เหตุการณ์ 9/11 กองทัพสหรัฐฯ บุกรุกอัฟกานิสถาน การขยายกองกำลังสหรัฐฯ เข้าไปในอิรัก และสงครามกลางเมืองในซีเรียIEP ศึกษาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการก่อการร้าย พบประเด็นที่น่าสนใจดังนี้อย่างไรก็ดีเมื่อเทียบความเสียหายทางเศรษฐกิจของโลกที่เกิดจากความรุนแรงทั้งหมด เหตุการณ์ก่อการร้าย คิดเป็น 1 เปอร์เซนต์ จากการใช้ความรุนแรงในรูปแบบอื่นในรายงานระบุว่าปี 2558 มีผู้เสียชีวิตจากการก่อการร้ายเกือบ 30000 คน (รายงานดังกล่าวไม่ได้รวมตัวเลขผู้เสียชีวิตจากสงคราม) เทียบเป็นมูลค่าผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการก่อการร้ายราว 90 พันล้านดอลลาร์สหรัฐแม้จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุก่อการร้ายและมูลค่าผลกระทบทางเศรษฐกิจในปี 2558 จะลดลงจากปีที่ผ่านมา แต่ความรุนแรงและความเสียหายทั้งจากชีวิตและทรัพย์สินก็ยังสูงเป็นอันดับสอง ภายใน 16 ปีที่ผ่านมาข้อมูลของ IEP ระบุว่าปี 2557 เป็นปีที่ได้รับผลกระทบจากการก่อการร้ายรุนแรงมากที่สุด โดยผลกระทบทางเศรษฐกิจสูงถึง 105.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากปัญหาการก่อการร้ายในพื้นที่อิรัก ซีเรีย และอัฟกานิสถานประเทศที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการก่อการร้ายมากที่สุด คือ อิรัก คิดเป็น 17 เปอร์เซนต์ของ GDP ของประเทศ ตามมาคือ อัฟกานิสถาน ซีเรีย เยเมน ลิเบีย ซูดานใต้ ไนจีเรีย ปากีสถาน ไนเจอร์ และสาธารณรัฐแอฟริกากลางIEP ยังระบุด้วยว่า การสูญเสียชีวิต คิดเป็น 74 เปอร์เซนต์ของความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการก่อการร้ายทั้งหมดเมื่อแยกรายละเอียดแบ่งตามลักษณะการก่อการร้าย พบว่า การก่อเหตุด้วยระเบิดส่งผลเสียหายในสัดส่วน ที่มากที่สุดถึง 43.2 เปอร์เซนต์อย่างไรก็ดี IEP ได้รวบรวมข้อมูลเรื่องผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากความรุนแรงทั่วโลก ในปี 2559 พบว่าความรุนแรงทุกรูปแบบ ก่อให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจสูงถึง 14.3 ล้านล้านดอลลาร์สากล หรือเทียบเท่ากับ 12.6 เปอร์เซนต์ของ GDP โลกหรือราว 5.4 ดอลลาร์ต่อประชากรโลกทุกคน ต่อวันการก่อการร้าย คิดเป็น 1 เปอร์เซนต์ของผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการใช้ความรุนแรงในรูปแบบอื่นๆ
เหตุการณ์ความรุนแรงและการก่อการร้ายเกิดขึ้นรายอาทิตย์ การก่อการร้ายไม่เพียงส่งผลกระทบต่อชีวิต แต่ยังส่งผลต่อเศรษฐกิจอย่างมหาศาล Institute for Economics and Peace (IEP) ชี้ว่าในปี 2558 การก่อการร้ายส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจสูงถึง 90 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ต่างประเทศ
ก่อการร้าย,ข้อมูล,Institute for Economics and Peace,IEP,ผลกระทบทางเศรษฐกิจ,ชลัญธร โยธาสมุทร,อังกฤษ,ผลกระทบ,ตัวเลข,จีดีพี,ความเสียหาย,ไทยพีบีเอส,ThaiPBS,ThaiPBSnews
https://news.thaipbs.or.th/content/263227
เลือกตั้ง62 : ศาลรัฐธรรมนูญ รับวินิจฉัยคำร้องยุบพรรค ไทยรักษาชาติ
วันนี้ (14 ก.พ.2562) ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ขอให้ศาลมีคำสั่งยุบพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กรณีเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี โดยเห็นว่าการดำเนินการดังกล่าว เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92ผลการพิจารณาศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ มีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2503 มาตรา 7 (13) ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92 แจ้งให้ผู้ร้องทราบและส่งสำเนาคำร้องให้ ผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง มิฉะนั้นให้ถือว่าไม่ติดใจยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาวิธีการส่งกำหนดให้เจ้าหน้าที่ของศาลเป็นผู้ส่ง ณ ที่ทำการ พรรคผู้ถูกร้อง หากไม่มีผู้รับให้ปิดหนังสือนำส่งและสำเนาคำร้องไว้ ณ ที่ ทำการพรรคผู้ถูกร้องและให้ถือว่าได้ส่งโดยชอบตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาล รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2563 ตามมาตรา 5 ประกอบมาตรา 54 แล้ว ทั้งนี้ ศาลนัดพิจารณาครั้งต่อไปในวันที่ 27 ก.พ 2560 เวลา 13.30 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเปิดเผยมติรับคำร้องของ กกต.ไว้พิจารณาวินิจฉัยไม่ถึง 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญได้นำสำเนาคำร้องไปส่งยังพรรคไทยรักษาชาติ โดยมีฝ่ายกฎหมายของพรรครับไว้และยืนยันว่าภายใน 3 วันหลังรับคำร้องจะใช้เวลาพิจารณาคำร้อง และคำชี้แจงในรายละเอียดทั้งหมด โดยในวันที่ 18 ก.พ.นี้ จะนำร่างคำชี้แจงมาหารือและสรุปร่วมกันก่อนส่งศาลรัฐธรรมนูญนายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง กกต. ขอให้พิจารณาวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติไว้วินิจฉัย และกำหนดนัดพิจารณาครั้งต่อไปวันที่ 27 ก.พ.นี้ ยังไม่ใช่วันตัดสิน ยังอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาล หากได้ข้อสรุปศาลถึงจะนัดลงมติอีกครั้ง ส่วนในเอกสารแถลงไม่ได้สั่งห้ามหาเสียง เพราะถือเป็นกิจการภายในของพรรค และศาลไม่ได้พิจารณาเรื่องนี้ทั้งนี้ ก่อนที่การประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะเริ่มในเวลา 13.00 น.นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ ได้เข้ายื่นหนังสือขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาไม่รับคำร้องของ กกต.เนื่องจากเห็นการพิจารณาของ กกต.ไม่ถูกต้องตามกฎหมายเนื่องจากไม่มีการไต่สวนและเป็นการตีความเกินอำนาจขณะที่เมื่อเวลา ประมาณ 13.20 น.นายมเหศวร พงษ์พันธุ์นทีธร ประธานองค์กรตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ เข้ายื่นหนังสือโดยขอให้พิจารณาสั่งยุบ กกต. กรณีปล่อยปละละเลยให้พรรคไทยรักษาชาติเสนอรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องพิจารณาวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) โดยแจ้งให้ กกต.ส่งคำร้องให้พรรคไทยรักษาชาติยื่นคำชี้แจงข้อกล่าวหาภายใน 7 วัน โดยนัดพิจารณาครั้งต่อไปในวันที่ 27 ก.พ.นี้ เวลา 13.30 น.
การเมือง
เลือกตั้ง,เลือกตั้ง 2562,ไทยรักษาชาติ,ยุบพรรค,ThaiPBSnews,ไทยพีบีเอส,ข่าวไทยพีบีเอส,ThaiPBS
https://news.thaipbs.or.th/content/277732
เจนี่ เซย์เยส มิกกี้ คุกเข่าขอแต่ง เพื่อนดาราแห่อวยพรข้ามทวีป
ผิดซะที่ไหน? ในที่สุดงานพรีเวดดิ้งก็มา และตามด้วยช็อตเด็ด คุกเข่าขอแต่งงาน มีตากล้องเก็บภาพตอนหนุ่มหล่อ มิกกี้–นนท์ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร คุกเข่าสวมแหวนที่นิ้วนางของนางเอกสาว เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ ทุกโมเมนต์ ณ ชายหาดมาลิบู เมืองตากอากาศสุดคูลที่อยู่ห่างไปทางเหนือของลอสแอนเจลิส รัฐแคลฟอร์เนีย และทันทีที่นาทีสำคัญเสร็จสิ้น ภาพถ่ายก็ถูกโพสต์ลง IG ของ เจนี่ และ มิกกี้ ประกาศให้คนอีกซีกโลกได้รู้ โดย เจนี่ ลงแคปชันว่า I said YES to the love of my life และอีกโพสต์ที่เป็นวิดีโอก็ได้ลงแคปชันว่า Thank you for all the warm wishes ขอบคุณสำหรับทุกคำอวยพรนะคะ ขณะที่ด้าน มิกกี้ ก็ลงภาพเดียวกันพร้อมข้อความว่า I found the love of my life so I put a ring on her (รูปแหวน-รูปหัวใจ) @janienineeleven,อย่าได้คิดเชียวว่าเรื่องนี้เป็นการเซอร์ไพรส์ ไม่ใช่แน่นอน เพราะเหตุการณ์นี้มีการวางแพลนไว้ดิบดี อย่างที่บอกว่ามีตากล้องพร้อมเก็บภาพ อีกทั้งยังเลือกไทม์มิ่งเป็นเวลาแดดร่มลมตกตอนเย็นของที่นั่น ซึ่งเป็นเวลาเช้าของเมืองไทยพอดิบพอดี เมื่อตื่นมาพบข่าวดีจาก IG เหล่าเพื่อนซี้แก๊งนางฟ้าอาทิ นานา ไรบีนา, เจนสุดา, พอลล่า เทเลอร์, วุ้นเส้น-วิริฒิพา รวมทั้งเพื่อนๆที่เคยร่วมงานกันอย่าง หญิง-รฐา, จุ๋ย-วรัทยา, กอล์ฟ-เบญจพล, ป้อง-ณวัฒน์ ฯลฯ ต่างก็พากันทยอยอวยพรใน IG แท็กไปถึง เจนี่ กันทั่วหน้า,ทั้งนี้ข่าววิวาห์รอบสองของสาว เจนี่ หลุดออกมาตั้งแต่เมื่อต้นเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยมีข่าวลือว่า เจนี่ ได้ตระเวนไปตามโรงแรมดังเพื่อหาสถานที่จัดงาน โดยมีฤกษ์แต่งงานวันที่ 18 ต.ค.ที่จะถึงนี้ จากนั้นก็จะบินไปจัดปาร์ตี้ฉลองกันแบบยันสว่างที่เกาะสมุยในวันที่ 20 ต.ค. เมื่อมีภาพคุกเข่าขอแต่งงานออกมาแบบนี้ จึงเหมือนเป็นการคอนเฟิร์มข่าวดีดังกล่าวอีกครั้ง.
ผิดซะที่ไหน?! ในที่สุดงานพรีเวดดิ้งก็มา และตามด้วยช็อตเด็ด คุกเข่าขอแต่งงาน มีตากล้องเก็บภาพตอนหนุ่มหล่อ มิกกี้–นนท์ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร คุกเข่าสวมแหวนที่นิ้วนางของนางเอกสาว เจนี่
บันเทิง,ข่าวบันเทิง
เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ,มิกกี้ นนท์ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร,เจนี่ มิกกี้,เจนี่ แต่งงานรอบสอง,เจนี่ แต่งงาน,ดารา
https://www.thairath.co.th/entertain/news/1326375
เมียร้องถูกผัวข่มขืน ย่ำยีจิตใจขณะนอนป่วย 3 ครั้งในวันเดียว-คดีไม่คืบ
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 16 ส.ค. นางนิดหน่อย (นามสมมติ) อายุ 42 ปี ชาวบ้าน ต.บ้านยาง อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก เดินทางเข้าพบ นายธานินทร์ สมบูรณ์สาร พมจ. พิษณุโลก ที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.พิษณุโลก เพื่อร้องขอความเป็นธรรมกรณีแจ้งความไว้กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก แล้วคดียังไม่คืบหน้า โดยมี นางพูลสุข สุริยะโชติ ธนามี อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ผู้แทนสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก และเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด เข้าร่วมรับฟัง ,ทั้งนี้ นางนิดหน่อย ได้นำหลักฐานเป็นสำเนาบันทึกประจำวันของ สภ.เมืองพิษณุโลก ที่ได้แจ้งความไว้กับ ร.ต.อ.อำนาจ อ่อนปาน รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพิษณุโลก เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นายนิ่ม (นามสมมติ) อายุ 36 ปี จนถึงที่สุด เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 2560 ในความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราผู้แจ้งจำนวน 3 ครั้ง เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2560 โดยผู้แจ้งไม่ได้เต็มใจ จำนวน 1 ฉบับ สำเนาใบรับรองแพทย์โรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก ที่ตรวจโรคของนางนิดหน่อย เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2560 ระบุว่า มีภาวะซึมเศร้าหลังถูกข่มเหงจิตใจ มาตรวจรักษาตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. 2560 จำนวน 1 ฉบับ และสำเนาร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อผู้จัดการการประปาภูมิภาคสาขาพิษณุโลก หมู่ 8 ต.วังทอง ซึ่งนายนิ่ม อดีตสามีทำงานเป็นลูกจ้างอยู่ เพื่อไม่ให้กรณีที่นายนิ่มกระทำต่อตนเองเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อสังคมครอบครัว และสร้างชื่อในทางเสียหายและเสื่อมเสียเกียรติภูมิต่อหน่วยงาน จำนวน 1 ฉบับ มาแสดงประกอบการร้องเรียน และกล่าวอ้างกรณีพนักงานสอบสวนดำเนินคดีล่าช้า,นายธานินทร์ พมจ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า เบื้องต้น นางนิดหน่อย ให้ข้อมูลว่า นายนิ่มซึ่งอยู่กินกันเป็นสามีภรรยาได้ข่มขืน จำนวน 3 ครั้งภายในวันเดียว ขณะที่ตนเองป่วยอยู่ และเคยทำร้ายร่างกายมาหลายครั้งเป็นเวลา 1 ปี จึงได้แจ้งความกับตำรวจที่ สภ.เมืองพิษณุโลก แต่จากการติดตามการดำเนินคดีของตำรวจไม่มีความคืบหน้า ทั้งๆ ที่ นายนิ่ม เคยถูกดำเนินคดีทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำหน่วยบริการประชาชนตำบลสมอแข ในขณะปฏิบัติหน้าที่มาแล้วก็ตาม จึงได้ทำการร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งศูนย์ดำรงธรรม จ.พิษณุโลก แต่ยังไม่มีความคืบหน้าอะไร จึงมาร้องขอความเป็นธรรมที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.พิษณุโลก ในวันนี้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องของครอบครัวที่อยู่กินมา 1 ปี โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ระหว่างที่อยู่กินกันก็มีการทำร้ายกัน,แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องของคนในครอบครัว ก็ไม่สามารถกระทำได้ ควรจะมีการพูดคุยกัน ซึ่งกรณีนี้มีพ่อแม่ของฝ่ายชายมายุ่งเกี่ยวด้วยเลยเกิดความเครียด ความโกรธ อยากเรียกร้องสิทธิของตัวเอง ในเรื่องของค่าเสียหายเพราะอ้างว่าฝ่ายชายเอาเงินของตนเองไปใช้จนหมด แต่ก็ต้องเชิญฝ่ายชายมาพูดคุยเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง สำหรับสถานการณ์ความรุนแรงในครอบครัวของ จ.พิษณุโลก มีไม่มากนักแต่ก็มีเป็นระยะ ซึ่งเรื่องของครอบครัว มีคนบอกว่าไม่ควรเข้าไปยุ่ง แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ พ่อแม่และผู้นำชุมชนจะต้องเข้าไปแก้ไขปัญหาเหล่านี้ในเบื้องต้น หลายๆ ฝ่ายต้องช่วยกัน เพื่อลดปัญหาความรุนแรงภายในครอบครัว นายธานินทร์ กล่าว,ด้าน ร.ต.อ.อำนาจ อ่อนปาน รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพิษณุโลก เปิดเผยว่า คดีที่ผู้เสียหายรายนี้มาแจ้งความนั้น ตนได้เรียกตัวฝ่ายชายมาสอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหาว่า ข่มขืนกระทำชำเราและกระทำความรุนแรงในครอบครัวไปแล้ว และให้ทั้งสองฝ่ายเจรจาไกล่เกลี่ยกัน แต่ฝ่ายหญิงเรียกร้องขอเงินค่าเสียหายจำนวน 50,000 บาท ฝ่ายชายจึงไม่ยอม เมื่อตกลงกันไม่ได้ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหากับฝ่ายชาย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการตรวจลายนิ้วมือผู้ต้องหาจากกองวิทยาการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่ามีประวัติเกี่ยวกับคดีอื่นๆ หรือไม่ จากนั้นจะนำสำนวนคดีส่งอัยการ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป. 
เมียบุกร้อง พม.ถูกผัวย่ำยีจิตใจ บังคับข่มขืนถึง3ครั้งภายในวันเดียว ขณะนอนป่วย ไม่ได้ยินยอมพร้อมใจ อีกทั้งทำร้ายร่างกายมาอย่างต่อเนื่องภายในเวลา1ปี แจ้งความแล้วแต่คดีไม่คืบ ฝ่ายตำรวจเผยคดีนี้มีการเรียกเงินจากฝ่ายชาย 5 หมื่น
ข่าว,ทั่วไทย
แจ้งถูกผัวข่มขืน,ผัวข่มขืนเมีย,สามีข่มขืนภรรยา,ความรุนแรงในครอบครัว,พิษณุโลก,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/north/1039615
โอกาสการศึกษาของเด็กไทย
วันเวลาไม่เคยรอคอยใคร อีกสี่สิบกว่าชั่วโมง ปี 2560 ก็จะผ่านไปอีกปี วันนี้เป็นวันเสาร์สุดท้ายของปีแล้ว ปีใหม่ 2561 ที่กำลังจะมาถึง แม้ภาวะเศรษฐกิจโลกจะดีขึ้น แต่ก็มากับความเสี่ยงที่คาดไม่ถึงมากมาย ท่ามกลาง ฟองสบู่หลายลูก ที่กำลังขยายใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้จะแตกโพละลงวันไหน ในวัฏจักรแห่งความไม่แน่นอน,วันที่ 27 ธันวาคมที่ผ่านมา เป็น ,วันกำพล วัชรพล บุคคลสำคัญของโลก, ท่านรัฐมนตรีศึกษา นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ ได้กรุณามาเป็นประธาน และแสดงปาฐกถาไว้อย่างน่าสนใจ วันเสาร์ส่งท้ายปีวันนี้ ผมจึงขอเขียนเรื่องการศึกษาส่งท้ายปีก็แล้วกันนะครับ เพราะ การศึกษาในอนาคต Future Education กำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว,ท่านรัฐมนตรีธีระเกียรติ เล่าให้พวกเราชาวไทยรัฐและครูโรงเรียนไทยรัฐวิทยาฟังถึงการประกาศผล บุคคลสำคัญของโลก ของ ยูเนสโก ในปีนี้ ซึ่ง นายกำพล วัชรพล ผู้ก่อตั้ง นสพ.ไทยรัฐ และ มูลนิธิไทยรัฐ ได้รับการตัดสินยกย่องให้เป็น บุคคลสำคัญของโลก เพียงคนเดียวในเอเชียว่า ท่านในฐานะประธานยูเนสโกของประเทศไทย รู้สึกตื่นเต้นมากตอนที่ลุ้นผลการตัดสินที่กรุงปารีส เพราะยูเนสโกจะประกาศยกย่องใครไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มีการพิจารณาละเอียดมาก,ท่านรัฐมนตรีเล่าว่า สิ่งที่ท่านกำพลได้ให้โอกาสกับเด็กมากมาย เป็นผลงานให้ประเทศไทยและกระทรวงศึกษาธิการได้เรียนรู้ มีอยู่ 2 เรื่องใหญ่ ซึ่งตรงกับที่ตนเองและ ศ.นพ.จรัส สุวรรณเวลา ประธานกรรมการอิสระเพื่อปฏิรูปการศึกษาคิดก็คือ เรื่องของความเหลื่อมล้ำและคุณภาพ แต่ตนเห็นว่า ปัญหาจริงๆของการศึกษาไทย ก็คือ เรื่องของคุณภาพ โดยมี ความเหลื่อมล้ำ เป็นสาเหตุ,ประเด็นที่น่าสนใจมากก็คือ ท่านรัฐมนตรีธีระเกียรติ กล่าวว่า ประเทศไทยมีคนเก่งเยอะ แต่เมื่อมีการประเมินคุณภาพกลับต่ำ เพราะเรามีความเหลื่อมล้ำ ท่านกำพลทำในสิ่งที่ถูกต้อง คือการให้โอกาสกับเด็ก ไม่ว่าเด็กจะอยู่ที่ไหน ก็มีโอกาสเท่ากับเด็กในเมือง เขาเรียนที่ไหนก็มีคุณภาพเหมือนกันหมด ท่านกำพลได้วางรากฐานและทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง ประเทศไทยจะทำแบบนี้ได้หรือไม่ต้องรอดู,ผมอยากกราบเรียน ท่านรัฐมนตรีธีระเกียรติ ว่า เท่าที่ผมติดตาม นายกำพล มาหลายสิบปี สิ่งที่ท่านให้โอกาสกับเด็กยากจนทั่วประเทศได้รับการศึกษา ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนอะไร ท่านพูดอยู่เสมอว่า การศึกษาทำให้เด็กมีโอกาส ท่านอยากเห็นนักเรียนโรงเรียนไทยรัฐวิทยามีโอกาสเข้าไปบริหารบ้านเมือง เป็นอธิบดี เป็นรัฐมนตรีในอนาคต เพราะท่านก็มาจากเด็กบ้านนอกเหมือนกัน ขาดโอกาสในการเรียนหนังสือเหมือนกัน,ดังนั้น โรงเรียนไทยรัฐวิทยาทุกแห่ง ท่านจึงไปเลือก โรงเรียนในพื้นที่ห่างไกลที่ยากจน และ เด็กไม่มีโอกาสเรียนหนังสือ ขนาดไปสร้างโรงเรียนให้แล้ว พ่อแม่ยังไม่ให้มาเรียน ต้องการใช้เป็นแรงงานในครอบครัว ท่าน ผอ.กำพล ต้องหาทางหลอกล่อทั้งเด็กและพ่อแม่ เช่น จัดให้มีอาหารกลางวัน จัดจักรยานให้ยืม ให้นักเรียนหัดทำการเกษตรแบบผสมผสาน ปลูกผัก เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ไข่ เพื่อเป็นอาหารกลางวัน ถ้าเหลือก็ให้นักเรียนนำกลับบ้านไปให้ครอบครัว ให้พ่อแม่สบายใจ ท่านตั้ง มูลนิธิประจำโรงเรียน ขึ้นในทุกโรงเรียน เพื่อดูแลสวัสดิการครูและนักเรียน มีการจัดสัมมนาให้ความรู้ใหม่ๆแก่ครูทุกคนปีละหลายครั้ง เพื่อพัฒนาครูไปพัฒนานักเรียนอีกทอด เป็นต้น,โรงเรียนไทยรัฐวิทยาทุกแห่ง สร้างด้วย เงินจาก นสพ.ไทยรัฐ และ ท่าน ผอ.กำพล จัดตั้ง มูลนิธิไทยรัฐ ขึ้นมารับช่วงดูแลต่อในทุกเรื่อง ตั้งแต่ ครู นักเรียน ไปถึง อาคารโรงเรียน,ผมอยากกราบเรียน ท่านรัฐมนตรีศึกษา เพิ่มเติมในฐานะที่ผมกับ มูลนิธิซีไอเอ็มบี ได้ร่วมกัน สร้างห้องสมุดให้โรงเรียนยากจนในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งถูก กระทรวงศึกษาฯ ขึ้นบัญชีเป็น โรงเรียนไอซียู ที่จะถูกยุบทิ้ง โดยสร้างให้ปีละ 4 โรงเรียนใน 4 ภูมิภาคมาหลายปีแล้ว เอาตำราใหม่ๆในรูปของการ์ตูนวิชาการและอินเตอร์เน็ต ทำให้เด็กหันมาสนใจอ่านตำราการ์ตูนกันอย่างตั้งอกตั้งใจ ผมเห็นแล้วก็ชื่นใจ ถ้ารัฐบาลจะให้โอกาสเด็กไทย ต้องให้โอกาสเด็กที่ไม่มีโอกาสเหล่านี้ครับ ถ้ายุบโรงเรียนไอซียูทิ้งทั้งหมดเมื่อไหร่ จะมีเด็กหลายหมื่นคนหมดโอกาสและหมดอนาคตทันที.,ลม เปลี่ยนทิศ
วันที่ 27 ธันวาคมที่ผ่านมา เป็น วันกำพล วัชรพล บุคคลสำคัญของโลก ท่านรัฐมนตรีศึกษา นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ ได้กรุณามาเป็นประธาน และแสดงปาฐกถาไว้อย่างน่าสนใจ
null
กำพล วัชรพล,ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์,โรงเรียนไทยรัฐวิทยา,หมายเหตุประเทศไทย,ลม เปลี่ยนทิศ
https://www.thairath.co.th/newspaper/page1/1165257
ปัตตานีเข้มตรวจสารเสพติด 773 ขรก.ตามยุทธการกวาดบ้านให้น่าอยู่
จากการกวาดบ้านตนเอง เดินเข้าสู่หมู่บ้าน จับกุมรายย่อย นำไปสู่รายใหญ่,เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 30 ต.ค. ที่ศาลากลาง จ.ปัตตานี นายไกรศร วิศิษฎ์วงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ปล่อยแถวชุดปฏิบัติการตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะกองกำลังเจ้าหน้าที่ ตามนโยบายรัฐบาลให้ปัญหายาเสพติดลดระดับความรุนแรงลง สามารถควบคุมได้ และมีผลการดำเนินในเชิงคุณภาพ เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องไม่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด,โดยศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดปัตตานี ได้จัดทำยุทธการ กวาดบ้านให้น่าอยู่ ของจังหวัดปัตตานี โดยมีกลุ่มเป้าหมายครั้งนี้ คือ เจ้าหน้าที่ของรัฐ ทุกหน่วยงาน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนได้เห็นว่าส่วนราชการเอาจริงเอาจังในการแก้ไขปัญหายาเสพติด มีการบูรณาการชุดปฏิบัติการตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะกองกำลังเจ้าหน้าที่ร่วม 4 ฝ่าย จำนวน 80 นาย ซึ่งประกอบด้วย ปกครอง ตำรวจ ทหาร สาธารณสุข เพื่อดำเนินการตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะของหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ลูกจ้างของส่วนราชการที่ตั้งในศาลากลางจังหวัดปัตตานี จำนวน 773 คน 26 หน่วยงาน,นายไกรศร กล่าวว่า ยุทธการ กวาดบ้านให้น่าอยู่ ตามนโยบาย พล.ท. พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นการปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง มีกลยุทธ์ 4 ด้าน คือ เริ่มจากการกวาดบ้านตนเอง เดินเข้าสู่หมู่บ้าน จับกุมควบคุมรายย่อย นำไปสู่ปราบปรามจับกุมรายใหญ่ เพื่อแสดงถึงความมีเกียรติของข้าราชการทั้งหมด โดยการร่วมกันตรวจสารเสพติด ของข้าราชการในศาลากลาง จ.ปัตตานี ที่มีทั้งหมด 26 หน่วยงาน 773 คน หากตรวจพบว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดก็จะดำเนินการอย่างเด็ดขาดไม่มีข้อยกเว้น หากมาสารภาพเราถือว่าเป็นผู้ป่วยจะนำไปบำบัด แต่ถ้ามีผู้เจตนาหลีกเลี่ยงการตรวจก็จะนำมาตรวจเมื่อตรวจพบก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย สำหรับการตรวจครั้งนี้ ผู้ว่าราชการ รองผู้ว่าฯ รวมไปถึงผู้บังคับหน่วยต่างๆ ก็ถูกตรวจสารเสพติดเช่นเดียวกัน.
ผู้ว่าปัตตานี ฟิตสั่งตรวจสารเสพติดข้าราชการตามยุทธการ กวาดบ้านให้น่าอยู่ โดยเล็งไปยังเจ้าหน้าที่รัฐทุกหน่วย 773 คน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนเห็นการเอาจริงเอาจังในการแก้ไขปัญหา เริ่ม
ข่าว,ทั่วไทย
กวาดบ้านให้น่าอยู่,ตรวจสารเสพติด,ผู้ว่าฯปัตตานี,ไกรศร วิศิษฎ์วงค์,773 ขรก.ปัตานี,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/south/1406213
ช็อก ระเบิดโบสถ์คริสต์บน เกาะโจโล ฟิลิปปินส์
วันนี้ (27 ม.ค.2562) กองทัพฟิลิปปินส์ เผยแพร่ภาพความเสียหายภายในโบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิกแห่งหนึ่ง บนเกาะโจโล ทางภาคใต้ของฟิลิปปินส์หลังจากเกิดเหตุระเบิด 2 ครั้งซ้อนภายในโบสถ์และลานจอดรถ เมื่อเวลาประมาณ 08.45 น.ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเร็วกว่าเวลาในประเทศไทย 1 ชั่วโมงแรงระเบิดส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 19 คน และได้รับบาดเจ็บอีกประมาณ 48 คน ซึ่งผู้เคราะห์ร้ายส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ขณะที่เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงพร้อมอาวุธครบมือได้ปิดการจราจรรอบพื้นที่รอบบริเวณจุดเกิดเหตุ เพื่อความปลอดภัย ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมฟิลิปปินส์ ให้คำมั่นว่าจะตามหาผู้อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดมารับโทษตามกระบวนการยุติธรรม โดยเกาะโจโล ถือเป็นหนึ่งในฐานที่มั่นของกลุ่มอาบูไซยาฟ เป็นแนวร่วมของกลุ่มไอเอส และมักก่อเหตุรุนแรงขึ้นเป็นประจำล่าสุดเมื่อเวลา 15.30 น.มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 27 คน บาดเจ็บอีก 77 คน โดยเจ้าหน้าหน้า ที่ความมั่นคง ระบุว่า ระเบิดครั้งแรกเกิดขึ้นใกล้กับโบสถ์โจโล ตามด้วยระเบิดครั้งที่ 2 ด้านนอกศูนย์ราชการ ทั้งนี้ผู้เสียชีวิตมีทั้งประชาชน และทหาร
หน่วยงานความมั่นคงฟิลิปปินส์ คุมเข้มหลังเกิดเหตุระเบิดภายในโบสถ์บนเกาะทางภาคใต้ของประเทศ ในเมื่อช่วงเช้า ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 19 คน และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
ต่างประเทศ
ฟิลลิปินส์,ระเบิด,โบสต์,กลุ่มไอเอส,กลุ่มอาบูไซยาฟ,เกาะโจโล,ข่าวไทยพีบีเอส,ไทยพีบีเอส,ThaiPBSnews
https://news.thaipbs.or.th/content/277284
เปิดใจแม่ น้องกานต์ ยันไม่ได้ทอดทิ้ง สะเทือนใจลูกต้องนอนเต็นท์นอกบ้าน
จากกรณี น้องกานต์ หนูน้อยวัย 6 ขวบ ซึ่งอาศัยอยู่กับอา เนื่องจากพ่อแม่ทำงานอยู่ต่างจังหวัด ได้หายออกจากบ้านพักในพื้นที่ ม.2 บ้านโป่งแรด ต.พลับพลา อ.เมือง จ.จันทบุรี ร่วม 2 วัน ซึ่งเจ้าหน้าที่และชาวบ้านได้ระดมกำลังกันค้นหา ต่อมาเจ้าหน้าที่พบ น้องกานต์ แล้ว ในสภาพเสียชีวิตอยู่ในป่ายาง ห่างจากบ้านประมาณ 200-300 เมตร ในสภาพเหลือครึ่งตัว ไม่มีแขน ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดนอกจากนี้ ก่อนเกิดเหตุได้มีกระแสข่าวว่า บ้านที่น้องกานต์อาศัยอยู่ให้น้องนอนในเต็นท์นอกบ้านคนเดียว ซึ่งจากการสำรวจสภาพความเป็นอยู่ของน้องกานต์ก่อนเสียชีวิต พบว่ามีเต็นท์กางนอนอยู่นอกบ้าน และผ้าปูรองไม่กี่ผืนทั้งนี้ พ่อของน้องได้ให้ข้อมูลว่า แม่แท้ๆ ไม่เลี้ยงดู ปล่อยให้อยู่ลำพัง ตนจึงต้องนำมาฝากน้องชายเลี้ยง ขณะที่แม่แท้ๆ ของน้องกานต์ ชี้แจงว่า ตนเองขอเป็นผู้เลี้ยงดูลูกถึง 3 รอบ แต่ผู้เป็นพ่อไม่ยอม และเมื่อต้องการพาน้องไปเที่ยว ก็ต้องได้รับความยินยอมจากพ่อของน้องทุกครั้ง เหมือนถูกกีดกัน ยืนยันว่าได้ให้เงินส่งเสียน้องกานต์เช่นกัน ไม่ได้ทอดทิ้ง ส่วนเรื่องที่น้องกานต์นอนเต็นท์หน้าบ้านเพิ่งทราบจากข่าว เห็นแล้วสะเทือนใจ สงสารลูกด้านอาสะใภ้ของน้องกานต์ได้ชี้แจงกรณีให้น้องกานต์นอนเต็นท์นอกบ้าน และไม่มีพัดลมให้ว่า ได้ถามความสมัครใจของหลานแล้ว และน้องกานต์ไม่ได้นอนตามลำพัง มีพี่สาวคนโตนอนอยู่ใกล้ๆ และต้องการสอนเพราะน้องมักฉี่รดที่นอน รวมถึงที่ไม่เห็นพัดลม เพราะนำไปให้พ่อของน้องกานต์ใช้ขณะมาพักที่บ้านส่วนประเด็นที่ตนโทรไปขอรับเงินทันทีที่พบศพน้องกานต์ เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง วันที่พบศพหลาน ทางผู้อำนวยการโรงเรียนที่น้องเรียนอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย ตนยังได้ปรึกษาเลยว่า กรณีแบบนี้จะได้รับเงินส่วนใดบ้าง เพราะมีความจำเป็นต้องใช้จัดงานศพ ไม่มีเจตนาหวังที่จะได้เงิน อีกทั้งผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับเงินคือ แม่ และอา ที่เป็นพ่อบุญธรรม และตอนนี้ได้กู้เงินมาจัดงานศพให้หลาน ในฐานะคนที่เลี้ยงน้องมา ก็พร้อมที่จะจัดงานศพ เป็นการแสดงออกถึงความรักที่มีต่อหลานชายเป็นครั้งสุดท้าย.
เปิดใจแม่ น้องกานต์ เด็ก 6 ขวบหายตัวก่อนพบเป็นศพเหลือครึ่งท่อน ยันไม่เคยทอดทิ้งลูก สะเทือนใจเห็นสภาพที่นอนลูกกางเต็นท์หน้าบ้าน ด้านอาสะใภ้แจง มีพี่สาวนอนด้วย หลานมักฉี่รดที่นอน
ข่าว,สังคม
น้องกานต์,เด็กเสียชีวิต,เด็ก 6 ขวบ,ศพครึ่งท่อน,มอนิเตอร์,ศพเด็ก,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/society/1885860
ประติมากรรมกล้วยไม้ตราสัญลักษณ์ 60พรรษา สมเด็จพระเทพรัตน์
สยามพารากอน และบริษัทเอกชนชั้นนำ จัดงาน 9 th Siam Paragon Bangkok Royal Orchid Paradise โดยนำแนวคิด ปณิธานความดี ปีมหามงคล ปลุกจิตสำนึกกระตุ้นให้คนไทยทำความดีอย่างเป็นรูปธรรม,ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการตั้งปณิธานทำความดีเป็นแนวคิดในการทำความดีเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ซึ่งการจัดงานสยามพารากอน แบงค็อก รอยัล ออร์คิด พาราไดซ์ ครั้งนี้ก็เป็นหนึ่งในปณิธานความดีที่ให้ประโยชน์แก่วงการกล้วยไม้ เป็นเวทีของเกษตรกรผู้เลี้ยงกล้วยไม้ในระดับประเทศ และยังเป็นประโยชน์ในด้านการท่องเที่ยวอีกด้วย,ในฐานะแม่งานใหญ่ ลักขณา นะวิโรจน์ ผู้บริหารศูนย์การค้าสยาม พารากอน กล่าวว่า การจัดแสดงและประกวดกล้วยไม้ในปีนี้จัดอย่างยิ่งใหญ่เช่นที่ผ่านมา โดยเฉพาะการประกวดกล้วยไม้นับเป็นเวทีที่ยิ่งใหญ่และทรงเกียรติ รางวัลของผู้ชนะการประกวดทุกกลุ่มจะได้รับถ้วยรางวัลพระราชทานสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 400,000 บาท โดยการประกวดจัดเป็น 9 สกุล 120 ชุด แต่ละครั้งของการ จัดงานมีกล้วยไม้จากทั่วประเทศส่งเข้าประกวดแล้วกว่า 1,600 ต้น และไฮไลต์ ของงานคือ การจัดแสดงประติมากรรมกล้วยไม้ที่ยิ่งใหญ่ โดยปีนี้ได้จำลองแบบตราสัญลักษณ์การเฉลิมฉลองในโอกาสมหามงคลสมเด็จพระเทพรัตน์ ทรงเจริญพระชนมายุครบ 5 รอบ ในรูปเทพยดา 2 องค์ รายล้อมด้วยแพะ นักษัตรประจำปีพระราชสมภพ จำนวน 5 ตัว มาจัดทำเป็นประติมากรรมจากดอกกล้วยไม้ 600,000 ดอก และยังจะนำกล้วยไม้ รักตสิริน และ ม่วงราชกุมารี กล้วยไม้ที่สมเด็จพระเทพรัตน์พระราชทานชื่อมาจัดแสดงในงานด้วย ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 21-26 ก.ค. ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน.
เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกับ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, สยามพารากอน และบริษัทเอกชนชั้นนำ จัดงาน 9 th Siam Paragon Bangkok Royal Orchid Paradise
ไลฟ์สไตล์,ผู้หญิง
ประติมากรรม,กล้วยไม้,ตราสัญลักษณ์,60พรรษา,สมเด็จพระเทพรัตน์,ปนัดดา ดิศกุล,ลักขณา นะวิโรจน์,รักตสิริน,ม่วงราชกุมารี,ข่าว,ทีมข่าวหน้าสตรี,ไทยรัฐฉบับพิมพ์
https://www.thairath.co.th/lifestyle/woman/511112
เสี่ยฮุย เปิดใจ หลัง ศรีสะเกษ ช็อกวงการหมั้นแฟนสาว (คลิป)
วันที่ 24 ก.ค.61 ความเคลื่อนไหวของ เจ้าแหลม ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น กำปั้นขวัญใจชาวไทย เข้าพิธีหมั้นกับแฟนสาวที่จังหวัดชุมพรแล้วในวันนี้ แน่นอนว่าสร้างความฮือฮาให้กับแฟนๆ ของเจ้าตัวเป็นอย่างยิ่ง โดยก่อนหน้านี้เจ้าตัวเพิ่งเลิกรากับ น้องเก๋ พัชรีวรรณ กัณหา แฟนสาวที่คบมาอย่างยาวนานถึง 14 ปี ได้ราวๆ 2-3 เดือนเท่านั้น,โดยทาง ศรีสะเกษ เพิ่งเอาชนะน็อก ยัง กิล แบ ในยกแรกของศึกไฟต์อุ่นเครื่องเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่เจ้าแหลมจะขึ้นสู้ศึกสังเวียนเดือดเดือนตุลาคมนี้,ล่าสุด เสี่ยฮุย สุรชาติ พิสิฐวุฒินันท์ โปรโมเตอร์และเจ้าของค่ายมวย นครหลวงโปรโมชั่น ออกมากล่าวว่า จริงๆ ผมยังไม่รู้รายละเอียดอะไรมาก แต่ก่อนหน้านี้ผมเคยถามเขาว่าช่วงนี้มีคบใครหรือเปล่า เขาก็บอกผมว่ากำลังดูใจกับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่และเขาก็เอารูปให้ผมดู,ในไฟต์กับ ยัง กิล แบ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา พอเขาเสร็จจากการขึ้นชก เราก็ได้ไปเลี้ยงฉลองรับประทานอาหารกัน ซึ่งหลังจากรับประทานอาหารเสร็จเขาก็ขอลากลับบ้านไปเพื่อไปหมั้นกับแฟนสาวคนใหม่นี้ ซึ่งที่ผ่านมาเขาก็ซ้อมเต็มที่มาตลอดและไม่มีปัญหาอะไร โดยเขามีกำหนดกลับค่ายในวันศุกร์นี้
สุรชาติ พิสิฐวุฒินันท์ โปรโมเตอร์และเจ้าของค่ายมวย นครหลวงโปรโมชั่น ออกมาพูดถึง ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น หลังเข้าพิธีหมั้นแบบเรียบง่ายกับแฟนสาวคนใหม่ที่ชุมพร
กีฬา,ไทยรัฐเชียร์ไทยแลนด์
เสี่ยฮุย,สุรชาติ พิสิฐวุฒินันท์,ศรีสะเกษ,ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น,ศรีสะเกษ หมั้น
https://www.thairath.co.th/sport/trcheerthai/1340894
ตร.คุมเข้ม 9 จว. จัดรำลึก 24 มิถุนา -โตโต้ เพิ่งทราบมีหมายจับ เตรียมมอบตัวเที่ยงนี้
ผบ.ตร. ระบุประชุมฝ่ายความมั่นคงรับมือ9 จังหวัด จัดรำลึก 24 มิถุนา เผยยึดอาวุธสงครามจำนวนหนึ่งจากพื้นที่แนวตะเข็บชายแดน จ.ตากเตรียมพร้อมสำหรับการเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงนี้ เตือนนักเคลื่อนไหวอะไรที่สุ่มเสี่ยงกับข้อกฎหมายต่างๆ ให้คิดให้หนัก ขณะที่โตโต้ ปิยรัฐ เผยเพิ่งทราบมีหมายจับ หลังเจ้าหน้าที่จะจับกุมระหว่างร่วมกิจกรรมรำลึก24 มิ.ย.2563 บรรยากาศจัดกิจกรรมรำลึก 88 ปี การปฏิวัติเปลี่ยนรูปแบบประเทศจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไปเป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ ตลอดตั้งแต่วานนี้จนถึงช่วงเช้าที่ผ่านมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมจุดที่เป็นอนุสาวรีย์หรือหมุดหมายที่จะใช้จัดรำลึกอย่างหน้าแน่น เช่น อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กรุงเทพฯ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จ.ขอนแก่นสะพานเสรีประชาธิปไตยจ.อุบลราชธานีเป็นต้น รวมทั้งเข้าพูดคุยกับกลุ่มผู้เตรียมการจัดกิจกรรมก่อนหน้านี้โดย วานนี้ (23 มิ.ย.63)ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงกรณีกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองจะมีการจัดกิจกรรมเนื่องในวันครบรอบ 88 ปี การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิ.ย.2475 มีการเตรียมแผนรับมืออย่างไร ผบ.ตร. กล่าวว่า ได้ประชุมฝ่ายความมั่นคงในส่วนของตนไปแล้ว ในทุกจังหวัดโดยเฉพาะจังหวัดกลุ่มเสี่ยง ขอนแก่น นครราชสีมา พระนครศรีอยุธยา เชียงใหม่ แพร่ ประมาณ 8-9 จังหวัดที่สุ่มเสี่ยง ส่วนที่เหลือค่อนข้างที่จะสามารถควบคุมได้ รายงานข่าวแจ้งว่าจากการประเมินที่จะชุมนุมบนสกายวอล์กจะมีมาประมาณ 300 คนซึ่ง ผบ.ตร. ยังเปิดเผยกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดอาวุธสงครามจำนวนหนึ่งจากพื้นที่แนวตะเข็บชายแดน จ.ตาก ว่าการข่าวรายงานเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงนี้ ซึ่งตนเพิ่งได้รับรายงานอยู่ระหว่างขยายผล ก็ไม่ทราบเจตนารมณ์ของคนพวกนี้ จากการข่าวอาจเป็นเรื่องสะสมไว้เตรียมความพร้อมทางการเมืองอย่างที่เคยจับกุม และทราบจากการข่าวข้อสันนิษฐานที่ผ่านมาเพราะช่วงนี้ไม่น่ามีอะไรนอกจากการเมือง ส่วนลักษณะอาวุธสงครามที่พบเป็นทั้งของใหม่และของเก่า ไม่ทราบวัตถุประสงค์ของขบวนการ แต่ฝ่ายข่าวเราต้องเกาะติดทุกประเด็น ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับการเมือง ยาเสพติด แต่การข่าวพบความผิดปกติในช่วงนี้เพราะเราเจอของพล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวอีกว่าขอเตือนน้องๆ หรือรุ่นใดก็แล้วแต่ ที่ชอบเคลื่อนไหวทางการเมือง พยายามบอกเขาว่า อะไรที่สุ่มเสี่ยงกับข้อกฎหมายต่างๆ ให้คิดให้หนัก อนาคตของเราไม่ได้อยู่แค่นี้ โดยเอาประสบการณ์ต่างๆ ที่ตนอยู่กับการชุมนุมขนาดใหญ่มาตลอด และพยายามสอนคนรุ่นหลังว่าที่ผ่านมาเป็นอย่างไร(ที่มา : และ)ขณะที่ ปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ นักกิจกรรมทางการเมืองและอดีตผู้สมัคร ส.ส. กาฬสินธุ์ อดีตพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ โตโต้ ปิยรัฐ - Piyarat Chongthep ระบุว่าเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตนเข้าร่วมงานรำลึกอภิวัฒน์สยามซึ่งจัดโดยกลุ่มฟื้นฟุประชาธิปไตยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน หลังจบกิจกรรมราว 05.45 น. ขณะกำลังเดินทางออกนอกพื้นที่จัดกิจกรรม มีชายคล้ายเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ เดินตามมายังจุดเรียกรถแท็กซี่ ก่อนจะพยายามห้ามรถทุกคันจอดรับ และเข้าประชิดตัวตน พร้อมขอให้ตนเดินทางไปด้วยกันด้วยอ้างว่า นายขอคุยด้วยปิยรัฐ โพสต์ต่อว่า เมื่อตนพยายามถามว่า นายคือใคร และให้นำตัวไปที่ไหน แต่ไม่ได้รับคำตอบ โดยบอกเพียงว่าอยู่ใกล้ๆแถวนี้ ตนจึงพยายามฝ่าวงล้อมของชายกลุ่มดังกล่าวโดยมี ประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรมมาช่วยเหลือ จนสามารถออกจากพื้นที่ได้อย่างปลอดภัยปิยรัฐ โพสต์เล่าต่อว่า ต่อมา เมื่อเวลา 06.30 น. ตนได้รับการติดต่อ จาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ ในพื้นที่ นครบาล นายหนึ่ง ถึงเหตุการณ์เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ต้องจับกุมตัวตนตามหมายจับ ซึ่งได้มีการออกหมายจับตนมาก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นคดี หรือหมายจับในพื้นที่ใดยังไม่มีความชัดเจนแน่ ได้แต่คาดเดาว่าคงเป็นคดีเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ชุมนุม ดังนั้น ด้วยเหตุนี้เอง เพื่อความปลอดภัย และไม่เดือดร้อนทุกฝ่าย วันนี้ เวลา 12.00 น. ตนจึงตั้งใจจะเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ตามสิทธิ์ของตนที่จะได้รับ และสุดท้ายนี้ขอเรียนแจ้งไปยังประชาชน และสื่อมวลชนทราบโดยทั่วกัน
ผบ.ตร. ระบุประชุมฝ่ายความมั่นคงรับมือ 9 จังหวัด จัดรำลึก 24 มิถุนา เผยยึดอาวุธสงครามจำนวนหนึ่งจากพื้นที่แนวตะเข็บชายแดน จ.ตาก เตรียมพร้อมสำหรับการเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงนี้
การเมือง
24 มิถุนายน 2475, ปิยรัฐ จงเทพ
https://prachatai.com/journal/2020/06/88300
ครู 4.5 แสนคน ไม่จ่าย ช.พ.ค. ปมหักหนี้ไม่เป็นธรรม
วันนี้ (16 ก.ค.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีสื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่วิดีโอการประกาศเครือข่ายองค์กรวิชาชีพครูแห่งประเทศไทยเรียกร้องพักหนี้ ช.พ.ค. 6 เดือน สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง ถึงความไม่เหมาะสมโดยคำประกาศปฏิญญามหาสารคาม ระบุไว้ว่า ข้อ 1 ขอให้รัฐบาลและธนาคารออมสินพักหนี้โครงการสวัสดิการเงินการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา หรือ หนี้ ช.พ.ค. ทุกโครงการ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้ และข้อ2 ลูกหนี้ ช.พ.ค. 450000 คน จะยุติการชำระหนี้กับธนาคารออมสินตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.นี้หลังมีการเผยแพร่วิดีโอดังกล่าว จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง ถึงความไม่เหมาะสมล่าสุด นายอวยชัย วะทา ประธานเครือข่ายองค์กรวิชาชีพครูแห่งประเทศไทยชี้แจงว่า การประกาศครั้งนี้ เป็นการแสดงออกเชิงสัญญลักษณ์ โดยครูที่เป็นลูกหนี้จากทั่วประเทศ วงเงินกู้รวมกันกว่า 3 แสนล้านบาท เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาหนี้ ช.พ.ค. จัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เมื่อวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมานายอวยชัยอ้างว่า สมาชิกครูที่เป็นหนี้ ช.พ.ค. ต่างมองว่า ปัญหาหนี้สินของครู ไม่ได้มีสาเหตุมาจากครูไม่มีศักยภาพในการใช้หนี้เพียงอย่างเดียวแต่มีสาเหตุจากโครงสร้างหนี้ ระบบการคิดดอกเบี้ย การหักชำระหนี้ที่ไม่เป็นธรรม และไม่ได้ระบุไว้ในสัญญาตั้งแต่แรกประธานเครือข่ายองค์กรวิชาชีพครูแห่งประเทศไทย ยังระบุว่า ตัวแทนครูได้ยื่นหนังสือข้อเรียกร้องแก้ปัญหาหนี้ให้กับนายตวง อันทะไชย ประธานกรรมาธิการการศึกษาและกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อเสนอต่อรัฐบาลให้ดำเนินการพักหนี้ครูอย่างเร่งด่วนโดยให้พักหนี้ครูเป็นเวลา 6 เดือน จากนั้นให้ลดดอกเบี้ยเหลือร้อยละ 1 เหมือนเกษตรกร และให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติและรัฐบาลแต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญและคณะกรรมการร่วมแก้ไขปัญหาหนี้สินครู พร้อมทั้งประกาศเป็นวาระแห่งชาติภายในเดือน ต.ค.นี้ทั้งนี้ ไทยพีบีเอสได้ติดต่อไปยังธนาคารออมสินสาขามหาสารคามและสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา หรือ สกสค. ประจำจังหวัดมหาสารคาม ซึ่งดูแลโครงการ หนี้ ช.พ.ค. แต่ทั้งสองหน่วยงานปฎิเสธที่จะให้ข้อมูล เนื่องจากต้องให้หน่วยงานส่วนกลางเป็นผู้แถลงรายละเอียดเท่านั้น
เครือข่ายองค์กรวิชาชีพครูแห่งประเทศไทยเรียกร้องพักชำระหนี้ 4.5 แสนคน วงเงินกู้กว่า 3 แสนล้านบาท เป็นเวลา 6 เดือน หลังพบพิรุธหักชำระหนี้ที่ไม่เป็นธรรม ไม่ได้ระบุในสัญญา
สังคม
หนี้ครู,หนี้ ช.พ.ค.,ธนาคารออมสิน,โครงการสวัสดิการเงินการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา,เครือข่ายองค์กรวิชาชีพครูแห่งประเทศไทย,ไทยพีบีเอส,ข่าวไทยพีบีเอส,ThaiPBSnews,ThaiPBS
https://news.thaipbs.or.th/content/273409
สุริยะใส กตะศิลา: สภาสีเขียว กับภารกิจปฏิรูป
เห็นโฉมหน้า สมาชิก สนช. ทั้ง 200 คนแล้ว เป็นไปตามคาดว่า เพราะเต็มไปด้วยทหารและข้าราชการประจำเป็นหลัก ซึ่งพอจะบ่งบอกโฉมหน้ารัฐบาลและยุทธศาสตร์ระยะยาวของการยึดอำนาจครั้งนี้ได้ว่าจะขับเคลื่อนเคลื่อนโดยพึ่งพากลไกและวิธีคิดรัฐราชการเป็นหลัก ยังคงรักษาระยะห่างที่มีกับภาคประชาชน ทุกกลุ่มทุกขั้วอย่างระมัดระวังทำให้ สนช.มีภาพออกมาไม่ถูกโจมตีว่าเป็นสภาของคู่ขัดแย้งหรือสีใดสีหนึ่ง ถ้าจะคาดสีให้ ก็ต้องเรียก สภาสีเขียว (ทหาร) มากกว่าผมคิดว่ามีงานที่ท้าทาย สนช. ในเรื่องใหญ่ๆ อยู่ 3 เรื่องที่จะเป็นบทพิสูจน์ว่ายึดอำนาจครั้งนี้ เสียของ หรือไม่- การสลายเครือข่ายระบอบทักษิณ ที่ไม่ใช่แค่ดำเนินคดีที่กระทำผิด แต่ต้องเท่าทันยุทธศาสตร์ของระบอบทักษิณที่วิวัฒนาการไปตลอดเวลา โดยเฉพาะระบบธุรกิจการเมือง ที่อำนาจทางธุรกิจและการเมือง กลายเป็นเครืองมือหาประโยชน์ซึ่งกันและกัน ทำให้สังคมอ่อนแอ เกิดระบบผูกขาดทั้งทางเศรษฐกิจการเมือง จนสังคมการเมืองกลายเป็นหลุมดำ- การปรองดองสมานฉันท์ ต้องเอาความจริงและต้นเหตุปัญหามาพูดกัน ไม่ใช่แกล้งลืมหรือแกล้งตายกัน งานปรองดองไม่ใช่งานที่ทำได้ในปีเดียว อาจยกสถานะของกระบวนการปรองดองเป็นหมวดหนึ่งในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มีแผนปรองดองระยะกลางและระยะยาวด้วย- จะต้องออกกฎหมายที่เป็นต้นน้ำหรือแม่บทของการปฏิรูปประเทศในทุกมิติ โดยเฉพาะใน 11 ประเด็นที่ คสช. วางเค้าโครงไว้ ถือเอาโอกาสนี้ออกกฎหมายสำคัญๆ ที่สภาผู้แทนไม่ทำและไม่กล้าทำ เพราะกระทบผลประโยชน์นายทุนพรรคอย่าให้เสียของ เพราะมีของเสียในสภาฯผมขอให้กำลังใจ สนช. ที่หวังดีต่อส่วนรวมและบ้านเมืองครับ
เห็นโฉมหน้า สมาชิก สนช. ทั้ง 200 คนแล้ว เป็นไปตามคาดว่า เพราะเต็มไปด้วยทหารและข้าราชการประจำเป็นหลัก ซึ่งพอจะบ่งบอกโฉมหน้ารัฐบาลและยุทธศาสตร์ระยะยาวของการยึดอำนาจครั้งนี้ได้ว่า
การเมือง
คสช.,รัฐประหาร,สภานิติบัญญัติแห่งชาติ,สุริยะใส กตะศิลา
https://prachatai.com/journal/2014/08/54880
เปรี้ยว เล่านาทีโหดหั่นศพแอ๋ม เผยสาเหตุฆ่าไม่ใช่เรื่องยาเสพติด (คลิป)
แต่ไม่ได้เตรียมการไว้ก่อนตามที่ตั้งข้อกล่าวหา พร้อมยืนหลักฐานตามคำให้การต่อ ผบ.ตร. มั่นใจกระบวนการยุติธรรมของไทย ตัดสินอย่างเป็นธรรม,เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 14 มี.ค. 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังสิ้นสุดการนัดสอบคำให้การฝ่ายจำเลยวันแรกของศาล จ.ขอนแก่น องค์คณะผู้พิพากษาได้มีคำสั่งส่งตัว น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือ เปรี้ยว จำเลยที่ 1, น.ส.กวิตา ราชดา หรือ เอิร์น จำเลยที่ 2 และ น.ส.อภิวันท์ สัตบัณฑิต หรือ แจ้ จำเลยที่ 5 กลับไปควบคุมตัวที่เรือนจำกลางขอนแก่น,ขณะที่จำเลยที่ 4 นายวศิน นามพรม ส่งตัวกลับไปทำการคุมขังที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น ทันที ส่วน น.ส.จิดารัตน์ พรมคุณ หรือ เบนซ์ จำเลยที่ 3 ศาลอนุญาตให้กลับบ้านได้ ตามสิทธิ์ของการประกันตัวของกองทุนยุติธรรม พร้อมทั้งมีคำสั่งให้นัดสอบพยานฝ่ายจำเลยนัดที่ 2 ในวันพรุ่งนี้ (15 มี.ค.) แบบต่อเนื่อง โดยสิ้นสุดคำสั่งศาล เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำศาล และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ได้คุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ไปไว้ที่ห้องควบคุมตัวผู้ต้องหาระหว่างการพิจารณาคดี ชั้นล่างศาล จ.ขอนแก่น เพื่อส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่จากกรมราชทัณฑ์ รับตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 กลับไปทำการคุมขังตามเดิม,นายบุญยงค์ แก้วฝ่ายนอก ทนายความฝ่ายจำเลย, กล่าวว่า ในการสอบพยานจำเลยนัดแรกวันแรกวันนี้ ทนายความฝ่ายจำเลยได้ขอเบิกตัว น.ส.ปรียานุช จำเลยที่ 1 ขึ้นให้การ พร้อมนำเอกสารหลักฐาน ซึ่งเป็นคำให้การของผู้ต้องหาทั้งหมดที่ได้ให้ปากคำกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เมื่อครั้งถูกควบคุมตัวมาจากประเทศเมียนมา และนำตัวไปแถลงข่าวที่กรุงเทพฯ โดยมีการส่งเอกสารเพื่อประกอบคำให้การต่อศาล,อีกทั้ง น.ส.เปรี้ยว ก็ได้ให้การเช่นเดียวกันกับที่ได้ให้ปากคำไปกับ ผบ.ตร. ซึ่งศาลได้รับฟังคำให้การของจำเลย ซึ่งทนายโจทก์ได้มีการซักค้าน แต่เอกสารหลักฐาน และคำให้การนั้นไม่ได้ตามที่โจทก์กล่าวอ้างคือ การตระเตรียมการโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยในคำให้การนั้น ,ผู้ต้องหาที่ 1 ระบุว่า พบผู้เสียชีวิตอยู่ที่หน้าร้านสะดวกซื้อ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ได้เจอตัวกันนาน จึงชวนกันมาพูดคุย และทวงหนี้สินที่คงค้าง จึงเกิดการโต้เถียงกันขึ้น และได้ตบตีลงไม้ลงมือกัน ซึ่งถือเป็นการกระทบกระทั่งกันในยกแรก จนกระทั่งผู้เสียชีวิตได้พูดออกมาอีกว่า ถ้าอยากได้เงินให้ไปฟ้องศาลเอา ทำให้ น.ส.เปรี้ยว โมโห จึงเกิดการตบตีกันอีกครั้ง จนกระทั่งผู้ตายแน่นิ่งไป,จำเลยพลั้งมือจนทำให้ผู้ตายเสียชีวิต โดยการทำให้ผู้ตายนั้นเสียชีวิต น.ส.เปรี้ยว รับสารภาพว่า ลงมือทำคนเดียว แต่การชำแหละศพนั้นทำด้วยกัน ซึ่งหลังจาก น.ส.วริศรา กลิ่นจุ้ย หรือ น้องแอ๋ม ได้เสียชีวิตแล้ว ได้พากันขับรถไปในหลายที่เพื่อจะหาจุดทิ้งศพ แต่ด้วยเป็นช่วงเช้าจึงไม่สามารถลงมือได้ จึงวนรถกลับมาในเขตเทศบาลนครขอนแก่น เพื่อซื้ออุปกรณ์ในการหั่นศพ ,ซึ่งจำเลยยอมรับว่าในช่วงที่ทำนั้น เมา และที่ตัดสินใจหั่นศพ เพราะต้องการทำลายศพ โดยเมื่อขับรถเข้าไปจอดที่รีสอร์ตแล้วนั้น นายวศิน ได้อุ้มผู้ตายไปไว้บนเตียงนอน และอุ้มไปไว้ในห้องน้ำ โดยก่อนลงจากรถได้ทำการมัดมือมัดเท้าผู้ตายแล้ว และก่อนที่จะหั่นศพ ยังคงได้ใช้ถุงดำคลุมหัวผู้ตายไว้ โดยเอาเชือกรัดเพื่อไม่ต้องการเห็นหน้า ก่อนที่จะเริ่มลงมือตัดแขน และต่อด้วยการตัดลำตัวออกเป็น 2 ท่อน ,ซึ่งในตอนแรกต้องการจะหั่นให้เยอะกว่านี้ แต่ด้วยการตัดแต่ละชิ้นใช้เวลานาน จึงตัดเพียงเท่านี้ และใส่ถุงดำยัดใส่ถังพลาสติก ก่อนขับรถไปหาจุดฝังศพ ซึ่งระหว่างทางได้ทิ้งอุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อเหตุไปเรื่อยๆ และเมื่อถึงจุดที่ทิ้งศพ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ น.ส.เปรี้ยว และตรงจุดนั้นเป็นป่าช้า ทุกคนก็ได้ช่วยกันขุดหลุม และช่วยกันนำศพไปฝัง กลบดิน และโบก,ปูน,ทับ โดยในช่วงของการนำศพไปฝังนั้น จำเลยที่ 2 คือ น.ส.เอิร์น ไม่ได้ร่วมลงมือด้วย เพราะอาเจียนจากการก่อเหตุดังกล่าวตลอดเวลา จึงนั่งรออยู่บนรถ เมื่อแล้วเสร็จจึงขับรถที่เช่ามานั้นไปคืน และแยกย้ายกันหลบหนี จนกระทั่งถูกจับกุมตัวดังกล่าว,นายบุญยงค์ กล่าวต่ออีกว่า ผู้ต้องหาไม่ได้มีทีท่าว่าจะหนี หรือขัดขืนการจับกุม มีการติดต่อประสานงานฝ่ายครอบครัวในการที่จะเข้ามามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ ดังนั้น การให้การวันนี้ยืนยันการพูดในความเป็นจริง ซึ่งศาลท่านนั้นรับฟัง และตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆ ตามที่ทนายฝ่ายจำเลยนำเสนอต่อศาล ขณะที่การสู้คดีแพ่งตามที่ฝ่ายโจทก์เรียกร้องมา รวม 10,300,000 นั้น,ในเรื่องนี้ฝ่ายจำเลยก็ขอสู้คดีเช่นกัน โดยเป็นการเรียกค่าเสียหายที่มากเกินไป และไม่เป็นไปตามความเป็นจริง อีกทั้งจำเลยทุกคนก็ได้ชดใช้เงินไปบางส่วนแล้ว ดังนั้นการทำหน้าที่ในช่วงของการสอบคำให้การฝ่ายจำเลยนั้น จะทำอย่างเต็มที่ ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งผลการพิจารณาตัดสินจากองค์คณะผู้พิพากษานั้นจะออกเป็นเช่นไร ไม่มีใครสามารถก้าวล่วงอำนาจศาลได้ ซึ่งผู้ต้องหาทุกคนเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของไทย และขอให้การที่เป็นไปตามความจริง และเป็นเรื่องจริงที่ได้นำมาให้การต่อศาลทั้งหมด,ขณะที่ นายธนัญชัย วงษ์ซ้าย ทนายความของ น.ส.เบนซ์, กล่าวว่า ได้เบิกตัว น.ส.เบนซ์ จำเลยที่ 3 ในคดี ขึ้นสอบคำให้การต่อศาลต่อจาก น.ส.เปรี้ยว โดยเป็นการให้การรับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา ซึ่งโจทก์ตั้งข้อหาว่าร่วมกันลักทรัพย์ หรือรับของโจร ซึ่งโดยพฤติกรรมนั้นคือ นายวศิน และ น.ส.เปรี้ยว ซึ่งหลังก่อเหตุได้เดินทางหลบหนี และไปพบกับ น.ส.เบนซ์ ที่ กรุงเทพฯ จึงขอยืมบัตรประจำตัวประชาชนของ น.ส.เบนซ์ ในการนำโทรศัพท์มือถือของ น.ส.แอ๋ม ไปจำหน่าย และเมื่อได้เงินมา ทั้งหมดก็พากันแยกย้ายหลบหนี,โดย น.ส.เบนซ์ ได้ไปทำงานที่ จ.อุบลราชธานี ก่อนเข้ามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้การสอบคำให้การดังกล่าวในวันนี้เสร็จสิ้นไปแล้ว 2 ปาก และในวันพรุ่งนี้จะเบิกตัวผู้ต้องหาอีก 3 ราย เข้าสอบคำให้การต่อองค์คณะผู้พิพากษา ทั้งนี้ คดีความดังกล่าวนั้นคาดว่าองค์คณะผู้พิพากษาจะพิจารณาตัดสินพร้อมกันในทุกข้อกล่าวหา ซึ่งเราไม่สามารถที่จะก้าวล่วงอำนาจศาลได้ และทีมทนายความได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ที่สุดแล้ว
เปรี้ยว หั่นศพ ขึ้นให้การคนแรกของการสอบพยานฝ่ายจำเลย รับพลั้งมือจนทำให้แอ๋มตาย
ข่าว,ทั่วไทย
เปรี้ยว ฆ่าหั่นศพ,เปรี้ยว,ฆ่าหั่นศพ,สวยหั่นศพ,น้องแอ๋ม
https://www.thairath.co.th/news/local/1228088
วรงค์ ขอบคุณ สนช. ถอด ปู ชี้ หลัก ก.ม.อยู่เหนือการข่มขู่
วันที่ 23 ม.ค. นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหลังทราบผลการลงมติของ สนช. ถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ต้องขอบคุณ สนช.ที่ใช้หลักของกฎหมายมากกว่าใช้หลักการข่มขู่ แสดงให้เห็นว่า ประเทศเรากำลังจะตั้งหลักใหม่ โดยต่อไปนี้จะยึดถือกฎหมายเป็นหลัก และจะเป็นบทเรียนให้ทุกพรรคการเมืองในการดำเนินนโยบาย ไม่เฉพาะพรรคเพื่อไทย ที่ทุกพรรคการเมือง ต้องคำนึงถึงการออกนโยบายที่ใช้บริหารประเทศให้ถูกต้อง จึงเป็นโอกาสดี ที่จะนำไปสู่ต่อการปฏิรูปประเทศ เชื่อว่า ทุกภาคส่วนจะตื่นตัวต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน,นพ.วรงค์ กล่าวต่อว่า วันนี้คนผิดได้รับการลงโทษแล้วแม้จะเป็นการลงโทษทางการเมือง และอาจจะมีการลงโทษทางอาญาตามมา ซึ่งวันนี้ทุกภาคส่วนพอใจ อย่างน้อยความเป็นธรรม โดยเฉพาะชาวนาที่เสียชีวิตไป 16 ศพ จากนโยบายที่ผิดพลาด ก็คงพอใจจากความเป็นธรรมที่เกิดขึ้น ส่วนปัญหาคลื่นใต้น้ำที่ไม่พอใจผลการถอดถอนนั้น ตนเชื่อว่า คงไม่มีการก่อความวุ่นวายขึ้น เพราะหลายฝ่ายยึดกฎหมายเป็นหลัก สำหรับเรื่องความปรองดอง ที่ผ่านมาคนไม่รู้สำนึกออกมาข่มขู่ หากมีการยอมกันเพื่อให้เกิดการปรองดอง ก็จะยึดหลักข่มขู่ในการปกครองประเทศต่อ แต่หากคนเหล่านี้มีความสำนึกในอนาคต คิดว่า คนไทยก็ยังให้อภัยได้,นพ.วรงค์ กล่าวถึงกรณีที่ นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา ไม่ถูกถอดถอน ว่า ส่วนตัวยังเห็นว่า บุคคลทั้งสองกระทำผิด แต่เมื่อ สนช.มีดุลพินิจมีมติดังกล่าวก็เคารพ โดย สนช.อาจมองว่า กระบวนการตามรัฐธรรมนูญ 50 ไม่มีอยู่แล้ว ก็พอรับฟังได้ ซึ่งเป็นคนละกรณีกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่เห็นความผิดได้ชัดเจนที่ปล่อยปละฯให้มีการทุจริต รวมทั้งการแจ้งดำเนินคดีอาญาในประเด็นการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ด้วย ยิ่งตอกย้ำความชัดเจนจนไม่อาจให้อภัยได้.
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ขอบคุณ สนช.ถอดถอนปูชี้ หลักกฎหมายอยู่เหนือการข่มขู่รับได้นิคม-สมศักดิ์หลุดเหตุไร้ รธน.50
null
สนช.,ถอดถอน,ถอดถอนนักการเมือง,วรงค์ เดชกิจวิกรม,อดีตส.ส.พิษณุโลก,ประชาธิปัตย์,ปู,ไร้รธน.50,ดำเนินคดี,ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร,จำนำข้าว,จีทูจี,รัฐต่อรัฐ,พิจารณาคดี,โกงชาวนา,ทุจริต,เอื้อประโยชน์
https://www.thairath.co.th/content/476642
กทม.นำร่องลดฝุ่นพิษ เข้างาน 10 โมง เลิก 6 โมงเย็น หยุดเรียน 1วัน
กทม.กำหนด 4 มาตรการป้องกัน-ลดฝุ่นพิษ ให้ขรก.เข้างาน 10 โมง เลิก 6 โมงเย็น เฉพาะสำนักงาน ไม่กระทบต่อการให้บริการประชาชน เปิดบริการตามปกติ พร้อมสั่งโรงเรียนกทม. 437 แห่ง หยุดเรียน 1 วันที่ศาลาว่าการกทม. เวลา 15.30 น. เมื่อวันที่ 21 ม.ค. ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษก กทม. แถลงมาตรการรับมือปัญหาฝุ่นละออง pm 2.5 เกินค่ามาตรฐานในพื้นที่กรุงเทพฯว่า พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. ได้มอบหมายให้รองปลัดกทม.เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุมหารือถึงมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง pm 2.5 เกินค่ามาตรฐาน ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดการณ์ว่าในวันพรุ่งนี้ (22 ม.ค.) อากาศในพื้นที่กรุงเทพฯยังคงเบาบาง ลักษณะอากาศปิดเบื้องต้น กทม.ได้กำหนด 4 มาตรการในการป้องกันแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน ดังนี้1. เพื่อให้การจราจรคล่องตัว ไม่เกิดการสะสมของรถบนท้องถนนหรือการจราจรติดขัดในชั่วโมงเร่งด่วน ช่วง 06.00-09.00 น. และช่วง 15.00-18.00 น. ซึ่งมีผลก่อให้เกิดการปล่อย pm 2.5 ทั้งจากการเร่งเครื่อง การเบรก กทม.จะนำร่องเหลื่อมเวลาทำงานของข้าราชการ และบุคลากร กทม.เฉพาะในสำนักงานที่ไม่กระทบต่อการให้บริการประชาชนตามสำนักงานเขตโดยให้บุคลากรที่ทำงานในสำนักงานเริ่มเข้างาน 10.00-18.00 น. (ระยะเวลาทำงานเท่าเดิม) ส่วนงานบริการประชาชนยังให้บริการตามปกติ ตั้งแต่ 08.00-16.00 น.2. ผู้ว่าฯกทม.ออกคำสั่งให้โรงเรียนกทม.ทั้ง 437 แห่ง หยุดการเรียนการสอน 1 วัน และจะติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศจากกรมอุตุฯ เพื่อพิจารณาว่าจะปิดเพิ่มเติมอีกหรือไม่ 3 ลงพื้นที่แจกหน้ากากอนามัยให้ประชาชน เบื้องต้น กทม.ได้เตรียมหน้ากากอนามัยไว้กว่า 4 แสนชิ้น ประชาชนสามารถติดต่อขอรับหน้ากากอนามัยได้ตามศูนย์บริการสาธารณสุขกทม.ทั้ง 68 แห่ง และกทม.จะลงพื้นที่แจกหน้ากากอนามัยตามสถานีรถไฟฟ้า หรือ ตามป้ายรถเมล์ เช่น สถานีรถไฟฟ้าหมอชิต อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ อโศก ศาลาแดง สยาม วงเวียนใหญ่ บางหว้า4. ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันฝุ่น pm 2.5เมื่อถามถึงการเผาในที่โล่ง ร.ต.อ.พงศกร กล่าวว่า กทม.มีมาตรการเข้มงวดกวดขันเรื่องนี้มาโดยตลอด ปัจจุบัน การเผาในที่โล่งในพื้นที่กรุงเทพฯมีน้อย ขณะที่แหล่งกำเนิดฝุ่น pm 2.5 หลักๆ ร้อยละ 72 มาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงที่ไม่สมบูรณ์ในเครื่องยนต์ดีเซล ส่วนการเผาในที่โล่งได้รับรายงานว่าลดน้อยลงมาก หากพบก็จะเอาผิดตามกฎหมายทันทีสำหรับช่วงเทศกาลตรุษจีนที่จะมีการจุดธูปและเผากระดาษ ซึ่งเป็นธรรมเนียม หรือประเพณีที่สืบทอดกันมา กทม.ไม่ได้มีข้อห้ามหรือข้อบังคับไม่ให้เผา เป็นเพียงการรณรงค์ข้อความร่วมมือเท่านั้น
กทม.กำหนด 4 มาตรการป้องกัน-ลดฝุ่นพิษ ให้ขรก.เข้างาน 10 โมง เลิก 6โมงเย็น เฉพาะสำนักงาน ไม่กระทบต่อการให้บริการประชาชน เปิดบริการตามปกติ พร้อมสั่งโรงเรียน กทม. 437 แห่ง หยุดเรียน 1 วัน
ข่าว,ทั่วไทย
ฝุ่น PM 2.5,ฝุ่นPM2.5,ฝุ่นกทม.,pm2.5,pm 2.5,แก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1752836
ชาวไร่มันสำปะหลัง ระวังไรแดง
หน้าฝนไรแดงมันสำปะหลังจะไม่มีให้เห็น เพราะฝนที่ตกลงมาจะชะล้างไรแดงไปหมด แต่พอฝนหมด ฝนทิ้งช่วง อย่างในตอนนี้ อากาศจะเป็นใจให้ไรแดงระบาด เพราะมีลมหนาวช่วยหอบพัดไรแดงให้มาอยู่อาศัยในไร่มันฯ เพราะใบมันสำปะหลังเป็นอาหารที่ไรแดงชอบเป็นพิเศษ,อำนาจ โฉมชัชวาล ผู้เชี่ยวชาญกลุ่มธุรกิจอารักขาพืช บริษัท เจียไต๋ จำกัด บอกว่า แม้ไรแดงจะตัวเล็กจิ๋วจนแทบมองไม่เห็น แต่พิษสงร้ายกาจยิ่งนัก โดยเฉพาะในเรื่องขยายพันธุ์,ไรแดงตัวเมียสามารถออกลูกได้เองโดยไม่ต้องพึ่งพาตัวผู้มาช่วยผสมพันธุ์แต่อย่างใด,ไรแดง 1 ตัว สามารถวางไข่ได้ 4-13 ฟอง วางไข่ไปเพียง 10 วัน ตัวอ่อนที่เพิ่งออกจากไข่สามารถออกลูกออกหลานต่อได้ทันทีเรียกได้ว่า แพร่พันธุ์ได้เร็วไม่ต่างกับแชร์ลูกโซ่,เมื่อมันไปเกาะอาศัยอยู่ด้านหลังใบมันฯ จะทำลายล้างด้วยการดูดกินน้ำเลี้ยงที่ใบแก่ก่อน หากระบาดรุนแรงจะไปกินที่ยอดอ่อน ทำให้ใบเหลืองซีด เป็นรอยขีด ใบม้วนงอและร่วง ส่วนยอดที่ถูกทำลายจะเห็นเป็นจุดด่างเหลืองตรงใบไปจนถึงใบไหม้ส่งผลให้การเจริญเติบโตของต้นมันฯ ไม่ทำงาน เนื่องจากขาดคลอโรฟิลล์,ถ้าไปสิงสถิตอยู่ตามไร่มันอายุเยาว์ เพิ่งปลูกได้ไม่เกิน 3 เดือน จะทำให้ใบร่วง ยอดแห้ง และตาย,แต่ถ้าไปอยู่ตามไร่มันอายุมากกว่านั้น และมันเริ่มลงหัวถึงต้นจะไม่ตาย แต่หัวมันที่อยู่ใต้ดินก็จะหยุดการเจริญเติบโต เลี้ยงดูไป ใส่ปุ๋ยไป หัวมันก็ไม่โตขุดขึ้นมาขายได้เงินไม่คุ้มทุน,นี่แหละภัยร้ายจากไรแดงตัวกระจ้อยร่อย ฉะนั้นในช่วงเพิ่งเริ่มต้นฤดูระบาดเยี่ยงนี้ ผู้เชี่ยวชาญ เจียไต๋ แนะให้เกษตรกรชาวไร่มันควรให้ความใส่ใจ หมั่นเดินสำรวจต้นมันฯในแปลง เช็กใต้ใบ ถ้าพบไรแดงเริ่มมาสิงสถิต ให้ตัดใบเอาไปเผาทำลายให้สิ้นซาก,แต่ถ้ายิ่งเดินยิ่งเจอ ไปตรงไหนก็มี หรือ พบไรแดงอยู่ในไร่มันฯ เกินกว่า 20% ของแปลง เจออย่างนี้ เกินความสามารถที่จะแก้ปัญหาด้วยวิธีตัดใบเอาไปเผาทำลายแล้ว ต้องใช้สารกำจัดไรแดงแทนใช้สาร pyridaben 13.5% EC อัตรา 10–15 CC ต่อน้ำ 20 ลิตร สลับกับสาร amitraz 20% EC อัตรา 40 CC ต่อน้ำ 20 ลิตร,และจำไว้ สารแต่ละตัวใช้ฉีดซ้ำได้ไม่เกิน 2 ครั้ง ต้องเปลี่ยนสลับไปใช้อีกตัว ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาดื้อยาตามมา และให้ฉีดพ่นทุกๆ 15 วัน จนกว่าไรแดงจะจางหายไป.,ชาติชาย ศิริพัฒน์
ฝนหมด ลมหนาว ความแห้งแล้งมาเยือน พร้อมชักนำแขกเจ้าประจำฤดู ตัวเล็กจิ๋วสีแดงมาเยี่ยมไร่มันสำปะหลัง พี่น้องเกษตรกรระวังให้ดี
null
ชาติชาย ศิริพัฒน์,ไร่มันสำปะหลัง,มันสำปะหลัง,ไรแดง,อำนาจ โฉมชัชวาล,เจียไต๋
https://www.thairath.co.th/content/466402
สมเด็จพระเทพฯ ทรงให้ทุนการศึกษาตั้งแต่ประถม จนเข้ารับราชการ 3 ตำรวจ พ่อตายในหน้าที่
สายเลือดย่อมเข้มข้นกว่าน้ำ, (,ฟื้นคดีดัง 28 ปี น้องในไส้ขนอาวุธสงคราม ถล่มศาลสงขลา ชิงตัวพี่ ปะทะ 5 ศพ,),เหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้ ,นางจิราพร แก้วเนียม, ภรรยาของผู้ตาย ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูลูกชายวัยประถม ถึง 3 คน ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเงินค่าบำเหน็จบำนาญของหัวหน้าครอบครัวที่ต้องสละชีพเพื่อชาติไป ไม่เพียงพอต่อการจุนเจือทุนการศึกษาลูกชายทั้ง 3 และถึงแม้ทางโรงเรียนอนุบาลสงขลา จะรับอุปถัมภ์ให้เรียนฟรีในช่วงนั้น นางจิราพร แก้วเนียม ก็ต้องทำหน้าที่เสาหลักของบ้าน เป็นแม่ค้ารับเนื้อหมูมาขายเพื่อหารายได้เสริมในตลาดเมืองสงขลา ได้กำไรบ้าง ขาดทุนบ้าง ,แต่สิ่งที่เป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น อันหาที่สุดมิได้ ต่อครอบครัว แก้วเนียม ภายหลัง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงทราบเรื่องราวความเสียสละของดาบตำรวจอำนาจ จึงทรงมีพระเมตตาให้บุตรชายทั้ง 3 คน และภรรยาของ ,ดาบตำรวจอำนวย แก้วเนียม เข้าเฝ้าฯ ณ ท่าเรือวาสุกรี ในเวลาต่อมา โดยเด็กทั้ง 3 ต้องเดินทางเข้าเฝ้าฯ และรับพระราชทานทุนการศึกษาจากพระหัตถ์ด้วยตนเองทุกปี  ในความดูแลของมูลนิธิสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ในพระบรมราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จนจบระดับปริญาตรี ,นางจิราพร แก้วเนียม, ย้อนเล่าเรื่องราวว่า ในครั้งนั้นลูกๆ ทุกคนยังเด็กมาก ส่วนตนเองจำความทุกอย่างได้ดี รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงมีให้แก่ครอบครัวนายดาบตำรวจ และยอมให้ตนเองเข้าเฝ้าฯ ถึงแม้ว่าในครั้งนั้นตนเองจะสวมชุดสีดำ พระองค์ทรงห่วงใย และทรงมีพระเมตตาต่อลูกชายทั้ง 3 คนของตน โดยพระราชทานทุนการศึกษาทุกปีตั้งแต่ชั้นประถมไปจนเรียนจบระดับปริญญาตรี และสำหรับการเข้าเฝ้าฯ พระองค์ในครั้งแรก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตรัสว่า ให้เป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน ประพฤติปฏิบัติตัวเป็นประโยชน์แก่ชาติบ้านเมือง และมีความรู้สึกภาคภูมิใจ ที่พ่อได้เสียสละเพื่อชาติบ้านเมือง ซึ่งลูกชายของตนได้ซึมซับมา,ดิฉันโชคดีที่ลูกทั้ง 3 คนรักเรียน และมีความคิดที่อยากจะเป็นตำรวจเหมือนพ่อตั้งแต่เล็กๆ เมื่อพ่อต้องเสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ทุกคนก็รู้ว่าแม่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ลูกๆ จึงไม่เคยทำให้เหนื่อยหน่ายหนักใจ ลูกดำรงตนเป็นคนดี ขยัน ตั้งใจเรียน กระทั่งสอบเข้าเป็นตำรวจได้ทั้ง 3 คน ส่วนลูกชายคนโต หลังเรียนจบนิติศาสตร์จาก ม.รามคำแหง ก็ได้ใช้สิทธิ์ของพ่อเข้าเป็นตำรวจ แต่น้องๆ อีก 2 คน สอบเข้าเป็นตำรวจเอง เป็นสัญญาบัตรกันทั้ง 3 นาย ,ขณะที่ทายาททั้ง 3 คน ของดาบตำรวจอำนวย แก้วเนียม ได้ถ่ายทอดความรู้สึกผ่านทางทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์ ว่า ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นได้ เพราะ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระเมตตา สร้างความปลาบปลื้มใจเป็นล้นพ้นแก่คนในครอบครัว คำพูดของพระองค์เพียงไม่กี่ประโยค สามารถปลูกฝังให้พวกกระผมได้สำนึกในบุญคุณบิดามารดา ตั้งแต่เยาว์วัย เพราะมีพ่อเป็นแบบอย่างที่ดี มีแม่ที่มานะพยายาม ขยันทำงาน อดทนต่อความลำบากในการเลี้ยงลูกทั้ง 3 คน เพราะแม่ผมไม่เคยบ่นให้ได้ยินเลยว่าลำบากหรือเหนื่อย ในการเลี้ยงพวกเราทั้ง 3 คน,แต่มันกลับเป็นเรื่องที่ดีที่ทำให้พวกผมเห็นว่า แม่ทำงานไม่ได้มีวันหยุดตลอดทั้งปี ส่วนพวกผมเองก็ไม่ค่อยได้เที่ยวเหมือนครอบครัวอื่นๆ เพราะเห็นแม่ต้องทนลำบากเพื่อพวกผม จึงตั้งใจมาตลอดว่าสิ่งไหนที่เป็นความสบายใจของแม่ พวกเราจะทำให้ดีที่สุด และช่วยกันแบ่งเบารับผิดชอบภาระครอบครัว เลี้ยงดูส่งเสียแม่ ซึ่งวันนี้ทุกคนต่างก็ประสบความสำเร็จครึ่งหนึ่งของชีวิตแล้ว นอกจากนี้ที่ผ่านมา ญาติพี่น้อง ผู้บังคับบัญชา รวมไปถึงเพื่อนร่วมงาน ต่างเมตตาให้ความเอ็นดูเราทั้ง 3 คน เมื่อสอบเข้ามาเป็นตำรวจได้ ก็ตั้งใจไว้ว่าจะทำให้ดีที่สุด เป็นประโยชน์แก่ประชาชนมากที่สุด ,เพราะการเข้ารับราชการเป็นตำรวจ คือความฝันที่ยิ่งใหญ่ของพวกเรา ทุกตำแหน่งที่ยืนอยู่ล้วนแล้วมาจากความสามารถและความตั้งใจของตนเอง จนผู้บังคับบัญชาให้โอกาสเล็งเห็นความสำคัญ ในฐานะลูก ในฐานะหลาน และในฐานะของประชาชน พวกผมจะตั้งมั่นอยู่ในกรอบระเบียบความดีงาม มุ่งเน้นประโยชน์สุขในส่วนรวมเป็นที่ตั้ง  เพื่อทดแทนบุญคุณแผ่นดินเกิด ทดแทนพระกรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่พระราชทานทุนค่าเล่าเรียนพี่น้อง 3 ชีวิต มาจนจบปริญาตรี มีการศึกษาเป็นสมบัติล้ำค่า เอามาดูแลทำประโยชน์เพื่อประชาชนในชาติสืบต่อไป กราบขอบพระคุณทุกโอกาส ทุกความเมตตา ที่มีให้ครอบครัวของพวกผมครับ,พ.ต.ท.วีระศักดิ์ แก้วเนียม สว.สส.สภ.ปากท่า อยุธยา   ,ร.ต.ท.อรรถพล แก้วเนียม รอง สวป สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี ,ร.ต.อ.เฉลิมรัฐ แก้วเนียม รอง สวป สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 
ภายหลังทางทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ ได้นำเสนอเรื่องราวของครอบครัว ดาบตำรวจอำนวย แก้วเนียม ที่ถูก 2 พี่น้องใช้อาวุธสงครามยิงตาย เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2533
ข่าว,ทั่วไทย
พ่อถูกโจรยิงตาย,3ตำรวจ,สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ,แก้วเนียม,ข่าวร้อน,ข่าวทั่วไป
https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1402008
สำนักงานสิทธิมนุษยชนยูเอ็น OHCHR เรียกร้องให้ไทยยุติควบคุมตัว 6 บุคคลโดยพลการ
และเรียกร้องให้ปล่อยตัวบุคคลเหล่านี้ที่ถูกดำเนินคดีด้วย ม.112 และกฎหมายความมั่นคงทันที5 พ.ค. 2560 สำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (OHCHR) เรียกร้องให้รัฐบาลไทยยุติการควบคุมตัวโดยพลการต่อนักเคลื่อนไหวทางการเมือง และเรียกร้องให้ปล่อยตัว 6 ผู้ต้องหาที่ถูกดำเนินคดีด้วยกฎหมายความมั่นคงทันทีในคำแถลงของ OHCHR ระบุว่า เมื่อวันที่ 29 เม.ย. นายดนัย ทิพย์สุยา อดีตนายทหารจากเชียงใหม่ และนายประเวศ ประภานุกูล ทนายความสิทธิมนุษยชนที่อยู่ กทม. ถูกจับกุมและคุมขังโดยกองทัพ ด้วยข้อหาโพสต์ข้อความเข้าข่ายฐานความผิดประมวลกฎหมายอาญา ม.112 โดยถูกกล่าวหาว่าวิจารณ์พระมหากษัตริย์ลงเฟสบุ๊ก ทั้งสองถูกพาตัวไปในที่ที่ไม่สามารถระบุได้ จากนั้นในวันที่ 4 พ.ค. ได้นำตัวนายดนัยและนายประเวศ พร้อมด้วยผู้ต้องหาอีก 4 คน มาแถลงข่าวที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยทั้งหมดถูกตั้งข้อหาในความผิด ม.112 มี 2 คนที่ถูกตั้งข้อหาผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ นอกจากนี้นายประเวศถูกตั้งข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา ม.116 จากการวิจารณ์นายกรัฐมนตรี และทั้งหมดถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯนายลอเรน มิลเลน รักษาการผู้แทนประจำภูมิภาคของ OHCHR แสดงความกังวลต่อใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่เพิ่มมากขึ้นหลังการรัฐประหารในปี 2557 โดยมีบุคคลมากกว่า 70 คน ถูกคุมขังหรือถูกตัดสินว่ามีความผิด เขากล่าวด้วยว่ากลไกด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติเน้นยำตลอดว่าการใช้กฎหมายดังกล่าวขัดต่อสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานด้านเสรีภาพการแสดงออกและการแสดงความคิดเห็นสำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติยังแสดงความกังวลต่อการใช้วิธีการควบคุมตัวโดยไม่ให้ผู้ถูกควบคุมตัวติดต่อกับโลกภายนอก ทั้งนี้ในเดือนมีนาคมปี 2017 ประเทศไทยถูกทบทวนสถานการณ์โดยคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติ ซึ่งแสดงความกังวลในเรื่องที่บุคคลถูกจับกุมและคุมขังในสถานที่ลับ และไม่สามารถติดต่อทนายได้ โดยคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนของยูเอ็น เสนอแนะให้ไทยดำเนินหลักกฎหมายและแนวทางปฏิบัติให้สอดคล้องตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
สำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ OHCHR เรียกร้องให้รัฐบาลไทยยุติการควบคุมตัวโดยพลการต่อ ประเวศ ประภานุกูล และบุคคลอื่นรวม 6 ราย
สิทธิมนุษยชน
การควบคุมตัว,การควบคุมตัวโดยพลการ,ประเวศ ประภานุกูล,ม.112
https://prachatai.com/journal/2017/05/71332
ศิษย์ มธ.ยื่น 3 พันชื่อขับ อั้ม เนโกะ ออกจากธรรมศาสตร์
อธิการ มธ. ระบุอั้มมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมหลายครั้ง ตั้ง ปริญญา เทวานฤมิตรกุล เป็นประธานสอบฯ คาดว่าจะพิจารณาโทษใน 1-2 สัปดาห์นี้ ระบุหากโทษไม่ถึงคัดชื่อออก ก็ไม่สามารถทำได้11 ธ.ค.2556 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ท่าพระจันทร์ รายงานว่า นักศึกษา มธ.นำโดยนายองค์อร ภูอากาศ ศิษย์เก่าคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง มธ.ได้ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงนายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดี มธ.ให้พิจารณาคัดชื่อนายศรันย์ ฉุยฉาย หรืออั้ม เนะโกะ นักศึกษาคณะศิลปศาสตร์ ชั้นปี 2 ออกจากการเป็นนักศึกษาของ มธ.โดยระบุนายศรันย์มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมทั้งการแต่งกาย และใช้วาจาไม่สุภาพต่อคณาจารย์ ล่าสุดพยายามชักธงดำขึ้นยอดโดมที่ มธ.ศูนย์รังสิต เพื่อประท้วงอธิการบดี มธ.ซึ่งนายศรันย์เห็นว่าอธิการบดี มธ.เอนเอียงทางการเมือง ถือเป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพผู้อื่น และผิด พ.ร.บ.ธงชาติ โดยมีศิษย์เก่า และปัจจุบันร่วมลงชื่อให้พิจารณาโทษนายศรันย์ 3050 คนนายสมคิดกล่าวว่า นายศรันย์ได้แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมหลายครั้ง ทั้งการปีนขึ้นไปบนรูปปั้นอาจารย์ปรีดี พนมยงค์ เรื่องการแต่งกายไม่เหมาะสม และใช้วาจาไม่สุภาพกับอาจารย์ จึงได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนที่มีนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษา เป็นประธาน และคณะกรรมการสอบสวนซึ่งเป็นตัวแทนนักศึกษา ได้เสนอลงโทษพักการเรียน 1 ปี แต่ผู้ปกครองและนายศรันย์ได้ขอให้ลดโทษเหลือพักการเรียน 1 ภาคเรียน ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของนายปริญญา คาดว่าจะพิจารณาโทษใน 1-2 สัปดาห์นี้ส่วนเรื่องพฤติกรรมการแสดงออกของนายศรันย์เกี่ยวกับการชักธงดำนั้น จะต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนอีกเรื่อง ซึ่งการลงโทษต้องเป็นไปตามระเบียบมหาวิทยาลัย หากโทษไม่ถึงคัดชื่อออก ก็ไม่สามารถทำได้ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าจากการตรวจสอบพบเฟซบุ๊กแฟนเพจ ใช้ในการรณรงค์ มียอดกดไลค์ล่าสุด 6280 อย่างไรก็ตามเมื่อประมาณ 23.00 น. ที่ผ่านมา มีการตั้งเฟซบุ๊กแฟนเพจชื่อ เพื่อให้กำลังใจอั้มด้วยโดลเพจสนับสนุนฯ ได้เชิงตั้งคำถามด้วยว่า หากนักเรียนนักศึกษาทำผิด ก็จงหยุดให้การศึกษาแก่นักเรียนนักศึกษาคนนั้นหรอค่ะ ทำไมอธิการและคณะกรรมการสอบสวนไม่ใช้ความอดทนที่ควรมีต่อนักศึกษาที่แหกกฏที่คุณอยากให้เป็นค่ะ การพักการเรียนคือทางออกให้เด็กนักศึกษาคนนี้เงียบ เชื่อง และห้ามแสดงออกอีกหรือค่ะ ทำไมไม่ตักเตือน ตักเตือนไปเรื่อยๆด้วยเหตุผล และทำความเข้าใจกับต้นเหตุที่ทำให้ อั้ม เนโกะ มีพฤติกรรมที่พวกคุณไม่พอใจล่ะค่ะ พักการเรียนคือการแก้ปัญหาจริงๆหรอค่ะนี่คือความคิดเห็นของคนที่จบธรรมศาสตร์หรอค่ะ มหาวิทยาลัยคือสถานที่แห่งการแสดงออกซึ่งความหลากหลายทางความคิดไม่ใช่หรอค่ะ หรือมหาวิทยาลัยคือกรงที่ใช้ครอบคนให้มีความคิดเห็นเหมือนกันทั้งหมด ต้องเชื่อง ห้ามคิดต่าง หรือมหาวิทยาลัยคือที่ที่ไม่ต้องใช้เหตุและผลอีกต่อไป ใช้แค่อารมณ์ความรู้สึกก็พอ โกรธใคร เกลียดใคร ไล่มันออกไป นี่คือความคิดของคนที่จบมหาวิทยาธรรมศาสตร์หรอค่ะปล. การพักการเรียน คือ ผลตอบแทนของนักศึกษาที่ออกมาเคลื่อนไหวและแสดงความคิดเห็นตามระบอบประชาธิปไตยโดยไม่ละเมิดผู้อื่นหรอค่ะ เพจสนับสนุนฯ กล่าว
อธิการ มธ. ระบุอั้มมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมหลายครั้ง ตั้ง ปริญญา เทวานฤมิตรกุล เป็นประธานสอบฯ คาดว่าจะพิจารณาโทษใน 1-2 สัปดาห์นี้ ระบุหากโทษไม่ถึงคัดชื่อออก ก็ไม่สามารถทำได้ 11 ธ.ค.2556
การเมือง,สิทธิมนุษยชน,การศึกษา
ชักธงดำ,ธรรมศาสตร์,สมคิด เลิศไพฑูรย์,อั้ม เนโกะ
https://prachatai.com/journal/2013/12/50368
เอเจ ขึ้นศาล ปฏิเสธข้อหามีเซ็กซ์กับสาววัย 15
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานวันที่ 18 พ.ค. ว่า อดัม จอห์นสัน ปีกทัพ แมวดำ ซันเดอร์แลนด์ ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยังคงอยู่ในเงื่อนไขของการประกันตัว หลังเดินทางมาขึ้นศาลชั้นต้น จากข้อหาล่วงละเมิดทางเพศเด็กสาวอายุไม่เกิน 16 ปี 3 กระทง และข้อหาล่อลวงอีก 1 กระทง,เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา แข้งวัย 27 ปี ได้ถูกตั้งข้อหาว่า มีเพศสัมพันธ์กับเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี 3 กระทง และอีก 1 กระทงจากคดีล่อลวง ทำให้ในวันนี้ เจ้าตัวจะต้องมาขึ้นให้การต่อศาลชั้นต้นที่แขวงปีเตอร์ลี ในเขตเดอร์แรม,เดอะ นอร์ธเทิร์น เอ็คโค สื่อของอังกฤษ เผยว่า จอห์นสันเดินทางมาขึ้นศาลพร้อมกับ สเตซีย์ ฟลาวเดอร์ส แฟนสาว วัย 25 ปี และไม่ได้ยื่นคำแก้ต่างอะไร ผิดกับฝั่งทนายความของเขาที่ชี้ชัดกับศาลว่า ลูกความของตนไม่ได้กระทำผิด โดยตัวของอดีตดาวเตะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังคงอยู่ในเงื่อนไขของการประกันตัวต่อไป แต่จะต้องกลับมาให้การอีกครั้งที่ศาลสูง เขตเดอร์แรม วันที่ 3 มิถุนายนนี้,สำหรับ จอห์นสัน ยังสามารถลงสนามรับใช้ทีมซันเดอร์แลนด์ ได้ตามปกติ โดยจะลงเล่นในเกม 2 นัดสุดท้ายของฤดูกาล ที่จะพบกับ อาร์เซนอล และ เชลซี
อดัม จอห์นสัน ยังคงอยู่ในเงื่อนไขการประกันตัวต่อไป หลังให้การปฏิเสธในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศเด็กอายุไม่เกิน 16 ปี 3 กระทง และข้อหาล่อลวง 1 กระทง โดยจะต้องกลับมาขึ้นศาลอีกครั้ง 3 มิ.ย.นี้…
null
พรีเมียร์ลีก,อังกฤษ,อดัม จอห์นสัน,แมวดำ,ซันเดอร์แลนด์,ข่าวกีฬา,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์,ข่มขืน,มีสัมพันธ์กับเด็ก,พรากผู้เยาว์,ล่วงละเมิดทางเพศ,ล่อลวงเด็ก
https://www.thairath.co.th/content/499625
ตัดต่อข้อมูล
มีเหตุวิกฤติน้ำมันแพง กลายเป็นกระแสโจมตีนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลมี คนนอก ที่ไม่รู้เรื่อง นำข้อมูลที่ทำปลอมขึ้นมาแชร์กันต่อสะพัดในโลกออนไลน์ เป็นความวุ่นวายอย่างหนักกับความปั่นป่วนของสื่อยุคใหม่ที่เผยแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง,กลายเป็นปัญหาขัดแย้งของคนในสังคม,พอมีเรื่องเกี่ยวข้องกับรัฐบาล ที่เป็นประเด็นกระแสสังคม จะมีกลุ่มไม่หวังดีโหมโรงเข้ามาร่วมเล่น สร้างข้อมูลเท็จ ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนมาโจมตีรัฐบาล และปล่อยข่าวทำให้คนสงสัยเคลือบแคลง หวังผลประโยชน์ทางการเมือง หวังดิสเครดิตรัฐบาล โดยไม่สนใจผลกระทบต่อความมั่นคง สิ่งที่ ทำปลอม ขึ้นมาจะสร้างความเสียหายต่อประเทศ ชาติมากน้อยขนาดไหน,ส่วนหนึ่งทำให้พี่น้องคนไทยแตกแยกแบ่งเป็นสีเสื้อแบ่งฝ่าย เกิดความตื่นตระหนก ส่วนหนึ่งมาจาก สื่อออนไลน์ จนทำให้รัฐบาลสั่งให้หน่วยงานความมั่นคง เฝ้าจับตาใกล้ชิดผู้ที่ทำทั้งภาพและข้อความของปลอม,พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกลาโหม ที่รับนโยบายตรงจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. และ รมว.กห. กำชับทุกหน่วยงานความมั่นคง ได้ติดตามดูแลการให้ข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จ บิดเบือน รวมทั้งข้อมูลที่สร้างความโกรธ เกลียดชังกันในสังคม,โดยเฉพาะการนำเสนอข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ทั้งข้อมูลเท็จ ไม่ครบถ้วน มีการบิดเบือน ตัดต่อเชื่อมโยงทั้งภาพ คลิปเสียง การอ้างคำพูด โดยพยายามสร้างความสนใจ นำเสนอในลักษณะเอามันส์ ใช้คำหยาบคาย ส่อเสียด เหยียดหยาม ทำให้เกิดคนมีอารมณ์โกรธเกลียดชังกันเองในสังคม,ทำให้สังคมเกิดความแตกแยก แตกสามัคคี โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย รัฐบาลฝากเตือนพี่น้องประชาชน อย่าไปคล้อยตาม ให้ศึกษาข้อมูลก่อนคอมเมนต์ ก่อนแชร์ เพราะหากมีเจตนาที่ไม่ดี บางข้อความเป็นความผิด ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 หรือกฎหมายอื่นๆ ในงานความมั่นคง,ทุกความผิดมีโทษหนักถึงจำคุก,วิจารณ์เพื่อความเมามัน สะใจ จะเป็นคดีความได้ ข้อมูลข่าวสาร ที่รวดเร็วในปัจจุบันเป็น ดาบสองคม หากเป็นประโยชน์จะเกิดผลดีต่อสังคม ถ้าเป็นข้อมูลเท็จ เพียงพริบตาสร้างปัญหาต่อความมั่นคงประเทศได้ ประชาชนทั่วไปควรช่วยกันตรวจสอบ หากพบกลุ่มที่สร้างข้อมูลที่เข้าข่ายความผิด ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ดำเนินการ,คอยเป็นหูเป็นตาช่วยประเทศชาติร่วมกัน.,เพลิงพยัคฆ์,[email protected]
เป็นข่าวที่ไม่น่าเกิดขึ้นกับพฤติกรรมของคนที่คิดสร้างข้อความปลอม น้ำมันแพง ก็เติมน้ำ พร้อมใส่รูปภาพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้คนเข้าใจว่าเป็นคำพูดของผู้นำประเทศ ในช่วงที่
null
สื่อออนไลน์,ข่าวปลอม,น้ำมันแพง,เลขที่ 1 วิภาวดีฯ,เพลิงพยัคฆ์
https://www.thairath.co.th/news/politic/1295591
ใบตองแห้ง: รวบรัดมัดผลเลือกตั้ง
128 พ.ร.ป.เลือกตั้ง ว่าขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 91 หรือไม่ประชาชนชาวไทยก็จะได้ลุ้นระทึก ตั้งแต่วันที่ 7 ว่าผู้ชนะ 349 เขต จะได้เป็น ส.ส.กี่คน เพราะ กกต.มีอำนาจแจกใบส้ม มีอำนาจตัดสิทธิ ฐานขาดคุณสมบัติ รวมทั้งอาจแขวนไว้ เพื่อสั่งเลือกตั้งใหม่ ภายใต้กรอบที่ต้องประกาศผลให้ได้ 95% ซึ่งแปลว่ามีอำนาจยักไว้ 17 เขต เมื่อหักเขต 8 เชียงใหม่ ที่แจกใบส้มเพื่อไทยไปแล้ว ก็เหลืออีก 16 เขตกกต.ประกาศผลเท่าไหร่ ก็ต้องเอาคะแนนมารวมกันใหม่ สมมติประกาศ 333 เขต ก็บวกเลขใหม่ มีผู้ใช้สิทธิกี่คน บัตรดีกี่ใบ สัดส่วน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 1 คนต้องใช้คะแนนเท่าไหร่ พรรคไหนได้ popular vote เท่าไหร่ ได้ ส.ส.เขตไปแล้วกี่คน เพื่อเตรียมคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 150 คนแต่ตัวเลขเหล่านี้ ต้องกอดไว้ข้ามคืน เพื่อรอคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ในเช้าวันพุธ หลังเลือกตั้งมา 45 วัน ยังไม่มีใครรู้วิธีนับคะแนน จะรู้ในเช้าวันที่ 45 ถ้าศาลชี้ว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ กกต.ก็ใช้เครื่องคิดเลขได้ทันทีที่ไหนได้ ส.ส.เขต ประชาชนเลือกแล้วยังต้องให้มหาเทพ 7 ตนรับรอง แค่ต้องสงสัย เชื่อได้ว่าไม่สุจริต ก็แจกใบเหลืองใบส้ม เท่านั้นไม่พอ มารู้ทีหลังว่า ถ้าผู้สมัคร ส.ส.ถือหุ้นบริษัทรับเหมา บริษัทบ้านจัดสรร แต่จดทะเบียนมีวัตถุประสงค์ทำสื่อด้วย ก็ขัดรัฐธรรมนูญ ถูกตัดสิทธิตามตัวอักษรอ้อ เลือกตั้งไปแล้วเดือนกว่า กกต.เพิ่งรู้ว่า ผู้สมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองมากกว่า 1 พรรค ทั้งที่เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 4-8 ก.พ. แล้ว กกต.ยังไปขู่เอาผิด ใครทำให้ประชาชนเสียสิทธิ ใครทำให้ผู้สมัครหาเสียงฟรี กกต.มีหน้าที่ตรวจสอบให้เสร็จก่อนเลือกตั้งไม่ใช่หรือส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ มีใครคิดบ้าง ว่าเลือกไปแล้วจะเจอสูตรพิสดารที่ กรธ.หมกไว้ ก็เห็นแต่คำโฆษณาสวยหรู สมมติมีผู้ใช้สิทธิ 35 ล้าน มี ส.ส.ได้ 500 คน 7 หมื่นคะแนนได้ ส.ส.1 คน ถ้ามีพรรคไหนได้ ส.ส.เขตเกินจำนวน ส.ส.พึงมี ก็ลดเก้าอี้เฉลี่ยกันไปไม่รู้เฉลี่ยแบบไหน พรรคอนาคตใหม่จะโดนลดจาก 58 เหลือ 50 คะแนนเสียงตกน้ำเกือบ 6 แสน พรรคประชาธิปัตย์โดนลดจาก 22 เหลือ 19 คะแนนตกน้ำ 2.5 แสน แต่พรรคที่ได้ไม่เต็มคน ได้แค่เศษทศนิยม กลับได้เพิ่มเป็น 1 คนถึง 11 พรรคซึ่งถ้าเช้าวันพุธ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ กกต.ก็คำนวณปุบปับ ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ ขืนโวยวายว่าไม่เป็นธรรมก็อาจโดน คสช.แจ้งจับฐานหมิ่นศาล ถ้าพรรคอนาคตใหม่ออกแถลงการณ์ว่าประชาชนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งยอมรับไม่ได้ ก็อาจโดนรุมกระหน่ำ ว่าปลุกระดม แบ่งแยกประชาชน จะเล่นการเมืองท้องถนน ตามรอยแม้วหรือแพ้แล้วพาล แบบไม่ยอมรับการนับคะแนนที่นครปฐม ทั้งที่แพ้ 4 คะแนน เห็นกันจะจะ แต่ กกต.ก็ไม่ยักชี้แจงว่านับครั้งที่สอง บัตรเพิ่มมาได้ไง 25 ใบพูดไปก็โดนหาว่าแพ้ประชามติแล้วพาล ใครว่าบัตรใบเดียวได้เลือกนายกฯ 250 ส.ว.ต่างหาก เป็นผู้ชี้ขาด ลุงป้อมสรรหา ลุงตู่เลือก อดีต สนช.สปท.สปช. หน้าซ้ำๆ นอนยิ้มรอ SMS เพื่อไปประชุมเลือกนายกฯ สืบทอดอำนาจ ที่หอใหญ่ธรรมศาสตร์ สถานที่ประวัติศาสตร์ของวีรชนประชาธิปไตย
กกต.จะประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.เขตในวันที่ 7 พ.ค.นี้ แล้ววันรุ่งขึ้น 8 พ.ค.ก็จะประกาศรายชื่อ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ โดยเช้าวันเดียวกันนั้น ศาลรัฐธรรมนูญก็จะวินิจฉัยสูตรคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ตามมาตรา
การเมือง,สิทธิมนุษยชน
ใบตองแห้ง,เลือกตั้ง 62
https://prachatai.com/journal/2019/05/82334
เป็นทหารต้องเสียสละเพื่อชาติ บิ๊กตู่ เสียใจ ฮ.ตกอินทนนท์ดับ 5 นาย
เมื่อวันที่ 15 ส.ค.2559 พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้รับรายงานกรณีพบศพผู้เสียชีวิต จำนวน 5 ราย จากเหตุเฮลิคอปเตอร์ ยูเอช-72 ลาโกต้า ของกองทัพบกตกที่ จ.เชียงใหม่ แล้ว จึงขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งไปยังครอบครัวผู้เสียชีวิต และรู้สึกห่วงใยที่แต่ละครอบครัวต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ส่วนตัวไม่อยากให้เกิดความสูญเสีย แต่เรื่องบางอย่างไม่สามารถกำหนดได้,รัฐบาลและกองทัพ จะให้ความช่วยเหลือดูแลอย่างดีที่สุด กำลังพลทั้ง 5 นาย เป็นผู้ที่เสียสละเพื่อแผ่นดิน เพราะการเสียชีวิตครั้งนี้ ถือเป็นการสูญเสียระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หลังจากภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ อ.ปาย และ อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ทั้งนี้เฮลิคอปเตอร์ที่เกิดเหตุถือเป็นลำใหม่และทันสมัย จึงอาจเกิดจากปัญหาสภาพอากาศหรือเทคนิค พล.ต.สรรเสริญ กล่าว,พล.ต.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า จากนี้เจ้าหน้าที่จะสอบสวนหาข้อเท็จจริงและหาทางป้องกันต่อไป อย่างไรก็ตามนายกฯ รู้สึกเสียใจในทุกเรื่องทั้งกรณีนี้หรือเหตุระเบิด แต่ประเทศชาติต้องเดินต่อไป จึงอยากให้ประชาชนเป็นกำลังใจให้กันและกัน ส่วนรัฐบาลก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด. 
โฆษกสำนักนายกฯ เผย ลูกน้องตาย 5 นายกฯตู่ แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง รู้สึกห่วงใย แต่ละครอบครัวต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก เผย เป็นทหารต้องเสียสละเพื่อชาติ-แผ่นดิน พร้อมให้ความช่วยเหลือครอบครัวอย่างดีที่สุด
null
เฮลิคอปเตอร์ตก,ทหารเสียชีวิต,เสียชีวิต5ราย,นายกฯเสียใจ,เสียใจอย่างสุดซึ้ง,ประยุทธ์ จันทร์โอชา,นายกรัฐมนตรี,สรรเสริญ แก้วกำเนิด,โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี,ข่าว,ไทยรัฐ,ไทยรัฐออนไลน์,ข่าวทั่วไทย
https://www.thairath.co.th/content/691908
บาเยิร์น แม่นจุดโทษชนะ รีลมาดริด 3-1 เข้าชิงฯยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก
ที่สนามซานติอาโก้ เบอนาบิว รีล มาดริดว่าที่แชมป์ ลาลีก้า ปีนี้ พบกับ บาเยิร์น มิวนิค รองจ่าฝูง บุนเดสลีก้า โดยนัดแรก บาเยิร์น เป็นฝ่ายชนะมาได้ก่อน 2-1 ผลปรากฏว่า เกมนี้ จบ 90 นาที เป็น รีล มาดริด ที่ชนะไป 2-1 ได้ 2 ประตูจากผลงานของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ นาทีที่ 6 และ 14 ส่วน บาเยิร์น ได้ประตูจาก อาร์เยน ร็อบเบน นาทีที่ 27 ทำให้ประตูรวม 2 นัดเท่ากันที่ 3-3 ต้องต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที แต่ไม่มีผู้ทำประตูเพิ่มได้เมื่อจบ 120 นาทีทำให้ต้องตัดสินกันด้วยการดวลจุดโทษและเป็น บาเยิร์น ที่ยิงได้แม่นกว่าก่อนจะเป็นฝ่ายชนะไป 3-1 ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับเชลซี ที่สนาม อลิอันซ์ อารีน่า บ้านของตนเอง วันที่ 19 พฤษภาคม นี้ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์ได้เผยแพร่ภาพแฟน ๆ ของทีมเสือใต้ บาเยิร์น มิวนิก ที่ไปรวมตัวกันเชียร์ทีมรักที่ร้านอาหาร โดยแฟน ๆต่างร่วมลุ้นผลการแข่งขันตลอด 120 นาที รวมไปถึงช่วงการยิงจุดโทษชี้ขาด และ เมื่อผลการแข่งขันเป็นไปตามที่ต้องการแฟนๆต่างพากันฉลองการเข้าชิงชนะเลิศกันอย่างเต็มที่
ฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยน ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 บาเยิร์น มิวนิค ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ หลังจากชนะ รีล มาดริด ในการดวลจุดโทษชนะ 3-1 ดับฝัน มูรินโญ่ ในการเจอกับเชลซี ทีมเก่า
กีฬา
บาเยิร์น,ฟุตบอล,มูรินโญ่,ยูฟ่าแชมเปี้ยน,รีลมาดริด,เชลชี
https://news.thaipbs.or.th/content/81071
ยิงปืนใหญ่ ถวายพระเกียรติ นาทีละ 1 นัด งานพระราชพิธีฯ
วันที่ 26 ตุลาคม ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร บริเวณกลางท้องสนามหลวง หลายคนอาจได้เห็นขบวนทหารปืนใหญ่ยิงปืนใหญ่สลุตถวายพระเกียรติ แสดงความอาลัย ,ทั้งนี้ ในพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมโกศ โดยริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ไปยังพระเมรุมาศ เพื่อถวายพระเพลิงพระบรมศพ จะมีการยิงปืนใหญ่ถวายพระเกียรตินาทีละ 1 นัด ตลอดเวลา จนเมื่ออัญเชิญพระบรมโกศไปเทียบยังพระมหาพิชัยราชรถ หน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม จึงหยุดยิง ,และเมื่อ เลขาธิการพระราชวัง กราบบังคมทูลขอพระราชทานพระราชานุญาตเชิญเสด็จและยาตราริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศอัญเชิญพระบรมโกศโดยพระมหาพิชัยราชรถไปยังพระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง เมื่อเคลื่อนขบวนทหารปืนใหญ่ยิงปืนใหญ่ถวายพระเกียรตินาทีละ 1 นัด จนกว่าพระบรมโกศขึ้นประดิษฐานบนพระจิตกาธานในพระเมรุมาศแล้วจึงหยุดยิง,จากนั้นเวลา 17.30 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดําเนินจากพระที่นั่งทรงธรรม ไปขึ้นพระเมรุมาศ ทรงวางเครื่องราชสักการะพระบรมศพ จากนั้น ทรงจุดธูปเทียนดอกไม้จันทน์ถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และมีการยิงปืนเล็กยาว 9 นัด พร้อมกันกับทหารปืนใหญ่ยิงปืนใหญ่ถวายพระเกียรติ 21 นัด,ทั้งนี้ ในประเทศไทยมีการยิงสลุตครั้งแรกในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ก่อนถูกยกเลิกไป และกลับมารื้อฟื้นขึ้นอีกครั้งในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4,ต่อมา รัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ตราพระราชกำหนดการยิงสลุตขึ้นใหม่ คือ การยิงสลุต ร.ศ.131 (พ.ศ. 2455) กำหนดให้มีจำนวนปืนไม่ต่ำกว่า 4 กระบอก ซึ่งมีขนาดลำกล้องไม่เกิน 120 มิลลิเมตร ห้ามยิงตั้งแต่เวลาพระอาทิตย์ตกไปแล้วจนถึงพระอาทิตย์ขึ้น แบ่งประเภทการยิงสลุตไว้ 3 ประเภท คือ,- สลุตหลวง แบ่งเป็น 2 ชนิด คือ สลุตหลวงธรรมดา มีจำนวน 21 นัด และสลุตหลวงพิเศษ มีจำนวน 101 นัด (ต่อมาในรัชกาลที่ 7 เพื่อเป็นการประหยัดดินปืน จึงไม่ทรงให้ยิงสลุตหลวงพิเศษ),- สลุตข้าราชการ,- สลุตนานาชาติ,พระราชกำหนดยิงสลุต ร.ศ.131 (พ.ศ. 2455) ได้ถูกยกเลิกไปเมื่อ พ.ศ. 2483 ดังนั้นประเพณียิงสลุตจึงได้ถูกยกเลิกไป แต่เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ยุติลง ทางราชการจึงรื้อฟื้นประเพณียิงสลุตขึ้นมาใหม่ ซึ่งเริ่มยิงสลุตครั้งแรกในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2491 เนื่องในพระราชพิธีวันเฉลิมพระชนมพรรษาของรัชกาลปัจจุบัน ดังนั้นประเพณีการยิงสลุตจึงสืบทอดจากนั้นมาจนทุกวันนี้,โดยกำหนดข้อบังคับไว้โดยสรุปดังนี้ กองทหารซึ่งมีหน้าที่ยิงสลุต เฉพาะเมื่อรับงานหนึ่งๆ การยิงสลุต ให้ใช้ปืนไม่ต่ำกว่า 2 กระบอก โดยปกติห้ามมิให้มีการยิงสลุตในระหว่างเวลาตั้งแต่พระอาทิตย์อัสดงคตไปจนถึงเวลาธงขึ้น คือ 8 นาฬิกา เว้นแต่เป็นการพิเศษที่มีคำสั่งกระทรวงกลาโหมเฉพาะคราว.
ขบวนทหารปืนใหญ่ ยิงปืนใหญ่ ถวายพระเกียรติ แสดงความอาลัย นาทีละ 1 นัด งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ
ข่าว,ทั่วไทย
รัชกาลที่9,ในหลวง ร.9,พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ,ส่งใจสู่ฟ้าอาลัยพ่อ,ยิงปืนใหญ่,ข่าวรัชกาลที่9
https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1108907
โผล่อีก ไข่เจียวจานละร้อย พ่อเมืองพัทลุงจ่อลงดาบหนัก
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 27 ม.ค. 58 ผู้สื่อข่าวรายงายงานว่า นายจักรพันธ์ ชุมแก่น อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 65/2 ม.3 ต.นาโหนด อ.เมือง จ.พัทลุง ได้เข้าพบกับผู้สื่อข่าว เพื่อเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง เข้าไปตรวจสอบการจำหน่ายอาหารที่บริเวณเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ต.พนางตุง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ซึ่งมีราคาแพงผิดปกติ หากขืนปล่อยให้สถานการณ์เป็นไปเช่นนี้ จะส่งผลเสียหายต่อการท่องเที่ยวของ จ.พัทลุง,นายจักรพันธ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24 ม.ค. 58 ที่ผ่านมา ตนและเพื่อนๆ รวม 6 คน ได้เดินทางไปท่องเที่ยวที่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าทะเลน้อย ต.ทะเลน้อย อ.ควนขนุน ซึ่งอยู่ห่างจากเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย อ.ควนขนุน ประมาณ 2 กิโลเมตร จากนั้นได้เข้ามาสั่งอาหารรับประทานในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ภายในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย โดยก่อนที่จะสั่งอาหารตนได้ราคาในเมนูอาหารเป็นที่เรียบร้อย แต่พอเจ้าของร้านมาคิดราคาอาหาร กลับมีราคาสูงกว่าราคาอาหารในเมนู,แกงเหลือง (แกงส้ม) มีราคาสูงถึงถ้วยละ 200 บาท ผัดผักรวมที่ใช้ก้านบัวมาผัดรวมด้วยมีราคาสูงถึงจานละ 200 บาท ผัดเผ็ดปลาหมึกจานละ 200 บาท ข้าวเปล่าโถละ 80 บาท ปลาชะโอนทอดขมิ้นจานละ 200 บาท ไข่เจียวจานละ 100 บาท เป็นต้น รวมค่าอาหารทั้งสิ้น 1,160 บาท ตนเกรงว่าจะมีปัญหากับเจ้าของร้านเลยจ่ายเงินไป จึงอยากให้ทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบราคาร้านอาหารดังกล่าวด้วย นายจักรพันธ์ กล่าว,ด้าน นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผวจ.พัทลุง กล่าวว่า หลังจากได้ดูใบเสร็จรับเงินแล้ว ต้องยอมรับว่าค่าอาหารดังกล่าวแพงเกินความเป็นจริง โดยเฉพาะข้าวเปล่าและไข่เจียวนั้น ไม่น่ามีราคาแพงถึงขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ ตนได้เน้นย้ำให้ผู้ประกอบการร้านอาหารในบริเวณดังกล่าว ห้ามเอาเปรียบผู้บริโภคไปแล้ว ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น ตนได้มอบหมายให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดพัทลุง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนท.งานคุ้มครองผู้บริโภค และ ตร.สภ.ทะเลน้อย เข้าไปตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว หากเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริง ก็ให้ดำเนินการตามกฎหมายกับเจ้าของร้านอาหารดังกล่าวอย่างเฉียบขาด,ทั้งนี้ เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อร้านค้าอื่นๆ เพราะในเดือน ก.พ. – เม.ย. 58 นี้ ทางจังหวัดฯ ได้กำหนดการจัดงานเทศกาลล่องเรือแลนก ทะเลน้อย ประจำปี 2558 ขึ้น หากสภาพราคาอาหารเป็นอยู่แบบนี้ ก็จะส่งผลกระทบต่อการจัดงานเทศกาลดังกล่าวอย่างแน่นอน,ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ปัญหาราคาแพงสุดโหดของร้านอาหารบางร้าน ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย อ.ควนขนุน นั้น มีมานานแล้ว แต่หน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบ ไม่เคยเข้าไปแก้ปัญหาดังกล่าว โดยอ้างว่ายังไม่มีการร้องเรียนจากผู้บริโภค ในขณะที่เทศบาลตำบลพะนางตุง ที่รับผิดชอบพื้นที่ดังกล่าว ก็พยายามเข้าไปแก้ปัญหาดังกล่าว แต่ก็ไม่สำเร็จ ในขณะที่ร้านอาหารบางร้านก็มีการปลูกสร้างบนที่สาธารณะ บางร้านก็ออกมาห้ามมิให้นักท่องเที่ยวเข้าไปจอดในบริเวณข้างร้านค้า หากไม่ได้เข้าไปใช้บริการในร้านอาหาร ทั้งๆ ที่บริเวณดังกล่าวเป็นที่สาธารณประโยชน์ก็ตาม จนเป็นที่เอือมระอาของชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์.
มหาแพง! ลูกค้าโวย ราคาในร้านอาหารเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย อ.ควนขนุน ข้าวเปล่าโถละ 80 บาท ไข่เจียวจานละ 100 บาท ผวจ.พัทลุง สั่งตรวจสอบเกรงกระทบการท่องเที่ยว ถ้าผิดจริงดำเนินการขั้นเฉียบขาด
ข่าว,ทั่วไทย
อาหารแพง,ราคาแพง,พัทลุง,เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย,ควนขนุน,พนางตุง,มหาแพง,แพง,การท่องเที่ยว,นายวินัย บัวประดิษฐ์,ไทยรัฐออนไลน์
https://www.thairath.co.th/news/local/477471
ฮอดจ์สัน เผย วาร์ดี เดี้ยงส่อชวดยิง กระทิงดุ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันที่ 12 พ.ย. ว่า รอย ฮอดจ์สัน ผู้จัดการทีมชาติอังกฤศ เปิดเผยว่า เจมี วาร์ดี กองหน้าจอมถล่มประตูของ จิ้งจอกสยาม เลสเตอร์ ซิตี้ มีปัญหาอาการบาดเจ็บ ไม่น่าที่จะลงช่วยทีมสิงโตคำรามได้ ในเกมอุ่นเครื่องที่จะบุกไปเยือน กระทิงดุ สเปน ในวันศุกร์นี้,วาร์ดี ที่ซัดไปแล้ว 12 ประตู นำเป็นดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก อังกฤษ อยู่ในเวลานี้ ได้รับบาดเจ็บจากเกมลีกนัดล่าสุดที่ เลสเตอร์ เอาชนะ วัตฟอร์ด ไป 2-1 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุด ฮอดจ์สัน เปิดเผยว่า วาร์ดี้ ไม่น่าจะลงเล่นได้ในเกมพบ สเปน วันศุกร์นี้  นอกจากนี้เขายังจะพัก เวย์น รูนีย์ ในเกมนี้อีกด้วย แต่จะส่งลงสนามในเกมถัดไปที่จะพบกับฝรั่งเศสในวันอังคารหน้า,ฮอดจ์สัน เปิดเผยว่า  วาร์ดี พยายามเร่งฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บที่ได้รับมาจากเกมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา  เรากำลังตรวจสอบอาการของเขา แต่เขาไม่น่าจะลงเล่นได้ในวันศุกร์นี้ ส่วนรูนีย์จะได้พักในเกมวันศุกร์นี้ แต่จะได้ลงเล่นวันอังคารที่เจอกับ ฝรั่งเศส ที่สนามเวมบลีย์,ทั้งนี้ เกมอุ่นเครื่องระหว่าง สเปน พบ อังกฤษ  ไทยรัฐทีวี  จะถ่ายทอดสดให้ชมในวันศุกร์ที่ 13 พ.ย. นี้ เวลา 02.45 น. 
รอย ฮอดจ์สัน กุนซือทีมชาติอังกฤษ ระบุ เจมี วาร์ดี ดาวยิงของเลสเตอร์ ซิตี้ มีปัญหาอาการบาดเจ็บ ไม่น่าที่จะลงช่วยทีมสิงโตคำรามได้ในเกมอุ่นเครื่องกับ สเปน วันศุกร์นี้
null
รอย ฮอดจ์สัน,เจมี วาร์ดี,เวย์น รูนีย์,ทีมชาติอังกฤษ,ทีมชาติสเปน,ข่าวกีฬา,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์
https://www.thairath.co.th/content/539081
ออมสิน เชื่อแก้หนี้สินครูคลี่คลาย คาดต้นปีหน้า หลุดเอ็นพีแอล
วันที่ 7 ธ.ค.58 นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู ว่า ปัจจุบันธนาคารมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) เดือน พ.ย.ปรับลดลงเหลือ 1.96% จากเดือน ต.ค.ที่เคยอยู่ในระดับ 2.03-2.04% ส่วนยอดหนี้ครูที่เป็นหนี้ค้างชำระเกิน 4 เดือน มีอยู่เพียง 0.29% หรือเป็นเงินจำนวน 1,300 กว่าล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับทั้งระบบเศรษฐกิจที่มีเอ็นพีแอลอยู่ 3% เนื่องจากทางกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้หักเงินเดือนส่งมาให้ธนาคารแทบทุกเดือน ดังนั้นปัญหาหนี้ครูจึงไม่ได้วิกฤติรุนแรง,อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ธนาคารออมสินได้หารือกับกระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ครู พร้อมทั้งได้ออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือ และแก้ไขปัญหาหนี้สินครู โดยได้ปิดโครงการไปแล้วเมื่อวันที่ 31 ต.ค. ที่ผ่านมา ปัจจุบันมีครู และบุคลากรทางการศึกษาเข้าร่วมโครงการดังกล่าวประมาณ 51,000 คน เป็นเงินประมาณ 7 หมื่นกว่าล้านบาท,คิดว่าหนี้ครู ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะครูเป็นส่วนหนึ่งของข้าราชการ ณ วันนี้ถ้าคนค้างเยอะก็ไม่ได้ฟ้องร้อง แต่แค่ทวงถาม ซึ่งเขาก็กลับมาแก้ไข เพราะฉะนั้นปัญหาครูเริ่มคลี่คลายไปได้ด้วยดี และเชื่อว่าภายในต้นปีหน้าจะแก้ไขหนี้ครู เพื่อให้หลุดจากการเป็นเอ็นพีแอล ได้อย่างเบ็ดเสร็จ,ทั้งนี้ ธนาคารยังได้ทยอยกันสำรองเผื่อหนี้สูญอยู่ตลอด เป็นไปตามกฎเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และถือว่าเพียงพอ เพราะยังมีสำรองส่วนเกินสูงถึง 130-140% ของเกณฑ์สำรองปกติ จึงมั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของธนาคาร,สำหรับมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม โดยกลุ่มแรก เป็นระดับที่ถูกฟ้องแล้วเป็นหนี้รุนแรงอยู่ในขั้นวิกฤติ ซึ่งทั้งระบบมีอยู่ประมาณ 1 พันกว่าคน แต่ในจำนวนดังกล่าวเป็นลูกค้าของธนาคารออมสินไม่ถึง 1 พันคน ซึ่งในลูกค้ากลุ่มดังกล่าวได้ผ่อนปรนให้ลูกค้าจ่ายเฉพาะเงินต้น และยกเว้นดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 ปี ส่วนกลุ่มที่สอง เป็นกลุ่มลูกหนี้ใกล้วิกฤติ และมีหนี้ค้างชำระเกินกว่า 1 ปี ให้ลูกค้าผ่อนชำระแต่ดอกเบี้ยเพียงครึ่งหนึ่ง เป็นเวลา 2 ปี ส่วนกลุ่มที่สาม เป็นกลุ่มที่ค้างชำระไม่เกินไม่เกิน 3 เดือน และกลุ่มที่สี่ เป็นกลุ่มลูกหนี้ปกติ ยังไม่ได้ผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มดังกล่าวได้ผ่อนปรนให้เลือกจ่ายเฉพาะดอกเบี้ยเป็นเวลา 2 ปี เป็นต้น.
ธนาคารออมสิน เชื่อ ต้นปีหน้าแก้หนี้สินครู หลุดจากเอ็นพีแอล ชี้ อยู่ในขั้นวิกฤติถูกฟ้องไม่ถึงพันคน มีหนี้ค้างชำระเกิน 4 เดือนเพียง 0.29% เป็นเงิน 1.3 พันล้าน ยัน สำรองส่วนเกินสูงถึง 130-140% ไม่กระทบฐานะแบงก์
null
หนี้ครู,หนี้สินครู,หนี้สิน,แก้ปัญหาหนี้สิน,เอ็นพีแอล,ชาติชาย พยุหนาวีชัย,ธนาคารออมสิน,กระทรวงศึกษาธิการ,ศธ.,สกสค.,ธนาคารแห่งประเทศไทย,ธปท.,ข่าว,ข่าวเศรษฐกิจ,ไทยรัฐออนไลน์
https://www.thairath.co.th/content/545793
เปิดแผน 10 ปีกองทัพผูกพัน ล้านล้าน ชงซื้ออาวุธอื้อ
เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจเผย กลาโหมชงแผนพัฒนากองทัพ 10 ปี เผยงบผูกพันพุ่งทะลุ ล้านล้าน ตั้งซื้ออาวุธเพียบ ทบ.นำโด่งเฉียด 5 แสนล้าน2 ก.พ. 54 -รายงานว่า ในขณะที่รัฐบาลกำลังเตรียมจัดทำแผนงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 ฝ่ายกองทัพ โดยสำนักงานนโยบายและแผน กระทรวงกลาโหม ก็ได้ดำเนินการจัดทำร่าง แผนพัฒนาขีดความสามารถกระทรวงกลาโหม ปี 2554-2563 (Modernization Plan : Vision 2020) และนำเสนอร่างดังกล่าวในการประชุมสภากลาโหมครั้งที่ 1/2554 ณ ห้องภาณุรังษี ศาลาว่าการกลาโหม เมื่อวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แผนพัฒนาขีดความสามารถดังกล่าว นำเสนอโดย พล.ต.ชัยชาญ ช้างมงคล ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักนโยบาย และแผนกลาโหม โดยในร่างเอกสารบรรยายสรุประบุว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม อนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กองบัญชาการกองทัพไทย และเหล่าทัพต่างๆ จัดทำแผนพัฒนาในห้วงระยะเวลา 10 ปี เพื่อใช้เป็นพื้นฐานในการพัฒนาเสริมสร้างหน่วยให้มีความสมบูรณ์ พร้อมรบ โดยพิจารณาวางแผนภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณที่คาดการณ์ว่า สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กองทัพไทย และเหล่าทัพ จะได้รับจัดสรรในห้วงระยะเวลา 10 ปีคำบรรยายสรุประบุด้วยว่า จากการประมาณการของสำนักงบประมาณกลาโหมบนสมมุติฐานที่จะได้รับการสนับสนุน งบประมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปีจนถึงปีงบประมาณ 2563 กระทรวงกลาโหมจะได้รับการสนับสนุนงบประมาณคิดเป็นร้อยละ 2 ของจีดีพีผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับการตั้งเป้าหมายได้รับการสนับสนุนงบประมาณให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 2 ของจีดีพี มีแรงผลักดันจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) มาโดยตลอด โดยให้เหตุผลว่า ประเทศเพื่อนบ้านมีการเพิ่มงบประมาณทางการทหารเมื่อเทียบกับสัดส่วนจีดีพี อย่างต่อเนื่อง หากประเทศไทยยังคงสัดส่วนงบประมาณทางการทหารเมื่อเทียบกับจีดีพีในระดับต่ำ จะไม่สามารถสร้างดุลอำนาจกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีการเสริมกำลังรบอย่างต่อ เนื่องได้ทั้งนี้คาดว่าจะมีงบประมาณที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กองบัญชาการกองทัพไทย และเหล่าทัพ(กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ) ได้รับจัดสรรสำหรับดำเนินโครงการทั้งสิ้น 670571.9 ล้านบาท แบ่งเป็น งบโครงการปกติ ร้อยละ 40 จำนวน 268228.7 ล้านบาท และงบโครงการเสริมสร้างกำลังกองทัพ ร้อยละ 60 จำนวน 402343.2 ล้านบาทสำหรับร่างแผนพัฒนาขีดความสามารถกระทรวงกลาโหม ปี 2554-2563 ได้กำหนดความต้องการโครงการพัฒนา และจัดหายุทโธปกรณ์หลักของกระทรวงกลาโหม แบ่งเป็นความต้องการระดับสูงสุด 332 โครงการ วงเงิน 1307731.413 ล้านบาทและความต้องการระดับต่ำสุด 301 โครงการ วงเงิน 770392.413 ล้านบาท ซึ่งความต้องการดังกล่าว ประกอบด้วย1.ความต้องการโครงการในส่วนของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม 33 โครงการ วงเงิน 14753.923 ล้านบาท โดยแบ่งโครงการออกเป็น 3 ด้าน ดังนี้ 1.1 โครงการด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และพลังงานทหาร 16 โครงการ วงเงิน 9109.923 ล้านบาท 1.2 โครงการด้านวิทยาศาตร์ และเทคโนโลยีป้องกันประเทศ 3 โครงการ วงเงิน 1394 ล้านบาท 1.3 โครงการด้านกิจการอวกาศ เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร 14 โครงการ วงเงิน 4250 ล้านบาท2.ความต้องการยุทโธปกรณ์หลักของกองทัพไทย ซึ่งได้กำหนดขีดความสามารถที่ต้องการ และกำหนดความต้องการยุทโธปกรณ์หลักของกองทัพไทย โดยแบ่งความต้องการออกเป็นความต้องการระดับสูงสุด และความต้องการระดับต่ำสุด 2.1 ความต้องการระดับสูงสุด 299 โครงการ วงเงิน 1292977.49 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการของกองบัญชาการกองทัพไทย 32 โครงการ วงเงิน 30022.24 ล้านบาท โครงการของกองทัพบก 157 โครงการ วงเงิน 497358 ล้านบาท โครงการของกองทัพเรือ 48 โครงการ วงเงิน 325523 ล้านบาท และโครงการของกองทัพอากาศ 62 โครงการ วงเงิน 440074.25 ล้านบาท2.2 ความต้องการระดับต่ำสุด 268 โครงการ วงเงิน 755638.49 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการของกองบัญชาการกองทัพไทย 27 โครงการ วงเงิน 18567.39 ล้านบาท โครงการของกองทัพบก 137 โครงการ วงเงิน 273664 ล้านบาท โครงการของกองทัพเรือ 41 โครงการ วงเงิน 176153 ล้านบาท และโครงการของกองทัพอากาศ 63 โครงการ วงเงิน 287254.1 ล้านบาทผู้สื่อข่าวรายงานว่า แผนพัฒนาขีดความสามารถดังกล่าว มีโครงการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ และการจัดตั้งหน่วยทหารขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นที่จับตาของกลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลอย่างมาก โดยเฉพาะโครงการจัดตั้ง พล.ร.7 ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน และ พล.ม.3 ในพื้นที่ภาคอีสาน ที่ทางกองทัพให้เหตุผลว่าเป็นการจัดตั้งตามยุทธศาตร์ป้องกันประเทศเพื่อให้ ดุลอำนาจด้านกำลังรบทัดเทียมกับประเทศเพื่อนบ้านทางทิศตะวันตก และตะวันออก แต่ฝ่ายการเมืองตรงข้ามมองว่าเป็นการหวังผลทางการเมือง โดยเฉพาะการเพิ่มกำลังเพื่อควบคุมความเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนเสื้อแดงที่มี อยู่อย่างหนาแน่นในพื้นที่ภาคเหนือ และอีสาน อันเป็นฐานคะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทยด้วยทั้งนี้สำหรับที่ตั้งกองบัญชาการ(บก.) ของ พล.ร.7 จะมีการปรับจากฐานที่ตั้งเดิมของค่ายกรมรบพิเศษที่ 5 อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ส่วนที่ตั้ง บก.พล.ม.3 จะปรับจากฐานที่ตั้งเดิมของค่ายกรมทหารม้าที่ 6 อ.เมือง จ.ขอนแก่น ขณะที่โครงการจัดหายุทโธปกรณ์ของแต่ละเหล่าทัพภายใต้วงเงินงบประมาณจำนวนมาก ก็เป็นที่น่าจับตาเช่นกันโดยกองทัพบก มีโครงการจัดหายานเกราะล้อยาง รุ่นบีทีอาร์ 3 อี 1 จากประเทศยูเครน เฟสที่ 2 จำนวน 121 ด้วยวงเงินเกือบ 5000 ล้านบาท ทั้งที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่ายานเกราะล้อยางเฟสที่ 1 จำนวน 96 คัน ยังไม่ได้รับการส่งมอบ และเลื่อนนัดส่งมอบมาแล้วหลายครั้ง เนื่องจากการเปลี่ยนสเป็คเครื่องยนต์ ทั้งยังมีการพัฒนาระบบเฝ้าตรวจชายแดน ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ ระบบป้องกันภัยทางอากาศ เป็นต้นส่วนกองทัพเรือ น่าจับตาว่าอาจมีการการจัดหาเรือดำน้ำ ซึ่งกองทัพเรือเสนอความต้องการมานาน แต่เนื่องจากต้องใช้งบประมาณมหาศาล จึงไม่ได้รับการอนุมัติ ประกอบกับข้อสังเกตว่าระดับน้ำที่ตื้นของอ่าวไทย อาจไม่เหมาะต่อการปฏิบัติภารกิจของเรือดำน้ำ นอกจากนี้ ยังมีโครงการปรับปรุง ร.ล.จักรีนฤเบศร การจัดหาเรือฟริเกต ฮ.ประจำเรือ เครื่องบินโจมตีผิวน้ำ ฯลฯ ที่ต้องใช้งบประมาณมหาศาลสำหรับกองทัพอากาศ มีโครงการขนาดใหญ่ คือ การจัดหาเครื่องบินขับไล่เอนกประสงค์ ทดแทนเครื่องบินขับไล่แบบ 18 ก/ข (กริพเพน) (ระยะที่ 2) จำนวน 6 ลำ วงเงิน 16222 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2554-2558 รวมทั้งโครงการปรับปรุงขีดความสามารถ(อัพเกรด) เครื่องบินเอฟ 16 จำนวน 6 ลำ วงเงิน 6900 ล้านบาท ซึ่งตั้งเป็นงบผูกพันตั้งแต่ปีงบประมาณ 2554-2556 เป็นต้นด้านกองบัญชาการกองทัพไทย นอกจากการตั้งงบประมาณในภารกิจช่วยเหลือ และบรรเทาสาธารณภัยแล้ว น่าสังเกตว่า มีการตั้งงบประมาณเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการต่อต้านการก่อการร้ายสากล การปฏิบัติการด้านการข่าว และการต่อต้านข่าวกรองเพิ่มเติมด้วย
เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจเผย กลาโหมชงแผนพัฒนากองทัพ 10 ปี เผยงบผูกพันพุ่งทะลุ ล้านล้าน ตั้งซื้ออาวุธเพียบ ทบ.นำโด่งเฉียด 5 แสนล้าน 2 ก.พ.
การเมือง,ความมั่นคง
กองทัพ,งบประมาณกองทัพ
https://prachatai.com/journal/2011/02/32916
ผบ.ตร.ชี้สอบสวนคดียิงคนสนิท แทนคุณ มุ่งประเด็นขัดแย้งส่วนตัว
ช่วงบ่ายวันนี้ ( 12 ธ.ค.) หลังลงพื้นที่เกิดเหตุ พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงษ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรียก พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ตลอดจนผู้บังคับการศูนย์สืบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาลผู้กำกับการ สน.ดอนเมือง และ ฝ่ายสืบสวน สน.ดอนเมือง ฝ่ายสืบสวน ชุดนครบาล 2 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมเร่งรัดคดีคนร้ายบุกยิง นายชุติเดช สุวรรณเกิด ผู้ช่วยงานการเมืองนายแทนคุณ จิตต์อิสระ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และ อดีตช่วยงานการเมือง นายการุณ โหสกุล ส.ส.ดอนเมือง กทม.พรรคเพื่อไทย เสียชีวิตที่ลานจอดรถตลาดโกสุมรวมใจ เขตดอนเมือง เมื่อเย็นวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมาจากนั้น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า มีความคืบหน้าในคดีแล้ว แต่ยังไม่ต้องการสรุปประเด็นการสังหาร แต่ยอมรับว่าให้น้ำหนักกับเรื่องความขัดแย้งส่วนตัวมากกว่าประเด็นอื่น ขณะที่ พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ระบุว่า ได้เชิญผู้ที่คุยโทรศัพท์กับผู้ตาย ก่อนถูกยิงมาสอบปากคำแล้ว พบว่า เป็นการพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจรถบรรทุก ซึ่งเป็นประเด็นใหม่ที่ต้องค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมอีกด้วยและจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ออกมาประเมินสถานการณ์แล้วเชื่อว่า เหตุการยิงนายชุติเดช น่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวมากกว่าประเด็นอื่นสำหรับการค้นหาข้อมูลข่าวเกี่ยวกับคดี มีรายงานจากห้องประชุมฝ่ายปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องวันนี้ ผบ.ตร.ได้สั่งการการแบ่งหน้าที่กันออกสืบสวนสอบสวนแล้ว โดยเตรียมเรียกนายทหารที่ย่อ เสธ.บอ ที่มีเรื่องกับผู้ตายก่อนหน้านี้มาให้ปากคำ ส่วนนายการุณ และ นายแทนคุณ นั้นเข้าให้ปากคำแล้ว รวมถึงการตั้งประเด็นหากผู้ตายเสียชีวิตแล้วบุคคลใดจะได้รับประโยชน์ต้องเรียกสอบปากคำเพิ่มเติมเช่นกันนอกจากนั้นต้องเร่งตรวจสอบเส้นทางหลบหนี และ เตรียมประสานไปยัง กทม. เพื่อขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบริเวณใกล้เคียง ทั้งนี้ที่ประชุมยังได้ลงความเห็นตรงกันว่า ผู้สังหารต้องเป็นผู้ชำนาญ และ มีการวางแผนมาเป็นอย่างดีก่อนลงมือ
คดีคนร้ายบุกยิงนายชุติเดช สุวรรณเกิด ในท้องที่เขตดอนเมืองวันนี้ ( 12 ธ.ค.) ตำรวจยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง แม้จะให้น้ำหนักในประเด็นส่วนตัวเกี่ยวกับธุรกิจทั้งกิจการเปิดแผงพระเช่าและกิจการรถบรรทุก โดยรองนายกรัฐมนตรีประเมินสถานการณ์แล้วเชื่อว่า เป็นประเด็นส่วนตัว ขณะที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเรียกประชุมเร่งรัดคดีด้วยการแบ่งงานทั้งพื้นที่กองบังคับการ 2 และกองบัญชาการตำรวจนครบาล
อาชญากรรม
ชุติเดช สุวรรณเกิด,ถูกยิงเสียชีวิต,ผบ.ตร.,ผบช.น.,แทนคุณ จิตต์อิสระ
https://news.thaipbs.or.th/content/52418
คำแถลงคณาจารย์รัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ฝ่าวิกฤตการเมือง
หวังสังคมไทยผ่านเหตุเผชิญหน้าทางการเมืองอันล่อแหลม เคารพความเป็นมนุษย์และเพื่อนร่วมชาติ ไม่ต้องเข่นฆ่ากันเองให้เสียเลือดเนื้อเสียน้ำตาแม้สักคนเดียวหมายเหตุ: เมื่อ 8 มี.ค. ที่ผ่านมา คณาจารย์รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เผยแพร่คำแถลง คำแถลงคณาจารย์รัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ฝ่าวิกฤตการเมือง โดยมีข้อเสนอสำหรับทุกกลุ่มทุกฝ่าย 3 ข้อ มีรายละเอียดดังต่อไปนี้การนัดรวมพลังมุ่งสู่การชุมนุมใหญ่ในกรุงเทพฯของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ระหว่างวันที่ 12 ถึง 14 มีนาคมศกนี้เป็นต้นไป และการเตรียมมาตรการรับมือของรัฐบาลและหน่วยงานความมั่นคง ได้ก่อความวิตกกังวลกว้างขวางในสังคมว่าอาจนำไปสู่เหตุร้ายรุนแรงกระหน่ำซ้ำเติมความบอบช้ำทางการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศที่เผชิญภาวะพลิกผันปั่นป่วนทางการเมืองต่อเนื่องหลายระลอกในรอบ 5 ปีที่ผ่านมาท่ามกลางความหวาดหวั่นต่อความไม่แน่นอนของเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น ที่ประชุมคณาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ระดมความคิดเห็นเรื่องนี้และใคร่ขอเสนอต่อสังคมไทยว่า จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องผ่านเหตุการณ์ข้างหน้านี้ไปให้ได้ด้วยสติ ปัญญา ความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจเพื่อนร่วมชาติที่คิดเห็นแตกต่างจากเราทุกฝ่ายโดย ไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ เพื่อการนี้ เราเห็นว่าสังคมไทยควรเชื่อมั่นในภูมิธรรมสันติวิธีของตนเองและคนไทย ทุกกลุ่มทุกฝ่ายควรมั่นคงในแนวปฏิบัติท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองดังต่อ ไปนี้คือ1) ใช้สิทธิโดยไม่ใช้ความรุนแรง2) รักษากฎหมายโดยไม่ปราบปรามเข่นฆ่า3) หาทางออกทางการเมืองโดยไม่รัฐประหารเพื่อสังคมไทยจะสามารถผ่านพ้นเหตุเผชิญหน้าล่อแหลมทางการเมืองครั้งนี้ไป ได้อย่างเคารพในความเป็นมนุษย์และความเป็นเพื่อนร่วมชาติของกันและกัน โดยไม่ต้องเข่นฆ่ากันเองให้ต้องเสียเลือดเสียน้ำตาแม้สักคนเดียวคณาจารย์รัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์8 มีนาคม พ.ศ. 2553
คณาจารย์รัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ เผยแพร่ข้อเสนอสำหรับทุกกลุ่มทุกฝ่าย 3 ข้อ ใช้สิทธิโดยไม่ใช้ความรุนแรง รักษากฎหมายโดยไม่ปราบปรามเข่นฆ่า หาทางออกทางการเมืองโดยไม่รัฐประหาร
การเมือง
คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
https://prachatai.com/journal/2010/03/28051
หนุ่มอ่างทองชี้ คดีฆ่า ลูกเลี้ยง 6 ขวบ อุทาหรณ์ความรุนแรงในครอบครัว
วันที่ 12 ก.ย.58 นายเอ (นามสมมติ) อายุ 27 ปี พ่อของ ด.ช.ไนน์ (นามสมมติ) อายุ 6 ขวบ ที่ถูกนางสร้อย (นามสมมติ) อายุ 37 ปี พยาบาลวิชาชีพ 7 โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ที่เป็นแม่เลี้ยงบีบคอฆ่า จนตายคามืออย่างโหดเหี้ยมคาที่นอนในบ้านพัก เมื่อเช้าวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา สาเหตุจากเกิดความอิจฉาริษยาที่นายเอ ที่เป็นสามีให้ความรักกับเด็กซึ่งเป็นลูกชายมาก จนเกรงว่าจะแย่งความรักไปจากตัวเอง โดยนางสร้อย ต้องโทษรับกรรมตามกฎหมาย ต้องเสียทั้งคนที่รัก อาชีพการงาน และอิสรภาพในชีวิต ,ด้านนายเอ ฝากเตือน ขอให้การเสียชีวิตของน้องไนน์ เป็นอุทาหรณ์สอนใจ ของความรุนแรงในครอบครัว ให้เป็นคนสุดท้าย หากชีวิตคอบครัวที่มีลูกเลี้ยงหรือเป็นพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงนั้น ต้องทำใจรับสภาพของความเป็นจริงยอมรับเข้าให้ได้ เพื่อความสุขในชีวิตของทุกฝ่ายและพร้อมจะให้อภัยซึ่งกันและกัน พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เร่งทำการตรวจผลคดีจนกระจ่าง และประชาชนทุกคนที่ให้กำลังตนเองและครอบครัวในเหตุการณ์ครั้งนี้ ,ส่วนศพของน้องไนน์นั้นจะทำการเผาศพ ในวันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน เวลา 16.00 น. ที่เมรุวัดหลวง ตำบลศาลเจ้าโรงทอง อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง
พ่อเด็กชายวัย 6 ขวบใน จ.อ่างทอง ที่ถูกแม่เลี้ยงฆ่าบีบคอเสียชีวิต ฝากเตือนผู้ปกครองระวัง พ่อเลี้ยง-แม่เลี้ยง นำปัญหาความรุนแรงเข้ามาในครอบครัว ขอให้การเสียชีวิตของลูกชายเป็นอุทาหรณ์เตือนใจ
ข่าว,ทั่วไทย
แม่เลี้ยงบีบคอฆ่า,ฆ่าลูกเลี้ยงวัย 6 ขวบ,พยาบาลฆ่าลูกเลี้ยง,เด็กชายวัย 6 ขวบ,อุทาหรณ์เตือนใจ,ความรุนแรงในครอบครัว,อ่างทอง,แม่เลี้ยงอิจฉาลูกเลี้ยง,อ.วิเศษชัยชาญ,ข่าวทั่วไทย,ข่าว,ไทยรัฐออนไลน์
https://www.thairath.co.th/news/local/524762